บทท่ี ๒ เอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง การศกึ ษาเร่ือง “การพัฒนานวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา” ผู้วิจัยขอเสนอเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้องเพ่ือเป็นแนวทางในการกาหนดกรอบแนวคดิ ในการดาเนินการวจิ ัย โดยมีเน้อื หาสาคญั ในประเดน็ ต่างๆ ดงั นี้๒.๑ แนวคดิ เกย่ี วกับนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรยี นการสอน ๒.๑.๑ ความหมายนวัตกรรมการศกึ ษาด้านการเรยี นการสอน ๒.๑.๒ ประเภทนวตั กรรมการศกึ ษาดา้ นการเรียนการสอน ๒.๑.๒.๑ ด้านสอื่ สง่ิ ประดษิ ฐ์ ๒.๑.๒.๒ ด้านรปู แบบวิธีสอน ๑.ความหมายรปู แบบวธิ กี ารสอน ๒.ประเภทรูปแบบวธิ ีการสอน ๒.๑.๒.๓ ด้านทรัพยากร ๒.๑.๓. ลกั ษณะนวตั กรรมการศกึ ษาด้านการเรียนการสอน ๒.๑.๔ จุดมงุ่ หมายการศึกษาดา้ นการเรยี นการสอน ๒.๒.๕ กระบวนการพฒั นานวตั กรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน ๒.๒.๕.๑ ขัน้ ตอนท่ี ๑ ก่อนการพัฒนา ๒.๒.๕.๒ ขน้ั ตอนที่ ๒ การสรา้ งพฒั นา ๒.๒.๕.๓ ข้นั ตอนที่ ๓ หลงั การพฒั นา ๒.๒.๖ การประเมนิ การพฒั นาวตั กรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน๒.๒ ขอ้ มูลโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา ๒.๒.๑ ความเปน็ มาของโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรมแผนกสามญั ศกึ ษา ๒.๒.๒ ความหมายของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ๒.๒.๓ โครงสร้าง อานาจหนา้ ทีโ่ รงเรยี นพระปริยตั ิธรรมแผนกสามญั ศกึ ษา ๒.๒.๔ ข้อมลู พื้นทีก่ ารวจิ ัย๒.๓ งานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้อง ๒.๓.๑ งานวจิ ัยในประเทศ
๘ ๒.๓.๒ งานวิจัยในต่างประเทศ๒.๔ กรอบแนวคิดในการวิจยั๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอน ในยุคปฏิรูปการศึกษาทาให้นักวิชาการทุกฝ่ายท่ีเก่ียว ข้องกับการศึกษาต่างก็ตื่นตัวท่ีจะพัฒนางานด้านการศึกษา โดยเฉพาะครูผ้สู อนในทุกชว่ งช้ัน ทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ตา่ งก็พยามยามที่จะปฏิรูปการเรียนรู้ แตก่ อ่ นที่จะมีการปฏิรปู การเรยี นรู้กันนั้นครูผู้สอนซ่งึ ถอื เปน็ บคุ คลสาคญั อยา่ งยิ่งในการจกั การเรียนรใู้ ห้กบั ผเู้ รยี นจาเป็นต้องปฏริ ูปการสอนของตนเองเสยี กอ่ น ด้ังน้ันครูผู้สอนจงึ ตอ้ งจึงต้องพยายามท่ีจะคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ เพื่อนาไปใช้กับระบบการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ซึ่งนวตั กรรม ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการจดั การเรยี นรูน้ ัน้ มีหลายประเภทแตกตา่ งกันออกไป ๒.๑.๑ ความหมายนวตั กรรมการศึกษาดา้ นการเรยี นการสอน ความหมายของนวตั กรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน (Educational Innovation)มนี ักวิชาการทางการศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายไวท้ ่าน ดังนี้ คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้กล่าวไว้ว่า นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน หมายถึง แนวคิด ทฤษฎี ระบบ กระบวนการ เทคนิค วิธีการ แนวปฏิบัติ และสิ่งประดษิ ฐ์ทีพ่ ัฒนาขึ้นใหมเ่ พ่ือครแู ก้ปัญหาและพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา๑ ทิศนา แขมมณี ได้กลา่ วไว้ว่า นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรยี นการสอน หมายถึงกระบวนการ แนวคดิ แนวทาง หรือวิธกี ารใหม่ๆ ทางการศกึ ษาซง่ึ อยรู่ ะหว่างการทดลองทีจ่ ัดขึ้นอย่างมีระบบและกว้างพอสมควรเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพอันจะนาไปสู่การยอมรับท่ีนามาใช้ในระบบการศกึ ษาอย่างกว้างขวางต่อไป๒ บุญเก้ือ ควรหาเวช ได้กล่าวว่านวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน”(Educational Innovation) หมายถึง การนาเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทา รวมท้งั สงิ่ ประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใชใ้ นระบบการศึกษา เพ่อื มุง่ หวังทีจ่ ะเปล่ียนแปลงสิง่ ทีม่ ีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศกึ ษามปี ระสิทธภิ าพยิ่งขน้ึ ทาใหผ้ ้เู รียนสามารถเกิดการเรียนรู้ไดอ้ ย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียนและชว่ ยให้ประหยัดเวลาในการเรียน เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ๑ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน, โครงการหน่ึงโรงเรียนหน่ึงนวัตกรรม,(กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ ุสภา, ๒๕๔๙), หนา้ ๑๑ ๒ ทศิ นา แขมมณี, การสอนจติ วทิ ยาการเรียนรู้ เรอ่ื งศาสตร์การสอนองคค์ วามรเู้ พือ่ การจัดกระบวนการเรียนรู้ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ, พมิ พค์ รั้งท่ี ๑๓, (กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๓), หนา้ ๑๔
๙การใช้วีดิทัศน์เชงิ โตต้ อบ (Interactive Video) ส่ือหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอรเ์ น็ต เหลา่ น้ีเป็นตน้ ๓ ไชยยศ เรืองสุวรรณ ได้กล่าวว่า นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนหมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ ๆ ท่ีแปลกไปจากเดิมโดยอาจจะได้มาจากการคิดค้นพบวิธีการใหม่ ๆขนึ้ มาหรือมีการปรบั ปรงุ ของเก่าให้เหมาะสมและสง่ิ ทงั้ หลายปลายทางอย่างมปี ระสิทธภิ าพขน้ึ ในดา้ นการเรียนการสอน\"๔ เปรือ่ ง กุมุท ไดก้ ล่าวไว้วา่ นวตั กรรมการศกึ ษาด้านการเรยี นการสอน หมายถึง การนาส่ิงใหมๆ่ อาจจะเป็นแนวคิด หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มากอ่ นหรอื พัฒนาดัดแปลงจากของเดิมท่ีมีอยู่แล้วให้ทันสมัยและได้ผลท่ีมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย๕ จันทร์เพ็ญ เช้ือพาณิชย์ ได้กล่าวว่า นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนหมายถึง ความร้ใู หม่ด้านการศึกษาอาจเป็นแนวคิดใหมท่ างการศกึ ษา เปน็ ทฤษฎีใหม่ เปน็ วิธีการสอนใหม่ เทคนิคการสอนใหม่ รวมท้ังการนาเสนอสาระด้วยสอ่ื ใหมๆ่ ๖ ถวัลย์ มาศจรัส และเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์ ได้กล่าวว่า นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการอสอน หมายถึง ความคดิ ใหม่ รูปแบบใหม่ วธิ ีการใหม่ เทคนิคใหม่ แนวทางใหม่ ผลผลิตใหม่ท่ีได้ปรับประยุกต์สร้างสรรค์ และพัฒนา ทั้งจากการต่อยอดภูมิปัญญาเดิมหรือการคิดค้นข้ึนมาใหม่ด้วยภูมิปัญญาใหม่ให้เกิดส่ิงท่ีเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย๗ จากผลการศึกษาแนวคดิ เกี่ยวกับความหมายนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน เพื่อการสังเคราะห์ กาหนดแนวคิดเก่ียวกับความหมายนวตั กรรมการศกึ ษา จากทัศนะและจาก ๓ บญุ เกื้อ ควรหาเวช, “นวัตกรรมการศึกษา”, (กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๒),หนา้ ๙ ๔ ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, การออกแบบและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอรแ์ ละบทเรยี นเครอื ขา่ ย.พมิ พ์ครงั้ ท่ี๖, มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, ๒๕๕๓), หนา้ ๑๔ ๕ เปรอ่ื ง กมุ ุท, “เทคโนโลยกี ารเรียนในยคุ สารสนเทศ”, ใน วารสารศึกษาศาสตร,์ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕,หน้า ๑๘ ๖ จันทร์เพ็ญ เชื้อพาณิชย์, นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ตามแนวปฏิรูปการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร :โรงพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒), หน้า ๑๙ ๗ ถวัลย์ มาศจรัส และเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์, นวตั กรรมการศึกษาชดุ การนิเทศเพื่อปฏริ ปู การศึกษาและพฒั นาการเรยี นรู้, (กรุงเทพมหานคร : ธารอักษร,๒๕๕๔), หนา้ ๕
๑๐ผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการ ๗ แหล่ง ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยวิเคราะห์เห็นว่าแนวคิดเก่ียวกับความหมายนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน ที่นักวชิ าการ การศึกษาได้เสนอไว้น้ัน แม้จะระบุช่ือท่แี ตกต่างกันแต่มีความหมายเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ดังน้ัน เพื่อใหก้ ารสังเคราะห์แนวคิดเกย่ี วกับความหมายนวตั กรรมการศึกษาดา้ นการเรยี นการสอนมีความเหมาะสม ผู้วจิ ัยจึงจัดแนวคดิ ท่ีมีความหมายเหมอื นกันแต่เรียกชอื่ แตกต่างกนั ให้รวมเป็นกลมุ่ ที่เป็นกลาง (neutral) ท่ีสะท้อนให้เห็นถงึ ความหมายเดียวกันและครอบคลุมแนวคดิ ท่เี กีย่ วข้องความหมายอน่ื ทใ่ี ชช้ ่ือแตกต่างกัน และนามาจัดเป็นกลุ่มความหมายเดียวกัน สามารถนามาวิเคราะห์ความหมายได้ดงั ตาราง ๒.๑.๒.๑ ดังนี้ตารางท่ี ๒.๑.๒.๑ วิเคราะห์แนวคดิ เกย่ี วกับความหมายนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนความหมาย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ รวม ๑๑๑. การทาข้นึ ใหม่ ๕ ๒. พัฒนาจากสง่ิ มีอยเู่ ดมิ ๔ ๓. การทาทางแนวคิด ๖ ๔. การทาทางวิธกี าร ๓ ๕. การทาทางอปุ กรณ์ ๑๖. การทาทางระบบ ๒๗. ทาทางกระบวนการสรา้ งสรรค์ ๓ ๘. การทาทางเทคนิค ๓ ๙. แนวทางปฏิบตั ิไดจ้ ริง ๓ ๑๐. เคร่ืองมือการศกึ ษา ๔ หมายเหตอุ กั ษรย่อ :๑ = คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ๒ = ทิศนา แขมมณี๓ = บุญเกอื้ ควรหาเวช ๔ = ไชยยศ เรอื งสุวรรณ๕ = เปรอื่ ง กุมุท ๖ = จนั ทร์เพญ็ เชื้อพาณชิ ย์๗ = ถวัลย์ มาศจรสั และเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์๘ = ผู้วิจัยจากตารางที่ ๒.๑.๒.๑ ผู้วิจัยสรุปแนวคิดเกี่ยวกับความหมายนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรยี นการสอนคือ การกระทาข้ึนใหม่หรือการพัฒนาจากส่ิงท่ีมีอยใู่ ห้แปลกจากเดิม ได้แก่ แนวคิด
๑๑วิธกี าร กระบวนการท่ีสร้างสรรค์ เทคนคิ แนวทางปฏิบัติไดจ้ ริง เคร่ืองมืออุปกรณ์ รว่ มถงึ ระบบต่างๆเพ่อื ใช้ในการแกป่ ญั หาเกย่ี วกบั เรียนการสอนให้มีประสทิ ธภิ าพ บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ตามหลักสูตร ๒.๑.๒ ประเภทของนวตั กรรมการศกึ ษาด้านการเรยี นการสอน นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน มคี วามสาคัญในการศึกษา สามารถจาแนกประเภทของนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอน ทอ่ี ย่ใู กล้ตัวไว้หลากหลาย สามารถนามาใชใ้ นการเรยี นการสอนได้ดังนี้ สานักงานการอดุ มศกึ ษา ได้กลา่ วถงึ ประเภทของนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอน ๒ ประเภท ด้านนวตั กรรมการสอนและด้านนวัตกรรมส่ือและเทคโนโลยีการสอน เช่น ด้านนวัตกรรมการสอน ประกอบด้วย การสอนเป็นคณะ ชุดการสอน บทเรยี น โปรแกรม ศูนย์การเรียนการเรียนด้วยตนเอง การสอนแบบผู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลาง การสอนแบบ คอนสทรัคทิวสิ ซ่ึม การสอนแบบคอล์แลปบอราทอรี่ (ร่วมมือกนั ), ด้านนวตั กรรมสื่อและเทคโนโลยีการสอน เช่น สไลด์ วดี ที ัศน์วทิ ยุ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน( CAI) การสอนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ อินเทอร์เน็ต(Web - based Instruction) หรือ e- learning๘ คณะกรรมการศึกษาพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กล่าวว่าประเภทนวัตกรรมการศกึ ษาด้านวัตกรรมการเรียนการสอน ไดแ้ ก่ ชดุ การสอน การสอนแบบศูนย์การเรียน การใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ การสอนแบบเรียนรู้ร่วมกัน และการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ มัลตมิ ีเดยี และอนิ เทอรเ์ น็ต การวิจัยในชน้ั เรยี น ฯลฯ๙ พชิ ิต ฤทธิ์จรูญ ได้กล่าวถงึ นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรยี นการสอนว่า นวัตกรรมทีผ่ ลิตออกมาทางด้านการเรียนการสอนมีจานวนมากแต่สามารถจาแนกประเภทได้ ดังน้ี ๑. นวัตกรรมประเภทผลิตภัณฑ์หรอื สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมประเภทนี้ มีลกั ษณะเป็นสอื่ ทชี่ ่วยในการจัดการเรียนการสอนใหผ้ ู้เรียนมีความเข้าใจกระจ่างชัดเจนในเร่ืองท่ีเรียน หรือทาใหผ้ ู้เรยี นได้พัฒนาการเรียนรู้ในทักษะด้านต่างๆ ได้เร็วย่งิ ข้นึ นวตั กรรมประเภทนี้ ได้แก่ ชุดการเรยี น/ชุดการสอน/ชุดการสอน แบบฝึกทักษะ/ชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ บทเรียนสาเร็จรูปแบบส่ือผสม/บทเรียนโปรแกรม เกม การ์ตูน นิทาน เอกสารประกอบการเรียนรู้/เอกสารประกอบการเรยี นการสอน/เอกสารประกอบการสอน ๘ ไชยพร แย้มมี, อ้างใน, สานักงานการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖, ความแตกตา่ งระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยี”, [ออนไลน์], แหลง่ ท่มี า : https://www.gotoknow.org/. [๒๐ ก.พ.๖๑] ๙ Witchuta wijitnawee, อ้างถึงใน, คณะกรรมการศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒ ๕ ๔ ๒ “ น วั ต ก ร ร ม ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ที่ ส า คั ญ ข อ ง ไ ท ย ใ น ปั จ จุ บั น ” [ อ อ น ไ ล น์ ] , แ ห ล่ ง ท่ี ม า :https://witchutawijitnawee.wordpress.com/. [๑๐ ม.ี ค.๒๕๖๑]
๑๒ ๒. นวัตกรรมประเภทรูปแบบ/เทคนิค/วิธีการสอน นวัตกรรมประเภทนเ้ี ปน็ การใช้วิธีสอนหรอื เทคนิคการสอนในรปู แบบตา่ งๆ ท่ีนกั การศึกษาได้คดิ คน้ เพื่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนท้ังในด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และเจตคติ ซึ่งมีวิธีการสอนและเทคนิคการสอนจานวนมาก ได้แก่ วิธีการสอนคดิ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรูแ้ บบร่วมมือ CIPPA MODEL วัฏจักรการเรียนรู้ ๔ MAT วธิ ีสอนตามแนวพุทธวิธี วธิ ีสอนแบบบรู ณาการ วธิ ีสอนโครงงาน วิธีสอนโดยการตั้งคาถาม Constructivism๑๐ สุคนธ์ สนิ ธพานนท์ ได้แยกประเภทนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรยี นการสอนออกจาแนกเปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี ๑. จาแนกตามผู้ใชป้ ระโยชน์จากนวัตกรรมนั้นโดยตรงแบง่ เปน็ ๓ เภท คือ ๑. นวัตกรรมการจดั การเรยี นรขู้ องครู เชน่ วิธีสอน กิจกรรมที่ครูนามาใช้กับผู้เรียน เช่น การจดั การเรียนรู้แบบ ๔ MAT การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญและสื่อสารสอนประเภทตา่ งๆ เช่น หนังส่อื อ่านนอกเวลา หนงั สืออา่ นเพ่ือเตมิ ๒. นวัตกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น แบบฝึกต่างๆ ท่ีครูสร้างขึ้น วิธีสอนใหมๆ่ ชุดการจัดการเรียนรู้ ใบงาน บัตรคา บทเรียนสาเรจ็ รปู ส่อื มัลตมิ ีเดยี วดี ิทศั น์ ซดี รี อม ๓. นวัตกรรมเพือ่ การบรหิ ารและพัฒนาการทางานของครู ๒. จาแนกตามลกั ษณะของนวตั กรรมเช่นเทคนิควิธกี าร วธิ กี ารจัดกจิ กรรมพฒั นาการจัดกจิ กรรมสาหรบั ผูเ้ รียน เชน่ การจดั บรรยากาศในห้องเรยี นใหเ้ หมาะสมกับผู้เรียน เหมาะสมกับการเปล่ยี นแปลงวิธสี อนของครู ส่ือการเรียนรู้ เช่น บทเรียนโมดูล บทเรียนสาเร็จรปู แผน่ โปรง่ ใส วีดิทศั น์ บทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน หนงั สือเสรมิ ประสบการณ หนังสอื อา่ นเพิม่ เตมิ ๓. จาแนกตามจุดเน้นของนวัตกรรมแบง่ เปน็ ๓ ประเภท ได้แก่ ๑. นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผลผลิต เป็นนวัตกรรมที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์หรือเคร่ืองมือที่ใช้ในการเรียนรู้ เช่น ชุดการสอนสาเร็จรูป วีดิทัศน์ CD สไลด์ หรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI เพาเวอร์พอยท์ ฯลฯ ๒. นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นเทคนิค วิธีการ หรือกระบวนการในการจัดการเรียนรู้ เช่น การจดั การเรียนรู้แบบต่างๆ เช่น โครงงาน กระบวนการกลุ่ม บทบาทสมมุติการเผชิญสถานการณ์ การใช้ผังมโนทัศน์ การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ หรือเทคนิค วธิ ีการเช่นการต้ังคาคาถามการอา่ น การใช้หอ้ งสมดุ การควบคุมกันเองของผู้เรยี น ๑๐ พิชิต ฤทธ์ิจรูญ , การวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรม, (กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ., ๒๕๕๓), หนา้ ๓๐
