3. ตลาดผขู ายตอ เปน การซือ้ ขายสนิ คาของผู ประสงคจะนาํ สินคา ไปขายตอโดยหวังผลกาํ ไรอีก ทอดหนงึ่ 4. ตลาดรัฐบาล เปนการซือ้ ขายของหนว ย ราชการเพือ่ นําไปใชใน องคก ารตา งๆ 5. ตลาดระหวา งประเทศ เปนการซื้อสนิ คา ระหวา งประเทศผซู ือ้ หรือผขู ายอาจจะเปน เอกชน และรัฐบาลกไ็ ด
การกาํ หนดราคาในเชิงกลยทุ ธท ่มี ีในสังคมไทย 1.ปจจัยทีม่ ีผลตอ การกาํ หนดราคาสนิ คา ในทางปฏิบัติจะตองคํานึงถึงดังตอไปนี้ 1.สภาวะเศรษฐกจิ ในชวงเศรษฐกจิ เจริญรงุ เรือง ประชากรมีงานทําและมรี ายไดมาก สนิ คา มกั จาํ หนายไดด ีแตถ าเศรษฐกิจตกตาํ่ มีการ วา งงานสูงการจบั จายใชส อยกจ็ ะนอ ย
2.สภาวะการแขง ขันในตลาด ธรุ กิจบาง ชนิดอยูในตลาดมีการแขงขันสูง 3.ตนทนุ การผลิตและการจาํ หนา ย สินคาบางชนิดกําหนดราคาสินคาโดยบวก เพิ่มเขาไปตนทุนการผลิตและการจาํ หนาย
4.กลมุ เปา หมายและลกั ษณะ ของสินคา การผลิตสินคาผผู ลิตหรือ ธรุ กิจจะตองคาํ นึงถึงวาจาํ หนายแก ลูกคากลมุ ใด
2.หลกั เกณฑในการกาํ หนดราคาสนิ คา ของ ธุรกิจ 1.กาํ หนดวตั ถุประสงคใ หชดั เจนวาตองการ อะไร 2.ประมาณความตองการซื้อสินคา วา มีมาก นอ ยเพียงใด 3.วิเคราะหตนทนุ การผลิตตอหนว ยวา มี ตนทนุ เทาไร
4.วิเคราะหคูแขงวามีจาํ นวนมากนอยเทาไร ใชกลยุทธการแขงขันอยางไร 5.เลือกใชหลักเกณฑในการกําหนดราคาวา ใชกลยทุ ธใดจะเหมาะสม
หลักเกณฑในการกาํ หนดราคาสินคาใน เชิงกลยทุ ธม หี ลายรปู แบบดว ยกนั เชน 1.การกาํ หนดราคาโดยบวกเพิม่ เขากับตนทุนที่ ประมาณได 2.การกาํ หนดราคาสินคา ทข่ี ายใหแ ตกตา งกนั ตามปริมาณสินคาท่ซี ือ้ คือถา ซือ้ ปริมาณท่ีมากราคา จะต่ํากวาท่ซี ื้อในปรมิ าณนอย
3.การกาํ หนดราคาขายใหแตกตางกัน ตามลักษณะของผูซื้อเดก็ กําหนดราคาตา่ํ ผูใหญกาํ หนดราคาสงู 4.การกาํ หนดราคาสินคาตามชวงเวลา ทีต่ างกัน
3.บทบาทของรฐั ในการแทรกแซงราคา และการควบคุมราคาเพือ่ การแจกจา ย และจดั สรรในทางเศรษฐกิจ 1.บทบาทในการใหการสงเสริมของรฐั ไดแก การสรางโครงสรางพื้นฐานทาง เศรษฐกิจเชน ถนน ไฟฟา ประปา ทาเรือ สนามบินและการสือ่ สาร
2.บทบาททางดานการจดั การและการ ควบคมุ การควบคุมของภาครัฐตอธรุ กิจ กเ็ พือ่ ใหสังคมอยูรวมกันอยางมีความสุข รัฐตองเขาไปควบคุมการผลิตเพือ่ ใหสินคา เพียงพอตอความตองการของสงั คม ใหราคา สินคามีเสถียรภาพ
การเขา ไปแทรกแซงทางดานราคาของรัฐ สามารถทาํ ไดหลายรปู แบบ เชน 1.การประกนั ราคาและการพยงุ ราคา ใน กรณีทีร่ าคาพืชผลเกษตรตกตํา่ หรืออาจผลผลติ มากเกนิ ไป 2.การจาํ นําสนิ คา เกษตร ในกรณีทส่ี นิ คา เกษตรมีผลผลิตออกมาขายมากทําใหราคาสินคา เกษตรนัน้ ๆมีราคาถูก
