ชือ่ เรอื่ ง แนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ผู้วิจัย กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา สถานศกึ ษา ตามอัธยาศัยอาเภอปง นายรัฐวัฒ นธุ รรม ปกี ารศกึ ษา ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอปง สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดพะเยา สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปกี ารศกึ ษา 2563 บทคดั ย่อ แนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษา อาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพ่ือศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดา้ นกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง 2) เพื่อเสนอแนวทางในการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดา้ นกิจกรรมพัฒนาทกั ษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรยี น ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอปง ประชากรท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ผู้บริหาร ข้าราชการครู ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ ครูศูนย์การเรียนชุมชน ครูผู้สอน คนพิการ ลูกจ้างชั่วคราว จานวน 29 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) กลุ่มท่ี 2 อาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน จานวน 60 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) และกลมุ่ เป้าหมายสาหรบั การสนทนากลุม่ (Focus group) ใชว้ ธิ ีการ เลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection) จานวน 7 คน รูปแบบการวิจัยเชิงสารวจ และวิจัยเชิง ประเมิน โดยใช้รูปแบบการประเมิน CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) ระยะเวลาท่ีใช้ ในการวิจัยคือ ปกี ารศึกษา 2563 เครื่องมือทใี่ ช้ในการวิจยั มีลักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) มี 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 แบบสอบถามแนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดา้ นกิจกรรมพฒั นาทักษะชวี ติ กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรยี น ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง สาหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา จานวน 70 ข้อ มีค่าอานาจ จาแนก อยู่ระหว่าง 0.26 – 0.89 และมีค่าความเชื่อม่ันท้ังฉบับเท่ากับ 0.88 ฉบับที่ 2 แบบสอบถามการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสา ยุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง สาหรับ ยุวกาชาดนอกโรงเรียน จานวน 20 ข้อ มีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง 0.21 – 0.79 และมีค่า ความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) คา่ เฉล่ยี (Mean) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการวจิ ยั พบว่า ๑ ผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ดา้ นบริบท สาหรับครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ๒ ผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ดา้ นปจั จยั นาเขา้ สาหรับครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ๓ ผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ด้านกระบวนการ สาหรับครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ๔ การศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนา ทกั ษะชวี ิตดา้ นผลผลิต สามารถจาแนกได้ดังนี้ 4.1ผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนา ทักษะชีวิต ด้านผลผลิต สาหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา พบว่า ผลการดาเนินงาน ในภาพรวม อยใู่ นระดับ มากทีส่ ุด (μ = 4.58 , = 0.63) 4.2ผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนา ทักษะชีวิต ด้านผลผลิต สาหรับยุวกาชาดนอกโรงเรียน พบว่า ผลการดาเนินงานในภาพรวม อยู่ใน ระดับ มากท่ีสดุ (μ = 4.72 , = 0.59) สรุปผลการศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ในภาพรวมทั้ง 4 ด้าน โดยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด (μ = 4.58, = 0.68) เมื่อพิจารณาโดย เรียงจากค่าเฉลี่ยระดับความเหมาะสมสูงสุด 3 อันดับพบว่า อันดับแรก คือ ด้านผลผลิตโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (μ = 4.65, = 0.61) รองลงมา คือ ปัจจัยนาเจ้าโดยรวม อยู่ในระดับ มากท่ีสุด (μ = 4.58, = 0.71) และด้านกระบวนการโดยรวม ยู่ในระดับมากท่ีสุด (μ = 4.56, = 0.67) ตามลาดับ ส่วนรายข้อท่ีมีค่าเฉล่ียต่าสุด คือ ด้านบริบทโดยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด (μ = 4.52, = 0.71)
๑ บทที่ 1 บทนำ ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของปัญหำ ในสภาพสังคมปัจจุบันของโลกท่ีทุกประเทศมุ่งสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge Based Economy) ประเทศใดที่พลเมืองได้รับการศึกษาอย่างถูกต้องและถูกวิธีก็จะเพิ่มพูนศักยภาพ การผลติ และการบริการ ทาให้หลายประเทศรวมท้ังประเทศไทยหันมาสนใจในการพฒั นาคุณภาพของ ประชาชนเพ่ือให้มีคุณสมบัติพร้อมที่จะดาเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพในการประกอบ กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญาและ มีความสุข สาหรับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ได้เน้นท่ีการพัฒนาคนมาโดยตลอด จะเห็นได้จาก แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.2560 – 2579) ได้กาหนดวิสัยทัศน์ด้านการจัดการศึกษาได้ว่า “…คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดารงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการเปล่ียนแปลงของโลกในศตวรรษท่ี 21…” สอดคล้องกับนโยบายการพฒั นาประเทศ ตามแนวคิดประเทศไทย 4.0 ท่มี ีเป้าหมายในการพัฒนาคน ถือว่าคนเป็นหัวใจสาคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไปสู่ความม่ังคั่ง ม่ันคง และย่ังยืนตาม เปา้ หมายที่ไดก้ าหนดไว้ในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564) หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2555 เป็นการจัดการศึกษาที่มุ่งที่จะพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม สติปัญญา และคุณภาพชีวิตท่ีดี มีทักษะในการดาเนินชีวิตที่ดี สามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน และสังคมได้อย่าง มีความสุข ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มีความภูมิใจในความเป็นไทยและการปกครองตาม ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถบูรณาการความรู้มาใช้ในการ พฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคมและประเทศชาติได้ ประกอบกับเงือ่ นไขของการศึกษาหลักสตู ร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2555 ผู้เรียนจะต้องทากิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) ไม่น้อยกว่า 200 ช่ัวโมงในระหว่าง การเรียนโดยกจิ กรรม กพช. ต้องเปน็ กิจกรรมท่ีส่งเสริมการพฒั นาคุณลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องผ้เู รียน ของสานกั งาน กศน. เพื่อให้คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาในการทางาน รว่ มกันในระบบกลุ่มหรอื รายบคุ คล หรอื ทากิจกรรมร่วมกับสถานศกึ ษา เชน่ กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรม ชมรมอาสายุวกาชาด เปน็ ต้น นอกจากน้ันสานักงาน กศน. ได้กาหนดยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดาเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ กจิ กรรมลกู เสือ ยุวกาชาด ไว้ในเรอื่ งการสร้างอุดมการณ์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์และสร้างค่านิยมที่พึง ประสงค์โดยส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต การสร้างจิตสาธารณะ การต้านยาเสพติด ในรูปแบบกิจกรรมลูกเสือยุวกาชาด ซ่ึงกิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมที่ปลูกฝังผู้เรียนของ สานักงาน กศน. ให้มีระเบียบวินัย คุณธรรมจริยธรรม ในตนเองและมีความเข้าใจในการปฏิบัติ ตอ่ ตนเองและผู้อื่น ไมเ่ ป็นปัญหาของสงั คม ตลอดจนสามารถสร้างจิตอาสาให้เกิดกบั ผู้เรยี นในสังคมท่ี จะชว่ ยเหลอื ผ้อู ่ืน และสง่ ผลทาใหค้ รอบครวั สังคม ชุมชน อยูร่ ว่ มกนั อย่างมีความสุข
๒ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภ อปง จังหวัดพะเยา เป็นสถานศึกษาในสังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพะเยา สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มบี ทบาทหน้าท่ีในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาต่อเนื่อง การศึกษาตามอัธยาศัย และจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีมุ่งพัฒนาองค์รวมของความเป็นบุคคล ที่สมบูรณ์ในทุก ๆ ด้านท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม ให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย มีคุณภาพปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชน์เพ่ือสังคม ส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ท่ามกลางสภาพสังคมปัจจุบันนับเป็นส่ิงท่ียากย่ิง โดยเฉพาะในยุคท่ีสังคมโลกมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วท้ังทางด้านเศรษฐกิจและสังคมท่ีส่งผล กระทบโดยตรงและโดยอ้อมต่อการดาเนินชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย ปัญหาสังคมได้ทวีความซับซ้อน รนุ แรงข้ึนทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความนยิ มฟุ้งเฟ้อ การเลียนแบบ การแพร่ระบาดของยาเสพติด การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ไวรัสโคโรน่า ( โควิด- ๑๙ ) การก่ออาชญากรรม การทาแท้ง การฆ่าตัวตาย การขาดระเบียบวินยั ตลอดจนคณุ ธรรม จริยธรรม ซงึ่ ปัญหาเหลา่ นี้สถานศึกษาต้องใชก้ จิ กรรมพัฒนา ผู้เรียนเป็นกลไกสาคัญในการป้องกันและช่วยเหลือ ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สามารถพัฒนา ศักยภาพของตนให้มีทักษะในการดาเนินชีวิต มีวุฒิทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม รู้จักการเรียนรู้ ในเชิงพหุปัญญา รู้จักคิดตัดสินใจแก้ปัญหาในช่วงวิกฤติ วางแผนการศึกษาต่อและพัฒนาตนสู่อาชีพ และการมีงานทา รวมทั้งดาเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข การที่เด็กและเยาวชนไทยจะได้รับ การพัฒนาให้เป็นคนดี คนเก่ง มีสุข ได้นั้นจะต้องเกิดจากการจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ ที่สามารถตอบสนองความแตกต่างของบคุ คลได้อย่างเหมะสม จะเห็นได้ว่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นสิ่งเติมเต็มหลักสูตร เพ่ือให้ผู้เรียนได้พฒั นาตนเองตาม ศักยภาพ ได้มีโอกาสเข้าร่วมและปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสม ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุขกับกิจกรรม ที่เลือกด้วยตนเองตามความถนัดและความสนใจอย่างแท้จริง และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ผู้เรียนได้ ปฏิบัติก่อให้เกิดพัฒนาการท่ีสาคัญแก่ผู้เรียน คือ การพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ ให้ครบทุก ส่วนทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจึงเป็นแนวทางท่ีสนองนโยบายใน การสร้างเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มรี ะเบียบวินัย และมีคุณภาพ ปลูกฝังและสร้าง จิตสานึกของการทาประโยชน์เพ่ือสังคม ซึ่งสถานศึกษาจะต้องดาเนินการอย่างมีเป้าหมาย มีรูปแบบ และวิธีการที่เหมาะสม ผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาแนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อให้ทราบถึงสภาพและการ ดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดโรงเรียน อนั นาไปสู่การกาหนดแนวทางในการพัฒนาการดาเนินงานกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ด้านกจิ กรรมพัฒนา ทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดโรงเรียน ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภอปงต่อไป
๓ วตั ถุประสงค์ของกำรวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะ ชีวิตกรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภอปง จงั หวดั พะเยา 2. เพ่อื เสนอแนวทางการพัฒนาการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ดา้ นกิจกรรมพฒั นา ทักษะชีวิตกรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั อาเภอปง จงั หวัดพะเยา นยิ ำมศัพท์เฉพำะ ในการนิยามศัพท์ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องแล้วนามาสรุปรวมออกมา เปน็ นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ ดงั น้ี 1. วทิ ยำกร หมายถึง ผทู้ ่ีทาหน้าที่เปน็ ตัวการสาคญั ท่จี ะทาให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรม เกิดความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะ เกิดทัศนคติท่ีดีเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอบรม จนกระทั่งผู้เข้ารับการอบรมเกิดการ เรียนรู้และสามารถจุดประกายความคิด เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรือพฤติกรรมไปตาม วัตถุประสงคข์ องเรื่องหรือวชิ าน้นั ๆ ประกอบดว้ ย ผู้บรรยาย ผสู้ อน ผู้ฝกึ คณะครู บคุ ลากรและพีเ่ ลย้ี ง 2. สถำนศึกษำ หมายถงึ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอปง 3. อำสำยุวกำชำดนอกโรงเรียน หมายถึง นกั ศึกษาท่ีเข้าร่วมกิจกรรมอาสายุวกาชาด หลักสูตรพน้ื ฐานยุวกาชาด 4. ทักษะชีวิต หมายถึง ทักษะภายในท่ีจะช่วยให้สามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึน ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม คุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ เพื่อใหส้ ามารถมชี วี ติ อยใู่ น สังคมได้อย่างมคี วามสุข สามารถดูแลตนเองได้อยา่ งปลอดภัย มีขอบข่ายเน้ือหาท่ีเป็นจุดเน้น 8 เร่ือง คือ 1) ทักษะชีวิตเพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด 2) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เพศศึกษาแกป้ ัญหาเอดส์ 3) ทักษะชีวติ เพอ่ื ส่งเสริมคุณธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 4) ทักษะชวี ติ เพ่ือส่งเสริมอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5) ทกั ษะชีวติ เพอ่ื สง่ เสริมความ ปลอดภัยในชีวติ และทรพั ย์สิน 6) ทกั ษะชีวติ เพือ่ ส่งเสริมสุขภาพกาย – จติ 7) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริม ประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 8) ทักษะชีวติ อ่นื ๆ ส่งผลใหก้ ารดาเนนิ งานกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
4 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ท่เี ก่ยี วข้อง แนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จงั หวัดพะเยา ผู้วจิ ยั ไดศ้ กึ ษาเอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้องและได้นาเสนอตามหวั ข้อต่อไปน้ี 1. แนวคิดเก่ยี วกับกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น กรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน ๒. แนวคิดเก่ยี วกบั กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ ความหมายของทักษะชวี ิต ความสาคัญของการพฒั นาทกั ษะชวี ิต องค์ประกอบของทักษะชวี ิต วิธกี ารพัฒนาทักษะชวี ิต กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวติ ตามนโยบายการจดั การศึกษานอกระบบ ๓. แนวคิดเก่ียวกบั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด หลกั การจดั กจิ กรรมยวุ กาชาด จดุ หมายการจัดกิจกรรมยุวกาชาด แนวทางการจดั กจิ กรรมยวุ กาชาด แนวทางการบรหิ ารหลักสูตรกจิ กรรมยวุ กาชาด แนวทางการพัฒนาอาสายุวกาชาด การจดั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด สาหรับผ้เู รยี นของสานักงาน กศน. ๔. ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอปง ประวตั คิ วามเปน็ มาของสถานศกึ ษา ทิศทางการดาเนินงานของสถานศึกษา ๕. งานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้อง งานวิจัยในประเทศ งานวจิ ัยต่างประเทศ
5 1. แนวคดิ เกีย่ วกับกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน กรอบการจัดกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี น กรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายการจัดการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานสานักงาน กศน. (สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั 2556 : 1-4 ) 1. หลกั การ ตามท่ีรัฐบาลมีนโยบายด้านการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและกระจายโอกาส ทางการศึกษาในสังคมไทย โดยคานึงถึงการสร้างความเสมอภาค ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ ประชากรทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้บกพร่องทางกาย/ทางการเรียนรู้ ชนกลุ่มน้อย โดยสนับสนุนการจัดการศึกษาตามวัยและพัฒนาการอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการจัดการศึกษาชุมชนเพื่อมุ่งให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และการศึกษา ตลอดชวี ติ น้ัน สานักงาน กศน. ได้กาหนดนโยบายด้านการจัดการศึกษานอกระบบ แผนงานสนับสนุน การจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยสนับสนุน 1) ค่าเล่าเรียน 2) ค่าหนังสือเรียน 3) ค่าจัดกิจกรรม พัฒนาคุณภาพผ้เู รยี นอยา่ งทวั่ ถงึ เพ่อื เพ่มิ โอกาสในการรับการศกึ ษาท่ีมีคุณภาพโดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ย เพื่อให้การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและดาเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างมี ประสิทธิภาพสานักงาน กศน. จึงกาหนดกรอบการจัดกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนตามนโยบายการ จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสานักงาน กศน. ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีให้สถานศึกษา จดั เพม่ิ เตมิ จากการเรยี นปกตใิ ห้กับนักศกึ ษา กศน. ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบขัน้ พ้ืนฐาน 2. กรอบการจัดกจิ กรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน เพื่อให้สถานศึกษาไดจ้ ัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมี ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเกิดความคุ้มค่า ประหยัดเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน และทางราชการสูงสุด สานักงาน กศน. จึงไดก้ าหนดกรอบการจัดกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผูเ้ รยี นจานวน 9 กิจกรรมดงั น้ี 2.1กิจกรรมพฒั นาวิชาการ เป็นการจัดกิจกรรมเพอ่ื พัฒนาให้ผู้เรยี นมีพื้นฐานความรู้เพียงพอกับการศึกษาในแต่ ละระดับ และพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการเพ่ิมมากข้ึนในรายวิชา ตามหลักสูตรสถานศึกษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือวิชาอื่น ๆ ตามความต้องการของนกั ศกึ ษา กศน.โดยมรี ูปแบบการดาเนินงาน ดงั น้ี 2.1.1 วทิ ยากรหรือผู้สอนควรเป็นผู้ทม่ี ีความรู้ หรอื ประสบการณใ์ นการสอนวิชาน้ัน ๆ โดยตรง ซง่ึ อาจจะเป็นบุคคลภายนอก หรอื ครูกศน. ไดต้ ามความเหมาะสม 2.1.2 จานวนนักศึกษา กศน. ที่ร่วมกิจกรรมให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหาร สถานศึกษา