๑๓ ๓. นวัตกรรมท่ีเน้นทั้งผลผลิต วิธีการและเทคนิคกระบวนการ เช่น ระบบการผลิตและสร้างเพี่อการเรียนรู้ การคิดเทคนิควิธีการใช้แผ่นโปร่งใสในการจัดการเรียนรู้ท่ีทาให้ผู้เรียนสนใจและเกิดการเรียนรู้ได้เร็วข้ึน กระบวนการที่ทาให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฝึกทักษะการคิดและการตัดสินใจ ปฏิบัติการหรือแบบทดลอง การแกป้ ัญหา ฯลฯ๑๑ สถาบันพัฒนาความก้าวหน้า (ม.ป.ป. : ๓๔ ก) ได้เสนอประเภทนวัตกรรมการเรยี นการสอนตามลกั ษณะประโยชน์ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนประเภทสื่อสาหรับครูผู้สอน เช่นคู่มือครู เอกสารประกอบการสอน ชุดการสอน ส่ือประสมชนิดต่างๆ หนังสืออ้างอิง เคร่ืองมือวัดผลประเมินผล อุปกรณ์โสดทัศนวัสดุ โครงการ วจิ ัยในช้ันเรียน การศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล วิธีสอนแบบต่างๆ ๒. นวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนประเภทสื่อสาหรับนักเรียน เช่นบทเรียนสาเร็จรูป เอกสารประกอบการเรียน ชุดฝกึ ปฏิบตั ิ ใบงาน หนังสือประสบการณ์ ชุดเพลง ชุดเกม โครงงาน๑๒ ไชยยศ เรืองสุวรรณ ได้กล่าวสรุปประเภทนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนสามารถจาแนกออกได้เป็น ๒ ประเภท นวัตกรรมทเ่ี ป็นประเภทเทคนคิ วธิ ีการหรือวธิ ีการจดั การเรียนรู้ และ นวัตกรรมการศึกษาการเรียนการสอนประเภทสื่อและเทคโนโลยี๑๓ จากการศึกษานวัตกรรมการเรียนการสอนประเภทต่างๆ ของการศึกษาสถานศกึ ษา จากทัศนะและผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการ ๖ แหล่งดังกล่าวข้างต้น ผูว้ ิจัยพิจารณาเห็นว่านวัตกรรมการศึกษาประเภทการเรียนการสอนที่นักวิชาการได้เสนอไว้นั้น แม้จะระบุช่ือท่ีแตกต่างกัน แตม่ ีความหมายเป็นไปในประเภทเดียวกัน ดังนัน้ เพ่ือให้การสังเคราะห์ องค์ประกอบมีความเหมาะสม ผวู้ ิจัยจึงจดั ประเภทที่มีความหมายเหมือนกันแต่เรียกช่ือแตกต่างกันใหร้ วมเป็นกลมุ่ ที่เป็นกลาง (neutral) ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความหมายเดียวกันและครอบคลุมประเภทอื่นท่ีใช้ชื่อ ๑๑ สคุ นธ์ สินธพานนท์, นวัตกรรมการเรียนการสอนเพ่ือพฒั นาคุณภาพเยาวชน, (กรุงเทพมหานคร :เทคนคิ พริ้นตง้ิ , ๒๕๕๑) ๑๒ พัฒนาความก้าวหนา้ (ม.ป.ป. : ๓๔ ก), สถาบนั , เอกสารประกอบการอบรมหลักสูตร “การพัฒนากวตั กรรม (ด้านท่ี ๓) ให้เป็นผลงานวิชาการครูท่ีมคี ุณภาพ, (กรุงเทพนคร : ม.ป.พ.,ม.ป.ป, ๒๕๕๒) ๑๓ ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, เทคโนโลยกี ารวิจัยทฤษฏแี ละการศกึ ษา, (กรุงเทพมหานคร : โอ.เอ.เอส พร้ินติ้งเฮาส์, ๒๕๔๓)
๑๔แตกต่างกัน และนามาจัดเป็นกลุ่มองค์ประเภท ตามลักษณะ ขั้นตอนการผลิต การใช้นวัตกรรมเดยี วกนั ดงั น้ี ๑. นวัตกรรมประเภทส่ือส่ิงประดษิ ฐ์การเรยี นการสอน เช่น เกม การต์ ูน นิทานเพลง เอกสารประกอบการเรยี นรูป เอกสารประกอบการเรยี นการสอน ร่วมท้ังแผนภมู ิ รปู ภาพต่างๆเปน็ ตน้ บทเรยี นคอมพิวเตอร์มัลตมิ เี ดีย หนังสอื อ่านเพม่ิ เติม หนังสอื นทิ าน เป็นตน้ ๒. นวัตกรรมประเภทรูปแบบวิธสี อน เชน่ วธิ สี อนแบบ ๔ MAT แบบอรยิ สัจ การจัดการเรียนรู้ แบบไตรสิกขา วิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์ วิธีสอนแบบโครงงาน วิธีสอนแบบบทบาทสมมตุ ิ วิธสี อนแบบใชส้ ถานการณ์จาลอง วิธีสอนศูนย์การเรยี น เป็นตน้ ๓. นวัตกรรมประเภททรัพยากร สิ่งทั้งปวงท่มี คี ่า ทรพั ยากรการเรยี นรู้ (learningresources) จึงหมายถึงทุกส่ิงท่ีมีอยู่ในโลกไม่ว่าจะเป็นส่ิงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เช่น คน(people) วัสดุ (materials) อาคารสถานที่ (settings) เครื่องมือและอุปกรณ์ (tools andequipment) และกิจกรรม (activities) ทใ่ี ชใ้ นการเรียนการสอนจัดขึน้ เพ่ือร่วมกระทาทรพั ยากรอ่ืนๆ จากการศึกษาแนวคิด และผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการเกี่ยวกับนวัตกรรมการศึกษาประเภทการเรียนการสอนของการศึกษาของสถานศึกษาผู้วิจัยได้ทาการประมวลและวเิ คราะห์ประเภทสาคญั ของหลกั การนวัตกรรมการศึกษาไดด้ งั ตาราง ....... ดังน้ีตารางที่ .......... วเิ คราะห์แนวคิดเกีย่ วกบั ประเภทนวตั กรรมการศกึ ษาดา้ นการเรยี นการสอน ความหมาย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ รวม ๗๑. ดา้ นส่อื สิ่งประดษิ ฐ์การเรียนการสอน ๖ ๒. ดา้ นรปู แบบ เทคนิค วิธสี อน ๕ ๓. ดา้ นทรพั ยากร ๒ หมายเหตุอกั ษรยอ่ :๑ = สานกั งานการอุดมศกึ ษา๒ = คณะกรรมการศึกษาพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒๓ = พชิ ติ ฤทธจ์ิ รูญ ๔ = สคุ นธ์ สนิ ธพานนท์๕ = สถาบนั พฒั นาความก้าวหน้า (ม.ป.ป. : ๓๔ ก)๖ = ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ ๗ = ผวู้ ิจยัจากตารางที่ ......... ผลการศึกษาสังเคราะห์หลักการ แนวคิดและทฤษฏเี ก่ียวกับประเภทนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรยี นการสอนดา้ นส่ือสง่ิ ประดิษฐ์การเรียนการสอน ดา้ นรูปแบบ เทคนิควิธสี อน และดา้ นทรัพยากรของการศกึ ษาสถานศึกษา ดังกล่าวข้างต้น ผูว้ จิ ยั คดั เลอื กประเภท ลกั ษณะ
๑๕ท่ีมีนักวิชาการมีความเห็นตรงกันท้ังหมด ๓ ประเภท มากาหนดเป็นกลุ่มของประเภท ลักษณะนวัตกรรมการศกึ ษาดา้ นการเรยี นการสอน ซึง่ ในท่ีนีม้ ีหลกั การท่มี ีนักวิชาการเหน็ สอดคล้องกันว่า เป็นหลักการที่สาคัญทุกข้อ ประเภทนวตั กรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนนของสถานศกึ ษา จานวน๓ ประเภท ได้แก่ ประเภทท่ี ๑ สอ่ื สิ่งประดษิ ฐ์การเรียนการสอน ประเภทท่ี ๒ รูปแบบวธิ ี ประเภทที่ ๓ ทรัพยากร จากนวตั กรรมการศกึ ษาดา้ นการเรียนการสอนขา้ งตน้ สามารถเขียนเป็นแผนภมู แิ สดงโมเดลการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตามภาพท่ี ............ ดังน้ี นวตั กรรมการศกึ ษาดา้ นการเรียนการสอน สื่อส่ิงประดิษฐ์นวตั กรรมการศึกษา นวตั กรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอนดา้ นการเรียนการสอน รูปแบบวธิ ีสอน นวตั กรรมการศกึ ษาดา้ นการเรียนการสอน ทรพั ยากร ภาพที่ ........ โมเดลนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอนประเภทสอ่ื ส่งิ ประดษิ ฐ์,รูปแบบวธิ กี ารสอนและทรพั ยากรของสถานศกึ ษา การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนประเภทประเภทสื่อสิ่งประดิษฐ์,รูปแบบวิธีการสอนและทรัพยากรของสถานศึกษาของสถานศึกษา โดยใช้ประเภทนวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอนของสถานศกึ ษาในคร้งั น้ี ผู้วิจัยได้ศึกษาจากทัศนะ และ ผลงานจากการวจิ ยั ของนกั วชิ าการศกึ ษา ดังนี้ ๒.๑.๒.๑ ดา้ นส่ือสง่ิ ประดิษฐ์การเรียนการสอน
๑๖ สอื่ สิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอนตรงกับภาษาอังกฤษวา่ “Media instruction”เพ่ือให้กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดการรับรู้ได้ดีโดยมีส่ือส่ิงประดิษฐ์การเรียนการสอน เป็นเคร่ืองมือในการกระตุ้นความสนใจทาให้ผู้เรียนมีพัฒนาการ ด้านความรู้ความเข้าใจทักษะปฏิบัติ และทัศนคติได้ตามท่ีครูต้องการและยังเป็นเครื่องมือท่ีช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าใจเร่ืองท่ีสอนได้ชดั เจนข้ึน ในเร่ืองของส่ือการเรียนการสอนน้ี มีนักวิชาการศึกษาได้แสดงทัศนะไวห้ ลากหลายดังนี้ ๑. ความหมายส่อื สิ่งประดษิ ฐ์การเรียนการสอน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายส่ือสง่ิ ประดิษฐ์การเรียนการสอนไว้วา่ “ติดต่อให้ถงึ กนั เชน่ สื่อความหมาย ชักนาให้เป็นที่รู้จักกัน ผู้หรือสิ่งท่ีติดต่อกันหรอื ชักนาให้รู้จกั กนั สื่อการศกึ ษา คือ วิธีการ เคร่อื งมือ และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ที่ใชเ้ ป็นส่ือในการศึกษา”๑๔ กดิ านันท์ มลทิ อง กล่าวว่า ส่ือสิ่งประดิษฐ์การสอน หมายถึง ตัวกลางที่ช่วยนาและถ่ายทอดความรู้จากครูผู้สอน หรือจากแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียน เพื่อใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุ ถึงวตั ถปุ ระสงค์การเรียนทีต่ ั้งไว้๑๕ กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความหมายของคาว่า สื่อสิ่งประดิษฐ์การเรียนรู้ว่า หมายถึง วธิ ีการ หรือกระบวนการวสั ดุของจริงเครื่องมือท่ีจัดทาขนึ้ เพ่ือใช้ในการเรียนการสอน ซึง่ มีสาระ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ประสบการณ์การเรียนรู้ สาหรบั นาไปใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ใหเ้ ป็นไปตามหลักสูตรกาหนดไว้๑๖ อาภรณ์ ใจเท่ยี ง กลา่ ววา่ ส่ือสิงประดษิ ฐ์การเรยี นการสอน คือ สง่ิ ท่ีชว่ ยกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ช่วยสร้างความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้น และช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เร็วข้ึนตลอดจนจาได้นาน สื่อการเรียนการสอนแบ่งได้เป็นส่ือประเภทวัสดุ เช่น ของจริง รูปภาพ หนังสือ ๑๔ ราชบณั ฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, หนา้ ๑๒๐๐. ๑๕ กดิ านันท์ มลทิ อง, เทคโนโลยีการศึกษารว่ มสมัย, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์จฬุ าลงกรณ‚๒๕๔๕),หนา้ ๔๓ ๑๖ กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ, ศูนย์พัฒนาหนังสือชุดฝึกอบรมวิทยากรแกนนาหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๔๔ เร่ืองการพัฒนาส่ือการสอน ชุดท่ี ๑๓, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินคา้ พัสดภุ ณั ฑ์, ๒๕๔๕), หนา้ ๔๕-๔๗
๑๗เป็นต้น สื่อประเภทอุปกรณ์ เช่น เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และสื่อประเภทวธิ ีการ ได้แก่ กิจกรรมทุกอย่างทค่ี รูหรือนักเรียนจดั ทาข้นึ ทัง้ ในและนอกหอ้ งเรยี น๑๗ ชม ภูมิภาค กล่าวถึง สื่อส่ิงประดิษฐ์การเรียนการสอนว่า หมายถึง ระบบการนาวสั ดุ อุปกรณ์ และวิธกี ารมาเปน็ ตัวกลางในการให้การศกึ ษาแกผ่ เู้ รยี น๑๘ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ใหค้ วามหมายของสื่อสงิ่ ประดิษฐ์การเรียนการสอน ว่าเป็นสง่ิ ทชี่ ่วยกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ มคี วามเขา้ ใจ เกิดการเรียนรู้ และช่วยสง่ เสริมการเรยี นรู้ให้เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ สื่อการเรียนการสอนมีหลายรปู แบบ เช่น ส่ือสิ่งพมิ พ์ สือ่ เทคโนโลยี สื่อธรรมชาติ การเลือกสื่อท่ีใช้ในการเรียนการสอนควรคานึงถงึ ความน่าสนใจ ชวนคิด ชวนติดตามเป็นสือ่ ทีเ่ ข้าใจง่าย กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนรู้จักวิธแี สวงหาความรู้และที่สาคัญคือสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ของการเรียนวธิ กี ารเรยี นร้ขู องผู้เรียน และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล๑๙ นิคม ทาแดง, กอบกลุ ปราบประชา, และอานวย เดชชัยศรี ใหค้ วามหมายของส่ือสิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอนไว้ว่า หมายถึง ตัวกลางหรือส่ิงต่าง ๆ เช่น วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและเทคนิควิธีการรวมทั้งกจิ กรรมต่าง ๆ ที่ชว่ ยให้ผูเ้ รียนเกดิ การเรียนรูเ้ กิดการพัฒนา และสามารถนาความรู้ที่ได้รับนั้นไปใช้ในการประกอบอาชีพ ตลอดจนการดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ๒๐ จันทรานี สงวนนาม ได้ให้ทัศนคติเก่ียวกับส่ือสิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอนว่าเป็นส่ิงท่ีชว่ ยให้ครูและนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอนได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่ือที่จาเป็นสาหรับครูผู้สอน เชน่ เอกสารหลักสตู ร คมู่ อื ครู บนั ทึกการสอน เป็นตน้ ๒๑ ๑๗ อาภรณ์ ใจเทีย่ ง, หลักการสอน (ฉบับปรับปรุง), พิมพค์ ร้ังที่ ๕, (กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส.พร้ินติ้งเฮา้ ส์, ๒๕๕๓), หนา้ ๑๙๐-๑๙๑ ๑๘ ชม ภูมิภาค, ส่ือการศึกษา, วารสารเทคโนโลยีส่ือสารการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์ประสานมติ ร, ๒๕๕๔), หนา้ ๒๕. ๑๙ กระทรวงศึกษาธกิ าร, นิยามคาศัพท์หลักสูตร, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด, ๒๕๕๓), หนา้ ๒๕. ๒๐ นิคม ทาแดง, กอบกุล ปราบประชา, และอานวย เดชชัยศรี, ชุดฝึกหัดอบรมครู,ประมวลสาระเร่ืองเทคโนโลยกี ารศึกษาเพือ่ การเรยี นรู้, (กรุงเทพมหานคร : ภาพพิมพ์, ๒๕๔๖), หน้า ๑๖ ๒๑ จันทรานี สงวนนาม , ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารสถานศึกษา , พิมพ์คร้ังท่ี ๒,(กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัทบคุ๊ พอยท์ จากดั , ๒๕๕๑), หน้า ๑๕๔
๑๘ ปองสุข คุ้มภัย ได้สรุปความหมายของสื่อส่ิงประดิษฐ์การเรียนการสอนไว้ว่าหมายถึง อะไรกไ็ ด้ทีท่ าหน้าที่เปน็ ตัวกลาง เป็นพาหะ เป็นตัวช่วย หรือเคร่ืองมอื ช่วยในการถ่ายทอดความรู้ เนื้อหาสาระความเข้าใจจากผู้สอนไปยงั ผู้เรยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรูอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ๒๒ อนุศักด์ิ สมิตสันต์ ได้ให้ความหมายไว้ว่า ส่ือสิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอนหมายถึง สิ่งที่ช่วยในการเรียนรู้ ท่ีครูผ้สู อนและผู้เรียนเป็นผู้ใช้เพ่ือช่วยให้กระบวนการเรยี นการสอนดาเนินไปสูเ่ ป้าหมายอย่างมปี ระสิทธภิ าพ๒๓ สุราษฎร์ พรมจันทร์ กลา่ วว่า ส่ือส่ิงประดิษฐ์การเรียนการสอน คือ ส่ิงต่าง ๆ ท่ีใช้เป็นตัวกลางในกระบวนการถ่ายทอดข้อมูลขา่ วสาร ระหว่างผสู้ ง่ กับผู้รบั (ครูกับผ้เู รียน) ซึง่ อาจเป็นคาพดู คาเขยี นรูปภาพ สญั ลักษณ์ หรือแมก้ ระทง่ั สหี น้าท่าทาง๒๔ ฐาปนีย์ ธรรมเมธา ได้สรุปความหมาย ของส่ือสิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอนและสอ่ื การศึกษาไวว้ ่า หมายถงึ ตวั กลางท่ีช่วยนา และถา่ ยทอดความรูจ้ ากผสู้ อน หรือแหลง่ ความรู้ไปยังผู้เรียน ทาให้การเรียนการสอนดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ ของการเรียนทีต่ งั้ ไว้๒๕ จากท่ีกล่าวมาท้ังหมดสรุปได้ว่า ส่ือสิ่งประดิษฐ์การเรียนการสอน หมายถึง วัสดุอุปกรณ์ หรือวิธีการต่าง ๆท่ีเป็นตัวกลางในการเช่ือมโยงให้เกิดความรู้ ทัศนคติ ทักษะ และประสบการณต์ า่ ง ๆ และสอดคล้องกับหลักสูตรและวชิ าการและเทคนิควธิ ีการใช้อย่างมีระบบ สื่อการเรียนการสอนจึงมีความสาคัญต่อการเรียนรู้เพราะเป็นสิ่งที่ทาให้เกิดการเรียนรู้ได้ง่ายมีประสิทธิผลและเกดิ ประสทิ ธิภาพ ชว่ ยให้การสอนน้นั เกดิ ความเขา้ ใจได้งา่ ยและชัดเจนมากขึน้ ตามวัตถปุ ระสงค์ท่ีผู้สอนตง้ั ไว้ ๒๒ ปองสุข ค้มุ ภัย, การศกึ ษาสภาพและปญั หาการใช้ส่ือการเรยี นการสอนของอาจารยใ์ นโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์กรณีศึกษา : สถาบันราชภฎั ๖ แห่งในเขตกรุงเทพมหานคร, (วทิ ยานพิ นธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบญั ฑติ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระเจ้าเกลา้ ธนบุรี, ๒๕๔๕), หน้า ๘ ๒๓ ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, การจดั และการบรหิ ารงานวชิ าการ, (กรงุ เทพมหานคร : สานกั พิมพม์ หาวทิ ยาลยัรามคาแหง, ๒๕๕๐), หนา้ ๑๓๓ ๒๔ สรุ าษฎร์ พรมจันทร์, ยทุ ธวิธีการเรียนการสอนวิชาเทคนิค, ฉบบั ปรบั ปรุง, (กรุงเทพมหานคร :สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ๒๕๕๐), หนา้ ๑๐๑. ๒๕ ฐาปนีย์ ธรรมเมธา, สื่อการศึกษาเบื้องต้น พิมพ์คร้ังที่ ๒, (นครปฐม : ภาควชิ าเทคโนโลยีการศึกษามหาวิทยาลยั ศิลปากร, ๒๕๕๓), หน้า ๔๓.
๑๙ ๒. ประเภทส่อื ส่งิ ประดษิ ฐ์การเรยี นการสอน นวัตกรรมประเภทสือ่ สิ่งประดิษฐ์การสอนมอี ยู่หลายลกั ษณะหลายประเภท ซง่ึ ผู้นักวิชาการทางการศึกษาหลายท่าน ได้จัดแบ่งแตกต่างกันออกไป และสามารถบูรณาการใช้ในการเรยี นการสอนตามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ได้แก่ ชุดการสอน บทเรยี นคอมพวิ เตอร์มลั ติมเี ดยี ชดุ การฝึกทักษะการเรียนรู้ การใช้เกมประกอบการสอน หนงั สืออ่านเพม่ิ เตมิ หนงั สือการ์ตูน หนังสือนิทานและสื่อประกอบการเรียนการสอน เป็นต้น ผู้วิจัยขอจึงเสนอนวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอนประเภทส่ือสิ่งประดิษฐก์ ารเรียนการสอน ประกอบด้วย ชุดการสอน ชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะ หนังสือนิทาน เกม หนังสือการ์ตูน และคอมพิวเตอรม์ ัลติมีเดียการเรียนการสอน สามารถพัฒนาผเู้ รียนให้มีทักษะการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของการเรียนรู้ วิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยนั้นจะใช้นวัตกรรมชนดิ ใดท่ีเหมาะสมทาให้ผเู้ รียนบรรลุเป้าหมายในการเรียนรู้๒๖ ดงั น้ี ๒.๑ ด้านชดุ การสอน ชดุ การสอนเป็นนวัตกรรมในการผลิตและการใช้สื่อการสอน ที่เร่ิมมีบทบาทต่อการเรียนการสอนทุกระดับในปัจจุบันและในอนาคต เพราะชุดการสอนจะเป็นแนวทางใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาและเพ่ิมประสิทธิภาพ ท้ังน้ีเพราะชุดการสอนเป็นระบบของการวางแผนการสอนท่ีสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเน้ือหาวิชานั้นๆจึงทาให้เกิดประโยชน์และคุณค่าในการเรียนการสอนอย่างมากสง่ เสริมให้ผเู้ รียนได้พฒั นาการคิดซึ่งจะเป็นประโยชนต์ ่อการดาเนนิ ชีวติ ๑. ความหมาย ความหมายของชุดการสอน นักวิชาทางการศึกษาต่างประเทศและประเทศไทยได้ให้นิยามไว้ ดังนี้ Gordon ได้กล่าวไว้ว่าชุดการสอน เป็นชุดของวัสดุอุปกรณ์และกระบวนการเก่ียวกับการเรียนการสอนท่ีประกอบด้วย องค์ประกอบพื้นฐาน ได้แก่ กิจกรรมการเรียนและการประเมนิ ผล๒๗ Kapfer ได้กล่าวไว้ว่า ชุดการสอน เป็นรูปแบบของการส่ือสารระหว่างครูและนกั เรยี น ซึ่งประกอบด้วย คาแนะนาที่จะให้นักเรียนไดป้ ระกอบกจิ กรรมการเรียนการเสนอ จนบรรลุ ๒๖ Paiboon Noom , น วั ตกร ร มก า ร เ รี ย นกา ร ส อ นคือ อ ะ ไ ร , [ออ นไล น์ ], แ ห ล่ ง ที่ ม า :http://noompaiboon.blogspot.com/2015/09/blog-post.html. [๑ มิ.ย.๖๑] ๒๗ Gordon, Leonard V. 1963. Manual of Personal Profile. New York : Harcourt Brace andWorld Inc.
