Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best Practiceนวัตกรรมเชิงนโยบายขุดดินแลกน้ำ1

Best Practiceนวัตกรรมเชิงนโยบายขุดดินแลกน้ำ1

Published by Charan ya, 2020-03-18 03:27:55

Description: Best Practiceนวัตกรรมเชิงนโยบายขุดดินแลกน้ำ1

Search

Read the Text Version

- ๘๑ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษมฎากี ตารา ๑๐๑๕๔ สําในหักงราัฐนคมณนะตกรรรีวมากากรากรฤษกฎรีกะาทรวงคมนสาาํคนมักงราักนคษณาะกกรารรมตกาารมกฤษฎีกา พระราชบัญญัติน้ี และใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียมอันเก่ียวกับกฎหมายวา ดวยการเดินเรสือํานในกั งนาานนคนณ้ําะไกทรยรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา กฎกระทรวงนนั้ เม่อื ไดป ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว ใหใ ชบังคบั ได\" สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า บทบญั ญตั ิเฉพาะกาล สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษมฎากีตารา ๑๑ เรือสซํา่ึงนจักะงตานอคงณรับะกใรบรอมนกาุญรกาตฤษกฎอกี นาใชพระราชบสัญํานญักัตงาินน้ีทค่ีไณดะใกชรอรมยกูโาดรยกฤษฎกี า มิไดร บั ใบอนุญาตก็ดี หรือทใี่ บอนุญาตไดสนิ้ อายุเสยี แลว กด็ ี ถาเจา ของมาขอรบั ใบอนุญาตหรอื ขอ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ตออายุใบอนุญาตเสียกอนส้ินเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ แลว จะไมตองรับโทษสําหรับการท่ีได สาํ นักงานใชคเณระอื กโรดรยมมกไิาดรกร ฤับษใฎบกี อานุญาตหรือโดสํายนมกั ไิ งดานตคอ ณอะากยรใุ รบมอกนารญุ กาฤตษมฎกีาแาลวนั้น สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกีพารพิมล / แกไ ข ๒๕/ก.พ/๒๕๔๕ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะAกร+รBมก(าCรก) ฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา รฐั ธรรมนูญแกไ ขเพิม่ เตมิ วา ดวยนามประเทศ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๒๑๕๕ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๓ นามประเทศน้ีใหเรียกวา ประเทศไทย และบทแหงรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมายอ่ืนใดสาํ นซัก่งึ ใงชานค คําณวาะกสรยรมามกาใรหกฤใ ษชคฎกีําวาา ไทย แทนสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัติการเดินเรือในนา นนํ้าไทย (ฉบบั ท่ี ๗) พุทธศักราช ๒๔๘๓๑๕๖ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๓๑๕๗ คาธรรมเนียมตรวจเรือซึ่งจะตองเสียตามมาตรา ๑๖๕ แหง สํานักงานพครณะะรการชรบมกัญารญกัตฤษิกฎาีกราเดินเรือในนสาํานกันงํ้าาไนทคยณะพกรรระมพกุาทรธกศฤษักฎรีกาาช ๒๔๕๖ น้ันสาํเนมักื่องราันฐคมณนะตกรรีวมากกาารรกฤษฎกี า กระทรวงคมนาคมเห็นสมควรผอนผันลดอัตราก็ดี หรือจะงดเวนไมเก็บก็ดี สําหรับเรือชนิดใด เพอ่ื ใชในทอ งสทําใ่ี นดักงเาปนนคกณาํ ะหกนรรดมเกวาลรากเฤทษาฎใดีกาก็ใหท าํ ไดโ ดสยําปนรกั ะงกานาคศณในะกรรารชมกกิจาจรากนฤษเุ บฎกกี ษา า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษมฎากีตารา ๔ ใหร ัฐมสนํานตกั รงีวาานกคาณระกกรระรทมรกวารงกเศฤรษษฎฐกี กา ารมีหนาท่ีรักสษาํ นาักกงาารนใคหณเปะกนรไรปมกตาารมกฤษฎกี า พระราชบญั ญตั นิ ้ี สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๕๔ มาตรา ๑๐ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดนิ เรือในนา น้าํ ไทย (ฉบบั ที่ ๑๐) สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๑๐ สาํ น๑กั ๕ง๕รานาชคกณิจะจกานรรเุ บมกกษารากเฤลษมฎ๕กี ๖า/-/หนา ๙๘๐ส/ําน๖ักตงุลานาคคมณะ๒ก๔ร๘รม๒การกฤษฎกี า ๑๕๖ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๕๗/-/หนา ๔๔๐/๑ ตลุ าคม ๒๔๘๓ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษ๑๕ฎ๗กี มาาตรา ๓ แกไขสเพําน่มิ กั เตงาิมนโคดณยพะกระรรรามชกบาญัรกญฤตัษิกฎาีกราเดนิ เรือในนา น้ําสไําทนยักง(าฉนบคบั ณทะี่ ๑กร๐ร)มพก.าศร.กฤษฎีกา ๒๕๑๐

- ๘๒ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานนํ้าไทย (ฉบับที่ ๗) พุทธศักราช ๒๔๘๓ นี้ มี หลักการแกไขสกําฎนักหงมานายควณา ะดกวรยรมกการารเดกฤนิ ษเรฎือีกใานนานน้ําไทยสทํานเี่ กั งยี่ าวนกคบั ณคะากธรรมรมกาเรนกยี ฤมษใฎหกี เ าหมาะสมยง่ิ ขนึ้ ทั้งนี้เพ่ือใหรัฐมนตรีผูมีหนาที่รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี พิจารณาผอนผันลดอัตรา สาํ นกั งานคคาณธระรกมรรเมนกียามรกลฤงษหฎรกีือางดเวนไมเก็บสสํานํากัหงราับนคเรณือะชกนรริดมใกดารเกพฤื่อษใฎชีกใานทองที่ใด เปสาํนนกักํางหานนคดณเะวกลรารเมทกาาใรดกฤษฎีกา ได สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานพครณพะกมิ รลร/มแกกาไรขกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๓ ก.พ ๒๕๔๔ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา A+B (C) สํานกั งานพครณะระกาชรรบมญั กญารัตกฤิกษาฎรเีกดาินเรอื ในนา นสนําํา้นไกั ทงยาน(คฉณบะับกรทรี่ ม๘ก)ารพก.ฤศษ.ฎ๒กี ๔า๙๐๑๕๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาพรพมิ ล/แกไข สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๓ ก.พ ๒๕๔๔ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา A+B (C) พระราชบัญญัติการเดินเรอื ในนา นนาํ้ ไทย (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๙๓๑๕๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรพิมล/แกไ ข สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๓ ก.พ ๒๕๔๔ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า A+B (C) พระราชบัญญัตกิ ารเดนิ เรอื ในนา นน้ําไทย (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๑๐๑๖๐ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เน่ืองจากบทบัญญัติของ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กฎหมายวาดวยการเดินเรือในนานน้ําไทยในสวนที่เกี่ยวกับ ทางเดินเรือ เขตทาเรือ เขตจอดเรือ สาํ นักงานคคาณปะรกับรแรมลกะาครากธฤรษรฎมีกาเนียมท่ีใชอยสูไํามนเกั หงามนาคะณสะมกกรรับมสกถารากนฤกษาฎรีกณาปจจุบัน จึงสาํมนคักวงารนแคกณไะขกเรพริ่มกเตาริมกฤษฎกี า บทบญั ญัติดงั กลา ว สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า พรพมิ ล/แกไ ข สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักง๑า๒นคกณ.ะพกรร๒ม๕ก๔าร๔กฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา A+B (C) สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ ๕๐ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕๑๖๑ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ น๑กั ๕ง๘ารนาคชณกิจะจการนรุเมบกกาษรกาฤเลษมฎีก๖า๔/ตอนที่ ๓/หสนําา น๖กั ๗งา/น๑ค๔ณมะกกรรารคมมกา๒ร๔ก๙ฤษ๐ฎีกา ๑๕๙ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๖๗/ตอนท่ี ๕๘/หนา ๙๗๐/๒๔ ตลุ าคม ๒๔๙๓ สํานักงานคณะกรรมการกฤษ๑๖ฎ๐ีกราาชกิจจานเุ บกษสาํานเลักมงา๘น๔ค/ณตะอกนรทรี่ม๓ก๐า/รหกนฤาษฎ๑ีก๕า๘/๔ เมษายน ๒ส๕ําน๑ัก๐งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๖๑ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๘๙/ตอนที่ ๑๑/ฉบับพิเศษ หนา ๑๑/๑๙ มกราคม ๒๕๑๕

- ๘๓ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอ ๘ ใหร ัฐมนตรวี าการกระทรวงคมนาคมรกั ษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั น้ี สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษขฎอ กี ๙า ประกาศขสอํางนคกั ณงาะนปคฏณวิ ะัตกิฉรรบมบั กนารใี้ กหฤใ ษชฎบีกงั าคับเมอ่ื พน กําสหํานนักดงหานกคสณบิ ะวกนั รนรมบั กแาตรก ฤษฎกี า วันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน ตน ไป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรพมิ ล/แกไข สาํ นักงา๑น๓คณกะ.พกรร๒ม๕ก๔าร๔กฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า A+B (C) สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญตั ิการเดินเรอื ในนานนาํ้ ไทย (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๐๑๖๒ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่เปนการสมควรใหเจาทามี อํานาจประกาสศาํ กนํากั หงานนดคเณสะนกทรรามงกเดารินกเฤรษือฎแกี ลาะควบคุมการสเําดนินกั เงรานือคในณเะขกตรรทมากการรุงกเฤทษพฎีกฯา และในแมน้ํา ลําคลองเปนการเฉพาะคราวได ทั้งน้ี เพ่ือความปลอดภัยในการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ และ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในแมนํ้าลําคลอง อีกทั้งอัตราโทษท่ีจะลงแกผูฝาฝนท่ีมีอยูเดิมในหมวดท่ี ๔ ของภาคท่ี ๑ ยังไม เหมาะสมกับสสถํานานกั งกาานรคณณปะกจรจรุบมันการสกมฤคษวฎรกี แากไขปรับปรุงสอํานัตกั รงาาโนทคษณดะังกกรรลมากวาเสรกียฤใษหฎมกี  าจึงจําเปนตอง ตราพระราชบัญญตั นิ ้ีข้นึ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พรพิมล/แกไ ข สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี๑า๓ ก.พ ๒๕๔๔ A+B (C) สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระราชบัญญตั ิการเดนิ เรือในนา นนาํ้ ไทย (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๒๒๑๖๓ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๔ ใหนํามาตรา ๑๒๑ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย สาํ นักงานพครณะะพกุทรรธมศกัการรกาฤชษฎ๒ีก๔า ๕๖ ซึ่งแกไสขําเนพักิ่มงาเนตคิมณโะดกยรรพมรกะารรกาฤชษบฎัญีกาญัตินี้มาใชบสังําคนัับกงแานกคเรณือะกไทรรยมกเารรือกฤษฎกี า ตา งประเทศ หรอื สิ่งอืน่ ใดทจี่ มลงหรืออยใู นสภาพที่อาจเปนอันตรายแกการเดินเรือในนานนํ้าไทย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อยกู อนวันท่ีพระราชบัญญตั นิ ใ้ี ชบ งั คบั สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๕ ใหรัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบญั ญัตินี้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีปจจุบันกฎหมายให สํานักงานอคํานณาะจกเรจรามทกาารหกรฤือษเฎจกี าาพนักงานผูมีหสนํานากั ทง่ีทานําคกณาระขกจรรัดมสก่ิงากรีดกฤขษวฎางีกไาดเฉพาะการเสดําินนักเรงือานใคนณเขะตกทรรามหการรือกฤษฎีกา ในแมน า้ํ ทเ่ี รอื เดนิ ไดตาํ บลใด ๆ เทาน้ัน ดังน้ัน เมื่อมีเรือหรือสิ่งอ่ืนใดจมลงหรืออาจเปนอันตราย สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษ๑๖ฎ๒ีกราาชกิจจานเุ บกษสาํานเลกั มงา๙นค๔ณ/ตะอกนรทรมี่ ๘ก๖า/รฉกบฤบัษพฎิเีกศาษ หนา ๑๗/๑๙สาํ นกนัักงยาานยคนณ๒ะ๕ก๒รร๐มการกฤษฎกี า ๑๖๓ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๙๖/ตอนท่ี ๒๘/ฉบบั พเิ ศษ หนา ๒๑/๑ มีนาคม ๒๕๒๒

- ๘๔ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานแคกณกะากรรเดรมินกเารรือกนฤอษกฎเกี ขาตทาและไมใสชําในนกั แงามนนคํ้าณทะ่ีเกรรือรเมดกินารไกดฤ ษเจฎาีกทาาหรือเจาพนสักาํ งนาักนงผานูมคีหณนะากทรร่ีจมึงกไมารมกีฤษฎีกา อํานาจโดยชอบดวยกฎหมายที่จะทําการขจัดสิ่งกีดขวางนั้นไดทันทวงที อันจะเปนการกอใหเกิด ความเสียหายสตาํ อ นเกั ศงราษนคฐณกจิะกแรลระมกกาารรคกฤา ษทฎางีกทา ะเลของประสเทํานศักงจาํานเคปณนะตกอรงรมใหกาอรํากนฤาษจฎแีกกาเจาทาและเจา พนักงานผูมีหนาท่ีทําการขจัดส่ิงกีดขวางดังกลาวไดตามควรแกกรณี และใหมีอํานาจขาย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทอดตลาดเรือหรือสิ่งอื่นใดและทรัพยสินท่ีอยูในเรือหรือส่ิงอื่นใดที่จมลงหรืออาจเปนอันตรายได รวมท้งั ใหมีกาสรําขนจกั ัดงาหนรคอื ณปะอกงรกรมันกสา่งิ รซกง่ึฤกษอฎใกี หาเ กดิ มลพิษตสอําสน่งิักแงาวนดคลณอะมกทรรีม่ มีอกยารใู กนฤเรษือฎหีการือสิ่งอื่นใดน้ัน ไดด ว ย จึงจาํ เปน ตอ งตราพระราชบญั ญัตนิ ขี้ ึ้น สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรพิมล/แกไ ข สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีก๑า๓ ก.พ ๒๕๔๔ A+B (C) สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัติการเดนิ เรอื ในนา นน้าํ ไทย (ฉบบั ท่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๕๑๖๔ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๒๔ ในระหวางท่ียังไมมีกฎกระทรวง กฎขอบังคับสําหรับการตรวจเรือ สาํ นกั งานขคอณบะังกครับรมหกราือรปกฤรษะฎกกีาศา ตามพระราสชําบนัญกั งญานัตคินณ้ี ะใกหรนรํามกฎารกกรฤะษทฎรกี วางกฎขอบังคับสาํสนําักหงรานับคกณาระกตรรรวมจกเารรือกฤษฎีกา ขอ บังคับหรอื ประกาศทใี่ ชอยเู ดิมมาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๒๕ ใหรัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยกําลัง สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ดาํ เนนิ การเพือ่ เขาเปนภาคีอนุสัญญาระหวางประเทศวาดวยความปลอดภัยแหงชีวิตในทะเล ค.ศ. สาํ นักงาน๑ค๙ณ๖ะ๐กรแรมตกก าฎรกหฤมษาฎยกีวาาดวยการเดนิ สเํารนือกั ใงนานนคา ณนนะกํา้ รไรทมยกยางัรกมฤบี ษทฎบีกัญา ญตั บิ างประสกาํ านรักทงไี่ามนคสณอดะกครลรมอ กงการับกฤษฎีกา อนสุ ัญญาดังกลาว ประกอบกับบทบัญญัติบางมาตราในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักรสาําชนัก๒งา๔น๕ค๖ณะไกมรเรหมมกาาระกสฤมษกฎับีกาสภาพการณปสําจนจกั ุบงาันนคสณมะคกวรรมแกกาไรขกเฤพษ่ิมฎเกี ตาิมกฎหมายวา ดวยการเดินเรือในนานน้ําไทย เพ่ืออนุวัตการใหเปนไปตามอนุสัญญาดังกลาวขางตนและเพ่ือให สาํ นักงานเหคมณาะะกสรมรมกกบั าสรกภฤาษพฎกีกาารณปจจุบนั สจําึงนจกั าํ งเาปนนคตณอะกงรตรรมากพารรกะรฤาษชฎบีกัญา ญัตนิ ี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี าพรพิมล/แกไ ข สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักง๑า๓นคกณ.ะพกรร๒ม๕ก๔าร๔กฤษฎกี า A+B (C) พระราชบัญญสัตาํ ิกนากั รงเาดนินคณเระือกใรนรมนกา านรนกฤ้ําไษทฎยกี า(ฉบบั ท่ี ๑๔)สพําน.ศักง.า๒น๕คณ๓ะ๕ก๑ร๖ร๕มการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๖๑ ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๑๗ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานนํ้า ไทย พระพุทสธาํศนักกั รงาานชค๒ณ๔ะก๕ร๖รมหการรือกผฤษูใดฎีกไดา รับอนุญาตสตําานมักมงาานตครณาะก๑ร๑รม๗กาดรกังฤกษลฎาีกวาแลวปลูกสราง สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษ๑๖ฎ๔กี ราาชกิจจานุเบกษสาํานเลักมงา๙น๙คณ/ตะอกนรทรม่ี ๘ก๘าร/ฉกบฤษบั ฎพีกเิ ศาษ หนา ๑/๒๕สมําถินนุักางยานนค๒ณ๕ะ๒ก๕รรมการกฤษฎกี า ๑๖๕ ราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๐๙/ตอนท่ี ๔๔/หนา ๑๖/๙ เมษายน ๒๕๓๕

- ๘๕ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานอคาคณาะรกหรรรมือกสาิ่งรอก่ืนฤษใดฎีกไมา เปน ไปตามทสําีไ่ นดักร งับานอคนณญุ ะากตรอรมยกกู าอ รนกฤวษันฎทีกพ่ี าระราชบญั ญตัสําินน้ีใักชงบานังคคณับะถกรารไมดกแาจรงกฤษฎกี า ใหเจาทาทราบภายในหกสิบวันนับแตวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใชบังคับและชําระคาตอบแทนตาม กฎกระทรวงซสึ่งาํ นอักองกานตคาณมะมการตรมรกาา๑รก๑ฤ๗ษฎทกี าวิ แหงพระรสาชํานบักัญงาญนคัตณิกะากรรเรดมินกเารรือกฤใษนฎนกี าานนํ้าไทย พระ พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ภายในหกสิบวันนับแตวันที่ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กฎกระทรวงดังกลาวใชบังคับแลวใหพนจากความผิด แตในกรณีท่ีอาคารหรือสิ่งอ่ืนใดดังกลาวมี ลักษณะหรือสสภํานาพกั งเาปนนคอณันะกตรรรามยกตาอรกกฤาษรฎเดีกินา เรือ หรืออาสจําทนําักใงหานทคาณงนะก้ํารเรปมลก่ียานรกแฤปษลฎงกี ไาป หรือเกิดผล กระทบตอ ส่ิงแวดลอ ม เจาทามีอํานาจสั่งใหเจาของหรือผูครอบครองร้ือถอนหรือแกไขอาคารหรือ สาํ นกั งานสคิ่งณอ่ืนะกใรดรนมก้ันาภรกาฤยษใฎนกี ราะยะเวลาที่กสําําหนนกั ดงาไนดคแณละะกใรหรมนกําามรกาฤตษรฎากี ๑า ๑๘ ทวิ แหสงําพนรักะงารนาคชณบะัญกรญรมัตกิกาารรกฤษฎกี า เดนิ เรอื ในนานนาํ้ ไทย พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๖ ซ่ึงแกไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มาใชบังคับ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า โดยอนโุ ลม สํานกั งานคณะกรรมการกฤษคฎา ีกตาอบแทนตามวสรํานรคักงหานนคึ่งณใะหกค ริดรมตกั้งาแรตกฤวษนั ฎทกี พ่ี าระราชบญั ญัตสําินน้ใี ักชงบานงั คคณบั เะปกรนรตมนกาไรปกฤษฎีกา สํานมกั างาตนรคาณ๖ะ๒กรรใมหกรารัฐกมฤนษตฎรกี ีวาาการกระทรวสงํานคักมงนานาคคณมระกักรษรามกกาารรตกฤาษมฎพีกราะราชบญั ญตั นิ ี้ สาํ นกั งานหคมณาะยกเหรรตมุก:า-รกฤษเหฎกีตาุผลในการปรสะํากนากั ศงาในชคพณระะกรรารชมบกัญารญกฤัตษิฉฎบีกับา น้ี คือ เน่ืองสจําานกักใงนาปนคจณจุบะกันรผรมูไดการรับกฤษฎกี า อนุญาตใหปลูกสรางอาคารหรือส่ิงลวงล้ําลํานํ้าไดใชอาคารหรือสิ่งลวงล้ําลําน้ํานั้นประกอบธุรกิจ สมควรแกไขสอําันตกัรงาาโนทคษณใะหกรเรหมมการะกสฤมษฎยีกิ่งาข้ึนและกําหสนําดนใักหงาผนูคไดณระกับรอรมนกุญารากตฤดษัฎงกี าลาวตองชําระ คาตอบแทนเปนรายปตามวิธีการและอัตราท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ประกอบกับขณะนี้ประเทศ สาํ นกั งานไทคยณไะดกพรรฒั มกนาารไกปฤเษปฎน กี ปาระเทศอตุ สาสหํานกักรงรามนมคาณกะขกน้ึรรเปมกนาผรกลฤใษหฎมกี ีกาารนําเคมภี ัณสฑําแนลักะงาสน่ิงคขณอะงกตรารงมกๆารทก่ีฤษฎีกา อาจทําใหเกิดอันตรายขึ้นไดเขามาในประเทศเปนจํานวนมากกวาที่เปนมาในอดีต หากไมมีการ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ควบคุมการนําเขามาโดยทางเรอื ใหเหมาะสมแลว อาจกอใหเกิดอันตรายอยางกวางขวางแกบุคคล สํานักงานสคัตณวะสก่ิงรรขมอกงารแกลฤะษสฎ่ิงีกแาวดลอม สมคสําวนรักแงกานไขคเณพะิ่มกรเตรมิมกบารทกบฤัญษฎญีกัตาิเก่ียวกับอํานสาํ จนขักองางนกครณมะกการรมขกนาสรงกฤษฎีกา ทางน้ําและพาณิชยนาวีในการควบคุมการขนสงสิ่งของท่ีอาจทําใหเกิดอันตรายได และเนื่องจาก อัตราโทษสําหสํารนับกั ผงาูกนรคะณทะํากผริดรมตกาามรกกฤฎษหฎมีกาายวาดวยการสําเดนักินงเารนือคใณนะนกรารนมนก้ําาไรกทฤยษยฎังีกไามเหมาะสมจึง จําเปนตอ งตราพระราชบญั ญตั นิ ี้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรพิมล/แกไข สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒๕ ก.พ ๒๕๔๕ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะAกร+รBมก(าCรก)ฤษฎกี า พระราชบัญญตั ิการเดนิ เรือในนานน้าํ ไทย (ฉบบั ที่ ๑๕) พ.ศ.๒๕๔๐๑๖๖ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากไดมีการประกาศพระ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า บรมราชโองการกําหนดเขตตอเนื่องของราชอาณาจักรไทย สมควรแกไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๖๖ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔/ตอนที่ ๗๒ ก/หนา ๑๘/๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๐

- ๘๖ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานกคาณรเะดกินรรเมรกือาใรนกฤนษาฎนีกนาํ้าไทย พระพสุํทานธกั ศงาักนรคาณชะก๒ร๔รม๕ก๖ารเกพฤ่ืษอฎขีกยาายอํานาจบังสคาํ ับนักกงาารนตคาณมะกรฎรหมกมาารยกฤษฎีกา ดงั กลาวบางประการไปใชใ นบรเิ วณนา นนา้ํ ดังกลาวดว ย จงึ จําเปนตอ งตราพระราชบญั ญัตนิ ้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พรพมิ ล/แกไ ข สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงา๑น๓คณกะ.พกรร๒ม๕ก๔าร๔กฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า A+B (C) สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สุนนั ทา จสํากั นรักกงฤานษคณณ ะกรรมจกดั าทรํากฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๖ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานพครณะระกาชรรกมฤกษาฎรกีกฤาษแฎกกี ไ าขบทบัญญัติใสหํานสกัองดานคคลณอะงกกรับรกมการารโกอฤนษอฎําีกนาาจหนาที่ของสสาํ วนนักรงาานชคกณาระใกหรรเปมกนาไรปกฤษฎกี า ตามพระราชบัญญตั ิปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕๑๖๗ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๑๖ ในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักราช สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒๔๕๖ ใหแกไขคําวา “กรมเจาทา” เปน “กรมการขนสงทางนํ้าและพาณิชยนาวี” และคําวา “อธบิ ดีกรมเจสาาํ ทนา กั ”งาเนปคน ณ“ะอกรธรบิ มดกกีารรกมฤกษาฎรีกขานสงทางนาํ้ แสลําะนพักางณานชิ คยณนะากวร”ี รมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานหคมณายะกเหรรตมุ ก:-ารกเหฤตษฎุผีกลาในการประกาสศํานใชักงพารนะครณาะชกกรฤรษมกฎาีกรกาฉฤษบฎับีกนาี้ คือ โดยทพี่ รสะํานราักชงาบนญั คญณะัตกิปรรรมบั กปารรงุกฤษฎกี า กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดบ ญั ญตั ใิ หจัดต้ังสวนราชการข้ึนใหมโดยมีภารกิจใหม ซึ่งได มีการตราพระสราํ นาชักงกาฤนษคณฎะีกการโรอมนกากริจกกฤษารฎบกี าริหารและอําสนําานจักหงานนาคทณี่ขะอกงรรสมวกนารรกาชฤษกฎารกี ใาหเปนไปตาม พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม น้ันแลว และเน่ืองจากพระราชบัญญัติดังกลาวได สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา บญั ญตั ิใหโ อนอํานาจหนา ท่ขี องสวนราชการ รฐั มนตรผี ูดํารงตาํ แหนง หรือผซู งึ่ ปฏบิ ตั หิ นาทใี่ นสวน ราชการเดิมมสาาํ เนปกั นงาขนอคงณสะวกนรรรมาชกากรากรฤใษหฎมีกาโดยใหมีการสแํานกักไงขาบนทคณบะัญกญรรัตมกิตาารงกฤๆษฎใกีหาสอดคลองกับ อํานาจหนาท่ีที่โอนไปดวย ฉะนั้น เพ่ืออนุวัติใหเปนไปตามหลักการท่ีปรากฏในพระราชบัญญัติ สํานกั งานแคลณะพะกรระรรมากชากรกฤฤษษฎฎีกาดังกลาว จึงสสํานมักคงวานรแคณกไะขกบรรทมบกาัญรกญฤัตษิขฎอกี งากฎหมายใหส ําอนดักคงาลนอคงณกะับกกรรามรกโอารนกฤษฎีกา สวนราชการ เพื่อใหผูเกี่ยวของมีความชัดเจนในการใชกฎหมายโดยไมตองไปคนหาในกฎหมาย สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โอนอํานาจหนาที่วาตามกฎหมายใดไดมีการโอนภารกิจของสวนราชการหรือผูรับผิดชอบตาม สํานกั งานกคฎณหะมการรยมนก้ันารไกปฤเษปฎนกี ขาองหนวยงานสําในดกั หงารนือคผณูใะดกแรรลมวกาโรดกยฤแษฎกีกไขา บทบัญญัติขสอาํ นงักกงฎานหคมณาะยกใรหรมมกีกาารรกฤษฎีกา เปลี่ยนช่ือสวนราชการ รัฐมนตรี ผูดํารงตําแหนงหรือผูซ่ึงปฏิบัติหนาท่ีของสวนราชการใหตรงกับ การโอนอํานาสจําหนนักงาาทน่ี คแณละะกเรพริ่มกผาูแรทกฤนษสฎวกี นาราชการในคสณํานะกั งรารนมคกณาะรกใรหรมตกรางรตกาฤมษภฎีการากิจที่มีการตัด โอนจากสว นราชการเดมิ มาเปนของสวนราชการใหมรวมทั้งตัดสวนราชการเดิมท่ีมีการยุบเลิกแลว สาํ นกั งานซคึ่งเณปะนกรกรามรกแากรกไขฤษใหฎตีการงตามพระรสาําชนบักัญงาญนคัตณิแะลกะรพรมรกะารรากชฤกษฤฎษีกฎา ีกาดังกลาวจสึงํานจํักาเงปานนคตณอะงกตรรรมากพารระกฤษฎกี า ราชกฤษฎกี า นี้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๖๗ราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๑๙/ตอนท่ี ๑๐๒ ก/หนา ๖๖/๘ ตลุ าคม ๒๕๔๕

- ๘๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา วชิระ/ปรับปรุง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการ๑กฤพษฤฎศกี จากิ ายน ๒๕๔๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัตกิ ารเดนิ เรอื นในนา นน้าํ ไทย (ฉบบั ท่ี ๑๖) พ.ศ. ๒๕๕๐๑๖๘ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่พระราชบัญญัติการ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ มีบทบัญญัติบางประการไมเหมาะสมกับ สภาวการณในสปํานจกั จงุบานันคอณีกะทก้ังรมรมีผกูปารกะฤกษอฎบีกกาารและประชสาําชนนกั บงาุกนรคุกณแะมกนรร้ํามลกาํ รคกลฤอษงฎกีทาะเลสาบ ทะเล ภายใน และทะเลอาณาเขตเพิ่มมากย่ิงข้ึนอันเปนเหตุใหเกิดอันตรายทางน้ํา หรือทําใหทางนํ้า สํานักงานไดคณรับะกครวรามมกาเรสกียฤหษาฎยกี จานไมสามารสถําสนัญกั งจารนไคปณมะกาไรรดมตกาามรกปฤกษตฎิกี หา รือเปลี่ยนแสปําลนงักuงา3น6ค5ณ2ะก.รปรจมกนาสรงกฤษฎีกา ผลกระทบตอการเดนิ เรือ ดังน้นั เพอ่ื ใหม ีการกาํ หนดเขตควบคุมการเดินเรือ และใหอํานาจเจาทา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการกําหนดเขตหามจอดเรือหรือแพ รวมทั้งใหกรมการขนสงทางนํ้าและพาณิชยนาวีมีอํานาจ สาํ นักงานปคกณหะลกรักรเมขกตารคกฤวษบฎคกี ุมา ทางนํ้าที่ชัดสําเนจักนงาแนลคะณเะปกนรรไมปกาอรยกฤาษงมฎีกีปาระสิทธิภาพสําจนึงักงจาํานเคปณนะกตรอรมงกตารรากฤษฎีกา พระราชบัญญตั นิ ้ี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษ๑๖ฎ๘ีกราาชกิจจานุเบกษสาํานเลกั มงา๑น๒คณ๔/ะตกอรรนมทก่ี ๖าร๑กฤกษ/หฎนกี าา ๑/๒๗ กันยาสยาํนน๒ักง๕า๕น๐คณะกรรมการกฤษฎีกา

Àπâ“ 6 ‡≈à¡ ÒÚÒ µÕπæ‘‡»… Òˆ ß √“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“ ÒÛ °ÿ¡¿“æ—π∏å ÚıÙ˜ √–‡∫’¬∫°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ «“à ¥«â ¬«∏‘ ’°“√‡°¬’Ë «°—∫°“√¢¥ÿ ≈Õ°·À≈ßà π”È  “∏“√≥ª√–‚¬™π∑å µ’Ë Èπ◊ ‡¢π‘ æ.». ÚıÙ˜ ‚¥¬∑‡’Ë ªπì °“√ ¡§«√ª√∫— ª√ßÿ «∏‘ °’ “√‡°¬’Ë «°∫— °“√¢¥ÿ ≈Õ°·À≈ßà πÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå ∑Ë’µÈ◊π‡¢‘πµ“¡√–‡∫’¬∫°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ «à“¥â«¬À≈—°‡°≥±å·≈–«‘∏’°“√‡°Ë’¬«°—∫ °“√Õπÿ≠“µ„À¥â ”‡π‘π°“√¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™π∑å µË’ È◊π‡¢‘π æ.». ÚıÛˆ „Àâ “¡“√∂√Õß√—∫°“√·°â‰¢À√◊Õ∫√√‡∑“§«“¡‡¥◊Õ¥√âÕπ¢Õß√“…Æ√∑Ë’‡°‘¥®“°¿—¬·≈âß ·≈–πÈ”∑à«¡‰¥âÕ¬“à ß√«¥‡√«Á ¡’ª√– ∑‘ ∏‘¿“æ ·≈–∑—π‡Àµÿ°“√≥å Õ“»—¬Õ”π“®µ“¡§«“¡„π¡“µ√“ Ú ·Ààßæ√–√“™∫—≠≠—µ‘√–‡∫’¬∫∫√‘À“√ √“™°“√·ºàπ¥‘π æ.». ÚıÛÙ ´Ëß÷ ·°‰â ¢‡æË‘¡‡µ¡‘ ‚¥¬æ√–√“™∫≠— ≠µ— ‘√–‡∫’¬∫∫√‘À“√ √“™°“√·ºàπ¥‘π (©∫—∫∑’Ë ı) æ.». ÚıÙı √—∞¡πµ√’«à“°“√°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ ®÷ßÕÕ°√–‡∫¬’ ∫‰«â ¥—ßµÕà ‰ªπÈ’ ¢Õâ Ò √–‡∫¬’ ∫π‡’È √¬’ °«“à ç√–‡∫¬’ ∫°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ «“à ¥«â ¬«∏‘ °’ “√‡°¬Ë’ «°∫— °“√¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå∑’˵È◊π‡¢π‘ æ.». ÚıÙ˜é ¢Õâ Ú √–‡∫¬’ ∫π„’È À„â ™∫â ß— §∫— µßÈ— ·µ«à π— ∂¥— ®“°«π— ª√–°“»„π√“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“ ‡ªπì µπâ ‰ª ¢Õâ Û „À⬰‡≈‘°√–‡∫’¬∫°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ «à“¥â«¬À≈—°‡°≥±å·≈–«‘∏’°“√ ‡°Ë’¬«°—∫°“√Õπÿ≠“µ„À⥔‡π‘π°“√¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå∑Ë’µÈ◊π‡¢‘π æ.». ÚıÛˆ

Àπ“â 7 ‡≈à¡ ÒÚÒ µÕπæ‘‡»… Òˆ ß √“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“ ÒÛ °ÿ¡¿“æ—π∏å ÚıÙ˜ ∫√√¥“√–‡∫¬’ ∫ ¢Õâ ∫—ß§∫— ·≈–§” Ë—ßÕπË◊ „¥ „π à«π∑°Ë’ ”À𥉫â·≈«â „π√–‡∫’¬∫π’È À√Õ◊ ´Ë÷ߢ—¥À√Õ◊ ·¬ßâ °—∫√–‡∫’¬∫πÈ’ „À„â ™â√–‡∫¬’ ∫πÈ·’ ∑π ¢Õâ Ù „π√–‡∫¬’ ∫π’È ç·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πåé À¡“¬§«“¡«à“ ≈”√“ß À«â ¬ ÀπÕß §≈Õß ∫ß÷ ∫“ß·≈–·À≈ßà πÈ”ÕπË◊ Ê ∑¡’Ë ≈’ °— …≥–§≈“â ¬§≈ß÷ °π— ·µ‰à ¡√à «¡∂ß÷ π“à ππ”È µ“¡æ√–√“™∫≠— ≠µ— ‘ °“√‡¥‘π‡√◊Õ„ππ“à ππ”È ‰∑¬ æ√–æÿ∑∏»—°√“™ ÚÙıˆ ç°“√¢¥ÿ ≈Õ°é À¡“¬§«“¡«“à °“√¢ÿ¥ ¥Ÿ¥ µ°— À√◊Õ°“√°√–∑”ª√–°“√ÕË◊π„¥ ∑Ë’‡ªπì °“√π”°√«¥ Àπ‘ ¥π‘ ∑√“¬ ∑’∑Ë —∫∂¡Õ¬à„Ÿ µâ·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™π∑å ’ËµπÈ◊ ‡¢‘π ¢÷Èπ¡“∫πæ◊Èπ¥‘π çπ“¬Õ”‡¿Õé „ÀÀâ ¡“¬§«“¡√«¡∂ß÷ ª≈¥— Õ”‡¿Õº‡âŸ ªπì À«— Àπ“â ª√–®”°ß‘Ë Õ”‡¿Õ ºÕŸâ ”𫬰“√‡¢µ ”À√—∫„π‡¢µ°√ßÿ ‡∑æ¡À“π§√ ·≈–ª≈—¥‡¡◊Õßæ∑— ¬“¥â«¬ çÕß§å°√ª°§√Õß à«π∑âÕß∂‘Ëπé À¡“¬§«“¡«à“ Õß§å°“√∫√‘À“√ à«π®—ßÀ«—¥ ‡∑»∫“≈ Õß§å°“√∫√‘À“√ à«πµ”∫≈ °√ÿ߇∑æ¡À“π§√ ‡¡◊Õßæ—∑¬“ ·≈–Õß§å°√ ª°§√Õß «à π∑Õâ ß∂π‘Ë Õπ◊Ë ∑Ë¡’ ’°ÆÀ¡“¬®—¥µÈ—ß ¢Õâ ı ‡¡Õ◊Ë π“¬Õ”‡¿ÕÀ√Õ◊ Õß§°å √ª°§√Õß «à π∑Õâ ß∂π‘Ë ·≈«â ·µ°à √≥æ’ ®‘ “√≥“ ‡ÀπÁ «“à ·À≈ßà π”È  “∏“√≥ª√–‚¬™π„å π∑Õâ ß∑„’Ë ¥µπ◊È ‡¢π‘  ¡§«√∑”°“√¢¥ÿ ≈Õ° „Àπâ “¬Õ”‡¿Õ À√Õ◊ Õß§å°√ª°§√Õß à«π∑Õâ ß∂‘Ëπ¥ß— °≈“à «∑”°“√ ”√«®¢Õ∫‡¢µ ª°í ·π«‡¢µ·À≈àßπ”È π—Èπ„Àâ™—¥‡®π æ√âÕ¡∑—ÈßÕÕ°·∫∫°“√¢ÿ¥≈Õ° °”Àπ¥À≈—°‡°≥±å «‘∏’°“√·≈– √–¬–‡«≈“„π°“√¢ÿ¥≈Õ°„Àâ·≈⫇ √Á® ·≈–‡ πÕ‡ªìπ‚§√ß°“√‡æ◊ËÕ¢Õ§«“¡‡ÀÁπ™Õ∫ ®“°ºâŸ«à“√“™°“√®—ßÀ«—¥ ·≈â«®÷ߪ√–°“»À“ºâŸª√– ß§å∑’Ë®–∑”°“√¢ÿ¥≈Õ°¡’°”Àπ¥ ‰¡àπâÕ¬°«à“ ∫‘ À“â «π— π∫— ·µ«à —πª√–°“»

Àπâ“ 8 ‡≈à¡ ÒÚÒ µÕπæ‘‡»… Òˆ ß √“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“ ÒÛ °ÿ¡¿“æ—π∏å ÚıÙ˜ „π°√≥’∑’Ë·À≈àßπÈ”π—Èπ¡’Àπ—ß ◊Õ ”§—≠ ”À√—∫∑Ë’À≈«ß „Àâ¬÷¥∂◊Õ·π«‡¢µµ“¡ À≈°— ∞“πÀπß—  Õ◊  ”§—≠ ”À√—∫∑Ë’À≈«ßππ—È ¢Õâ ˆ °√≥’∑Ë’∑“ß√“™°“√æ‘®“√≥“·≈⫇ÀÁπ ¡§«√∑Ë’®–®—¥®â“ß„Àâ‡Õ°™π ∑”°“√¢ÿ¥≈Õ°µ“¡√–‡∫’¬∫ ”π—°π“¬°√—∞¡πµ√’«à“¥â«¬°“√æ— ¥ÿ À√◊Õ√–‡∫’¬∫ °√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬ «à“¥â«¬°“√æ— ¥ÿ¢ÕßÀπ૬°“√∫√‘À“√√“™°“√ à«π∑âÕß∂‘Ëπ·≈– π“¬Õ”‡¿Õ À√Õ◊ Õß§°å √ª°§√Õß «à π∑âÕß∂‘Ëπª√– ß§å®–π”°√«¥ Àπ‘ ¥‘π ∑√“¬ ∑’‰Ë ¥â ®“°°“√¢ÿ¥≈Õ°‰ª‡ªìπª√–‚¬™πå¢Õß∑“ß√“™°“√À√◊Õ§à“®â“߇հ™π „Àâπ“¬Õ”‡¿Õ À√Õ◊ Õß§å°√ª°§√Õß à«π∑Õâ ß∂Ë‘π‡ πÕ¢Õ§«“¡‡ÀÁπ™Õ∫®“°ºâ«Ÿ “à √“™°“√®ß— À«¥— „π°√≥’π“¬Õ”‡¿ÕÀ√◊ÕÕß§å°√ª°§√Õß à«π∑âÕß∂‘Ëπª√– ß§å®–π”°√«¥ À‘π ¥π‘ ∑√“¬ ∑’ˉ¥®â “°°“√¢¥ÿ ≈Õ°‰ª‡ªπì §“à ®“â ߇հ™π „Àâµ√’ “§“°√«¥ À‘𠥑π ∑√“¬ ∑’ˉ¥â®“°°“√¢¥ÿ ≈Õ°µ“¡√“§“§“à µÕ∫·∑π„π°“√Õπÿ≠“µµ“¡¡“µ√“ ˘ ∑«‘ „π∫≠— ™’ §à“µÕ∫·∑π∑⓬ª√–¡«≈°ÆÀ¡“¬∑’Ë¥‘π‚¥¬Õπÿ‚≈¡·≈â«„ÀâÀ—°°≈∫®“°§à“®â“ß ·≈–∂â“¡’√“§“‡°‘π°«à“§â“®â“ß ‡Õ°™πºâŸ√—∫®â“ßµâÕß®à“¬‡ß‘π§à“°√«¥ À‘𠥑π ∑√“¬  «à π∑‡Ë’ °π‘ ¥ß— °≈à“«§◊π„Àâ∑“ß√“™°“√ ·≈–„Àâ‡ß‘πππ—È µ°‡ªπì √“¬‰¥â¢ÕßÕß§°å √ª°§√Õß  «à π∑âÕß∂π‘Ë ππ—È „π°√≥’∑’˪√“°Ø«à“∑√—æ¬å ‘π∑’ˉ¥â®“°°“√¢ÿ¥≈Õ°‡ªìπ·√à ∑√—欓°√‰¡â À√◊Õ «—µ∂ÿ‚∫√“≥ „À⥔‡π‘π°“√µ“¡°ÆÀ¡“¬«à“¥«â ¬°“√π—πÈ ¢Õâ ˜ „π°√≥’∑’Ë à«π√“™°“√À√◊ÕÀπ૬ߓπ¢Õß√—∞ÕË◊π‡ÀÁπ ¡§«√®–∑”°“√ ¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå „Àâπ”§«“¡„π¢âÕ ı ·≈–¢âÕ ˆ ¡“„™â∫—ß§—∫ ‚¥¬Õπÿ‚≈¡

Àπ“â 9 ‡≈à¡ ÒÚÒ µÕπæ‡‘ »… Òˆ ß √“™°®‘ ®“π‡ÿ ∫°…“ ÒÛ °ÿ¡¿“æ—π∏å ÚıÙ˜ ¢Õâ ¯ „π°√≥∑’ ¡Ë’ §’ «“¡®”‡ªπì ‡√ßà ¥«à π ‡æÕË◊ ªÕÑ ß°π— ·≈–∫√√‡∑“¿¬— æ∫‘ µ— Õ‘ π— ‡°¥‘ ®“°Õÿ∑°¿—¬À√◊Õ¿—¬·≈âß ·≈–®”‡ªìπµâÕß∑”°“√¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå ∑µË’ π◊È ‡¢π‘ „Àπâ “¬Õ”‡¿ÕÀ√Õ◊ Õß§°å √ª°§√Õß «à π∑Õâ ß∂πË‘ ¡Õ’ ”𓮥”‡ππ‘ °“√„À‡â Õ°™π ∑”°“√¢ÿ¥≈Õ°·À≈àßπ”È ¥—ß°≈à“«‰ªæ≈“ß°àÕπ ·≈⫇ πÕ‡√Ë◊Õß„À⺟â«à“√“™°“√®—ßÀ«—¥ ‡æËÕ◊ ∑√“∫¿“¬„π Òı «—π π∫— ·µà«π— ∑«’Ë à“®“â ß ¢Õâ ˘ „π°“√¢¥ÿ ≈Õ°·À≈ßà πÈ” “∏“√≥ª√–‚¬™πå º«âŸ “à √“™°“√®ß— À«¥— ®–°”Àπ¥ ‡ßË◊Õπ‰¢„ÀâºâŸ¥”‡π‘π°“√¢ÿ¥≈Õ°ªØ‘∫—µ‘‡æË◊Õ‰¡à„À⇰‘¥§«“¡‡¥◊Õ¥√âÕπ‡ ’¬À“¬·°à√“…Æ√ √«¡∑—Èß°”Àπ¥‡ßË◊Õπ‰¢ÕË◊π„ÀâºâŸ¥”‡π‘π°“√¢ÿ¥≈Õ°µâÕߪؑ∫—µ‘·≈–√—∫º‘¥™Õ∫„π§«“¡ ‡ ’¬À“¬∑Ë’Õ“®‡°¥‘ ¢È÷π®“°°“√¥”‡ππ‘ °“√°‰Á ¥â ‡ß◊ÕË π‰¢„π°“√¢ÿ¥≈Õ° „À⇪πì ‰ªµ“¡¢âÕ°”Àπ¥∑⓬√–‡∫¬’ ∫πÈ’ ¢âÕ Ò „Àâπ“¬Õ”‡¿ÕÀ√◊ÕÕß§å°√ª°§√Õß à«π∑âÕß∂Ë‘π‡ªìπºŸâ√—∫º‘¥™Õ∫ „π°“√µ√«® Õ∫·≈–§«∫§ÿ¡°“√¢¥ÿ ≈Õ°„À⇪ìπ‰ª‚¥¬∂°Ÿ µâÕßµ“¡‡ß◊ËÕπ‰¢ ¢Õâ ÒÒ „Àâª≈—¥°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬√—°…“°“√µ“¡√–‡∫’¬∫π’È ·≈–¡’Õ”π“® «‘π®‘ ©¬— ª≠í À“‡°’ˬ«°∫— °“√ªØ‘∫µ— µ‘ “¡√–‡∫’¬∫π’È ª√–°“» ≥ «π— ∑Ë’ ÒÚ ¡°√“§¡ æ.». ÚıÙ˜ «—π¡ŸÀ–¡—¥πÕ√å ¡–∑“ √—∞¡πµ√’«à“°“√°√–∑√«ß¡À“¥‰∑¬



ระเบียบกระทรวงการคลัง วาดวยการปกครอง ดูแล บํารงุ รักษา และการใชท ร่ี าชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ------------------- โดยที่เปนการสมควรปรับปรงุ แกไขระเบียบกระทรวงการคลงั วา ดวยการตรวจสอบหนังสือ สาํ คัญ สาํ หรับทรี่ าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๒๓ และระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดวยการสํารวจทีร่ าชพสั ดุ การขอออกหนงั สือสาํ คัญสาํ หรับทีด่ ิน การรงั วดั ที่ดนิ และการระวงั ชี้แนวเขตทดี่ ินตามประมวล กฎหมายทีด่ ิน และการแกไขเพิม่ เติมทะเบยี นท่ีราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ ใหสอดคลอ งกับกฎกระทรวง วา ดว ยหลกั เกณฑและวธิ ีการปกครอง ดูแล บาํ รงุ รักษา ใช และจดั หาประโยชนเก่ียวกับทรี่ าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ และนโยบายของรัฐในการปอ งกันและแกไ ขปญหาการบุกรุกอกี ทง้ั เพื่อใหการปฏบิ ตั ิ เปนไปในแนวทางเดยี วกนั อาศยั อํานาจตาม ความในขอ ๔, ๗, ๘, ๑๐, และขอ ๒๒ แหงกฎกระทรวงวาดวย หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารปกครอง ดแู ล บํารุงรักษา ใช และจดั หาประโยชนเ กี่ยวกับทรี่ าชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ ออกตามความในพระราชบัญญตั ทิ ี่ราชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ กระทรวงการคลงั จงึ กาํ หนด ระเบียบไวด งั นี้ ขอ ๑. ระเบยี บนเ้ี รยี กวา “ระเบยี บกระทรวงการคลงั วาดวยการปกครอง ดูแล บาํ รุงรกั ษา และการใชท่ีราชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ” ขอ ๒. ระเบียบน้ีใหใชบังคบั ตง้ั แตวันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปนตนไป ขอ ๓. ใหย กเลกิ (๑) ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดวยการตรวจสอบหนังสือสําคญั สาํ หรบั ท่รี าช พสั ดุ พ.ศ. ๒๕๒๓ (๒) ระเบยี บกระทรวงการคลังวาดวยการสาํ รวจท่รี าชพัสดุ การขอออกหนังสือ สาํ คญั สาํ หรบั ท่ดี นิ การรังวัดทดี่ นิ และการระวงั ชี้แนวเขตทด่ี ินตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน และการ แกไ ขเพิ่มเติมทะเบยี นท่ีราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ บรรดาระเบยี บ ขอ บังคับ หรอื คําสั่งอนื่ ใดที่กาํ หนดไวแ ลว ในระเบียบน้ี หรอื ซ่ึง ขดั หรอื แยงกับระเบยี บน้ี ใหใชระเบียบนแี้ ทน ขอ ๔. กรณีทมี่ ีปญหาหรือไมอ าจปฏิบตั ติ ามระเบยี บน้ี หรือกรณที ี่ไมก ําหนดไวในระเบยี บ น้ใี หก ระทรวงการคลงั วนิ ิจฉยั ชี้ขาด หรอื พิจารณาสงั่ การ เวน แตก รณีทีร่ าชพสั ดุท่ีเปนปญหาในการ ปกครอง ดูแล บํารงุ รักษา และใช มีราคาที่ดินรวมกับมลู คาอาคารหรอื สิ่งปลูกสรา ง(ถา ม)ี ซง่ึ กําหนด ตามระเบยี บนไี้ มเ กินหา รอ ยลานบาท ใหอ ธิบดีกรมธนารักษเปนผูวินิจฉัยชีข้ าด หรือพิจารณาส่งั การ ขอ ๕. ใหอ ธิบดีกรมธนารักษเปนผูร ักษาการตามระเบยี บน้ี

