นิตยสาร Forbes จัดอันดับ “190 สถานทีทีเหมาะกับการทําธุรกิจทีสุด” โดย มี 5 เมืองในรัฐ โคโลราโดทตี ิดอนั ดับดีทสี ดุ 50 อนั ดับแรก ซึงเมือง เดนเวอร์ (เมืองหลวงของรัฐโคโลราโด) ติดอนั ดับ 1 ใน การจัดอนั ดับนี ในปี 2558 โคโลราโดยังคงเป็นมลรัฐทเี ป็นจุดหมายยอดนิยมในการเดินทางเพือสนั ทนาการและธุรกจิ ทาํ ลายสถติ ิจาํ นวนผู้มาเยอื นและจาํ นวนเงินทมี ีการจับจ่ายใช้สอย 5 ปี ซ้อน CoreLogic ซึงติดตามแนวโน้มอสงั หาริมทรัพย์ พบว่าระหว่างปี 2555 และ 2559 โคโลราโดเป็นรัฐ หนึงทรี าคาบ้านเพิมขนึ ในอตั รารวดเรว็ ทสี ดุ ภาพที 18 รายได้จากการปลูกกญั ชา เปรียบเทยี บพืชอนื ๆ 3.10.3 การแกก้ ฎหมายกญั ชา เพมิ อตั ราการจา้ งงานทีเกียวขอ้ งกบั กญั ชาโดยตรงและโดยออ้ ม จากการศกึ ษาทมี ลรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา หลังจากแก้กฎหมายให้มีการใช้กญั ชาทางการแพทย์ได้ และต่อมาขยายเป็นสามารถใช้แบบสนั ทนาการได้ พบว่า จากข้อมูลกรมสรรพากรระบุว่า ภายในเดอื นกนั ยายน 2559 จาํ นวนผู้ได้รับใบอนุญาตทางวิชาชีพเพือทาํ งานในธุรกจิ ทเี กยี วข้องโดยตรงกบั กญั ชาในโคโลราโด มมี าก ถงึ 28,247 คน ทงั นี ธุรกจิ กญั ชาเป็นธุรกจิ ทชี ่วยรักษาอตั ราการจ้างงาน และใช้บริการจากธุรกจิ ต่อเนืองภาค อนื ๆ เช่น การก่อสร้าง วิศวกรรม ความปลอดภัย กฎหมาย ประกนั ภยั อสงั หาริมทรัพย์ และค้าปลกี เป็นต้น96 การศึกษาทปี ระเทศแคนาดา ประมาณการณ์ว่า หลังจากแก้กฎหมายให้มีการใช้กญั ชาทางการแพทย์ ได้และต่อมาขยายเป็ นสามารถใช้แบบสันทนาการได้ พบว่าจะสร้างรายได้ประชาชาติสูงถึง 22,600 ล้าน เหรียญแคนาดาต่อปี (533,000 ล้านบาท) ประกอบด้วย มูลค่าการบริโภคกัญชา 4,900 – 8,700 ล้าน เหรียญ, มูลค่าธุรกรรมอนื ๆทเี กยี วเนืองกบั การผลิตกญั ชา เช่น การปลูก การทาํ เป็นผลิตภัณฑ์ การตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ ระบบความปลอดภัย เป็นเงิน 12,700 – 20,000 ล้านเหรียญ, ยังไม่รวมมูลค่าจากธุรกิจ เกยี วเนืองอนื ๆ เช่น การทอ่ งเทยี ว ค่าใบอนุญาต ภาษีธุรกจิ ธุรกจิ การค้าอนื ๆทเี ตบิ โตขนึ 97 3.10.4 รฐั บาลเก็บภาษีไดม้ ากขึน 20
จากการศึกษาทมี ลรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา หลังจากแก้กฎหมายให้มกี ารใช้กญั ชาทางการแพทย์ได้ และต่อมาขยายเป็ นสามารถใช้แบบสันทนาการได้ พบว่า จากข้อมูลของกรมสรรพากร (Department of Revenue) ระบุว่าในปี 2559 การขายกญั ชาอย่างถูกกฎหมายในโคโลราโดสร้างรายได้ให้กับรัฐถึง 200 ล้าน เหรียญ จากการจัดเกบ็ ภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่างๆ และจนถึงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2559 รัฐได้ แจกจ่ายเงินจากกองทุนภาษีกัญชาไปแล้วถึง 220.8 ล้านเหรียญ โดยส่วนหนึงถูกนําไปใช้เป็ นค่าใช้จ่ายที เกยี วกบั การควบคุมกญั ชาตามกฎหมายซึงน้อยกว่า 10% ของเงนิ ก้อนดังกล่าว (ภาพที 19) ภาพที 19 รายได้จากภาษีเพิมขนึ ทรี ัฐโคโลราโด ขณะที 138.3 ล้านเหรียญถูกจ่ายให้แก่กรมการศึกษาของมลรัฐเพือใช้ประโยชน์ในโรงเรียนต่างๆ ใน จาํ นวนนีรวมถงึ 115 ล้านเหรียญสาํ หรับการก่อสร้างโรงเรียน นอกจากนีรายได้จากภาษีกญั ชาของมลรัฐ ยังถูก นาํ ไปใช้ในการบังคับใช้กฎหมายอืนๆ สาธารณะสุข โครงการบาํ บัดผู้ติดสารเสพติด เป็นต้น ขณะเดียวกัน เมืองน้อยใหญ่ในรัฐโคโลราโด กม็ รี ายได้เพิมขนึ หลายล้านเหรียญจากการจัดเกบ็ ภาษีและค่าธรรมเนียมระดับ ท้องถนิ ทาํ ให้สามารถใช้รายได้นันไปกบั การสร้างซ่อมบาํ รุงโครงสร้างพืนฐานทจี าํ เป็น จัดการกบั ปัญหาคนไร้ บ้าน และให้ทุนการศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา เป็นต้น 98 21
ภาพที 20 การนาํ ภาษจี ากกญั ชาไปอุดหนุนระบบการศกึ ษา ทรี ัฐโคโลราโด 3.10.5 ระบบการศึกษาดีขึน ระบบเศรษฐกิจดีขึน รัฐเกบ็ ภาษีได้มากขึน นาํ ไปอุดหนุนโรงเรียน เดก็ นักเรียนจบการศึกษาเพิมขึน สถิตกิ ารตกออกกลางครันลดลง99 ภาพที 21 จาํ นวนนักเรียนในมลรัฐโคโลราโดทสี าํ เรจ็ การศกึ ษาและตกออกกลางครัน 3.10.6 ลดผลกระทบต่อสุขภาพจากการบริโภคสุรา 22
หลังจากทรี ัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา แก้กฎหมายให้สามารถใช้กญั ชาเพือสนั ทนาการได้ ทาํ ให้อตั รา การมาห้องฉุกเฉินจากสรุ าลดลงจาก อัตรา 40 ต่อพัน ในปี ค.ศ. 2011 เป็น อตั รา 37.5 ต่อพัน ในปี ค.ศ. 2014 100 เพราะคนใช้กญั ชาทดแทนสรุ า และลดอาการลงแดงจากสรุ า (ภาพที 22) ภาพที 22 สถติ กิ ารป่ วยเพราะสรุ าจนต้องมาห้องฉุกเฉิน ทโี คโลราโด 3.10.7 อตั ราตายจากมอรฟ์ ี นลดลง รัฐทแี ก้กฎหมายแล้ว อตั ราตายจากมอร์ฟี นลดลง 101 ภาพที 23 สถติ ิการตายจากยามอร์ฟี นลดลง ในรัฐทแี ก้กฎหมายแล้ว 3.10.8 การตายจากอุบตั ิเหตุลดลง 23
การศึกษาทีมลรัฐโคโลราโด พบว่า ในปี 2558 และ 2559 สถิติการเสียชีวิตบนท้องถนนในรัฐ โคโลราโดเพิมขึนเล็กน้อย ซึงเจ้าหน้าทีระบุว่ามาจากการเพิมขึนของอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ การขับรถโดย ประมาท และการไม่คาดเขม็ ขัดนิรภัย แต่ไม่ได้ระบุว่ากญั ชาเป็นปัจจยั ร่วม ขณะเดียวกนั ในบางรัฐทกี ญั ชายังไม่ถูกกฎหมาย พบว่าอตั ราการเสยี ชีวิตบนท้องถนนกลับเพิมสงู กว่า โคโลราโด และในรัฐวอชิงตันซึงกญั ชาถูกกฎหมายตังแต่ปี 2555 พบว่าสถติ เิ ดียวกนั ลดลงเลก็ น้อย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 สาํ นักบริหารความปลอดภัยในการจราจรบนทางด่วนแห่งชาติ (National Highway Traffic Safety Administration) รายงานว่าอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนในช่วงปี 2558 และ 2559 เพิมขึนทวั ประเทศ ซึงระบุว่าเป็นผลจากการทเี ศรษฐกจิ ดีขึนและราคานาํ มันทลี ดลง โดยหมายเหตุว่า คนจาํ นวนมากขนึ ขบั รถในระยะทางไกลขนึ 102 ดังนันเมือคาํ นวณโดยใช้จาํ นวนไมล์ของการเดินทางเป็นตัวหาร จะพบว่าอตั ราตายจากอุบัติเหตุในรัฐ ทแี ก้กฎหมายแล้วมีจาํ นวนลดลง 103 104 ภาพที 24 อตั ราตายจากอบุ ตั ิ ทคี าํ นวณโดยใช้จาํ นวนไมล์ของการเดินทางเป็นตวั หาร 3.10.9 การใชส้ ารเสพติดรา้ ยแรงอย่างอืนลดลง การใช้กญั ชาและสารเสพติดอนื ๆ ในช่วง 30 วันทผี ่านมา ของนักเรียนระดับมัธยมที 2, 4 และ 6 ใน มลรัฐจาํ นวน 21 มลรัฐ ทอี อกกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ จนถึง ปี ค.ศ.2015 พบว่า อัตราการใช้กัญชา และสารเสพติดอนื ๆ ลดลง 105 (ตารางที 2) ตารางที 2 การใช้กญั ชาและสารเสพติดอนื ๆ ในช่วง 30 วันทผี ่านมา ของนักเรียนระดับมัธยมที 2, 4 และ 6 ในรัฐต่างๆ จาํ นวน 21 มลรัฐ ทอี อกกฎหมายกญั ชาทางการแพทย์ จนถงึ ปี ค.ศ.2015 ใชใ้ นช่วง 30 วนั ทีผ่านมา ความชุก p-value 24
กญั ชา มัธยมที 2 ก่อนแกก้ ฎหมาย หลงั แกก้ ฎหมาย < 0.0001 สารเสพติดอืนๆ มธั ยมที 4 7.9 5.8 0.9375 มธั ยมที 6 17.3 17.3 0.6204 มธั ยมที 2 21.9 21.3 < 0.0001 มธั ยมที 4 4.4 3.4 0.5518 มัธยมที 6 6.2 6.1 0.1567 8.2 8.7 เช่นเดียวกับการศึกษาอีกงานทรี ัฐโคโลราโด ทพี บว่า หลังการแก้กฎหมาย เยาวชน อายุ 12-17 ปี ไม่ไดไ้ ปใช้สารเสพติดอย่างอืนเพิมขึน แต่กลับพบว่าบริโภคสุราและบุหรีลดลง106 (ภาพที 25) นันกค็ ือ กญั ชาไม่ได้เป็น Gateway drug แต่เป็น Exit drug ภาพที 25 อตั ราการบริโภคสารเสพติดของเยาวชน อายุ 12-17 ปี รฐั โคโลราโด ปี ค.ศ.2005-2015 3.10.10 ลดอาชญากรรม ในสหรัฐอเมริกา พบว่ามลรัฐทแี ก้กฎหมายแล้ว คดีความเกยี วกบั กญั ชาลดลง ทาํ ให้ตาํ รวจและระบบ ยุติธรรมมเี วลาไปทาํ งานอนื ๆ ทสี าํ คัญได้มากขนึ ส่งผลทาํ ให้อาชญากรรมลดลง 107 นายจอห์น สปี ซซ์ นายอาํ เภอเขต Chaffee County ของรัฐโคโลราโด ให้สัมภาษณ์สือท้องถิน The Mountain Mail ไว้ในเดือนสิงหาคม ว่า “เท่าทผี มเหน็ ยังไม่พบประเดน็ อะไรเป็นพิเศษเกียวกับการ บังคับใช้กฎหมายเกียวกับกัญชา” และนายจิมมี ทิดเวลล์ หัวหน้าตาํ รวจหน่วย Buena Vista เสริมว่า “กับ 25
กญั ชา คุณจะไม่เจอประเดน็ พฤติกรรมรนุ แรงหรือการใช้ความรนุ แรงในครอบครัว เหมอื นทเี ป็นปัญหาจากคน ใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดร้ายแรง”108 รัฐบาลของมลรัฐโคโลราโดและเจ้าหน้าทบี ังคับใช้กฎหมาย ได้กล่าวซาํ หลายครังว่า มีข้อมูลไม่เพียง พอทีจะสรุปได้ว่ากฎหมายเกียวกับกัญชาของมลรัฐส่งผลกระทบหรือไม่-อย่างไรบ้าง กับอัตราการเกิด อาชญากรรม; ไม่มีหลักฐานว่าการใช้กัญชาเป็นปัจจัยให้เกิดอาชญากรรมเพิมขึน และสถิติอาชญากรรมใน ภาพรวมของมลรัฐกค็ ่อนข้างคงทีและในบางกรณีลดลงเล็กน้อย; ฝ่ ายตํารวจรายงานว่า อาชญากรรมที เกียวเนืองกับอุตสาหกรรมกัญชา ถือเป็ นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยมากเมือเทียบกับสถิติอาชญากรรมใน ภาพรวม109 ภาพที 26 สถติ ิการก่ออาชญากรรมลดลง ในรัฐทแี ก้กฎหมายแล้ว 3.10.11 สถติ ิการฆ่าตวั ตายลดลง การศึกษาทปี ระเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า รัฐทแี ก้กฎหมายให้นาํ กัญชามาใช้ในทางการแพทย์ได้ จะมี อตั ราการฆ่าตัวตายลดลง มากกว่ารัฐทยี ังไม่ได้แก้กฎหมาย 110 เพราะยากญั ชามีฤทธิในการลดความเครียด ภาวะป่ วยทางจิตหลังเหตุการณร์ นุ แรง (PTSD) และลดอาการปวดทรมานได้ดี 111 26
ภาพที 27 สถติ ิการฆ่าตวั ตายลดลง ในรัฐทแี ก้กฎหมายแล้ว 3.10.12 ลดค่าใชจ้ ่ายของกระบวนการยตุ ิธรรม จากการศกึ ษาทมี ลรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา หลังจากแก้กฎหมายให้มีการใช้กญั ชาทางการแพทย์ได้ และต่อมาขยายเป็นสามารถใช้แบบสนั ทนาการได้ พบว่า คดคี วามเกยี วกบั กญั ชาทไี ปถงึ ชันศาล ลดลงถงึ 81% คือจาก 10,340 คดีในปี 2555 เป็ น 1,954 คดีในปี 2558 112 เจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ต้อง เสยี เวลาในการจับกุม เขียนบันทกึ หรือไปขึนศาลในคดีการกระทาํ ผิดเลก็ ๆ น้อยๆ ทเี กยี วกบั กญั ชาอกี ต่อไป ซึงหมายความว่าเจ้าหน้าทสี ามารถให้เวลามากขนึ กบั คดอี าชญากรรมร้ายแรง (ภาพที 28) 113 ศาสตราจารย์เจฟฟรี ไมรอน แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ศึกษาวิจัยพบว่า ถ้าสหรัฐอเมริกามีการแก้ กฎหมายทงั ประเทศจะประหยัดงบประมาณทีต้องสญู เสยี ไปกับค่าใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรมได้ทงั หมด 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และมีโอกาสทจี ะได้ภาษีจากการค้าขายกัญชาและธุรกรรมทีเกียวข้อง 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และถ้าคิดอตั ราภาษีเท่ากบั เหล้าบุหรี จะได้ภาษี 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ดังนัน ถ้ารวม 2 หมวด จะคดิ เป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ เทา่ กบั 9,400 ถงึ 13,200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 114 ภาพที 28 คดเี กยี วกบั กญั ชาลดลง หลังแก้กฎหมาย 27
4. เป้ าหมายการแกป้ ัญหา 4.1 เป้ าหมายสงู สุด คือ การสร้างความมันคง ความมังคัง อย่างยังยืน ให้กับคนไทยถ้วนหน้า (ไม่ใช่แค่บาง คนบางกลุ่ม) 4.2 คนไทยเจบ็ ป่ วยน้อยลง ตายน้อยลง ทงั เดก็ และผู้ใหญ่ รวมถงึ คนทอี ยู่ในครรภ์มารดา 4.3 คนไทยมคี ุณภาพชีวติ ทดี ี มกี าํ ลังวังชาไปดูแลครอบครัวและสงั คม 4.4 ระบบต่างๆ หน่วยงานต่างๆในสังคม มีความสามารถในการปกป้ องคนไทยจากภยันตรายต่างๆ เช่น สารพิษ และมีศักยภาพในการทาํ สงิ ต่างๆ ด้วยตนเอง พึงตนเองมากขึน มีความเป็นไท ไม่เอาอธิปไตยของ ไทยไปให้ชาติอนื ๆ 5. การดาํ เนินงานทางนติ ิบญั ญตั ิ เพอื ให้ “กญั ชา” เกิดประโยชนส์ ูงสุดต่อคนไทย “แก้กฎหมายเก่าหรือออกกฎหมายใหม่” ทบี ัญญัตใิ ห้... 5.1 คืนอาํ นาจให้คนไทยทุกคนมสี ทิ ธปิ ลูกกญั ชา โดยไม่จาํ กดั จาํ นวน และไม่ต้องขออนุญาตใคร 5.2 บรรจุยากญั ชาไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ทที งั สถานพยาบาลภาครัฐและภาพเอกชนสามารถใช้ได้ 5.3 ส่งเสริมการทาํ ธุรกจิ กญั ชา มากกว่าควบคุมจาํ กดั 5.4 ป้ องกนั การผูกขาด 5.5 ห้ามการนาํ เข้า การจาํ หน่าย การใช้กญั ชาสงั เคราะห์ 6. สรุปปิ ดทา้ ย ถ้าทาํ ได้ตามข้อเสนอข้างต้น ปัญหาสุขภาพของคนไทยจะลดลง ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และ สาธารณสุข ประเทศไทยจะพึงตนเองด้านยาได้มากขึน มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเพิมขึน ประเทศไทยจะเป็น ศูนยก์ ลางกญั ชาทางแพทย์ของโลก รัฐสภาอนั ศักดิสิทธิแห่งนี มีโอกาสอย่างสงู มากในปัจจุบัน ทจี ะฝากมรดกอนั ลาํ ค่านีให้กบั คนในชาติ และสมาชิกรัฐสภาทุกคนชุดนี จะได้รับการยกย่องจากสงั คมว่า “เป็นผู้มีส่วนทาํ ให้ประชาธปิ ไตยแก้ปัญหาของ ประชาชนได้” 28
ภาพที 29 กญั ชาขึนทวั ไปในประเทศอนิ เดีย มีการปลูกใน 400 เมืองจาก 640 เมือง ชาวอินเดียใช้ กญั ชาบูชาพระศวิ ะมานานนับพันปี 115 116 เอกสารอา้ งอิง 1 วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์, พสิษฐ์ พัจนา. สถานการณ์การใช้บริการสุขภาพ: ความแตกต่างระหว่างเพศ อายุ และพืนที. ส ถ า บั น วิ จั ย เ พื อ ก า ร พั ฒ น า ป ร ะ เ ท ศ . 10 ม ก ร า ค ม 2562. Available from https://tdri.or.th/2019/01/ [https://tinyurl.com/ydh8kp5o] 2 คุณวิศรุต จารุอนันตพงษ์. 5 กลุ่มโรคร้ายแรง ทคี นไทยเสยี ชีวิตสงู สดุ . อ้างใน สาํ นักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คม แห่งชาติ. 13 มกราคม 2563. Available from https://www.tisco.co.th/th/advisory/top5-deadliest-group-diseases- thailand.html 3 โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ, ลือชัย ศรีเงินยวง, ณรงค์ฤทธิ อัศวรงค์พิภพ, ธันวรุจน์ บูรณสุขสกุล, วนิดา ชนินทยุทธวงศ์, วิมล วรรณ ปัญญาว่อง, ธวัลรัตน์ ศรีวิลาส. สถานการณค์ วามพิการและการเข้าถงึ บริการสขุ ภาพและบริการทจี าํ าเป็นของรัฐสาํ หรับ เดก็ พิการในชุมชน. วารสารวิจัยระบบสาธารณสขุ . 2561;12(3):469-79. 4 ณัฐนันท์ วิจติ รอกั ษร, อลงกรณ์ ฉลาดสขุ , พิมพ์ชนก เกอื รอด, ภัทร อภิวัฒนกุล, ขวัญกมล ถนัดค้า. ประมาณการค่าใช้จ่าย สาธารณะด้านสขุ ภาพในอกี 15 ปี ข้างหน้า. กรุงเทพฯ: สถาบนั วจิ ยั เพือการพัฒนาประเทศไทย. 2561. 5 วิโรจน์ ตังเจริญเสถียร, วรณนั วิทยาพิภพสกุล, วริศา พานิชเกรียงไกร, วลัยพร พัชรนฤมล, แอนน์ มิลส.์ การพัฒนาระบบ สุขภาพในประเทศไทย: รากฐานสําคัญของการบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ า.(แปลจาก) Lancet. 2018 Mar 24;391(10126):1205-1223. doi: 10.1016/S0140-6736(18)30198-3. 6 แหล่งข้อมูลทนี าํ มาคาํ นวณ: www.fda.moph.go.th และ www.bot.or.th 7 https://www.thaipan.org/highlights/1311 8 Pertwee RG (Ed.). Endocannabinoids. London: Springer International Publishing Switzerland 2015. 9 Russo EB. Clinical endocannabinoid deficiency reconsidered: current research supports the theory in migraine, fibromyalgia, irritable bowel, and other treatment-resistant syndromes. Cannabis Cannabinoid Res. 2016 Jul 1;1(1):154-165. doi: 10.1089/can.2016.0009. 29