๒๐พฤตกิ รรมทีเ่ ป็นผลของการเรียนรู้และเนื้อหาบทเรยี นจะตอ้ งเขียนด้วยภาษาทีช่ ดั เจน และสามารถสื่อความหมายให้ผู้เรียนเกดิ พฤติกรรมตามเปา้ หมายได้๒๘ วิชัย วงษ์ใหญ่ กล่าวไว้ว่าชุดการสอน หมายถึง ระบบการผลิตและการนาสื่อการเรียนหลายๆอย่างมาสัมพันธ์กันและมีคุณค่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน สื่อการเรียนเหล่านี้ เรียกอีกอยา่ งหนึง่ ว่า สอ่ื ประสมนามาใช้ใหส้ อดคล้องกับเนอ้ื หาวิชา เพ่อื ชว่ ยให้ผ้เู รยี นเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมการเรียนร้เู ป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพยิ่งขนึ้ ๒๙ สันทัด ภิบาลสุข และ พิมพ์ใจ ภิบาลสุข ได้กล่าวไว้ว่าชุดการสอน เป็นส่ือประสมที่ได้จากระบบการผลิตและการนาส่ือการสอนท่ีสอดคล้องกบั วิชาและวัตถุประสงค์ ช่วยให้ผู้เรยี นรู้ได้ดว้ ยตนเองตามความสามารถ หรือทากจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่มให้ผ้เู รยี นได้บรรลจุ ุดมุ่งหมายท่ตี ั้งไว้๓๐ พงษ์ศักด์ิ ปัญจพรผล ได้กล่าวถึงชุดการสอน หมายถึง กระบวนการจัดเนื้อหาวิชาให้แก่ผู้เรียนอย่างมีระบบประกอบด้วยเนื้อหา ซึ่งอยู่ในรูปของส่ือการสอนประเภทต่างๆส่วนมากบรรจไุ ว้ในกลอ่ ง และนาเคล่ือนย้ายไปในทีต่ ่างๆ ได้๓๑ บุญชม ศรีสะอาด ได้กล่าวไว้ว่าชุดการสอน หมายถึง ส่ือการเรียนหลายอย่างประกอบกันจัดเข้าไว้ด้วยกันเป็นชุด (Package) เรียกว่าสื่อประสม (Multimedia) เพ่ือมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมีชื่อเรียกหลายอย่างเช่น Learning Package, InstructionalKits หรือ Self Instructional Unit๓๒ บญุ เกอื้ ครวญหาเวช ไดก้ ล่าวไว้ว่าชดุ การสอน หมายถึงการใชส้ ่ือการสอนตั้งแต่๒ ชนิดข้ึนไป ร่วมกันเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้ตามท่ีต้องการ สื่อนามาใช้ร่วมกันจะต้องส่งเสริมประสบการณ์ ซงึ่ กันและกันตามลาดับขนั้ ท่จี ดั ไว้เปน็ ชุด บรรจุในกล่องหรอื กระเปา๋ ๓๓ ๒๘ Kapfer. P. and m. Kapfer. 1972 “Instruction to learning Package.” Learning Packagesin American Education. Englewood Cliffs, N.J. : Educational Technology Publicaiton. ๒๙ วิชัย วงษ์ใหญ่, พัฒนาหลักสูตรและการสอน – มิติใหม่, พิมพ์คร้ังท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาสน์ , ๒๕๔๕) ๓๐ สันทัด ภิบาลสุข และพิมพ์ใจ ภิบาลสุข, การใช้สื่อการสอน, พิมพ์คร้ังที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพพ์ ีระพัธนา, ๒๕๓๕) ๓๑ พงษศ์ กั ด์ิ ปญั จพรผล, องคก์ ารและการจดั การ, (กรุงเทพมหานคร : สถาบนั ราชภฎั นครปฐม, ๒๕๔๙) ๓๒ บุญชม ศรีสะอาด, พัฒนาหลักสูตรและการสอน, มหาสารคาม : ภาควิชาพื้นฐานการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ, ๒๕๒๘) ๓๓ บุญเกื้อ ครวญหาเวช, นวัตกรรมการศึกษา, พิมพ์คร้ังที่ ๓, กรุงเทพมหานคร : เจริยวิทย์การพิมพ์,๒๕๓๐)
๒๑ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ได้กล่าวไว้ว่า ชุดการสอนเป็นระบบการนาสื่อประสมที่สอดคล้องกับเน้ือหาวิชา และประสบการณ์ของแต่ละหน่วยมาช่วยในการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น ชุดการสอนนิยมจัดไว้ในกล่องหรือซอง แยกเป็นหมวดๆภายในชุดการสอนจะประกอบ ด้วยคู่มือการสอนใช้ชุดการสอน สื่อการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาและประสบการณอ์ าทิ เช่น รูปภาพ สไลด์เทป ภาพยนตร์ แผ่นคาบรรยาย วสั ดุอุปกรณ์ เป็นตน้ ๓๔ วาสนา ชาวหา ไดก้ ล่าวไว้ว่าชุดการสอน หมายถึง การวางแผนโดยใช้สื่อต่างๆร่วมกันหรอื หมายถงึ การใชส้ ื่อประสมเพ่ือสรา้ งประสบการณ์ในการเรยี นรู้อยา่ งกว้างขวาง และเปน็ ไปตามจดุ ประสงค์ที่วางไว้ โดยจดั ไว้ในลักษณะเป็นซองเปน็ กล่อง๓๕ วารนิ ทร์ รัศมีพรหม ไดก้ ล่าวไว้ว่าชุดการสอน หมายถึง การรวมเอาวัสดุเพื่อการเรียนการสอนท่ีประกอบด้วยส่อื มากกว่าหนง่ึ ชนิดขึ้นไป มาจัดระบบไว้อย่างเกี่ยวเนื่องกันในการสอนเน้ือหาวชิ าใดวชิ าหน่ึง๓๖ จากความหมายที่นกั การศกึ ษาทก่ี ล่าวมาแล้ว จึงสรุปได้ว่าการสอน หมายถงึ ชุดส่ือประสมซ่ึงผลิตข้ึนมาอย่างมีระบบ มีความสมบูรณ์เบ็ดเสร็จในตัวเอง โดยมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกบั เนื้อหาวิชาประสบการณ์ที่สามารถนามาใช้ในการเรยี นการสอน เพ่ือให้เกดิ การเรียนรไู้ ด้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ๒. ประเภทของชุดการสอน นักการศกึ ษาหลายท่านได้แบ่งประเภทของชุดการสอนไวแ้ ตกต่างกนั ดังน้ี ชัยวงศ์ พรหมวงศ์ และคนอ่นื ๆ แบ่งประเภทของชุดการสอน ดงั น้ี ๑. ชุดการสอนประกอบการบรรยาย เป็นชุดการสอนท่ีมุ่งขยายเนื้อหาสาระการสอนแบบบรรยายใหช้ ัดเจน โดยกาหนดกิจกรรมและส่ือการสอนให้ผู้สอนใช้ประกอบการบรรยายซึ่งอาจเรียกว่าชุดการสอนสาหรบั ครู ชุดการสอนจะมีเนอ้ื หาวิชาเพียงหนว่ ยเดียวและใช้กับผู้เรียนท้ังชัน้ โดยแบ่งหัวข้อที่จะบรรยายเนื้อหาและกิจกรรมไว้ตามลาดับข้ัน ชุดการสอนแบบนี้มสี ่ือการสอนท่ีหลากหลาย เช่นแผนการสอน แผนภูมิ รูปภาพ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ ผสู้ อนซ่ึงเปน็ ผู้จัดทาชดุ การสอนจะบรรจุชดุ การสอนในกล่องทีม่ ีขนาดเหมาะสม ในกรณีที่ส่ือการสอนนั้นเปน็ วัสดอุ ุปกรณ์ทรี่ าคาแพง ๓๔ ชัยยงค์ พรหมวงศ์, นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษากับการสอนระดับอนุบาล ,(กรุงเทพมหานคร : ไทยวฒั นาพานชิ , ๒๕๔๑) ๓๕ วาสนา ชาวหา, เทคโนโลยีทางการศกึ ษา, (กรุงเทพมหานคร : อกั ษรสยามการพมิ พ,์ ๒๕๒๕) ๓๖ วารินทร์ รศั มีพรหม, หลักและทฤษฏกี ารออกแบบสาร, (กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาเทคโนโลยที างการศกึ ษา มหาวทิ ยาศรีนครินทรวโิ รฒ, ๒๕๓๑)
๒๒หรือขนาดเล็กมาก หรือเป็นสิ่งท่ีมีชวี ิต ไม่สามารถบรรจลุ งในกล่องได้ ควรมีการกาหนดข้อมูลการใช้สอ่ื ไว้ในคู่มอื ครูเพ่อื เตรยี มการสอน ๒. ชุดการสอนสาหรับกิจกรรมแบบกลุ่ม เป็นชุดการสอนทมี่ ุ่งให้ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติกิจกรรมอาจจัดในห้องเรียนแบบศูนย์การเรียนก็ได้ ชุดการสอนแต่ละชุดจะประกอบด้วย ชุดการสอนย่อยที่มจี านวนเท่ากับจานวนศูนย์ที่แบ่งไว้ ในแต่ละหน่วยในแต่ละศูนย์มชี ่ือหรือบทเรียนคบชดุ ตามจานวนผู้เรียนท่ีเข้ามาร่วมกิจกรรมในแตล่ ะศูนย์ ซึ่งจัดไว้ในรูปแบบส่ือประสม อาจใชเ้ ป็นสื่อรายบคุ คลหรือท้ังกลุ่มใชร้ ว่ มกันได้ ๓. ชุดการสอนรายบุคคล เป็นชุดการสอนท่ีจัดไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามคาแนะนาท่ีได้ระบุไว้ ถ้าสงสัยในตอนใดก็ถามผู้สอนได้ ผู้เรียนสามารถปรึกษากันในระหว่างการเรียนได้ ผู้เรียนอาจนาไปศึกษานอกเวลาเรียน หรือนาปรึกษาที่บ้านได้ โดยมีผู้ปกครองหรอื บุคลากรอน่ื คอยแนะนาใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้ ๔. ชดุ การสอนทางไกล เป็นชดุ การสอนสาหรับผูเ้ รยี นท่อี ยู่ตา่ งถน่ิ ตา่ งเวลา มุ่งสอนให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเองไม่ต้องเข้าชั้นเรียนชุดการสอนทางไกลน้ีประกอบด้วยส่ือประเภทสิ่งพิมพ์ รายการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และการสอนเสริมตามศูนย์บริการการศกึ ษา เชน่ ชุดการสอนทางไกลของมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช๓๗ ยพุ นิ พพิ ธิ กลุ และอรพรรณ แบ่งชดุ การสอนออกเป็นประเภทดงั นี้ ๑. ชุดการสอนสาหรับครู ครใู ช้เป็นคู่มอื ประกอบการสอน ซ่ึงใชส้ อนนักเรยี นเป็นกลุ่มหรือนกั เรยี นท้งั ชั้น ชดุ การสอนน้ปี ระกอบด้วยคู่มือครู และสื่อการเรยี นการสอน ชดุ การสอนประเภทน้ีมกี ารเปิดโอกาสให้นัดเรยี นเขา้ รว่ มกิจกรรมได้บ้างข้ึนอยู่กบั เทคนิคและวธิ ีการเรยี นการสอนของครู ๒. ชุดการสอนตามเอกัตภาพ หรือชุดการสอนรายบุคคล เป็นขุดการเรียนการสอนที่นักเรยี นเรยี นด้วยตวั เอง ๓. ชุดการสอนที่ใช้กับศูนย์การเรียน เป็นชุดการสอนท่ีให้นักเรียนแต่ละได้เลอื กเรียนอย่างอิสระ โดยเวียนศกึ ษาไปตามศูนยต์ า่ งๆจนครบ ๔. ชดุ การสอนแบบผสม เปน็ ชดุ การสอนที่จัดกจิ กรรมไดห้ ลายอยา่ งเพอ่ื ให้ครูเลอื กใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม๓๘ ๓๗ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ, ประมวลสาระชดุ วชิ าการพฒั นาหลักสตู รและสอื่ การเรียนการสอน.พิมพ์ครง้ั ที่ ๒, (กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๕๑) ๓๘ ยุพิน พิพธิ กุล และอรพรรณ ตันบรรจง, สอ่ื การเรยี นการสอนคณิตศาสตร์ (กรงุ เทพมหานคร : คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๓๑)
๒๓ กาญจนา เกียรติประวัติ ได้จาแนกประเภทของชุดการสอนไว้ ๒ ประเภท พอสรุปได้ดงั น้ี @. ชดุ การสอนสาหรับกิจกรรมกลุ่ม เป็นชุดการสอนทีส่ ่งเสริมให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตวั เองโดยใชก้ ิจกรรมกลุม่ เช่น วธิ ีการของศนู ยก์ ารเรยี น หรือบทเรียนโมดูล ๒. เป็นชุดการสอนรายบุคคล เปน็ ชุดการสอนท่ีส่งเสริมการเรยี นร้ดู ้วยตนเองตามลาพัง ผู้เรยี นแต่ละคนมีความสามารถในการเรยี นร้ใู นเวลาทแ่ี ตกตา่ งกนั ผู้เรียนแตล่ ะคนสามารถทดสอบความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองได้ตลอดเวลา และสามารถตรวจคาตอบได้ทันที ชุดการสอนนจ้ี ะพฒั นาความรบั ผิดชอบของผูเ้ รียน๓๙ กล่าวสรุปได้ว่าชุดการสอนที่เหมาะสมกับครูผู้สอนในการจัดการศึกษาให้ระบบนน้ั สามารถจัดทาได้ ๔ รปู แบบ คอื ๑. ชุดการสอนสาหรับครูผู้สอน เป็นชุดการสอนท่ีครูใช้ประกอบการสอนประกอบด้วยคู่มือครู สื่อการเรียนการสอนท่ีหลากหลาย มีการจัดกิจกรรมและสื่อการสอนประกอบการบรรยายของผสู้ อน ชุดการสอนนี้มเี น้ือหาสาระวิชาเพียงหน่วยเดียวและใช้กับผ้เู รียนทั้งชนั้ แบ่งเป็นหวั ขอ้ ทจ่ี ะบรรยาย มกี ารกาหนดกิจกรรมตามลาดบั ขนั้ ๒. ชุดการสอนสาหรับกิจกรรมกลุ่ม เป็นชุดการสอนที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษาความรู้ร่วมกนั โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามข้ันตอนตา่ งๆท่ีกาหนดไว้ในชดุ การสอนหรืออาจจะเรียนรู้ชุดการสอนในศูนย์การเรียน กล่าวคือในแต่ละศูนย์การเรียนรู้จะมีชุดการสอนในแต่ละหัวข้อย่อยของหน่อยการเรยี นท่ใี ห้ผูเ้ รียนศึกษา ผ้เู รียนแตล่ ะกลุ่มจะหมุนเวยี นศกึ ษาความรู้และทากิจกรรมของชุดการสอนจนครบทกุ ศนู ย์การเรียนรู้ ๓. ชุดการสอนรายบุคคล เป็นชุดการสอนที่ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้ด้วยตนเองผู้เรียนจะเรียนรู้ตามขั้นตอนท่ีกาหนดไว้ในชุดการสอน ซ่ึงสามารถศึกษาได้ท้ังในห้องเรียนและนอกหอ้ งเรียน และเมือ่ ศกึ ษาจนครบตามขน้ั ตอนแลว้ ผู้เรยี นสามารถประเมนิ ผลการเรียนของตนเองไดด้ ้วยตนเอง ๔. ชุดการเรียนเรียนการสอนแบบผสม เป็นชุดการสอนที่มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย บางข้ันตอนผู้สอนอาจใช้วิธีการบรรยายประกอบการใช้สื่อ บางขั้นตอนผู้สอนอาจให้ผเู้ รียนศึกษาความรู้ดว้ ย ตนเองเป็นรายบุคคล และบางขน้ั ตอนอาจใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาความรูจ้ ากชดุ การสอนโดยใช้กจิ กรรมกลุ่ม เป็นตน้ ๓๙ กาญจนา เกยี รติประวตั ิ, นวตั กรรมทางการศกึ ษา, กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาหลกั สตู รและการสอนคณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร, ๒๕๔๔)
๒๔ ๓. องค์ประกอบชดุ การสอน นักเรียนตา่ งก็ได้กาหนดองค์ประกอบของชุดการสอน ชุดการสอน ชุดการเรียนไว้ตา่ งๆกนั ดังน้ี Cardarelli ได้กาหนดองค์ประกอบของชุดการเรียนวา่ ตอ้ งประกอบด้วย ๑. หวั ขอ้ (Topic) ๒. หัวขอ้ ยอ่ ย (Subtopic) ๓. จดุ มุง่ หมายหรือเหตผุ ล (Rational) ๔. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives) ๕. การทดสอบก่อนเรยี น (Pretest) ๖. กจิ กรรมและการประเมินตนเอง (Activities and Self-Evaluation) ๗. การทดสอบย่อย (Quizหรอื Formative Test) ๘. การทดสอบขั้นสดุ ท้าย (PosttestหรือSummative Evaluation)๔๐ ชยั ยงค์ พรมหวงศ์ ได้จาแนกองค์ประกอบของชุดการเรยี นไว้ ๔ สว่ น คอื ๑. คู่มอื ครูสาหรบั ผูใ้ ชช้ ดุ การเรียน เปน็ คู่มอื สาหรบั ผเู้ รยี นท่ตี ้องการเรยี นจากชุดการเรียน ๒. เน้ือหาสาระและสื่อ จัดให้อยู่ในรูปของส่ือการเรียนแบบประสมและกจิ กรรมการเรยี นการสอนแบบกลมุ่ และรายบุคคลตามวตั ถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ๓. คาสง่ั หรอื การมอบงาน เพื่อกาหนดแนวทางในการเรยี นให้ผู้เรียน ๔ การประเมิน เป็นการประเมินผลกระบวนการ ได้แก่ แบบฝึกหัดรายงานการค้นคว้าและผลการเรียนรู้ในรูปแบบสอบถามต่างๆ ส่วนประกอบท้ังหมดจะอยู่ในกล่องหรือซองโดยจัดเปน็ หมวดหมู่ เพ่อื สะดวกใน๔๑ บญุ ชม ศรีสะอาด ได้กล่าวว่าชดุ การสอน มีองคป์ ระกอบดงั น้ี ๑. คู่มือการใช้ชุดการเรียน เป็นคู่มือที่จัดทาข้ึนเพ่ือให้ผู้ใช้ชุดการสอนศึกษาและปฏิบตั ปิ ระกอบดว้ ยแผนการสอน ส่ิงท่ีผู้สอนต้องเตรียมกอ่ นการสอน บทบาทของผู้เรียน การจัดชัน้ เรยี น (ในกรณีของชดุ การสอนทีม่ ่งุ ใช้กบั กลุ่มยอ่ ย เช่น ในศนู ย์การเรยี น) ๔๐ Cardarelli, Sally M. (1973). Individualized Instruction Programmed and Material. NewYork: McGraw-Hill. ๔๑ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ, ประมวลสาระชดุ วชิ าการพัฒนาหลักสูตรและส่ือการเรยี น การสอน,พมิ พ์คร้ังที่ ๒, (กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๕๑)
๒๕ ๒. บัตรงาน เป็นบัตรที่มีคาสั่งว่าจะให้ผู้เรียนปฏิบัติอะไรบ้าง โดยระบุกจิ กรรมตามลาดบั ขน้ั ตอนของการเรียน ๓ แบบทดสอบวัดความก้าวหน้าของผู้เรียน เป็นแบบทดสอบท่ีใช้สาหรับตรวจว่าหลังจากเรียนชุดการสอนจบแล้ว ผู้เรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรมตามจุดประสงค์การเรียนท่ีกาหนดไว้หรือไม่ ๔. สือ่ การเรียนต่างๆ เปน็ ส่อื สาหรับผ้เู รียนไดศ้ ึกษา มีหลายชนิดประกอบกันอาจเป็นประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น บทความ เนื้อหาเฉพาะเร่ือง จุลสาร บทเรียนโปรแกรมหรือประเภทโสตทัศนูปกรณ์ เช่นรูปภาพ แผนภูมิต่างๆ เทปบันทึกเสียง ฟิล์มสตริป สไลด์ขนาด2*2น้ิว ของจริงเป็นต้น๔๒ สรุปไดว้ ่าการเรยี นการสอนแตล่ ่ะชุดมีเน้อื หาเหมือนกันคือเร่อื งเดียวกนั เมื่อผู้เรียนได้ศึกษาชุดการสอนแล้วจะมีการประเมินและการซ่อมเสริม สาหรับเวลาที่ใช้น้ันขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เรียน ส่วนองคป์ ระกอบทีส่ าคัญของชุดการสอน คือ คาชี้แจงในการใช้ชุดการสอนบัตรคาสั่ง บัตรกิจกรรมหรือบัตรปฏิบัติการ บัตรเน้ือหา บัตรแบฝึกหัดหรือบัตรงาน บัตรเฉลยบัตรแบบฝกึ หดั บตั รทดสอบ บัตรเฉลยบตั รทดสอบ ๔. ข้นั ตอนการสรา้ งชดุ การสอน การท่ีผู้สอนสร้างชุดการสอนเพื่อนาไปใช้ในการเรียนการสอนน้ัน ครูควรดาเนินการตามขน้ั ตอนต่อไปนี้ ๑. เลือกหัวข้อ (Topic) กาหนดขอบเขต และประเด็นสาคัญของเน้ือหาผู้สร้างชุดการสอนควรเลือกหัวข้อและประเด็นสาคัญ ได้จากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในระดับช้ันที่จะสอนว่าหัวข้อใดเหมาะสมที่ควรนาไปสรา้ งชดุ การสอน ท่ใี ห้ผู้เรียนสามารถศกึ ษาความรไู้ ด้ด้วยตนเอง ๒. กาหนดเน้ือหาท่ีจะจัดทาชุดการสอน โดยคานึงถึงความรู้พื้นฐานของผูเ้ รยี น ๓. เขียนจุดประสงค์ในการจัดการเรียนการสอน การเขียนจุดประสงค์ควรเขียนเป็นลักษณะจุดประสงค์เฉพาะหรือจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพ่ือให้ผู้สอนและผู้เรียนทราบจดุ ประสงค์ว่าเม่อื ศึกษาชดุ การสอนจบแลว้ ผเู้ รยี นจะต้องมคี วามสามารถอยา่ งไร ๕. สร้างแบบทดสอบ การสรา้ งแบบทดสอบมี ๓ แบบ คอื ๔๒ บญุ ชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นิลแกว้ , “การอา้ งองิ ประชากรเมอ่ื ใช้เครือ่ งมือแบบมาตราส่วนประมาณคา่ กับกลมุ่ ตวั อย่าง” มหาสารคาม วารสารการวดั ผล การศึกษา มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ มหาสารคาม. ๓ (๑)(กรกฎาคม, ๒๕๓๔) : ๒๒-๒๕
๒๖ ๑. แบบทดสอบวัดพ้ืนฐานความรู้เดิมของผู้เรียน เพ่ือดูว่าผู้เรียนมีความรู้พน้ื ฐานกอ่ นที่จะมาเรียนเพยี งพอหรอื ไม่ (เม่ือทดสอบแล้วถา้ ผู้เรยี นมคี วามรู้พนื้ ฐานไมเ่ พียงพอ ผ้สู อนควรแนะนาให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากแหล่งต่างๆโดยวิธีใด เป็นต้น หรือผู้สอนอาจอธิบายความรู้เพม่ิ เติมแก่ผู้เรยี นในเร่อื งนน้ั ๆ) ๒. แบบทดสอบย่อย เพ่ือวัดความรู้ของผู้เรียนหลังจากผู้เรียนเรียนจบในแต่ละเนอ้ื หายอ่ ย ๓. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรยี น ใช้ประเมินผลการเรยี นรู้ของผู้เรยี นหลังจากศึกษาชุดการสอนจบแล้ว ๖. จดั ทาชดุ การสอน ประกอบด้วย ๑. บัตรคาส่ัง ๒. บัตรปฏิบตั กิ าร และบัตรเฉลย (ถ้ามี) ๓. บตั รเน้อื หา ๔. บัตรฝกึ หดั และบัตรเฉลยแบบฝกึ หดั ๕. บตั รทดสอบและบตั รเฉลยบัตรทดสอบ ๗.วางแผนจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้สอนเตรียมออกแบบการจัดกิจกรรมกราเรียนการสอน โดยมีหลกั การสาคญั คอื ๑. ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการทากิจกรรมด้วยตนเอง ผู้สอนเป็นเพียงคอยชแ้ี นะและควบคุมการเรียนการสอน ๒. เลอื กกจิ กรรมหลากหลายท่ีเหมาะสมกับชดุ การสอน ๓. ฝึกให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการคิดอย่างหลากหลาย เช่น คิดวิเคราะห์ คิดแกป้ ัญหา คิดอยา่ งมีวจิ ารญาณ คิดสรา้ งสรรค์ เปน็ ต้น ๔. มกี จิ กรรมทฝี่ ึกใหผ้ เู้ รียนได้ทางานรว่ มกับผอู้ น่ื ๘. การรวบรวมและจัดทาสือ่ การเรียนการสอน สอ่ื การเรยี นการสอน การเรียนของผู้เรียน สื่อการเรียนการสอนบางชนิดอาจมีผู้จัดทาไว้แล้ว ผู้สอนอาจนามาปรับปรงุ ดดั แปลงใหมใ่ ห้สอดคล้องกับเน้ือหาสาระและจุดประสงค์ทีต่ ้องการสอน ในกรณีที่ไม่มีสอื่ ทต่ี รงตามจดุ ประสงค์ท่จี ะสอน ครผู สู้ อนต้องสร้างส่อื การเรียนการสอนใหม่ ซ่งึ ต้องใชเ้ วลามาก ๙. การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน นาชดุ การสอนไปใช้น้ัน สามารถนาไปใชใ้ นการเรยี นเป็นรายบุคคล การเรียนเป็นคู่ การเรยี นเปน็ กลุ่ม โดยมีขนั้ ตอนดงั น้ี
๒๗ ข้ันที่ ๑ เร้าความสนใจของผู้เรียน โดยใช้วิธีต่างๆ เช่น ทบทวนความรู้ในเน้ือหาเดิม เกม ปรศิ นา คาถาม เปน็ ต้น ข้ันท่ี ๒ แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้นั ที่ ๓ ให้ผเู้ รยี นศึกษาชดุ การสอน ดังนี้ ๑. ศึกษาคาชี้แจงของการใช้ชดุ การสอนและปฏิบตั ิตามอย่างเคร่งครดั ๒. ศกึ ษาบัตรคาสงั่ ๓. ศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมตามที่กาหนดไว้ในบัตรปฏิบัติการ(ถ้ามี) และตรวจคาตอบจากบัตรเฉลย ๔. ศกึ ษาบตั รเน้อื หา ๕. ทาบัตรฝึกหัดและตรวจสอบคาตอบจากบัตรเฉลย (อาจให้ทาบัตรฝึกหัดทีเ่ น้นฝึกทักษะการคิดเพ่ิมเตมิ ได้) ๖. ทาบัตรทดสอบ ๗. ประเมินตนเองโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนด้วยความซือ่ สัตย์ ข้ันที่ ๔ สรุปทบทวนความรู้ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปความรู้ในประเด็นสาคญั ทีไ่ ด้จากการศึกษาชุดการสอนประโยชนข์ ้อจากัดของชดุ การสอน ๑๐. ประโยชน์ข้อจากดั ของชดุ การสอน ๑. ผู้เรียนได้ใช้ความสามารถในการศึกษาความรู้ในชุดการสอนด้วยตนเองเปน็ การฝึกทักษะในการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการอ่ารน และสรปุ ความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ ๒. การทาแบบฝึกหดั แบบฝกึ ทักษะการเรยี นรู้ และแบบฝึกทักษะการคดิ ทา้ ยชุดการเรียนรู้ ทาให้ผู้เรียนเรียนจักคิดเปน็ แก้ปัญหาเป็น สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาท่ีกาหนดโดย สมศ. ๓. ผู้เรียนมีวินัยในตนเอง จากการที่ผู้เรียนทาตามคาส่ังในขั้นตอนต่างๆ ที่กาหนดในชุดการสอน การตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกทักษะการเรียนรู้ หรือในงานด้วยตนเองนน้ั ทาให้ผเู้ รยี นรจู้ ักฝกึ ตนเองให้ทาตามกติกา ๔. ผูเ้ รียนรู้จักทางานร่วมกับผู้อื่น รับฟงั ความเหน็ ของกันและกัน เป็นการฝึกความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพืน้ ฐานสาคญั ของการอยรู่ ว่ มกันในสังคมประชาธิปไตย ๕. การใช้ชุดการสอนนั้นสามารถศึกษานอกเวลาเรียนได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผ้สู อนทเ่ี อื้อตอ่ การศึกษาดว้ ยตนเอง ๑๑. ขอ้ จากดั ของชดุ การสอน
๒๘ ๑. ผู้สอนต้องนาวิธีการสอนหรือเทคนิคการสอนมาใช้ก่อนเร่ิมบทเรียนหรือระหวา่ งการศึกษาบทเรยี น มิฉะน้นั แลว้ ผูเ้ รียนจะไมบ่ รรลเุ ปา้ หมายท่ีกาหนด ๒ เรื่องท่ใี หผ้ ู้เรียนศึกษาความรู้ด้วยตนเอง ควรเป็นเรอ่ื งท่มี เี น้ือหาสาระทีง่ ่ายสาหรับผเู้ รียนรูด้ ว้ ยตนเองได้ ๓ การให้ผู้เรียนศึกษาชดุ การสอนนั้นต้องมบี ัตรงาน/ใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝึกทักษะการเรียนรู้ที่ฝึกผู้เรียนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ และควรมีเฉลยให้ผู้เรียนตรวจสอบความรู้ของตนเอง ซึง่ ถา้ เปน็ คาถามกรณีปลายเปิด หรอื ฝกึ ทักษะการคิด จะไม่มีเฉลยที่ชดั เจนลงไปจึงต้องมีแบบเฉลยท่ีหลากหลาย ๒.๒ ด้านชุดการฝึกทักษะ ชดุ การฝึกทกั ษะ เป็นสื่ออย่างหน่ึงท่ีช่วยให้ผ้เู รียนรู้มีความเขา้ ใจในบทเรยี นหรือเร่ืองท่ีกาลังเรียน ซ่ึงผู้สอนได้ออกแบบชุดการฝึกเพ่ือทักษะการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ตามศักยภาพของตน ทาใหผ้ เู้ รียนมีความแม่นยาในเรอื่ งทตี่ ้องการฝึก นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะของผเู้ รียนให้คดิ เป็นมีความรับผิดชอบและมีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรู้ ถึงแม้ว่าจะมีการเรียนรู้ชุดการฝึกและชุดฝึกทักษะแตกต่างกันออกไปก็ตาม แต่เป้าหมายของการจัดทาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือต้องการให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆท่ีหลากหลายและบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ทีก่ าหนดไว้ ๑. ความหมายของชดุ การฝึกทกั ษะ แบบฝึกมีความจาเป็น ต่อการเรียน การสอน วิชาทักษะ การใช้แบบฝึก ทักษะพฒั นาการสอนจะช่วยให้ครูและนักเรียนพบข้อบกพร่องทางการเรียนการสอนและแก้ไขข้อบกพร่องนั้นมผี ู้กล่าวถงึ ความหมายของแบบฝกึ ไว้ ดงั น้ี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๕ ได้ให้ความหมายของแบบฝึกทักษะ ไวว้ ่าหมายถึง “แบบตวั อยา่ ง ปญั หา หรือ คาสั่งท่ีต้ังขึ้นเพือ่ ให้นักเรยี นฝกึ ตอบ”๔๓ ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ให้ความหมายของชุดการฝึกว่าหมายถึง สงิ่ ท่ีนักเรยี นต้องใช้ควบคู่กับการเรียน มีลกั ษณะเปน็ ชุดการฝกึ ครอบคลุมกจิ กรรมที่นกั เรยี นพึงกระทา อาจกาหนดแยกเปน็ ๔๓ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม๒๕๕๔, (กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน, ๒๕๕๖)
๒๙ หน่วย หรอื อาจรวมเล่มกไ็ ด้๔๔ วาสนา สุพัฒน์ ให้ความหมายของชุดการฝึกว่าหมายถึง งานหรือกิจกรรมท่ีครูมอบหมายให้นักเรียนทาเพื่อทบทวนความรู้ต่างๆท่ีได้เรียนไปแล้ว ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนเกิดทักษะและเพ่ิมทกั ษะ ซ่ึงสามารถนาไปใชแ้ กป้ ัญหาได้๔๕ อัจฉรา ชีวพันธ์และคนอ่ืนๆ ได้ให้ความหมายของชุดการฝึกว่าหมายถึงส่ิงท่ีสร้างขึ้นเพ่ือความเข้าใจและเสริมเพ่ิมเติมเน้ือหาบางส่วนชว่ ยให้นักเรียนได้ปฏิบัติ และนาความรู้ไปใชไ้ ดอ้ ย่างแม่นยาถกู ตอ้ งและคลอ่ งแคล่ว๔๖ อุมาพร รังสิยานนท์ ได้ให้ความหมายของชุดการฝึกว่าหมายถึงสื่อท่ีสร้างข้ึนเพ่ือเสริมสร้างทักษะให้แก่นักเรียน มีลักษณะเป็นชุดการฝึกหัดท่ีมีกิจกรรมให้นักเรียนทาโดยมีการทบทวนสิ่งที่เรียนผ่านมาแลว้ จากบทเรียน ให้เกิดความเข้าใจและเป็นการฝึกแกไ้ ขจดุ บกพร่องเพอ่ื ให้นกั เรยี นได้มีทักษะยงิ่ ข้ึน๔๗ เชาวนี เกิดเพทางค์ ได้ให้ความหมายแบบฝกึ ทักษะวา่ เป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่เกิดจากการกระทาจริงเป็นประสบการณ์ตรงที่ผู้เรียนมีจุดมุ่งหมายท่ีแน่นอนทาให้นักเรียนเห็นคุณค่าของส่ิงที่เรียนสามารถเรียนรู้และจดจาส่ิงที่เรียนได้ดีและนาไปใช้ในสถานการณ์เชน่ เดียวกันได้๔๘ สรปุ แล้วกลา่ วไดว้ ่าชุดการฝกึ หมายถึง สื่อสงิ่ ประดษิ ฐ์ท่ีสรา้ งข้ึนเพ่อื ให้นกั เรียนได้ทากิจกรรมที่เป็นการทบทวนหรือเสริมเพิ่มเติมความรู้ให้แก่นักเรียนหรือให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการ ๔๔ ชยั ยงค์ พรหมวงศ์, เทคโนโลยแี ละส่ือสารการสอน เอกสารการสอนชุดวิชาเทคโนโลยีการศึกษาหน่วยที่ ๑-๔, (นนทบุรี : มหาวิทยาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๓) ๔๕ วาสนา สุพัฒน์, การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ที่สอนตามคู่มือครู โดยการทาแบบฝึกหัดปรนัยชนิดเลือกตอบกับการทาแบบฝึกหัดในหนังสือแบบเรียน, ปรญิ ญานิพนธ์การศกึ ษามหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมิตร, ๒๕๔๒ ๔๖ อจั ฉราชีวพนั ธ์, การพฒั นาทักษะ พัฒนาความคิดด้วยกิจกรรมการเล่นประกอบการสอนภาษาไทย,พิมพค์ รงั้ ท่ี ๒, (กรงุ เพทมหานคร : สานักพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๐) ๔๗ อุมาพร รังสิยานนท์, การศึกษาความสามารถในการคิดสร้างสรรค์และคิดปัญหา ของเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ จากการ ใช้ชุดฝึกความคิดการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค,์ วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๔๖ ๔๘ เชาวนี เกิดเททางค์, เปรียบเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการอา่ นอยา่ งมีวิจารณญาณโดยใช้แบบฝึกกับไม่ใ ช้ แ บ บ ฝึ ก ข อ ง นั ก เ รี ย น ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี ๒, ( ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร : วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ป ริ ญ ญ า โ ทมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๓๔) หน้า ๒๓
๓๐เรียนรู้หลายๆรูปแบบเพ่ือสร้างเสริมประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ให้แก่ผู้เรียนได้มีคุณลักษณะที่ต้องการปัจจุบันน้ีผู้สอนได้จัดทาชุดการฝึกในลักษณะชุดฝึกทักษะต่างๆ เช่น ชุฝึกทักษะการเรียนรู้ ชุดฝึกทกั ษะความคิด ชดุ ฝึกทกั ษะการตัดสินใจ ชุดฝกึ ทกั ษะการแกป้ ัญหา เปน็ ตน้ ๒. ประเภทของแบบฝกึ ทักษะ สาลี รักสทุ ธี (ม.ป.ป.) ได้กลา่ วไว้วา่ แบบฝึกจะมอี ยู่ ๓ ประเภท๔๙ ดังน้ี ๑. แบบฝึกเสริมทักษะ เป็นแบบฝึกท่ีนาไปใช้กับนักเรียนท่ีมีความสามารถเปน็ เลิศมีความคดิ ความจาเป็นพเิ ศษ สามารถเรยี นรูไ้ ด้เร็ว เพียงแนะนานิดหน่อยก็เขา้ ใจได้ หรือกลุ่มนกั เรียนท่เี รยี กวา่ อฆุ ฎติ ัญญู คือกลุ่มนักเรียนทีม่ สี ติปัญญาเป็นเลศิ นั่นเอง ดังนัน้ แบบฝกึ เสริมทักษะจงึ นาไปใช้เสริมเพื่อพัฒนาความเป็นเลศิ ของนักเรียนกลุ่มนใ้ี ห้กา้ วไปก่อนเพ่ือน ๒. แบบฝึกทักษะ เป็นแบบฝึกที่นาไปใช้กับนักเรียนที่มีความสามารถระดับปานกลางหรือที่เรียกว่า เนยยะบุคคล คือกลุ่มนักเรียนสามารถฝึกได้ สอนได้ ใช้สื่อ นวัตกรรม หรือแบบฝกึ ทกั ษะแลว้ สามารถเข้าใจเนอื้ หาได้ นกั เรยี นกล่มุ นส้ี ่วนใหญ่แล้วจะเปน็ กลุ่มใหญ่ เปน็ กล่มุ ปกติ ๓. แบบฝึกซ่อมทักษะ เป็นแบบฝึกที่นาไปใช้กับนักเรียนท่ีมีปัญหาทางการเรียนมีความบกพร่องด้านใดด้านหน่ึง เป็นนักเรียนที่มีสติปัญญาระดับต่า หรือเด็กแอลดี (LD-Learning Disability) หรือท่เี รยี กวา่ ปทปรมะ คือนกั เรียนมีปัญหาขน้ั วกิ ฤต ๓. หลกั การสรา้ งชุดการฝกึ /ชุดฝกึ ทักษะ ชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะการเรียนรู้เป็นเครื่องมือสาคัญอย่างหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน จึงมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะการเรียนรู้เป็นอย่างดี ซึ่งมหี ลักสาคญั เปน็ แนวในการจดั ทาชุดฝกึ ทักษะดงั นี้ ๑. จดั เน้ือหาสาระในการฝึกตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒. เนอื้ หาสาระและกิจกรรมการฝกึ เหมาะสมกบั วัยของผู้เรียน ๓. การวางรูปแบบของแบบฝกึ ทกั ษะมีความสมั พันธก์ บั โครงเรอ่ื งและเนอื้ หา ๔. แบบฝึกทักษะต้องมีคาช้ีแจงง่ายๆสั้นๆ เพื่อทาให้ผู้เรียนอ่านเข้าใจ เรียนจากง่ายไปยาก มแี บบฝึกทักษะทนี่ า่ สนใจและท้าทายใหผ้ ู้เรียนต้องแสดงความสามารถ ๕. มีความถูกต้อง และครูผู้สอนจะต้องพิจารณาตรวจสอบให้ดีอย่างให้มีขอ้ ผิดพลาด ๖. กาหนดเวลาที่ต้องใชแ้ บบฝึกทกั ษะแตล่ ะตอนใหเ้ หมาะสม ๔๙ สาลี รักสุทธี (ม.ป.ป.), คู่มือการจัดทาสื่อนวัตกรรมและแผนฯ ประกอบสื่อนวัตกรรม, (นนทบุรี :เพิ่มทรพั ยก์ ารพมิ พ,์ ๒๔๕๒), หนา้ ๓๑
๓๑ ๔. ลักษณะของชุดฝกึ ทักษะที่ดี ในการสร้างชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะการเรยี นรทู้ ่ีดีข้ึน ผู้สร้างชุดการฝึกควรคานึงในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้ ๑. ควรมีแบบฝึกทักษะหลายๆแบบในชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะ เพ่ือไม่ให้ผ้เู รียนเกิดความเบ่อื หนา่ ย และควรมีแบบทเี่ ร้าความสนใจผูเ้ รียนได้ลองความสามารถของตน ๒. ผู้เรียนสามารถนาส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากบทเรียนมาตอบในชุดการฝึกหรือชุดฝึกทกั ษะหรือนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการตอบในแบบฝึกทกั ษะ ๓. สานวนภาษางา่ ย เหมาะกับวัยของผู้เรียนและผูเ้ รยี นสามารถศกึ ษาได้ด้วยตนเอง ๔. ชุดการฝกึ /ชดุ ฝึกทักษะแต่ละ่ ชุดน้นั ควรคานงึ ถงึ ความแตกตา่ ง ๕. ชุดฝกึ ทักษะการเรียนรู้ควรฝึกความสามารถของผู้เรยี นหลายๆดา้ น ๖. ควรฝึกทักษะในด้านการเรียนรู้ในด้านความคิดหลายๆรูปแบบ เช่น คิดวเิ คราะห์ คิดอย่างมวี ิจารญาณ คิดสร้างสรรค์ เปน็ ต้น ๕. ข้นั ตอนการสรา้ งชุดฝกึ ทักษะ ในการสรา้ งชุดการฝกึ นั้นผสู้ ร้างจะต้องดาเนนิ การดังนี้ ๑. ศกึ ษาหลกั สูตร หลกั การ จุดม่งุ หมายของหลักสูตร ๒. วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพอ่ื วเิ คราะห์เนอื้ หา จดุ ประสงคใ์ นแตล่ ะชุดการฝกึ ๓. จัดทาโครงสร้างและชดุ ฝกึ ในแต่ละชุด ๔. ออกแบบชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะในแต่ละชุดให้มีรูปแบบที่หลากหลายและนา่ สนใจ ๕. ลงมือสร้างแบบในแต่ละชุด รวมท้ังออกข้อสอบก่อนและหลังเรียนให้สอดคลอ้ งกับขอ้ หาและจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๖. นาไปใหผ้ เู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบ ๗. นาชุดการฝึก/ชุดฝึกทักษะไปทดลอง บันทึกผล แล้วปรับปรุงแก้ไขสิ่งท่ีบกพร่อง ๘. ปรับปรงุ ชดุ การฝึก/ชดุ ฝกึ ทกั ษะใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ ๙. นาไปใชจ้ รงิ และเผยแพร่ตอ่ ไป ๖. ประโยชนข์ องชดุ ฝึกทักษะ ๑. ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามอัตภาพ เด็กแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันการให้ผู้เรียนได้จัดการทาชุดการฝึกเหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคนใช้เวลาท่ี
๓๒แตกต่างกันออกไปตามลักษณะการเรียนร้ขู องแต่ละคนจะทาให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรดู้ ้วยตนเองอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ กาลังใจในการเรียนรู้ นอกจากนั้นยงั เป็นการซ่อมเสริมผู้เรียนที่เรียนไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน ๒. ชดุ การฝกึ ช่วยเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดทักษะท่ีคงทนชุดการฝกึ สามารถใหผ้ ้เู รียนได้ฝกึ ทนั ทหี่ ลังจากจบบทเรียนน้ันๆหรือใหม้ ีการฝึกซ้าหลายๆคร้ังเพ่อื ความแม่นยาในเร่ืองท่ีต้องการฝึกหรือเนน้ ย้าใหน้ กั เรียนทาชดุ การฝึกเพิม่ เตมิ เฉพาะในเรือ่ งท่ีผดิ ๓. ชุดการฝึกสามารถเป็นเคร่ืองมือในการวัดผลหลังจากท่ีผู้เรียนเรียนจบในแต่ละครงั้ ผู้เรยี นสามารถตรวจสอบความรู้ความสามารถชองตนเองได้และไม่เขา้ ใจและทาผดิ ในเร่ืองใดๆผู้เรยี นก็สามารถซ่อมเสริมตนเองได้ จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือทมี่ ีคุณค่าท้งั ของครูผู้สอนละผู้เรียน ผู้เรียนไม่มีปมด้วยท่ีตนทาผิดและสามารถแก้ไขขอ้ ผิดพลาดของตน ๔. เป็นสื่อท่ีช่วยเสรมิ บทเรียนหรอื หนงั สือเรียนหรอื คาสอนของครูผู้สอน ชุดการฝึกของครูผู้สอนจัดทาขึ้นเพ่ือฝึกทักษะ เช่น ชุกฝึกความคิดในรูปแบบต่างๆเป็นการเสริมสร้างคุณลกั ษณะของผู้เรียนให้เปน็ ผรู้ ูจ้ ักคดิ เปน็ นาไปสู่การไขปญั หาต่างๆในการดาเนนิ ชีวิตตอ่ ไป ๕. ชุดฝึกรายบุคคลผู้เรียนสามารถนาไปฝึกเม่ือไหร่ก็ได้ไม่จากัดการเวลาและสถานท่ีนอกจากน้ียังช่วยให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดได้ตามความต้องการของตน โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นหรอื เร้าใจให้ผูเ้ รียนเกิดความกระตอื รือร้นทจี่ ะเรยี นรดู้ ้วยตวั เอง ๖. ลดภาระการสอนของครูผู้สอน ไม่ต้องฝึกทบทวนความรู้ให้แก่ผู้เรียนตลอดเวลาตามลาพังโดยมีภาระให้ทาตามที่มอบหมาย จัดได้ว่าเป็นการเสริมสรา้ งประสบการณ์การทางานให้ผเู้ รยี นได้นาไปประยุกต์ปฏบิ ัตใิ นการดาเนนิ ชวี ิต ๗. ผ้เู รยี นมีเจตคติท่ดี ีต่อการเรียนรู้ การที่ผู้เรียนได้ทาชุดฝกึ ทกั ษะการเรียนรู้ท่ีมีรูปแบบหลากหลายจะทาให้ผู้เรยี นสนุกและเพลิดเพลิน เป็นการท้าทายให้ลงมือทากิจกรรมต่างๆตามชดุ การฝกึ ๒.๓ ดา้ นหนงั สือนทิ าน นิทานเป็นหนังสือท่ีเป็นนิยมสาหรับผู้อ่านท่ีอยู่ในวัยเด็ก นิทานจึงมีอิทธิพลต่อการปลูกฝังคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ให้แก่เด็กและเยาวชนท่ีอยใู่ นวัยเรยี นอย่างมาก ดังนั้นครผู ู้สอนในปัจจุบัน จงึ เห็นความสาคัญของการนานิทานมาเล่าให้เด็กฟงั หรืออ่านนิทานเพื่อเปน็ การจูงใจ หรือเร้าความสนใจใหแ้ กเ่ ดก็ ก่อนการเรียนการสอนหรือใช่นิทานเปน็ สือ่ ในการปลกู ฝงั คุณธรรม จริยธรรมคา่ นิยม ให้แกเ่ ด็กและเยาวชน นอกจากนั้นนทิ านยงั มีคุณคา่ ต่อการฝึกทักษะการอ่าน การฟัง การพูดและการเรยี นให้แก่เด็ก การปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยในการรักการอ่าน การใฝร่ ู้การฝึกทกั ษะ
๓๓การคดิ และการตดั สินใจในการทากิจกรรมต่างๆอย่างมีเหตุผลอกี ทั้งสร้างความเพลดิ เพลินและความสนุกสนานคลายความเครียดใหแ้ กผ่ ู้อ่านหรอื ผู้ฟังนทิ านอีกด้วย ๑. ความหมายของนทิ าน มผี ู้ใหค้ วามหมายของนทิ านไวด้ งั น้ี ทรงพร สุทธิธรรม ให้ความหมายของนิทานวา่ หมายถึง เรอื่ งราวที่เล่ากันต่อมาหรือแต่งข้ึนโดยมจี ุดประสงค์เพื่อความสนุกสนานหรือแทรกแนวคิด คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์แกเ่ ด็กเพื่อใหส้ ามารถปฏิบตั ิตนไดเ้ หมาะสมในการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม๕๐ เกษลดา มานะจุติและ อภิญญา มนูญศิลป์ ได้ให้ความหมายของนิทานว่าหมายถึง เรื่องเลา่ ต่อกัน มาโดยใชว้ าจาหรอื เลา่ โดยแสดงภาพประกอบ หรือการเลา่ โดยวัสดุอุปกรณ์ใช้ประเภทต่างๆประกอบก็ได้เช่น หนังสือภาพ หุ่นหรือการใช้คนแสดงบทบาทลีลาเป็นไปตามเนื้อเรื่องของนิทานน้ันๆ แตเ่ ดิมมานิทานถูกเลา่ สู่กันและกันด้วยปากสืบกันมาเพ่ือ เป็นเคร่ืองบันเทิงใจในยามว่าง และเพื่อถ่ายทอดความเช่ือความศรัทธาเลื่อมใสในส่ิงศักดิ์สิทธ์ิที่เป็นท่ียึดถือของคนแต่ละกลมุ่ ๕๑ วไิ ล มาศจรสั ได้กล่าวถึงความหมายของนิทานว่า นิทาน หมายถึง เรื่องที่เล่ากันมา เช่นนิทานอีสป นิทานชาดก ในทางคติชนวิทยา ถือวา่ นิทานเป็นเรื่องเล่าสืบสานต่อๆ กันมา ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอยา่ งงหนึ่งในหลายอย่างของมนุษยเ์ ป็นสิง่ ที่มีความหมาย มีคุณค่าซึ่งนิทานนั้นจะมีท้ังนิทานเลา่ ปากเปล่า จดจากัน มาแบบมุขปาฐะและนทิ านที่มกี ารเขยี นการบันทกึ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ได้ระบุความหมายของนิทานไว้ว่านิทานหมายถึงเรอื่ งท่ีเล่ากนั มา เช่น นทิ านชาดก นิทานอีสป๕๒ ประคอง นิมมานเหมินทร์ ได้ให้ความหมายของนิทานว่า หมายถึง เรอ่ื งทเี่ ลา่ กันต่อๆ มาจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งโดยไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้แต่ง เช่น นิทานเร่ืองสังข์ทองปลาบู่ทอง หรือโสนนอ้ ยเรอื นงาม มกี ารเล่าสู่กนั ฟังจากปยู่ ่าตายายของเรา พ่อแม่ของเรารวมทั้งตัวเราเอง ๕๐ ทรงพร สุทธิธรรม, การศกึ ษาความสามารถในการรับรู้และเข้าใจทศั นะของผู้อื่น ของเดก็ ปฐมวัยที่ผู้ปกครองจัดกิจกรรมนิทานเพื่อส่งเสริมการคลายการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง, ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต (การศกึ ษาปฐมวัย). (กรงุ เทพมหานคร : บัณฑติ วทิ ยาลัยมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร.ถา่ ยเอกสาร, ๒๓๔๓) ๕๑ เกษลดา มานะจุติและ อภิญญา มนูญศิลป์, นิทานและหุ่นสาหรับเด็กปฐมวัย, (คณะศึกษาศาสตร์สถาบนั ราชภฏั เชยี งใหม่ : เชืยงใหม่, ๒๕๔๔) หนา้ ๑ ๕๒ วิไล มาศจรัส, เทคนิคการเขียน การเลา่ นทิ านสาหรับเดก็ , พมิ พ์ครงั้ ที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร : ธารอักษร, ๒๕๔๕), หน้า ๑๒
๓๔ไปจนถึงลูกหลานเหลนโหลนของเรา เป็นทอดๆ กันไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า บางครั้งก็แพร่กระจายจากท้องถ่นิ หน่ึงไปสอู่ กี ท้องถิน่ หนึ่ง เช่น นิทานเรื่องสงั ข์ทองอาจมีหลายสานวนแลว้ แตค่ วามทรงจา ความเชือ่ อารมณข์ องผ้เู ล่าและวัฒนธรรมในแตล่ ะท้องถิน่ จากความหมายของนทิ านดังกล่าว๕๓ เกริก ยุ้นพันธ์ ให้ความหมายของนิทานว่าหมายถึง เรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นการผูกเร่ืองข้ึน เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานแฝงคาสอนจรรยาในการใช้ชวี ติ ประจาวนั เป็นการถ่ายทอดวฒั นธรรมต่อเนือ่ งของผเู้ ลา่ ให้คนรุ่นใหมฟ่ งั ๕๔ สัณหพัฒน์ อรุณธารี ให้ความหมายของนิทานว่า หมายถึง เร่ืองที่มีผู้แต่งขึ้นใหม่ หรือเป็นการเล่าสืบต่อกันมา เพ่ือให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่ผู้ฟังเป็นสาคัญ และสอดแทรกคุณธรรมค่คู วามรปู้ ระกอบ๕๕ สมศักด์ิ ปริปุรณะ สรปุ ความหมายของนิทานไว้ดงั นค้ี ือ ๑. เป็นเรอื่ งทผี่ ูกข้นึ ๒. เป็นเร่ือเล่าที่ใช้วาจาเป็นส่ือในการถ่ายทอดหรือเขยี นทานองการเล่าด้วยปากเปล่า ๓. เป็นบทประพันธท์ ่ีมีลีลาการเล่าแบบเปน็ กันเองทานองการเล่าดว้ ยวาจา ๔. เป็นเรื่องเล่าท่ีมีจุดประสงค์หลักเพื่อความบันเทิงใจและมีส่ิงสอนใจเป็นจดุ ประสงค์รอง ๕๖ สรุปได้ว่า นิทาน หมายถึง เรื่องราวที่เล่าสืบทอดกันมาหรือเป็นเร่ืองที่แต่งขึ้นเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนาน และไดข้ อ้ คิดเตอื นใจเก่ียวกบั ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม วัฒนธรรม เพื่อนาไปใช่เปน็ ประโยชน์ในการปฏิบตั ิตนในการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งเหมาะสม ๒. ประเภทของนทิ าน มีผจู้ าแนกของประเภทนทิ านไว้ดังน้ี ไพพรรณ อินทนลิ ไดแ้ บง่ ประเภทของนิทานตามรปู แบบ (From) คอื ๕๓ ประคอง นมิ มานเหมินท์, นิทานพน้ื บา้ นศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : โครงการเผยแพร่ผลงานวชิ าการคณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์วิทยาลัย, ๒๕๕๑), หน้า ๙ ๕๔ เกรกิ ย้นุ พันธ์, การเล่านทิ าน. พมิ พ์ครง้ั ที่ ๒, (กรงุ เทพมหานคร : สุวีริยาสาส์น, ๒๔๕๗), หน้า ๘ ๕๕ สัณหพัฒน์ อรุณธารี, นิทานสาหรับเดก็ ปฐมวัย ภเู กต็ โครงการตาราวิชาการราชภัฏเฉลมิ พระเกยี ตริ(กรงุ เทพมหานคร : พรกิ หวานกราฟฟคิ , ๒๕๔๒) ๕๖ สมศักิด์ ปริปุรณะ. “นิทาน ความสา คัญและประโยชน์,” สถาบันราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง, ๒๕๔๒),หน้า ๔๗
๓๕ ๑. นิทานปรมั ปราหรอื เทพนิยาย(Fairy Tale)มักจะกาหนดสถานทเี่ ล่อื นลอยไม่แนช่ ัด เช่นในกาลครั้งหน่ึง มีเมืองๆหน่ึง ตวั ละครจะมีฤทธ์ิเดชมาก เช่น สังขท์ อง ปลาบูท่ อง สโนว์ไวท์ ๒. นิทานท้องถิ่น(legend)หรอื เรยี กวา่ ตานาน มักเป็นเรื่องขนาดสั้นเกยี่ วกับการเช่อื ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นเรอ่ื งพิสดารแตเ่ ช่อื วา่ เกิดขน้ึ จริง เชน่ เรือ่ งพระยากงพระยาพานพระร่วง ๓. นิทานเทพนิยาย(Myth)ตัวบุคคลในเรื่องจะเก่ียวกับความเชื่อ เช่น เรื่องพระอินทร์ เมขลา รามสูร ๔. นิทานเรื่องสัตว์(Animal Tale)เป็นทานที่เป็นเร่ืองราวของสัตว์แต่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกบั คน แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คอื ๑) นิทานเป็นเภทคติธรรม (Fable)คล้ายนิทานคติสอนใจ คือ ตัวเอกต้องเป็นสัตว์แต่มคี ติสอนใจ เช่น ราสีหก์ ับหนู ๒) นิทานประเภทเลา่ ซ้าๆ หรอื เล่าไม่รู้จบ(Formula Tale) เชน่ เร่ือง ยายกะตา มีวิธีการเลา่ เฉพาะ ๕. นิทานตลกขาขัน (Jest) เป็นเรื่องส้ันๆเนื้อหาจุดสาคัญอยู่ที่เรื่องไม่น่าเป็นไปได้ อาจเป็นเรื่องทางการแก้เผ็ด แก้ลา การแสดงปฎิพาณไหวพริบ เปน็ การแสดงออกทางด้านอารมณ์ของมนุษย์ท่ีต้องการหลุดพ้นจากรอบของวัฒนธรรม ประเพณี และกิจวัตร นิทานประเภทนี้รวมไปถงึ นทิ านเหลือเชื่อ๕๗ วไิ ล มาศจรสั ได้แบ่งประเภทของนทิ าน เป็น ๔ ประเภทดงั นี้ ๑. นิทานภาษิต (Fable) นิทานภาษิตจะเป็นนิทานส้ันๆ มีตัวละครเป็นสัตว์ตวั ละครในนิทาน สามารถจาแนกได้ คอื ๑) ตวั ละครที่มีอานาจ เช่น สิงโต เสือ ช้าง ตัวละครดังกล่าวจะได้รบั การยกยอ่ งให้เป็นเจ้าป่า ๒) ตวั ละครฝา่ ยอธรรม แสดงถึงความเจา้ เลห่ ์ ขโี้ กง เชน่ สนุ ัขจงิ้ จอก ๓) ตัวละครท่มี สี ติปัญญานอ้ ย เชน่ ลา ๔) ตัวละครที่ซกุ ซน เชน่ ลิง ๕) ตัวละครทม่ี ีการแสดงถงึ อายุยนื เช่อื งชา้ เช่น เตา่ ๖) ตัวละครที่มีความปราดเปลย่ี ว เช่น กระตา่ ย ไก่ปา่ ๕๗ ไพพรรณ อนิ ทนลิ , เทคนคิ การเล่านทิ าน, (กรงุ เทพมหานคร : ชมรมเด็ก, ๒๕๕๔),หนา้ ๒๑
๓๖ ๒. นิทานเทพนิยาย(Fairy Tale)ละครเทพนิยายจะมีตัวละครเอกเป็นมนุษย์มีศักด์ิสูง เช่น เป็นเจ้าหญิง เจ้าชายถ้าเป็นคนธรรมดาก็มักจะมีลักษณะพิเศษ เช่น รูปงามเป็นต้นนิทานเทพนิยายของต่างประเทศท่ีคนไทยรู้จักกันดีคือ เร่ืองซอนเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา สโนไวท์และคนแคระทั้งเจ็ดเป็นต้น ปัจจุบันละครเทพนิยายดังกล่าวมีผู้นาไปใช้เป็นสร้างเป็นภาพยนตร์การต์ นู ฉายเผยแพร่ไปท่ัวโลก ๓. นทิ านชาดก นิทานชาดกเป็นนิทานท่อี ยใู่ นคมั ภรี ์เรยี กวา่ นาทานชาดก กับปัญญาสชาดก เป็นนิทานที่มีไว้ยกเป็นคาสอนของผู้แสดงธรรม เช่น เวลาพระภิกษุแสดงพระธรรมเทศนากจ็ ะมกี ารยกชาดกข้ึนมาขยายความใหเ้ ป็นขอ้ คิดเตอื นใจ ๔. นิทานชาวบ้าน(Folk Tale)นิทานชาวบ้านเป็นนิทานพ้ืนบ้านที่เล่าสืบต่อกันมาแต่โบราณ เนื้อหาในนิทานมักจะอ้างอิง สถานที่อยู่จริงในท้องถ่ิน เช่น เร่ืองไกรทอง จะอ้า งเหตุการณ์ในจงั หวัดพติ ร เขานางนอน อ้างสถานท่ีจงั หวัดเชียงราย ตามอ่ งลา่ ย อา้ งเหตกุ ารณส์ ถานท่ีจงั หวัดประจวบครี ีขันธ์ เกาะหนู เกาะแมว อ้างสถานท่ใี นจงั หวดั สงขลาเปน็ ตน้ ๕๘ ธวัช ปณุ โณฑก ไดอ้ ธบิ ายว่า นิทานพื้นบา้ นแบง่ เป็น ๗ ประเภทคอื ๑. นิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานจักรๆวงศ์ๆหรือนิทานประโลมโลก เช่น เจ้าชายถูกแมเ่ ลยี้ งริษยา ต้องออกจากเมือง เผชิญโลกไปยังดินแดนมหัศจรรย์ ปราบยักษ์ นกอินทรี และฝา่ ยอธรรมทั้งหลาย จนในทส่ี ดุ ก็กลับมาครองเมืองอยา่ งสนั ตสิ ขุ ๒. นิทานวีรบุรุษ เป็นนิทานที่มีโครงเรื่องแนวปฎิหาริย์แต่ได้อ้างอิงชื่อบุคลในประวตั ศิ าสตร์ บุคคลทเี่ ปน็ วีรบุรุษประจาชาติหรือบคุ คลสาคัญของเผ่าพันธุ์หรือภูมิภาคนั้น เช่น เรื่องท้าวแสนปม เรอ่ื งพระร่วง เป็นต้น ๓. นิทานประจาถิ่น เป็นนิทานที่อธิบายความเป็นมาของท้องถิ่น ถึงแม้ว่าแนวเร่ืองจะเป็นแนวปฎหิ าริย์ แต่ปรากฏช่ือในสถานที่ท้องถิ่นจรงิ มีโบราณสถานจริง หรือมหี ลกั ฐานเป็นสง่ิ สาคัญของของถ่นิ นน้ั ๆจริงเช่น เรอื่ งพระยากงพระยาพาน (ปฐมเจดยี )์ เรอื่ งตาม่องล่าย (ช่อื ภเู ขาในเขตจังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ)์ เปน็ ต้น ๔. นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานท่ีอธิบายของปรากฏการณ์ธรรมชาติ อธิบายรูปรา่ งของสัตว์และอธิบายความเปน็ มาของพิธตี า่ งๆ นิทานเหลา่ นม้ี ุ่งอธบิ ายความเป็นมาชองสรรพสิ่งตา่ งๆตามความเช่ือและทัศนะของคนไทยซ้ึงไม่สอดคลอ้ งกับวถิ ีการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ทาไมเมล็ดขา้ วจึงเลก็ ทาไมกระดองเตา่ จงึ แตก เปน็ ตน้ ๕๘ วไิ ล มาศจรสั , เทคนิคการเขยี น การเลา่ นิทานสาหรบั เด็ก, พิมพค์ ร้ังที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร : ธารอักษร, ๒๕๔๕), หน้า ๑๐
๓๗ ๕. เทพนิยายหรือนิทานเทวปกรณ์ เป็นนิทานที่เล่าความเป็นมาของโลกและจักรวาลตามทศั นะและความเช่ือของคนไทย และสรรพส่งิ ตา่ งๆในโลก เช่น เรอื่ งเมขลารามสูรเร่อื ราหูอมจันทร์ เปน็ ต้น ๖. นิทานสอนใจ บางคร้ังเรียนกว่า นิทานคติธรรม แนวเรื่องของนิทานจะยึดเรอ่ื งคุณธรรม เช่น ความกตญั ญู ความซ่ือสัตย์ของตัวเอก ชีใ้ หเ้ ห็นว่า การประกอบคณุ ความดีจะไดร้ ับผลดีทง้ั ในปจั จุบนั และอนาคต ๗. นิทานมุขตลก เป็นนิทานท่ีมุ่งให้ความขบขันแก่ผู้ฟัง ซึ่งจะนามุขตลกมาจากเร่อื งราวต่างๆ เชน่ คนปญั ญาไวจากเรื่องศรธี นญชยั เร่ืองคนขเ้ี กียจไดด้ ี เป็นตน้ ๕๙ กล่าวได้ว่า การแบ่งประเภทของนานนั้น มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภทแตกตา่ งกนั ออกไป สรปุ ได้วา่ ประเภทของนิทานที่สาคญั ได้แก่ ๑. นิทานภาษิต มลี กั ษณะเปน็ นิทานส้ันๆมตี วั ละครเปน็ สตั ว์ ๒. นิทานเทพนิยาย เปน็ นยิ ายเกี่ยวกับการเชอ่ื ๓. นิทานปรัมปรา เป็นนิทานที่ตัวละครจะมีฤทธ์ิเดชมาก กาหนดสถานที่เล่ือนลอยไม่ชดั เจน ๔. นิทานชาดก เป็นนิทานท่อี ยใู่ นคัมภีร์ มไี วย้ กเป็นคาสอนของผแู้ สดงธรรม ๕. นิทานชาวบ้าน เป็นนิทานพื้นบ้านในแต่ละท้องถ่ินท่ีเล่ากันสืบทอดกันมาแต่โบราณปัจจุบันน้ีมีผู้ผูกเร่ืองหรือแต่งนิทานท่ีมีเรื่องราวสอดคล้องกับสภาพสังคมหรือใช้ประกอบในการเรียนการสอนเพอื่ เป็นคตเิ ตือนใจผู้อ่านซง่ึ เปน็ เยาวชน ๓. คณุ ค่าของนทิ าน ๑. เด็กเกิดความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ จากการฟงั หรืออา่ นนทิ าน ๒. เด็กได้พัฒนาการด้านภาษาจากการฟงั การอ่าน การพูดเลา่ เรอ่ื ง และสามารถเขยี นสรุปขอ้ คิดจากนทิ านได้ ๓. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์จากการฟังนิทานทาให้รู้สึกอบอุ่น ได้มีปฎิสัมพันธ์กับผู้เล่า เช่น พ่อ แม่ ครู เพื่อน นอกจากนั้นยังเป็นการฝึกให้เด็กเป็นผู้ฟัง ท่ีดีและรู้จักแสดงออกอย่างเหมาะสม ๔. ช่วยใหเ้ ด็กเกดิ จนิ ตนาการจากเรอ่ื งราวทฟ่ี งั ได้เชน่ เร่อื งสตั ว์ ธรรมชาติ ๕๙ ธวัช ปุณโณทก, ความเชื่อพื้นบ้านอันสัมพันธ์กับวิถีชีวิตในสังคมอีสานในวัฒนธรรมพื้นบ้าน: คติความเชื่อ, (กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๔๓) หน้า ๕
๓๘ ๕. เนื้อหาสาระของนิทานบางเรือ่ งช่วยปลกู ฝังคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ มท่ีดงี ามให้แกเ่ ดก็ ๖. ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ให้แก่เด็ก นิทานบางเรื่องจะมีเกร็ดความรู้ การปฏิบัติตนของตวั ละครทเ่ี ป็นแบบอยา่ ง ในการกระทากิจกรรมตา่ งๆเปน็ การเสรมิ สร้างประสบการณ์ให้แกเ้ ดก็ วิธหี นึ่ง ๗. การที่ครูผูส้ อนเลา่ นทิ านหรือให้เดก็ นักเรียนอ่านนิทานอยูเ่ สมอ เป็นการฝึกให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับเร่ืองทีฟ่ ัง และเมื่ออ่านหรอื ฟังนิทานจบแลว้ ครูสามารถฝึกให้เด็กมที ักษะในการคิดวเิ คราะห์ข้อคิดสาคัญจากนิทานได้ และรู้จกั ปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงสง่ิ ใหมๆ่ อย่างสรา้ งสรรค์ ๔. ขน้ั ตอนการเขียนนิทาน ผเู้ ขียนนิทานแต่ละคนย่อมมขี ั้นตอนการเขียนตามรปู แบบของตนแตกต่างกันออกไปแตม่ ขี ัน้ ตอนสาคัญทีค่ ล้ายคลงึ กัน มดี งั น้ี ๑. กาหนดจุดมุ่งหมายในการเขียน โดยมีการกาหนดจุดมุ่งหมายทั่วไป เช่นตอ้ งการเขียนนิทานที่เป็นเร่ืองสั้นๆ หรอื เป็นนิทานทอ้ งถน่ิ ต่อจากน้ันก็กาหนดจุดมงุ่ หมายเฉพาะว่านิทานทจ่ี ะเขียนน้ันมีลกั ษณะเฉพาะอยา่ งไร เชน่ เพ่อื ปลูกฝังคุณธรรมเรื่องความซ่อื สัตย์สุจรติ ความมีระเบียบวินัย ความกตัญญู หรือเพ่ือเป็นการเตือนสติไม่ให้เกิดความประมาท ให้ตระหนักถึงความสาคญั ในการศึกษาเร่ืองราวทางประวตั ิศาสตร์ ให้เขา้ ใจและมีความรักชาติหรือเพื่อใหเ้ กดิ ความรกั ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม เป็นต้น ๒. วิเคราะหค์ ุณสมบัติของผูอ้ ่าน ซงึ่ เป็นกลุ่มเครอื่ งหมายว่าอยูใ่ นวัยใด หรือถา้ เป็นนทิ านท่ีใชป้ ระกอบการเรียนการสอนก็ต้องวิเคราะห์วา่ กลุ่มเป้าหมายอย่ใู นระดับชั้นหรือช่วงชั้นใด เพ่อื จะได้เขยี นเนือ้ หาสาระและสานวนได้ตรงกับความตอ้ งการของกลุ่มผู้อ่าน ๓. กาหนดเค้าโครงเรื่องซ่ึงประกอบด้วย การเปิดเรื่อง การดาเนินเรื่อง การปิดเรอื่ งโดยมขี อบข่ายเน้ือหาสาระในแตล่ ะตอนท่ชี ัดเจน มีแก่นของเรื่อง เชน่ เร่ืองของการซ่ือสัตย์ ก็จะมเี น้ือเรื่องท่ีเป็นแกน่ ของเรือ่ งแสดงถึงชีวิตของคน ทป่ี ฏิบัตติ นโดยยดึ มั่นในความซอ่ื สตั วถ์ ึงแมว้ ่าจะมสี ่งิ เย้ายวนใจให้เกิดความโลภ ไมซ่ ่อื สัตย์ แต่บุคคลนัน้ กย็ งั มีความม่ันคง เปน็ ต้น นอกจากน้ันยังมีการกาหนดตัวละคร ฉาก ลีลาการใชส้ านวนภาษา เช่น เขียนแบบเรียบๆ เขียนกระชับรัดกุม หรือเขียนแบบปลุกเร้าจติ ใจ เป็นต้น ๔. กาหนดการประเมินผลว่า เมื่อเด็กๆได้อ่านหรือฟังนิทานแล้ว มีความรู้ความเข้าใจมีพฤติกรรมตามที่กาหนดไว้อย่างไร เช่น เม่ืออ่านหรือฟังนิทานเร่ืองน้ีแล้วเด็กๆเห็นความสาคัญของการปฏิบัติตนเป็นคนท่ีมีความมั่นคงในความซื่อสัตย์สุจริตแล้วนาไปประยุกต์ปฏิบัติตามตวั ละครในเรอื่ ง
๓๙ ๕. กาหนดแหล่งขอ้ มูลที่สนับสนุนการยกร่างต้นฉบับนทิ านในเร่ืองน้ันๆ เช่นในกรณีนาสถานท่ีในแต่ละท้องถิ่นมาผูกเรื่องเปน็ นิทาน เช่น เขาตาม่องล่าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อนุสาวรียพ์ นั ทา้ ยนรสงิ ห์ เปน็ ต้น ๖. ยกร่างต้นฉบับ เป็นการเขียนเนื้อหาสาระนิทานตามที่กาหนดเค้าโครงเอาไว้แล้ว การยกร่างครั้งแรกเม่ือจัดทาแล้วผู้เขียนควรได้อ่านทบทวน ตรวจสอบความถูกต้องในเน้ือหาสาระความสัมพันธ์ของตัวละครกับสถานท่ี ฉาก เวลา สานวนเหมาะสม ซ่ึงอาจจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป ผู้เขียนนิทานควรให้ความสาคัญต่อการปิดเร่ืองนิทานซ่ึงอยู่ในตอนสุดท้ายของนิทานกล่าวคือ ควรให้ผอู้ า่ นได้ข้อคดิ สาคัญจากเรือ่ งทีอ่ า่ น ๗. ทดสอบต้นฉบับ โดยการนานิทานท่ียางรา่ งเรียบร้อยแล้วไปให้เดก็ ซ่ึงเป็นตัวแทนกลุ่มเป้าหมายการอ่าน หรือนาไปเล่าให้เด็กซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มเป้าหมาย เพ่ือให้เด็กแสดงความคิดเหน็ หรือขอ้ เสนอแนะในนิทานเร่ืองนนั้ ๘. การปรับปรุงต้นฉบับ เมื่อได้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากตัวแทนกลุ่มเป้าหมายแล้วก็นาต้นฉบับไปปรับปรุง แก้ไขหรือพัฒนาให้สมบูรณ์ และถ้าต้องการความม่ันใจในคุณภาพของหนังสือนิทานเล่มนั้นก็อาจจะนาไปทดสอบกับผู้อ่านหรือผู้นาไปเล่าให้เด็กซึ่ง เป็นกลุ่มเป้าหมายอีกครงั้ เพอื่ จะไดข้ ้อเสนอแนะทีเ่ ป็นประโยชนน์ ามาปรับปรงุ นทิ านให้มคี ุณภาพท่ดี ีต่อไป ในกรณีที่เป็นหนังสือนิทานควรมีภาพประกอบตามความเหมาะสมเพื่อเร้าความสนใจของผอู้ ่านหรือทาให้เกิดจนิ ตนาการตามเรอื่ งราวของนิทาน หรือมีความเพลนิ เพลนิ จากการอ่านหนังสอื นิทาน ๒.๔ ดา้ นเกม การนาเกมไปใช้ในการเรียนการสอนนั้นสามารถนาไปใช้ในข้ันตอนของการนาเข้าสู้บทเรียนเพอ่ื ให้ผเู้ รียนมีความสนุกสนานและกระตือรอื ร้นทีจ่ ะเรียนในเรื่องน้ันๆ หรืออาจจะนาไปใช้ระหว่างกิจกรรมการเรยี นรู้ หรอื แทรกไปในการเรียนการสอนบางข้นั ตอนท้งั นี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบการเรียนการสอนผู้สอน ซง่ึ การนาเกมไปใช้ในการเรียนการสอนน้นั จะสง่ ผลต่อการพัฒนาผู้เรียนท้ังรา่ งกาย สตปิ ัญญา สังคมและอารมณ์ แต่อย่างไรก็ตามส่ิงท่ีผู้สอนควรคานึกก็คือการใช้เกมต่างๆน้ันต้องมสี ว่ นทาใหผ้ ูเ้ รยี นไดผ้ ลตามจดุ ประสงคข์ องเรอ่ื งทีเ่ รยี น ๑. ความหมายของเกม
๔๐ พีระพงศ์ บุญศิริ ได้กล่าวว่าเกมหมายถึง การเล่นเบ็ดเตล็ดตามแต่โอกาส และเวลาทีจ่ ะอานวยให้หลังจากวา่ งจากงานประจา หรือเปน็ กิจกรรมสาหรับเด็กได้เล่นร่วมกนั ในยามว่างเกม๖๐ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง การเล่นหรือการละเล่น เพ่ือความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ๖๑ Patiwat Kamonrat ไดใ้ ห้ความหมายเกมหมายถงึ กจิ กรรมทางพลศกึ ษาแขนงหนง่ึ ท่ีว่าดว้ ยการเลน่ ทไ่ี มม่ กี ฎกตกิ าสลับซับซ้อนมากนัก และเป็นการเล่นทีส่ ่งเสริมใหม้ ีการพัฒนาทักษะการเคล่ือนไหวข้ันมูลฐาน เพอื่ พฒั นาไปส่ทู ักษะกีฬาประเภทอื่นๆ๖๒ Tripod ได้กล่าวไวว้ า่ เกม หมายถงึ การเล่นท่มี รี ะเบยี บ มรี ะบบ มกี ฎเกณฑ์ ทุกสง่ิ มีเงื่อนไข หรอื ขอ้ ตกลงร่วมกันท่ีไม่ยงุ่ ยากซบั ซอ้ นมากนกั ทาให้เกดิ ความสนุกสนาน ร่าเริง และเป็นการออกกาลงั กายเพ่ือพฒั นาความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ ส่งเสริมให้เกดิ คุณธรรม เช่น การให้อภัยเสยี สละ อดทน อดกลั้น ความสามคั คี ความกลา้ หาญ ไมเ่ หน็ แก่ตัวและเป็นกิจกรรมที่เล่นไดท้ กุ เพศทกุ วัย ไมว่ ่าการเลน่ นนั้ เป็นรายบุคคล หรอื เป็นกลุ่ม๖๓ มาลี สุรพงศ์, ได้ให้กล่าวไว้ว่าเกม หมายถึง กิจกรรมที่จัดเพื่อให้ได้ออกกาลังกาย และเกิดการพฒั นาทางด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และการแข่งขนั ที่เป็นไปตามระเบียบขอ้ บงั คับระหว่างผู้เล่นท้ังสองฝ่าย๖๔ สรุปความหมายของเกม หมายถึง กิจกรรมที่สร้างความสนใจและความสนุกสนานให้แก่ผู้เรียน มีกฎเกณฑ์ กติกา ส่งเสริมให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ เข้าใจและจดจาบทเรียนได้ง่ายและ ๖๐ พีระพงศ์ บุญศิริ เกม (GAMES) ; The Activity for Human Performance, (กรงุ เทพมหานคร :โอเดยี นสโตร์, ๒๕๔๖), หน้า ๓ ๖๑ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรม, หลักเกณฑ์การทับศัพท์, (กรุงเทพมหานคร :ราชบัณฑติ ยสถาน, ๒๕๓๕), หนา้ ๑๐๘ ๖๒ Patiwat Kamonrat. ค ว า ม ห ม า ย เ ก ม ก า ร ศึ ก ษ า , [อ อ น ไ ล น์ ] ,แ ห ล่ ง ท่ี ม า :https://prezi.com/fxwgu0in5wo2/presentation/. [๒๒ ม.ี ค.๖๑] ๖๓ Tripod, ความหมายเกม, โครงการวิจัยเร่ือง การพัฒนาระบบการเรียนการสอนเกมโดยใช้ระบบอนิ เทอร์เน็ตในสถาบันเทคโนโลยรี าชมงคลใช้งบประมาณผลประโยชน์ หมวดเงนิ อุดหนุนงานวิจัย วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักด์ิ [ออนไลน์], แหล่งท่มี า : http://wichianthonthong.tripod.com/index.htm [๒๒ ม.ิ ย.๖๑] ๖๔ มาลี สุรพงศ์, เกม (GAMES) ; The Activity for Human Performance, (กรุงเทพมหานคร :โอเดยี นสโตร์, ๒๕๓๙) หน้า ๕
๔๑พฒั นาทักษะต่างๆ ร่วมเร็วอีกทัง้ ส่งให้ผู้เรียนได้รู้จักทางานร่วมกัน มกี ระบวนการในการทางานและอยู่ร่วมกัน ในเกมแต่ละเกมนั้นอาจมีผู้เล่นคนเดียวหรือลายคนแขง่ ขันกันหรือร่วมมือกันทากิจกรรมตามกติกาท่ีตกลงกนั มกี ารกาหนดระบบการใหค้ ุณหรือวธิ ีการตดั สินให้ชนะหรอื หรอื แพ้ ได้ออกกาลังกายเพือ่ เป็นการส่งเสริมให้มีการพฒั นาทางด้านสมอง ทางดา้ นร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสงั คม โดยอยูภ่ ายใต้กฎกติกาท่ีไมย่ ุ่งยากซบั ซอ้ นมากนัก ทาให้ผู้เล่นเกดิ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ผอ่ นคลายความเครยี ด และได้รบั ทกั ษะพ้ืนฐานท่ีสามารถพัฒนาไปสูก่ ารฝกึ กิจกรรมการออกกาลังกายอืน่ ๆ ได้ ๒. ประเภทของเกม สานักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ กระทรวงศกึ ษาธิการ ไดแ้ บ่งประเภทของเกมการศกึ ษา ออกเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ ๑. การจับคู่ เป็นเกมการศึกษาท่ีฝึกให้เด็กสังเกตสิ่งที่เหมือนกันหรือต่างกันซึ่งอาจเปน็ การเปรียบเทียบภาพต่างๆ แล้วจัดเป็นคูๆ่ ตามจุดหมายของเกมแต่ละชุด เช่น เกมจับคู่ภาพที่เหมือนกัน เกมจับคู่ภาพที่เป็นประเภทเดียวกัน เกมการจับคู่ภาพท่ีมีเสียงสระเหมือนกัน เกมจับคู่แบบอนุกรม เปน็ ต้น ๒. การต่อภาพให้สมบูรณ์ เป็นเกมการศึกษาท่ีฝึกให้เด็กสังเกตรายละเอียดของภาพทีเ่ หมอื นหรอื ตา่ งกนั สังเกตเรือ่ ง สี รูปร่าง ขนาด ลวดลาย เปน็ ต้น ๓. เกมการวางภาพตอ่ ปลาย (โดมิโน) ๔. เกมการเรียงลาดับ เป็นเกมการศึกษาท่ีฝึกความสามารถในการจาแนก เช่นเกมเรยี วลาดบั ตามขนาด เกมเรียงลาดับเหตุการณต์ ่อเน่อื ง เป็นตน้ ๕. เกมการจัดหมวดหมู่ การจดั หมวดหมู่อาจแยกได้เป็นพวกใหญ่ๆ เช่น การจัดหมขู่ องวสั ดุ การจดั หมู่ของภาพ เปน็ ตน้ ๖. เกมการสงั เกตรายละเอียดภาพ (ลอตโต) ๗. เกมจับคแู่ บบตารามสัมพันธ์ ๘. เกมพื้นฐานการบวก เป็นเกมท่ีผู้เล่มได้ฝึกทักษะทางตัวเลข ฝึกการบวกเลขการรคู้ ่า จานวนการบวก ความแตกต่างของภาพและจานวนตา่ งๆในภาพ ๙. เกมการหาความสมั พนั ธต์ ามลาดบั ที่กาหนด จากประเภทของเกมดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า เกมมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีจุดมุ่งหมายตรงกัน คือ เพ่ือพฒั นาสติปญั ญา ทาใหเ้ กิดความสนุกสนานร่าเริง เพื่อพฒั นาความริเริ่มสร้างสรรค์ มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกับผู้อ่ืน การจัด
๔๒ประสบการณ์ให้กบั เดก็ โดยใช้เกมการศึกษานั้น ต้องคานงึ ความเหมาะสมของเนอื้ หาและจุดประสงค์การเรียนการสอนวัยของผู้เรยี นดว้ ย ๓. วัตถุประสงคข์ องการใช้เกมประกอบการสอน ๑. เพอ่ื เป็นการฝึกให้ผเู้ รียนรจู้ กั ปฏบิ ตั ิตามกฎกตกิ า ๒. เพอ่ื ฝึกใหผ้ ู้เรยี นรจู้ ักคดิ และตัดสนิ ใจ ๓. สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนคิดสรา้ งสรรค์ คิดรวบยอด ๔. ฝกึ ความจาของผ้เู รยี น และการนาไปประยุกต์ใช้ ๕. สง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รยี นมีความกล้าหาญ กล้าคดิ พูด และแสดงออก ๖. ฝึกใหผ้ ู้เรยี นมีนา้ ใจเปน็ นกั กฬี า รูแ้ พ้ รชู้ นะ ๔. หลักการเลอื กเกมในการสอน ๑. ควรเลือกเกมท่ีเหมาะกับสภาพชั้นเรียน จานวนผู้เรียน อายุ ระดับชั้นของนักเรียน เวลา เนือ้ หาสาระทเี่ รยี น และจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒. คานงึ ถึงความสนใจ ความพอใจ ความสามารถของผ้เู รยี นภายในช้นั เรียน ๓. คานงึ ถงึ ความม่งุ หมายของการเล่นเกมในแต่ละชนิด ๔. เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนได้มสี ่วนในการเลอื กเกมในการเลน่ ๕. ผ้สู อนควรมีการปรับปรุงและดัดแปลงเกมต่างๆที่นามาให้เหมาะสมกับความตอ้ งการและสภาพแวดลอ้ มในการเล่นเกม ๖. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนได้เล่นอย่างเสมอภาคกันและพิจารณาถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และเปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นได้เปน็ ท้งั ผ้นู าและผู้ตามในขณะท่เี ล่นเกม ๗. ในกรณีท่ีชั้นเรียนจานวนมาก ควรเป็นเกมท่ีแข่งขันเป็นทีม หรือให้เล่นเกมประเภทกระดาษและดินสอ/ปากกา การเล่นเป็นทีมควรมีการคละความสามารถของผู้เล่นในแต่ละกล่มุ ให้มีความสามารถใกล้เคยี งกนั ๘. ควรคานึงถึงความปลอดภัย ความคุ้มค่าในการลงทุนในวัสดุหรืออปุ กรณ์ที่ใช้ในการเล่นเกม และความเหมาะสมกบั บทเรียน ๙. ควรคานึงถงึ หลักจิตวิทยาและพฒั นาการของผ้เู รียนทจ่ี ะเลน่ เกม ๑๐. อุปกรณ์การเลน่ หางา่ ย ทาง่าย หรอื มีราคาไมแ่ พง ๕. ข้ันตอนการใช้เกมประกอบการสอน ๑. บอกชื่อเกมและจุดประสงคข์ องการเลน่ ให้ผู้เรียนทราบ ๒. จดั สภาพของผเู้ รยี นหรอื ชนั้ เรียนใหอ้ ยู่ในลกั ษณะท่ตี ้องการ ๓. อธบิ ายวธิ ีการเล่น กฎ กตกิ า การเลน่ และเวลาในการเล่น
๔๓ ๔. ผสู้ อนสาธิตให้ดเู พอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นเข้าใจ และตอบคาถามในกรณที ผ่ี ู้ไม่เขา้ ใจ ๕. เริม่ เล่นเกมโดยคานึงถงึ การใหท้ กุ คนมสี ว่ นร่วมเนน้ ความยตุ ิธรรม ๖. เมือ่ จบเกมแล้ว ประกาศผลผู้ชนะให้รางวัล มีการสรุปประเดน็ หรือแง่คิดท่ีได้จากเกมทนั ที ๖. ข้อดีของการจดั การเรียนรูโ้ ดยใชเ้ กมการศึกษา เกมเป็นสื่อการเรียนการสอนท่ีทาให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจท่ีจะเรยี นในบทเรยี นนั้นดังนัน้ จัดไดว้ ่าเกมมคี ุณคา่ และเปน็ ประโยชนต์ ่อผเู้ รยี น มีนักวชิ าการทงั้ การศึกษาให้ความสาคญั ดงั น้ี สุคนธ์ สนิ ธพานนท์ และคณะ ไดก้ ลา่ วถึงขอ้ ดขี องการสอนโดยใชเ้ กมไวด้ งั นี้ ๑. ช่วยให้ผู้เรียนท่ีมีปัญหาเบ่ือหน่ายการเรียน หันมาสนใจการเรียน เพราะเกมทาใหเ้ กิดความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ๒. ช่วยใหผ้ ู้เรยี นรู้จักการควบคุมตนเอง เปล่ียนจากผู้รับหรือผู้ตามมาเปน็ ผู้มีความสามารถในการตดั สินใจดว้ ยตนเองได้ ๓. ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือการปรกึ ษาหารือ ๔. ช่วยให้ผู้สอนวินิจฉัยและแก้ไขมโนมติท่ีผิดต่าง ๆ ได้หลายวิชา เช่นคณิตศาสตร์ ภาษาไทย สงั คมศกึ ษา ศิลปะ ภาษาองั กฤษ วทิ ยาศาสตร์ เปน็ ต้น๖๕ อชั รีพร มณีวงษ์ ได้กลา่ วว่า การเลน่ ผ่านเกมนน้ั มปี ระโยชนแ์ ละเหมาะสมกับทุกวัย ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับนั้นเด็กสามารถนาไปใช้ได้ในชีวิตประจาวันและยังเป็นประโยชน์กับเด็กทางอ้อมที่จะสง่ ผลในอนาคตขา้ งหน้า ประโยชนท์ ่กี ลา่ ว คือ ๑. เด็กรู้จักการสังเกตส่ิงต่าง ๆ รอบตัว หรือการนาเอาประสบการณ์มาใช้แก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั ได้ ๒. เกิดการเคล่ือนไหวได้ออกกาลังกาย และเกิดความสนุกสนาน มีความสุขในชวี ติ ๓. ส่งเสริมสุขภาพจิต ผ่อนคลายอารมณ์ สมองปลอดโปร่ง ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคม ๔. เกิดสติปัญญา มีจินตนาการการสรา้ งสรรคใ์ นการเลน่ ๕. เกิดความสามคั คีรักใคร่ในหมู่คณะ สง่ ผลให้เป็นสมาชกิ ทีด่ ขี องครอบครวั ๖๕ สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ, การจดั กระบวนการเรียนรู้ : เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั ,(กรุงเทพมหานคร: อกั ษรเจริญทศั น,์ ๒๕๕๒, หน้า ๑๖๒
๔๔ ๖. มีการให้อภัย มีการเสียสละ และมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นพลเมืองทีด่ ใี นอนาคต ๗. มีกิริยา วาจาท่ีสุภาพและมีความเคารพในสิทธิของผู้อ่ืน มีจิตเป็นประชาธปิ ไตย ๘. กลา้ คิด กล้าแสดงออกอยา่ งอสิ ระอย่างเป็นระบบและถูกวิธี ๙. ปฏิบัติตามกฎกติกาและคาสั่งของเกมน้ัน ๆ ส่งเสริมให้ลดปัญหาต่าง ๆของสังคมได้ ๑๐. การใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ ไม่มว่ั ยาเสพตดิ ลดอาชญากรรม ๑๑. ฝึกการเป็นผู้นาและการเปน็ ผู้ตามที่ดี๖๖ สุวทิ ย์ มูลคา และอรทยั มูลคา ไดก้ ล่าวถงึ ขอ้ ดขี องการจัดการเรียนรู้ โดยใชเ้ กมไว้ดงั นี้ ๑. ให้โอกาสผู้เรียนโดยฝึกทักษะ เทคนคิ กระบวนการต่าง ๆ เช่น เทคนคิ การตัดสนิ ใจกระบวนการคิด กระบวนการกล่มุ กระบวนการแก้ปญั หา กระบวนการสื่อสาร ๒. ทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนสูง มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดการเรียนรโู้ ดยประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง เป็นการเรียนร้ทู ่มี ีความหมายและจดจาได้นาน ๓. ผเู้ รยี นชอบและผสู้ อนกไ็ ม่เหนือ่ ยในขณะจดั การเรยี นรู้๖๗ จากข้อดีของการจัดการเรียนการอสนโดยใช้เกมการศึกษาที่กล่าวมา จะเห็นว่าเกมการศึกษาเป็นส่ิงสาคัญและยังเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องมือในการนานักเรียนให้เกิดการเรยี นรู้มีความรูร้ ู้จกั แกป้ ัญหา และเกมยงั เปน็ กจิ กรรมอยา่ งหน่ึงท่ีมีส่วนช่วยในการพัฒนาทกั ษะการคดิดา้ นต่าง ๆ ของผู้เรยี นได้ ๗. ข้อควรคานึงของการเลน่ เกมในชนั้ เรียน ๑. ในการเล่นเกมน้ันผู้สอนควรเน้นการให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระ มีการแสวงออกท้ังด้านร่างกายและความรู้สึก ควรยกย่องและชมเชยรู้เรียนที่มีความคิดและการกระทาท่ีแสดงออกถงึ ความคิดสรา้ งสรรค์ ๒. ผู้สอนควรรู้จักวิธีการบริหารจัดการชั้นเรียนในกรณีท่ีเกมนั้นต้องมีการเคลือ่ นไหวทางร่างกาย มฉิ ะนน้ั จะทาใหม้ ีการส่งเสียงดังในห้องเรยี นเปน็ การรบกวนห้องเรยี นอื่นๆ ๖๖ อัชรีพร มณีวงษ์, เล่นผ่านเกมดีอย่างไร.วารสารศูนย์บริการวิชาการ, กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๒,หน้า ๑๓ ๖๗ สุวิทย์ มูลคา และอรทัย มูลคา , ๑๙ วิธีจัดการเรียนรู้ : เพ่ือพัฒนาความรู้และทักษะ ,(กรงุ เทพมหานคร : ภาพพิมพ์, ๒๕๔๗), หน้า ๙๗
