Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จิราภรณ์เลขที่ 20

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จิราภรณ์เลขที่ 20

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2

รายงาน เรื่อง แผนการจัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 จัดทำโดย นางสาว จิราภรณ์ พรหมเจริญ รหัสนักศกึ ษา 6281114003 เลขที่ 20 หมู่เรยี น D4 สาขาวชิ าฟสิ ิกส์ (ค.บ. 4ปี) คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา เสนอ อาจารย์ ดร.พชั รีภรณ์ บางเขียว รายงานฉบบั น้ีเปน็ ส่วนหนึ่งของการศึกษารายวชิ า “การจัดการเรียนรแู้ ละการจัดการชั้น เรียน” ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564

ก คำนำ รายงานฉบบั น้เี ป็นสว่ นหน่งึ ของรายวิชา วิทยาการจดั การเรียนรู้ ซงึ่ เน้ือหาภายในแผนการจัดการ เรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนท่ี เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานพุทธศักราช 2551 แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ประกอบไปด้วย แผนการจัดการเรียนรู้รายปี และแผนการจัดการ เรียนรู้เป็นหน่วย มีทั้งหมด 3 ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สารละลาย หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง รา่ งกายของมนุษย์ และหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง การเคล่อื นที่และแรง ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ และสามารถมอบความรู้ให้ผู้ที่สนใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนภายในห้องเรียนได้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผูจ้ ัดทำขอน้อมรับทุกคำตชิ มของผ้ทู ีส่ นใจหรือผอู้ ่าน เพื่อจะนำไปปรบั ปรงุ ต่อไป จิราภรณ์ พรหมเจริญ 02 มกราคม 2565

สารบญั ข เร่อื ง หนา้ คำนำ ก สารบญั ข แผนการจัดการเรยี นรู้รายเทอม 1 ตารางโครงสร้างรายวชิ า 13 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 16 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 41 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 56 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 91 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 111 บรรณานุกรม 147

1 แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ปกี ารศกึ ษา 2564 เวลา 60 ชวั่ โมง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ครผู สู้ อน นางสาว จิราภรณ์ พรหมเจรญิ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยีชีวภาพที่มผี ลกระทบต่อ มนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และ จติ วิทยาศาสตร์สอื่ สารสงิ่ ทีเ่ รยี นร้แู ละนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน ระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลกนำความรู้ไปใช้ในในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถ่ินอย่างย่งั ยนื มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลง และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิด สารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สอ่ื สารสงิ่ ท่ี เรียนรูแ้ ละนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวฒั นาการของส่งิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี วี ภาพที่มีผลกระทบต่อ

2 มนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ว 1.2 ม.2/1 ระบอุ วยั วะ และบรรยายหน้าทขี่ องอวัยวะทเี่ กย่ี วข้องในระบบหายใจ ว 1.2 ม.2/2 อธิบายกลไกการหายใจเข้า และออกโดยใช้แบบจําลองรวมทัง้ อธิบายกระบวนการ แลกเปลี่ยนแก๊ส ว 1.2 ม.2/3 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา อวยั วะในระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ ว 1.2 ม.2/4 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าท่ีของอวัยวะในระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทาง ได้ ว 1.2 ม.2/5 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางได้โดยการบอก แนวทางในการปฏิบัตคิ นท่ีชว่ ยใหร้ ะบบขับถา่ ยทำหนา้ ที่ไดอ้ ย่างปกติ ว 1.2 ม.2/6 บรรยายโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องหัวใจหลอดเลือดและเลอื ด ว 1.2 ม.2/7 อธบิ ายการทำงานของระบบหมุนเวยี นเลือดโดยใชแ้ บบจำลอง ว 1.2 ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลองในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจขณะ ปกตแิ ละหลงั ทำกจิ กรรม ว 1.2 ม.2/9 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดโดยการบอกแนวทางในการดูแล รักษาอวยั วะในระบบหมนุ เวยี นเลอื ดให้ทำงานเป็นปกติ ว 1.2 ม.2/10 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการ ควบคุมการทำงานตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ว 1.2 ม.2/11 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาทโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา รวมถงึ การปอ้ งกันการกระทบกระเทือนและอันตรายตอ่ สมองและไขสนั หลัง ว 1.2 ม.2/12 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศ หญิงโดยใช้แบบจำลอง ว 1.2 ม.2/13 อธบิ ายผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญิงทคี่ วบคุมการเปลีย่ นแปลงของ รา่ งกายเมื่อเข้าสู่วยั หนุม่ สาว

3 ว 1.2 ม.2/14 ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวโดยการดูแลรักษา รา่ งกายและจิตใจของตนเองในช่วงท่มี ีการเปลยี่ นแปลง ว 1.2 ม.2/15 อธิบายการตกไข่การมีประจำเดือนการปฏสิ นธิและการพฒั นาของไชโกตจนคลอด เป็นทารก ว 1.2 ม.2/16 เลอื กวิธีการคุมกำเนดิ ท่ีเหมาะสมกบั สถานการณท์ กี่ ำหนด ว 1.2 ม.2/17 ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรโดยการประพฤติตนให้ เหมาะสม มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และ จิตวทิ ยาศาสตร์สอื่ สารสง่ิ ท่เี รียนรูแ้ ละนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ว 2.1 ม.2/1 อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึกการกลั่นอยา่ งง่ายใครมาโทก ราฟีแบบกระดาษการสกดั ด้วยตวั ทำละลายโดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้งการตกผลิกการกลั่นอย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบ กระดาษการสกัดด้วยตวั ทำละลาย ว 2.1 ม.2/3 นำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์เทคโนโลยีและวศิ วกรรมศาสตร์ ว 2.1 ม.2/4 ออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัวละลายชนิดตัวทำ ละลายอุณหภูมิทีม่ ีต่อสภาพละลายได้ของสารรวมทั้งอธิบายผลของความดันที่มีต่อสภาพละลาย ได้ของสารโดยใช้สารสนเทศ ว 2.1 ม.2/5 ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละปริมาตรต่อ ปรมิ าตรมวลตอ่ มวลและมวลต่อปรมิ าตร ว 2.1 ม.2/6 ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้โดย ยกตวั อย่างการใช้สารละลายในชวี ติ ประจำวันอย่างถกู ต้องและปลอดภัย มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน ระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลกนำความรู้ไปใช้ในในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล้อมในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ว 2.2 ม.2/1 พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงท่ี กระทำตอ่ วัตถุในแนวเดยี วกันจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์

4 ว 2.2 ม.2/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุใน แนวเดยี วกัน ว 2.2 ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดบิ ของเหลว ว 2.2 ม.2/4 วเิ คราะห์แรงพยุงและการจบการลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ม.2/5 เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทำตอ่ วตั ถใุ นของเหลว ว 2.2 ม.2/6 อธบิ ายแรงเสียดทานสถิตแิ ละแรงเสยี ดทานจลนจ์ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.2 ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ขนาดของแรงเสียดทาน ว 2.2 ม.2/8 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอน่ื ๆ ท่กี ระทำตอ่ วัตถุ ว 2.2 ม.2/9 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องแรงเสยี ดทานโดยวิเคราะหส์ ถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่เป็นประโยชน์ต่อการทำกิจกรรมใน ชีวิตประจำวนั ว 2.2 ม.2/10 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวธิ ีที่เหมาะสมในการอธิบายโมเมนต์ของแรง เมื่อวตั ถุอยใู่ นสภาพสมดุลต่อการหมุน และคำนวณโดยใช้ M=Fl ว 2.2 ม.2/11 เปรียบเทียบแหล่งของสนามแม่เหล็กสนามไฟฟ้าและสนามโน้มถ่วงและทิศทาง ของแรงทีก่ ระทำต่อวัตถุท่อี ยู่ในแต่ละสนามจากข้อมูลที่รวมรายได้ ว 2.2 ม.2/12 เขยี นแผนภาพแสดงแรงแมเ่ หล็กแรงไฟฟ้าและแรงโนม้ ถ่วงที่กระทำต่อวตั ถุ ว 2.2 ม.2/13 วิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหลก็ แรงไฟฟ้าและแรงโน้มถว่ งท่ี กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในสนามน้ัน ๆ กับระยะห่างจากแหล่งของสนามถงึ วัตถุจากขอ้ มูลท่ี รวบรวม ได้ ว 2.2 ม.2/14 อธิบายและคํานวณอัตราเรว็ และความเร็วของการเคลื่อนท่ีของวตั ถโุ ดยใช้สมการ v = s/t จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.2 ม.2/15 เขยี นแผนภาพแสดงการกระจดั และความเรว็ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลง และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกยี่ วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

