หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งท่ี 1 การแตง่ คาประพนั ธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรยี านุช เอียดปราบ) M แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ลลิ ิตตะเลงพ่าย เวลา 18 ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรือ่ ง การแตง่ คาประพันธโ์ คลงสี่สุภาพ เวลา 2 ช่ัวโมง ใช้สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษายะลา สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การแต่งคาประพันธป์ ระเภทโคลงสี่สุภาพ ควรศึกษาลักษณะการบังคับฉันทลักษณ์ให้เข้าใจอย่างแท้จริงเพื่อจะได้ เลือกสรรคามาเรียงร้อยให้ได้รส ได้ความไพเราะ สละสลวย ซึ่งแสดงถึงความสามารถทางภาษา และคุณค่าทา ง วรรณศลิ ป์ของคาประพนั ธ์ ตัวชี้วัด/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ท 2.1 ม.4-6/1 เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง มี ขอ้ มูล และสาระสาคัญชัดเจน ม.4-6/6 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องท่ีสนใจตามหลักการเขียนเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูล สารสนเทศอา้ งองิ อย่างถกู ต้อง ม.4-6/8 มมี ารยาทในการเขียน ท 4.1 ม.4-6/4 แต่งบทร้อยกรอง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายลักษณะของคาประพันธป์ ระเภทโคลงสีส่ ภุ าพได้ถูกต้อง (K2) 2. แตง่ คาประพันธ์ประเภทโคลงส่ีสภุ าพได้ (P4) 3. เหน็ ความสาคัญของคาประพันธไ์ ทย ซ่ึงเป็นภมู ปิ ญั ญาทางภาษา (A3) สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง โคลงสี่สภุ าพ สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ - สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ความสามารถในการสื่อสาร
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 1 การแตง่ คาประพนั ธ์โคลงสส่ี ุภาพ (นางสาวปรยี านชุ เอียดปราบ) ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการกลุ่ม 3) ทกั ษะกระบวนการทางภาษา คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1. มีวนิ ยั วิธีสอนแบบ เทคนิคการสอนแบบรว่ มมือ ร่วมกบั แบบฝึก 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ข้นั ที่ 1 นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครใู ห้นกั เรยี นอ่านบทร้อยกรองพร้อมกัน เสียงฦาเสียงเลา่ อ้าง อนั ใด พี่เอย เสียงยอ่ มยอยศใคร ท่ัวหล้า สองเขอื พหี่ ลับใหล ลมื ตนื่ ฤาพ่ี สองพคี่ ดิ เองอ้า อยา่ ไดถ้ ามเผือ 2. ครถู ามนกั เรยี นว่า บทรอ้ ยกรองนีเ้ ปน็ คาประพันธป์ ระเภทใด และเป็นวรรณคดเี ร่ืองใด 3. ครูยกตัวอย่างวรรณคดีท่ีแต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทโคลง ประมาณ 2-3 เร่ือง เพ่ือให้นักเรียนเข้าใจมาก ย่ิงขึ้น ขัน้ ที่ 2 สอน 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน แล้วศึกษาความรู้เร่ือง การแต่งคาประพันธ์ประเภทโคลง ใบ ความรู้ เร่ือง การประพันธ์โคลง หรือหนังสือค้นคว้าเพ่ิมเติม หรือแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ตามความเหมาะสม ให้ นกั เรยี นเขียนแผนผงั โคลง แตล่ ะชนดิ ลงในสมดุ จากนน้ั แลกเปล่ยี นกันกับเพ่อื น เพอื่ ตรวจสอบความถกู ต้อง 2. ครูเรียกตัวแทนกลุ่ม ออกมาเขียนแผนผังโคลงแต่ละชนิดให้เพ่ือนดูที่หน้าชั้นเรียน โดยครูเป็นผู้ตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง และคอยอธิบายเพมิ่ เติมเพอ่ื ให้นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจมากยิง่ ข้ึน ขั้นท่ี 3 ฝกึ ทกั ษะ 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแต่งคาประพันธ์ประเภทโคลงส่ีสุภาพ เร่ืองที่สนใจ จานวน 1 บท ในโปรแกรม นาเสนอ 2. ครูให้ตัวแทนกลุ่มออกมาอ่านโคลงสี่สุภาพของกลุ่มตนท่ีหน้าช้ันเรียน โดยครูและนักเรียนคนอ่ืนคอย ตรวจสอบความถูกต้อง และแสดงความคดิ เหน็ เพ่ิมเติม ข้ันท่ี 4 สรปุ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความร้เู รือ่ ง การแตง่ คาประพนั ธ์ประเภทโคลง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่อื งที่ 1 การแต่งคาประพนั ธ์โคลงสส่ี ุภาพ (นางสาวปรยี านชุ เอียดปราบ) ชัว่ โมงท่ี 2 ขั้นที่ 1 นาเขา้ สู่บทเรียน ครูถามนักเรียนเพ่ือเป็นการทบทวนความรู้เก่ียวกับการแต่งคาประพันธ์ประเภทโคลง เช่น ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่ สภุ าพมบี ังคบั คาเอก คาโท ก่คี า ขนั้ ท่ี 2 สอน และฝึกทักษะ 1.นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษา ลกั ษณะคาประพนั ธ์ประเภทโคลง 2.นักเรียนรว่ มกันทาแบบฝกึ ทกั ษะ เร่อื ง การแต่งโคลงสภุ าพ เสรจ็ แล้วนาสง่ ครผู ้สู อน ขน้ั ท่ี 3 สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้เร่อื ง ลักษณะคาประพันธ์ประเภทโคลง สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.5 2. ตวั อยา่ งสื่อประกอบการสอน 3. เอกสารประกอบการสอนเรือ่ ง แผนภูมิตวั อย่างบทประพนั ธท์ ี่แตง่ ด้วยโคลงสุภาพ 4. ใบงานเรื่อง การแตง่ โคลงสภุ าพ แหล่งการเรยี นรู้ — การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบเรื่อง การแต่งโคลงสุภาพ ใบงานเรือ่ ง การแต่งโคลงสภุ าพ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ ม่ันใน แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึง การทางานและรกั ความเปน็ ไทย ประสงค์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งที่ 1 การแต่งคาประพันธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรียานชุ เอียดปราบ) ตวั อย่างสื่อประกอบการสอน เสียงฦาเสยี งเล่าอ้าง อันใด พีเ่ อย เสียงยอ่ มยอยศใคร ทว่ั หลา้ สองเขอื พีห่ ลับใหล ลืมตน่ื ฤาพี่ สองพค่ี ดิ เองอ้า อย่าได้ถามเผอื
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งที่ 1 การแตง่ คาประพนั ธ์โคลงสส่ี ภุ าพ (นางสาวปรยี านุช เอียดปราบ) เอกสารประกอบการสอน ใบความรเู้ รื่อง การประพันธโ์ คลง โคลง คอื คาประพันธ์ซึ่งมีวิธกี ารเรียบเรียบเรยี งถ้อยคาเข้าคณะ มีกาหนดเอกโทและสมั ผัส โคลงมลี ักษณะ บังคบั 6 อยา่ ง ไดแ้ ก่ คณะ พยางค์ สัมผัส คาเอกคาโท คาเปน็ คาตาย และคาสร้อย โคลงแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คอื โคลงสภุ าพ โคลงดนั้ และโคลงโบราณ โคลงสุภาพ แบ่งออกเป็น 7 ชนิด คอื โคลง 2 สภุ าพ โคลง 3 สุภาพ โคลง 4 สุภาพ โคลง 5 หรอื มณฑกคติ โคลงตรพี ธิ พรรณ โคลงจัตวาทัณฑี และโคลงกระทู้ โคลงดัน้ แบ่งออกเป็น 6 ชนดิ คือ โคลง 2 ดั้น โคลง 3 ดนั้ โคลงดัน้ ววิ ธิ มาลี โคลงดนั้ บาทกุญชร โคลงด้ัน ตรีพธิ พรรณ และโคลงดน้ั จัตวาทัณฑี โคลงโบราณ แบง่ ออกเป็น 8 ชนิด คือ โคลงวิชชุมาลี โคลงมหาวิชชุมาลี โคลงจติ รลดา โคลงมหาจิตรลดา โคล สนิ ธุมาลี โคลงมหาสินธุมาลี โคลงนันททายี และโคลงมหานันททายี ลกั ษณะบังคับของโคลง โคลงสองสุภาพ บทหน่ึงมี ๑๔ คา และอาจมีคาสร้อยท้ายบทได้ ๒ คา บังคับคาเอก ๓ แห่ง คาโท ๓ แห่ง การส่ง สมั ผัส คาสุดทา้ ยในวรรคที่ ๑ สง่ สัมผัสไปยังคาสดุ ท้ายของวรรคที่ ๒ เชน่ พระผาดผายสู่ห้อง หาอนุชนวลนอ้ ง หนุม่ เหน้าพระสนม งามเสง่ียมเฟ้ยี มเฝา้ ปวงประนมนบเกลา้ อยู่ถ้าทลู สนอง (ลลิ ิตะเลงพ่าย)
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 1 การแต่งคาประพนั ธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) โคลงสามสภุ าพ บทหนึ่งมี ๑๙ คา และอาจมีคาสร้อยท้ายบทได้ ๒ คา บังคบั คาเอก ๓ แห่ง คาโท ๓ แหง่ การสัมผัส คาสุดท้ายในวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสไปยังคาที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคท่ี ๒ และคาสุดท้ายในวรรคที่ ๒ ส่ง สมั ผสั ไปยงั คาสดุ ทา้ ยวรรคที่ ๓ เชน่ ลุล่วงด่านเจดีย์ สามองค์มีแหง่ นั้น แดนต่อแดนกนั น้นั เพอื่ รูร้ าวทาง ขบั พลวางเขา้ แหลง่ แห่งอยุธเยศหล้า แลธลุ ีฟุ้งฟ้า มดื คลมุ้ มวั มล ยง่ิ นา (ลลิ ิตตะเลงพ่าย) โคลงส่ีสุภาพ บทหนึง่ มี ๓๐ คา แบง่ ออกเปน็ สี่บาท อาจมีคาสร้อยได้ท่ีวรรคหลังบาทที่ ๑ และ ๓ บังคบั คาเอก ๗ แหง่ คาโท ๔ แหง่ การส่งสมั ผัสคาสุดทา้ ยของบาทที่ ๑ สง่ สมั ผัสไปยงั คาท่ี ๕ ของบาทท่ี ๒ และส่งต่อไปยังคา ท่ี ๕ ของบาทที่ ๓ สว่ นคาสดุ ท้ายของบาทท่ี ๒ สง่ สัมผัสไปยงั คาที่ ๕ ของบทที่ ๔ เชน่ อยธุ ยาลม้ แลว้ ลอยสวรรค์ ลงฤา สงิ หาสน์ปรางรัตน์บรร เจิดหลา้ บุญเพรงพระหากสวรรค์ ศาสน์รงุ่ เรืองแฮ บังอบายเบิกฟา้ ฝกึ ฟ้ืนใจเมือง (นริ าศนรินทร์)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งที่ 1 การแต่งคาประพันธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) ใบงาน เร่ือง การแตง่ โคลงสุภาพ คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นชว่ ยกันแตง่ คาประพันธป์ ระเภทโคลงสส่ี ุภาพ อยา่ งละ 1 บท ในหัวขอ้ ทน่ี กั เรียนสนใจให้ถกู ต้อง ตามฉนั ทลักษณ์ พรอ้ มทัง้ ตงั้ ชือ่ เร่อื งและสรุปสาระสาคัญของคาประพันธท์ แ่ี ต่ง แต่งโคลงสสี่ ุภาพ เรอ่ื ง สาระสาคัญของบทประพันธท์ ี่แตง่ สมาชกิ 1. ............................................................................................................ ช้นั ....................... เลขท่ี .................... 2. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขที่ .................... 3. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขที่ .................... 4. ............................................................................................................ ชัน้ ....................... เลขที่ .................... 5. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขท่ี .................... 6. ............................................................................................................ ช้นั ....................... เลขท่ี ....................
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 1 การแต่งคาประพนั ธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) ใบงาน เร่ือง การแตง่ โคลงสภุ าพ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันแตง่ คาประพันธป์ ระเภทโคลงสสี่ ุภาพ อย่างละ 1 บท ในหัวขอ้ ท่ีนกั เรยี นสนใจให้ถกู ต้อง ตามฉนั ทลักษณ์ พรอ้ มท้งั ตง้ั ชอื่ เร่ืองและสรปุ สาระสาคัญของคาประพันธท์ ่แี ต่ง แต่งโคลงสี่สภุ าพ เรื่อง สาระสาคญั ของบทประพันธ์ที่แต่ง สมาชิก 1. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขที่ .................... 2. ............................................................................................................ ชนั้ ....................... เลขท่ี .................... 3. ............................................................................................................ ช้นั ....................... เลขท่ี .................... 4. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขที่ .................... 5. ............................................................................................................ ชนั้ ....................... เลขที่ .................... 6. ............................................................................................................ ชน้ั ....................... เลขที่ .................... (พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งท่ี 1 การแต่งคาประพนั ธ์โคลงสสี่ ุภาพ (นางสาวปรียานุช เอียดปราบ) แบบประเมิน การนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทีก่ าหนด แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทีต่ รงกับระดับคะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ความถูกต้องของเน้อื หา 43 2 1 2 การใช้ภาษา 3 วิธกี ารนาเสนอ 4 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 5 การมสี ว่ นร่วมในการทางาน รวม ลงชือ่ .................................................... ผูป้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ระดบั คุระดบั ณภาพ ช่วงคะแนน ดมี าก 18 - 20 ดี 14 - 17 พอใช้ 10 - 13 ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 10
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 1 การแตง่ คาประพันธ์โคลงสสี่ ุภาพ (นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดบั คะแนน ช่ือ-สกุล ความมีวนิ ัย ความมนี ้าใจ การรบั ฟงั การแสดง การตรงตอ่ เวลา รวม ที่ ของผรู้ ับการ เออื้ เฟอื้ เสียสละ ความคดิ เห็น ความคิดเหน็ 20 คะแนน ประเมนิ 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงชือ่ .................................................... ผปู้ ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุระดบั ณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งท่ี 1 การแต่งคาประพันธ์โคลงสสี่ ภุ าพ (นางสาวปรยี านชุ เอียดปราบ) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลุ่ม คาชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทตี่ รงกับระดับคะแนน ชื่อ-สกลุ ความ การแสดงความ การรบั ฟังความ ความตง้ั ใจ การแก้ไข ปัญหา/ รวม 20 ร่วมมือกนั คิดเห็น คดิ เห็น ทางาน หรือ ปรบั ปรงุ คะแนน ท่ี ทากิจกรรม ผลงานกลมุ่ ของผรู้ ับการประเมิน 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุระดบั ณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรับปรงุ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 1 การแตง่ คาประพันธ์โคลงสส่ี ภุ าพ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) บนั ทกึ หลงั สอน 1. ผลการเรียนรู้ คิดเปน็ ร้อยละ 100 . 1.1 ผ้เู รียนผ่านตัวชีว้ ดั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 92.30 . ชน้ั ม.5/2 มจี านวน 27 คน คดิ เป็นร้อยละ 94.87 . ชั้น ม.5/4 มจี านวน 36 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 98.36 . ชน้ั ม.5/6 มจี านวน 37 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 88.57 . ชน้ั ม.5/8 มีจานวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 100 . ชั้น ม.5/10 มจี านวน 31 คน ชั้น ม.5/12 มีจานวน 21 คน 1.2 ผู้เรียนไมผ่ ่านตัวช้วี ดั คดิ เป็นร้อยละ - . ชั้น ม.5/2 มีจานวน - คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.26 . ช้ัน ม.5/4 มีจานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 . ชน้ั ม.5/6 มีจานวน 3 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.63 . ชน้ั ม.5/8 มีจานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.12 . ชนั้ ม.5/10 มจี านวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ . ชั้น ม.5/12 มีจานวน - คน - 1.3 ผู้เรียนที่มีปัญหา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การแต่งคาประพันธ์โคลงส่ีสุภาพ พบว่าผู้เรียน ร้อยละ 95.68 ซ่งึ ถือว่าบรรลุเป้าหมาย และผู้เรียนผ่านตัวช้ีวัดตามที่กาหนด ส่วนนักเรียนท่ไี ม่ผา่ นตัวชี้วัด ครผู ู้สอน นัดสอนเสริมนอกเหนอื คาบเรียน 1.4 ผู้เรียนท่ีได้รับความรู้ความสามารถ (K) ผู้เรียนสามารถอธิบายลักษณะของคาประพันธ์ประเภท โคลงส่ีสภุ าพไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง และสามารถช่วยเหลอื เพื่อนในหอ้ งเรยี นได้ 1.5 ผู้เรียนท่ีเกิดทักษะกระบวนการ (P) ผู้เรียนแต่งคาประพันธ์โคลงส่ีสุภาพได้ถูกต้องถามฉันทลักษณ์ และปฏิบัติตามขน้ั ตอนที่ครแู นะนา 1.6 ผูเ้ รียนมคี ณุ ลักษณะ (A) ผู้เรียนผ่านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ตามที่กาหนด
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 1 การแต่งคาประพันธ์โคลงสส่ี ภุ าพ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) 2. ปญั หา/อุปสรรค - . . - . . . 3. แนวทางการแกไ้ ข . . . ลงช่อื ……………………………………………………. (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) ครูผสู้ อน 4. ความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ลงชื่อ.……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวญั คง) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) M แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย เวลา 18 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง การอา่ นทานองเสนาะโคลงสี่สุภาพ และรา่ ยสภุ าพ เวลา 2 ชั่วโมง ใช้สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ. โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษายะลา สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ควรมีความรู้ความเข้าใจคาประพันธ์แต่ละชนิด จึงจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราว และอารมณ์ของคาประพนั ธ์ต่าง ๆ ไปยงั ผู้ฟังไดอ้ ยา่ งไพเราะถูกต้อง และเหมาะสมกับเรอ่ื งทอ่ี า่ น ตัวช้ีวัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั ท 1.1 ม.4-6/1 อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกบั เรื่อง ทอี่ า่ น ม.4-6/9 มีมารยาทในการอ่าน ท 5.1 ม.4-6/6 ท่องจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองทม่ี ีคุณคา่ ตามความ สนใจและนาไปใช้อ้างองิ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกกลวธิ ีการอา่ นบทร้อยกรองได้ (K2) 2. อธิบายลกั ษณะของบทรอ้ ยกรองชนดิ ต่างๆ ได้ (K3) 3. อา่ นบทร้อยกรองไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเร่ืองท่ีอา่ น (P5) (A3) สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง • การอา่ นออกเสยี ง ประกอบด้วย - บทร้อยกรอง เชน่ โคลง ร่าย และลิลติ สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน - สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการสอ่ื สาร
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย 2) ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์ เร่ืองที่ 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 1) กระบวนการปฏิบตั ิ 2) กระบวนการทางานกลุ่ม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 1. มวี นิ ยั 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนแบบเทคนคิ การสอนแบบร่วมมือ รว่ มกบั แบบฝกึ ชัว่ โมงท่ี 1 ขน้ั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรยี น ครถู ามคาถามนกั เรยี นเก่ียวกับการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง - บทร้อยกรองมีกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง - นกั เรยี นเคยท่องจาบทรอ้ ยประเภทใดบา้ ง ให้ยกตวั อย่าง ขั้นที่ 2 สอน 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ฟังเทปการอ่านทานองเสนาะบทร้อยกรองชนิดต่าง ๆ แล้วให้นักเรียน ช่วยกันบอกชนดิ ของคาประพันธน์ ้นั ๆ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง จากใบความรู้ เร่ือง การอ่านทานอง เสนาะ แล้วให้นกั เรยี นฝึกสงั เกตฉันทลักษณข์ องคาประพนั ธช์ นิดตา่ งๆ 3. ครูช้ีแจงให้นักเรียนเข้าใจว่า การอ่านร้อยกรองมีวิธีการอ่านแตกต่างกันไปตามชนิดของคาประพันธ์ เราจึงต้อง ร้จู ักคาประพันธ์แต่ละชนิด เพ่อื จะไดอ้ า่ นออกเสยี งไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 4. นักเรียนร่วมกันศึกษาแผนผังฉันทลักษณ์ของคาประพันธ์ชนิดต่างๆ แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมี ความร้คู วามเข้าใจมากย่ิงขนึ้ ขนั้ ท่ี 3 สรปุ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้เรื่อง การอา่ นทานองเสนาะ ชวั่ โมงที่ 2 ขั้นที่ 1 นาเขา้ สู่บทเรียน ครถู ามคาถามเพ่ือทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรียนเกย่ี วกบั หลักการอ่านทานองเสนาะ เชน่ - หลักการอ่านทานองเสนาะ ได้แก่อะไรบ้าง - นักเรียนสามารถฝึกทักษะการอ่านร้อยกรองไดอ้ ย่างไรบ้าง ขน้ั ท่ี 2 สอนและฝึกทักษะ 1. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน คละกันตามความสามารถ แล้วใหน้ ักเรยี นศึกษาและฝึกอ่านออกเสยี ง บทร้อยกรองตามทกี่ าหนด ดงั นี้
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองที่ 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) - ศกึ ษาและฝึกอ่านบทร้อยกรองประเภทลิลิต จานวน 2 คน - ศึกษาและฝึกอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง จานวน 2 คน - ศกึ ษาและฝกึ อ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย จานวน 2 คน 2. นักเรียนศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่กาหนด แล้วฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองจนสามารถออกเสียงได้อย่าง ถูกต้อง จากน้นั นาไปถา่ ยทอดใหก้ ับสมาชิกในกลมุ่ จนทกุ คนสามารถอา่ นบทรอ้ ยกรองทุกประเภทไดค้ ล่อง 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเก่ียวกับการอ่านบทร้อยกรองแต่ละประเภท และแนะนาเทคนิคการออกเสียงที่ ถกู ต้องเพ่อื ให้นกั เรียนนาไปฝกึ อา่ น 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกซ้อม และประเมินการอ่านออกเสียงร้อยกรองลงในแบบประเมินการอ่านออก เสียงบทร้อยกรองที่ครูแจกให้ จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะข้อปรับปรุงแก้ไข การอ่านของกล่มุ ใหด้ ยี ิง่ ขึน้ 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง แล้วให้นักเรียนนาไปฝึก ปฏบิ ตั เิ ปน็ รายบคุ คล ตามระยะเวลาท่กี าหนด 6. เมื่อครบกาหนดเวลาแลว้ ให้นกั เรียนมาทดสอบอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองกบั ครู ขน้ั ท่ี 4 สรปุ ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันของนักเรียนแต่ละกลุ่ม หากนักเรียนมีปัญหาหรืออุปสรรค ในการปฏิบัติ กจิ กรรมให้สอบถามครูเป็นรายกลุ่ม ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.5 2. ใบความรู้ เรอ่ื ง การอ่านทานองเสนาะ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. แหล่งการเรยี นรู้สารสนเทศ http://www.trueplookpanya.com>...>คลงั ความรู้>วชิ าภาษาไทย การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์ ประเมนิ การอา่ นทานองเสนาะ แบบประเมินการอ่านทานองเสนาะ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 2 การอ่านทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ใบความรู้เรื่อง หลกั การอ่านทานองเสนาะ ๑. ความหมายของ “การอ่านทานองเสนาะ” การอ่านทานองเสนาะ คอื วิธีการอ่านออกเสยี งอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองแต่ละประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน หรอื หมายถึง การอ่านตามทานอง (ทานอง = ระบบเสียงสงู ต่า ซึ่งมีจังหวะสั้นยาว) เพื่อให้เกิดควาเสนาะ (เสนาะ, นา่ ฟงั , เพราะ, วงั เวงใจ) ๒. วัตถุประสงคใ์ นการอา่ นทานองเสนาะ และบท ร้อยกรอง การอ่านทานองเสนาะเป็นการอ่านให้คนอื่นฟัง ฉะน้ันทานองเสนาะต้องอ่านออกเสียง เสียงทาให้เกิดความรู้สึก ทาใหเ้ ห็นความงาม เห็นความไพเราะ เห็นภาพพจน์ ผู้ฟังสมั ผสั ดว้ ยเสียงจึงจะเข้าถงึ รสและความงามของบทรอ้ ยกรองที่ เรียกว่าอ่านแล้วฟังพร้ิงเพราะเสนาะโสต การอ่านทานองเสนาะจึงมุ่งให้ผู้ฟังเข้าถึงรสและเห็นความงามของบทร้อย กรอง ๓. รสทใ่ี ชใ้ นการอา่ นทานองเสนาะ ๓.๑ รสถอ้ ย (คาพูด) แตล่ ะคามีรสในคาของตวั เอง ผู้อ่านจะต้องอ่านใหเ้ กดิ รสถ้อย ตวั อย่าง สกั วาหวานอ่ืนมหี ม่นื แสน ไมเ่ หมือนแมน้ พจมานทห่ี วานหอม กล่นิ ประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลมื้ ดงั ดูดดืม่ บอระเพ็ดต้องเขด็ ขม ผดู้ ไี พร่ไมป่ ระกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมนิ หน้าระอาเอย (พระเจา้ วรวงศเ์ ธอกรมหลวงบดนิ ทรไ์ พศาลโสภณ) ๓.๒ รสความ (เร่ืองราวที่อ่าน) ข้อความท่ีอ่านมีเร่ืองราวเกี่ยวกับอะไร เช่น โศกเศร้า สนุกสนาน ตื่นเต้น โกรธ รกั เวลาอ่านต้องอ่านใหม้ ลี ลี าไปตามลกั ษณะของเน้อื เรื่องนน้ั ๆ ตัวอย่าง : บทโศกตอนที่นางวันทองไปสง่ พลายงามให้ไปหายา่ ทองประศรีที่สุพรรณบุรี ลกู ก็แลดแู ม่แมด่ ูลูก ตา่ งพนั ผูกเพยี งวา่ เลือดตาไหล สะอืน้ รา่ อาลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา เหลยี วหลังยงั เห็นแมแ่ ลเขมน้ แมก่ เ็ หน็ ลกู น้อยละห้อยหา แตเ่ หลียวเหลียวเลยี้ วลับวับวญิ ญาณ์ โอ้เปล่าตาตา่ งสะอ้ืนยนื ตะลึง (เสภาขุนชา้ งขนุ แผน ตอนกาเนดิ พลายงาม : สุนทรภ่)ู
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่อื งท่ี 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ๓.๓ รสทานอง (ระบบเสียงสูงต่าซึ่งมีจังหวะสั้นยาว) ในบทร้อยกรองไทยจะประกอบด้วยทานองต่าง ๆ เช่น ทานองโคลง ทานองฉันท์ ทานองกาพย์ ทานองกลอนและทานองร่าย เป็นต้น ผู้อ่านจะต้องอ่านให้ถูกต้องตามทานอง ของร้อยกรองน้ัน เช่น โคลงส่สี ุภาพ สัตว์ พวกหน่ึงนชี้ ือ่ พหุบา ทาแฮ มี อเนกสมญา ยอกย้อน เท้า เกดิ ย่ิงจตั วา ควรนบั เขานอ มาก จวบหมนิ่ แสนซ้อน สดุ พน้ ประมาณฯ (สัตวาภธิ าน : พระยาศรีสนทรโวหาร (นอ้ ย อาจารยากรู ) ๓.๔ รสคล้องจอง ในบทร้อยกรองต้องมีคาคล้องจอง ในคาคล้องจองน้ันต้องให้ออกเสียงต่อเนื่องกันโดยเน้น สัมผัสนอกเป็นสาคญั เชน่ ถึงโรงเหลา้ เตากลนั่ ควันโขมง มีคันโพงผกู สายไวป้ ลายเสา โอบ้ าปกรรมนา้ นรกเจยี วอกเรา ใหม้ ัวเมาเหมือนหน่งึ บา้ เป็นน่าอาย ทาบญุ บวชกรวดนา้ ขอสาเร็จ พระสรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถึงสุราพารอดไมว่ อดวาย ไมใ่ กล้กรายแกลง้ เมนิ ก็เกนิ ไป ไม่เมาเหล้าแล้วแตเ่ รายังเมารัก สดุ จะหกั ห้ามจติ คดิ ไฉน ถงึ เมาเหล้าเชา้ สายก็หายไป แต่เมาใจนีป้ ระจาทุกคา่ คนื (นิราศภูเขาทอง : สุนทรภู่) ๓.๕ รสภาพ เสียงทาให้เกิดภาพ ในแต่ละคาจะแฝงไปด้วยภาพในการอ่านให้เห็นภาพต้องใช้ เสียงสูง-ต่า ดงั - ค่อย แลว้ แตจ่ ะใหเ้ กิดภาพอยา่ งไร เชน่ “มดเอ๋ยมดแดง เลก็ เลก็ เรยี่ วแรงแข็งขยัน” “สุพรรณหงส์ทรงพหู่ ้อย งามชดช้อยลอยหลังสนิ ุธ์” “อยุธยายศลม่ แลว้ ลอยสวรรค์ ลงฤๅ” ๔. หลักการอ่านทานองเสนาะ มดี ังน้ี 4.๑ ก่อนอ่านทานองเสนาะให้แบ่งคาแบ่งวรรคให้ถูกต้องตามหลักคาประพันธ์เสียก่อนโดยต้องระวังในเร่ือง ความหมายของคาด้วย เพราะคาบางคาอา่ นแยกคากนั ไม่ได้ เช่น “สร้อยคอขนมยุระ ยูงงาม” (ขน-มยุระ, ขนม-ยุระ) “หวนหว่ งมว่ งหมอนทอง อีกอกร่องรสโอชา” (อีก-อก-ร่อง, อ-ี กอ-กร่อง) “ดุเหว่าจบั เตา่ รา้ งร้อง เหมอื นจากห้องมาหยารศั มี” (จับ-เตา่ -รา้ ง, จับ-เตา่ ) “แรงเหมอื นมดอดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง” (เหมือน-มด, เหมือน-มด-อด)
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองท่ี 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) 4.๒ อา่ นออกเสียงธรรมดาให้คลอ่ งก่อน 4.3 อ่านให้ชัดเจน โดยเฉพาะออกเสียง ร ล และคาควบกล้าใหถ้ ูกต้อง เชน่ “เกดิ เป็นชายชาตรีอย่าข้ขี ลาด บรรยากาศปลอดโปรง่ โลง่ สมอง หยบิ นา้ ปลาตราสับปะรดให้ทดลอง ไหนเล่าน้องครีมนวดหนา้ ทาใหุ้ที เนอื้ นั้นมีโปรตนี กนิ เขา้ ไว้ คนเคราะหร์ ้ายคลุม้ คลัง่ เรือ่ งหนงั ผี ใชน้ า้ คลองกรองเสยี ก่อนจึงจะดี เห็นมาลีคล่บี านหน้าบ้านเอย” 4.4 อา่ นให้เอ้อื สัมผสั เรยี กวา่ คาแปรเสียง เพ่ือใหเ้ กดิ เสยี งสมั ผสั ที่ไพเราะ เช่น พระสมุทรสดุ ลึกล้น คณนา (อา่ นวา่ พรฺ ะ-สะ-หมุด-สุด-ลกึ -ลน้ คน-นะ-นา) ขา้ ขอเคารพอภวิ าท ในพระบาทบพติ รอดสิ ร (อา่ นว่า ขา้ -ขอ-เคา-รบ-อบ-พิ-วาด ใน-พฺระ-บาด-บอ-พดิ -อะ-ดิด-สอน ขอสมหวงั ต้งั ประโยชน์โพธิญาณ (อ่านวา่ ขอ-สม-หฺวงั -ต้ัง-ปรฺ ะ-โหฺยด-โพด-ท-ิ ยาน) 4.5 ระวัง ๓ ต อย่าให้ตกหล่น อยา่ ตอ่ เติม และอยา่ ตูต่ วั 4.6 อ่านให้ถกู จังหวะ คาประพนั ธ์แต่ละประเภทมีจังหวะแตกต่างกัน ต้องอา่ นใหถ้ ูกวรรคตอนตามแบบแผนของ คาประพนั ธ์น้ัน ๆ เช่น มุทิงคนาฉันท์ (๒-๒-๓) “ป๊ะโทน่ / ป๊ะโทน /ป๊ะโทน่ โทน่ บรุ ษุ / สิโอน / สะเอวไหว อนงค์ / นาเคลื่อน / เขยื้อนไป สะบัด / สไบ / วไิ ลตา” 4.7 อา่ นใหถ้ กู ทานองของคาประพนั ธน์ ั้น ๆ (รสทานอง) 4.8 ผู้อ่านต้องใส่อารมณ์ตามรสความของบทประพันธ์น้ัน ๆ รสรัก โศก ตื่นเต้น ขบขัน โกรธ แล้วใส่น้าเสียงให้ สอดคล้องกับรสหรอื อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น 4.9 อา่ นให้เสยี งดัง (พอท่ีจะไดย้ ินกนั ทว่ั ถงึ ) ไม่ใชต่ ะโกน 4.10 เวลาอา่ นอย่าใหเ้ สยี งขาดเปน็ ชว่ ง ๆ ต้องให้เสยี งติดตอ่ กนั ตลอด เช่น “วนั จันทร มีดารากร เปน็ บรวิ าร เห็นสิน้ ดินฟ้า ในปา่ ทา่ ธาร มาลคี ลบี่ าน ใบก้านอรชร” 4.11 เวลาจบให้ทอดเสยี งชา้ ๆ 5. ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการอ่านทานองเสนาะ 5.1 ชว่ ยใหผ้ ู้ฟงั เข้าถึงรสและเหน็ ความงามของบทรอ้ ยกรองทอ่ี า่ น 5.2 ชว่ ยใหผ้ ูฟ้ ังได้รับความไพเราะและเกดิ ความซาบซ้งึ (อาการรู้สึกจับใจอยา่ งลกึ ซงึ้ ) 5.3 ชว่ ยใหเ้ กิดความสนกุ สนาน ความเพลิดเพลิน 5.4 ชว่ ยใหจ้ ดจาบทร้อยกรองไดร้ วดเร็วและแมน่ ยา 5.5 ชว่ ยกล่อมเกลาจิตใจให้เปน็ คนอ่อนโยนและเยือกเยน็ (ประโยชน์โดยอ้อม) 5.6 ชว่ ยสืบทอดวฒั นธรรม ในการอา่ นทานองเสนาะไวเ้ ป็นมรดกต่อไป
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 2 การอ่านทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) การประเมนิ กิจกรรมน้ีให้ผู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่อื ง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสยี ง เกณฑ์การประเมิน ได้ถูกตอ้ ง ได้ถูกต้อง อา่ นออกเสยี ง การอ่านออกเสยี ง อา่ นออกเสียง ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ไดถ้ ูกต้อง บทรอ้ ยกรอง ไดถ้ ูกตอ้ ง เสยี งดังชัดเจน เสยี งดังชัดเจน ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวธิ ี เวน้ จังหวะ เวน้ จงั หวะ เสียงดังชัดเจน เสียงดังชดั เจน เหมาะสม เหมาะสม แตย่ ังตอ้ งปรบั ปรงุ เว้นจังหวะ มกี ารทอดเสียง พยายามทอดเสยี ง เรอ่ื งการเว้นจงั หวะ เหมาะสม และเอื้อนเสยี ง และเอ้ือนเสยี ง และท่วงทานอง สามารถทอดเสียง ในบางจังหวะได้ดี ในบางจงั หวะ ในการอ่าน และเอื้อนเสยี ง แต่ยงั ทาได้ไมด่ ีนัก ได้ไพเราะ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองท่ี 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) แบบประเมนิ การอา่ นทานองเสนาะ : ลลิ ิตตะเลงพา่ ย กลุ่มท่ี ........................................ ช้ัน.......................... ชื่อ เลขที่ ช่ือ เลขท่ี ช่อื เลขท่ี ชือ่ เลขที่ ช่อื เลขท่ี ชอื่ และบท ร้อยกรอง เลขที่ ลาดั รายการประเมิน คุณภาพผลงาน บที่ 4321 1 การอา่ นออกเสียง / อักขรวธิ ี 2 การใชน้ า้ เสียง 3 การเวน้ วรรค / จังหวะในการท่อง 4 ทว่ งทานองการท่อง 5 ความถูกตอ้ งของบทอาขยาน 6 การบอกคุณค่าของบทอาขยาน รวม ลงชื่อ..............................................................................ผู้ประเมนิ ......................./.........................../........................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ดีมาก =4 ชว่ งคะแนน ระดับ ดี =3 คณุ ภาพ พอใช้ =2 21-24 ดมี าก ปรับปรุง =1 17-20 12-16 ดี ตา่ กวา่ 12 พอใช้ ปรับปรงุ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกับระดับคะแนน ชอ่ื -สกุล ความมีวนิ ัย ความมนี า้ ใจ การรบั ฟงั การแสดง การตรงต่อเวลา รวม ท่ี ของผรู้ ับการ เอือ้ เฟือ้ เสียสละ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ 20 คะแนน ประเมิน 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงชอื่ .................................................... ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุระดบั ณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรงุ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 2 การอ่านทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ คาช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ีตรงกับระดับคะแนน ช่ือ-สกลุ ความ การแสดงความ การรบั ฟงั ความ ความตั้งใจ การแก้ไข ปัญหา/ รวม 20 ร่วมมือกนั คิดเห็น คดิ เหน็ ทางาน หรือ ปรบั ปรุง คะแนน ท่ี ทากิจกรรม ผลงานกลมุ่ ของผรู้ ับการประเมิน 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุระดับณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองท่ี 2 การอา่ นทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) บันทกึ หลงั สอน 1. ผลการเรียนรู้ คิดเปน็ ร้อยละ 100 . 1.1 ผเู้ รยี นผา่ นตวั ช้ีวัด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 92.30 . ชนั้ ม.5/2 มจี านวน 27 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 94.87 . ชั้น ม.5/4 มจี านวน 36 คน คดิ เป็นร้อยละ 98.36 . ชน้ั ม.5/6 มจี านวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 88.57 . ชน้ั ม.5/8 มีจานวน 37 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 . ชน้ั ม.5/10 มีจานวน 31 คน ชั้น ม.5/12 มจี านวน 21 คน 1.2 ผเู้ รยี นไมผ่ ่านตวั ช้วี ดั คดิ เปน็ รอ้ ยละ - . ชั้น ม.5/2 มจี านวน - คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5.26 . ช้ัน ม.5/4 มจี านวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 7.69 . ชน้ั ม.5/6 มีจานวน 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 2.63 . ช้ัน ม.5/8 มีจานวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 3.12 . ชั้น ม.5/10 มีจานวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ . ชน้ั ม.5/12 มีจานวน - คน - 1.3 ผู้เรียนท่ีมีปัญหา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การอ่านทานองเสนาะโคลงสี่สุภาพ พบว่าผู้เรียน ร้อยละ 95.68 ซ่ึงถือว่าบรรลุเป้าหมาย และผู้เรียนผา่ นตวั ชี้วดั ตามที่กาหนด ส่วนนักเรยี นทีไ่ ม่ผ่านตัวชี้วัด ครผู ู้สอน นัดสอนเสรมิ นอกเหนือคาบเรยี น 1.4 ผเู้ รียนทีไ่ ด้รับความรู้ความสามารถ (K) ผู้เรยี นมคี วามรู้ความสามารถ อธบิ ายกลวิธีการอ่านบทรอ้ ย กรองประเภทโคลงสส่ี ภุ าพ 1.5 ผเู้ รียนท่เี กิดทักษะกระบวนการ (P) ผู้เรียนมที กั ษะกระบวนการอา่ นออกเสียงโคลงสี่สุภาพ และอา่ น คาประพนั ธ์ท่ีกาหนดได้ 1.6 ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะ (A) ผู้เรยี นผา่ นคุณลักษระอันพงึ ประสงค์ตามท่ีกาหนด
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 2 การอ่านทานองเสนาะ (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) 2. ปญั หา/อุปสรรค . เนื่องด้วยสถานการณโ์ ควิด - 19 ทาใหน้ กั เรียนบางคนไมไ่ ด้เข้าเรยี น แล้วไมต่ ดิ ตามชิน้ งาน จึงเป็นเหตุ ให้ผ้เู รยี นไม่ผา่ นตัวช้ีวดั ตามที่กาหนด . . 3. แนวทางการแกไ้ ข . ดาเนนิ การแจ้งครูท่ปี รกึ ษาเบื้องต้น และร่วม PLC ครูทสี่ อนในระดับชน้ั เดยี วกนั . .. ลงชื่อ……………………………………………………. (นางสาวปรยี านชุ เอียดปราบ) ครูผสู้ อน 4. ความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ลงช่ือ.……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่อื งท่ี 3 การทอ่ งจา (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) M แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย เวลา 18 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่ือง การทอ่ งจา เวลา 1 ชั่วโมง ใช้สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา สังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษายะลา สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ควรมีความรู้ความเข้าใจคาประพันธ์แต่ละชนิด จึงจะสามารถถ่ายทอดเร่ืองราว และอารมณ์ของคาประพนั ธ์ต่าง ๆ ไปยังผ้ฟู งั ไดอ้ ยา่ งไพเราะถูกต้อง และเหมาะสมกบั เรอ่ื งทอี่ า่ น ตัวชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ตวั ช้ีวัด ท 1.1 ม.4-6/1 อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่อง ท่ีอ่าน ท 3.1 ม.4-6/6 มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู ท 5.1 ม.4-6/6 ท่องจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองทม่ี คี ุณคา่ ตามความ สนใจและนาไปใช้อา้ งองิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายลกั ษณะของบทร้อยกรองชนดิ ต่างๆ ได้ (K2) 2. ทอ่ งจาบทรอ้ ยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องทอี่ ่าน (P5) 3. ตระหนักในคณุ คา่ ของการท่องจาลิลิตตะเลงพ่าย เพ่ืออนรุ ักษ์ความเป็นไทยและนาไปใช้อ้างองิ (A3) สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง • การอ่านออกเสยี ง ประกอบด้วย - บทร้อยกรอง เช่น โคลง ร่าย และลิลิต สาระการเรียนรูท้ ้องถิ่น - สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสือ่ สาร
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 3 การท่องจา (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ความสามารถในการคิด 2) ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 1) ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทางานกล่มุ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 1. มีวินัย 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ สี อนแบบเทคนคิ การสอนแบบร่วมมือ (เนน้ ปฏิบตั )ิ ขน้ั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรยี น ครทู บทวนการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง ในคาบที่แลว้ และร่วมกนั อ่านบทร้อยกรอง ขน้ั ท่ี 2 สอน 1. นกั เรียนศึกษาความรู้เร่อื ง การท่องอาขนานหลัก จากใบความรู้ 2. นักเรียนจับคู่ ฝึกท่องจาบทอาขยานหลัก และร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะข้อปรับปรุงแก้ไขการ ทอ่ งจาให้ดียงิ่ ข้ึน 3. นกั เรียนฝกึ ปฏบิ ตั ิเปน็ รายบคุ คล ตามระยะเวลาทีก่ าหนด 4. เมือ่ ครบกาหนดเวลา นกั เรียนมาทดสอบการทอ่ งจาบทอาขยานหลกั กับครู เป็นรายบุคคล ขั้นท่ี 3 สรุป ครูสังเกตการปฏิบัตินักเรียนแต่ละคน หากนักเรียนมีปัญหาหรืออุปสรรค ในการปฏิบัติกิจกรรมให้สอบถามครู เป็นรายบคุ ล สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 2. ใบความรู้ เร่ือง การท่องจาอาขยานหลัก แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. แหล่งการเรียนรู้สารสนเทศ http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วิชาภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองที่ 3 การทอ่ งจา (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ประเมนิ การทอ่ งจาบทอาขยาน แบบประเมนิ การท่องจาบทอาขยาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่นั ในการ ทางานและรักความเปน็ ไทย การประเมนิ กิจกรรมน้ีใหผ้ ู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรื่อง การท่องจาบทอาขยาน ระดับคะแนน ๔ ๓๒ ๑ เกณฑก์ ารประเมิน อา่ นออกเสียง ได้ถูกต้อง การอา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง ตามอักขรวธิ ี เสียงดงั ชัดเจน บทร้อยกรอง ไดถ้ ูกตอ้ ง ได้ถูกตอ้ ง ได้ถูกต้อง แต่ยังตอ้ งปรับปรุง เรื่องการเว้นจงั หวะ ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวธิ ี และท่วงทานอง ในการอ่าน เสยี งดังชัดเจน เสียงดังชัดเจน เสียงดังชัดเจน เวน้ จังหวะเหมาะสม เว้นจงั หวะเหมาะสม เวน้ จงั หวะเหมาะสม สามารถทอดเสยี ง มีการทอดเสียง พยายามทอดเสียง เอ้อื นเสียง เออ้ื นเสียง เอื้อนเสียง และใช้นา้ เสียง และใชน้ า้ เสยี ง และใช้นา้ เสยี ง แสดงอารมณ์ได้ไพเราะ แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ ในบางจงั หวะไดด้ ี ในบางจงั หวะ แต่ยังทาได้ไม่ดนี ัก
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 3 การท่องจา (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ใบความรเู้ ร่อื ง การทอ่ งจาบทอาขยาน เรื่อง ลิลิตตะเลงพา่ ย (บทอาขยานหลกั ) (โคลงสส่ี ภุ าพ) เบี่ยงพระมเบาลอ้ื างผนนินั้ นฤนาถแผลู้ ะบท ร้อยกรอง สยามินทร์ หอ่ นพ้อง ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องคเ์ อย เพราะพระหัตถห์ ากป้อง ปัดดว้ ยขอทรง บดั มงคลพ่าหไ์ ท้ ทวารตั ิ แวง้ เหวย่ี งเบี่ยงเศยี รสะบดั ตกใต้ อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ เบนบ่ายหงายแหงนให้ ทว่ งทอ้ ทีถอย พลอยพลา้ เพลียกถ้าท่าน ในรณ บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน พระเดชพระแสดงดล เผดจ็ คู่ เข็ญแฮ ถนดั พระองั สาข้อน ขาดดา้ วโดยขวา อรุ ารานร้าวแยก ยลสยบ เอนพระองค์ลงทบ ท่าวด้ิน เหนือคอคชซอนซบ สงั เวช วายชิวาตม์สุดสิน้ สู่ฟา้ เสวยสวรรค์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 3 การท่องจา (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) แบบประเมินการทอ่ งจา : ลิลติ ตะเลงพา่ ย ชอ่ื เลขท่ี ลาดั รายการประเมนิ คุณภาพผลงาน บที่ 4321 1 การออกเสียง / อักขรวิธี 2 การใชน้ ้าเสียง จงั หวะในการทแอ่ ลง ะบท ร้อยกรอง 3 การเว้นวรรค / 4 ทว่ งทานองการท่อง 5 ความถูกตอ้ งของบทอาขยาน 6 การบอกคณุ คา่ ของบทอาขยาน รวม ลงชื่อ..............................................................................ผปู้ ระเมิน ......................./.........................../........................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดีมาก =4 ชว่ งคะแนน ระดับ ดี =3 คุณภาพ พอใช้ =2 21-24 ดีมาก ปรบั ปรุง =1 17-20 12-16 ดี ต่ากว่า 12 พอใช้ ปรับปรงุ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 3 การท่องจา (นางสาวปรยี านชุ เอียดปราบ) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ท่ีตรงกับระดับคะแนน ช่อื -สกุล ความมีวนิ ัย ความมีน้าใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อเวลา รวม ท่ี ของผรู้ ับการ เอือ้ เฟือ้ เสียสละ ความคดิ เห็น ความคิดเห็น 20 คะแนน ประเมิน 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงชอ่ื .................................................... ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุระดับณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรับปรุง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 3 การทอ่ งจา (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ คาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ช่ือ-สกลุ ความ การแสดงความ การรบั ฟงั ความ ความตัง้ ใจ การแก้ไข ปัญหา/ รวม 20 รว่ มมือกนั คิดเห็น คดิ เห็น ทางาน หรอื ปรบั ปรุง คะแนน ท่ี ทากิจกรรม ผลงานกลุ่ม ของผ้รู ับการประเมนิ 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุระดับณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กว่า 10 ปรับปรงุ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองที่ 3 การทอ่ งจา (นางสาวปรยี านุช เอียดปราบ) บันทกึ หลงั สอน 1. ผลการเรียนรู้ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 . 1.1 ผูเ้ รยี นผา่ นตวั ชีว้ ัด คิดเปน็ รอ้ ยละ 92.30 . ช้นั ม.5/2 มจี านวน 27 คน คิดเปน็ ร้อยละ 94.87 . ช้ัน ม.5/4 มีจานวน 36 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 98.36 . ชั้น ม.5/6 มจี านวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 88.57 . ชั้น ม.5/8 มีจานวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 100 . ชัน้ ม.5/10 มจี านวน 31 คน ชน้ั ม.5/12 มจี านวน 21 คน 1.2 ผเู้ รียนไม่ผ่านตัวชวี้ ัด คิดเป็นรอ้ ยละ - . ชน้ั ม.5/2 มีจานวน - คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 5.26 . ช้ัน ม.5/4 มจี านวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 7.69 . ชั้น ม.5/6 มจี านวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 2.63 . ชั้น ม.5/8 มจี านวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 3.12 . ชนั้ ม.5/10 มีจานวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ . ช้นั ม.5/12 มีจานวน - คน - 1.3 ผู้เรียนท่ีมีปัญหา แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การท่องจาโคลงสี่สุภาพ พบว่าผู้เรียนร้อยละ 95.68 ซ่ึงถือว่าบรรลุเป้าหมาย และผู้เรียนผ่านตัวช้ีวัดตามที่กาหนด ส่วนนักเรียนท่ีไม่ผ่านตัวช้ีวัด ครูผู้สอนนัดสอน เสริมนอกเหนอื คาบเรียน 1.4 ผู้เรียนทไี่ ด้รับความรู้ความสามารถ (K) ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ อธบิ ายลักษณะของรอ้ ยกรอง ประเภทโคลงส่สี ุภาพ 1.5 ผู้เรียนที่เกิดทักษะกระบวนการ (P) ผู้เรียนท่องจาบทอาขยานหลัก ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ได้อยา่ งถูกตอ้ ง และเขา้ ถงึ อารมณข์ องเนื้อเร่ือง 1.6 ผูเ้ รยี นมคี ุณลกั ษณะ (A) ผูเ้ รยี นตระหนกั ถงึ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และคณุ คา่ ของการท่องจา
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 3 การท่องจา (นางสาวปรยี านุช เอียดปราบ) 2. ปัญหา/อุปสรรค . เนือ่ งด้วยสถานการณ์โควิด - 19 ทาให้นกั เรียนบางคนไมไ่ ด้เขา้ เรยี น แล้วไมต่ ิดตามชิ้นงาน จึงเปน็ เหตุ ใหผ้ ้เู รียนไมผ่ ่านตวั ชวี้ ดั ตามท่ีกาหนด . . 3. แนวทางการแกไ้ ข . ดาเนินการแจง้ ครทู ปี่ รกึ ษาเบื้องต้น และร่วม PLC ครูท่ีสอนในระดบั ชั้นเดยี วกัน . .. ลงชื่อ……………………………………………………. (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ครผู ู้สอน 4. ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ...................................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ .................................................... .................................................................................................................. .......................................................................... ลงช่ือ.……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่อื งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) M แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เวลา 18 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่อื ง รสในวรรณคดี และโวหารภาพพจน์ เวลา 3 ชั่วโมง ใช้สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษายะลา สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด วรรณคดีมีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ ผู้ประพันธ์ใช้กลวธิ ีในการแต่งที่น่าสนใจ รู้จักเลือกสรรคามาเรียงร้อยให้เกิด ความงาม ความไพเราะ มีความหมายลึกซึ้งกินใจ ทาให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลิน ความรู้ ข้อคิด และคติธรรมที่เป็น ประโยชน์ และนาไปปรับใช้ในชีวติ ประจาวันได้ ตัวชี้วดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด ท 5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณ์เบ้อื งตน้ ม.4-6/2 วเิ คราะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ชอ่ื มโยงกบั การเรียนรู้ทางประวัติศาสตรแ์ ละวิถีชีวิต ของสังคมในอดีต ม.4-6/3 วิเคราะห์และประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ม.4-6/4 สงั เคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ม.4-6/6 ทอ่ งจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความ สนใจและนาไปใช้อ้างอิง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. วิเคราะหค์ ุณค่าด้านวรรณศิลปข์ องบทประพนั ธ์ได้ (K4) 2. อธิบายคุณค่าของบทร้อยกรองชนดิ ตา่ งๆ ได้ (P4) 3. เห็นคุณค่าวรรณคดไี ทย (A3) สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง • แนวทางการพจิ ารณาคุณค่าทางดา้ นวรรณศลิ ป์ - การสรรคา - การใช้โวหาร
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย 2) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรอ่ื งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) - โวหารภาพพจน์ - ลีลาการประพันธ์ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ - สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทางานกลมุ่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝ่เรียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 1. มวี ินยั 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบเทคนิคการสอนแบบร่วมมือ รว่ มกบั แบบฝึก ชั่วโมงที่ 1 ขน้ั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดก่อนเรยี น เรื่อง การวิเคราะหค์ ุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ข้นั ท่ี 2 สอน 1. นักเรียนร่วมกันอ่านบทกวีร่วมสมัย “มืองานบนลานขยะ” ของศิวกานท์ ปทุมสูติ และทบทวนคุณค่าด้าน วรรณศลิ ป์ที่เคยเรยี นมา 2. นกั เรยี นศึกษาความรู้ จากใบความรู้ เร่อื ง การวเิ คราะห์คุณค่าทางดา้ นวรรณศลิ ป์ โดยให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม โดยตงั้ ชอื่ กลมุ่ เปน็ ตัวละครในเรื่อง ลิลติ ตะเลงพ่าย และศกึ ษาในประเดน็ ต่อไปนี้ - การสรรคา - การใชโ้ วหาร - การใชภ้ าพพจน์ - ลีลาการประพันธ์ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ศึกษาความรู้ตามประเด็นท่ีได้รับมอบหมาย ร่วมกันระดมความคิด และเตรียมนาเสนอ ผลงานหน้าชัน้ เรียน ขั้นที่ 3 สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เร่ือง การวเิ คราะห์คุณค่าทางดา้ นวรรณศิลป์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) ช่ัวโมงที่ 2 - 3 ขั้นท่ี 1 นาเขา้ ส่บู ทเรยี น ครถู ามคาถามเพอื่ ทบทวนความรเู้ ดมิ ของนักเรียนเก่ียวกับคุณคา่ ทางด้านวรรณศิลป์ ขน้ั ที่ 2 สอนและฝกึ ทักษะ 1. นักเรียนกลุ่มท่ีรับผิดชอบ เร่ืองการสรรคา นาเสนองานหน้าชั้นเรียน และแต่ละกลุ่มทาใบงาน เร่ือง การสรร คา 2. นกั เรียนกลุ่มที่รับผิดชอบ เร่ืองการใชโ้ วหาร นาเสนองานหนา้ ชั้นเรียน และแต่ละกลุ่มทาใบงาน เรอ่ื ง การใช้ โวหาร 3. นักเรียนกลุ่มท่ีรับผดิ ชอบ เรื่องการใชภ้ าพพจน์ นาเสนองานหน้าชั้นเรียน และแต่ละกลุ่มทาใบงาน เร่ือง การ ใชภ้ าพพจน์ 4. นักเรียนกลุ่มที่รับผิดชอบ เร่ืองลีลาการประพันธ์ นาเสนองานหน้าชั้นเรียน และแต่ละกลุ่มทาใบงาน เรื่อง ลลี าการประพนั ธ์ 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ่ไี ด้ในแตล่ ะกลมุ่ และเฉลยใบงาน ขน้ั ที่ 4 สรปุ ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันของนักเรียนแต่ละกลุ่ม หากนักเรียนมีปัญหาหรืออุปสรรค ในการปฏิบัติ กิจกรรมให้สอบถามครเู ปน็ รายกลุม่ และทาแบบทดสอบหลงั เรียน สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 2. บทประพนั ธ์ “มืองานบนลานขยะ” 3. ใบความรู้ เร่ือง การวเิ คราะห์คุณค่าทางดา้ นวรรณศิลป์ 4. ใบงาน เร่ือง การสรรคา 5. ใบงาน เร่ือง การใช้โวหาร 6. ใบงาน เร่อื ง การใชภ้ าพพจน์ 7. ใบงาน เรอื่ ง ลลี าการประพนั ธ์ แหล่งการเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. แหลง่ การเรียนรูส้ ารสนเทศ http://www.trueplookpanya.com>...>คลงั ความรู้>วชิ าภาษาไทย การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินใบงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนาเสนอ ใบงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมินกสนนาเสนอ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) มอื งานบนลานขยะ ไมก้ วาดเก่ามอื กร้านกรางานกวาด หยดุ ยืนปานเหง่ือบ้างขา้ งถนน เทพารหานะ้าคทว่ทีามท่ี จานอตยแ้อา่ลงยะจตบาา่ททกนรร้รอมยกกรรอง ก้มหนา้ งดุ ขดุ เงินจากงานง่าย เกบ็ ความกระดากอายเอาไวก้ อ่ น ภาระมากปากทอ้ งตอ้ งอาทร ไมอ่ าจเล่ยี งเกย่ี งงอนเลอื กงานงาม ตาหลบตาหลายคูค่ วามรูส้ กึ เกรงเขานกึ รงั เกียจมองเหยียดหยาม แม้เขาถ่มท้ิงต่อหนา้ ก็ตาม มิอาจหา้ มนา้ ใจเขาไดเ้ ลย คนทิ้งทงิ้ ตามใจได้เกล่อื นกลาด คนตามเกบ็ ตามกวาดกก็ วาดเฉย ระเบยี บบทกฎหมายไมค่ ุ้ยเคย หากใครเคร่งเขาวา่ เชยจนหนา้ ชา ถงั ขยะยนื เงียบอยา่ งคนเหงา ไกลมือเขาก็คลา้ ยเหมอื นไรค้ า่ คาขวญั คาประกาศโทษโฆษณา ออกกลบหเู กล่ือนตาใครตรึกตรอง กวาดไปเถอะกวาดไปใหส้ ะอาด กวาดกันท้งั ปีชาติกวาดให้คลอ่ ง ตราบทค่ี นมักงา่ ยมกี ายกอง ก็ตอ้ งเพิ่มไม้กวาดให้เยอะ!1 ______________________________ 1ศิวกานท์ ปทมุ สตู ิ. (2546). บทกวรี ว่ มสมยั . พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจริญทัศน์. (หน้า 29-30).