๔๕ ๓. เกมที่นามาให้ผู้เรียนเล่นน้นั ตอ้ งเป็นเกมที่ส่งผลให้ผู้เรียนมีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์บรรลตุ ามจดุ ประสงค์ของการเรยี นรู้ หรอื เปน็ เกมที่สอดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาสาระทเ่ี รียน ๒.๕ ด้านหนังสือการต์ นู การ์ตูนเป็นหนังสืออ่านสาหรับเด็กและเยาวชนประเภทหน่ึง ซึ่งปัจจุบันนี้มีหนังสือการ์ตูนท่ีผลิตออกมาจาหน่ายเป็นจานวนมาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นการ์ตูนประเภทบันเทิง ซึ่งเด็กทุกวัยนิยมอ่านกันมาก ดังน้ันการจัดทาหนังสือการ์ตูนเพื่อส่งเสริมด้านการจัดการเรียนรู้ให้กับผูเ้ รียนซึ่งเป็นเยาวชนของชาตินั้น จงึ จัดได้วา่ เป็นนวัตกรรมทางการเรยี นการสอนชนิดหนึ่งท่ีเร้าความสนใจให้แก่ผู้เรียนได้ติดตามการเรียนรู้ ใฝ่ศึกษาหาความรู้จากเรื่องที่เรียน อันจะส่งผลให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะในการคิดและนาประสบการณ์ท่ีดีการอ่านหนังสือการ์ตูนไปใช้เป็นประโยชน์ในการคิดตัดสินใจในการทากจิ กรรมต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๑. ความหมายหนงั สือการต์ ูน นกั วิชาการเหน็ ความสาคัญของการใช้การ์ตูนในการเรยี นการสอน และการ์ตนู มีบทบาทในชวี ิตประจาวัน จึงมผี ูส้ นใจศกึ ษาและใหค้ วามหมายของการ์ตูนไวด้ ังนี้ เมเยอร์ (Mayer) ให้ความหมายของการ์ตนู ไว้วา่ การต์ ูน หมายถึง ภาพวาดบนกระดาษแข็ง บนกาแพงผ้าม่าน กระจกสี หน้าต่าง โบสถ์ บนหินอ่อนและงานศิลปะอื่นๆ ที่ต้องใช้ความประณีตและความคิดสร้างสรรค์ เป็นภาพวาดที่ก่อให้เกิดอารมณ์ขันหรือเสียดสี เป็นภาพวาดงา่ ยๆที่ให้ความบนั เทงิ วิจารณก์ ารเมอื งหรอื สงั คม๖๘ คินเดอร์ (kinder) กล่าวไว้ว่า การ์ตูนคือภาพท่ีผู้ดูสามารถจะตีความหมายได้จากสัญลักษณ์ท่ีมีอ ยู่ และส่วนใหญ่จะเป็นภาพท่ีเกนิ จริงเพ่ือส่ือความหมายหรอื เสนอความ คิดเห็นเกย่ี วกับเหตุการณ์ทที่ นั สมัย ตวั บุคคล หรอื สถานการณ์ตา่ ง ๆ กนั ไดท้ นั ที๖๙ ไพเราะ เรืองศิริ การ์ตูนคือภาพวาดง่าย ๆ ที่มีแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนภาพธรรมดาทั่วไป ภาพการ์ตูนอาจมีรูปร่างที่เกนิ ความเป็นจรงิ หรือลดรายละเอียดท่ี ไม่จาเป็นออก เพ่ือจุดมุ่งหมายในการบรรยายการแสดงออกมุ่งให้เกิดความตลกขบขัน ล้อเลียน เสียดสีการเมืองและสงั คม ตลอดจนใช้ในการโฆษณาประชาสัมพนั ธใ์ ห้หน้าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนน้ั อาจจะใช้ประกอบการ ๖๘ Mayer, Ralph. (1965). A Dictional of Art Terms and Techniques. New York : Thomas Y.Crawell co. p 63 ๖๙ Kinder, James. (1959). “Audio – Visual Materials and Technigues, New York : BookCompany.p 399
๔๖เล่าเร่ืองบนั เทงิ คดี สารคดีได้อกี ดว้ ย และทีส่ าคญั ก็คอื ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน ภาพวาดนอี้ าจจะเป็นตอนเดียวจบหรือเป็นเรอ่ื งสนั้ ๆ ๒-๓ ตอนจบ๗๐ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของการ์ตูนไว้ว่าการ์ตูนคือภาพล้อหรือภาพตลก บางทีเขียนเป็นภาพบุคคล บางทีเขียนเป็นภาพแสดงเหตุการณ์ท่ีผู้เขียนต้ังใจล้อเลียนจะให้ดูรู้สึกขบขัน หรือหนังสือเล่าเรื่องด้วยภาพเขียนซึ่งแบ่งหน้ากระดาษเป็นช่องๆ มีคาบรรยายสน้ั ๆ อา่ นง่าย เนอื้ เร่อื งมักเปน็ นทิ านหรือนวนิยาย๗๑ ดงั นน้ั สรปุ ความหมายของการต์ ูนได้วา่ การต์ ูน คือ รูปภาพ หรอื สญั ลกั ษณท์ ่เี กิดจากการวาด เพ่ือสร้างความตลกขบขัน สื่อความหมาย หรือล้อเลียนสังคม ซึง่ อาจมีลักษณะเกินความจริง เพอื่ ถ่ายทอดอารมณ์ หรอื แสดงแนวคดิ ตา่ ง ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ การ์ตูน นอกจากเป็นเรื่องราว หรือกรอบสั้น ๆ ในหนังสือแล้วปัจจุบันการ์ตูนนยิ มสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวเพ่ือให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น แต่สาหรับการ์ตูนท่ีนาเสนอเรื่องราวในหนังสือนิยมสร้างสาหรบั การเรยี นรู้ เพมิ่ ทกั ษะการอ่าน ไปในตวั ไดด้ ว้ ย ๒. ประเภทของหนงั สอื การ์ตูน มผี ูแ้ บง่ ประเภทของการ์ตูนออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ได้แก่ คินเดอร์ (Kinder) แบง่ การณต์ นุ ออกเปน็ สองประเภท คอื ๑. การ์ตูนธรรมดา คือ ภาพวาดสัญลักษณ์หรือภาพล้อเลียนเสียดสีบุคคลสถานท่ีส่งิ ของ ๒. การ์ตูนเรื่อง คือ การ์ตูนธรรมดาหลายๆ ภาพ มีการจัดลาดับเรื่องราวให้สัมพนั ธต์ อ่ เน่ืองกนั ไปเปน็ เร่อื งราวสมบรู ณ์ กระทรวงศกึ ษาธิการ และธนาคารกสิกรไทย ได้แบ่งการต์ นู เป็น ๕ ประเภท คอื ๑. การ์ตูนบทบรรณาธิการ และการ์ตูนล้อเลียนการเมือง (Editorial Cartoonsand Political Cartoons) เป็นการ์ตูนที่สืบเนื่องมาจากสาระสาคัญของบทบรรณาธิการหรือเหตุการณท์ างการเมืองที่น่าสนใจเพื่อกระตุ้นใหผ้ อู้ ่านเกดิ ความคิดเหน็ อาจมคี าบรรยายหรือไม่ก็ได้ ๒. การ์ตูนเร่ืองราวและการ์ตูนช่องเดียว (Comic Strips and panels) มีลักษณะเป็นตัวการ์ตูนท่ีผู้วาดกาหนดบุคลิกให้ อาจเป็นการ์ตูนประเภทวันต่อวันหรือวันเดียวจบคาพดู ของตวั การ์ตูนจะอยใู่ นวง (Ballons) ขา้ งๆ หัวผ้พู ูด ๗๐ ไพเราะ เรืองศิริ, ความสนใจต่อการอ่านหนังสือการ์ตูนของเด็กในภาคตะวันออกของประเทศไทย,ปรญิ ญานพิ นธ์ (ค.บ.) กรงุ เทพฯ : บัณฑิตวทิ ยาลัย จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย,อัดสาเนา, ๒๕๔๓, หน้า ๑๒ ๗๑ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, (กรุงเทพมหานคร : นานมีบคุ๊ ส์ พบั ลิเคชนั่ ส์, ๒๕๔๒), หนา้ ๑๑๖
๔๗ ๓. การ์ตูนตลก (Gag Cartoons) เน้นความตลกขบขันเป็นหลักเป็นการ์ตูนช่องเดียวโดยมีคาบรรยายสนั้ ๆ เป็นคาพูดของการ์ตูนน้ันหรืออาจจะไม่มีคาบรรยายเลย ให้ผู้อ่านตีความจากท่าทางของตัวการ์ตูน ๔. การต์ ูนประกอบภาพ (Illustrative Cartoons) ไม่ค่อยมีความหมายในตัวเองมักประกอบกับแบบเรยี นหรอื โฆษณาเพอื่ การสอนหรืออธิบาย ๕. ภาพยนตร์การ์ตูน (Animated Cartoons) คือ การทาให้ภาพการ์ตูนมีชีวิตเคล่ือนไหวไดโ้ ดยการนาภาพยนตร์การต์ ูนหลายๆ ภาพมาเรยี งตามลาดบั ต่อเน่อื งกันอย่างรวดเร็วเป็นอากปั กิริยาของตัวการ์ตูนบนั ทกึ ไวบ้ นแผน่ ฟลิ ม์ ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ขนาดสน้ั จะตอ้ งใช้ภาพวาด๗๒ สุชาติ เถาทอง และคณะ ได้แบ่งประเภทของการ์ตูน ออกเป็น ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. การต์ นู ลอ้ เลียนการเมือง เป็นการต์ ูนมีม่งุ สะท้อนเหตุการณ์ทางการเมืองดว้ ยลกั ษณะลอ้ เลยี น เสียดสี ประชดประชันเรอ่ื งราวของตวั บุคคลหรือสถานการณ์บ้านเมอื ง ๒. การ์ตูนล้อเลียนบุคคล เป็นการเขียนภาพการ์ตูนที่เน้นส่วนท่ีแตกต่างของบคุ คลกบั คนท่วั ไปมาเป็นจดุ เด่นของภาพแลว้ สร้างจุดเนน้ ใหเ้ ด่นเลยความเป็นจริง ๓. การ์ตูนขาขัน เป็นการ์ตูนทม่ี ุ่งเนน้ ความขบขันเปน็ หลัก นิยมนาเหตุการณใ์ กล้ตวั มาเขียน การ์ตูนขาขันเปน็ ทนี่ ิยมมาในสงั คมไทย กลุ่มผอู้ ่านส่วนใหญ่จะเปน็ เดก็ และวยั รนุ่ ๔. การ์ตูนเรื่อง เป็นการ์ตูนที่นาเสนอเป็นเร่ืองราวต่อเน่ืองกันจนจบ ไม่จากัดความยามอาจเป็น ๑ หน้าจบ หรือหลายสืบหน้าจบก็ได้ เน้ือหาท่ีนาเสนอเป็นได้ท้ังแนวขบขันหรือแนวชีวิตรกั ชีวิตทตี่ ้องสู้ หรอื ชีวิตจรงิ ของบุคคล การ์ตนู เร่ืองท่ีพบกันแพร่หลายตามแผงหนงั สอื เช่นการต์ ูนของญป่ี นุ่ ส่วนของไทยนัน้ ก็มกั เป็นเรื่องจากวรรณคดี นทิ านพ้นื บา้ น ๕. การ์ตูนประกอบเร่ือง เป็นการ์ตูนที่เขียนขึ้นมาเพ่ือจุดมุ่งหมาย อธิบายหรือประกอบเนื้อหา ประกอบเร่อื งราวและข้อเขยี นต่างๆ การ์ตูนประกอบเรอ่ื งนับเป็นประเภทการต์ ูนท่ีใช้เปน็ ส่อื ในหลายวงการ ผู้เขียนอาจสร้างสรรค์ขนึ้ มาเพ่ือประกอบโฆษณา เพ่ือประกอบเนื้อหาทางการศึกษา ๗๒ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร,และธนาคารกสกิ รไทย, เอกสารประกอบงานนิทรรศการหนังสอื การ์ตูนสาหรับเดก็ , (กรงุ เทพมหานคร : อดั สาเนา, ๒๕๔๒), หนา้ ๑-๒
๔๘ ๖. ภาพยนตรก์ าร์ตนู เป็นภาพยนตร์การ์ตูนทส่ี รา้ งเปน็ เร่ืองราวเรื่องราวหรือเพื่อการโฆษณาแล้วถ่ายเป็นภาพยนตร์ มีการเคลื่อนไหวเหมือนชีวิต ภาพยนตร์การ์ตูนเป็นท่ีนิยมอย่างแพรห่ ลายทัว่ โลก เปน็ ธรุ กจิ อตุ สาหกรรมขนาดใหญใ่ นปัจจุบัน๗๓ กล่าวสรุปได้ว่าการแบ่งประเภทของการ์ตูนน้ันสามารถแบ่งได้หลากหลายรปู แบบ แตส่ ามารถจดั กลมุ่ ไดด้ งั นี้ ๑. การต์ นู ประเภทล้อเลียน เชน่ ล้อเลยี นการเมอื ง ล้อเลยี นบคุ คล ๒. การ์ตูนประขาขัน เป็นการ์ตูนท่ีอ่านแล้วให้ความสนุก ตลก อ่านแล้วเพลิดเพลินสบายใจ ๓.การ์ตูนเรื่อง ซ่ึงมีท้ังการ์ตูนที่มีลักษณะเป็นเรื่องราวแนวชีวิตรัก ผจญภัยความรใู้ นดา้ นตา่ งๆ และสามารถสรา้ งเปน็ ภาพเคลือ่ นไหวเป็นภาพยนตรก์ าร์ตูนได้ ๔. การ์ตนู ประกอบเรื่อง เป็นการต์ ูนท่ีเขียนขนึ้ มาเพือ่ ประกอบเนื้อหาสาระตา่ งๆทาให้เรื่องน้ันๆน่าสนใจ การ์ตูนประกอบเร่ืองสามารถนาไปประกอบเร่ืองราวได้หลายลักษณะ เช่นหนงั สอื ส่ิงพิมพ์ต่างๆ ดังนั้น ครผู สู้ อนทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้ จึงสามารถจัดทาการ์ตูนประกอบการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม ซ่ึงจะส่งผลในการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีเจตคติท่ีดตี ่อเร่อื งทเ่ี รียน ๓. ประโยชน์ของหนังสอื การต์ ูน มีผู้นาการต์ นู มาใช้ประโยชน์ ต่อการเรียนการสอน ตั้งแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนัเน่อื งจากการต์ นู มีลักษณะทน่ี า่ สนใจ ดงั นี้ วรสุดา บุญไวโรจน์ ไดก้ ลา่ วถึงประโยชน์ของการต์ นู ประกอบการเรยี นการสอน ๑. ทาให้นกั เรยี นสนใจเนือ้ หาวิชามากขึ้น ๒. ใหส้ อนเดก็ เปน็ รายบคุ คล และทาให้การเรียนดีข้นึ ๓. ฝกึ การอ่านไดด้ ี ๔. ทาใหน้ กั เรียนสนใจในการอา่ นมากขนึ้ ๗๔ สมหญิง กลน่ั ศริ ิ ได้กลา่ วถงึ ประโยชนข์ องการ์ตูนตอ่ การเรียนการสอน ไวด้ งั น้ี ๗๓ สชุ าติ เถาทอง, หนังสือเรียนสาระเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะทศั นศลิ ป์ ม.๓ ช่วงช้ันที่ ๓ ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๔๔ (กรุงเทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทัศน์,๒๕๕๒), หน้า๑๙ ๗๔ วรสดุ า บญุ ไวโรจน,์ การวดั ผลและประเมินผลในระดับประถมศึกษา หลกั และแนวปฏบิ ัตใิ นโรงเรียนประถมศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : วัฒนาพานิช, ๒๕๔๑) หน้า ๓๒
๔๙ ๑. การ์ตูนช่วยส่งเสริมการสอนของครู ช่วยให้บทเรียนน่าสนใจและทาให้ผู้เรยี นเรยี นโดยไม่นา่ เบ่ือหนา่ ย ๒. การ์ตูนช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนเร็วย่ิงข้ึน เพราะการ์ตูนช่วยส่ือความหมายให้เกดิ ความเข้าใจไดเ้ รว็ ย่ิงขน้ึ ๓. การต์ นู ชว่ ยใหผ้ ้เู รียนเกิดความสนใจ สนกุ สนานและตดิ ตามการสอนของครโู ดยตลอด ๔. การต์ ูนชว่ ยผอ่ นคลายอารมณ์เครยี ด ทาให้บทเรยี นสนกุ สนานและนา่ตดิ ตามโดยไมเ่ บือ่ ในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ๕. สามารถนาการ์ตนู มาใช้ได้ ต้ังแต่เดก็ ในระดบั ชั้นตน้ ๆ จนกระทัง่ เด็กโตและสามารถใช้ไดก้ ับผู้ใหญเ่ ชน่ เดียวกนั ๗๕ ๔. การสรา้ งหนงั สอื การ์ตูน จีรนันท์ คันธี ได้อธิบายไว้ว่าหนังสือการ์ตูนจัดเป็นหนังสือสาหรับเด็กประเภทหน่ึง มีลักษณะแตกต่างอยู่ตรงท่ีใช้ภาพแสดงเร่ืองราว แทนท่ีจะใช้ตัวหนังสือดาเนินเร่ืองเหมือนหนังสือเด็กท่ัวไป หนังสือการ์ตูนจะต้องมีเร่ืองราวและภาพ มีการดาเนินเร่ืองของตวั ละครเพื่อดึงดูดใหผ้ ูอ้ ่านติดตามเร่อื งต่อไป ๕. ขนั้ ตอนการเขียนการต์ ูนเรือ่ ง จีรนันท์ คันธี อ้างใน จินตนา ใบกาซูยี ; อเนกรัตน์ปิยะภาภรณ์ ได้อธิบายเก่ียวกับขนั้ ตอนการเขียนการ์ตูนเร่ืองพอสรปุ ได้ว่า ในการเขียนหนังสือการ์ตูนเร่ืองเพ่ือใชใ้ นการอา่ นประกอบการเรียนการสอน ผูจ้ ดั ทาควรดาเนินการตามข้ันตอน๗๖ดงั นี้ ๑. ขนั้ วางแผน มขี ้ันตอน ดงั น้ี ๑.๑ ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการสร้างหนังสื่อการ์ตูน เช่น ความหมายลกั ษณะ ประเภทของการ์ตูน วธิ ีการเขยี น ๑.๒ กาหนดจุดประสงค์ในการเขียนหนังสอื การต์ ูน วา่ จะเขียนในรูปแบบใดคอื ใหค้ วามรู้เชิงวิชาการ หรือสาระความรูท้ ัว่ ๆ ไป หรือสาระท่ีองิ เนือ้ หาทางวชิ าการ ๑.๓ กาหนดเรื่องอย่างชัดเจน เป็นการกาหนดแก่นเรื่อง (Theme) เรื่องเดยี ว ๗๕ สมหญิง กล่ันศิริ, คาสอนประกอบการบรรยายโสตทัศนศึกษาเบ้ืองต้น, (นครปฐม : มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, ๒๕๔๑), หน้า ๗๔ ๗๖ จีรนันท์ คันธี, การพัฒนาหนังสือการ์ตูน ๓ มิติ ประกอบเสียงสาหรับนักเรียนในระดับอนุบาล,สาระนพิ นธ,์ (มหาวิทยาลกั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ, ๒๕๔๘), หน้า ๒๙
๕๐ ๑.๔ กาหนดโครงเร่ือง (Plot) เลือกจุดที่เร้าใจหรือเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นโครงเรื่องทก่ี าหนดตอ้ งสอดคล้องกบั วยั ของผ้อู ่าน ๑.๕ เขยี นโครงเรอื่ งโดยยอ่ ๑.๖ กาหนดต้นเร่อื ง การดาเนินเรอื่ งต้ังแตต่ ้นจนจบอยา่ งละเอียดตามโครงเรอื่ งทก่ี าหนดไว้ ๑.๗ สร้างอุปนิสัยของตวั ละครอยา่ งชัดเจน โดยเฉพาะตัวเอกของเรอ่ื ง ๑.๘ สร้างรายละเอียดฉาก สถานที่ บริเวณท่ีมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกาหนดชดุ การแตง่ กายของตัวละครดว้ ย ๑.๙ กาหนดจานวนหนา้ ของหนังสือ ๑.๑๐ ตรวจสอบโครงเร่อื ง และแก้ไข โดยเนน้ ใหโ้ ครงเรอ่ื งมคี วามสนุกเป็นท่ีน่าสนใจของเด็ก แก่นของเร่ืองความความชัดเจน ผู้อ่านเข้าใจง่าย เรื่องราวและเหตุการณ์มีการเคล่อื นไหวที่กลมกลืนกนั ๒. ขัน้ ตอนการเขยี นเร่ือง ๒.๑ เม่อื วางแผนการสร้างหนังสือการต์ ูนเร่ืองแล้ว ผ้เู ขียนก็ลงมือเขยี นอย่างละเอียดตามท่ีวางแผนไว้ในขั้นตอนแรก ๒.๒ ทบทวนการเขียนเร่ือง เม่ือเขียนหนังสือการ์ตูนเร่ืองจบแล้ว ควรได้ทบทวนสว่ นต่างๆ ทีเ่ ขยี น ตง้ั แต่ ช่ือเร่อื ง การดาเนินเร่ือง ภาษา รายละเอียดความสมั พนั ธก์ นั ๓. ข้ันการเขยี นภาพการต์ นู เมื่อผู้เขียนเร่ืองได้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการเขียนหนังสือการ์ตูนแล้ว อาจสง่ ไปใหน้ กั วาดภาพ หรืออาจจะวาดภาพเองตามขั้นตอน ดังนี้ ๓.๑ นาเร่ืองท่ีเขียนไว้แล้วมาแบ่งเน้ือเรื่องเป็นหน้าๆ ตามจานวนหน้าที่กาหนดไว้ ๓.๒ เขียนเน้ือเร่ืองในแต่ละหน้าให้เป็นบทสคริปท์ มีท้ังบทบรรยายและบทสนทนากาหนดความยาวของสคริปทเ์ รอ่ื งในหน่ึงหนา้ ออกเป็นส่วนๆ หรือเป็นกรอบ เพื่อจะได้กาหนดจานวนกรอบภาพทง้ั หมดภายในหน่ึงหนา้ เขียนและกาหนดกรอบในแต่ละหนา้ ไปจนครบจานวนหน้าของเล่ม ๓.๓ เขยี นภาพหยาบๆ เป็นลักษณะของบัตรเร่อื ง (Storyboard) ควรกาหนดรายละเอียด คาบรรยาย คาพูดที่ชัดเจน เพอื่ จะไดไ้ ม่ผิดพลาดในการวาด
