แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 1
สว่ นท่ี 1 ข้อมูลพ้ืนฐานเพื่อการวางแผน ขอ้ มูลพ้ืนฐานของอาเภอเก้าเลยี้ ว ลักษณะทางภูมศิ าสตร์ อาณาเขต อาเภอเกา๎ เลย้ี ว จงั หวดั นครสวรรค์ อยํทู างทศิ เหนือของจังหวดั นครสวรรค์ หาํ งจาก ตัวจังหวัดประมาณ 20 กโิ ลเมตร มีพนื้ ทป่ี ระมาณ 256.71 ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ 160,445 ไรพํ ืน้ ท่ีเปน็ พ้ืนท่ี ราบลํมุ มแี มํนา้ ปิงไหลผาํ นจากเหนือจดใต๎ ทศิ เหนอื ตดิ ตํอกับ อาเภอบรรพตพสิ ัย จังหวัดนครสวรรค์ ทศิ ใต๎ ตดิ ตอํ กับ อาเภอเมืองนครสวรรค์ ทิศตะวันออก ติดตํอกับ อาเภอชมุ แสง จงั หวัดนครสวรรค์ และอาเภอโพทะเล จงั หวดั พิจติ ร ทิศตะวันตก ติดตอํ กับ อาเภอเมืองนครสวรรค์ และอาเภอบรรพตพสิ ัย จังหวดั นครสวรรค์ แผนภาพแสดงแผนทอี่ าเภอเกา้ เลีย้ ว ภาพที่ 1.1 แสดงแผนท่ีสังเขปอาเภอเกา๎ เลี้ยว หน๎า 2 แผนปฏิบัติการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ประจาปงี บประมาณ 2565
สภาพของชุมชน ลักษณะภมู ิประเทศ เปน็ ท่รี าบลุมํ มีแมํน้าปิงไหลผํานจากเหนือจดใต๎ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร มีลา คลองหลายสายที่แยกจากแมํน้าปิงเข๎าไปในพ้ืนที่อาเภอ เชํน คลองกระเบ้ือง คลองหาดเสลา คลองทํา ขนมจีน นอกจากนั้นมีบึงขนาดใหญํ เป็นแหลํงกักเก็บน้า เชํน บึงเพรียง บึงเขาดิน ทาให๎เหมาะสมแกํ การเพาะปลกู พืชตําง ๆ เชํน ขา๎ ว ออ๎ ย มะลิฝรงั่ ข้อมลู ด้านจานวนประชากร ข๎อมูลจานวนประชากร มปี ระชากรทง้ั สิน้ 34,568 คน ชาย 16,781 คน หญงิ 17,697 คน ที่ ตาบล จานวน จานวน จานวนประชากร (คน) จานวนครัวเรือนในพ้ืนที่ 1 ตาบลเกา๎ เลีย้ ว หมํูบ๎าน หลังคาเรือน ชาย หญิง รวม เขต อบต. เขตเทศบาล 2 ตาบลมหาโพธิ 3 ตาบลหนองเตํา 5 2,241 2,799 3,021 5,820 - 2,241 4 ตาบลเขาดนิ 5 ตาบลหัวดง 5 2,059 2,344 2,563 4,907 2,059 - 10 2,583 3,432 3,444 6,876 2,583 - 11 2,371 3,583 3,620 7,203 2,371 - 12 3,275 4,713 5,049 9,762 3,275 - ท่ีมา : (ทะเบยี นราษฎรอ์ าเภอเกา๎ เลีย้ ว : กนั ยายน 2562) อาเภอเก๎าเล้ียว มีครัวเรือนอาศัยอยูํ จานวน 12,529 ครัวเรือน อยํูในเขตพื้นที่การปกครอง เทศบาลตาบลทั้งหมดมีประชากรทั้งส้ิน 9,762 คน แยกเป็นประชากรชาย จานวน 16,871 คน คิดเป็น รอ๎ ยละ 48.81 และประชากรหญงิ จานวน 17,697 คน คิดเป็นร๎อยละ 51.19 จานวนประชากรจาแนกตามช่วงอายุ ชว่ งอายุ (ปี) จานวน (คน) ร้อยละของประชากรทั้งหมด (คน) 0 - 5 2,494 7.21 6 - 14 5,523 15.97 15 - 39 9,984 28.88 40 - 59 9,807 28.37 แผนปฏบิ ตั ิการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 3
ช่วงอายุ (ปี) จานวน (คน) รอ้ ยละของประชากรท้ังหมด (คน) 60 - 69 3,231 9.34 70 - 79 2,604 7.53 80 - 89 816 2.36 90 ปีขน้ึ ไป 109 0.31 34,568 100 รวม จากตารางจานวนประชากรจาแนกตามชวํ งอายุ พบวาํ ประชากรสํวนใหญมํ ีอายรุ ะหวาํ ง 15-39 ปี จานวน 9,984 คน ร๎อยละ 28.88 อายุ40-59 ปี จานวน 9,807 คน ร๎อยละ 28.37 อายุ 6-14 ปี จานวน 5,523 ร๎อยละ 15.97 อายุ 60-69 ปี จานวน 3,231 คน รอ๎ ยละ 9.34 คน อายุ 70-79 ปี จานวน 2,604 คน ร๎อยละ 7.53 อายุ 0-5 ปี จานวน 2,494 คน ร๎อยละ 7.21 อายุ 80-89 ปี จานวน 816 คน ร๎อยละ 2.36 และอายุ 90 ปขี ึน้ ไป จานวน 109 คน รอ๎ ยละ 0.31 จานวนผู้พิการจาแนกตามประเภทความพิการ ประเภทผพู๎ ิการ จานวนผ๎พู ิการ (คน) คิดเปน็ ร๎อยละ ชาย หญงิ รวม ทางสมอง/สตปิ ัญญา 45 35 80 5.68 ทางสายตา 63 57 120 8.52 พิการซ้าซ๎อน 52 44 96 6.82 ทางการได๎ยิน 108 94 202 14.35 เคล่ือนไหวทางรํางกาย 414 352 766 54.40 ทางจิต พฤติกรรม 85 50 135 9.59 ทางการเรยี นรู๎ 314 0.28 พิการออทิสติก 505 0.36 รวมทั้งสิ้น 775 633 1,408 แผนปฏบิ ตั กิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลย้ี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 4
กลํุมผู๎พิการ เป็นกลํุมผู๎ด๎อยโอกาสในการที่จะเข๎ารับบริการทางการศึกษาหรือเข๎ารํวมกิจกรรมการ เรียนร๎ูดอ๎ ยกวาํ คนปกติทัว่ ไป อนั เน่ืองมาจากขอ๎ จากัดทางด๎านราํ งกาย จติ ใจ สติปญั ญาหรือความสามารถใน การเรียนร๎ู จากตารางข๎อมลู จานวนคนพิการในพื้นท่ีอาเภอเก๎าเลี้ยว จาแนกประเภทความพิการ สํวนใหญํมี ความพิการเคลื่อนไหวทางรํางกาย จานวน 766 คน ร๎อยละ 54.40 ทางการได๎ยิน จานวน 202 ร๎อยละ 14.35 ทางจิต พฤติกรรม จานวน 135 คน ร๎อยละ 9.59 ทางสายตา จานวน 120 คน ร๎อยละ 8.52 พิการซ้าซ๎อน จานวน 96 คน ร๎อยละ 6.82 ทางสมองสติปัญญา จานวน 80 คน ร๎อยละ 5.68 พิการ ออทิสตกิ จานวน 5 คน ร๎อยละ 0.36 และทางการเรียนรู๎ จานวน 4 คน รอ๎ ยละ 0.28 ข้อมูลด้านสงั คม การแบ่งเขตการปกครอง แบํงการปกครอง เปน็ 5 ตาบล มีหมูํบ๎านท้งั ส้นิ 43 หมูบํ า๎ น ตาบลหัวดง ตาบลเขาดนิ ตาบลหนองเตํา ตาบลมหาโพธิ ตาบลเกา๎ เลี้ยว หมูํที่ ชือ่ หมบํู ๎าน ชือ่ หมูํบา๎ น ช่ือหมูํบ๎าน ช่ือหมบํู ๎าน ชื่อหมบํู ๎าน 1 หัวดงเหนือ หาดเสลา หนองแพงพวย มหาโพธิใต๎ เกา๎ เลีย้ ว 2 ทาํ ใหญํ หาดเสลา หนองเตาํ ใต๎ ทาํ มะขามเอน เกา๎ เล้ียว 3 หัวดงใต๎ เขาดินเหนือ ยางใหญํ ทํากระดังงา คลองหัวดมุ 4 คลองทําวัว เขาดนิ ทงํุ ตาท่ัง หนองหัวเรือ แหลมยาง 5 หาดเสลา ดงเมอื งเหนือ กลั ยารตั น์ มหาโพธิเหนอื เก๎าเล้ยี ว 6 เนินพยอม เขาดนิ ใต๎ ลาดเคลา๎ 7 ดงบา๎ นโพธ์ิ ดงเมืองใต๎ ปุายายมุ๎ย 8 ตะกุกหิน หาดเสลา หว๎ ยรวั้ 9 หนองแพงพวย แหลมเสมอ หนองเตําเหนือ 10 กระเบ้ือง คลองคล๎า เนินโพธิ์ 11 หัวดงเหนือ ดงมะไฟ 12 คลองช๎าง แผนปฏิบัติการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หน๎า 5
การคมนาคม : อาเภอเกา๎ เล้ยี วมีเสน๎ ทางคมนาคมประเภทถนนคอนกรตี ถนนลาดยาง ถนนหนิ คลุก และถนน ประเภทอนื่ ๆ รวมทงั้ สน้ิ เปน็ ระยะทาง 494.146 กโิ ลเมตร ดงั แสดงได๎ ดงั น้ี ระยะทางถนน ระยะทาง ระยะทางถนน ระยะทาง ลาดับท่ี พืน้ ท่ี คอนกรีต (กม.) ถนนลาดยาง (กม.) หนิ คลกุ (กม.) อ่ืน ๆ (กม.) ๑ เก๎าเลี้ยว 6.48 28.476 3.1 0.5 ๒ มหาโพธิ 31.759 4.195 8.130 - ๓ หนองเตํา 14.922 17.438 37.394 45.860 ๔ เขาดนิ 50.183 26.240 38.503 16.966 ๕ หวั ดง 18 17 30 99 รวมทุกพ้ืนท่ี 121.344 93.349 117.127 162.326 (ข๎อมูลจาก เทศบาลตาบล / องค์การบริหารสํวนตาบล ณ วันท่ี ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖3) ขอ้ มลู ด้านเศรษฐกิจ ด๎านเศรษฐกิจ : ประชากรอาเภอเก๎าเลี้ยวสํวนใหญํประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ประมาณร๎อยละ 85 อาชีพค๎าขาย รับจ๎าง และอื่น ๆ ร๎อยละ 25 พืชเศรษฐกิจท่ีสาคัญ ได๎แกํ ข๎าว อ๎อย โรงงาน ฝร่ัง และมะลิ นอกจากนี้ยังมีการทาอาชพี ค๎าขาย และเล้ียงสัตว์ ซึ่งสํวนใหญํจะเป็นผ๎ูประกอบการราย ยอํ ย สตั วส์ าคญั ไดแ๎ กํ เปด็ ไกํเนอ้ื โคเนอื้ และสุกรตามรายละเอยี ดในตาราง ด้านการเกษตร ลาดับท่ี ชนดิ พืช ตาบล พืน้ ท่เี พาะปลูก (ไร่) จานวนครวั เรอื น 1 ขา๎ ว เก๎าเลย้ี ว 2,607 ท่ีเพาะปลูก (ครัวเรอื น) มหาโพธิ 4,132 หนองเตาํ 38,452 114 เขาดนิ 14,228 187 หัวดง 27,396 1,319 รวม 86,815 650 1,078 แผนปฏบิ ัตกิ ารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 3,348 หน๎า 6
2 ออ๎ ยโรงงาน เกา๎ เลย้ี ว 2,127 135 มหาโพธิ 2,049 126 หนองเตํา 1,980 29 เขาดนิ 3,821 221 หวั ดง 5,953 321 รวม 15,930 832 3 112 194 หนองเตํา 190 131 เขาดนิ 429 265 หวั ดง 378 258 รวม 1,557 960 4 ฝรงั่ เกา๎ เลีย้ ว 27 6 มหาโพธิ 77 28 หนองเตํา 0 0 เขาดิน 60 26 หวั ดง 47 8 รวม 211 68 (ข๎อมลู จากสานักงานเกษตรอาเภอ ณ วันที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2563) การใช๎พ้ืนท่ีและการถือครองท่ีดินทางการเกษตรอาเภอเก๎าเลี้ยวมีการถือครองท่ีดินทางการเกษตร แบํงเป็นเอกสารสิทธิไดด๎ งั นี้ 1. โฉนด ๑๒6,502 ไรํ - งาน 8.9 ตารางวา จานวน ๒3,771 แปลง 2. นส.๓ ก ๔,00๓ ไรํ - งาน ๓๗.๘ ตารางวา จานวน ๗๐๔ แปลง 3. นส.๓ ๓,๙๙๐ ไรํ ๓ งาน ๑๕ ตารางวา จานวน ๒๕๘ แปลง 4. ตราจอง - ไรํ - งาน - ตารางวา จานวน - แปลง (ข๎อมูลจากสานกั งานท่ดี ินอาเภอ ณ วันที่ ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖3) แผนปฏิบตั กิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเล้ียว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 7
ด้านการปศุสัตว์ อาเภอเก๎าเล้ียวมีเกษตรกรผู๎เลี้ยงสัตว์ทั้งสิ้น 1,175 รายสัตว์สาคัญได๎แกํ โคเนื้อ สุกร ไกํ และเปด็ ดงั ตารางตํอไปน้ี ตาบล จานวน โคเนอ้ื (ตัว) สุกร(ตวั ) ไก่(ตวั ) เปด็ (ตัว) เกษตรกร (ราย) เก๎าเลี้ยว 135 0 0 41,327 1,100 มหาโพธิ 257 85 20 12,188 140 หนองเตาํ 260 80 140 12,067 50,870 เขาดิน 232 140 60 23,088 62,050 หัวดง 291 0 3,800 11,225 57,550 รวม 1,175 305 4,451 99,855 181,470 (ขอ๎ มูลจากสานักงานปศุสตั วอ์ าเภอ ณ วนั ที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2563) ด้านการประมง อาเภอเก๎าเลย้ี วมผี ู๎เพาะเลยี้ งสตั ว์น้าที่ข้ึนทะเบียนฟาร์มของอาเภอเก๎าเล้ียว รวม 499 ราย เน้ือท่ี 684.40 ไรแํ ยกเปน็ รายตาบล ดงั น้ี ตาบล จานวนเกษตรกร (ราย) พ้นื ท่ี (ไร่) เก๎าเลีย้ ว 14 27.75 มหาโพธิ 72 129.50 หนองเตาํ 232 288.28 เขาดิน 70 96.40 หัวดง 111 142.50 รวม 499 684.40 (ข๎อมูลจากสานักงาประมงอาเภอ ณ วันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖3) - ชนดิ ปลาที่เลีย้ งเป็นหลัก ได๎แกํ ปลานลิ , ปลาสวาย, ปลาดุก และปลาตะเพยี น - สตั ว์อ่ืน ๆ (จระเข)๎ ไดแ๎ กเํ กษตรกร หมํูท่ี 8 ตาบลเขาดิน จานวน 1 ราย พ้ืนทเี่ ลย้ี ง 0.070 ไรํ (พํอแมํพันธ์ุ จานวน 60 ตัว และลกู จระเข๎ จานวน 250 ตวั ) แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลีย้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หน๎า 8
ขอ้ มลู ความจาเปน็ พ้นื ฐาน (จปฐ.) อาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปี 2563 มรี ายไดค๎ รวั เรอื นเฉลี่ย 195,353.22 บาท/ปแี ละมรี ายได๎บุคคลเฉลี่ย 67,722.55 บาท/ปีแสดงเปน็ รายพ้ืนท่ีตาบลไดด๎ งั ตํอไปน้ี ลาดบั พื้นท่ี จานวน จานวนคน รายได้ครัวเรอื น รายไดบ้ ุคคล ครวั เรอื น เฉล่ยี (บาท/ปี) เฉลี่ย (บาท/ปี) 1 เก๎าเลี้ยว 1,546 4,590 171,138.53 57,642.74 2 มหาโพธิ 1,343 3,589 167,197.08 62,564.97 3 หนองเตํา 1,913 5,442 177,568.69 62,419.87 4 เขาดิน 1,934 5,400 203,658.26 72,939.83 5 หัวดง 2,511 7,653 232,473.68 76,276.15 รวมทุกพืน้ ที่ 9,247 26,674 195,353.22 67,722.55 (ข๎อมูลจากสานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอ ณ วนั ท่ี ๒๘ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖3) จานวนหน่วยธรุ กจิ ท่ีสาคญั ของอาเภอเกา้ เลยี้ ว สถานที่ตั้ง ลาดับ ธรุ กิจ 1 เรือนรมํ ไม๎รสี อรท์ หมํทู ่ี 3 ตาบลเขาดนิ อาเภอเก๎าเลยี้ ว 2 พงเพชรโฮมสเตย์ หมูํท่ี 3 ตาบลเกา๎ เลีย้ ว อาเภอเกา๎ เล้ียว กล่มุ อาชีพเศรษฐกจิ ชมุ ชน สถานท่ีตัง้ ลาดบั กลุม่ อาชพี หมํทู ่ี 3 ตาบลเขาดนิ อาเภอเก๎าเลย้ี ว หมทํู ่ี 4 ตาบลเขาดนิ อาเภอเกา๎ เลี้ยว 1 กลํมุ วสิ าหกจิ ชมุ ชนบา๎ นเขาดินเหนือ หมทํู ี่ 8 ตาบลเขาดิน อาเภอเก๎าเลี้ยว 2 กลุํมวสิ าหกิจชมุ ชนบา๎ นเขาดิน หมทูํ ี่ 5 ตาบลเก๎าเลีย้ ว อาเภอเกา๎ เลย้ี ว 3 กลุํมวิสาหกิจชุมชนบ๎านหาดเสลา 4 กลํมุ วสิ าหกจิ ชุมชนบ๎านเก๎าเล้ียว แผนปฏบิ ตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลยี้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 9
ขอ้ มลู ด้านการศกึ ษา อาเภอเก๎าเล้ยี ว มสี ถานศกึ ษารวมทงั้ หมด 23 แหํง ดงั น้ี โรงเรยี นประถม จานวน 20 แห่ง ลาดับ โรงเรียน สถานที่ต้งั 1 โรงเรียนอนุบาลเกา๎ เลย้ี ว หมูํท่ี 1 ตาบลเกา๎ เล้ียว อาเภอเกา๎ เล้ยี ว 2 โรงเรยี นบา๎ นแหลมยาง หมูํท่ี 4 ตาบลเก๎าเล้ยี ว อาเภอเกา๎ เลยี้ ว 3 โรงเรยี นวดั มหาโพธิใต๎ หมทํู ่ี 3 ตาบลมหาโพธิ อาเภอเก๎าเลยี้ ว 4 โรงเรยี นบ๎านหนองหัวเรอื หมทํู ี่ 4 ตาบลมหาโพธิ อาเภอเก๎าเลย้ี ว 5 โรงเรยี นชมุ ชนวัดมหาโพธเิ หนอื หมูํท่ี 5 ตาบลมหาโพธิ อาเภอเกา๎ เลีย้ ว 6 โรงเรียนสงั ขบ์ ุญธรรมราษฎร์นสุ รณ์ หมทํู ี่ 2 ตาบลเขาดนิ อาเภอเกา๎ เล้ยี ว 7 โรงเรียนชมุ ชนวัดเขาดินเหนอื หมูํท่ี 2 ตาบลเขาดิน อาเภอเก๎าเลี้ยว 8 โรงเรียนวัดดงเมือง หมทํู ี่ 5 ตาบลเขาดิน อาเภอเก๎าเลย้ี ว 9 โรงเรียนโอสถสภาอปุ ถัมภ์ หมูํท่ี 6 ตาบลเขาดนิ อาเภอเกา๎ เล้ยี ว 10 โรงเรียนวดั มรรครังสฤษดิ์ หมทํู ี่ 8 ตาบลเขาดิน อาเภอเก๎าเลีย้ ว 11 โรงเรียนบ๎านคลองคลา๎ หมูํท่ี 10 ตาบลเขาดนิ อาเภอเก๎าเลย้ี ว 12 โรงเรียนวดั หาดเสลา หมูทํ ี่ 5 ตาบลหวั ดง อาเภอเก๎าเลีย้ ว 13 โรงเรยี นวดั หวั ดงใต๎ หมทํู ี่ 3 ตาบลหวั ดง อาเภอเก๎าเลีย้ ว 14 โรงเรยี นวดั เนินพยอม หมูทํ ี่ 6 ตาบลหวั ดง อาเภอเก๎าเล้ยี ว 15 โรงเรยี นวดั หัวดงเหนือ หมทํู ่ี 11 ตาบลหวั ดง อาเภอเกา๎ เลี้ยว 16 โรงเรียนวัดหนองเตําใต๎ หมทํู ่ี 2 ตาบลหนองเตาํ อาเภอเกา๎ เลย้ี ว 17 โรงเรียนบ๎านยางใหญํ หมทํู ี่ 3 ตาบลหนองเตาํ อาเภอเกา๎ เลย้ี ว 18 โรงเรยี นบ๎านหนองแพงพวย หมูํท่ี 1 ตาบลหนองเตํา อาเภอเกา๎ เลี้ยว 19 โรงเรียนวดั หว๎ ยร้ัว หมูํท่ี 9 ตาบลหนองเตาํ อาเภอเกา๎ เลย้ี ว 20 โรงเรียนศึกษาศาสตร์ หมูํที่ 6 ตาบลหนองเตํา อาเภอเกา๎ เลี้ยว แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 10
โรงเรียนมธั ยม จานวน 2 แหง่ สถานที่ตง้ั ลาดับ โรงเรยี น หมูํที่ 1 ตาบลเก๎าเลี้ยว อาเภอเก๎าเล้ยี ว หมูํท่ี 10 ตาบลหัวดง อาเภอเก๎าเล้ียว 1 โรงเรยี นเกา๎ เล้ยี ววิทยา 2 โรงเรียนหวั ดงราชพรหมาภรณ์ โรงเรียนเอกชน จานวน 1 แหง่ สถานทีต่ งั้ ลาดบั โรงเรียน หมทํู ี่ 2 ตาบลเกา๎ เลี้ยว อาเภอเกา๎ เลยี้ ว 1 โรงเรยี นปวีณาวทิ ยา ศนู ย์พฒั นาเดก็ เลก็ 7 แหง่ ลาดับ รายชื่อศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ สถานที่ตง้ั 1 ศนู ย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตาบลเกา๎ เลยี้ ว หมูทํ ่ี 1 ตาบลเกา๎ เลีย้ ว อาเภอเกา๎ เลย้ี ว 2 ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็กเทศบาลตาบลเกา๎ เลีย้ ว หมูํที่ 1 ตาบลเกา๎ เลย้ี ว อาเภอเกา๎ เลยี้ ว (วดั เก๎าเลีย้ ว) หมูํท่ี 2 ตาบลมหาโพธิ อาเภอเกา๎ เล้ียว 3 ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ บ๎านมหาโพธิ 4 ศูนย์พฒั นาเด็กเล็กบ๎านหนองหวั เรือ หมูํที่ 4 ตาบลมหาโพธิ อาเภอเกา๎ เล้ียว 5 ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ บ๎านหวั ดงเหนือ หมทํู ี่ 11 ตาบลเกา๎ เล้ยี ว อาเภอเก๎าเลี้ยว 6 ศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ บา๎ นดงเมือง หมทํู ี่ 5 ตาบลเขาดนิ อาเภอเก๎าเลี้ยว 7 ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็กวัดมรรครังสฤษดิ์ หมทํู ่ี 8 ตาบลเขาดิน อาเภอเก๎าเลีย้ ว 8 ศนู ย์พฒั นาเด็กเลก็ องค์การบรหิ ารสวํ นตาบลหนองเตํา หมทํู ่ี 3 ตาบลหนองเตํา อาเภอเกา๎ เลย้ี ว แผนปฏิบตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 11