10 Sicard C. The Unholy Trinity: Anslinger, Hearst and Rockefeller – Cannabis History. (October 14, 2015) Available at: https://www.seniorstoner.com/education/anslinger-hearst-rockefeller-cannabis-history/ [Accessed 2019-12- 03] 11 Hui-Lin L. An archaeological and historical account of cannabis in China. Econ Bot 1974;28:437-48. 12 วีรยา ถาอุปชิต, นุศราพร เกษสมบูรณ์. การใช้กัญชาทางการแพทย์. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน. 2560; 13 (Suppl.): 228-40. 13 Hand A, Blake A, Kerrigan P et al. History of medical cannabis. J Pain Manage 2016;9(4):387-94. 14 Reynolds JR. On the therapeutic uses and toxic effects of cannabis indica. The Lancet 1890; March 22,637-38. 15 Osler W. The Principles and Practice of Medicine. (Second Edition) New York: D Appleton and Company. 1895. 16 Hempshopper. Marijuana is listed in the U.S. Pharmacopoeia. Available at http://www.hempshopper.com/en/19th- century/94-1851. [Accessed 2019-04-22] 17 Holland J (Ed.). The Pot Book: A Complete Guide to Cannabis – Its Role in Medicine, Politics, Science and Culture. Rochester: Park Street Press. 2010. 18 Merck. Materia Medica: A Ready Reference Pocket Book for The Physician and Surgeon. Published by E. Merck Daemstad (Germany). 1899. Available at https://www.gutenberg.org/ebooks/41697 [Accessed 2019-12-03] 19 Starfield B. Is US Health Really the Best in the World? JAMA. 2000 Jul 26;284(4):483-5. doi: 10.1001/jama.284.4.483. 20 https://www.bmj.com/content/353/bmj.i2139 21 Concheiro M, Chesser R, Pardi J, Cooper G. Postmortem Toxicology of New Synthetic Opioids. Front Pharmacol. 2018 Oct 26;9:1210. doi: 10.3389/fphar.2018.01210. 22 Helmerhorst GT, Teunis T, Janssen SJ, Ring D. An epidemic of the use, misuse and overdose of opioids and deaths due to overdose, in the United States and Canada: is Europe next? Bone Joint J. 2017 Jul;99-B(7):856-64. doi: 10.1302/0301-620X.99B7.BJJ-2016-1350.R1. 23 Jeong S, Tchoe HJ, Li J, Shin JY. All-Cause Mortality Associated with Tramadol Use: A Case-Crossover Study. Drug Saf. 2019 Jun;42(6):785-796. doi: 10.1007/s40264-018-00786-y. 24 Zeng C, Dubreuil M, LaRochelle MR, Lu N, Wei J, Choi HK, Lei G, Zhang Y. Association of Tramadol With All- Cause Mortality Among Patients With Osteoarthritis. JAMA. 2019 Mar 12;321(10):969-982. doi: 10.1001/jama.2019.1347. 25 Lee J, Pilgrim J, Gerostamoulos D, Robinson J, Wong A. Increasing rates of quetiapine overdose, misuse, and mortality in Victoria, Australia. Drug Alcohol Depend. 2018 Jun 1;187:95-9. doi: 10.1016/j.drugalcdep.2018.03.002. 26 https://en.wikipedia.org/wiki/Legality_of_cannabis 30
27 McCormick M (eds). The Health Effects of Cannabis and Cannabinoids: The Current State of Evidence and Recommendations for Research. 2017. Available at http://www.nationalacademies.org/hmd/Reports/2017/health- effects-of-cannabis-and-cannabinoids.aspx [Accessed 2019-04-25] 28 Landschaft Y. Medical Grade Cannabis. The Israeli Medical Cannabis Agency (IMCA), Ministry of Health. 2017. 29 ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ขนาดยาจากกญั ชา. เอกสารประกอบการบรรยาย เรือง กญั ชาทางการแพทย์. จดั โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ . วันที 23-24 พฤษภาคม 2562. ณ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ กรงุ เทพมหานคร. 30 Broers B, Patà Z, Mina A et al. Prescription of a THC/CBD-Based Medication to Patients with Dementia: A Pilot Study in Geneva. Med Cannabis Cannabinoid. 2019. DOI: 10.1159/000498924 31 Russo EB. Cannabis Therapeutics and the Future of Neurology. Frontier in Integrative Neuroscience 2018. doi: 10.3389/fnint.2018.00051 32 International Association for Cannabinoid Medicines. Available at https://www.cannabis-med.org [Accessed 2019- 12-03] 33 Granny Storm Crow (penned name). Available at https://grannystormcrowslist.wordpress.com/the-list/ [Accessed 2019-12-03] 34 Simpson R. The Rick Simpson Story. Available at http://phoenixtears.ca [Accessed 2019-04-23] 35 Sulak D. Strategies for Non-Psychoactive Cannabis Use. Available at www.healer.com [Accessed on 2019-04-22] 36 Fishbein-Kaminietsky M, Gafni M, Sarne Y. Ultralow doses of cannabinoid drugs protect the mouse brain from inflammation-induced cognitive damage. J Neurosci Res 2014;92:1669–77. 37 https://patents.google.com/patent/US6630507B1/en 38 Shelef A, Barak Y, Berger U, Paleacu D, Tadger S, Plopsky I, Baruch Y. Safety and efficacy of medical cannabis oil for behavioral and psychological symptoms of dementia: An-open label, add-on, pilot study. J Alzheimers Dis. 2016;51(1):15-9. doi: 10.3233/JAD-150915. 39 Kozela E, Juknat A, Vogel Z. Modulation of astrocyte activity by cannabidiol, a nonpsychoactive cannabinoid. Int J Mol Sci. 2017 Jul 31;18(8):1669. doi: 10.3390/ijms18081669. 40 Rajavashisth TB, Shaheen M, Norris KC, Pan D, Sinha SK, Ortega J, Friedman TC. Decreased prevalence of diabetes in marijuana users: cross-sectional data from the National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) III.BMJ Open. 2012 Feb 24;2:e000494. 41 Nugent SM, Morasco BJ, O'Neil ME, et al. The effects of cannabis among adults with chronic pain and an overview of general harms: A systematic review. Ann Intern Med. 2017 Sep 5;167(5):319-331. 42 Carl Hart. Why research is biased against pot to focus on its harm and not its benefits. Available at https://www.dallasnews.com/opinion/commentary/2014/09/11/why-research-is-biased-against-pot-to-focus- on-its-harm-and-not-its-benefits [Accessed 2019-04-24] 43 Kirkbride JB, Errazuriz A, Croudace TJ, Morgan C, Jackson D, McCrone P, Murray RM, Jones PB. Systematic Review of the Incidence and Prevalence of Schizophrenia and Other Psychoses in England. Conducted for the Department of Health Policy Research Programme. 2012. 31
44 Hickman M, Vickerman P, Macleod J, Kirkbride J, Jones PB. Cannabis and schizophrenia: model projections of the impact of the rise in cannabis use on historical and future trends in schizophrenia in England and Wales. Addiction. 2007;102(4):597–606. 45 Kirkbride JB et al. Systematic review of the incidence and prevalence of Schizophrenia and other psychoses in England. 2012. Available at https://www.psychiatry.cam.ac.uk/files/2014/05/Final-report-v1.05-Jan-12.pdf [Accessed 2019-12-03] 46 Ksir C, Hart CL. Cannabis and Psychosis: a Critical Overview of the Relationship. Curr Psychiatry Rep. 2016 Feb;18(2):12. doi: 10.1007/s11920-015-0657-y. 47 Leweke FM, Piomelli D, Pahlisch F, et al. Cannabidiol enhances anandamide signaling and alleviates psychotic symptoms of schizophrenia. Transl Psychiatry. 2012;2:e94. doi:10.1038/tp.2012.15. 48 McGuire P, Robson P, Cubala WJ, et al. Cannabidiol (CBD) as an adjunctive therapy in schizophrenia: A multicenter randomized controlled trial. AJP in Advance. doi: 10.1176/appi.ajp.2017.17030325. 49 Lucas P, Walsh Z, Crosby K, Callaway R, Belle-Isle L, Kay R, Capler R, Holtzman S. Substituting cannabis for prescription drugs, alcohol and other substances among medical cannabis patients: The impact of contextual factors. Drug Alcohol Rev. 2016 May;35(3):326-33. doi: 10.1111/dar.12323. 50 Lucas P, Baron EP, Jikomes N. Medical cannabis patterns of use and substitution for opioids & other pharmaceutical drugs, alcohol, tobacco, and illicit substances; results from a cross-sectional survey of authorized patients. Harm Reduct J. 2019 Jan 28;16(1):9. doi: 10.1186/s12954-019-0278-6. 51 Camchong J, Lim KO, Kumra S. Adverse Effects of Cannabis on Adolescent Brain Development: A Longitudinal Study. Cereb Cortex. 2017;27(3):1922-1930. doi: 10.1093/cercor/bhw015. 52 Weiland BJ, Thayer RE, Depue BE, Sabbineni A, Bryan AD, Hutchison KE. Daily marijuana use is not associated with brain morphometric measures in adolescents or adults. J Neurosci. 2015 Jan 28;35(4):1505-12. doi: 10.1523/JNEUROSCI.2946-14.2015. 53 Mokrysz C, Landy R, Gage S, Munafò M, Roiser J, Curran H. Are IQ and educational outcomes in teenagers related to their cannabis use? A prospective cohort study. J Psychopharmacol. 2016 Feb;30(2):159-68. doi: 10.1177/0269881115622241. 54 Meier MH, Caspi A, Danese A, Fisher HL, Houts R, Arseneault L et al. Associations between adolescent cannabis use and neuropsychological decline: a longitudinal co-twin control study. Addiction 2018; 113: 257–65. doi:10.1111/add.13946. 55 Tzadok M, Uliel-Siboni S, Linder I, Kramer U, Epstein O, Menascu S, Nissenkorn A, Yosef OB, Hyman E, Granot D, Dor M, Lerman-Sagie T, Ben-Zeev B. CBD-enriched medical cannabis for intractable pediatric epilepsy: The current Israeli experience. Seizure. 2016 Feb;35:41-4. doi: 10.1016/j.seizure.2016.01.004. 56 Deher MC, Nugent K, Hudgins R. Prenatal marijuana exposure and neonatal outcomes in Jamaica: an ethnographic study. Pediatrics. 1994 Feb;93(2):254-60. PMID:8121737 32
57 Ravi D, Ghasemiesfe M, Korenstein D, Cascino T, Keyhani S. Associations between marijuana use and cardiovascular risk factors and outcomes: A systematic review. Ann Intern Med. 2018 Feb 6;168(3):187-94. doi: 10.7326/M17- 1548. 58 Rajavashisth TB, Shaheen M, Norris KC, Pan D, Sinha SK, Ortega J, Friedman TC. Decreased prevalence of diabetes in marijuana users: cross-sectional data from the National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) III. BMJ Open. 2012 Feb 24;2:e000494. 59 Burt JR, Agha AM, Yacoub B, Zahergivar A, Pepe J. Marijuana use and coronary artery disease in young adults. PLoS One. 2020 Jan 29;15(1):e0228326. doi: 10.1371/journal.pone.0228326. 60 López-Cardona AP, Ibarra-Lecue I, Laguna-Barraza R, Pérez-Cerezales S, Urigüen L, Agirregoitia N, Gutiérrez- Adán A, Agirregoitia E. Effect of chronic THC administration in the reproductive organs of male mice, spermatozoa and in vitro fertilization.Biochem Pharmacol. 2018;157:294-303. doi: 10.1016/j.bcp.2018.07.045. 61 Wikipedia. List of cannabis companies. Available at https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_cannabis_companies. [Accessed on 2019-04-22] 62 Sam AH, Salem V, Ghatei MA. Rimonabant: From RIO to Ban. J Obes. 2011;2011:432607. doi: 10.1155/2011/432607. 63 Wikipedia. Cannabinoid. Available at https://en.wikipedia.org/wiki/Cannabinoid [Accessed 2019-12-03] 64 Di Forti M, Marconi A, Carra E, et al. Proportion of patients in south London with first-episode psychosis attributable to use of high potency cannabis: a case-control study. Lancet Psychiatry. 2015 Mar;2(3):233-8. 65 Mensen VT, Vreeker A, Nordgren J, Atkinson A, de la Torre R, Farré M, Ramaekers JG, Brunt TM. Psychopathological symptoms associated with synthetic cannabinoid use: a comparison with natural cannabis. Psychopharmacology (Berl). 2019 Sep;236(9):2677-2685. doi: 10.1007/s00213-019-05238-8. 66 Boland DM, Reidy LJ, Seither JM, Radtke JM, Lew EO. Forty-Three Fatalities Involving the Synthetic Cannabinoid, 5-Fluoro-ADB: Forensic Pathology and Toxicology Implications. J Forensic Sci. 2020 Jan;65(1):170-182. doi: 10.1111/1556-4029.14098. 67 Bradford AC, Bradford WD. Medical marijuana law reduce prescription medication use in Medicare Part D. https://doi.org/10.1377/hlthaff.2015.1661 68 http://www.ipsr.mahidol.ac.th/ipsrbeta/th/Gazette.aspx 69 Neurology Asia 2016; 21(1) : 41 – 46 70 Lotan I, Treves TA, Roditi Y, Djaldetti R. Cannabis (medical marijuana) treatment for motor and non-motor symptoms of Parkinson disease: an open-label observational study. Clin Neuropharmacol. 2014 Mar-Apr;37(2):41- 4. doi: 10.1097/WNF.0000000000000016. 71 www.neurology-asia.org/articles/19971_007.pdf 72 Devinsky O, Patel AD, Thiele EA, et al.Randomized, dose-ranging safety trial of cannabidiol in Dravet syndrome. Neurology. 2018 Apr 3;90(14):e1204-e1211. doi: 10.1212/WNL.0000000000005254. 73 http://www.ipsr.mahidol.ac.th/ipsrbeta/th/Gazette.aspx 33
74 วิชัย เอพลากรและคณะ. รายงานการสาํ รวจสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครังที . นนทบุรี: สาํ นักงานสาํ รวจ สขุ ภาพประชากรไทย. 2559. 75 van den Elsen GAH, Ahmed AIA, Verkes RJ et al. Tetrahydrocannabinol for neuropsychiatric symptoms in dementia A randomized controlled trial. Neurology 2015;84(9):2338-46. 76 Kopetz PB, Endowed ED: Autism worldwide: prevalence, perceptions, acceptance, action. J Soc Sci. 2012; 8(2): 196–201 77 Barchel D, Stolar O, De-Haan T, et al. Oral Cannabidiol Use in Children With Autism Spectrum Disorder to Treat Related Symptoms and Co-morbidities. Front Pharmacol. 2019 Jan 9;9:1521. doi: 10.3389/fphar.2018.01521. 78 www.neurology-asia.org/articles/19971_007.pdf 79 Flacheneckera P, Saccàb F, Vilac C. Variability of Multiple Sclerosis Spasticity Symptoms in Response to THC:CBD Oromucosal Spray: Tracking Cases through Clinical Scales and Video Recordings. Case Rep Neurol 2018;10:169– 76. DOI: 10.1159/000490376 80 Kitisomprayoonkul W. Validation study of the Thai ID Pain Scale. J Med Assoc Thai 2011; 94 (5): 610-5. 81 Nugent SM, Morasco BJ, O'Neil ME, et al. The Effects of Cannabis Among Adults With Chronic Pain and an Overview of General Harms: A Systematic Review. Ann Intern Med. 2017 Sep 5;167(5):319-331. doi: 10.7326/M17-0155. 82 Aekplakorn W, Chariyalertsak S, Kessomboon P, Assanangkornchai S, Taneepanichskul S, Putwatana P.Prevalence of Diabetes and Relationship with Socioeconomic Status in the Thai Population: National Health Examination Survey, 2004-2014.J Diabetes Res. 2018 Mar 1;2018:1654530. doi: 10.1155/2018/1654530. eCollection 2018. 83 Jadoon KA, Ratcliffe SH, Barrett DA, et al. Efficacy and Safety of Cannabidiol and Tetrahydrocannabivarin on Glycemic and Lipid Parameters in Patients With Type 2 Diabetes: A Randomized, Double-Blind, Placebo-Controlled, Parallel Group Pilot Study. Diabetes Care. 2016 Oct;39(10):1777-86. 84 WHO. International Agency for Research on Cancer. Cancer Today. https://gco.iarc.fr/ [https://tinyurl.com/y579b349] 85 Rocha FM, Stefano SC, De Cassia Haiek R, Oliveira LR, Silveira DD. Therapeutic use of Cannabis sativa on chemotherapy-induced nausea and vomiting among cancer patients: systematic review and meta-analysis. Eur J Cancer Care. 2008;17:431–43. 86 Bar-Lev Schleider L, Mechoulam R, Lederman V, Hilou M, Lencovsky O, Betzalel O, Shbiro L, Novack V. Prospective analysis of safety and efficacy of medical cannabis in large unselected population of patients with cancer. Eur J Intern Med. 2018 Mar;49:37-43. doi: 10.1016/j.ejim.2018.01.023. 87 Dumitru CA, Sandalcioglu IE, Karsak M. Cannabinoids in Glioblastoma Therapy: New Applications for Old Drugs. Front Mol Neurosci. 2018; 11: 159. doi: 10.3389/fnmol.2018.00159 88 http://social.nesdb.go.th/ 89 Bedi G, Foltin RW, Gunderson EW. Efficacy and Tolerability of High-Dose Dronabinol Maintenance in HIV-Positive Marijuana Smokers: A Controlled Laboratory Study. Psychopharmacology (Berl). 2010; 212(4): 675–86. 90 กรมสขุ ภาพจติ . ฐานข้อมูลป้ องกนั ปัญหาสขุ ภาพจิต. http://mpis.srithanya.go.th/MHC/prevalence.aspx 34
91 Shannon S, Lewis N, Lee H, Hughes S. Cannabidiol in Anxiety and Sleep: A Large Case Series. Perm J. 2019;23:18-041. doi: 10.7812/TPP/18-041. 92 กรมสขุ ภาพจติ . ฐานข้อมูลป้ องกนั ปัญหาสขุ ภาพจติ . http://mpis.srithanya.go.th/MHC/prevalence.aspx 93 Kleczkowska P, Smaga I, Filip M, Bujalska-Zadrozny M. Cannabinoid Ligands and Alcohol Addiction: A Promising Therapeutic Tool or a Humbug? Neurotox Res. 2016; 29: 173–196. doi: 10.1007/s12640-015-9555-7 94 www.frontierdata.com 95 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 96 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 97 https://www.huffingtonpost.ca/2016/10/27/marijuana-legalization-market-size-canada_n_12676754.html 98 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 99 Reed JK. Impacts of Marijuana Legalization in Colorado: A Report Pursuant to Senate Bill 13‐283. Denver: Colorado Department of Public Safety. 2018. 100 Howell A. Will Marijuana Legalization Increase Hospitalizations and Emergency Visits? Reason Foundation. 2018. Available at: www.reason.org/topics/drugpolicy 101 Bachhuber MA, Saloner B, Cunningham CO, Barry CL. Medical cannabis laws and opioid analgesic overdose mortality in the United States, 1999-2010. JAMA 2014. Intern Med; 174:1668–73. 102 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 103 Caulkin JP, Kilmer B, Kleiman MAR. Marijuana Legalization: What Everyone Needs to Know (Second Edition). New York: Oxford University Press. 2016. 104 Reed JK. Impacts of Marijuana Legalization in Colorado: A Report Pursuant to Senate Bill 13‐283. Denver: Colorado Department of Public Safety. 2018. 105 Cerdá M, Sarvet AL, Wall M, Feng T, Keyes KM, Galea S, Hasin DS. (2018). Medical marijuana laws and adolescent use of marijuana and other substances: Alcohol, cigarettes, prescription drugs, and other illicit drugs. Drug and Alcohol Dependence. 2018;183(December 2017), 62–68. https://doi.org/10.1016/j.drugalcdep.2017.10.021 106 Reed JK. Impacts of Marijuana Legalization in Colorado: A Report Pursuant to Senate Bill 13‐283. Denver: Colorado Department of Public Safety. 2018. 107 Reed JK. Impacts of Marijuana Legalization in Colorado: A Report Pursuant to Senate Bill 13‐283. Denver: Colorado Department of Public Safety. 2018. 108 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 109 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/ 110 Anderson DM, Rees DI, Sabia JJ. Medical marijuana laws and suicides by gender and age. Am J Public Health. 2014 Dec;104(12):2369-76. doi: 10.2105/AJPH.2013.301612. Epub 2014 Jan 16. 111 Shannon S, Lewis N, Lee H, Hughes S. Cannabidiol in Anxiety and Sleep: A Large Case Series. Perm J. 2019;23:18-041. 35 112 https://www.mpp.org/issues/legalization/regulationworks/
113 http://www.drugpolicy.org/legalization-status-report 114 Miron J. The Budgetary Implications of Marijuana Prohibition. In: Pot Politics: Marijuana and the Costs of Prohibition. Oxford University Press, Inc. 2006. 115 Johnson W. Cannabis in Spiritual Practice. Vermont: Inner Traditions and Bear Company. 2018. 116 https://www.catdumb.com/romesh-bhattacharji-007/ 36
ภาคผนวก จ ภาพประกอบการประชุมของคณะอนกุ รรมาธิการ
ภาพประกอบการประชุมของคณะอนกุ รรมาธกิ าร
ภาคผนวก ฉ ภาพประกอบการศกึ ษาดูงานของคณะอนกุ รรมาธกิ าร
ภาพประกอบการศกึ ษาดูงานของคณะอนุกรรมาธกิ าร
ผนวก ข รายงานของคณะอนุกรรมาธกิ ารพจิ ารณาศึกษา หาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเกย่ี วกับการใชก้ ัญชง อยา่ งเปน็ ระบบ ในคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาหาแนวทาง การแกไ้ ขปัญหาเก่ียวกบั การใชก้ ัญชา กัญชง และกระทอ่ ม อยา่ งเปน็ ระบบ สภาผู้แทนราษฎร
รายงานผลการพิจารณาศึกษา เร่อื ง “การแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชง (Hemp) อย่างเปน็ ระบบ” ของ คณะอนุกรรมาธกิ ารพจิ ารณาศกึ ษาหาแนวทางการแกไ้ ขปญั หา เกีย่ วกบั การใชก้ ญั ชงอยา่ งเป็นระบบ ในคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพจิ ารณาศกึ ษา หาแนวทางการแก้ไขปญั หาเกย่ี วกบั การใชก้ ญั ชา กญั ชง และกระทอ่ มอย่างเปน็ ระบบ สภาผู้แทนราษฎร กลุม่ งานคณะกรรมาธกิ ารการแรงงาน สานกั กรรมาธิการ ๓ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร กันยายน ๒๕๖๓
ก รายนามคณะอนกุ รรมาธิการพจิ ารณาศกึ ษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกีย่ วกบั การใช้ กญั ชงอย่างเป็นระบบ ในคณะกรรมาธิการวิสามญั พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้ กญั ชา กัญชง และกระทอ่ มอยา่ งเป็นระบบ นางพรรณสิริ กลุ นาถศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายณฐั พล สบื ศักด์ิวงศ์ นายสาคร เกยี่ วขอ้ ง นายคมสัณห์ ฐานะโชตพิ นั ธ์ุ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนทหี่ น่ึง รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ คนทีส่ อง รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ คนท่สี าม นายมารุต มัสยวาณิช นายธรี ะยทุ ธ วานชิ ชงั นายลอย ชุนพงษ์ทอง ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ นายวีระชยั ณ นคร นายวิฑูร เนตวิ ิวฒั น์ นายนติ ิ สันแสนดี อนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ เลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธิการ
ข บทสรุปผู้บริหาร “กัญชง (Hemp)” พืชเศรษฐกิจสาคัญของโลกที่มีคุณค่ามหาศาล ท้ังในด้านการแพทย์ เภสัชกรรม ผลิตภัณฑ์บริโภค อุปโภค สุขภาพ และเคร่ืองสาอาง อันยังประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ทง้ั ภาคเกษตรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมให้แกท่ กุ ประเทศ กัญชง (Hemp) แต่เดิมเป็นพืช ให้เส้นใย ท่ีปัจจุบันสามารถนาทุกส่วนของพืชมาประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะสารสาคัญจากดอก คือ CBD (Cannabidiol : C21H30O2) และเมล็ดกัญชง (Hemp Seed) ทีน่ บั วนั จะมมี ลู คา่ สงู อยา่ งตอ่ เนอ่ื งในอนาคต ในการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชงอย่างเป็นระบบ ครั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้กาหนดขอบเขตการศึกษาไว้ ๓ ด้าน คือ ๑) ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และด้านพาณิชยกรรม ๒) ด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ และ ๓) ด้านการควบคุม ติดตามและดแู ลการใชก้ ัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจ ทั้งน้ี พบว่ามีปัญหาและอุปสรรคทั้งในด้านกฎหมายและทางปฏิบัติ ในการใช้พืชกัญชง (Hemp) ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ซ่ึงประเทศไทยมีความเหมาะสมอย่างย่ิงต่อการปลูกพืชกัญชง (Hemp) ทั้งในด้านภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ความเช่ียวชาญด้านเกษตรกรรม แรงงานเกษตรกร ช่ือเสียงในการ เป็ น แห ล่ งผลิ ต อาห ารขอ งโลก และค วาม พ ร้อม ของเท ค โน โลยีส มั ยให ม่ ใน ก ารผ ลิ ต ทางเกษตรกรรม และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทางอุตสาหกรรม เช่น มีสถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนท่ีมีศักยภาพเข้าร่วมศึกษา ค้นคว้าวิจัย ต่อยอด เพ่ือขับเคล่ือน การผลิตและการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านเศรษฐกิจโลก จากสถิติ พ.ศ. ๒๕๖๒ พบว่า กัญชง (Hemp) มียอดจาหน่ายทางการตลาดทั่วโลกอันมีมูลค่าสูงถึง ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ท้ังนี้ ประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญจากการค้นคว้า วิจัยข้อมูลพืช และมีประสบการณ์จากนโยบาย และแนวปฺฏิบัติจากภาครัฐท้ังส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในด้านการผลิต การเก็บเกี่ยว การแปรรูป การควบคุม ติดตามและดูแลเก่ียวกับพืชกัญชง (Hemp) ในพื้นที่นาร่องอย่างเป็นระบบอย่างดี จึงเป็นท่ีเชื่อม่ันว่าจะขับเคลื่อนกัญชง (Hemp) ให้เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงชนิดใหม่ของประเทศ ต่อไป รวมทั้งให้เป็นพืชทางเลือกหรือพืชทดแทนชนิดใหม่ให้กับเกษตรกรไทย เพื่อเข้าไปมีส่วนแบ่ง ของมลู ค่าตลาดโลกทค่ี าดว่าจะเพมิ่ ขึ้นอย่างตอ่ เน่ือง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่นี้ยังมีปัญหาและอุปสรรคอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน กฎหมายที่เป็นกลไกขับเคล่ือนสาคัญลาดับแรกของกัญชง (Hemp) ต่อการแก้ปัญหาและการพัฒนา ที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ซ่ึงประกอบด้วยกฏหมายสาคัญ ดังน้ี ๑) พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และฉบับแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒) ประกาศคณะกรรมการ ควบคุมยาเสพติด ให้โทษ เร่ือง กาหนดลักษณะกัญชง (Hemp) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ค เร่ือง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๔) กฎกระทรวง การขออนุญาต และการอนุญาตผลิต จาหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง ซ่ึงยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะเฮมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ๕) (ร่าง) กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นาเข้า ส่งออก จาหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. .... ตลอดจน กฎระเบียบ คาส่ัง และหลกั ปฏบิ ตั ิทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ การใช้กัญชงอย่างเป็นระบบเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว เพ่ือนาไปสู่การเพิกถอนกัญชงจากบัญชียาเสพติด ให้โทษประเภท ๕ สู่การเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงของไทยในอนาคตต่อไป จึงได้สรุปเป็นข้อสังเกต และข้อเสนอแนะ ดังน้ี ๑. เสนอให้แก้ไข (ร่าง) กฎกระทรวง การขออนญุ าตและการอนุญาตผลิต นาเข้าส่งออก จาหนา่ ยหรือมไี วใ้ นครอบครอง ซึ่งยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. .... ดงั น้ี ๑.๑ ให้เพิ่มเติม คานิยามพืชกัญชง (Hemp) ในพฤกษศาสตร์ (Botany) ด้วยวิธีจาแนก ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Classification) ว่า Cannabis sativa L., และในกฎหมาย (Law) ด้วยวิธีกาหนดค่าทางชีวเคมี (Biochemistry) ของสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ในช่อดอกแห้ง ไม่เกินร้อยละ ๑.๐๐ ๑.๒ ให้แก้ไข “คานิยามในบททั่วไป” เป็น “ข้อ ๔ ในกฎกระทรวงน้ี “ประโยชน์ ครัวเรือน” หมายความว่า การใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของพืช ตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต ดง้ั เดิม สามารถปลูกไดค้ รัวเรือนละไม่เกิน ๒๐ ไร่ แต่การอนุญาตให้ผู้ปลูกเอาช่อดอก ดอก ให้เป็นไป ตามใบอนุญาตปลกู เท่าน้นั ” ๑.๓ ให้แกไ้ ขใน “หมวด ๑ การขออนญุ าตข้อ ๕ (๒)” เป็น “ข้อ ๕ วัตถุประสงค์ในการขออนุญาตผลิต จาหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึง่ ยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) มี ๗ ประเภท ดังต่อไปนี้ เพ่ือผลิต สาหรับใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ทัง้ นี้ ให้ยกเว้นการผลิตภายในอาคาร ในร่ม (Indoors) หรือภายนอกอาคาร กลางแจ้ง (Outdoors) ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีการควบคุม ปัจจัยต่าง ๆ ในการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าท้ังในลักษณะใต้ถุน (Basement) ระเบียง ดาดฟ้า เรอื นกระจก (Greenhouse, Glasshouse) หรอื รูปแบบใด ๆ ก็ตาม” เพอ่ื ผลิต สาหรบั ใช้ประโยชนใ์ นเชงิ พาณิชย์ หรืออตุ สาหกรรม ๑.๔ เสนอใหแ้ กไ้ ข “หมวด ๑ การขออนญุ าต ... ข้อ ๗ (๒)” เป็น “ข้อ ๗ (๒) กรณีผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคล ... ข้อ ๗ (๒) (ค) แก้ไขใน ๒ แนวทางคอื
ง ๑.๔.๑ กรรมการของนิติบุคคล หรือหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นอย่างน้อยสองในสาม เป็นผมู้ ีสญั ชาติไทย หรอื ๑.๔.๒ การประกอบกิจการให้ดาเนินการตามพระราชบัญญัติการประกอบ ธรุ กิจของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. ๒๕๔๒” ๑.๕ ใหแ้ กไ้ ข หมวด ๓ การอนุญาต การดาเนนิ การ ขอ้ ๒๑ (๘) และ ขอ้ ๒๔ (๘) ๒. เสนอให้แก้ไข ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุช่ือยาเสพติดให้โทษ ในประเภท ๕ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ลาดบั ท่ี ๕ ชอื่ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ กัญชง (Hemp) เง่ือนไข ยกเวน้ ๑. ๒. ๓. ๔. และ ๕. ในประเดน็ สาคญั คือ “สารสกัดหรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) รวมท้ังสารสกัดอ่ืน ๆ เช่น CBC CBN CBG Terpene หรือสารอื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง และมี สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๓ โดย น้าหนัก ให้พิจารณาระบุตามกฎหมายประกอบการใช้ประโยชน์ของ สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) รวมทั้งสารสกัดอื่น ๆ เช่น CBC CBN CBG Terpene หรือสารอ่ืน ๆ ที่ เก่ียวข้อง เป็นต้น ซ่ึงเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรืออาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ เคร่ืองด่ืม หรือเครื่องสาอาง ตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรืออาหาร หรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร หรือเคร่ืองด่ืม หรอื เครอ่ื งสาอาง” ๓. เสนอให้ตั้งหน่วยงานกลางในรูปแบบ “คณะกรรมการกัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจ แห่งชาติ” ขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ท้ังส่วนราชการและภาคเอกชน รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญ เพ่ือกาหนดนโยบายแผนและยุทธศาสตร์การพัฒนาส่งเสริมการควบคุมและกากับดูแล การผลักดันเพ่ือให้ใช้กัญชงอย่างเป็นระบบ ครบวงจรและสร้างโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมทกุ คนเขา้ ถึงโอกาสอย่างเปน็ ธรรม” ๔. ข้อสงั เกตและข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ๔.๑ ควรเร่งดาเนินการให้มีการนากัญชงพันธ์ุพ้ืนเมืองหรือพันธ์ุพ้ืนบ้านด้ังเดิม เพื่อมาข้ึนทะเบียนพันธ์ุพืชตามพระราชบัญญัติพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม และ ส่งเสริม จูงใจใหม้ ีการผสมพนั ธแ์ุ ละปรับปรุงพนั ธุ์เพื่อสร้างพันธุก์ ัญชงพันธุ์ใหม่ท่ีให้ผลผลติ เส้นใย เปลอื ก แกนลาต้น เมล็ดพันธ์ุ ชอ่ ดอกที่มีสารสาคัญ CBD สูง โดยมีสาร THC ต่า และให้ผลผลิตเมล็ด ท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพื่อให้สามารถขอยื่นจดทะเบียนคุ้มครองเป็นพันธุ์พืชใหม่ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้การผลิตและอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์กัญชง สามารถแข่งขนั ในตลาดโลกได้ตอ่ ไปอย่างไมจ่ ากดั ๔.๒ เสนอให้มีการขออนุญาตและการอนุญาตท่ีเข้าถึงได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกบั การกากบั ติดตาม และการส่งเสรมิ ให้เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยใหม้ ีความครอบคลุม
จ วัตถุประสงค์ในการขออนุญาตผลิต รวมทั้งการขออนุญาตปลูก จาหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) รวมท้ังปรับปรุงแก้ไขประกาศ กฎกระทรวงฯ ประกาศคณะกรรมการฯ และคาสั่งอ่ืน ๆ ทางกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องมารองรับให้ทันกาลและรวดเร็ว ท้งั ตอ้ งมกี ารแกไ้ ขปรบั ปรุงเพ่ือความเหมาะสมแก่เวลาและสภาพการณ์ปจั จบุ ัน ๔.๓ เสนอให้ระบพุ ืชกญั ชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมและสนับสนุนภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ในด้านองค์ความรู้ ปัจจัยการผลิต และการแปรรูปกัญชง (Hemp) การรับรองมาตรฐานพืชการจดทะเบียนพันธ์ุพืชใหม่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การรับรอง มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การผลักดันการจัดตั้งสมาคม วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ องค์กรอื่น ๆ เพื่อเอกชนและสาธารณะ ตลอดจนสนับสนุนแหล่งเงินทุน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนทุกรูปแบบ ตลอดจนการสนับสนุนจากสานักงานคณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทุน (BOI) ในการส่งเสริมพืชกัญชง และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่นใี้ หป้ ระชาชนอยา่ งทั่วถงึ และเป็นธรรม ๔.๔ ควรส่งเสริมกระบวนการวิจัยและพัฒนาด้านการผลิต แปรรูป แปรสภาพ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ท้ังภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ตลอดจนควรสนับสนุน ภาคพาณิชยกรรม ด้านการตลาดภายในประเทศและต่างประเทศจากหน่วยงานรัฐทั้งหมด การรักษา ส่ิงแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการส่งเสริมให้กัญชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจส่งออก ชนดิ ใหม่ทเ่ี ข้มแข็งข้ึนมาในเรว็ วันอย่างเตม็ ที่ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของพืชกัญชง (Hemp) - “พืชเศรษฐกิจ (Cash Crop)” ที่มีความหมายตามตัวอักษรและตามเจตนารมณ์ว่า “พืชวิเศษที่สร้างรายได้งาม” ชนิดใหม่ ของประเทศไทยใหส้ ามารถแขง่ ขนั เขา้ สตู่ ลาดโลกไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เขม้ แขง็ ยัง่ ยนื และเตบิ โตต่อไป
ฉ สารบญั หน้า ก รายนามคณะอนกุ รรมาธิการ ข บทสรุปผบู้ ริหาร ฉ สารบัญ ๒ ๓ ๑. การดาเนนิ การ ๔ ๒. วิธีการพิจารณาศึกษา ๕ ๓. หนว่ ยงานทเี่ กี่ยวข้อง ๖ ๔. ผลการพิจารณา ๖ ๗ ๔.๑ ดา้ นข้อมูลพชื กญั ชง (Hemp) ๘ ๔.๑.๑ ขอ้ มลู ดา้ นพฤกษศาสตร์ ๔.๑.๒ ขอ้ มลู ด้านองค์ประกอบทางเคมี ๑๑ ๔.๑.๓ ด้านคุณค่าประโยชน์ ๑๑ ๑๑ ๔.๒ ด้านปัญหาและแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชง (Hemp) ๑๘ อยา่ งเปน็ ระบบ ๒๐ ๔.๒.๑ ดา้ นเกษตรกรรม อุตสาหกรรมและพาณชิ ยกรรม ๒๐ ๔.๒.๑.๑ ดา้ นเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม ๒๔ ๔.๒.๑.๒ ดา้ นพาณิชยกรรม ๔.๒.๒ ดา้ นเศรษฐกจิ ภายในประเทศและต่างประเทศ ๓๐ ๔.๒.๒.๑ ดา้ นเศรษฐกิจภายในประเทศ ๓๐ ๔.๒.๒.๒ ดา้ นเศรษฐกจิ ต่างประเทศ ๓๑ ๔.๒.๓ ดา้ นการกากับ ดแู ลและติดตามการใชก้ ญั ชง (Hemp) อย่างเปน็ ระบบ ๓๓ ๔.๒.๓.๑ กระบวนการควบคมุ และกากับดแู ลตามทางกฎหมาย ๓๓ ๔.๒.๓.๒ การใชร้ ะบบเทคโนโลยีในการกากบั ดูแลและติดตาม ๓๖ ๔๑ ๔.๓ กฎหมายท่ีเกยี่ วข้องในการแก้ไขปญั หาเกีย่ วกบั การใชก้ ัญชง (Hemp) อยา่ งเปน็ ระบบ ๔.๓.๑ กฎหมายตา่ งประเทศ ๔.๓.๒ กฎหมายในประเทศ ๕. ขอ้ สงั เกตและข้อเสนอแนะ
ช บรรณานุกรม ภาคผนวก ๑. (ร่าง) กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลติ นาเข้า สง่ ออก จาหนา่ ย หรือมีไว้ ในครอบครอง ซ่ึงยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. .... ๒. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอื่ ง ระบชุ ือ่ ยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท ๕ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
รายงานการพิจารณาศึกษา เรอ่ื ง “การแก้ไขปัญหาเกีย่ วกบั การใชก้ ัญชง (Hemp) อย่างเปน็ ระบบ” ของคณะอนกุ รรมาธิการพิจารณาศกึ ษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เกีย่ วกบั การใชก้ ัญชงอยา่ งเป็นระบบ ในคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเกี่ยวกบั การใชก้ ญั ชา กัญชง และกระทอ่ มอย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ---------------------------------------------- ตามที่ท่ีประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร คร้ังท่ี ๒ วันพุธที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖ วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชงอย่างเป็นระบบนั้น คณะอนุกรรมาธิการฯ คณะน้ีประกอบด้วย ๑. นางพรรณสริ ิ กุลนาถศริ ิ เปน็ อนุกรรมาธิการ ๒. นายณฐั พล สบื ศักดิ์วงศ์ เป็นอนุกรรมาธกิ าร ๓. นายสาคร เก่ยี วข้อง เปน็ อนกุ รรมาธิการ ๔. นายมารุต มัสยวาณชิ เป็นอนุกรรมาธิการ ๕. นายคมสัณห์ ฐานะโชติพันธุ์ เปน็ อนุกรรมาธิการ ๖. นายธรี ะยุทธ วานชิ ชัง เป็นอนกุ รรมาธกิ าร ๗. นายนิติ สนั แสนดี เปน็ อนกุ รรมาธกิ าร ๘. นายลอย ชุนพงษ์ทอง เปน็ อนุกรรมาธิการ ๙. นายวฑิ ูร เนตวิ วิ ัฒน์ เป็นอนกุ รรมาธกิ าร ๑๐. นายวรี ะชัย ณ นคร เป็นอนุกรรมาธิการ บัดน้ี คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ การใช้กัญชงอย่างเป็นระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการศึกษาต่อคณะกรรมาธิการ วสิ ามัญฯ ดังนี้
๒ ๑. การดาเนนิ การ ตามที่คณะอนุกรรมาธิการฯ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้ กัญชงอย่างเป็นระบบ ได้รับมอบหมายให้พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้ กัญชงอย่างเป็นระบบ กระทาการอื่นใดตามหน้าที่และอานาจสามารถกระทาได้ตามที่กฎหมาย ก า ห น ด แ ล ะ จั ด ท า ร า ย ง า น ก า ร ศึ ก ษ า ก า ร แ ก้ ไข ปั ญ ห า เกี่ ย ว กั บ ก า ร ใช้ กั ญ ช ง อ ย่ า ง เป็ น ร ะ บ บ และดาเนินการตามทค่ี ณะกรรมาธิการวสิ ามัญฯ มอบหมาย น้นั คณะอนกุ รรมาธกิ ารฯ จงึ ไดม้ มี ตแิ ต่งต้ังตาแหน่งตา่ ง ๆ คณะอนุกรรมาธิการฯ ประกอบด้วย ๑. นางพรรณสริ ิ กลุ นาถศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายณัฐพล สืบศกั ดวิ์ งศ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทห่ี น่ึง ๓. นายสาคร เกย่ี วขอ้ ง รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง ๔. นายคมสณั ห์ ฐานะโชติพนั ธุ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทสี่ าม ๕. นายมารตุ มสั ยวาณิช ทีป่ รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๖. นายธีระยทุ ธ วานิชชงั ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๗. นายลอย ชนุ พงษท์ อง ท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๘. นายวรี ะชัย ณ นคร อนกุ รรมาธิการ (ดา้ นพฤกษศาสตร์) ๙. นายวิฑูร เนติวิวฒั น์ อนกุ รรมาธิการ (ด้านเศรษฐกิจ) ๑๐. นายนิติ สนั แสนดี เลขานุการคณะอนกุ รรมาธกิ าร ทปี่ รกึ ษาประจาคณะอนุกรรมาธกิ ารฯ ประกอบดว้ ย ๑. นายวินยั สมประสงค์ ผ้เู ชย่ี วชาญด้านคุ้มครองพนั ธ์ุพชื กรมวิชาการเกษตร ๒. นายสมยศ กิตติมนั่ คง ข้าราชการบานาญ กระทรวงสาธารณสขุ ๓. นายวิทยา มิตรศรทั ธา นักวิชาการอิสระ สถาบัน CANNHEALTH ๔. นายธีรเดช เลศิ สฒั นนนท์ ผู้เชยี่ วชาญดา้ นวศิ วกรรมเคมี ๕. นายสรชน บุญสอง ทป่ี รกึ ษากฎหมาย บริษทั เบเคอร์แอนด์ แมค็ เคน็ ซ่ี จากดั ๖. นายจักรตั น์ พว้ั ชว่ ย สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร จงั หวัดเพชรบรู ณ์ ๗. นายหสั ดร เขม้นกสิกรรม เภสัชกร ฝ่ายผลิต ๘. นายวรกนั ต์ ธนโชตวิ รพงษ์ ผูเ้ ช่ยี วชาญด้านผลิตภัณฑ์อาหารสขุ ภาพ ๙. นายแสนศักด์ิ ศริ ิพานชิ ข้าราชการการเมอื งประจาสานกั เลขาธิการ นายกรฐั มนตรี
๓ ๑๐. นายพชรธัช โกรตั นะ ผู้เชย่ี วชาญการบรหิ ารจดั การนา้ ๑๑. นางสาวอุไรวรรณ์ สิรวิ ัฒนาถาวรชัย ผเู้ ชย่ี วชาญด้านอตุ สาหกรรมการแปรรปู กัญชง กญั ชา ครบวงจรมาตราฐานสากล ๑๒. นายอนรุ ักษ์ นรษี ผ้ชู านาญการสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร จงั หวดั สโุ ขทัย ๑๓. นายสมนกึ สชุ ัยธนาวนชิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ๑๔. พันเอก ชาตวิ ฒั น์ คงอทุ ัยสกุล ประจาสานกั ปลัดกระทรวงกลาโหม บัดนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เก่ียวกับการใช้กัญชง (Hemp) อย่างเป็นระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอนาเสนอต่อคณะกรรมาธิการ วสิ ามญั พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปญั หาเกี่ยวกบั การใชก้ ญั ชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็น ระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร เพือ่ พิจารณาต่อไป ๒. วิธกี ารพิจารณาศกึ ษา คณะอนุกรรมาธิการฯ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชง อย่างเป็นระบบได้พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชงอย่างเป็นระบบ โดยเชิญหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องมาร่วมประชุมและศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริง ตลอดจนแสดงความคิดเห็น จานวน ๑๖ ครงั้ และการเดินทางไปศกึ ษาดงู าน จานวน ๑ คร้ัง ดงั น้ี ครงั้ ท่ี ๑ วันอังคารที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ ครงั้ ที่ ๒ วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ครัง้ ท่ี ๓ วนั พฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ครัง้ ที่ ๔ วนั อังคารที่ ๑๑ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ คร้งั ท่ี ๕ วันองั คารท่ี ๑๘ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ คร้งั ท่ี ๖ วันอังคารท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๖๓ คร้งั ท่ี ๗ วันอังคารท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๓ ครงั้ ที่ ๘ วนั ศกุ ร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ครงั้ ที่ ๙ วันจันทรท์ ่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๑๐ วันองั คารท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ครัง้ ท่ี ๑๑ วนั อังคารท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๑๒ วนั อังคารที่ ๙ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๑๓ วันอังคารท่ี ๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๑๔ วนั องั คารที่ ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ครัง้ ท่ี ๑๕ วันอังคารที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ คร้ังท่ี ๑๖ วนั จนั ทร์ท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๖๓
๔ การศึกษาดูงาน ศึกษาดูงานและประชุมเรื่อง “การพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงสู่การผลิตในระบบ อุตสาหกรรม” วนั อังคารที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ กระทรวงอตุ สาหกรรม ๓. หนว่ ยงานที่เก่ยี วข้อง คณะอนุกรรมาธิการฯ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชง อย่างเป็นระบบ ได้ดาเนินการเชิญหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาร่วมประชุมและศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริง ตลอดจนแสดงความคิดเหน็ จานวน ๑๐ หนว่ ยงาน ดงั น้ี ๓.๑ หน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้อง ๑) กรมวิชาการเกษตร - นางณัฏฐพร อทุ ัยมงคล ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นกักกันพืช ๒) โรงพยาบาลเจา้ พระยาอภยั ภูเบศร - นางสาวผกากรอง ขวัญข้าว เภสชั กรเช่ียวชาญ หวั หน้ากลมุ่ งาน เภสัชกรรม ๓) กรมการค้าตา่ งประเทศ ๑. นางทิพย์ ยามาโมโตะ นักวิชาการพาณิชยช์ านาญการพิเศษ ๒. นางศภุ กาญจน์ บุณรักษ์ ๔) กรมส่งเสริมการคา้ ระหว่างประเทศ ๑. นางวรรณี ม่งิ วานิช นักวชิ าการพาณิชย์ชานาญการพิเศษ ๒. นางสาวทัณฑมิ า รัตนสมบูรณ์ ๕) สานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ กระทรวงยุตธิ รรม ๑. นายวชิ ัย ไชยมงคล ท่ีปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยา เสพติด ๒. นายมานะ ศิรพิ ทิ ยาวฒั น์ ผ้อู านวยการกองกฎหมาย ๓. นายธีรศักด์ิ แสนวรางกลุ ๔. นางสาวปลุ พร พานชิ การ ๕. นางสาวพรรณพิไล ไอยวรรณ ๖) กรมศลุ กากร - นายเดชา วชิ ยั ดษิ ฐ ผอู้ านวยการส่วนสบื สวนปราบปราม ๓
๕ ๗) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ๑. นายสมนึก สชุ ยั ธนาวนชิ ที่ปรกึ ษากรมการแพทยแ์ ผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก ๒. นายพรประสทิ ธ์ิ สบี ญุ เรอื ง ๘) สถาบันพฒั นาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ๑. นางสาวชอ่ ทิพย์ วิเศษพงษพ์ นั ธุ์ ผู้อานวยการฝ่ายพัฒนาสมรรถนะธุรกจิ ๒. นางสุภาวดี บญุ งอก ผูเ้ ชีย่ วชาญพฒั นาโครงการ ฝา่ ยพฒั นาสมรรถนะธุรกิจ ๙) การยาสบู แห่งประเทศไทย ๑. นายภานพุ ล รตั นกาญจนภัทร ผู้วา่ การการยาสบู แหง่ ประเทศไทย ๒. นายอฏั ฐเดช ดีสวาท รองผู้ว่าการด้านใบยา ๓. นายสมชาย กองกลม รองผู้อานวยการฝา่ ยใบยา ๔. นายเขม็ เพชร ไชยมาตย์ ผชู้ านาญการใบยา ๕. นางนรสิ า ชัยอานาจ หัวหนา้ สานกั กฎหมาย ๖. นายอัศวนิ ทองเจริญ ผู้ช่วยหวั หน้าสานกั กฎหมาย ๗. นางสาวพชิ ญานี สิงหข์ ร ผ้ชู ว่ ยหวั หน้ากองมาตรฐานใบยา ฝ่ายใบยา ๑๐) องค์การสุรา กรมสรรพสามิต นายสมควร จารุสมบตั ิ รองผอู้ านวยการฝา่ ยผลติ องค์การสุรา ๔. ผลการพิจารณา คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้กาหนดเป้าหมายของการพิจารณาศึกษากัญชง (Hemp) เพ่ือให้สามารถนากัญชง (Hemp) มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นระบบ มุ่งเน้นการเป็นพืชเศรษฐกิจ สาคัญของไทยที่ควรได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐและทุกภาคส่วน ตลอดจนการผลักดันให้ “กัญชง (Hemp)” ออกจากบญั ชียาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ แห่งพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ท้ังน้ี จะได้รวบรวม ขอ้ เสนอแนะและข้อคิดเห็นเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏรต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันคณะอนุกรรมาธิการฯ ไดก้ าหนดกรอบการพิจารณาศกึ ษาแบง่ เป็น ๓ ดา้ น คอื ๑. ด้านข้อมลู พชื กัญชง (Hemp) ๒. ด้านปญั หาและแนวทางการแก้ไขปญั หาการใชก้ ญั ชง (Hemp) อย่างเป็นระบบ ๓. กฎหมายท่เี กยี่ วข้องในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใชก้ ัญชง (Hemp) อย่างเป็นระบบ โดยมีผลการศึกษาดงั น้ี
๖ ๔.๑ ดา้ นข้อมูลพืชกัญชง (Hemp) จากการศึกษาขอ้ มลู ดา้ นพืชกัญชง (Hemp) ไดจ้ าแนกข้อมูลออกเปน็ ๓ ดา้ น ดังนี้ ๔.๑.๑ ข้อมูลดา้ นพฤกษศาสตร์ กัญชง (Hemp) เป็นพืชล้มลุกอยู่ในวงศ์ (Family) : Cannabaceae; สกุล (Genus) : Cannabis; ชนิด (Species) : C. sativa มีช่ือวิทยาศาสตร์แบบทวินาม (Binomial nomenclature) วา่ Cannabis sativa L. กัญชง (Hemp) เป็นพืชชอบแสงแดด มีอายุเพียงปีเดียว (Annual Plant) ตน้ (Stem) ต้ังตรง สีออกเขียว แตกกง่ิ เป็นพุ่มในธรรมชาติ จะสูงประมาณ ๑-๕ เมตร เปลอื ก (Bark) มีลักษณะพิเศษคือ สามารถลอกออกได้เป็นเส้นตามยาวและมีความเหนียวมาก แกนลาต้น (Stalk) มีสีขาวนวล ผิวเรียบ น้าหนักเบา ราก (Root) เป็นระบบรากเช่นเดียวกับพืชช้ันสูงท่ัวไป มีรากแก้ว (Primary Root) รากแขนง (Secondary Root) และรากฝอย (Tertiaryroot) ทาหน้าท่ีหลักในการดูดน้า และอาหารส่งข้ึนไปเล้ียงลาต้นและค้าจุนต้นพืชไม่ให้โค่นล้ม ใบ (Leaf) เป็นใบเดี่ยวรูปฝ่ามือ แผ่นใบ แยกเป็นแฉกมี ๓-๙ (๑๑) ใบยอ่ ย ขอบใบจักเป็นฟนั เล่ือย ผิวใบด้านบนเป็นร่องตามเสน้ ใบ ใบประดับ (Floral Bract) ในช่วงออกดอกจะมีใบประดับทั้งท่ีมีรูปร่างคล้ายใบขนาดเล็กและท่ีเป็นเส้นเล็ก ๆ จานวนมากอยู่หนาแน่นบนช่อดอก แต่ในช่อดอกตัวเมียจะมีความหนาแน่นมากจนช่อดอกมีลักษณะ คล้ายเป็นรวง บริเวณ ผิวใบประดับจะมีขนต่อม (Capitate-Stalked Glandular Trichome) อยู่หนาแน่นท่ัวไป ดอกกัญชง (Flower) เป็นพืชแยกเพศ มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่แยกกันคนละต้น (Dioecious) เมล็ด (Seed) เป็นเมล็ดเด่ียว สีเทารูปไข่ป้อม ด้านข้างแบน ส่วนโคนมน และปลาย แหลมผิวเรียบเป็นมัน และมีลายประสีน้าตาลทั่วไป ขนาดกว้างประมาณ ๓-๔ มิลลิเมตร ยาว ๔-๖ มิลลเิ มตร กัญชง (Hemp) และกัญชาเดิมทางพฤกษศาสตร์จัดเป็นพืชพันธ์ุเดียวกัน จนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๑ จึงมีการแยกจากกันเป็นระดับ Subspecies (subsp.) และต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงแยกกันชัดเจนเป็นระดับ Species คือ กัญชง (Cannabis sativa L.) และกัญชา (Cannabis indica Lam.) โดยพันธ์ุพืชท้ังสองชนิดในธรรมชาติยังคงมีลักษณะภายนอกท่ีคล้ายคลึงกันมาก จงึ ยงั คงมีความสบั สนในการจาแนกพืชทงั้ สองชนดิ น้ีเกิดข้ึนทั่วโลก ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้จาแนก ความเป็น (พืช) ยาเสพติดของกัญชง (Hemp) และกัญชาจากปริมาณสาร ∆9-Tetrahydrocannabinol (THC) ที่มีอยู่ในต้นพืชโดยกาหนดกัญชง (Hemp) เป็นพืชท่ีปลูกเพ่ือใช้เส้นใย ไม่เป็น (พืช) ยาเสพติด อันมีสาร THC ต่ากว่า ๑% และอนุญาตให้ส่วนราชการและวิสาหกิจชุมชนปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ ทางอตุ สาหกรรมได้ สว่ นกัญชาเป็นพืชมีสารยาเสพตดิ ออกฤทธต์ิ ่อจิตประสาทมีสาร THC สงู กวา่ ๑% ต้องขออนญุ าตปลูกเปน็ กรณพี เิ ศษ
๗ ๔.๑.๒ ข้อมูลด้านองค์ประกอบทางเคมี สารประกอบเคมใี นกัญชง (Hemp) และกัญชามีมากมายหลายชนิด แต่มี ๒ ชนิด ที่โดดเด่น ได้แก่ สาร Tetrahydrocannabinol (THC) และสาร Cannabidiol (CBD) และมีสูตร ทางเคมี คือ C21H30O2 เป็นโมเลกุลที่มีสูตรทางเคมีเหมือนกัน แต่มีโครงสร้างของโมเลกุล และคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยที่ THC นั้นหมายถึง Delta-9-Tetrahydrocannabinol (∆9-THC) สาหรบั ∆9-THC ท่มี ีฤทธิ์เปน็ กรด คือ Delta-9-Tetrahydrocannabinolic Acid (∆9-THCA) สาร Tetrahydrocannabinol (THC): Delta-9-Tetrahydrocannabinol สาร Cannabidiol (CBD) จากงานวิจัยพบว่า สารท้ัง ๒ ชนิดมีประโยชน์หากนามาใช้ให้ถูกต้อง ในประเทศไทยกาหนดให้กัญชง (Hemp) ในส่วนของดอกและใบแห้ง มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ ๑.๐ ซ่ึงเป็นปริมาณท่ีไม่สามารถทาให้ผู้บริโภคเกิดอาการเมาหรือมีฤทธ์ิต่อประสาท ในขณะท่ีกัญชา (Marijuana) ส่วนใหญ่มีสาร THC ประมาณร้อยละ ๕–๒๐ กัญชาที่คุณภาพสูงมีสาร THC สูงถึง ร้อยละ ๒๕–๓๐ ทาให้กัญชามีฤทธิ์ต่อระบบประสาททาให้เกิดอาการเมาและถือเป็นสารเสพติด สาร THC สง่ ผลต่อรา่ งกายเกิดการเปลีย่ นแปลงประสาทสมั ผัส การมองเห็น การไดก้ ลน่ิ การไดย้ นิ อย่างไรก็ดี การศึกษาวิจัยทางการแพทย์พบว่าสาร THC อาจสามารถนามา ช่วยรักษาอาการและโรคต่าง ๆ เช่น ลดอาการข้างเคียงจากการทาเคมีบาบัด โรคปลอกหุ้ม เส้นประสาทอักเสบ เพ่ิมความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ ลดอาการคล่ืนไส้อาเจียน ลดอาการปวดแบบเร้อื รัง ชว่ ยในเรื่องระบบยอ่ ยอาหาร ลดอาการบาดเจ็บท่ีกระดูกสนั หลงั เปน็ ต้น สาหรับสาร CBD สามารถนามาช่วยรักษาอาการและโรคต่าง ๆ อาทิ อาการ ปวดกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวช้า การเคล่ือนไหวกล้ามเนื้อลาบาก โรคไขข้ออักเสบ โรคลมชัก ลมบ้าหมู โรคปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ โรคกล้ามเน้ืออ่อนแรง โรคพาร์กินสัน ลดการอักเสบ
๘ ลดอาการซึมเศร้า ลดอาการวิตกกังวล ลดอาการสมาธิสั้น ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และโรคลาไส้ แปรปรวน เพราะกัญชง (Hemp) มีสาร THC ในปริมาณไม่มาก สารประกอบที่สกัดได้จากกัญชง (Hemp) จึงไม่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท สาร CBD ท่ีสกัดจากกัญชง (Hemp-Derived CBD) จึงกลายเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ น้ามัน อาหาร เครื่องด่ืม ไปจนถึงเครื่องสาอาง และกาลัง ไดร้ บั ความนิยมมากข้นึ เรือ่ ย ๆ จากหลายประเทศทัว่ โลก ๔.๑.๓ ด้านคุณค่าประโยชน์ กัญชง (Hemp) เป็นพืชท่ีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ได้แก่ เปลือก แกนลาต้น เส้นใย ราก ใบ ชอ่ ดอก ดอก และเมลด็ สามารถจาแนกออกได้ ดงั น้ี ๑) ประโยชน์จากเส้นใยและแกนลาต้น เส้นใยกัญชง เป็นเส้นใยท่ีมี คุณภาพสูง มีความเหนียวยืดหยุ่นแข็งแรงและทนทานต่อแรงดึงได้ถึง ๑๘,๐๐๐ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และรับแรงกระแทกสูง มีน้าหนักเบา และมีงานวิจัยรายงานคุณสมบัติของเส้นใยในการป้องกันเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา สามารถใช้เป็นวัตถุดิบที่เก่ียวกับผลิตภัณฑ์เส้นใยได้กว่า ๕,๐๐๐ ชนิด ตั้งแต่เส้นด้าย ขนาดเล็กท่ีเป็นใยละเอียดใบเรือจนถึงเส้นเชือกเรือใบ และเส้นเชือกเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ กระทั่ง รม่ ชูชีพ เสื้อเกราะและธนบัตร ส่วนกากเส้นใยหรือเส้นใยคุณภาพต่าซึ่งประกอบไปด้วยเซลลูโลสกว่า ร้อยละ ๗๗ นัน้ สามารถใชใ้ นการทาผลิตภัณฑต์ ่าง ๆ ไดก้ ว่า ๒๕,๐๐๐ ชนดิ การใช้ประโยชน์หลักในปัจจุบันคือ ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเส้นใย ทาเส้อื ผ้าและเยอ่ื กระดาษ กระดาษเพ่อื ใช้เขยี นท่วั ไป ทารม่ ทากล่องใสข่ อง เม่ือนามาผสมกับเส้นใยฝา้ ย และลินินในอัตราส่วนต่าง ๆ สามารถใช้ทอเป็นเสื้อผ้าได้สวยงาม เส้นใยกัญชงยังแข็งแรงกว่าใยฝ้าย ดูดซับความช้ืนได้ดีกว่าไนลอนและอบอุ่นกว่าลินิน ทาให้เส้นใยกัญชงเร่ิมเข้ามาเป็นคู่แข่ง และมบี ทบาทท่ีสาคัญในตลาดเส้นใยธรรมชาตแิ ละคาดว่าจะทวคี วามสาคัญข้ึนอีกในอนาคต แต่กาลัง การผลิตยังมีปริมาณไมเ่ พยี งพอกบั ความตอ้ งการของตลาดโลก ๒) ประโยชน์จากโปรตีนในเมล็ดกัญชง เมล็ดกัญชงจะประกอบไปด้วย โปรตีนซ่ึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงจากธรรมชาติ ใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ท่ีทาจากถั่วเหลือง ที่มักถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมได้ดี เช่น เต้าหู้โปรตีนเกษตร เนย ชีส น้ามัน สลัด ไอศกรีม และนมถ่ัวเหลือง เป็นต้น นอกจากน้ียังสามารถนาเมล็ดกัญชง (Hemp Seed) มาผลิตเป็นแป้งเพ่ือใช้ เปน็ วัตถดุ บิ สาหรับการประกอบอาหาร เชน่ พลาสต้า คกุ กี้ ขนมปงั ตลอดจนอาหารสตั ว์ เป็นต้น ๓) ประโยชน์จากน้ามันในเมล็ดกัญชงถูกนามาใช้ในอุตสาหกรรม หลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมสี น้ามันขัดชักเงาพื้นไม้ ส่วนผสมของหมึกพิมพ์ และใช้ใน อุตสาหกรรมเคร่ืองสาอางเป็นครีมทาให้ผิวหนังชุ่มช้ืน แชมพูทาให้ผมอ่อนนุ่ม ทาสบู่และลิบบาล์ม เป็นต้น เมล็ดกัญชงมีส่วนประกอบน้ามันถึง ๓๐% โดยประกอบด้วยกรดไขมัน ไม่อิ่มตัว
๙ ที่สาคัญหลายชนิด เช่น linolenic acid (Omega-3) และ linoleic acid (Omega-6) ในอัตราส่วน ๑ : ๓ ซึ่งเป็นอัตราส่วนท่ีนักโภชนาการถือว่าเหมาะสมกับสุขภาพของมนุษย์ โดยมีรายงานวิจัย ทางการแพทย์สนับสนนุ เป็นจานวนมาก เปน็ ต้น ๔) ประโยชน์สารประกอบ CBD ในทางการแพทย์ สารประกอบ CBD ทผี่ ลิตได้จากชอ่ ดอก ดอกและใบของกัญชง (Hemp) และเม่อื ใช้ร่วมกับสาร THC ท่ีจากช่อดอก ดอก ของกัญชาไดม้ ีการนาไปใชเ้ ป็นยารักษา เชน่ โรคที่เก่ียวกับการผดิ ปกตทิ างสมองหลายโรค การพัฒนา เป็นตัวยาและผลิตภัณฑ์มีหลายรูปแบบ ท้ังใช้ได้ในรูปแบบเป็นควัน สารระเหยสเปรย์ และน้า และการสกัดเป็น CBD Oil ใช้หยดใต้ลิ้นเป็นยารักษาโรคท่ีเก่ียวกับการกระวนกระวาย การเคลื่อนไหว ผดิ ปกติ การรับรู้ทางสมองทีผ่ ดิ ปกติ การระงบั ความเจ็บปวด เปน็ ตน้ ทางด้านประโยชน์ทางการแพทย์ องค์การอาหารและยาของ สหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุมัติและรับรองให้ยาท่ีมีส่วนผสมหลักของ Cannabidiol (CBD) เป็นยา รักษาโรคทางการค้าได้โดยเป็นยาน้าชื่อ Epidiolex ใช้ในการรักษาโรคชักเกร็งและโรคลมชักรุนแรง ที่ใช้ในเด็กได้อย่างปลอดภัย และยามารินอล (Marinol ) เป็นสารสังเคราะห์ของ THC ในรูปยาเม็ด ใช้แก้อาเจียน กระต้นุ ความอยากอาหาร ยาซาติเวกซ์ (Sativex) เป็นสารสงั เคราะห์ของ THC ใช้แบบ สเปรย์พ่นเข้าปากและหยดใต้ล้ิน ใช้ลดการปวดประสาทรักษาอาการนอนไม่หลับ และอาการปวด เส้นประสาทอย่างรุนแรง ๕) ประโยชน์ในการเป็นพืชพลังงาน กัญชง (Hemp) เป็นพืชอายุส้ัน เจรญิ เติบโตได้รวดเร็วจงึ มนี ้าหนักมวลรวม (Biomass) สูง สามารถนามาใชเ้ ป็นวัตถดุ ิบในการก่อสรา้ ง และเป็นเช้ือเพลิงได้ ด้วยเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) โดยสารสกัดได้จากน้ามันจากเมล็ด และน้ามัน (ยาง) จากใบและดอกของกัญชง (Hemp) พบว่ามสี ารซลั เฟอร์น้อยกวา่ น้ามนั ธรรมชาติ (Fossil Fuel) จึงเป็นพลังงานสะอาด ช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและยังเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่สร้างข้ึนใหมไ่ ด้อีก ๖) ประโยชน์ในการเป็นวัสดุทดแทน แกนลาต้นของต้นกัญชงเป็นวัสดุ ป่นใยส้ัน (เรียกว่า Hurd หรือ Shive) ท่ีแตกต่างจากเปลือกที่เป็นวัสดุใยยาว (เรียกว่า Bast Fiber) ที่มีน้าหนักเบาสามารถนามาใช้เป็นวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ได้เป็นอย่างดี อาทิ อัดเป็นแผ่นฉนวนบุในตัวอาคารห้องเก็บเสียงโรงภาพยนตร์ หรือบุในโครงสร้างตัวถังรถยนต์ ใช้เป็น ส่วนผสมของไม้เทียมย่อยสลายได้ท่ีเรียกว่า พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ (Biodegradable Plastics) ขี้เถ้าท่ีได้จากการเผาแกนลาต้นยังสามารถนามาปั้นเป็นภาชนะดินเผา เม่ือนามาผสมกับสารหินปูน และน้าเรียกว่า เฮ้มพ์กรีต (Hempcrete) เม่ือนามาผสมกับสารซิเมนต์ มวลรวมอ่ืนและน้าเรียกว่า คอนกรีตเฮ้มพ์ (Hemp Concrete) ใช้เป็นวัสดุก่อสร้างบ้านเรือน นอกจากน้ีวัสดุทดแทนจากกัญชง
๑๐ Hemp) ถือเป็นวัสดุท่ีทดแทนขึ้นใหม่ได้ (Renewable Materials) เรียกว่า วัสดุท่ีเป็นมิตรกับ สง่ิ แวดล้อม (Eco-Friendly Materials) อกี ด้วย ๗) ประโยชน์ทางด้านการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม การปลูกกัญชง (Hemp) เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการทากระดาษเป็นตัวอย่างหนึ่งในการรักษาส่ิงแวดล้อม เพราะพืชทีใ่ ชท้ ากระดาษ อาทิ สน ยูคาลิปตัส และปอกระสา ล้วนเป็นพืชยืนต้น เจริญเติบโตช้า ต้องปลูกเป็นลักษณะสวนป่า ใชเ้ วลานานหลายปี ปอกระสาประมาณไมน่ อ้ ยกว่า ๓ ปี ยูคาลิปตสั และสนประมาณ ๖-๘ ปี การปลูก ต้องใช้พื้นท่ีมากและเมื่อตัดไม้แล้ว พ้ืนท่ีจะฟ้ืนคืนคุณภาพได้ยากโดยจะมีเหง้าและตออยู่ ทาให้เป็น ลักษณะทาลายสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพราะกัญชง (Hemp) เป็นพืชที่มีเปลือกเป็นเส้นใยยาว ๒ ชนิด (primary and secondary bast fibers) จึงสามารถนาแต่ละชนิดมาประยุกต์ใช้ทดแทนต้นไม้ใน อุตสาหกรรมกระดาษได้เป็นอย่างดี สามารถปลูกซ้าได้ในพ้ืนท่ีเดิม ไม่ต้องให้การดูแลรักษามาก และไม่ต้องใช้ปุ๋ยสารเคมี หรือยาปราบศัตรูพืช จะเป็นการช่วยลดการใช้ไม้ ช่วยฟ้ืนคืนความสมดุล ของระบบนเิ วศน์ และสามารถช่วยลดโลกรอ้ นได้อีกสว่ นหนึง่ ดว้ ย จากการศกึ ษาด้านขอ้ มลู พชื กัญชง (Hemp) เหน็ สมควรดาเนินการ ดังนี้ ๑. ควรเร่งดาเนินการให้มีการกาหนด ควบคุม รับรอง ข้ึนทะเบียน และหรือ จดทะเบียน พันธพ์ุ ืชกญั ชง (Hemp Plant Varieties) ทัง้ พันธุ์พืชพ้ืนเมือง พันธุพ์ ืชท่ีผสมขึ้นใหม่ ที่ไม่ใช่การตดั ต่อ ทางพันธุกรรมจากทุกภาคส่วนท้ังภาครัฐและภาคเอกชน อันถือเป็นพันธ์ุพืชใหม่เพ่ือการรับรองจาก กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ (ท่ีมุ่งเน้นเร่ืองการ “จดทะเบียน” เพ่ือคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา) และพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ (ท่ีมุ่งเน้นเร่ืองการ “ขึ้นทะเบียน” เป็นหลักฐาน) และควรเร่งส่งเสริม จูงใจ ให้แข่งขันให้มี การผสมพันธุ์พืชกัญชง (Hemp) ของประเทศไทย และพันธ์ุกัญชง (Hemp) ของประเทศไทยสายพันธ์ุ ใหม่ เพื่อผลิตเส้นใย เปลือก แกนลาต้น เมล็ด ช่อดอก ดอก CBD และสารสาคัญอ่ืน ๆ ที่จะได้เกิดข้ึน จากความเพียรพยายามของนักพฤกษศาสตร์ท้ังมืออาชีพและมือสมัครเล่นอย่างเต็มท่ี เพื่อให้ได้พันธุ์ พืชใหม่ที่ให้สารสกัดสาคัญ CBD ท่ีมี % สูงและสารสกัด THC ท่ีมี % ต่าเพ่ือให้พืชกัญชง (Hemp) ท้ังพันธุ์พืชเดิมหรือใหม่สามารถแข่งขันและเป็นท่ีต้องการในตลาดโลกได้ ทั้งในด้านผลผลิต (Produce) และผลิตภัณฑ์ (Product) ต่อไปอย่างไม่จากัด และได้รับการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในฐานะพืชกัญชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจ ท่ี ได้ รั บ ก า ร ร ย อ ม รั บ จ า ก ห น่ ว ย ง า น ภ า ค รั ฐ ท้ั ง ก ร ะ ท ร ว ง ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. ควรส่งเสริมและขอความร่วมมือร่วมใจให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ ในปัจจุบันของกัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจเกี่ยวกับราคาซ้ือ ราคาขาย ต้นทุน ความต้องการตลาด ปริมาณของผลผลิต ตลอดจนผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ และการจาหน่ายภายในประเทศ นอกเหนือจาก
๑๑ ขอ้ มูลในการปลูก การเกบ็ เก่ียว การแปรสภาพหรือแปรรูป (ท่ีมีอยู่แล้ว) อย่างเป็นระบบจากหนว่ ยงาน ควบคุม กากับดูแลและหน่วยงานพ่ีเล้ียงต่าง ๆ ที่เก่ียวพันร่วมกันกับเกษตรกรพื้นที่สูง ผู้มีประสบการณ์ในจังหวัดต่าง ๆ มาแล้วเป็นอย่างดี อาทิ สานักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ทาหน้าทคี่ วบคุม กากบั ดูแล การปลูก เก็บเกี่ยว และสถาบันวจิ ัยและพัฒนาพืน้ ท่สี งู (องค์การ มหาชน) หรือ สวพส. ที่ทาหน้าท่ีวิจัย ๕ เร่ืองหลัก คือ การปรับปรุงพันธุ์ การเพาะปลูกที่เหมาะสม และถูกกฎหมาย การแปรรูป การส่งเสริมการปลูก และการแก้ไขกฎหมายเพ่ือประโยชน์ต่อคนพื้นท่ีสูง เป็นสาคัญ หากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ เหล่าน้ีได้มีการรวบรวมข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศของกัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจไว้เพ่ือศึกษาหรืออ้างอิงให้แก่เกษตรกรรุ่นหลังและรุ่นต่อ ๆ ไป ดังเช่น ข้อมูล จากสานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รวบรวมข้อมูลของพืชเศรษฐกิจ ต่าง ๆ ของประเทศหลายชนิดไว้แล้วเป็นอย่างดี จะเป็นคุณค่าและคุณูปการต่อทุกคนที่เริ่มเข้ามา บุกเบิกกัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจใหมเ่ ป็นอย่างย่ิง ๓. ควรขอความร่วมมือและการสนับสนุนเพ่ือรับการถ่ายทอดความรู้ ความเช่ียวชาญ ประสบการณ์ และทรัพยากรท้ังหลายจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” “กระทรวงพาณิชย์” และ “กระทรวงอุตสาหกรรม” เก่ียวกับการผลิต นาเข้า ส่งออก และจาหน่าย พืชเศรษฐกิจส่งออกหลัก ๑๓ ชนิดของประเทศไทย (จากอดีตจนถึงปัจจุบัน) ท่ีมีอยู่แล้ว อันเป็น วิทยาทาน และเป็นครูต้นแบบในการเข้าช่วยเหลือ บุกเบิก ผลักดันกัญชง (Hemp) ให้เป็นพืช เศรษฐกิจใหม่ชนิดท่ี ๑๔ ในอนาคตให้แก่เกษตรกรทุกคนได้อย่างดี ทั้งควรกาหนดบทบาท ภาระหน้าท่ี และความรับผิดชอบใหแ้ กห่ นว่ ยงานตา่ ง ๆ ของกระทรวงฯ ท่ีเขา้ ช่วยเหลือและสนบั สนุน อย่างชดั เจน เพ่ือระดมสรรพกาลัง ตลอดจนทรัพยากรทัง้ หลายทีม่ ีอย่เู ข้าช่วยเหลือเกษตรกรทุกคนจน บรรลผุ ลสาเร็จใหไ้ ด้ ๔.๒ ด้านปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชง (Hemp) อยา่ งเป็นระบบ ๔.๒.๑ ดา้ นเกษตรกรรม อตุ สาหกรรมและด้านพาณชิ ยกรรม ๔.๒.๑.๑ ด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ด้านการผลิต ดา้ นอุตสาหกรรมการผลิต และดา้ นการศกึ ษาวจิ ยั ดงั นี้ ๑) ด้านการผลิต หมายถึง การปลูก การคัดเลือกพันธุ์ การแปรรูป การสกัดสารสาคญั ดงั นี้ - การปลูกพืชกัญชง (Hemp) ในปัจจุบันเป็นการปลูก เพ่ือผลิตเส้นใยต้องปลูกให้ชิดกันโดยระยะประมาณ ๑๐ เซนติเมตร เพื่อให้มีลาต้นสูง ไม่มีการแตก กิ่งก้าน แต่หากเป็นการปลูกเพ่ือผลิตเมล็ด ต้องปลูกให้มีระยะห่างมากข้ึน เพ่ือให้การแตกกิ่งมาก และต้องดูแลให้มีการเจริญเติบโตและผลผลิตเพิ่มข้ึน ช่วงระยะเวลาการปลูกท่ีเหมาะสมสาหรับพื้นท่ี
๑๒ นามาศึกษาเป็นตัวอย่างของบ้านรวมไทยพัฒนา (๙) ณ ตาบลคีรีราษฎร์ อาเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้แก่ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม แต่ปัญหาที่พบคือ ต้นอ่อนโดนแรงลม ลาต้นงอ ซ่ึงทาให้ยาก ในการลอกเปลือก ในปัจจุบันจะปลูกในเดือนมกราคมถึงมีนาคม ใช้การรดน้าแทนน้าฝน มีการปลูก ในภาคเหนือเป็นการส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกรในพื้นท่ีเสื่อมสภาพท่ีถูกทิ้งร้าง หรือการปลูกทดแทน พชื ชนดิ เดมิ ท่มี ีผลตอบแทนต่าพนื้ ทถี่ กู บกุ รกุ ทาลายตา่ ง ๆ - การคัดเลือกเมล็ดพันธ์ุ มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัย และพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้เริ่มศึกษาวิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมา โดยในช่วงแรกให้ความสาคัญกับการวิจัยพัฒนาข้อมูลพ้ืนที่ฐานของกัญชง (Hemp) โดยเฉพาะมุ่งคัดเลือกพันธ์ุพืชกัญชง (Hemp) ให้มี THC (∆9-Tetrahydrocannabinol) หรือสารเสพติดต่าเพ่ือให้แตกต่างจากกัญชา ท้ังมูลนิธิฯ และ สวพส. ได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชกัญชง (Hemp) ต่อกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เม่ือวันท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ จานวน ๔ สายพันธ์ุ คือ ช่ือพันธ์ุหรือสายพันธุ์ RPF1 RPF2 RPF3 และสายพันธุ์ RPF4 ซ่ึงได้รับการคัดเลือก พันธุ์พืชด้วยวิธีการคัดเลือกรวม (Mass Selection) ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๔ โดยทั้ง ๔ สายพันธ์ุน้ี ได้ขนึ้ ทะเบยี นพันธ์ุพชื กัญชงเป็นครั้งแรกตามกฎหมายของประเทศไทย อันเป็นประโยชน์ในการนาไป ผลิตเพื่อการส่งเสริมแก่เกษตรกรอย่างถูกต้องต่อไป รวมถึงการจดทะเบียนพืชสายพื้นเมืองของกลุ่ม ชาตพิ ันธ์ุมง้ ตามสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของสานกั เครือ่ งหมายการคา้ กรมทรัพยส์ ินทางปัญญา - การแปรรูป นับแต่อดีตถงึ ปัจจุบัน มีการทอเส้นใยโดยนาเสน้ ใย สองเส้นมาผสานรวมกันให้มีความเหนียวแน่นแข็งแรง (ค่าจ้างแรงงานราคา ๓ ขีด - ๓๐๐ กรัม ประมาณ ๑๐๐ บาท) แล้วเก็บเส้นใยเป็นม้วน รดน้าให้ชุ่ม หลังจากนั้นนาไปป่ัน จัดระเบียบเส้นใยให้เข้าไป อยู่ในหลอดด้ายที่ทาจากไม้ไผ่บางท่ีอาจจะเป็นแท่งเหล็ก (ค่าจ้างแรงงานวันละ ๓ กิโลกรัม - ๑๐๐ บาท ต่อวนั ) แลว้ นาไปถกั ทอเปน็ ผืนผา้ ต่อไป กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีแผนงานแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม แปรรูปกัญชง (Hemp) ตามศักยภาพโดยนาเสนอข้อมูลจากรายงานวิจัยนาเสนอสถาบันคุณวุฒิ วิชาชีพ (องคก์ ารมหาชน) หรือ สคช. สรุปได้ว่า กญั ชง (Hemp) ยงั เป็น (พืช) ยาเสพติดที่ต้องควบคุม การปลูกและการแปรรูปให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การขออนุญาต ดังนั้น รูปแบบที่ปลอดภัยรัดกุม และเกิดประโยชน์สงู สุด จึงเสนอให้มีการรวมกนั ของผู้เกี่ยวข้องในระดับต่าง ๆ ในรูปแบบของ “กลุ่ม” หรือต่อไปเรียกว่า “คลัสเตอร์ (Cluster)” ที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าท่ีในการพิจารณา อนุญาตตรวจ ติดตาม กากบั ดูแลสามารถทางานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คลสั เตอร์จึงต้อง มีความชัดเจนโดยการกาหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดาเนินงานร่วมกัน มีผู้รับผิดชอบ และบทบาทหน้าท่แี ตกตา่ งกันไปตามภารกิจดังน้ี