๒ หมวด ๑ ขอ ความทัว่ ไป ------------------- ขอ ๖. ในระเบยี บนี้ (๑) “ผูใ ชท ่รี าชพสั ด”ุ หมายถงึ กระทรวง ทบวง กรม องคกรปกครองสว น ทอ งถิน่ หนว ยงานของรฐั หรอื องคกรอื่นของรฐั ท่ีเปน ผูป กครอง ดแู ลหรอื ใชป ระโยชนใ นที่ราชพสั ดุ และใหห มายความรวมถงึ รัฐวิสาหกจิ ท่เี ปนนติ บิ ุคคลท่มี สี ิทธใิ ชทร่ี าชพัสดตุ ามกฎหมาย (๒) “อธบิ ด”ี หมายถึง อธิบดกี รมธนารกั ษแ ละใหร วมถึงบุคคลที่อธบิ ดีกรมธนา รกั ษม อบหมายดว ย (๓) “ธนารกั ษพน้ื ท”ี่ หมายถึง ธนารกั ษพ้ืนทใ่ี นจังหวัดซ่งึ ท่รี าชพสั ดตุ ้ังอยู (๔) “ราคาทดี่ ิน” หมายถงึ ราคาทด่ี ินตามบญั ชกี ําหนดราคาประเมินทุนทรพั ย เพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมตามกฎหมายท่ีดนิ ในกรณที ดี่ ินราชพสั ดุแปลงใดไมมีราคาประเมินทนุ ทรพั ยต ามวรรคแรก ให เทียบเคียงกบั ราคาประเมินทุนทรพั ยของที่ดนิ แปลงบริเวณใกลเคียงทมี่ ีทาํ เลท่ีต้งั คลา ยกันเปน ราคาที่ดนิ (๕) “มูลคาอาคารหรอื สิ่งปลูกสรา ง” หมายถงึ มลู คาอาคารหรอื ส่งิ ปลูกสรางท่ี เปน ท่รี าชพสั ดซุ งึ่ คาํ นวณตามหลกั เกณฑแ ละวธิ ีการท่ีกาํ หนดข้ึนโดยคาํ สง่ั กรมธนารกั ษ (๖) “การสาํ รวจ” หมายถึง การหาความสัมพนั ธข องจุดตา ง ๆ ทีม่ อี ยูบนและใต ผวิ โลกโดยวธิ กี ารรังวดั ทางตรงและทางออม การวัดทิศทาง การวัดตางระดบั และใหหมายความ รวมถึงการรังวดั ใหไดอ าณาเขต การรังวัดทําแผนทีแ่ สดงทต่ี ้ัง การรังวัดทําแผนที่รายละเอียด และการ คาํ นวณการรงั วัดดว ย (๗) “หนงั สอื สาํ คัญสาํ หรับท่ีดิน” หมายถึง หนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดนิ และ หนงั สือสําคัญสาํ หรบั ท่ีหลวงตามประมวลกฎหมายทดี่ ิน (๘) “หนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน” หมายถงึ หนังสือแสดงกรรมสทิ ธในท่ดี ินและ ใหห มายความรวมถึงหนงั สอื แสดงสทิ ธิครอบครองที่ดนิ ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน (๙) “หนงั สอื สําคัญสาํ หรบั ท่ีหลวง” หมายถึง หนงั สอื แสดงเขตของทด่ี นิ อันเปน สาธารณสมบัติของแผนดิน ประเภทใชเพื่อประโยชนของแผน ดินโดยเฉพาะ (๑๐) “การรงั วัด” หมายถงึ การรงั วัดปก เขตและทําเขต จดหรือคํานวณการรงั วัด เพือ่ ใหท ราบท่ีต้ังแนวเขตของท่ดี ิน หรือทราบทตี่ งั้ และเน้ือท่ขี องที่ดิน (๑๑) “การทําแผนท”่ี หมายถงึ กรรมวิธใี ด ๆ ในการจาํ ลองลักษณะภมู ิประเทศ ตามมาตราสวนลงบนแผน พื้นทรี่ าบ โดยอาศยั ขอมูลจากรูปถาย ภาพถายภมู ปิ ระเทศ คาพิกดั หมุด หลกั ฐาน และการคํานวณทงั้ ในทางราบและทางดง่ิ

๓ (๑๒) “แผนที่ช้นั หนึง่ ” หมายถงึ แผนทซ่ี ่ึงดาํ เนินการจัดทาํ โดยใชกลอ งธโี อ โดไลททาํ การรังวัดโยงยดึ หลกั เขตจากหมุดหลกั ฐานโครงงานแผนท่ที รี่ าบตําแหนง คาพิกัดภูมิศาสตร หรอื คา พิกดั ท่ีนบั เนอื่ งจากศนู ยกาํ เนดิ และคํานวณเนอ้ื ทโี่ ดยวธิ ีคณติ ศาสตรจ ากคา พิกัดฉากของแตล ะมุม เขต หรือดาํ เนินการจัดทาํ โดยเทคโนโลยีอยางอนื่ ทไี่ ดผ ลลัพธเ ทาเทียมกันหรอื ดีกวา ทง้ั น้ี เปน แผนที่ ท่ีดาํ เนนิ การจดั ทาํ โดยกรมที่ดินหรือกรมธนารักษซ ึ่งไดม ีการรับรองความถูกตอ งแลว (๑๓) “แผนทช่ี ั้นสอง” หมายถงึ แผนที่ซงึ่ ดําเนินการโดยใชแ ผนที่ระวางเปน หลกั โดยวธิ วี ัดระยะเปนมุมฉากหรอื วดั ระยะสกัดเปนรปู สามเหลี่ยมจากเสนหมดุ หลกั ฐานโครงงาน แผนทีห่ รือโดยใชรปู ถา ยทางอากาศหรอื การรังวดั ดว ยโซหรอื เทปและคํานวนเนอื้ ท่ีโดยวธิ คี ณติ ศาสตร หรอื โดยมาตราสว นหรือโดยใชกลองธีโอโดไลทวางหมุดหลักฐานแผนทบ่ี รรจบตัวเอง (รูปลอย) ท้งั น้ี เปนแผนท่ที ีด่ ําเนนิ การจัดทาํ โดยกรมที่ดนิ หรือกรมธนารักษซ ึ่งไดม ีการรบั รองความถกู ตอ งแลว (๑๔) “อาณาเขตทด่ี ิน” หมายถึง แนวเขตตดิ ตอทด่ี ินขา งเคียง และให หมายความถึงระยะรอบแปลงแตละดา นดวย (๑๕) “ทะเบียนทร่ี าชพสั ด”ุ หมายถงึ ทะเบยี นท่รี าชพัสดกุ ลางหรอื ทะเบียนทีร่ าช พัสดจุ งั หวดั ทีจ่ ัดทาํ โดยแสดงรหัส หมายเลขลําดบั ท่ขี องการรบั ขนึ้ ทะเบยี น รายละเอียดเกยี่ วกบั เน้ือท่ี การไดม า หลักฐานหนงั สอื แสดงสทิ ธิ อาณาเขต และแผนทแี่ สดงที่ต้งั และอาณาเขตของทรี่ าชพัสดุ (๑๖) “การขน้ึ ทะเบยี นทีร่ าชพสั ด”ุ หมายถงึ การรบั รายการทดี่ ินหรอื สงิ่ ปลูก สรา งมาลงทะเบยี นทีร่ าชพัสดุโดยใหรหสั และหมายเลขสาํ หรับทด่ี นิ และสงิ่ ปลูกสรา งนนั้ โดยผูมี อาํ นาจจัดทําทะเบยี นทรี่ าชพสั ดุลงนามรบั รองเปน หลักฐาน (๑๗) “การแกไ ขเพิม่ เติมทะเบยี นทร่ี าชพัสด”ุ หมายถึง การแกไข เพิม่ เติมรายการ ในทะเบียนท่ีราชพสั ดใุ หถกู ตองและเปนปจจุบนั โดยจดแจง เหตุแหง การแกไ ข เพมิ่ เติมไวในทะเบยี น ท่ีราชพสั ดุและผูมีอาํ นาจจัดทําทะเบยี นทร่ี าชพสั ดุลงนามรับรองเปนหลักฐาน (๑๘) “การเพิกถอนทะเบียนทรี่ าชพัสด”ุ หมายถงึ การยกเลิกรายการทดี่ ินและ หรือสิง่ ปลูกสรางทมี่ ิใชท ่รี าชพัสดอุ อกจากทะเบียนที่ราชพัสดุ โดยจดแจงเหตแุ หงการเพิกถอนไวใ น ทะเบียนท่ีราชพัสดุและผมู อี าํ นาจจดั ทําทะเบยี นท่ีราชพสั ดุลงนามรบั รองเปนหลักฐาน (๑๙) “การจําหนายทะเบยี นทรี่ าชพัสด”ุ หมายถงึ การแกไ ขท่มี ผี ลเปนการ จาํ หนา ยการนาํ รายการที่ดินและหรอื สง่ิ ปลกู สรา งซึ่งเปนท่รี าชพัสดอุ อกจากทะเบียนทรี่ าชพสั ดุ โดยจด แจงเหตุแหงการจําหนา ยไวในทะเบียนท่ีราชพสั ดแุ ละผูมีอํานาจจัดทําทะเบยี นท่ีราชพัสดุลงนามรับรอง เปน หลกั ฐาน

๔ หมวด ๒ การรงั วัด การพสิ จู นสอบสวนการทําประโยชน และการตรวจสอบเนื้อท่ี ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ------------------- ขอ ๗ การสาํ รวจท่ีดินซง่ึ เปน ที่ราชพัสดุเพ่ือการรังวัด การพสิ จู นสอบสวนการทาํ ประโยชน หรือการตรวจสอบเน้ือที่ตามประมวลกฏหมายที่ดนิ ในกรงุ เทพมหานครหรือในจงั หวดั อ่ืน เพื่อใหท ราบอาณาเขตที่ต้งั จํานวนเนื้อท่ขี องทดี่ ิน ใหกรมธนารกั ษหรือสาํ นกั งานธนารักษพื้นที่ แลวแตก รณีทาํ การตรวจสอบทะเบียนที่ราชพสั ดแุ ละหลักฐานเกีย่ วกับท่ดี ินกอ นดาํ เนนิ การสาํ รวจ ดังนี้ (๑) ท่ีดนิ ซงึ่ เปนท่รี าชพสั ดทุ ี่มีหลกั ฐานเปน แผนที่ชัน้ หน่งึ หรอื แผนทชี่ ้ันสองให ตรวจสอบระวางแผนท่ี แผนที่ตนรา ง รายการรงั วัด รายการคํานวณ (๒) ที่ดินทีไ่ มมหี ลักฐานเปน แผนท่ีช้นั หน่งึ หรอื แผนทีช่ ้นั สอง ใหต รวจสอบ ระวางแผนท่ี แผนทีต่ นราง รายการรังวดั หรือระวาง น.ส.๓ ก. ของทด่ี ินขา งเคียงจากสาํ นกั งานที่ดิน และหลักฐานการไดมาอ่นื ๆ จากกรมธนารักษห รือสาํ นักงานธนารกั ษพ ้นื ทีห่ รือสว นราชการท่เี กย่ี วของ ขอ ๘ เม่อื ดําเนินการสํารวจที่ราชพสั ดตุ ามขอ ๗ แลว ใหด ําเนินการดงั น้ี (๑) กรณอี าณาเขตที่ดินไมเปลยี่ นแปลง โดยมเี นื้อทีม่ ากขึ้นหรอื เทา เดมิ ให ดําเนนิ การตอ ไปได (๒) กรณีอาณาเขตที่ดนิ เปล่ียนแปลงและทําใหเนอื้ ท่มี ากขึ้นหรอื เทาเดมิ (๒.๑) ในกรุงเทพมหานคร ใหอธบิ ดีเปนผพู จิ ารณาใหความเหน็ ชอบใน การใชอาณาเขตหรอื เน้อื ที่ท่ดี ินตามผลการสาํ รวจไปดาํ เนินการตอไปได (๒.๒) ในจังหวัดอน่ื ใหธ นารกั ษพ ื้นทเ่ี ปน ผูพิจารณาใหความเหน็ ชอบ ในการใชอ าณาเขตหรอื เนื้อท่ีทด่ี นิ ตามผลสํารวจไปดําเนนิ การตอ ไปได (๓) กรณีอาณาเขตท่ดี ินไมเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงไปโดยทาํ ใหเน้อื ที่ ท่ดี ินนอยกวาเดมิ ใหด าํ เนนิ การดงั น้ี (๓.๑) ในกรณที ม่ี หี ลักฐานหนงั สอื แสดงกรรมสิทธิ์ในทด่ี ิน หรอื หนังสือสาํ คญั สําหรบั ทหี่ ลวง ถาไดเ น้อื ทน่ี อยกวา ใหย ืน่ คําขอรังวดั สอบเขตตอสํานักงานท่ีดิน หากผล การรังวัดสอบเขตไดเ นื้อที่นอยกวาหลกั ฐานดังกลา ว ในกรุงเทพมหานครใหก รมธนารักษ ในจังหวัด อื่นใหธนารักษพ ื้นท่ีแตงตง้ั คณะกรรมการตามทเ่ี ห็นสมควรพจิ ารณาเสนออธบิ ดีเพ่ือพจิ ารณาใหค วาม เหน็ ชอบในการดาํ เนินการ และดําเนินการขอจดทะเบียน ณ สาํ นักงานท่ีดนิ เพอ่ื แกไ ขรูปแผนท่ีและ เนอื้ ท่ใี นหลกั ฐานดงั กลา วตามประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งแกไ ขเพ่มิ เติมทะเบียนที่ราชพัสดุให ถูกตอ งตรงกัน (๓.๒) ในกรณีทไ่ี มมีหลกั ฐานหนงั สอื แสดงกรรมสิทธใิ์ นท่ีดนิ หรอื หนงั สือสาํ คญั สาํ หรบั ทีห่ ลวง ถาไดเ นอ้ื ทน่ี อยกวา รายการในทะเบยี นที่ราชพัสดุ หรอื หลกั ฐานอ่นื ๆ

