Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 1

ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 1

Published by kingmanee2614, 2021-01-25 03:58:12

Description: ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 1

Search

Read the Text Version

 แนวคดิ เกย่ี วกบั ถนิ่ เดิมของชนชาตไิ ทย ถน่ิ เดิมของชนชาตไิ ทยอยใู นบริเวณตอนกลางของจีน  ศาสตราจารยแ ตเรยี ง เดอ ลาคูเปอรี (Terrien de Lacouperie) ผรู เิ ร่มิ แนวคิดน้ี  สมเด็จพระเจา บรมวงศเ ธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ  หลวงวจิ ิตรวาทการ (กมิ เหลียง วฒั นปฤดา)  พระบรหิ ารเทพธานี  พระยาอนมุ านราชธน (ยง เสถียรโกเศศ)

พระยาอนมุ านราชธน กรมพระยาดาํ รงราชานภุ าพ หนงั สือเร่ืองของชาตไิ ทย ของพระยาอนมุ านราชธน

หลวงวิจิตรวาทการ ขนุ วจิ ิตรมาตรา

 แนวคดิ เกี่ยวกับถน่ิ เดมิ ของชนชาตไิ ทย 2.ชนชาตไิ ทยเปนเชอื้ สายมองโกล มถี ิน่ เดิมอยูแถบเทอื กเขา อลั ไต ผูริเร่ิมแนวคิดน้ีคือ ดร.วิลเลียม คลิฟ ตัน ดอดด (William Clifton Dodd) ซ่ึงได อธิบายวา ชนชาติไทยมีเช้ือสายมองโกล เปน ชาติที่มีความเกาแกกวาจีน และเจริญรุงเรือง มากอนจีน ถ่ินเดิมนาจะอยูในเขตอบอุนเหนือ ตอ มายายมาสูป ระเทศจีน และตัง้ อาณาจักรข้ึน เรียกวา อาณาจักรอายลาว จีนเรียกวา ตามุง เมือ่ ประมาณ 1,700 ปกอ นพทุ ธศกั ราช

 แนวคิดเกยี่ วกบั ถ่นิ เดมิ ของชนชาตไิ ทย ชนชาติไทยเป็ นเช้อื สายมองโกล มีถนิ่ เดมิ อยู่แถบเทือกเขาอลั ไต ตอมาชาวจีนมีความเขมแข็งไดขยายอิทธิพลเขาไปในถ่ินของชาวไทย และแยงชิงพื้นที่ทํากิน ทําใหชาวไทยอพยพไปหาที่ทํากินแหลงใหมเมื่อ ประมาณ 60 ปกอนพุทธศักราชโดยอพยพลงไปสูทางใตของจีน นัก ประวัติศาสตรรุนตอมาไดขยายแนวคิดออกไปมีดังน้ี ขุนวิจิตรมาตรา (รองอาํ มาตยโทสงา กาญจนาคพันธ) มีผคู ัดคานแนวคิดนีค้ ือ ศาสตราจารยเ ฉนิ หลว่ฟี า น

 แนวคิดเก่ยี วกับถิ่นเดมิ ของชนชาตไิ ทย 3. ถนิ่ เดิมของชนชาติไทยอยูใ นบรเิ วณตอนใตของจนี แนวคิดน้ีเช่ือวาถ่ินเดิมของ ชนชาติไทยอยูบริเวณที่ปจจุบันเปน มณฑลหยุนหนาน เขตปกครอง ตนเองกวางซีจวง และมณฑลกวาง ตงของจนี ตอนเหนอื ของเวยี ดนาม รัฐชานของพมา และรัฐอัสสัมของ อนิ เดีย

 แนวคิดเกย่ี วกับถน่ิ เดมิ ของชนชาตไิ ทย ถ่นิ เดมิ ของชนชาตไิ ทยอยบู ริเวณตอนใตของจีน โดยมผี ูสนบั สนนุ แนวคดิ นคี้ ือ  อารช ิบอลด รอสส คอลคูน (Archibald Ross Colqhoun) ผูเสนอแนวคดิ นี้  พระยาประชากิจกรจกั ร  พันตรี เอช.อาร. เดวสี  (H.R. Davies)  วลิ เฮลม เครดเนอร (Wilhelm Credner) นักภาษาศาสตรช าวเยอรมนั  ศาสตราจารยวิลเลียม เจ. เกดนยี  (William J. Gedney) นักภาษาศาสตร ชาวอเมรกิ นั  ศาสตราจารยขจร สขุ พานิช และนกั วชิ าการจีนอีกหลายทาน

แนวคดิ เกีย่ วกับถน่ิ เดิมของชนชาตไิ ทย 4. ถ่ินเดิมของชนชาติไทยอยใู นคาบสมุทรมลายแู ละหมู เกาะอินโดนีเซยี แนวคิดน้ีเช่อื วา คนไทยมีเชอื้ สายมลายู มีถ่นิ กาํ เนิดใน บริเวณหมเู กาะอนิ โดนเี ซยี ตอ มาอพยพมาทางเหนือยงั ประเทศ ไทย และข้ึนเหนอื ไปถึงมณฑลหยนุ หนาน โดยมีผูสนบั สนนุ แนวคดิ น้ีคอื  รูธ เบเนดกิ ต (Ruth Benedict) นักมานษุ ยวิทยาชาวอเมริกนั เปน ผูเสนอแนวคดิ น้ี  นายแพทยสมศักดิ์ พันธสุ มบญุ ผสู นบั สนุนความคดิ ของรูธ เบเน ดิกต

นายแพทยส มศักดิ์ พนั ธสุ มบญุ ใน งานวิจยั หมเู ลือดโดยไดศึกษาความถี่ของหมู เลือดพบวาหมเู ลือดของคนไทยคลายคลึงกับ ของอินโดนีเซียมากกวาคนจีนโดยเชือ่ วาถิ่น เดิมเชื่อวาอยูในหมูเกาะอินโดนีเซียและคอย อพยพมาลงลุมน้ําเจาพระยาและข้ึนเหนือไป ถึงมณฑลหยุนหนานในจีน



 แนวคิดเกยี่ วกบั ถิ่นเดมิ ของชนชาติไทย 5.ถน่ิ เดิมของชนชาตไิ ทยอยใู นประเทศไทยปจจุบัน ผูริเร่ิมแนวคิดนี้คือ ดร.ควอริตช เวลส (Quaritch Wales) นักประวัติศาสตรและโบราณคดีชาวอังกฤษ จากการขุดพบ กะโหลกศีรษะท่ีพงตึก อําเภอทามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มีอายุ อยใู นราว พ.ศ. 500 ซงึ่ เวลสเ ห็นวามลี ักษณะใกลเคียงกับกะโหลก ศีรษะของคนไทยปจจุบัน จึงเสนอแนวคิดวา คนไทยอาจมาตั้ง หลักแหลงอยูในประเทศไทยมากวา 2,000 ปแลว และดินแดนนี้ อาจเปนถ่นิ กาํ เนดิ ของชนชาตไิ ทย

 แนวคิดเก่ียวกบั ถิ่นเดิมของชนชาตไิ ทย 5.ถิ่นเดมิ ของชนชาติไทยอยใู นประเทศไทยปจ จุบัน โดยมีผูสนับสนุนแนวคิดนีค้ อื  ศาสตราจารย นายแพทยสุด แสงวเิ ชียร  ศาสตราจารยชนิ อยดู ี  ศรศี กั ร วัลลโิ ภดม  สุจิตต วงษเ ทศ มีผคู ัดคา นแนวคิดน้ีคอื  ศาตราจารย หมอ มเจาสุภัทรดศิ ดิศกลุ ผเู ชี่ยวชาญดาน ประวัติศาสตรศิลปะ ประวัตศิ าสตรและโบราณคดี



 2. แนวคดิ วา ดว ยอาณาจกั รนา นเจาเปน อาณาจกั ร ของคนไทย เดมิ ชนชาตไิ ทยมถี ่นิ ฐานอยูใ นดินแดนประเทศ จีน ตอมาถูกจีนรกุ รานจึงต้งั อาณาจักรนา นเจา ในชว งพุทธศตวรรษท่ี 11 แลวอาณาจกั รนานเจาถกู ยดึ ครองโดยพวกมองโกลในชวงปลายพทุ ธศตวรรษ ท่ี 18 ชนชาติไทยจงึ อพยพ ลงมายงั ประเทศไทย ปจจบุ ันแลวตง้ั อาณาจกั รสโุ ขทยั ขึน้

 2. แนวคดิ วาดว ยอาณาจักรนา นเจาเปน อาณาจกั รของคนไทย นกั วิชาการทย่ี อมรบั แนวความคิดนี้ มีหลายกลมุ คอื  กลุมทเ่ี ช่อื วา ชนชาติไทยมถี ิ่นเดมิ อยูบริเวณเทือกเขาอัลไต เชน ขุนวิจติ รมาตรา (รองอํามาตยโทสงา กาญจนาคพนั ธ)  กลุม ท่ีเชอ่ื วา ชนชาติไทยมถี ิ่นเดมิ บรเิ วณตอนกลางของประเทศจนี เชน หลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วฒั นปฤดา) พระบริหารเทพ ธานี  กลุม ที่เชอ่ื วา ชนชาตไิ ทยอยูบรเิ วณตอนใตของจนี เชน อ.ี เอช. ปารเกอร ศาสตราจารยยอรช เซเดส ศาสตราจารยโ วลแฟรม อีเบอรฮารด

 2. แนวคดิ ว่าดว้ ยอาณาจกั รน่านเจา้ เป็ นอาณาจกั รของคนไทย มผี คู ัดคา นแนวคดิ นี้คือ  ปอล เปลลิโอ (Paul Pelliot) นกั ประวัตศิ าสตรชาวฝร่ังเศส  เฟรเดอริก โมต (Frederick Mote) นักประวัตศิ าสตรช าวอเมริกนั  ชารล ส แบกคัส (Charles Backus) ผศู ึกษาเก่ยี วกับเอกสารจีน  ศาสตราจารยเฉินหลวีฟ่ าน นักวชิ าการจนี ประเด็นทน่ี กั วชิ าการหลายทานคดั คานเรอ่ื งนา นเจา ไดแก  เรอ่ื งภาษา  เรอ่ื งชนชาติ  เรือ่ งวฒั นธรรม

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 1. แควน ตามพรลงิ คหรือแควนนครศรธี รรมราช (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 7-19) จนี เรยี กวา ตันมาลิง มีเรือ่ งราว ปรากฏในหลักฐานตา ง ๆ เชน บันทึก ของจา วหยคู ว่ั เขยี นใน พ.ศ. 1768 สมัย ราชวงศซุง จารกึ หลกั ที่ 24 พบทว่ี ัดเวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎรธานี จารกึ เม่ือ พ.ศ. 1773 ตํานานเมอื งนครศรธี รรมราช ตํานานพระบรมธาตนุ ครศรีธรรมราช บรเิ วณทีส่ นั นิษฐานว่าเป็ นที่ตงั้ ของแควน้ น้ี

 รฐั โบราณในดินแดนไทย แควน ตามพรลิงค ตัง้ ขึ้นเมื่อ ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 7 เมื่อถึงพุทธ ศตวรรษที่ 18 ไดเปลีย่ นชื่อเปนแควน นครศรีธรรมราช มีอิทธิพลครอบคลมุ แหลมมลายู ซึ่งเปนแหลงรวมวัฒนธรรม จากอินเดียและลงั กา

 รัฐโบราณในดินแดนไทย ศาสนาที่นบั ถือมีทั้งศาสนาพราหมณ- ฮินดู และพระพทุ ธ ศาสนานกิ ายมหายาน และนกิ ายเถรวาท จนถึงปลายพุทธศตวรรษ ที่ 18 นครศรีธรรมราชมคี วามสัมพนั ธก บั ลังกา จงึ รบั พระพุทธ ศาสนานกิ ายเถรวาท แบบลงั กาวงศ

 รฐั โบราณในดินแดนไทย แควนนครศรีธรรมราช ตกอยูใต อิทธิพลของอาณาจักรสโุ ขทัยในสมัย พอขนุ รามคาํ แหงมหาราช ตอมาเมื่อต้ัง อาณาจักรอยุธยาขึ้นใน พ.ศ. 1893 แควน จึงถกู รวมอยใู นอาณาจกั รอยธุ ยา



 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 2. อาณาจักรทวารวดี (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 12- 16) ในบันทึกการเดินทางของหลวงจีน บรเิ วณที่สนั นษิ ฐานว่าเป็ นทีต่ งั้ เห้ียนจาง (พระถังซําจ๋ัง) เรียกอาณาจักรนี้ ของอาณาจกั รน้ี วา โตโลโปต้ี หรอื ตวอหลอปอต่ี ศาสตราจารยยอรช เซเดส เช่ือวา เปนคําเดียวกับทวารวดี ซึ่งเปนอาณาจักร ใ น ภ า ค ก ล า ง ข อ ง ดิ น แ ด น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ศนู ยก ลางอาํ นาจอยูท ่เี มอื งนครปฐมโบราณ (นครชัยศรี) หรือเมืองอูทอง หรือเมือง ลพบุรี

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย นักประวัตศิ าสตรอ ีกกลมุ หน่ึงเชื่อวา เมอื งแตละ เมอื งในสมัยทวารวดตี างเปน อสิ ระ ไมข้นึ ตอ กนั แตมี ความคลายคลงึ กันทางวัฒนธรรม เมืองโบราณทรี่ ับวฒั นธรรมทวารวดมี จี าํ นวนมาก และมลี ักษณะคลายกนั คือ เปนเมืองขนาดใหญ มคี นั ดนิ คูนํ้าลอ มรอบ มีศาสนสถานขนาดใหญกระจายอยใู น ตัวเมือง

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย ชาวทวารวดอี าจเปน ชาวมอญ สันนษิ ฐานจาก การคน พบจารกึ ภาษามอญโบราณหลายหลกั ทวาร วดีรับอารยธรรมอินเดีย นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานกิ าย เถรวาทเปนศาสนาหลกั เห็นไดจ ากศิลปกรรมตาง ๆ เชน พระพุทธรูป พระพิมพ สถูปเจดียขนาดใหญ จารกึ และธรรมจกั รกบั กวางหมอบ

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย อ า ณ า จั ก ร ท ว า ร ว ดี มี ก ษั ต ริ ย ปกครอง หลักฐานยืนยัน ไดแก เหรียญ เงนิ พบทเ่ี มืองนครปฐมโบราณ เมืองอูทอง และเมืองลพบุรี มีคําจารึกวา ศรีทวารวติ ศวรปุณยะ ซ่ึงศาสตราจารยยอรช เซเดส เหรยี ญเงนิ สมยั ทวารวดี แปลวา บญุ ของผูเ ปน เจา แหงทวารวดี อาณาจักรทวารวดี สิ้นสุดลงในพุทธศตวรรษท่ี 16 เน่ืองจากเขมรแผอํานาจเขามายังภาคกลางของ ดินแดนประเทศไทย

พระพุทธรูปสมยั ทวาราวดี

พระพุทธรปู สมยั ทวาราวดี









3. อาณาจักรศรวี ชิ ัย (ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 13- 18) ตามจดหมายเหตขุ องอจี้ ิง พระภกิ ษุ ชาวจีนท่ีเดนิ ทางทางเรอื จากจีนไปอนิ เดยี เม่ือ พ.ศ. 1214 ไดแ วะพักที่ดินแดนนีแ้ ละ เรยี กวา ชลิ โิ ฟชิ ใน พ.ศ. 2416 ศาสตราจารยยอรช เซเดส อานจารกึ หลักท่ี 23 ศลิ าจารึกวดั เสมาเมือง อ.เมอื ง นครศรีธรรมราช พบคําวา ศรีวชิ เยนทร ราชา แปลวา พระเจากรงุ ศรีวชิ ัย จงึ เกิดคาํ บรเิ วณท่สี นั นษิ ฐานว่าเป็ นทีต่ งั้ ของอาณาจกั รน้ี วา ศรีวชิ ัยต้ังแตนนั้ มา

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย อาณาจกั รศรีวิชัยเปนชุมชนโบราณต้งั อยูร ิมฝง ทะเลเหมาะที่จะเปนเมอื งทา ตอมากลายเปน ศูนยก ลางการคา ทสี่ ําคัญ อยูในเสน ทางการคาระหวาง อนิ เดยี กับจีน ตั้งเปนอาณาจักรเม่ือประมาณพุทธศตวรรษท่ี 13 มีอาณาเขตครอบคลุมภาคใตของไทย ศูนยก ลาง อํานาจอาจอยูทเ่ี มอื งปาเลม็ บงั บนเกาะสุมาตรา หรอื เมอื งไชยา จ.สุราษฎรธานี

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย ศรีวิชัยรบั อารยธรรมอนิ เดยี ในระยะแรก นับถอื พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทและศาสนา พราหมณ- ฮนิ ดู ตอ มานับถือพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ศลิ ปกรรมทางศาสนาทีม่ ชี อื่ เสยี ง มากคือ รปู พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ปจ จุบนั อยู ทีพ่ พิ ธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร และพระ บรมธาตุไชยา จ.สุราษฎรธานี

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย อาณาจักรศรีวิชัยส้ินสุดอํานาจทาง การเมืองลงในตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 18 เนื่องจากถูกพวกโจฬะจากอินเดียใต รุกราน และไมสามารถควบคุมการคาทาง ทะเลตามเดมิ ได



พระโพธิสตั ว์อวโลกเิ ตศวร

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 4. แควน ละโว หรอื ลพบรุ ี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-18) แควนน้ีพัฒนามาจาก ชุมชนสมยั กอนประวัติศาสตร รับวัฒนธรรมทวารวดีจนถึง พุทธศตวรรษท่ี 16 จึงรับ วัฒนธรรมเขมร ศูนยกลาง อยูท ่ีเมืองละโวห รอื ลพบรุ ี บรเิ วณท่สี นั นษิ ฐานว่าเป็ นที่ตงั้ ของแควน้ น้ี

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย เมืองตาง ๆ ของดนิ แดนประเทศไทยที่รบั อิทธพิ ล มาจากเขมร มลี ักษณะสาํ คัญ คอื การสรา งศาสนสถาน ไวท ีศ่ นู ยก ลางเมอื ง ส่ิงกอสรางท่ีเปน ประธานของศาสน สถาน ไดแก ปราสาทหรอื ปรางค

เดิมชาวละโวนับถือพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท แตเมื่อรับวัฒนธรรม เขมรเขามาก็นับถือศาสนาตามเขมร ไดแก ศาสนาพราหมณ-ฮินดู และ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า นิ ก า ย ม ห า ย า น ป ร ะ ติ ม า ก ร ร ม ท า ง ศ า ส น า ศิ ล ป ะ ลพบุรีจึงมีท้ังเทวรูป พระโพธิสัตว และพระพุทธรูปซึ่งนิยมสรางปาง นาคปรก




















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook