การผลิตธงุ ในเชงิ พาณิชย์ ธงุ บ้านถ่อนใหญ่ ต�ำบลนาข่า อ�ำเภอเมือง จังหวดั อุดรธานี ธุง บ้านโนนรงั ต�ำบลสาวะถี อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดขอนแกน่ ธงุ บา้ นหนองบัว ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอกันทรารมย์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ 89
ธงุ บ้านบวั เจริญ ต�ำบลทุ่งเทิง อ�ำเภอเดชอดุ ม จงั หวัดอุบลราชธานี มติ ทิ ่ี 6 ธุงในมติ ขิ องสอื่ สญั ลักษณใ์ นงานประเพณี สื่อสัญลักษณ์ในงานประเพณี การติดต้ังธุงในบริเวณของการจัดงานบุญต่างๆ ประโยชน์ส่วนหน่ึง ของการใชธ้ งุ คือ การบอกกล่าววา่ ก�ำลงั จะมีงานบุญ ดังนั้น คณะผจู้ ดั งานจึงมักติดตัง้ ธงุ ไว้ลว่ งหน้ากอ่ น เป็นวันงานจริงเสมอเพื่อบอกญาติมิตรหรือคนในชุมชนให้รู้ว่า สถานที่แห่งนี้ก�ำลังจะจัดงานบุญ ซ่ึงอาจ เป็นวัดหรือบ้านเรือนของคนในชุมชนก็ได้ เช่น การใช้ธุงราว ธุงไส้หมูในบ้านเรือนที่ก�ำลังจะรวมกองบุญ เพ่ือไปทอดกฐิน ณ วัดใดวัดหนึ่ง หรือบ่งบอกว่า บ้านหลังนี้ก�ำลังจะมีงานมงคล เช่น งานข้ึนบ้านใหม่ งานแต่งงาน เปน็ ต้น ในปัจจุบัน “ธุง หรือตุง” ถูกน�ำมาใช้ในงานพิธีกรรมทางพุทธศาสนาและงานประเพณีในท้องถิ่น งานเทศกาลต่างๆ ท้ังในส่วนกลางและภูมิภาคต่างๆ ทั้งน้ีเพ่ือความสวยงามน่าสนใจ โดยการออกแบบ ข้อความสัญลักษณ์ท่ีส่ือความหมายได้อย่างน่าสนใจและสวยงาม เช่นเดียวกับงานพิธีกรรมและประเพณี ส�ำคัญแต่ละเดือนของชาวอีสานยังคงมีการน�ำ “ธุง” มาใช้เพื่อสื่อความหมายและบ่งบอกถึงความส�ำคัญ ในแต่ละงาน ถึงแม้ว่าในบางคร้ังจะถูกน�ำมาใช้ประดับประดาให้มีความสวยงามอลังการโดยไม่ได้ค�ำนึงถึง จุดมุ่งหมายของงานภายใต้ค่านิยมและแนวปฏิบัติโดยท่ัวไปในปัจจุบัน ธุงยังคงสื่อความหมายถึงความ ศรทั ธาของผทู้ จ่ี ดั ท�ำขน้ึ มาเพอื่ เปน็ เครอ่ื งสกั การะ บวงสรวง ถวายเปน็ พทุ ธบชู าตอ่ ศาสนา เปน็ สงิ่ ยดึ เหนย่ี ว 90
จิตใจส่งผลถงึ ความรม่ เย็นเปน็ สขุ ตามหลกั ธรรมค�ำสอนในพุทธศาสนา คราวใดทไี่ ดเ้ หน็ ธุงปลิวไสวในงาน บุญประเพณีต่างๆ ในงานวัด ท�ำให้จิตใจเป็นสุขย่ิงนัก บ่งบอกถึงความหมายแห่งสายบุญที่เชื่อมโยงถึง ความสุขสวัสดีทง้ั ชาติปจั จบุ นั และชาติภพต่อไป (เจนอักษรพจิ ารย.์ จาก http://www.yupparaj.ac.th. สืบค้นเม่อื 12 มกราคม 2555) มติ ทิ ี่ 7 ธุงในมิติของงานศลิ ปกรรม งานศิลปกรรม เป็นงานสร้างสรรค์ท่ีเน้นแนวคิด ความงามในรูปแบบต่างๆ ในอดีตมักจะพบว่า มงี านจติ กรรมฝาผนงั หลายแหง่ ไดเ้ ขยี นรปู ของธงุ บนั ทกึ เหตกุ ารณไ์ ว้ นอกจากนน้ั ยงั พบวา่ มศี ลิ ปนิ หลายคน ได้น�ำธงุ มาเปน็ แรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์งานศลิ ปะ ทงั้ ทีเ่ ปน็ ภาพวาด ประติมากรรม และสอื่ ประสม ซ่ึงเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่า ธุงนอกจากจะมีความงามในเชิงศิลปะแล้วยังมีกล่ินไอแห่งความเป็นส่ือทาง วฒั นธรรมท่ศี ิลปินให้ความสนใจในการน�ำไปสร้างสรรค์ผลงานใหม้ ีค่าและความหมาย ผลงานสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะจากธงุ ใยแมงมมุ ทม่ี า: ภาสกร เตือประโคน. จาก https://oer.kku.ac.th/index.php/search_detail/result/11713. สืบค้นเมอ่ื 20 มกราคม 2560. มิติที่ 8 ธงุ ในมติ ิของมรดกทางวัฒนธรรม ธุงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีล้�ำค่าของท้องถ่ิน เน่ืองจากธุงในแต่ละพ้ืนท่ีมีความแตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะมีการสร้างสรรค์เพิ่มเติมก็ตาม แต่ยังคงเก็บรายละเอียดของชาติพันธุ์ตัวเองไว้ อย่างเหนียวแน่น เช่น ธุงเขมรในเขตพ้ืนที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ยังคงรักษาแบบแผนรูบแบบธุงของธุงตัวเอง ไว้อย่างเหนียวแน่นในทุกพ้ืนที่ ส่วนธุงศรีสะเกษยังคงรักษางานเก็บขิดบนผ้าธุงในรูปแบบของตัวเอง อย่างเหนียวแน่นเช่นเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่า ธุงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นท่ีมีค่าและความหมาย ตอ่ ชมุ ชน 91
92
บทท่ี 4 ธกงุารออีสนานรุ ักษแ์ ละสืบสาน 93
94
การอนุรักษแ์ ละสบื สาน ธงุ อสี าน ในการท่ีจะรักษาธุงอีสานให้คงอยู่คู่คนอีสาน ผู้เขียนมีข้อคิดเห็นท่ีได้จากการสัมภาษณ์บุคคลที่ เกีย่ วขอ้ ง ปราชญช์ าวบ้าน ในช่วงของการจดั เกบ็ ข้อมูล ซ่งึ ประมวลขอ้ มลู โดยสรุปได้ดงั น้ี การอนุรักษ์ธุงอสี าน การอนุรักษ์ธุงอีสาน เป็นการรักษาวัฒนธรรมความเชื่อ การผลิต และการใช้ธุงอีสานให้ คงอยู่คู่คนอีสาน ให้เป็นงานหัตถกรรมแห่งภูมิปัญญาที่มีคุณค่า เป็นความงดงามทางวัฒนธรรมท่ีแฝงไว้ ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา เป็นมรดกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ผู้เขียนได้สรุปประเด็นข้อเสนอแนะ เพื่อเปน็ แนวทางในการอนรุ กั ษ์ไว้ 4 แนวทาง ดงั น้ี 1) การจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ท้องถ่ิน ในยุคปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ท้องถ่ินเกิดขึ้นจ�ำนวนมาก สว่ นใหญม่ กั มสี ถานทต่ี งั้ อยภู่ ายในวดั แตจ่ ากขอ้ มลู พบวา่ ไมม่ พี พิ ธิ ภณั ฑใ์ ดจดั แสดงธงุ อยา่ งจรงิ จงั เปน็ เพยี ง จดั วางใหช้ มเพยี งเล็กนอ้ ย ทัง้ น้ี อาจสืบเนอ่ื งมาจาก การจดั แสดงธงุ ตอ้ งใช้พน้ื ทีท่ ี่มีความสงู มาก การดูแล รกั ษาเปน็ เรือ่ งยุง่ ยาก หากอณุ หภูมหิ ้องไมเ่ หมาะสมก็เกดิ การช�ำรดุ เสยี หายไดง้ า่ ย บางครง้ั ก็มีปญั หามอด แมลงกดั แทะ เหตุท่เี ปน็ เชน่ นน้ั เพราะธงุ โดยสว่ นใหญ่ผลติ จากเส้นดา้ ย/เสน้ ฝ้ายร่วมกบั งานไม้ไผ่ กรรมวิธี การทอบางคร้ังบางชิ้นไม่ได้มีเนื้อแน่นดังเช่นการทอผ้า ดังนั้น การจัดเก็บธุงจึงจ�ำเป็นต้องเก็บด้วยความ ระมดั ระวงั เช่นเดียวกบั การจดั เก็บคัมภีร์ใบลาน ธงุ โบราณเก่าเกบ็ วัดศรีอมั พร ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอศรบี ญุ เรอื ง จงั หวดั หนองบัวล�ำภู 95
ธุงโบราณเกา่ เก็บ วดั บา้ นหนองบัว อ�ำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ 2) การส่งเสริมให้มีกิจกรรมท�ำธุงในงานบุญประเพณีต่างๆ โดยท่ัวไปในงานบุญประเพณี ในภาคอีสานเกือบทกุ งานบุญสามารถใชธ้ ุงหลายชนดิ ในงานตกแตง่ ได้ เช่น ธงุ ราว ธุงไส้หมู ธงุ ใยแมงมุม ยกเว้นงานบุญกฐินท่ีมีธุงเฉพาะกิจ การท�ำธุงในงานบุญนอกจากจะเกิดบุญกุศลแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ งานศลิ ปะพน้ื บา้ น อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ของไทย การจดั กจิ กรรมท�ำธงุ ในงานบญุ ยงั เปน็ การเสรมิ สรา้ ง ความสามคั คใี นชุมชนอีกด้วย กิจกรรมรวมกลุ่มท�ำธุงในงานบุญบา้ นนาอุดม อ�ำเภอนคิ มค�ำสรอ้ ย จังหวดั มกุ ดาหาร 96
3) การสอดแทรกการท�ำธงุ ในหอ้ งเรยี น เปน็ การแทรกไวใ้ นรายวชิ าสาระการเรยี นรู้ ระดบั ประถม ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนของไทยได้เกิดความเข้าใจ ซึมซับมรดกทางวัฒนธรรมของไทย ได้ฝึกฝน ประสบการณใ์ นงานวชิ าชพี ทม่ี ีคณุ คา่ และสามารถสรา้ งสรรค์ต่อยอดใหเ้ กดิ ความสวยงามได้ 4) การให้ความรู้เก่ียวกับการดูแลรักษาธุง จากข้อมูลท่ีพบในการลงพ้ืนท่ีจัดเก็บข้อมูล พบว่า ธุงอีสานไม่ได้ถูกน�ำมาใช้ตลอดทั้งปี แต่จะถูกใช้เมื่อมีงานบุญประเพณีภายในวัดหรืองานบุญประเพณีของ บุคคลในชุมชนหรือการขอหยบิ ยมื จากวดั /ชุมชนในพ้ืนทีใ่ กล้เคียง ดังนั้น ธุงจงึ ถูกใช้เป็นชว่ งๆ และตอ้ งน�ำ มาจดั เกบ็ เป็นช่วงๆ เชน่ เดียวกนั ส�ำหรับพฤตกิ รรมการน�ำธงุ ออกไปใชใ้ นแต่ละคร้ังมักจะถกู รน้ื คน้ อยา่ งไม่ ถกู วธิ ี ทงั้ นี้ ไดส้ รา้ งความเสยี หายและการช�ำรดุ ใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ธงุ ซงึ่ ผา้ ธงุ แตล่ ะผนื เปน็ งานทมี่ คี วามบอบบาง ช�ำรดุ ไดง้ า่ ย หากมองท้ังด้านราคาและต้นทุนในการผลิต ธงุ ไชยแต่ละผืนจะมีราคาค่อนข้างสงู คือ ตงั้ แต่ 1000-5000 บาท ทงั้ นี้ ราคาจะสมั พันธก์ ับความประณตี และเทคนคิ ในการทอ ส่วนธงุ อนื่ ๆ ราคาก็จะแตก ตา่ งตามความยาก-งา่ ยในการผลติ ดว้ ยราคาของธงุ ทมี่ กี ารผลติ จ�ำหนา่ ยและความศรทั ธาของผถู้ วาย ธงุ จงึ เป็นวัตถุ สิ่งของที่ไม่อาจประเมินราคาได้ การเก็บ รักษาธุงจึงมีความส�ำคัญอย่างย่ิง เช่น ก่อนจัดเก็บ ควรห่อให้มิดชิดเพ่ือป้องกันมอดแมลงกัดแทะ ควร มีข้อมูลเกี่ยวกับธุงแต่ละผืนเพ่ือป้องกันการร้ือค้น กอ่ นใชง้ าน ควรจดั เกบ็ ภายในตทู้ ปี่ ลอดภยั ควรมกี าร ซ่อมแซมดูแลรักษา ควรมีผูร้ บั ผดิ ชอบในการจัดเก็บ เปน็ ตน้ ทงั้ น้ี ชมุ ชนหรอื หนว่ ยงานภาครฐั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ควรใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางวดั ซง่ึ เปน็ แหลง่ จดั เกบ็ ธงุ และทสี่ �ำคญั ไมค่ วรทง้ิ ใหเ้ ปน็ ภาระของสงฆฝ์ า่ ยเดยี ว การจดั เก็บธงุ อีสานโดยท่ัวไป การจัดเกบ็ ธุงของวดั โพธ์ิ บา้ นจอก ต�ำบลคอนสวรรค์ มักนยิ มเก็บในกระสอบปุ๋ย อ�ำเภอคอนสวรรค์ จงั หวดั ชัยภมู ิ 97
การจดั เก็บธงุ ของวดั โพธ์ิ วัดศิริพทุ ธาราม บ้านท่าควาย ต�ำบลอาจสามารถ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดนครพนม การจัดเก็บธงุ ของวดั โพธิ์ วดั ใหมส่ ามคั คีธรรม บา้ นโคกเพ็ด ต�ำบลกดุ จอก อ�ำเภอบัวใหญ่ จงั หวัดนครราชสีมา การจัดเกบ็ ธุงของวดั ศรคี ณู เมอื ง อ�ำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวล�ำภู 98
การสืบสาน และตอ่ ยอดภูมิปญั ญาธงุ อสี าน การสืบสานธุงอีสานให้คงอยู่อย่างมีคุณค่า สอดคล้องกับยุคสมัยท่ีเปลี่ยนไป ซึ่งมีแนวทางใน การสบื สานธงุ อสี าน ดังน้ี 1) การจัดกจิ กรรมประกวดธงุ อีสาน ที่มาของธุงในงานบุญประเพณีตา่ งๆ มกั มาจาก 3 แหลง่ คอื (1) ธงุ เกา่ เกบ็ ของวดั เมอื่ ถงึ งานบญุ กจ็ ะน�ำธงุ ทจี่ ดั เกบ็ ไวม้ าตดิ ตง้ั ไวต้ ามจดุ ตา่ ง ๆ (2) การสรา้ งถวายวดั ของ ญาตโิ ยม ซึง่ มวี ตั ถุประสงค์ตามความเชือ่ และความหมายของแตล่ ะบคุ คล เชน่ ถวายเพ่ือใหเ้ กิดบญุ กศุ ลต่อ ญาตผิ ลู้ ว่ งลบั ถวายเพอื่ เปน็ พทุ ธบชู าเพอื่ ใหเ้ กดิ บญุ กศุ ลแกต่ นเองหรอื บดิ า มารดา เปน็ ตน้ (3) เกดิ จากการ รอ้ งของกรรมการวัด เนื่องจากมีความขาดแคลนธงุ ท่ีจะมาใชใ้ นงานบุญ ท้ังน้อี าจเนื่องมาจากธุงเดมิ ท่เี คย ใช้มานานเกดิ การช�ำรุดเสยี หายจ�ำนวนมากและไม่เพยี งพอต่อการใช้ในงานบุญ ทัง้ น้ี หากมีการจัดกิจกรรม ประกวดธงุ ภายในวัด นอกจะเป็นการสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารสรา้ งสรรคธ์ ุงท่ีมีรูปแบบหลากหลาย สวยงาม ยังจะ เปน็ สว่ นส�ำคญั ในการกระตุน้ ใหเ้ กิดการพฒั นาธงุ ท่ีสอดคล้องกบั ความนยิ มของยคุ ใหม่ 2) การพัฒนาธุงเป็นของท่ีระลึกในชุมชน เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจ ในการสร้างสรรค์ธุง สู่งานของที่ระลกึ ทัง้ น้ี อาจตอ้ งมกี ารปรบั ปรุงด้านวสั ดุ ขนาด สดั ส่วน สี การใช้งาน และการบรรจุภณั ฑ์ รวมท้ังต้องใส่เร่ืองราว (Story) เพ่ือบอกเล่าเร่ืองราว และความหมายต่อนักท่องเท่ียวเพื่อให้เกิดความ นา่ สนใจ ธงุ อีสานกับหมบู่ า้ นท่องเท่ียวในจงั หวัดกาฬสนิ ธุ์ 99
ธุงอีสานกับหม่บู ้านท่องเท่ยี วในจังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ 3) การใช้ธุงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ด้วยธุงเป็นงานสร้างสรรค์จาก ภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ มคี วามงาม มีคุณคา่ มคี วามหมาย ในรปู แบบของการปกั ลาย การเก็บขดิ การมดั หม่ี การทอ และการตกแต่ง ธงุ จึงเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมที่ไมไ่ ด้หยุดน่ิงแค่ธุง แตธ่ ุงยังมอี ตั ลักษณ์เฉพาะถิ่น อัตลักษณ์ทางลวดลายและรูปทรง ดังนั้น ธุงจึงเป็นอีกหน่ึงมรดกทางวัฒนธรรมท่ีสามารถน�ำไปต่อยอด พฒั นาผลติ ภณั ฑอ์ น่ื ไดด้ ว้ ย ดงั ท่ี กติ ตธิ์ นตั ถ์ ญาณพสิ ษิ ฐ์ (https://www.gotoknow.org/posts/104086. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2555) ได้ใช้ลายจากธุงใยแมงมุมเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบลายผ้าไหม มดั หม่ี โดยเขยี นไวว้ า่ ลายแมงมมุ ไดม้ กี ารผกู ลดลายทเี่ ปน็ โยงใยคลา้ ยใยแมงมมุ ลายนเี้ ปน็ ลายทไี่ ดร้ บั ความ นิยมมาก เม่ือสืบหาท่ีมาของลวดลายจากชาวบ้าน พบเร่ืองของแมงมุมอยู่ในคติชนของอีสานอยู่สองเรื่อง นนั้ คอื แมงมมุ ในคตชิ นเรอ่ื งพระยาคนั คาก และทงุ แมงมมุ ในแนวคดิ คตวิ ทิ ยาเรอ่ื งพระยาคนั คากเมอ่ื ครงั้ ไป ปราบพระยาแถนทไ่ี มย่ อมใหฝ้ นแกโ่ ลกมนษุ ยท์ �ำใหพ้ ระยาคนั คากตอ้ งไปรบ คราวนน้ั ไดร้ บั ความรว่ มมอื จาก บรวิ ารที่เปน็ สตั ว์มากมายช่วยสรา้ งถนนเช่ือมโยงจากโลกไปสวรรค์แดนแหง่ พระยาแถน สตั ว์ท่วี ่ามแี มงมมุ รว่ มดว้ ยทชี่ กั ใยและเชือ่ มโยงให้ถนนทรี่ ่วมกบั สตั วอ์ ื่น ๆ สรา้ งจนถงึ สวรรค์แดนพระยาแถนไดแ้ ละคราวนัน้ พระคันคากกช็ นะ คตวิ ทิ ยาเรือ่ งนน้ี �ำมาซงึ่ การเลน่ บั้งไฟดว้ ยเพื่อเตอื นพระยาแถนไม่ให้ลมื ใหฝ้ นแก่ชาวนา อสี าน การเชอ่ื มโยงโลกมนษุ ยก์ บั โลกแหง่ สวรรคข์ องแมงมมุ นนั้ แสดงอยา่ งเปน็ รปู ธรรมผา่ นศลิ ปหตั ถกรรม ของชาวบ้านอีสานท่เี รยี กวา่ ตุงหรือ ธงุ /ทุงใยแมงมุม หรือยู้แมงมมุ 100
ลายมัดหมีอ่ ีสาน ลายแมงมมุ ท่มี า: https://www.gotoknow.org/posts/104086, สบื คน้ เมื่อ 12 มกราคม 2555. 101
ศักด์ิชาย สิกขา (2551: 32) ได้เขียนไว้ในหนังสือ ต่อยอดภูมิปัญญา หัตถกรรมพ้ืนบ้าน วา่ การสรา้ งสรรคเ์ ป็นวิธคี ดิ ของมนษุ ย์หรือวธิ ีแหง่ ปญั ญา วิธดี ังกลา่ วน�ำมาใช้ในการคดิ แก้ไข และไตรต่ รอง แลว้ น�ำมาปรบั ปรงุ ใหเ้ กดิ การพฒั นาการ จงึ เหน็ ไดว้ า่ การสรา้ งสรรคก์ ม็ สี ว่ นสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั การออกแบบ ซ่ึงจะต้องอาศัยความคู่กันในข้ันปฏิบัติการ เคยมีนักศิลปะหลายท่านกล่าวไว้ว่า “การสร้างสรรค์ด้าน ศิลปะท�ำเพื่อสนองทางด้านสุขภาพจิตทางความงามและทางด้านร่างกาย” ถึงแม้ว่าการสร้างสรรค์จะ เป็นคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้วก็ตาม แต่ในทางศิลปะมีความเช่ือว่าสามารถพัฒนาข้ึนได้ ดงั นนั้ หากจ�ำแนกแนวทางในการสร้างสรรคผ์ ลงานต่างๆ อาจแบ่งไดเ้ ปน็ 3 ด้าน คอื การสร้างสรรคใ์ น ด้านความคดิ (CREATIVE IN THINKING) การสรา้ งสรรคใ์ นด้านความงาม (CREATIVE IN AESTHETIC) และการสรา้ งสรรคใ์ นดา้ นประโยชน์ใชส้ อย (CREATIVE IN FUNCTION) โดยอธบิ ายไว้ ดงั น้ี การสร้างสรรค์ในด้านความคิด คือ การใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบการค้นคว้า ทดลองใหเ้ ป็นทป่ี ระจักษแ์ ก่ขอ้ สงสยั ของตนเอง เช่น การก�ำหนดปญั หาทดลอง ศกึ ษาวิเคราะห์ปญั หาน้นั แล้วน�ำมาวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนท่ีเหมาะสม คือ ฝึกคิดแกไ้ ข ไตร่ตรอง ซ่ึงเปน็ วิธกี าร ท่ีมนุษย์มีติดตัวมาและกระท�ำกันมาช้านานแล้ว ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการต่างๆ น้ันล้วนเกิดข้ึน จากการสร้างสรรค์ในด้านความคิดนี้ การสร้างสรรค์ในด้านความงาม คือ การสร้างสรรค์จากความประทับใจ ความมีจิตใจในด้าน สนุ ทรยี ภาพ แสดงออกมาในด้านของการสรรหาวตั ถุ หรือธาตุทางศลิ ปะต่างๆ ทีเ่ ป็นโครงสรา้ งทางศิลปะ น�ำมาจดั ประกอบกันใหเ้ กิดความสวยงามในทางจติ ใจ การสร้างสรรค์ในด้านประโยชน์ใช้สอย คือ การน�ำการสร้างสรรค์ในด้านของความคิดและ ความงามท้ังสองข้อท่ีกล่าวมาแล้วมาผสมผสานกันดัดแปลงเลือกสรรวัสดุให้เหมาะสมในลักษณะของ การประดิษฐ์ส่ิงของเพื่อมุ่งประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึง เพ่ือมุ่งประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึง เพื่อสนอง ความสุขทางใจและกาย โดยมองเรอื่ งการตอบสนองทางกายเป็นเรอื่ งหลกั ความงามเป็นเรอื่ งรองลงมา ส�ำหรับในกระบวนการสร้างสรรค์งานโดยใช้แรงบันดาลใจจากส่ิงต่างๆ ศักด์ิชาย สิกขา (2551: 40) เคยให้หลักการและแนวคิดไว้ว่า วิธีคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่ิงท่ีเรามองเห็นโดยท่ัวไป ท้งั สง่ิ ทีเ่ ปน็ ผลิตภณั ฑ์เดมิ หรอื ไมใ่ ชเ่ ป็นผลิตภัณฑ์ แตเ่ มอื่ เรามองดูแลว้ เหน็ คณุ ค่าในความงามอาจสามารถ น�ำส่ิงเหล่าน้ันมาประยุกต์ใช้ในลักษณะต่างๆ เช่น การลดส่วน การขยายส่วน การเปล่ียนแปลง การจัด ส่วนประกอบใหม่ การกลบั ไปในทางตรงกนั ข้าม การรวมกัน และการแทนทใี่ หม่ 102
จากการศกึ ษาขอ้ มลู ดงั กลา่ ว ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ วธิ กี ารในการสรา้ งสรรคง์ านโดยใชธ้ งุ เปน็ แรงบนั ดาลใจ ในการสรา้ งสรรค์งาน ท่ีมีความเหมาะสมมี 4 วิธีการ ดังน้ี วิธีท่ี 1 การตัดทอน เป็นการตัดออกหรือการย่อส่วน เช่น การตัดส่วนที่ไม่จ�ำเป็นออก การย่อ ส่วนให้เล็กลงและตัดรายละเอียดบางส่วนออก ท้ังนี้ ต้องพิจารณาถึงคุณค่าความงามของผลงานท่ีก�ำลัง จะสร้างสรรค์ โดยลักษณะของธุงที่มีหลากหลายรูปแบบ การน�ำส่วนใดส่วนหน่ึงของธุงมาใช้ในการ สรา้ สรรคง์ านคงตอ้ งพจิ ารณาถงึ องคป์ ระกอบสง่ิ ทกี่ �ำลงั จะท�ำ เชน่ การน�ำธงุ ใยแมงมมุ มาใชเ้ ปน็ แรงบนั ดาล ใจในการออกแบบลวดลายบนผืนผ้า การจัดวางองค์ประกอบโดยใช้รูปทรงภายนอกมาจัดรางเรียงกัน เหมือนธุงใยแมงมุมที่แขวนไว้ในงานต่างๆ โดยไม่ต้องใส่รายละเอียดของเส้นฝ้ายก็เพียงพอแก่การน�ำมา ใช้ในงานออกแบบลายผ้ามัดหม่ีหรือเก็บขิดแล้ว ดังนั้น ในการตัดทอนบางคร้ังจึงไม่ใช่เพ่ือความงามเพียง อย่างเดียวแตเ่ พ่อื ความเปน็ ไปไดใ้ นการผลิตด้วย วธิ ีท่ี 2 การจัดส่วนประกอบใหม่ เปน็ การจัดส่วนประกอบใหด้ ูแปลกใหม่ไปจากเดมิ โดยอาจจดั หรือสลับที่ใหม่ วางองค์ประกอบต่างๆ ใหม่ รวมทงั้ การแตง่ เตมิ ส่วนประกอบอืน่ รว่ มดว้ ย ซง่ึ ในการสรา้ ง ผลงานการใช้แนวคิดในการสร้างสรรค์งานมาจากธุงเพียงอย่างเดียวอาจขาดหายบางส่ิงไป การค้นหา รายละเอียดอื่นมาเสรมิ เชน่ ลวดลาย รปู ทรง หรือลายเสน้ ต่าง ๆ มาร่วมและจดั สว่ นประกอบใหม่กเ็ ป็น อีกหนง่ึ แนวทางทจี่ ะท�ำให้ผลงานสรา้ งสรรคม์ คี ณุ ค่าและความหมาย วิธีท่ี 3 การเปล่ียนแปลงวัสดุหรือการผลิต เป็นการใช้สื่อประสมในการสร้างสรรค์ผลงาน เปน็ คดิ ใหม่ สรา้ งใหมท่ ง้ั วสั ดแุ ละการผลติ โดยเรมิ่ ตน้ จากการออกแบบบนกระดาษกอ่ น จากนนั้ จงึ คดิ หาวสั ดุ ทีเ่ หมาะสม และการวางแผนการผลิต เปน็ ผลงานใหม่ทม่ี กี ลิ่นไอจากธงุ อีสานทน่ี �ำมาสร้างสรรค์งาน วิธีที่ 4 การร่วมกบั ส่งิ อื่น เป็นการน�ำธงุ มาร่วมสร้างสรรคง์ านกบั สิ่งอนื่ เป็นการจับคหู่ รอื การจดั ร่วมกับหลายส่ิง เพื่อสร้างสรรค์งาน เช่น การจับคู่กับสิ่งท่ีอยู่ในกลุ่มเดียวกันในทางความเชื่อและศาสนา ธงุ และพานบายศรี ธงุ กบั ขนั กะหยอ่ ง ธงุ กบั ขบวนแหผ่ ะเหวด ธงุ กบั สมิ หรอื โบสถ์ ธงุ กบั ชดุ บชู าตา่ งๆ เปน็ ตน้ การจับคู่กับส่ิงที่อยู่ต่างกลุ่ม เช่น ธุงกับธรรมชาติ ธุงกับต้นไม้ ใบไม้ ธุงกับชุดของตกแต่งบ้าน เป็นต้น ผลงานที่ได้จากการจับคู่อาจปรากฏในรูปของงานจิตกรรม ประติมากรรม ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก หรือของใช้ ของตกแต่งต่างๆ โดยผู้สร้างสรรค์งานต้องค�ำนึงถึงความเหมาะสมด้วย เน่ืองจากธุงเป็น งานศลิ ปหตั ถกรรมท่อี ยใู่ นความเชื่อ ความศรทั ธาของคนอสี าน ดังนนั้ จึงตอ้ งจดั อยู่ในกลุ่มงานสรา้ งสรรค์ ที่เป็นของสูง ไมใ่ ชข่ องใชท้ ว่ั ไป 103
การตดั ทอน การจัดสว่ นประกอบใหม่ งจานากสธรงุ้าองสีสรารนค์ การรว่ มกับสิ่งอ่นื การเแปลละย่ี กนาแรผปลลติงวัสดุ ภาพทที่ี่ม4า.1: ปกราะรทสบัรา้ใจงสสรวุ รรครผ์ณลธงาาดนาจ, า2ก5ธ6งุ1อ. สี าน บทสรปุ ธุง ไมใ่ ชเ่ พียงงานหตั ถกรรมทช่ี าวบา้ นสรา้ งขน้ึ เท่านนั้ ธุง อาจสร้างจากวัสดุท่ีหาได้ง่ายในท้องถิ่น แต่เม่ือประกอบสร้างเป็นธุงแล้ว ธุงจะมีความหมาย ทีเ่ ชื่อมโยงกับความเช่อื ความศรทั ธาของคนนับลา้ น ธุง มีต�ำนาน มีภูมิปัญญาในการประกอบสร้าง มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ในเชิงพื้นที่ ธงุ จึงเป็น “มรดกทางวฒั นธรรม” ทีล่ ำ้� ค่าของชมุ ชน ธุง มีการขับเคลื่อน ปรับตัว เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ธุงจึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ท่บี ง่ ช้ีถึงความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ในแต่ละยุคสมยั สิ่งต่างๆ เหลา่ น้ี ส่งผลให้ธุงอีสานคงอยูอ่ ยา่ งยาวนาน เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมท่ีสามารถสง่ ต่อไป ยงั ลูกหลานไดอ้ ยา่ งมีคุณคา่ 104
105
106
บทที่ 5 กกรารณออีศกึกแษบา:บและพัฒนา ธงุ บา้ นหนองบัว หมู่ที่ 1 ตำ�บลหนองบัว อำ�เภอกนั ทรารมย์ จงั หวดั ศรีสะเกษ 107
108
การพฒั นาผา้ ธงุ รว่ มสมยั วิถชี ีวิตของชาวอีสานในอดตี เล่ากันวา่ ผูห้ ญงิ ทอผ้า ผชู้ ายจกั สาน ผหู้ ญงิ หากทอผา้ ไม่เป็นกย็ าก ทจ่ี ะมีสามีและได้ออกเรือน ดงั ค�ำที่วา่ “ยามว่างจากงานในนา ผูห้ ญงิ ทอผา้ ผู้ชายจักสาน” เปน็ ค�ำกล่าวท่ี สะท้อนให้เห็นสภาพการด�ำรงชีวิตและสังคมของชาวอีสาน ดังนั้น การทอผ้าจึงเป็นงานส�ำคัญของผู้หญิง ผ้าที่ทอส่วนใหญ่จะทอเพ่ือใช้เป็นเส้ือผ้า เครื่องนุ่งห่ม เคร่ืองแต่งกาย ของใช้ประจ�ำกาย เช่น เส้ือ ซิ่น (ผา้ ถงุ ) ซง่ (กางเกง) โสรง่ ผ้าขาวมา้ ผา้ คลุมไหล่ เคร่อื งนอน หมอน มุ้ง ผา้ หม่ นอกจากนั้นยงั ทอเคร่ืองใช้ สง่ิ ของในงานบญุ ประเพณที จี่ ะถวายพระในงานบญุ ประเพณตี า่ งๆ เชน่ ทน่ี อน หมอน ผา้ หอ่ คมั ภรี ์ ผา้ กราบ ผ้าผะเหวด และผ้าธุง เทคนิคในการทอ การสร้างสรรค์ลวดลายบนผืนผ้าจะเป็นความถนัดที่สืบทอดมา จากบรรพบุรุษ สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ยายสอนให้แม่ แม่สอนให้ลูก และมีการแลกเปล่ียนทักษะฝีมือ เทคนิคกันระหวา่ งคนในครอบครัว ระหวา่ งญาตมิ ิตร และระหวา่ งคนในชุมชน เทคนคิ การสร้างสรรคล์ าย ผา้ ยอดนิยมของคนอีสาน คอื ผา้ เหยยี บ ผา้ มัดหมี่ ผา้ ขดิ ผ้าจก และผ้าพืน้ ส�ำหรับการทอผ้าธุงในอีสาน ยอดนิยม คือ การเก็บขิด ส่วนเทคนิคการมัดหมี่พบน้อยมาก การทอผ้าเหยยี บหรือผา้ ลายขดั เช่น ผา้ ขาวม้า ผา้ โสร่ง ทนี่ �ำมาทอเป็นผ้าธงุ พบในบางพืน้ ที่ มากทีส่ ุด คอื ในเขตพนื้ ทจี่ งั หวดั สรุ นิ ทร์ ซง่ึ ยดึ ถอื สบื ตอ่ กนั มาทง้ั ผา้ ทใี่ ชท้ �ำธงุ และรปู แบบของผา้ ธงุ ซงึ่ ประกอบดว้ ย หวั ธงุ ผนื ธุง และหางธงุ พร้อมติดกระเปา๋ ไว้ในส่วนของหางธงุ เพอ่ื ใส่เงนิ ใสด่ อกไม้ และขนม ในช่วงท้ายของหนังสือน้ี ผู้เขียนจึงขอน�ำเสนอข้อมูล การทอผ้าธุงลายขิด ซึ่งถือว่า พบมากท่ีสุด เกือบทุกพ้ืนท่ีในภาคอีสาน เทคนิคการทอผ้าขิด อาจกล่าวได้ว่า เป็นเทคนิคท่ีเหมาะสมกับการทอผ้าธุง มากที่สุด โดยเฉพาะ “ธุงชัย หรอื ธุงผะเหวด” เพราะเทคนคิ น้ี สามารถคั่นด้วยตวิ ไม้ไผเ่ ป็นช่วงๆ ได้สะดวก สามารถแบ่งช่อง สร้างลายสร้างรูปเป็นช่องๆ ได้ตลอดท้ังผืน ช่างทอสามารถแสดงความสามารถในการ สร้างสรรค์ได้ตลอดท้ังผืน ซ่ึงแตกต่างจากเทคนิคการมัดหม่ีที่ต้องเตรียมเส้นพุ่งในการทอ ด้วยการมัดหมี่ การคน้ หม่ี การยอ้ มหมี่ เปน็ ขนั้ ตอนทยี่ าวและสรา้ งสรรคค์ วามงามทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะชอ่ งตามความยาว ของผา้ ธงุ ไดย้ าก แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม การเกบ็ ขดิ กไ็ มใ่ ชเ่ รอื่ งทงี่ า่ ยตอ้ งอาศยั ความช�ำนาญมากจงึ จะท�ำไดส้ วยงาม จากสือ่ ออนไลน์ เวบไซต์ ผา้ ไหมสาเกต ทเ่ี ขียนบทความในหวั ขอ้ “ภาคอีสาน-ผา้ ขิด” บนั ทกึ ไว้ว่า ชาวอีสานถอื วา่ ในกระบวนการทอผา้ ด้วยกันแลว้ การทอผา้ ขดิ ตอ้ งอาศยั ความช�ำนาญ และมีชั้นเชิงทาง ฝีมือสูงกว่าการทอผ้าอย่างอ่ืนๆ เพราะทอยากมาก มีเทคนิคการทอท่ีซับซ้อนมากกว่าการทอผ้าธรรมดา 109
เพราะตอ้ งใชเ้ วลา ความอดทน และความละเอยี ดลออ มกี รรมวธิ ที ยี่ งุ่ ยากทอไดช้ า้ ผทู้ อตอ้ งมปี ระสบการณ์ และพรสวรรคใ์ นการทอ การทอผา้ ลายขดิ คอื การทอผา้ ทท่ี อแบบ “เกบ็ ขดิ ” หรอื “เกบ็ ดอก” เหมอื นผา้ ท่ี มกี ารปกั ดอก การทอผา้ ดอกนช้ี าวอสี านเรยี กกนั วา่ “ การทอผา้ เกบ็ ขดิ ” ลวดลายของขดิ แตล่ ะลายจะมรี ปู แบบทสี่ วยงาม มคี วามมนั วาว นนู ลอยออกมาบนผนื ผา้ ชาวอสี านโดยทวั่ ไปนยิ มทอผา้ ขดิ เพอื่ ท�ำเปน็ หมอน สงั เกตวา่ ลวดลายขิดจะอยู่บรเิ วณส่วนกลางของตวั หมอน ส่วนหนา้ หมอนนน้ั นยิ มเย็บปดิ ดว้ ยผา้ ฝ้ายสีแดง ลวดลายหมอนขดิ สว่ นใหญ่ เปน็ ลวดลายทผ่ี ทู้ อไดร้ บั แรงบนั ดาลใจมาจากธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และความ เช่อื เชน่ ลายแมงงอด ลายอึ่ง ลายช้าง ลายมา้ ลายพญานาค ลายดอกแกว้ ลายดอกจันทน์ ลายตะเภาหลง เกาะ ลายขอ ลายสิงห์ ลายคชสีหอ์ องนอ้ ย ลายแมงมมุ ลายกาบ ลายหอปราสาท หรือธรรมาสน์ เปน็ ตน้ แต่เดิมชาวภาคอีสานนิยมทอลวดลายขิดด้วยเส้นใยฝ้ายสีคราม ส่วนปัจจุบันนิยมใช้สีสันสดใส และ พัฒนาการย้อมด้วยสีธรรมชาติจากเปลือกไม้ ใบไม้ (https://sites.google.com/site/phahimsaket/ phakh-xisan-pha-khid. สบื ค้นเม่อื 16 ธันวาคม 2554) ในยคุ สมยั ของการพฒั นาผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนตามแนวนโยบายภาครฐั ซงึ่ เรม่ิ ประกาศแนวนโยบายหนงึ่ ต�ำบลหนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ (OTOP) เมอ่ื ปี พ.ศ. 2544 สง่ ผลใหผ้ ลติ ภณั ฑท์ ผี่ ลติ ในชมุ ชนทกุ แขนง รวมทง้ั ผา้ ทอมอื ทุกชนดิ ถกู ยกระดบั อยา่ งเปน็ ทางการ จากการทอเพอื่ ใชใ้ นครัวเรือนและจ�ำหนา่ ยกนั เองในชุมชนยกระดบั เปน็ สินคา้ ออกสู่ตลาด สรา้ งงานสร้างรายไดเ้ ขา้ สู่ครัวเรอื น ชมุ ชนและประเทศ ผ้าธงุ จากผ้าที่เคยทอในครัว เรือนเพื่อถวายเป็นพทุ ธบูชา ได้เปลย่ี นมาเป็นการทอเพอื่ จ�ำหนา่ ยและมกี ารซ้อื หาเพือ่ ถวายเป็นพุทธบชู า งานออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ค�ำว่า “ออกแบบ” เริ่มมีการรับรู้และเข้าใจใน ชุมชน ผลิตภัณฑ์ชุมชนจ�ำนวนมากได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ เพ่ือขับเคลื่อนเข้าสู่ตลาด ส�ำหรับ “งานออกแบบ” มีนกั วชิ าการหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายและแนวคดิ ไว้ดงั นี้ ท�ำนอง จนั ทิมา (2537 : 2) เคยให้ค�ำจ�ำกัดความไวว้ า่ การออกแบบ หมายถงึ การใช้ความคิดใน การเลอื กใชว้ สั ดุ เพอ่ื สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะใหม้ หี นา้ ทใ่ี ชส้ อยตามความตอ้ งการ ทง้ั ในดา้ นอตั ถประโยชนแ์ ละ ความงามในรปู ร่างลักษณะตลอดทง้ั รปู ทรง นวลน้อย บญุ วงษ์ (2539 : 133) เคยกลา่ วไวว้ ่า กระบวนการออกแบบผลติ ภัณฑ์เปน็ ระบบเป็นวธิ ี ทชี่ ว่ ยลดความผดิ พลาดในการท�ำงานและมคี วามเหมาะสมกบั การแกป้ ญั หาในงานออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ หม่ มาโนช กงกะนันน์ (2549 : 46) ได้กล่าวถึง “การสร้างงานออกแบบ” ในหนังสือ ศิลปะการ ออกแบบวา่ นกั ออกแบบแตล่ ะคนอาจมแี รงบนั ดาลใจแตกตา่ งกนั ทงั้ นขี้ นึ้ กบั ประสบการณแ์ ละจนิ ตนาการ แรงบันดาลใจเป็นพลังอันเร้นลับ และมีคุณค่ามหาศาล อาจเกิดข้ึนจาก 3 ทาง คือ จากตัวเรา 110
โดยผา่ นทางสมอง เรยี กว่า “จนิ ตนาการ” อีกทางจากภายนอกคอื การรับรจู้ ากธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม และทางสดุ ท้ายคอื จากสังคมและวัฒนธรรม จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า งานออกแบบเป็นกระบวนการทางความคิด ที่ช่วยลดความผิด พลาดในการท�ำงาน ซ่ึงการสร้างงานออกแบบน้ัน ต้องอาศัยแรงบันดาลใจของนักออกแบบที่เชื่อมโยงกับ ประสบการณ์และจินตนาการ สอดคล้องกับ ศักด์ิชาย สิกขา (2552 : 227) เคยเขียนไว้ในหนังสือ ศิลปะไม้แกะสลัก ในแถบลุ่มแม่น้�ำโขง: การอนุรักษ์และการประยุกต์ใช้ในงานออกแบบ ว่า ผู้ออกแบบควรท�ำความ เข้าใจในองค์ความรู้ต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนการด�ำเนินงานออกแบบ ซ่ึงประกอบด้วยประเด็นหลัก 3 ประเด็น ดงั นี้ แรง ับนดาลใจ ความต้องการ เงชางิ นสอรอ้างกสแรบรบค์ เง่อื นไข ในการออกแบบ ภาพที่ 5.1 องค์ความรทู้ ี่ควรศกึ ษาและท�ำความเขา้ ใจกอ่ นท�ำงานออกแบบ ท่มี า: ศักดิช์ าย สกิ ขา (2552: 210) 111
ซึ่งอธิบายไว้ดังน้ี 1) แรงบนั ดาลใจ ตอ้ งเรยี นรกู้ ารเลอื กสงิ่ บนั ดาลใจในการออกแบบ ซงึ่ ไมใ่ ชว่ า่ ของทกุ สงิ่ จะสามารถ เชอ่ื มโยงกนั ได้ทง้ั หมด ดงั นน้ั ค�ำว่า ความเหมาะสม จงึ เป็นสงิ่ ท่นี ักออกแบบจะตอ้ งคน้ หา 2) ความตอ้ งการ ตอ้ งเรยี นรู้ ศกึ ษา และส�ำรวจความตอ้ งการของมนษุ ยใ์ นแตล่ ะยคุ สมยั เพราะทกุ ส่งิ ท่ีเราท�ำ เราออกแบบ ล้วนแล้วแต่ตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ยท์ ง้ั ทางกายภาพและจติ ใจ มนุษย์ มีปจั จยั ในการตดั สนิ ใจในการเลือกใชส้ ิ่งของแตกตา่ งกนั และมปี จั จัยเขา้ มาเกี่ยวข้องมากมาย 3) เง่อื นไขในการออกแบบ การออกแบบจะต้องค�ำนึงถงึ วสั ดุ กระบวนการผลติ ศักยภาพของ ผผู้ ลติ ตน้ ทนุ คา่ ใชจ้ า่ ย และอน่ื ๆ ดงั นน้ั ในการออกแบบและพฒั นาผลติ ภณั ฑใ์ หมท่ อี่ าศยั แรงบนั ดาลใจตา่ งๆ ในการออกแบบ ควรจะท�ำความเข้าใจเงื่อนไขที่เก่ยี วขอ้ งควบคไู่ ปด้วย นอกจากนน้ั ยงั ไดเ้ สนอกระบวนการในการออกแบบงานตา่ งๆ ทเี่ ชอ่ื มโยงกบั การใชแ้ รงบนั ดาลใจใน งานออกแบบไว้ 6 ขัน้ ตอน ดังน้ี (ศกั ดชิ์ าย สกิ ขา, 2552 : 210) ขั้นท่ี 1 การวเิ คราะห์ความตอ้ งการ (Need Analysis) ขน้ั ท่ี 2 การสรา้ งแรงบันดาลใจในการออกแบบ (Creating the Inspiration of Design) ขน้ั ท่ี 3 การวางต�ำแหน่งทางการตลาด (Market Positioning) ขั้นที่ 4 การสรา้ งลักษณะพเิ ศษ (Creating Distinctive Characteristics) ขนั้ ที่ 5 การออกแบบ (Design) ขน้ั ที่ 6 การแสดงผลงาน (Implementation) ส�ำหรับแนวทางในการพัฒนาผ้าธุง งานออกแบบผลติ ภัณฑ์จงึ เปน็ อีกหนง่ึ แนวทางท่จี ะท�ำใหผ้ ้าธุง อีสานเกิดการขับเคลื่อน เพิ่มความแปลกใหม่ เพิ่มทางเลือก และสร้างเร่ืองราวให้กับผืนผ้าธุง ซึ่งจะเป็น การสร้างมูลค่าให้กับผู้ผลิตผ้าธุงในอีสาน ส�ำหรับกรณีศึกษา การออกแบบและพัฒนาธุงอีสาน ผู้เขียนได้ น�ำกระบวนการดงั กลา่ วมาเปน็ แนวทางในการการออกแบบและพฒั นาธงุ อสี านโดยไดป้ รบั ปรงุ กระบวนการ ให้มคี วามเหมาะสมกับการด�ำเนินงาน ดังนี้ 112
กรณศี กึ ษา การออกแบบและพฒั นาธงุ อีสาน บา้ นหนองบัว หมู่ 1 ต�ำบลหนองบวั อ�ำเภอกนั ทรารมย์ จังหวัดศรสี ะเกษ ธุงในภาคอีสานจากข้อมูลที่ได้จากการลงพ้ืนท่ีส�ำรวจข้อมูล พบว่า มีการผลิตธุงในทุกจังหวัด แต่ มีจ�ำนวนมาก-นอ้ ยต่างกัน ปรมิ าณการผลิตธุงในพน้ื ที่มกั เชือ่ มโยงกบั งานทอผ้า หากเขตพน้ื ที่ใดมงี านฝมี ือ ทอผ้าขิดจ�ำนวนมาก มักพบการทอผ้าธุงอยู่ด้วย เพราะการทอผ้าธุงในยุคโบราณพ้ืนบ้านอีสาน ไม่ได้ทอ เป็นงานประจ�ำแต่จะเร่ิมทอผ้าธุงเมื่อใกล้จะถึงงานบุญผะเหวดเท่านั้น ส่วนเวลาที่ไม่ใช่งานบุญก็จะทอผ้า ซิ่น และผ้าอน่ื ๆเพ่ือใชง้ าน ซ่งึ แตกต่างจากยคุ ปัจจุบันที่มีหมู่บ้านทอผ้าธงุ หมู่บา้ นทอผ้าซิ่น หมบู่ ้านทอผ้า ผนื ทที่ อจนเป็นทรี่ จู้ ักในวงการผ้าทอมอื ว่าเช่ยี วชาญผ้าชนดิ ใด อยา่ งไร ต�ำนานบ้านหนองบวั แหล่งผลติ ธุงอีสาน งานทอผ้าขิด บ้านหนองบวั หมู่ 1 ต�ำบลหนองบวั อ�ำเภอกนั ทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ เปน็ หมู่บ้านทโ่ี ดดเดน่ ใน การทอผ้าเก็บขิดมีการทอผ้าธุงและผ้าสไบขิดเป็นงานประจ�ำจึงท�ำให้เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการทอผ้า ธงุ และผา้ สไบขิด หากสบื ค้นถงึ แหล่งที่มาของชมุ ชนแหง่ นี้ ต�ำบลหนองบวั ไดร้ บั การยกฐานะเปน็ องคก์ าร บรหิ ารสว่ นต�ำบล เมอ่ื วันท่ี 23 กมุ ภาพันธ์ 2540 ประกอบดว้ ย 7 หมู่บ้าน พืน้ ท่ี 42 ตร.กม. ห่างจากอ�ำเภอ กันทรารมย์ ประมาณ 7 กม. สภาพทวั่ ไปมที รัพยากรธรรมชาตแิ ละป่าไม้ค่อนข้างอุดมสมบณู ์ มแี มน่ ้�ำมลู ไหลผา่ น ประชากรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกรรม จากข้อมูลแบบบันทึกการดําเนินงานของเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนระดับตําบล ปี¬ 2554 บนั ทกึ ไว้ว่า ชุมชนบา้ นหนองบัวเป็นกลมุ่ ชนพ้นื เมอื ง ท่ีอาศัยอยตู่ ามล�ำนำ้� มูลในละแวกใกลเ้ คียง ได้อพยพ หนีภัยโรคระบาด เดิมกลุ่มน้ี สืบเชอื้ สายมาจากชาวเมืองเวยี งจนั ทร์ เมื่อสมัยกรุงศรอี ยุธยาสมเดจ็ พระมหา กษตั รยิ ศ์ กึ และพระยาสรุ สหี ์ พษิ ณวุ าธริ าช ยกทพั มาปราบกบฏ ไปตเี มอื งเวยี งจนั ทรแ์ ละเชญิ พระแกว้ มรกร ตมาไวก้ รงุ ธนบรุ ี ในกาลศกึ ครงั้ นนั้ ทหารเอกของเมอื งขขุ นั ธ์ ชอ่ื เชยี งขนั ไดร้ ว่ มกระบวนศกึ กลบั มาดว้ ย ใน ปี พ.ศ. 2322 เชียงขันไดก้ รวดตอ้ นชาวลาวเวยี งจันทร์มาด้วยมากมาย ชาวลาวเวยี งจนั ทรต์ ง้ั รกรากอยู่ดง บักอี(ต�ำบลจาระแม จังหวดั อุบลราชธาน)ี อยู่ตอ่ มา 3 ปเี กดิ ภยั แลง้ จงึ อพยพมาตามริมแม่น้�ำมลู และท�ำ มาหากนิ ที่บ้านโพนทราย บา้ นโนนเรอื บ้านขามป้อม และบ้านหนองบวั ถือเปน็ คนไทยเชอ้ื สายลาว ภาษา ทใ่ี ชจ้ งึ เปน็ ภาษาไทยลาวหรอื ไทยอสี าน (http://phc.moph.go.th/www_hss/data_center/dy, สบื คน้ เมือ่ 20 มกราคม 2555) ข้อมลู ขา้ งตน้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ทน่ี า่ สนใจ เช่ือมโยงให้เหน็ ถึงความเปน็ มาของชมุ ชน และคาดคะเนได้ วา่ งานฝีมือในการทอผ้าของบ้านหนองบัว หมู่ 1 ต�ำบลหนองบวั อ�ำเภอกนั ทรารมย์ จงั หวัดศรีสะเกษ อาจ ได้รับการสืบทอดมาจากวัฒนธรรมของลาวเวียงจันทร์ ตัง้ แตค่ รงั้ บรรพบุรุษอพยพมาจากเวยี งจันทร์ จงึ ได้ มีการสืบทอดจากรุน่ สู่รุน่ จนถึงปัจจบุ นั 113
การเตรยี มเสน้ ดา้ ยส�ำหรับการทอผ้าธงุ เก็บขิด บ้านหนองบวั กี่และการทอผา้ ธุงเกบ็ ขิด บ้านหนองบัว 114
ลายผา้ ธงุ แบบตา่ ง ๆ ของบ้านหนองบวั ลายม้า และลายผา้ ขดิ ลายช้าง ลายคน ลายผา้ ขิด และการทอชอ่ื ลายปราสาท ลายขนั หมากเบ็ง ลายคนขม่ี ้า ขช่ี า้ ง 115
การออกแบบและพัฒนาธงุ อีสาน โดยใชท้ ุนทางวฒั นธรรมจากศลิ ปะขอมโบราณ ข้ันท่ี 1 การค้นหาทุนทางวฒั นธรรม วฒั นธรรมเขมรหรือขอมหรือขแมร์ในภาคอสี าน เปน็ การสบื คน้ เพอ่ื หาขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี กย่ี วเนอื่ งในเชงิ พน้ื ทอ่ี สี านเพอื่ น�ำมาสรา้ ง อตั ลักษณ์ให้กบั งานออกแบบและพฒั นาธงุ อสี าน จากการศกึ ษาขอ้ มลู พบวา่ อาณาจกั รโบราณในดินแดนไทยและอิทธิพลทม่ี ีต่อสังคมไทย จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อีสานในอดีตเคยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอาณาจักรโบราณที่เคย รุ่งเรืองหลายอาณาจักร ดงั หลักฐานท่ปี รากฏอยใู่ นรปู ของศลิ าจารึก ต�ำนาน โบราณสถาน โบราณวตั ถุ จิตกรรม และอืน่ ๆ หนึง่ ในหลักฐานท่ีปรากฏชัดเจนและมีจ�ำนวนมากในภาคอสี าน คอื อิทธิพลทีไ่ ดร้ บั จาก อาณาจกั รขอมโบราณหรอื เขมรหรอื ขแมร์ ในกรณดี งั กลา่ ว สจุ ติ ต์ วงศเ์ ทศ (2549: 367 – 371) เคยกลา่ วไว้ วา่ วฒั นธรรมเขมรหรือขอม จากกมั พชู าขยายเข้ามาอสี านต้ังแตส่ มยั แคว้นเจนละ ต่อจากน้นั ทวีความเป็น ปึกแผน่ ม่นั คงขึน้ เรือ่ ยๆ เมอ่ื ถึงพทุ ธศตวรรษที่ 16 (หลัง พ.ศ. 1500) หรือตงั้ แตร่ ชั กาลพระเจ้าสุริยวรมนั ท่ี 1 เป็นต้นมา ซึง่ นิยมเรยี กว่า “ขอม” โดยแพรเ่ ข้ามา 2 ทาง คือ 1) ผา่ นชอ่ งเขาตา่ งๆ ของเทอื กเขาพนมดง รัก และ 2) ขน้ึ มาตามแมน่ ำ�้ โขง หลักฐานที่เป็นประวตั ศิ าสตร์ขอมในอีสาน อาจจ�ำแนกได้เป็น 6 ประเภท ใหญ่ๆ สรุปไดด้ ังน้ี 1) เมืองโบราณ 2) ชุมชนโบราณ 3) ศาสนสถาน 4) ถนนโบราณ 5) คันดินชักน้�ำและคลองชลประทาน 6) เตาเผาเครือ่ งเคลือบ ตามหลักฐานท่ีเป็นประวัติศาสตร์ขอมในอีสาน ในส่วนของศาสนสถาน สุจิตต์ วงศ์เทศ (2549: 368 – 369) ไดแ้ บ่งศาสนสถานหรอื เทวาลยั ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คอื ปราสาทอฐิ มจี �ำนวน 3 องคห์ รอื 5 องคต์ งั้ อยบู่ นฐานเดยี วกนั และมคี นู ำ้� รปู สเ่ี หลย่ี มรายลอ้ ม มกั มวี ิหารเล็กๆ กอ่ ด้วยศิลาแลงอยใู่ กล้ๆ บางแหง่ มกี �ำแพงศลิ าแลงหรอื หินล้อมอีกชน้ั หนึ่ง เช่น ปราสาทกู่ สวนแตง(จงั หวัดบุรีรัมย์) ปราสาทศรีขรภูม(ิ จงั หวัดสรุ ินทร)์ และปราสาทปรางค์ก่(ู จงั หวดั ศรีสะเกษ) ปราสาทศิลาแลง มีปราสาทหรือปรางคป์ ระธานอยตู่ รงกลาง มวี หิ ารเล็กๆ ตง้ั อย่ขู ้างๆ มี ก�ำแพงล้อมรอบ ที่ก�ำแพงมีซุ้มประตูเข้าทางทิศตะวันออกมีคูน้�ำรูปส่ีเหล่ียมล้อมรอบก�ำแพง และริมคูน�้ำ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มักมีสระน�้ำรูปส่ีเหล่ียมกุด้วยศิลาแลงสร้างไว้เป็นน�้ำศักด์ิสิทธิ์ มีตัวอย่าง คือ ปราสาทก�ำแพงน้อย(จังหวัดศรีสะเกษ) ปราสาทปรางค์กู่(จังหวัดชัยภูมิ) ปราสาทกู่พระสันตรัตน์(จังหวัด มหาสารคาม) ปราสาทกฤู่ าษี(จงั หวดั บรุ ีรัมย์) 116
ปราสาทหนิ เปน็ ศาสนสถานทมี่ วี วิ ฒั นาการถงึ ขนั้ สมบรู ณแ์ บบตามคตขิ อม มกั ประกอบดว้ ย คนู ำ้� ลอ้ มรอบเปน็ รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา้ มกี �ำแพงหนิ หรอื ศลิ าแลงลอ้ มรอบ ก�ำแพงนอ้ี าจอยนู่ อกคนู ำ้� หรอื ดา้ นใน ของคูนำ้� ก็ได้ มกั มีโคปุระหรือซุ้มประตู 4 ทศิ ถดั ก�ำแพงและคนู �ำ้ ไปเปน็ ระเบียงคด มีโคปุระหรอื ซุม้ ประตู 4 ทิศและมีทางเดินรอบ ส่วนมากก่อสร้างด้วยหินทรายและสิลาแลง ภายในระเบียงคดเป็นกลุ่มอาคาร ปราสาท ประกอบดว้ ยวหิ ารเลก็ หอสมุด และเทวาลัยมีมุขยนื่ ไปทางทิศตะวนั ออก บางแห่งมปี ราสาทสมัย เกา่ รวมอยดู่ ้วย ปราสาทประเภทนี้ มักเป็นศาสนสถานส�ำคัญท่ีกษตั รยิ ์มสี ว่ นรว่ มในการกอ่ สรา้ ง สมยั แรก สรา้ งเปน็ ปราสาทอฐิ เมอ่ื พงั ลงกส็ รา้ งเปน็ ปราสาทหนิ ระเบยี งคดและโคปรุ ะกส็ รา้ งในระยะหลงั แลว้ คอ่ ยๆ ต่อเติมจนสมบูรณ์ มีตัวอย่าง คือ ปราสาทเขาพนมรุ้งและปราสาทเมืองต่�ำ(จังหวัดบุรีรัมย์) ปราสาทหิน พมิ ายและปราสาทพนมวนั (นครราชสมี า) ปราสาทก�ำแพงใหญแ่ ละปราสาทเขาพระวหิ าร(จงั หวดั ศรสี ะเกษ) เปน็ ตน้ ศาสนสถานแบบเขมรหรอื ขอมในภาคอีสาน ปราสาทก�ำแพงใหญ่ จงั หวดั ศรีสะเกษ ปราสาทศรขี รภมู ิ บ้านปราสาท ต�ำบลระแงง ต�ำบลก�ำแพงใหญ่ อ�ำเภออทุ ุมพรพสิ ัย อ�ำเภอศรีขรภมู ิ จงั หวัดสรุ นิ ทร์ จงั หวัดศรีสะเกษ สร้างราวพุทธศตวรรษท่ี 16 สรา้ งราวพุทธศตวรรษท่ี 17 (ปราสาทกอ่ อิฐไมส่ อปูน บนฐานศิลาแลง) (ปราสาทก่ออิฐไมส่ อปนู บนฐานศลิ าแลง) ในการน้ี ไผท ภธู า (2554: 99 – 100) เคยเขยี นไว้ในหนงั สอื ความเปน็ มาคนอสี าน ในเหตุการณ์ ส�ำคัญของประวตั ศิ าสตร์ โดยกลา่ วไวว้ ่า การสรา้ งเมอื งขนึ้ ใหมข่ องขอมตามดินแดนที่ขอมเขา้ ครอบครอง ยงั มสี ิ่งทโี่ อบอุ้มท�ำให้อ�ำนาจรัฐของขอมแข็งแกรง่ อีก น่ันก็คอื วฒั นธรรมทางความเชื่อหรอื ศาสนา เราได้ พบหลักฐานมากมายว่า ขอมได้สร้างเทวสถานตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ข้ึนในชัยภูมิต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อประกอบพิธีศักด์ิสิทธ์ิของกษัตริย์เอง เช่น ปราสาทพระวิหาร ปราสาทพนมรุ้ง ฯลฯ โดยมีหนาแน่น ทเ่ี ขตใต้แมน่ ำ�้ มลู ลงไปแผ่นดินเขมร นอกจากเทวสถานขนาดใหญเ่ พอ่ื มหากษัตริยซ์ งึ่ เป็นสมมุติเทพ ได้มา ประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ขอมยังสร้างเทวสถานอีกมากมายเพ่ือประกอบเป็นศาสนกิจของประชาชน ที่ขอมปกครองตามเมืองใหญ่เมืองน้อยน้ันๆ เช่น เมืองทรายฟองริมฝั่งแม่น้�ำโขงด้านใต้เมืองเวียงจันทร์ เมืองสระก�ำแพง (อ�ำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ) ฯลฯ และมีการสร้างศาสนสถานเช่นน้ีตาม 117
ถนิ่ ฐานท่ีมีทรพั ยากรส�ำคญั ซ่ึงยอ่ มมปี ระชาชนเปน็ ข้าทาสแรงงานหนาแน่น เชน่ รอบ ๆ แองน�ำ้ กลางทุง่ กุลาร้องให้แถวเมืองพยัคฆภูมิพิสัย เมืองสุวรรณภูมิ เมืองบรบือ ในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัด มหาสารคาม ฯลฯ ดว้ ยวา่ ทน่ี เี้ ปน็ บอ่ เกลอื ขนาดใหญแ่ ละมแี รเ่ หลก็ แรท่ องเหลอื ง แรท่ องแดง ขอมจะสรา้ งเป็ นโรงมโหษธหรือโรคยาศาลข้ึนตามรายทางส�ำคัญเพ่ือการบูชาเทวะและรักษาพยาบาลชาวขอม ระหว่างเดินทาง การกระท�ำทางด้านวัฒนธรรมเหล่าน้เี ป็นการถอดแบบวธิ ีการมาจากอนิ เดียในสมยั นั้น ศลิ ปะขอมโบราณในภาคอีสาน สรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล (2551: 64) ได้เขียนไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์และศิลปะแห่ง อาณาจักรขอมโบราณ ว่า ศลิ ปะเขมรหรอื ศลิ ปะขอมนน้ั แพร่หลายอย่ใู นประเทศกัมพูชาและประเทศใกล้ เคยี งในระหวา่ งพทุ ธศตวรรษท่ี 12 – 18 เปน็ ศลิ ปะทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากประเทศอนิ เดยี ในระยะแรกมลี กั ษณะ คลา้ ยอินเดียมาก ต่อมามีความเป็นตัวของตวั เองมากขึ้นและโดดเดน่ ในด้านลวดลายประดบั ทง่ี ดงามซง่ึ ไม่ ปรากฏในอินเดียมาก่อน ประติมากรรมแสดงความแข็งปนการแสดงอ�ำนาจท่ไี มพ่ บในศลิ ปะอนิ เดีย และ เกยี่ วกบั ความเชอื่ ในศลิ ปะขอมโบราณ ธดิ า สาระยา (2538: 27) เคยเขยี นไวใ้ นหนงั สอื เมอื งประวตั ศิ าสตร์ วา่ เครอ่ื งประดบั ตา่ ง ๆ ของปราสาทขอมมคี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโลกมนษุ ยแ์ ละจกั รวาลดว้ ยการแสดงออก เชงิ สญั ลกั ษณช์ ใี้ หเ้ หน็ การยอมรบั วา่ มนษุ ยชาตติ ้องอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ของพลงั จกั รวาล ทง้ั พทุ ธศาสนา และศาสนาพราหมณ์ เชื่อวา่ เขาพระเมรุ คอื แกนกลางโลก จึงนยิ มสรา้ งศาสนสถานเป็นตวั แทนและเปน็ ศูนยก์ ลางลอ้ มรอบดว้ ยก�ำแพง เลยออกไปคอื สระน้ำ� หรอื บ่อน้ำ� เปรยี บดงั มหาสมุทรนทีสที นั ดร การจัด รูปแบบก่อสรา้ งเช่นนีถ้ ือไดว้ ่า เป็นการเลยี นแบบจักรวาลมีการตกแตง่ เป็นภาพสลกั นนู ต่ำ� เลา่ เร่อื งสัตวใ์ น เทพนิยายทีอ่ าศยั อย่ตู ามเชงิ เขาพระเมรุ ในการเลือกทุนทางวัฒนธรรมเขมรหรือขอมหรือขแมร์ในภาคอีสาน ได้มีการลงพ้ืนท่ีเก็บ ขอ้ มูลและการคน้ หาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เพอื่ คน้ หาลวดลายทีม่ คี วามสวยงาม และเหมาะสมกับการน�ำ มาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบและพัฒนาผ้าธุงเก็บขิดให้กับบ้านหนองบัว หมู่ 1 ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอ กันทรารมย์ จงั หวัดศรีสะเกษ ดงั ภาพประกอบต่อไปนี้ ตวั อย่างงานเก็บข้อมูลที่ ปราสาทก�ำแพงใหญ่ จงั หวดั ศรสี ะเกษ 118
ตัวอย่างงานเก็บข้อมลู ที่ ปราสาทก�ำแพงใหญ่ จงั หวัดศรีสะเกษ ลายกา้ นต่อดอก ลายใบไมม้ ว้ น ตัวอย่างงานเก็บข้อมลู ที่ ปราสาทศรีขรภมู ิ จังหวดั สุรินทร์ 119
พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติ สรุ นิ ทร์ ทัพหลังจ�ำหลักภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ ศิลปะขอมแบบแปรรูป ประตมิ ากรรมรปู บรุ ษุ ทับหลังจ�ำหลักภาพพระกฤษณะ ศลิ ปะขอบแบบปาปวนหรือศลิ ปะลพบุรี ประลองก�ำลงั กบั ชา้ งและคชสหี ์ ศลิ ปะขอมแบบนครวดั หรือศิลปะลพบรุ ี ราวพทุ ธศตวรรษที่ 16 อายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี 17 120
ปราสาทพนมรงุ้ จงั หวดั บุรรี ัมย์ ทับหลังนารายณบ์ รรทมสงิ ห์ ปราสาทพนมรุง้ ทีม่ า : http://bbexnae.blogspot.com/2015/ ท่มี า : https://www.tlcthai.com/travel/30020/ ขน้ั ท่ี 2 การค้นหาความคิดรวบยอด โดยน�ำข้อมูลจากภาพถ่ายที่ได้จากการค้นคว้าข้อมูลผ่านสื่ออนไลน์ และภาพจากการ ลงพ้ืนท่ีจริงมาสรุป เพ่ือหาข้อสรุปลายและรูปทรงท่ีจะน�ำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบลายบน ผ้าธุงอสี าน ลายประยกุ ตจ์ ากศิลปะขอมโบราณ ดังนี้ รูปทรง และลายศลิ ปะขอมโบราณทคี่ ดั เลอื กเพ่อื ใช้ในงานออกแบบ 121
ขั้นที่ 3 การร่างแบบลายเบ้อื งต้น รา่ งแบบลายเบื้องต้น 122
ข้นั ท่ี 4 การรา่ งแบบลายประยุกต์ เพอ่ื น�ำไปใชใ้ นงานออกแบบ 123
ขั้นท่ี 5 การลงตารางกราฟเพ่อื น�ำไปใช้ในกระบวนการทอผ้ามดั หม่ี และผา้ ขดิ ตารางกราฟลายลพบุรี ส�ำหรับมัดหม่ี และเก็บขิด 124
ขั้นท่ี 6 การผลติ ผา้ ธุงตน้ แบบ ลายเก็บขิดศลิ ปะขอมโบราณ การทอด้วยวธิ ีการเก็บลาย (เก็บทลี ะไม้) ผ้าธุงเก็บขิดทใ่ี ชแ้ รงบนั ดาลใจจากลายศิลปะขอมโบราณ 125
สรุปการพัฒนาผา้ ธงุ ร่วมสมัย ตามตัวอย่างข้างต้น เป็นหน่ึงในกรณีศึกษา ท่ีเป็นแนวทางในการพัฒนาลวดลายบนผืนผ้าธุง เพ่ือสร้างความแตกตา่ งด้วยความงาม คุณค่า และความหมาย ซง่ึ ในหลายพน้ื ที่สามารถยึดถือเป็นแนวทาง ในการค้นหาอัตลกั ษณใ์ นท้องถิ่นของตนมาสร้างมูลคา่ เพิ่มใหก้ ับผืนผ้าธงุ ได้ นอกจากน้ัน การพัฒนาผ้าธุงอาจไม่ได้เกิดจากการสร้างสรรค์ลวดลายบนผืนผ้าเท่าน้ัน แต่ยัง สามารถทจ่ี ะสรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ไดด้ ้วยการพฒั นาด้านวสั ดุ กระบวนการผลิต รูปทรง สี และอื่นๆ ได้ ซึ่งผู้สนใจ งานด้านนส้ี ามารถค้นควา้ ด�ำเนินการไดท้ งั้ ในรูปแบบของงานวจิ ยั และงานสรา้ งสรรค์ 126
บทที่ 6 สแรลุปะแ: นอดวีตโนป้มัจธจุงบุอันสี าน 127
128
ในชว่ งท้ายของการศกึ ษาค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ กรณศี กึ ษา การออกแบบและพัฒนาธงุ อีสาน ผเู้ ขียนขอสรปุ ทา้ ยบทเพื่อใหค้ รอบคลุมเนอ้ื หา โดยจ�ำแนกประเด็นในการสรปุ ออกเปน็ 3 สว่ น คอื อดตี ปัจจบุ นั และแนวโนม้ ธงุ อสี าน ดงั น้ี สว่ นที่ 1 อดตี : ธุงอสี านมรดกทางวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญา ธงุ อีสานมีหลากหลายรปู แบบและมกี ารใช้งานทีแ่ ตกต่างกัน เช่น ธุงชัยหรือธุงไชยหรือธุงผะเหวด เป็นธุงที่มีชื่อเรียกขานหลายช่ือ และมีการเขียนต่างกัน มคี วามกวา้ งประมาณ 20 - 40 เซนติเมตร มีความยาวตั้งแต่ 1 - 6 เมตร มหี วั ธุง ตวั ธุง และหางธุง ตัง้ แต่ โบราณมี 2 รปู แบบ คอื แบบเปน็ ผา้ ทงั้ ผนื นยิ มทอดว้ ยวธิ เี กบ็ ขดิ สว่ นใหญล่ ายขดิ มกั เปน็ ลายขดิ หนา้ หมอน ลายภาพท่ีมาจากต�ำนานความเช่ือ ลายภาพจากสิ่งสักการะต่างๆ ส่วนอีกแบบเป็นการทอสลับกับการ สอดไมไ้ ผ่ค่ันเปน็ ช่วงๆ บางครัง้ ก็ใช้กระดาษสี (กระดาษกุดจ่หี รือตงั โก) พันไม้ไผ่ก่อนสอด เป็นการสอดคัน่ เพ่อื สรา้ งรูปภาพ สรา้ งลาย รวมทัง้ การเกบ็ ขดิ เป็นตวั หนงั สือช่ือผสู้ ร้างถวาย และท�ำใหโ้ ครงสร้างแข็งแรง ธงุ ไมพ่ นั กนั เม่อื น�ำไปแขวน ส่วนหางธุงมกี ารตกแตง่ ด้วยหลอดไม้ เศษผา้ ลกู ปัด หรอื อนื่ ๆ เปน็ พูห่ อ้ ยให้ สวยงามและเปน็ ส่วนส�ำคญั ในการถ่วงนำ้� หนักของธุงขณะแขวน ธุงชัยเก็บขิดลายหมอนขิด ธุงชยั หรอื ธงุ ผะเหวด ธุงโบราณในโรงเรยี นฟ้าแดดสงู ยางวทิ ยาคาร พพิ ธิ ภณั ฑ์วดั สระโนน บา้ นขามบ้อม อ�ำเภอพระยืน จังหวัดกาฬสนิ ธุ์ จงั หวดั ขอนแก่น 129
ธุงชัย แบบใส่ชื่อผูส้ รา้ งถวาย การแขวนธุงชยั หรือธุงผะเหวด วัดไชยศรี ต�ำบลสาวะถี อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแกน่ วดั บา้ นดงยาง ต�ำบลบากเรือ อ�ำเภอมหาชนะชัย จงั หวดั ศรีสะเกษ ธงุ ใยแมงมมุ บางครง้ั เรยี กวา่ “ธงุ ใย” เป็นการผลิตโดยเริ่มต้นที่น�ำไม้ไผ่เหลามามัดไขว้กัน จะใชไ้ ขวแ้ บบสอง ไขวส้ ามกไ็ ด้ จากนนั้ จงึ ใชเ้ สน้ ดา้ ย หรอื ฝา้ ยหรอื ไหมหรอื อนื่ ๆ มาผกู โยงคลา้ ยใยแมงมมุ นยิ มจดั วางตกแตง่ ไวห้ นา้ พระประธาน หรอื โดยรอบ ในงานพธิ ี การแขวนสามารถออกแบบไดห้ ลากหลาย เช่น แขวนมุมเดียวแบบร้อยต่อกนั แขวนสองมุมท้ัง บนและลา่ งรอ้ ยตอ่ กนั แขวนตา่ งขนาดใหญล่ งมาเลก็ และอน่ื ๆ ธงุ ใยแมงมมุ มคี วามหมายและความเชอ่ื ใน การปกปอ้ งคมุ้ ครอง ธงุ ใยแมงมมุ จงึ เปน็ ทแี่ พรห่ ลาย มากในภาคอสี าน และมกี ารน�ำมาใชใ้ นหลายลกั ษณะ หลายพธิ กี รรม ธงุ ใยแมงมุม วดั สระทอง บา้ นบัว อ�ำเภอมัญจาครี ี จังหวดั ขอนแก่น 130
ธงุ ใยแมงมมุ ธงุ ใยแมงมมุ วัดสระทอง บา้ นบวั อ�ำเภอมญั จาครี ี จังหวัดขอนแก่น บา้ นนาอุดม อ�ำเภอนิคมค�ำสร้อย จงั หวดั มุกดาหาร ธงุ ไสห้ มู เปน็ ธงุ ทเ่ี กดิ จากศลิ ปะการตดั กระดาษ โดยน�ำกระดาษสหี รอื กระดาษแกว้ หลายๆ สมี าพบั จบั มมุ ตดั สลบั กนั เปน็ ลายฟนั ปลาดว้ ยกรรไกรจากยอดจนถงึ ปลาย จากนนั้ จงึ จบั หงายและคลอ่ี อก จะกลายเปน็ พวงกระดาษสวยงาม น�ำไปแขวนในงานพธิ ี ทงั้ การแขวนแบบเดย่ี วและการแขวนเปน็ ศนู ยก์ ลาง กระจายออกไปดว้ ยเสน้ ลบิ บน้ิ กระดาษหลากสี บางครงั้ กต็ ดิ แขวนดว้ ยธงุ ราว นยิ มใชต้ กแตง่ ในงานบญุ ตา่ งๆ ตกแตง่ ปราสาทศพ ประดบั เจดยี ท์ ราย ประดบั ครวั ทาน ธงุ ไสห้ มเู ปน็ ธงุ ทเ่ี นน้ การตกแตง่ สรา้ งความสวยงาม จงึ เปน็ ธงุ ที่ใชไ้ ด้กับงานทกุ ลกั ษณะ ธงุ ไส้หมู บา้ นนาอุดม อ�ำเภอนคิ มค�ำสรอ้ ย ธุงไสห้ มู วัดโนนศิลา บา้ นส�ำราญ จงั หวัดมุกดาหาร อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดขอนแกน่ 131
ธงุ ราว เปน็ ธงุ อกี ชนดิ หนงึ่ ทใ่ี ชไ้ ดก้ บั งานทกุ ลกั ษณะ เปน็ การตดั กระดาษสรี ปู ทรงสามเหลย่ี ม มาตดิ กาวบนเชอื กทขี่ งึ เปน็ ราว โดยตดิ เวน้ ชว่ งเปน็ ระยะและสลบั สี เปน็ สว่ นหนงึ่ ทบ่ี ง่ บอกในเชงิ สญั ญลกั ษณ์ ว่าสถานที่แห่งนี้ก�ำลังจัดงาน เป็นธุงที่เน้นความสวยงาม บางครั้งกระดาษสีรูปสามเหลี่ยมนี้จะถูกติดกาว กับไมไ้ ผเ่ ปน็ อนั ๆ เพื่อใช้ในการปักเจดยี ท์ ราย กจ็ ะถูกเรยี กอีกช่อื วา่ “ธงุ เจดีย์ทราย” ธงุ ราว วัดไชยศรี บา้ นสาวะถี ธุงเจดยี ์ทราย วดั ศรีอบุ ลรตั นาราม (วัดศรีทอง) อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดอบุ ลราชธานี ธงุ จากวัสดธุ รรมชาติ เป็นธงุ อีกชนิดหนึง่ ทนี่ ยิ มใช้ในการตกแต่งงานบญุ ถอื เปน็ ภูมิปญั ญา ทอ้ งถน่ิ และเปน็ ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องคนในชมุ ชนตงั้ แตบ่ รรพบรุ ษุ ในการน�ำวสั ดจุ ากธรรมชาตมิ าดดั แปลง เปน็ ระยา้ เพอ่ื ใชใ้ นงานตกแตง่ ในงานบญุ หรอื พธิ กี รรมตา่ งๆ มคี วามสวยงามและหลากหลาย และมชี อ่ื เรยี ก แตกตา่ งกนั ตามภาษาถน่ิ เชน่ ธงุ จากลกู ยางนา ธงุ จากลกู สะแบง ธงุ จากลกู ชาติ ธงุ จากการพบั ใบตอง/ใบไม้ เปน็ รูปปลา รูปนก รูปแมลง นอกจากนนั้ ยงั มธี งุ ทผ่ี ลติ จากงานไม้ เช่น ไมไ้ ผส่ าน ไมแ้ กะสลกั รูปนกหรือสตั ว์ ต่างๆ ความหลากหลายเหล่านี้สะทอ้ นให้เห้นความคดิ สร้างสรรค์ของคนในชุมชน ทแ่ี ฝงด้วยความเชอื่ และ ความศรัทธา ธงุ จากการพบั ใบตอง ธงุ จากลูกสะแบง วดั สระทอง บ้านบวั อ�ำเภอ วดั ศรบี ุญเรือง บา้ นสระแต้ ต�ำบลหนองไผ่ อ�ำเภอแก้งครอ้ จังหวัดชัยภูมิ มญั จาคีรี จังหวัดขอนแกน่ 132
ธุงอนื่ ๆ ที่มมี าแต่โบราณ เป็นธงุ ทีม่ ีการสร้างสรรคใ์ นรปู แบบตา่ งๆ ซ่ึงมีอยู่จ�ำนวนมากใน หลายพน้ื ท่ี วสั ดโุ ดยสว่ นใหญม่ กั ผลติ จากผา้ เชน่ ธงุ หมอนเขม็ (เปน็ รปู ทรงสามเหลยี่ มดา้ นในบรรจนุ นุ่ เปน็ รปู แบบของหมอนท่ีท�ำไว้ใชส้ �ำหรบั ปักเขม็ เยบ็ ผา้ เพอ่ื ใช้ในงานปกั งานเย็บต่างๆ) ธงุ จากเศษผา้ เปน็ ธงุ ชัย อกี ชนดิ หน่ึงที่ไดร้ ับความนยิ มในเขตพื้นท่จี งั หวดั มุกดาหาร จงั หวัดนครพนม และอ�ำนาจเจรญิ เป็นการน�ำ เศษผ้าหลากสมี าเยบ็ ตอ่ เป็นผืนตัง้ แต่ 1- 6 เมตร หนา้ กว้างตงั้ แต่ 30 - 40 เซนติเมตร ธงุ ชัยจากผา้ ขาวม้า ผ้าโสร่งเป็นธุงทีไ่ ดร้ บั ความท่ีนยิ มในเขตพื้นทจ่ี ังหวดั สรุ นิ ทร์ มีรูปทรงที่แตกต่าจากธงุ ชัยทั่วไป แยกส่วนหัว ธุง ตัวธงุ และหางเปน็ รปู ทรงสองแฉกชดั เจน ธุงต่างๆ เหล่าน้ี เปน็ ธงุ โบณาณเช่นเดียวกัน ธุงหมอนเขม็ ธุงผา้ หลากสี ธุงผ้าหลากสี วัดบา้ นดงยาง ต�ำบลบากเรอื วัดสภุ ากรณ์นคิ มธรรมาราม วดั โนนศลิ า ต�ำบลโคกก่ง อ�ำเภอมหาชนะชัย จงั หวัดยโสธร อ�ำเภอนิคมค�ำสร้อย อ�ำเภอชานมุ าน จงั หวดั มกุ ดาหาร จงั หวัดอ�ำนาจเจรญิ ส่วนท่ี 2 ปัจจบุ นั : ธงุ อสี านกบั การเปล่ียนแปลงแหง่ ยุคสมัย ในยุคปัจจุบันนอกจากธุงในรูปแบบด้ังเดิมท่ียังคงนิยมใช้กันอยู่ ได้มีชุมชนหลายชุมชนท่ีมี บุคคลนักคิด นักสร้างสรรค์ ปรับปรงุ และพัฒนารปู แบบของธุงใหม้ คี วามหลากหลายย่งิ ขนึ้ บางแห่งใชว้ ธิ ี ปรบั ปรงุ รูปแบบ รปู ทรง สี บางแห่งใช้เทคนคิ ประสม บางแหง่ ใชว้ ัสดสุ มัยใหม่ วสั ดุสังเคราะหท์ ่ีหาไดง้ า่ ย ในชมุ ชน มาเสรมิ เติมแต่งให้เกิดความแปลงใหม่ ซึง่ เป็นไปตามความเปลีย่ นแปลงของยคุ สมยั ดงั นี้ 133
ธงุ ชัย เทคนิคประสมระหว่าง ธุงใยแมงมมุ ปรับปรงุ รปู แบบใหม่ ธุงใยแมงมมุ แบบดั้งเดิมกับเศษผา้ สตี ่างๆ วัดสวา่ งโนนสงู อ�ำเภอยางตลาด แขวนแบบพวงระย้า วัดโพธิช์ ัยเสมาราม อ�ำเภอกมลาไสย วดั โนนศลิ า บ้านส�ำราญ จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ อ�ำเภอเมือง จังหวดั ขอนแกน่ จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ ธุงใยแมงมุม ปรับปรุงการวางใหม่ ธุงใยแมงมมุ หลากสขี นาดใหญ่ วดั จอมมณบี า้ นวังสะพุง อ�ำเภอวังสะพุง จงั หวดั เลย วัดไชยศรี บา้ นสาวะถี อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแกน่ 134
ธุงกับการสร้างสรรค์ร่วมกับงานพลาสติก ยุคปัจจุบันเป็นยุคของโลกพลาสติก สิ่งของ เครื่องใช้จากพลาสติกจึงมีอยู่ท่ัวไป อิทธิพลของพลาสติกได้ส่งผลต่อทุกเร่ืองราวของมนุษย์ยุคใหม่และ ส่งผลต่อวิธีคิด วิธีหาสิ่งทดแทน ในอดีตธุงท่ีเคยถูกแขวนบนงานไม้ไผ่ท่ีวางเป็นรูปกากะบาดหรือวงกลม จงึ ถูกแทนที่ด้วยพลาสตกิ รูปทรงต่างๆ ที่หาได้ง่าย ธุงทีส่ ร้างสรรค์ใหม่โดยสว่ นใหญ่มักวางรปู แบบเหมือน งานโมบายส�ำหรับงานตกแต่ง (Mobile Decoration) หรือโคมระย้า (Chandelier) ธุงในลักษณะน้ี บางครั้งจึงถูกเรียกวา่ โมบาย หรือ ธงุ ระยา้ ธงุ ใยแมงมุมรูปแบบใหม่ ธงุ ใยแมงมมุ รูปแบบใหม่ ธุงระย้ากับลกู ปดั กบั ถาด+แผน่ พลาสตกิ กบั ฝาชี+แผน่ พลาสติก ดอกไมป้ ระดิษฐพ์ ลาสตกิ วัดสวา่ งโนนสงู อ�ำเภอยางตลาด วดั สว่างโนนสงู อ�ำเภอยางตลาด วัดศรีโพธ์ชิ ัย ต�ำบลท่าไห จังหวัดกาฬสินธ์ุ จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ อ�ำเภอเขอ่ื งใน จังหวัดอบุ ลราชธานี ธงุ ระยา้ กบั หลอดพลาสติก ธงุ ระย้า หลอดพลาสติกพบั ธุงระย้าเส้นรบิ บิ้น วัดโนนศิลา บา้ นส�ำราญ รปู ปลาตะเพยี น วดั ศรบี ุญเรอื ง วัดสระทอง บ้านบวั อ�ำเภอเมือง จงั หวดั ขอนแกน่ อ�ำเภอมญั จาคีรี จงั หวดั ขอนแก่น บา้ นสระแต้ ต�ำบลหนองไผ่ อ�ำเภอแก้งครอ้ จงั หวัดชัยภมู ิ 135
ธุงระยา้ พับหลอดพลาสติก ธุงระยา้ สานปลาตะเพียน ลกู ปดั วัดสระทอง บา้ นบัว อ�ำเภอมัญจาครี ี ดอกรักพลาสตกิ วดั สระทอง บ้านบัว อ�ำเภอมญั จาครี ี จังหวัดขอนแก่น จงั หวัดขอนแกน่ ธุงกับการสร้างสรรค์ร่วมกับงานหัตถกรรมอ่ืนๆ เป็นอีกงานสร้างสรรค์ที่มีการผลิตใช้ใน ในงานบญุ เปน็ การน�ำสง่ิ ของเคร่ืองใชพ้ นื้ บา้ นมาเปน็ สว่ นประกอบในการผลิตธุงระย้า เช่น น�ำไซจ�ำลองมา สร้างสรรค์กับดอกไม้ประดิษฐ์พลาสติก น�ำงอบหรือหมวกของเกษตรกรมาสร้างสรรค์กับดอกไม้ประดิษฐ์ พลาสตกิ เปน็ ตน้ ธงุ ระยา้ กบั งอบ วดั ศรีบญุ เรอื ง ธุงระย้ากบั ไซจ�ำลอง ธงุ ระย้า นกกระดาษ และดา้ ยสี บ้านสระแต้ ต�ำบลหนองไผ่ วดั ศรบี ุญเรือง บ้านสระแต้ วัดโพธิ์ศรี ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมอื ง อ�ำเภอแกง้ ครอ้ จงั หวัดชัยภมู ิ ต�ำบลหนองไผ่ อ�ำเภอแก้งคร้อ จังหวัดขอนแก่น 136 จังหวัดชัยภมู ิ
ธุงระยา้ พวงมาลยั การน�ำพืชผกั ผลไม้ ขนม ลกู อม มาแขวนในงานบุญ วดั บ้านดงยาง ต�ำบลบากเรือ เป็นอกี หนึ่งวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ทป่ี ระยุกตม์ าจากธงุ ระย้า วัดบา้ นดงยาง ต�ำบลบากเรือ อ�ำเภอมหาชนะชยั จังหวัดยโสธร อ�ำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ธงุ กบั การสรา้ งสรรคร์ ปู ทรง เปน็ การ พัฒนารูปแบบเพื่อสร้างความแตกต่าง ในสังคมยุค ใหม่ การสรา้ งสรรคด์ ว้ ยเทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ สามารถ ท�ำไดง้ า่ ยขน้ึ มเี ครอ่ื งมอื อปุ กรณใ์ นการผลติ เพมิ่ มาก ขน้ึ ดังนั้น รปู แบบของธงุ จงึ ถูกขับเคล่อื นดว้ ยทกั ษะ ความสามารถของมนษุ ย์ ในงานบญุ ตา่ งๆ จงึ มกั มสี ง่ิ ใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ ทั้งน้ี ถือเป็นการปรับเปล่ียนท่ี ท�ำให้ธุงมีค่าและมีความหมายยิ่งขึ้น สวยงามย่ิงขึ้น โดยรกั ษาวัฒนธรรมดง้ั เดมิ ควบคู่กบั งานสร้างสรรค์ ธุงสร้างสรรค์ ส�ำหรบั ใชใ้ น ธงุ สร้างสรรค์ งานตกแต่งในงานบญุ เทคนคิ การทอให้สวยงาม วัดบุญถนอมพฒั นาการ และประณตี ต�ำบลหนองตมู วดั โนนศิลา บา้ นส�ำราญ อ�ำเภอภเู ขียว อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดชยั ภูมิ จังหวัดขอนแก่น 137
ธุงกบั การสรา้ งสรรค์หางธงุ หางธงุ เปน็ อีกส่วนทเ่ี สรมิ ความงามให้กบั ผนื ผ้าธงุ ทีผ่ า่ นมา การสร้างสรรค์ความงามที่ผู้ผลิตธุงให้ความส�ำคัญเป็นพิเศษ คือ ส่วนหางของธุง จากข้อมูลท่ีได้จากการ ลงพื้นท่จี งึ มรี ปู แบบการสรา้ งสรรคห์ างธุงอยา่ งหลากหลาย ดังนี้ หางธุงหลอดไม้และกระดาษสี หางธงุ หลอดไม้และปุยเส้นดา้ ย หางธงุ หลอดพลาสตกิ ลกู ปัด วัดสว่างโนนสงู อ�ำเภอยางตลาด วัดบญุ ถนอมพัฒนาการ กระด่ิงพลาสติก วดั บงุ่ ฮี ต�ำบลหนองตูม อ�ำเภอภูเขยี ว ต�ำบลพระกลางทงุ่ อ�ำเภอธาตุพนม จังหวัดกาฬสินธ์ุ จังหวัดชยั ภูมิ จังหวัดนครพนม หางธุงถกั ลายแต่งดว้ ยลูกปัดพลาสตกิ หางธงุ เส้นด้ายถกั ปล่อยชาย หางธุงหลอดและลูกปดั พลาสติก วัดมงคลรตั นาราม บา้ นดงตอ้ ง วัดมงคลรัตนาราม บา้ นดงต้อง วดั ศรสี ัตตนาค ต�ำบลชยั พฤกษ์ ต�ำบลดงขวาง อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม ต�ำบลดงขวาง อ�ำเภอเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวดั เลย จงั หวดั นครพนม 138
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182