๕ ในกรุงเทพมหานครใหผ อู าํ นวยการสาํ นักบรหิ ารที่ราชพัสดุกรงุ เทพมหานคร ในจังหวดั อน่ื ใหธ นารกั ษ พืน้ ทพ่ี ิจารณานําเสนออธิบดเี พ่ือพจิ ารณาใหความเหน็ ชอบในการดาํ เนินการกอ นแกไขเพม่ิ เตมิ ทะเบยี น ที่ราชพสั ดใุ หถกู ตอ งตรงกัน ขอ ๙ การขอออกโฉนดท่ีดนิ หรือหนังสอื สําคัญสาํ หรบั ทีห่ ลวง ในกรุงเทพมหานครหรอื ในจงั หวดั อ่ืน ซง่ึ กระทรวงการคลังมไิ ดมอบอํานาจใหผ ูใชทร่ี าชพสั ดุดําเนนิ การเปนการเฉพาะรายให กรมธนารักษหรอื สาํ นักงานธนารักษพนื้ ทด่ี ําเนินการดงั นี้ (๑) ตรวจสอบทะเบยี นท่ีราชพสั ดุวาท่ีดนิ แปลงใดยังไมมีโฉนดที่ดนิ หรอื หนังสือ สําคญั สาํ หรบั ท่ีหลวง ใหจ ัดทําบัญชีท่ีราชพัสดปุ ระเภทที่สาธารณสมบตั ิของแผนดนิ ที่ใชเพอื่ ประโยชนของแผนดนิ โดยเฉพาะบัญชหี น่ึง และประเภททรัพยสินของแผน ดินธรรมดาอกี บัญชหี น่งึ (๒) ใหดาํ เนินการสาํ รวจท่รี าชพัสดุตามขอ ๗ และขอ ๘ เพอื่ ใหท ราบอาณาเขต ทีด่ ินกอนย่นื คาํ ขอและนาํ ทําการรังวัดตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน (๓) ใหนําเอกสารการไดมาของท่ีดิน สาํ เนาทะเบยี นท่ีราชพัสดุหรือเอกสารอ่นื ๆ เชน ส.ค. ๑ หรือ น.ส. ๓ ไปประกอบการย่นื คําขอ (๔) แจง ผูใชท ่ีราชพสั ดุ (ถา ม)ี ใหแตงต้ังผแู ทนไปรว มนําทําการรงั วดั และให ถอยคําตอพนักงานเจา หนาทด่ี วย (๕) นําทาํ การรังวัดตามหลกั ฐานของท่รี าชพสั ดุและของทด่ี นิ ขา งเคียง และตาม สภาพการครอบครอง รวมกบั ผแู ทนของผูใ ชท ร่ี าชพัสดุ (ถาม)ี (๖) เม่ือทราบผลการรังวัดจากพนักงานเจา หนาทผี่ ูทําการรงั วัดแลว หากเนื้อท่นี อ ย กวาผลการสํารวจตามขอ ๙(๒) ไมเกินรอยละสอง ใหด ําเนินการออกโฉนดท่ดี นิ หรือหนังสือสําคญั สําหรบั ทห่ี ลวงตอ ไปได แตถา เนือ้ ทนี่ อยกวา ผลการสํารวจตามขอ ๙(๒) เกินกวารอยละสองให ดําเนนิ การตามขอ ๘ กอ น (๗) การคัดคานการนํารังวัดท้ังแปลงหรอื บางสว น (๗.๑) การออกโฉนดท่ีดิน หากมผี คู ัดคานการนาํ รังวัดท้ังแปลงหรือ บางสว นใหขอพนักงานเจาหนาทีท่ ําการรังวัดแสดงเขตพพิ าทใหช ัดเจนและใหบันทกึ การคัดคา น แลว ใหก รมธนารักษหรือ สํานักงานธนารกั ษพื้นที่ทาํ การตรวจสอบ พรอ มทง้ั รวบรวมหลกั ฐานเอกสาร เกี่ยวกบั ทร่ี าชพสั ดุและทดี่ นิ ขางเคยี ง เพอื่ ใชป ระกอบการพจิ ารณาสอบสวนเปรียบเทียบขอพิพาทของ เจา พนักงานที่ดินหรอื ใชประกอบการพิจารณาฐานะทางคดี (๗.๒) การออกหนงั สอื สําคญั สําหรบั ทห่ี ลวง หากมผี ูคัดคานการนํา รังวัดท้ังแปลงหรอื บางสว น ใหขอพนักงานเจาหนาทที่ ําการรงั วดั แสดงเขตพพิ าทใหชัดเจนและให บันทึกการคัดคา น แลว ใหก รมธนารักษห รอื สํานักงานธนารกั ษพ ้ืนทีด่ ําเนินการตรวจสอบพรอมทงั้ รวบรวมหลกั ฐานเอกสารเกี่ยวกับทรี่ าชพสั ดุ สงใหเ จาพนักงานท่ีดินดําเนนิ การตามประมวลกฎหมาย ทด่ี ิน

๖ (๘) การสอบสวนเปรียบเทียบหรือการระงับขอพิพาทเกี่ยวกับแนวเขต (๘.๑) ในกรงุ เทพมหานคร ใหก รมธนารักษร วบรวมเอกสารหลักฐาน ตา งๆ เกยี่ วกบั ที่ราชพสั ดุและท่ีดินขา งเคยี งพรอ มแตงตง้ั เจาหนาทไ่ี ปใหถอยคาํ ตอเจาพนักงานท่ีดิน รว มกับผูใชทีร่ าชพสั ดุ หากผลการสอบสวนเปรยี บเทียบของเจาพนักงานท่ีดินไมเ ปนไปตามผลการ สาํ รวจรังวัดท่รี าชพัสดตุ ามขอ ๘ ใหอ ยูในดุลพินิจของอธิบดีทจ่ี ะพจิ ารณาตามท่เี ห็นสมควร โดยให คํานึงถึงประโยชนของทางราชการเปน สําคญั (๘.๒) ในจงั หวดั อืน่ ใหส ํานกั งานธนารักษพื้นท่รี วบรวมเอกสาร หลกั ฐานตางๆ เกย่ี วกบั ทีร่ าชพัสดแุ ละท่ีดินขา งเคยี งตลอดจนเปน ผใู หถ อ ยคาํ ตอเจา พนกั งานทด่ี ิน รว มกับผูใชที่ราชพสั ดุ หากผลการสอบสวนเปรียบเทียบของเจา พนกั งานท่ีดนิ ไมเ ปน ไปตามผลการ สํารวจรงั วัดที่ราชพสั ดตุ ามขอ ๘ ใหส ํานักงานธนารกั ษพื้นทร่ี วบรวมแผนท่ี เอกสารหลักฐานตา ง ๆ ท่ี เก่ยี วของทง้ั หมดพรอมทงั้ ความเห็นเสนออธบิ ดีพจิ ารณาสั่งการ ขอ ๑๐. กรณที ไี่ ดขอออกโฉนดทดี่ นิ หรอื หนงั สอื สําคญั สําหรับท่หี ลวงไปกอนระเบยี บนใี้ ช บงั คบั โดยมไิ ดม กี ารปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนทกี่ ําหนดไวใ นหมวดนแี้ ละยงั ไมไ ดรับโฉนดท่ดี ินหรอื หนงั สอื สําคัญสาํ หรบั ทหี่ ลวงมา ใหก รมธนารกั ษหรือสาํ นักงานธนารกั ษพนื้ ทีร่ ับโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สอื สําคญั สําหรบั ทหี่ ลวงน้นั มากอน แลว ดําเนินการตามขอ ๘ โดยอนุโลม ขอ ๑๑. การระวังช้แี นวเขตและการลงนามรับรองแนวเขตที่ดิน ใหดําเนนิ การดงั น้ี (๑) ทรี่ าชพสั ดุท่ีมหี ลักฐานหนงั สอื แสดงกรรมสทิ ธิใ์ นท่ีดนิ หรอื หนังสือสําคัญ สําหรบั ทหี่ ลวงเปน รปู แผนท่ีช้นั หนง่ึ หรอื รปู แผนที่ชัน้ สอง ใหตรวจสอบระวางแผนที่ แผนที่ตนรา ง รายการรังวัด รายการคาํ นวณ แลว ระวังช้ีแนวเขตทดี่ นิ หรือนํารังวัดปกหลกั เขตท่ีดนิ ใหต รงกับรายการ รงั วัดตามรูปแผนทีห่ ลงั หนงั สอื แสดงกรรมสิทธ์ิในท่ีดินหรอื หนังสือสําคัญสําหรับท่ีหลวง (๒) ที่ราชพสั ดุที่ไมม หี ลักฐานตาม (๑) แตทีด่ ินแปลงทีข่ อรงั วดั เปนโฉนดรปู แผนทีช่ ัน้ หนงึ่ หรอื รูปแผนท่ีชัน้ สอง ใหต รวจสอบระวางแผนท่ี แผนท่ีตนราง รายการรังวัด รายการ คาํ นวณ ของท่ีดินแปลงนัน้ แลวระวงั ช้ีแนวเขตทดี่ ินหรือนํารังวัดปกหลักเขตที่ดนิ ใหตรงตามหลกั ฐาน ดงั กลา ว เวนแตตรวจสอบพบวา การลงนามรบั รองแนวเขตครงั้ กอนกระทําไปโดยคลาดเคล่อื นหรอื ไม ชอบดว ยกฎหมายก็ใหกรมธนารักษหรอื สาํ นักงานธนารักษพ นื้ ทแ่ี ลว แตกรณีรว มกับผูใ ชท ร่ี าชพัสดุ คดั คานแนวเขต แลวดําเนินการขอแกไขหรือเพกิ ถอนใหถ ูกตองตามประมวลกฎหมายที่ดินตอ ไป (๓) ที่ราชพัสดุท่ไี มมีหลักฐานตาม (๑)และทด่ี ินแปลงทขี่ อรังวดั ไมม ีหลักฐานตาม (๒) ใหกรมธนารักษหรอื สาํ นักงานธนารกั ษพ ้ืนทแี่ ลวแตกรณี ดาํ เนินการสาํ รวจท่ีราชพัสดุตามขอ ๗ และขอ ๘ ใหทราบอาณาเขตและเนอื้ ท่ขี องท่ีราชพัสดุกอ นระวังชแ้ี นวเขตและลงนามรบั รองแนวเขตที่ ราชพัสดุ เวนแตท รี่ าชพสั ดุนนั้ ไดดําเนนิ การสํารวจตามขอ ๗ และขอ ๘ ไวแลว ก็ใหใชเปน หลักฐานในการระวงั ชี้แนวเขตและลงนามรับรองแนวเขตทรี่ าชพัสดตุ อ ไปได

๗ การระวังชีแ้ นวเขตทดี่ นิ ตามวรรคแรก หากไมสามารถตกลงแนวเขตที่ดินกนั ไดใหกรมธนา รกั ษห รือสาํ นักงานธนารักษพ ืน้ ท่ีแลว แตกรณี ทําการคดั คานแนวเขตทด่ี นิ และดาํ เนินการตามขอ ๙(๗) และ(๘) ขอ ๑๒. ใหก รมธนารักษกาํ หนดวิธกี ารปฏิบตั ิ แบบรายงานเกย่ี วกับการรงั วัด การพิสูจน สอบสวนการทาํ ประโยชน การตรวจสอบเนอ้ื ท่ี การระวังช้แี นวเขตและการลงนามรบั รองแนวเขตตาม ประมวลกฎหมายท่ดี ิน โดยออกเปนคําสง่ั กรมธนารกั ษ ขอ ๑๓. ทรี่ าชพสั ดุแปลงใดเปน ท่ีดนิ ประเภททรพั ยสินของแผน ดนิ ธรรมดาและไม สามารถออกโฉนดทีด่ ินได ใหข อออกหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน โดยดําเนินการตามขอ ๗ ขอ ๘ และขอ ๙ โดยอนโุ ลม ขอ ๑๔. ในกรณีท่ีราชพสั ดจุ ะดาํ เนนิ การตามหมวดนี้ เปนกําแพงเมือง คูเมอื ง การสํารวจ เพอ่ื กาํ หนดขอบเขตทรี่ าชพสั ดจุ ะตองไดรับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการกําหนดขอบเขตกาํ แพง เมอื ง คเู มือง ที่คณะรัฐมนตรีแตง ตง้ั ดวย หมวด ๓ การแกไขเพิ่มเติม เพิกถอน และจาํ หนา ยทะเบียนท่รี าชพัสดุ ------------------- ขอ ๑๕ เม่อื ไดร ับโฉนดทีด่ นิ หรือหนงั สือสาํ คัญสําหรบั ทหี่ ลวงซึง่ ไดดาํ เนนิ การตามขอ ๙ หรอื ขอ ๑๐ แลว ใหก รมธนารกั ษห รือสํานกั งานธนารักษพ น้ื ทีด่ าํ เนนิ การแกไขเพิ่มเตมิ ทะเบียนท่ี ราชพัสดุใหถูกตองตามโฉนดทีด่ นิ หรอื หนงั สอื สําคญั สาํ หรบั ทห่ี ลวงได ในจงั หวัดอนื่ ใหจ ดั สง สาํ เนาโฉนดทดี่ ินหรอื หนงั สือสาํ คัญสาํ หรับที่หลวงไปพรอมกบั แจง การแกไขเพ่ิมเติมทะเบียนท่รี าชพสั ดุใหกรมธนารักษเพอ่ื แกไขเพม่ิ เติมทะเบียนท่รี าชพัสดุใหถ ูกตอ ง ตรงกนั ขอ ๑๖ ในกรณมี ีการนาํ ที่ดินข้ึนทะเบยี นทีร่ าชพัสดุโดยผดิ พลาดหรือซา้ํ ซอน ใหอธบิ ดี เปน ผูพิจารณาใหค วามเห็นชอบในการเพิกถอนหรือจําหนายออกจากทะเบยี นท่รี าชพัสดุ ในกรณที ี่การดาํ เนินการตามวรรคแรกจะตองเพกิ ถอนหนังสอื สําคัญสําหรับท่ีดนิ ใหถูกตอ ง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ใหอธบิ ดเี ปนผพู จิ ารณาใหความเหน็ ชอบ

๘ หมวด ๔ การตรวจสอบบัญชีคมุ ทะเบยี นท่ีราชพัสดุ บัญชีคมุ หนงั สือสําคัญสาํ หรับ ------------------- ท่ดี ินและสภาพหนังสอื สําคญั สําหรับที่ดินซึง่ เปนทร่ี าชพัสดุ ขอ ๑๗. ใหกรมธนารักษแ ตงตัง้ เจา หนา ทห่ี รือคณะเจา หนา ทีเ่ พื่อมหี นาที่ในการตรวจสอบ บัญชีคุมทะเบยี นทีร่ าชพสั ดุ ทะเบียนที่ราชพัสดุ บญั ชีคุมหนังสือสําคัญสาํ หรับที่ดิน และสภาพของ หนังสือสําคัญสําหรับทดี่ นิ ซ่ึงเปนทร่ี าชพัสดุ ขอ ๑๘. การตรวจสอบตามความในขอ ๑๗ ใหด ําเนินการอยา งนอ ยปล ะ ๒ ครัง้ เม่ือ ดําเนนิ การแลว เสร็จ ใหร ายงานอธิบดีทราบภายใน ๓๐ วัน นับต้งั แตวันท่ีตรวจสอบเสร็จ ขอ ๑๙. การรายงานผลการตรวจสอบ ใหรายงานตามแบบรายงานการตรวจบญั ชีคุม ทะเบียนที่ราชพสั ดุ บัญชีคุมหนงั สือสาํ คญั สาํ หรบั ท่ีดนิ และสภาพของหนงั สือสาํ คัญสาํ หรับท่ดี นิ ซึง่ เปน ไปตามแบบทกี่ รมธนารักษก าํ หนด ขอ ๒๐. หากผลการตรวจสอบตามขอ ๑๗ ปรากฏวาบญั ชหี รือหนงั สอื สําคัญสาํ หรบั ทีด่ นิ มกี ารชํารดุ หรอื สญู หาย ใหห นวยงานทรี่ ับผดิ ชอบดําเนินการซอ ม หรือจดั ทําใหอ ยูในสภาพทเี่ หมาะ กบั การใชง านและหรือดาํ เนินการขอออกใบแทน หมวด ๕ การจําหนา ยอาคารหรอื ส่งิ ปลูกสรางท่ีจะทําการรือ้ ถอน วัสดุที่รือ้ ถอนแลว หรือการจาํ หนายตน ไม ดิน หรือวัสดุอ่ืน ๆ ที่ไดม าจากที่ราชพสั ดุ ------------------- ขอ ๒๑. ในกรณีที่จะจําหนายอาคารหรือสง่ิ ปลกู สรางท่จี ะทําการร้อื ถอน หรือการจาํ หนาย วสั ดุที่ร้ือถอนแลว หรอื การจาํ หนายตนไม ดิน หรอื วสั ดอุ ื่น ๆ ที่ไดมาจากท่ีราชพสั ดุ ใหผ ูใชท ร่ี าช พสั ดทุ จ่ี ะดาํ เนินการจาํ หนายแตงตัง้ คณะกรรมการมีจาํ นวนไมนอ ยกวา ๓ คน เพื่อประเมินราคาอาคาร หรอื ส่ิงปลกู สราง วัสดุทรี่ อื้ ถอน ตนไม ดิน หรอื วัสดุอืน่ ๆ ทจี่ ะจาํ หนาย ทง้ั น้ีกรรมการอยา งนอ ย ๑ คน จะตอ งเปนผชู ํานาญการหรือมีความรูเ กีย่ วกับการประเมนิ ราคาอาคาร หรือสง่ิ ปลูกสรา ง ตนไม ดนิ หรือวสั ดุอื่น ๆ ทไี่ ดม าจากทรี่ าชพัสดุ ขอ ๒๒. การจําหนา ยอาคารหรอื สิ่งปลกู สรางที่จะทําการรื้อถอน หรือการจําหนายวสั ดุท่ี รื้อถอนแลว หรือการจําหนา ยตนไม ดนิ หรอื วัสดอุ น่ื ๆ ทไ่ี ดม าจากที่ราชพัสดุ ใหด ําเนินการตาม ระเบยี บสาํ นักนายกรัฐมนตรีวา ดว ยการพัสดุโดยอนโุ ลม

๙ หมวด ๖ หลักเกณฑการอนุญาตใหนําวสั ดุทีไ่ ดมาจากทีร่ าชพสั ดุไปใชประโยชน ------------------- ขอ ๒๓. การนําวัสดุทไ่ี ดม าจากที่ราชพัสดุไปใชเ พ่ือประโยชนแกทางราชการ จะตอ งเปน การนาํ วสั ดไุ ปใชในกรณีดังตอ ไปนี้ (๑) กอสรา งอาคารหรือสง่ิ ปลูกสรา งซ่ึงจะตองนําสง ขึ้นทะเบียนทีร่ าชพัสดุ (๒) จัดทําเปนวสั ดอุ ุปกรณต าง ๆ ท่ีใชเ พ่ือประโยชนแกท างราชการ เชน โตะ เกาอ้ี เปนตนและวสั ดุอุปกรณน ้ันจะตอ งลงบญั ชหี รือทะเบียนเพ่ือควบคมุ พสั ดุตามระเบียบสํานัก นายกรัฐมนตรีวา ดวยการพสั ดุ นอกจากกรณีดงั กลา วแลว หากมีความจาํ เปน จะตอ งนาํ วัสดทุ ่ไี ดม าจากทร่ี าชพัสดุ ไปใชเพอ่ื ประโยชนแกราชการอยางอ่นื ใหอ ธบิ ดเี ปน ผูพิจารณาอนญุ าตตามความเหมาะสมโดย คํานึงถึงประโยชนท ี่ทางราชการจะไดรับเปน สําคญั ขอ ๒๔. การนําวสั ดุท่ีไดมาจากทร่ี าชพัสดุไปใชเ พ่ือสาธารณประโยชนหรอื สาธารณกุศล ใหผ ใู ชท่ีราชพัสดุเปน ผูขออนุญาตตออธิบดหี รอื ผูวาราชการจังหวดั แลวแตกรณีโดยจะตองแสดง เหตผุ ลความจําเปน และประโยชนท ่ีสาธารณชนจะพงึ ไดร ับสงไปประกอบการพิจารณาดวย ขอ ๒๕ ผูใชท่รี าชพัสดทุ ่ีไดรบั อนญุ าตใหใชวัสดทุ ีไ่ ดม าจากท่ีราชพัสดุ จะตองแตง ตัง้ คณะกรรมการจาํ นวนไมนอ ยกวา ๓ คน เพือ่ ตรวจนับและควบคุมการใชว สั ดทุ ไ่ี ดมาจากท่ีราชพัสดุ ขอ ๒๖ ใหม ีการจัดทําบัญชีคุมยอดวสั ดทุ ร่ี ื้อถอนวามจี าํ นวนเทาใด นาํ ไปใชเทา ใดและ คงเหลือเทา ใด ท้ังนี้ หากมีวัสดคุ งเหลือจากการใชป ระโยชนใหด าํ เนินการจําหนา ยตามวิธที ก่ี าํ หนดไว ในหมวด ๕ ขอ ๒๗. ผูใ ชท ่รี าชพสั ดุจะตองนาํ วัสดุท่ไี ดม าจากทร่ี าชพสั ดไุ ปใชเ ฉพาะตามทีไ่ ดรบั อนุญาตเทานั้น และจะตอ งไมนาํ วัสดุทไี่ ดม าจากที่ราชพัสดุไปสมทบกับงบประมาณท่ีไดร ับเปน คา กอ สรา งอาคารใหม เวนแตไ ดร ับอนุมัตจิ ากสํานักงบประมาณแลว หากมไิ ดรบั อนมุ ตั จิ ากสาํ นัก งบประมาณจะตองนําวสั ดุท่ีไดมาจากท่ีราชพัสดจุ าํ หนายตามทีก่ าํ หนดไวใ นระเบยี บน้ี บทเฉพาะกาล ------------------- ขอ ๒๘. ในระหวา งท่ีกรมธนารักษยงั ไมไ ดอ อกคาํ สั่งเพื่อปฏบิ ตั กิ ารตามระเบยี บน้ี บรรดา หลักเกณฑวธิ ี แบบรายงาน และคาํ ส่งั ใด ๆ ทีอ่ อกโดยอาศัยอาํ นาจตามระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดวยการตรวจสอบหนังสอื สาํ คัญสาํ หรับท่รี าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๒๓ ระเบยี บกระทรวงการคลงั วาดว ย การสาํ รวจท่ีราชพสั ดุ การขอออกหนงั สือสําคัญสาํ หรับทด่ี ิน การรงั วดั ที่ดิน และการระวังชแ้ี นวเขต ที่ดินตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน และการแกไ ขเพม่ิ เตมิ ทะเบียนที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ และคําสั่งอ่ืน

๑๐ ใดของกรมธนารักษใหมีผลใชบงั คับตอ ไปไดเ ทา ทไี่ มขัดหรือแยง กับระเบยี บน้ี ทั้งน้ี ตองไมเ กนิ หก เดอื นนบั แตว นั ที่ระเบยี บน้ีใชบ งั คับ ประกาศ ณ วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ รอยเอก สชุ าติ เชาววศิ ิษฐ ( สุชาติ เชาวว ิศิษฐ ) รัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลัง

เลม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๘ ง หนา ๑๓ ๒๒ กนั ยายน ๒๕๔๙ ราชกิจจานุเบกษา ระเบยี บกระทรวงการคลัง วาดวยการปกครอง ดูแล บํารงุ รักษา และการใชท ่รี าชพัสดุ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ อาศัยอํานาจตามความในขอ ๒๒ แหงกฎกระทรวงวาดวยหลักเกณฑและวิธีการปกครอง ดูแล บํารุงรักษา ใช และจัดหาประโยชนเก่ียวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ กระทรวงการคลัง จึงกาํ หนดระเบียบไว ดงั นี้ ขอ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา “ระเบียบกระทรวงการคลังวาดวยการปกครอง ดูแล บํารุงรักษา และการใชท่รี าชพัสดุ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙” ขอ ๒ ระเบียบนใี้ ชบงั คับตั้งแตวันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน ตนไป ขอ ๓ ใหเพิ่มเติมความตอไปน้ีเปนขอ ๒๒ ทวิ แหงระเบียบกระทรวงการคลังวาดวย การปกครอง ดแู ล บาํ รงุ รกั ษา และการใชท ีร่ าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ “ขอ ๒๒ ทวิ เมื่อปรากฏวา ที่ราชพัสดุที่เปนทางนํ้าชลประทานตามพระราชบัญญัติ การชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ แหงใดต้ืนเขินและผูใชท่ีราชพัสดุคือกรมชลประทาน หรอื กรงุ เทพมหานครทีไ่ ดรับมอบทางน้ําชลประทานจากกรมชลประทานมาดแู ล บํารุงรักษา และใชประโยชน เห็นสมควรขุดลอกเพื่อนําเอากรวด หิน ดิน ทราย ท่ีทับถมอยูใตทางน้ําชลประทานที่ตื้นเขินน้ัน ข้ึนมาบนพ้นื ดนิ เพอื่ ปองกนั หรือบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากปญหาภัยแลง หรือนํ้าทวม โดยประสงค จะนํากรวด หิน ดนิ ทรายทีไ่ ดจากการขดุ ลอกนัน้ ไปตรี าคาเปน คา จา งในการขุดลอก ในเขตกรงุ เทพมหานคร ใหขออนญุ าตตอ อธิบดีกรมธนารักษ ในจงั หวดั อ่นื ใหข ออนุญาตตอผูวาราชการจงั หวัด ในการดาํ เนินการตามวรรคหนง่ึ ถา ราคากรวด หนิ ดนิ ทราย ท่ีคณะกรรมการประเมินราคา ตามขอ ๒๑ ไดประเมินราคาไวมีราคาเกินกวาคาจาง ผูรับจางตองจายเงินคากรวด หิน ดิน ทราย สวนท่ีเกินใหแกทางราชการ และใหผูใชที่ราชพัสดุน้ันนําเงินสวนที่เกินสงคลังเปนรายไดแผนดิน ในนามของกรมธนารักษ ในกรณีท่ีปรากฏวาทรัพยสินที่ไดจากการขุดลอกเปนแร ทรัพยากรไม หรือวัตถุโบราณ จะตองแจงกรมธนารักษและสวนราชการที่เกี่ยวของทราบโดยเร็ว เพ่ือรวมกันดําเนินการใหถูกตอง ตามกฎหมายตอ ไป”

เลม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๘ ง หนา ๑๔ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๙ ราชกิจจานเุ บกษา ขอ ๔ ใหเพ่ิมเติมความตอไปน้ีเปนขอ ๒๒ ตรี แหงระเบียบกระทรวงการคลังวาดวย การปกครอง ดแู ล บํารุงรกั ษา และการใชท ่รี าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ “ขอ ๒๒ ตรี การขอใชท่ีราชพัสดุเพ่ือประโยชนในการปองกันหรือบรรเทาสาธารณภัย ทเี่ กิดจากปญหาภัยแลง หรอื นาํ้ ทวม เมื่อไดรับอนุญาตใหใชไ ดแ ลว หากผูใชท่ีราชพัสดุจําเปนตองขุดดิน ในทรี่ าชพสั ดเุ พอ่ื จัดทําเปน แหลง นํ้าและประสงคจะนาํ กรวด หนิ ดนิ ทราย ท่ีไดจ ากที่ราชพัสดุไปตีราคา เปน คาจางในการขุดดิน ใหดําเนินการตามความในขอ ๒๒ ทวิ โดยอนุโลม แตกอนดําเนินการขุด จะตอ งมีการรังวัดตรวจสอบอาณาเขตที่ราชพัสดุใหถูกตอง และใหกรมธนารักษ หรือกรมโยธาธิการ และผงั เมอื ง หรอื สํานักงานโยธาธกิ ารและผงั เมอื งจังหวัดแลวแตกรณี ตรวจแบบแปลน แผนผังการจัดสราง แหลงนํา้ ใหถ ูกตองและปลอดภัยกอน ในกรณีที่มคี วามจาํ เปนตองขดุ ลอกแหลง นา้ํ หลงั จากทไี่ ดม กี ารใชประโยชนแ ลว และประสงค จะนํากรวด หิน ดิน ทราย ท่ไี ดจ ากท่รี าชพัสดไุ ปตีราคาเปนคาจางในการขุดลอก ใหด ําเนินการขออนญุ าต โดยปฏิบัติตามความในวรรคหนึ่งโดยอนโุ ลม” ขอ ๕ ใหเพ่ิมเติมความตอไปน้ีเปนขอ ๒๒ จัตวา แหงระเบียบกระทรวงการคลังวาดวย การปกครอง ดแู ล บาํ รงุ รักษา และการใชท่รี าชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ “ขอ ๒๒ จัตวา ในกรณีที่มีความจําเปนและเรงดวนตามที่ไดรับแจงจากคณะรัฐมนตรีหรือ ผูวาราชการกรุงเทพมหานคร หรือผูวา ราชการจังหวัด ใหขุดลอกทางนํ้าชลประทานตามขอ ๒๒ ทวิ หรอื ขุดดินในทีร่ าชพสั ดุท่ีอยูในอาณาเขตที่ผูใชประโยชนครอบครอง ดูแล บํารุงรักษาอยู เพื่อจัดทํา เปน แหลงน้าํ หรือขุดลอกแหลงนํ้าตามขอ ๒๒ ตรี เพื่อประโยชนในการปองกัน หรือบรรเทาสาธารณภัย ท่ีเกิดจากปญหาภัยแลง หรือนํ้าทวม ใหผูใชท่ีราชพัสดุดําเนินการตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดว ยการพัสดุ วา จา งเพอ่ื ดาํ เนนิ การดงั กลา วไปพลางกอนแลวเสนอเร่ืองใหอธิบดีกรมธนารักษ หรือ ผูวา ราชการจงั หวัดเพอ่ื พิจารณาภายใน ๑๕ วัน นบั แตว ันที่วาจา ง” ขอ ๖ ใหเพ่ิมเติมความตอไปน้ีเปนขอ ๒๒ เบญจ แหงระเบียบกระทรวงการคลังวาดวย การปกครอง ดูแล บํารงุ รักษา และการใชท่รี าชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๖ “ขอ ๒๒ เบญจ การดําเนินการวาจางขุดลอกทางนํ้าชลประทาน หรือขุดดินในที่ราชพัสดุ ตามระเบยี บน้ี ผูใ ชท ีร่ าชพสั ดุจะตอ งกาํ หนดใหมีเจาหนาท่ีผูรบั ผิดชอบควบคุมการขุดลอก หรือขุดดิน ในท่ีราชพัสดุและกําหนดเงื่อนไขใหผูรับจางตองรับผิดชอบในความเสียหาย และวางหลักประกัน ความเสยี หายใด ๆ ท่อี าจเกดิ ข้นึ ตอ ผวู า จางหรือบุคคลภายนอก จากการดาํ เนินการดงั กลาวดวย

เลม ๑๒๓ ตอนพเิ ศษ ๙๘ ง หนา ๑๕ ๒๒ กนั ยายน ๒๕๔๙ ราชกิจจานเุ บกษา เงือ่ นไขตามวรรคหน่งึ ใหเ ปน ไปตามระเบียบสาํ นักนายกรฐั มนตรีวา ดว ยการพัสดโุ ดยอนโุ ลม” ขอ ๗ ใหอ ธิบดีกรมธนารักษร ักษาการตามระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วนั ที่ ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ทนง พิทยะ รัฐมนตรวี าการกระทรวงการคลัง

ขอ กําหนดในสญั ญาใหด าํ เนนิ การขดุ ลอกที่ราชพัสดทุ เี่ ปนทางนา้ํ ชลประทาน หรอื ขุดดนิ ในที่ราชพสั ดุ ขอ ๑ ผูรับจางตองทําการขุดลอกท่ีราชพัสดุท่ีเปนทางน้ําชลประทาน หรือขุดดินในท่ีราชพัสดุ เพื่อจัดทําแหลงนาํ้ ใหถูกตองตามเง่ือนไขคุณลักษณะเฉพาะ แบบแปลน แผนผัง หลักเกณฑและวิธีการใน การขดุ ลอกหรอื จดั สรา ง และทําการขดุ ลอกฯ ใหแ ลวเสรจ็ ภายในเวลาทกี่ าํ หนด ขอ ๒ ผูรับจางจะตองดําเนินการโดยไมกอใหเกิดความเดือดรอนรําคาญหรือเสียหายแก ราษฎรเปนตนวา กระทําเสียงดังเกินควร ทํากิจการในเวลากลางคืน หรือวาง หรือต้ังอุปกรณในการทําหรือ วัตถตุ าง ๆ เปน การกดี ขวางแกสาธารณชน ขอ ๓ ผูรับจางตองระมัดระวังมิใหเกิดอันตรายหรือความเสียหายแกทรัพยสินของทาง ราชการหรือเอกชน เชน ปูชนียสถาน โบราณสถาน วัดวาอาราม สํานักสงฆ โบราณวัตถุ อาคารบานเรือน หากมีความเสียหายเกิดข้ึนเนื่องจากการดําเนินการของผูรับจางไมวากรณีใด ๆ ผูรับจางตองรับผิดชอบ ชดใชค าเสยี หายท้งั สนิ้ ขอ ๔ ผรู บั จางตอ งดําเนนิ การระหวา งเวลา.............................ถงึ .....................เทานน้ั ขอ ๕ ผูรับจางตองดําเนินการดวยตนเอง จะใหผูอ่ืนดําเนินการหรือโอนสิทธิใหผูอ่ืนไมได และตอ งดาํ เนินการภายในบรเิ วณท่ีไดรับจางเทา นั้น ขอ ๖ ในกรณีท่ีมีความจําเปนเพ่ือประโยชนสาธารณะ หรือเพ่ือประโยชนในทางราชการ พนักงานเจา หนา ท่ีไดแ จง ใหผ ูร ับจางหยดุ ทําการ ผูรบั จา งตอ งปฏิบตั ิตามทนั ที ขอ ๗ เม่ือ........................................ผูวาจาง พนักงานเจาหนาที่หรือผูแทนเขาไปตรวจ บริเวณที่ทําการขดุ ลอก ฯ หรอื กิจการทผี่ ูรบั จา งกระทํา ผรู ับจางตอ งอาํ นวยความสะดวกใหต ามสมควร ขอ ๘ ในการดําเนินการขุดลอกฯ หากพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุหรือซากโบราณสถานใด ๆ ตองหยุดดําเนินการและแจงให...............ผูวาจาง พรอมทั้งมอบโบราณวัตถุที่ขุดพบทั้งหมด ตอ ..................ผูว าจาง ดว ยทนั ที ขอ ๙ หากผูร ับจางพบซากดึกดําบรรพติดอยเู ปนกลุมกอนชดั เจนดีตองหยุดทําการทันทีแลว แจงให..........................ผูวาจางทราบเพ่ือแจงใหกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแรทําการตรวจ วเิ คราะหต อ ไป หากพบวัตถทุ เ่ี ปน แรต ามกฎหมายวา ดว ยแร ผูรับจางตอ งหยุดกระทําการจนกวาไดรับ อนุญาตตามกฎหมายวา ดว ยแร ขอ ๑๐ ถาผูรับจางฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามแบบการขุดลอกฯ หลักเกณฑวิธีการ หรือ ขอกําหนดในสัญญาไมวาขอหน่ึงขอใดดังกลาวขางตน..................... ผูวาจาง มีอํานาจสั่งใหหยุดกระทํา การดังกลาวในท่ีดนิ ทั้งหมด หรือแตบางสวนไดทันทีโดยไมจําเปนตองบอกกลาว ขอ ๑๑ นอกเหนือจากเง่ือนไขดังกลาวขางตน หากตองปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่ เกย่ี วขอ ง เชน พระราชบัญญตั กิ ารขุดดินและถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ หรอื อ่ืน ๆ ผูรบั จางตอ งปฏิบัติตามดวย ขอ ๑๒ ............................................................................. ขอ ๑๓ ............................................................................. * ฯลฯ * ตามระเบียบสาํ นกั นายกรฐั มนตรีวาดว ยการพัสดุ
















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook