ความรูค้ วามจา 46 ความเขา้ ใจ การนาไปใช้ พทุ ธพิ ิสยั การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า การรบั รู้ การตอบสนอง การเกดิ ค่านยิ ม การจัดรวบรวม จติ พสิ ัย สรา้ งนสิ ยั ตามค่านิยม การเลยี นนแบบ กระทาตามแบบ ความถกู ต้องตามแบบ การกระทาอยา่ งตอ่ เน่อื ง การทาจนเคยชนิ จานวนชว่ั โมง ทักษะพิสัย 2
หน่วย เน้ือหา การจดั การความ ขัดแย้งและสันติ วธิ ี รวม 44 จากตารางจะเห็นว่า จานวนประเด็นย่อยในแต่ละรวมท้ังหมดม ตามหลกั สตู ร 40 ชวั่ โมง/ภาคเรียน ซึ่งจะสามารถคานวณจานวนคาบ/ช่ัวโมงส จานวนคาบ ช่ัวโมงสอนบทท จากน้ันจึงดาเนนิ การเทียบสัดส่วนเพ่ือ การกาหนดจานวนข้อส ของข้อสอบในแต่ละพฤตกิ รรม โดยจากข้อมลู ตัวอย่างข้างตน้ สามารถคานวณไ
มี 44 ประเด็น และบทท่ี 1 มีประเด็นย่อยทั้งหมด 6 ประเด็น มีจานวนชั่วโมงสอน 4 44 44 ความรูค้ วามจา พทุ ธิพิสยั สอน ไดใ้ นบทที่ 1 ดงั ตัวอย่าง ความเขา้ ใจ บ6 44 44 44 การนาไปใช้ จติ พสิ ยั ที่1 = 44 = 5 การวิเคราะห์ สอบในแต่ละบทเรียน จานวนข้อสอบรายพฤติกรรมในแต่ละบท และจานวนร้อยละ 44 44 44 การสังเคราะห์ ทักษะพสิ ัย การประเมินค่า ได้ผลดังตาราง 2 การรบั รู้ การตอบสนอง การเกดิ ค่านยิ ม การจัดรวบรวม สรา้ งนสิ ยั ตามค่านิยม การเลยี นนแบบ กระทาตามแบบ ความถกู ต้องตามแบบ การกระทาอยา่ งตอ่ เน่อื ง การทาจนเคยชนิ จานวนชว่ั โมง
ตาราง 2 ตารางวิเคราะห์จานวนขอ้ สอบวชิ า หน้าท่พี ลเมอื ง ภาคเรยี นที่ 2 พุทธพิ สิ ยั เนอื้ หา ความรู้ความจา ความเ ้ขาใจ การนาไปใ ้ช 22.2 33.3 44.4 1.ความเป็นไทย 2% 3% 4% (2) (3) (4) 2.รกั ชาติ ยึดมัน่ ในศาสนาและเทดิ ทูนสถาบนั 33.3 33.3 33.3 กษัตริย์ 3% 3% 3% (10) (10) (10) 33.3 33.3 33.3 3.พระบรมราโชวาทและหลกั การทรงงาน 3% 3% 3% (3) (3) (3) 33.3 33.3 33.3 4.พลเมอื งดีในระบอบประชาธิปไตยอันมีกษตั ริยฯ์ 3% 3% 3% (6) (6) (6)
การวเิ คราะห์ 48 การสังเคราะห์ ปกี ารศกึ ษา 2561 ม.4 การประเมนิ ค่า ย จิตพสิ ยั การรับรู้ ทกั ษะพสิ ยั การตอบสนอง 9 การเกดิ คา่ นยิ ม 30 การจดั รวบรวม 9 สรา้ งนสิ ยั ตามคา่ นยิ ม 18 การเลยี นนแบบ กระทาตามแบบ ความถกู ต้องตามแบบ การกระทาอย่างตอ่ เน่อื ง การทาจนเคยชิน จานวนข้อสอบ
พทุ ธิพิสยั เน้อื หา ความรู้ความจา ความเ ้ขาใจ การนาไปใ ้ช 5.การจัดการความขัดแย้งและสนั ติวธิ ี 25% 25% 50% รวม (1) (1) (2) 22 23 25 จากตารางที่ 2 พบวา่ ผลการเทียบสัดสว่ นบางประเดน็ อาจไม่เปน็ หรอื ลดจานวนขอ้ เปน็ ดลุ พนิ จิ ของผู้สอนพจิ ารณายืดหยุ่นให้เหมาะสมกับบริบท
4 การวเิ คราะห์ ย 70 การสังเคราะห์ จติ พิสยั นไปตามผลการคานวณเนื่องจากจานวนข้อ ต้องเป็นจานวนเต็ม ดังนนั้ การจะเพ่มิ การประเมนิ ค่า ทของผ้เู รียนและจดุ เนน้ ตามหลักสูตรสถานศกึ ษาน้นั ๆ ทกั ษะพสิ ัย การรับรู้ การตอบสนอง การเกดิ คา่ นยิ ม การจดั รวบรวม สรา้ งนสิ ยั ตามคา่ นยิ ม การเลยี นนแบบ กระทาตามแบบ ความถกู ต้องตามแบบ การกระทาอย่างตอ่ เน่อื ง การทาจนเคยชิน จานวนข้อสอบ
50 ขนั้ ที่ 5 เขียนจดุ ม่งุ หมายเชิงพฤตกิ รรม ในการเขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมเพื่อนาไปใช้ในการทดสอบและการประเมินผลนั้น ครูควรจะดาเนินการเปน็ ขัน้ ตอนดงั นี้ 1) ควรเขียนจุดมุ่งหมายของการสอนในลักษณะความคาดหมายของผลการเรียนท่ีเรา ต้องการ 2) ในแต่ละจุดมุ่งหมายของการสอน เขียนรายการต่าง ๆ ที่บรรยายพฤติกรรมของ นกั เรยี นวา่ บรรลุแต่ละจุดมุง่ หมายของการสอนจะตอ้ งมพี ฤตกิ รรมอะไรบา้ งท่แี สดงออกมา โดย 2.1 เขียนคากริยาที่มีความหมายเฉพาะและเป็นพฤติกรรมท่ีสังเกตได้ในแต่ละผล การเรยี นรทู้ กี่ าหนดในขัน้ ตอนท่ี 1 2.2 เขียนรายการผลการเรียนให้มีจานวนมากพอในแต่ละจุดมุ่งหมายของการสอน ที่จะบรรยายถึงการบรรลุจุดมุ่งหมายของการสอนแต่ละอย่างน้ัน นักเรียนจะต้องแสดงพฤติกรรม อะไรบา้ ง เป็นจานวนมากนอ้ ยเท่าใด 2.3 จะต้องระลกึ ไว้เสมอว่าพฤติกรรมในแต่ละผลการเรียนรู้จะตอ้ งสอดคล้อง และ มคี วามเกี่ยวข้องกบั จดุ ม่งุ หมายของการสอน 3) เมื่อเรากาหนดจุดมุ่งหมายของการสอนในรูปของผลการเรียนรู้ท่ีเฉพาะและชัดเจน แลว้ ขน้ั ตอ่ ไปควรจะไดท้ บทวนและปรังปร่งุ รายการเหล่านน้ั ให้เปน็ ไปตามท่เี ราตอ้ งการมากยิง่ ข้ึน 4) ควรระวังจุดมุ่งหมายที่ยากและซบั ซอ้ นซ่ึงเราไม่สามารถจะหาคานิยามใหเ้ ฉพาะ และ ชดั เจน เช่น การคดิ อยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล ความซาบซ้ึง ซึง่ คาเหลา่ นี้มักจะเว้นว่างหรือมองขา้ มไป 5) ควรใช้หนังสือเรียนและหนังสืออื่นๆ ที่มีเน้ือหาวิชาเกี่ยวข้องกันประกอบการค้นคว้า เพอื่ ให้การเขียนจดุ มงุ่ หมายเชงิ พฤติกรรมมีความชดั เจน และเกี่ยวข้องในเนื้อหาวิชาน้ัน ๆ ข้ันท่ี 6 เขียนข้อสอบให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม ซ่ึงผู้สอนจะได้อธิบายใน บทท่ี 4-6 ตอ่ ไปตามลาดบั 6. กระบวนการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรภู้ ายในสถานศึกษา การจดั การระบบงานวดั และประเมนิ ผลการเรยี นของสถานศึกษา ครอบคลุมงาน ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ งานวดั ผลและงานทะเบียน สถานศึกษาควรกาหนดให้มีผู้รบั ผิดชอบในแต่ละงาน สาหรับ สถานศึกษาขนาดเล็ก อาจรวมทั้งสองงานและมอบหมายผู้รับผิดชอบคนเดียว งานวดั ผล มหี นา้ ท่รี บั ผดิ ชอบการดาเนนิ งานวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ใหค้ าปรึกษา เกีย่ วกบั การวัด และประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ บั ผูส้ อนและผ้เู รียน ตลอดจนดาเนนิ การเก่ียวกับการสร้าง เสรมิ ความเข้มแข็ง ในเทคนิควธิ กี ารวดั และประเมินผลการเรยี นร้ใู ห้บคุ ลากรของสถานศกึ ษา งานทะเบยี น มีหน้าที่รบั ผิดชอบด้านเอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารการประเมนิ ผล การ จดั ทา จัดเกบ็ และการออกเอกสารหลักฐานการศึกษาอย่างเป็นระบบ
ภาระงานวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ ีความเก่ียวข้องกับฝา่ ยตา่ ง ๆ ในสถานศึกษา นบั ต้ังแต่ระดับ นโยบายในการกาหนดนโยบายการวดั ผล การจัดทาระเบยี บว่าด้วยการวัดและ ประเมินผลการเรยี นของสถานศกึ ษา เพ่ือให้บคุ ลากรทุกฝ่ายท่ีเกยี่ วข้องถือปฏิบัติ และยังเกี่ยวข้องกับ ผู้เรียนทกุ คนตัง้ แต่เขา้ เรียนจนจบการศึกษาและออกจากสถานศกึ ษา จงึ จาเป็นทสี่ ถานศกึ ษาต้อง วเิ คราะหภ์ าระงาน กาหนดกระบวนการทางาน และผรู้ ับผิดชอบแตล่ ะข้ันตอนอย่างชดั เจนเหมาะสม ดังน้นั การดาเนนิ งานวดั และประเมนิ ผลการเรียนร้ทู ่ีไม่เปน็ ระบบ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมน่ั ใน คุณภาพ การจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา นอกจากนี้ การดาเนนิ งานวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เป็น งานทต่ี อ้ งอยูบ่ นพื้นฐานหลกั วิชาการและหลักธรรมาภบิ าล สถานศึกษาตอ้ งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีสว่ น รว่ มในรูปของ คณะกรรมการฝายตา่ ง ๆ อย่างกวา้ งขวาง รวมทั้งกาหนดให้คณะกรรมการสถานศึกษา ขน้ั พน้ิ ฐานและ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐานมีสว่ นรับผดิ ชอบ สาหรับสถานศกึ ษา ขนาดเลก็ คณะกรรมการตา่ ง ๆ อาจแต่งต้ังตามความเหมาะสม โดยมีการ กระบวนการวดั และประเมนิ ผลในสถานศกึ ษาดงั แผนภาพ 2
52 แผนภาพ 2 กระบวนการวดั และประเมนิ ผลภายในสถานศึกษา (อ้างใน สานักวิชาการและมาตรฐาน การศกึ ษา 2551)
7. สรุป การจัดการศึกษาเป็นกรรมวิธีของการวางแผนเพ่ือเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของนักเรียน งาน ของครูจึงเป็นการพยายามจัดหาสิ่งแวดลอ้ มเพื่อช่วยใหก้ ารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นเป็นพฤติกรรมท่ี พึงปรารถนาและสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรท้ังด้านจุดมุ่งหมายและ เนื้อหาวิชา แล้ว พิจารณาความสัมพันธ์ท้ังสองส่วน เพ่ือนามาวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการ สอบ โดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นต้องสังเกตได้จากนกั เรียนและเราสามารถประเมนิ ว่า นักเรียน ได้สัมฤทธิ์ดา้ นจดุ มุ่งหมายทก่ี าหนดไวห้ รอื ไม่
5 8. แบบฝึกหัด ขอ้ ที่ 1 ใหค้ ัดเลือกมาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั ในกลมุ่ สาระการเรียนรูท้ ่ที ่า กลมุ่ สาระการเรียนรู้................................................................ มาตรฐานการเรียนร้.ู ............................................................... ตวั ชี้วดั คาสาคญั แนวทางการ 1. ประเมิน 2.
54 านสอน เพือ่ นามาวเิ คราะห์ แนวทางการวดั และประเมินผลดงั ตารางต่อไปนี้ ......................... ระดับช้ัน ................................................................ ................................................................................................ การวดั และประเมินผล หลักฐานการเรียนรู้ วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ การประเมิน
ห น้ า | 55 ข้อที่ 2 ให้สร้างข้อสอบหรือรูปแบบการทดสอบทีส่ ามารถวัดความรู้ความสามารถด้านภาษา (Literacy Ability) ด้านคานวณ (Numeracy Ability) และด้านเหตุผล (Reasoning Ability) ของผู้เรียนได้อย่าง แท้จรงิ โดยระบรุ ายละเอยี ดในหวั ข้อสาคญั ดังตอ่ ไปนี้ 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ทีต่ อ้ งการวดั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ระดบั ช้ันของผเู้ รียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ตวั ช้วี ดั ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 (ถ้ามี) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. โจทย์ ปัญหา สถานการณ์ เง่อื นไข หรอื คาส่งั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. รปู แบบการตอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. เฉลยหรือแนวการตอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. เกณฑก์ ารให้คะแนนหรอื เกณฑก์ ารประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ห น้ า | 56 9. Link ทน่ี ักศึกษาจะเข้าไปทาการศึกษาดว้ ยตนเอง 1. https://www.youtube.com/watch?v=g9LM7gAN1xQ&feature=youtu.be 10. แหล่งคน้ ควา้ เพ่ิมเติม บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์ิ. (2542). เทคนิคการสรา้ งเครอื่ งมอื รวบรวมข้อมลู ส าหรับการวจิ ยั . พิมพ์ครงั้ ที่5. กรุงเทพฯ : เจรญิ ดีการพิมพ์. อนนั ต์ ศรโี สภา. (2520). การวดั และการประเมินผลการศึกษา. มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร. บริษัทสานักพิมพ์ ไทยวฒั นาพานชิ จากัด. อานวย เลศิ ชยันตี. (2533). การทดสอบและการวัดผลทางการศึกษา. วิทยาลัยครจู ันทรเกษม. อานวยการ พิมพ์ กรงุ เทพมหานคร ฯ. มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. (2554). การพฒั นาเคร่ืองมอื วดั ดา้ นเจตพิสยั และทกั ษะพิสัย. เอกสาร ประกอบการสอนชดุ วิชามหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช. สานักพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. (2554). การพฒั นาเคร่อื งมอื วดั ดา้ นพุทธพิ ิสัย. เอกสารประกอบการสอนชุด วชิ ามหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. สานักพิมพม์ หาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. สาเริง บุญเรอื งรัตน์. (2527). ทฤษฏีการวดั และประเมินผลการศึกษา. สานกั ทดสอบการศกึ ษาและจติ วทิ ยา. มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมติ ร. William A. Mehrens. (1975). Measurement and Evaluation in Education and Psychology. Second edition.Holt, Rinehart and Winston, Inc. ฐานขอ้ มูลออนไลน์ http://www.ipesp.ac.th/learning/websatiti/chapter3/unit3_4_1.html เขา้ ถงึ เมื่อ วันที่ 1 มิถนุ ายน 2563
ห น้ า | 57 บทท่ี 4 เทคนคิ การสร้างเครอ่ื งมือวดั ด้านพทุ ธพิ ิสัย สาระการเรียนรู้ 1. ประเภทของเครื่องมอื วดั ด้านพทุ ธพิ ิสัย 2. เทคนคิ วิธกี ารสรา้ งเคร่ืองมอื วัดด้านพทุ ธพิ สิ ยั 3. เทคนิควธิ กี ารตรวจสอบคณุ ภาพเคร่อื งมือวัดดา้ นพทุ ธิพิสัย 4. เทคนิคการตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมอื วดั ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบปุ ระเภทของเครอ่ื งมอื วัดดา้ นพุทธิพิสยั ได้ 2. สามารถสรา้ งเครือ่ งมือวดั ด้านพทุ ธิพสิ ยั ได้ 3. สามารถตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมือวัดด้านพทุ ธิพสิ ัยได้ 4. สามารถตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมอื วดั ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปได้
ห น้ า | 58 1. ประเภทของเคร่ืองมอื วดั ด้านพุทธพิ สิ ยั การวัดดา้ นพทุ ธิพสิ ัยเป็นการัดความสามารถทางดา้ นสติปญั ญาของผู้เรียน ซง่ึ จัดระดบั ความสามารถ ไว้ 6 ระดับ คือ ความสามารถด้านความรู้-ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์- ประเมินค่า และ ความคิดสร้างสรรค์ การประเมินความสามารถด้านพุทธิพิสัยของผู้เรียนจึงเป็นการพิจารณา ได้จากประสิทธิภาพของสมอง ในการกระทากิจกรรมต่าง ๆ เครื่องมือในการวัดความสามารถด้านพุทธิพิสัยมี หลายประเภท ขนึ้ อยกู่ ับการจาแกนวา่ ใช้เกณฑใ์ ดในการจาแนก ดังน้ี จาแนกตามสมรรถนะสูงสดุ ที่ต้องการวดั ไดแ้ ก่ 1. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น (Achievement tests) เป็นแบบทดสอบแบบทดสอบ วดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน (Achievement tests) เป็นแบบทดสอบที่ใช้วดั ผลการเรียนร้ทู ่เี กิดข้นึ จากการจัด กิจกรรมการเรยี นการสอนที่ผู้สอนไดจ้ ดั ขึ้นเพื่อให้การเรียนรู้นั้นจงึ เปน็ การวดั ผลสิง่ ท่ีผเู้ รยี นไดเ้ รียนร้ภู ายใต้ สถานการณ์ทเ่ี กิดข้นึ ซึ่งอาจเปน็ การวดั ความรูห้ รอื วดั ทักษะบางอยา่ งเพ่ือบ่งบอกถงึ สถานภาพหรือระดับของ การเรียนรูท้ ไ่ี ด้รบั ส่วนแบบวัดความสามารถเปน็ เครื่องมือทใี่ ชว้ ัดสมรรถนะของบุคคลในการทางานอยา่ งใด อยา่ งหน่ึงส่งิ ที่มุง่ วดั จงึ เป็นระดับของทกั ษะ ซงึ่ เป็นผลรวมของท้ังความคดิ และการปฏิบัติท่แี สดงถึง ความสามารถเฉพาะอยา่ งในขณะปจั จบุ ัน 2. แบบวดั ความสามารถ (Ability tests) หรอื แบบวดั เชาวน์ปญั ญาเปน็ แบบวดั ความสามารถทม่ี ี พ้ืนฐานฐานมาจากพนั ธกุ รรมการพฒั นาเชาวนป์ ัญญาหรือความสามารถด้านตา่ ง ๆ ขน้ึ อยูก่ บั แรงจงู ใจและ ประสบการณ์ทไี่ ด้รบั และความสามารถที่ไดร้ บั กาพัฒนาจะกอ่ ให้เกิดความคดิ สรา้ งสรรค์ประดษิ ฐส์ ่งิ ใหม่ ๆ ที่ มคี ณุ ค่า 3. แบบวดั ความถนดั (Aptitude tests) เป็นแบบวดั ความเหมาะสมความพร้อมหรือความสามารถ ของบุคคลเพ่อื บง่ บอกถงึ แววหรือศกั ยภาพทแ่ี ฝงอยู่ในบุคคลน้นั ที่สามารถเพม่ิ พูนฝึกฝนให้เกิดทกั ษะเฉพาะ ดา้ นหรอื ทักษะท่จี าเป็นสาหรับงานหรืออาชีพในอนาคตได้ จาแนกตามรปู แบบของคาถาม ได้แก่ 1. แบบทดสอบอัตนัย (Subjective tests) เปน็ แบบทดสอบทม่ี รี ูปของคาถามซง่ึ เปิดโอกาสใหผ้ ู้ตอบ แสดงความรู้สึกและความคดิ เห็น ในการตอบได้อย่างอิสระ ดังนน้ั แบบทดสอบอตั นัยจึงมีคาถามน้อยข้อโดย สว่ นใหญ่ประมาณ 5-10 ขอ้ และมกี ารกาหนดเกณฑ์การให้คะแนน (Rubric) ไว้อย่างชดั เจนเพือ่ ให้ผูถ้ กู ทดสอบและผูส้ ร้างแบบทดสอบเขา้ ใจร่วมกัน
