100 4. ใบเรียนรู้ที่ 9 เร่ืองการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของขอ้ มูล 5. ใบเรียนรู้ท่ี 10 เร่ืองสถิติเบ้ืองตน้ (ค่ากลาง)ที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล 6. ใบเรียนรู้ที่ 11 เร่ืองสถติ ิเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ใบงำน 1. ใบงานที่ 15 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 5) เรื่องวิจยั เบ้ืองตน้ (การศกึ ษาคน้ ควา้ ) 2. ใบงานที่ 16 เร่ืองแหลง่ เรียนรู้ และการอา้ งองิ 3. ใบงานท่ี 17 เรื่องแนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 4. ใบงานท่ี 18 (งานกลุ่ม คร้ังท่ี 6) เร่ืองแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง 5. ใบงานที่ 19 (งานกลุม่ คร้ังท่ี 7) เร่ืองการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของขอ้ มูล 6. ใบงานที่ 20 เร่ืองสถิติเบ้ืองตน้ (ค่ากลาง)ท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล 7. ใบงานท่ี 21 เร่ืองสถติ ิเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ท่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู 8. ใบงานท่ี 22 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 8) เรื่องสถติ ิเบ้ืองตน้ ที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล แหล่งเรียนรู้ - หอ้ งสมุด , ผเู้ ชี่ยวชาญ , สถานท่ีสาคญั ต่างๆ - อนิ เตอร์เน็ต เช่น WWW.GOOGLE.COM , gg.gg/kruwirot-wannachai ฯลฯ กำรวดั ผล/ประเมนิ ผล งำนบุคคล (ความรู้ ความเขา้ ใจ และคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค)์ - ตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ท่ี 16 , 17 , 20 และ 21 - แบบประเมินคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ งำนกลุ่ม (การทางานกลุ่ม การแกป้ ัญหา) - การนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน - การตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ท่ี 15 , 18 , 19 และ 22 kruwirot wannachai satreesiriket school
101 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 21 – 22 เรื่องกำรวจิ ยั เบื้องต้น(กำรศึกษำค้นคว้ำ) ข้ันนำ สุ่มตวั แทนกลมุ่ 1 กลุ่ม ใหน้ าเสนอการวางแผนในการทางานของกลมุ่ ตน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กลมุ่ เดิม แต่ละกล่มุ ศึกษาใบเรียนรู้ที่ 6 เร่ืองการวจิ ยั เบ้ืองตน้ (การศกึ ษาคน้ ควา้ ) และทาใบงานลาดบั ท่ี 15 (งานกลมุ่ คร้ังท่ี 5) เรื่องการวจิ ยั เบ้ืองตน้ (การศกึ ษาคน้ ควา้ ) โดยสมาชิกแต่ละกลุ่ม ร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มูลในการเขียนที่มา ความสาคญั และวตั ถปุ ระสงคข์ อง การศึกษาคน้ ควา้ ของกลุ่มตน นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพ่ือรับการวิพากษ์ ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวพิ ากษ์ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 23 เรื่องแหล่งเรียนรู้ ข้ันนำ สมมติว่าถา้ นกั เรียนตอ้ งการหาความรู้เร่ืองโรคไขเ้ ลอื ดออก นกั เรียนจะทาอยา่ งไร ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปถึงแนวทางในการหาความรู้เร่ืองโรคไขเ้ ลอื ดออก ข้ันสอน นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาใบเรียนรู้ที่ 7 เรื่องแหลง่ เรียนรู้และการอา้ งอิง และทาใบงานท่ี 16 เร่ืองแหลง่ เรียนรู้และการอา้ งอิง ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป และครูสุ่มนกั เรียน 2 – 3 คน ใหย้ กตวั อยา่ งในการหาความรู้ และการอา้ งองิ เร่ืองโรคไขเ้ ลือดออก kruwirot wannachai satreesiriket school
102 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ชั่วโมงท่ี 24 เรื่องแนวคดิ ทฤษฎีและงำนวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข้อง ข้ันนำ ยกตวั อยา่ งสถานการณ์ในปัจจุบนั เก่ียวกบั การระบาดของโรคไขเ้ ลือดออก แลว้ ใหน้ กั เรียน ใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถือคน้ หาสายพนั ธข์ องโรคไขเ้ ลือดออก ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสายพนั ธข์ องโรคไขเ้ ลอื ดออก ข้ันสอน นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาใบเรียนรู้ท่ี 8 เร่ืองแนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง และทา ใบงานท่ี 17 เรื่องแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ข้นั สรุป สุ่มนกั เรียน 2 – 3 คน ใหน้ าเสนอผลงานจากการทาใบงานที่ 17 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงท่ี 25 - 26 เรื่องแนวคดิ ทฤษฎแี ละงำนวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข้อง ข้ันนำ สุ่มตวั แทนกลมุ่ 2 -3 กลุ่ม ใหน้ าเสนอประเดน็ ท่ีกลุ่มตนตอ้ งการที่จะทาการศึกษา และใหพ้ จิ ารณาวา่ ในประเดน็ ดงั กล่าวมี Key Word อะไรบา้ ง ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แต่ละกลมุ่ ศึกษาใบงานลาดบั ที่ 18 (งานกลมุ่ คร้ังท่ี 6) เร่ืองแนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง โดยสมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มูล ในการเขียนแนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ตามประเดน็ ที่ตอ้ งการศกึ ษาของกล่มุ ตน นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพ่อื รับการวพิ ากษ์ ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวิพากษ์ kruwirot wannachai satreesiriket school
103 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงท่ี 27 - 28 เรื่องกำรตรวจสอบควำมน่ำเช่ือถือของข้อมลู ข้ันนำ ยกตวั อยา่ งการนาเสนอขอ้ มูลที่ไมถ่ ูกตอ้ งหรือไมส่ มบูรณ์ แลว้ ถามถึงผลจากการใชข้ อ้ มูล ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แต่ละกลมุ่ ศึกษาใบเรียนรู้ลาดบั ที่ 9 เร่ืองการตรวจสอบความน่าเช่ือ ถือของขอ้ มูล แลว้ ทาใบงานลาดบั ท่ี 19 (งานกลุ่ม คร้ังท่ี 7) เร่ืองการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู โดยสมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู และตรวจสอบความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูลท่ีได้ ตามประเดน็ ท่ีตอ้ งการศกึ ษาของกลุ่มตน นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพ่อื รับการวพิ ากษ์ ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวพิ ากษ์ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 29 เรื่องสถิตเิ บือ้ งต้น(ค่ำกลำง)ทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล ข้ันนำ เมอื่ วนั ก่อน นกั เรียนใชเ้ งินไป 50 บาท เมอื่ วานน้ีนกั เรียนใชเ้ งินไป 70 บาท และวนั น้ี นกั เรียนใชเ้ งินไป 90 บาท เฉลี่ยแลว้ นกั เรียนใชเ้ งินวนั ละกีบ่ าท ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบ ข้ันสอน นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาใบเรียนรู้ท่ี 10 เร่ืองสถิติเบ้ืองตน้ (ค่ากลาง)ที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ ขอ้ มลู และทาใบงานท่ี 20 เรื่องสถติ ิเบ้ืองตน้ (ค่ากลาง)ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ข้นั สรุป สุ่มนกั เรียน 2 – 3 คน ใหน้ าเสนอผลงานจากการทาใบงานท่ี 20 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป kruwirot wannachai satreesiriket school
104 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ชั่วโมงท่ี 30 เรื่องสถติ เิ บื้องต้น(ค่ำร้อยละ)ทีใ่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ข้ันนำ เด็กชายประยทุ ธ์ มีเงิน 100 บาท ครูมเี งิน 1,000 บาท เดก็ ชายประยทุ ธม์ เี งินคิดเป็นร้อยละ เท่าไรของครู ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบ ข้ันสอน นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาใบเรียนรู้ที่ 11 เรื่องสถติ ิเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ ขอ้ มูล และทาใบงานท่ี 21 เร่ืองสถิติเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ข้ันสรุป สุ่มนกั เรียน 2 – 3 คน ใหน้ าเสนอผลงานจากการทาใบงานท่ี 21 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 31 - 32 (งำนกล่มุ คร้ังท่ี 8) เรื่องสถติ เิ บื้องต้นทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ข้ันนำ ทบทวนความรู้เดิมดว้ ยการสุ่มถามนกั เรียน 2 – 3 คน ค่ากลางคืออะไร ร้อยละคืออะไร ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กลมุ่ เดิม แต่ละกลมุ่ ศึกษาใบงานลาดบั ที่ 22 (งานกลุม่ คร้ังท่ี 8) เรื่องสถิติ เบ้ืองตน้ ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยสมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู ข้ันสรุป สุ่มตวั แทนนกั เรียน 2 – 3 กล่มุ ใหน้ าเสนอค่าสถติ ิจากประเดน็ ปัญหา(เรื่องที่ศกึ ษา) ของ กลุ่มตน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป kruwirot wannachai satreesiriket school
105 ภำคผนวก หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 ค้นคว้ำหำคำตอบ kruwirot wannachai satreesiriket school
106 แบบสังเกตพฤติกรรม กำรทำงำนรำยบคุ คล เลขท่ี ชื่อ สกลุ ควำมต้งั ใจ ควำม กำรตรง ควำม ผลสำเร็จ รวม ในกำร รับผดิ ชอบ ต่อเวลำ สะอำด ของงำน 20 ทำงำน เรียบร้อย คะแนน 43214321432143214321 ลงช่ือ........................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
107 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนกลุ่ม ช่ือกล่มุ ........................................................................................................ช้นั ................................................ ลำดบั รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน รวม 4321 1 การแบ่งหนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมือในการทางาน 3 การนาเสนอ 4 การรับฟังและแสดงความคิดเห็น 5 ความมนี ้าใจ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคุณภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
108 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน มุ่งมั่นต้ังใจทำงำน เลขท่ี ชื่อ สกลุ ปฏิบัติตำม แสวงหำ สรุปควำมรู้ มคี วำมต้งั ใจ ควำมอดทน รวม ข้อตกลง ข้อมลู จำก ได้อย่ำงมี ทำงำน ไม่ท้อแท้ 20 แหล่งเรียนรู้ เหตผุ ล คะแนน 43214321432143214321 ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ตา่ กว่า 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
109 แบบบนั ทกึ หลงั กำรสอน หน่วยเรียนรู้ที่ 2 ค้นคว้ำหำคำตอบ ครูผสู้ อน.............................................................................................หอ้ งท่ีสอน............................ 1. เวลาในการสอน ตรงตามแผน นอ้ ยกว่าแผน มากกวา่ แผน บนั ทกึ เพ่มิ เติม...................................................................................................................................... 2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ตรงตามแผน ไมต่ รงตามแผน เพราะ......................... 3. ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 4. ดา้ นสมรรถนะทีส่ าคญั ตรงตามแผน ไมต่ รงตามแผน เพราะ......................... บนั ทกึ เพิม่ เตมิ .................................................................................................................. ........ 3. การใชส้ ื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ตรงตามแผน ไมต่ รงตามแผน เพราะ.......................................................................................................... บนั ทึกเพิ่มเตมิ .............................................................................................................................. 4. การวดั และประเมนิ ผล ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ............................................................................................................ บนั ทกึ เพม่ิ เติม................................................................................................................................ 5. ปัญหา/อปุ สรรค์ ............................................................................................................................. .......................... 6. แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .......................... ลงชื่อ..................................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ....................................................รองฯกลุ่มบริหารงานวชิ าการ (.......................................................) (............................................................) ลงชื่อ.......................................................ผอู้ านวยการ (.............................................................) kruwirot wannachai satreesiriket school
110 หมายถึงกระบวนการคน้ หาคาตอบที่อยากรู้อยา่ งเป็นข้นั เป็นตอน และ คาตอบน้นั ตอ้ งเชื่อถอื ได้ ไม่ใช่การคาดเดาหรือคดิ สรุปเอาเองโดยใชค้ วามรู้สึก เช่น ถา้ ตอ้ งการทราบว่า นกั เรียนช้นั ม. 2 โรงเรียนสตริสิริเกศ ชอบอ่านหนงั สือประเภทใด จะคาดเดาคาตอบเอาเอง หรือจะไป สอบถามนกั เรียนเพยี งหน่ึงหรือสองคน แลว้ นามาสรุปเป็นคาตอบของนกั เรียน ช้นั ม. 2 ท้งั โรงเรียนสตรี สิริเกศ อยา่ งน้ีไมเ่ หมาะสมถือเป็นคาตอบที่ไมน่ ่าเชื่อถืออยา่ งยง่ิ แต่ถา้ ทาเป็นแบบสอบถามหรือสมั ภาษณ์ นกั เรียน ช้นั ม. 2 ท้งั โรงเรียนสตรีสิริเกศหรือในจานวนท่ีมากพอ แลว้ นาคาตอบที่ไดม้ าสรุป เช่นน้ีจึง น่าเช่ือถือ เป็นตน้ ประโยชน์ของกำรวจิ ยั /กำรศึกษำ 1. การวจิ ยั ทาใหเ้ กิดความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ 2. การวจิ ยั ทาใหเ้ กิดนวตั กรรม ส่ิงประดิษฐ์ แนวคิดใหมๆ่ 3. การวจิ ยั ชว่ ยตอบคาถามที่อยากรู้ ใหเ้ ขา้ ใจปัญหาและช่วยแกป้ ัญหา 4. การวจิ ยั ช่วยในการวางแผนและตดั สินใจ 5. การวจิ ยั ช่วยใหท้ ราบผลและขอ้ บกพร่องจากการดาเนินงาน การคน้ หาความรู้ ความจริงและตรวจสอบความถกู ตอ้ งของชาร์ล ดาร์วิล(Charles Darwin) ซ่ึง ปัจจุบนั เรียกว่า วธิ กี ำรทำงวทิ ยำศำสตร์ (Scientific Method) เป็นวิธีการหาความรู้ความจริงท่ีน่าเชื่อถือ ท่ีสุด การวจิ ยั จึงไดน้ าเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์น้ีมาประยกุ ตเ์ ป็นกระบวนการวิจยั ซ่ึงประกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ข้นั ปัญหา (Problem) เป็นข้นั ตอนท่ีเราสงั เกตพบปัญหา มีเหตุหรือปัจจยั อะไรที่ทาใหเ้ กิด เหตุการณ์หรือสภาพการณน์ ้นั 2. ข้นั ต้งั สมมติฐาน (Hypothesis) ในข้นั ตอนน้ีเราจะตอ้ งศกึ ษา ทบทวนความรู้เดิมมาประกอบ การ พิจารณาว่าคาตอบของปัญหาในข้นั ท่ี 1 น้นั จะเป็นอยา่ งไร (คาดเดาคาตอบไวล้ ว่ งหนา้ ) ซ่ึงเรียกวา่ “การ ต้งั สมมติฐาน” ซ่ึงจะใชเ้ ป็นแนวทางในการตรวจสอบวา่ สมมติฐานท่ีต้งั ไวน้ ้นั เป็นความจริงหรือไม่ kruwirot wannachai satreesiriket school
111 3. ข้นั รวบรวมขอ้ มูล (Gathering Data) ในข้นั น้ีเราจะทาการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลที่เก่ียวขอ้ งไวอ้ ยา่ ง เพียงพอและตรงกบั สิ่งท่ีตอ้ งการจะศกึ ษา 4. ข้นั วเิ คราะหข์ อ้ มลู (Analysis) ในข้นั น้ีจะเป็นการนาขอ้ มูลท่ีรวบรวมมาทาการวิเคราะห์ เพือ่ หา ลกั ษณะร่วมหรือความสอดคลอ้ งกนั ของขอ้ มลู เหลา่ น้นั และพจิ ารณาวา่ ขอ้ มูลเหล่าน้นั มีกี่ลกั ษณะแตกต่าง กนั อยา่ งไร เป็นตน้ 5. ข้นั สรุป (Conclusion) ในข้นั ตอนน้ี จะนาผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลมาแปรผล ตีความ สรุปเป็น ผลการวจิ ยั kruwirot wannachai satreesiriket school
112 คำส่ัง ใหแ้ ต่ละกลุ่มตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมือท่ีอ่านง่าย 1. ใหอ้ ธิบายความหมายของการวจิ ยั /การศกึ ษาคน้ ควา้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. การวจิ ยั /การศกึ ษาคน้ ควา้ มีประโยชน์ อยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. การวจิ ยั ไดน้ าเอาวธิ ีทางวิทยาศาสตร์(Scientific Method)มาประยกุ ตใ์ ช้ มกี ่ีข้นั ตอนอะไรบา้ ง ใหอ้ ธิบาย .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
113 4. จากประเดน็ ปัญหาของกลุ่มตน ใหเ้ ขียน โครงร่างของการศกึ ษาคน้ ควา้ ดงั น้ี 1. ช่ือเรื่อง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ช่ือผู้จดั ทำ (กลุ่ม) .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. ชื่อครูทีป่ รึกษำ .......................................................................................................................................................................... 4. ท่มี ำและควำมสำคญั .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5. วตั ถุประสงค์ของกำรศึกษำค้นคว้ำ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 6. สมมตฐิ ำน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
114 ควำมหมำยของแหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ หมายถงึ แหลง่ ขอ้ มูล ข่าวสาร ความรู้และประสบการณ์ท้งั หลายท่ีสามารถ ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง จากการคิดเอง ปฏบิ ตั ิเองและสรุปสร้างเป็นองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง ควำมสำคญั ของแหล่งเรียนรู้ 1. เป็นแหลง่ การศึกษาตามอธั ยาศยั และเรียนรู้ตลอดชีวติ เป็นแหล่งที่รวมขององคค์ วามรู้ อนั หลากหลายพร้อมที่จะใหผ้ เู้ รียนเขา้ ไปศึกษา คน้ ควา้ ดว้ ยกระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีแตกต่างกนั ของแต่ ละบุคคล และเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวติ 2. เป็นแหล่งเช่ือมโยงระหว่างสถานศึกษากบั ชุมชนใหม้ คี วามใกลช้ ิดกนั ทาใหค้ นใน ชุมชนมีส่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาแก่บุตรหลานของตน 3. เป็นแหลง่ ที่ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข สนุกสนานและมีความสนใจท่ี จะเรียน ไมเ่ กิดความเบื่อหน่ายในการเรียน ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้จากการไดค้ ิดเอง ปฏบิ ตั ิเองและสรุป องคค์ วามรูด้ ว้ ยตนเอง ขณะเดียวกนั กส็ ามารถเขา้ ร่วมกิจกรรมและทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้ ทาใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับ การปลูกฝังใหร้ ู้และรักทอ้ งถนิ่ ของตน มองเห็นคุณค่าและตระหนกั ถึงปัญหาในชุมชนของตน พร้อมท่ีจะ เป็ นสมาชิกท่ีดีของชุมชน ประเภทของแหล่งเรยี นรู้ แหลง่ เรียนรู้แบ่งตามประเภท แบ่งได้ 4 ประเภท 1. แหลง่ เรียนรู้ประเภทบุคคล ไดแ้ ก่ บุคคลทว่ั ไปที่อยใู่ นชุมชนซ่ึงสามารถถา่ ยทอดความรู้ และประสบการณ์ใหก้ บั ผเู้ รียนได้ เช่น ชาวนา ชาวสวน ช่างฝีมอื นกั ธุรกิจ ขา้ ราชการ พระภิกษุสงฆ์ ศิลปิ น นกั กีฬา ฯลฯ 2. แหล่งเรียนรู้ประเภทสิ่งท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น สถานท่ีสาคญั ทางประวิติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ สถานที่ราชการ สถาบนั ทางศาสนา หอ้ งสมุด ถนน สะพาน เขื่อน ฝายทดน้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา โรงเรียน ฯลฯ 3. แหล่งเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ เชน่ ภูเขา ป่ าไม้ ตน้ ไม้ ดิน หิน แร่ ทะเล เกาะ หว้ ย หนอง คลอง บึง ฯลฯ kruwirot wannachai satreesiriket school
115 4. แหลง่ เรียนรู้ประเภทกิจกรรมทางสงั คม ประเพณี ความเชื่อ เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณี การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน ศลิ ปะพ้ืนบา้ น ดนตรีพ้นื บา้ น วิถีชีวติ ความ เป็ นอยู่ แหล่งเรียนรู้ แบ่งตามสถานที่ต้งั แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1. แหล่งเรียนรู้ในสถานศกึ ษา ไดแ้ ก่ หอ้ งสมดุ โรงเรียน หอ้ งสมดุ เคล่อื นท่ี มุมหนงั สือ หอ้ ง พิพิธภณั ฑ์ หอ้ งมลั ติมเี ดีย หอ้ งคอมพิวเตอร์ ศนู ยว์ ชิ าการ ศูนยโ์ สตทศั นศกึ ษา หอ้ งศูนยส์ ื่อการเรียน สวน พฤกษศาสตร์ สวนวรรณคดี สวนสมุนไพร สวนธรรมะ ฯลฯ 2. แหล่งการเรียนรู้ในชุมชน ไดแ้ ก่ หอ้ งสมดุ ประชาชน หอศลิ ป์ สวนสตั ว์ สวน พฤกษศาสตร์ หอ้ งพิพธิ ภณั ฑ์ อทุ ยานวทิ ยาศาสตร์ ศนู ยก์ ีฬา ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน สถานประกอบการ องคก์ ร ภาครัฐ องคก์ รภาคเอกชน ฯลฯ กำรอ้ำงองิ ทำงบรรณำนุกรม หมายถงึ รายการเอกสาร ส่ิงพมิ พ์ หรือส่ืออน่ื ใด ท่ีผผู้ ลิตผลงานทางวิชาการใชอ้ า้ งองิ ในเอกสาร ผลงานของตน การแสดงรายการทางบรรณานุกรมไวใ้ นผลงาน จึงเป็นการใหค้ วามเคารพผลงานทางปัญญา ท่ีผอู้ ่ืนไดแ้ สดงไว้ อีกท้งั ยงั มีประโยชนใ์ นการแสดงท่ีมาที่ไปขององคค์ วามรู้ในเรื่องน้นั ๆ ทาใหผ้ สู้ นใจ สามารถติดตามพฒั นาการของเรื่องน้นั ได้ กำรแสดงรำยกำรทำงบรรณำนุกรม สามารถทาไดห้ ลายรูปแบบ หลกั สาคญั ในการเลือกรูปแบบการลงรายการคือ การเลอื กใชร้ ูปแบบที่ เป็นที่นิยมในแต่ละสาขาวชิ า หรือสถาบนั การเลือกใชร้ ูปแบบใดรูปแบบหน่ึงน้นั ผเู้ ลอื กใชต้ อ้ งเลือกใชเ้ พียง แบบหน่ึงเท่าน้นั ไม่ควรนามาผสมกนั หรือประยกุ ตใ์ ชป้ นกนั กำรเขียนอ้ำงองิ แหล่งทมี่ ำของเอกสำร ส่ิงสาคญั ประการหน่ึงท่ีบ่งบอกถงึ การเป็นผลงานทางวชิ าการคือ งานเขียนน้นั จะตอ้ งมีการอา้ งอิง ดงั น้นั ผวู้ จิ ยั จะตอ้ งทาการบนั ทึกรายการเอกสารที่อา้ งองิ ไวท้ ุกคร้ัง ซ่ึงมีรูปแบบ ดงั น้ี กำรอ้ำงองิ จำกบทควำมในวำรสำร ผแู้ ต่ง.//(ปี ที่พมิ พ)์ .//ช่ือบทความ.//ช่ือวารสาร,//ปี ที่(ฉบบั ท่ี),//เลขหนา้ kruwirot wannachai satreesiriket school
116 ตวั อยา่ ง ชยั เสฏฐ์ พรมศรี. (2549). การเป็นผนู้ าท่ีมีจริยธรรม. นกั บริหาร, 26(3), 20-25. Dubeck, L. (1990). Science fiction aids science teaching. Physics Teacher, 28, 316-318. (รายการตวั อยา่ งน้ีไมม่ ีขอ้ มลู ฉบบั ที่ จึงไมม่ ปี รากฏในรายการ) กำรอ้ำงองิ จำกบทควำมในหนงั สือพมิ พ์ ผแู้ ต่ง.//(ปี ,/เดือน/วนั ).//ชื่อบทความ.//ช่ือหนงั สือพมิ พ.์ /หนา้ . ตวั อยา่ ง อธิชยั ตน้ กนั ยา. (2549, เมษายน 25). ขา้ มพรมแดนไทย-พม่า-จีน สารวจเสน้ ทางสี่เหลี่ยม เศรษฐกิจ หาลู่ทางการคา้ ท่องเที่ยว. มติชน, น.34. สุชาติ เผอื กสกนธ.์ (2549, มถิ นุ ายน 9). ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง. ผจู้ ดั การรายวนั , น.13. กำรอ้ำงองิ จำกหนงั สือ ผแู้ ต่ง.//(ปี ).//ช่ือเรื่อง.//สถานท่ีพมิ พ:์ สานกั พมิ พ.์ ตวั อยา่ ง เพชรยพุ า บูรณ์สิริจรุงรัฐ. (2544). อยากเป็นหมอ. กรุงเทพมหานคร: สุดสปั ดาห.์ ศริ ิกาญจน์ โกสุมภ์ และดารณี คาวจั นงั . (2545). สอนเด็กใหเ้ ป็น (พิมพค์ ร้ังท่ี 3). กรุงเทพมหานคร: เมธิทิปส.์ สงั วร ปัญญาดิลก, วลยั ชวลติ ธารง และสุมนตรา ปิ ยะเกศนิ . (2535). เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ (พิมพ์ คร้ังที่ 3). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . กำรอ้ำงองิ จำกเวบ็ ไซต์ เวบ็ เพจ็ มีผเู้ ขียนหรือหน่วยงานรับผดิ ชอบ ผแู้ ต่ง.//(ปี ).//ช่ือเรื่อง.//เขา้ ถงึ ไดจ้ าก://URL//(วนั ท่ีคน้ ขอ้ มลู :/วนั /เดือน//ปี ). ตวั อยา่ ง ชวนะ ภวกานนท.์ (2548). ธุรกจิ สปาไทยจะกา้ วไปกว่าน้ี. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.businessgai.co.th/ (วนั ที่คน้ ขอ้ มูล: 25 ธนั วาคม 2548). kruwirot wannachai satreesiriket school
117 คำสั่ง ใหต้ อบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมอื ท่ีอา่ นง่ายและเป็นระเบียบ 1. แหลง่ เรียนรู้ หมายถงึ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ใหอ้ ธิบายถงึ ความสาคญั ของแหลง่ เรียนรู้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. แหลง่ เรียนรู้แบ่งตามประเภทไดก้ ี่ประเภท อะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 4. แหล่งเรียนรู้แบ่งตามสถานที่ต้งั ไดก้ ่ีประเภท อะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5. ถา้ ตอ้ งการหาความรู้ เร่ืองโรคไขเ้ ลอื ดออก นกั เรียนจะมแี หลง่ เรียนรู้ใดบา้ ง และจะอา้ งองิ อยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
118 แนวคดิ ( Concept ) หมายถงึ ความคิดที่มแี นวทางปฏิบตั ิ ซ่ึงเป็นการกลา่ วถึงส่ิงใดส่ิงหน่ึงโดยใชค้ วามเช่ือ ความรู้สึก ทศั นคติ แง่คิด ความรู้และประสบการณ์ แนวคิดอาจจะถูกหรือผดิ กไ็ ด้ แนวความคิดเกิดข้ึนไดม้ ีองคป์ ระกอบดงั น้ี คือ 1. การสงั เกต 2. การเปรียบเทียบความคลา้ ยและความแตกต่าง 3. จดั แยกประเภทและรวมเป็นหมวดหมู่ 4. สร้างความหมายเฉพาะเพื่อความเขา้ ใจของตนเอง ทฤษฎี ( theory) หมายถงึ ความเห็น ความเห็นดว้ ยลกั ษณะที่คาดเอาตามหลกั วิชา เพือ่ เสริมเหตุผลและรากฐานใหแ้ ก่ ปรากฏการณ์ หรือขอ้ มลู ในภาคปฏิบตั ิ ซ่ึงเกิดข้นึ อยา่ งมรี ะเบียบ นอกจากน้ี นกั วิชาการหลายท่านไดใ้ ห้ ความหมาย ดงั น้ี 1. Good : ทฤษฎี คือ ขอ้ สมมติต่าง ๆ(Assumption) หรือขอ้ สรุปเป็นกฎเกณฑ์ (Generalization) ซ่ึง ไดร้ ับการสนบั สนุนจากขอ้ สมมติทางปรัชญาและหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ เพื่อใชเ้ ป็นเสมือนพ้นื ฐานของ การปฏิบตั ิ ขอ้ สมมติซ่ึงมาจากการสารวจทางวทิ ยาศาสตร์ การคน้ พบต่าง ๆ จะไดร้ ับการประเมนิ ผล เพือ่ ให้ มีความเที่ยงตรงตามหลกั วิทยาศาสตร์ และขอ้ สมมติทางปรัชญา อนั ถอื ไดว้ ่าเป็นสญั ลกั ษณข์ องการสร้าง (Construction) 2. Kneller : ไดใ้ หค้ วามหมายของทฤษฎีไว้ 2 ความหมาย คือ 2.1 ขอ้ สมมติฐานต่าง ๆ (Hypothesis) ซ่ึงไดก้ ลนั่ กรองแลว้ จากการสงั เกตหรือทดลอง เช่น ในเร่ืองความโนม้ ถ่วงของโลก 2.2 ระบบขอความคิดต่าง ๆ ที่นามาปะติดปะต่อกนั (Coherent) 3. Feigl : ทฤษฎีเป็นขอ้ สมมติต่าง ๆ ซ่ึงมาจากกระบวนการทางตรรกวทิ ยา และคณิตศาสตร์ ทาให้ เกิด กฎเกณฑท์ ี่ไดม้ าจากการสงั เกตและการทดลอง 4. ธงชยั สนั ติวงษ์ : ทฤษฎีหมายถงึ ความรู้ท่ีเกิดข้ึนจากการรวบรวมแนวความคดิ และหลกั การต่างๆ kruwirot wannachai satreesiriket school
119 ใหเ้ ป็นกลุ่มกอ้ นและสร้างเป็นทฤษฎีข้ึน ทฤษฎีใด ๆ ก็ตามที่ต้งั ข้ึนมาน้นั เพ่อื รวบรวมหลกั การและ แนวความคิดประเภทเดียวกนั เอาไวอ้ ยา่ งเป็นหมวดหมู่ 5. เมธี ปิ ลนั ธนานนท์ : ไดก้ ลา่ วถึงหนา้ ที่หลกั ของทฤษฎี มี 3 ประการ คือ การพรรณนา (Description) การอธิบาย (Explanation) และการพยากรณ์ (Prediction) จำกควำมหมำยดังกล่ำวข้ำงต้น สรุปว่ำ ทฤษฎี หมายถึง ขอ้ สมมติฐานหรือขอ้ สนั นิษฐานต่างๆ ท่ี ไดม้ าจากการสงั เกต คน้ ควา้ ทดลอง ผา่ นการยอมรับแลว้ จากวธิ ีทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ตรรกวทิ ยา และหลกั การต่างๆ ทาใหไ้ ดข้ อ้ สรุปเป็น กฎเกณฑ์ เช่น ทฤษฎีสามเหล่ียมมมุ ฉากของปิกาทอรัส kruwirot wannachai satreesiriket school
120 คำสั่ง ใหต้ อบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมอื ที่อ่านง่ายและเป็นระเบียบ ร่วมกนั คดิ ร่วมกนั แก้ปัญหำ กำรศกึ ษำไทย โดย ดร.บณั ฑติ นิจถำวร ระยะน้ีมบี ทความท้งั ใน และต่างประเทศที่เขียนถึงระบบการศึกษาข้นั พน้ื ฐานของไทย ท่ี นกั เรียนในระดบั มธั ยมศกึ ษาของเรา มีความรู้ ความสามารถ จากการเรียนการสอนต่ากวา่ มาตรฐาน ท้งั ใน ระดบั ประเทศ (โอเน็ต) และในระดบั ขอ้ สอบมาตรฐานระหวา่ งประเทศ (PISA TEST) ทาใหม้ คี วามห่วงใย วา่ ถา้ คุณภาพการศกึ ษาของประเทศออ่ นแอแบบน้ี อนาคตประเทศจะเป็นอยา่ งไร ขอ้ เท็จจริงล่าสุดเกี่ยวกบั ความรู้ ความสามารถของนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาของไทย ที่ได้ จากระบบการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานปัจจุบนั เท่าที่ประมวลได้ มดี งั น้ี 1. ผลทดสอบการศกึ ษาพน้ื ฐาน หรือ โอเน็ต ของนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 ทว่ั ประเทศ ประจาปี การศึกษา 2554 ผลคะแนนออกมาต่ากวา่ คร่ึงท้งั หา้ วชิ าหลกั ท่ีทดสอบ 2. คะแนนสอบของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 ของไทย (อายเุ ฉลย่ี 15 ปี ) ในปี 2009 วดั จากขอ้ สอบมาตรฐานระหว่างประเทศ หรือ PISA TEST ของ OBEC ในดา้ นการอา่ น คณิตศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ คะแนนนกั เรียนจากไทยในท้งั สามวชิ า ส่วนใหญ่จะอยใู่ นระดบั ต่ากว่าบรรทดั ฐาน มคี ะแนน รวม 421 จาก 1000 เป็นอนั ดบั ที่ 50 ใน 65 ประเทศที่ส่งนกั เรียนเขา้ ทดสอบ และคะแนนของไทยอยหู่ ่าง จากนกั เรียนเอเชียอน่ื ๆ ท่ีไดค้ ะแนนสูง เช่น จากจนี (เซ่ียงไฮ)้ เกาหลี ญ่ีป่ ุน ฮ่องกง สิงคโปรมาก เช่น ใน กรณีการอา่ น คะแนนของนกั เรียนไทยจะห่างจากประเทศเหล่าน้ีเทียบไดเ้ ท่ากบั 2.5 kruwirot wannachai satreesiriket school
121 จากบทความขา้ งตน้ หากนกั เรียนตอ้ งการจะศกึ ษาและแกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ ว นกั เรียนควรจะศกึ ษา แนวคิด ทฤษฏี และงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ งในประเด็นใดบา้ ง พร้อมท้งั ระบุแหลง่ อา้ งองิ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