๑๓ ๑) คลัสเตอร์เมล็ดพันธุ์ (ระยะเวลาปลกู ๑๘๐ วนั ) เป็นจุดเร่ิมต้น ของทกุ คลัสเตอร์ในการทาหนา้ ทผ่ี ลิตเมลด็ พนั ธุ์ทไี่ ด้รับการข้นึ ทะเบียนรบั รองพันธ์พุ ชื กบั กรมวชิ าการเกษตร ๒) คลัสเตอร์เส้นใย (ระยะเวลาปลูก ๙๐ วัน) เป้าหมายเพ่ือการปลูก และแปรรูปเบื้องต้นเป็นวัตถุดิบท่ีมีคุณสมบัติและคุณลักษณะตามท่ีอุตสาหกรรมต้องการและส่งต่อให้ อุตสาหกรรมชน้ั กลางนาไปแปรรูปตอ่ ไป ๓) คลัสเตอร์สาร CBD และสาระสาคัญอื่น ๆ เพื่อปลูกเอายอด และดอก (ระยะเวลาปลูก ๑๒๐ วัน) เพื่อการปลูกให้ได้ยอดของต้นกัญชง และแปรรูปเบ้ืองต้น เป็นยอดแห้งแล้วส่งต่อให้อุตสาหกรรมช้ันกลางนาไปสกัดสาร CBD และสาระสาคัญอื่น ๆ สิ่งสาคัญ คือ ระบบการควบคุมการปลูก การเก็บเก่ียวผลผลิตส่วนยอด การขนส่ง การสกัดสาร CBD และสาระสาคัญอ่ืน ๆ และการเก็บรักษา รวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับเพ่ือการควบคุมอย่างรัดกุม และครบวงจร รวมท้ังนา้ มันยางท่สี กดั สารออกไปแล้วด้วย ๔) คลัสเตอร์น้ามันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed) (ระยะเวลา ปลูก ๑๘๐ วัน) เน่ืองจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีสายพันธุ์กัญชง (Hemp) ที่เหมาะสาหรับการนา เมล็ดมาทาเป็นอาหารในรูปของน้ามันกัญชง (Hemp Seed Oil) และอาหารเสริมอ่ืน ๆ ในอนาคต หากมีงานวิจัยที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นศักยภาพของคลัสเตอร์น้ามันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed) แล้วจะเป็นคลัสเตอร์ที่มีมูลค่าเพ่ิมสูงในอนาคต แต่ประเด็นสาคัญท่ีต้องพิจารณาคือ ประเด็น ดา้ นกฎหมาย ๕) คลัสเตอร์ครัวเรือน (ระยะเวลาปลูก ๗๕ วัน) เป็นคลัสเตอร์ ที่ต้องการรักษาและสืบทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินและประเพณีของชาวไทยกลุ่มชาติพันธ์ุม้งในการใช้ สง่ิ ทอจากกญั ชง (Hemp) ในงานพธิ ีกรรมสาคัญตา่ ง ๆ กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดตั้งโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรม แปรรูปพืชกัญชง (Hemp) เพื่อตอบสนองเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) โดยหน่วยงานเครือข่าย สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) สถาบันอาหาร (NFI) สถาบันพัฒนา อุตสาหกรรมส่ิงทอ (THTI) นาเสนอโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปพืชกัญชง (Hemp) เพ่ือตอบสนองเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ผ่านสานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภายใต้ แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต แผนย่อยอุตสาหกรรมชีวภาพ เพ่ือส่งเสริมการเช่ือมโยงให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปกัญชง (Hemp) เทคโนโลยกี ารสกัด สารและน้ามัน (ยาง) จากช่อดอก ดอกและใบ เทคโนโลยีการผลิตเส้นใยจากเปลือกและแกนลาต้น ในระดับอุตสาหกรรมกลางน้า และการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบในอุตสาหกรรมปลายน้า จากวัตถดุ บิ กญั ชง (Hemp)
๑๔ อีกทั้งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กระทรวงสาธารณสุข ได้ใหข้ อ้ มลู วา่ โรงพยาบาลมกี ารวางแผนการดาเนนิ งานและพฒั นามูลค่าของกัญชง (Hemp) ข้อมูลจากผู้ทรงคุณ วุฒิ ท่ีปรึกษากรมการแพทย์แผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนาแนวทางสาหรับกัญชง (Hemp) เพ่ือให้มกี าร รองรับในการนากัญชง (Hemp) ไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ อาหารและเครื่องสาอางเพิ่มเติม จากเดิมที่อนุญาตให้ปลูกเพื่อการใช้ประโยชน์เส้นใย ประเด็นปัญหาที่จะเกิดข้ึนหากมีการออก กฎกระทรวงฯ ตามแนวคิดของท่ีปรึกษากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คือ เร่อื งของ ใบอนุญาต ท้ังใบอนุญาตการปลูก การครอบครอง การผลิตแปรรูป และอาจรวมถึงการจาหน่าย โดยเสนอกระบวนการในการปลูกกัญชง (Hemp) ในโรงเรือนซ่ึงมีรูปแบบการปลูกกัญชง (Hemp) ออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ ๑) การปลูกเพื่อการใช้ประโยชน์จากเส้นใย สามารถปลูกในแปลงปลูกแบบ เปิดได้ แต่ประเทศยังไม่มีศักยภาพและยังขาดภาคอุตสาหกรรมท่ีจะนาเส้นใยกัญชงมาใช้ และ ๒) การเพาะปลูกเพื่อการจะใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์จาเป็นต้องปลูกในแปลงปลูกแบบปิด ปัจจุบัน ได้ มีแ ป ล งป ลู กแบ บ มี โรงเรือน ส าเร็จรูป ที่ ใช้ป ลู กต้น เมล่ อ น ที่ ผ ลิ ต ใน ส าธารณ รัฐ ป ระช าช น จี น ซ่ึงใช้งบประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาทต่อแปลง ขนาดแปลงกว้าง ๖ เมตร และความยาว ๓๐-๖๐ เมตร สามารถใชเ้ พาะปลูกกญั ชง (Hemp) ได้ เน่ืองจากความสงู ของต้นกัญชง และต้นเมลอ่ นจะสูงไล่เลยี่ กัน สาหรับการพฒั นาสายพันธกุ์ ญั ชงใหม้ ีสาร CBD สงู โดยไมส่ นใจในปรมิ าณเสน้ ใย พื ชกัญ ชงเป็ นพื ชที่ มีคุณ ค่า เห็น ควรส่งเสริมให้เป็นพื ช ทางการแพทย์แผนไทยโดยทาการศึกษาคู่ขนานกับวิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งแพม อาเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในด้านการผลิตเส้นใยและสารสกัดยารักษาโรค จากการศึกษาดูงานการใช้ เทคโนโลยีการปลูกเพื่อผลผลิตของประเทศเนเธอร์แลนด์และประเทศจีน การแก้ไขปัญหาการใช้กัญชง อย่างเป็นระบบ ควรให้มกี ารพฒั นาเมล็ดพันธ์ุรบั รองที่ให้สารสกดั CBD มูลคา่ สูงเพือ่ แข่งขันตลาดโลก โดยเร็ว โดยมีข้อมูลจากภาคธุรกิจไทยในด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเคร่ืองดื่มมีความต้องการเมล็ด และสารสกัดจากพืชกัญชงสูงมาก การสกัดสารสาคัญ CBD ที่มีอยู่จานวนมากในพืชกัญชง (Hemp) มีความตอ้ งการของตลาดในผลิตภัณฑ์ผสมสาร CBD การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ในการนา สาร CBD ใส่ไปในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมออกจาหน่ายโดยการนาเสนอเร่ืองราวของผลิตภัณฑ์ยาไทย ตารับตา่ ง ๆ ที่มคี วามหลากหลาย รัฐบาลควรมีการสนับสนนุ งานวิจยั ในเชิงเศรษฐกิจใหเ้ กิดประโยชน์ จากพืชกัญชง (Hemp) ด้วยในเชิงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) ตอ้ งมกี ารร่างระเบียบ ข้อปฏบิ ตั ริ องรับกฎกระทรวงฯ ที่จะประกาศใช้ มีวธิ ีปฏบิ ัตใิ นการ ย่ืนขอใบอนุญาตต่าง ๆ ท้ังใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ใบอนุญาตสกัด และใบอนุญาตแปรรูปผลิตภัณฑ์ ทั้งควรมีการให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการ ๔ ประเภท คือ ๑) ใบอนุญาตการปลูก ๒) ใบอนุญาต โรงงานสกัด ๓) ใบอนุญาตการผลิต และ ๔) ใบอนุญาตจาหน่าย ควรมีมาตรการควบคุมไม่ให้บุคคล
๑๕ ใดมีสิทธิขาดคนเดียวหรือผูกขาดและไม่ควรอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายใดได้รับใบอนุญาตท้ังหมด ทกุ ประเภท เพอ่ื ป้องกันการผูกขาดและไม่เกิดประโยชนต์ ่อเกษตรกรรายย่อย สาหรับแนวทางปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อน ส่งเสริมการปลูกกัญชง (Hemp) และการแปรรูปกัญชง (Hemp) โดยสานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีกองควบคุม วัตถุเสพติดเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องกัญชง (Hemp) และสานักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ยังมีกรอบแนวความคิดตามกฎระเบียบท่ีบังคับใช้อยู่ เน่ืองจาก สายงานท่ีเคยปฏิบัติมาเป็นการจับกุมปราบปราม แต่เมื่อนโยบายให้มีการปลดล็อค (หมายถึง เมื่อกฎกระทรวงฯ ฉบับน้ีมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ทุกคนก็สามารถเข้าสู่พาณิชยกิจกัญชง (Hemp) ได้) การส่งเสริมหรือพัฒนา จึงอาจเป็นเรื่องยากในการปรับเปล่ียนการปฏิบัติงาน และการแก้ไขปญั หา หากกัญชง (Hemp) ท่ีปลูกมีค่า THC เกินร้อยละ ๑.๐ ต่อ น้าหนักแห้ง ซึ่งไม่น่าจะต้องทาลายท้ิง ควรนาไปผ่านกระบวนการสกัดหรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อได้สารสกัดหรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัด ท่ีมีสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) เป็น ส่วนประกอบหลัก และมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกิน ร้อยละ ๐.๓ โดยน้าหนัก ส่วนประกอบของ THC ที่เกินร้อยละ ๐.๓ ให้พิจารณานาไปใช้ประโยชน์ ทางการแพทยต์ ามที่ระบใุ นกฎหมายตอ่ ไป ๒) ด้านอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากกัญชง (Hemp) ยังเป็น (พืช) ยาเสพติดท่ีต้องควบคุมการปลูกและการแปรรูปให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การขออนุญาต การผลักดันด้านอุตสาหกรรมการผลิตจาเป็นต้องสร้างความร่วมมือจากภาคส่วนท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือการรวบรวม ทบทวนและพัฒนางานวิจัย การสรรหาบุคลากรผู้เช่ียวชาญเฉพาะทางด้าน เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพืชกัญชงทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเช่ือมโยงให้เกิดความร่วมมือกันในการ ยกระดับเทคโนโลยีการแปรรูปกัญชง ทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับกัญชงให้เป็นปัจจุบันโดยครอบคลุม อุปสงค์อุปทาน กฎระเบียบที่เก่ียวข้องและอื่น ๆ พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร การแปรรูป วัตถุดิบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชงแบ่งออกเป็น ๓ ระดับในเชิงอุตสาหกรรม โดยการ สนับสนนุ ของสานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ดงั นี้ (๑) อุตสาหกรรมแปรรูปข้ันต้น มีการคัดเลือกผู้เช่ียวชาญ เฉพาะทางลงพื้นที่เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรแปรรูป เทคโนโลยีภายหลังการเก็บเกี่ยว และเป็นพ่ีเลี้ยงในการนาไปสู่การปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป ในระดับอุตสาหกรรมแปรรูปข้ันต้น จากน้ันจัดทาระบบบริหารจัดการและโลจิสติกส์ ภายใต้เง่ือนไข ของกฎหมายสาหรับผูป้ ระกอบการหรือพน้ื ท่นี าร่อง
๑๖ (๒) อุตสาหกรรมกลางน้า มีการคัดเลือกผู้เช่ียวชาญเฉพาะ ทางลงพื้นท่ีเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปกัญชง (Hemp) จากช่อดอก ดอก ใบ เปลือก แกนลาต้น และเสน้ ใยให้เปน็ พี่เลี้ยงในการนาไปสู่การปฏิบัติในระดับโรงงานผลิตนาร่อง (Pilot Plant) หรือระบบ ผลติ ระดับอตุ สาหกรรม (Industrial Production) เพ่อื ใหเ้ กิดผลิตภัณฑ์ในระดบั กลางนา้ (๓) อุตสาหกรรมปลายน้า มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบ จากอุตสาหกรรมกลางน้า โดยมีกลมุ่ สิ่งทอจากเสน้ ใยกญั ชงและกลุ่มผลิตภัณฑ์คอมโพสิท การผลักดัน การจัดทาข้อกาหนดของผลิตภัณฑ์ (Product Specification) และข้อกาหนดวัตถุดิบ (Raw Material Specification) สาหรับอุตสาหกรรมโดยการทดสอบคุณสมบัติด้านกายภาพ ฟิสิกส์ เคมี จุลชีววิทยา วิศวกรรมและอื่น ๆ ตามความจาเป็นและวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ ปริมาณ สารสาคัญและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สาหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสาอางและเคร่ืองด่ืม สาหรับมนุษย์เพ่ือเป็นการกาหนดคุณภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ต้นแบบ สาหรับการค้าระหว่างประเทศ ในตลาดส่งออก ต้องพิจารณาข้อกาหนดเพิ่มเติม โดยสรุป ดงั น้ี ๑. การชื้อขายระหว่างประเทศ ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องมี ใบรับรอง (Certificate) ท้ังสองฝ่าย โดยสินค้า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชง (Hemp) เม่ือทาการซ้ือขาย ระหว่างประเทศ จดั เปน็ สินคา้ เฉพาะไมส่ ามารถซอ้ื ขายได้อสิ ระเหมือนสนิ ค้าทว่ั ไป ๒. การชื้อขายระหว่างประเทศ ผู้ซื้อ จะเป็นผู้กาหนด สายพนั ธ์ุกญั ชง (Hemp) ใหผ้ ูข้ ายในสัญญาซ้อื ขาย ๓. การชื้อขายระหว่างประเทศ ผู้ขาย ต้องปลูก ผลิต แปรรปู กญั ชง (Hemp) ใหส้ อดคลอ้ งตามมาตราฐานสากลท่ีได้รับยอมรบั ในระดบั นานาชาติ ๔. การช้ือขายระหว่างประเทศ ผู้ขายต้องทาให้ผ่าน มาตราฐานการตรวจ ประเมนิ (Audit) จากผู้ซ้ือ ๕. การส่งสินค้าในการชือ้ ขายระหวา่ งประเทศ ผขู้ ายตอ้ งมี ใบรับรองผลการตรวจวิเคราะห์ค่าสารสาคัญต่าง ๆ ตามมาตราฐานท่ีได้กาหนดและยอมรับ (Testing Facility) จากสถานปฎบิ ัติการที่เชื่อถือและยอมรบั ในระดับสากล พรอ้ มแนบกบั เอกสารส่งออกด้วยทุกครั้ง ๓) ด้านการศึกษาวิจัย เพ่ือรองรับการเติบโตของพืชกัญชง (Hemp) ตลอดจนการสารสกัด CBD สู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ สนับสนุน การศึกษาวิจัยการใช้กัญชง (Hemp) อย่างเป็นระบบ ซึ่งขณะนี้พบว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ลงทุน สร้างระบบโรงเรือนที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานของกองควบคมุ ยาเสพติด มีความ พร้อมพัฒนาสายพันธุ์พืชตระกูลแคนาบิสรวมถึงกัญชง (Hemp) เพื่อให้ปลูกได้ผลช่อดอกและเมล็ดผลิตสูง จาลองสภาพอากาศ เพ่ือพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย มีมหาวิทยาลัย