ห น้ า | 59 2. แบบทดสอบแบบปรนัย (Objective tests) เป็นแบบทดสอบทก่ี าหนดคาตอบให้ผู้สอบเลือกตอบ หรือเตมิ ข้อความสั้น ๆ ขอ้ สอบมกั จะมีรูปแบบดังน้ี 2.1 แบบถกู -ผดิ 2.2 แบบใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่สี ุด 2.3 แบบจบั คู่คาถามกบั คาตอบท่ีมคี วามสมั พันธก์ นั 2.4 แบบเติมคาหรือข้อความสั้น 3. การจาแนกตามวิธดี าเนินการสร้าง ไดแ้ ก่ 3.1 แบบทดสอบทีค่ รสู ร้างขน้ึ คอื แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรียนส่วนใหญม่ ัก มีความตรงตามเนื้อหาทีส่ อนสูงและสอดคล้องกับจดุ มุง่ หมายของการสอนวิชาน้ัน ๆ 3.2 แบบทดสอบมาตรฐาน คือ แบบทดสอบทีส่ ร้างขนึ้ มาอยา่ งถูกต้องตามหลักเกณฑม์ ีการ วิเคราะหข์ ้อคาถามและคุณภาพด้านอื่น ๆ ของข้อสอบและมีการปรบั ปรุงคณุ ภาพขอ้ สอบหลายครงั้ ก่อนการ นามาใชจ้ ริงมีจุดมุ่งหมายเพอื่ ใชส้ อบกับนกั เรยี นจานวนมากในหลาย ๆ โรงเรียนที่มีบรบิ ทแตกตา่ งกนั ดังนน้ั เน้ือหาท่ีถามจงึ เป็นเนื้อหากว้าง ๆ ไม่ครอบคลุมความต้องการและจดุ ประสงคเ์ ฉพาะของแตล่ ะสถานศกึ ษา และตอ้ งกาหนดวิธีการให้คะแนนและการแปลความหมายของคะแนนท่นี ักเรยี นทาได้ไวใ้ นคู่มอื การใช้ แบบทดสอบเพื่อประโยชนใ์ นการเปรียบเทยี บคะแนนกับผเู้ ขา้ สอบคนอ่นื ๆ 2. เทคนิควธิ ีการสร้างเครอ่ื งมือวดั ดา้ นพทุ ธพิ สิ ัย ในการนาเสนอเทคนิควิธีการสร้างเคร่ืองมือวัดด้านพุทธิพิสัยผู้เขียนขอนาเสนอตามรูปแบบของข้อ คาถามโดยนาเสนอใน 3 หัวข้อตามลาดับดังนี้ 1) คุณภาพของเครื่องมือวัดด้านพุทธิพิสัย 2) ข้ันตอน กระบวนการสร้างเครอื่ งมอื วัดดา้ นพทุ ธิพสิ ัย 3) การตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่ืองมอื วดั ค้านพทุ ธพิ ิสัย คุณภาพของเครื่องมือวดั ดา้ นพุทธพิ สิ ัย คุณภาพของเครอื่ งมือวดั ดา้ นพุทธพิ ิสัย ควรประกอบด้วยคุณภาพในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความเทีย่ งตรง (Validity) เปน็ ความถูกตอ้ งสอดคล้องของแบบทดสอบกับส่งิ ท่ตี ้องการจะวัดซงึ่ เปน็ คณุ ลักษณะของแบบทดสอบท่ถี อื ว่าสาคัญที่สดุ โดยมเี กณฑใ์ นการเปรยี บเทียบดังน้ี 1.1 ความเทีย่ งตรงเชิงเน้ือหา (Content validity) คือ วัดไดต้ รงตามเน้ือหาทตี่ ้องการวดั 1.2 ความเทยี่ งตรงเชงิ โครงสรา้ ง (Construct validity) คอื วดั ไดต้ รงตามโครงสร้างทางทฤษฎี
ห น้ า | 60 1.3 ความเทยี่ งตรงเชงิ สภาพ (Concurrent validity) คือ วัดไดต้ รงตามความสามารถท่ีแทจ้ รงิ ของ ผเู้ รยี น 1.4 ความเท่ียงตรงเชิงพยากรณ์ (Predictive validity) คอื วดั ได้ตรงตามการทานาย 2. ความเชือ่ มั่น (Reliability) เป็นความคงเสน้ คงวาของคะแนนในการวดั แตล่ ะครั้งหรือความคงทีข่ อง ผลการวดั ผลของการวดั ไม่ว่าจะเปน็ คะแนนหรืออันดบั ท่ีก็ตามเม่ือวัดได้ผลออกมาแล้วสามารถเช่อื ถอื ได้ใน ระดับสงู จนสามารถประกันได้ว่า ถา้ มกี ารตรวจสอบผลซา้ อีกไม่วา่ ก่คี รั้งกจ็ ะไดผ้ ลใกลเ้ คียงและสอดคล้องกับ ผลการวัดเดิมน่นั เอง 3. ความเป็นปรนยั (Objectivity) เป็นความชัดเจนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การวัดผลมีความเห็นสอดคล้องกนั ในเรื่องของคาถาม คา่ ของคะแนนหรืออันดับทีท่ ี่วัดได้ ตลอดจนการแปลงค่าคะแนนเปน็ ผลประเมนิ ในการ ตดั สนิ คุณค่าก็สอดคล้องตรงกัน 4. ความยากง่าย (Difficulty) ความยากง่ายของข้อสอบพิจารณาได้จากผลการสอบของผสู้ อบเปน็ สาคญั ข้อสอบใดทผ่ี ู้สอบส่วนมากตอบถูกคา่ คะแนนเฉลี่ยของข้อสอบสูงกวา่ 50% ของคะแนนเต็มอาจกลา่ ว ไดว้ ่าเปน็ ข้อสอบที่ง่ายหรอื คอ่ นข้างง่าย ข้อสอบที่มีความยากงา่ ยพอเหมาะคะแนนเฉลี่ยของข้อสอบควรมี ประมาณ 50% ของคะแนนเต็ม ถ้าคะแนนเฉลี่ยต่ากว่า 50% แสดงวา่ เปน็ ข้อสอบค่อนขา้ งยาก ขอ้ สอบที่ดี ควรมคี วามยากงา่ ยพอเหมาะไม่ยากหรือง่ายเกนิ ไป ข้อสอบฉบับหนงึ่ ควรมีผตู้ อบถูกไมต่ ่ากวา่ 50 คนและไม่ เกิน 80 คนจากผู้สอบ 100 คน 5. อานาจจาแนก (Discrimination) เปน็ ลกั ษณะของแบบทดสอบท่ีสามารถออกเปน็ ประเภทตา่ ง ๆ ได้ทกุ ระดบั ตั้งแต่ออ่ นสุดจนถึงเกง่ สดุ แม้วา่ จะเก่ง – อ่อนกวา่ กนั เพียงเลก็ น้อยกส็ ามารถชจ้ี าแนกให้เหน็ ได้ ข้อสอบที่มีอานาจจาแนกสูงนั้น เด็กเก่งมกั ตอบถูกมากกว่าเด็กอ่อนเสมอข้อสอบที่ทุกคนตอบถูกหมดจะไม่ สามารถบอกอะไรไดเ้ ลยหรือข้อสอบทท่ี ุกคนตอบผิดหมดไม่สามารถบอกไดว้ า่ ใครเก่งหรืออ่อน 6. ความมีประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) เคร่ืองมอื ทีท่ าให้ได้ข้อมูลได้ถูกต้องเชื่อถือได้โดยลงทุนน้อย ที่สดุ ไมว่ ่าจะเปน็ การลงทนุ ในแง่เวลา แรงงาน และทนุ ทรพั ย์ รวมทง้ั ความสะดวกสบายคล่องตวั ในการรวบรวม ข้อมลู ขอ้ สอบท่ีมปี ระสทิ ธิภาพสามารถให้คะแนนได้เทีย่ งตรงและเช่ือถือได้มากที่สุด โดยใชเ้ วลาแรงงานและ เงินน้อยท่สี ุด แตป่ ระโยชน์ทไี่ ด้จากการสอบคมุ้ คา่ ข้อสอบท่ีพิมพผ์ ดิ ตกหลน่ มากจานวนหน้าไม่ครบรูปแบบของ แบบทดสอบเรยี งไม่เป็นระเบียบทาใหผ้ สู้ อบเกิดความสบั สนมผี ลต่อคะแนนที่ไดจ้ ากการทาแบบทดสอบท้ังสนิ้
ห น้ า | 61 การจัดรปู แบบของขอ้ สอบปรนัยแบบเลือกตอบเพื่อใหด้ งู ่ายมคี วามเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยนิยมพิมพ์แบง่ ครง่ึ หน้ากระดาษ 7. ความยตุ ธิ รรม (Fair) ความยุติธรรมเป็นคุณลักษณะของข้อสอบท่ีดตี ้องไมเ่ ปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ปรยี บเสียเปรยี บกนั เช่นข้อสอบบางฉบับครูไปเน้นเรื่องใดเรอื่ งหน่ึง ซึ่งตรงกบั เรื่องทีเ่ ด็กทารายงานในบาง กลุ่ม ทาให้กลมุ่ น้นั ๆ ไดเ้ ปรยี บคนอ่นื ๆ ข้อสอบบางข้อใชค้ าถามหรอื ขอ้ ความท่ีแนะคาตอบทาให้นักเรยี นใช้ ไหวพริบเดาได้การใช้ขอ้ สอบแบบอตั นัยเพยี ง 5 หรือ 10 ข้อมาทดสอบเด็กนน้ั ไมอ่ าจสรา้ งความยุติธรรมในการ สอบให้แก่เด็กได้เพราะผสู้ อบมโี อกาสเก็งข้อสอบได้ถูกมากกว่าแบบปรนัยท่ีมจี านวนข้อมาก ๆ เช่น 100 ข้อ 8. คาถามลึก (Searching) ขอ้ สอบที่ถามลึกคือไม่ถาม แต่เพียงความรู้ความจาเทา่ นนั้ แตจ่ ะถามวดั ความเขา้ ใจการนาความร้ทู ี่ได้เรียนไปแล้วมาแก้ปัญหา วิเคราะห์ ตลอดจนสร้างสรรค์สงิ่ ใหมข่ นึ้ มาจนท้ายท่ีสุด คอื การประเมินผลคาถามท่ถี ามลกึ นน้ั ผู้ตอบต้องคิดคน้ กอ่ นจึงจะสามารถหาคาตอบได้มใิ ช่เพยี ง แต่ระลึกถงึ ประสบการณ์ต่างๆเพยี งตนื้ ๆ ก็ตอบปญั หาได้ แต่เปน็ แบบทดสอบทีว่ ัดความลึกซ้งึ ทางวิชาการตามแนวดง่ิ มากกวา่ จะวัดตามแนวกว้าง 9. คาถามยว่ั ยุ (Exemplary) คาถามยวั่ ยุ ได้แก่ คาถามทีม่ ีลกั ษณะท้าทายให้เด็กอยากคิดอยากทามี ลีลาการถามทน่ี ่าสนใจ ไม่ถามวนเวียนซา้ ซากน่าเบื่อหนา่ ย การใช้รูปภาพประกอบ ก็เป็นวิธหี นงึ่ ทท่ี าให้ ข้อสอบน่าสนใจ ขอ้ สอบท่ยี ากเกินไปทาให้ผสู้ อบหมดกาลังใจที่จะทา ส่วนขอ้ สอบท่งี า่ ยเกินไปกไ็ ม่ทา้ ทายให้ อยากทา การเรยี งลาดับคาถามจากข้อง่ายไปหายากเป็นวิธีหน่งึ ทท่ี าให้ข้อสอบมีลกั ษณะท้าทายนา่ ทา 10. จาเพาะเจาะจง (Definite) คาถามท่ีดีต้องไม่ถามกวา้ งเกนิ ไป ไม่ถามคลมุ เครือหรือเล่นสานวนให้ ผู้สอบงง ผู้สอบอ่านแลว้ ต้องเข้าใจชดั เจนว่าครูถามอะไร ส่วนจะตอบไดห้ รอื ไม่อยู่ทีค่ วามสามารถของผตู้ อบ เป็นสาคัญ กระบวนการสรา้ งเคร่ืองมอื วัดและประเมินผล กระบวนการสร้างเครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลประกอบด้วย 7 ขน้ั ตอนหลักดังน้ี ข้นั ที่ 1 กาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการสร้างเคร่อื งมือ เช่น 1) เพ่ือตรวจสอบความรู้พื้นฐานหรือความรู้เดิมของผู้เรียน เคร่อื งมือวัดที่ใช้ควรมีคาถามท่ี เฉพาะเน้อื หาที่จาเป็นของเร่ืองนน้ั ๆ และไมค่ วรยากเกนิ ไป
ห น้ า | 62 2) เพ่ือตรวจสอบความกา้ วหนา้ ในการเรียน เคร่ืองมือวดั ท่ีใชค้ วรมคี าถามทเี่ ฉพาะเนอื้ หาท่ไี ด้ เรียนได้สอนแตล่ ะเรื่อง ความยากขนึ้ อยกู่ บั ความยากของเน้ือหาเร่ืองทว่ี ัด 3) เพื่อวินิจฉัยข้อบกพร่อง เครื่องมือวัดทีใ่ ชค้ วรมีคาถามท่วี ัดเนอื้ หาแตล่ ะเร่อื งอย่างละเอียด และเคร่ืองมือวดั สว่ นใหญค่ วรมีข้อคาถามทีง่ ่าย 4) เพ่ือตรวจสอบผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น เคร่ืองมือวดั ท่ใี ช้ควรมคี าถามทยี่ ากพอเหมาะและมี อานาจจาแนกสูง ขั้นที่ 2 กาหนดส่ิงท่ตี อ้ งการวัด ซงึ่ ขน้ั ตอนน้ีเป็นขนั้ ตอนของการวิเคราะห์หลกั สูตรโครงสร้างเนอื้ หา จัดทาแผนผังการสร้างเครื่องมอื เปน็ ขั้นตอนของการนาหนกั ใหก้ บั เนื้อหาแตล่ ะเรื่องและการกาหนดจานวน ข้อสอบใน แต่เร่ืองและในแต่ละพฤติกรรมท่ตี อ้ งการวัด ซึ่งไดน้ าเสนอไวใ้ นบทท่ี 3 ขนั้ ท่ี 3 จัดทาเครอื่ งมอื ฉบบั ร่าง การเขียนขอ้ สอบหรือขอ้ คาถามฉบบั รา่ ง และจัดทา คาชแ้ี จงในการ ทาขอ้ สอบจัดเรยี งขอ้ สอบ / ขอ้ คาถาม กาหนดเวลาในการตอบ และกาหนดวิธีการตรวจให้คะแนนและการ สรุปผลการตอบ ตัวอยา่ งที่ 1 (วดั การสงั เคราะห)์ 1. ระดบั พฤตกิ รรมด้านพุทธิพิสัยทต่ี อ้ งการวดั การสงั เคราะห์ 2. ระดับชน้ั ของผ้เู รียน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 3. ตวั ชวี้ ัดตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ถ้าม)ี จับใจความสาคญั จากเร่อื งท่อี ่าน 4. โจทย์ ปัญหา สถานการณ์ เงอ่ื นไข หรอื คาสั่ง “ท้องฟ้ามีอยู่แบบท้องฟ้า ก้อนเมฆลอยอยู่แบบก้อนเมฆ พระอาทิตย์สาดแสงในแบบของพระ อาทิตย์ นกร้องแบบท่ีมนั ร้อง ดอกไม้สวยงามเป็นธรรมชาติของดอกไม้ ลมพดั เพราะมันคือลม หอยทากเดินช้า อย่างที่หอยทากเป็น เหมือนธรรมชาติกาลงั กระซิบบอกฉันว่ามนั เพียงเปน็ ของมันอย่างนั้น มันไม่รอ้ งขอ ฉันจะ มองเห็นมัน หรือไม่เห็นมัน มันไม่เรียกร้องให้ต้องชื่นชม ต้องแลกเปลี่ยน ต้องขอบคุณ เป็นของมันอย่างน้ัน ไม่ได้ต้องการอะไร มันเพียงแต่เป็นไป ทุกอย่างเป็นธรรมชาติของมัน” ใจความสาคัญของข้อความน้ีตรงกับข้อ ใด 5. รูปแบบการตอบ เลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก ก. ธรรมชาตไิ มเ่ คยสนใจมนุษย์
ห น้ า | 63 ข. ธรรมชาติไมเ่ คยเรียกรอ้ งอะไรจากมนษุ ย์ ค. ธรรมชาติไม่ต้องการคาชืน่ ชมจากมนษุ ย์ ง. ทุกอย่างท่ีเปน็ ธรรมชาติ ล้วนมคี วามสวยงาม 6. เฉลยหรือแนวการตอบ เลอื กตอบข้อที่ถูกต้องทีส่ ุดเพยี งข้อเดียว ขอ้ ทถ่ี กู คือ ข. ธรรมชาตไิ มเ่ คยเรยี กร้องอะไรจากมนษุ ย์ 7. เกณฑ์การให้คะแนนหรอื เกณฑก์ ารประเมนิ ตอบถกู ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ไมต่ อบ หรอื ตอบมากกว่า 1 ข้อ ไม่ได้คะแนน ตัวอยา่ งท่ี 2 (วัดการนาไปใช)้ 1. ระดับพฤตกิ รรมดา้ นพุทธพิ ิสัยท่ตี ้องการวดั การนาไปใช้ 2. ระดบั ช้ันของผเู้ รียน ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 3. ตวั ชวี้ ดั ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ถา้ ม)ี 1. หาพน้ื ที่ของรูปสี่เหล่ยี ม 2. แกป้ ญั หาเก่ียวกบั พ้นื ท่ี ความยาวรอบรูปของรปู สีเ่ หล่ยี มและรปู วงกลม 3. ใช้ความรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน สถานการณต์ า่ งๆ ได้อย่างเหมาะสม 4. เช่ือมโยงความรู้ต่างๆ ในคณติ ศาสตร์ และเชือ่ มโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตรอ์ น่ื ๆ 4. โจทย์ ปญั หา สถานการณ์ เง่อื นไข หรอื คาสั่ง “ช่างต้องการปูพื้นหอ้ งขนาด 4.5 ตารางเมตร ดว้ ยกระเบื้องปูพ้ืนรูปสี่เหลีย่ มผืนผ้า ซึ่งแต่ละแผ่น มดี า้ นกวา้ ง 15 เซนตเิ มตร ดา้ นยาว 25 เซนตเิ มตร จะต้องใช้กระเบอื้ งกแี่ ผน่ และถ้ากระเบ้ืองราคาแผ่นละ 50 บาท จะตอ้ งใช้งบประมาณเทา่ ไรในการซื้อกระเบื้องให้พอดีกบั การปูพืน้ ” จงแสดงวิธคี ดิ หาคาตอบ 5. รปู แบบการตอบ เขียนแสดงวธิ ีหาคาตอบ 6. เฉลยหรอื แนวการตอบ กระเบ้ือง 1 แผ่น มีขนาด 375 ตารางเซนติเมตร พ้ืนท่ีต้องการปูมีขนาด 202,500 ตาราง เซนติเมตร ดังนัน้ ตอ้ งใชก้ ระเบือ้ ง = 202,500 = 540 แผน่ จงึ จะปูพนื้ ไดพ้ อดี 375
ห น้ า | 64 กระเบ้ืองแผ่นละ 50 บาท ต้องใช้ 540 แผ่น ดังนั้นต้องใช้งบประมาณท้ังส้ิน = 50 x 540 = 27,000 บาท ในการปพู นื้ ห้องคร้ังนี้ 7. เกณฑ์การใหค้ ะแนนหรือเกณฑ์การประเมิน คะแนน 3 2 1 0 เกณฑ์ แสดงวิธคี ดิ ถูกต้อง แสดงวธิ ีคดิ ถกู ต้อง แสดงวิธีคิดไม่ ทัง้ วธิ ีคิดและ และคาตอบ แต่คาตอบผิด ถูกต้อง ไม่มที ่มี าที่ คาตอบไม่ถกู ต้อง ถกู ต้อง ไป ไม่สมเหตุสมผล แตค่ าตอบถูกต้อง ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือด้านความเท่ียงตรง, ความเป็นปรนยั , ความมปี ระสทิ ธภิ าพ, ความ ยุติธรรม, คาถามลกึ , คาถามยั่วยแุ ละความจาเพาะเจาะจงโดยใชผ้ เู้ ช่ยี วชาญในการพิจารณา ซง่ึ โดยปกติจะมี ผเู้ ชี่ยวชาญจานวน 3, 5, 7 คนตามลาดบั ในการดาเนินการตรวจสอบคณุ ภาพมีลาดบั ข้ันตอนดังน้ี 1) จัดเคร่ืองมอื เขา้ รูปแบบการจัดเครอ่ื งมอื วดั เพื่อสง่ ใหผ้ ูเ้ ช่ยี วชาญตรวจสอบ ดงั ตวั อยา่ ง ตัวอย่างท่ี 1 แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒติ ่อคุณภาพของหลกั สตู รอบรมการวิจยั เชงิ ปฏิบตั ิการในช้นั เรียน และระบบตดิ ตามช่วยเหลอื ในการวจิ ัย Coaching and Mentoring และ PLC Online (เยาวทิวา นามคณุ , 2562) คาชแ้ี จง 1. แบบสอบถามฉบับน้ีมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพื่อรวบรวมข้อมลู เกยี่ วกบั การประเมนิ คุณภาพของหลกั สตู ร อบรมและระบบ Coaching and Mentoring และ PLC Online 2. แบบสอบถามประกอบดว้ ย 2 ตอน ได้แก่ ตอนท่ี 1 ความคิดเหน็ เก่ียวกับคุณภาพของหลักสูตรอบรมและระบบ Coaching and Mentoring และ PLC Online จานวน 5 ดา้ น ได้แก่ ด้านรายละเอียดของหลักสูตรอบรม (Curriculum) ดา้ นการใช้ประโยชน์ (Utility) ดา้ นความเปน็ ไปได้ (Feasibility) ด้านความเหมาะสม (Propriety) และดา้ น ความถกู ต้อง (Accuracy) ตอนที่ 2 ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอน่ื ๆ 3. โปรดพจิ ารณาข้อคาถาม แลว้ ทาเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งท่ตี รงกับความคิดเห็นของท่าน โดย
ห น้ า | 65 5 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจในระดับมากทสี่ ดุ 4 หมายถงึ มีความพึงพอใจในระดบั มาก 3 หมายถงึ มีความพึงพอใจในระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจในระดับน้อย 1 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจในระดับนอ้ ยท่ีสดุ ดร. เยาวทวิ า นามคณุ และคณะ ฯ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาปาง โทรศัพท์ 089-4297385 ตอนที่ 1 ความคิดเหน็ เกี่ยวกบั หลกั สตู รอบรมและระบบ Coaching and Mentoring และ PLC Online ประเด็นการประเมนิ ระดบั ความ ขอ้ เสนอแนะ เหมาะสม 54321 ดา้ นองค์ประกอบของหลักสูตร (Curriculum) 1. หลักการของหลกั สตู รอบรมครอบคลุมต้องการของผเู้ ข้า อบรม 2. จดุ มุง่ หมายของหลกั สตู รครอบคลุมต้องการของผเู้ ขา้ อบรม 3. โครงสร้างหลกั สูตรมีความครอบคลุมตอ้ งการของผเู้ ขา้ อบรม 4. เครือ่ งมือในการอบรมมคี วามคลอบคลุม หลักการ จุดมุง่ หมายของหลกั สูตร ลงชื่อ………………………………………………ผปู้ ระเมิน …………../…………………../……………..