ขอ้ มลู พื้นฐานของ กศน.อาเภอเก้าเลย้ี ว สภาพทั่วไปของสถานศกึ ษา ชอ่ื สถานศกึ ษา: ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเก๎าเลย้ี ว ทอ่ี ยู่:เลขท่ี 1/2หมูํที่ 1 ตาบลเกา๎ เลี้ยว อาเภอเก๎าเลยี้ ว จังหวัดนครสวรรค์ เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0–5629–9377 เบอรโ์ ทรสาร : 0–5629–9377 E-mail ตดิ ตอ่ : [email protected] สังกดั : สานักงานสํงเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครสวรรค์ ประวัติความเปน็ มาของสถานศึกษา ประวตั ิสถานศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมการศึกษานอกโรงเรียนได๎จัดตั้งศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน พร๎อมกนั ทวั่ ประเทศจานวน 789 แหงํ โดยอาศยั อานาจตามความในมาตรา 25 แหํงพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 ประกอบกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการวําด๎วยการจัดการศึกษา ใน สถานศึกษาสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. 2536 เป็นสถานศึกษาในราชการบริหารสํวนกลางสังกัด กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน พ.ศ. 2536ข๎อ 6 ในสํวนของอาเภอเก๎าเลี้ยว มีชื่อวํา“ศูนย์บริการการศึกษานอก โรงเรียนอาเภอ เก๎าเลี้ยว” ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2536 เร่ืองจัดตั้ง ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอ/กิ่งอาเภอ โดยขอใช๎อาคารเก็บพัสดุของสุขาภิบาลเก๎าเล้ียว เป็น สานกั งานชัว่ คราว กรมการศึกษานอกโรงเรียนไดแ๎ ตํงต้ังให๎ นายองอาจ อินเล็ก อาจารย์ 2 ระดับ 6 มาปฏิบัติ ราชการในตาแหนงํ หวั หน๎าศูนย์ 1 ตามคาสั่งกรมการศึกษานอกโรงเรียน ท่ี 94/2537 ลงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2537 ตํอมาปี พ.ศ. 2541 ได๎รับงบประมาณจากกรมการศึกษานอกโรงเรียนจานวน 1,057,000.- บาท และต๎องหาเงินมาสมทบอีก 538,813 บาท รวมเป็นเงินท้ังสิ้น 1,595,813.- บาท โดยขอใช๎ท่ีดินของ สุขาภบิ าลเก๎าเลี้ยวเพอื่ สร๎างหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ลกั ษณะอาคารเป็นแบบ 2 ช้ันเร่ิมกํอสร๎างตาม สัญญา วันที่ 7 เมษายน 2541 สร๎างเสร็จวันท่ี 15 ธันวาคม 2541 ย๎ายเข๎ามาปฏิบัติงานในสานักงานใน วันที่ 1 มกราคม 2542 โดยแบํงอาคารออกเป็น 2 สํวน คือ ช้ันลํางเป็นอาคารสานักงานศูนย์บริการ การศึกษานอกโรงเรียนอาเภอเก๎าเลี้ยว ช้ันบนใช๎เป็นอาคารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ต้ังแตํปี พ.ศ. 2537 ตํอมาเมื่อ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551 ได๎ประกาศใช๎ พระราชบัญญัติสํงเสริมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ข้ึน และประกาศเปล่ียนแปลงชื่อสถานศึกษาเป็นศูนย์ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเก๎าเลี้ยว เรียกชื่อยํอวํา “กศน.อาเภอเก๎าเล้ียว” จนถึง ปจั จบุ ัน แผนปฏิบตั กิ ารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลยี้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 12
โครงสรา้ งการบรหิ ารสถานศึกษา ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเกา้ เลีย้ ว คณะกรรมการสถานศกึ ษา กลมุ่ งานอานวยการ กลมุ่ จดั การศึกษานอกระบบ กลมุ่ ประสานงานภาคีเครือขา่ ย และการศึกษาตามอธั ยาศัย และกจิ การพิเศษ -งานธุรการ/งานสารบรรณ -งานการศึกษาพ้นื ฐานนอกระบบ - งานประสานงานและ -งานการเงนิ และบัญชี -งานส่งเสรมิ การรหู้ นงั สือ เครอื ข่าย -งานพัสดุ -งานการศึกษาต่อเน่ือง -งานโครงการพิเศษ -งานบคุ ลากร -งานส่งเสริมประชาธปิ ไตย -งานอาคารสถานท่ี *งานการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ -งานรณรงคแ์ ก้ไขปญั หายา -งานนโยบายและแผนงาน *งานการศึกษาเพื่อพฒั นา เสพติด -งานประชาสมั พันธ์ ทกั ษะชวี ติ -งานคุ้มครองผบู้ รโิ ภค -งานข้อมูลสารสนเทศและ *งานการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคม การรายงาน และชมุ ชน - งานนเิ ทศภายใน ติดตาม *งาน จัดกระบวนการเรียนรู้ และประเมินผล ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง -งานประกันคุณภาพภายใน *การศึกษากลุม่ เปา้ หมายพเิ ศษ สถานศึกษา (ผสู้ งู อายุ) -โครงการบริหารจดั การขยะ - งานการศึกษาตามอธั ยาศัย หน๎า 13 ภาพท่ี 1.2 แสดงโครงสรา้ งการบริหารสถานศกึ ษา แผนปฏบิ ตั กิ ารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ีย-งวาปนรเะทจียาบปรีงบะปดรับะกมาารณศ2ึก5ษ6า5
คณะกรรมการสถานศกึ ษา ตาแหน่ง ด้าน ลาดบั ที่ รายชือ่ คณะกรรมการ ประธานกรรมการ การศึกษา รองประธาน ศาสนาและวัฒนธรรม 1 นายวีระ จาปาเกตุกลุ กรรมการ ความมั่นคง 2 พระครนู วิ ิฐสงั ฆกจิ กรรมการ การเมืองการปกครอง 3 เรอื อากาศตรีคานวณ เกิดนวล กรรมการ พฒั นาสังคม ชุมชนและสง่ิ แวดล๎อม 4 นายเจษฎา สระทองแรํ กรรมการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศ 5 นายบรรพต เจรญิ ศิลป์ กรรมการ สาธารณสุข 6 นายชเู ชษฐ์ เงินบารงุ กรรมการ ภูมิปัญญาท๎องถน่ิ 7 นางปัญจมาส เรอื เย็น กรรมการและเลขานุการ การศึกษา 8 นางศุภลกั ษณ์ สายสุขุม 9 นางศิริพร สดุ เล็ก ทาเนียบผู้บรหิ าร ลาดบั ท่ี รายชื่อผู้บริหาร ตาแหน่ง ระยะเวลาทดี่ ารงตาแหนง่ 27 ส.ค. 2537 ถึง 30 ก.ย. 2544 1. นายองอาจ อินเล็ก หัวหนา๎ ศูนย์ 1 12 พ.ย. 2544 ถึง 24 พ.ย. 2545 2. นายปราโมทย์ มงคลอิทธเิ วช อาจารย์ 1 ระดับ 5 25พ.ย. 2545 ถึง 28 ก.พ. 2546 รกั ษาการในตาแหนงํ 3. นายชยั ยศ กอ๎ นจนั ทรเ์ ทศ 1 ม.ี ค. 2546 ถึง 30 เม.ย. 2546 หวั หนา๎ ศนู ย์ 1 4. นายปราโมทย์ มงคลอทิ ธิเวช ครู คศ.2 1 พ.ค .2546 ถึง 30 ม.ิ ย. 2547 1 ก.ค. 2547 ถงึ 10 พ.ย. 2550 5. นายสมประสงค์ นอ๎ ยจันทร์ รกั ษาการในตาแหนํง 11 พ.ย. 2550 ถึง 24 พ.ย. 2551 6. นางสาวศรไี พร ผวิ โสม ผูอ๎ านวยการ 7. นางอนรุ ัตน์ สงขา หน๎า 14 อาจารย์ 1 ระดบั 5 รกั ษาการในตาแหนํง ผอ๎ู านวยการ ผอู๎ านวยการ ผ๎อู านวยการ ผ๎อู านวยการ แผนปฏบิ ตั ิการหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปีงบประมาณ 2565
ลาดบั ที่ รายชอ่ื ผู้บรหิ าร ตาแหนง่ ระยะเวลาที่ดารงตาแหน่ง 8. นายภวู พัศ องั ศธรรมรัตน์ ผอ๎ู านวยการ 27 พ.ย. 2551 ถงึ 16 ก.พ.2557 9. นางสาวสนุ ทรี เตินขนุ ทด ผู๎อานวยการ 17 ก.พ. 2557 ถงึ 1๖ ก.พ. 255๘ 10. นางจนิ ธิดา บุตดา ผู๎อานวยการ 17 ก.พ. 2558 ถึง 9 ม.ค. 2560 11. นางกาญจนา บัววัฒน์ ผ๎อู านวยการ กศน.อาเภอ 10 ม.ค. 2560 ถึง 24 เม.ย. 2560 12. นางสาวพมิ พิกุล บญุ สงํ บรรพตพิสยั รกั ษาการใน 25 เม.ย. 2560 26 ต.ค. 2560 13. นางศริ พิ ร สุดเล็ก 27 ต.ค. 2560 ถงึ ปัจจบุ ัน ตาแหนงํ ผ๎อู านวยการ กศน. อาเภอเกา๎ เลี้ยว ครู รกั ษาการในตาแหนํง ผูอ๎ านวยการ กศน.อาเภอ เกา๎ เลย้ี ว ผ๎อู านวยการ จานวนบุคลากร ประเภท/ตาแหนง่ ตา่ กว่า ป.ตรี ป.ตรี จานวน รวมจานวน ป.โท ป.เอก ผ๎บู ริหาร - - 1- 1 ข๎าราชการครู - 1-- 1 บคุ ลากรทางการศึกษา - 1-- 1 ลูกจา๎ งประจา - - -- - พนักงานราชการ - 51- 6 ครูศนู ย์การเรียนชมุ ชน - - -- - บรรณารักษ์อัตราจา๎ ง - 1-- 1 รวมจานวน - 82- 10 แผนปฏิบตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หน๎า 15
รายละเอียดบคุ ลากรของสถานศกึ ษา จานวน รวม 11 คน ที่ ชือ่ -สกลุ ตาแหน่ง วฒุ กิ ารศึกษา ประสบการณ์ 1. นางศริ ิพร สุดเลก็ ผ๎อู านวยการ งาน กศน. 2. นายชษุ ณะ พลู สมบัติ ปริญญาโท การบรหิ ารการศึกษา ครูผ๎ูชํวย ปรญิ ญาตรี สาขาภาษาอังกฤษ ๑๘ ปี 3. นางสาวปาหนัน พฒั นพงษ์ ปรญิ ญาตรี แขนงวชิ า ไทยคดีศึกษา 10 ปี ครู กศน.ตาบล ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ครู 4. นางณฏั ฐณชิ า เพช็ รโต ปริญญาตรี สาขา การพัฒนาชุมชน/ 15 ปี 5. นายธนาพิพัฒน์ พมุํ เพยี ร ครู กศน.ตาบล การประถมศึกษา/สัมฤทธบิ ัตร ครู กศน.ตาบล สาขาจติ วิทยาและการแนะแนว 11 ปี 6. นางวรรณรดา จารัสกติ ติ ปรญิ ญาโท การบรหิ ารการศึกษา 10 ปี วัลย์ ครู กศน.ตาบล ปรญิ ญาตรี ครู กศน.ตาบล สาขาการจดั การอตุ สาหกรรม 9 ปี 7. นายอภเิ ชษฐ์ ทรพั ย์สาราญ ครู กศน.ตาบล ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ครู 7 ปี 8. นางสาวณฐั กฤตา ฤทธ์ิเทพ นักวิชาการศึกษา ปรญิ ญาตรี สาขาการจัดการท่ัวไป - ๙. นางธนพร มโนวงศ์ บรรณารักษ์ 20 ปี 10. นางสาวณัฏฐณิชา ปรญิ ญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธรุ กิจ 5 ปี (อตั ราจ๎าง) ปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ ประเสรฐิ สุขโชคดี ปรญิ ญาตรี สาขาพฒั นาชุมชน ปรญิ ญาตรี บรรณารักษศาสตร์และ สารนเิ ทศศาสตร์ แผนปฏบิ ตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 16
กศน.ตาบล/ศนู ย์การเรียนร้ชู มุ ชน ในสังกัด ที่ ชอ่ื กศน.ตาบล ที่ต้ัง ผูร้ ับผดิ ชอบ นายธนาพพิ ฒั น์ พํุมเพียร 1. กศน.ตาบลเก๎าเลยี้ ว หมทํู ี่ 1 บา๎ นเกา๎ เลี้ยว ต.เกา๎ เล้ยี ว นางสาวปาหนัน พฒั นพงษ์ นางวรรณรดา จารัสกิตตวิ ัลย์ 2. กศน.ตาบลมหาโพธิ หมทูํ ่ี 5 บ๎านมหาโพธเิ หนอื ต.มหาโพธิ นางณฏั ฐณิชา เพช็ รโต นางสาวณฐั กฤตา ฤทธ์เิ ทพ 3. กศน.ตาบลหนองเตํา หมํู 7 บ๎านปุายายม๎ุย ต.หนองเตาํ นายอภเิ ชษฐ์ ทรพั ยส์ าราญ 4. กศน.ตาบลเขาดนิ หมทํู ี่ 3 บา๎ นเขาดินเหนือ ต.เขาดนิ 6 คน 5. กศน.ตาบลหวั ดง หมูํที่ 11 บ๎านหวั ดงเหนือ ต.หวั ดง 6. กศน.ตาบลหัวดง หมูทํ ่ี 11 บ๎านหวั ดงเหนือ ต.หัวดง รวมจานวน 5 ตาบล แหล่งเรียนรูใ้ นชมุ ชน และทุนดา้ นงบประมาณทีส่ ามารถนามาใช้ประโยชนเ์ พื่อการจัด การศึกษา แหล่งเรียนรู้ประเภทสถานท่ี/ชุมชน/กลุ่มทางเศรษฐกิจ/สงั คม ท่ี ช่อื แหล่งเรยี นรอู้ ื่น ประเภทแหล่งเรียนรู้ ท่ีต้ัง 1. ศาลเจ๎าพํอเกา๎ เลย้ี ว ศาสนสถาน/ประเพณี หมูํที่ 2 ตาบลเก๎าเลีย้ ว 2. หาดทรายวดั มหาโพธิใต๎ 3. วัดมหาโพธิใต๎ (วัดหลวงพํอเฮง) แหลํงทอํ งเทย่ี ว หมทํู ี่ 3 ตาบลมหาโพธิ 4. ประเพณไี ทดา 5. วดั เขาดินใต๎ หรือวดั พระหนํอ ศาสนสถาน/ประเพณี หมทํู ่ี 3 ตาบลมหาโพธิ ธรณินทร์ใกลว๎ ารินคงคาราม ประเพณวี ัฒนธรรม หมูํท่ี 3 ตาบลหนองเตํา 6. เรอื นรมํ ไมร๎ สี อรท์ 7. สวนธรรมหาดเสลา แหลงํ ทํองเท่ยี วเชิงประวัติศาสตร์ หมูํที่ 6 ตาบลเขาดนิ 8. โรงสีชุมชนบ๎านหวั ดงเหนือ 9. โรงปยุ๋ อดั เมด็ ชวี ภาพบ๎านหวั ดงเหนอื แหลํงทํองเท่ยี ว หมทํู ี่ 3 ตาบลเขาดิน 10. การเลีย้ งหมชู ีวภาพ การปฏบิ ัตธิ รรม หมทูํ ี่ 2 ตาบลเขาดนิ 11. กลํุมเศรษฐกิจพอเพยี ง การบริหารจดั การโรงสีชมุ ชน หมทํู ี่ 1 ตาบลหัวดง 12. กลมํุ รักษ์ธรรมชาติ การทาปุ๋ยอดั เมด็ หมูํท่ี 1 ตาบลหัวดง การเลี้ยงหมูหลุม หมูํที่ 1 ตาบลหัวดง แหลงํ เรียนรู๎ชุมชน หมูทํ ่ี 11 ตาบลหวั ดง แหลํงเรยี นร๎ูชมุ ชน หมํู 1 ตาบลเกา๎ เล้ยี ว แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 17
แหล่งเรียนรูป้ ระเภทบคุ คล ความรคู้ วามสามารถ ท่ีตงั้ ที่ ชอ่ื ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ชวี ภาพ 274/4 หมูํ 1 ตาบลเกา๎ เลย้ี ว 1 นางศุภรตั น์ น๎อยกลัด สานผักตบชวา 4 หมํู 4 ตาบลเกา๎ เลย้ี ว 2 นางพรทิพย์ เหลําจั่น ประดษิ ฐโ์ ลหะ 252/4 หมูํ 5 ตาบลเกา๎ เลยี้ ว 3 นายอโนชา ยงั ฉิม เกษตรผสมผสาน 190/1 หมูํ 1 ตาบลมหาโพธิ 4 นายเสถยี ร อนิ ทรักษ์ ปยุ๋ ชวี ภาพ 66 หมูํ 1 ตาบลมหาโพธิ 5 นายนเรษฐ์ เงินบารุง ขนม 195 หมูํ 3 ตาบลมหาโพธิ 6 นางปราณี เคา๎ โนนคร๎อ จกั สาน 190 หมูํ 3 ตาบลมหาโพธิ 7 นายอานวย บญุ ชู การถกั เชือก 337/1 หมูํ 4 ตาบลมหาโพธิ 8 นางสุวรรณ โพธอ์ิ ํอน ตีเหล็ก ทามดี 337/1 หมูํ 4 ตาบลมหาโพธิ 9 นายนเิ วช ไกรวาสน์ ร๎อยมาลยั 568 หมูํ 5 ตาบลมหาโพธิ 10 นางสมร แตงนวลจันทร์ ไทยดา 59/1 หมูํ 3 ตาบลหนองเตํา 11 นางมณฑา ลว๎ นลอย หมอดิน 7/2 หมํู 3 ตาบลหนองเตาํ 12 นางแจํมใส รอดแสง ขนมไทย 25/4 หมํู 4 ตาบลหนองเตํา 13 นางวชั รี โชคพล การถักเชือกปุาน 79/1 หมํู 5 ตาบลหนองเตาํ 14 นางเพ็ญ พลตรี การถักเชือกรํม 119/1 หมูํ 5 ตาบลหนองเตาํ 15 นางพชั รี บุญเนยี ม เกษตรผสมผสาน 89/2 หมํู 9 ตาบลหนองเตํา 16 นายทองสขุ วรรณนาค ปยุ๋ ชวี ภาพ 118 หมํู 1 ตาบลหวั ดง 17 นายประทปี กันหา เกษตรกร 118 หมูํ 1 ตาบลหวั ดง 18 นางยีส่ ุํน กันหา ตเี หลก็ /ทามดี 163 หมูํ 3 ตาบลหัวดง 19 นายศิริ จอนศรี ทอพรมเชด็ เทา๎ 16/1 หมูํ 10 ตาบลหวั ดง 20 นางพรทิพย์ บญุ ฝืน เกษตรปลอดสารพิษ 58 หมูํ 3 ตาบลเขาดิน 21 นางสาวสจุ ิตรา เจรญิ สขุ เกษตรปลอดสารพิษ 4 หมูํ 1 ตาบลเขาดนิ 22 นางสมบตั ิ แจมํ ไทย เคร่อื งป้ันดินเผา 8 หมํู 1 ตาบลเขาดิน 23 นายเสรี แกลว๎ กล๎า กลองยาว 40 หมูํ 1 ตาบลเขาดิน 24 นายผจญ พูลเกลยี้ ง หนา๎ 18 แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565
ที่ ชื่อภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ความรู้ความสามารถ ที่ตงั้ 25 นายเถิม กหุ ลาบศรี นา้ ส๎มควันไม๎ 49 หมูํ 4 ตาบลเขาดิน 26 นางพมิ พ์ ปอู มเสมา จักสานไม๎ไผํ 46 หมูํ 4 ตาบลเขาดิน 27 นายสมศกั ดิ์ เงนิ บารุง ไม๎แกะสลกั 19/2 หมูํ 4 ตาบลเขาดิน 28 นายอ่า งามสมโภช จกั สาน 13/1 หมํู 5 ตาบลเขาดนิ 29 นายแกละ เกษาพร การทาโตะ๏ ไม๎ 34/1 หมูํ 5 ตาบลเขาดิน 30 นางสาเนา ยม้ิ กลน่ั ถักตระกรา๎ จากเชอื กปาุ น 71/1 หมูํ 5 ตาบลเขาดนิ 31 นายสถาปนติ ย์ แตงอํอน การทาบายศรใี บตอง 11/1 หมํู 8 ตาบลเขาดนิ 32 นางเสาวลักษณ์ รมํ โพธิ์ การแปรรูปสนิ ค๎าเกษตร 13/2 หมูํ 8 ตาบลเขาดิน 33 นายเสนหํ ์ รมํ โพธ์ิ เกษตรปลอดสารพิษ 87/3 หมํู 8 ตาบลเขาดนิ 34 นางราพรรณ เตมา การทาขนมไทย 78 หมูํ 8 ตาบลเขาดิน 35 นางละออ ยิม้ กลนั่ การทาขนมไทย 22 หมูํ 8 ตาบลเขาดิน 36 นายสมหมาย แตงออํ น การทอเสอ่ื กก 17 หมูํ 8 ตาบลเขาดิน 37 นายวิทวสั รักแก๎ว การทาผลติ ภณั ฑจ์ ากหนงั จระเข๎ 53/1 หมํู 8 ตาบลเขาดิน แหล่งสนบั สนุน ทนุ /งบประมาณ ประเภทองค์กร ท่ี ชอื่ ภาคเี ครอื ข่าย ทต่ี ง้ั /ที่อยู่ 1. ท่ีวาํ การอาเภอเกา๎ เล้ียว หมูํที่ 1 ต.เก๎าเลี้ยว อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 2. เทศบาลตาบลเกา๎ เลี้ยว หมูํที่ 1 ต.เกา๎ เลี้ยว อ.เกา๎ เลีย้ ว จ.นครสวรรค์ 3. สถานตี ารวจภธู รเก๎าเล้ยี ว หมูํท่ี 1 ต.เก๎าเลย้ี ว อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ 4. โรงพยาบาลเกา๎ เลยี้ ว หมทํู ี่ 4 ต.เกา๎ เลี้ยว อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ 5. สานักงานสาธารณสขุ อาเภอเก๎าเลย้ี ว หมทํู ่ี 2 ต.เกา๎ เลี้ยว อ.เกา๎ เล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 6. โรงเรียนเก๎าเลยี้ ววทิ ยา หมทํู ่ี 4 ต.เกา๎ เลี้ยว อ.เกา๎ เลี้ยว จ.นครสวรรค์ 7. โรงเรียนอนุบาลเก๎าเล้ียว หมูํท่ี 5 ต.เกา๎ เลยี้ ว อ.เก๎าเลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 8. โรงเรียนบา๎ นแหลมยาง หมูํที่ 4 ต.เกา๎ เล้ียว อ.เกา๎ เลีย้ ว จ.นครสวรรค์ 9. อบต.มหาโพธิ หมํูท่ี 2 ต.มหาโพธิ อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ แผนปฏิบัติการห๎องสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลยี้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 19
ที่ ชอื่ ภาคเี ครอื ข่าย ทีต่ งั้ /ท่ีอยู่ 10. โรงพยาบาลสํงเสริมสุขภาพชุมชนตาบลมหาโพธิ หมทํู ่ี 3 ต.มหาโพธิ อ.เกา๎ เลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 11. โรงเรียนบา๎ นหนองหัวเรอื หมทํู ่ี 4 ต.มหาโพธิ อ.เกา๎ เล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 12. โรงเรยี นวัดมหาโพธใิ ต๎ หมทํู ี่ 3 ต.มหาโพธิ อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 13. โรงเรียนชุมชนวัดมหาโพธิเหนอื หมทํู ี่ 5 ต.มหาโพธิ อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 14. อบต.หนองเตํา หมูํที่ 3 ต.หนองเตํา อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 15. โรงพยาบาลสงํ เสรมิ สุขภาพชุมชนตาบลหนองเตํา หมํทู ่ี 2 ต.หนองเตาํ อ.เก๎าเลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 16. โรงเรียนวดั หนองเตาํ ใต๎ หมูํท่ี 2 ต.หนองเตาํ อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 17. โรงเรียนบ๎านยางใหญํ หมทํู ่ี 3 ต.หนองเตาํ อ.เกา๎ เลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 18. โรงเรยี นทํงุ ตาท่งั หมูํที่ 4 ต.หนองเตาํ อ.เก๎าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ 19. โรงเรยี นบา๎ นหนองแพงพวย หมํทู ่ี 1 ต.หนองเตํา อ.เกา๎ เลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 20. อบต.เขาดิน หมูํท่ี 9 ต.เขาดนิ อ.เก๎าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ 21. โรงพยาบาลสํงเสรมิ สขุ ภาพชมุ ชนตาบลเขาดนิ หมทํู ี่ 3, 5 ต.เขาดิน อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ 22. โรงเรยี นโอสถสภาอุปถมั ภ์ หมูํท่ี 6 ต.เขาดนิ อ.เกา๎ เลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 23. โรงเรียนชมุ ชนวัดเขาดนิ เหนอื หมทํู ี่ 3 ต.เขาดนิ อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 24. โรงเรยี นวัดมรรครังสฤษฏ์ หมทํู ี่ 8 ต.เขาดนิ อ.เกา๎ เลยี้ ว จ.นครสวรรค์ 25. โรงเรยี นบ๎านคลองคลา๎ หมทํู ่ี 10 ต.เขาดนิ อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ 26. โรงเรียนสังขบ์ ุญธรรมราษฎรน์ ุสรณ์ หมูํท่ี 2 ต.เขาดิน อ.เก๎าเลีย้ ว จ.นครสวรรค์ 27. โรงเรยี นดงเมอื ง (เขงํ ฟ้ืนราษฎร)์ หมทํู ี่ 5 ต.เขาดนิ อ.เกา๎ เลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 28. อบต.หัวดง หมูํที่ 2 ต.หวั ดง อ.เกา๎ เลีย้ ว จ.นครสวรรค์ 29. โรงพยาบาลสงํ เสริมสุขภาพชุมชนตาบลหวั ดง หมทํู ่ี 11 ต.หัวดง อ.เก๎าเล้ียว จ.นครสวรรค์ 30. โรงเรียนวัดหาดเสลา หมูทํ ่ี 5 ต.หัวดง อ.เกา๎ เลี้ยว จ.นครสวรรค์ 31. โรงเรียนวัดหัวดงใต๎ หมูํท่ี 3 ต.หวั ดง อ.เก๎าเลย้ี ว จ.นครสวรรค์ 32. โรงเรียนวดั หัวดงเหนอื หมูํท่ี 11 ต.หัวดง อ.เกา๎ เล้ียว จ.นครสวรรค์ 33. โรงเรยี นวดั เนนิ พยอม หมทํู ี่ 8 ต.หัวดง อ.เก๎าเล้ยี ว จ.นครสวรรค์ 34. โรงเรียนหวั ดงราชพรหมาภรณ์ หมูํที่ 10 ต.หัวดง อ.เก๎าเลยี้ ว จ.นครสวรรค์ แผนปฏบิ ัติการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 20
ข้อมูลการศึกษาของ กศน.อาเภอเก้าเลีย้ ว ข๎อมลู การศึกษาของกศน.อาเภอเก๎าเลย้ี วในรอบปีที่ผาํ นมามจี านวนนักศึกษาท้ังหมด 607 คน แยกตามระดบั ดงั น้ี ภาคเรยี นท2ี่ /2563 -ระดับประถมศึกษา จานวน 15 คน -ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ จานวน 215 คน -ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 377 คน ในการจัดการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ภาคเรียนท่ี 2/2563 มนี ักศึกษาจานวนทลี่ งทะเบียนเรียนท้ังหมด 607 คน มนี กั ศกึ ษาคงอยํู จานวน 607 คน และมผี ๎ูจบหลักสูตรทง้ั หมด 81 คน คิดเปน็ ร๎อยละ 13.34 แยกตามระดบั ดังน้ี -ระดบั ประถมศึกษา จานวน 1 คน -ระดบั มัธยมศึกษาตอนต๎น จานวน 20 คน -ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 60 คน ภาคเรียนที่ 1/256๔ -ระดับประถมศกึ ษา จานวน 6 คน -ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต๎น จานวน 216 คน -ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 337 คน ในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ภาคเรียนท่ี 1/2564 มีนักศึกษาจานวนท่ีลงทะเบียนเรียนท้ังหมด 559 คน มีนักศึกษาคงอยํู จานวน 559 คน และมีผู๎ จบหลักสตู รทัง้ หมด 78 คน คดิ เป็นรอ๎ ยละ 13.95 แยกตามระดับ ดงั น้ี -ระดับประถมศึกษา จานวน - คน -ระดับมัธยมศึกษาตอนตน๎ จานวน 34 คน -ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 44 คน จากข๎อมลู ดังกลาํ วพบวํา มจี านวนผจู๎ บหลักสูตรคํอนข๎างน๎อย ซึ่งสอดคล๎องกับผลการประเมินตนเอง ในมาตรฐานคุณภาพผ๎ูเรียน มีตัวบํงชี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคํอนข๎างต่า สํงผลให๎ผู๎เรียนจบหลักสูตรน๎อย และจากการสรุปผลข๎อมูลผลการดาเนินงานจัดการศึกษาหลักสูตร กศน. พุทธศักราช 2551 พบวํา ผ๎ูเรียน สํวนใหญํเห็นวําเน้ือหารายวิชาของหลักสูตรมีความหลากหลาย ยากตํอการเรียนรู๎ด๎วยตนเองในเวลาอันจากัด เน่ืองจากมีหลายวิชาท่ี ครูไมํมีความชานาญเฉพาะรายวิชา ทาให๎ไมํสามารถสอนได๎ แม๎จะมีการสอนเสริมแตํ หว๎ งเวลาไมํเพยี งพอที่จะเข๎าใจเนื้อหาท้งั หมดสาหรับวิชาท่ียากได๎ ในขณะเดียวกันครูต๎องรับผิดชอบผู๎เรียนตําง ระดับ ตํางความร๎ูพื้นฐาน ผู๎เรียนบางกลํุมไมํสนใจเรียนขาดความรับผิดชอบ และการมาพบกลํุมของผ๎เู รียนไมํ เป็นไปอยํางสม่าเสมอ ทาให๎ครูต๎องจัดทาแผนการสอนท่ีหลากหลาย ออกแบบการเรียนร๎แู ละจัดเตรียมส่ือ ประกอบการเรียนท่ีสอดคล๎องกับผ๎ูเรียนทุกกลุํมทุกรูปแบบซึ่งเป็นเร่ืองยากที่ครูจะสามารถทาได๎ครบถ๎วน สมบูรณ์ จงึ สงํ ผลตอํ คุณภาพของผเ๎ู รียนและผลสมั ฤทธิท์ ค่ี ํอนข๎างตา่ ดังกลําว แผนปฏบิ ตั ิการหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 21
ปัญหาและความตอ้ งการทางการศึกษาของประชาชนทีจ่ าแนกตามลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย ด๎านการรู๎หนังสือ ด๎านการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สายสามัญ และปวช.) ด๎านอาชีพ ด๎าน การพัฒนาทักษะชีวิต ด๎านการพัฒนาสังคมและชุมชน ด๎านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด๎านการศึกษาตาม อธั ยาศยั กลํุมเปูาหมาย ปญั หาและความตอ๎ งการ แนวทางการแก๎ไข กลุํมคนที่ไมรํ ๎ู - สํวนใหญจํ ะเปน็ กลุมํ ผู๎สูงอายจุ ะ - สนับสนุน สงํ เสรมิ การรูห๎ นังสือในรูปแบบ หนังสือ/กลมํุ ประสบในเรอ่ื งปัญหาเร่ืองความจา สาย กจิ กรรม เสริมความจา บริการการอํานทเี่ อื้อตํอ ภาวะการลมื ฯลฯ การเรยี นรู๎ หนังสอื - กลมํุ อายุประมาณ 40-60 ปี ไมํมี - ครูบริการจดั การเรยี นการสอนถงึ บา๎ นหรือ เวลามาเรยี นเพราะต๎องทางานหาเลีย้ ง สถานที่ใกลบ๎ า๎ น มแี สงสวํางเพยี งพอ มีส่ือการ ครอบครัว เรียนการสอนทจี่ ะชวํ ยใหก๎ ลํมุ เปูาหมายสามารถ เรียนร๎ูไดม๎ ากขึน้ กลมํุ วัยเด็ก กลมุํ อายุ 1-14 ปสี ํวนใหญยํ งั อยใํู น - จดั ทากจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทกั ษะชีวิต ความดูแลของพอํ แมํ เรียนการศกึ ษา และการศึกษาเพื่อพฒั นาสงั คมชุมชน เชนํ การ ภาคบงั คับปัญหาทพี่ บคอื เด็กในวัยน่ี เรียนรดู๎ านเพศวถิ ีศึกษา ความรู๎เร่ืองยาเสพติด กาลังเปน็ วยั ทกี่ าลงั เรียนรู๎ บางคน ความรเู๎ ร่อื งในการแกป๎ ญั หาและแนวทางการ ครอบครัวไมไํ ดด๎ แู ลเอาใจใสํอยาํ งใกลช๎ ิด ดาเนนิ ชีวิต เป็นตน๎ ก็ทาใหเ๎ ด็กเหลาํ น้นั หลงผิดไปไดง๎ ําย เพราะวยั นเ้ี ปน็ วัยอยากร๎ูอยากลอง กาลงั ตดิ เพื่อน ทาให๎เรียนไมํร๎เู ร่ืองและ เรยี นไมจํ บ เป็นปัญหาตํอเนื่องไปจนถึง การเรยี นระดบั มัธยมศึกษา กลุมํ เด็กและ - เยาวชนกลมุํ อายุ 15-25 ปี ประสบ - สงํ เสรมิ สนบั สนุน แนะแนว จดั การศึกษานอก เยาวชน ปัญหาการเรยี นไมจํ บการศกึ ษาในระบบ ระบบข้นั พ้ืนฐาน ตามความพรอ๎ มและคุณสมบัติ โรงเรยี นดว๎ ยสาเหตตุ ําง ๆ เชํน ปัญหา ของผเู๎ รียนในแตลํ ะระดบั (วัยเรยี น) ครอบครวั แตกแยก ปญั หาท๎องในวยั เรียน ปัญหาติดเพื่อน ตดิ เกมออนไลน์ - จดั กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพของผเ๎ู รียนในเรื่อง เป็นตน๎ ตาํ ง ๆ ตามคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ อง หลักสตู รและของสถานศึกษาพอเพียง - กลมุํ เปูาหมายเหลาํ นี้เมื่อเข๎ามาเรยี น การศกึ ษานอกระบบฯ ไมมํ ีความ - จัดกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) ซึ่งเปน็ รบั ผิดชอบในหน๎าทขี่ องตนเอง จึงทาให๎ กิจกรรมที่เสริมให๎กบั ผ๎ูเรยี นตามหลกั สตู รฯ สงํ เสริมให๎ผเ๎ู รียนมที ักษะและประสบการณ์ใน แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ประจาปงี บประมาณ 2565 หน๎า 22
กลมํุ เปาู หมาย ปัญหาและความตอ๎ งการ แนวทางการแกไ๎ ข การเรียนไมํประสบผลสาเร็จเทาํ ทีค่ วร การดาเนินชีวติ มีจิตอาสา ชวํ ยเหลือสงั คม เชนํ กิจกรรมทาบุญตักบาตรในวนั สาคัญทางศาสนา พัฒนาหมูบํ า๎ น วัด โรงเรยี น การปลูกปาุ เปน็ ต๎น เปน็ กจิ กรรมเสรมิ จากการเรียนการสอน กลํุมประชากรวยั - กลํมุ นจ้ี ะเป็นกลุํมวยั ทางานสวํ นใหญํ - สงํ เสริมสนบั สนนุ แนะแนว จัดการศึกษานอก แรงงานระหวําง จะประสบปัญหาในเรอ่ื งการไมมํ ีเวลา ระบบขน้ั พ้นื ฐาน ตามความพรอ๎ มและคณุ สมบัติ อายุ 25-59 ปี พฒั นาตนเองในดา๎ นการศึกษาเพราะ ของผเ๎ู รยี นในแตํละระดบั ต๎องทางานหาเลย้ี งครอบครัว - สงํ เสรมิ สนบั สนุนจัดกิจกรรมการศึกษาตํอเน่ือง ไดแ๎ กํ การศึกษาเพอ่ื พฒั นาอาชพี การศึกษาเพื่อ พัฒนาทักษะชีวิต การศึกษาเพ่อื พฒั นาสังคมและ ชมุ ชน และการสร๎างสงั คมแหํงการเรียนรูต๎ าม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อไป สงํ เสรมิ อาชพี ให๎กบั กลมุํ เปูาหมายมอี าชีพ เพ่ิม รายได๎ให๎กับตนเองและครอบครัว และกิจกรรมที่ เสรมิ สร๎างทกั ษะตาํ งๆ ในการดาเนินชีวติ โดยนา หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสกํู ารปฏบิ ตั ใิ ห๎ เกดิ การพัฒนาตนเอง ชมุ ชนเพ่อื สรา๎ งสังคมแหงํ การเรียน รแ๎ู ละการมีคุณภาพชวี ติ ท่ดี ีข้นึ - บริการการศึกษาตามอธั ยาศัย จดั กจิ กรรมการ เรยี นการสอนที่สงํ เสริมการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง คือ การมอบหมายกรต. คือกิจกรรมการเรียนรู๎ ตํอเนอ่ื ง ใหผ๎ เ๎ู รียนไปศึกษาด๎วยตนเองจาก อินเทอร์เนต็ การอํานหนงั สอื การไปถามผู๎ร๎ู หรอื การไปศึกษาจากแหลงํ เรียนรู๎ตาํ ง ๆ การจดั กจิ กรรมสํงเสรมิ การอํานแกํทุกกลมํุ เปูาหมาย ประชาชนในชมุ ชน โดยบ๎านหนังสือชุมชน อาสาสมัครสํงเสริมการอําน เพ่อื ให๎ทุกคนมีนสิ ัย รกั การอาํ น กลํุมผสู๎ งู อายุ - ผ๎สู ูงอายขุ าดความรู๎ความเข๎าใจในการ - จัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตดา๎ น อายุ 60 ปี ดแู ลสขุ ภาพตนเอง การดูแลสขุ ภาพอนามัย การออกกาลังกาย ฯลฯ ขึ้นไป - ผ๎สู งู อายุขาดการดแู ลเอาใจใสํจาก - จดั กิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาอาชีพท่ี แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 23
กลุมํ เปาู หมาย ปญั หาและความตอ๎ งการ แนวทางการแกไ๎ ข กลมํุ ผพู๎ ิการ ครอบครวั เหมาะสมกับผสู๎ งู อายุ เพ่อื ให๎ผ๎สู งู อายุมรี ายได๎ และมีกิจกรรมทาอาจจะทาเป็นกลมํุ หรือเป็น - การสงํ เสรมิ กจิ กรรมสาหรบั ผ๎สู งู อายุ บคุ คลก็ได๎ เชนํ การจกั สาน การทาอาหารขนม ขาดความตํอเน่ือง อาหารเพ่ือสขุ ภาพ ฯลฯ - ปัญหาดา๎ นรํางกายที่พิการไมํสามารถ - สงํ เสริมสนบั สนนุ แนะแนว จัดการศึกษานอก ชํวยเหลอื ตนเองได๎เหมอื นคนปกติ ระบบขน้ั พนื้ ฐาน ตามความพรอ๎ มและคณุ สมบตั ิ - ปัญหาดา๎ นสติปญั ญา ไมสํ ามารถ ของผ๎ูเรียนในแตลํ ะระดบั เรียนร๎ไู ดเ๎ หมือนคนปกติ - จัดกจิ กรรมการศกึ ษาตํอเน่ือง และกจิ กรรม - การยอมรบั ทางสงั คมในเรอ่ื งการศึกษา การศึกษาตามอธั ยาศยั ที่สอดคลอ๎ งกับความ ยังมไี มํมากเทําท่ีควรเพราะครอบครวั คิด ต๎องการและประเภทของความพิการ มีครูสอนผู๎ วาํ พกิ ารไมํต๎องเรยี นเสียเวลา พิการเปน็ ผ๎ูจดั การเรยี นการสอน แบบกงึ่ โฮมสคูล โดยทางานรวํ มกบั ครู กศน.ตาบลในพื้นท่ี - คนพกิ ารขาดความม่ันใจในการเรยี นใน การใช๎ชวี ิตในสังคม ทาให๎คนพกิ ารชอบ เก็บตวั เงยี บอยํูในบ๎าน ตารางวเิ คราะหข์ ้อมูลสภาพปญั หาสาเหตุและแนวทางแก้ไข สภาพปญั หา/ความต๎องการ สาเหตุของปัญหา แนวทางแก๎ไขปัญหา 1. ด้านเศรษฐกิจ 1) ปัญหาหนี้สินในระบบ - ใช๎จํายไมํประหยัด - สร๎างความรคู๎ วามเขา๎ ใจแกชํ ุมชน และนอกระบบ - มีคํานิยมทีผ่ ดิ (วตั ถุนิยม) โดยการสงํ เสรมิ กระบวนการเรียนร๎ู - ไมํมกี ารเก็บออมในครัวเรอื น ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ 2) การวาํ งงานของ พอเพยี งโดยชมุ ชนมีสํวนรํวมคดิ รํวม ประชากรวยั แรงงาน ทา รํวมแกป๎ ัญหา - สภาวะเศรษฐกิจตกต่า การจ๎างงาน - สงํ เสรมิ การประกอบอาชีพเพ่ือการมี ลดลง งานทา เพ่ิมรายได๎ เชํน การฝึกทักษะ อาชพี ระยะสนั้ การรวมกลุํมเพอื่ - ขาดการศึกษาเรียนรู๎หรือการ พฒั นาอาชีพ สงํ เสริมการเรียนรใู๎ ห๎เกิดอาชีพเพ่ือ การมงี านทา และสรา๎ งรายได๎ แผนปฏิบตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเล้ียว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 24
สภาพปญั หา/ความต๎องการ สาเหตุของปัญหา แนวทางแก๎ไขปัญหา 3. ผลผลิตการเกษตรตกตา่ - มีโรคและแมลงรบกวนในพืชไรแํ ละ - สงํ เสรมิ การเรยี นรูก๎ ารทาการเกษตร ต๎นทุนสงู ถกู พอํ ค๎าคนกลาง กดราคา นาขา๎ ว พอเพยี งตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ - มีคาํ ใช๎จํายจากการใช๎ปุย๋ และยาฆาํ พอเพยี ง แมลงในไรํนา - สํงเสริมการทาบญั ชคี รัวเรือนและ - ขาดความร๎ใู นการบริหารจดั การ การรวมกลุํมเกษตรกร และการรวมกลํมุ 4. กลุมํ อาชพี / OTOP/ - คณะกรรมการขาดความร๎ูความ - การอบรมให๎ความรูก๎ ารบรหิ าร กองทุนเศรษฐกจิ ชมุ ชน/ เข๎าใจการบริหารจัดการกลํุม จดั การแกํคณะกรรมการกลํุมอาชพี / วิสหกจิ ชุมชนมปี ัญหาในการ วิสาหกิจชุมชน/กลมุํ กองทนุ ชุมชน บรหิ ารจดั การ - สมาชิกในกลมุํ ขาดความรู๎และ ทักษะจงึ ไมสํ ามารถพัฒนากลํุมให๎ - การศึกษาดงู านกลุํมอาชีพ/วิสาหกจิ 5. การใช๎ทรัพยกรธรรมชาติ เจรญิ กา๎ วหนา๎ ได๎ ชุมชน/กลุมํ กองทนุ เศรษฐกจิ ที่ อยํางคุ๎มคาํ ประสบความสาเรจ็ - พน้ื ทท่ี าการเกษตรมนี ๎อย - สงํ เสรมิ สนบั สนุนการประกอบอาชีพ - รายได๎จากอาชีพเกษตรไมเํ พียงพอ เสรมิ เพม่ิ รายได๎ - ประชาชนยังขาดจติ สานกึ ในการ - จดั กจิ กรรมให๎ความรู๎และอนุรกั ษ์ ดแู ลอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ๎ ม ในชุมชน 2. ด้านสังคม 1.ผส๎ู งู อายุไมํไดร๎ ับการดูแล -ขาดการดูแลเอาใจใสํจากคนใน -สร๎างความรค๎ู วามเข๎าใจแกชํ ุมชน ดา๎ นสขุ ภาพกายและ ครอบครัว ครอบครวั กลํุมเปูาหมาย โดยการจดั สุขภาพจติ กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวิต หรอื พฒั นา -ขาดความรค๎ู วามเข๎าใจในการดูแล สงั คมและชุมชน ได๎แกํ โครงการ สขุ ภาพตัวเอง ครอบครัวอบอํนุ การอบรมให๎ความรู๎ ดา๎ นการดแู ลสุขภาพผู๎สงู อายุ การ สอนราไทเกก๏ เพ่ือสุขภาพผ๎ูสูงอายุ -เพ่ือการพฒั นาและอนุรักษ์ภูมิ -สํงเสรมิ การพัฒนาอาชพี หรือฝกึ 2. ผ๎ูสูงอายุต๎องการพฒั นา ปญั ญาท๎องถ่ิน ทักษะอาชีพแกกํ ลํุมผ๎ูสงู อายตุ ามความ สนใจ แผนปฏิบตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 25
สภาพปัญหา/ความต๎องการ สาเหตุของปัญหา แนวทางแก๎ไขปัญหา อาชีพด๎านการจักสาน -เพื่อรวมกลุํมใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ กิด -สรา๎ งความรูค๎ วามเข๎าใจแกชํ ุมชน ประโยชนแ์ ละมรี ายได๎เสริม ครอบครวั กลํมุ เปาู หมาย โดยการจัด กจิ กรรมพฒั นาทักษะชีวติ หรือพัฒนา 3.เยาวชน มีบตุ รในวัยเรียน -ครอบครัวแตกแยก/ขาดความ สงั คมและชุมชน ไดแ๎ กํ โครงการ และเรยี นไมจํ บ ตดิ ยาเสพติด อบอํุน ครอบครวั อบอุนํ เหลา๎ การพนัน และเกม -สนบั สนุนเด็กและเยาวชนทีไ่ มํจบ คอมพวิ เตอร์ -การเล้ยี งดแู บบวัตถนุ ยิ ม การศกึ ษาภาคบังคบั หรอื ออกกลางคนั เข๎าเรียนตํอการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานนอก 3. ด้านการศกึ ษา -สภาพทางเศรษฐกิจของครอบครวั ระบบ ทาให๎ไมํมโี อกาสเรยี นและบางราย 1.จานวนประชาชนผ๎ูไมํร๎ู เคยเรยี นมานานและไมมํ โี อกาสได๎ -กระตุน๎ /สงํ เสริมสนับสนุนและจดั หนงั สือและลืมหนังสอื อาํ นบอํ ยทาใหล๎ มื หนงั สือได๎ กิจกรรมสํงเสริมการรห๎ู นังสือและ กจิ กรรมสํงเสริมการอํานตามความ ตอ๎ งการในพนื้ ท่ี ตารางวเิ คราะห์การประเมนิ ผลและปญั หาอปุ สรรคการดาเนินงานในรอบปีท่ีผ่านมา ผลการประเมินปัญหาและอุปสรรค แนวทางการพฒั นา 1. การจัดหาหนังสือเรยี นลําช๎าและสือ่ การสอนไมํ 1. การจดั หาหนงั สือเรียนให๎ทนั ตอํ การเรยี นการสอน เพียงพอตํอการจดั การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 2. การจดั หาสอ่ื การเรยี นการสอน ให๎ครอบคลุมทุก รายวิชา 2. หลกั สตู ร กศน. 51 มีเนื้อหาคอํ นข๎างหลากหลาย 3. พฒั นาและปรับปรุงหลกั สูตรหลักสูตร กศน.51 ยากตอํ การเรยี นร๎ูสาหรบั กลมํุ เปูาหมายทม่ี ีวยั และพ้นื ให๎สอดคล๎องกบั สภาพของกลุํมเปูาหมายการศึกษา ฐานความรูท๎ ่ีแตกตาํ ง นอกระบบ 3. ครูมภี ารกจิ คํอนข๎างมากต๎องรบั ผดิ ชอบผเู๎ รียนตําง 4. การจดั ทาชดุ การเรยี นการสอนในแตํละรายวิชาให๎ ระดบั ตาํ งความรู๎พนื้ ฐาน ผเ๎ู รียนบางกลํุมไมสํ นใจเรยี น ผู๎เรยี นไดเ๎ รียนร๎ูด๎วยตนเองโดยมีครชู ํวยเติมเต็มเนื้อหา ขาดความรับผิดชอบ และการมาพบกลุมํ ของผ๎เู รียนไมํ ที่ผ๎เู รยี นไมเํ ข๎าใจ และการจัดทาแบบทดสอบให๎ เปน็ ไปอยาํ งสมา่ เสมอทาใหไ๎ มํสามารถจัดทาแผนการ สอดคล๎องกับเน้ือหาในหนงั สือชดุ วชิ าท่เี รยี น สอนที่มีคุณภาพให๎กับผ๎ูเรยี นทกุ คนไดส๎ ํงผลใหผ๎ เ๎ู รียน แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ียว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 26
ผลการประเมนิ ปัญหาและอุปสรรค แนวทางการพัฒนา มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนจากการประเมินตา่ และมี จานวนผ๎ูจบหลักสตู รนอ๎ ย 4. การดาเนนิ งานจดั การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชพี 5. การจดั สรรงบประมาณให๎สอดคล๎องกบั เปาู หมาย ประสบปญั หาด๎านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ไมํ ของการจัดกิจกรรมท่ีกาหนดใหผ๎ รู๎ ับบรกิ ารสามารถ เพยี งพอในการฝกึ ทกั ษะอยํางตํอเน่ือง ฝกึ ทักษะอาชีพไปสกํู ารประกอบอาชีพไดจ๎ ริง 5. การดาเนนิ งานการศึกษาเพือ่ พัฒนาทักษะชวี ิต 6. การประสานงานขอสนับสนุนงบประมาณจาก และงานการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชนประสบ หนวํ ยงานสํวนทอ๎ งถิน่ ปญั หางบประมาณและวัสดอุ ุปกรณ์ในการดาเนนิ งาน ไมเํ พียงพอ ไมสํ อดคลอ๎ งกบั จานวนกลุมํ เปาู หมาย ผู๎รับบรกิ าร 6. ในชํวงปที ผี่ ํานมา 2563 ประสบปัญหาชวํ ง 7. จัดอบรมใหค๎ วามรกู๎ ับครใู นการจดั ทาหลกั สตู ร โรคติดตอํ โควิด 19 ทาใหก๎ ารจดั กจิ กรรมตําง ๆทต่ี ๎อง ออนไลน์ รวมกลุมํ จดั ได๎ยากต๎องมีการจัดหลักสูตรออนไลน์ ครู บางคนยังขาความร๎ูในการจดั กระบวนการเรยี นการ สอนออนไลน์ รางวัล เกียรตยิ ศ ชื่อเสยี ง และผลงาน/โครงการดีเดน่ ของสถานศึกษา 1. กศน.อาเภอเกา๎ เล้ยี ว ไดร๎ บั การประเมินจากสถานศกึ ษาพอเพียง เปน็ ศูนย์การเรียนรู๎ตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ด๎านการศึกษา ปีการศึกษา 2562 2. กศน.อาเภอเก๎าเล้ียว ได๎รับการคดั เลือกเป็นองค์กรต๎นแบบในการสํงเสริมคณุ ธรรม จากสานกั งาน วัฒนธรรมจงั หวัดนครสวรรค์ ปี 2562 3. กศน.อาเภอเก๎าเล้ียว ไดร๎ ับการคัดเลือกเป็นหนํวยงานต๎นแบบในการสงํ เสริมคุณธรรม จาก สานกั งานวฒั นธรรมจังหวดั นครสวรรค์ ปี 2563 4. กศน.อาเภอเก๎าเลย้ี ว ได๎รับรางวลั กศน.อาเภอดีเดนํ ระดบั กลมุํ อูํข๎าวอํูนา้ ปีงบประมาณ 2562 5. กศน.อาเภอเกา๎ เล้ยี ว ไดร๎ ับรางวลั ชมเชย การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักศกึ ษา กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และ พ.ศ.2563 6. กศน.อาเภอเก๎าเลี้ยว เปน็ องค์กรคณุ ธรรม จากการคดั เลือกคณะกรรมการสงํ เสรมิ คุณธรรม แหํงชาตปิ ระจาปี 2563 7. กศน. อาเภอเกา๎ เลีย้ ว ไดร๎ บั รางวลั ชมเชย การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ เรือ่ ง เคร่อื งชารจ์ โทรศพั ท์มือถือด๎วยพลงั งานแสงอาทติ ย์ และเครือ่ งแปลงพลังงานความร๎อนจากการเผาขยะเป็นพลังงาน ไฟฟูาจากศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ การศกึ ษานครสวรรค์ ในการประกวดระดับพ้นื ท่ี เขตภาคเหนอื ตอนลําง ปี 2564 แผนปฏบิ ตั กิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเล้ยี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 27
8. กศน.อาเภอเก๎าเลี้ยว ได๎รับรางวัลชนะเลิศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การแขํงขันขับร๎องเพลง พระราชนพิ นธ์ (กศน.ชาเลนจ์) ระดบั กลุมํ สานักงาน กศน.จังหวดั กลํมุ อขํู า๎ วอํูนา้ และรองชนะเลิศอนั ดับท่ี 2 ระดบั ภาค ประจาปี 2564 9. กศน.อาเภอเกา๎ เลี้ยว มีผลงาน Best Practice กศน. ในเขตภาคเหนอื ด๎านนวัตกรรมการศึกษาข้ัน พืน้ ฐาน เร่อื ง นวตั กรรมการจัดการศึกษาระบบออนไลน์ KL Medias Learning ชุดการเรียนการสอนออนไลน์ ประจาปี 2564 10. กศน.อาเภอเก๎าเล้ียว เป็น องค์กรคุณธรรมต๎นแบบโดดเดํน จากการคัดเลือกคณะกรรมการ สํงเสริมคุณธรรมแหํงชาติ ประจาปี 2564 11. นางศิริพร สุดเล็ก ผ๎ูอานวยการ กศน.อาเภอเก๎าเลี้ยว ได๎รับการรับรางวัลผ๎ูบริหารดีเดํนด๎าน การสํงเสริมคณุ ธรรมตน๎ แบบ จากจงั หวดั นครสวรรค์ ปี 2562 12. นางศิริพร สุดเล็ก ผ๎ูอานวยการ กศน.อาเภอเก๎าเล้ียว ได๎รับคัดเลือกเป็นผู๎บริหารดีเดํน ระดับจงั หวัด ปี 2563 13. นางศริ ิพร สุดเล็ก ผูบ๎ รหิ ารดเี ดํน ดา๎ นการสงํ เสริม สนับสนุนองค์กรคุณธรรมต๎นแบบ จังหวดั นครสวรรค์ ประจาปี 2563 14. นางศิริพร สุดเล็ก ได๎รับรางวัลชมเชย การประกวดนวัตกรรมการจัดการศึกษาในระบบ ออนไลน์ ประเภทการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน Medias Book ชุดวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ตอนตน๎ จากสถาบนั กศน.ภาคเหนือ ประจาปี 2563 15. นางศิริพร สุดเล็ก ได๎รับรางวัลดีเดํน สาขาผ๎ูอานวยการ กศน.อาเภอ ระดับกลุํมสานักงาน กศน.จังหวดั “กลมํุ อขํู า๎ วอํูนา้ ” และรางวัลท่ี 2 ระดับภาคเหนือ จากสานักงาน กศน. ประจาปี 2563 16. นางสาวณัฐกฤตา ฤทธิ์เทพ ได๎รับรางวัลชมเชยในการประกวดการผลิตส่ือออนไลน์ เรอ่ื ง Media Book จากสถาบนั กศน.ภาคเหนอื ประจาปี 2563 ข้อมลู พนื้ ฐานหอ้ งสมุด รางวัล เกียรตบิ ัตร และผลงานดเี ด่นของห้องสมดุ 1. โครงการเฉลมิ พระเกยี รติ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ปี 2558 2. ห๎องสมุดประชาชนอาเภอ ดีเดนํ ประจาปี 2549 แผนปฏบิ ัติการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 28
จานวนสมาชกิ หอ้ งสมุด ในรอบ 5 ปี งบประมาณที่ผ่านมา ท่ี ปงี บประมาณ จานวนสมาชิก เพมิ่ ขึน้ /ลดลง ชาย หญงิ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 168 250 - 2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพม่ิ ข้นึ 25 3 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 170 273 เพิ่มขน้ึ 34 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 189 285 เพ่มิ ขึน้ 45 5 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 248 342 เพม่ิ ข้ึน 51 6 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 325 462 เพิ่มขน้ึ 55 220 314 รวม 220 314 534 ความรทู้ ่ัวไปเกยี่ วกับองสมุด หอ๎ งสมดุ คือแหลรํ วบรวมทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท ทัง้ ทเ่ี ปน็ วสั ดุตีพิมพ์ วัสดไุ มํตีพมิ พ์ และ สือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ มกี ารคัดเลือกและจดั หาเข๎ามาอยาํ งทันสมัย สอดคล๎องกับความต๎องการและความสนใจของ ผู๎ใช๎ มบี รรณารักษเ์ ปน็ ผ๎ดู าเนินงานและจัดบริการตํางๆ อยํางเปน็ ระบบ ความหมายของห้องสมดุ ประชาชน ห๎องสมุดประชาชน คือ ห๎องสมุดท่ีได๎รบั เงินสนบั สนุนทางการเงินจากรัฐบาลโดยประชาชนเป็นผ๎ูเสยี ภาษีให๎รัฐเพ่อื ให๎บารุงห๎องสมุดเปดิ กวา๎ งแกํประชาชนในท๎องถ่นิ โดยไมํจากดั เพศ วยั เชือ้ ชาติ ศาสนา ความ คดิ เห็นทางการเมือง และ ความรู๎ ห๎องสมดุ บางแหงํ ที่ไมไํ ด๎รบั ความสนบั สนุนทางการเงินจากรัฐบาลแตเํ ปิด บริการแกํประชาชนทัว่ ไปโดยไมํคิดมลู คาํ ก็ถือวําเปน็ หอ๎ งสมุดประชาชนดว๎ ย และกเ็ ปน็ ห๎องสมดุ ท่ีไมํแสวงหา ผลประโยชน์ ตง้ั ข้ึนเพอื่ ให๎ประชาชนเขา๎ ใช๎ และโดยปกติจะได๎รบั เงนิ ทนุ อดุ หนนุ จากรัฐบาล สํวนสมาคม แผนปฏิบัติการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 29
หอ๎ งสมดุ อเมริกันได๎กลาํ วถงึ ความหมายของหอ๎ งสมดุ ประชาชนไวว๎ ํา ถ๎าจะพดู กันถึงความหมายของห๎องสมุด ประชาชนแล๎วเรามกั จะคานึงถงึ ลกั ษณะสาคญั 3 ประการของห๎องสมดุ ประชาชน คอื 1.หอ๎ งสมุดแหงํ นั้นมีหนํวยงานของรัฐบาลเปน็ ผคู๎ วบคุม 2.ได๎รบั เงนิ อุดหนนุ จากรฐั บาลโดยประชาชนเปน็ ผเู๎ สยี ภาษใี หแ๎ กรํ ฐั เพ่ือใช๎บารงุ ห๎องสมุด 3.จะตอ๎ งเปิดให๎ประชาชนทุกเพศทุกวัย เขา๎ ใช๎บริการอยํางเสรี ความสาคัญของห้องสมดุ ประชาชน การศกึ ษาในปจั จบุ ัน มํุงให๎ผเ๎ู รยี นมโี อกาสคน๎ คว๎าหาความร๎ูจากแหลํงเรยี นรอู๎ น่ื ๆ มาประกอบความร๎ทู ี่ ไดร๎ บั จากการเรยี นในชัน้ ผ๎เู รยี นจะตอ๎ งหาความรเู๎ พ่ิมเติมโดยการเขา๎ ใชห๎ ๎องสมดุ เพ่อื คน๎ คว๎าหาความรเู๎ พิ่มขึ้น ความสาคญั ของห๎องสมุดอาจประมวลได๎ ดังนี้ 1. ห๎องสมดุ เปน็ ทร่ี วมของทรพั ยากรสารสนเทศตํางๆ ทผ่ี ๎ใู ช๎สามารถค๎นคว๎าหาความร๎ทู ุกสาขาวิชา ทม่ี ี การเรยี นการสอนในสถาบันการศกึ ษานนั้ 2. หอ๎ งสมดุ เปน็ ทีท่ ่ที ุกคนจะเลือกอาํ นหนงั สือ และคน๎ คว๎าหาความรูต๎ าํ งๆได๎โดยอิสระ ตามความ สนใจของแตํละบุคคล 3. หอ๎ งสมุดชํวยใหผ๎ ใู๎ ช๎ห๎องสมุดพอใจทีจ่ ะอํานหนังสือตาํ งๆโดยไมํรู๎จกั จบสนิ้ เป็นการชวํ ยปลูกฝังนิสยั รกั การอาํ น 4. ชวํ ยให๎ผ๎ใู ชห๎ อ๎ งสมุดมคี วามร๎ูทันสมัยอยเํู สมอ 5. ชํวยใหผ๎ ู๎ใช๎ห๎องสมดุ มีนิสยั รักการคน๎ คว๎าหาความร๎ดู ๎วยตนเอง 6. ชวํ ยให๎ร๎ูจกั ใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ ป็นประโยชน์ 7. ห๎องสมุดจะชํวยใหผ๎ ๎ใู ช๎หอ๎ งสมดุ รับรใ๎ู นสมบตั ิสาธารณะ รจู๎ กั ใชแ๎ ละระวงั รกั ษาอยํางถูกต๎อง วัตถุประสงคข์ องหอ้ งสมดุ ประชาชน ห๎องสมุดทั่วไปมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ ดงั นี้ 1. เพื่อการศึกษา ห๎องสมุดทุกแหํงจะรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศท่ีให๎ความรู๎ เพ่ือบริการแกํผู๎ใช๎ใน การแสวงหาความร๎ู ค๎นคว๎าดว๎ ยตนเองไดต๎ ามตอ๎ งการ 2. เพ่ือความร๎ูขําวสาร ห๎องสมุดจัดหาทรัพยากรสารสนเทศใหมํๆ ท่ีทันสมัย เพ่ือให๎ผ๎ูใช๎ติดตามขําว ความเคลอ่ื นไหวและเหตุการณท์ ี่เกิดขน้ึ ท่วั โลก ทาใหผ๎ ใ๎ู ช๎มคี วามรู๎ใหมๆํ และทันสมยั เสมอ 3. เพ่ือการค๎นคว๎าวิจัย เป็นแหลํงสะสมทรัพยากรสารสนเทศประเภทตํางๆ ท่ีใช๎เป็นข๎อมูลใน การศึกษาคน๎ ควา๎ วจิ ยั ซึง่ เปน็ การแสวงหาองคค์ วามรใู๎ หมํ เพ่อื ความเจรญิ กา๎ วหน๎าในสาขาวชิ าตาํ งๆ 4. เพื่อความจรรโลงใจ ทรัพยากรสารสนเทศบางประเภททาให๎ผู๎ใช๎มีความซาบซึ้งประทับใจท่ีได๎รับ จากการอาํ น ชํวยใหเ๎ กดิ แรงบันดาลใจในทางสร๎างสรรคแ์ ตํส่ิงท่ีดีงาม และเป็นประโยชนต์ ํอสงั คม 5. เพ่ือการพักผํอนหยํอนใจหรือนันทนาการ ห๎องสมุดจะมีทรัพยากรสารสนเทศท่ีให๎ความสนุก บันเทิงใจไว๎บริการ เชํน นิตยสาร นวนิยาย เร่ืองสั้น ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นแหลํงพักผํอนหยํอนใจด๎วยการจัด กิจกรรมตําง ๆ ท่ีชวํ ยใหไ๎ ดร๎ ับความเพลดิ เพลนิ แผนปฏบิ ัตกิ ารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หน๎า 30
ระเบยี บการใช้ห้องสมุดประชาชน 1.เม่อื ใช๎หนงั สือแลว๎ ให๎นาวางไวบ๎ นโตะ๏ หรอื ในทีท่ ี่กาหนดอยํางเป็นระเบียบ 2.แตํงกายใหส๎ ภุ าพเรียบร๎อย เชนํ ไมํสวมกางเกงขาส้นั 3.สารวมกริ ยิ า ไมพํ ดู คุยเสยี งดัง และไมปํ ฏบิ ตั ิตนเปน็ ทีร่ บกวนผู๎อื่น 4.ไมํสูบบุหรีห่ รือนาอาหาร เคร่อื งดื่ม เข๎ามารับประทานในห๎องสมุด 5.ไมํฉกี หรอื กรีดหนังสอื เอกสารและสิ่งพมิ พ์ ทุกชนิดของหอ๎ งสมุด 6.ไมํนาทรพั ยากรห๎องสมดุ ออกจากห๎องสมุดโดยไมยํ ืมอยํางถกู ต๎องตามระเบยี บ 7.ทรัพยากรท่ียืมจากห๎องสมุดควรดแู ลรักษาเปน็ อยาํ งดี ไมํทาลาย หรอื ทาเปรอะเป้ือน 8.ไมํเพิกเฉยตํอการนาทรพั ยากรหอ๎ งสมุดที่ยมื ไปคนื ห๎องสมุดตามเวลาทก่ี าหนด 9.ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บอยาํ งเครงํ ครดั 10.ชวํ ยกนั รกั ษาความสะอาดภายในหอ๎ งสมดุ บรกิ ารหอ้ งสมุดประชาชน งานบริการของห๎องสมุดมีหลายอยําง ข้ึนอยํูกับนโยบายและวัตถุประสงค์ของห๎องสมุด สาหรับ ห๎องสมดุ โรงเรียนโดยทว่ั ไป มดี ังนี้ 1. บรกิ ารการอําน เป็นบริการหลักของห๎องสมุดท่ีจัดหาและคัดเลือกหนังสือ ส่ิงพิมพ์ตํางๆ มาไว๎เพื่อ ให๎บริการ และจัดเตรียมสถานท่ีให๎อานวยความสะดวกตํอการอําน เพื่อตอบสนองความต๎องการ และความ สนใจของผู๎ใชม๎ ากทสี่ ุด 2. บริการยืม – คืน คือบริการให๎ยืม – คืนทรัพยากรสารสนเทศประเภทตํางๆ ตามระเบียบการยืม ของห๎องสมุดแตํละแหํง เพ่ือให๎ความสะดวกในการใช๎ ในกรณีที่ยืมเกินกาหนด ผ๎ูยืมจะต๎องเสียคําปรับตาม อัตราทหี่ อ๎ งสมุด กาหนด 3. บริการหนังสือจอง เป็นบริการท่ีห๎องสมุดจัดแยกหนังสือรายวิชาตําง ๆ ท่ีครูผู๎สอนกาหนดให๎ นักเรียนอํานประกอบ รวมทั้งเป็นบริการพิเศษที่จัดข้ึนในกรณีที่หนังสือนั้นมีจานวนน๎อย แตํมีผู๎ใช๎ต๎องการ จานวนมาก โดยแยกไว๎ตํางหาก และมกี าหนดระยะเวลาให๎ยมื สัน้ กวําหนังสือทวั่ ไป แผนปฏบิ ตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 31
4. บริการแนะนาการใช๎ห๎องสมุด เป็นบริการเพ่ือแนะนาผู๎ใช๎ให๎ทราบวํา ห๎องสมุดจัดบริการอะไรบ๎าง ใหก๎ ับผู๎ใช๎ เชนํ การปฐมนิเทศแนะนาแกํนักเรียนท่ีเข๎าเรียนในช้ันปีแรก ห๎องสมุดสํวนใหญํจะจัดทาคูํมือการใช๎ ห๎องสมดุ เพือ่ ใหข๎ อ๎ มูลเกย่ี วกบั ห๎องสมุด เชํน ประวัติของห๎องสมุด ระเบียบการยืม – คืนทรัพยากรสารสนเทศ มารยาทในการใช๎หอ๎ งสมดุ บรกิ ารและกิจกรรมตาํ งๆของหอ๎ งสมุด เป็นต๎น 5. บริการตอบคาถามและชวํ ยการคน๎ ควา๎ เป็นบรกิ ารท่คี รูบรรณารกั ษ์หรือเจ๎าหน๎าท่ีห๎องสมุด จะชํวย ให๎คาแนะนาและบรกิ ารตอบคาถามแกนํ กั เรียนและผู๎ใช๎ ทั้งคาถามท่ัวไปเกี่ยวกับการใช๎ห๎องสมุด และคาถามท่ี ต๎องค๎นหาคาตอบจากทรพั ยากรสารสนเทศตํางๆในห๎องสมดุ 6. บริการแนะแนวการอําน เป็นบรกิ ารสาคญั ท่หี ๎องสมดุ จัดขน้ึ เพือ่ สงํ เสริมการอําน พัฒนานิสัยรักการ อําน และใชเ๎ วลาวํางให๎เป็นประโยชน์ นอกจากน้ียังเป็นการชํวยเหลือผู๎ใช๎ห๎องสมุดท่ีมีปัญหาในการอําน ผ๎ูท่ีไมํ อยากอาํ น หนงั สอื หรือเลอื กหนงั สอื อาํ นไมเํ หมาะสมกับความต๎องการของตน 7. บรกิ ารสอนการใช๎ห๎องสมุด เป็นบริการของห๎องสมุดในโรงเรียนท่ีจัดสอนให๎แกํนักเรียนท่ีเข๎าเรียน ใหมํในชั้นปีแรก เพ่ือให๎ความรู๎เกี่ยวกับการใช๎ห๎องสมุด การเลือกใช๎ทรัพยากรสารสนเทศแตํละประเภท และ บรกิ าร ตํางๆของหอ๎ งสมดุ ใหผ๎ ๎ูใช๎สามารถใชป๎ ระโยชน์จากห๎องสมดุ ได๎อยํางเต็มท่ี 8. บริการสืบค๎นฐานข๎อมูล เป็นบริการสืบค๎นฐานข๎อมูลหนังสือของห๎องสมุดชํวยให๎ผ๎ูใช๎ สามารถ คน๎ หาหนังสอื ด๎วยตนเองได๎สะดวกรวดเร็วขน้ึ 9. บริการรวบรวมบรรณานกุ รม เปน็ การรวบรวมรายชอ่ื หนงั สือ สาหรับใชป๎ ระกอบการเรียนการสอน ในรายวชิ าตาํ งๆ รวมถงึ การรวบรวมบรรณานกุ รมหนังสอื ใหมปํ ระจาเดือนท่ีห๎องสมุดออกใหบ๎ ริการแกํผ๎ใู ช๎ 10. บริการขําวสารทันสมัย เป็นบริการท่ีชํวยให๎ผู๎ใช๎ห๎องสมุดได๎ทราบข๎อมูลใหมํๆ ในสาขาวิชาตํางๆ โดยการถํายสาเนาหน๎าสารบัญวารสารฉบับลําสุดท่ีห๎องสมุดได๎รับรวบรวมไว๎ในแฟูม เพื่อให๎บริการแกํผู๎ใช๎ใน การศึกษาคน๎ คว๎า 11. บริการอินเทอร์เน็ต ผ๎ูใช๎บริการสามารถสืบค๎นข๎อมูลบนอินเทอร์เน็ตท่ีสนใจได๎ทั่วโลก ซ่ึงทาให๎ ผู๎ใชส๎ ามารถเขา๎ ถึงสารสนเทศที่ทนั สมยั ไดม๎ ากข้ึนตรงตามความต๎องการและสะดวกรวดเร็ว 12. บริการอื่นๆ ท่ีห๎องสมุดอาจจัดข้ึน เชํน บริการโสตทัศนวัสดุ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการห๎องสมุด เคลื่อนที่ บรกิ ารชมุ ชน บริการขอใช๎สถานที่ประชุม เป็นต๎น 12.1 บริการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นบริการค๎นคว๎าหาความรู๎ด๎วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตํางๆ เชํน ส่ือ มัลตมิ เี ดยี ซดี รี อม ดวี ีดี วีซดี ี เป็นตน๎ 12.2 บริการห๎องสมุดเคลื่อนท่ี เป็นบริการการอํานท่ีห๎องสมุดจัดไว๎ตามมุมตํางๆของโรงเรียน เพ่ือ สํงเสรมิ การเรยี นรู๎ เชนํ ใตบ๎ นั ได ระเบยี งอาคาร สวน ศาลา ฯลฯ เป็นการให๎บริการอยํางไมํเป็นทางการ งํายๆ และตกแตํงดว๎ ยธรรมชาติอยาํ งสวยงาม ตามสภาพของสถานท่ีนน้ั ๆ 12.3 บริการชุมชน เป็นบริการท่ีขยายโอกาสทางการศึกษาค๎นคว๎าให๎กว๎างออกไป โดยห๎องสมุดจะ จดั หนงั สือและสิ่งพิมพ์ ไปให๎บริการแกํชุมชนและหนํวยงานตํางๆ รอบโรงเรียน เชํน ที่วัด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จดุ บริการจักรยานยนตร์ ับจ๎าง เปน็ การปลกู ฝังนิสัยรกั การอํานให๎แกํเด็ก และประชาชนในชุมชนทุกเพศ ทุกวัย เพอื่ เพ่ิมพูนความร๎ู ขําวสาร และทันตํอเหตกุ ารณ์ 12.4 บริการขอใช๎สถานที่ประชุม เป็นบริการเพ่ืออานวยความสะดวกให๎แกํฝุายบริหาร และครู- อาจารย์ ในการขอใช๎หอ๎ งสมุดเพื่อประชมุ เฉพาะกลุํมของโรงเรยี น แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ียว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 32
มารยาท และขอ้ ควรปฏิบัตเิ มอ่ื เขา้ ใช้หอ้ งสมุด ห๎องสมุดแตลํ ะแหงํ จะมผี ู๎มาใช๎บริการเป็นจานวนมาก เพื่อความเปน็ ระเบียบเรยี บร๎อยในการใช๎ทรัพยากร สารสนเทศรวํ มกัน ผู๎ใชบ๎ รกิ ารจงึ ควรคานึงถงึ มารยาทและมีคุณธรรมดงั นี้ 1. แตํงกายสุภาพเรียบร๎อย 2. ถอดรองเทา๎ และวางกระเป๋าไวท๎ ช่ี น้ั ฝากกระเปา๋ 3. ไมํเลํน พูดคยุ สํงเสยี งดัง หรอื วิง่ เลํนรบกวนสมาธิคนอื่น 4. ไมนํ าอาหาร ขนม นา้ ด่ืม เข๎ามารับประทานภายในห๎องสมุด 5. ไมนํ ั่งโยกเกา๎ อี้ และเม่อื ลกุ จากเกา๎ อี้ควรสอดเกา๎ อไ้ี ว๎ใตโ๎ ตะ๏ 6. ไมลํ ักขโมย ฉีก ตดั โยน ทาลายหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศอ่ืนๆ เพ่ือยืดอายุ การใชง๎ านใหน๎ านขน้ึ 7. เมอ่ื ใช๎หนังสอื หรือสิง่ พิมพ์ใดเสรจ็ แล๎ว ควรนาไปเก็บทเ่ี ดิมเชํน วารสาร หนงั สือพมิ พ์ สวํ นหนงั สือหากไมํ แนใํ จวาํ จะเก็บเขา๎ ท่ีได๎ถูกต๎อง ควรนาไปวางไวท๎ ีร่ ถเขน็ ท่จี ัดไว๎ให๎ เจา๎ หนา๎ ท่หี อ๎ งสมดุ จะได๎นาไปเกบ็ เข๎าท่ีได๎ ถูกต๎อง 8. ไมนํ าโทรศพั ท์มือถือมาใชใ๎ นหอ๎ งสมดุ 9. ชํวยกันปกปูอง ดูแล รกั ษาสมบตั ิของสวํ นรวม 10.ไมํนาหนงั สอื หรอื ส่ิงพิมพใ์ ดๆ ออกจากห๎องสมุดโดยมิได๎รับอนญุ าต ขอบเขตการใหบ้ รกิ ารของห้องสมดุ บริการห๎องสมุด โครงการกจิ กรรมสํงเสริมการอําน งานการศึกษาตามอธั ยาศยั กิจกรรมหอ๎ งสมดุ เคล่อื นท่ี ฯลฯ 1. โครงการเดก็ ปฐมวยั เรยี นรู๎ สร๎างสรรค์ ปลอดภยั (มุมเดก็ ปฐมวัย) 2. โครงการ New Books Library Delivery 3. โครงการนทิ รรศการวันสาคญั – เหตกุ ารณป์ ัจจบุ นั 4. โครงการหมนุ เวยี นสอ่ื สูํชุมชนเกา๎ เลยี้ ว 5. โครงการบา๎ นหนังสือชมุ ชนเก๎าเลีย้ ว 6. โครงการหอ๎ งสมดุ เคลอ่ื นทส่ี าหรับชาวตลาดเก๎าเล้ียว 7. โครงการอาสาสมคั รสํงเสรมิ การอาํ น 8. โครงการสํงเสรมิ การอาํ นเคล่อื นท่ีสชูํ มุ ชน : (อาเภอเคลอื่ นที่ / จังหวัดเคล่อื นที)่ 9. โครงการวนั เด็กแหํงชาติ หนังสือสาหรับเด็ก ปี 2565 10. โครงการวันรกั การอําน 2 เมษายน 2565 11. โครงการสปั ดาห์ห๎องสมดุ นกั อํานเก๎าเลยี้ ว 12. โครงการเสด็จประภาสต๎น รัชกาลท่ี 5 13. โครงการหอ๎ งสมุดออนไลน์ 14. โครงการเรยี นรู๎รักหอ๎ งสมุด 15. โครงการ Library Delivery เพิ่มอตั ราการอําน และความร๎สู ูํประชาชน แผนปฏิบัตกิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 33
16. โครงการพระราชกรณียกิจศูนย์การเรียนรู๎ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด๎านการศึกษา 17. โครงการทาเนียบแหลงํ เรยี นร๎ู ภูมปิ ญั ญาท๎องถิน่ ปราชญ์ชาวบ๎าน ศูนย์การเรยี นร๎ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงด๎านการศึกษา ทรัพยากรในห้องสมดุ ทรัพยากรสารนิเทศในหอ๎ งสมุด เป็นวสั ดทุ ี่ใช๎ในการบนั ทึกขําวสารความรูต๎ าํ ง ๆ ท้งั ท่ีอยูํในรูปของวัสดุ ตพี มิ พ์ และวสั ดไุ มํตีพิมพ์ วัสดุตีพมิ พ์ในห๎องสมุดแบํงออกเป็น หนังสือ วารสาร นิตยสารหนังสือพิมพ์ จุล สาร และกฤตภาค สาหรับวัสดุไมํตีพิมพ์ แบํงออกเป็นประเภทใหญํ ๆ ได๎แกํ โสตทัศนวัสดุ วัสดุ ยํอสํวน และวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ ทรัพยากรสารนิเทศของห๎องสมุดแตํละประเภทจะมีลักษณะของการ บันทึก การจดั เกบ็ และการนาเสนอขอ๎ มลู ท่ีแตกตํางกันไป ความหมายของทรัพยากรสารนเิ ทศหอ้ งสมดุ ทรัพยากรสารนิเทศห๎องสมุด หมายถึง วัสดุที่ใช๎บันทึกขําวสาร ความรู๎ตําง ๆ ที่มีประโยชน์ตํอการ เสรมิ สรา๎ งสตปิ ัญญา อารมณ์และจติ ใจของมนษุ ย์ ซ่ึงวสั ดุเหลาํ น้ีถูกจดั เก็บรวบรวมไว๎ในหอ๎ งสมุด ประเภททรพั ยากรสารนเิ ทศหอ๎ งสมุด ทรพั ยากรสารนิเทศหอ๎ งสมุด แบํงออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี วสั ดตุ ีพมิ พ์ (Printed Materials) แบํง 1.1 หนังสอื 1.2 วารสาร นติ ยสาร และหนังสอื พิมพ์ (Journals Magazines and Newspapers ) 1.3 จลุ สาร (Phamplet) 1.4 กฤตภาค (Clipping) วัสดุไมํตพี มิ พ์ (Nonprint Materials) แบํงออกเป็น 1 โสตทัศนวัสดุ (Audio Visual Materials) 2 วัสดุยอํ สวํ น (Microforms) วัสดุยํอสํวน (Microforms) คณาจารย์ภาควิชาบรรณารักษ์และสารนิเทศศาสตร์ (2543 :12) ได๎กลําวถึง วัสดุยํอสํวนวํา เป็นวัสดุที่จัดเก็บข๎อมูลโดยถํายภาพส่ิงพิมพ์ต๎นฉบับ จุลสาร (Phamphlets) เป็นสิ่งพิมพ์ท่ี รูปเลํมกะทัดรัด สํวนใหญํจะมีความหนาไมํเกิน 60 หน๎า จัดพิมพ์ข้ึนโดย หนํวยงานตําง ๆ เพื่อมุํงเสนอ ความร๎ูเฉพาะเร่ืองหรือ สาขาวิชาตําง ๆ กฤตภาค (Clippings) หมายถึงขําวสาร ความร๎ู รูปภาพ หรือ บทความตาํ ง ๆ ที่ตดั จากหนังสือพิมพ์ หรอื ส่งิ พมิ พต์ ําง ๆ แล๎วนามาผนึกไวบ๎ นกระดาษโดยระบุแหลํงท่ีมาของ สารน้ัน วัสดุอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials)วัสดุตีพิมพ์ (Printed Materials) วัสดุตีพิมพ์เป็น วัสดุสารนิเทศประเภทแผํนกระดาษ ท่ีใช๎สาหรับการบันทึกข๎อมูล ขําวสารและความรู๎ตําง ๆ ซ่ึง ประกอบดว๎ ย หนังสือ (Book) แบงํ ออกเป็นประเภทตาํ ง ๆ ดังน้ี 1.1 หนังสอื สารคดี (Non-Fiction Books) ประกอบด๎วย 1.1.1 หนังสือตาราวิชาการหรือแบบเรียน (Textbooks) เป็นหนังสือที่ใช๎สาหรับการเรียนการ สอน ตามรายละเอยี ดเน้ือหาวิชาทก่ี าหนดไว๎ในหลักสตู ร แผนปฏบิ ตั ิการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 34
1.1.2 หนังสอื อํานประกอบ (External Readings) เปน็ หนงั สือท่ใี ชอ๎ ํานประกอบในรายวิชาตําง ๆ เพอ่ื ใหผ๎ ู๎เรยี นมคี วามรู๎ทก่ี ว๎างขวางข้ึน 1.1.3 หนังสือความร๎ูทั่วไป (General Readings) เป็นหนังสือท่ีนาเสนอเร่ืองราวท่ัว ๆ ไปหรือ เกย่ี วกบั เรือ่ งใดเร่อื งหน่ึงสาหรบั ผ๎ูทส่ี นใจอาํ นเพ่ือศึกษาหาความร๎ู 1.1.4 หนังสืออ๎างอิง (Reference Books) เป็นหนังสือที่เขียนโดยผ๎ูทรงคุณวุฒิสาขาใดสาขา หนึ่ง เพื่อให๎ผู๎ใช๎ได๎ศึกษาค๎นคว๎าหาคาตอบที่ต๎องการโดยไมํจาเป็นต๎องอํานทั้งเลํมหรือทั้งชุด เชํนหนังสือ สารานกุ รม พจนานกุ รม หนงั สือรายปี เปน็ ต๎น 1.1.5 ปริญญานิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ (Thesis or Dissertations) เป็นหนังสือสาขาวิชาตําง ๆ ท่ีนิสิตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทขึ้นไป) เรียบเรียงข้ึนเพ่ือใช๎เป็นสํวนหน่ึงของการศึกษาตาม หลกั สตู ร 1.1.6 หนังสือคูํมือครูหลักสูตรโครงการสอน แผนการสอนและคํูมือสถาบันการศึกษา ตาํ งๆ เปน็ หนังสอื ที่จัดทาขนึ้ เฉพาะ จะจดั แยกจากหนังสือประเภทอ่ืน ๆ 1.2 หนังสือบันเทิงคดี (Fictions) เป็นหนังสือท่ีเขียนข้ึนเพื่อความบันเทิงแกํผู๎อําน ซ่ึงอาจจะสอดแทรก ความรู๎และข๎อคิดตํางๆ ไว๎ด๎วย หนังสือประเภทน้ีผู๎เขียน เขียนข้ึนจากแนวคิด ประสบการณ์ ตลอดจน จนิ ตนาการของตนเอง แบํงออกเปน็ ประเภทตําง ๆ ดังน้ี 1.2.1 หนังสือนวนิยาย (Fictions) เป็นหนังสือท่ีมีกลวิธีในการดาเนินเร่ืองท่ีนําสนใจ และผูกเป็น เร่อื งราวตํอเนื่อง เนื้อเร่ืองยาวจะแบํงออกเป็นตอน ๆ บางเร่อื งอาจมีหลายเลํมจบหรอื หลายภาค 1.2.2 หนังสือเร่ืองส้ัน (Short Story) เป็นหนงั สือท่จี ะมลี ักษณะคลา๎ ยกบั นวนิยาย แตํจะมีเน้ือเร่ืองส้ัน ๆ ตัวละครไมํมาก มีจุดสาคัญ (ไคลแมกซ์) เพียงจุดเดียว หนังสือเร่ืองสั้น สวํ นมากจะรวมหลายเรอ่ื งเรยี กวาํ รวมเร่ืองสั้น (Short Story Collection) 1.2.3 หนังสือสาหรับเด็กและเยาวชน (Baby Books) เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นสาหรับเด็กและ เยาวชน ใช๎ภาษางําย ๆ อาจสอดแทรกข๎อคิด หรือคาสั่งสอนตําง ๆ สํวนมากจะเป็นแนวคิด หรือ จินตนาการที่เหนือธรรมชาติวารสาร นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ เป็นหนังสือประเภทส่ิงพิมพ์ตํอเน่ือง ที่มี กาหนดออกตามวาระท่ีแนํนอน เชํน รายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือนาเสนอ ขําวสาร ความรทู๎ ท่ี นั สมัย หรือความเคล่ือนไหวใหมํ ๆ สง่ิ พิมพ์ประเภทนี้ประกอบด๎วย 2.1 วารสาร (Periodicals or Journals) เป็นสิ่งพิมพ์ที่มีรายละเอียดเนื้อหาเน๎นหนักทางด๎าน วิชาการ และสาระความร๎ูตําง ๆ 2.2 นิตยสาร (Magazines) เป็นสิ่งพิมพ์ตํอเน่ืองประเภทหน่ึง ท่ีมีเนื้อหามุํงเน๎นทางด๎านบันเทิง และ ประเภทเกร็ดความรู๎ 2.3 หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นส่ิงพิมพ์ท่ีมํุงเน๎นในเรื่องการนาเสนอขําวสาร ความเคลื่อนไหวของ เหตุการณ์ตําง ๆ ที่เกิดข้ึนในปัจจุบัน โดยสํวนใหญํจะมีกาหนดออกเป็นรายวัน บางฉบับอาจเป็นราย สัปดาห์ หนังสือพิมพ์นอกจากจะเสนอขําวสารตําง ๆ แล๎ว ยังนาเสนอบทความ บทวิเคราะห์วิจารณ์ สาระ ความร๎ู และความบันเทิงท่ีทันสมัยอีกด๎วยแล๎วจัดเก็บรวบรวมไว๎ท่ีแฟูม หรือวัสดุอื่น ๆ ท่ีเหมาะสมแกํการ จดั เก็บและการใช๎บริการ แผนปฏิบตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 35
วัสดุไมํตีพิมพ์ (Nonprint Materials) วัสดุไมํตีพิมพ์ เป็นวัสดุสารนิเทศรูปแบบอื่น ๆ ท่ีไมํได๎ หมายถงึ วัสดุประเภทเอกสารส่งิ พิมพ์ แตใํ ช๎สาหรับการบนั ทกึ ข๎อมูล ขําวสาร ความรูต๎ าํ ง ๆ วัสดุประเภทนี้ ประกอบดว๎ ย โสตทัศนวัสดุ (Audio Visual Materials) เป็นสื่อท่ีให๎ข๎อมูล ความร๎ู ขําวสาร แกํผู๎ใช๎โดยผําน ประสาทสมั ผัสทางหู ทางตา ไดแ๎ กํ 1.1 แผํนเสียง (Phonodiscs) และเทปบันทึกเสียง (Phonotapes) เป็นวัสดุท่ีให๎ ขําวสาร ความร๎ู และความบันเทิงตําง ๆ ในรูปของเสียง เชํน บทเพลง สุนทรพจน์ ปาฐกถา คาบรรยาย เนอ้ื หารายวชิ าตําง ๆ 1.2 ภาพยนตร์ (Motion pictures or Films) เป็นส่อื ทใ่ี ห๎ความรูข๎ าํ วสาร ตลอดจนความ บันเทิง ทัง้ ภาพและเสยี ง ทาให๎การเสนอเร่ืองราวนาํ สนใจมากยิ่งข้นึ 1.3 เทปวีดิทัศน์และแผํนวีดิทัศน์ (Videotapes and Videodiscs) เป็นส่ือที่ให๎ความรู๎และความ บันเทิง โดยใช๎ภาพและเสียง 1.4 รูปภาพ (Pictures) เป็นการนาเสนอข๎อมูลเพื่อให๎เข๎าใจเร่ืองราวตําง ๆ ชัดเจนย่ิงขึ้นโดยใช๎ รปู ภาพ ซ่งึ อาจเปน็ ภาพวาด ภาพเขยี น ภาพถาํ ยหรือภาพพิมพก์ ็ได๎ 1.5 แผนท่ีและลูกโลก (Maps and Globes) เป็นวัสดุสารนิเทศท่ีนาเสนอข๎อมูลความร๎ูโดยการ แสดงเขตพ้ืนที่ หรือพ้ืนผวิ โลกในด๎านกายภาพ เชํน การแสดงเขตการปกครองเศรษฐกิจ ฯลฯ 1.6 ภาพเลือ่ น และภาพน่งิ (Filmstrips and Slides) เป็นสือ่ ท่ีนาเสนอข๎อมลู ประเภทภาพโปรํง แสงถํายบนฟลิ ม์ ลกั ษณะของภาพนิง่ จะปรากฏท่ลี ะภาพ สวํ นภาพเลอื่ นจะเป็นภาพตอํ เนอ่ื ง 1.7 แผนภมู ิ (Charts) เปน็ สอื่ ท่นี าเสนอข๎อมลู ประเภทสัญลักษณ์ ตวั เลข ตัวหนงั สือ และ ลายเส๎น ทแ่ี สดงความสัมพันธเ์ ชอื่ มโยงของเร่อื งตําง ๆ แผนภมู ิมีหลายประเภท ได๎แกํ แผนภูมิภาพ แผนภูมิ ตาราง แผนภูมแิ ทงํ ฯลฯ 1.8 แผํนโปรงํ ใส (Transparencies) เป็นสอ่ื ท่นี าเสนอข๎อมูลลงบนแผนํ พลาสติกใส เวลาใช๎จะต๎อง ใช๎ประกอบกับเคร่อื งฉายภาพข๎ามศรีษะ (Overhead Projectors) 1.9 หุํนจาลอง (Models)วัสดุที่ทาจาลองขึ้นแทนของจริง อาจมีขนาดเทําเดิมหรือยํอให๎มีขนาด เล็กลงหรือขยายใหญกํ วาํ ของจรงิ ก็ได๎ 1.10 ของจริงและของตัวอยําง (Reals and Specimens) เป็นสื่อท่ีนาเสนอข๎อมูลตามสภาพ จริง หรือตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ สาหรับของตัวอยํางหมายถึง การนาของจริงมาเป็นเพียง ตัวอยําง เชํน แสตมป์ เหรียญโบราณ แมลงตําง ๆ ฯลฯ ยํอสํวนให๎มีขนาดเล็ก เพราะจะทาให๎จัดเก็บ ได๎มาก แตํเมอ่ื จะใช๎ขอ๎ มลู จะต๎องใช๎เครื่องอาํ นประกอบ 2. วัสดุยอํ สํวนแบํงออกได๎ ดงั นี้ 2.1 ไมโครฟิล์ม (Microfilms) เป็นการถํายข๎อความร๎ู ขําวสารจากเอกสารส่ิงพิมพ์ ลงบนม๎วน ฟิล์มขนาด 16 มม. หรือ 35 มม. แล๎วเก็บรวบรวมม๎วนฟิล์มไว๎เม่ือจะใช๎ต๎องอํานด๎วยเคร่ืองอําน ไมโครฟิล์ม 2.2 ไมโครฟิช (Microfiches) เป็นการถํายข๎อความรู๎ ขําวสาร จากเอกสารส่ิงพิมพ์ ลงบน แผํนฟลิ ์มโปรํงแสงขนาด 3×5 น้ิว 4×6 น้วิ หรอื 5×8 นิ้ว แล๎วอํานด๎วยเคร่อื งไมโครฟชิ แผนปฏิบัติการหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 36
3.วัสดุอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials) เป็นวัสดุท่ีจัดเก็บสารนิเทศในรูปของสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์ ต๎องมีเครื่องแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ให๎เป็นสัญญาณภาพและเสียง วัสดุ อิเล็กทรอนิกส์ แบงํ ออกได๎ ดงั นี้ 3.1 ซดี รี อม (CD-ROM = Compact Dise Read Only Memory) 3.2 แผํนวีดิทัศน์ระบบดจิ ิตอล (DVD = Digital Versatile Dise) 3.3 หนังสอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (Electronic books หรอื E-books) 3.4 วารสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic journals หรอื E-Journals) 3.5 หนังสือพมิ พ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic newspapers หรือ E-newspapers) 3.6 ฐานข๎อมลู (Database) 3.7 ไปรษณยี อ์ ิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail ) 3.8 เคเบลิ ทีวี (Cable Television ) การจัดหมวดหมหู่ นังสือในหอ้ งสมุด การจัดหมวดหมูํหนังสือระบบทศนิยมของดิวอ้ี (Dewey Decimal Classification) เรียก วํา ระบบ D.C. หรือD.D.C. ระบบนี้ต้ังชื่อตามผ๎ูคิดค๎น คือ นายเมลวิล ดิวอี้ ( Melvil Dewey) บรรณารักษ์ชาว อเมริกัน ดิวอี้มีความสนจานห๎องสมุดเป็นพิเศษ ในขณะท่ีเป็นนักศึกษาช้ันปีที่ 3 ในวิทยาลัยแอม เฮิรส์ ต์ ในรฐั แมสซาซเู สตต์ ได๎สมัครเข๎าทางานห๎องสมุดของวิทยาลัยนั้น ในตาแหนํงผู๎ชํวยบรรณารักษ์ ดิวอี้ ได๎ไปดูงานด๎านการจัดหนงั สือให๎สะดวกแกํการใช๎ในห๎องสมุดตํางๆ ถึง 50 แหํง แล๎วจึงได๎เริ่มคิดระบบการ จัดหมวดหมูํแบบทศนิยมขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) ได๎นาเสนอตํอคณะกรรมการ หอ๎ งสมดุ ของวทิ ยาลัยน้นั จดั พมิ พเ์ ป็นรูปเลํมคร้ังแรกเมอื่ ปี ค.ศ. 1876 และไดม๎ ีการปรับปรงุ แก๎ไขเพิ่มเติม เลขหมํูใหท๎ ันสมัยอยํเู สมอ และจัดพิมพ์ใหมํครั้งหลังสุดเม่ือปี พ.ศ. 2534 เป็นการพิมพ์คร้ังที่ 20 ระบบ นี้ใช๎ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์แทนชนิดของหนังสือ โดยใช๎ตัวเลขสามหลัก และยังสามารถใช๎จุดทศนิยมหลังเลข หลักร๎อย ชํวยในการแบงํ ยํอยเน้ือหาวิชาได๎อีกด๎วย ระบบน้ีใช๎งําย เข๎าใจและจาได๎งําย จึงเป็นระบบการจัด หมูํ ท่ีนิยมใชก๎ ันแพรํหลายในหอ๎ งสมุดโรงเรยี น ห๎องสมุดประชาชน ในทุก ๆ ประเทศท่ัวโลกรวมทั้ง ประเทศ ไทยเราดว๎ ย ระบบทศนยิ มของดวิ อ้ี แบงํ หนงั สอื เป็นหมวดหมํใู หญไํ ปหาหมวดยํอย ๆ ดังนี้ หมวดใหญํ (Classes) หรือการแบํงคร้ังที่ 1 คือ การแบํงความร๎ูตําง ๆ ออกเป็น 10 หมวดใหญํ โดยใช๎ ตวั เลขหลกั รอ๎ ยเป็นสญั ลกั ษณ์ ดงั ตอํ ไปนี้ หมวด 000 เบด็ เตล็ด ความรท๎ู ั่วไป บรรณารักษศาสตร์ หมวด 100 ปรัชญา จติ วทิ ยา หมวด 200 ศาสนา หมวด 300 สังคมศาสตร์ หมวด 400 ภาษาศาสตร์ หมวด 500 วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ หมวด 600 เทคโนโลยี หรอื วทิ ยาศาสตรป์ ระยุกต์ หมวด 700 ศลิ ปกรรม และนันทนาการ แผนปฏบิ ตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 37
หมวด 800 วรรณคดี หมวด 900 ภมู ิศาสตรแ์ ละประวัติศาสตร์ การสบื คน้ ข้อมูลในห้องสมดุ \"การสืบค๎นข๎อมูล ถือวําเป็นงานท่ีสาคัญอยํางยิ่งสาหรับการทาโครงงานหรืองานวิจัย เน่ืองจากการ สืบคน๎ ข๎อมลู เป็นจุดเรมิ่ ต๎นของการหาข๎อมลู เก่ียวกบั เรือ่ งท่ีสนใจ\" การสืบค๎นข๎อมูลเป็นจุดเริ่มต๎นของการหาข๎อมูลเกี่ยวกับเร่ืองนักเรียนสนใจ หรือสืบค๎นเพ่ือศึกษา เอกสารการเขียนบทนา เอกสารท่ีเกี่ยวข๎องกับการทาโครงงาน งานวิจัยเพื่อศึกษาและเป็นแนวทางในในเร่ือง ทตี่ นเองจะทา ล๎วนแตตํ อ๎ งใช๎ขอ๎ มูลทั้งน้ัน ซ่ึงแหลํงสืบค๎นข๎อมูลในปัจจุบันมีมากมาย แหลํงสืบค๎นที่ใหญํท่ีสุด ท่ีนักเรียนนิยมเข๎าไปสืบค๎นข๎อมูลและเป็นแหลํงสืบค๎นท่ีสะดวก คือ ห๎องสมุด และอินเทอร์เน็ต อยํางไรก็ ตามแหลํงที่จะได๎มาซ่ึงข๎อมูลนอกจากแหลํงสืบค๎นที่กลําวมาแล๎วยังมีห๎องเรียน เพ่ือน ครูท่ีปรึกษาหรือ แม๎กระทั่ง แหลํงเรียนรู๎รอบตัวของนักเรียนน้ันเอง แตํถึงจะมีแหลํงสืบค๎นข๎อมูลมากมาย แตํถ๎าไมํร๎ูวิธีสืบค๎น หรอื หลักการ เทคนิค กจ็ ะทาให๎ไมํได๎ข๎อมูลตามที่ต๎องการ ดังน้ัน นักเรียนจึงจาเป็นต๎องทราบถึงหลักการและ วิธกี ารสืบค๎นข๎อมูล เพอื่ ทาใหป๎ ระหยัดเวลา งบประมาณ แรงงานในการสบื คน๎ ข๎อมูลดว๎ ย >> แหล่งสบื คน้ ขอ้ มลู << แหลํงสืบค๎นข๎อมูลท่ีนักเรียนปัจจุบันใช๎เป็นประจาคือ ห๎องสมุดและอินเทอร์เน็ต ซึ่งแตํละแหลํง สืบค๎น จะมีแหลํงข๎อมูลให๎สืบค๎นมากมาย และวิธีการสืบค๎นท่ีแตกตํางกัน ดังนั้นเพ่ือให๎เข๎าถึงแหลํงข๎อมูลที่ ต๎องการอยํางแท๎จริง นักเรียนต๎องรู๎วิธีการสืบค๎นเพื่อความสะดวก รวดเร็วและที่สาคัญตรงกับความต๎องการ ของนกั เรยี น ตวั อยาํ งแหลงํ ข๎อมูลทีส่ าคัญที่ใช๎เป็นประจามีดังน้ี วิธกี ารสืบคน้ ขอ้ มลู การนาความร๎เู กย่ี วกับอนิ เทอร์เน็ต มาประยกุ ตใ์ ช๎ในการศึกษาหาความร๎ู ได๎แกํ การสบื คน๎ ขอ๎ มูลทางอินเทอรเ์ นต็ โดยการใช๎งานอนิ เทอรเ์ นต็ เก่ียวกบั การศึกษานจ้ี ะสามารถแบงํ เนอ้ื หาออกเป็น 3 ระดบั ดังน้ี 1. การสบื ค๎นข๎อมูลทางอินเทอร์เนต็ 2. การนาข๎อมูลจากอนิ เทอร์เน็ตมาใชง๎ าน 3. การสร๎างแหลงํ ข๎อมลู ดว๎ ยตนเอง การคน๎ ควา๎ ด๎วยการใช๎ Search Engine การใช๎งานงานอินเทอรเ์ นต็ ท่ีนิยมใชก๎ ันอยาํ งมาก จะได๎แกํการเข๎าเย่ยี มชมเว็บไซตต์ ํางๆ เพื่อหาความรู๎ แตํการเขา๎ เยย่ี มชมน้นั ในกรณีทีเ่ รารว๎ู าํ เวบ็ ไซตเ์ หลําน้นั มชี ่อื วาํ อะไร เนอื้ หาของเว็บ มุงํ เนน๎ เกยี่ วกบั สง่ิ ใด เราสาสามารถทจ่ี ะ เข๎าเย่ยี มชมไดท๎ นั ที่ แตใํ นกรณที ่ีเราไมทํ ราบช่ือเวบ็ เหลาํ นนั้ แตเํ รามีความต๎องการท่ีจะค๎นหาเนอื้ หาบางอยาํ ง มีวธิ ี การจะเข๎าสืบคน๎ ข๎อมลู ได๎ โดยการใชค๎ วามสามารถของ Search Engine แผนปฏบิ ัติการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลยี้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 38
Search Engine จะมีหน๎าท่ีรวบรวมรายช่ือเว็บไซต์ตํางๆ เอาไว๎ โดยจดั แยกเป็นหมวดหมูํ ผ๎ใู ชง๎ านเพยี ง แตํทราบหวั ขอ๎ ที่ต๎องการค๎นหาแลว๎ ปอู น คาหรือข๎อความของหวั ขอ๎ นน้ั ๆ ลงไปในชํองท่ีกาหนด คลกิ ปมุ ค๎นหาเทาํ น้ัน ข๎อมูลอยํางยํอๆ และรายชื่อเวบ็ ไซตท์ เ่ี กีย่ วขอ๎ งจะปรากฏให๎เราเขา๎ ไปศกึ ษาเพิ่มเติมได๎ทันที Search Engine แตลํ ะแหํงมวี ธิ กี ารและการจัดเกบ็ ฐานขอ๎ มูลทแี่ ตกตาํ งกันไปตามประเภทของ Search Engine ที่แตลํ ะเวบ็ ไซต์นามาใชเ๎ ก็บรวบรวมขอ๎ มลู ดังน้ันการทีจ่ ะเข๎าไปหาข๎อโดยวิธีการ Search น้นั อยาํ งน๎อยเรา จะต๎องทราบวาํ เว็บไซต์ทีจ่ ะเข๎าไปใชบ๎ ริการ ใชว๎ ธิ กี ารหรือ ประเภทของ Search Engine อะไร เน่อื งจากแตํละ ประเภทมีความละเอียดในการจดั เก็บข๎อมลู ตํางกันไปการค๎นหาขอ๎ มลู ทางอินเตอรเ์ นต็ ผู๎คนจะนิยมให๎เว็บไซตห์ ลกั ๆ ในการคน๎ หาขอ๎ มูลท่ตี ๎องการ มหี ลกั ๆ 3 เวบ็ ไซตค์ ือ Google (กลู เกล้ิ ) www.google.co.th Yahoo (ยาฮู) www.yahoo.com Bing (บิง้ ค)์ www.bing.com แผนปฏิบัตกิ ารห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 39
ส่วนท่ี 2 ทิศทางการพฒั นาห้องสมุดประชาชนอาเภอเก้าเล้ียว 1. ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) วิสัยทศั น์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังคัง่ ย่ังยนื เป็นประเทศพฒั นาแลว๎ ด๎วยการพัฒนาตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง”และเป็นคติพจน์ประจาชาติวํา “ม่นั คง ม่งั คง่ั ยงั่ ยนื ” เป้าหมายหลกั การพฒั นาให๎คนไทยมีความสุขและตอบสนองตอํ การบรรลุซงึ่ ผลประโยชนแ์ หํงชาตใิ นการท่จี ะพฒั นาคุณภาพ ชีวติ สรา๎ งรายไดร๎ ะดับสูงเปน็ ประเทศพฒั นาแล๎ว และสรา๎ งความสขุ ของคนไทย สังคมมีความมนั่ คง เสมอภาค และเป็นธรรม ประเทศสามารถแขํงขนั ได๎ในระบบเศรษฐกิจ 1. ความมนั่ คง 1.1 การมีความม่นั คงปลอดภยั จากภัยและการเปลีย่ นแปลงท้งั ภายในประเทศและภายนอก ประเทศในทุก ระดบั ทง้ั ระดับประเทศ สังคม ชมุ ชน ครวั เรอื น และปัจเจกบุคคล และมีความมั่นคงในทุกมิติ ท้ังมิติเศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล๎อม และการเมือง 1.2 ประเทศมีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตย มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ท่ีเข๎มแข็ง เป็นศูนย์กลางและท่ียึดเหน่ียวจิตใจของประชาชน ระบบการเมืองมีความมั่นคงเป็นกลไกท่ีนาไปสํู การบรหิ ารประเทศทีต่ อํ เน่ืองและโปรํงใสตามหลกั ธรรมาภิบาล 1.3 สงั คมมีความปรองดองและความสามัคคี สามารถผนึกกาลงั เพื่อพัฒนาประเทศ ชุมชน มีความเข๎มแข็ง ครอบครวั มีความอบอุํน 1.4 ประชาชนมีความม่ันคงในชีวิต มีงานและรายได๎ที่มั่นคงพอเพียงกับการดารงชีวิต มีที่อยูํ อาศยั และความปลอดภัยในชีวติ ทรพั ย์สนิ 1.5 ฐานทรัพยากรและสงิ่ แวดลอ๎ ม มคี วามมัน่ คงของอาหาร พลังงาน และนา้ 2. ความมงั่ คั่ง 2.1 ประเทศไทยมกี ารขยายตวั ของเศรษฐกิจอยํางตํอเน่ือง ยกระดับเป็นประเทศในกลุํมรายได๎สูง ความเหลอื่ มลา้ ของการพฒั นาลดลง ประชากรไดร๎ ับผลประโยชนจ์ ากการพัฒนาอยาํ งเทําเทยี มกันมากข้นึ 2.2 เศรษฐกิจมีความสามารถในการแขํงขันสูง สามารถสร๎างรายได๎ทั้งภายในและภายนอกประเทศ สร๎าง ฐานเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ อนาคต และเป็นจุดสาคัญของการเช่ือมโยงในภูมิภาค ทั้งการคมนาคมขนสํง การ ผลิต การค๎าการลงทุนและการทาธุรกิจ มีบทบาทสาคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก เกิดสายสัมพันธ์ทาง เศรษฐกจิ และการค๎าอยํางมีพลัง 2.3 ความสมบูรณ์ในทุนที่จะสามารถสร๎างการพัฒนาคนอยํางตํอเน่ือง ได๎แกํ ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุน ทางการเงนิ ทนุ ทเ่ี ปน็ เครอื่ งมือเคร่ืองจกั ร ทุนทางสังคม และทนุ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ๎ ม แผนปฏิบตั ิการห๎องสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 40
3. ความย่งั ยืน 3.1 การพัฒนาท่ีสามารถสร๎างความเจริญ รายได๎ และคุณภาพชีวิตของประชาชนให๎เพ่ิมขึ้นอยํางตํอเน่ือง ซง่ึ เป็นการเจริญเตบิ โตของเศรษฐกจิ ที่ไมํใชท๎ รพั ยากรธรรมชาติเกินพอดีไมํสร๎างมลภาวะตํอส่ิงแวดล๎อมจนเกิน ความสามารถในการรองรับและเยียวยาของระบบนเิ วศน์ 3.2 การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรกับสิ่งแวดล๎อม และสอดคล๎องกับกฎระเบียบของประชาคมโลก ซ่ึง เป็นท่ียอมรับรํวมกัน ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมมีคุณภาพดีขึ้น คนมีความ รบั ผิดชอบตํอสงั คม มคี วามเอือ้ อาทร เสียสละเพือ่ ผลประโยชน์สวํ นรวม 3.3 ประชาชนทุกภาคสวํ นในสังคมยึดถือและปฏิบัติตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง พนั ธกิจ 1. ยทุ ธศาสตรด์ ๎านความม่ันคง 1.1 การรกั ษาความสงบภายในประเทศ 1.2 การพฒั นาศักยภาพในการปูองกนั ประเทศ พรอ๎ มรบั มือกับภยั คุกคามท้งั ทางทหาร และภัยคกุ คามอืน่ ๆ 1.3 บูรณาการความรํวมมือกับตํางประเทศท่ีเอื้อให๎เกิดความม่ันคง ความม่ังค่ังทางเศรษฐกิจ ปูองกันภัย คกุ คามขา๎ มชาติ และคุณภาพชวี ติ ของคนในชาติ 1.4 การรกั ษาความมนั่ คง และผลประโยชน์ทางทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละทางทะเล 1.5 การบรหิ ารจดั การความมนั่ คง ใหส๎ อดคลอ๎ งกับแผนงานพฒั นาอน่ื ๆ เพือ่ ชํวยเหลือประชาชน และรํวม พฒั นาประเทศ 2. ยทุ ธศาสตรด์ ๎านการสรา๎ งความสามารถในการแขํงขัน 2.1 การพัฒนาภาคการผลติ และบรกิ าร 2.2 การพฒั นาสังคมผูป๎ ระกอบการ (Entrepreneurial Society) เพอ่ื สร๎างผ๎ปู ระกอบการทางธรุ กิจ 2.3 การพัฒนาปัจจัยสนบั สนนุ และการพัฒนาโครงสร๎างพน้ื ฐาน เพ่ือเพ่ิมขดี ความสามารถในการแขงํ ขนั 2.4 การวางรากฐานที่แข็งแกรงํ เพือ่ สนบั สนนุ การเพิ่มขดี ความสามารถในการแขงํ ขัน 3. ยทุ ธศาสตรด์ ๎านการพฒั นาและเสริมสรา๎ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ 3.1 การปรับเปล่ียนคํานิยม และวัฒนธรรม (Transformation of Culture) เพื่อสร๎างคนไทยท่ีมีคุณภาพ คุณธรรม จรยิ ธรรม มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย 3.2 การพฒั นาศกั ยภาพคนตลอดชวํ งชีวติ 3.3 การปฏริ ูปการเรียนร๎ูแบบพลิกโฉม (Transformation of Learning) 3.4 การพัฒนาและรกั ษากลุํมผม๎ู คี วามสามารถพิเศษ (Talents) 3.5 การเสรมิ สร๎างให๎คนไทยมสี ุขภาวะท่ดี ี 3.6 การสรา๎ งความอยดํู ีมีสขุ ของครอบครัวไทย 4. ยทุ ธศาสตรด์ ๎านการสรา๎ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม 4.1 การสร๎างความม่นั คงทางเศรษฐกจิ และสังคม รวมทัง้ ความมัน่ คงในชีวิตและทรพั ยส์ นิ ของคนทุก กลํมุ ในสังคม 4.2 การสร๎างโอกาสการเข๎าถึงบริการทางสังคมอยาํ งทัว่ ถงึ 4.3 การเสริมสรา๎ งพลงั ทางสงั คม แผนปฏบิ ัติการห๎องสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 41
4.4 การสร๎างความสมานฉันท์ในสงั คม 5. ยทุ ธศาสตร์ด๎านการสรา๎ งการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวติ ทเี่ ปน็ มิตรกบั สิ่งแวดล๎อม 5.1 จดั ระบบอนรุ ักษ์ ฟื้นฟแู ละปอู งกันการทาลายทรัพยากรธรรมชาติ 5.2 วางระบบบรหิ ารจัดการน้าอยาํ งบูรณาการใหม๎ ีประสิทธิภาพใน 25 ลํมุ นา้ ทั้งด๎านอุปสงคแ์ ละอุปทาน 5.3 พฒั นาและใช๎พลงั งานทีเ่ ป็นมิตรกบั สง่ิ แวดล๎อมในทกุ ภาคเศรษฐกิจ 5.4 พฒั นาเมืองอตุ สาหกรรมเชิงนิเวศและเมอื งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดลอ๎ ม 5.5 รํวมลดปญั หาโลกรอ๎ นและปรบั ตวั ใหพ๎ ร๎อมรบั การเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ 5.6 ใชเ๎ ครือ่ งมือทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการคลังเพ่ือสิง่ แวดลอ๎ ม 6. ยุทธศาสตร์ดา๎ นการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ 6.1 การวางระบบบรหิ ารงานราชการแบบบรู ณาการ 6.2 การยกระดบั งานบริการประชาชน และการอานวยความสะดวกของภาครัฐสูคํ วามเป็นเลศิ 6.3 การปรบั ปรงุ บทบาท ภารกิจ และโครงสรา๎ งของหนํวยงานภาครัฐ 6.4 การพัฒนาระบบบริหารจัดการกาลังคนและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ในการปฏิบัติราชการและมีความ เปน็ มอื อาชีพ 6.5 การตอํ ต๎านการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ 6.6 การปรับปรุงแก๎ไขกฎหมาย ระเบยี บ และข๎อบังคับให๎มีความชัดเจน ทันสมัยเป็นธรรม และสอดคล๎อง กับข๎อบังคับสากลหรือขอ๎ ตกลงระหวาํ งประเทศ ยุทธศาสตร์ ประกอบด๎วย 6 ยุทธศาสตร์ ได๎แกํ 1) ยุทธศาสตร์ด๎านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ด๎านการสร๎าง ความสามารถในการแขํงขัน 3) ยุทธศาสตร์ด๎านการพัฒนาและเสริมสร๎างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4) ยุทธศาสตร์ด๎านการสร๎างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ด๎านการสร๎างการเติบโต บนคณุ ภาพชวี ติ ท่ีเปน็ มิตรกบั ส่งิ แวดล๎อม และ 6) ยุทธศาสตร์ด๎านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร จัดการภาครฐั 2. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ (พ.ศ. 2560 – 2579) วิสัยทศั น์ “คนไทยทุกคนได๎รบั การศกึ ษาและเรียนรตู๎ ลอดชีวิตอยํางมีคุณภาพ ดารงชีวิตอยํางเป็นสุข สอดคล๎อง กับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลย่ี นแปลงของโลกสตวรรษท่ี 21” เปา้ หมายของการจดั การศกึ ษา (Aspirations) 5 ประการ 1. ประชากรทุกคนเข๎าถึงการศกึ ษาท่ีมคี ุณภาพและมีมาตรฐานอยาํ งทวั่ ถงึ (Access) 2. ผู๎เรยี นทุกคน ทุกกลํุมเปูาหมายได๎รับบริการการศึกษาท่ีมีคุณภาพตามมาตรฐานอยํางเทําเทียมกัน (Equity) 3. ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผ๎ูเรียนให๎บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality) แผนปฏิบตั กิ ารห๎องสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลยี้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 42
4. ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือการลงทุนทางการศึกษาท่ีคุ๎มคําและบรรลุ เปาู หมาย (Efficiency) 5. ระบบการศึกษาที่สนองตอบและก๎าวทันการเปล่ียนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและบริบทที่ เปลีย่ นแปลง (Relevancy) ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ยุทธศาสตร์และเป้าหมายตามยุทธศาสตร์) ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การจดั การศกึ ษาเพื่อความมั่นคงของสงั คมละประเทศชาติ มีเป้าหมาย ดงั นี้ 1.1 คนทุกชํวงวัยมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ 1.2 คนทุกชํวงวัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต๎และพื้นที่พิเศษได๎รับ การศกึ ษาและเรยี นร๎อู ยํางมคี ณุ ภาพ 1.3 คนทกุ ชํวงวัยได๎รบั การศกึ ษา การดแู ลและปูองกันจากภยั คุกคามในชีวิตรูปแบบใหมํ ยุทธศาสตร์ท่ี 2 : การผลิตและพัฒนากาลังคน การวิจัย และนวัตกรรม เพ่ือสร๎างขีด ความสามารถในการแขงํ ขนั ของประเทศ มเี ปูาหมาย ดังนี้ 2.1. กาลังคนมีทักษะท่ีสาคัญจาเป็นและมีสมรรถนะตรงตามความต๎องการของตลาดงาน และการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ 2.2 สถาบันการศึกษาและหนํวยงานที่จัดการศึกษาผลิตบัณฑิตที่มีความเช่ียวชาญและเป็น เลศิ เฉพาะดา๎ น 2.3 การวจิ ัยและพฒั นาเพือ่ สร๎างองคค์ วามรู๎ และนวัตกรรมทส่ี รา๎ งผลผลติ และมูลคําเพ่ิมทาง เศรษฐกจิ ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 : การพัฒนาศักยภาพคนทุกชวํ งวัย และการสร๎างสงั คมแหํงการเรยี นร๎ู มีเปาู หมาย ดังนี้ 3.1 ผู๎เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพ้ืนฐานของพลเมืองไทย และทักษะและคุณลักษณะท่ี จาเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 3.2 คนทกุ ชํวงวัยมีทักษะ ความร๎ูความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาและ มาตรฐานวชิ าชีพ และพัฒนาคุณภาพชวี ิตไดต๎ ามศกั ยภาพ 3.3 สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนร๎ูตามหลักสูตร อยาํ งมคี ุณภาพและมาตรฐาน 3.4 แหลํงเรียนรู๎ สื่อตาราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู๎มีคุณภาพและมาตรฐาน และ ประชาชนสามารถเข๎าถึงได๎โดยไมจํ ากัดเวลาและสถานที่ 3.5 ระบบและกลไกการวดั การติดตาม และประเมินผลมปี ระสทิ ธิภาพ 3.6 ระบบการผลิตครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา ไดม๎ าตรฐานระดับสากล 3.7 ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษา ได๎รับการพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐาน แผนปฏบิ ัติการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 43
ยุทธศาสตร์ท่ี 4 : การสร๎างโอกาส ความเสมอภาค และความเทําเทียมทางการศึกษา มีเปูาหมาย ดังนี้ 4.1 ผเ๎ู รยี นทกุ คนได๎รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข๎าถึงการศึกษาทม่ี ีคุณภาพ 4.2 การเพิ่มโอกาสทางการศกึ ษาผํานเทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพือ่ การศึกษาสาหรบั คนทุกชํวงวัย 4.3 ระบบข๎อมูลรายบุคคลและสารสนเทศทางการศึกษาท่ีครอบคลุม ถูกต๎องเป็นปัจจุบัน เพื่อการวางแผนการบริหารจัดการศกึ ษา การติดตามประเมนิ และรายงานผล ยุทธศาสตร์ท่ี 5 : การจดั การศึกษาเพื่อสร๎างเสริมคุณภาพชวี ติ ท่ีเป็นมติ รกบั ส่ิงแวดลอ๎ ม มี เปาู หมาย ดงั นี้ 5.1 คนทุกชํวงวัย มีจิตสานึกรักสิ่งแวดล๎อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนาแนวคิดตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสกํู ารปฏิบตั ิ 5.2 หลักสูตร แหลํงเรียนร๎ู และสื่อการเรียนรู๎ที่สํงเสริมคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล๎อม คุณธรรม จรยิ ธรรม และการนาแนวคดิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํการปฏบิ ัติ 5.3 การวิจัยเพื่อพัฒนาองคค์ วามร๎แู ละนวตั กรรมดา๎ นการสร๎างเสรมิ คุณภาพชีวิตทเี่ ป็นมิตรกบั สงิ่ แวดลอ๎ ม ยุทธศาสตรท์ ี่ 6 : การพัฒนาประสทิ ธภิ าพของระบบบรหิ ารจดั การศึกษา มีเปูาหมาย ดังนี้ 6.1 โครงสร๎าง บทบาท และระบบการบรหิ ารจัดการศึกษามีความคลอํ งตวั ชดั เจน และสามารถตรวจสอบได๎ 6.2 ระบบบริหารจดั การศกึ ษามปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลสงํ ผลตอํ คณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา 6.3 ทกุ ภาคสวํ นของสังคมมีสวํ นรวํ มในการจัดการศึกษาทต่ี อบสนองความต๎องการของประชาชนและพ้นื ที่ 6.4 กฎหมายและรูปแบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษารองรับลักษณะท่ีแตกตํางกันของผู๎เรียน สถานศกึ ษา และความตอ๎ งการกาลงั แรงงานของประเทศ 6.5 ระบบบริหารงานบุคคลของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความเป็นธรรม สร๎างขวัญกาลังใจ และสํงเสรมิ ให๎ปฏบิ ัตงิ านไดอ๎ ยาํ งเต็มตามศักยภาพ 3. นโยบายและจดุ เน้นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปงี บประมาณ พ.ศ. 256๕ ด๎วยกระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสาคัญยุทธศาสตร์ชาติด๎านการพัฒนา และเสริมสร๎าง ศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ โดยเฉพาะแผนแมํบทภายใต๎ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอด ชํวงชีวิต การสร๎างสภาพแวดล๎อมที่เอ้ือตํอการพัฒนาและเสริมสร๎างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็กต้ังแตํชํวง การต้ังครรภ์จนถึงปฐมวัย การพัฒนาชํวงวัยเรียน/วัยรุํน การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน รวมถึง การสํงเสริมศักยภาพวัยผู๎สูงอายุ ประเด็นการพัฒนาการเรียนร๎ูท่ีตอบสนองตํอการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และพหุปัญญาของมนุษย์ท่ีหลากหลาย และประเด็นอ่ืนท่ีเกี่ยวข๎อง อาศัยอานาจตามความในมาตรา 8 และมาตรา 12 แหงํ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 รัฐมนตรีวําการ กระทรวงศึกษาธิการ จึงประกาศนโยบายและจุดเน๎นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังนี้ แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลี้ยว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 44
หลกั การตามนโยบาย ประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2565 กระทรวงศึกษาธิการมุํงม่ันดาเนินการภารกิจหลักตามแผนแมํบทภายใต๎ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 – 2580) ในฐานะหนวํ ยงานเจา๎ ภาพขับเคล่อื นทกุ แผนยํอยในประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนร๎ู และแผนยํอยท่ี 3 ในประเด็น 11 ศักยภาพคนตลอดชํวงชีวิต รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศ ด๎านการศึกษา และนโยบายรัฐบาลท้ังในสํวนนโยบายหลักด๎านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู๎ และการพัฒนาศักยภาพคน ตลอดชํวงชีวิต และนโยบายเรํงดํวน เรื่องการเตรียมคนไทยสูํศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการ ขับเคลื่อนแผนแมบํ ทภายใต๎ยุทธศาสตร์ชาตปิ ระเด็นอื่น ๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) นโยบายและแผนระดับชาติวําด๎วยความมั่นคงแหํงชาติ (พ.ศ. 2562 – 2565) รวมทง้ั นโยบายและแผนตําง ๆ ที่เก่ียวข๎อง โดยคาดหวังวําการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชํวงชีวิต จะได๎รับการ พัฒนาการเรียนรู๎ให๎เป็นคนดี คนเกํง มีคุณภาพ และมีความพร๎อมรํวมขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศสํูความ มั่นคง ม่ังคั่ง และยั่งยืน ดังน้ัน ในการเรํงรัดการทางานภาพรวมกระทรวงให๎เกิดผลสัมฤทธ์ิเพื่อสร๎างความ เชื่อมั่นให๎กับสังคม และผลักดันให๎การจัดการศึกษามีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงกาหนดนโยบายประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 ดงั น้ี 1. ปลดล็อก ปรับเปล่ียน และเปิดกว๎าง ระบบการบริหารจัดการและการพัฒนากาลังคน โดยมํุง ปฏิรูปองค์การเพ่ือหลอมรวมภารกิจและบุคลากร เชํน ด๎านการประชาสัมพันธ์ ด๎านการตํางประเทศ ด๎าน เทคโนโลยี ด๎านกฎหมาย ฯลฯ เพอ่ื เพิม่ ประสิทธภิ าพและความเปน็ เอกภาพ รวมทัง้ การนาเทคโนโลยีดิจิทัลเข๎า มาชวํ ยในการบรหิ ารงานและการจัดการศกึ ษา 2. ปลดล็อก ปรบั เปล่ียน และเปิดกว๎าง ระบบการจดั การศึกษาและการเรยี นรู๎ โดยมํุงให๎ครอบคลุมถึง การจดั การศกึ ษาเพื่อคณุ วุฒิ และการเรยี นรตู๎ ลอดชวี ติ ท่สี ามารถตอบสนองการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษที่ 21 3. ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว๎าง ท่ีเป็นเงื่อนไขตําง ๆ เพื่อให๎บรรลุผลตามนโยบายการศึกษายก กาลังสอง (Thailand Education Eco – System : TE2S) การศึกษาท่ีเข๎าใจ Supply และตอบโจทย์ Demand โดยให๎ทุกหนํวยงานพิจารณาวิเคราะห์ข๎อมูลรํวมกันอยํางรอบด๎าน ครบถ๎วน รํวมกันพิจารณาหา แนวทาง ขนั้ ตอน และวิธกี ารดาเนินการรํวมกันแบบบูรณาการการทางานทุกภาคสํวน จดุ เน้นประจาปงี บประมาณ พ.ศ.2565 การพฒั นาและเสรมิ สร้างศกั ยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ 1. ICT (Information and Communication Technologies) เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่ือสาร ประกอบด๎วย 7 เร่ืองยํอย ได๎แกํ (1) Data Center ศูนย์ข๎อมูลกลาง (2) Big Data ข๎อมูลขนาดใหญํ (คลังข๎อมูล การนาข๎อมูลมารวมกัน) (3) Platform (e-library e-learning และ Teaching Resource Platform) (4) e-book (5) e-office e-mail และ document (6) ระบบบริหารจัดการห๎องเรียน School และ Classroom Management และ (7) โครงสรา๎ งพนื้ ฐาน Infrastructure (Internet) 2. การจัดการองค์ความร๎ูและยกระดับทักษะท่ีจาเป็น เน๎นพัฒนาความรู๎และสมรรถนะด๎าน Digital Literacy สาหรบั ผ๎ูเรียนที่มคี วามแตกตาํ งกันตามระดับและประเภทของการจัดการศึกษา เชํน STEM Coding เปน็ ต๎น แผนปฏบิ ตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลีย้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 45
3. การศกึ ษาเพื่อทักษะอาชีพและการมีงานทา พัฒนา 3 ทักษะหลัก ได๎แกํ โลกทัศน์อาชีพ การเสริม ทกั ษะใหมํ (Up Skill) และการเพ่ิมทักษะใหมทํ ีจ่ าเป็น (Re-Skills) ใหแ๎ กํกลุํมเปูาหมาย ประกอบด๎วย (1) ผ๎ูอยูํ ในระบบการศึกษา (การศึกษาข้ันพื้นฐาน และอาชีวศึกษา) (2) ผ๎ูอยูํนอกระบบการศึกษา (3) วัยแรงงาน และ (4) ผู๎สูงอายุ เพอ่ื ใหม๎ ีทกั ษะและสมรรถนะสอดคล๎องกับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลและอาชีพ ที่เกิดขึ้นใหมํ (Digital Disruption) โดยเน๎นเพิ่มบทบาทของ กศน.ในการ Re-Skills ด๎านอาชีวศึกษากับ สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 4. การตํางประเทศ เน๎นภารกิจท่ีต๎องใช๎ความรํวมมือระดับนานาชาติในการจัดหาครูชาวตํางชาติ ให๎แกํสถานศึกษาทุกระดับ ทุกประเภทของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดการศึกษาในสถานศึกษา 2 ด๎านหลัก ๆ ได๎แกํ (1) ดา๎ นภาษาตาํ งประเทศ และ (2) ดา๎ นวิชาการ โดยเฉพาะอาชวี ศึกษา 5. กฎหมายและระเบียบ เน๎นแผนงาน 2 เรื่อง ที่บรรจุอยํูในแผนการปฏิรูปประเทศด๎านการศึกษา ประกอบด๎วย เร่ืองท่ี 1 : การปฏิรูประบบการศึกษาและการเรียนร๎ูโดยรวมของประเทศ โดยพระราชบัญญัติ การศึกษาแหํงชาตฉิ บบั ใหมแํ ละกฎหมายลาดบั รอง มีประเดน็ ปฏริ ูป 5 ประเดน็ ไดแ๎ กํ – การมีพระราชบัญญัติ การศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. …. และมีการทบทวน จัดทา แก๎ไข และปรับปรุงกฎหมายท่ีเก่ียวข๎อง – การสร๎าง ความรํวมมือระหวํางรฐั องค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ินและเอกชน เพ่ือการจัดการศึกษา – การขับเคลื่อนการจัด การศึกษาเพื่อการพัฒนาตนเองและการศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ตลอดชีวิตเพื่อรองรับการพัฒนาศักยภาพคน ตลอดชํวงชีวิต – การทบทวนและปรับปรุงแผนการศึกษาแหํงชาติ – การจัดตั้งสานักงาน คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแหํงชาติ เร่ืองท่ี 6 การปรับโครงสร๎างของหนํวยงานในระบบการศึกษา ประกอบด๎วยประเด็นปฏิรูป 3 ประเด็น ได๎แกํ สถานศึกษามีความเป็นอิสระในการบริหารและจัดการศึกษา พ้ืนทีน่ วัตกรรมการศึกษา การปรับปรุงโครงสรา๎ งของกระทรวงศึกษาธกิ าร 6. ระบบบรหิ ารจัดการและการพัฒนาบุคลากร โดยรวบรวมหลักสูตรวิชาการของแตํละหนํวยงานใน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อไมํให๎เกิดความซ้าซ๎อนในการจัดฝึกอบรมให๎แตํละกลุํมเปูาหมาย และใช๎ ประโยชนจ์ ากสถาบนั พัฒนาท่มี ีอยํแู ล๎ว เชํน สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเป็น หนํวยงานกลางในการจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะสมรรถนะให๎แกํบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ (ผู๎บริหาร หนวํ ยงานทกุ ระดบั ผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท ครู อาจารย์ และบุคลากรอื่น ๆ) รวมทั้งพัฒนา ยกระดับให๎เป็นสถาบนั ฝกึ อบรมระดับนานาชาติ 7. การประชาสัมพันธ์ โดยจัดต้ังศูนย์ประชาสัมพันธ์ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหนํวยงานสังกัด สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดาเนินการผลิตส่ือและจัดทาเนื้อหา (Content) เพ่ือเผยแพรํผลงาน กจิ กรรมและการเขา๎ รวํ มงานตําง ๆ ของทุกหนวํ ยงานในภาพรวมของ กระทรวงศกึ ษาธิการ 8. การพัฒนาเด็กปฐมวัย ดาเนินการขับเคล่ือนนโยบายและแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษาและการ เรยี นรสู๎ าหรับเด็กปฐมวยั 9. การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก โดยการสํงเสรมิ โครงการ 1 ตาบล 1 โรงเรยี นคณุ ภาพ 10. การรับเร่ืองราวร๎องทุกข์ท่ีเกี่ยวข๎องกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยการนาเทคโนโลยีมาใช๎ในการ บริหารจัดการ เชํน การยกระดับตอบรับอัตโนมัติเพื่อแก๎ไขปัญหาเบื้องต๎น (Call Center ด๎านกฎหมาย) การ ว า ง ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พื่ อ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ก า ร รั บ เ รื่ อ ง ร า ว ร๎ อ ง ทุ ก ข์ ใ น ภ า พ ร ว ม ข อ ง กระทรวงศึกษาธกิ ารการ แผนปฏบิ ตั ิการหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เล้ยี ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หน๎า 46
11. การปฏริ ปู องค์การและโครงสร๎างกระทรวงศกึ ษาธิการการ 12. พัฒนาครู ในสาขาวิชาตาํ ง ๆ เพอ่ื ใหม๎ ีมาตรฐานวิชาชพี ท่ีสงู ขน้ึ 13. การศึกษายกกาลังสอง โดย – พัฒนาครูทุกระดับให๎มีทักษะ ความรู๎ที่จาเป็น เพื่อทาหน๎าที่ วทิ ยากรมืออาชีพ (Train The Trainer) และขยายผลการพัฒนาผํานศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็น เลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) – จัดการเรียนร๎ูตลอดชีวิตผําน เว็บไซต์ http://www.deep.go.th โดยปลดล็อกและเปิดกว๎างให๎ภาคเอกชนสามารถเข๎ามาพัฒนาเน้ือหา เพ่ือให๎ผู๎เรียน ครู และผ๎ูบริหารทางการศึกษามีทางเลือกในการเรียนร๎ูที่หลากหลาย และตลอดเวลาผําน แพลตฟอร์มด๎านการศึกษาเพ่ือความเป็นเลิศ (Digital Education Excellence Platform : DEEP) – ให๎ ผู๎เรียน ครู ผู๎บริหารทางการศึกษามีแผนพัฒนารายบุคคลผํานแผนพัฒนารายบุคคลสูํความเป็นเลิศ (Excellence Individual Development Plan : EIDP) – จัดทา “คํูมือมาตรฐานโรงเรียน” เพื่อกาหนดให๎ ทุกโรงเรยี นต๎องมีพน้ื ฐานท่ีจาเป็น การสรา้ งความสามารถในการแข่งขัน - มํุงเน๎นการศึกษาเพ่ือทักษะอาชีพและการมีงานทาด๎วยคุณภาพ โดยสร๎างคํานิยมอาชีวศึกษา และ เติมเต็มชํองวํางระหวํางทักษะ (Full fill Skill Gaps) โดยขยายและยกระดับอาชีวศึกษาทวิภาคีสูํคุณภาพ มาตรฐาน เน๎นรํวมมือกับสถานประกอบการช้ันนา (Tailor-made Curriculum) ขับเคล่ือนความรํวมมือการ จดั การอาชวี ศึกษาระหวํางภาครฐั และภาคเอกชนสํมู าตรฐานนานาชาติ - มํุงเน๎น Re-Skills, Up Skill และ New Skill การฝึกอบรมวิชาชีพระยะส้ัน รวมท้ังผลิตกาลัง แรงงานที่มคี ุณภาพตามความเปน็ เลิศของแตํละสถานศึกษาและตามบริบทของพื้นท่ี เพื่อตอบโจทย์การพัฒนา ประเทศและสถานประกอบการ - มํุงเน๎นพัฒนาศูนย์ประสานงานกลางการผลิตและพัฒนากาลังคนอาชีวศึกษา (TVET Excellence Center) สํูมาตรฐานสากล ผลิตอาชีวะพันธุ์ใหมํ รวมถึงการนานวัตกรรม Digital เพ่ือมํุงสูํการอาชีวศึกษา ดิจทิ ลั (Digital College) - มํุงเน๎นพัฒนาศักยภาพผ๎ูเรียนอาชีวศึกษา ให๎เป็นผู๎ประกอบการ พัฒนาทักษะการเรียนรู๎ผ๎ูเรียนเพื่อ การดารงชีวิตให๎มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21 (Technical Vocational Education and Training : TVET, Student Skill Set) รวมทัง้ ใหค๎ วามรํวมมือในการพัฒนาขีดความสามารถ ของผูเ๎ รียนผํานการฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ในตํางประเทศและการแขงํ ขันในเวทรี ะดบั นานาชาติ - มุํงเน๎นการเพ่ิมปริมาณผู๎เรียนในหลักสูตรอาชีวศึกษา สร๎างภาพลักษณ์สถานศึกษาอาชีวศึกษาเพ่ือ ดึงดูดให๎ผู๎ทสี่ นใจเข๎ามาเรยี น - สนับสนุนให๎สถานศึกษาอาชีวศึกษาบริหารจัดการอยํางมีคุณภาพ และจัดการเรียนการสอนด๎วย เครอื่ งมือปฏิบัติทีท่ ันสมยั การสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา - ขบั เคลอ่ื นพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา ให๎สอดคล๎องกับพระราชบัญญัติพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 แผนปฏิบตั ิการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเกา๎ เลยี้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 47
- สํงเสริมให๎ผู๎เรียนที่ยุติการศึกษา ท้ังกํอนและหลังสาเร็จการศึกษาภาคบังคับให๎ได๎รับโอกาสทาง การศึกษาจนสาเรจ็ การศึกษาภาคบังคบั การจดั การศกึ ษาเพอ่ื สร้างเสรมิ คุณภาพชวี ติ ทเ่ี ป็นมิตรกบั สง่ิ แวดล้อม - เสริมสรา๎ งการรบั ร๎ู ความเข๎าใจ ความตระหนัก และสํงเสริมคณุ ลกั ษณะและพฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ ด๎านสิง่ แวดล๎อม รวมทง้ั การปรบั ตัวรองรบั การเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคต - สํงเสรมิ การพฒั นาส่งิ ประดิษฐแ์ ละนวัตกรรมที่เปน็ มิตรกับส่ิงแวดลอ๎ ม ใหส๎ ามารถเปน็ อาชพี และ สร๎างรายได๎ การพัฒนาการศกึ ษาเพื่อความม่นั คง - เฝาู ระวงั ภัยทุกรูปแบบทเ่ี กดิ ขน้ึ กับผ๎ูเรียน ครู และสถานศึกษา การปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการ - ปฏริ ปู องค์การเพ่อื เพมิ่ ประสทิ ธิภาพ ประสิทธผิ ล และความเปน็ เอกภาพของหนํวยงาน - ปรบั ปรงุ กฎหมาย ระเบียบ ข๎อบังคับ ประกาศตําง ๆ ที่เป็นอุปสรรคและข๎อจากัดในการดาเนินงาน โดยคานงึ ถงึ ประโยชน์ของผู๎เรยี นและประชาชน ตลอดจนกระทรวงศกึ ษาธิการโดยรวม - ยกระดับการประเมินคุณธรรมและความโปรํงใสในการดาเนินงานของหนํวยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ของหนวํ ยงานในสงั กัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร - พัฒนาระบบฐานข๎อมลู ด๎านการศกึ ษา (Big Data) การขับเคลื่อนนโยบายและจดุ เนน้ สู่การปฏบิ ตั ิ 1. ให๎สํวนราชการ หนํวยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ นานโยบายและจุดเน๎น เป็น กรอบแนวทางในการวางแผนและจัดทางบประมาณรายจํายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามท่ี รฐั มนตรวี ําการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารได๎ใหแ๎ นวทางในการบรหิ ารงบประมาณไว๎ 2. ให๎มีคณะกรรมการติดตาม ประเมินผล และรายงานการขับเคล่ือนนโยบายและจุดเน๎นสํู การปฏบิ ตั ิระดับพ้ืนที่ โดยให๎ผู๎ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน สานักงานศึกษาธิการภาคและ สานักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สป. เป็นฝุายเลขานุการและผู๎ชํวยเลขานุการตามลาดับ โดยมี บทบาทภารกิจในการตรวจราชการ ติดตาม ประเมินผลในระดับนโยบาย และจัดทารายงานเสนอตํอ รัฐมนตรีวําการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษา ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ทราบตามลาดับ 3. กรณมี ีปัญหาในเชิงพืน้ ท่ีหรือขอ๎ ขดั ข๎องในการปฏิบตั งิ าน ใหศ๎ ึกษา วิเคราะหข์ อ๎ มลู และ ดาเนินการแก๎ไขปัญหาในระดับพ้ืนที่กํอน โดยใช๎ภาคีเครือขํายในการแก๎ไขข๎อขัดข๎อง พร๎อมทั้งรายงานตํอ คณะกรรมการตดิ ตามฯ ข๎างต๎น ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และรัฐมนตรวี ําการกระทรวงศกึ ษาธิการตามลาดับ แผนปฏบิ ัติการห๎องสมุดประชาชนอาเภอเก๎าเลยี้ ว ประจาปีงบประมาณ 2565 หนา๎ 48
อนึ่ง สาหรับภารกิจของสํวนราชการหลักและหนํวยงานที่ปฏิบัติในลักษณะงานในเชิง หน๎าที่ (Function) งานในเชิงยทุ ธศาสตร์ (Agenda) และงานในเชิงพ้ืนท่ี (Area) ซึ่งได๎ดาเนินการอยูํกํอน เมื่อรัฐบาล หรือกระทรวงศึกษาธกิ ารมนี โยบายสาคญั เพิม่ เตมิ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 นอกเหนือจากท่ีกาหนดหากมี ความสอดคลอ๎ งกบั หลักการนโยบายและจุดเน๎นข๎างต๎น ให๎ถือเป็นหน๎าที่ของสํวนราชการหลักและหนํวยงานที่ เกี่ยวข๎องต๎องเรํงรัด กากับ ติดตาม ตรวจสอบให๎การดาเนินการเกิดผลสาเร็จ และมีประสิทธิภาพอยํางเป็น รูปธรรมด๎วยเชํนกัน นโยบายและจุดเนน้ การดาเนินงาน สานกั งาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕65 สานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ประจาปงบประมาณ พ.ศ.2565 ยุทธศาสตรชาติ 20 ป พ.ศ. 2561 - 2580) ไดกาหนดแผนแมบทประเด็นการพัฒนาศกั ยภาพคนตลอดชวง ชีวิตโดยมีแผนยอยท่ีเกี่ยวของกับการใชการศึกษาเปนเครื่องมือในการขับเคล่ือนไดแก แผนยอยประเด็นการ พัฒนาการเรียนรู และแผนยอยประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชวงชีวิต ท่ีมุงเนนการสรางสภาพ แวดลอมที่เอื้อตอการพัฒนาและเสริมสรางศักยภาพมนุษยการพัฒนาเด็กต้ังแตชวงการต้ังครรภจนถึงปฐมวัย การพัฒนาชวงวัยเรียน/วัยรุน การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงาน รวมถึงการสงเสริมศักยภาพวัยผู สูงอายุ ประเด็นการพัฒนาการเรียนรูที่ตอบสนองตอการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และพหุปญญาของ มนุษยที่หลากหลาย ประกอบกับแผนการปฏิรูปประเทศดานการศึกษา นโยบายรัฐบาลท้ังในสวนนโยบาย หลักดานการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู และการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชวงชีวิต และนโยบายเรงดวนเร่ือง การเตรียมคนไทยสูศตวรรษที่ 21 ตลอดจนแผนพัฒนาประเทศอื่น ๆที่เกี่ยวของ อาทิ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2568) นโยบายและแผนระดับชาติวาดวยความมั่นคงแหงชาติ (พ.ศ. 2562 - 2568) โดยคาดหวังวาการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชวงชีวิต ประชาชนจะไดรับการ พัฒนาการเรียนรูใหเปนคนดี คนเกํงมีคุณภาพ และมีความพรอมรวมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสูความ มั่นคง มั่งค่ังและย่ังยืน และกระทรวง ศึกษาธิการ ไดกาหนดนโยบายและจุดเนน ประจาปงบประมาณ พ.ศ. 2565 ขึ้น เพื่อเปนเข็มมุงของหนวย งานภายใตกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ขบั เคลอื่ นการดาเนินงานใหบรรลุตามวตั ถปุ ระสงคของแผนตาง ๆ ดังกลาว สานักงาน กศน. เปนหนวยงานที่มีภารกิจในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตระหนักถึงความสาคัญของการพัฒนาคนตลอดชวงชีวิต ไดมุงมั่นขับเคล่ือนภารกิจหลักตามแผนพัฒนา ประเทศ และนโยบายและจุดเนนของกระทรวงศึกษาธิการ ท่ีคานึงถึงหลักการบริหารจัดการทั้งในเรื่องหลัก ธรรมาภิบาล หลักการกระจายอานาจ การใชประโยชนจากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การมุง เนนผลสัมฤทธ์ิ และปฏิบัติการดานขอมูลขาวสารการสรางบรรยากาศในการทางานและการเรียนรู ตลอดจน การใชทรัพยากรดานการจัดการศึกษาอยางมีคุณภาพโดยเนนการพัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การศึกษาตํอเน่ือง และการศึกษาตามอัธยาศัยใน 4 ประเด็นใหญ ประกอบดวย การจัดการเรียนรูคุณภาพ การสรางสมรรถนะและทักษะคุณภาพ องคกรสถานศึกษาและแหลงเรียนรูคุณภาพ และการบริหารจัดการคุณภาพ อันจะนาไปสู การสร างโอกาสและลดความเหล่ือมล้าทางการศึกษา การยกระดับคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการใหบริการสาหรับทุกกลุมเปาหมาย และสรางความพึงพอใจให กับผูรับริการ โดยไดกาหนดนโยบายและจุดเนนการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ประจาปงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดงั น้ี แผนปฏิบตั กิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลีย้ ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 49
หลักการ กศน. เพือ่ ประชาชน “กาวใหม กาวแหงคุณภาพ” นโยบายและจุดเนนการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ประจาปงบประมาณ พ.ศ. 2565 1. ดานการจัดการเรียนรูคณุ ภาพ 1.1 นอมนาพระบรมราโชบายสูการปฏิบตั ริ วมทั้งสงเสริมและสนับสนนุ การดาเนนิ งานโครงการ อนั เน่ืองมาจากพระราชดารทิ กุ โครงการ และโครงการอันเก่ยี วเนือ่ งจากราชวงศ 1.2 ขับเคล่ือนการจัดการเรียนรูท่ีสนองตอบยุทธศาสตรชาติและนโยบายของรัฐมนตรีวาการและ รัฐมนตรชี วยวาการกระทรวงศึกษาธิการ 1.3 สงเสริมการจดั การศกึ ษาเพ่ือเสรมิ สรางความมัน่ คง การสรางความเขาใจที่ถูกตองในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย การเรียนรูท่ีปลูกฝงคุณธรรมจริยธรรม สรางวินัย จิตสาธารณะ อุดมการณความยึดม่ัน ในสถาบันหลักของชาติ การเรียนรูประวัติศาสตรของชาติและทองถิ่น และหนาท่ีความเปนพลเมืองที่เขมแข็ง รวมถึงการมีจิตอาสา ผานกิจกรรมตางๆ 1.4 ปรับปรุงหลักสูตรทุกระดับทุกประเภท ท้ังหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้น พน้ื ฐานและหลักสูตรการศึกษาตอเนื่อง ใหสอดรับกับการพัฒนาคน ทิศทางการพัฒนาประเทศ สอดคลองกับ บริบทที่เปล่ียนแปลง ความตองการและความหลากหลายของผูเรียน/ผูรับบริการ รวมถึงปรับลดความ หลากหลายและความซ้าซอนของหลักสูตร เชน หลักสูตรการศึกษาสาหรับกลุมเปาหมายบนพ้ืนท่ีสูง พ้ืนท่ี พเิ ศษและพ้นื ที่ชายแดนรวมท้ังกลุมชาติพนั ธุ 1.5 ปรับระบบทดสอบ วัดผล และประเมินผล โดยเนนการใชเทคโนโลยีเปนเคร่ืองมือใหผูเรียน สามารถเขาถึงการประเมินผลการเรยี นรูไดตามความตองการ เพอื่ การสรางโอกาสในการเรียนรู ใหความสาคัญ กับการเทียบระดับการศกึ ษา และการเทยี บโอนความรูและประสบการณ พฒั นาระบบการประเมินสมรรถนะผู เรยี นใหตอบโจทยการประเมนิ ในระดับประเทศและระดับสากล เชน การประเมินสมรรถภาพผูใหญ ตลอดจน กระจายอานาจไปยงั พืน้ ที่ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู 1.6 สงเสริมการใชเทคโนโลยีในการจัดหลักสูตรการเรียนรูในระบบออนไลนดวยตนเองครบวงจรต้ัง แตการลงทะเบียนจนการประเมินผลเมื่อจบหลักสูตร ท้ังการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การ ศึกษาตอเนอ่ื ง และการศึกษาตามอธั ยาศยั เพ่อื เปนการสรางและขยายโอกาสในการเรียนรูใหกับกลุมเปาหมาย ที่สามารถเรียนรูไดสะดวก และตอบโจทยความตองการของผูเรยี น 1.7 พัฒนา Digital Learning Platform แพลตฟอรมการเรียนรูของสานักงาน กศน. ตลอดจน พัฒนาสื่อการเรียนรูท้ังในรูปแบบออนไลนและออฟไลน และใหมีคลังสื่อการเรียนรูที่เปนสื่อที่ถูกตองตาม กฎหมายงายตอการสบื คนและนาไปใชในการจดั การเรียนรู 1.8 เรงดาเนินการเร่ือง Academic Credit-bank System ในการสะสมและเทียบโอนหนวยกิตเพ่ือ การสรางโอกาสในการศึกษา 1.9 พัฒนาระบบนิเทศการศึกษา การกากับ ติดตาม ทั้งในระบบ On-Site และ Online รวมท้ัง สงเสริมการวิจัยเพื่อเปนฐานในการพัฒนาการดาเนินงานการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัย แผนปฏบิ ัตกิ ารหอ๎ งสมดุ ประชาชนอาเภอเกา๎ เลย้ี ว ประจาปงี บประมาณ 2565 หนา๎ 50
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160