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) แบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลอื กข้อท่ถี ูกทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดียวและวทาเครื่องหมาย ลงนกระดาษ คาตอบ ๑. การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูดแลแะลเขะียบนทใหร้แ้อปยลกกรอ๔ง. “บางระมาดมาดหมายสายสวาท ออกไปจากท่ใี ช้อยูเ่ ป็นปกตกิ ่อ ว่าสมมาดเหมือนใจแล้วไมเ่ หมือน ใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ หมายถงึ ขอ้ ใด แสนสวาทมาดหมายมาหลายเดอื น ก. การสรรคา มีแตเ่ คล่อื นแคล้วคลาดประหลาดใจ” ข. การเรียบเรียงคา ข้อใดไม่ปรากฏในคาประพันธ์ข้างตน้ ค. ลลี าการประพนั ธ์ ก. การซา้ คา ง. การใชโ้ วหารภาพพจน์ ข. การเลน่ เสียงสัมผัส 2. “จากความวนุ่ วายวู่วามสู่ความว่าง ค. การเล่นคาพ้องเสียง จากความมืดมาสว่างอยา่ งเฉิดฉัน ง. การเล่นคาตรงกนั ขา้ ม จากความร้อนระอุเปน็ เย็นนิรันดร์ ๕.“ตกวา่ กหู าเปน็ เจ้าชวี ติ ไม่ ไม่รพู้ ลนั พลกิ เห็นเปน็ ความรู้” มงึ ถือใจว่าเปน็ เจ้าทโ่ี รงโขน คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ปข์ องบทประพนั ธ์ข้างต้นคอื ข้อใด เป็นไมม่ ีอาญาสิทธค์ิ ดิ ดึงโดน ก. การเล่นเสียงสมั ผัส เท่ียวทาโจรใจคะนองจองหองครัน ข. การซ้าคาเนน้ ความหมาย เล้ียงมึงไมไ่ ดอ้ า้ ยใจร้าย ค. การเล่นคาหลากความหมาย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน ง. การใชค้ าทมี่ ีความหมายขดั แยง้ กนั แล้วกลับความถามขา้ งวนั ทองพลัน ๓. การสมมติสิ่งต่างๆให้มีกริยาอาการ ความรู้สึก เออเมื่อมันฉดุ ครา่ พามึงไป” เหมอื นมนษุ ย์ หมายถึงข้อใด คาประพันธข์ า้ งต้นใชล้ ีลาการประพนั ธ์ตามข้อใด ก. บคุ คลวตั ก. เสาวรจนี ข. อปุ ลักษณ์ ข. นารปี ราโมทย์ ค. อตพิ จน์ ค. พิโรธวาทงั ง. สัทพจน์ ง. สลั ลาปงั คพิสยั
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ๘. “ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม เรื่องที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ไมต่ ัดใจให้ตรอมเสน่หา ถ้าตัดรักหกั ใจแล้วไม่มา ๖. “ฉบั ฉวยชกฉกชา้ ฉกุ ฉับ หม่อมอยา่ ว่าเลยวา่ ฉนั ไม่คืนคดิ ” โถมทบุ ทุ่มถองทับ ถีบทา้ ว คาประพนั ธ์ขา้ งต้นใช้ลลี าการประพนั ธ์ตามขอ้ ใด เตะตตี ่อยตบุ ตับ ตบตัก ก. เสาวรจนี หมดหมเู่ มงมอญม้าว ม้านเมื้อหมางเมนิ ” ข. นารีปราโมทย์ ค ำประพันธ์ขา้ งตน้ ไมใ่ ช้กลวธิ ีการแต่ง ในข้อใด ค. พิโรธวาทัง ก. การเลน่ คาซา้ ง. สลั ลาปงั คพสิ ัย ข. การเล่นสัมผัสสระ ๙. ขอ้ ใดใช้ภาพพจนแ์ ตกต่างจากข้ออื่น ค. การเลน่ สมั ผสั อกั ษร ก. ลมระเรงิ ลู่หวิวพล้วิ ระลอก ง. การเลยี นเสยี งธรรมชาติ ๗. “เงียบสัตวจ์ ัตุบททวบิ าท สพั ยอกยอดไม้ไปลว่ิ ลอ่ ง ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจา่ งไข ข. หางนกยงู ระยา้ เรี่ยคลอเคลียน้า นา้ ค้างตกกระเซน็ เย็นเยอื กใจ สงดั เสียงคนใครไมพ่ ูดจา แพนดอกฉา่ ช้อยช่อวจิ ติ ร ได้ยนิ เสียงฆ้องย่าประจาวัง ค. เห็นคล้ายปลาวา่ ยเฉวยี นฉวัด ลอยลมลอ่ งดังถึงเคหา คะเนนับย่ายามไดส้ ามครา ระลอกซดั ลาดกระเซน็ ขึน้ เต้นหยอย ดเู วลาปลอดหว่ งทักทิน” ง. เฝา้ แหงนดดู วงแขชะแง้พักตร์ คาประพนั ธข์ า้ งต้นใชโ้ วหารใดในการประพันธ์ ก. อปุ มาโวหาร เห็นจนั ทร์ชกั รถร่อนเวหาเหนิ ข. บรรยายโวหาร ๑๐.“จอกแหนแพเสาสาเภาใหญ่ ค. พรรณนาโวหาร จะทอดถมเท่าไรไม่รสู้ ึก ง. สาธกโวหาร เหมอื นมหาสมุทรสุดซึ้งซึก นา้ ลกึ เหลือจะหย่ังกระท่ังดิน” คาประพนั ธข์ า้ งตน้ ใชโ้ วหารภาพพจนช์ นิดใด ก. อุปลักษณ์ ข. อปุ มา ค. สทั พจน์ ง. บุคคลวัต
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) เฉลย แบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเลอื กขอ้ ท่ีถกู ทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดยี วและวทาเครื่องหมาย ลงนกระดาษ คาตอบ ๑. การพลิกแพลงภาษาท่ีใช้พูดและเแขียลนะใบหท้แปรล้อกยก๔ร.อ“งบางระมาดมาดหมายสายสวาท ออกไปจากท่ีใช้อยูเ่ ปน็ ปกตกิ ่อ ว่าสมมาดเหมือนใจแล้วไมเ่ หมือน ใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ หมายถงึ ขอ้ ใด แสนสวาทมาดหมายมาหลายเดอื น ก. การสรรคา มแี ต่เคล่ือนแคล้วคลาดประหลาดใจ” ข. การเรียบเรียงคา ขอ้ ใดไมป่ รากฏในคาประพนั ธข์ ้างตน้ ค. ลีลาการประพันธ์ ก. การซ้าคา ง. การใช้โวหารภาพพจน์ ข. การเลน่ เสียงสัมผัส 2. “จากความวนุ่ วายววู่ ามสคู่ วามว่าง ค. การเลน่ คาพ้องเสยี ง จากความมดื มาสว่างอยา่ งเฉิดฉนั ง. การเลน่ คาตรงกันขา้ ม จากความร้อนระอเุ ป็นเย็นนิรันดร์ ๕.“ตกวา่ กหู าเป็นเจ้าชวี ิตไม่ ไมร่ ู้พลันพลิกเหน็ เปน็ ความรู้” มึงถือใจว่าเปน็ เจ้าทีโ่ รงโขน คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ปข์ องบทประพันธ์ข้างตน้ คือขอ้ ใด เป็นไมม่ ีอาญาสิทธิค์ ดิ ดงึ โดน ก. การเล่นเสียงสมั ผสั เทีย่ วทาโจรใจคะนองจองหองครัน ข. การซ้าคาเนน้ ความหมาย เลี้ยงมึงไม่ได้อา้ ยใจร้าย ค. การเลน่ คาหลากความหมาย ชอบแตเ่ ฆีย่ นสองหวายตลอดสนั ง. การใช้คาทม่ี ีความหมายขัดแย้งกนั แล้วกลบั ความถามขา้ งวนั ทองพลัน ๓. การสมมติส่ิงต่างๆให้มีกริยาอาการ ความรู้สึก เออเมื่อมนั ฉุดคร่าพามึงไป” เหมอื นมนุษย์ หมายถึงขอ้ ใด คาประพันธ์ขา้ งต้นใช้ลีลาการประพันธต์ ามข้อใด ก. บคุ คลวัต ก. เสาวรจนี ข. อปุ ลกั ษณ์ ข. นารปี ราโมทย์ ค. อติพจน์ ค. พโิ รธวาทัง ง. สัทพจน์ ง. สลั ลาปงั คพิสัย ๖. “ฉบั ฉวยชกฉกช้า ฉกุ ฉับ ๘. “ใจน้องมใิ ห้หมองอารมณห์ มอ่ ม
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ไม่ตดั ใจให้ตรอมเสน่หา เรอ่ื งท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ถา้ ตัดรักหกั ใจแล้วไม่มา หม่อมอยา่ ว่าเลยวา่ ฉนั ไม่คืนคดิ ” โถมทุบท่มุ ถองทบั ถบี ทา้ ว คาประพนั ธ์ข้างต้นใช้ลลี าการประพันธ์ตามขอ้ ใด เตะตีต่อยตบุ ตับ ตบตกั ก. เสาวรจนี หมดหมู่เมงมอญม้าว ม้านเมอ้ื หมางเมนิ ” ข. นารปี ราโมทย์ คาประพันธ์ข้างตน้ ไม่ใชก้ ลวิธกี ารแต่ง ในข้อใด ค. พิโรธวาทงั ก. การเลน่ คาซา้ ง. สลั ลาปังคพิสัย ข. การเลน่ สัมผสั สระ ๙. ขอ้ ใดใชภ้ าพพจนแ์ ตกต่างจากข้ออ่ืน ค. การเลน่ สมั ผัสอกั ษร ก. ลมระเรงิ ลู่หวิวพลว้ิ ระลอก ง. การเลยี นเสยี งธรรมชาติ ๗. “เงียบสัตว์จตั บุ ททวบิ าท สพั ยอกยอดไม้ไปลิ่วล่อง ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจา่ งไข ข. หางนกยูงระย้าเร่ียคลอเคลียน้า น้าค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสยี งคนใครไมพ่ ูดจา แพนดอกฉา่ ช้อยชอ่ วิจติ ร ไดย้ นิ เสียงฆอ้ งยา่ ประจาวงั ค. เห็นคล้ายปลาว่ายเฉวยี นฉวดั ลอยลมล่องดังถึงเคหา คะเนนบั ย่ายามได้สามครา ระลอกซดั ลาดกระเซ็นขึน้ เต้นหยอย ดเู วลาปลอดหว่ งทักทนิ ” ง. เฝา้ แหงนดดู วงแขชะแง้พักตร์ คาประพันธข์ า้ งตน้ ใชโ้ วหารใดในการประพันธ์ ก. อุปมาโวหาร เหน็ จนั ทร์ชักรถร่อนเวหาเหิน ข. บรรยายโวหาร ๑๐.“จอกแหนแพเสาสาเภาใหญ่ ค. พรรณนาโวหาร จะทอดถมเทา่ ไรไมร่ สู้ ึก ง. สาธกโวหาร เหมือนมหาสมุทรสดุ ซึง้ ซึก นา้ ลกึ เหลือจะหย่งั กระทั่งดิน” คาประพันธข์ า้ งตน้ ใชโ้ วหารภาพพจน์ชนดิ ใด ก. อปุ ลกั ษณ์ ข. อปุ มา ค. สัทพจน์ ง. บคุ คลวตั
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) ใบความรู้เร่ือง คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และบท ร้อยกรอง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ)
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ใบงาน เรือ่ ง การสรรคา คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอ่านเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย แลว้ ยกตวั อยา่ ง บทประพนั ธท์ ่ีมีคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ตาม ประเดน็ ต่อไปน้ี การสรรคา และบท ร้อยกรอง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) ใบความรู้เร่ือง โวหารภาพพจน์ และบท ร้อยกรอง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งที่ 4 รสในวรรณคดี และโวหาร (นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122