ห น้ า | 66 ตัวอย่างท่ี 2 แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ทรงคณุ วฒุ ติ ่อคุณภาพของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการ เรยี นวชิ า สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ภูมิลักษณ์ของภูมภิ าคต่างๆ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5 โดยใชเ้ ทคนคิ การจัดการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการกลุ่ม (Group Process) มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พันธข์ องสรรพส่ิง ซง่ึ มีผลต่อกันและกนั ใน ระบบของธรรมชาติ ใช้แผนทแ่ี ละเคร่ืองมอื ทางภมู ิศาสตร์ในการค้นหา วเิ คราะห์ สรุป และใช้ขอ้ มลู ภูมิ สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ คาชแ้ี จง โปรดพจิ ารณาข้อคาถาม แล้วทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ความคิดเหน็ ของทา่ น โดย +1 หมายถึง แนใ่ จวา่ ขอ้ คาถามสอดคล้องกบั มาตรฐานและตวั ชวี้ ัด 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จว่าข้อคาถามสอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วดั -1 หมายถงึ แนใ่ จว่าข้อคาถามไม่สอดคลอ้ งกับมาตรฐานและตัวช้ีวัด ทง้ั นีห้ ากท่านเลือกประเมินในระดับ 0, -1 ขอความกรุณาท่านให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในช่อง ข้อเสนอแนะ เพือ่ จะไดด้ าเนนิ การปรับปรงุ แก้ไขตามขอ้ เสนอแนะในลาดบั ต่อไป ตวั ชว้ี ดั ข้อที่ IOC ขอ้ เสนอแนะ +1 0 -1 รายการ ส 5.1 ป.5/3 1. อธิบาย 2. เทอื กเขาในขอ้ ใดอยใู่ นภาคตะวนั ตก ความสัมพนั ธ์ ก. เทือกเขาตะนาวศรี ข. เทือกเขาสันกาลาคีรี ของลักษณะทาง ค. เทือกเขาสันกาแพง ง. เทอื กเขาเพชรบรู ณ์ กายภาพกับ ภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออกมีภมู ิประเทศท่ี ลกั ษะทางสงั คม เหมอื นกันอยา่ งไร ในภมู ิภาคของ ก. มีภูเขาท่วั ทุกพ้ืนท่ี ตนเอง ข. มพี น้ื ท่ีติดกับชายฝ่งั ทะเล ค. มพี ้นื ท่ีส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลมุ่ 2 ง. มีพ้นื ท่ีสว่ นใหญ่เปน็ ท่รี าบสูง ลงชื่อ………………………………………………ผปู้ ระเมนิ …………../…………………../…………….. 2) ดาเนนิ การวิเคราะห์ข้อมูลจากผเู้ ช่ียวชาญด้วยวิธกี ารหาคา่ เฉล่ยี โดยมเี กณฑ์การพจิ ารณา ดงั น้ี
ห น้ า | 67 กรณที ่ี 1 เป็นแบบ Rating Scale ผลการพจิ ารณาใช้ไดเ้ ม่ือ Mean 3.5 โดยคานวณจากสตู ร ������������������������ = ∑ ������ ������ โดยท่ี x = ผลรวมคะแนนการพิจารณาของผู้เชยี่ วชาญ n = จานวนผเู้ ชีย่ วชาญ กรณที ่ี 2 เป็นแบบ IOC (Index of Item-Objective Congruence) ผลการพจิ ารณาใช้ได้ เมอ่ื ค่า IOC 0.5 โดยคานวณจากสูตร ������������������ = ∑ ������ ������ โดยท่ี R = ผลรวมการพจิ ารณาของผู้เชี่ยวชาญ N = จานวนผเู้ ชย่ี วชาญ ตัวอย่างที่ 3 การวิเคราะหค์ ่า IOC ข้อท่ี คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คนที่ 5 ผลรวม R ผลการ วเิ คราะห์ 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 R IOC = N นาไปใชไ้ ด้ ใชไ้ ม่ได้ 1/ / / // 4 4 = 1 5 ใช้ไมไ่ ด้ 2/ // // 1 1 = 0.2 นาไปใช้ได้ 5 3/ / / / /2 2 = 0.4 5 4/ / / // 3 3 = 0.6 5 จากตารางแสดงว่ามขี ้อคาถามในการหาความสอดคลอ้ งระหวา่ งขอ้ คาถามกบั จุดมุ่งหมายมีขอ้ คาถาม ทส่ี อดคล้องกบั เกณฑ์ จานวน 2 ขอ้ คือ ข้อที่ 1 และขอ้ ท่ี 4 ทสี่ ามารถนาไปใช้ได้ (คา่ IOC มากกว่า0.5) ขน้ั ท่ี 6 ตรวจสอบคณุ ภาพเคร่ืองมือด้านยากง่ายด้านอานาจจาแนกและด้านความเช่ือม่นั ซง่ึ จะได้ นาเสนอในหัวข้อต่อไป ขัน้ ท่ี 7 จดั ทาเครอ่ื งมือฉบับสมบรู ณ์และค่มู อื การใช้เคร่ืองมือ
ห น้ า | 68 3. เทคนิควิธีการตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมอื วดั ด้านพทุ ธพิ ิสยั การตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือวัดด้านพุทธิพิสัยน้ันประกอบด้วย 1) การตรวจสอบคุณภาพ เครื่องมอื ท้งั ฉบับและการตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือรายข้อ ดังน้ี 1. การหาคุณภาพของเคร่อื งมือทง้ั ฉบบั การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ เป็นการตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมือวัด เกี่ยวกับความ เทย่ี งตรง(Validity) และความเชอื่ มน่ั (Reliability) รายละเอียด ดังน้ี 1.1 ความเชือ่ ม่นั ความเช่อื มั่น หมายถงึ ความคงท่ีของคะแนนทวี่ ดั ได้แต่ละคร้ัง วธิ กี ารหาคา่ ความ เชื่อม่นั ของแบบทดสอบทาได้หลายวิธี คือ (1) วิธสี อบซา้ การหาความเชื่อม่ันโดยวิธีสอบซ้า เปน็ การหาความสมั พันธ์ของคะแนนจากการทา แบบทดสอบฉบับเดยี วกันสองคร้ัง โดยทงิ้ ช่วงหา่ งใหเ้ หมาะสม (ประมาณ 2 สปั ดาห)์ การหาความเช่ือมนั่ โดย วธิ ีนเ้ี ปน็ การตรวจสอบความคงทขี่ องการแสดงออกของผู้สอบสองครั้งว่า จะมีความคงทีห่ รือไม่ วธิ ีการน้มี ี จุดอ่อนที่ความแปรเปลีย่ นภายในตวั ผสู้ อบในระหว่างทิ้งชว่ งการสอบ สตู รการหาสัมประสิทธส์ิ หสัมพนั ธอ์ ยา่ งงา่ ยของเพียรส์ ัน จากสูตร N ∑ ������������ − ∑ ������ ∑ ������ ������������������ = √(������ ∑ ������2 −(∑ ������)2)(������ ∑ ������2 − (∑ ������������)2) โดยที่ XY เป็นคา่ สมั ประสิทธส์ิ หสมั พันธร์ ะหว่างคะแนนคร้งั ท่ี 1 และคร้ังท่ี 2 X เปน็ ผลรวมของคะแนนในครง้ั ที่ 1 Y เปน็ ผลรวมของคะแนนในครั้งที่ 2 X 2 เปน็ ผลรวมของคะแนนในครั้งท่ี 1 แต่ละตวั ยกกาลงั สอง Y 2 เป็นผลรวมของคะแนนในครั้งที่ 2 แต่ละตวั กาลังสอง XY เป็นผลรวมของผลคณู ของคะแนนในครงั้ ที่ 1 และคร้ังท่ี 2 N เป็นจานวนผู้ใหข้ ้อมลู โดยที่ค่าสัมประสิทธ์ิความเชื่อมั่นท่ีได้จากการคานวณจะมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง 1 แต่เน่ืองจากเป็นการ คานวณจากคะแนนเดิมและคะแนนใหม่ของผู้ให้ข้อมูลกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นจะได้ความเช่ือม่ันมีค่าสัมประสิทธ์ิ อยรู่ ะหวา่ ง 0 ถึง 1 เทา่ นั้น แต่ประเดน็ ท่ีควรระมดั ระวังในการใช้วิธกี ารนี้ คอื คุณลกั ษณะท่จี ะวัดจะต้องมีความ
ห น้ า | 69 คงที่ และระยะเวลาท่ีทดสอบซ้าจะต้องมีความเหมาะสม กลา่ วคือไมเ่ ร็วเกนิ ไปเน่อื งจากมผี ลตกคา้ ง(การจดจา) จากการทดลองคร้งั แรก และไมช่ า้ เกินไปทีจ่ ะมตี ัวแปรแทรกซ้อน อาทิ วฒุ ิภาวะ หรอื การเรียนรู้ท่เี พ่มิ ขน้ึ ตวั อยา่ งท่ี 4 เอาแบบทดสอบวิจยั เบือ้ งต้น ไปสอบกลมุ่ ตวั อยา่ ง 7 คน เว้นไป 5 วัน นาไปสอบกบั นกั ศึกษา ทง้ั หมด 7 คน อีกครั้งหนึง่ ปรากฏตามตาราง คนที่ 1 2 3 4 5 6 7 สอบคร้ังแรก 10 11 15 8 7 4 6 สอบคร้งั ที่ 2 11 11 14 7 8 5 6 จงคานวณหาค่าความเชอ่ื มัน่ ของแบบทดสอบวิจัยเบ้ืองตน้ น้ี วธิ ีทา จากสูตร N ∑ ������������ − ∑ ������ ∑ ������ ������������������ = √(������ ∑ ������2 −(∑ ������)2)(������ ∑ ������2 − (∑ ������������)2) จากตารางที่กาหนดให้ คานวณหาค่า ∑ ������������ , ∑ ������, ∑ ������, ∑ ������2 , ∑ ������2 สอบคร้ังที่ 1 (X) สอบครงั้ ท่ี 2 (Y) XY ������2 ������2 10 11 110 11 11 121 100 121 15 14 225 121 121 8 7 64 225 196 7 8 49 64 49 4 5 16 49 64 6 6 36 16 25 36 36 ∑ ������ = 61 ∑ ������ = 62 ∑ ������������ = 609 ∑ ������2 = 611 ∑ ������2 = 612 ������������������ 7 × 609 − (61)(62) = √((7 × 611) − 612)((7 × 612) − 622) = 0.97 แสดงวา่ ข้อสอบฉบับนมี้ ีคา่ ความเชอ่ื มั่นเป็น .97 คอื สูงมากเกือบจะเทา่ กบั 1
ห น้ า | 70 (2) วิธีแบบทดสอบคขู่ นาน การหาความเช่ือมน่ั โดยใชว้ ธิ แี บบทดสอบคู่ขนาน เปน็ การหาความสัมพนั ธ์ของคะแนนจาก การนาแบบทดสอบ 2 ฉบบั ทเ่ี ทยี บเท่ากันไปสอบกับบุคคลกลุ่มเดยี วกัน วิธกี ารน้มี จี ุดอ่อนทคี่ วามเปน็ คู่ขนาน กนั ของแบบทดสอบ 2 ฉบบั ซ่ึงสรา้ งไดย้ าก (3) วธิ ีหาความสอดคล้องภายใน แบง่ เปน็ วิธีแบ่งคร่ึงแบบทดสอบ การหาความเทีย่ งโดยวธิ ีน้ี เปน็ การหาความสัมพันธข์ องคะแนนจากการใช้ แบบทดสอบฉบับเดยี วและสอบเพยี งครง้ั เดียว โดยนาผลการสอบมาแบง่ เปน็ ข้อมูล 2 ชดุ โดยอาจแบ่งเปน็ ข้อ คู่ - ขอ้ คี่ แบ่งเป็นครึ่งฉบับแรกคร่ึงฉบับหลัง จากการหาคา่ สมั ประสิทธสิ์ หสัมพันธ์จะได้ สัมประสทิ ธ์คิ วาม เชอื่ มั่นของแบบทดสอบครง่ึ ฉบับ แลว้ จงึ นาไปปรบั ขยายเป็นสัมประสทิ ธสิ์ หสัมพนั ธข์ องแบบทดสอบทั้งฉบบั สูตรของสเปียร์แมน บราวน์ (Spearman Brown) ดังนี้ Rtt = 2rmm 1+ rmm เมื่อ Rtt แทน ความเท่ยี งของแบบทดสอบทงั้ ฉบับ Rmm แทน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของแบบทดสอดครงึ่ ฉบบั วิธีหาจากสูตรคเู ดอรแ์ ละริชารด์ สัน การหาความเที่ยงโดยวธิ นี ้ี เปน็ การหาความสมั พันธข์ องคะแนนจากการใช้ แบบทดสอบฉบบั เดียวและสอบเพยี งครง้ั เดยี วโดยนาผลการสอบมาคานวณคา่ สมั ประสิทธ์ิ ใชส้ ูตรของคูเดอร์ และรชิ ารด์ สันซึ่งเป็นการหาความเทย่ี งของแบบทดสอบท่มี ีระบบการให้คะแนนแบบ 0,1 (ผิด 0, ถกู 1) สตู รที่ ใชม้ ี 2สูตร คือ สูตร KR - 20 กับสูตร KR – 21 สูตร KR -20 ในกรณที ีค่ ่าความยากง่ายของข้อสอบแต่ละข้อไม่เทา่ กนั RKR-20 = K [1- ∑ pq K-1 S2 ] เม่อื Rtt แทน ความเทยี่ งของแบบทดสอบ K แทน จานวนขอ้ สอบ p แทน ความยากง่ายของข้อสอบแตล่ ะข้อ (สัดส่วนทีต่ อบถูก) q แทน สดั ส่วนที่ตอบผดิ (1-p) S2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมของแบบทดสอบ
ห น้ า | 71 s2= N ∑ X2- (∑ X)2 N2 สตู ร KR-21ในกรณีทคี่ ่าความยากง่ายของข้อสอบทุกข้อเทา่ กันหรอื ไมแ่ ตกตา่ งกันมาก RKR-21= K 1-X̅(K-X̅) K-1 [ KS2 ] เมอื่ Rt แทน ความเท่ยี งของแบบทดสอบ K แทน จานวนข้อสอบ X แทน ค่าเฉลี่ยของคะแนนรวมของแบบทดสอบท้ังฉบับ S2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมของแบบทดสอบ สตู ร KR - 20 และ KR - 21 น้ีใชไ้ ด้เฉพาะการหาความเทยี่ งของแบบทดสอบที่ให้คะแนนแต่ละข้อ เปน็ แบบ0 กบั 1 เทา่ น้ัน สูตร KR - 21 ใชใ้ นกรณีข้อสอบทุกขอ้ มีคา่ ความยากเท่ากัน ซ่ึงในทางปฏบิ ัติตอ้ ง พจิ ารณาเงื่อนไขท่ีเป็นจริงด้วย ตัวอย่างที่ 5 จงหาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ โดยใช้สูตร KR-20 จากการนาแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชา ภาษาไทย จานวน 10 ขอ้ ไปทดสอบกบั นกั เรยี น 10 คน ไดค้ ะแนนดังผลตาราง ข้างลา่ งนี้
ห น้ า | 72 วิธีหาจากสูตรสัมประสทิ ธแ์ิ อลฟา การหาค่าความเทยี่ งโดยใช้สตู รของครอนบัค (Cronbach) นีป้ รบั มาจากสูตร KR – 20 ใชห้ าความเท่ียงของเครอ่ื งมือวดั ที่ใหค้ ะแนนแตกตา่ งกันไปในแต่ละข้อได้ โดยไม่จาเปน็ ตอ้ งเป็น ระบบการให้คะแนน แบบ 1 กับ 0 สูตรการคานวณเปน็ ดงั นี้ K ∑ S2 ������ = k-1 [1- Sz 1t] เมือ่ α แทน ความเทย่ี งของแบบทดสอบ S2 แทน ความแปรปรวนของข้อสอบแต่ละขอ้ Sz แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมของแบบทดสอบ K แทน จานวนขอ้ สอบทงั้ หมด การหาคา่ ความเท่ยี งโดยใชส้ ูตรสมั ประสิทธ์แิ อลฟา สามารถหาได้โดยใชผ้ ลการสอบจากแบบทดสอบ ฉบับเดยี วนาไปสอบกับบุคคลกล่มุ เดยี ว และนาไปใชก้ ันไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง โดยไมจ่ ากัดเฉพาะแบบทดสอบท่ี ให้คะแนนแบบ 1 กับ 0
ห น้ า | 73 ตัวอยา่ งที่ 5 การคานวณคา่ ความเช่ือมนั่ ดว้ ยสมั ประสิทธแ์ิ อลฟาของครอนบาค ผู้ตอบ 6 คน (n = 6) ข้อ 1 คาถาม 5 ขอ้ (k = 5) ขอ้ 4 ขอ้ 5 คะแนนรวม คนที่ 1 3 ข้อ 2 ขอ้ 3 3 3 15 คนท่ี 2 4 4 4 20 คนท่ี 3 2 33 2 2 10 คนที่ 4 5 44 5 5 25 คนที่ 5 1 22 1 1 5 คนที่ 6 2 55 2 2 10 17 11 17 17 85 x 59 22 59 59 1,475 x2 1.81 17 17 1.81 1.81 59 59 Si2 1.81 1.81 การคานวณ ข้อ 1 : S12 n x2 ( x)2 6 59 (17)2 1.81 n2 62 ในทน่ี ี้ s12 s22 s32 s24 s52 1.81 ดงั นั้น s si2 51.819.05 i 1 s2p n x)2 x2 ( 61475 (85)2 45.14 n2 62 rtt k k 5 9.05 หรือ คือ k 1 1 1 45.14 Cronbach α α si2 5 1 1 i 1 s2p 2. การวเิ คราะหห์ าคุณภาพของขอ้ สอบรายข้อ การวเิ คราะห์ข้อสอบรายข้อ เปน็ การตรวจสอบคุณภาพของข้อสอบแต่ละขอ้ โดยพิจารณาจากสมบัติ ท่สี าคญั 3 ประการ ได้แก่ ความยาก อานาจจาแนก และประสทิ ธิภาพของตัวลวง 2.1 ความยากของข้อสอบ สามารถหาได้จากสตู ร กรณีท่ี 1 เปน็ แบบตวั เลือกถูก – ผิด สูตร ������ = จานวนผู้ตอบถูก จานวนผสู้ อบทง้ั หมด กรณีท่ี 2 เปน็ แบบข้อเขียน สูตร P= RH + RL NH + NL
ห น้ า | 74 เม่อื P คือ ความยากง่าย RH คือ จานวนนักเรยี นที่ตอบถกู ในกลุ่มคะแนนสูง RL คือ จานวนนักเรยี นที่ตอบถกู ในกลุ่มคะแนนตา่ NH คอื จานวนนักเรยี นท้ังหมดในกลุม่ คะแนนสูง NL คือ จานวนนักเรียนท้ังหมดในกลุม่ คะแนนตา่ เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าความยากงา่ ย ( p ) ( ลว้ น สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2543) ความยากงา่ ยของข้อสอบ (p) ความหมาย 0.81 – 1.00 งา่ ยมาก ( ควรปรับปรงุ หรอื ตัด 0.60 – 0.80 คอ่ นข้างงา่ ย ( ดี ) 0.40 – 0.59 ยากพอเหมาะ ( ดมี าก ) 0.20 – 0.39 คอ่ นข้างยาก ( ดี ) 0.00 – 0.19 ยากมาก ( ควรปรับปรุงหรอื ตัดทิง้ ) 2.2 อานาจจาแนก สามารถหาได้จากสูตร กรณที ่ี 1 เป็นแบบตัวเลอื กถูก – ผดิ สูตร RH - RL N r= 2 กรณที ่ี 2 เปน็ แบบขอ้ เขียน RH - RL NH or NL r = เม่ือ P คอื ความยากงา่ ย RH คอื จานวนนกั เรยี นท่ีตอบถกู ในกลมุ่ คะแนนสูง RL คือ จานวนนกั เรยี นที่ตอบถูกในกลุ่มคะแนนตา่ NH คือ จานวนนกั เรียนท้ังหมดในกลุ่มคะแนนสูง NL คอื จานวนนักเรยี นทั้งหมดในกลุม่ คะแนนตา่
ห น้ า | 75 เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าอานาจจาแนก (r ) ของขอ้ สอบ ความอาจาจจาแนกของขอ้ สอบ (r) ความหมาย 0.60 – 1.00 อานาจจาแนกดมี าก 0.40 – 0.59 อานาจจาแนกดี 0.20 – 0.39 อานาจจาแนกพอใช้ 0.10 – 0.19 อานาจจาแนกต่า (ควรปรับปรุงหรอื ตดั ทิง้ ) อานาจจาแนกต่ามาก (ควรปรับปรุงหรือตัดทิ้ง) - 1.00 – 0.19 ตัวอย่างท่ี 7 การวเิ คราะห์ขอ้ สอบแบบอัตนยั ดาเนินการได้ดังนี้ (บุญชม ศรสี ะอาด, 25) 1. ตรวจใหค้ ะแนนข้อสอบแต่ละขอ้ แลว้ รวมคะแนนทุกขอ้ 2. เรียงกระดาษคาตอบจากคะแนนสูงสุดลงมาหาต่าสุด คัดเอาเฉพาะผู้ท่ีได้คะแนนสูงสุด 25% ของ ทัง้ หมดเป็นกลุ่มสูง และผู้ท่ีได้คะแนนต่าสุด 25% ของทั้งหมดเป็นกลุ่มต่า กลุ่มท่ีเหลือเป็นกลุ่มกลางมีจานวน 50% ของท้ังหมด ในการวเิ คราะห์จะใชเ้ ฉพาะผลการสอบของกลุ่มสูงและกลุ่มต่า ไม่ได้ใช้ผลการสอบของกลุ่ม กลาง 3. บันทึกคะแนนของแต่ละคนในแต่ละข้อ ลงในตาราง โดยแยกตามกลุ่ม อาจใช้แบบฟอร์มดังใน ตารางหนา้ ถดั ไป รวมคะแนนแตล่ ะข้อของแต่ละกลุม่ ในข้นั น้จี ะยังไมม่ ผี ลการวเิ คราะห์ซงึ่ เป็นผลของขัน้ ที่ 4 ตารางวิเคราะหข์ ้อสอบแบบอัตนัยวิชาวดั ผลการศึกษา นิสติ ปที ่ี 3 วชิ าเอกภาษาไทย ขอ้ 1 2 3 4 5 รวม ผสู้ อบ 1 9 8 7 8 10 42 2 8 8 6 7 10 38 กลุม่ สูง 3 8 7 6 7 9 37 4 8 7 6 6 9 36 รวม 33 30 25 28 38 1 5 5 5 7 5 27 กลมุ่ ต่า 2 5 5 3 8 4 25 3 4 6 3 6 3 22
ห น้ า | 76 4 2 3 2 7 2 16 รวม 16 19 13 28 14 P .61 .61 .47 .70 .65 ผลการวิเคราะหร์ วม D .42 .27 .30 .00 .60 หมายเหตุ ข้อมูลในตารางเป็นข้อมูลสมมุติ ซ่ึงกาหนดจานวนคนน้อยคนเพื่อให้สามารถเข้าใจวิธีการ ได้งา่ ย ในการวเิ คราะห์จริงควรมจี านวนทง้ั หมดไม่ต่ากว่า 40 คน จากตารางจะเห็นว่าข้อสอบวิชาวัดผลการศึกษามจี านวนท้ังหมด 5 ข้อ คะแนนเต็มข้อละ 10 คะแนน นิสิตวิชาเอกภาษาไทยที่สอบวิชาวัดผลการศึกษามีจานวนทั้งหมด 16 คนจึงมีกลุ่มสูงและกลุ่มต่าละ 4 คนซ่ึง เท่ากับ 25% ของ 16 4. เทคนิคการตรวจสอบคณุ ภาพเครอื่ งมือวัดด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป เคร่ืองมือวัดทางด้านพุทธิพิสัยจาแนกตามลักษณะการตอบได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ แบบทดสอบ แบบปรนัยและแบบทดสอบแบบอัตนยั ดงั นนั้ ผ้เู ขียนจะขอนาเสนอตวั อย่างโปรแกรมสาเร็จรูปท่ีผเู้ รยี นสามารถ เลอื กใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมดังน้ี 1. โปรแกรมสาเร็จรูปในการวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบแบบปรนัย มีหลากหลายโปรแกรม อาธิ เช่น โปรแกรม MS Excell โปรแกรม SPSS หรือ โปรแกรม EVANA ซ่ึงในท่ีนี้ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างการ วเิ คราะห์คุณภาพแบบทดสอบแบบปรนัยด้วยโปรแกรม EVANA ซ่ึงพัฒนาโดย อาจารย์ภคนันต์ ทองคา จาก โรงเรียนปรินสรอยเลยวิทยาลัย เป็นโปรแกรมวิเคราะห์ข้อสอบใช้บน Windows สามารถใช้งานได้ง่าย มี ประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อสอบแบบเลือกตอบ ตามทฤษฏี Classical Test Theory ด้วยเทคนิค 25% คานวณด้วยสูตรอย่างง่าย และเทคนิค 27% จากตารางของจุงเตห์ฟาน จะให้ค่าความยาก ค่าอานาจจาแนก ตลอดจนค่าความเชื่อมั่นและสถิติพ้ืนฐานต่าง ๆ นอกจากน้ียังแปลความแต่ละข้อแต่ะละตัวเลือกให้อีกด้วย (ฉัตรศริ ิ ปยิ ะพิมลสทิ ธ์ิ, 2562) โดยมีวธิ ีดาเนินการดงั นี้ 1) ผู้เ รี ยน ส าม า รถ Download โ ป ร แ กร ม ผ่า น ระ บ บเ ค รือ ข่ า ยอิ น เท อ ร์เ น็ ต เ ช่ น http://www.jaturapad.com/archives/2126 แลว้ ดำเนินกำร Setup Program 2) เข้ำโปรแกรม เพื่อทำกำรกรอกข้อมูลผลกำรทดสอบ Tryout เคร่ืองมือ ซ่ึงควรมีจำนวน นกั เรียนไม่นอ้ ยกวำ่ 30 คน ดงั น้ี
ห น้ า | 77 3) เลือกการวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใชเ้ ทคนิควิเคราะห์ 25% หรือ วิเคราะห์ 27% ปรากฏผลดงั น้ี 4) ผู้วเิ คราะห์สามารถ copy เพ่ือนามาจัดเรียงใหมใ่ นภาคผนวกไดด้ งั ตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ โดยใชส้ ูตรอยา่ งง่าย กลมุ่ สงู กลมุ่ ตา่ 25 % วิชา …………. เทอม 1/2563 อาจารย์ผู้สอน : ……………………………… ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้อ ตัวเลือก H L p r Delta วจิ ารณ์
ห น้ า | 78 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- *ก 21 10 .60 .42 12.0 ค่อนข้างง่าย อานาจจาแนกดีมาก 1 ข 1 8 .17 .27 16.8 ดี คนอ่อนหลงตอบมากกวา่ ค 2 5 .13 .12 17.4 ดี คนอ่อนหลงตอบมากกวา่ ง 2 3 .10 .04 18.2 ดี คนอ่อนหลงตอบมากกว่า ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สรปุ คา่ p ค่า r รายข้อ วิชา …………….. เทอม 1/2563 อาจารย์ผสู้ อน : ……………………………. ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขอ้ p r Delta Zr ----------------------------------------------------- 1 .60 .42 12.0 .45 2 .85 .23 8.9 .24 3 1.00 .00 -1.9 .00 4 .85 .31 8.9 .32 5 .75 .19 10.3 .19 6 .46 .46 13.4 .50 7 .79 .35 9.8 .36 8 .56 .50 12.4 .55 9 .54 .46 12.6 .50 10 .54 .38 12.6 .41 11 .77 .31 10.1 .32 12 .60 .12 12.0 .12 13 .63 .42 11.6 .45 14 .19 .23 16.5 .24 15 .52 .50 12.8 .55 16 .65 .23 11.4 .24 17 .63 .35 11.6 .36 18 .56 .50 12.4 .55 19 .37 .35 14.4 .36 20 .29 .35 15.2 .36 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ห น้ า | 79 เฉล่ยี .61 .34 11.4 .35 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผลการวิเคราะหร์ ายฉบับ วชิ า ………………….. เทอม 1/2563 อาจารย์ผู้สอน : ………………………….. ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จานวนข้อสอบท่ีวิเคราะห์ 20 จานวนกระดาษคาตอบ 102 คะแนนเฉล่ยี 12.2647 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2.6969 ความเชอื่ มน่ั KR-20 .4846 ความคลาดเคล่ือนมาตรฐาน 1.9361 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สรปุ คุณภาพของขอ้ สอบ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้อสอบท่ีดี ควรเกบ็ ไว้ ไดแ้ ก่ 1. ข้อท่คี ่อนข้างง่าย อานาจจาแนกดี มี 6 ขอ้ 1 7 11 13 16 17 2. ข้อทีย่ ากง่ายปานกลาง อานาจจาแนกดี มี 6 ขอ้ 6 8 9 10 15 18 3. ข้อท่คี ่อนขา้ งยาก อานาจจาแนกดี มี 2 ขอ้ 19 20 ขอ้ สอบที่ควรปรับปรุง ไดแ้ ก่ 1. ข้อที่ง่ายมาก อานาจจาแนกดี มี 2 ข้อ 24 2. ข้อทย่ี ากมาก อานาจจาแนกดี มี 1 ข้อ 14 3. ข้อทีค่ วามยากปานกลาง อานาจจาแนกไมด่ ี มี 2 ข้อ 5 12 ขอ้ สอบที่ควรตดั ทิ้งได้แก่ 1. ขอ้ ทง่ี ่ายมากหรือยากมาก อานาจจาแนกไมด่ ี 0 ข้อ 2. ขอ้ ที่อานาจจาแนกเป็น 0 มี 1 ข้อ 3
ห น้ า | 80 3. ขอ้ ท่ีอานาจจาแนกเปน็ ลบ มี 0 ขอ้ 2. โปรแกรมสาเร็จรูปในการวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบแบบอัตนัย มีหลากหลายโปรแกรม อาธิ เช่น โปรแกรม MS Excell โปรแกรม SPSS หรือ โปรแกรม B-Index ซ่ึงในท่ีนี้ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างการ วเิ คราะห์คณุ ภาพแบบทดสอบแบบอตั นยั ดว้ ยโปรแกรม B-Index โดยมีวิธีดาเนนิ การดังน้ี 1) ผู้เ รี ยน ส าม า รถ Download โ ป ร แ กร ม ผ่า น ระ บ บเ ค รือ ข่ า ยอิ น เท อ ร์เ น็ ต เ ช่ น https://www.krupatom.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2% E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E 0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E 0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0 %B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0% B8%9C%E0%B8%A5/education_15738 แลว้ ดำเนินกำร Setup Program 2) เขำ้ โปรแกรม เพื่อทำกำรกรอกขอ้ มูลผลกำรทดสอบ Try out เคร่ืองมือ ซ่ึงควรมีจำนวน นกั เรียนไม่นอ้ ยกวำ่ 30 คน ดงั น้ี
ห น้ า | 81 3) ดาเนินการวเิ คราะหข์ ้อมูล ดังนี้ 3.1) เลอื ก Drive และ Folder ท่เี ก็บแฟม้ ข้อมลู 3.2) Click เลือกแฟม้ ขอ้ มูลที่ต้องการวิเคราะห์ 3.3) Click ปุม เรมิ่ วิเคราะห์ 3.4) ตรวจสอบผลการวิเคราะห์ 3.5) Print ผลการวิเคราะห์ออก Printer
ห น้ า | 82 3) ตัวอย่างข้อมลู จากแฟ้มขอ้ มลู ตวั อยา่ ง Th203.dtt เลือก Click ท่ชี ่ือแฟ้มข้อมูลแล้ว Click เร่ิม วิเคราะห์จะปรากฏผลการวิเคราะห์ดังรูป Tab ท่ี 1 เป็นรายงานผลการวิเคราะหค์ า่ ดชั นคี วามยากและดัชนคี า่ อานาจจาแนก Tab ท่ี 2 เป็นรายงานค่าความเช่ือมัน่ (α - Coefficient Alpha) Tab ที่ 3 เป็นข้อสรุปข้อมูลการตอบแบบสอบถามและสรุปคะแนนแต่ละคนพร้อมทั้งการเรียงข้อมูล จากมากไปหานอ้ ย ตัวอย่างผลการวเิ คราะห์
ห น้ า | 83 5. สรุป เครือ่ งมือวดั ด้านพทุ ธพิ สิ ยั มีการจาแนกประเภทได้หลายรปู แบบขึ้นอยู่กับเกณฑ์ท่ใี ช้ในการจาแนก ประเภท โดยทว่ั ไปมักจาแนกตามลักษณะของข้อคาถาม ซ่ึงจาแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ แบบปรนยั และแบบ อตั นยั โดยเครือ่ งมอื วัดด้านพุทธิสัยตอ้ งมีการตรวจสอบคุณภาพ 10 ดา้ นได้แก่ 1 ) ความเทยี่ งตรง (Validity) 2) ความเชื่อม่ัน (Reliability) 3) ความเปน็ ปรนยั (Objectivity) 4) ความยากง่าย (Difficulty) 5) อานาจ จาแนก (Discrimination) 6) ความมปี ระสิทธิภาพ (Efficiency) 7) ความยตุ ิธรรม (Fair) 8) คาถามลกึ (Searching) 9) คาถามยวั่ ยุ (Exemplary) และ 10) จาเพาะเจาะจง (Definite) ซึง่ การตรวจสอบคุณภาพ แบง่ เป็นการตรวจสอบคุณภาพรายข้อและรายฉบับ โดยปัจจบุ ันมีโปรแกรมสาเร็จรปู หลากหลายโปรแกรม สนับสนุนการวิเคราะหใ์ ห้มคี วามสะดวกแกผ่ ้ใู ช้ เชน่ โปรแกรม MS Excell โปรแกรม SPSS โปรแกรม B- Index และ โปรแกรม EVANA เปน็ ต้น 1. สามารถสร้างเคร่อื งมอื วัดดา้ นพทุ ธพิ ิสัยได้ สามารถตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือวดั ดา้ นพทุ ธิพสิ ัยได้ 6. แบบฝึกหดั 1. จงหาคา่ ความเทยี่ งตรงของข้อสอบต่อไปนี้ คะแนนความคิดเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญ รวม ค่า สรปุ ผล วัตถุประสงค์ แบบทดสอบ คนท่ี คนท่ี คนท่ี คนที่ คนที่ IOC 12345 1 1 +1 0 0 +1 +1 2 +1 +1 +1 -1 0 3 -1 +1 -1 0 +1 4 0 +1 0 +1 +1 2. จากตารางวิเคราะห์ข้อสอบแบบอัตนัย นักเรียนชั้นม 1/1 วิชาวิทยาศาสตร์ จงหาค่าความยากง่ายและ อานาจจาแนกของข้อสอบต่อไปนี้
ห น้ า | 84 ข้อ 1 2 3 4 5 รวม ผสู้ อบ 1 9 8 7 7 10 41 2 8 8 8 6 10 40 กลุ่มสูง 3 9 8 6 7 9 39 4 8 9 8 6 10 41 รวม 34 33 29 26 39 1 6 4 4 4 4 22 2 5 5 2 5 4 21 กลุ่มตา่ 3 4 5 3 6 3 21 4 3 3 2 7 2 17 รวม 18 17 11 22 13 P ผลการวเิ คราะห์รวม D 3. จงหาค่าความเช่อื มน่ั ของแบบทดสอบต่อไปน้ี 456 7 13 4 คนท่ี 1 2 3 6 14 5 สอบคร้ังแรก 9 12 11 สอบคร้งั ท่ี 2 10 13 10 X2 Y2 สอบคร้ังแรก (X) สอบคร้ังทสี่ อง (Y) XY 9 10 12 13 11 10 7 6 13 14 4 5
ห น้ า | 85 ∑X = ∑Y = ∑XY = ∑X2 = ∑Y2 = 7. Link ทนี่ กั ศกึ ษาจะเขา้ ไปทาการศกึ ษาด้วยตนเอง 1. https://www.youtube.com/watch?v=g9LM7gAN1xQ&feature=youtu.be 8. แหล่งค้นคว้าเพิ่มเตมิ กองวิจัยทางการศึกษา. (2545). การวจิ ยั เพื่อพัฒนาการเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน. กรุงเทพฯ : กองวิจัยทางการศึกษากรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. โกวิท ประวาลพฤกษ์และสมศกั ด์ิ สินธุระเวชญ์. (2527). การประเมินในชน้ั เรียน. กรุงเทพฯ : วฒั นาพานิช. บญุ ธรรม กิจปรีดาบรสิ ุทธ์ิ. (2542). เทคนคิ การสรา้ งเครื่องมอื รวบรวมข้อมูลสาหรับการวจิ ยั . พิมพ์ครงั้ ท่ี5. กรงุ เทพฯ : เจริญดีการพิมพ์. บุญเชิด ภิญโญอนนั ตพงษ.์ (2546). คุณภาพเคร่อื งมือวัด ในมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. การพฒั นาเคร่อื งมือสาหรบั การประเมนิ การศกึ ษา. พิมพ์ครงั้ ท่ี 2. นนทบรี : โครงการสวสั ดิการ วิชาการสถาบนั พระบรมราชชนก. บญุ ชม ศรีสะอาด. (2562). การวิเคราะห์ข้อสอบแบบอ่ืนนอกเหนือจากแบบเลือกตอบ. [ออนไลน์]. เขา้ ถึง ไดจ้ าก: http://watpon.in.th/thai/mod/page/view.php?id=5 (วันท่ีสบื ค้นข้อมลู : 1 กรกฏาคม 2563) ปราณี หลาเบญ็ สะ. (2559). การหาคุณภาพของเคร่อื งมือวดั และประเมินผล. ยะลา : สาขาการวดั และ ประเมนิ ผลคณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลา. ฉัตรศริ ิ ปิยะพมิ ลสทิ ธ์ิ. (2562). การวิเคราะห์ข้อสอบด้วยโปรแกรม EVANA. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.watpon.in.th/journal/evana.pdf (วนั ที่สืบค้นขอ้ มลู : 2 กรกฏาคม 2562). มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. (2554). การพฒั นาเคร่ืองมอื วดั ด้านเจตพิสัยและทักษะพิสัย. เอกสาร ประกอบการสอนชดุ วิชามหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. สานกั พมิ พม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. (2554). การพัฒนาเคร่อื งมือวดั ด้านพุทธิพสิ ัย. เอกสารประกอบการสอน ชดุ วชิ ามหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. สานักพิมพ์มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช.
ห น้ า | 86 สาเรงิ บญุ เรอื งรัตน์. (2527). ทฤษฏกี ารวดั และประเมินผลการศกึ ษา. สานักทดสอบการศึกษาและจติ วทิ ยา. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร. พวงรตั น์ ทวีรัตน์. (2543). วธิ กี ารวิจัยทางพฤตกิ รรมศาสตร์และสงั คมศาสตร.์ พิมพค์ ร้ังท่ี 8. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครทิ รวิโรฒ ประสานมติ ร. พเยาว์ เนตรประชา. การวิเคราะห์หาคณุ ภาพของแบบทดสอบ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.ipesp.ac.th/learning/websatiti/chapter9/unit9_3_1.html. (วนั ที่สบื ค้นข้อมลู : 25 ธันวาคม 2561). มลิวัลย์ ผวิ คราม. การสรา้ งขอ้ สอบอตั นัย. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit6/level6-3.html. (วันท่ีสบื คน้ ข้อมูล : 25 ธนั วาคม 2561). ยืนยง ราชวงษ.์ (2557). การสร้างแบบทดสอบอตั นยั ท่ีมีคุณภาพ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : http//www.gotoknow.org. (วนั ที่สืบคน้ ข้อมลู : 25 ธันวาคม 2561). วริ ชั วรรณรตั น์. (2558). หลักและวธิ กี ารสอบวดั . นนทบุรี : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชพฤกษ์ . วริ ชั วรรณรัตน์. (2539). การวดั และประเมินผลการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : สานักทดสอบทางการศกึ ษาและ จิตวิทยามหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. สุชรี า ภทั รายุตวรรตน์. (2545). ค่มู อื การวัดทางจติ วิทยา. กรงุ เทพฯ : เมดคิ ลั มีเดยี . สุมาลี จันทรช์ ลอ. (2542). การวดั และประเมินผล. กรุงเทพฯ : ศูนยส์ ่งเสรมิ กรงุ เทพ. อนันต์ ศรโี สภา. (2520). การวดั และการประเมนิ ผลการศกึ ษา. มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสาน มิตร. บริษทั สานักพมิ พ์ ไทยวัฒนาพานิช จากัด. อานวย เลศิ ชยนั ตี. (2533). การทดสอบและการวดั ผลทางการศกึ ษา. วทิ ยาลัยครจู นั ทรเกษม. อานวยการ พิมพ์ กรงุ เทพมหานคร ฯ. William A. Mehrens. (1975). Measurement and Evaluation in Education and Psychology. Second edition.Holt, Rinehart and Winston, Inc. Bloom, Benjamin and other. (1971). Handbook on formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York : McGraw-Hill.
ห น้ า | 84 เฉลย่ี .61 .34 11.4 .35 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผลการวิเคราะห์รายฉบับ วชิ า ………………….. เทอม 1/2563 อาจารย์ผ้สู อน : ………………………….. ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จานวนข้อสอบทีว่ ิเคราะห์ 20 จานวนกระดาษคาตอบ 102 คะแนนเฉลีย่ 12.2647 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2.6969 ความเช่ือมนั่ KR-20 .4846 ความคลาดเคล่ือนมาตรฐาน 1.9361 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สรุปคณุ ภาพของขอ้ สอบ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขอ้ สอบทด่ี ี ควรเกบ็ ไว้ ไดแ้ ก่ 1. ขอ้ ทคี่ ่อนข้างง่าย อานาจจาแนกดี มี 6 ข้อ 1 7 11 13 16 17 2. ขอ้ ที่ยากงา่ ยปานกลาง อานาจจาแนกดี มี 6 ขอ้ 6 8 9 10 15 18 3. ขอ้ ทีค่ ่อนขา้ งยาก อานาจจาแนกดี มี 2 ขอ้ 19 20 ข้อสอบทค่ี วรปรับปรุง ไดแ้ ก่ 1. ขอ้ ทีง่ า่ ยมาก อานาจจาแนกดี มี 2 ข้อ 24 2. ขอ้ ที่ยากมาก อานาจจาแนกดี มี 1 ข้อ 14 3. ขอ้ ที่ความยากปานกลาง อานาจจาแนกไม่ดี มี 2 ข้อ 5 12 ขอ้ สอบที่ควรตัดท้ิงได้แก่ 1. ขอ้ ทงี่ ่ายมากหรือยากมาก อานาจจาแนกไม่ดี 0 ขอ้ 2. ขอ้ ที่อานาจจาแนกเป็น 0 มี 1 ขอ้ 3
ห น้ า | 85 3. ขอ้ ท่ีอานาจจาแนกเป็นลบ มี 0 ข้อ 2. โปรแกรมสาเร็จรูปในการวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบแบบอัตนัย มีหลากหลายโปรแกรม อาธิ เช่น โปรแกรม MS Excell โปรแกรม SPSS หรือ โปรแกรม B-Index ซึ่งในท่ีนี้ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างการ วิเคราะหค์ ุณภาพแบบทดสอบแบบอตั นยั ดว้ ยโปรแกรม B-Index โดยมวี ธิ ดี าเนินการดังนี้ 1) ผู้เ รี ยน ส าม า รถ Download โ ป ร แ กร ม ผ่า น ระ บ บเ ค รือ ข่ า ยอิ น เท อ ร์เ น็ ต เ ช่ น https://www.krupatom.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2% E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E 0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E 0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0 %B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0% B8%9C%E0%B8%A5/education_15738 แลว้ ดำเนินกำร Setup Program 2) เข้ำโปรแกรม เพื่อทำกำรกรอกขอ้ มูลผลกำรทดสอบ Try out เคร่ืองมือ ซ่ึงควรมีจำนวน นกั เรียนไม่นอ้ ยกวำ่ 30 คน ดงั น้ี
ห น้ า | 86 3) ดาเนินการวเิ คราะห์ข้อมูล ดงั น้ี 3.1) เลอื ก Drive และ Folder ทีเ่ กบ็ แฟม้ ข้อมลู 3.2) Click เลือกแฟ้มข้อมลู ท่ีตอ้ งการวเิ คราะห์ 3.3) Click ปุม เริม่ วเิ คราะห์ 3.4) ตรวจสอบผลการวิเคราะห์ 3.5) Print ผลการวิเคราะห์ออก Printer
ห น้ า | 87 3) ตัวอยา่ งข้อมูลจากแฟ้มขอ้ มลู ตวั อยา่ ง Th203.dtt เลือก Click ท่ชี ื่อแฟ้มข้อมูลแล้ว Click เร่ิม วิเคราะห์จะปรากฏผลการวิเคราะห์ดงั รปู Tab ที่ 1 เป็นรายงานผลการวิเคราะห์คา่ ดชั นีความยากและดชั นีค่าอานาจจาแนก Tab ที่ 2 เปน็ รายงานค่าความเช่ือมั่น (α - Coefficient Alpha) Tab ที่ 3 เป็นข้อสรุปข้อมูลการตอบแบบสอบถามและสรุปคะแนนแต่ละคนพร้อมท้ังการเรียงข้อมูล จากมากไปหานอ้ ย ตัวอยา่ งผลการวิเคราะห์
ห น้ า | 88 5. สรุป เครื่องมือวัดด้านพุทธิพิสัยมีการจาแนกประเภทได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับเกณฑ์ท่ีใช้ในการจาแนก ประเภท โดยทั่วไปมักจาแนกตามลักษณะของข้อคาถาม ซึ่งจาแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ แบบปรนัยและแบบ อัตนัย โดยเครื่องมือวัดด้านพุทธิสัยต้องมีการตรวจสอบคุณภาพ 10 ด้านได้แก่ 1 ) ความเท่ียงตรง (Validity) 2) ความเช่ือมั่น (Reliability) 3) ความเป็นปรนัย (Objectivity) 4) ความยากง่าย (Difficulty) 5) อานาจ จาแนก (Discrimination) 6) ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) 7) ความยุติธรรม (Fair) 8) คาถามลึก (Searching) 9) คาถามย่ัวยุ (Exemplary) และ 10) จาเพาะเจาะจง (Definite) ซ่ึงการตรวจสอบคุณภาพ แบ่งเป็นการตรวจสอบคุณภาพรายข้อและรายฉบับ โดยปัจจุบันมีโปรแกรมสาเร็จรูปหลากหลายโปรแกรม สนับสนุนการวิเคราะห์ให้มีความสะดวกแก่ผู้ใช้ เช่น โปรแกรม MS Excell โปรแกรม SPSS โปรแกรม B- Index และ โปรแกรม EVANA เปน็ ต้น 6. แบบฝกึ หัด 1. จงหาค่าความเทีย่ งตรงของข้อสอบต่อไปนี้ คะแนนความคิดเหน็ ของผ้เู ชี่ยวชาญ รวม ค่า สรปุ ผล วตั ถุประสงค์ แบบทดสอบ คนที่ คนท่ี คนที่ คนท่ี คนที่ IOC 12345 1 1 +1 0 0 +1 +1 2 +1 +1 +1 -1 0 3 -1 +1 -1 0 +1 4 0 +1 0 +1 +1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213