6 2.2 กิจกรรมพฒั นาทกั ษะชีวติ เป็นการจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเติมจากการเรียนปกติในสาระทักษะการดาเนินชีวิต หลักสูตรการศึกษานอกระบบขั้นพ้ืนฐาน เน่ืองจากสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วท้ัง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยี มีการแข่งขันและความขัดแย้งมากข้ึน จึงมีความ จาเป็นท่ีสถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมพฒั นาทักษะชีวติ ให้กบั นกั ศกึ ษา กศน. โดยมวี ตั ถุประสงค์หลักคือ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ มีเจตคติ ค่านิยมท่ีถูกต้องและมีทักษะหรือความสามารถพื้นฐานที่จาเป็น ในการเผชิญปัญหาท่ีเกิดข้ึนในชีวิต เช่น ปัญหายาเสพติด โรคติดต่อ การต้ังครรภ์ไม่พึงประสงค์ เพศสัมพันธ์ ทะเลาะวิวาท ครอบครัวแตกแยก ความรุนแรง ภัยพิบัติ ความเครียด ฯลฯ รวมท้ังมี คณุ สมบัติท่พี ึงประสงคใ์ นการอยูร่ ่วมกบั ผู้อนื่ ในสงั คมได้อยา่ งมีความสุขและสามารถนาความรู้จากการ เข้าร่วมกิจกรรมไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม ทักษะชีวิต 10 ประการ (ขององค์การ อนามัยโลก) ที่นักศึกษา กศน. ทุกคนจาเป็นต้องมีคือ 1) ทักษะการตัดสินใจ 2) ทักษะการแก้ปัญหา 3) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 5) ทักษะการสื่อสารอย่างมี ประสิทธิภาพ 6) ทักษะการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อ่ืน 7) ทักษะการตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเอง 8) ทักษะการเข้าใจผู้อื่น 9) ทักษะการจัดการกับอารมณ์ 10) ทักษะการจัดการกับความเครียด สาหรับเน้ือหาที่สถานศึกษาจะนามาใช้ในการฝึกทักษะชีวิตให้กับนักศึกษา กศน. จะมาจากประเด็น ปัญหาทเ่ี กดิ ขึน้ กบั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนสงั คม ด้วยขอบข่ายเนอื้ หาทเ่ี ปน็ จุดเนน้ 8 เรอื่ งคือ 2.2.1 ทักษะชีวิต เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด เช่น จัดกิจกรรมการ เรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ พิษภัยของยาเสพติด เหล้า บุหรี่/ถ้าใช้ยาเสพติดจะเกิดอะไรข้ึน กับตัวเองและคนในครอบครัว / ฝึกกระบวนการตัดสินใจ แก้ปัญหาในสถานการณ์เสี่ยงท่ีจะเข้าไป เกย่ี วข้องกับยาเสพตดิ / พ่อแม่จะทาอย่างไรเมือ่ ลูกตดิ ยา ฯลฯ 2.2.2 ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เพศศึกษาแก้ปัญหาเอดส์ เช่น จัดกิจกรรม การเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิดอย่างวิเคราะห์ถึงโอกาสเสี่ยงที่อาจมีเพศสัมพันธ์ท่ีไม่พร้อมและ ผลกระทบท่ีจะตามมา/ฝึกทักษะการเจรจาต่อรองเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และวธิ กี ารขอความชว่ ยเหลือ ฯลฯ 2.2.3 ทักษะชีวิต เพื่อส่งเสริมคุณธรรมค่านิยมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือฝึกทักษะการปฏิเสธและหาทางออกเมื่อถูกชักชวนไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข / ฝึกทักษะการสอื่ สารและสร้างสมั พันธภาพในเรอื่ งความเสยี สละ มีเมตตากรุณาใหอ้ ภัย / สร้างความ ตระหนักในเร่อื งความขยนั ประหยดั ซือ่ สตั ย์ มีวินยั สะอาด สุภาพ สามคั คมี นี ้าใจ ฯลฯ 2.2.4 ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์เรอื่ งการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างประหยัด เพื่อลดภาวะโลกร้อน / กระบวนการตดั สินใจและแกไ้ ขปญั หาเมือ่ พลังงานขาดแคลน ฯลฯ 2.2.5 ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น จัดกิจกรรม การเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์เรื่องโอกาสเส่ียงท่ีทาให้เกิดภัยอันตรายต่าง ๆ ท้ังอุบัติเหตุ ภยั ธรรมชาติ ก่อการร้าย ถูกทาร้ายรา่ งกาย ถูกล่อลวง การถูกละเมิดสิทธิ / ฝกึ ทักษะการส่ือสารเพื่อ เตือนภัยแจง้ เหตุร้าย การขอความช่วยเหลอื การอพยพ / ฝกึ ทกั ษะการจดั การความเครียดเมื่อประสบ ภัยพบิ ัติ
7 2.2.6 ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย - จิต เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือฝึก ทักษะ การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเอง โดยสารวจพฤติกรรมในชีวิตประจาวันท่ีเป็นการ ส่งเสริมหรือทาลายสุขภาพของตนเอง / วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียเพื่อหาทางเลือกท่ีเหมาะสมในการดูแล สขุ ภาพตนเอง การปรบั ตวั ในสภาวะการแพร่ระบาดของโรคติดตอ่ ฯลฯ 2.2.7 ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองในระบบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่นจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิด อย่างมีวิจารณญาณเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ การมีส่วนรว่ มทางการเมืองของ ประชาชน / ฝึกการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาชุมชนด้วยวิถีทางประชาธิปไตย การตรวจสอบ การเลอื กตง้ั เพื่อใหไ้ ด้ผู้แทนท่สี ามารถทาคุณประโยชนใ์ ห้ชุมชน สังคมได้อย่างมีเหตุผลและอิสระ ฯลฯ 2.2.8 ทักษะชีวิตอื่น ๆ โดยสถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมเนื้อหาอื่น ๆ ได้ตามความ ต้องการ และความสนใจของนักศึกษา กศน. 2.3 กิจกรรมเพ่ือพัฒนาความรคู้ วามสามารถดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) เปน็ กจิ กรรมเพื่อพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีความร้แู ละทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบบการเรียน แบบอิเล็กทรอนิกส์ การแสวงหาความรู้ หรือเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารอย่างรู้เท่าทัน โดยกาหน ด แนวทางให้สถานศึกษาดาเนินการ ดงั นี้ 2.3.1 จัดการเรียนการสอนหลักสูตรคอมพิวเตอร์พ้ืนฐานและสาระสาคัญของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ทยี่ งั ไมม่ ีความร้ตู ามหลกั สูตรคอมพิวเตอร์พนื้ ฐานและจะจบหลกั สูตร กศน.พืน้ ฐานในทกุ ระดบั 2.3.2 จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรคอมพิวเตอร์พ้ืนฐานและสาระสาคัญของ พระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทาความผดิ เก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรอื เทยี บโอนความรู้ โดย 1) เทียบโอนความรู้ โดยการถ่ายทอดเพอ่ื ประเมนิ ความร้สู าหรบั ผู้ท่ีมคี วามรู้อยู่แล้ว 2) จดั การเรียนการสอนเอง 3) จัดการเรียนการสอนร่วมกบั เครอื ขา่ ย 2.3.3 ระยะเวลาจัดการเรียนการสอนไมน่ ้อยกวา่ 40 ช่วั โมงหรอื เทยี บเทา่ 2.4 กจิ กรรมเพ่ือเตรียมความพรอ้ มสู่ประชาคมอาเซียน เป็นการจัดกิจกรรมเพ่ือเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนในการเข้าสู่ประชาคม อาเซียนในปี พ.ศ. 2558 ในด้านการศึกษาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ความม่ันคง และ การเมือง ประกอบด้วยกจิ กรรมต่าง ๆ ดังน้ี 2.4.1 กิจกรรมรู้จักประชาคมอาเซียน ความเป็นมา ชื่อประเทศ อย่างเป็นทางการ ทตี่ ้ังและอาณาเขต ฯลฯ 2.4.2 กิจกรรมพัฒนาการศึกษา การเรียนภาษาเพ่ือการส่ือสาร เช่น ภาษาอังกฤษ จีน มาเลย์ ตากาล็อก (ฟลิ ิปปนิ ส์) อนิ โดนเี ซยี พมา่ เวียดนาม เขมรและลาว 2.4.3 กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนอุตสาหกรรม แรงงาน สนิ คา้ สง่ ออก และนาเข้าจากประเทศไทย ทรัพยากรการคมนาคม แหล่งท่องเท่ียว ฯลฯ
8 2.4.4 กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านสังคม ชาติพันธ์ศิลปะและวัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ความเช่อื ฯลฯ 2.4.5 กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านความมั่นคงและปัญหาข้อพิพาท / ผลประโยชน์ กบั ประเทศไทย 2.4.6 กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเมืองการปกครอง ได้แก่ ประชาธิปไตย สงั คมนยิ มสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเผด็จการ 2.5 กิจกรรมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติศาสน าและสถาบั น พระมหากษตั ริย์ เป็นการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาและส่งเสริมสนับสนนุ ให้ผู้เรียนได้แสดงออกถงึ ความ จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์มีความภาคภูมิใจในความเป็น ไทย รักชาติและ รักอธิปไตยของไทยทานุบารุงและปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนาที่นับถือ การส่งเสริมโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดาริ การเทดิ ทนู และปกปอ้ งสถาบันพระมหากษตั รยิ ์และพระบรมวงศานุวงค์ 2.6 กจิ กรรมการเรียนร้ดู ้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจเร่ืองปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีโดยอาศัยความรอบรู้ และระมัดระวัง ในการนาความรู้มาใช้ในการวางแผนดาเนินงาน และมีสานึกในคุณธรรม ซ่ือสัตย์ สุจริตมีความขยันมันเพียร มานะอดทน ใช้สติและปัญญาในการดาเนินชีวิตด้วยความรอบคอบ โดย สามารถนามาประยุกต์ให้เกิดผลในทางปฏิบัติในการดารงชวี ิตประจาวัน ทั้งต่อตนเองครอบครัว และ ชุมชนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล 2.7 กิจกรรมลูกเสือและกจิ กรรมอาสายวุ กาชาด เป็นกิจกรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตอาสา มีความ เสยี สละในการชว่ ยเหลือผ้อู น่ื สงั คมและชมุ ชน โดยดาเนินการรว่ มกับสานักงานลูกเสือแห่งชาติ สานัก กิจการลกู เสอื และยุวกาชาดกระทรวงศึกษาธิการ สโมสรลูกเสอื และสานกั งานยุวกาชาดสภากาชาดไทย 2.7.1 การเปิดกองลูกเสือ กศน. เป็นการจัดกิจกรรมลูกเสือให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา 2.7.2 การจัดต้ังชมรมอาสายุวกาชาดและการจัดกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ตาม นโยบายด้านกจิ กรรมอาสายุวกาชาดสานกั งาน กศน. 2.8 กจิ กรรมด้านกฬี าและส่งเสรมิ สขุ ภาพ เป็นการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาผู้เรียนได้มีโอกาสออกกาลังกายและเล่นกีฬาเพื่อ สุขภาพพลานามัยท่ีดี สร้างนิสัยความมีน้าใจเป็นนักกีฬาและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นการ สร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะให้รู้จักรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย และเป็นการสร้างสัมพันธ์ภาพอันดี ระหว่างนักศึกษา กศน. ครู กศน. บุคลากรทางการศึกษา พนักงานราชการ ข้าราชการพลเรือน ครู และผู้บริหารหนว่ ยงาน / สถานศึกษา
9 2.9 กจิ กรรมเสริมสร้างความสามารถพเิ ศษ เป็นกิจกรรมเพ่ือพัฒนาผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ หรือมีพรสวรรค์ใน ด้านต่าง ๆ ให้มีโอกาสและกล้าแสดงออกถึงทักษะความรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และ จนิ ตนาการในแนวทางท่ีถูกต้องเหมาะสม และพัฒนาความสามารถพิเศษหรือพรสวรรค์นี้ไปใช้ประโยชน์ ตอ่ การจัดการตนเอง และสง่ เสริมสนบั สนนุ การศกึ ษาตลอดชวี ิตของสานกั งาน กศน.ต่อไป 3. รูปแบบของกิจกรรม 3.1 แบบการจัดค่ายวชิ าการ คา่ ยกจิ กรรม ท้ังคา่ ยไป -กลับ และค่ายคา้ งคนื 3.2 แบบชั้นเรียนโดยครู กศน. หรือวิทยากรที่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการสอน วชิ าน้นั ๆ เปน็ ผู้จดั กจิ กรรมหรือร่วมกับเครือขา่ ย 3.3 แบบศกึ ษาดงู าน ในพนื้ ท่ีใกล้เคียงหรือภายในจังหวัด / ภาคเดยี วกนั กรณีออกนอก พนื้ ที่ใหข้ อความเห็นชอบจากผู้อานวยการสานกั งาน กศน.จงั หวัด / กทม. ๒. แนวคิดเก่ยี วกบั การเสริมสร้างทกั ษะชีวิต ความหมายของทักษะชวี ติ นกั วชิ าการหลายทา่ นได้กลา่ วถงึ ความหมายของทกั ษะชีวติ ไวด้ งั ต่อไปน้ี ปิยะพงษ์ ไสยโสภณ (2550:27) ให้ความหมายทักษะชีวิต หมายถึง เป็นความสามารถ ของบุคคลที่ประกอบด้วย ความรู้เจตคติและทักษะในอันท่ีจะจัดการกับปัญหารอบ ๆ ตัวในสภาพ สังคมปัจจุบัน และการเตรียมความพร้อมสาหรับการปรับตัวในอนาคตไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว สขุ ภาพ คุณธรรม จรยิ ธรรมใหเ้ ป็นไปอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม สกล วรเจริญศรี (2550:9) ให้ความหมายทักษะชีวิต หมายถึง พฤติกรรมท่ีแสดงออกถึง ความสามารถในการจัดการหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในการดาเนินชีวิต ประกอบด้วย ทักษะด้านสังคม ทักษะดา้ นการคดิ และทกั ษะดา้ นการเผชญิ ทางอารมณ์ กระทรวงศึกษาธิการ (2551:6)ให้ความหมายทักษะชีวิตไว้ว่า เป็นความสามารถรู้ด้วย ตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางานและการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการกับปัญหา และความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียงพฤติกรรม ไมพ่ ึงประสงค์ท่ีส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน ปณิชกา จรี พรชัย (2552:40) ได้ให้ความหมายทักษะชีวิต หมายถึง ความสามารถในการ ปรับตัวใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดล้อมและสถานการณต์ า่ งๆในสังคมปัจจุบันสามารถเผชิญกบั สิ่งต่างๆ ท่ีเกดิ ขนึ้ ในชวี ิตอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและเตรียมความพร้อมสาหรบั การปรบั ตวั ในอนาคตอย่างถูกต้องเหมาะสม มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2553:7) ได้ให้ความหมาย ทักษะชีวิต เป็นความสามารถ เชิงจิตสังคม Psychosocial Competency) ซึ่งเป็นความสามารถท่ีมีความสาคัญต่อการส่งเสริม สุขภาพกายและจิต เพื่อการใชช้ ีวิตในสังคมปัจจบุ ันได้อยา่ งปกติสุข เมื่อเกิดปญั หาทางด้านพฤติกรรม ความเครยี ดและแรงกดดนั ทเี่ กิดข้ึนในชวี ิตจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการพัฒนาความสามารถเชิงจิตสังคมอนั จะ นาไปสู่การส่งเสริมสุขภาพความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน รวมถึงการช่วยส่งเสริมให้บุคคลมีคุณลักษณะที่ พงึ ประสงคข์ องสังคม
10 สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน) (2553:47) ให้ ความหมายไว้ว่าทักษะชีวิต หมายถึงคุณลักษณะหรือความสามารถขั้นพื้นฐานของบุคคลที่เกิดทักษะ ภายใน ท่ีจะช่วยให้บุคคลสามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้อย่างมี ประสิทธิภาพและเตรียมพร้อมในการปรับตัวและเลือกทางเดินชี วิตท่ีเหมาะสมเพ่ือสามารถเผชิญ ปัญหารอบตัวในสภาพสังคมปัจจุบันและเตรียมพร้อมสาหรับอนาคต เช่นการดูแลสุขภาพ สิ่งเสพติด ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ เพ่ือให้สามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี ความสขุ จากการศึกษาความหมายของทักษะชีวิต ตามแนวคิดของปิยพงษ์ ไสยโสภณ ( 2550:27) ปณิชภา จีรพรชัย (2552:40) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2553:47)และสานักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน) ( 2553:47) สรุปได้ว่าทักษะชีวิตเป็น ความสามารถของบุคคลที่ประกอบด้วยความรู้เจตคติและทักษะ ที่จะจัดการกับปัญหารอบตัว ในสภาพสังคมปัจจุบัน การจัดการกับปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัว การรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ และการเตรียมความพร้อมสาหรับการปรับตัวในอนาคต สามารถเผชิญกับส่ิงต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและเตรียมพร้อ มในการปรับตัวและ เลอื กทางเดนิ ชีวติ ท่ีเหมาะสม ความสาคญั ของการพัฒนาทักษะชวี ติ นักวชิ าการหลายท่านได้กลา่ วถงึ ความสาคญั ของการพัฒนาทักษะชีวิตไว้ดงั ต่อไปนี้ กรมสุขภาพจิต (2543: 4-8) ได้อธิบายไว้ว่าสาหรับการพัฒนาชีวิตด้วยการศึกษานั้นการ พฒั นาทักษะชีวติ จัดเป็นส่ิงสาคัญอย่างย่ิงทผี่ ู้เกย่ี วข้องทงั้ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ จะต้องคานงึ ถึงในการ ปลูกฝังและฝึกฝนให้นักเรียนมีพื้นฐานของทักษะชีวิตท่ีดีงาม ครบถ้วนตามองค์ประกอบเพื่อมุ่งไปสู่ จุดประสงค์ที่จะให้นักศึกษามีพื้นฐานของชีวิตในลักษณะมนุษย์ที่ดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตท่ีดี เป็นความเก่งที่มีลักษณะการใช้ความคิดสติปัญญาและลักษณะของการทางานที่เรียกว่า “คิดเป็น” คือการใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลคิดเช่ือมโยงในความสัมพันธ์ของส่ิงต่างๆทาให้เกิดปัญญา มีโลกทัศน์ กว้างขวางท่ีสามารถสร้างความรู้ใหม่ได้ และการคิดเป็น ย่อมนาไปสู่คุณลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น การคดิ เปน็ ทาเปน็ และการอยู่ร่วมกัน วนิดา ขาวมงคล เอกแสงสี (2546:2-5, 34-56) ได้อธิบายไว้ว่า เม่ือต้องการพัฒนาชีวิต จะต้องเข้าใจว่าการรู้ชีวิตมีความสาคัญเท่า ๆ กันหรือมากกว่าการรู้ความรู้สึกอีกเพราะการรู้ชีวิต เก่ียวข้องกับศีลธรรมและจริยธรรมของการอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยและพ่ึงพิงกัน รวมไปถึงการ ปลดปล่อยตนเอง ความเปน็ อิสระ การเรียนรู้ชีวิตเป็นทักษะที่แตกต่างไปจากการเรียนรู้ทเ่ี ปน็ วชิ าการ เป็นทักษะ ท่ีต้องอาศัยจิตวิญญาณซึ่งบางทีความรู้ที่เราจะได้วิเคราะห์เก่งเรียนได้คะแนนสูงไม่ได้ช่วย ใหม้ นษุ ยส์ ามารถมีทักษะชวี ิตได้ ทักษะชีวิตต้องเกิดจากการรูแ้ ละเขา้ ใจตนเองและรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซ่ึงจากข้อความน้ีสอดคล้องกับแนวคิดของการปฏิรูปการศึกษาให้มีแนวทางในการพัฒนาเด็กให้เป็น คนดีคนเก่ง มีความสุข เพื่อเป็นพลังในการสร้างสรรค์โลกการพัฒนาชีวิตของเยาวชนเป็นจุดมุ่งหมาย สาคญั ของการศึกษาเพราะชวี ิตจะพัฒนาได้อยา่ งมีมาตรฐานมคี ณุ ภาพชีวิตทดี่ ีตอ้ งอาศัยการศึกษาเป็น ส่ิงที่ทาให้เกิดการพัฒนาชีวิต ที่ได้รับการพัฒนา จะต้องพัฒนาในรูปองค์รวมของชีวิตคือ องค์ความรู้ และทกั ษะชีวิต
11 สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2554:1) การพัฒนาทักษะชีวิตในการดาเนินชีวิต ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษามีความสาคัญเน่ืองจากนักเรียนในวัยนี้จะมีอายุในช่วงอายุระหว่าง 12-18 ปี ซ่ึงเป็นช่วงของวัยรุ่นตอนกลางจะมีการพัฒนาความรู้สึกของตนเองในการท่ีจะดูแลหรือ ปกครองตนเอง มงุ่ ความสนใจไปสู่กลุ่มเพ่ือนมากขนึ้ มีความเปน็ อสิ ระจากพ่อแม่ ผู้ปกครองทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กับการพัฒนาเด็กในวัยนี้จึงจาเป็นต้องส่งเสริมและพัฒนาให้สามารถเข้าใจ รับรู้ ปฏิบัติ มีเจตคติที่ดี ต่อการเปล่ียนแปลงทางร่างกายของตนเองและการเปล่ียนแปลงจากสภาพแวดล้อมซ่ึงจะทาให้เกิด ปัญหาการตัดสินใจ การแก้ปัญหา นอกจากนั้น ยังจะทาให้ตระหนักรู้และรู้จักตนเองและเห็นใจผู้อื่น สามารถจัดการกับอารมณ์ปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมทั้งด้านป้องกันและส่งเสริมการพัฒนาทักษะชีวิต ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ได้กาหนดทักษะเป็นสมรรถนะสาคัญที่ผู้เรยี น ทุกคนพ่งึ ได้รบั การพัฒนาทางดา้ นความรู้ ความรูส้ ึกนกึ คิดให้รจู้ กั สร้างสัมพนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างบุคคล รู้จัก จัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลง สังคมและ สภาพแวดล้อมรู้จักหลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ทสี่ ่งผลกระทบตอ่ ตัวเองและผู้อน่ื ปอ้ งกันตนเอง ในภาวะขับขนั และจัดการกับชีวติ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพสอดคล้องกับวฒั นธรรมและสงั คม องค์กรอนามัยโลก (1997:4) ได้อธิบายไว้ว่าความสาคัญของการสอนทักษะชีวติ เปน็ ทักษะ ท่ัวไปท่ีมีความสัมพันธ์กับชีวิตประจาวันสามารถสร้างรากฐานการศึกษาด้วยทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริม สุขภาพจิตและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ทักษะชีวิตเป็นเหมือนตัวเราเช่ือมระหว่างความรู้ ทัศนคติ และค่านิยมซง่ึ เป็นปัจจยั ด้านแรงจงู ใจกับพฤติกรรมทพี่ ึงประสงค์ท่สี าคญั จากการศึกษาความหมายและความสาคัญของชุดฝึกอบรม ตามแนวคิดของกรมสุขภาพจิต (2543:4-8) วนิดา ขาวมงคล เอกแสงศรี (2546:2-5,34-56) สานักวิชาการและมาตรฐาน การศึกษา (2554:1) และองค์กรอนามัยโลก (1997:4) สรุปได้ว่า ทักษะชีวิตเกี่ยวข้องกับศีลธรรม และจริยธรรมของการอยู่ร่วมกัน รวมไปถึงการเป็นอิสระ การเรียนรู้ชีวิตเป็นทักษะที่แตกต่างไปจาก การเรียนรู้ท่ีเป็นวิชาการ การพัฒนาทักษะชีวิต จัดเป็นส่ิงสาคัญอย่างยิ่งเพราะจะทาให้เกิดปัญหา การตัดสินใจ การแก้ปัญหาตระหนักรู้ และรู้จักตนเองและเห็นใจผู้อื่น สามารถจัดการกับอารมณ์ ปฏบิ ตั ติ นไดอ้ ย่างเหมาะสม ทักษะชวี ิตเป็นเหมือนตวั เช่อื มระหว่างความรู้ ทศั นคติ และคา่ นยิ มซ่ึงเป็น ปจั จัยดา้ นแรงจูงใจกับพฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค์ท่สี าคญั องคป์ ระกอบของทกั ษะชีวิต นกั วชิ าการหลายท่านไดก้ ล่าวถึงองค์ประกอบของทกั ษะชวี ติ ไว้ดงั ต่อไปน้ี กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (2543:25-26) ได้กาหนดองค์ประกอบของทักษะชีวิต ไว้ 12 ประการดงั นี้ 1. ทักษะความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Thinking) เป็นความสามารถที่จะวิเคราะห์ แยกแยะขอ้ มูลขา่ วสารปัญหาสถานการณต์ า่ ง ๆ รอบตวั 2. ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) เป็นความสามารถในการคิดออกไปอย่าง กวา้ งขวางโดยไม่ยดึ ติดในส่งิ ท่ีเป็นกรอบ 3. ทักษะความตระหนักรู้ในตน (Self- Awareness)เป็นความสามารถในการค้นหาและ เขา้ ใจในจุดดจี ุดดอ้ ยของตนเอง และความแตกต่างของตนเองกับผู้อนื่
12 4. ทักษะความเห็นใจผู้อ่ืน (Empathy) เป็นความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกและ เห็นอกเหน็ ใจบคุ คลทแ่ี ตกต่างกบั เรา 5. ทักษะความภูมิใจในตัวเอง (Self Esteem) ความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ค้นพบและภูมิใจ ในความสามารถด้านต่าง ๆ ของตนโดยไม่มุ่งสนใจแต่เร่ืองความ โก้เก๋ รูปร่างหน้าตา เสน่ห์หรือ ความสามารถทางเพศ 6. ทักษะความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) ความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหน่ึง ของสังคมและมีส่วนรว่ มผดิ ชอบในความเจรญิ หรอื เสือ่ มของสงั คม 7. ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ (Interpersonal Relationship) เป็นความสามารถในการ ใช้คาพูดความรสู้ ึกนกึ คิดของตนเองรวมถึงความสามารถในการรับรู้ความร้สู ึกนึกคดิ ของผู้อนื่ 8. ทักษะการส่ือสาร (Communication Skills) เป็นความสามารถในการใช้ท่าทางเพ่ือ ส่อื สารความร้สู กึ นกึ คดิ ของตนเองรวมถงึ ความสามารถในการรบั รคู้ วามรู้สึกนึกคดิ ของผูอ้ ่ืน 9. ทกั ษะการตัดสินใจ (Decision Making Skill) เป็นความสามารถในการรับร้ปู ัญหา สาเหตุ หาทางเลอื กวเิ คราะหข์ ้อดขี อ้ เสยี ของทางเลือก ประเมนิ ทางเลอื กตดั สนิ ใจเลือก 10. ทักษะการแก้ไขปัญหา (Problem solving skill) เป็นความสามารถในการรับรู้ปัญหา สาเหตุ หาทางเลือกวเิ คราะห์ข้อดีข้อเสียของทางเลือก ประเมินทางเลือกตัดสินใจทางเลือกและลงมือ แก้ไขปญั หาอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม 11. ทักษะการจัดการกับอารมณ์ (Coping with Emotion) เป็นความสามารถในการ ประเมินและรู้เท่าทันอารมณ์ว่ามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคนเลือกใช้วิธีการจัดการกับอารมณ์และ มีวิธกี ารป้องกันการเกดิ อารมณท์ ี่เหมาะสม 12. ทักษะในการจัดการกับความเครียด (Coping with Stress Skill) เป็นความสามารถ ในการประเมินและรู้เท่าทันความเครียดว่ามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคนเลือกใช้วิธีการจัดการกับ ความเครียดและมวี ธิ ีป้องกันการเกิดความเครยี ดทเ่ี หมาะสม กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (2543:6) ได้สรุปทักษะชีวิตที่ต้องการให้เกิดในการ พฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายไว้ 9 ประการดงั น้ี 1. ทักษะด้านการร้จู กั ตนเองเขา้ ใจตนเองและเหน็ คุณค่าของตนเอง 2. ทักษะดา้ นการร้จู กั ส่อื สารสรา้ งสมั พนั ธภาพกบั ผอู้ ่นื 3. ทกั ษะดา้ นการกลา้ เสยี่ ง 4. ทักษะด้านการมีวสิ ัยทัศน์ 5. ทักษะด้านการรู้จักคิด ตดั สนิ ใจและแกป้ ัญหา 6. ทักษะดา้ นการรจู้ ักต้ังเปา้ หมาย การวางแผนและดาเนนิ การตามแผน 7. ทกั ษะดา้ นการทางานเป็นทีม 8. ทักษะดา้ นการปรับตัว การรจู้ ักเหน็ ใจผอู้ ื่นความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม 9. ทักษะด้านการแสวงหาและการใชข้ ้อมูล
13 ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ และสุวรรณา เรอื งกาญจนเศรษฐ์ (2551 : 5) กล่าวว่า ในประเทศไทย ได้มีการปรับเปล่ียนองค์ประกอบของทักษะชีวิต โดยจัดองค์ประกอบด้านความคิดสร้างสรรค์และ การคิดวิเคราะห์วิจารณ์ เป็นแกนกลางท่ีเป็นองค์ประกอบร่วมพ้ืนฐานของทุกองค์ประกอบ จัดองคป์ ระกอบด้านการตระหนักรู้ในตนเองและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาเป็นด้านจิตพิสัย โดยเพ่ิม เจตคตอิ ีก 1 คู่ คือ การคิดเห็นคุณค่าในตนเองและความรบั ผิดชอบต่อสังคม สว่ นที่เหลืออีก 3 คู่ เป็น ทักษะพิสัย ทั้งน้ีเพ่ือให้เหมาะสมกับสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยท่ีอยู่ในช่วงเปล่ียนผ่าน และสับสน ด้านเจตคติและค่านิยม ซึ่งสามารถจัดแบ่งองค์ประกอบของทักษะชีวิตตามพฤติกรรม การเรียนรไู้ ว้ 3 ด้าน ไดแ้ ก่ 1. ด้านพุทธพิสัย (ด้านสติปัญญาและความคิด) ท่ีเป็นองค์ประกอบร่วม ได้แก่ ความคิด วิเคราะห์วจิ ารณแ์ ละความคดิ สร้างสรรคซ์ ึ่งเป็นองค์ประกอบดา้ นการสอนความรู้ 2. ดา้ นจิตพสิ ัย (ดา้ นจิตใจ) ได้แก่ ตระหนกั รู้ในตนเอง และความเห็นอกเหน็ ใจ 3. ด้านทักษะพิสัย (ด้านการกระทา) ประกอบด้วย การสร้างสัมพันธภาพและการส่ือสาร การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา และการจัดการกับอารมณ์ และความคิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบ ดา้ นการสอนทกั ษะทั่วไป องค์ประกอบด้านพทุ ธพสิ ยั ประกอบด้วย 1. การวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Thinking) หมายถงึ ความสามารถที่จะวิเคราะห์ แยกแยะ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ปัญหาและสถานการณ์ตา่ ง ๆ รอบตัว 2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) หมายถึง ความสามารถในการคิดออกไปอย่าง กวา้ งขวางโดยไมย่ ึดตดิ ในกรอบ หรือสงิ่ ทีค่ ดิ ตอ่ เนอ่ื งจนกลายเปน็ ความเคยชนิ องค์ประกอบดา้ นจิตพิสยั ประกอบดว้ ย 1. ความตระหนักรู้ในตน (Self - Awareness) หมายถึง ความสามารถในการค้นหาและ เข้าใจ จุดดี จัดด้อยของตนเองและความแตกต่างจากบุคคลอ่ืนไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความสามารถ (เพศ วยั ระดบั ความสามารถ ศาสนา ฯลฯ) 2. ความเห็นใจผู้อ่ืน (Empathy) หมายถึง ความสามรถในการเข้าใจความรู้สึกและ เห็นอกเห็นใจบคุ คลทแ่ี ตกตา่ งจากเรา องค์ประกอบด้านทกั ษะพิสัยประกอบด้วย 1. การสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสาร (Interpersonal Communication) หมายถึง ความสามารถในการใช้คาพูดและภาษา ท่าทาง เพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของตน และรับรู้ ความรู้สกึ นึกคดิ ของอกี ฝ่าย 2. การตัดสินใจและการแก้ไขปญั ญา (Decision Making and Problem Solving) หมายถึง ความสามารถในการรับรู้ปัญหาสาเหตุ หาทางเลือกวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของ ทางเลือก ประเมิน ทางเลือก ตดั สินใจเลอื ก และลงมือแก้ปญั หาอยา่ งถูกต้อง เหมาะสม 3. การจัดการกับอารมณ์และความเครียด (Coping with Emotion and Stress) หมายถึง ความสามารถในการประเมินและรู้เท่าทันอารมณ์หรือความเครียดว่ามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคน เลือกใช้วิธีการจัดการกับอารมณ์หรือความเครียด และมีวิธีการจัดการกับอารมณ์หรือความเครียด และวธิ กี ารปอ้ งกันการเกดิ อารมณ์หรอื ความเครยี ดท่เี หมาะสม
14 องค์กรอนามัยโลก (WHO.1997: 1-3) ได้อธิบายไว้ว่า ทักษะชีวิตมีจานวนมาก ธรรมชาติ และคาจากัดความของทักษะชีวิตมีความแตกต่างกันตามวัฒนธรรมและที่ต้ังอย่างไรก็ตามจะมีทักษะ ชีวิตหลัก (Core set of Skills) ซ่ึงเป็นหัวใจของการส่งเสริม การรักษาสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ของเด็กและเยาวชน องคป์ ระกอบของทักษะชวี ติ ไว้ 10 ประการดงั น้ี 1. ทักษะการตัดสินใจ (Decision making Skills) เป็นทักษะที่จะช่วยให้บุคลากรมีการ ตดั สินใจในการกระทาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ มีการประเมินทางเลือกและประเมินผลของ การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กนนั้ 2. ทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving Skills) เป็นทักษะที่จะช่วยให้บุคคลสามารถ แกป้ ญั หาตา่ ง ๆทท่ี าให้เกดิ ภาวะตงึ เครียดทางร่างกายหรือจิตใจของเขาได้ 3. ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ (Creative thinking Skill) เปน็ ส่วนที่สนบั สนุนการตัดสินใจและ การแก้ปัญหา เป็นความสามารถท่ีจะนาประสบการณ์มาใช้ในการปรับตัวในชีวิตประจาวัน อย่างเหมาะสม 4. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking Skill) เป็นความสามารถของบุคคล ในการวเิ คราะหแ์ ยกแยะข้อมูลข่าวสารปญั หาและสถานการณ์ตา่ ง ๆ รอบตวั 5. ทักษะการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective communication Skill) เป็น ความสามารถในการใช้คาพูดท่าทางเพื่อแสดงความรู้สึกนึกคิดของคนอย่างเหมาะสม อีกทั้งสามารถ รบั รูถ้ ึงความรู้สกึ นึกคดิ ของอกี ฝา่ ยได้ด้วย 6. ทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal relationships Skill) เป็น ความสามารถของบุคคลในการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืน ๆ ได้อย่างเหมาะสมซึ่งจะนาไปสู่การ อยู่รว่ มกันในสังคมไดอ้ ย่างปกติสขุ 7. ทักษะการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness Skill) เป็นความสามารถของบุคคล ในการเข้าใจจดุ ดีและจดุ ด้อยของตนเองและเขา้ ใจความแตกต่างระหว่างบุคคล 8. ทักษะการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Impathy Skill) เป็นความสามารถท่ีจะเข้าถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล ไมว่ า่ ในแง่ความสามารถ เพศวัย ระดับการศึกษา ศาสนาเปน็ ตน้ 9. ทักษะการจัดการเกี่ยวกับอารมณ์ (Coping with Emotion Skill) เป็นความสามารถใน การควบคุมอารมณ์รูจ้ ักและเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผ้อู ื่นท้ังรู้วิธีการจัดการกับอารมณ์ซ่ึงจะทาให้ สามารถแสดงพฤตกิ รรมออกมาไดเ้ หมาะสม 10 ทักษะการจัดการเกี่ยวกับความเครียด (Coping with Stress Skill) เป็นความสามารถ ในการรถู้ ึงสาเหตุและรู้พร้อมทง้ั เบี่ยงเบนพฤติกรรมไปในทางท่ีเหมาะสม ทกั ษะชีวติ ท่ีกล่าวมาขา้ งต้นเปน็ ส่วนหนงึ่ ทส่ี ามารถมาสอนให้วัยร่นุ ใหเ้ ขามีความสามารถดา้ น ทักษะชีวิตโดยผ่านการเรียนรู้ของการปฏิบัติ แน่นอนปัจจัยทางสังคมและทางวัฒนธรรมเป็น ตัวกาหนดลักษณะที่แน่นอนของทักษะชีวิต เนื้อหาที่แท้จริงของการศกึ ษาทักษะชีวิตจงึ ต้องไดร้ ับการ พิจารณาในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่นมากข้ึนอย่างไรก็ตาม ข้ออธิบายทั่วๆไปเก่ียวกับทักษะ ชีวิตจะได้รับการสอนในหลายประเทศซึ่งเป็นการสอนที่เกี่ยวข้องกับการข้ามวัฒนธรรม นอกจากนี้ องค์กรอนามยั โลกไดจ้ ดั กลมุ่ ทกั ษะชวี ิตเหลา่ น้ีออกเปน็ 5 คู่ (WHO.1997:3) ดงั นี้ คูท่ ี่ 1 ทกั ษะการตัดสินใจและทักษะการแก้ไขปัญหา
15 คทู่ ี่ 2 ทักษะการคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะหว์ ิจารณ์ คู่ท่ี 3 ทักษะการสรา้ งสัมพนั ธภาพระหว่างบุคคลและทกั ษะการสื่อสาร คทู่ ่ี 4 ทกั ษะการตระหนกั รู้ในตนเองและทกั ษะการเห็นอกเห็นใจคนอ่ืน คทู่ ี่ 5 ทกั ษะการจัดการเก่ยี วกับอารมณแ์ ละทักษะการจัดการเกย่ี วกับความเครียด องค์กรชว่ ยเหลือเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF.2001: Online) ซงึ่ รับผิดชอบปัญหาเด็ก ท่ัวโลกให้ความสาคัญกับการยบั ยั้งปัญหาการแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวี (HIV) ได้นาทักษะชีวิตมาใช้ เพ่อื ป้องกันโรคเอดส์และเป็นที่มาของการจัดการเรียนการสอนทกั ษะชีวติ เพือ่ ป้องกันเอดส์ของยูนิเซฟ ได้กลา่ วถึงองคป์ ระกอบทักษะชีวติ ไว้ 9 ประการดงั น้ี 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์และประเมินสถานการณ์ 2. ทักษะในการประเมนิ ศักยภาพของตนเองในสถานการณเ์ ฉพาะหน้า 3. ทักษะในการคิดหาทางเลอื กไดว้ เิ คราะห์จัดลาดับ 4. ทกั ษะในการตัดสินใจอยา่ งมเี หตผุ ลในการเลือกทางทเ่ี หมาะสม 5. ทกั ษะในการสือ่ สารเพือ่ ถา่ ยทอดและการตัดสนิ ใจ 6. ทักษะในการปฏิเสธการเจรจาต่อรองเพ่ือรักษาน้าใจและเพื่อประโยชน์อันชอบธรรม ของตนเอง 7. ทักษะการควบคุมอารมณ์ความคดิ เหน็ และพฤติกรรมภายใต้แรงกดดัน 8. ทกั ษะการพฒั นาและปรับเปลย่ี นทศั นคตขิ องตนเองและผูเ้ กย่ี วข้อง 9. ทักษะการใช้เหตุผลโน้มน้าวจูงใจผู้อื่นให้เห็นคล้อยตามและสนับสนุนแนวคิดและ การกระทาที่ถูกตอ้ ง องค์กรศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO.2001:online) ได้นาทักษะชีวิตไปขยายผลในด้านการจัดการเรียนการสอนเพื่อป้องกันเอดส์ในกลุ่มประเทศท่ีเป็น สมาชิกในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิค ไว้ในชุดการสอนท่ีช่ือว่าทักษะชีวิตเพ่ือเพ่ิมความสามารถเชิง สังคมจิตวิทยาในการสร้างเสริมสุขภาพและคุณ ภาพที่ดีสาหรับเยาวชน (Life Skills for Psychosocial competency) ไดอ้ ธบิ ายถึงองค์ประกอบของทกั ษะชีวติ ไว้ 10 ประการดงั น้ี 1. ทกั ษะการตัดสนิ ใจ 2. ทกั ษะการแก้ปญั หา 3. ทักษะการมีความคดิ รเิ ร่ิม 4. ทักษะการวิเคราะห์ 5. ทักษะการสือ่ สารอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 6. ทกั ษะการมีสัมพันธภาพกบั บคุ คลรอบข้าง 7. ทกั ษะการตระหนักร้แู ละรจู้ กั ตนเอง 8. ทักษะการเห็นใจผูอ้ นื่ 9. ทกั ษะการจดั การกับอารมณ์ 10. ทักษะการบรหิ ารความเครยี ด
16 จ าก ก า รศึ ก ษ า อ งค์ ป ร ะก อ บ ข อ ง ทั ก ษ ะชี วิต ต าม แ น ว คิ ด ข อ งก รม สุ ข ภ า พ จิ ต ก ร ะท ร ว ง สาธารณสุข 2543 : 25 -26) กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (2543 : 6) ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ และสุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ (2551 : 5) องค์กรอนามัยโลก (WHO.1997 : 1-3) องค์กร ช่วยเหลือเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF.2001: Online) และองค์กรศึกษาวิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO.2001 : Online) สรุปได้ว่าทักษะชีวิตมีจานวนมาก ธรรมชาติและคาจากัดความของทักษะชีวิตมีความแตกต่างกันตามวัฒนธรรมองค์ประกอบของ ทักษะชีวิตตามพฤติกรรมการเรยี นร้ไู ว้ 3 ด้าน คือ พุทธพิสัย (ด้านสติปัญญาและความคิด) ด้านจิตพิสัย (ดา้ นจติ ใจ) และด้านทักษะพิสยั (ด้านการกระทา) วธิ กี ารพฒั นาทกั ษะชวี ติ นักวิชาการหลายทา่ นไดก้ ลา่ วถึงวธิ ีการพัฒนาทกั ษะชีวติ ไว้ดังตอ่ ไปนี้ วนิดา ขาวมงคล เอกแสงศรี (2546 :77 - 81) ได้อธิบายไว้ว่าหลักการจัดกิจกรรมเพ่ือ พฒั นาทักษะชีวิต ประกอบดว้ ย 1. กาหนดวัตถุประสงค์และแนวทางการสอน รวมท้ังกิจกรรมท่ีเน้นในด้านการปฏิบัติ อย่างชัดเจนที่สามารถวดั และประเมินได้ 2. จัดกิจกรรมการสอนให้เหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะความสนใจ ความถนัดและ ความสามารถของผู้เรียน ตามหลักจิตวิทยาการศึกษาและภูมิห ลังที่สอดคล้องกับ ควา มเป็น จริง ของผู้เรียน 3. ใช้กระบวนการกลุ่มและกระบวนการ เรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัด ประสบการณ์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และทักษะท่ีจะนาไปใช้ในการดาเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมและ ตอ่ เนือ่ ง 4. บูรณาการองค์ความรู้กับทักษะชีวิตเพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าของความสาคัญใน สาระความรู้ทมี่ คี วามจาเป็นตอ่ การพัฒนาทักษะชีวติ อย่างตอ่ เนื่องตลอดชีวติ 5. จัดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองชุมชนต่างๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 6. จดั กิจกรรมให้เหมาะสมกับเวลาสถานท่ีและสอดคล้องกับวิถชี ีวิต วิสัยทัศน์ ความเป็นจริง ของบุคคล เปา้ หมายของสถานศกึ ษาน้ัน ๆ 7. มีการประเมนิ ผลอย่างเป็นระบบต่อเน่ือง 8. นาผลที่ประเมินไดจ้ ากการจดั การในข้างตน้ มาวิเคราะห์ ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ิ และสุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ (2551 : 12) ได้อธิบายไว้ว่า กลยุทธ์ในการสร้างทักษะชีวิตให้เกิดข้ึนกับเด็กในโรงเรียนอยู่บนพ้ืนฐานของแนวคิด 3 ประการ คือ ส่งเสรมิ ปอ้ งกันแกไ้ ขหรอื รักษาและฟนื้ ฟู 1. ส่งเสริม หมายถึง การสร้างทักษะชีวิตให้เกิดกับกลุ่มปกติหรือมีพฤติกรรมปกติ (Normal Behavior) เพ่อื เป็นภูมคิ มุ้ กันปัญหาท่จี ะเกิดขึน้ ในการดาเนนิ ชวี ติ ของเด็ก 2. ป้องกัน หมายถึง ช่วยเหลือเด็กท่ีมีพฤติกรรมเสี่ยง (Risk Behavior) เช่นเด็กท่ีเริ่มมี พฤติกรรมให้มที กั ษะชวี ิตและปรบั เปล่ียนพฤติกรรมเปน็ เด็กปกติ
17 3. แก้ไขหรือรักษาและฟ้ืนฟูหมายถึง การปรับเปล่ียนพฤติกรรมของท่ีเป็นปัญหาแล้ว หรือ ป่วยแลว้ โดยการชว่ ยเหลอื บาบดั และรกั ษา นอกจากน้ียงยทุ ธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ และสุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ (2551 : 15 - 16) ยังกล่าวว่า 1. การสร้างทักษะชีวิตด้วยระบบเรียนรู้ (การเรียนการสอน) จากความหมายของทักษะชีวิต ที่ว่าทักษะชีวิตเป็นความสามารถอันประกอบด้วยความรู้ เจตคติ และทักษะในอันที่จะจัดการกับ ปัญหารอบ ๆ ตัวในสภาพสังคมปัจจุบันและเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวในอนาคตจาก องค์ประกอบทง้ั 12 ประการของทักษะชีวติ อาจแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคอื 1.1 ทักษะชีวิตทั่วไปซ่ึงเป็นความสามารถพื้นฐานของเด็กที่จะเผชิญกับปัญหาปกติใน ชีวติ ประจาวนั เช่นความขัดแย้งทะเลาะกัน การตดั สินใจเลอื กทางสง่ิ ดังต่างๆ เปน็ ต้น ความสามารถน้ี กระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า “คิดเป็นทาเป็น แก้ปัญหาได้” และเป็นองค์ประกอบของทักษะชีวิต ท่ีเรียกวา่ ความคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) และความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical thinking) ความสามารถทั้ง 2 ประการนี้เกิดจากการสอนท่ียึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ แบบมีส่วนร่วมในการสอนตามปกติในช้ันเรียนซึ่งการสอนแบบนี้ช่วยให้เด็กได้ฝึกคิดฝึกวิเคราะห์ ก็จะเกิดทกั ษะชีวิตพ้นื ฐาน 2 ประการน้ี 1.2 ทักษะชีวิตเฉพาะคือความสามารถที่จาเป็นในการเผชิญปัญหาเฉพาะ เช่นปัญหายาเสพติด ปัญหาโรคเอดส์ และเพศสัมพันธ์ท่ีไม่เหมาะสมเป็นต้นก็ต้องมีทักษะชีวิตเฉพาะอีก 10 ประการ ท่ีเหลือ เช่น ความตระหนักรู้ในตนก็คือตระหนักในความแตกต่างระหว่างชายหญิงในเรื่องเพศ ความภูมใิ จในตนเองเชน่ ตระหนักในคณุ ค่าและศกั ดศ์ิ รีของชายหญงิ ทกั ษะในการปฏเิ สธการชวนไปมี พฤติกรรมเส่ยี งเป็นต้น แตใ่ นการสอนปกติในหลกั สูตรทยี่ ึดผู้เรยี นเปน็ ศูนย์กลางอย่างแทจ้ ริงกส็ ามารถ สรา้ งทกั ษะชวี ิตได้ครบทกุ ตัวเช่นกัน 2. การสร้างทักษะชีวิตด้วยระบบกิจกรรมโดยเฉพาะกิจกรรมเสริมหลักสูตร กิจกรรม เสริมหลักสูตรท่ีจาเป็นในการสร้างทักษะชีวิตมีหลักหลายลักษณะเช่น การทากิจกรรมชมรมต่างๆ เพื่อเด็กได้ทางานร่วมกัน ได้มีโอกาสสร้างสัมพันธภาพ ได้สื่อสารกับผู้อ่ืน ได้รู้จักตนเองและรู้จักผู้อ่ืน ได้ตัดสินใจแกป้ ัญหาเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นต้น กิจกรรมที่ได้ จะตอ้ งมลี กั ษณะ (ยงยทุ ธ์ วงศ์ภริ มยศ์ านต์ และสุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์) ดังน้ี - เด็กคดิ เองทาเองโดยมคี ร/ู ผใู้ หญเ่ ป็นทีป่ รึกษา - ดาเนนิ การไดต้ ลอดปเี พราะมาจากพลังของเยาวชนเอง - สามารถสืบทอดจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้องได้เพราะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของจากเยาวชนเอง กิจกรรมเสริมหลักสูตรท่ีสร้างทักษะชีวิตท่ัวไปให้กับเด็ก เช่น กิจกรรมชมรมห้องสมุด กิจกรรมชมรม ทางวิชาการต่างๆ กิจกรรมกีฬาเป็นต้น กิจกรรมหลักสูตรท่ีสร้างทักษะชีวิตเฉพาะปัญหา เช่น ชมรมตา้ นสารเสพตดิ ชมรมตา้ นภัยเอดส์ ชมรมเพื่อนเตือนเพื่อน เปน็ ต้น
18 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2554 : 1) แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิต ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพุทธศักราช 2551 ได้กาหนดทกั ษะชวี ิตเป็นสมรรถนะท่ี สาคัญที่ผู้เรียนทุกคนพ่ึงได้รับจากพัฒนาท้ังด้านความรู้ความรู้สึกนึกคิดให้รู้จักสร้ างสัมพันธ์อันดี ระหว่างบุคคล รู้จักจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสมปรับตัวให้ทันถึงการ เปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเองและผู้อื่น ป้องกันตัวเองในภาวะคับขันและจัดการกับชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ วัฒนธรรมและสังคม สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2554 : 2) ได้อธิบายไว้ว่าการสร้างทักษะชีวิต เปน็ ความสามารถท่ีเกดิ ในตัวไดด้ ้วยวิธีการสาคัญ 2 วิธคี ือ 1. เกิดเองตามธรรมชาติเป็นการเรียนรู้ท่ีข้ึนอยู่กับประสบการณ์และการมีแบบอย่างท่ีดี แตก่ ารเรียนร้ตู ามธรรมชาติจะไม่มที ิศทางและเวลาทแ่ี น่นอนบางครง้ั กวา่ จะเรียนรกู้ ็อาจสายเกินไป 2. การสร้างและพฒั นาดว้ ยกระบวนการเรียนการสอนเปน็ การเรียนรู้ให้เรียนรรู้ ่วมกันในกลุ่ม ผ่านกจิ กรรมรูปแบบต่างๆได้ลงมอื ปฏบิ ัติ ได้ร่วมคิดอภปิ รายแสดงความคิดเห็นไดแ้ ลกเปล่ยี นความคิด และประสบการณ์ซ่ึงกันและกัน ได้สะท้อนความรู้สึกนึกคิดมุมมองเช่ือมโยงสู่วิถีชีวิตของตนเองเพ่ือ สรา้ งองคค์ วามรู้ใหมแ่ ละปรบั ใช้กบั ชีวิต การพัฒนาและเสริมสร้างทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกันชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสภาพสังคม ทเ่ี ปลี่ยนแปลงและเตรียมพร้อมสาหรับการดาเนินชีวิตในอนาคตจึงเป็นภารกิจสาคัญของสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐานท่ีจะต้องจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยเสริมสร้างทักษะชีวิตให้มากที่สุดท้ัง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้แก่กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรูม (กิจกรรมลูกเสือ – เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมชมรม/ชุมนุม) กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์กิจกรรมท่ีเสริมสร้างคุณลักษณะ ตามนโยบายสถานศึกษาซ่งึ เป็นกิจกรรมที่สามารถพัฒนาและเสริมสร้างทักษะชีวิตได้ทุกองค์ประกอบ ของทกั ษะชวี ติ องค์การอนามัยโลก (WHO.1997 : 1 - 20) กล่าวว่า ทักษะชีวิตเป็นความสามารถของ บุคคลในการกระทาหรือจัดการกับความต้องการและส่ิงท้าทายในชีวิตประจาวันได้สาเร็จทาให้ สามารถปรับตัวและมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ การศึกษาทักษะชีวติ จึงเป็นกระบวนการเรยี นการสอน แบบให้ผู้เรียนมีสว่ นร่วม วิธีการที่เหมาะสมในการมีส่วนร่วมคือ การให้เรียนเป็นกล่มุ 2 คนหรือกลุ่ม ย่อยเพ่ือระดมสมองการแสดงบทบาทสมมติ เกม และการโต้วาที การสอนทักษะชีวิตควรเริ่มจาก ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นหรือความรู้ของตนเองท่ีเก่ียวกับประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตนเอง โดยมีการตั้งประเด็นขึ้นมาแล้วให้ผู้เรียนได้อภิปรายและถูกเถียงกันในรายละเอียด ภายในกลุ่มหรืออาจจะให้แสดงบทบาทสมมติในสถานการณ์ต่างๆ โดยให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติทักษะชีวิต ท่จี าเปน็ ซึ่งเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญของการสอนทักษะชีวติ และในช่วงท้ายเป็นขั้นตอนการประยุกต์ แนวคิด ผู้สอนจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนนาไปอภิปรายและฝึกปฏิบัติทักษะกับครอบครัวและเพ่ือน ต่อไป
19 นอกจากนอี้ งค์กรอนามัยโลก (WHO.1997 : 6) ได้อธิบายถึงการสอนทักษะชีวิตในเด็กและ เยาวชนได้มีการนาไปใช้อย่างกว้างขวางเพ่ือป้องกันปัญหาการใช้ยาท่ีไม่ถูกต้องและการต้ังครรภ์ของ วัยรุ่นตลอดจนการส่งเสริมสุขภาพจิตและการเรียนการสอนแบบมีส่วนร่วม กลยุทธ์ที่เหมาะสมของ การนาทักษะชีวิตมาใช้ควรจะเร่ิมต้นจากกลุ่มเด็กและเยาวชนท่ีอยู่ในระบบโรงเรียนซ่ึงการส่งเสริม การเรียนการสอนทักษะชีวิต เป็นการสนับสนุนให้มีสุขภาพที่ดี มีสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคลและ การมีสุขภาพจิตท่ีดี นอกจากน้ียังเป็นการป้องกันเยาวชนต้ังแต่เริ่มแรกก่อนที่จะเกิดพฤติกรรมท่ี ไม่พึงประสงค์ในอนาคตและองค์กรอนามัยโลกได้กล่าวถึงวิธีการท่ีนิยมการใช้บทเรียนด้านทักษะชีวิต คือการระดมสมองและการแสดงบทบาทสมมติ มรี ายละเอียดดังนี้ 1. การระดมสมอง คือ เทคนิคท่ีสร้างสรรค์ในการสร้างความคิดและข้อเสนอแนะในเร่ืองใด เรื่องหน่ึงโดยเฉพาะคาถามจะใช้ในการถาม จะใช้ในการแนะนาในรูปแบบง่าย ๆ เป็นคาหรือเป็นวลี สนั้ ๆ การระดมสมองคนที่ร่วมเพียงแต่พูดถึงส่ิงท่ตี นเองคิด ควรจะใช้การหมุนเวียนไปรอบๆ ทีละคน ข้อเสนอแนะทั้งหมดควรจะทาเป็นรายการเพ่ือทุกคนจะได้เห็นการระดมสมองให้โอกาสสาหรับ ความคิดของทุกคนและเปิดโอกาสให้คนอ่ืนวิพากษ์วิจารณ์ การระดมสมองเป็นเทคนิคท่ีดีสาหรับครู ในการสอนเกี่ยวกับทักษะชวี ติ เพือ่ จะได้รูว้ ่ามคี วามเข้าใจอย่างไรและเพื่อดูว่าจะสามารถอธิบายไดโ้ ดย ใช้คาพดู ตัวเอง เปน็ วธิ กี ารทีม่ ีประสทิ ธภิ าพในการรวบรวมความคดิ จากกลมุ่ ในเวลาท่ีจากัด 2. การแสดงบทบาทสมมติ คือ การแสดงเก่ียวกับสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งอยู่บน พื้นฐานของสถานการณ์ท่ีสมมุติข้ึนโดยครู และการแสดงบทบาทสมมติมีแง่มุมต่างๆในสถานการณ์ เดียวกันท่ีสามารถดึงออกมาและสามารถแสดงออกถึงทักษะชีวิตที่ได้รับการสอนการแสดงบทบาท สมมติอาจเป็นวิธีการทีส่ าคัญที่สุดในการสอนเกีย่ วกับทักษะชีวิต ท่ีทาให้มปี ระสบการณ์ดว้ ยตนเองใน การใช้ทักษะใหม่ ๆ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันการแสดงบทบาทสมมติมีคุณค่าต่อการจัดการกับ ปัญหาท่ีทาให้เกิดการวิตกกังวลในสถานการณ์จริง ผู้เรียนสามารถสังเกตและฝึกฝนวิธีในการปฏิบัติ ทปี่ ลอดภยั ควบคมุ สภาพแวดลอ้ มก่อนท่จี ะเผชิญกับสถานการณ์จรงิ จากการศึกษาวิธีการพัฒนาทักษะชีวิต ตามแนวคิดของวนิดา ขาวมงคล เอกแสงศรี (2546 : 77 - 81) ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานนต์ิและสุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ (2551 : 12) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (2554 :1) สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2554 : 2) และองค์กรอนามัยโลก (WHO.1997 : 1-20) สรุปได้ว่าหลักการจัดกิจกรรมเพ่ือ พัฒนาทักษะชีวิต ประกอบด้วย กาหนดวัตถุประสงค์และแนวทางการสอน จัดกิจกรรมการสอนให้ เหมาะสมใช้กระบวนการกลุ่มและกระบวนการเรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง บูรณาการองค์ความรู้ กับทักษะชีวิตให้เหมาะสมกับเวลาสถานที่บนพ้ืนฐานของแนวคิดส่งเสริมป้องกันแก้ไขหรือรักษาและ ฟ้ืนฟู ทักษะชีวิตประกอบด้วยความรู้ เจตคติ และทักษะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทักษะชีวิตทั่วไป ทักษะชีวิตเฉพาะการสร้างทักษะชีวิตสามารถทาได้ด้วยระบบกิจกรรมโดยเฉพาะกิจกรรม เสริมหลักสูตร ซึ่งสามารถเกิดในตัวได้ 2 วิธี เกิดเองตามธรรมชาติการสร้างและพัฒนาด้วย กระบวนการเรียนการสอนเป็นการเรียนรู้ให้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นการศึกษาทักษะชีวิต (Life skills education) จึงเป็นกระบวนการเรียนการสอนแบบให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมวิธีการท่ีนิยมการใช้บทเรียน ด้านทักษะชีวติ คอื การระดมสมองและการแสดงบทบาทสมมติ
20 กิจกรรมพฒั นาทักษะชวี ติ ตามนโยบายการจัดการศึกษานอกระบบ นักวิชาการได้กล่าวถึง กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ ตามนโยบายการจัดการศึกษานอกระบบไว้ ดังตอ่ ไปนี้ สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยได้กล่าวถงึ กิจกรรมพฒั นา ทักษะชีวิตตามนโยบายการจัดการศึกษานอกระบบว่า เป็นการจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเตมิ จากการเรียน ปกติในสาระทักษะการดาเนินชีวิตหลักสูตรการศึกษานอกระบบขั้นพ้ืนฐาน เน่ืองจากสังคมปัจจุบันมี การเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยีมีการแข่งขันและ ความขัดแย้งมากข้ึนจึงมีความจาเป็นท่ีสถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตให้กับนักศึกษ า กศน. โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติค่านิยมที่ถูกต้องและมีทักษะ หรือความสามารถพ้ืนฐานท่ีจาเป็นในการเผชิญปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชีวิตเช่น ปัญหายาเสพติด การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เพศสัมพันธ์ทะเลาะวิวาท ครอบครัวแตกแยก ความรุนแรง ภัยพิบัติ ความเครียด ฯลฯ รวมทั้งมีคุณสมบัติท่ีพึงประสงค์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข และสามารถนาความร้จู ากการเข้าร่วมกจิ กรรมไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างเหมาะสมทกั ษะชวี ิต 10 ประการขององคก์ ารอนามัยโลก ท่ีนักศึกษา กศน. ทุกคนจาเป็นต้องมีคือ 1) ทักษะการตัดสินใจ 2) ทักษะการแก้ปัญหา 3) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณา 5) ทักษะการ สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 6) ทักษะการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อ่ืน 7) ทักษะการตระหนักรู้และ เห็นคุณค่าในตนเอง 8) ทักษะเข้าใจผู้อ่ืน 9) ทักษะการจัดการกับอารมณ์ 10 ทักษะการจัดการกับ ความเครียด สาหรับเน้ือหาท่ีสถานศึกษาจะนามาใช้ในการฝึกทักษะชีวิตให้กับนักศึกษา กศน.จะมา จากประเด็นปัญหาทีเ่ กิดขึน้ กับตนเองครอบครัวชุมชนสงั คมด้วยขอบข่ายเนื้อหาท่ีเป็นจุดเน้น 8 เร่อื ง คอื 1. ทักษะชีวิตเพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อ ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์พิษภัยของยาเสพติด เหล้า บุหร่ี/ถ้าใช้ยาเสพติดจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และคนในครอบครัว ฝึกกระบวนการตัดสินใจแก้ไขแก้ปัญหาในสถานการณ์เสี่ยงท่ีจะเข้าไปเก่ียวข้อง กบั ยาเสพตดิ พ่อแม่จะทาอย่างไรเมือ่ ลูกติดยา ฯลฯ 2. ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้เพศศึกษาแก้ปัญหาเอง เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือ ฝึกทักษะการคิดอย่างวิเคราะห์ถึงโอกาสเสี่ยงท่ีอาจมีเพศสัมพันธ์ท่ีไม่พร้อมและผลกระทบ ท่ีจะตามมา/ฝึกทักษะการเจรจาต่อรองเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศและวิธีการ ขอความช่วยเหลอื ฯลฯ 3. ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมคุณธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น จัดกิจกรรม เรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการปฏิเสธและหาทางออกเม่ือถูกชักชวนไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข/ฝึกทักษะการ สื่อสารและสรา้ งสัมพนั ธภาพในเรื่องความเสียสละ มีเมตตากรณุ า ให้อภัย/สร้างความตระหนักในเร่อื ง ความขยนั ประหยดั ซอื่ สตั ย์ มีวินัย สะอาด สุภาพ สามคั คี มีนา้ ใจ ฯลฯ 4. ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เช่น จัดกิจกรรม การเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์เร่ืองการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างประหยัด เพ่ือ ลดภาวะโลกร้อน/กระบวนการตดั สินใจและแก้ไขปัญหาเม่ือพลังงานขาดแคลน ฯลฯ
21 5. ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพือ่ ฝกึ ทักษะการคิดวิเคราะห์เร่อื งโอกาสเสยี่ งท่ที าให้เกิดภัยอันตรายต่าง ๆ ท้ังอุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ ก่อการร้าย ถูกทาร้ายร่างกาย ถูกล่อลวง การถูกละเมิดสิทธิ/ฝึกทักษะการส่ือสารเพ่ือเตือนภัย แจง้ เหตรุ า้ ยการขอความช่วยเหลือ การอพยพ/ฝกึ ทักษะการจดั การความเครยี ดเม่ือประสบภยั พิบัติ 6. ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย – จิต เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือฝึกทักษะ ตระหนักรแู้ ละเห็นคุณค่าในตนเองโดยสารวจพฤตกิ รรมในชีวติ ประจาวนั ท่ีเปน็ การสง่ เสริมหรือทาลาย สขุ ภาพของตนเอง/การวิเคราะหข์ ้อดี ขอ้ เสียเพอ่ื หาทางเลือกที่เหมาะสมในการดูแลสขุ ภาพตนเอง ฯลฯ 7. ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น จัดกิจกรรมเรยี นรู้เพ่ือฝึกทักษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณเร่ือง สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน/ฝึกการคิด วิเคราะห์ เพ่ือแก้ปัญหาชุมชนด้วยวิถีทางประชาธิปไตย การตรวจสอบ การเลือกตั้งเพ่ือให้ได้ผู้แทน ท่สี ามารถทาคณุ ประโยชน์ใหช้ มุ ชน สังคมไดอ้ ย่างมเี หตผุ ลและอิสระ ฯลฯ 8. ทักษะชีวิตอื่น ๆ โดยสถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมเนื้อหาอ่ืน ๆได้ตามความต้องการและ ความสนใจของ นักศึกษา กศน. จากการศึกษาขอบข่ายของกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตตามนโยบายการจัดการศึกษานอก ระบบ จากสานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2556: 1-4) สรุปได้ว่า กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตมีขอบข่ายเน้ือหาท่ีเป็นจุดเน้น 8 เรื่อง คือ 1) ทักษะชีวิตเพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด 2) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เพศศึกษาแก้ไขปัญหาเอดส์ 3) ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 4) ทักษะชีวิต เพอื่ ส่งเสรมิ การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 5) ทักษะชีวิตเพอ่ื ส่งเสริมความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน 6) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย –จิต 7) ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริม ประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 8) ทกั ษะชีวิตอ่นื ๆ ๓. แนวคดิ เกีย่ วกับกจิ กรรมยวุ กาชาด หลักการจดั กจิ กรรมยุวกาชาด เพ่ือให้การจัดกิจกรรมยุวกาชาดเป็นไปตามความมุ่งหมายและหลักการของพระราชบัญญั ติ การศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พุทธศักราช 2545 และ ตามหลักการของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 จึงกาหนดหลักการของกิจกรรม ยุวกาชาดไว้ดงั น้ี 1. เป็นกิจกรรมที่สร้างพ้ืนฐานในการคิด ปฏิบัติตามหลักการกาชาดและยุว กาชาด กฎหมายมนุษยชน รวมทั้งทักษะในการจัด ทักษะในการดาเนินชีวิต สามารถคิดเป็น ทาเป็น และ แกป้ ัญหาเป็น 2. มีความเป็นเอกภาพและความหลากหลายในกิจกรรม กล่าวคอื เป็นกิจกรรมทีม่ ีโครงสรา้ ง หลักสูตรยืดหยุ่น ท้ังนี้เพ่ือความจาเป็นและความสอดคล้องในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นไทย และความเปน็ พลเมอื งทีด่ ีของชาติ
22 3. สามารถสนองตอบต่อสภาพความตอ้ งการทีแ่ ทจ้ ริงของสถานศึกษาและท้องถน่ิ ยุวกาชาดเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับกิจกรรมนักเรียนในการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัยคุณลักษณะอันพ่ึงประสงค์ของสังคมไทยและความมีจิตสานึกในการทา ประโยชน์ให้แก่ สังคม ซึ่งนอกจากจะจัดกิจกรรมตามลักษณะของกิจกรรมนักเรียนแล้ว กิจกรรมยุวกาชาดยังเน้นใน เร่อื งของทกั ษะและกระบวนการอีกด้วย จุดหมายการจัดกจิ กรรมยวุ กาชาด การจดั กิจกรรมโดยใชก้ ระบวนการที่มุง่ เน้นการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในระบบหน่วย กลุ่ม หมู่ เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจและเกิดทักษะเก่ียวกับการปฏิบัติตามหลักการกาชาดและยุวกาชาด การคุ้มครองกฎหมายมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน การช่วยเหลือการรักษาสุขภาพ และสมรรถภาพที่ดี บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม อนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การสร้างสัมพันธภาพและ ความเข้าใจอันดี อันจะนาไปสู่สันติภาพ ก่อให้เกิดความสุขในการอยู่ร่วมกันทุกหนแห่งจึงกาหนด จุดหมายกจิ กรรมยวุ กาชาด ดงั นี้ 1. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ และทักษะตามหลักการกาชาดและยวุ กาชาด 2. มสี ขุ ภาพและสมรรถภาพที่ดี สามารถนาความรู้ไปใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและผู้อนื่ 3. มีเมตตา กรณุ าและมีไมต่ รีจิตตอ่ บคุ คลท่ัวไป 4. บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเห็นคุณค่าในการอนุรักษ์ธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ ม 5. มที กั ษะในการปฏิบตั ิกจิ กรรมและอยูร่ ่วมกับผอู้ นื่ ได้อยา่ งมีความสุข แนวทางการจัดกิจกรรมยุวกาชาด การจัดกิจกรรมยุวกาชาด มีความเป็นมาดังนี้ คือ ปีพุทธศักราช 2436 พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดต้ังสภาอุณาโลมแดงซ่ึงเป็นสมาคม การกุศลขึ้นและทรงโปรดเกล้าให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งต่อมาได้เปล่ียนชื่อเป็นสภากาชาดไทย มกี ารริเร่ิมกิจกรรมกาชาดไปสู่เด็กและเยาวชนในสมัยรัชกาลที่ 6 โดย สมเด็จพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ อุปนายกผู้อานวยการสภากาชาดสยามได้เร่ิมก่อต้ัง กองอนุสภากาชาดสยาม เมื่อวันที่ 27 มกราคมพุทธศักราช 2465 และดาเนินภารกิจด้านเด็กและ เยาวชนตามข้อเสนอของกาชาดระหว่างประเทศ คือ “สภากาชาดทุกชาติ ควรจัดตั้งกาชาดสาหรับเด็ก เพ่อื ฝึกอบรมเยาวชนให้ร้จู ักกนิ ดีอยู่ดี รักษาสขุ ภาพอนามัยมีความสงสารเพือ่ นมนุษยด์ ว้ ยกนั ไม่ว่าชาติ ศาสนาใด ๆ มีศรัทธาเสียสละ และบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมโดยจัดกิจกรรมและดาเนินการ ให้สอดคล้องกับระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ “ดังนั้นในวันที่ 27 มกราคมพุทธศักราช 2465 จงึ เป็นวันเริ่มก่อตัง้ กองอนสุ ภากาชาดสยามข้นึ ตามข้อบังคบั ของสภากาชาดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 3) ต่อมาเม่ือวันที่ 29 มีนาคมพุทธศักราช 2465 ได้มีการตั้งหน่วยอนุสภากาชาด (หมู่ยุวกาชาด) ขึ้นท่ี โรงเรียนราชนิ ีเปน็ หน่วยแรกในประเทศไทยกองอนุสภากาชาดสยาม ดาเนินงานด้านเด็กและเยาวชน ร่วมกับกรมพลศึกษากระทรวงศึกษาธิการ แต่เดิมนั้นกลุ่มเป้าหมายของอนุกาชาดได้แก่ นักเรียนท่ี เรียนอยู่ในสถานศึกษามีอายุตั้งแต่ 8 -18 ปี แต่ด้วยความคิดเห็นของคณะกรรมการสภากาชาดไทย ต้องการขยายขอบเขตอายุของผู้เข้าร่วมกิจกรรมอนุกาชาดจก 8-18 ปี เป็น 7-25 ปี
23 คือต้องการให้นักเรียน นิสิตนักศึกษาท่ีเรียนอยู่ใน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา อุดมศึกษา และผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอนุกาชาดด้วย จึงเปล่ียนจากคาว่า อนุกาชาดเป็นยุวกาชาดตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา ลงวันที่ 17 มีนาคม พุทธศักราช 2521 และเปล่ียนชื่อกองอนุกาชาด เป็น กองยุวกาชาดวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2545 ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงทบวงกรมใหม่ทาให้กรมพลศึกษามีการเปล่ียนแปลงโดย งานด้านกีฬาให้ไปสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนงานด้านพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ประกอบด้วย กองลูกเสือและกองยุวกาชาด เปล่ียนเป็น สานักการลูกเสือยุวกาชาด และกิจการ นักศึกษาไปสังกัดสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กิจกรรมยุวกาชาดเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้สามารถเลือกจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะความสนใจ ความถนัด และความสามารถของผู้เรียนสถานศึกษาและท้องถ่ินมงุ่ เน้นการพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม และทักษะ ตามหลักการกาชาดและยุวกาชาด เพ่ือให้สมาชิกยุวกาชาดมีสุขภาพท่ีดี มีเมตตากรุณา รู้จักบาเพ็ญตน ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อสังคม เห็นคุณค่าของการอนรุ ักษ์ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ตลอดจนพฒั นาตนเอง ทางรา่ งกาย แนวทางการบริหารหลักสตู รกจิ กรรมยุวกาชาด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ม.ป.ป.) ได้กล่าวว่า การจัดกิจกรรมยุวกาชาดเป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิ บัติในการพัฒนาผู้เรียน ใหม้ ีคุณสมบตั ิตามเป้าหมายหลกั สูตร ครผู ู้สอนควรพยายามคัดสรรกระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เพ่ือช่วยให้สมาชิกยุวกาชาดเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตรกิจกรรมยุวกาชาดตามหลักสูตร รวมท้ังปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพ่ึงประสงค์พัฒนาทักษะต่าง ๆ อันเป็นสมรรถนะสาคัญ ให้ผเู้ รยี นบรรลุตามเป้าหมาย 1. หลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้สมาชิกยุวกาชาดมีความรู้ ความสามารถตามสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึ่งประสงค์ตามที่กาหนดไว้ โดยยึดผู้เรียน เป็นสาคัญเช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับสมาชิก ยุวกาชาด กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้สมาชิกยุวกาชาดสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเตม็ ตามศกั ยภาพ คานงึ ถึงความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและพฒั นาทางสมอง เนน้ ให้ ความสาคัญด้านคุณธรรมจริยธรรม และมนุษยธรรม 2. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายเป็นเครื่องมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับสมาชิกยุวกาชาด อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละ แก้ปัญหากระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจากกระบวนการปฏิบัติจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัยซึ่งกระบวนการ เหล่านี้ เป็นแนวทางในการฝึกฝนพัฒนาและช่วยให้สมาชิกยุวกาชาดเกิดการเรียนรู้ได้ดีบรรลุ เปา้ หมายของหลักสูตร ดังนั้น ครูผูส้ อนจึงจาเป็นต้องศึกษาทาความเขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ สาหรับเลือกจดั กระบวนการเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
24 3. การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึง มาตรฐานการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนคุณลักษณะอันพ่ึงประสงค์และสาระ การจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับสมาชิกยุวกาชาด แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดย เลือกใชว้ ิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ / แหล่งเรียนรู้การวัดและประเมินผลเพื่อให้สมาชิกยุวกาชาด ไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลเุ ปา้ หมายที่กาหนด 4. สื่อและแหล่งเรียนรู้ สื่อและแหล่งเรียนรู้การจัดกิจกรรมยุวกาชาดเป็นเครื่องมือส่งเสริม สนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สมาชิกยุวกาชาดเข้าถึงความรู้ ทักษะ กระบวนการและ คุณลักษณะตามสาระของหลักสูตรกิจกรรมยุวกาชาดท่ีมีประสิทธิภาพ ซ่ึงมีท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ ในท้องถ่ิน การเลือก การจัดหา การใช้ส่ือ และแหล่งเรียนรู้ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ ซ่ึงสมาชิกยุวกาชาดและครูผู้สอน สามารถจัดทาและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากส่ือและแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีมีอยู่รอบตัว เพื่อนามาใช้ประกอบการจัดกิจกรรมยุวกาชาดที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้สมาชิก ยุวกาชาดเกิดการเรียนรู้ สถานศึกษาควรเลือก จัดหา ใช้ให้เหมาะสมและพอเพียงทั้งนี้ส่ือและ แหล่งเรียนรู้ต้องสอดคล้องกับหลักสูตร จุดประสงค์และการออกแบบการจัดกิจกรรมยุวกาชาดการ จัดประสบการณ์ให้สมาชิกยุวกาชาด เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาท่ีถูกต้อง รูปแบบการนาเสนอท่ีเข้าใจง่ายและน่าสนใจเพื่อพัฒนาให้ สมาชิกยวุ กาชาดเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จรงิ 5. การวัดและประเมินผลกิจกรรมยุวกาชาด การวัดและประเมินผลกิจกรรมยุวกาชาดเป็น กระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซ่ึงนอกจาก พิจารณาความรู้ตามทฤษฎีแล้วยังต้องพิจารณาความประพฤติและพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมที่ เน้นทักษะและการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการท่ีหลากหลายและการประเมินตามสภาพจริง ซ่ึงแบ่งการ ประเมินผลออกเป็น 2 สว่ น คอื 1. กิจกรรมหลัก เป็นการวัดและประเมินผล เพื่อให้สมาชิกยุวกาชาดผ่านเกณฑ์การตัดสิน เลื่อนช้ันหรือจบหลักสูตร โดยการเข้าร่วมกิจกรรมและผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ที่สถานศึกษา กาหนด มีการประเมินตลอดภาคเรียน / ปี โดยวิธีการสังเกตการณ์การเข้าร่วมกิจกรรม การซักถาม และการทดสอบทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏิบตั ิ โดยกาหนดผลการประเมนิ เปน็ ”ผ่าน” และ “ไมผ่ ่าน” ผ่าน หมายถึงสมาชิกยุวกาชาดมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบัติกิจกรรมและ มผี ลงาน / ชิ้นงาน / คณุ ลกั ษณะตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด ไมผ่ ่าน หมายถึง สมาชิกยุวกาชาดมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเกณฑ์ไม่ผ่านการปฏิบัติ กิจกรรมหรอื มผี ลงาน / ช้ินงาน / คณุ ลักษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด 2. กิจกรรมพิเศษ เป็นการประเมินเพ่ือให้สมาชิกยุวกาชาดมีสิทธ์ิประดับเคร่ืองหมาย กิจกรรมพิเศษ เมื่อสมาชิกยุวกาชาดผ่านเกณฑ์การประเมินแนวทางการวัดและการประเมินผล กจิ กรรมยุวกาชาดมดี งั น้ี กจิ กรรมหลัก เป็นการวัดและประเมินผลเพื่อให้สมาชิกยุวกาชาดผา่ นช้ันปี หรอื จบหลักสูตร โดยการเข้าร่วมกิจกรรมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ ท่ีสอดคล้องกับแนวทางการวัด และประเมินผล ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และ
25 หลักสูตรสถานศึกษาอาจแบ่งการประเมินออกเป็น 3 ระยะคอื ก่อนจัดกิจกรรม ระหวา่ งจัด กิจกรรม และหลังการจัดกิจกรรม เพ่ือทราบผลการพัฒนาพฤติกรรมของสมาชิกยุวกาชาด ท้ังนี้ให้ วดั และประเมินผลตามจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรมยุวกาชาด เพ่ือตัดสินผลการประเมินเกณฑ์การ ผา่ นกจิ กรรมหลักมี 2 ขอ้ คอื 1) เขา้ ร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 หรอื ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด 2) ผ่านจดุ ประสงคส์ าคญั ของแตล่ ะกจิ กรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ เป็นการวัดและประเมินผลความรู้ความเข้าใจและความสามารถในกิจกรรม พเิ ศษน้ัน ๆ เมื่อสมาชิกยวุ กาชาดผ่านเกณฑต์ ามคมู่ อื การจดั กิจกรรมยวุ กาชาดกจิ กรรมพิเศษจงึ มีสิทธิ์ ประดับเคร่อื งหมายกิจกรรมพิเศษน้นั ได้ 6. บทบาทของบุคลากรทางด้านยุวกาชาด การดาเนินการจัดกิจกรรมยุวกาชาดให้บรรลุผล ตามวัตถุประสงคข์ องกิจกรรมยวุ กาชาดบคุ ลากรทางดา้ นยวุ กาชาด ทุกภาคสว่ นควรมบี ทบาท ดงั นี้ 6.1 นายกหมูย่ วุ กาชาด (ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา) 6.1.1 ร่วมกับคณะกรรมการยุวกาชาดโรงเรียนกาหนดนโยบายแนวทางการจัด กิจกรรมยุวกาชาด ตลอดจนมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการจัด กิจกรรมยวุ กาชาด 6.1.2 กากับ ควบคุม และติดตาม ดูแลการจัดทากาหนดการ แผนงานโครงการต่าง ๆ ให้เปน็ ไปตามระเบยี บและวตั ถปุ ระสงคข์ องยวุ กาชาด 6.1.3 ส่งเสริมสนับสนุนและอานวยความสะดวกด้านอาคารสถานที่ งบประมาณ วสั ดอุ ปุ กรณ์ สือ่ และบคุ ลากรเพื่อใหก้ ารจดั กจิ กรรมยวุ กาชาดบรรลผุ ลตามวตั ถุประสงค์ 6.1.4 รับทราบการประเมินผลการจัดกิจกรรมยุวกาชาดและให้ข้อเสนอแนะเพื่อ ประโยชนใ์ นการจดั กิจกรรมยุวกาชาดต่อไป 6.2 หวั หนา้ งานกจิ กรรมยวุ กาชาด 6.2.1 สารวจความพร้อมของครูผู้สอน ความต้องการความสนใจของสมาชิก ยุวกาชาด เพ่อื การเตรยี มความพรอ้ มในการจดั กิจกรรมยวุ กาชาด 6.2.2 ประชมุ ผ้บู ังคับบญั ชายุวกาชาดเพื่อ 1) เสนอแตง่ ตง้ั คณะกรรมการบริหารงานยวุ กาชาดในสถานศึกษา 2) เสนอแต่งตั้งผบู้ ังคับบัญชายวุ กาชาด 3) การกาหนดแนวทางการจัดกิจกรรมยวุ กาชาด 6.2.3 กาหนดและรวบรวมโครงการเพื่อจัดทาแผนงานและปฏิทินปฏิบัติงาน กจิ กรรมยุวกาชาดตลอดปี 6.2.4 ให้คาแนะน าแก่ ผู้บังคับบั ญชายุวกาชาดและสมาชิกยุวกาชาดตาม ความเหมาะสม 6.2.5 ติดตาม ประสานงาน และอานวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมยุวกาชาด ให้ดาเนินไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย 6.2.6 รวบรวมผลการประเมินการจัดกิจกรรมยุวกาชาดจากผู้บังคับบัญชายุว กาชาดนาเสนอนายกหมู่ยุวกาชาด
26 6.3 ผบู้ ังคบั บัญชายุวกาชาดและครูผู้สอนยวุ กาชาด 6.3.1 ปฐมนเิ ทศสมาชกิ ยวุ กาชาด 6.3.2 ออกแบบการจัดกิจกรรมใช้สื่อท่ีหลากหลายและนากระบวนการวิจัยมาใช้ ในการดาเนนิ การจัดกจิ กรรม 6.3.3 สง่ เสรมิ สนับสนุนให้สมาชิกยุวกาชาดมีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็นต่อ การดาเนินการจัดกิจกรรมยวุ กาชาดทกุ ดา้ นท้ังในรูปของโครงการ โครงงานและแผนงานต่าง ๆ 6.3.4 ประสานงานและอานวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมให้กับ สมาชิกยุวกาชาด 6.3.5 ให้คาปรึกษา ดูแลติดตามการดาเนินการจัดกิจกรรมยุวกาชาดให้เป็นไปด้วย ความเรียบร้อย 6.3.6 ประเมินผลการเข้าร่วมกิจกรรมยุวกาชาดและนาเสนอหัวหน้างานกิจกรรม ยุวกาชาด 6.4 สมาชกิ ยุวกาชาด 6.4.1 เขา้ รบั การปฐมนเิ ทศ 6.4.2 ประชุมวางแผนจัดทาแผนงานโครงการ โครงงานและปฏิทินงาน เพื่อเสนอ ผู้บงั คบั บัญชายุวกาชาด 6.4.3 ปฏิบตั ิกิจกรรมตามแผนงานโครงการและปฏิทินงานทไ่ี ด้กาหนดไว้ 6.4.4 ประเมนิ ผลการปฏิบัติกิจกรรมของสมาชิกยวุ กาชาด 2 แนวทาง ดังน้ี 1) ประเมินผลการปฏิบัติกจิ กรรมของสมาชกิ ยุวกาชาดเมื่อสิ้นสดุ โครงการ 2) ประเมินพฤติกรรม และคุณภาพของงาน โดยประเมินตนเองและ ประเมินเพ่อื นร่วมกจิ กรรม 6.4.5 สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรมหลังเสร็จสิ้นโครงการและนาเสนอผู้บังคับบัญชา ยุวกาชาด 6.4.6 เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธก์ จิ กรรมยวุ กาชาดสูส่ ังคม 6.5 บรรณารักษ์ เจ้าหน้าท่ีโสตทศั นูปกรณ์ 6.5.1 จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้กิจกรรมยุวกาชาดด้วยการสรรหาเอกสาร หลกั สตู ร ค่มู อื แนวทางจัดกจิ กรรมยุวกาชาด และอ่ืน ๆ 6.5.2 จัดหา จัดเตรียมสื่อทัศนูปกรณ์เพื่อการเรียนรู้กับคอมพิวเตอร์ รวมท้ังการ สืบค้นข้อมูลการเรียนรู้ของครูผู้สอนและสมาชิกยุวกาชาดด้วยระบบออนไลน์เช่น ศึกษาแนวทางการ จัดกิจกรรมจากซีดีบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน : Computer Assisted Instruction หรือ e-learning หรอื e-magazine หรือ e-museum เป็นตน้ 6.6 นกั วชิ าการศกึ ษา 6.6.1 ศึกษาค้นควา้ เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรกิจกรรมยุวกาชาด ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานพุทธศกั ราช 2551 อย่างชดั เจน 6.6.2 ทาหน้าท่ีติดตาม ประสานงานด้านหลักสูตร และแนวทางจัดกิจกรรม ส่ือ วัสดปุ ระกอบการจดั กิจกรรมยุวกาชาดให้กบั สถานศกึ ษาท่ีจดั กิจกรรมยวุ กาชาด
27 6.6.3 จัดประชุม สัมมนา อบรม ให้แก่ผู้บริหาร ครูผู้สอนเก่ียวกับการใช้หลักสูตร กิจกรรมยวุ กาชาด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานพุทธศกั ราช 2551 6.4.4 นิเทศการใชห้ ลักสูตรในสถานศึกษาอย่างท่ัวถึงและให้คาแนะนาแก่ครูผู้สอน ด้านหลักสูตรการจัดกิจกรรม ส่อื แหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ แนวทางการพฒั นาอาสายุวกาชาด สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลสาธารณะท่ีดาเนินงานภายใต้ภารกิจแก่นหลัก 4 ประการ คือ ภารกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข ภารกิจด้านการบรรเทาทุกข์ ภารกิจด้านการ บริการโลหิต ดวงตาและอวัยวะตลอดจน ภารกิจด้านการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตสภากาชาดไทย ประกอบด้วยหน่วยงานท่ีร่วมกนั ดาเนินการตามภารกิจ จานวน 13 หน่วยงานหลัก ศนู ย์ชานัญพิเศษ จานวน 6 ศูนย์ และหน่วยงานพิเศษ จานวน 4 หน่วยงาน การดาเนินงานของหน่วยงานเหล่านี้ ประกอบด้วยทรพั ยากรบุคคล 2 สว่ น คือ เจ้าหน้าท่ีและอาสาสมัคร อาสาสมัครของสภากาชาดไทย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ อาสาสมัครซึ่งเป็นบุคคลท่ัวไปอยู่ในการกากับดูแลของสานักงาน อาสากาชาด และอาสาสมัครวัยหนุ่มสาวอายุระหว่าง 15-25 ปี อยู่ในการกากับดูแลของสานักงาน ยุวกาชาดสภากาชาดไทยมีหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาอาสาสมัครของสภากาชาดไทย อย่างหลากหลาย เพ่ือให้อาสาสมัครเหล่าน้ีมีความรู้และทักษะท่ีจาเป็นต่อการปฏิบัติงานร่วมกับ สภากาชาดไทยสานักงานยุวกาชาด ซง่ึ ภารกิจของสานักงาน คือ “การเสรมิ สร้างและการฝึกอบรมให้ อาสายุวกาชาดมีจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนตามภารกจิ หลักสภากาชาดไทย” การพัฒนาอาสายุวกาชาดให้มีความสามารถ มีพฤติกรรมการทางานที่เกิดจาก แรงจูงใจภายในภายใต้หลักปรัชญาท่ีว่า “ยุวกาชาด เก่งรอบรู้ สุขภาพดี “ (นันทวัฒน์ ภัทรกรนันท์. 2548:14 ) ด้วยหลักปรัชญาน้ี นาไปสู่หลักการที่ต้องการพัฒนาอาสายุวกาชาดให้เป็นผู้มีอุดมคติ ในสันติสุข มีความรู้ความชานาญในการรักษาอนามัยของตนเอง และส่งเสริมอนามัยของผู้อ่ืน รู้จัก บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและรู้จักการสร้างสัมพันธภาพอันดีต่อผู้อ่ืน เพื่อให้เป็นไปตาม หลักการกาชาดคือมนุษยสัมพันธ์ (Humanity) ความไม่ลาเอียง (Impartiality) ความเป็นกลาง (Neutrality) ความเป็นอิสระ (Independence) (พินิจ กุลละวนิชย์.2547:4) การดาเนินการตาม หลักการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาบุคคลในวัยหนุ่มสาวให้เป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่า ของประเทศต่อไปในอนาคต การพัฒนาอาสายุวกาชาดดาเนินการสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยมีความเป็นมาความสาคัญ และหลักการแนวคิดท่ีเป็นแนวทางในการพัฒนาอาสายุวกาชาดใน ปี 2522 มีการจัดแบ่งประเภทของยุวกาชาดออกเป็นยุวกาชาดในโรงเรียนและยุวกาชาดนอก โรงเรียน อย่างไรก็ตามความพยายามเพื่อขยายช่วงอายุของยุวกาชาดจาก 7- 28 ปีเป็น 7- 25 ปี และกาหนดประเภทของยุวกาชาดออกเป็น 2 ประเภท ดังกล่าวข้างต้นนั้น ยังมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ท่ี นักเรียนในระดับประถมศึกษา ถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ที่อยู่ระบบโรงเรียน และเยาวชนที่ศึกษาอยู่ใน สถานศึกษาสังกัดอื่น ๆ พี่จัดการศึกษานอกโรงเรียนการดาเนินกิจกรรมยุวกาชาดยังไม่ได้ครอบคลุม ถึงเยาวชนอายุตั้งแต่ 15-25 ปี ท้ังท่ีศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และกลุ่มบุคคลท่ีด้อยโอกาสนอกระบบการศึกษา ปัจจุบันยุวกาชาดจึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สมาชิกยุวกาชาด ได้แก่เยาวชนอายุ 7-18 ปี ที่กาลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาหรือ เยาวชนท่ีกาลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลายและเลือกเรียนยุวกาชาดตาม
28 หลักสูตรการเรียนการสอนยุวกาชาดของกระทรวงศึกษาธิการและอาสายุวกาชาด ได้แก่ กลุ่มบุคคล อายุระหว่าง 15-25 ปี หรอื บุคคลทีก่ าลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายถึงระดับอดุ มศึกษา หรือเทียบเท่าทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาซ่ึงมีความสนใจสมัครเป็นอาสายุวกาชาด ได้ผ่าน การอบรมหลักสูตรพ้ืนฐานของยุวกาชาด และสังกัดชมรมอาสายุวกาชาด (สานักงานยุวกาชาด. 2550:14) กิจกรรมอาสายุวกาชาดเป็นกิจกรรมที่สานักงานยุวกาชาดสภากาชาดไทย จัดข้ึนเพื่อ เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลในสถานศึกษาทุกสังกัดในหน่วยงานพัฒนาเยาวชน ได้มีโอกาสพัฒนา คุณภาพชีวิตท่ีดีมีคุณธรรมและจริยธรรม มีจิตใจเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตามอุดมการณ์ของกาชาดและยุวกาชาด ตลอดทั้งได้เพิ่มพูนความรู้และทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการ ดาเนินชีวิตและช่วยเหลือผู้อ่ืนได้ตามกาลังความสามารถ สานักงานยุวกาชาดได้ดาเนินงานให้มีการ จัดตั้งชมรมอาสายุวกาชาด สร้างและขยายเครือข่ายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา การดาเนินงานด้านอาสายุวกาชาดได้ดาเนินการภายใต้ภารกิจการพัฒนาเยาวชนท่ีถือปฏิบัติ เหมือนกันทั่วโลก คือ การเผยแพร่หลักการกาชาดและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (Education for Peace) , การฝึกฝนทักษะการป้องกันชีวิตและสุขภาพ (Good Healthy) การ บริการชุมชนและการบาเพ็ญประโยชน์ (Good Service) และการสร้างสัมพันธภาพในหมู่เยาวชน และประชาชน (International Friendship) โดยดาเนินโครงการในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการพัฒนา ศักยภาพอาสายุวกาชาดและการส่งเสริมบทบาทของอาสายุวกาชาดในชุมชนด้วยการสนับสนุน งบประมาณการจัดกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในโครงการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนา คุณภาพชีวิตรวมถึงการปฏิบัติงานในเชิงรุกเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านอาสายุวกาชาด อันได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและที่ปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาดให้สามารถพัฒนาและบริหารงาน ชมรมอาสายุวกาชาด ในภูมิภาคของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโครงการอบรมวิทยากรยุวกาชาด และโครงการสนับสนุนการอบรมหลักสูตรพื้นฐานของยุวกาชาดจนทาให้ปัจจุบันมีชมรมอาสายุวกาชาด ทัว่ ประเทศ (สานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย. 2552:40) การดาเนินกิจกรรมอาสายุวกาชาด ของชมรมอาสายุวกาชาดในสถานศึกษาทั้ง ในระบบและนอกระบบทั่วประเทศท่ีอยู่ภายใต้การกากับดูแล สนับสนุน ช่วยเหลือของสานักงาน ยุวกาชาด สภากาชาดไทย มีวัตถุประสงค์ในการดาเนินงานตามข้อบังคับสภากาชาดไทย โดยการ ฝกึ อบรม ให้แก่ อาสายุวกาชาด (สภากาชาดไทย.2551: 194) ดังนี้ 1. มีอุดมคติในสนั ตสิ ุข มคี วามจงรักภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ 2. มีความรู้ ความชานาญในการรักษาอนามัยของตนเองและผู้อ่ืน ตลอดจน การพัฒนาตนเองทางรา่ งกาย คุณธรรมและธารงไว้ซ่ึงเอกลักษณท์ างวฒั นธรรมของชาติ 3. มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรม และมจี ติ ใจเมตตากรณุ าต่อเพอื่ มนุษย์ 4. บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผอู้ ืน่ ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ 5. มีจิตสานึกในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม 6. มสี มั พันธภาพและมิตรภาพทดี่ ีต่อบคุ คลทวั่ ไป การพัฒนาอาสายุวกาชาดตามวัตถุประสงค์ท่ีกล่าวมา สอดคล้องกับเป้าหมาย ประการหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 – 2554) ท่ีมี
29 กระบวนทัศน์ในการพัฒนาแบบบูรณาการเป็นองค์รวมท่ีมีคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา และอัญเชิญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฏิบัติเพ่ือมุ่งสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน โดยพัฒนาคนไทย ทุกมิติอย่างสมดุลท้ังจิตใจ ร่างกาย ความรู้และทักษะความสามารถ เพื่อให้เพียบพร้อมทั้งด้าน คุณธรรมและความรู้ ซึ่งจะนาไปสู่การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง ด้วยจิตสานึก ในศีลธรรม และคุณธรรม ทาให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและสามารถตัดสินใจโดยใช้หลัก ความพอประมาณในการดาเนินชีวิตอย่างมีจริยธรรม ซ่ือสัตย์สุจริต อดทนขยันหมั่นเพียร อันจะเป็น ภมู ิคุ้มกนั ในตัวที่ดี ให้คนไทยพร้อมเผชิญต่อการเปลย่ี นแปลงที่จะเกิดขน้ึ ดารงชีวติ อย่างมศี ักดิ์ศรีและ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อยู่ในครอบครัวท่ีอบอุ่นและสังคมท่ีสงบสันติสุขขณะเดียวกัน ก็เป็นพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาท่ีมีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็นธรรม (สานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.2554: ออนไลน)์ อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบาย ทางการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 (คณะกรรมการการศึกษา แหง่ ชาติ : 2545 : 5) ดงั ต่อไปนี้ 1. กาลังกายและกาลงั ใจทีส่ มบรู ณ์ 2. ความรูแ้ ละทักษะทีเ่ พียงพอต่อการดารงชีวติ และการพฒั นาสังคม 3. ทักษะการเรยี นรแู้ ละการปรับตัว 4. ทักษะทางสังคม 5. คุณธรรม จิตสาธารณะ และจิตสกึ ในความเปน็ พลเมอื งและพลโลก ด้วยความสอดคล้องที่ปรากฏข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาบุคคลในวัยหนุ่มสาว ด้วยกิจกรรมอาสายุวกาชาด นับเป็นการพัฒนาเพ่ือพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ตามนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ นันทวัฒน์ ภัทรกรนันท์ (2548 : 14) กลา่ วว่า การปฏบิ ัติงานของอาสายุวกาชาดข้ึนอยู่กบั สิง่ สาคัญ 2 ประการ คอื แรงจูงใจ และความสามารถพื้นฐานของอาสายุวกาชาด ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับสภากาชาดไทย ในภาพรวม บทบาทหน้าที่ของอาสายวุ กาชาด และทกั ษะ ความสามารถพ้นื ฐานด้านการปฐมพยาบาล เหล่าน้ีเป็นความสามารถพ้ืนฐาน ที่อาสายุวกาชาดทุกคนต้องได้รับการพัฒนาในการอบรมอาสายุวกาชาด หลักสูตรพ้ืนฐานยุวกาชาด ซ่ึงผลจากการพัฒนาจะส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถดังกล่าว ขา้ งต้น พรอ้ มกบั เกิดเจตคตทิ ดี่ ตี ่อการปฏิบัติงานอาสายุวกาชาด อยา่ งไรก็ตาม องคป์ ระกอบสาคัญอีก สว่ นหนง่ึ ทีส่ าคัญตอ่ การปฏิบัติงานของอาสายุวกาชาด คอื แรงจูงใจ ท่ีจะเป็นสงิ่ ผลักดันใหอ้ าสายุวกาชาด ปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจอย่างเต็มความสามารถ ศกั ด์ิไทย สุรกิจบวร (2545: 145) นาเสนอว่า แรงจูงใจสามารถผลักดันให้เราเปล่ียนแปลงเจตคติ หรือความคิดเห็นเมื่อบุคคลมีความเครียดซ่ึงเกิด จากสภาพขาดสมดุลในองค์ความคิด นั่นหมายความว่าจะต้องมีการเปล่ียนแปลงองค์ความคิด บางอย่างเพื่อให้องค์ความคิดทั้งหมดในตัวบุคคลสามารถหลอมรวมกันได้ ด้วยเหตุน้ีจะสามรถทาให้ เจตคติของบุคคลเปล่ียนแปลงไป ดังนั้นภายใต้ความมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างเจตคติท่ีดีต่อกิจกรรม ยุวกาชาดและการเป็นอาสายุวกาชาด เมื่อพิจารณาให้ชดั คอื การเสริมสร้างเจตคติท่ีดีต่อการบาเพ็ญ ประโยชน์และการสร้างสรรค์อุดมการณ์แห่งศานติสุขให้เกิดขึ้นในมวลหมู่อาสายุวกาชาด ซ่ึงก็คือ ความพยายามท่ีจะเสริมสร้างจิตสาธารณะ หรือจิตสานึกพลเมืองให้เกิดข้ึนแก่คนรุ่นใหม่ จงึ จาเป็นตอ้ งมีการดาเนินการเพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงและหลอมรวม องค์ความคิดของอาสายุวกาชาด
30 โดยการเปล่ียนแปลงหรือหลอมรวมองค์ความคิดจากประสบการณ์เดิมของอาสายุวกาชาด เข้ารับ องค์ความคิดและประสบการณ์ใหม่ ๆ อันเก่ียวเน่ืองกับการปฏิบัติงานในฐานะเป็นทรัพยากรบุคคลที่ สาคัญของสภากาชาดไทย ในการเสริมสร้างจิตสาธารณะให้เกิดข้ึนแก่อาสายุวกาชาดนั้น จาเป็นที่ ผู้รับผิดชอบการพัฒนาอาสายุวกาชาด จะต้องศึกษาและทาความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ความสาคัญ และองค์ประกอบของพฤติกรรมที่แสดงออกมาให้วัดได้ว่าอาสายุวกาชาดท่ีผ่าน การพฒั นาด้วยกระบวนการของยวุ กาชาดน้นั มีจิตสาธารณะเพ่ิมพูนขนึ้ ตลอดจนตอ้ งศึกษาถึงแนวทาง ที่จะวัดจิตสาธารณะของอาสายุวกาชาด กระบวนการท่ีจะนามาใช้ในการเสริมสร้างจิตสาธารณะ ให้เพิม่ พูนและคงอยอู่ ยา่ งยง่ั ยืนภายในจติ สานึกของอาสายุวกาชาดน้นั จะตอ้ งเป็นกิจกรรมทก่ี อ่ ให้เกิด แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งสานักงานยุวกาชาดก็ได้จัดดาเนินการในหลายรูปแบบ ท้ังในด้าน การอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเฉพาะด้านให้แก่ อาสายุวกาชาด การให้งบประมาณสนับสนุนการจัด กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในภูมภิ าคทช่ี มรมอาสายุวกาชาดตง้ั อยรู่ วมถงึ การจัดกิจกรรมเพอื่ เสรมิ สรา้ ง จิตสาธารณะตามวาระโอกาส เช่น กิจกรรมเนื่องในวันสาคัญของกิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด การเชิญชวนอาสายุวกาชาดเข้าร่วมกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของ สภากาชาดทั้งในภาวะปกติ และในภาวะท่ีต้องดาเนินภารกิจบรรเทาทุกข์เม่ือเกิดภาวะภัยพิบัติ ในภมู ิภาคตา่ ง ๆ การจดั กจิ กรรมอาสายุวกาชาด สาหรับผเู้ รียนของสานกั งาน กศน. กิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งปลูกฝังผู้เรียนของสานักงาน กศน. ด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้มีความรู้และความเข้าใจในหลักการ อุดมกรณ์ของกาชาดในด้านมนุษยธรรม การดูแล สุขภาพของตนเองและผู้อื่นรวมทั้งมีจิตอาสาในการช่วยเหลือผู้อื่นและบริการชุมชน ดังนั้น การท่ีจะ ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรยี น ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม จริยธรรม ตามค่านิยมหลัก 12 ประการของคนไทย อีกทั้งเป็นคนดีของครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. จึงควรมีบทบาท ในการจัดกิจกรรมอาสายวุ กาชาด หลกั สูตรตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. หลักสตู รพื้นฐานยุวกาชาด เปน็ หลักสูตรท่ีจัดสาหรับผเู้ รียนท่ีสนใจ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.1 เพ่ือเปน็ การเผยแพร่อดุ มการณข์ องกาชาดและยุวกาชาด 1.2 เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองของการกาชาดและยุวกาชาด ตลอดจน การดารงชวี ติ ทงั้ ในปัจจุบันและอนาคต 1.3 เพื่อเสรมิ สร้างความศรทั ธาและเจตคติท่ีดตี ่อการกาชาดและยวุ กาชาด 1.4 เพ่ือให้ผูเ้ รยี นตระหนักถึงหน้าท่ีความรบั ผิดชอบทจ่ี ะชว่ ยเหลือสงั คมสว่ นรวม มีคณุ ธรรมเป็นคนของสังคม ตารางการฝึกอบรมม่ี 6 แบบ (สามารถเลอื กได้ตามความเหมาะสม) คอื แบบท่ี 1 ตารางอบรมแบบคา่ ยพกั แรม 2 วัน 1 คนื แบบที่ 2 ตารางอบรมแบบค่ายพกั แรม 3 วนั 2 คืน แบบท่ี 3 ตารางอบรมแบบค่ายพักแรม 4 วนั 3 คืน แบบท่ี 4 ตารางแบบคา่ ยกลางวนั 2 วัน แบบท่ี 5 ตารางแบบคา่ ยกลางวัน 3 วัน แบบท่ี 6 ตารางแบบคา่ ยกลางวนั 4 วัน
31 2. หลักสตู รเฉพาะทาง สาหรบั ผู้เรยี นของสานักงาน กศน. เป็นหลักสตู รท่จี ัดสาหรบั ผู้เรียนที่ ผา่ นการอบรมในหลกั สตู รพนื้ ฐานยุวกาชาดแล้ว เปน็ การเพ่ิมศกั ยภาพและทกั ษะเฉพาะทางในเรือ่ ง ตา่ ง ๆ ดังนี้ 2.1 การปฐมพยาบาล 2.2 การดูแลผู้สงู อายุ 2.3 การเตรียมพร้อมรบั ภัยพบิ ตั ิ 2.4 การกาชาดและกฎหมายมนษุ ยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) 2.5 ความรู้เพื่อชีวิต (Fact for Life) ๔. ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง ประวัตคิ วามเป็นมาของสถานศึกษา ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอปง ได้ประกาศจัดตั้งขึ้นเป็นสถานศึกษา ราชการส่วนกลาง สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ โดยให้เป็นสถานศึกษา ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพ่ือให้บริการแก่ประชาชน ผู้ขาดโอกาส ผ้ดู อ้ ยโอกาส และพลาดโอกาสทางการศึกษาในพืน้ ท่ีอาเภอปงจังหวดั พะเยา วันท่ี 1 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้แต่งตั้ง นายพนม ขุมทอง ทาหน้าท่ีหัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอปง โดยใช้อาคารหอประชุมท่ีว่าการ อาเภอปง (เดิม) เป็นท่ีทาการและให้บริการทางการศึกษาของศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อาเภอปง วันท่ี 16 เดือนเมษายน พ.ศ. 2537 ได้แต่งต้ัง นางวิลาวัลย์ ไชยมงคล ทาหน้าท่ี หัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอปง และได้สร้างอาคารสานักงานข้ึนใหม่เมื่อ ปี 2539 เปิดบริการได้จัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียนใน 4 ลักษณะ หรือ บัว 4 กลีบ คือ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ การศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตและการศึกษาเพ่ือ พัฒนาสังคมและชุมชน ให้กับกลมุ่ เป้าหมายพ้ืนทีอ่ าเภอปง จังหวัดพะเยา วันที่ 2 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 ได้แต่งตั้งนางเพ็ญทิพย์ ประภาวดี ณ พัทลุง ดารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานศึกษาศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอปง ต่อมาได้เปล่ียน ช่ือเป็นสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ซ่ึงประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2551 เปลี่ยนเป็นศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง โดยมีช่ือย่อเรียกว่า กศน.อาเภอปง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพะเยาสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ตาม พรบ.กศน. วันท่ี 10 เดือนเมษายนพ.ศ. 2552 สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มีคาส่ัง แต่งต้งั นางสมจติ ต์ คนเท่ียง มาดารงตาแหนง่ ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง และได้มีการย้ายสถานท่ีทางานศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จากอาคารด้านหลังของห้องสมุดประชาชนอาเภอปง ย้ายมาอยู่
32 บรเิ วณด้านหน้าตดิ กับถนนขุนยม โดยได้ขออนุญาตใช้อาคารที่ทาการของกลุ่มแม่บ้านบ้านดู่ หมู่ที่ 3 ตาบลปง และได้เร่ิมดาเนินการปรับปรุงต่อเติมอาคาร ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ปรับปรุงต่อเติม อาคารด้านหลังกว้าง 8 เมตร ยาว 9 เมตร ด้านข้างกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ซึ่งได้รับการ สนับสนุนงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์จากภาคีเครือข่าย จากกิจกรรม กพช. ของนักศึกษาจากการ ทอดผ้าป่าสามัคคีและกาลังแรงกายจากบุคลากร กศน.อาเภอปงสมทบสร้างจนเสร็จ และได้ย้ายมา ปฏิบัตงิ านสานกั งาน กศน.อาเภอปง แห่งใหมเ่ มอ่ื วนั ที่ 5 พฤศจกิ ายน 2552 วนั ที่ 4 เดือน กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.25๖2 สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการไดม้ ีคาสั่ง แต่งต้ัง นายรัฐวัฒ นุธรรม มาดารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอปง จนถึงปัจจุบนั อาณาเขตท่ีตั้งสถานศึกษา อาเภอปง ตั้งอยู่พิกัด PB 344175 เป็นอาเภอท่ีใหญ่ท่ีสุดในจังหวัดพะเยา พื้นท่ี ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และเป็นพื้นที่ป่าไม้มีเน้ือท่ีทั้งหมด 1,783.45 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,108,375 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 26.67 ของพ้ืนท่ีจังหวัดพะเยา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ภาคเหนือ และอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดพะเยา ระยะห่างจากจังหวัดพะเยา ตามทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 1091 ประมาณ 78 กิโลเมตร อาณาเขต ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กับ อาเภอเชยี งคา จังหวัดพะเยา ทิศใต้ ตดิ ต่อกับ อาเภอเชยี งมว่ น จังหวดั พะเยา ทศิ ตะวนั ออก ติดต่อกับ อาเภอท่าวงั ผา จังหวัดน่าน ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ อาเภอจุน จงั หวัดพะเยา สภาพชมุ ชน ด้านการศกึ ษา ในระบบโรงเรยี น - สถานศึกษาทีด่ าเนินการจดั การศกึ ษาเด็กก่อนวยั เรียน ระดับช้ันเดก็ เล็กอนุบาล โรงเรียน ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษา จานวน 64 โรงเรยี น 10 สาขา - อาชวี ะศกึ ษา จานวน 1 แหง่ - โรงเรียน ต.ช.ด. จานวน 1 แห่ง นอกระบบโรงเรียน ด้านการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียน ในพื้นที่อาเภอปง มีศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง (กศน.อาเภอปง) เป็นสถานศึกษาท่ีดาเนินการจัดการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย โดยมหี น่วยจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในพน้ื ที่ ดังน้ี 1. กศน.ตาบล เป็นศูนย์การเรียนชุมชนระดับตาบล จานวน 7 แห่ง ได้แก่ กศน.ตาบลปง กศน.ตาบลนาปรัง กศน.ตาบลออย กศน.ตาบลควร กศน.ตาบลงิม กศน.ตาบลผาช้างน้อย และกศน.ตาบลขุนควร เป็นหน่วยจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับ กลุ่มเป้าหมายในพ้ืนท่ีตาบล โดยจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
33 (ระดับประถม , ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น , ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) จัดการศึกษาต่อเน่ือง จัดการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารของชุมชน (Information Center) เป็นศูนย์การ สร้างโอกาสการเรียนรู้ (Opportunity Center) เป็นศูนย์การเรียนชุมชน (Learning Center) เป็น ศูนยช์ ุมชน (Community Center) โดยมีภาคีเครอื ขา่ ยในพืน้ ทีร่ ว่ มจดั กิจกรรมการศึกษา 2. ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนชาวไทยภเู ขา “แมฟ่ า้ หลวง” (ศศช.) จานวน ๙ แหง่ ไดแ้ ก่ ศศช.บา้ นน้าคะ ศศช.บ้านน้าปุก , ศศช.บ้านห้วยเอ๋ียน , ศศช.บ้านสะนามเหนอื , ศศช.บ้านสะนามใต้ , ศศช.บ้านห้วยกอก ศศช.บ้านห้วยเฟือง , ศศช.บ้านน้าต้ม , ศศช.บ้านสันติสุข เป็นหน่วยจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและชาวไทยภูเขาบนพื้นที่สูง โดยการจัดการศึกษา การจัดกิจกรรมการส่งเสริมการรู้หนังสือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับวิถีชีวิตของ แต่ละพนื้ ที่ รวมทง้ั เป็นศูนยก์ ลางการเรยี นร้ใู นชุมชนบนพ้ืนที่สงู ด้านประชากร อาเภอปง แบ่งการปกครองออกเป็น 7 ตาบล ซึง่ มจี านวนประชาชนกร ทง้ั หมด ดังตาราง ประกอบดังนี้ ตารางแสดงจานวนประชากรในเขตอาเภอปงจาแนกเปน็ รายตาบล ชื่อตาบล จานวนหมบู่ า้ น ชาย หญงิ รวม จานวนหลังคาเรยี น ตาบลปง 16 3,818 3,860 7,678 2,702 ตาบลนาปรัง 9 2,168 2,777 4,945 1,714 ตาบลควร 11 2,581 2,478 5,059 1,646 ตาบลขนุ ควร 12 4,707 4,630 9,337 2,383 ตาบลออย 14 3,225 3,618 6,843 2,285 ตาบลงมิ 19 6,109 6,481 12,590 3,810 ตาบลผาช้างนอ้ ย 7 2,458 1,815 4,273 1,091 รวม 88 25,066 25,659 50,725 15,631 (ข้อมลู จานวนประชากร ณ เดือน มกราคม 25๖๔ สานักทะเบียนอาเภอปง) การบรหิ ารราชการ - ราชการบริหารส่วนภูมิภาค จานวน 7 หนว่ ย ไดแ้ ก่ ปกครอง , พัฒนาชุมชน , ทด่ี ินจงั หวัด พะเยาสาขาปง , เกษตร สสั ดี และ สาธารณสุข - ราชการบริหารส่วนกลาง จานวน 12 หน่วย ได้แก่ ตารวจภูธร , โรงพยาบาล , หมวดการทาง ปงท่ี 1 , หน่วยป้องกันรักษาป่า 3 แห่ง , หน่วยจัดการต้นน้างิม , เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดอยผาช้าง , ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง , ขนส่งจังหวัดพะเยา สาขาปง , กลุม่ ส่งเสริมฯ สรรพกร , สรรพสามติ พนื้ ทจ่ี งั หวัดพะเยา สาขาปง , ป่าไม้ , วัฒนธรรมจงั หวดั พะเยา - หนว่ ยพิทักษ์ปา่ 2 แห่ง - รัฐวิสาหกิจ จานวน 5 หน่วย ได้แก่ การไฟฟ้า , ไปรษณีย์ , ธนาคารกรุงไทย , ธนาคารออมสิน ธนาคารการเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร
34 ทาเนียบผู้บริหาร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง มีผู้บริหารสถานศึกษาท่ีได้รับ การแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งหัวหน้า/ผู้บริหาร ประจาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยอาเภอปง ตง้ั แต่เริ่มตน้ จนถงึ ปจั จุบนั ดังน้ี ลาดบั ชือ่ – สกุล ตาแหนง่ ระยะเวลาทด่ี ารงตาแหนง่ ท่ี 1 นายพนม ขุมทอง หัวหน้าศนู ย์ 1 ต.ค. 2535 – 19 ม.ี ค. 2537 2 นางวลิ าวัลย์ ไชยมงคล หวั หนา้ ศูนย์ 16 เม.ย.2537 – 2 มิ.ย. 2548 3 นางเพ็ญทิพย์ ประภาวดี ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ๓ มิ.ย.2548 – 10 เม.ย.2552 ณ พทั ลุง 4 นางสมจิตต์ คนเทยี่ ง ผู้อานวยการสถานศึกษา 1๑ เม.ย.2552 – 17 ก.พ. 2557 5 นางสาวลลี าวดี สหี บัณฑ์ ผ้อู านวยการสถานศึกษา 1๘ ก.พ.2557 – ๗ ม.ค. 2562 6 นายรฐั วัฒ นธุ รรม ผู้อานวยการสถานศกึ ษา 4 ก.พ. 2562 - ปัจจบุ ัน จานวนผ้เู รียน ผู้รับบรกิ าร และจานวนผู้สอน (๒๕๖๓) หลักสตู ร/ประเภท จานวนผ้เู รียน รวม จานวนผู้สอน (คน) ชาย หญงิ ๑๕๔ 1๒ การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ๔๗๘ 1๒ ๖๖๐ 1๒ - ระดบั ประถมศึกษา ๖๕ ๘๙ ๑,๒๙๒ 1๒ - ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ๒๗๕ ๒๐๓ - ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ๓๔๕ ๓๑๕ รวมจานวน ๖๘๕ ๖๐๗ จานวนบุคลากร (ปปี ัจจุบัน 2564) จานวน ประเภทตาแหน่ง ตากว่า ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท ปริญญาเอก รวม จานวน ปริญญาตรี - - 1 1. ผู้บริหาร - -1 - 1 - 1 2. ขา้ ราชการครู - 1 - - 21 1 3. ลูกจ้างประจา 1 - - 4. พนักงานราชการ - 21 - 5. ครศู ูนยก์ ารเรยี น - 1- ชมุ ชน 6. ครูผูส้ อนคนพิการ - 2- -2 -2 7. ลกู จา้ งชวั่ คราว - 2- - 29 รวมจานวน 1 27 1
35 ศูนยก์ ารเรยี นชุมชน ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอปง มีศนู ยก์ ารเรียนชุมชนชาวไทย ภเู ขา“แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) จานวน ๙ แหง่ ซึง่ มหี นา้ ท่จี ดั การศึกษาสาหรับชาวไทยภเู ขาในเขตพื้นท่สี งู ท่ี ศศช. ท่ตี ง้ั ผรู้ ับผิดชอบ 1 ศศช.บ้านนา้ คะ บ้านนา้ คะ หมู่ 6 ตาบลผาชา้ งน้อย นายสมบัติ เมืองเจยี ง อาเภอปง จังหวัดพะเยา น.ส.นาถอนงค์ ชนาธิป 2 ศศช.บ้านน้าปุก บา้ นนา้ ปุก หมู่ 2 ตาบลผาชา้ งน้อย นายธรี เจต อินเตม็ อาเภอปง จงั หวัดพะเยา 3 ศศช.บ้านสะนามเหนือ บ้านสะนามเหนือ หมู่ 2 นายชัยยา ปมิ แปง ตาบลผาชา้ งน้อย อาเภอปง จังหวัด พะเยา 4 ศศช.บา้ นหว้ ยกอก บา้ นห้วยกอก หมู่ 2 ตาบลผาชา้ ง นายนิติ เวยี งคา น้อย อาเภอปง จงั หวดั พะเยา 5 ศศช.บา้ นห้วยเอ๋ยี น บ้านหว้ ยเอ๋ยี น หมู่ 2 ตาบลผาช้าง นายวุฒพิ งษ์ พนั ธ์พัฒนกลุ นอ้ ย อาเภอปง จงั หวัดพะเยา 6 ศศช.บ้านสะนามใต้ บา้ นสะนามใต้ หมู่ 2 ตาบลผาชา้ ง นางณฐั กัญจน์ เจอื จาน นอ้ ย อาเภอปง จงั หวัดพะเยา 7 ศศช.บา้ นห้วยเฟือง บ้านห้วยเฟอื ง หมู่ 6 ตาบลผาชา้ ง นางเยาวนนั ท์ ถกู จิตร น้อย อาเภอปง จงั หวดั พะเยา 8 ศศช.บ้านสันติสุข บา้ นสนั ติสุข หมู่ 7 ตาบลขนุ ควร นายอานาจ เลิศคา อาเภอปง จงั หวดั พะเยา ๙ ศศช.บา้ นนา้ ตม้ บา้ นนา้ ตม้ หมู่ ๕ ตาบลผาช้างน้อย นางพัฒนา สบื เครอื อาเภอปง จังหวดั พะเยา ทิศทางการดาเนนิ การของสถานศึกษา ปรัชญา “คดิ เป็น ทาเป็น มีกิจกรรมหลากหลาย ส่เู ปา้ หมายความพอเพยี ง” วิสยั ทัศน์ “กศน.อาเภอปง เป็นองค์กรให้บรกิ าร จดั การศึกษานอกระบบทกุ รปู แบบ โดยเนน้ ชุมชนมี สว่ นรว่ มตามปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอยา่ งท่วั ถงึ ทุกพนื้ ที่” พนั ธกจิ 1. จดั และสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั บนพ้ืนทสี่ ูงและพืน้ ที่ปกติ ให้มีคณุ ภาพ 2. ส่งเสรมิ สนับสนุนการจดั การศึกษาด้านอาชีพและพฒั นาทกั ษะชีวิตตามแนวปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 3. สง่ เสริมสนับสนนุ นโยบายของรัฐบาล/จังหวัด/อาเภอ ในการใหค้ วามรเู้ พื่อพัฒนาสังคม และชุมชนให้เกิดคุณภาพชีวติ ทดี่ ขี ้นึ
36 4. สง่ เสรมิ สนบั สนุน ประสานภาคเี ครือข่าย เพ่ือจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 5. จดั และส่งเสริมใหม้ ีระบบประกันคุณภาพภายใน ตามมาตรฐาน กศน.อาเภอ ทส่ี อดคลอ้ ง กับมาตรฐานการประเมินคณุ ภาพภายนอกของสานกั รับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ รมหาชน) และมาตรฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ 6. งานอ่ืน ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย อตั ลกั ษณ์ “คิดเป็น ทาเป็น พ่ึงตนเองได้ น้อมนาเศรษฐกิจพอเพยี ง” เอกลกั ษณ์ “อยู่อย่างพอเพียง” เปา้ ประสงค์ และตัวชี้วัดความสาเร็จ พันธกจิ ท่ี 1 จดั และส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยบนพ้นื ที่สงู และพน้ื ท่ีปกติ ใหม้ ีคณุ ภาพ เปา้ ประสงค์ ตัวชวี้ ัดความสาเร็จ 1. ประชาชน/ผเู้ รียนได้รบั การศกึ ษานอกระบบ 1. จานวนผู้เข้ารบั บรกิ ารศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน/ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั โดยมุ่งเน้นเกดิ การศกึ ษาต่อเน่อื ง/การศกึ ษาตามอธั ยาศัย สุนทรยี ภาพอยา่ งมีคุณภาพ 2. ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ทดี่ ี 3. ผู้เรียนมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ 4. ผเู้ รียนมีความใฝร่ ู้และเรยี นร้อู ย่างต่อเนื่อง 5. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของผเู้ รียนการศกึ ษา ขนั้ พื้นฐาน/การศึกษาต่อเน่ือง 6. คุณภาพของหลักสตู ร 7. คุณภาพของคร/ู ผู้สอน/วทิ ยากร 8. คณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนของครูและ ผู้สอนทเี่ น้นผู้เรียน/ผ้รู ับบริการเปน็ สาคญั 9. คุณภาพสื่อท่ีเอ้ือต่อการเรียนรูข้ องผูเ้ รยี น/ ผู้รับบริการ 10. ผเู้ รียนมงี านทาหรือมรี ายได้เสริม มีทักษะ ในการทางาน สามารถทางานรว่ มกับผ้อู ่นื ไดแ้ ละ มีเจตคติท่ดี ีต่ออาชีพสุจรติ 11. ความพึงพอใจต่อการให้บรกิ ารการศึกษา ตามอัธยาศยั การศึกษาข้ันพื้นฐาน/การศกึ ษา ต่อเนอ่ื ง
37 พนั ธกจิ ท่ี 2 จัดและส่งเสรมิ สนบั สนนุ การจดั การศึกษาด้านอาชพี และพัฒนาทักษะชีวิตตามแนว ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เปา้ ประสงค์ ตวั ช้ีวัดความสาเร็จ 2. สถานศกึ ษาจดั และส่งเสริมการจัดการศึกษา 1. จานวนผูเ้ ขา้ รบั บริการการศกึ ษาด้านอาชีพ ดา้ นอาชีพและพัฒนาทักษะชีวติ โดยยึดหลัก และการศึกษาพัฒนาทกั ษะชีวิต ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง พนั ธกิจที่ 3 สง่ เสรมิ สนบั สนุนนโยบายของรัฐ/จงั หวดั /อาเภอ ในการใหค้ วามรู้เพื่อพัฒนาสังคมและ ชุมชนใหเ้ กิดคุณภาพท่ดี ีข้ึน เป้าประสงค์ ตัวชวี้ ดั ความสาเร็จ 3. สถานศกึ ษาจดั กิจกรรมส่งเสริมการแกป้ ัญหา 1. ผลท่ีเกดิ จากสง่ เสริมการจัดการศึกษานอก ของชุมชนและนานโยบายเรง่ ดว่ นของรัฐสกู่ าร ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในชมุ ชน ปฏิบัติ 2. จานวนกิจกรรมทีส่ ่งเสริมการแก้ปญั หาของ ชมุ ชนจากการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ พนั ธกจิ ที่ 4 สง่ เสรมิ สนับสนนุ ประสานภาคีเครือขา่ ย เพอื่ จัดการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อธั ยาศัย เป้าประสงค์ ตวั ชว้ี ัดความสาเรจ็ 4. ภาคีเครอื ขา่ ยมสี ว่ นร่วมในการจดั การศกึ ษา 1. ร้อยละของจานวนภาคีเครือข่ายท่ีทา MOU นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย เพ่มิ ขึ้น 2. รอ้ ยละของจานวนเครอื ข่ายท่จี ัดกจิ กรรมและ สนับสนนุ การจัดการเรยี นรู้ พันธกิจที่ 5 จดั และสง่ เสริมใหม้ ีระบบประกันคุณภาพภายใน ตามมาตรฐาน กศน.อาเภอ ทีส่ อดคล้อง กบั มาตรฐานการประเมินคุณภาพภายนอกสานักงานรับรองมาตรฐานการศกึ ษาและประเมนิ คุณภาพ การศกึ ษา (องค์การมหาชน) เปา้ ประสงค์ ตัวชีว้ ัดความสาเรจ็ 5. สถานศกึ ษามรี ะบบประกันคุณภาพภายใน 1. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สถานศึกษา 2. การประเมินคุณภาพภายในโดยตน้ สงั กดั 3. ผลการสง่ เสรมิ พัฒนาสถานศกึ ษาเพ่ือยกระดับ มาตรฐาน รักษามาตรฐานและพัฒนาสคู่ วาม ยั่งยืน เพื่อใหส้ อดคล้องกับนโยบายทางการศกึ ษา ของกระทรวงศึกษาธกิ าร 4. จานวนครง้ั ของการนิเทศ 5. ความพึงพอใจต่อการนิเทศงาน กศน.
38 กลยุทธ์ กลยุทธ์ท่ี 1 เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกพ้ืนท่ี หมายถึง ทางานโดยให้บริการถึงท่ีถึงถ่ินให้เข้าถึง กลุ่มเป้าหมายประชากรวัยแรงงานในอาเภอปงอย่างท่ัวถึงคลอบคลุมทุกหมู่บ้านหรือชุมชน ทั้งพ้ืนที่สูง และพื้นท่ีปกติ โดยการประชาสัมพันธ์ การวิเคราะห์ความต้องการทางการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ ตามความต้องการของผู้เรียน การพฒั นาระบบขอ้ มูล ระบบขอ้ มูลเชื่อมโยงกบั องค์กรเครือข่ายพัฒนา หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรท้องถิ่น เป็นศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการศึกษา นอกโรงเรียนเพ่อื เน้นการบริการกบั ผู้เรียนและประชาชนกล่มุ เป้าหมายทกุ กลุ่ม กลยุทธ์ที่ 2 จัดกิจกรรมหลากหลายโดนใจผู้เรียน หมายถึง จัดกิจกรรมให้กับกลุ่มเป้าหมาย ท่ีหลากหลายตามความต้องการของผู้เรียน เช่น การจัดการศึกษาอาชีพ การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนา ทักษะชีวิต การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลยุทธ์ที่ 3 ขยายแหล่งเรียนรู้และเทคโนโลยี หมายถึง เปิดโอกาสและช่องทางการเรียนรู้ ให้กับประชาชนในพ้ืนที่อาเภอปง โดยเน้นให้มีแหล่งเรยี นรู้ ดังน้ี จดั / สนับสนนุ /ประสานงาน/พัฒนา และส่งเสริมแหลง่ เรยี นรู้ เช่น หอ้ งประชาชน กศน.ตาบล ศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชน แหล่งเรียนรูอ้ ืน่ ๆ กลยุทธ์ท่ี 4 ผนึกกาลังภาคีเครือข่าย หมายถึง จัดส่งเสริม/สนับสนุน/ประสานงานภาคี เครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดและให้บริการทางการศึกษาให้หลากหลายรูปแบบ เช่น การสนับสนุน ด้านอาคารสถานท่ีในการจัดกิจกรรม งบประมาณ ส่ือการเรียนรู้ วิทยากร รวมถึงการทาบันทึก ขอ้ ตกลงความรว่ มมือ (MOU) กลยุทธ์ท่ี 5 พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการ หมายถึง พัฒนาคุณภาพระบบบริหาร จดั การสถานศึกษา เช่น การพัฒนาบุคลากร งานการเงิน งานพัสดุ และระบบงานภายในสถานศึกษา เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศ การนิเทศการศึกษา การบริหารความเสี่ยง ตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการพัฒนาระบบงานตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา อย่างต่อเน่ืองด้วยระบบประกันคุณภาพ PDCA พร้อมท้ังเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการประเมิน คุณภาพภายในและภายนอก ๕. งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง งานวจิ ยั ในประเทศ สกล วรเจริญศรี (2550 : 193 – 200 ) ได้ศึกษาทักษะชีวิต และสร้างโมเดลกลุ่มเพื่อ พัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนวัยรุ่น มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาองค์ประกอบของทักษะชีวิตและสร้าง โมเดลกลุ่ม ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนวัยรุ่น ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบทักษะด้านสังคม องค์ประกอบด้านความคิด และองค์ประกอบทักษะด้านการเผชิญ ทางอารมณ์ โมเดลกลุ่มฝึกอบรมเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต ประกอบด้วย 3 ข้ันตอน คือ ข้ันเริ่มต้น ขนั้ ดาเนนิ การ และขนั้ ยตุ ิการฝกึ อบรม ชัชฎาพร โชคสงวนทรัพย์ (2551) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผลการวิจัยพบว่า 1) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในอาเภอ ทองผาภูมิ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษากาญจนบุรี เขต 3 ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
39 พบว่าโดยภาพรวมและรายดา้ นอยู่ในระดบั มาก โดยเรียงคา่ เฉลย่ี จากมากไปน้อยดังน้ี กาหนดนโยบาย และแนวทางปฏิบัติ ประเมินและรายงาน ส่งเสริมสนับสนุน และนิเทศ ติดตาม 2) บทบาทของ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาในอาเภอทองผาภูมิ สังกัดสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษากาญจนบุรี เขต 3 ในการ จัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น โดยจาแนกตามคุณวุฒพิ บว่าโดยภาพรวมและแยกพิจารณาเป็นรายดา้ นไม่มี ความแตกต่างกัน ดวงละพา กุดนอก (2551 : 92 – 95) ได้ศึกษายุทธศาสตร์การพัฒนากิจกรรมค่าย เยาวชนเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตของนักเรียนตาบลโนนหอม อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร มี 3 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์เชิงรุก ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดังนี้ 1) การใช้กระบวนการแบบ มีส่วนร่วมของชุมชน 2) การดูแลช่วยเหลือนักเรียนท้ังในโรงเรียนและชุมชน 3) การอบรมและ การศึกษาดูงาน 4) สร้างเครือข่าย แกนนาเยาวชนเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต และ 5) การพัฒนา นักเรียนครอบครัว โรงเรียน หมู่บ้านต้นแบบเพ่ือเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเอง ยุทธศาสตร์ การพลิกฟื้น ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ดังน้ี 1) พัฒนากิจกรรมค่ายเยาวชน 2) ส่งเสริมการจัด กิจกรรมวันแม่และวันสาคัญต่าง ๆ ในกลุ่มเยาวชน และยุทธศาสตร์การป้องกัน ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ดังน้ี 1) ส่งเสริมแผนงานพัฒนาเยาวชน เข้าสู่แผนงานองค์การบริหารส่วนตาบลและ 2) พฒั นาการประเมินและสรุปผลการดาเนนิ งานให้เปน็ รปู ธรรม นางวรรณา หมาดเท่ง (2551) ได้ศกึ ษาวิจยั เรื่อง บทบาทของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหาร จัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า 1. บทบาท ของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครเขต 3 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย ดังน้ี ผู้อานวยความสะดวก ผู้ประเมิน ผู้ส่งเสริมสนับสนุน ผู้คาดการณ์ และผู้ให้คาปรึกษา 2. การบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนของโรงเรียนเอกชนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษากรุงเทพมหานครเขต 3 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ขั้นเตรียมความพร้อม ขน้ั การปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และขั้นการประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3. บทบาท ของผู้บริหารด้านผู้อานวยความสะดวก ด้านผู้ส่งเสริมสนับสนุน ด้านผู้ประเมิน ด้านผู้ให้คาปรึกษา และด้านผู้คาดการณ์ ส่งผลต่อการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนเอกชนในสังกัด สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษากรงุ เทพมหานครเขต 3 ในภาพรวม ศุภรัตน์ อม่ิ วัฒนกุล (2552 : บทคัดย่อ) ไดศ้ ึกษาเรอ่ื งผลของการประยุกต์ใช้โปแกรมทักษะชีวิต ร่วมกับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง (5A’s) เพ่ือป้องกันการสูบบุหรี่ในวัยรุ่น ชุมชนแออัด ผลการศึกษาพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉล่ียพฤติกรรมป้องกันการสูบบุหร่ีสูงกว่า กลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ 0.5 เมื่อเปรียบเทียบภายในกลุ่มทดลองพบว่า หลังการ ทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการจัดการกับความเครียดและพฤติกรรมป้องกันการสูบบุหร่ีกว่าก่อนการ ทดลองอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนระยะติดตามผลมีเพียงคะแนนเฉล่ียพฤติกรรม ในการป้องกัน การสูบบุหรี่สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสาคัญทางสถิตท่ี .05 ส่วนทัศนคติและ ทักษะการตัดสินใจ พบว่าหลังการทดสอบมีคะแนนเฉล่ียสูงกว่าระยะติดตามผลอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติท่ีระดับ .05 ส่วนคะแนนเฉล่ียด้านอ่ืน ๆ ไม่แตกต่างกับก่อนการทดลองและไม่แตกต่างกับ กลุ่มเปรยี บเทยี บ
40 ปณิธิกฤษติ์ เลิศล้า (2555, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารกิจการ นักเรียนกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศึกษา เขต 10 ผลการศึกษาพบว่า 1) การบริหารกิจการนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านงาน แนะแนวอยู่ในอันดับสูงสุด รองลงมาคือ ด้านกิจกรรมนักเรียน และด้านงานปกครอง ตามลาดับ 2) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศึกษา เขต 10 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านมุ่งม่ันในการทางาน อยู่ในอันดับสูงสุด รองลงมา คือ ด้านอยู่อย่างพอเพียง และด้านใฝ่เรียนรู้ ตามลาดับ 3) ความสัมพันธ์ระหว่าง การบริหารกิจการนักเรียนกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในสถานศึกษา สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 โดยรวมมีความสัมพันธ์กันในทิศทางบวก อยู่ในระดับปานกลาง อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ข้อค้นพบจากการวิจัย คือ ผู้บริหาร สถานศกึ ษาตอ้ งกาหนดนโยบายการบริหารกิจการนักเรยี นใหส้ อดคล้องกบั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยการส่งเสริมแนะแนวทางให้นักเรียนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และป รับปรุงการมีส่วนร่วมของครูใน การพั ฒ น าด้าน กิจกรรม นั กเรียน เพ่ื อให้ คุณ ลักษณ ะอันพึ ง ประสงค์ของนักเรียนทุกดา้ นสูงขนึ้ สุกิจ โพธิ์ศิริกุล (2553 : 157 – 160) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาตัวบ่งชี้ทักษะในการ ดาเนินชีวิตของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตัวบ่งชี้ การพัฒนาทักษะในการดาเนินชีวิตของนักเรียนโรงเรียน มัธยมศึกษา และเพ่ือทดสอบความสอดคล้องของโมเดลโครงสร้างตัวบ่งช้ี การพัฒนาทักษะ ในการดาเนินชีวิต และนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษากับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัยพบว่า ตัวแปร ท่ีเป็นองค์ประกอบหลักท่ีมีอิทธิพลต่อการพัฒนาทักษะชีวิต ของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ องค์ประกอบด้านมนุษย์สัมพันธ์และการส่ือสาร องค์ประกอบทักษะด้านการตัดสินใจ และ องค์ประกอบด้านการเลือกดาเนินชีวิตและผลการ ตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชิงโครงสร้างพบว่า โมเดลมคี วามสอดคลอ้ งกับข้อมลู เชงิ ประจักษ์ มณฑนา บรรพสุทธิ์ (2553 : ง) ได้วิจัยเรื่องการพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ทักษะชีวิต ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทักษะชีวิตของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ก่อน และหลังการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 โดยค่าเฉลี่ยของคะแนน การคิดแก้ปัญหาทักษะชีวิตของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรูม้ ีค่าเฉล่ียของ คะแนนสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ 2) ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทักษะชีวิตของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2 ท่ีจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน มีค่าเฉลี่ยของคะแนนอยู่ในระดับปานกลาง และพัฒนาการของความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทักษะชีวิตด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็น ฐานของนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละแผนกิจกรรมแนะแนว โดยนักเรียนมีพัฒนาการอยู่ในระดับ ปานกลางเป็นอันดับท่ี 1 คือ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยกาหนดเกณฑ์ เพ่ือประเมินแนวทาง แก้ปัญหา และเสนอแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาแผนปฏิบัติงานอยู่ในระดับต่าเป็นฐานอยู่อันดับ สุดท้าย 3) ความคดิ ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ทีม่ ตี อ่ การจัดการเรยี นรแู้ บบปัญหาเป็นฐาน
41 อยู่ในระดับเห็นด้วยมากท้ัง 3 ด้าน โดยนักเรียนเห็นด้วยมากเป็นอันดับท่ี 1 คือ ด้านบรรยากาศ การเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู ละดา้ นประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั ตามลาดับ ดิฐภัทร บวรชัย (255๕ : 237 – 242) ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้าง ทักษะชีวิตเพ่ือป้องกันยาเสพติดสาหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า ทักษะชีวิตท่ีต้องการพัฒนามากท่ีสุด คือ การควบคุมตนเอง โดยหลักสูตรเสริม มี 3 ขั้น คือ ขั้นท่ี 1 การนาหลักสูตรเสริมไปใช้ในโรงเรียน ข้ันที่ 2 การประเมินผลการใช้หลักสูตรเสริม ขั้นท่ี 3 การประเมินความพึงพอใจต่อการใช้หลักสูตรเสริม จากการตรวจสอบประสิทธิภาพ ของหลักสูตรเสริม พบว่าในระดับความรู้ด้านเจตคติ ด้านความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การใช้หลกั สูตรเสรมิ มีคา่ เฉล่ียสงู ปิยาภรณ์ พุ่มแก้ว (2555 : 173 – 174) ศึกษาเกี่ยวกับ การพัฒนาหลักสูตรทักษะชีวิต โดยใช้การคิด เป็นฐานการเรียนรู้สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ผลการวิจัยพบว่า ได้องค์ประกอบของ ทักษะชีวิต 5 ด้านเรียกว่า “ Five Smarts” ได้แก่ 1) ความสามารถในกาคิด (Thinking Smart : T - Smart) 2 ) ค วาม สามารถใน การตัดสิน ใจ (Decision Making and Problem Solving Smart : D - Smart) 3) ความสามรถในการส่ือสารและทักษะทางสังคม C – Smart (Communication and Social Smart : C - Smart) 4) ความสามารถในการควบคุม อารมณ์และจัดการกบั ความเครยี ด (Emotional Control and Coping Stress Smart : E - Smart) 5) ความสามารถในการรู้จักและเข้าใจตนเอง (Self Smart : S - Smart) และพบว่าคะแนนประเมิน ทักษะชีวิตของกลุ่มทดลองหลังการใช้หลักสูตรกับก่อนการใช้ หลักสูตรที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ทิ ่ีระดบั .05 ลกั ขณา ใจเท่ียงกลุ (2556) ได้ศกึ ษาวิจัยเร่อื งพฤตกิ รรมการนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษา ทส่ี ่งผลต่อการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในสงั กัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต2 ผลการวิจัยพบว่า 1.พฤติกรรมการนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากท้ัง 4 ด้าน โดยเรียงลาดับตามมัชฌิมเลขคณิตจากมากไปหาน้อย ดังน้ี พฤติกรรมการนิเทศแบบไม่ช้ีนา พฤติกรรมการนิเทศแบบร่วมมือพฤติกรรมการนิเทศแบบช้ีนา โดยการควบคุม และพฤติกรรมการนิเทศแบบชี้นาโดยให้ข้อมูลข่าวสาร 2. การจัดกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากโดยเรียงลาดับตามมัชฌิมเลขคณิ ตจากมากไปหาน้อย ดังน้ี กิจกรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมแนะแนว 3.พฤติกรรมการนิเทศของผู้บริหาร สถานศึกษาด้านการนิเทศแบบรว่ มมือ ด้านพฤติกรรมการนิเทศแบบไม่ช้ีนา ด้านพฤติกรรมการนิเทศ แบบชี้นาโดยการควบคุมและด้านพฤติกรรมการนิเทศแบบชี้นาโดยให้ข้อมูลข่าวสารส่งผลต่อการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2 โดยภาพรวมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่รี ะดบั .01
42 ศักด์ินคร สีหอแก้ว (2557: 153 – 165) ได้ศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการสอนเพ่ือพัฒนา ทักษะชีวิต สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษา ขอ้ มลู พ้นื ฐานการปฏิบัตพิ ฤติกรรมทักษะชวี ิตสาหรบั นักเรียน โดยสัมภาษณค์ รผู ู้สอน และนักเรยี น พบว่า นกั เรียนยังมีการปฏบิ ัติทักษะชีวิตระดบั น้อยทุกทักษะ ได้แก่ ทักษะการตระหนัก รู้และเห็น คุณค่าในตนเองและผู้อื่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ทักษะ การจัดการกับอารมณ์และความเครียดและทักษะการสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีกับผู้อ่ืน 2) ผลการศึกษา ข้อมูลพ้ืนฐานจากแบบสารวจครูผู้สอนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา พบว่า นักเรียนส่วนมากยังมีพฤติกรรมทักษะชีวิตท่ียังต้องพัฒนา มีการปฏิบัติพฤติกรรมทักษะชีวิตอยู่ใน ระดับน้อย ครแู ละนักเรยี นมคี วามต้องการพัฒนาทักษะชวี ิตทุกทักษะ ได้แก่ ทกั ษะการตระหนักรู้และ เห็นคุณคา่ ในตนเองและผู้อ่ืน พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มกั จะมองข้ามตนเองขาดความเช่ือม่ันในตัวเอง ทักษะการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง มักจะตัดสินใจตามพวกพ้องหรือไม่ก็เกิดจากการขอร้องขาดกระบวนการ ไตร่ตรอง ส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์หรอื กาลังไม่ยง้ั คิด ไม่มเี หตุผล ไม่นกึ ถึงผลเสียท่ีจะเกิดข้ึน ภายหลัง ส่วนใหญ่ไม่นาข้อมูลข่าวสารมาแก้ปัญหา กลับใช้ข้อมูลข่าวสารในทางเสื่อม ทักษะการ จัดการกับอารมณ์และความเครียด พบว่า นักเรียนส่วนมากจะมีความกังวลในเรื่องปัญหาครอบครัว เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ปัญหาส่วนตัว โดยเฉพาะปัญหาทางเพศและปัญหาความไม่พร้อม ทางการเรียน ขาดการควบคุมอารมณ์ของตนเอง เป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ส่วนมากแสดงพฤติกรรม ก้าวร้าว ชอบทาตัวเป็นจุดเด่นของสังคมในทางที่เส่ือมเสีย ใช้วิธีผ่อนคลายความเครียด ด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ ทักษะการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อ่ืน พบว่า นักเรียนส่วนมาก มีการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับเพศตรงข้าม แต่เพศเดียวกันยังถือว่าน้อย การใช้ภาษาในการส่ือสาร ยังเป็นภาษาท่ีไม่ค่อยสุภาพเท่าที่ควร การวางตัวในสังคมยังไม่เหมาะสม การสื่อสารจะเลือกใช้ เทคโนโลยีส่ือสารกันแล้วเก็บความลับรเู้ ฉพาะวงการเดียวกัน การให้ความรว่ มมือยงั มีนอ้ ย 3) รูปแบบ การสอนเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตมีลักษณะเป็นแบบแผนจาลอง ท่ีเป็นเอกสารประกอบด้วย คาชี้แจง หลักการ แนวคิดทฤษฎี โครงสร้างเน้ือหา มาตรฐาน/ตัวชี้วัด หน่วยการเรียนรู้กิจกรรมการเรียน การสอน การวัดประเมินผล มีความสอดคลอ้ งเชิงโครงสรา้ ง มคี ุณภาพด้านความเหมาะสมอยใู่ นระดับ มาก 4) ผลการประเมิน การทดลองใช้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา พบว่า นักเรียนมีทักษะชีวิตหลังการทดลอง สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลการประเมินทักษะชีวิตของ นักเรยี นหลังการทดลองกับระยะติดตามผล ณะภา ลีพรม (2559) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานกิจการนักเรียน ในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 : กรณีกิจกรรมชุมนุม, กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี-ยุวกาชาด และกิจกรรมสภานักเรียน การวิจัยมีความมุ่งหมายเพ่ือพัฒนา และตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานกิจการนักเรยี นในโรงเรียน สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ผลการวิจยั พบว่า 1. รูปแบบการบริหารงานกิจการ นักเรียนในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 มีท้ังหมด 2 องค์ประกอบ คือ
43 1) กระบวนการบริหารงานกิจการนักเรียน ประกอบด้วย การวางแผน การดาเนินงาน การติดตาม ประเมินผล และการปรับปรุงพัฒนา และ 2) ขอบข่ายงานกิจการนักเรียน ประกอบด้วยกิจกรรม ชุมนุม กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี-ยุวกาชาด และกิจกรรมสภานักเรียน 2. ผลการตรวจสอบความ เหมาะสมรูปแบบการบริหารงานกิจการนักเรียนในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 3 พบว่า มีความเหมาะสมโดยรวมในระดับมาก งานวิจัยตา่ งประเทศ แคททีรอลล์ Catherall (1995) ได้ทาการวิจัยเร่ือง การประเมินผลความสามารถในการ เลอื กวชิ าลูกเสือ ผลการวิจัยพบวา่ การประเมินโปรแกรมการจดั วชิ าลูกเสือของสหรัฐอเมริการะหว่าง โครงการนาร่อง 2 ปี ในพื้นที่ 2 แห่ง ของภาคตะวันตก เพื่อเป็นการกาหนดนโยบายหรือตัดสินว่า เด็กชาย 14- 15 ปี ควรจะได้รับการจูงใจเข้าสู่โปรแกรมการจัดวิชาลูกเสือ ซึ่งใช้วิธีที่ทาสืบกันมา จากผลการศึกษา 3 คร้ัง ในระหวา่ งโครงการนารอ่ ง ผลการวิจยั ชี้ใหเ้ หน็ วา่ วชิ าการลกู เสือไม่ไดข้ ้ึนกับ การรบั สมาชิกใหม่หรือการรักษาจานวนสมาชกิ ให้คงอยู่ แต่ขึน้ อยู่กับการฝกึ อบรม การเร้าความสนใจ ตอ่ วิชาลกู เสอื มากกว่า\" อาลิซาเบธ (Elizabeth.2001 : Online) ได้ศึกษาผลกระทบของโปรแกรมการพัฒนาทกั ษะ ชีวิตของวัยรุ่น โดยโปรแกรมของการพัฒนาทักษะชีวิตประกอบด้วยดังนี้ ทักษะการต้ังเป้าหมาย ทกั ษะการแกป้ ัญหา และทักษะการสนับสนุนทางสังคมโดยมีวตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา คอื การสอน ให้วัยรุ่นรู้จักควบคุมตนเอง และมีความเช่ือม่ันในตนเองเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ดีในอนาคตซ่ึงผล การศกึ ษาพบวา่ วัยรุ่นมที ักษะชวี ติ ทด่ี ีขน้ึ หลงั จากการเข้ารบั โปรแกรมการพฒั นาทักษะชีวิต เบนเดอร์ (Bender.2002: Online) ได้สร้างโปรแกรมทักษะชีวิตเพื่อใช้ในการพัฒนาทักษะ ชีวิตด้านส่วนตัว และด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลกับผู้เรียน (เกรด 7 อายุ 12 – 16 ปี) โดยใช้ รูปแบบของโปรแกรมการวิจัยแบบกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวโดยมีการทดสอบ ก่อนและหลังการทดลอง (One Group Pre-test Post-test Experiment Design) ซ่ึงโปรแกรมทักษะชีวิตมจี านวนคร้งั ในการ ทดลองท้ังหมด 12 คร้ังและใช้เวลาครั้งละ 1.30 ช่ัวโมง ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่าง มที ักษะชวี ติ เพิม่ ขน้ึ หลังเข้ารว่ มการอบรม อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 กริฟฟิน และบอทวิน (Griffin ; & Botvin. 2003 : Abstract) ได้ศึกษาประสิทธิผล ของโปรแกรมการป้องกันในโรงเรียนกับวยั รุ่นกลุ่มเส่ียงในการใชย้ าเสพติดในระยะต้นโดยการศกึ ษานี้ ได้ใช้โปรแกรมการฝึกทักษะชีวิต (Life Skills Program Training) โดยมีโรงเรียนเป็นพื้นฐาน (School - Based) โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนในเมืองใน 29 โรงเรียนในนิวยอร์กที่มีผลการเรียน ต่าตลอดจนมีกลุ่มเพื่อนท่ีใช้ยาเสพติด ผลการศึกษาพบว่า หลังจากกลุ่มตัวอย่างที่ได้เข้ารับการฝึก ทักษะชีวิตจะมีความสัมพันธ์ในระดับต่ากับการใช้ยาเสพติด และได้มีการติดตามผลการทอลอง ในระยะยาว 1 ปี พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับโปรแกรมการฝึกทักษะชีวิตที่เป็นกลุ่มเส่ียง มีอัตรา การใช้ยาเสพตดิ ในระดับตา่ มากกวา่ กลุม่ ท่ีมาไดเ้ ขา้ รับการฝกึ ทกั ษะชวี ติ สลิกเกอร์ และคนอื่น ๆ (Slicker ; et al. 2005 : Online) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง รูปแบบการเลี้ยงดูของพ่อแม่ต่อการพัฒนาทักษะชีวิตของวัยรุ่นตอนปลายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนในระดับปริญญาตรีชั้นปีท่ี 1 ในมหาวิทยาลัยมิทเซาท์ จานวน 660 คน แบง่ เปน็ เพศหญงิ ร้อยละ 68.2 และเพศชายร้อยละ 22.7 มคี ่าเฉล่ียอายุ 17.9 ปี
44 โดยการสารวจการรบั รู้ในพฤติกรรมการเลย้ี งดูของพ่อแม่และการรับรูข้ องทักษะชีวิตของกลุ่มตัวอยา่ ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการส่ือสารระหว่างบุคคล ด้านการตัดสินใจ ด้านการดูแลรักษา สุขภาพ และด้านการพัฒนาเอกลักษณ์ของตนเอง ผลจากการศึกษาพบว่า การพัฒนาทักษะชีวิตของ วัยรุ่นท้ัง 4 ด้าน มคี วามสมั พันธ์กบั รูปแบบการเลีย้ งดขู องพ่อแมใ่ นระดับสูง
45 บทที่ 3 วิธีการประเมนิ แนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จงั หวัดพะเยา ผวู้ ิจัยมวี ธิ ีการดาเนนิ การดังนี้ 1. ประชากรกลุม่ ตัวอย่าง 2. เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3. ขน้ั ตอนในการสรา้ งเครอื่ งมอื 4. การหาคณุ ภาพของเครอื่ งมือ 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล 6. การจดั ทาขอ้ มูลและการวเิ คราะหข์ ้อมูล 7. สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ๑. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 1.1 ประชากร ที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา และอาสายุวกาชาด นอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพะเยา ปีการศึกษา 2563 ประกอบด้วย กลุ่มท่ี 1 ผบู้ รหิ าร ข้าราชการครู ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ ครศู ูนย์การเรียนชมุ ชน ครผู ู้สอนคนพิการ ลูกจ้างช่ัวคราว จานวน 29 คน จาแนกเป็นผู้บริหาร จานวน 1 คน ข้าราชการครู จานวน 1 คน ลกู จ้างประจา จานวน 1 คน พนักงานราชการ จานวน 21 คน ครศู นู ยก์ ารเรียนชุมชน จานวน 1 คน ครสู อนคนพิการ จานวน 2 คน ลูกจา้ งชวั่ คราว จานวน 2 คน กลุ่มท่ี 2 อาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน จานวน 60 คน 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ทีใ่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลครั้งน้ี ประกอบด้วย 1) กลุ่มท่ี 1 ผู้บริหาร ข้าราชการครู ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ ครูศูนย์การเรียน ชุมชน ครูผู้สอนคนพิการ ลูกจ้างช่ัวคราว จานวน 29 คน จาแนกเป็น ผู้บริหาร จานวน 1 คน ข้าราชการครู จานวน 1 คน ลูกจ้างประจา จานวน 1 คน พนักงานราชการ จานวน 21 คน ครูศูนยก์ ารเรียนชุมชน จานวน 1 คน ครสู อนคนพิการ จานวน 2 คน ลูกจ้างช่ัวคราว จานวน 2 คน ได้มาโดยวธิ ีการสมุ่ อย่างง่าย (Simple Random Sampling) 2) กลุ่มท่ี 2 อาสายุวกาชาดนอกโรงเรยี น จานวน 60 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)
46 ตาราง 1 จานวนประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากร กลุ่มตัวอยา่ ง ผู้ให้ขอ้ มลู 1 1 กลุม่ ท่ี 1 ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 1 1 1 1 1. ผู้บรหิ าร 21 21 2. ขา้ ราชการครู 1 1 3. ลูกจา้ งประจา 2 2 4. พนักงานราชการ 2 2 5. ครศู นู ยก์ ารเรียนชุมชน 29 29 6. ครผู สู้ อนคนพิการ 7. ลกู จา้ งช่วั คราว 60 60 รวม กลุม่ ท่ี 2 อาสายุวกาชาดนอกโรงเรยี น 1. อาสายวุ กาชาดนอกโรงเรยี น กลุ่มเป้าหมายสาหรับเกบ็ ข้อมูลโดยการสนทนาแบบกลุ่ม (Focus Group) ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection) จานวน 7 คน ประกอบด้วย ผ้อู านวยการสถานศึกษา จานวน 1 คน ครผู ู้รับผดิ ชอบกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน จานวน 1 คน ครผู สู้ อนที่มสี ว่ นดาเนนิ งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จานวน 1 คน ตวั แทนผูป้ กครองอาสายวุ กาชาดนอกโรงเรียน จานวน 2 คน ตัวแทนอาสายวุ กาชาดนอกโรงเรยี น จานวน 2 คน 2. เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ประกอบดว้ ย 1. แบบสอบถามสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จังหวดั พะเยา 2. แบบบนั ทึกการสนทนากลุ่ม (Focus Group) รายละเอยี ดของเครื่องมือ มีดังน้ี 1. แบบสอบถามสภาพและการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นแบบสอบถาม (Questionnaires) ประเภทคาถามปลายปิด (Closed form) และ คาถามปลายเปิด (Opened form) โดยคาถามปลายปิดมีลักษณะเป็นตัวเลขมาตราส่วนประมาณค่า (Numerical rating scale) 5 ระดบั ซ่งึ แบง่ แบบสอบถามออกเปน็ 2 ฉบบั ดังน้ี
47 ฉบับท่ี 1 แบบสอบถามแนวทางการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านกิจกรรมพัฒนา ทักษะชีวิตกรณีศึกษาอาสายุวกาชาด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จังหวัดพะเยา สาหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วยสภาพการดาเนินงาน 4 ด้าน คือ ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยนาเข้า (Input) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลผลิต (Product) ตามขอบข่ายกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ในจุดเน้น 8 เร่ือง คือ 1) ทักษะชีวิตเพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด 2) ทักษะชีวิต เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้เพศศึกษาเพ่ือแก้ปัญหาเอดส์ 3) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริมคุณธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ 4) ทักษะชีวิตเพื่อ ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม 5) ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สิน 6) ทักษะชีวิตเพ่ือส่งเสริมสุขภาพกาย – จิต 7) ทักษะชีวิตเพื่อส่งเสริม ประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ8) ทักษะชีวิตอื่น ๆ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดยมีข้อคาถามจานวน 70 ข้อ กาหนดค่าระดับความคดิ เห็นเป็น 5 ระดบั คอื มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง น้อย และนอ้ ยท่ีสดุ ฉบับท่ี 2 แบบสอบถามการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ด้านกิจกรรมพฒั นาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จงั หวดั พะเยา สาหรบั อาสายุวกาชาด เปน็ เนือ้ หาตามขอบขา่ ยกจิ กรรมพฒั นาทักษะชวี ติ ในจดุ เนน้ 8 เรือ่ ง แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดยมีจานวนข้อคาถาม 20 ข้อ กาหนดค่าระดับ ความคิดเห็นเป็น 5 ระดบั คือ มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย และน้อยที่สดุ 2. ลักษณะแบบสอบถามมลี กั ษณะดงั นี้ ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเป็นแบบสารวจรายการ (check list) เกี่ยวกบั ข้อมลู ทั่วไป ของผู้ตอบ ตอนท่ี 2 แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ตามวิธีของ ลิเคอร์ท (Likert) (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545 : 96) โดยมีรายการท่ีเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า (Rating Scale) โดยแบง่ ระดบั ความคดิ เห็นออกเป็น 5 ระดบั คือ 5 หมายถึง มีความคิดเห็นอยใู่ นระดับมากที่สดุ 4 หมายถงึ มีความคิดเห็นอยใู่ นระดับมาก 3 หมายถึง มคี วามคดิ เห็นอยู่ในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มีความคิดเหน็ อยู่ในระดบั น้อย 1 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3. แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม (Focus Group) แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เป็นเคร่ืองมือในการนาการสนทนา เพื่อรับฟังความคิดเห็นเก่ียวกับการดาเนินงาน การมีส่วนร่วมของผู้เก่ียวข้องในปัญหา อุปสรรค แนวทางการปรับปรุงและพัฒนาการดาเนินงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ด้านกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต กรณีศึกษาอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอปง จังหวัดพะเยา ประกอบด้วย 3 สว่ น ได้แก่ รายละเอยี ดการสนทนากลุ่ม กาหนดการสนทนากลุ่ม และ แบบเสนอความคิดเหน็ ในการสนทนากล่มุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122