๔๑ ภาคเหนือ ชาวล้านนาเรียกประเพณีสงกรานต์ว่า ปเวณีปีใหม่ ปฏิทินโหราศาสตร์ของชาว ลา้ นนา ถือเอาวันที่พระอาทิตย์เคลอ่ื นจากราศีมนี เขา้ สรู่ าศีเมษเป็น “วันสังกรานต์ล่อง” (ออกเสียงว่า วันสังขานล่อง) ในวันนี้จะมีการท้าความสะอาดบ้านเรือนให้สะอาด บรรดาสตรีนิยมสระผมโดยหัน ศีรษะไปทางทิศท่ีก้าหนดในแต่ละปี นิยมสวมเส้ือผ้าใหม่ มีการน้าพระพุทธรูปและเครื่องรางของขลัง ตา่ งๆ มาชา้ ระและสรงนา้ อบน้าหอม โดยใช้น้าขม้ินส้มป่อย ในบางจังหวัดมีการแห่พระพุทธรูปส้าคัญ ไปใหป้ ระชาชนนมัสการและสรงน้า เช่น จังหวัดเชียงใหม่มีการแห่พระพุทธรูปส้าคัญ ได้แก่ พระพุทธ สิหิงค์พระเจ้าฝนแสนห่า พระเสตังคมณี พระดับไฟ พระอุปคุต จากวัดต่างๆ รวมท้ังรูปป้ันครูบาศรี วิชัยแหไ่ ปตามถนนสายต่างๆให้ประชาชนนมัสการและสรงน้า วันต่อมาคือวันเนา ทางล้านนาเรียกว่า “วันเน่า” ห้ามการด่าทอทะเลาะวิวาท เชื่อว่าจะท้าให้เกิดอัปมงคล วันเนาน้ีเป็นวันเตรียมงาน เรียก กนั ว่า“วนั ดา” ชาวบ้านจะซื้อของกนิ ของใชเ้ พือ่ ใช้ในวนั เถลิงศก ตอนบ่ายมีการขนทรายเข้าไปก่อเป็น เจดยี ์ทรายท่ีวัด มีการตัดกระดาษเป็นธงสีต่างๆ เรียกว่า“ตุง” ส้าหรับปักที่เจดีย์ทรายในวันรุ่งขึ้น วัน เถลิงศกซึ่งเรียกว่า “วันพญาวัน” เป็นวันที่มีการท้าบุญทางศาสนา ผู้คนจะน้าส้ารับอาหารคาวหวาน ไปท้าบุญถวายพระที่วัดเรียกกันว่า “ทานขันข้าว” เพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและญาติมิตรผู้ ล่วงลับไปแล้ว มีการน้าธงที่ท้าจากกระดาษสีต่างๆ ไปปักตามเจดีย์ทรายนิยมน้าไม้ง่ามไปค้าต้นโพ ด้วย ถือเป็นการค้าจุนศาสนาให้ยืนยาวต่อไปในวันนี้พระสงฆ์จะแสดงธรรมเทศนา เม่ือถวาย ภัตตาหารเพลเสร็จแล้วมีการสรงน้าพระพุทธรูป พระเจดีย์ รวมทั้งสรงน้าพระภิกษุเจ้าอาวาสด้วย ตอนบ่ายจึงไปคารวะผู้ใหญ่ ได้แก่บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตนเคารพนับถือ เรียกกันว่าไป “ด้าหัว” ผู้ใหญ่ ทางล้านนาถือว่าเป็นการไปขอขมาลาโทษหรือขออโหสิกรรม เนื่องจากอาจได้ ประพฤติอันไม่สมควรต่อผู้ใหญ่ดังกล่าว ผู้ใหญ่จะรับเอาของที่น้ามามอบให้ใช้มือจุ่มลงในน้าขมิ้น สม้ ปอ่ ยแลว้ ลบู ทศ่ี ีรษะของตน แลว้ กล่าวอโหสกิ รรมให้กอ่ นแล้วจึงให้พร ในวันน้ีมักจะมีการน้าดอกไม้ ธปู เทยี นและน้าขม้ินส้มปอ่ ยไปดา้ หัวพระพุทธรูปส้าคัญของเมือง และไป “ด้าหัวกู่” คือ ไปไหว้สถูปที่ บรรจุอัฐิบรรพบุรุษ หลังจากนั้นจึงเป็นการเล่นสาดน้ากัน ในวันที่สี่เรียกว่า “วันปากปี”ถือเป็นวัน เริ่มต้นของปีใหม่มีการไปด้าหัววัด คือเจ้าอาวาสวัดอื่นที่อยู่ใกล้เคียงบางแห่งอาจมีพิธีส่งเคราะห์บ้าน หมายถึงส่งเคราะห์หมู่บ้าน วันที่ห้าเรียกว่า “วันปากเดือน” ถือเป็นวันเริ่มเดือนใหม่ การไปด้าหัว ผ้ใู หญ่และการเล่นสาดน้ายังมอี ยใู่ นวนั ปากปีและวนั ปากเดือน ภาคอีสาน เรียกประเพณีสงกรานต์ว่า “บุญสงกรานต์” หรือ“บุญเดือนห้า” เรียกวันท่ี ๑๓ เมษายนว่า “มอื้ สงกรานต์ล่อง” หรือ “มื้อสงกรานต์พ่าย” เรียกวันที่ ๑๔ เมษายนว่า “ม้ือเนา” และ เรียกวันที่ ๑๕ เมษายนว่า “มื้อสงกรานต์ข้ึน” ชาวอีสานนิยมฉลองสงกรานต์ต่อเน่ืองไป๗ วัน บาง แห่งถึง ๑๕ วัน ถือว่าการร่ืนเริง มีใจเบิกบานสนุกสนานร่วมกันท้าบุญท้ากุศลในวันสงกรานต์ เป็น นิมิตอันดีท่ีจะได้รับโชคชัย ประสบความส้าเร็จในปีใหม่ ก่อนถึงงานบุญสงกรานต์จะมีการเตรียม สถานที่ล่วงหน้า เช่น จัดท้าหอสรง โดยสร้างเป็นศาลาขนาดย่อมเพื่อน้าพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้
๔๒ บางแหง่ มกี ารทา้ รางรนิ สา้ หรับให้ชาวบ้านรดน้าไปสรงพระพุทธรูป ในม้ือสงกรานต์ล่อง ชาวอีสานจะ ท้าความสะอาดบ้านเรือน ตลอดจนห้ิงบูชาผีประจ้าบ้านซ่ึงเรียกกันว่า “ของรักษา” การปัดกวาดท้า ความสะอาดในวันนี้ถือว่าเป็นการปัดกวาดสิ่งอัปมงคลออกไปด้วย หากผู้ใดไม่ท้ามักถือกันว่าจะไม่มี โชคลาภทา้ มาหากนิ ไมข่ ้นึ ตลอดปใี หม่ ในม้ือเนาชาวบ้านจะแต่งกายสวยงามและน้าอาหารไปตักบาตรที่วัด เมื่อถวายภัตตาหาร พระสงฆ์เสร็จแล้วต่างขอพรจากพระภิกษุผู้ใหญ่ สรงน้าพระพุทธรูปด้วยน้าอบน้าหอม โดยรดไปตาม รางริน หนุ่มสาวมักรวมกลุ่มไปรดน้าขอพรผู้ใหญ่บางทีมีการจัดท้าบายศรีสู่ขวัญผู้ใหญ่ด้วย หลังจาก น้ันก็เล่นรดน้ากันเอง กลางคืนมีการมาร่วมกันสวดมนต์เย็นและฟังธรรม หนุ่มสาวอาจจับกลุ่มเล่น กีฬาพื้นบ้าน เช่น สะบ้า บางทีมีมหรสพ เช่น หมอล้า ในม้ือสงกรานต์ชาวบ้านไปท้าบุญตักบาตรอีก หลังจากนั้นก็เล่นสาดน้ากัน บางหมู่บ้านจัดงานร่ืนเริง บางกลุ่มเซิ้งไปตามหมู่บ้านเพื่อเรี่ยไรปัจจัย ไทยทานถวายวัดงานบุญสงกรานต์จึงมีกิจกรรมดังกล่าวทุกวัน คือ มีท้ังงานบุญกุศลและงานร่ืนเริง สนุกสนานระหวา่ งชาวบา้ น การสรงน้าพระพุทธรูปนิยมท้าต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดงานบุญสงกรานต์ แตล่ ะทอ้ งถนิ่ อาจกา้ หนดระยะเวลาไม่ตรงกนั ภาคใต้ มปี ระเพณกี ารขน้ึ ปีใหมใ่ นชว่ งสงกรานตเ์ รียกกันว่า “วันว่าง” ถือว่า ต้องว่างเว้นจาก การท้าการงานทุกชนิด เช่น ว่างเว้นจากการซ้อมสีข้าวสารการออกหาปูปลา ห้ามตัดผมตัดเล็บ ตัด รานต้นไม้ก่ิงไม้ ห้ามฆ่าสัตว์ทุกชนิดห้ามขึ้นต้นไม้ ห้ามเฆ่ียนตีลงโทษคนหรือสัตว์ นอกจากน้ี ต้อง ประกอบการกุศลมกี ารตกั บาตร ฟังธรรมเทศนา สรงน้าพระพุทธรูป ปล่อยนกปล่อยปลา แสดงความ กตัญญูกตเวทีต่อผู้ใหญ่ จัดหาผ้าใหม่ให้ผู้ใหญ่และอาบน้า “สระหัว” ให้ผู้ใหญ่ และขอพรจากผู้ใหญ่ ประเพณวี นั วา่ งกระทา้ กนั ๓ วนั ตรงกับวนั ที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ก่อนถึงวันว่างการงานสิ่งใดท่ีคั่งค้างต้องเร่งท้าให้เสร็จ เตรียมข้าวของส้าหรับท้าบุญ จัดหา เส้ือผ้าใหม่ส้าหรับใส่ในวันว่าง ก่อนถึงวันที่ ๑๓ เมษายน ประมาณ ๒-๓ วัน มีการท้าความสะอาด บ้านเรือน จัดเก็บเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น ไถ คราด จอบ เสียม วางให้เป็นระเบียบเป็นท่ีเป็นทาง ต้อง ตดั ผมตัดเลบ็ ใหเ้ รยี บร้อย เมอ่ื ถงึ วันวา่ ง ทกุ คนตอ้ งท้าจติ ใจใหเ้ บิกบานแจ่มใส พยายามประกอบกรรม ดีทัง้ ทางกาย วาจาและใจ ตื่นแตเ่ ช้าตรู่ แตง่ กายดว้ ยเสอ้ื ผ้าใหม่ ตักบาตรเสร็จแลว้ เตรียมส้ารับกับข้าว ไปทา้ บญุ ถวายภัตตาหารเพลทวี่ ัด นอกจากสา้ รับกบั ข้าวส่งิ ท่นี า้ ไปวดั ด้วย คอื มดั รวงข้าวท่ีจะน้าไปท้า ขวัญข้าวรว่ มกนั ทีว่ ัด เรียกว่า “ท้าขวัญข้าวใหญ่” เพื่อเป็นสิริมงคลแก่การท้ามาหากินภายหน้าสืบไป เม่ือทุกครัวเรือนน้าส้ารับกับข้าวและรวงข้าวมาพร้อมกันที่วัดแล้ว จึงเร่ิมพิธีทางศาสนา ร่วมกันสวด มนต์รับศีล ฟังเทศน์ ถวายภัตตาหารเพล เสร็จแล้วนิมนต์พระสงฆ์บังสุกุลกระดูกปู่ย่าตายาย ถ้าไม่มี กระดูกของบรรพบุรุษก็ใช้วิธีเขียนชื่อของบรรพบุรุษใส่กระดาษแทนเพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้ แล้วนิมนต์ พระประกอบพิธีท้าขวัญข้าว ถ้ามีการสร้างท่ีบรรจุอัฐิส้าหรับเก็บกระดูกของบรรพบุรุษ ซ่ึงเรียกว่า “บัว” ไว้ในวดั นนั้ ก็จะแยกย้ายกนั ไปเคารพสักการะ ต่อจากน้ันมีการสรงน้าพระพุทธรูป โดยอัญเชิญ
๔๓ มาประกอบพิธรี ว่ มกนั ในบริเวณวดั ประเพณีการสระหัววันว่างแก่พระภิกษุหรือผู้เฒ่าผู้แก่ท่ีมีผู้เคารพ นับถือมากๆ มักจัดท้าสถานที่เป็นพิเศษ ผู้ที่จะไปแสดงความเคารพจะเตรียมน้าผสมเครื่องหอมไป ด้วยคนละขัน เม่ือเสร็จพิธีสระหัววันว่างก็จะเป็นเรื่องของการละเล่นสนุกสนานรื่นเริง อาจมีการเล่น สาดนา้ กนั บา้ ง แต่ไม่เลน่ กันมากมายอยา่ งในภาคเหนือและภาคอสี าน ประเพณีสงกรานต์ยังเป็นประเพณีส้าคัญของชาวไทยเช้ือสายรามัญหรือมอญด้วย ดังจะเห็น ได้จาก การปฏิบัติของชาวไทยเชื้อสายรามัญที่อยู่รวมกันเป็นชุมชนใหญ่ในภาคกลางหลายแห่ง เช่น อ้าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ต้าบลบางกระด่ี อ้าเภอบางขุนเทียน ต้าบลบางไส้ไก่ อ้าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปทุมธานี ก็มีประเพณีสงกรานต์ สืบทอดมาแต่ โบราณด้วย สิ่งที่ชาวไทยเชื้อสายรามัญหรือมอญนิยมปฏิบัติในประเพณีสงกรานต์คือ การท้าข้าวแช่ เป็นอาหารพิเศษส้าหรับถวายพระสงฆ์และบูชาเทวดามีการเล่นสาดน้าและมีการละเล่นร่ืนเริงเช่น เล่นสะบา้ เปน็ ตน้ ๑.