๕๑ ๓.๔ วาดภาพตามบัตรเร่ืองในแต่ละหน้าอย่างละเอียด ใส่คาพูดหรือคาบรรยายในกรอบภาพให้พอดี ภาพแต่ละภาพต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เป็นภาพง่ายๆไม่แสดงรายละเอียดมากนกั เน้นเฉพาะส่วนทจ่ี าเปน็ ๓.๕ เมื่อวาดภาพเสร็จแล้ว ใส่ตัวหนังสือลงในภาพ ตรวจการใช้ภาษาให้ถูกต้องในการวาดภาพการ์ตูนน้ันควรใช้กระดาษเขียนและวาดภาพการ์ตูน ให้มีขนาดใหญ่กว่าเล่มหนังสอื ทจ่ี ะจดั พมิ พ์ กล่าวสรุป ได้ว่าผู้จัดทาการ์ตูนเร่ืองเพ่ือใช้ในการจัดการเรียนการสอนน้ัน ควรเลือกเนื้อหาท่ีเก่ียวข้องหรือสอดคล้องกับเน้ือหาสาระท่ีเรียนในชั้น อาจจะเป็นเนื้อหาที่ส่งเสริมในการศกึ ษาค้นคว้า หรือเนื้อหาท่มี ีลกั ษณะสง่ เสริมในการพฒั นาทักษะการคิด ใหผ้ อู้ า่ นได้ข้อคิดจากการอ่านเนื้อหา และนาไปประยุกต์ใช้ในเร่ืองราวต่างๆ ซึ่งเปน็ ประโยชน์ต่อการนาไปทากจิ กรรมต่างๆในวิถีชีวิต นอกจากนั้นยังความเป็นเรื่องราวที่แทรกคุณธรรมจริยธรรม ความภูมิใจในความเป็นไทยเพ่ือให้สอดคล้องกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติการศึกษาพุทธศักราช ๒๕๔๒และหลักสตู รการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ ในกรณีที่หนงั สือการต์ ูนมีลักษณะเป็นหนังสือประเภทตาราเรียน หรือใชเ้ ปน็ หนังสืออ่านเพ่ิมเตมิ ประกอบการเรียน ควรมีข้อแนะนาในการเรียน มีจุดประสงค์ มีแบบฝึกหัดท้ายเรื่องหรือท้ายตอน และควรมีการเสริมแรงทุกคร้ังที่เด็กประสบความสาเรจ็ ๖. สว่ นประกอบสาคัญของหนังสอื การ์ตนู ในการสร้างหนังสือการต์ ูนนั้นนอกจากจะต้องจัดทาตามลาดับข้ันตอนดงั กล่าวแล้วยังต้องคานึงถึงส่วนประกอบท่ีสาคัญในการจัดทาหนังสือการ์ตูนท่ีสาคัญ ได้แก่ ภาษา ตัวอักษรสัญลกั ษณ์ และภาพ ซึ่งมผี ู้อธบิ ายลกั ษณะสาคัญได้ดังน้ี วิริยะ สริ สิ งิ ห์ ไดอ้ ธบิ ายเทคนคิ การภาษาในหนังสือสาหรบั เดก็ สรปุ ได้๗๗ดงั น้ี ๑. ใช้คาท่ีคุ้นเคย คาท่ีเปน็ มาตรฐาน หลีกเล่ียงคาซ้าๆและคาท่มี าจากภาษาตา่ งชาตใิ ช้ประโยคกัตตุวาจก เขียนอย่างเปน็ ธรรมชาติ สร้างประโยคอยา่ งระมดั ระวัง สอื่ ความหมายตรงๆ ใชค้ าอปุ มาอุปไมยใหน้ อ้ ยท่ีสุด ๒. หลกี เลี่ยงในส่งิ ต่อไปนี้ คือ ใส่ความเห็นส่วนตัว ช้แี นะลว่ งหน้า บทสนทนายาวเกนิ ไปใชภ้ าษาพนื้ เมอื ง คาแสลง การใช้ถ้อยคาทีแ่ สดงความไม่แนน่ อน ๗. ตัวอกั ษรและสัญลักษณ์ ๗๗ วริ ยิ ะ สิริสิงห์, การเขยี นเรอ่ื งสาหรบั เดก็ , (กรุงเทพมหานคร : สวุ ริ ิยาสาสน์ , ๒๕๒๔), หนา้ ๓๕
๕๒ อเนก รตั นป์ ิยะภาภรณ์ ได้อธบิ ายไวว้ ่าตัวอักษรและคาบรรยาย ควรยดึ หลกั การเขียนและการอ่านหนังสือ คือ เริ่มจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง ไม่ให้ตัวหนังสือออกไปนอกกรอบคาพูดอยู่ในสญั ลกั ษณ์บอลลนู และตอ้ งอยู่กรอบภาพเดียวกับตวั การ์ตนู นน้ั ๆ๗๘ จินตนา ใบกาซูยี ได้อธิบายว่าหนังสือภาพการ์ตูนสามารถใช้ตัวอักษรทั้งในลกั ษณะของลายมือและแบบพิมพ์ ตวั อกั ษรต้องอา่ นงา่ ย ไม่ลากเส้นเปน็ ลายประดษิ ฐ์ ตวั อักษรที่นยิ มกนั มขี นาดต้ังแต่ ๓๒ พอยท์ จนถงึ ๑๖ พอยท์ ตามความเหมาะสมของวยั ผ้อู ่าน๗๙ ๘. ภาพการต์ ูน ภิญญาพร นติ ยะประภา ไดอ้ ธบิ ายลักษณะของภาพการ์ตูนไว้๘๐ ดังนี้ ๑. ควรใช้ภาพสีตามธรรมชาติมากกว่าสีขาวดาหรือโทนสีเดียว เพราะภาพสีสามารถดึงดดู ความสนใจไดด้ ีกวา่ ๒. ขนาดภาพประกอบท่ีใหญ่จะดึงดูโความสนใจได้ดีกว่าภาพท่ีมีขนาดเล็กกว่า ๓. การ์ตูนแบบหลายช่องในหน่ึงหน้าจะสามารถแสดงการเคล่ือนไหวได้ชดั เจนกว่าจาน้อยชอ่ ง กล่าวได้ว่าการสร้างหนังสือการ์ตูนเรื่องน้ันจะต้องคานึงถึงเรื่องการใช้ภาษาท่ีเหมาะสมกับวัยของเด็ก ใช้ภาษาสุภาพ ใช้ตวั อกั ษรท่ีอ่านงา่ ย ยึดหลกั การเขยี นและการอ่านจากซ้ายไปขวาจากบนลงล่าง ส่วนภาพการ์ตูนนั้นควรใช้สีธรรมชาติ มีขนาดที่ดึงดูดความสนใจ ในกรณีท่เี ป็นภาพเคลอ่ื นไหวน้ันควรเป็นการต์ ูนแบบหลายชอ่ งในหนึง่ หน้า ๒.๖ ด้านคอมพวิ เตอรม์ ลั ติมเี ดยี ปจั จบุ นั นี้คอมพิวเตอร์มลั ตมิ ีเดยี ได้แพร่หลายเข้ามาในวงการศกึ ษาเปน็ อย่างมากครูผู้สอนได้นาคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเข้าไปใช้ในการเรียนการสอน โดยจัดทาเป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย นับได้ว่าเป็นส่ือการเรียนการสอนชนิดหน่ึงท่ีสร้างความสนใจให้แก่ผู้เรียนเพราะมีสีสัน ภาพ เสียง ผู้เรียนสามารถเจรจาโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ได้ อีกท้ังเป็นประโยชน์ต่อ ๗๘ อเนก รตั นป์ ิยะภาภรณ์, การเขียนหนังสอื การ์ตูนเร่ือง “การสง่ เสริมและพัฒนาหนงั สอื การต์ นู ไทย”,(กรุงเทพมหานคร : ศนู ย์พฒั นาหนงั สอื กรมวิชาการ, ๒๕๓๔) หนา้ ๒๘ ๗๙ จินตนา ใบกาซูยี, การจัดทาหนังสือสาหรับเด็ก “การส่งเสริมและพัฒนาหนังสือการ์ตูนไทย,กรงุ เทพมหานคร : ศนู ย์พัฒนาหนังสือกรมวชิ าการ, ๒๕๓๔) หนา้ ๖๔ ๘๐ ภิญญาพร นิตยะประภา, การผลิตหนังสือหนังสาหรับเด็ก, (กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์,๒๕๓๔), หนา้ ๖๓
๕๓บทเรียนท่ีสลับซับซ้อนเข้าใจยากทาให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนกระจ่างชัดเจนขึ้น นอกจากน้ีผู้เรียนยังสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ทั้งในและนอกเวลาเรียน ผู้เรียนที่เรียนได้ช้าก็สามารถใช้ทบทวนความรู้ความเข้าใจของตนได้ การนาคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเข้าไปใช้ในบทเรียนจะทาให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้จากส่อื ท่ีหลากหลาย ทนั สมยั นา่ สนใจ ส่งผลดีตอ่ การเรยี นรู้ตอ่ ไป ๑. ความหมายคอมพวิ เตอร์มลั ติมเี ดยี นกั วชิ าการต่างๆ และนกั การศกึ ษาได้ให้ความหมายคาวา่ คอมพิวเตอร์มัลตมิ ีเดียไว้หลายท่านดว้ ยกัน ดงั นี้ นลินพร แก้วศศิวิมล ได้ให้ความหมายของมัลติมีเดีย หมายถึง ระบบคอมพิวเตอรม์ ัลตมิ เี ดยี นาเสนอขอ้ มูลได้ทงั้ ข้อความ ภาพน่ิง ภาพเคลอื่ นไหว เสียงบรรยาย เสยี งดนตรีประกอบ รวมทั้งเทคนิคการสร้างภาพเคล่ือนไหว และภาพกราฟิก ซ่ึงเป็น การนาเทคโนโลยีหลายแบบมารวมกนั ซง่ึ นาเสนอในรูปแบบทม่ี ีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกบั ผูใ้ ช้ได้ ทาใหก้ ารเรียนการสอนและการนาเสนองานทางการศกึ ษา๘๑ กดิ านนั ท์ มลิทอง ไดใ้ ห้ความหมายของระบบคอมพวิ เตอรม์ ลั ตมิ ีเดียหมายถึงสอ่ื ประสมปฏิสัมพันธ์ ( Interactive multimedia ) โดยจัดให้มีความสัมพันธ์ระหว่างสื่อและผู้ใช้สื่อโดยนาอปุ กรณ์ต่างๆ เช่น เคร่ืองเล่น CD-ROM เคร่อื ง Audio-Digitize เคร่ือง Laserdisc ฯลฯ มาใช้ร่วมกันเพื่อเสนอข้อมูลให้เป็นตัวอักษร ภาพกราฟิก ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดีทัศน์ และในระบบสเตอริโอ โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ในการผลิต๘๒ สนิตา โดยอาษา ไดใ้ ห้ความหมายของมัลติมีเดีย หมายถึง การรวมสือ่ หลายชนิดเข้าด้วยกัน เพ่ือให้ข้อความกราฟิก เสียง ภาพ และภาพวีดีโอ ซ่ึงสามารถควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอรไ์ ด้โดยตรง และนาเสนออยา่ งมีระบบและมขี นั้ ตอน๘๓ จากความหมายของคอมพิวเตอร์มลั ติมีเดียท่ีกล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย หมายถึง การนาเสนอเน้ือหาในรูปแบบของบทเรียนที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ ๘๑ นลนิ พร แกว้ ศศวิ ิมล, “การพัฒนาบทเรียนคอมพวิ เตอร์มลั ติมีเดีย เร่ือง การใชก้ าวชีเมนต์ สาหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ,” สาขาเทคโนโลยีการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร,๒๕๕๒, หน้า ๓๔ ๘๒ กิดานันนท์ มลิทอง, เทคโนโลยีการศึกษาร่วมสมัย, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ:โอ.เอส.พร้ินติ้ง,๒๕๕๒), หน้า ๘๓ ๘๓ สนิตา โดยอาษาเส,การพฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง การออกแบบเว็บไซต์กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนช่วงชนั้ ท่ี ๓, สารนิพนธ์, (การศกึ ษามหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศกึ ษา, ๒๕๕๐), หน้า ๑๒
๕๔หรือใช้งานด้วยคอมพิวเตอร์ โดยบทเรียนประกอบดัวย ข้อความ ภาพน่ิง ภาพเคล่ือนไหว เสียงบรรยาย เสียงดนตรีประกอบ มีระบบทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งบทเรียนจะมีปฏิสมั พนั ธก์ บั ผู้ใช้ ๒. รปู แบบทสี่ าคญั ของคอมพวิ เตอร์มัลติมีเดีย กิดานันท์ มลิทอง บทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเป็นรูปแบบหนึ่งของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์๘๔ ดังน้ี ๑. การสอน (Teaching) รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียแบบโปรแกรมทสี่ ร้างขึ้นมาในลกั ษณะของบทเรยี นโปรแกรมเปน็ การเรียนการสอนของครู กลา่ วคือ จะมีบทนา ( Introduction ) และมีคาอธิบาย(Explanation) ซึ่งประกอบด้วยตัวทฤษฎี กฎเกณฑ์คาอธิบาย และแนวคิดท่ีจะสอน หลังจากที่นักเรียนศึกษาในแง่ต่าง ๆ แล้วมีการแสดงผลย้อนกลับ(Feedback) การกระทาของนักเรียนว่า ทาได้เพียงไรอย่างไรเพื่อให้ครูผู้สอน มีข้อมูลในการเสริมความรใู้ หก้ ับนักเรยี นบางคนได้ ๒. การฝึกและปฏิบัติ (Drill and Practice) รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียแบบการฝึกและแบบปฏิบัติน้ีส่วนใหญ่จะใช้เสริม เมื่อครูผู้สอนได้สอบบทเรียนบางอย่างแล้ว จากนั้นให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดเพ่ือวัดระดับหรือให้นักเรียนมาฝึกจนถึงระดับที่ยอมรับได้บทเรียนประเภทน้ี จึงประกอบด้วยคาถามคาตอบท่ีจะให้นักเรียนทาการฝึกและปฏิบัติ การเตรียมคาถามจึงจะต้องเตรียมไว้มากๆซ่ึงผู้เรียนควรจะได้สุ่มข้ึนมาเองโดยสามารถจาคาตอบหรือแอบไปรู้คาตอบมาก่อน หรือจาได้จากการทาในครั้งแรก อาจต้องใชห้ ลักจิตวิทยาเพื่อกระตุ้นให้นกั เรียนอยากทาและตื่นเต้นกับการทาแบบฝึกหัดนั้น ซ่ึงอาจแทรกรูปภาพเคลื่อนไหวหรือคาพูดโต้ตอบรวมทั้งอาจจะมกี ารแขง่ ขนั เชน่ จบั เวลา หรอื สร้างรูปแบบใหต้ น่ื เต้นจากการมเี สยี ง เป็นต้น ๓. สถานการณ์จาลอง (Simulations) โปรแกรมประเภทนี้ เป็นโปรแกรมที่จาลองสถานการณ์ให้ใกลเ้ คยี งกับสถานการณ์ในชวี ติ จรงิ ของผ้เู รยี น โดยมีเหตุการณส์ มมติต่างๆ อยู่ในโปรแกรม และนักเรียนสามารถที่จะเปล่ียนแปลงหรือจัดกระทา (Manipulate) ได้ สามารถมีการโต้ตอบ และมตี ัวแปรหรือทางเลือกให้หลาย ๆ ทาง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถเลือกได้อย่างสมุ่ เพือ่ ศึกษาผลทเ่ี กดิ จากทางเลือกเดียวเหลา่ น้ัน นอกจากน้ัน ในบางบทเรียนการสรา้ งภาพพจนเ์ ป็นสงิ่ สาคัญและจาเป็น การทดลองทางหอ้ งปฏิบัติการในการเรียนการสอน จึงมีความสาคัญแต่หลายวิชาไม่สามารถทดลองให้เห็นจริงได้ เช่น การเคล่ือนท่ีของลูกปืนใหญ่ การเดินทางของแสง การหักเหของคล่ืน ๘๔ กิดานันนท์ มลทิ อง, เทคโนโลยกี ารศึกษาร่วมสมยั , พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพฯ:โอ.เอส.พริน้ ตงิ้ ,๒๕๕๒), หนา้ ๑๒๐
๕๕แม่เหล็กไฟฟ้า หรือปรากฏการณ์ทางเคมีรวมท้ังชีววิทยาที่ต้องใช้เวลานานหลายวันจึงปรากฏผลปัญหาเหลา่ น้ี สามารถใช้คอมพิวเตอรจ์ าลองแบบให้ผเู้ รียนไดเ้ ห็นจรงิ และเขา้ ใจได้งา่ ย ๔. การสนทนา (Dialogue) รปู แบบบทเรยี นคอมพิวเตอร์มัลติมเี ดียแบบ เป็นการเรียนการสอนแบบการสอนในห้องเรียน คือพยายามให้เป็นการพูดคุยระหว่างผู้สอนและผู้เรียนเพียงแต่วา่ แทนท่ีจะใช้เสยี งก็เป็นอักษรบนจอภาพแล้วมีการสอนด้วยการต้ังปัญหาถาม ลกั ษณะการใช้แบบทดสอบถามก็เป็นการแก้ปัญหาอย่างหน่ึง เช่น บทเรยี นวิชาเคมี อาจถามหาสารเคมีบางชนิดผู้เรียนอาจโต้ตอบด้วยการใส่ชื่อสารเคมีให้เป็นคาตอบ โดยการใช้ในการไต่ถาม (Inquiry) บทเรียนคอมพิวเตอร์สามารถใช้ในการค้นหาขอ้ เท็จจรงิ มโนทัศน์ ๕. เกมส์ (Games) รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียแบบเกมส์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เพ่ือการการเรียนการสอนน้ันเป็นสิ่งที่ใช้เพ่ือเร้าใจผู้เรียนได้เป็นอย่างดีโปรแกรมประเภทนี้ เป็นแบบพิเศษของแบบจาลองสถานการณ์ โดยมีเหตกุ ารณ์ที่มีการแข่งขัน ซง่ึ สามารถท่จี ะเล่นได้ โดยนกั เรียนเพยี งคนเดียวหรือหลายคน มีการแขง่ ขันและการรว่ มมือมีการใหค้ ะแนน มกี ารแพ้ชนะ อย่างไรก็ตามการเขียนโปรแกรมประเภทน้ีต้องระวังให้มีคุณค่าทางการศึกษา โดยต้องมีจุดม่งุ หมายเนอ้ื หาและขบวนการที่เหมาะสมกบั หลกั สูตร ๖. การทดสอบ (Testing Application) รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลตมิ ีเดยี แบบการใช้บทเรียนคอมพิวเตอรม์ ักต้องรวมการทดสอบเปน็ การวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนไปดว้ ย โดยผ้ทู าจะต้องคานงึ ถงึ หลักการตา่ งๆ คอื การสรา้ งข้อสอบ การจดั การสอน การตรวจใหค้ ะแนนการวเิ คราะห์ขอ้ สอบเป็นรายขอ้ การสร้างคลังข้อสอบ และการจัดใหผ้ ู้สอนสุม่ เลือกข้อสอบเองได้ จะเห็นได้ว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ท่ีนาไปใช้กับการเรียนการสอนแต่ละประเภทนั้นจะต้องคานึงถึงวตั ถุประสงคใ์ นการนาไปใช้ ๗. แบบรวมวิธีการต่างๆเข้าด้วยกัน (Combination) คอมพิวเตอร์สามารถสร้างวิธีการสอนหลายแบบรวมกันได้ตามธรรมชาติของการเรียนการสอน ซึ่งมีความต้องการวิธีการสอนหลาย ๆ แบบ ความต้องการน้ี จะมาจากการกาหนดวัตถุประสงค์ ในการเรียนการสอน ผู้เรียนหรือองค์ประกอบและภารกจิ ตา่ ง ๆ โปรแกรมคอมพิวเตอรโ์ ปรแกรมหนึ่ง ๆ อาจจะมีทง้ั ลักษณะที่ใช้เป็นการสอน (Teaching) เกมส์ (Games) การไต่ถาม (Inquiry) รวมทั้งการแก้ปัญหา (ProblemSolving) และการฝกึ ปฏบิ ตั (ิ Drill and Practice) ๓. องคป์ ระกอบท่ีสาคัญของคอมพิวเตอร์มลั ติมเี ดีย
๕๖ กิดานันท์ มลิทอง คอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย มีองค์ประกอบที่สาคัญที่นักการศึกษาและนกั วชิ าการได้กล่าวไว้๘๕ ดังน้ี ๑. ข้อความ (Text) หมายถึง ตัวหนงั สือและขอ้ ความทีส่ ามารถสร้างได้หลายรูปแบบหลายขนาด การออกแบบให้ข้อความเคลื่อนไหวให้สวยงาม แปลกตา และน่าสนใจได้ตามตอ้ งการ อีกท้ังยังสรา้ งขอ้ ความให้มีการเช่ือมโยงกบั คาสาคัญอ่นื ๆ ซ่งึ อาจเน้นคาสาคัญเหล่าน้ันด้วยสีหรือขีดเส้นใต้ ที่เรียกว่า ไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) ซ่งึ สามารถทาได้โดยการเน้นสีตัวอักษร (HeavyIndex) เพอ่ื ให้ผ้ใู ช้ทราบตาแหน่งท่ีจะเข้าส่คู าอธิบาย ขอ้ ความ ภาพถา่ ย ภาพวีดิทศั น์ หรอื เสยี งต่างๆได้ ๒. ภาพกราฟิก (Graphic) หมายถึง ภาพถ่าย ภาพเขียน หรือนาเสนอในรูปไอคอน ภาพกราฟิกนบั ว่าเป็นสิ่งสาคัญในสื่อประสม เน่ืองจากเป็นส่งิ ดงึ ดดู สายตาและความสนใจของผูช้ ม สามารถสรา้ งความคิดรวบยอดได้ดีกว่าการใช้ขอ้ ความ และใช้เป็นจุดตอ่ ประสานในการเชอื่ มโยงหลายมิติได้อย่างน่าสนใจ ภาพกราฟิกท่ีใช้ในสื่อประสมนิยมใช้กันมาก ๒ รูปแบบ คือ ภาพกราฟิกแบบบิตแม็ป (Bitmap Graphic) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Raster Graphic และภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ (Vector Graphic) หรอื เรยี กอกี อย่างหน่ึงวา่ Draw Graphic ๓. ภาพแอนเิ มชัน (Animation) เป็นภาพกราฟิกเคลอ่ื นไหว โดยใช้โปรแกรมแอนิเมชัน (Animation Program) ในการสร้าง เราสามารถใช้ภาพที่วาดจากโปรแกรมวาดภาพ(Draw Programs) หรือภาพจาก Clip Art มาใช้ในการสร้างภาพเคล่ือนไหวได้โดยสะดวก โดยต้องเพิ่มข้ันตอนการเคลื่อนไหวทีละภาพด้วย แล้วใช้สมรรถนะของโปรแกรมในการเรียงภาพเหล่านั้นให้ปรากฏเหน็ เป็นภาพเคลอ่ื นไหว เพือ่ ใช้ในการนาเสนอ ๔. ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์ (Full-Motion Video) เป็นการนาเสนอภาพเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ๓๐ ภาพตอ่ วินาทดี ้วยความคมชดั สูง (หากให้ ๑๕-๒๔ ภาพต่อวินาทจี ะเปน็ ภาพคมชัดต่า) รูปแบบภาพเคลื่อนไหวแบบวีดทิ ศั นจ์ ะต้องถา่ ยภาพกอ่ นด้วยกล้องวีดิทศั น์ แลว้ จึงตัดต่อด้วยโปรแกรมสร้างภาพเคลื่อนไหว เช่น Adobe Premiere และ Ulead Video Studio ปกติแล้วไฟลภ์ าพลักษณะนจี้ ะมขี นาดใหญ่มาก จึงตอ้ งลดขนาดไฟลใ์ ห้เล็กลงด้วยการใช้เทคนิคการบีบอัดภาพ (Compression) รูปแบบที่ใช้ในการบีบอัดท่ัวไป ได้แก่ Quicktime, AVI และ MPEC1 ใช้กับแผ่นวีซีดี MPEC 2 ใช้กับแผ่นดีวีดี และ MPEC 4 ใช้ในการประชุมทางไกลด้วยวีดิทัศน์ และStreaming Media ๘๕ กิดานันท์ มลิทอง, อธิบายศัพท์คอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตมัลติมีเดีย, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๔๐)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146