3.การใหก ารอดุ หนนุ ดา นปจ จัยการผลิต เชน การลดภาษีน้าํ มนั ดีเซลใหกับภาค อุตสาหกรรม 4.การควบคมุ ราคาสินคาอุปโภคไมใหสงู เกินไป โดยมีกรมการคาภายในกระทรวง พาณิชยจะเขามาควบคมุ สินคา
หนว ยการเรียนรูที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียง กับการพฒั นาเศรษฐกิจ ของไทย
คาํ ว่า “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็ นปรชั ญา ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช มีพระราชดาํ รัสช้ ีแนะแนวทางการดาํ เนินชีวิต ใหก้ บั พสกนิกรชาวไทย “...การพฒั นาประเทศจาํ เป็ นตอ้ งทาํ ตามลาํ ดับข้ัน ตอ้ งสรา้ งพ้ ืนฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เบ้ ืองตน้ ก่อน โดยใชว้ ิธีการและ อุปกรณท์ ี่ประหยัดแต่ถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ เมื่อไดพ้ ้ ืนฐานจากความมัน่ คง พรอ้ มสมควร และปฏิบตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ ค่อยสรา้ งค่อยเสริมความเจริญและฐานะทาง เศรษฐกิจข้นั ทีส่ ูงข้ ึนโดยลาํ ดบั ตอ่ ไป... ”
หลกั การ เง่ือนไข ความพอเพียงจะตอ้ งประกอบด้วย 3 การตัดสินใจและการดาํ เนินกิจกรรม คุณลกั ษณะ ดงั น้ ี ต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ตอ้ ง อาศัยความรู้และคุณธรรมเป็ นพ้ ืนฐาน ∼ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี กลา่ วคือ ท่ีไม่นอ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผอู้ น่ื เงื่อนไขความรู้ ∼ ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจ ∼ ความรอบรูเ้ กี่ยวกบั วิชาการต่างๆ ที่ เก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ันจะตอ้ ง เก่ียวขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น เป็ นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุ ปั จจัยที่เก่ียวข้องตลอดจนคํานึงถึงผลที่ ∼ ความรอบคอบท่ีจะนาํ ความรูเ้ หล่าน้ัน คาดว่าจะเกิดข้ ึนจากการกระทาํ น้ันๆ อย่าง มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบ รอบคอบ การวางแผน
หลกั การ เง่ือนไข ∼ มีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี หมายถึง การ ∼ ความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบตั ิ เตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการ เปลีย่ นแปลงดา้ นตา่ งๆ ที่จะเกิดข้ ึน เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสรา้ งคนท่ี มีความรูป้ ระกอบคณุ ธรรมดา้ นตา่ งๆ ดงั น้ ี ∼ มีความตระหนกั ในคณุ ธรรม ∼ มีความซื่อสตั ยส์ ุจรติ ∼ มีความอดทน ความเพยี ร ∼ ใชส้ ตปิ ัญญาในการดาํ เนินชีวิต
เศรษฐกิจพอเพยี งคาํ นึงถงึ “ความสุข” ของผูป้ ฏิบตั เิ ป็ นสาํ คญั เป็ นความสุขท้งั ทางกายและทางใจ ความรู้ คณุ ธรรม รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ ขยนั อดทน สตปิ ัญญา แบง่ ปัน นาํ ไปสู่ เศรษฐกิจ/สงั คม/สิ่งแวดลอ้ ม/วฒั นธรรม สมดลุ /พรอ้ มรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง
คณุ ค่า ความสาํ คญั และประโยชนข์ องปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตอ่ ตนเอง ตอ่ ประเทศชาติ ∼ ทาํ ใหเ้ ราคิดเป็ น จงึ คิดที่รูจ้ กั พอและ ดา้ นการเมือง เกิดการเมืองที่โปร่งใส มีการ กระทาํ จริง บริหารงานเพ่ือผลประโยชน์ของประเทศอย่าง แทจ้ รงิ ∼ ทาํ ใหเ้ ราเป็ นคนที่รูจ้ กั แบ่งปัน ด้านเศรษ ฐกิ จ เกิ ดภ าวะ “อยู่รอด” ทา ง ∼ ทาํ ใหเ้ ราเป็ นคนมีเหตมุ ีผลในการ เศรษฐกิจดว้ ยพ้ ืนฐานที่มนั ่ คง ดา้ นสังคม เกิดการพัฒนาโดยเริ่มจากคนใน กระทาํ สงั คมท่ีมีความแข็งแกร่งท้งั ร่างกาย จติ ใจ ปัญญา ∼ ทาํ ใหเ้ รารูจ้ กั จดั การบริหารทรพั ยากร อารมณ์ นาํ ไปสกู่ ารพฒั นาชุมชนที่เขม้ แข็ง ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม เกิดการใชท้ รัพยากรที่มีอยู่ ตา่ งๆ ท่ีมีอยา่ งจาํ กดั มาตอบสนอง อยา่ งจาํ กดั ใหค้ มุ้ ค่าและเกิดประโยชนส์ งู สดุ ความตอ้ งการของตนเองไดอ้ ยา่ งมี เหตผุ ลและมีคณุ ธรรม ∼ ทาํ ใหพ้ ึ่งตนเองมากกวา่ พึ่งพาผอู้ ื่น
เศรษฐกิจพอเพียงมุงเนนใหผูผลิต หรือผูบริโภค พ ย า ย า ม เ ริ่ ม ต น ผ ลิ ต ห รื อ บ ริ โ ภ ค ภ า ย ใ ต ข อ บ เ ข ต ขอจาํ กดั ของรายได เศรษฐกิจพอเพียง สามารถประยุกตใชไดทุก ระดับ ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ โดยมีหลักการท่ี คลายคลึงกันคือ เนนการเลือกปฏิบัติอยางพอประมาณ มเี หตุผล และสรางภมู ิคุม กนั ใหแ กต นเอง และสังคม
การประยุกตใชเศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคลคือ การดํารงชีวิตได อยางไมเดอื ดรอ น มีความเปนอยูประมาณตนตามฐานะ ตามอัตภาพ ดานจิตใจ ทําตนใหเปนท่ี ดานสังคม ชวยเหลือ พึ่งตนเอง มีจติ สาํ นกึ ที่ดี เกื้อกูลกนั ด านเ ศร ษฐ กิจ มุ งล ด หลักการ ดานทรัพยากรธรรมชาติ รายจาย โดยยึดหลักพอ พง่ึ ตนเอง และสิ่งแวดลอม การใช อยู พอกิน พอใช และจัดการอยางฉลาด ดานเทคโนโลยี ใชเทคโนโลยีบนพื้นฐาน ภู มิ ป ญ ญ า ช า ว บ า น แ ล ะ ส อ ด ค ล อ ง กั บ ส่งิ แวดลอ ม
1. การประยุกตใชเศรษฐกิจพอเพียง ในการดําเนินชีวติ ของตนเอง 2. การประยุกตใชเศรษฐกิจพอเพียง ในการดําเนินชีวติ ระดบั ครอบครัว 3. การประยุกตใชเศรษฐกิจพอเพียง ในการดําเนินชีวติ ระดับชุมชน 4. การประยุกตใชเศรษฐกิจพอเพียง ในการดาํ เนินชวี ิตระดบั ประเทศ
การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี ง ภาคเกษตร ภาคธุรกิจเอกชน
แนวพระราชดาํ ริ “ทฤษฎีใหม่” เป็ นการประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียง กบั ภาคเกษตรโดยเฉพาะ เป็ นการจดั การบริหารที่ดนิ และน้าํ พ้ ืนท่ขี องเรา 100% ขุดสระน้าํ ปลกู ขา้ ว ปลกู ไมผ้ ล พชื ผกั ท่ีอยูอ่ าศยั /เล้ ยี งสตั ว/์ พืชสมุนไพร ถนนหนทาง/โรงเรือน
แบง ออกเปน 2 ขัน้ คือ ขน้ั ที่ 2 และขน้ั ท่ี 3 ทฤษฎใี หมข นั้ ที่ 2 ทฤษฎีใหมข ้ันที่ 3 ใหเกษตรกรรวมพลังกันในรูปของ ใหกลุมเกษตรกรติดตอประสานงาน กลมุ หรอื สหกรณ เ พ่ื อ จั ด ห า ทุ น ห รื อ แ ห ล ง เ งิ น เ ช น ธนาคาร หรือบริษัท หางรานเอกชน ∼ การผลิต ต้ังแตข ้ันเตรียมดิน รวมกันมาชวยลงทุนและพัฒนา ซ่ึงจะ หาพนั ธพุ ชื ปุย จดั หาน้ําเพอ่ื เพาะปลูก ไดประโยชนร วมกนั ∼ การตลาด ลานตากขา ว ยงุ ฉาง ∼ เกษตรกรสามารถขายขาว/พชื ผล เคร่ืองสีขา ว จําหนา ย ผลผลติ ไดในราคาท่เี หมาะสม
ทฤษฎีใหมข ั้นท่ี 2 ทฤษฎีใหมข้นั ที่ 3 ∼ ความเปนอยู สวัสดิการ ∼ ธนาคาร/บริษัทเอกชนสามารถซ้ือ การศึกษา สังคม และศาสนาของ ขาว/พชื ผลในราคาทถ่ี ูกกวาตลาดทวั่ ไป สมาชกิ ในกลุมหรือสหกรณนั้น ∼ เกษตรกรซื้อเคร่ืองอุปโภคบริโภค ไดในราคาต่ํา เพราะรวมกันซื้อเปน จาํ นวนมาก
ไม่ผลิตสินคา้ ที่ใช้ มีเงินออมเพ่ือใช้ มีการจดั อบรม ทรพั ยากรอยา่ ง เป็ นทนุ หมุนเวียน ใหแ้ ก่พนักงานท้งั การบริหาร และ ส้ ินเปลือง คดั เลือกบุคลากรที่มี คณุ ภาพและ คณุ ธรรม คณุ ธรรม เศรษฐกิจพอเพยี งสาํ หรบั ภาคธุรกิจเอกชน
สถานการณภ์ ายนอกแทบ ผลปลายทาง ⋅ กินดอี ยูด่ ี มีความสุข ไม่ มีผลกระทบใดๆ หรือ บนความพอเพยี ง เขา้ มาทาํ ลายสงั คมพอเพยี งท่ี ““สงั คมอยดู่ มี ีสุข” ⋅ สงั คมคุณธรรม สมานฉนั ท์ เขม้ แขง็ ของเราได้ +“ เอ้ ืออาทร ⋅ ปราศจากอบายมุข สงั คมสขี าว”” ยาเสพตดิ การทาํ ลาย ทรพั ยากร การทาํ ลาย ⋅ วฒั นธรรมต่างชาติ เศรษฐกิจพอเพยี ง วฒั นธรรม ⋅ เศรษฐกิจตา่ งชาติ ทางสายกลาง ⋅ พลงั สงั คม พลงั ชุมชนท่ี เขม้ แข็งและเป็ นหนึ่งเดียว พอประมาณ มีเหตุมีผล มีภมู ิคุม้ กนั ทุกการกระทาํ ในการดาํ เนินชีวิต ต้งั อยูบ่ น สติ + ปัญญา + คุณธรรม + วัฒนธรรม สติ = ระลึก/ตระหนักในการกระทาํ ของตนว่ายนื อยบู่ นความพอเพยี งหรอื ไม่ ปัญญา = พอเพียงบนความรอบรูแ้ ละเหตผุ ล ฉลาดคิด ฉลาดใช้ ฉลาดทาํ คณุ ธรรม = ความพอเพยี งทีไ่ ม่เบียดเบยี นตนเองและผูอ้ ่ืน หรอื ทรพั ยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม = การคงไวซ้ ่ึงตวั ตนทางวฒั นธรรมของตน ทอ้ งถนิ่ คณุ ธรรม หรอื ประเทศ
หลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ประเทศต่างๆ ประสบปัญหาความยากจนและ ความลา้ หลงั ทางเศรษฐกิจ ใน พ.ศ. 2493 มีการจดั ต้งั สภาเศรษฐกิจแห่งชาตขิ ้ ึนเพ่ือนาํ หนา้ ท่ีวิเคราะห์ วิจยั เกี่ยวกบั เรอ่ื งเศรษฐกิจ การเงิน การคลงั ใน พ.ศ. 2500 ธนาคารโลกไดจ้ ดั ส่งคณะสาํ รวจเศรษฐกิจเขา้ มาช่วยศึกษา ขอ้ มูล และศึกษาวิจยั เศรษฐกิจของประเทศไทย ใน พ.ศ. 2502 รัฐบาลไดด้ าํ เนินการออกพระราชบัญญตั ิพัฒนาเศรษฐกิจ แห่งชาติ และต้งั สาํ นักงานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติข้ ึน เพ่ือทาํ หนา้ ท่ีวางแผน พฒั นาเศรษฐกิจแห่งชาติ
แผนพัฒนา เกิดความลาชาของโครงการ เศรษฐกจิ และ และการดําเนินงาน เน่ืองจาก สังคมแหง ชาติ ขาดแคลนผูชํานาญการดาน ฉบับท่ี 1 (พ.ศ. วชิ าการและการบรหิ าร 2504-2509)
แผนพัฒนา ตองประสบปญหาดาน เศรษฐกิจและ การ เมือ ง ดานสั งคม สงั คมแหง ชาติ ราคาผลผลิตตลาดโลก ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2510-2514) ตกตํ่า
แผนพฒั นา การขยายตัวทางการผลิตและรายได เศรษฐกิจและ ในดานการเกษตรตํ่ากวาเปาหมาย สงั คมแหงชาติ ด า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ล ะ ส ง อ อ ก ไ ด ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. สู ง ขึ้ น ก ว า เ ป า ห ม า ย เ ล็ ก น อ ย 2515-2519) เ น่ื อ ง จ า ก ก า ร ผั น ผ ว น ข อ ง ร ะ บ บ การเงินของโลกเกิดภาวะเงินเฟอ และเศรษฐกิจชะงักงันขึ้นท่ัวโลก เกิดผลกระทบตอเสถียรภาพทาง เศรษฐกิจของไทย
แผนพัฒนา ป ร ะ ส บ ป ญ ห า เ ร่ื อ ง ก า ร เศรษฐกิจและ เปลี่ยนแปลงของราคานํ้ามัน สงั คมแหง ชาติ และความแปรผันของตลาด ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. การเงินระหวางประเทศ เกิด 2520-2524) ภาวะเงนิ เฟอ เศรษฐกิจตกตา่ํ
แผนพฒั นา ป ร ะ ส บ ป ญ ห า ก า ร กี ด กั น เศรษฐกิจและ ทางการคา อัตราดอกเบ้ีย สงั คมแหงชาติ สูง ราคาสินคาเกษตรตกตํ่า ฉบบั ที่ 5 (พ.ศ. การสงออกและผลิตภัณฑ 2525-2529) มวลรวมตํา่ กวาเปา หมาย
แผนพัฒนา การขยายตัวสูงของเศรษฐกิจแตการ เศรษฐกิจและ ขยายตัวไดเกิดความไมสมดุลในการ สงั คมแหง ชาติ พัฒนา เน่ืองจากมขี อ จาํ กดั คอื ฉบบั ท่ี 6 (พ.ศ. ⋅ ความเหลือ่ มล้ําของรายได 2530-2534) ⋅ การบริการพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจไม เพยี งพอตอความตอ งการ ⋅ ค ว า ม เ ส่ื อ ม โ ท ร ม ข อ ง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ ม
แผนพัฒนา คนไทยและสังคมไทยมีความ เศรษฐกจิ และ เปนวัตถุนิยมมากขึ้น ทําใหเกิด สังคมแหงชาติ ปญหาดานพฤติกรรมของคน ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. ในสังคมการลมสล ายของ 2535-2539) สถาบันครอบครัว ชุมชน และ วฒั นธรรมของทอ งถ่นิ ข้ึน
แผนพัฒนา เกิดการพัฒนาแบบใหมมาสูการ เศรษฐกิจและ พัฒนาท่ีเปนองครว มแตดว ย สงั คมแหง ชาติ โครงสรางระบบบริหารราชการ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. ทศั นคติ คานยิ มของคนไทยในทาง 2540-2544) ปฏิบัติยังไมเกิดผลเทาที่ควร ตอง อาศัยเวลาในการปรบั เปลีย่ น
แผนพัฒนา เศรษฐกิจขยายตัวอยางตอเนื่อง เศรษฐกจิ และ แตเศรษฐกิจยังไมเขมแข็งและ สังคมแหงชาติ อ อ น ไ ห ว ต อ ค ว า ม ผั น ผ ว น ข อ ง ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. ปจจัยภายนอก รวมไปถึง ปญหา 2545-2549) ดานคุณภาพการศึกษา ความ ยากจน และความเหลื่อมลํ้าทาง รายได เปนปญหาสําคัญและตอง แกไขอยางตอเน่อื ง
นาํ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็ นแนวทางปฏิบตั คิ วบคู่ไปกบั การ พฒั นาบูรณาการเป็ นองคร์ วมทีม่ ีคนเป็ นศนู ยก์ ลางการพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ือง พฒั นาคนใหม้ ีคณุ ภาพ แผนพฒั นา เสริมสรา้ งเศรษฐกิจใหม้ ี คณุ ธรรม นาํ รอบรูอ้ ยา่ ง เศรษฐกิจและ คณุ ภาพ เสถียรภาพ และ สงั คมแห่งชาติ เทา่ ทนั เป็ นธรรม พฒั นาระบบบริหารจดั การประเทศ ดาํ รงความหลากหลายทาง ใหเ้ กิดธรรมาภิบาลภายใตร้ ะบอบ ชีวภาพและสรา้ งความมนั ่ คง ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ ของฐานทรพั ยากรธรรมชาติ ทรงเป็ นประมุข และคณุ ภาพ
การพฒั นาคณุ ภาพและ การสรา้ งความเขม้ แข็ง การปรบั โครงสรา้ งการ สงั คมไทยสูส่ งั คมแห่ง ของชุมชนและสงั คมให้ ผลิตใหส้ มดลุ และยงั ่ ยนื ภูมิปัญญาและการเรียนรู้ เป็ นรากฐานท่ีมนั ่ คงของ ประเทศ ยุทธศาสตรท์ ีส่ าํ คญั ใน แผนพฒั นาฉบบั ท่ี 10 การเสริมสรา้ งธรรมา- การพฒั นาบนฐานความหลากหลายทาง ภิบาลในการบรหิ าร ชีวภาพและการสรา้ งความมนั ่ คงของฐาน จดั การประเทศ ทรพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ ม
∼ ใช้แนวคิดที่ต่อเนื่องจากแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 8-10 โ ด ย ยัง ค ง ยึ ด ห ลัก ป รัช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พอเพียงที่ให้คนเป็ นศูนย์กลางของการ พฒั นาและสรา้ งสมดลุ การพฒั นาในทกุ มิติ ∼ วิสยั ทศั นป์ ระเทศไทยในระยะ 5 ปี ขา้ งหนา้ คือ สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วย ความเสมอภาค เป็ นธรรมและมีภมู ิคุม้ กนั ต่อ การเปลีย่ นแปลง
1. ยทุ ธศาสตรก์ ารสรา้ งความเป็ นธรรมในสงั คม 2. ยุทธศาสตรก์ ารสรา้ งความเชื่อมโยงกบั ประเทศในภมู ิภาค เพ่ือความมัน่ คง ทางเศรษฐกิจและสงั คม 3. ยุทธศาสตรค์ วามเขม้ แข็งภาคเกษตร ความมนั ่ คงของอาหารและพลงั งาน 4. ยุทธศาสตรก์ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งยงั ่ ยนื 5. ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาคนสูส่ งั คมแหง่ การเรียนรูต้ ลอดชีวิตอยา่ งยงั ่ ยนื 6. ยทุ ธศาสตรก์ ารปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจ สูก่ ารเตบิ โตอยา่ งมีคณุ ภาพและยงั ่ ยนื
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ให้ ความสาํ คัญต่อประชาคมอาเซียนมาก วิชาชีพที่สามารถเคลื่อนยา้ ย แรงงานไดอ้ ย่างเสรี ตามกรอบความร่วมมือของประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนมี 8 สาขา คือ นกั สํารวจ แพทย์ พยาบาล การบริการ วิศวกรรม ทนั ตแพทย์ บญั ชี สถาปัตยกรรม
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) มสี าระสาํ คญั ของกรอบรูปแบบและเคาโครงเบือ้ งตน ของ แผนฉบับที่ 12 ทกี่ าํ หนดใหส อดรับกบั กรอบยุทธศาสตรชาติ ระยะยาว 20 ป ในลกั ษณะของการถายทอดยุทธศาสตร ระยะยาวลงสกู ารปฏบิ ัตใิ นชว งเวลา 5 ป โดยรปู แบบและเคา โครงเบื้องตนของแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 12 จะประกอบดวย 4 สวน ดังน้ี
สว นที่ 1 กรอบหลักการของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 สว นที่ 2 การประเมนิ สถานะของประเทศ สว นท่ี 3 วตั ถุประสงคและเปา หมายในภาพรวม สวนที่ 4 ยทุ ธศาสตรก ารพฒั นาประเทศ สวนที่ 5 การขบั เคลื่อนและตดิ ตามประเมินผล แผนพัฒนา
วิสยั ทัศน สคู วามมนั่ คง ม่งั คั่ง และยั่งยืน
กรอบวสิ ัยทศั นแผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 12 ใหความสําคัญกับการกาํ หนดทศิ ทางการพฒั นาท่ี มงุ สกู ารเปล่ยี นผา นประเทศไทยจากประเทศทมี่ ี รายไดป านกลางไปสูประเทศทีม่ ีรายไดส งู มีความ มั่นคง และยั่งยืน สงั คมอยูรวมกนั อยา งมีความสุข
กรอบวสิ ยั ทศั นแ ละเปา หมาย 1. กรอบวิสยั ทัศนแผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 12 จากสถานะของ ประเทศและบรบิ ทการเปลยี่ นแปลงตาง ๆ ทปี่ ระเทศกําลงั ประสบอยูท าํ ใหการกําหนดวิสัยทศั นแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 12 ยังคงมคี วามตอ เนือ่ งจากวสิ ัยทัศนแ ผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 11 และ กรอบหลกั การของการวางแผนท่ีนอ มนําและประยุกตใ ช หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ยึดคนเปน ศนู ยก ลางของ การพฒั นาอยา งมีสวนรว ม การพัฒนาทยี่ ดึ หลกั สมดุล ยัง่ ยืน
2.การกําหนดตําแหนงทางยุทธศาสตรข อง ประเทศ (Country Strategic Positioning) เปนการ กําหนดตําแหนง ทางยทุ ธศาสตรข องประเทศท่ี สอดคลองกับยุทธศาสตรชาตทิ ่สี ํานักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง ชาติ (สศช.)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292