5 ว 2.3 ม.2/1 วิเคราะห์สถานการณ์และคำนวณเกี่ยวกับงานและกำลังที่เกิดจากแรงที่กระทำต่อ วัตถโุ ดยใชส้ มการ W=Fs และP=w/t จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ว 2.3 ม.2/2 วิเคราะห์หลกั การทำงานของเครอื่ งกลอย่างงา่ ยจากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ ว 2.3 ม.2/3 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของเครื่องกลอย่างง่ายโดยบอกประโยชน์และการ ประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน ว 2.3 ม.2/4 ออกแบบและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลตอ่ พลังงานจลน์ และพลังงานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง ว 2.3 ม.2/5 แปลความหมายข้อมลู และอธบิ ายการเปล่ยี นพลังงานระหว่างพลังงานศักย์โน้มถ่วง และพลังงานจลน์ของวตั ถุโดยพลังงานกลของวัตถมุ ีค่าตวั จากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ ว 2.3 ม.2/6 วเิ คราะหส์ ถานการณ์และอธิบายการเปลยี่ นและการถา่ ยโอนพลังงานโดยใช้กฎการ อนรุ กั ษพ์ ลังงาน มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิด สารละลาย การเกิดปฏกิ ริ ิยา มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่งิ ที่ เรยี นรูแ้ ละนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ว 3.2 ม.2/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดสมบัติและการใช้ประโยชน์รวมทั้งอธิบายผลกระทบ จากการใชเ้ ชอ้ื เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ว 3.2 ม.2/2 แสดงความตระหนักถึงผลจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดยนำเสนอแนว ทางการใชเ้ ชอ้ื เพลงิ จากกาบรรพ์ ว 3.2 ม.2/3 เปรยี บเทยี บข้อดีและข้อจำกัด ของพลังงานทดแทนแตล่ ะประเภทจากการรวบรวม ขอ้ มลู และนำเสนอแนวทางการใชพ้ ลงั งานทดแทนท่เี หมาะสมในทอ้ งถ่ิน ว 3.2 ม.2/4 สรา้ งแบบจำลองท่ีอธิบายโครงสร้างภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมีจากข้อมูล ทีร่ วบรวมได้ ว 3.2 ม.2/5 อธิบายกระบวนการผุพังอยู่กับที่การกร่อนและการสะสมตัวของตะกอนจาก แบบจําลองรวมทั้งยกตวั อย่างผลของกระบวนการดงั กลา่ วท่ีทำให้ผวิ โลกเกิดการเปล่ยี นแปลง ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลักษณะของชั้นหน้าตัดสินและกระบวนการเกิดดินจากแบบจําลองรวมท้ัง ระบปุ ัจจยั ที่ทำให้ดินมลี ักษณะและสมบตั แิ ตกตา่ งกนั

6 ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวัดสมบัติบางประการของดินโดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและนำเสนอแนว ทางการใชป้ ระโยชนด์ ินจากขอ้ มูลสมบตั ขิ องดนิ ว 3.2 ม.2/8 อธบิ ายปจั จัยและกระบวนการเกดิ แหล่งน้ำผิวดนิ และแหล่งน้ำใต้ดินจากแบบจําลอง ว 3.2 ม.2/9 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการใช้น้ำและนำเสนอแนวทางการใช้น้ำอย่างยั่งยืนใน ทอ้ งถ่นิ ของตนเอง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถบรรยายเกี่ยวกับอวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจ ได้ (K) 2. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะและหน้าที่ของ อวัยวะที่เก่ยี วขอ้ งในระบบหายใจได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าความสำคัญของอวัยวะ และหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบ หายใจ (A) 4. นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการหายใจเข้า และออกโดยใช้แบบจําลองรวมทั้งอธิบาย กระบวนการแลกเปลย่ี นแกส๊ ได้ (K) 5. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา อวัยวะในระบบหายใจให้ทำงานเปน็ ปกติ (A) 6. นักเรียนสามารถอธิบายเกี่ยวกับอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายใน การกำจดั ของเสียทางได้ (K) 7. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของอวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่าย ในการกำจัดของเสยี ทางได้ (P) 8. นักเรียนเห็นคุณค่าความสำคัญของอวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายในการ กำจัดของเสยี ทาง (A) 9. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของระบบขบั ถ่ายในการกำจัดของเสยี ทางได้โดยการบอก แนวทางในการปฏบิ ัติคนที่ช่วยใหร้ ะบบขับถา่ ยทำหน้าที่ได้อย่างปกติ (A) 10. นักเรียนสามารถอธิบายเกย่ี วกับโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องหัวใจหลอดเลือดและเลอื ดได้ (K)

7 11. นักเรียนสามารถอธิบายการทำงานของระบบหมุนเวยี นเลอื ดโดยใชแ้ บบจำลองได้ (K) 12. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลองและทดลองในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของ หวั ใจขณะปกตแิ ละหลังทำกิจกรรมได้ (P) 13. นักเรียนสามารถตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดโดยการบอกแนวทาง ในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมนุ เวยี นเลอื ดให้ทำงานเป็นปกติ (A) 14. นักเรียนสามารถอธิบายเกี่ยวกับอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาท สว่ นกลางในการควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายได้ (K) 15. นกั เรยี นตระหนกั ถึงความสำคญั ของระบบประสาทโดยการบอกแนวทางในการดแู ลรักษา รวมถึงการป้องกนั การกระทบกระเทอื นและอนั ตรายตอ่ สมองและไขสันหลังได้ (A) 16. นักเรียนสามารถอธิบายเกี่ยวกับอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุ ของเพศชายและเพศหญงิ โดยใชแ้ บบจำลอง (K) 17. นักเรียนสามารถอธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลง ของรา่ งกายเม่อื เขา้ สวู่ ยั หนุ่มสาวได้ (P) 18. นักเรียนตระหนักถงึ การเปลีย่ นแปลงของร่างกายเมื่อเขา้ สู่วยั หนุ่มสาวโดยการดแู ลรกั ษา รา่ งกายและจติ ใจของตนเองในช่วงที่มกี ารเปลย่ี นแปลง (A) 19. นักเรียนสามารถอธิบายการตกไข่การมีประจำเดือนการปฏิสนธิและการพัฒนาของไช โกตจนคลอดเป็นทารก (K) 20. นักเรียนสามารถอธิบายการเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนด (K) 21. นักเรียนตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรโดยการประพฤติตนให้ เหมาะสม (A) 22. นักเรียนสามารถอธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึกการกลั่นอย่าง ง่ายใครมาโทกราฟแี บบกระดาษการสกัดด้วยตัวทำละลายโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษไ์ ด้ (K) 23. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตก ผลึกการกลั่นอย่างง่ายใครมาโทกราฟีแบบกระดาษการสกัดด้วยตัวทำละลายโดยใช้หลกั ฐาน เชิงประจกั ษ์ (P)

8 24. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเก่ยี วกบั การแยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลิกการกล่นั อย่าง ง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษการสกดั ด้วยตวั ทำละลาย (K) 25. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการแยกสารโดยการระเหยแห้งการตกผลิ กการกล่ันอย่างงา่ ยโครมาโทกราฟแี บบกระดาษการสกัดด้วยตวั ทำละลายได้ (P) 26. นักเรียนสามารถอธบิ ายเก่ียวกบั วิธีการแยกสารไปใช้แก้ปญั หาในชีวติ ประจำวนั โดยบูรณา การวิทยาศาสตรค์ ณติ ศาสตร์เทคโนโลยแี ละวิศวกรรมศาสตร์ (K) 27. นักเรียนสามารถทดลองและนำนำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดย บูรณาการวทิ ยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์เทคโนโลยแี ละวิศวกรรมศาสตร์ได้ (P) 28. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัว ละลายชนิดตัวทำละลายอุณหภูมิที่มีต่อสภาพละลายได้ของสารรวมทั้งอธิบายผลของความ ดนั ทีม่ ีตอ่ สภาพละลายไดข้ องสารโดยใช้สารสนเทศ (K) 29. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัวละลาย ชนิดตัวทำละลายอุณหภูมิท่ีมีต่อสภาพละลายได้ของสารรวมทัง้ อธบิ ายผลของความดันท่ีมีต่อ สภาพละลายไดข้ องสารโดยใช้สารสนเทศ (P) 30. นักเรียนสามารถวิเคราะห์การระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้น เป็นร้อยละปริมาตรตอ่ ปรมิ าตรมวลตอ่ มวลและมวลต่อปรมิ าตรได้ (K) 31. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้โดย ยกตวั อยา่ งการใชส้ ารละลายในชวี ิตประจำวันอย่างถกู ต้องและปลอดภยั (A) 32. นกั เรียนสามารถอธิบายเก่ียวกับการพยากรณ์การเคลื่อนที่ของวตั ถุทีเ่ ป็นผลของแรงลัพธ์ ท่ีเกดิ จากแรงหลายแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถใุ นแนวเดยี วกนั จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ (K) 33. นักเรียนสามารถอธิบายเกี่ยวกับการเขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรง หลายแรงที่กระทำต่อวตั ถใุ นแนวเดียวกนั ได้ (K) 34. นักเรียนสามารถอธิบายการออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายปจั จยั ท่ีมผี ลต่อความดิบของเหลว (K) 35. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัย ที่มผี ลตอ่ ความดบิ ของเหลวได้ (P)

9 36. นักเรียนสามารถวิเคราะห์แรงพยุงและการจบการลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ได้ (K) 37. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเก่ียวกับการเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำตอ่ วัตถุในของเหลว ได้ (K) 38. นักเรียนสามารถอธิบายแรงเสียดทานสถิติและแรงเสียดทานจลน์จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ (K) 39. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจยั ทมี่ ผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทาน (P) 40. นักเรียนสามารถอธิบายการเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอ่นื ๆ ที่กระทำต่อ วัตถุ (K) 41. นักเรียนสามารถแสดงการเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระทำต่อ วัตถุ (P) 42. นักเรียนตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องแรงเสียดทานโดยวิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาและเสนอแนะวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่เป็นประโยชน์ต่อการทำกิจกรรมใน ชวี ิตประจำวัน (A) 43. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบาย โมเมนตข์ องแรง เมอ่ื วตั ถุอยใู่ นสภาพสมดุลตอ่ การหมุน และคำนวณโดยใช้ M=Fl (P) 44. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบแหล่งของสนามแม่เหล็กสนามไฟฟ้าและสนามโน้มถ่วงและ ทิศทางของแรงที่กระทำต่อวัตถทุ ่ีอย่ใู นแต่ละสนามจากข้อมูลที่รวมรายได้ (K) 45. นักเรียนสามารถอธิบายการเขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็กแรงไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วงที่ กระทำต่อวตั ถุ (K) 46. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็กแรงไฟฟ้าและแรง โน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ กับระยะห่างจากแหล่งของสนามถึงวัตถุจาก ข้อมลู ท่ี รวบรวมได้ (K)

10 47. นักเรียนสามารถอธิบายและคํานวณอัตราเร็วและความเรว็ ของการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุโดย ใชส้ มการv = s/t และ v ⃑ = s ⃑/t จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษไ์ ด้ (K) 48. นักเรียนสามารถอธบิ ายการเขียนแผนภาพแสดงการกระจดั และความเร็ว (K) 49. นักเรียนสามารถวิเคราะห์สถานการณ์และคำนวณเกีย่ วกับงานและกำลังท่ีเกิดจากแรงท่ี กระทำต่อวตั ถโุ ดยใชส้ มการ W=Fs และP=w/t จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ (K) 50. นักเรียนสามารถวิเคราะห์หลักการทำงานของเครื่องกลอย่างง่ายจากข้อมูลที่รวบรวมได้ (K) 51. นักเรียนตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของเครื่องกลอย่างง่ายโดยบอกประโยชน์และ การประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั (A) 52. นักเรียนสามารถออกแบบและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ พลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศักย์โน้มถ่วง (P) 53. นักเรียนสามารถอธิบายการแปลความหมายข้อมูลและอธิบายการเปลี่ยนพลังงาน ระหว่างพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลังงานจลน์ของวัตถุโดยพลังงานกลของวัตถุมีค่าตัวจาก ขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ (K) 54. นักเรียนสามารถวิเคราะห์สถานการณ์และอธิบายการเปลี่ยนและการถ่ายโอนพลังงาน โดยใช้กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน (K) 55. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบกระบวนการเกิดสมบัติและการใช้ประโยชน์รวมทั้งอธิบาย ผลกระทบจากการใชเ้ ชอื้ เพลิงซากดึกดำบรรพจ์ ากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ (K) 56. นักเรียนตระหนักถึงผลจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดยนำเสนอแนวทางการใช้ เชื้อเพลิงจากกาบรรพ์ (A) 57. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัด ของพลังงานทดแทนแต่ละประเภทจาก การรวบรวมข้อมลู และนำเสนอแนวทางการใชพ้ ลงั งานทดแทนทีเ่ หมาะสมในท้องถิน่ (K) 58. นักเรียนสามารถอธิบายการสร้างแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้างภายในโลกตาม องคป์ ระกอบทางเคมีจากข้อมูลที่รวบรวมได้ (K)

11 59. นักเรียนสามารถอธิบายกระบวนการผุพังอยู่กับทีก่ ารกรอ่ นและการสะสมตัวของตะกอน จากแบบจําลองรวมทั้งยกตัวอย่างผลของกระบวนการดังกล่าวที่ทำให้ผิวโลกเกิดการ เปล่ียนแปลงได้ (K) 60. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของชั้นหน้าตัดสินและกระบวนการเกิดดินจาก แบบจาํ ลองรวมทงั้ ระบปุ ัจจัยที่ทำใหด้ ินมีลักษณะและสมบัติแตกตา่ งกันได้ (K) 61. นักเรียนสามารถทดลองการตรวจวัดสมบัติบางประการของดินโดยใช้เครื่องมือที่ เหมาะสมและนำเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์ดินจากข้อมลู สมบัติของดนิ (P) 62. นกั เรียนสามารถอธิบายปัจจยั และกระบวนการเกิดแหลง่ น้ำผวิ ดนิ และแหลง่ น้ำใต้ดินจาก แบบจําลองได้ (K) 63. นักเรียนสามารถแสดงการสร้างแบบจำลองทอ่ี ธิบายการใช้น้ำและนำเสนอแนวทางการใช้ นำ้ อยา่ งยง่ั ยนื ในท้องถ่นิ ของตนเอง (P)

12 คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา สำรวจ สืบค้นข้อมูล ทดลอง วิเคราะห์และอธิบายองค์ประกอบของสาร โดย วิธีการแยกสารผสม โดยการระเหยแห้งการตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบ กระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นต้น อธิบายชนิดตัวละลาย ชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิ และความดันที่มีต่อสภาพละลายได้ของสาร อีกทั้งสามารถระบุปริมาณตัวละลายในสารละลาย ในหนว่ ยความเข้มข้นเปน็ ร้อยละปริมาตรต่อปริมาตร มวลตอ่ มวล และมวลตอ่ ปรมิ าตร ตระหนัก ถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่อง ความเข้มข้นของสารไปใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน อย่างถกู ตอ้ งและปลอดภัย อธิบายโครงสร้างและการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ภายในร่างกายของมนุษย์และวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับ สถานการณก์ ารตระหนักถึงผลกระทบของการต้งั ครรภก์ อ่ นวัยอันควรท่ีมีความสำคญั กับผเู้ รยี น อธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุด้วยแรงลัพธ์ บอกตำแหน่ง ระยะทาง การกระจัดของวัตถุ สามารถคำนวณอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้สมการและแผนภาพ อธิบายแรงในชีวิตประจำวัน แรงลัพธ์ แรงและความดันของเหลว แรงพยุงของของเหลว แรง เสียดทาน แรงเสยี ดทานสถติ แรงเสียดทานจลน์ ความหมายของโมเมนต์ ชนิดของโมเมนต์ภาวะ สมดุลและโมเมนต์หลักการโมเมนต์ โมเมนต์ในชีวิตประจำวัน ประโยชน์ของโมเมนต์และแรง แมเ่ หลก็ แรงไฟฟา้ แรงโน้มถว่ งที่กระทำต่อวัตถ รหัสตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ม.2/16 ม.2/17 มาตรฐาน ว 2.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 มาตรฐาน ว 2.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13

13 ตารางโครงสร้างรายวิชา รายวิชาพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 เวลา 60 ชัว่ โมง ครผู ู้สอน นางสาว จริ าภรณ์ พรหมเจริญ หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ เวลา (ชัว่ โมง) สารละลาย บทที่ 1องคป์ ระกอบของสารละลายและปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อสภาพละลายได้ 15 เรื่องท่ี 1องค์ประกอบของสารละลาย 3 1 เรอ่ื งท่ี 2สภาพละลายได้และปัจจยั ที่มีผลตอ่ สภาพละลายได้ 3 บทท่ี 2ความเข้มขน้ ของสารละลาย 9 เรื่องท่ี 1ความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยร้อยละ รา่ งกายมนุษย์ 21 บทท่ี 3ระบบอวยั วะในร่างกายของเรา 6 4 เรอื่ งที่ 1ระบบหมุนเวยี นเลอื ด 3 3 2 เรื่องที่ 2ระบบหายใจ 5 เรื่องท่ี 3ระบบขบั ถา่ ย เรื่องท่ี 4ระบบประสาท เรอ่ื งท่ี 5ระบบสืบพนั ธุ์ การเคลือ่ นทแ่ี ละแรง 22 3 บทท่ี 4การเคลื่อนท่ี 2 เรอ่ื งที่ 1ตำแหนง่ ระยะทางและการกระจดั 3 เรื่องที่ 2อตั ราเรว็ และความเร็ว

บทท่ี 5แรงในชีวติ ประจำวัน 14 เรื่องท่ี 1แรงลัพธ์ เร่ืองท่ี 2แรงเสยี ดทาน 3 เร่ืองท่ี 3แรงและความดันของของเหลว 3 เรือ่ งท่ี 4แรงพยงุ ของของเหลว 2 เรอ่ื งท่ี 5โมเมนต์ของแรง 3 เรอ่ื งที่ 6แรงและสนามของแรง 3 3

15 แผนการจดั การ เรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1

16 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง สารละลาย

17 แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เร่อื ง สารละลาย เรอื่ ง องคป์ ระกอบของสารละลายและปัจจัยที่มีผลต่อสภาพสารละลายได้ เวลา 9 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสบื เสาะ หาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สอื่ สารสิ่งทเ่ี รียนรูแ้ ละนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลกึ การกลั่นอย่างง่ายใครมาโทกราฟี แบบกระดาษการสกดั ดว้ ยตัวทำละลายโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้งการตกผลกิ การกล่ันอย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษการ สกัดด้วยตัวทำละลาย ม.2/4 ออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัวละลายชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิที่มีต่อสภาพละลายได้ของสารรวมทั้งอธบิ ายผลของความดันที่มีต่อสภาพละลายได้ของ สารโดยใช้สารสนเทศ ม.2/6 ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้โดยยกตัวอย่าง การใช้สารละลายในชวี ติ ประจำวันอย่างถกู ตอ้ งและปลอดภัย 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึกการกลัน่ อย่างง่ายใคร มาโทกราฟแี บบกระดาษการสกัดด้วยตวั ทำละลายโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษไ์ ด้ (K) 2. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึก การกล่นั อย่างง่ายใครมาโทกราฟีแบบกระดาษการสกดั ด้วยตวั ทำละลายโดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ (P) 3. นักเรยี นสามารถอธบิ ายเกยี่ วกับการแยกสารโดยการระเหยแห้งการตกผลิกการกล่ันอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษการสกดั ด้วยตวั ทำละลาย (K)

18 4. นักเรียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการแยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลิกการก ลั่นอย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษการสกัดดว้ ยตัวทำละลายได้ (P) 5. นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้โดย ยกตัวอยา่ งการใช้สารละลายในชวี ิตประจำวันอยา่ งถกู ต้องและปลอดภยั (A) 3. สาระสำคัญ ละลายรวมเป็นเนอ้ื เดียวกนั โดยสารละลายประกอบด้วยตัวละลายและตัวทำละลาย ถา้ ตวั ทำละลาย และตัวสารละลาย หมายถึง ของผสมเนื้อเดียวที่เกิดจากการผสมกันของสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มาละลายมีสถานะตา่ งกัน ให้พิจารณาวา่ สารใดท่มี สี ถานะเหมอื นกับสารละลายให้ถือว่า สารนัน้ เปน็ ตัวทำ ละลาย ถา้ ตวั ทำละลายและตวั ละลายมีสถานะเหมือนกนั ใหพ้ ิจารณาว่าสารท่ีมีปรมิ าณมากกว่าเป็นตัวทำ ละลาย และสารที่มีปริมาณน้อยกว่าเป็นตัวละลายสารละลายมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดไม่คงที่ โดย สารละลายจะมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่า ตัวทำละลายบริสุทธิ์ และสารละลายจะมีจุดเดือดสูงกว่าตัวทำ ละลายบริสุทธิ์ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - ความหมายของสารละลาย - จุดหลอมเหลวของสารละลาย 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - ทดลองและสรปุ ผลการทดลอง เร่อื งองค์ประกอบของสารละลาย 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ 3. มวี ินยั 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 6. มุง่ มั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ

19 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (เฉพาะท่เี กิดในหน่วยการเรียนรนู้ ี้)  ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด v ความสามารถในการแก้ปัญหา x ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ z ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน 6.1 ใบงานที่ 1 เรือ่ ง องค์ประกอบของสารละลาย 6.2 ใบงานที่ 2 เรื่อง สภาพละลายได้ และปัจจัยทมี่ ผี ลต่อสภาพละลายได้ 6.3 แบบฝกึ หัดทา้ ยบท เรอื่ ง องคป์ ระกอบของสารละลายและปจั จัยทมี่ ผี ลต่อสภาพสารละลายได้ 7. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1-3 ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู ักทายนักเรยี นเมือ่ เริ่มเขา้ คาบและแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ 2. ครใู หน้ ำเข้าสูบ่ ทเรียนโดยการใหน้ ักเรียนสังเกตยาแก้ไอแบบนำ้ เช่ือม นำ้ หวาน น้ำยาบ้วนปาก และร่วมกันอภปิ รายโดยใช้คำถามเหลา่ นี้ รปู ประกอบการถามคำถามนกั เรยี น

20 • นักเรียนเคยทานยาแก้ไอแบบน้ำเชื่อมหรือไม่ ยาแก้ไอมีลักษณะและรสชาติเป็น อยา่ งไร 3. ครเู ชื่อมโยงการเรยี นรเู้ ข้าสู่บทเรยี น เรื่อง สารละลาย โดยใช้คำถามวา่ • สารตา่ ง ๆ ทย่ี กตัวอย่าง ทง้ั ยาแก้ไอแบบน้ำเช่ือม น้ำหวาน นำ้ ยาบวั นปาก มลี กั ษณะ เป็นเน้ือเดียว ใส ไมม่ ตี ะกอน สารดังกลา่ วเปน็ สารประเภทใด และการใช้ประโยชน์ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ( นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น สารดังกล่าวเป็น สารละลาย การใช้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงข้อแนะนำการใช้ ปริมาณสารที่แนะนำให้ ใช้) คำตอบของนกั เรยี นอาจจะถูกต้องหรือยงั ไม่ถูกต้องท้ังหมด ให้ครบู ันทกี คำตอบ ไว้ก่อน และอธิบายว่านักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของสารละลาย ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้ และความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยการเรยี นรู้ นี้ ข้นั สอน สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนสบื เสาะหาความรู้ เรือ่ ง องค์ประกอบของสารละลาย จากหนงั สอื เรยี น 2. ครถู ามคำถามว่า องค์ประกอบของสารละลายได้แก่อะไรบา้ ง แนวคำตอบ องค์ประกอบของสารละลาย ไดแ้ ก่ 1. ตัวทำละลาย (solvent) หมายถงึ สารทม่ี ีความสามารถในการทำให้สารตา่ งๆ ละลายได้ โดยไม่ทำปฏิกิริยาเคมีกับสารน้ัน 2. ตัวละลาย (solute) หมายถึง สารที่ถูกตัวทำละลายละลายให้กระจายออกไปทั่วในตัวทำ ละลายโดยไมท่ ำปฏกิ ริ ิยาเคมีต่อกนั 3. ครูนำอภิปรายนกั เรยี นเกี่ยวกับสารละลาย โดยการถามคำถามเกีย่ วกับสารละลายวา่ ให้นักเรียน ยกตัวอยา่ งสารละลายมาคนละ 1 อยา่ ง แนวคำตอบ นำ้ เชื่อม น้ำหวาน น้ำเกลอื นำ้ ปลา นำ้ สม้ สายชู น้ำอดั ลม เป็นต้น

21 อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. ครูถามคำถามตอ่ ไปน้ี • สารละลายคืออะไร แนวคำตอบ สารละลาย (solution) หมายถึง สารเนื้อเดียวที่ไม่บริสุทธิ์ เกิดจากสาร ตัง้ แต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไปมารวมกนั • เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถแบ่งสารออกเปน็ กี่ประเภท แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ สารทลี่ ะลายน้ำ และสารทไี่ มล่ ะลายน้ำ • สารละลายอิ่มตวั (Saturated solution) คอื อะไร แนวคำตอบ สารละลายอิ่มตัว (Saturated solution) คือ สารละลายที่ตัวละลาย ไมส่ ามารถละลายในตัวทำละลายได้เพิ่มข้ึนอีกเมื่อตัวทำละลายและอุณหภูมิคงที่ ช่ัวโมงที่ 4-6 ข้นั สอน สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูและนักเรียนร่วมกับอภิปรายเกี่ยวกับ เรื่อง สภาพละลายได้ และปัจจัยที่มีผลต่อสภาพ ละลายได้ ว่ามีสิ่งใดบ้างที่มาเกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่คำถามว่า ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้มีอะไรบ้าง โดยครูจะใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระ 2. ให้นักเรยี นอา่ นช่ือกจิ กรรม จดุ ประสงค์ และวิธดี ำเนินกจิ กรรม และตรวจสอบความเข้าใจการ อา่ นโดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้ • กิจกรรมน้เี ก่ยี วกบั เร่อื งอะไร (ผลของอณุ หภมู ติ ่อสภาพละลายได้ของสาร) • กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธิบายผลของ อุณหภูมทิ ี่มตี อ่ สภาพละลายได้ของจนุ สใี นนำ้ ) • วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ออกแบบการทดลองเพื่อศึกษาผลของ อุณหภมู ทิ มี่ ตี อ่ สภาพละลายไดข้ องจนุ สี โดยระบุปญั หา ต้งั สมมติฐาน กำหนดตวั แปร ตัน ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม ออกแบบตารางบันทึกผล จากนั้นให้ลงมือทดลอง บันทกึ ผล อภปิ ราย สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผล)

22 • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (สังเกตการละลายของตัวละลายในน้ำท่ี อุณหภูมติ ่าง ๆ และบันทึกปรมิ าณของตวั ละลายทใี่ ช้) ครูควรให้เวลานักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบการทดลองตามความคิดของกลุ่ม โดยแนะนำให้ นกั เรยี นระบปุ ัญหาที่สนใจจะศึกษาเกยี่ วกับผลของอุณหภูมติ ่อสภาพละลายได้ของสาร และตั้งสมมติฐาน หรือคาดคะเนคำตอบทน่ี ่าจะเป็นไปได้ก่อน แล้วจงึ หาวธิ ีการตรวจสอบสมมตฐิ านโดยกำหนดและควบคุม ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง นำเสนอการออกแบบการทดลองของกลุ่ม ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเพื่อปรับปรุง วิธกี ารทดลองให้ถูกต้อง สามารถตรวจสอบสมมติฐานท่ีตัง้ ไว้ใด้จรงิ โดยแตล่ ะกลมุ่ ไม่จำเป็นต้องออกแบบ การทดลองเหมอื นกนั จากนั้นจงึ ใหน้ ักเรียนเริม่ ดำเนนิ การทดลอง ครูให้ความรู้และแนะนำความปลอดภัยในการใช้สารเคมี ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น จนุ สที ใี่ ช้ในกจิ กรรมน้ี ถ้าสัมผัสทางผิวหนงั อาจเกดิ การะคายเคอื ง ถา้ รับประทานอาจทำให้เกดิ อาการปวด ท้องรุนแรง อาเจียน นอกจากนี้ จุนสีเป็นสารประกอบที่มีทองแดง (คอปเปอร์) ซึ่งเป็นโลหะหนักเป็น องค์ประกอบ การท้งิ สารเคมไี มถ่ ูกวิธีอาจทำใหเ้ กิดการปนเป้ือนในดนิ นำ้ และเป็นอันตรายต่อสง่ิ มชี วี ิตได้ 3. ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน และให้คำแนะนำกรณีนักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น การควบคุมตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ การแกไ้ ขปัญหาทพ่ี บจากการทดลอง 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม อบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผล ของกิจกรรมโดยใช้คำถามทา้ ยกิจกรรมเปน็ แนวทาง เพื่อให้ได้ขอ้ สรุปจากกิจกรรมว่า จุนสีละลายในนำ้ ที่ อณุ หภูมสิ งู ไดด้ กี ว่าละลายในนำ้ ที่อณุ หภมู ติ ำ่ 5. ให้นักเรยี นเรียนรู้เพิ่มเตมิ เก่ียวกับผลของอุณหภูมิที่มีต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้กราฟ ในภาพ 2.5 ในหนงั สอื เรียนหนา้ 23 ประกอบการอภปิ ราย และอา่ นขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ในหนังสือเรยี น เพ่ือให้ ได้ข้อสรุปว่าเม่ืออุณหภูมิเพิ่มขึ้นสภาพละลายได้ของสารสว่ นใหญ่เพิ่มข้ึน แต่สารบางชนิดมีสภาพละลาย ไดล้ ดลง 6. ให้นกั เรยี นตอบคำถามระหว่างเรียน เพอื่ ประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพละลายได้ของสาร ในหนังสอื เรียน และรว่ มกนั อภิปรายคำตอบ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ผลการการปฏิบัติกิจกรรม และอภิปรายผลท้ายกิจกรรม รว่ มกัน

23 2. ครสู มุ่ ตวั แทนนกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมาอภปิ รายเก่ยี วกบั ความปลอดภยั ในการใช้สารเคมี 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายและสรุปกจิ กรรม 4. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมหลังจากการศึกษากิจกรรม สภาพละลายได้ และ ปจั จัยที่มีผลตอ่ สภาพละลายได้ ชว่ั โมงท่ี 7-9 ขน้ั สอน สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูเชื่อมโยงความรู้เรื่องสภาพละลายได้ของแก๊สกับภาวะโลกร้อนตามหนังสือเรียน เพื่อชวนให้ นักเรียนติดต่อไปว่าถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำในแหล่งน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น แก๊สออกซิเจนซึ่งเป็น ปจั จยั จำเป็นต่อการดำรงชวี ิตของสิ่งมีชวี ิตส่วนใหญ่จะละลายในน้ำไดม้ ากขนึ้ หรือน้อยลง และส่งผล ต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร ซึ่งจะกระตุ้นให้นกั เรียนเกิดความตระหนักในการร่วมมือกนั ลดความรุนแรงของ ภาวะโลกร้อน 2. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมและจากข้อมูลในหนังสือ เรยี น เพอ่ื ให้ใด้ข้อสรปุ ว่าอุณหภมู ิมผี ลต่อสภาพละลายไตข้ องสาร เมื่ออณุ หภมู ิเพ่ิมขึน้ สภาพละลาย ได้ของสารส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น แต่มีสารบางชนิด เมื่ออุณภูมิเพิ่มขึ้น สภาพละลายได้จะลดลง เช่น ซีเซียมซัลเฟต และสภาพละลายได้ของแก๊สจะลดลงเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น อภิปรายร่วมกับนักเรียน เกยี่ วกบั องค์ประกอบท่ลี ะลายในน้ำอัดลม อภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ด้ข้อสรปุ วา่ แกส๊ ทอ่ี ยูใ่ นน้ำอัดลมคือแก๊ส คาร์บอนไดออกไชด์ เมื่อเปิดขวด ความดันภายในขวดลดลงจนเท่ากับความดันบรรยากาศ ทำให้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ละลายในน้ำอัดลมได้น้อยลง จึงมี บางส่วนแยกตัวออกจากสารละลาย ทำ ใหเ้ ห็นฟองแก๊สทีไ่ ม่สามารถละลายในน้ำอัดลมเคลือ่ นทข่ี ึ้นสู่ผวิ หนา้ น้ำอัดลม 3. เชอ่ื มโยงความร้กู บั สถานการณต์ า่ ง ๆ ที่พบในชวี ติ ประจำวัน เช่น การเก็บรกั ษานำ้ อัดลมใหม้ ีแกส๊ อัดอยู่ในนำ้ อดั ลมมากที่สุด เพ่ือให้ได้ข้อสรปุ ว่า ความดนั เป็นปจั จัยหนง่ึ ทีม่ ผี ลตอ่ สภาพละลายได้ของ สารท่มี ีสถานะแก๊ส ถ้าความตันสูงข้ึน สภาพละลายได้ของแก๊สจะเพ่ิมขนึ้ ซ่ึงตรงกันข้ามกับอุณหภมู ิ ถา้ อุณหภูมิสูงข้นึ สภาพละลายไดข้ องแกส๊ จะลดลง จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามระหว่างเรยี น

24 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูสุ่มนักเรยี นออกมาอภปิ รายเรอ่ื งสภาพละลายได้และอธบิ ายเพิม่ เตมิ จากท่นี กั เรยี นตอบ 2. ครใู หน้ กั เรียนสบื เสาะหาความรเู้ พ่มิ เติมหลังจากการศึกษากิจกรรม สภาพละลายได้ และ ปจั จัยท่ีมผี ลตอ่ สภาพละลายได้ 3. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง สภาพละลายได้ และปจั จยั ที่มผี ลตอ่ สภาพละลายได้ ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนสอบถามคำถามทีย่ ังสงสยั และไม่เข้าใจในเนื้อหา และใหค้ วามรู้ เพม่ิ เติมในสว่ นนน้ั ข้นั สรุป ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครูให้นักเรยี นลงมือทำแบบฝกึ หัดทา้ ยบทเร่ือง เร่ือง องค์ประกอบของสารละลายและปัจจยั ท่ี มีผลต่อสภาพสารละลายได้ เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน 2. ครปู ระเมนิ นกั เรียนจากการตอบคำถาม และการร่วมกจิ กรรม ภายในชัน้ เรยี น 8. สื่อการสอน 1. หนังสอื รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เล่ม 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 2. ส่อื การสอน PowerPoint 9. แหล่งเรยี นรูใ้ นหรอื นอกสถานท่ี 1. หอ้ งเรียน 2. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

25 10. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ หรือ ส่งิ ทีต่ ้องการจะ วธิ วี ัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน วดั ประเมนิ ผล - ตอบคำถามถูกร้อยละ 1.สามารถอธิบายการแยกสารผสมโดยการ วดั จากการตอบคำถาม 60ขึน้ ไป ระเหยแห้งการตกผลึกการกลั่นอย่างง่ายใคร ระหวา่ งคาบเรยี น มาโทกราฟีแบบกระดาษการสกัดด้วยตัวทำ ละลายโดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ได้ (K) 2.สามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งของการแยก วัดจากใบงานที่ 1และ2 ใบงานที่ 1เร่ือง ตอบคำถามถกู ร้อยละ สารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึกการ องค์ประกอบของสารละลาย 60ขน้ึ ไป กลั่นอย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษ ใบงานที่ 2เร่อื งสภาพละลาย การสกัดด้วยตัวทำละลายโดยใช้หลักฐานเชิง ได้ และปัจจัยทีม่ ผี ลตอ่ ประจกั ษ์ (P) สภาพละลายได้ 3.อธิบายเกี่ยวกับการแยกสารโดยการระเหย วดั จากใบงานท่ี 1และ2 ใบงานท่ี 1เรอื่ ง ตอบคำถามถกู ร้อยละ แห้งการตกผลิกการกลั่นอย่างง่ายโครมาโทก องคป์ ระกอบของสารละลาย 60ข้ึนไป ราฟีแบบกระดาษการสกัดด้วยตัวทำละลาย ใบงานที่ 2เรอื่ งสภาพละลาย (K) ได้ และปัจจัยท่มี ีผลต่อ สภาพละลายได้ 4.สามารถตรวจสอบความถูกตอ้ งของการแยก การสังเกตพฤตกิ รรม ตอบคำถามถกู รอ้ ยละ สารโดยการระเหยแห้งการตกผลิกการกล่ัน อย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษการ - 60ขน้ึ ไป สกดั ด้วยตัวทำละลายได้ (P) 5.ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้ การสังเกตพฤตกิ รรม ตอบคำถามถกู ร้อยละ เรอ่ื งความเข้มข้นของสารไปใช้โดยยกตวั อยา่ ง - 60ข้ึนไป การใช้สารละลายในชีวิตประจำวันอย่าง ถกู ตอ้ งและปลอดภัย(A)

เกณฑ์การให้คะแนน 26 ระดับคะแนน 80-100% ดีมาก เกณฑ์การประเมิน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ60ข้นึ ไป ระดับคะแนน 70-79% ดี ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ60ขึน้ ไป ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ60ขน้ึ ไป ระดับคะแนน 60-69% พอใช้ ระดับคะแนน 0-59% ปรับปรงุ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น วธิ ีวัด เคร่ืองมือวดั ความสามารถในการส่อื สาร ประเมนิ จาก แบบประเมินคุณลักษณะอัน ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา พฤติกรรมของผ้เู รียน พึงประสงค์ (รายบคุ คล) ประเมินจาก แบบประเมินคุณลกั ษณะอัน พฤติกรรมของผ้เู รียน พงึ ประสงค์ (รายบคุ คล) ประเมนิ จาก แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พฤติกรรมของผูเ้ รียน พงึ ประสงค์ (รายบคุ คล) เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั คะแนน 80-100% ดมี าก ระดับคะแนน 70-79% ดี ระดับคะแนน 60-69% พอใช้ ระดบั คะแนน 0-59% ปรบั ปรุง

27 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนและการมีสว่ นร่วมในชน้ั เรยี น คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมและการมีส่วนรว่ มในช้ันเรียนของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอก เวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในชอ่ งว่างทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 2 34 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ่นื 3 การทำงานตามหนา้ ทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 4 ควรมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา ลงชอ่ื …………………………………………….ผู้ประเมิน …………………/……………/……………. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยหรอื ไม่เคยปฏิบัติ ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 0-5 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง 6-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 11-15 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถงึ ดี 16-16 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก

28 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สง่ิ ท่ตี ้องการวดั / ดมี าก (4) คำอธบิ ายคณุ ภาพ ปรบั ปรุง (1) ประเมินผล ดี (3) พอใช้ (2) 1.เขา้ เรียนตรงตอ่ เขา้ เรียนตรงตอ่ เวลา เข้าเรยี นชา้ 5นาที เขา้ เรียนชา้ 10นาที เขา้ เรยี นชา้ 15นาที เวลา สมำ่ เสมอดีมาก 2. ความสนใจเรียน มคี วามกระตอื รอื รน้ มีความกระตอื รอื รน้ มคี วามกระตอื รอื ร้น ไมม่ คี วาม 3. มรี ะเบยี บวนิ ยั ในการเรยี นถาม- ในการเรยี นแต่ถาม- ในการเรยี นแต่ถาม- กระตอื รือรน้ ในการ ตอบถูกตอ้ งทกุ ครั้ง ตอบถูกตอ้ งบ้าง ตอบไม่ถูกตอ้ งเลย เรียน ถาม-ตอบไม่ ทำงานเปน็ ระเบยี บ บางคร้งั ทำงานเปน็ ระเบยี บ ถูกต้องเลย และถูกตอ้ งหมด ทำงานเปน็ ระเบียบ แต่ไมถ่ กู ต้องบ้าง ทำงานไมเ่ ป็น และถกู ต้องบ้าง ระเบยี บและไม่ ถกู ตอ้ ง 4. ความรับผดิ ชอบ ทำงานทไ่ี ด้รับ ทำงานทไ่ี ด้รับ ทำงานทีไ่ ดร้ ับ ทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายดมี ีความ มอบหมายดมี ีความ มอบหมายดีมีความ มอบหมายพอใชม้ ี ถูกต้องตรงเวลา ถกู ตอ้ งเป็นบางคร้งั ความถูกต้องบ้าง ถกู ตอ้ ง เกณฑ์การตัดสินคะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 13 - 16 ดมี าก 9 - 12 ดี 5-8 พอใช้ 0-4 ปรับปรงุ 11. กิจกรรมเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

29 12. บนั ทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนทง้ั หมดจำนวน.....................คน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ข้อท่ี จำนวนนกั เรยี นทผ่ี า่ น จำนวนนักเรยี นทไี่ ม่ผา่ น จำนวนคน ร้อยละ จำนวนคน รอ้ ยละ 1 2 3 13. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. .................................... 14. ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………………. () ตำแหนง่ ครู วทิ ยาฐานะ ……………………… ลงชื่อ …………………………………………………….หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ () ลงช่อื …………………………………………………….รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ()

30 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา ไดท้ ำการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แล้วมคี วามคิดเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... ................................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ลงช่อื ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

31 แบบฝึกหดั ท้ายบท เรื่อง องค์ประกอบของสารละลาย และปจั จยั ทมี่ ีผลต่อสภาพสารละลายได้ คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง 1. ถ้านำสาร x จำนวน 70 กรัมมาละลายในน้ำ 350 กรัมที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส พบว่าได้ สารละลายอิ่มตัว และสาร X บางส่วนตกตะกอน จากนั้นกรองเอาสาร X ที่ไม่ละลายน้ำออกแล้วทำ ให้แห้ง ชั่งมวลได้ 21 กรัม สภาพละลายได้ของสาร X ในน้ำ 100 กรันที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส มคี ่าเทา่ ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นักเรียนกล่มุ หนง่ึ ทดลองละลายเกลือโซเดียมคลอไรดท์ ่มี ีลักษณะเป็นกอ้ นในน้ำท่ีอุณหภมู ิ 20 องศาเซลเซียสความดัน 1 บรรยากาศ พบว่ามีสภาพละลายได้ 36 กรัมในนำ้ 100 กรัม ถ้ำเปล่ียนการ ทดลองตามเง่ือนไข ดังต่อไปนี้ การทดลองชดุ ที่ 1 ใชเ้ กลอื โซเดยี มคลอไรด์ทเี่ ป็นผงแทนโซเดยี มคลอไรดท์ ่เี ป็นก้อน การพคลองชุดที่ 2 ใช้คุณหภมู ิ 60 องคาเซลเซียสแทนอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส การทดลองชุดท่ี 3 ใชค้ วามตัน 2 บรรยากาศแทนความตน้ 1 บรรยากาศ สภาพละลายไดข้ องเกลือโซเดยี มคลอไรด์ในการหคลองชุดท่ี 1 - 3 จะมผี ลเปน็ อยา่ งไรเมือ่ เปรียบเทยี บกับการทดลองครงั้ แรกท่เี กลอื โซเดยี มดลอไรด์มีสภาพละลายได้ 36 กรัมในน้ำ 100 กรัม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

32 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. นักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า \"น้ำตาลทรายยละลายได้เร็วขึ้นเมื่อใช้แห่งแก้วคนสารละละลาย เพราะ การคนสารละลายทำให้สภาพละลายได้ของน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น\" คำกล่าวของของนักเรียนคนนี้ ถูกตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

33 ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของสารละลาย คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. สารละลายประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 สว่ น ได้แก่อะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สารละลายท่เี กิดจากการผสมสารบริสุทธท์ิ ี่มีสถานะเดียวกัน ตัวทำละลาย คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สารละลายที่เกิดจากการผสมสารบริสุทธท์ิ ม่ี ีสถานะต่างกนั ตวั ทำละลาย คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. เราจะมวี ิธีการตรวจสอบองคป์ ระกอบของสารละลายได้อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. สมบตั ขิ องตวั ทำละลายและตัวละลายมผี ลต่อการละลายของสารหรือไม่ เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

34 ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง สภาพละลายได้ และปจั จยั ทีม่ ีผลต่อสภาพละลายได้ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง 1. ปจั จัยทม่ี ีผลต่อการละลายของสาร ไดแ้ ก่อะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สภาพละลายได้ของดีเกลือมีค่าประมาณกี่กรัมในน้ำ 100 กรัม (ดีเกลือ 1 ช้อนเบอร์สองมีมวล 0.61 กรมั และนำ้ 1 ลกู บาศก์เซนตเิ มตรมีมวล 1 กรมั ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สภาพละลายได้ของพิมเสนมีค่าประมาณกี่กรัมในน้ำ 100 กรัม (พิมเสน 1 ช้อนเบอร์สองมีมวล 0.34 กรมั และน้ำ 1 ลกู บาศก์เซนตเิ มตรมีมวล 1 กรมั ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ชนิดของตวั ละลายมีผลต่อสภาพละลายได้ของสารในตวั ทำละลายหนงึ่ ๆ หรือไม่ ทราบได้อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

35 5. เมื่อเปลี่ยนตัวทำละลายจากน้ำกลั่นเป็นเอทานอล สภาพละลายได้ของดีเกลือและพิมเสน เปลีย่ นแปลง หรือไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

36 เฉลยแบบฝกึ หัดทา้ ยบท เรอ่ื ง องค์ประกอบของสารละลาย และปัจจัยท่มี ผี ลต่อสภาพสารละลายได้ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง 1. ถ้านำสาร x จำนวน 70 กรัมมาละลายในน้ำ 350 กรัมที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส พบว่าได้ สารละลายอิ่มตัว และสาร X บางส่วนตกตะกอน จากนั้นกรองเอาสาร X ที่ไม่ละลายน้ำออกแล้วทำ ให้แห้ง ชั่งมวลได้ 21 กรัม สภาพละลายได้ของสาร X ในน้ำ 100 กรันที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส มคี ่าเท่าใด ตอบ ท่ีอณุ หภมู ิ 30 องศาเซลเซียส สภาพระลายได้ของสาร X มีค่าเทา่ กบั 14 กรัมในน้ำ 100 กรัม ที่ อณุ หภมู ิ 30 องศาเซลเซียส สาร x ละลายในนำ้ 350 กรัม ใด้ 49 กรัม เนื่องจากมีบางส่วน (21 กรมั ) ไม่ ละลายนำ้ ดงั นัน้ สภาพละลายได้ของสาร X ในน้ำ 100 กรัม เท่ากบั (49 g x 100 g/350 g = 14 กรมั 2. นักเรยี นกลุม่ หนงึ่ ทดลองละลายเกลือโซเดียมคลอไรดท์ ่ีมีลกั ษณะเป็นก้อนในน้ำทอ่ี ุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสความดัน 1 บรรยากาศ พบว่ามีสภาพละลายได้ 36 กรัมในนำ้ 100 กรัม ถ้ำเปลี่ยนการ ทดลองตามเงื่อนไข ดังตอ่ ไปน้ี การทดลองชุดที่ 1 ใชเ้ กลือโซเดียมคลอไรดท์ เี่ ปน็ ผงแทนโซเดียมคลอไรด์ท่ีเป็นก้อน การพคลองชุดที่ 2 ใชค้ ุณหภมู ิ 60 องคาเซลเซียสแทนอุณหภมู ิ 20 องศาเซลเซียส การทดลองชดุ ที่ 3 ใช้ความตนั 2 บรรยากาศแทนความต้น 1 บรรยากาศ สภาพละลายไดข้ องเกลอื โซเดยี มคลอไรดใ์ นการหคลองชุดที่ 1 - 3 จะมีผลเปน็ อย่างไรเมอื่ เปรยี บเทียบกับการทดลองคร้งั แรกทีเ่ กลอื โซเดียมดลอไรดม์ สี ภาพละลายได้ 36 กรัมในน้ำ 100 กรมั ตอบ สภาพละลายได้ของโซเดียมคลอไในการทดลองที่ 1 และ 3 เท่าเติม เพราะใช้โซเดียมคลอไรด์ใน ปริมาณเท่าเดมิ ในตวั ทำละลายปรมิ าณเทา่ เดิม และการเปลี่ยนแปลงความดันมีผลนอ้ ยมากหรือไม่มีผลต่อ สภาพละลายได้ของเกลือโซเดียมคลอไรด์ แต่การทดลองชุดที่ 2 เกลือโซเดียมคลอไรด์มีสภาพละลายได้ เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อเพิ่มอุณหภูมิ เกลือโซเดียมคลอไรด์จะละลายได้มากขึ้นในตัวทำละลายเท่าเดิม ทำให้ สภาพละลายไดเ้ พิ่มขึ้น

37 3. นักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า \"น้ำตาลทรายยละลายได้เร็วขึ้นเมื่อใช้แห่งแก้วคนสารละละลาย เพราะ การคนสารละลายทำให้สภาพละลายได้ของน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น\" คำกล่าวของของนักเรียนคนนี้ ถกู ตอ้ งหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ไม่ถูกต้อง เพราะปจั จยั ทีส่ ่งผลต่อสภาพละลายได้ของสารทม่ี งี ถานะของแข็ง คือ ชนดิ ของตัวละลาย ชนดิ ของตัวทำละลาย และอุณภมู ิ ส่วนการคนสารละลายตวั ยแท่งแกว้ คนเป็นการทำให้สารเกดิ การะลาย ไดเ้ ร็วข้นึ แตไ่ ม่มีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร

38 เฉลยใบงานที่ 1 เรือ่ ง องคป์ ระกอบของสารละลาย คำชี้แจง : ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง 1. สารละลายประกอบดว้ ยองค์ประกอบ 2 สว่ น ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ตอบ 1. ตวั ละลาย 2. ตวั ทำละลาย 2. สารละลายทีเ่ กิดจากการผสมสารบรสิ ุทธท์ิ ม่ี สี ถานะเดียวกนั ตัวทำละลาย คืออะไร ตอบ สารที่มีปริมาณมากท่สี ุดในสารละลาย 3. สารละลายทเ่ี กิดจากการผสมสารบรสิ ุทธิ์ท่มี สี ถานะตา่ งกนั ตวั ทำละลาย คืออะไร ตอบ สารทม่ี ีสถานะเหมือนกับสารละลาย 4. เราจะมีวธิ ีการตรวจสอบองค์ประกอบของสารละลายได้อย่างไร ตอบ ทำได้หลายวิธี เชน่ นำสารละลายไประเลยแหง้ หรอื นำไปกลั่น ซึง่ จะตรวจสอบไดว้ า่ มีองคป์ ระกอบ ชนิดเดยี วหรอื มากกวา่ 5. สมบตั ิของตวั ทำละลายและตัวละลายมผี ลตอ่ การละลายของสารหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ มผี ลต่อการละลาย เพราะ ตัวทำละลายหรือตัวละลายตา่ งชนิดกนั จะทำใหส้ มบัติการละลายของสาร แต่ละชนดิ ไม่เทา่ กัน

39 เฉลยใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง สภาพละลายได้ และปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ สภาพละลายได้ คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง 1. ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ การละลายของสาร ได้แก่อะไรบา้ ง แนวคำตอบ 1. ชนดิ ของตัวทำละลาย 2. ความเขม้ ข้นของตัวทำละลาย 3. อุณหภูมิ 4. ความดัน 2. สภาพละลายได้ของดีเกลือมีค่าประมาณกี่กรัมในน้ำ 100 กรัม (ดีเกลือ 1 ช้อนเบอร์สองมีมวล 0.61 กรัมและน้ำ 1 ลูกบาศก์เซนตเิ มตรมมี วล 1 กรัม) แนวคำตอบ สภาพละลายไดข้ องดีเกลือจากกจิ กรรม คำนวณไดด้ ังน้ี มวลของตีเกลือ 6 ช้อนเบอร์สอง = 6 ซ้อน x 0.61 กรมั = 3.66 กรัม ในนำ้ 5 กรัม (กำหนดใหน้ ำ้ 1 ลูกบาศกเ็ ขนตเิ มตรหนัก 1 กรัม) ดงั นนั้ สภาพละลายได้ของดีเกลือ = (3.66 กรัม x 100 กรมั )/5 กรมั = 73.2 กรัม ในน้ำ 100 กรัม 3. สภาพละลายได้ของพิมเสนมีค่าประมาณกี่กรัมในน้ำ 100 กรัม (พิมเสน 1 ช้อนเบอร์สองมีมวล 0.34 กรมั และน้ำ 1 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตรมีมวล 1 กรมั ) แนวคำตอบ สภาพละลายไดข้ องพมิ เสนจากกจิ กรรม คำนวณได้ดงั น้ี มวลของพมิ เสน 1 ช้อนเบอรส์ อง = 1 ช้อน x 0.34 กรัม = 0.34 กรมั ในนำ้ 5 กรัม (กำหนดใหน้ ้ำ 1 ลูกบาศกเ์ ยนติเมตรหนัก 1 กรัม) ดังน้ัน สภาพละลายได้ของพิมเสน= (0.34 กรมั x 100 กรมั )/5 กรัม = 6.8 กรัม ในนำ้ 100 กรัม จากผลการทำกิจกรรม พมิ เสนละลายไดน้ ้อยกวา่ 1 ชอ้ นเบอรส์ อง ดังน้ันสภาพละลายได้ของพิมเสนมีค่า น้อยกว่า 6.8 กรัมในนำ้ 100 กรมั 4. ชนิดของตวั ละลายมีผลตอ่ สภาพละลายไดข้ องสารในตวั ทำละลายหนง่ึ ๆ หรอื ไม่ ทราบได้อยา่ งไร แนวคำตอบ ชนิดของตัวละลายมีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร เพราะดีเกลือมีสภาพละลายได้ในน้ำ มากกว่าพมิ เสน เนื่องจากใชต้ ีเกลือปริมาณมากกว่าในการทำใหส้ ารละลายกลายเป็นสารละลายอ่ิมตวั 5. เมือ่ เปล่ยี นตวั ทำละลายจากน้ำกลน่ั เป็นเอทานอล สภาพละลายได้ของดีเกลอื และพมิ เสนเปลีย่ นแปลง หรอื ไม่ อยา่ งไร

40 แนวคำตอบ เม่อื เปล่ียนตวั ทำละลายจากนำ้ กล่นั เป็นเอทานอล สภาพละลายไดข้ องดีเกลือและพมิ เสน เปลี่ยนแปลง โดยสภาพละลายได้ของตีเกลอื ในเอทานอลมีค่าลดลงจากสภาพละลายได้ในน้ำ สว่ นสภาพ ละลายไดข้ องพมิ สนในเอทานอลมคี ่าเพิ่มขึ้นจากสภาพละลายได้ในน้ำ

41 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่อื ง ความเขม้ ข้นของสารละลาย แผนการจดั การเรียนรู้

42 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง สารละลาย เรอื่ ง ความเข้มข้นของสารละลาย เวลา 9 ชั่วโมง 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธร์ ะหว่างสง่ิ มีชวี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารส่งิ ท่ีเรียนรแู้ ละนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ม.2/5 ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละปริมาตรต่อ ปรมิ าตรมวลตอ่ มวลและมวลตอ่ ปริมาตร ม.2/6 ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้โดย ยกตัวอยา่ งการใชส้ ารละลายในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้องและปลอดภยั 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละโดย ปรมิ าตรตอ่ และโดยมวลตอ่ ปรมิ าตร (K) 2. นักเรยี นสามารถตรวจสอบความถกู ต้องของปริมาณสารละลายได้ (P) 3. นักเรียนสามารถตระหนกั ถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเขม้ ขน้ ของสารไปใชโ้ ดย ยกตวั อย่างการใช้สารละลายในชีวิตประจำวนั อยา่ งถกู ตอ้ งและปลอดภยั (A) 3. สาระสำคัญ ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย เปน็ ปรมิ าณตัวละลายในสารละลายหรือในตัวทำละลาย หน่วยความ เข้มข้นมีหลายหน่วย หน่วยที่นิยมใช้ในชีวิตประจำวันคือหน่วยเป็นร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร โดย มวลต่อมวล และโดยมวลต่อปริมาตร ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตรเป็นการระบุปริมาตรตัวละลายใน สารละลาย 100 หน่วยปริมาตรเดียวกันร้อยละโดยมวลต่อมวลเป็นการระบุมวลตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วยมวลเดียวกัน ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตรเป็นการระบมุ วลตวั ละลายในสารละลาย 100 หน่วย

43 ปริมาตร การใช้สารละลายในชีวิตประจำวันควรพิจารณาจากความเข้มข้นของสารละลาย ขึ้นอยู่กับ จดุ ประสงค์ของการใชง้ านและผลกระทบตอ่ สงิ่ มชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - ความหมายของความเข้มขน้ ของสารละลาย - ปริมาณสารละลาย 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - การคำนวณหาปริมาณความเขม้ ข้นของสารละลาย 4.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เฉพาะทเ่ี กดิ ในหน่วยการเรยี นรนู้ ้)ี  ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด v ความสามารถในการแกป้ ัญหา x ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต z ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ช้ินงานหรอื ภาระงาน 6.1 แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เรื่อง ความเขม้ ข้นของสารละลาย

44 7. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบใชค้ ำถาม (Questioning Method) ชว่ั โมงท่ี 1-3 ข้ันท่ี 1 ขน้ั วางแผนการใช้คำถาม 1. ครทู ักทายนักเรยี นเม่ือเรม่ิ เขา้ คาบและถามคำถามวา่ นักเรยี นรู้หรอื ไม่วา่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ในเรื่องนี้คืออะไร 2. ให้นกั เรยี นอ่านเนื้อหานำบท และอภปิ รายเพ่อื ใหไ้ ด้คำตอบท่ีถูกต้องของคำถาม ตังต่อไปนี้ • การทำน้ำหวานจำนวนมากจากน้ำหวานเข้มชันมีวิธีการอย่างไร (ผสมน้ำหวาน เขม้ ขน้ กับนำ้ สะอาดในอัตราสว่ นที่เหมาะสม) • ทำอย่างไรจึงจะทำน้ำหวานที่มีรสหวานและความเข้มของสีเท่ากันทุกครั้ง (ใช้ น้ำหวานเข้มข้นและน้ำสะอาดในปริมาณเท่าเติมทุกครั้ง ถ้าจะเตรียมน้ำหวาน ปรมิ าณมากขึ้นก็จะต้องเพ่ิมปรมิ าณส่วนผสมตามอตั ราสว่ นทีร่ ะบุ) 3. ให้นักเรียนอ่านคำถามนำบท จุดประสงค์ของบทเรียน และอภิปรายร่วมกัน เพื่อให้นักเรียน ทราบขอบเขตเนื้อหาที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ในบทเรียน รวมทั้งเป้าหมายการเรียนรู้ (นักเรียนจะ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละ โดย ปริมาตรต่อปริมาตร โดยมวลต่อมวล และโดยมวลตอ่ ปริมาตร และความสำคญั ของการนำความรู้ เรอ่ื งความเข้มข้นของสารละลายไปใช้ประโยชน์) ข้ันท่ี 2 ข้นั เตรยี มคำถาม 1. ครูถามคำถามเก่ียวกับเรือ่ งความเข้มขน้ ของสารละลาย โดยให้นักเรียนดูภาพและอ่านเนื้อหา เรื่องที่เกี่ยวกับปริมาณกรดไฮโดรคลอริกในน้ำยาล้างห้องน้ำ และร่วมกันอภิปรายโดยใช้คำถาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีปริมาณกรดมากกว่าจะกำจัดคราบสกปรกได้ดีกว่า ดังน้ันจึงต้องรู้จักความเข้มข้นของสารละลายและเลือกใช้ให้เหมาะสม และอ่านคำสำคัญ ทำ กิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ถ้าครูพบว่า นักเรียนยังทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวนและแก้ไขความเข้าใจ ผิดของนักเรียนเพื่อให้นักเรียนมคี วามรู้พื้นฐานที่ถูกตอ้ งและเพียงพอที่จะเรยี นเรื่องความเข้มขน้ ของสารละลายต่อไป

45 2. ครูสามารถตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับความเข้มข้นของสารละลายโดยให้ทำ กิจกรรม รู้อะไรบ้างก่อนเรียนนักเรียนสามารถตอบตามความเข้าใจของนักเรียน โดยตรูจะไม่ เฉลยคำตอบ และครนู ำข้อมูลจากความรู้เติมของนักเรียนน้ีไปใชใ้ นการวางแผนการจดั การเรียนรู้ ว่าควรเน้นย้ำหรืออธิบายเรื่องใดเป็นพิเศษ เมื่อนักเรียนเรียนจบเรื่องนีแ้ ล้ว นักเรียนจะมีความรู้ ความเขา้ ใจครบถว้ นตามจุดประสงคข์ องบทเรยี น ช่ัวโมงที่ 4-6 ข้นั ที่ 1 ขัน้ วางแผนการใช้คำถาม 1. ใหน้ กั เรียนอ่านชื่อกจิ กรรม จดุ ประสงค์ และวธิ ีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการ อ่านโดยใช้คำถาม • กจิ กรรมนเ้ี กย่ี วกบั เรื่องอะไร (การระบุความเขม้ ขันของสารละลายในหนว่ ยร้อยละ) • กจิ กรรมน้ีมีจุดประสงคอ์ ะไร (ระบปุ รมิ าณตวั ละลายในสารละลายในหน่วยความ เข้มข้นเป็นร้อยละโดยมวลต่อปริมาตรและโดยปริมาตรตอ่ ปรมิ าตร) • วธิ ีดำเนินกจิ กรรมมีขัน้ ตอนโดยสรุปอยา่ งไร (ตอนที่ 1 ละลายจนุ สี 2 กรัมในนำ้ กลัน่ 10 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร เติมนำ้ กลัน่ เพ่อื ทำ ใหป้ ริมาตรสดุ ท้ายของสารละลายเป็น 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร คนใหเ้ ขา้ กันด้วย แทง่ แก้วคน ทำชำ้ แตเ่ ปล่ยี นเป็นใชจ้ ุนสีเพิ่มเป็น 1 กรัม ละลายด้วยนำ้ กลน่ั และทำ ให้ปริมาตรสดุ ทา้ ยของสารละลายเป็น 200 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร เปรยี บเทยี บความ เข้มของสแี ละปรมิ าณของสารละลายในบีกเกอร์ท้ัง 2 ใบ ตอนที่ 2 ผสมเอทานอลผสมสี 20 ลูกบาศกเ็ ซนติเมตรกบั น้ำกล่ันประมาณ 10 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร แล้วเติมน้ำกลน่ั เพ่มิ จนสารละลายมปี รมิ าตรสดุ ท้ายเปน็ 100 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร คนให้เขา้ กนั ดว้ ยแทง่ แกว้ คน ทำซ้ำ แต่ใช้เอทานอลผสมสี ปริมาตร 10 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตรแทน เปรียบเทยี บความเข้มของสีและปริมาณของ สารละลายในบกี เกอร์ท้ัง 2 ใบ บนั ทึกผล) ครคู วรทบทวนวิธตี วงและวธิ ีอ่านปรมิ าตรของของเหลว รวมท้ังวธิ เี ทของเหลวลงในภาขนะกอ่ น ใหน้ กั เรยี นลงมือปฏบิ ตั ิ ครเู น้นให้นกั เรียนละลายจุนสีและใช้แทง่ แก้วคนจนจนุ สลี ะลายหมด ไมเ่ หลอื จนุ สที ่ีเป็นของแขง็ ในภาชนะ

46 ครแู นะนำให้นกั เรียนใชก้ ระตาษสีขาวเป็นฉากหลงั ขณะสงั เกตและเปรียบเทยี บความเข้มของสี ของสารละลาย • ข้อควรระวงั ในการทำกจิ กรรมมอี ะไรบ้าง (เอทนอลตติ ไฟง่าย ไมใ่ หน้ ำเขา้ ใกล้ไฟ เพราะ อาจเปน็ อนั ตรายได้) • นักเรยี นต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบา้ ง (สงั เกตความเขม้ ของสี และปรมิ าณของ สารละลายในบกี เกอร์)ดังต่อไปนี้ปฏิบตั ิ ขั้นที่ 2 ขัน้ เตรยี มคำถาม 1. สุ่มนักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม สำหรับการคำนวณหาความ เข้มข้นของสารละลายครูควรแสดงวิธคี ำนวณความเขม้ ข้นของสารละลายเป็นร้อยละโดยมวลต่อ ปริมาตรและร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตรในกิจกรรม จากนั้นร่วมกันสรุปผลของกิจกรรมโดย ใชค้ ำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพือ่ ให้ไดข้ ้อสรุปจากกิจกรรมว่า ตอนที่ 1 สารละลายจนุ สีท่เี ตรียมได้ท้งั สองคร้งั มีความเข้มขันเป็นร้อยละ 2 โดยมวลต่อปริมาตร เท่ากนั สขี องสารละลายจึงเข้มเท่ากัน ตอนที่ 2 สารละลายเอทานอลผสมสที ่ีเตรียมได้ทัง้ 2 คร้งั มคี วามเข้มข้นไมเ่ ท่ากัน สารละลายใน บีกเกอร์ 1 และ 2 มีความเข้มข้นเป็นร้อยละ 20 และ 10 โดยปริมาตรต่อปริมาตรตามลำดับ สี ของสารละลายจึงเข้มต่างกนั 2. ให้นกั เรยี นเรียนรเู้ พ่ิมเติม โดยอา่ นเน้ือหาและตอบคำถามระหว่างเรียนเกี่ยวกับการระบุความ เขม้ ขนั ของสารละลายทต่ี ัวละลายเป็นของแขง็ ในของเหลว เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อสรปุ ว่า การเตรียมสารละลายโดยละลายตัวละลายท่ีเป็นของแข็งในของเหลว นิยมระบุความ เข้มข้นของสารละลายโดยบอกมวลตวั ละลายท่ีอยู่ในสารละลาย 100 หน่วยปริมาตร เรียกหน่วย ความเข้มข้นนี้ว่า ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร การใช้หน่วยของมวลต้องสอดคล้องกับหน่วยของ ปรมิ าตร โดยพิจารณาจากความสัมพนั ธ์ดงั นี้ รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร = (มวลของตัวละลาย (g)/ปริมาตรของสารละลาย (cm3)) X 100 หรือ ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร = (มวลของตวั ละลาย (kg)/ปริมาตรของสารละลาย (L)) X 100 3. ให้นกั เรียนฝึกคำนวณเก่ยี วกับความเข้มขน้ ของสารละลายในหนว่ ยร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร ในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามตัวอย่างโจทยใ์ นหนังสือเรียน ถ้านักเรียนยังไม่เขา้ ใจ ครูควรเพิม่ โจทย์ ให้นกั เรยี นได้ฝกึ จากโจทย์ทีไ่ มซ่ บั ซ้อน จนถงึ โจทยท์ ี่มคี วามซับซอ้ นมากขนึ้ ตามลำดบั