๑๗ เทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ซ่ึงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะต้องดาเนินการผลักดันการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยวัตถุประสงค์ท่ีสาคัญยิ่งได้กาหนดประเด็น ศึกษาวิจัยในหลายด้าน เช่น ด้านสายพันธุ์ ด้านการผลิต การปลูก การแปรรูป ด้านสารสกัด สู่การ สังเคราะห์สาร CBD และสารอื่น ๆ ในรูปแบบอนุภาคนาโน (CBD Nanoparticles) สู่การพัฒนาเป็น ผลติ ภัณฑด์ ้านการแพทย์และผลิตภณั ฑ์สง่ เสริมสขุ ภาพต่าง ๆ เป็นต้น สถานีเกษตรหลวงปางดะ อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนที่สูง (องค์การมหาชน) กับการพัฒนาสายพันธ์ุเพื่อทาเส้นใย และสารสกัด CBD ได้กาหนดเป้าหมายการขยายและพัฒนา ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แปรรูปกัญชง (Hemp) การจัดสัมมนาวิชาการ และพิจารณาเปิดศูนย์วิจัยทดลองปลูกกัญชงในหลาย พื้นท่ีหลายจังหวัดเพ่ิมขึ้น มุ่งเน้นการพัฒนาสายพันธุ์ไทยและการพัฒนาเชิงลึกเกี่ยวกับพันธ์พืช เหมาะสมกบั แตล่ ะภูมิประเทศและภมู อิ ากาศ ท้ังนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ มีความเห็นว่าด้านการส่งเสริม การพัฒนาสายพันธ์ุกัญชง (Hemp) ท่ีให้สาร CBD มีปริมาณสูงและให้ปริมาณเส้นใย (Fiber) มากกว่า รอ้ ยละ ๓๐ (เทียบเคียงกับสายพันธุ์ Yunma 7 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน) ในการน้ีคณะอนุกรรมาธิการฯ จึงเห็นสมควรให้มีการส่งเสริม การปลกู กัญชง (Hemp) และการแปรรปู กัญชง (Hemp) ดังน้ี ๑. การเพิ่มอายุของใบอนุญาตผลิต จาหน่าย และครอบครอง กัญชง (Hemp) ควรจะมีอายุ ๓ ปี (จากเดิมกาหนดเพียง ๑ ปีปฏิทิน) เพื่อให้สอดคล้องกับ การวางแผนผลิตเมล็ดพันธ์ุ เพื่อปลูกในรอบปีถัดไปและการนาเทคโนโลยีในการเก็บเกี่ยวในแปลง เพาะปลูก และการลอกเปลือก แยกแกน แยกช่อดอกในโรงงานมาใช้นาร่องในการผลิต เชงิ อุตสาหกรรมเพ่อื นาวัตถุดิบแตล่ ะสว่ นสง่ ตอ่ หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่อปรับปรุงคุณภาพและแปรรูป เป็นผลติ ภณั ฑต์ ามวัตถปุ ระสงค์ต่อไป ๒. ควรเตรยี มพร้อมให้การสนบั สนุน ขยายบทบาท อานาจหน้าที่ ในการรับรองข้ึนทะเบียน และหรือ จดทะเบียนพันธุ์พืชกัญชง (Hemp) ตามความประสงค์ของผู้ขอฯ ทั้งพันธ์ุพืชพื้นเมือง พันธุ์พืชที่ผสมขึ้นใหม่ ท่ีไม่ใช่การตัดต่อทางพันธุกรรมให้แก่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ (ที่มุ่งเน้นเรื่อง การจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองเป็นพันธุ์พืชใหม่) และพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ (ท่ีมุ่งเน้น เร่อื งการข้นึ ทะเบียนเปน็ พันธุ์พชื ข้ึนทะเบียน) ทีไ่ ดเ้ ปน็ ผรู้ บั ผิดชอบดาเนินการอยกู่ อ่ นแลว้ ๓. ควรดาเนิ นการแก้ไขปัญ หาใน กรณี ท่ี กัญ ชง (Hemp) ท่ีเกษตรกรผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชงมีค่า THC เกินร้อยละ ๑.๐ ต่อน้าหนักแห้ง ซ่ึงไม่น่าจะต้อง ทาลายทิ้ง ควรนาไปผ่านกระบวนการสกัดหรือวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ เพอ่ื ได้สารสกัดหรอื ผลิตภณั ฑ์
๑๘ จากสารสกัด ท่ีมีสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) เป็นส่วนประกอบหลัก และมีสารเตตรา ไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๓ โดยน้าหนัก ส่วนประกอบ ของ THC ที่เกินรอ้ ยละ ๐.๓ ให้พจิ ารณานาไปใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย์ตามที่ระบุในกฎหมายต่อไป ๔. ควรให้หน่วยงานท่ีบังคับใช้กฎหมายกาหนดให้มีมาตราการ ควบคุมเพื่อป้องกันการผูกขาดอันไม่เป็นธรรมและผลักดันให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรท้ังหลาย โดยเสมอภาค ๔.๒.๑.๒ ด้านพาณิชยกรรม ประกอบด้วย ด้านการนาเข้า การส่งออก และการจาหน่าย ดังนี้ เน่ืองจากพืชกัญชง (Hemp) ยังเป็นยาเสพติดที่ต้องควบคุม ทั้งไม่ได้เป็นสินค้าท่ีอยู่ในความควบคุมของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การผลักดันด้าน การนาเข้า การส่งออก และการจาหน่ายจาเป็นต้องผ่านการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Business Feasibility Study) สาหรับเป็นแนวทางช่วยให้ผู้ประกอบการใช้ในการตัดสินใจลงทุนในเชิง พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมกัญชง พร้อมนาผลิตภัณฑ์จากการพัฒนาเข้าร่วมแสดง หรือทดสอบ ตลาดในงานกัญชง หรือกัญชา หรืองานแสดงสินค้า (Exhibition หรือ Trade Fair) ในระดับประเทศ หรือนานาชาติ (ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ) ตามกฎหมายท่ีสามารถเข้าร่วมแสดงสินค้าได้ โดยจุดมุ่งหมายเพ่ือความจาเป็นในการทดสอบตลาด เพื่อศึกษาการยอมรับของผู้บริโภค ทางกายภาพ รูป สัมผัสรสชาติ กลิ่น ความพึงพอใจ ข้อเสนอแนะของผู้บริโภคเพื่อการนาไปพัฒนา สินค้าก่อนถ่ายทอดสู่ผู้ประกอบการในเชิงพาณิชย์ และทาแพลทฟอร์ม (Platform) ท่ีสามารถ เช่อื มโยงการพฒั นาตลอดหว่ งโซ่อปุ ทานของกญั ชง (Hemp Supply Chain) ในประเทศไทย ความสาคัญท่ีจะส่งเสริมให้กัญชง (Hemp) เป็นพืชท่ีมีมูลค่าทาง เศรษฐกิจและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง ซ่ึงหากมีการประกาศใช้กฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ขึ้นแล้ว ผลิตภัณฑ์ท่ีมีส่วนผสมของกัญชง (ไม่วา่ จะเปน็ ส่วนหน่ึงส่วนใด หรือสารสกัด CBD ก็ตาม) จะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจการค้าท่ีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงต่อไปของเกษตรกรไทยและผู้สนใจ พาณิชยกิจนี้ ผู้แทนกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ได้เสนอแนะข้อมูลว่า ในกรณีที่มีการปลดกัญชง (Hemp) ออกจาก (พืช) ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ แล้ว (“การปลด” หมายถึง ภาคประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงพาณิชยกิจกัญชงได้ตาม (ร่าง) กฎกระทรวงฯ ฉบับนี้) จะทาให้กระบวนการนาเข้าส่งออกน้ันสามารถทาได้โดยง่ายเช่นเดียวกับสินค้าท่ัวไป เพราะไม่มี ข้อจากัดทางกฎหมาย ในส่วนของพิกัดศุลกากร HS CODE (Harmonizad System Code) เกี่ยวกับ พิกัดพืชกัญชง (Hemp) ที่จะได้มีการจัดเตรียมไว้ ซ่ึงพิกัดท่ีกรมศุลกากรใช้จะเป็นพิกัดที่ได้มีการ รบั รองโดยองค์การศุลกากรโลก (World Costoms Organization : WCO) เรียกว่า ระบบพิกัดอัตรา
๑๙ ศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน (ASEAN Harmonization Tariff Nomenclature : AHTN) ท่ีประเทศ ไทยหนึ่งในภาคีสมาชิกอาเซียนนามาใช้ใน พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วยอาเซียนได้เร่ิมเปลี่ยนมาใช้ระบบพิกัด อัตราศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนหรือ AHTN เพ่ือให้ศุลกากรของทุกประเทศสมาชิกใช้พิกัดอัตรา ศุลกากรที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซ่ึงระบบน้ีเป็นระบบเป็นที่ยอมรับจากองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) โดยใช้เป็นพิกัดท่ีระบุชนิดด้วยรหัสตัวเลข ๘ หลัก ซ่ึงข้อมูลด้านภาษี กรมศุลกากรจะได้กาหนดพิกัดศุลกากรไว้สาหรับสินค้านาเข้าและสินค้าส่งออกในส่วนของผลิตผล และผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชง (Hemp) จะมีการจัดทารายละเอียดได้โดยละเอียดต่อไปอย่างรัดกุม เก่ียวกับการจัดทาพิกัดศุลกากรน้ันจะได้มีการศึกษาข้อมูลตั้งแต่ปฐมภูมิไปจนถึงข้ันทุติยภูมิ เช่น พิกัดพืช จะได้มีการกาหนดตั้งแต่ ราก ลาต้น ใบ ก้าน ดอก เป็นต้น โดยครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นชนิดสด ชนดิ แห้ง หรือผา่ นกระบวนการอบแหง้ หากมกี ารแปรรูปเปน็ ผลิตภณั ฑ์ประเภทใดจะมกี ารจัดทาพกิ ัด ศุลกากรในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไว้ สาหรับข้อมูลการนาเข้า ส่งออกผลิตภัณฑ์กัญชง (Hemp) ในปัจจุบัน กรมศุลกากรไม่มขี ้อมลู ในส่วนน้ี เนื่องจากยงั เป็นสง่ิ ผิดกฎหมายอยู่ มีเพียงการนาเข้าในส่วนของเมล็ด (ดว้ ยการแจง้ และสาแดงเท็จอนั ผดิ กฎหมายตามพระราชบญั ญัติศลุ กากร พ.ศ. ๒๔๖๙) เท่าน้นั ในมุมมองของผู้ปฏิบัติจากกรมศุลกากรในฐานะที่มีหน้าที่ในการ จับกุมและปราบปรามวัตถุออกฤทธ์ิเกย่ี วกบั ยาเสพติดใหโ้ ทษ ตามบัญชยี าเสพติดใหโ้ ทษในประเภท ๕ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ด้วย ยังไม่พบผู้ที่ใช้กัญชง (Hemp) เพื่อเป็นยาเสพติด โดยตรง จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากัญชง (Hemp) จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไร ซ่ึงในวิถี ชีวิตของคนไทยในภาคเหนือนั้น กัญชง (Hemp) จะถูกนามาใช้เพื่อเอาเส้นใยไปใช้ในการทาเส้ือผ้า และอุตสาหกรรมส่ิงทอ หรือเคมีภัณฑ์ท่ีผลิตจากวัตถุดิบชีวภาพที่จะถูกนาไปใช้เป็นส่วนประกอบ ในอาหารเวชภัณฑแ์ ละเคร่ืองสาอางตา่ ง ๆ ได้ สว่ นข้อมูลการนาเข้า ส่งออกกญั ชง (Hemp) น้นั ยังไม่มี ข้อมูลดังกล่าว เน่ืองจากกัญชง (Hemp) ยังเป็นยาเสพติดให้โทษที่ไม่มีการอนุญาตในการนาเข้า ส่งออกไม่ว่ากรณีใด ซึ่งการนาเข้า ส่งออกจะมีการกระทาในลักษณะท่ีเป็นการลักลอบนาเข้าเท่าน้ัน ซึ่งจากการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีความเห็นว่า ควรปลดกัญชง (Hemp) ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ จึงเป็นท่ีมาท่ีมีการอนุญาต ให้สามารถปลูกพืชกัญชง (Hemp) ได้โดยเร่ิมจากหน่วยงานของรัฐและมีแนวโน้มที่จะเปิดกว้าง มากขน้ึ ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ข้อมูลว่า พืชกัญชง (Hemp) ไม่ได้เป็นสินค้าที่อยู่ในความควบคุมของกรมการค้าต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อรฐั บาลมีนโยบายกาหนดใหก้ ัญชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมท่ีจะผลักดันและให้การสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ซ่ึงกลไกและกระบวนการท่ีจะกาหนดให้พืช ชนิดใดเป็นพืชเศรษฐกิจน้ัน จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายขึ้นมาชุดหนึ่งโดยให้ผู้แทนจาก
๒๐ หน่วยงานที่เก่ียวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกาหนดนโยบายดังกล่าว ท้ังนี้ จะต้องมีหน่วยงาน ผู้รับผิดชอบหลักในการดาเนินงานและเห็นว่าการกาหนดให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศนั้น จะต้ องพิ จารณ าข้ อมู ลความต้ องการของตลาดในต่ างประเทศประกอบ กั นด้ วย แ ล ะ ห น่ ว ย งา น ท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว คือ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซ่ึงจะมีสาขาใน ต่างประเทศ จานวน ๕๙ สานักงานใน ๔๒ ประเทศท่ัวโลก โดยมีผู้ให้ข้อมูลทางการค้า (Trade Informant) ซึง่ เป็นคนในพื้นท่ี (Local Staff) จะทาหนา้ ทสี่ ืบเสาะ แสวงหา ขอ้ มูลจากผผู้ ลิตและผู้ค้า สินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อนาข้อมูลท่ีได้มารวบรวม เปรียบเทียบเป็นสถิติเก่ียวกับมูลค่า ของสนิ คา้ ชนิดน้ัน ๆ วา่ มีมากน้อยเพียงใดและมคี วามต้องการของตลาดเปน็ จานวนเท่าใด ซึ่งจะทาให้ สามารถนาข้อมลู มาวางแผนการตลาดของประเทศต่อไปได้ ในการน้ี คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงเห็นสมควรส่งเสริมการพัฒนา พันธ์ุพืชกัญชง (Hemp) ท่ีให้สาร CBD มีปริมาณสูงและเส้นใย (Fiber) มากกว่า ๓๐% และ เสนอ พิจารณาแก้ไข พรบ ยาเสพติด (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๒๓ ในการเพิ่มอายุของ ใบอนุญาตผลิต จาหน่าย และครอบครองกัญชง (Hemp) เดิมกาหนดเพียง ๑ ปีปฏิทิน ซึ่งไม่ สอดคล้องกับการวางแผนผลิตเมล็ดพันธ์ุเพ่ือปลูกในรอบปีถัดไป ควรจะมีอายุ ๓ ปี เพ่ือให้สอดคล้อง กับการวางแผนผลิตเมล็ดพันธ์ุเพ่ือปลูกในรอบปีถัดไป และการนาเทคโนโลยีในการเก็บเก่ียวในแปลง ปลูกและการลอกเปลือก แยกแกนลาต้น แยกช่อดอกในโรงงาน มาใช้นาร่องในการผลิตเชิง อุตสาหกรรม เพื่อนาวัตถุดิบแต่ละส่วนส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงคุณภาพและแปรรูป เปน็ ผลติ ภัณฑ์ตามวตั ถุประสงคต์ ่อไป ๔.๒.๒ ด้านเศรษฐกจิ ภายในประเทศและต่างประเทศ ๔.๒.๒.๑ ดา้ นเศรษฐกจิ ภายในประเทศ ประกอบด้วยเศรษฐกิจ ด้านเส้นใย มูลค่าสินค้าผลผลิตและการส่งเสริมกัญชง (Hemp) พืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยกับการแข่งขัน ในตลาดโลกได้มีการศกึ ษาพิจารณาดงั ต่อไปนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นสมควรเสนอให้ส่งเสริมพืชกัญชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และเป็นพืชทดแทนการปลูกพืชรายได้น้อยในพ้ืนที่ท่ีเหมาะสม แต่ “กัญชง (Hemp)” ยังคงเป็น (พืช) ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ตามกฎหมายไทย ผลิตภัณฑ์ที่มี ส่วนผสมของกัญชง (Hemp) จึงยังไม่มีข้อมูล และการจัดการด้านธุรกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านวิเคราะห์ว่าพืชเศรษฐกิจจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ ตัวสินค้ามีมาตรฐาน เดียวกันหรือใกล้เคียงกันทั่วโลก ราคาสินค้าถูกกาหนดโดยอุปสงค์และอุปทานตลาดโลก พืชเศรษฐกิจ ที่ดีจึงควรปลูกง่าย โตเร็ว ต้นทุนต่า ทนต่อสภาพแวดล้อม ใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ มีการชลประทาน ท่ีดี สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้ง่าย หลากหลายคุณประโยชน์ มีการขนส่งและกระจายสินค้า ได้สะดวก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330