122 คำสั่ง จากประเด็นปัญหาของกลุ่มตน ใหน้ าประเดน็ ดงั กลา่ วมาสืบคน้ แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่ เกี่ยวขอ้ ง 7. แนวคดิ ทฤษฎีและงำนวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วข้อง ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
123 ข้อมลู (Data) หมายถึงขอ้ เท็จจริงหรือเร่ืองราวที่เกี่ยวขอ้ งกบั ส่ิงต่างๆ เชน่ คน สตั ว์ สิ่งของสถานที่ ฯลฯ โดย อยใู่ นรูปแบบท่ีเหมาะสมต่อการส่ือสาร การแปลความหมายและการประมวลผล ซ่ึงขอ้ มลู อาจจะไดม้ าจาก การสงั เกต การรวบรวม การวดั ขอ้ มลู เป็นไดท้ ้งั ขอ้ มลู ตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์ใดๆ ที่สาคญั จะตอ้ งมคี วาม เป็นจริงและต่อเนื่อง ตวั อยา่ งของขอ้ มูล เช่น คะแนนสอบ ช่ือนกั เรียน เพศ อายุ เป็นตน้ สำรสนเทศ (Information) หมายถึงขอ้ มลู ที่ไดผ้ า่ นกระบวนการประมวลผลแลว้ อาจใชว้ ธิ ีง่าย ๆ เช่น การหาค่าเฉล่ยี หรือใช้ เทคนิคข้นั สูง เช่น การวิจยั เป็นตน้ เพื่อเปลย่ี นแปลงสภาพขอ้ มูลทว่ั ไปใหอ้ ยใู่ นรูปแบบท่ีมคี วามสมั พนั ธ์ หรือมคี วามเก่ียวขอ้ งกนั เพื่อนาไปใชป้ ระโยชน์ในการตดั สินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ ข้อมูลมปี ระโยชน์มำกมำยดังนี้ 1. ดา้ นการเรียน เช่น ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก โทรทศั น์ วทิ ยุ หนงั สือพมิ พ์ เพื่อนามาใชป้ ระโยชน์ในการ เรียนได้ เป็นขอ้ มลู หรือความรู้เพิ่มเติม 2. ดา้ นการติดต่อส่ือสาร เช่น ถา้ เรามขี อ้ มูล เราสามารถท่ีจะสนทนาพูดคุย หรือบอกเร่ืองต่าง ๆ ใหก้ บั ผอู้ น่ื ได้ 3. ดา้ นการตดั สินใจ เป็นการใชช้ ่วยใหเ้ ราตดั สินใจต่าง ๆ ไดด้ ีข้นึ เช่น การเลือกซ้ือของเลน่ ถา้ เราทราบราคาของเล่นในแต่ละร้าน จะทาใหเ้ ราเลือกซ้ือของเล่นท่ีเหมอื นกนั ไดใ้ นราคาท่ีถกู ที่สุด ประเภทของข้อมลู 1. แบ่งตามคุณสมบตั ขิ องค่าท่ีวดั ได้ 1.1 ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ เป็นขอ้ มลู ท่ีค่าออกมาในรูปของประเภท หรือชนิด เช่น เพศ อาชีพ ระดบั การศึกษา kruwirot wannachai satreesiriket school
124 1.2 ขอ้ มลู เชิงปริมาณ เป็นขอ้ มลู ท่ีวดั ค่าออกมาในรูปของจานวน หรือขนาด โดยสามารถ บอกปริมาณความมาก นอ้ ยได้ เช่น คะแนนสอบ จานวนเงินท่ีเป็นรายได้ เงินเดือน 2. แบ่งตามแหลง่ ที่มาของขอ้ มลู แบ่งได้ 2 ชนิด 2.1 ขอ้ มลู ปฐมภูมิ (primary data) หมายถึงขอ้ มูลท่ีผใู้ ชเ้ ก็บรวบรวมข้ึนเอง เช่น การเกบ็ ขอ้ มูลจากแบบสอบถาม การเก็บขอ้ มลู จากการทดลอง การเก็บขอ้ มลู จากทดสอบ 2.2 ขอ้ มูลทุติยภูมิ (secondary data) หมายถึงขอ้ มลู ท่ีผใู้ ชน้ ามาจากหน่วยงานอืน่ หรือเป็น ขอ้ มลู ที่ผใู้ ชไ้ ดเ้ กบ็ รวบรวมไวแ้ ลว้ ในอดีต เช่น รายงานประจาปี ขอ้ มลู ทอ้ งถิ่น วธิ ีกำรตรวจสอบคุณภำพของข้อมลู 1. ตรวจสอบความครบถว้ นของขอ้ มูล เป็นการตรวจสอบรายการต่างๆ วา่ ไดม้ กี ารบนั ทึกครบถว้ น ทุกรายการที่กาหนดไวห้ รือไม่ 2. ตรวจสอบความถูกตอ้ งและความแนบนยั ของขอ้ มูล เป็นการตรวจสอบว่า มกี ารบนั ทกึ ถูกตอ้ ง แนบนยั กนั หรือไม่ ดงั น้ี 2.1 การตรวจสอบความแนบนยั ภายใน (internal consistency) คือ การตรวจสอบวา่ ขอ้ มลู มี ความสมั พนั ธก์ นั มคี วามสอดคลอ้ งกนั หรือไม่ 2.2 การตรวจสอบความแนบนยั ภายนอก (external consistency) คือ การตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งของขอ้ มูล โดยอาศยั ความรู้ ความชานาญ หรือสถานการณ์ภายนอกมาช่วยในการพจิ ารณา ตวั อย่ำง การสารวจประชากรในชนบท มขี อ้ มูล ดงั น้ี 1. ช่ือ สกุล ............นายดี มากหลาย...................................................................................... 2. เพศ ชาย หญิง 3. อาย.ุ .......14...........ปี 4. การศึกษา...........ปริญญาตรี.............................................................................................. 5. อาชีพหลกั .........ทานา....................................................................................................... 6. เน้ือที่ครอบครองทาการเกษตร..............10.............ไร่ ไดผ้ ลผลติ .......20.......เกวยี น 7. รายไดจ้ ากการประกอบอาชีพหลกั ในปี ท่ีผา่ นมา............5,000..............................บาท จำกตวั อย่ำงแบบสำรวจข้ำงต้นจะต้องตรวจสอบว่ำ kruwirot wannachai satreesiriket school
125 - การตรวจสอบการครบถว้ นของขอ้ มูล ตอ้ งตรวจสอบว่าบนั ทีกรายการครบถว้ นหรือไม่ ในกรณี ตวั อยา่ งน้ีถา้ ผทู้ ี่ถูกสารวจมีอาชีพรับราชการ ก็ไมต่ อ้ งบนั ทึกขอ้ 6 ขา้ มไปบนั ทึกในขอ้ 7 แต่ถา้ ผตู้ อบมอี าชีพ ทาการเกษตร ก็ตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลในขอ้ 6 เน้ือท่ีครอบครองทาการเกษตรดว้ ย ฉะน้นั ในการตรวจสอบความ ครบถว้ นผตู้ รวจสอบจะตอ้ งดูทุกรายการวา่ มกี ารบนั ทึกไวห้ รือไมอ่ ยา่ งไร - การตรวจสอบความถกู ตอ้ งและความแนบนยั ของขอ้ มูล จะตอ้ งตรวจสอบวา่ ขอ้ มลู ท่ีไดม้ าน้นั มี ความถกู ตอ้ ง สมั พนั ธก์ นั หรือไม่ เมือ่ ตรวจสอบแบบสอบถามขา้ งตน้ แลว้ จะพบความผดิ ในการบนั ทึก รายการ ดงั น้ี 1. ขอ้ 2 การบนั ทกึ เคร่ืองหมายท้งั เพศชายและเพศหญิง ไมถ่ ูกตอ้ ง ท่ีถกู ตอ้ งเป็นเพศชายอยา่ งเดียว 2. อายุ 14 ปี จบการศกึ ษาปริญญาตรี ไมน่ ่าจะเป็นไปได้ จะเห็นวา่ การบนั ทึกในขอ้ 3 และขอ้ 4 ไม่ แนบนยั กนั 3. บนั ทึกในขอ้ 6 มีที่นา 10 ไร่ ไดผ้ ลผลิตขา้ ว 20 เกวยี น (เท่ากบั 2,000 ถงั ) ไมน่ ่าจะเป็นไปได้ เพราะ เฉลย่ี ผลผลิตต่อไร่ เท่ากบั 2,000 ถงั หรือเท่ากบั 200 ถงั ต่อไร่ ซ่ึงสูงผดิ ปกติ ฉะน้นั การบนั ทึก 10 ขอ้ มลู อาจจะผดิ ที่จานวนท่นี า หรือจานวนผลผลติ กไ็ ด้ kruwirot wannachai satreesiriket school
126 คำส่ัง ใหแ้ ต่ละกลุ่มตรวจสอบความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ตามประเดน็ ที่ตอ้ งการศึกษาของกลุ่มตน 1. ชื่อประเด็นปัญหา .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการคน้ ควา้ ลาดบั วนั เดือน ปี ขอ้ มลู ท่ีได้ แหลง่ ท่ีมา 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 kruwirot wannachai satreesiriket school
127 3. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของขอ้ มูลและแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและแหล่งขอ้ มลู ขอ้ มลู ในลาดบั ที่ 1 น่าเชื่อถือ เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไมน่ ่าเช่ือถอื เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มลู ในลาดบั ที่ 2 น่าเชื่อถอื เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไมน่ ่าเชื่อถอื เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ที่ 3 น่าเชื่อถอื เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไมน่ ่าเชื่อถอื เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. kruwirot wannachai satreesiriket school
128 ขอ้ มลู ในลาดบั ที่ 4 น่าเช่ือถอื เพราะ........................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไม่น่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มลู ในลาดบั ท่ี 5 น่าเชื่อถอื เพราะ........................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไมน่ ่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ท่ี 6 น่าเชื่อถอื เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ไม่น่าเชื่อถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. kruwirot wannachai satreesiriket school
129 ค่ำกลำง ค่ากลางเป็นตวั แทนของขอ้ มูลท้งั หมดเพอ่ื ความสะดวกในการสรุปเร่ืองราวเกยี่ วกบั ขอ้ มูล น้นั ๆ จะช่วยทาใหเ้ กิดการวเิ คราะหข์ อ้ มูลถูกตอ้ งดีข้ึน ตวั อยา่ ง เช่น สปั ดาห์น้ีนกั เรียนไดเ้ งินจากผปู้ กครอง ดงั น้ี วนั จนั ทร์ 60 บ. วนั องั คาร 50 บ. วนั พุธ 60 บ. วนั พฤหสั บดี 70 บ. วนั ศกุ ร์ 80 บ. วนั เสาร์ 60 บ. วนั อาทิตย์ 50 บ. คุณครูถามนกั เรียนวา่ ไดเ้ งินจากผปู้ กครองวนั ละกี่บาท นกั เรียนจะตอบอยา่ งไร เพราะในแต่ ละวนั ไดเ้ งินไม่เท่ากนั ดงั น้นั กำรหำค่ำกลำงของข้อมลู จงึ เป็ นคำตอบท่นี กั เรียนควรใช้ในกำรตอบคณุ ครู การหาค่ากลางของขอ้ มูลมีวธิ ีหาหลายวิธี แต่ละวิธีมขี อ้ ดีและขอ้ เสีย และมคี วามเหมาะสมในการนาไปใชไ้ ม่ เหมอื นกนั ข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะขอ้ มูล และวตั ถปุ ระสงคข์ องผใู้ ชข้ อ้ มลู ค่ากลางของขอ้ มลู ที่สาคญั มี 3 ชนิด คือ 1. ค่าเฉล่ียเลขคณิต (Arithmetic mean) 2. มธั ยฐาน (Median) 3. ฐานนิยม (Mode) กรณที ่ี 1 ไม่แจกแจงควำมถ่ี ค่ำเฉลย่ี เลขคณติ (Arithmetic mean) คือจานวนที่ไดจ้ ากผลรวมของขอ้ มูลท้งั หมดแลว้ หารดว้ ยจานวนชดุ ของขอ้ มูล ค่าเฉล่ยี เลขคณิตเขียนแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ X หลกั ในการหาค่าเฉล่ียเลขคณิต 1. นาขอ้ มลู ท้งั หมดมารวมกนั 2. นาผลรวมท้งั หมดหารดว้ ยจานวนขอ้ มูลท้งั หมด สูตร X X เมอื่ N คือ จานวนขอ้ มูล N kruwirot wannachai satreesiriket school
130 ตวั อยา่ งที่ 1 จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตของขอ้ มลู 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วธิ ีทา X X N X 37866 5 X 6 ค่าเฉล่ยี เลขคณิตของขอ้ มูล คือ 6 มธั ยฐำน (Median) คือค่าท่ีอยใู่ นตาแหน่งก่ึงกลางของขอ้ มลู ท้งั หมด หลกั ในการหาค่ามธั ยฐาน 1. โดยเรียงลาดบั ของขอ้ มลู จากนอ้ ยไปหามาก หรือจากมากไปหานอ้ ย 2. หาตาแหน่งก่ึงกลางของขอ้ มลู ดงั น้ี ตาแหน่งก่ึงกลาง n 1 , ( n คือ จานวนขอ้ มลู ท้งั หมด ) 2 ตวั อยา่ งท่ี 2 จงหาค่ามธั ยฐานของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วิธีทา นาขอ้ มลู มาเรียงลาดบั ใหมจ่ ากนอ้ ยไปหามาก ดงั น้ี 3 , 6 , 6 , 7 , 8 มีขอ้ มูลท้งั หมด 5 ตวั ตวั ท่ีอยตู่ รงกลางคือตาแหน่งที่ 3 (มาจาก 5 1 ) 2 มธั ยฐานของขอ้ มูล คือ 6 (เพราะ 6 อยใู่ นตาแหน่งท่ี 3 ซ่ึงอยกู่ ่ึงกลาง) ตวั อยา่ งที่ 3 จงหาค่ามธั ยฐานของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 , 9 นาขอ้ มลู มาเรียงลาดบั ใหม่จากนอ้ ยไปหามาก ดงั น้ี 3 , 6 , 6 , 7 , 8 , 9 มขี อ้ มลู ท้งั หมด 6 ตวั ตวั ที่อยตู่ รงกลางคือตาแหน่งท่ี 3 , 4 (มาจาก 6 1 ) 2 มธั ยฐานของขอ้ มลู คือ 6.5 (มาจาก 6 7 ) 2 ฐำนนยิ ม (Mode) คือ ขอ้ มูลที่มคี วามถ่ีสูงสุด ตวั อยา่ งที่ 4 จงหาฐานนิยมของขอ้ มลู 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วิธีทา 3 มคี วามถี่ 1 คร้ัง 7 มีความถ่ี 1 คร้ัง 8 มีความถี่ 1 คร้ัง 6 มคี วามถ่ี 2 คร้ัง ฐานนิยมของขอ้ มลู คือ 6 kruwirot wannachai satreesiriket school
131 ตวั อยา่ งท่ี 5 จงหาค่าเฉลย่ี เลขคณิต , มธั ยฐาน และฐานนิยม ของน้าหนกั ตวั ของนกั เรียน ชายจานวน 8 คน ดงั น้ี 42 กก. , 52 กก. , 48 กก. , 44 กก. , 54 กก. , 52 กก. , 42 กก. และ 63 กก. วธิ ีทา ค่าเฉลย่ี เลขคณิต X X N X 42 52 48 44 54 52 42 63 8 X 49.625 ค่าเฉล่ยี เลขคณิตของขอ้ มลู คือ 46.625 มธั ยฐาน เรียงขอ้ มลู จากนอ้ ยไปมาก 42 , 42 , 44 , 48 , 52 , 52 , 54 , 63 ขอ้ มูล 8 ตวั ขอ้ มูลท่ีอยตู่ รงกลาง คือ ตวั ท่ี 4 คือ 48 กบั ตวั ที่ 5 คือ 52 ขอ้ มลู ที่อยตู่ รงกลางระหวา่ ง 48 ถึง 52 คือ 50 ดงั น้ี 48 , 49 , 50 , 51 , 52 มธั ยฐานของขอ้ มลู คือ 50 ฐานนิยม 42 มีความถี่ 2 คร้ัง44 มคี วามถี่ 1 คร้ัง 48 มีความถ่ี 1 คร้ัง 52 มคี วามถ่ี 2 คร้ัง 54 มคี วามถ่ี 1 คร้ัง 63 มคี วามถ่ี 1 คร้ัง ขอ้ มลู ท่ีมีความถมี่ ากท่ีสุด คือ 42 กบั 52 ฐานนิยมของขอ้ มูล คือ 42 กบั 52 กรณที ่ี 2 แจกแจงควำมถี่ ค่ำเฉลยี่ เลขคณติ ท่ีมกี ารแจกแจงความถี่ หาไดด้ งั น้ี X fX เมื่อ f คือ ความถี่ , N คือ จานวนขอ้ มลู N kruwirot wannachai satreesiriket school
132 ตวั อยา่ งท่ี 6 จงหาอายเุ ฉลี่ยของหลอดไฟฟ้าจานวน 40 หลอด จากตารางขา้ งลา่ งน้ี อายกุ ารใชง้ าน(ชวั่ โมง) จานวน(หลอด) 118-122 2 123-127 8 128-132 15 133-137 11 138-142 3 143-147 1 วิธีทา อายกุ ารใชง้ าน(ชวั่ โมง) จุดก่ึงกลาง(x) จานวน(f) fx 118-122 120 2 240 123-127 125 8 1000 128-132 130 15 1950 133-137 135 11 1485 138-142 140 3 420 143-147 145 1 145 รวม X fX f = N = 40 fX =5240 N X 5240 40 X 131 อายเุ ฉลยี่ ของหลอดไฟฟ้า คือ 131 ชว่ั โมง kruwirot wannachai satreesiriket school
133 คำสั่ง ใหเ้ ขียนคาตอบดว้ ยลายมอื ท่ีอ่านง่ายและเป็นระเบียบ 1. นกั เรียนไดร้ ับเงินจากผปู้ กครองมาใชจ้ ่ายท่ีโรงเรียน ดงั น้ี วนั จนั ทร์ 60 บาท วนั องั คาร 50 บาท วนั พธุ 80 บาท วนั พฤหสั บดี 70 บาท วนั ศกุ ร์ 60 บาท และวนั เสาร์ 70 บาท ใหแ้ สดงการคานวณวา่ นกั เรียนได้ เงินจากผปู้ กครองมาใชจ้ ่ายที่โรงเรียนวนั ละเป็นเงินก่บี าท จากค่ากลางต่อไปน้ี ค่าเฉลี่ยเลขคณิต , มธั ยฐาน และฐานนิยม .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
134 2. จากการสารวจความส่วนสูงของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2/1 ปรากฏดงั ตารางขา้ งลา่ งน้ี ใหแ้ สดง การคานวณวา่ โดยเฉล่ียแลว้ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2/1 มคี วามสูงเฉล่ียเท่าไร ตารางสารวจส่วนสูงของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2/1 ส่วนสูง(เซนติเมตร) จานวนนกั เรียน(คน) 120 – 129 3 130 -139 7 140 -149 10 150 -159 0 160 -169 8 170 -179 2 .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
135 ร้อยละ(Percentage) เขียนแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์(%) เป็นการเปรียบเทียบจานวนใดจานวนหน่ึงกบั จานวนเต็ม 100 เช่นร้อยละ 80 หรือ 80% หรือ 80:100 หรือ 80 เป็นตน้ ร้อยละนิยมใชก้ นั มากในงานวจิ ยั เพราะเป็นตวั เลขที่ 100 เขา้ ใจไดง้ ่าย ตวั อยา่ งเช่น กลุ่มตวั อยา่ งของผตู้ อบแบบสอบถาม เกี่ยวกบั สภาพการจดั การเรียนการสอน วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปรากฏดงั ตาราง ตาราง แสดงลกั ษณะของกลุ่มตวั อยา่ งผตู้ อบแบบสอบถามสภาพการจดั การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คุณลกั ษณะ จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 189 32.10 หญิง 399 67.90 ระดบั กำรศึกษำ ต่ากวา่ ปริญญาตรี 11 1.90 ปริญญาตรี 522 88.80 สูงกวา่ ปริญญาตรี 55 9.40 วชิ ำเอก วทิ ยาศาสตร์และท่ีเก่ียวขอ้ ง 323 54.90 ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ 265 45.10 จากตาราง ผตู้ อบแบบสอบถามประมาณ 2 ใน 3 เป็นผหู้ ญิง และผตู้ อบแบบสอบถามส่วน ใหญ่ ร้อยละ88.80 จบการศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี ครูผสู้ อนวิทยาศาสตร์มีคุณวุฒวิ ชิ าเอกทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวขอ้ ง เช่น เกษตร คณิตศาสตร์ สูงกว่าไมใ่ ช่วิชาเอกวิทยาศาสตร์เลก็ นอ้ ย kruwirot wannachai satreesiriket school
136 คำสั่ง ใหน้ กั เรียนเขียนตอบดว้ ยลายมือที่อา่ นง่ายและเป็นระเบียบ สถานภาพส่วนตวั ของผตู้ อบแบบสอบถาม ซ่ึงไดจ้ ากการสอบถามของครูผสู้ อนใน สถานศึกษาที่เป็นกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 140 สถานศกึ ษาๆละ 3 คน รวมท้งั สิ้น 420 คน ดงั ตาราง ตาราง แสดงจานวนครูที่ตอบแบบสอบถามเก่ียวกบั สถานภาพส่วนตวั สถำนภำพส่ วนตวั จำนวน ร้อยละ เพศ 159 ………….. ชาย 261 ………….. หญิง 20 ………….. อำยุ 48 ………….. 20 – 29 ปี 270 …………... 30 – 39 ปี ………… …………… 40 – 49 ปี 50 ปี ข้ึนไป 12 …………… ………… ……………. ระดับกำรศึกษำ ……………. ต่ากว่าปริญญาตรี 18 ระดบั ปริญญาตรี …………… สูงกว่าปริญญาตรี 144 …………… 201 …………… ขนำดสถำนศึกษำ 75 ขนาดเลก็ (นกั เรียนต่ากวา่ 120 คน) ขนาดกลาง (นกั เรียน 121 – 300 คน) ขนาดใหญ่ (นกั เรียน 301 คนข้ึนไป) kruwirot wannachai satreesiriket school
137 จากตาราง พบว่า สถานภาพส่วนตวั ของผตู้ อบแบบสอบถามท่ีเป็นกลมุ่ ตวั อยา่ ง ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง จานวน 261 คน คิดเป็นร้อยละ.............. มอี ายรุ ะหวา่ ง 40 – 49 ปี มากที่สุด คดิ เป็นร้อยละ ................ ระดบั การศกึ ษา มกี ารศกึ ษาอยใู่ นระดบั ปริญญาตรีมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ ................ และขนาดของสถานศึกษาเป็นสถานศึกษาขนาดกลางมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ.................. kruwirot wannachai satreesiriket school
138 คำสั่ง จากประเดน็ การศกึ ษาในกล่มุ ตน ใหด้ าเนินการคานวณหาค่าสถิติท่ีเหมาะสม 8. วธิ ดี ำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ .............................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 9. ผลของกำรศึกษำค้นคว้ำ .............................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school
139 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 รอบรู้และเห็นคุณค่ำ กำรศึกษำค้นคว้ำและสร้ำงองค์ควำมรู้ (IS1) รหสั วชิ ำ I20201 รำยวชิ ำเพมิ่ เตมิ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 จำนวน 1 หน่วยกติ เวลำ 6 ช่ัวโมง สำระสำคญั การวิเคราะห์ , สงั เคราะหแ์ ละสรุปองคค์ วามรู้จากประเด็นปัญหาที่สนใจ(การศึกษา) จะชว่ ยใหไ้ ด้ ขอ้ สรุป แนวคิด การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบจากองคค์ วามรู้ท่ีคน้ พบ เป็นประโยชน์และมคี ุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชน สำระกำรเรียนรู้ 1. การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ และการสรุปองคค์ วามรู้ 2. ประโยชน์และคุณค่าของการศกึ ษาคน้ ควา้ ผลกำรเรียนรู้ 7. วเิ ครำะห์ สังเครำะห์ข้อมลู สรุปองค์ควำมรู้ ด้วยกระบวนกำรกล่มุ อภปิ รำย วพิ ำกษ์ และ แลกเปลย่ี นควำมคดิ เหน็ องค์ควำมรู้ทไ่ี ด้จำกกำรค้นพบ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ สรุปองคค์ วามรูด้ ว้ ยการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ มูลได้ ทักษะ/กระบวนกำร 1. ใชก้ ระบวนการกล่มุ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ มลู สรุปองคค์ วามรู้ได้ 2. กระบวนการกลุ่ม 3. กระบวนการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ kruwirot wannachai satreesiriket school
140 คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 1. ใฝ่ รู้ใฝ่ เรียน 2. มงุ่ มนั่ ต้งั ใจทางาน สมรรถนะ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3. ความสามารถในการส่ือสาร 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ภำระงำน 1. ใบงานท่ี 23 เร่ืองการวิเคราะห์ สงั เคราะหแ์ ละสรุปองคค์ วามรู้ 2. ใบงานที่ 24 (งานกลมุ่ คร้ังที่ 9) เรื่ององคค์ วามรู้ทค่ี น้ พบ 8. เหน็ คณุ ค่ำของกำรศึกษำค้นคว้ำด้วยตนเอง ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ แสดงความคดิ เห็นถงึ คุณค่าของการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองได้ ทกั ษะ/กระบวนกำร 1.ใชก้ ระบวนการคิด วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ร่วมสรุปความคิดเห็นถงึ คุณค่า ของ การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองได้ 2. กระบวนการกลุ่ม 3. กระบวนการแกป้ ัญหา คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. ใฝ่ รู้ใฝ่ เรียน 2. มงุ่ มน่ั ต้งั ใจทางาน kruwirot wannachai satreesiriket school
141 สมรรถนะ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3. ความสามารถในการสื่อสาร 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ภำระงำน ใบงานที่ 25 (งานกล่มุ คร้ังท่ี 10) เรื่องเห็นคุณค่าขององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ ใบเรียนรู้ ใบเรียนรู้ที่ 12 เรื่องการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ ใบงำน 1. ใบงานที่ 23 เรื่องการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ 2. ใบงานที่ 24 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 9) เร่ืององคค์ วามรู้ท่คี น้ พบ 3. ใบงานท่ี 25 (งานกลุม่ คร้ังท่ี 10) เรื่องเห็นคุณค่าขององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ แหล่งเรียนรู้ - หอ้ งสมดุ , ผเู้ ชี่ยวชาญ , สถานท่ีสาคญั ต่างๆ - อินเตอร์เน็ต เช่น WWW.GOOGLE.COM , gg.gg/kruwirot-wannachai ฯลฯ กำรวดั ผล/ประเมนิ ผล งำนบุคคล (ความรู้ ความเขา้ ใจ และคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค)์ - ตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ที่ 23 - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ kruwirot wannachai satreesiriket school
142 งำนกลุ่ม (การทางานกลุ่ม การแกป้ ัญหา) - การนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน - การตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ที่ 24 และ 25 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงท่ี 33 เร่ืองกำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์และสรุปองค์ควำมรู้ ข้ันสอน นาเสนอคาวา่ Body Of Knowledge บนกระดานดา และใหน้ กั เรียนคน้ หาความหมาย โดย ใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถือ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความหมาย ข้ันสอน นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาใบความรู้ลาดบั ที่ 12 เร่ืองการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองค์ ความรู้แลว้ ทาใบงานลาดบั ที่ 23 เร่ืองการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ แลว้ นาเสนอผลงานของ ตน ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบท่ีถูกตอ้ งของใบงานลาดบั ท่ี 23 และเปิ ดโอกาสให้ นกั เรียนที่มผี ลงานแตกต่างกนั ไดน้ าเสนอผลงานของตน กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงท่ี 34 - 35 เรื่องกำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์และสรุปองค์ควำมรู้ ข้ันนำ สุ่มตวั แทนนกั เรียน 1 – 2 กลุม่ ใหน้ าเสนอประเด็นปัญหา(เรื่องท่ีศกึ ษา) ของกลุม่ ตน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั แสดงความคิดเหน็ ในการทาใบงานลาดบั ท่ี 24 (งานกลมุ่ คร้ังท่ี 9) เร่ืององคค์ วามรู้ทีค่ น้ พบ โดยสมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการ สืบคน้ ขอ้ มูล เก่ียวกบั ความรู้ท่ีกลุ่มของตนไดค้ น้ พบ แลว้ นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพ่อื รับการวพิ ากษ์ kruwirot wannachai satreesiriket school
143 ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวิพากษ์ ความรู้ที่แต่ละกลมุ่ คน้ พบ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงท่ี 36 - 38 เร่ืองเหน็ คณุ ค่ำขององค์ควำมรู้ทคี่ ้นพบ ข้ันนำ สุ่มตวั แทนนกั เรียน 1 – 2 กลมุ่ ใหน้ าเสนอความรู้ท่ีกลมุ่ ตนคน้ พบ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้ันสอน นกั เรียนเขา้ กล่มุ เดิม แต่ละกลุม่ ช่วยกนั แสดงความคิดเห็น ในการทาใบงานลาดบั ท่ี 25 (งานกลุ่ม คร้ังท่ี 10) เรื่องเห็นคุณค่าขององคค์ วามรู้ท่ีคน้ พบ โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมแสดงความเห็น ใช้ เทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ประโยชน์ คุณค่าของความรู้ท่กี ลุ่มของตนไดค้ น้ พบ แลว้ นาเสนอ หนา้ ช้นั เรียนเพ่ือรับการวพิ ากษ์ ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวพิ ากษถ์ งึ ประโยชน์ คุณค่าของความรู้ที่แต่ละกลุ่มได้ คน้ พบ kruwirot wannachai satreesiriket school
144 ภำคผนวก หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 รอบรู้และเหน็ คณุ ค่ำ kruwirot wannachai satreesiriket school
145 แบบสังเกตพฤติกรรม กำรทำงำนรำยบคุ คล เลขท่ี ชื่อ สกลุ ควำมต้งั ใจ ควำม กำรตรง ควำม ผลสำเร็จ รวม ในกำร รับผดิ ชอบ ต่อเวลำ สะอำด ของงำน 20 ทำงำน เรียบร้อย คะแนน 43214321432143214321 ลงช่ือ........................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากว่า 10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
146 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนกลุ่ม ช่ือกล่มุ ........................................................................................................ช้นั ................................................ ลำดบั รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน รวม 4321 1 การแบ่งหนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมือในการทางาน 3 การนาเสนอ 4 การรับฟังและแสดงความคิดเห็น 5 ความมีน้าใจ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคุณภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
147 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน มุ่งมั่นต้ังใจทำงำน เลขท่ี ชื่อ สกลุ ปฏิบัติตำม แสวงหำ สรุปควำมรู้ มคี วำมต้งั ใจ ควำมอดทน รวม ข้อตกลง ข้อมลู จำก ได้อย่ำงมี ทำงำน ไม่ท้อแท้ 20 แหล่งเรียนรู้ เหตผุ ล คะแนน 43214321432143214321 ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ตา่ กว่า 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school
148 แบบบนั ทกึ หลงั กำรสอน หน่วยเรียนรู้ท่ี 1 ประเดน็ ทฉี่ ันสนใจ ครูผสู้ อน.............................................................................................หอ้ งท่สี อน............................ 1. เวลาในการสอน ตรงตามแผน นอ้ ยกว่าแผน มากกวา่ แผน บนั ทกึ เพ่ิมเติม...................................................................................................................................... 2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 3. ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 4. ดา้ นสมรรถนะที่สาคญั ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... บนั ทกึ เพมิ่ เติม.......................................................................................................................... 3. การใชส้ ่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ.......................................................................................................... บนั ทึกเพิ่มเติม.............................................................................................................................. 4. การวดั และประเมนิ ผล ตรงตามแผน ไม่ตรงตามแผน เพราะ............................................................................................................ บนั ทึกเพิ่มเติม................................................................................................................................ 5. ปัญหา/อปุ สรรค์ ............................................................................................................................................... ........ 6. แนวทางแกไ้ ข ....................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ.......................................... ..........รองฯกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ (.......................................................) (............................................................) ลงช่อื .......................................................ผอู้ านวยการ (.............................................................) kruwirot wannachai satreesiriket school
149 องค์ควำมรู้ (Body Of Knowledge) เป็นความรู้ที่เกิดข้ึนจากเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ซ่ึงอาจเกิดข้ึนจากการถ่ายทอดจากประสบการณ์ หรือจาก การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ มูล โดยความรู้ท่ีเกิดข้ึนน้นั ผรู้ ับสามารถนาไปใชไ้ ดโ้ ดยตรง หรือนาไปปรับใช้ เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ หรืองานที่ทาอยู่ แหล่งกำเนิดขององค์ควำมรู้ 1. ความรู้ที่ไดร้ ับการถา่ ยทอดจากบคุ คลอ่นื 2. ความรู้ท่ีเกิดจากประสบการณ์ในการทางาน 3. ความรู้ที่ไดจ้ ากการวจิ ยั 4. ความรู้จากการประดิษฐค์ ิดคน้ ส่ิงใหมๆ่ 5. ความรู้ท่ีมีปรากฏอยใู่ นแหลง่ ความรู้ภายนอกองคก์ ร ประเภทขององค์ควำมรู้ 1. องคค์ วามรู้ที่สามารถอธิบายได้ เป็นองคค์ วามรู้ซ่ึงทาความเขา้ ใจไดจ้ ากการฟัง การอธิบาย การ อ่าน และการนาไปใช้ 2. องคค์ วามรู้ท่ีไม่สามารถอธิบายได้ หรืออธิบายไดย้ าก เป็ นองคค์ วามรู้ท่ีอธิบายไดย้ าก หรือ บางคร้ังไมส่ ามารถอธิบายไดว้ ่ากดั ความรู้เหลา่ น้นั ไดอ้ ยา่ งไร ไม่มีแบบแผนโครงสร้างที่แน่ชดั มกั เกิด ข้ึนกบั ตวั บคุ คล กำรจดั กำรองค์ควำมรู้ หมายถงึ การรวบรวมองคค์ วามรู้ท่ีมีอยซู่ ่ึงกระจดั กระจายอยใู่ นตวั บุคคลหรือเอกสารมาพฒั นาให้ เป็นระบบ เพอ่ื ใหท้ ุกคนสามารถเขา้ ถึงองคค์ วามรู้ และพฒั นาตนเองใหเ้ ป็นผรู้ ู้ รวมท้งั ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ อนั จะส่งเสริมใหอ้ งคก์ รมคี วามสามารถในเชิงแข่งขนั kruwirot wannachai satreesiriket school
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156