๕ คาถามในการดาเนนิ โครงการ ในการศกึ ษาเรื่อง ประเพณีสงกรานต์ ผวู้ ิจัยได้ตงั้ ค้าถามการวิจัย (research question) เพื่อ เป็นโจทยใ์ หผ้ ู้วิจยั ดา้ เนินการเพอ่ื หาค้าตอบ ค้าถามสา้ หรับการวจิ ัยไดก้ ้าหนดไวด้ งั ต่อไปน้ี ๑. ประเพณีสงกรานต์เป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนอย่างไร มีความส้าคัญต่อวิถี ชวี ติ ของชุมชนหรือไม่ อยา่ งไร ๒.ลักษณะรูปแบบและกิจกรรมของประเพณีสงกรานต์มีความหลากหลายเพียงใด มีการ เปล่ียนแปลงไปจากอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนตามเจตนารมณ์ของบรรพชนหรือไม่ เพราะ เหตุใด ๓. ทผ่ี า่ นมาการจดั ประเพณสี งกรานตม์ ปี ัญหา อปุ สรรค หรอื ไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด ๔. ชุมชนคิดว่าการปกป้องคุ้มครองและสืบสานประเพณีสงกรานต์จะมีประโยชน์ มีโทษต่อ ชุมชนอย่างไรบ้าง เพราะเหตใุ ด ๕. จากประสบการณ์ของชุมชน แนวทางการปกป้องคุ้มครองประเพณีสงกรานต์ น่าจะเป็น อย่างไร โดยค้าถามข้างต้นเป็นคา้ ถามแบบก่ึงโครงสร้างซ่ึงออกแบบไว้เป็นแนวค้าถามส้าหรับทีมวิจัย เทา่ น้นั อยา่ งไรก็ดีเม่ือทีมวจิ ยั ของชุมชนถามกลมุ่ ตวั อย่างที่เป็นชุมชนแล้วจะต้องปรับค้าถามให้เป็นที่ เขา้ ใจง่ายและสามารถส่ือสารกับชุมชนด้วยภาษาที่เป็นของทมี วิจยั ชมุ ชนเอง
๔๔ ๑.๖ ชมุ ชนท่ีเกยี่ วข้อง ๑.๖.๑ ชมุ ชนทีเ่ กย่ี วข้องกบั มรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม “ชุมชน” หมายถึง ชุมชนเจ้าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ผู้เฒ่าผู้ แก่ ปราชญ์ชาวบ้าน พระภิกษุสงฆ์ สถาบันการศึกษา บริษัทห้างร้าน หน่วยงานปกครองทุกระดับ และทุกภาคส่วนทเี่ ป็นเจา้ ของมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมประเพณสี งกรานต์ ๑.๖.๒ พ้นื ท่ใี นการรวบรวมและจดั เกบ็ ขอ้ มลู โครงการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลฯ จะด้าเนินการเก็บข้อมูลในพื้นที่ชุมชนเจ้าของมรดกภูมิ ปัญญาทางวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ โดยให้ชุมชุมร่วมพัฒนาเครื่องมือในการจัดเก็บรวบรวม ข้อมูลและมีส่วนร่วมในกระบวนการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลฯ ต้ังแต่เร่ิมต้นโครงการจนกระท่ัง สนิ้ สดุ โครงการ โดยจะจดั เก็บรวบรวมขอ้ มลู ในพน้ื ท่ตี อ่ ไปนี้ ภาคกลาง เก็บรวบรวมข้อมูลในกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ โดยเข้าไปเก็บข้อมูล และสร้างกระบวนการมีส่วนรว่ มในชาวไทยเช้ือสายมอญ ชุมชนอ้าเภอพระประแดง ภาคอีสาน เก็บรวบรวมข้อมูลในจังหวัดอุบลราชธานีและมหาสารคาม โดยเข้าไปเก็บข้อมูล และสรา้ งกระบวนการมีสว่ นรว่ มในชุมชนในภมู ภิ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ภาคเหนือ เก็บรวบรวมข้อมูลในจังหวัดเชยี งใหม่และแม่ฮอ่ งสอน โดยเข้าไปเกบ็ ข้อมลู และ สรา้ งกระบวนการมสี ว่ นร่วมใน ชมุ ชนทเี่ ปน็ กลุ่มตัวอยา่ ง ไดแ้ ก่ ชุมชนเมอื ง ชมุ ชนปา่ ตนั ชุมชนเมอื ง ลัง ชมุ ชนบ้านกาดหลวง ชมรมปักขะทืนลา้ นนา กลุม่ หน่มุ สาวจังหวัดเชียงใหม่ สภาวัฒนธรรม จังหวดั เชยี งใหม่ วดั พระสิงห์ วดั พวกชา้ ง พทุ ธสถานจังหวัดเชียงใหม่ ป๊อกกาดเกา่ (ป๊อก หมายถงึ ชุน ชน กาดเกา่ หมายถึงตลาดเก่า) จังหวัดแมฮ่ ่องสอน ชมุ ชนเกาะลอย จังหวดั เชยี งราย ชมุ ชนแม่ตาว จงั หวัดตาก ชมุ ชนบ้านจุนหลวง อา้ เภอจนุ ชาวบ้านวดั จนุ หลวง จงั หวดั พะเยา ภาคใต้เก็บรวบรวมข้อมูลในจังหวัดสุราษฏร์ธานีและสงขลา โดยเข้าไปเก็บข้อมูลและสร้าง กระบวนการมสี ว่ นร่วมในชุมชนจังหวดั นครศรีธรรมราช ชุมชนต่าง ๆ ในจงั หวัดสงขลา ๑.๗ การกระจายตวั ของสงกรานต์ ประเพณีวันสงกรานต์เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อย ชาวไต แถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกา และทางตะวันออกของประเทศอินเดีย (ถวิล อรัญเวศ, ๒๕๕๗) ที่สืบทอดมาในประเทศไทยมี ๒ แบบ คือ ประเพณีสงกรานต์ของหลวง ซึ่ง จัดเป็นการพระราชพิธีเรียกว่า “การพระราชกุศลสงกรานต์” และ ประเพณีของราษฎรท่ีจัดกันใน ท้องถิ่นต่างๆ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีประเพณีสงกรานต์ต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในกฎ มณเฑียรบาล ซ่ึงสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯให้ตราขึ้น กล่าวถึงการพระราชพิธีเผด็จศกและ พระราชพิธีลดแจตร พระราชพิธเี ผดจ็ ศกเป็นพธิ กี ารเกี่ยวกับการตัดจากปีเก่าข้ึนสู่ปีใหม่ ส่วนพระราช พิธีลดแจตรน้ัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าทรงสันนิษฐานว่าหมายถึงพระราชพิธีรดน้าเดือน ๕ (พระราชพิธี ๑๒ เดือน หน้า ๙๑ อ้างไว้ในหนังสือประเพณีสงกรานต์, กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๔๔)
๔๕ ซึ่งแสดงวา่ ประเพณสี งกรานตข์ องหลวงมีมาต้งั แต่ต้นสมยั กรงุ ศรอี ยุธยาแล้ว (ประคอง นิมมานเหมินท์ , ๒๕๔๔) นอกจากนี้ ประเพณีสงกรานต์ยังมีเป็นประเพณีท่ีมีความส้าคัญต่อกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ ที่ อาศัยอยู่ในประเทศไทย ยกตัวอย่าง เช่น ชาวไทยท่ีมีเช้ือสายรามัญ (มอญ) ดังจะเห็นได้จากการ ปฏบิ ัติของชาวไทยเชอื้ สายรามญั ที่อยูร่ วมกันเป็นชุมชนใหญ่ในภาคกลางหลายแห่ง เช่น อ้าเภอพระ ประแดง จังหวัดสมทุ รปราการ ต้าบลบางกระดี่ อา้ เภอบางขุนเทียน ต้าบลบางไส้ไก่ อ้าเภอบางกอก ใหญ่ กรุงเทพมหานคร และจงั หวัดปทมุ ธานี ก็มปี ระเพณสี งกรานต์ สบื ทอดมาแต่โบราณ สงกรานต์ภาคกลาง สงกรานต์ภาคกลาง เริ่มข้ึนในวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวัน \"มหาสงกรานต์\" วันที่ ๑๔ เป็น \"วันกลาง\" หรือ \"วันเนา\" วันที่ ๑๕ เป็นวัน \"วันเถลิงศก\" ท้ัง ๓ วันประชาชนจะประกอบพิธีทาง ศาสนามีการท้าบญุ ตักบาตร ปลอ่ ยนกปล่อยปลา การกรวดนา้ อุทศิ ส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ การ สรงน้าพระ การขนทรายเข้าวดั กอ่ พระเจดยี ์ทราย สงกรานต์พระประแดง งานประเพณีสงกรานต์พระประแดง เป็นประเพณีตามวิถีชีวิตของชาวมอญ แต่เดิมนั้นชาว มอญพระประแดงเกือบจะท้ังหมดประกอบอาชีพท้านากันอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นพระประแดง อา้ เภอบางพลี อา้ เภอมนี บรุ ี และที่อ่ืนๆ แต่ปัจจุบันผืนนาในพระประแดงได้กลายเป็นท่ีอยู่อาศัยจึงไม่ มกี ารท้านาในถนิ่ นอ้ี ีกตอ่ ไป มอญพระประแดงจะมีบ้านพักของตนเองอยู่สองแห่งคือพระประแดงแห่ง หนงึ่ กับทอ้ งที่ท่ีตนประกอบอาชีพอีกแห่งหนึ่ง เม่ือถึงฤดูท้านาก็จะพักอยู่ที่นั่น เม่ือเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จึงจะกลับมาพักท่ีบ้านพระประแดง ซึ่งจะอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม อันมี เทศกาลสงกรานต์อยู่ในระหว่างนี้ จงึ นบั วา่ เป็นโอกาสดีส้าหรับชาวมอญที่จะได้ท้าบุญสร้างกุศลและมี ความหมายอยา่ งย่งิ ส้าหรบั หน่มุ ๆ สาวๆ ท่ีจะได้สนุกสนานกันหลงั จากที่เหน็ดเหนื่อยจากการท้านามา เกือบท้ังปี สงกรานต์พระประแดง เดิมเรียกว่า “สงกรานต์ปากลัด” ภาพโดยรวมๆ กันนับว่า คล้ายคลึงกับประเพณีสงกรานต์ท่ัวๆ ไป แต่ท่ีเห็นว่าแตกต่างจากประเพณีสงกรานต์อื่นๆ คือการจัด งานสงกรานต์พระประแดง จะช้ากว่าวันสงกรานต์ปกติ คือแทนที่จะจัดในวันท่ี ๑๓ เมษายนก็กลับ เป็นวันอาทติ ย์ต่อมาถัดจากวันสงกรานต์อีกหนึ่งสัปดาห์ อย่างเช่นในปีน้ีวันสงกรานต์ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน แตส่ งกรานตพ์ ระประแดงจะจดั หลังจากวันมหาสงกรานตถ์ ัดไปอกี ๑ อาทติ ย์ ส ง ก ร า น ต์ พระประแดงถือเป็นวันเทศกาลขึ้นปีใหม่ เป็นเทศกาลส้าคัญของชาวไทยเชื้อสายมอญหรือท่ีเรียกว่า ชาวไทยรามัญ ท่ีอาศัยอยู่ใน “เมืองนครเข่ือนขันธ์” หรือเมืองพระประแดงในปัจจุบัน นับเป็นเวลา ร้อยเก้าสิบปีเศษแล้วท่ีชาวมอญได้มาพักพิงอาศัยอยู่ที่ปากลัด และสืบทอดประเพณีเก่าแก่ของชาว มอญเอาไว้ นัน่ ก็คอื ประเพณีสงกรานตพ์ ระประแดง สงกรานต์กองข้าว จังหวัดชลบรุ ี สงกรานต์กองข้าว หรืองานประเพณีสงกรานต์ศรีมหาราชาและประเพณีกองข้าว จังหวัด ชลบรุ ี โดยจดั ข้ึนในวนั ที่ ๑๙ - ๒๑ เมษายนของทุกปี ณ สวนสาธารณะเกาะลอย อ.ศรีราชา ในงานมี
๔๖ กจิ กรรมในงานมากมายอาทิ พิธีกรรมกองขา้ วบวงสรวง ขบวนแห่สรงน้าพระ ขบวนแห่และตกแต่งรถ การแสดงและกฬี าพน้ื บ้านตา่ งๆ กาประกวดก่อพระทราย และการเลน่ น้าสงกรานต์ สงกรานตอ์ ุ้มสาวลงน้าเกาะสีชัง สงกรานต์อุ้มสาวลงน้า หรือ ประเพณีสงกรานต์อุ้มสาวลงน้า ณ เกาะสีชัง และเกาะขามใหญ่ จ.ชลบุรี ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓ -๑๙ เม.ย. ๕๐ ภายในงานมีกิจกรรมมากมายเช่น พิธีท้าบุญตัก บาตร สรงน้าพระ พิธีกองข้าวบวงสรวง รดน้าด้าหัว การก่อพระเจดีย์ทราย การละเล่นพื้นบ้าน แข่งขันเรือกระทะ เรือชักกะเย่อ มวยตับจาก ปาลูกดอก แข่งขันตะกร้อลอดบ่วง การแสดงดนตรี และประเพณีอุม้ สาวลงนา้ สงกรานต์ลา้ นนา สงกรานต์ล้านนา หรือ \"ปเวณีปีใหม่\" อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เร่ิมต้ังแต่ \"วันสังขารล่อง\" (๑๓ เมษายน) หมายความว่า วันนี้สิ้นสุดศักราชเก่า ในวันนี้จะได้ยินเสียงยิงปืนจุดประทัดกันแต่ เช้าตรู่ โดยการยิงปืนและการจุดประทัด มีความเชื่อถือกันแต่โบราณว่า เป็นการขับไล่เสนียดจัญไร ตา่ งๆ ให้ลอ่ งไปพรอ้ มกับสังขาร จากนน้ั ชาวบ้านจะกวาดขยะมูลฝอยตามลานบา้ น ไปกองไว้แล้วจุด ไฟเผา และท้าความสะอาดปัดกวาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย เก็บเสื้อผ้า มุ้ง หมอน ผ้าปูที่นอนไปซัก ส่วนอุปกรณ์ที่ซักไม่ได้ก็น้าออกไปผึ่งแดด เสร็จแล้วก็ช้าระร่างกายสระผม (ด้าหัว) ให้สะอาด และมี การแห่พระพทุ ธรูปสา้ คัญประจ้าเมือง เพ่ือความเป็นสิริมงคล ถัดมาคือ \"วันเนา\" หรือ \"วันเน่า\" (๑๔ เมษายน) วันท่ีห้ามใครด่าทอว่าร้าย เพราะจะท้าให้โชคร้ายไปตลอดทั้งปี โดยในวันนี้ตามประเพณี ถอื วา่ เปน็ วันส้าคัญและเปน็ มงคลแกช่ ีวิต จะได้ประสบแต่ความดีงาม ตลอดปี จะไม่ท้าอะไรท่ีไม่เป็น มงคล วันที่สาม \"วันพญาวัน\" หรือ \"วันเถลิงศก\" (๑๕ เมษายน) วันน้ีชาวบ้านจะต่ืนแต่เช้าท้าบุญตัก บาตรเข้าวัดฟังธรรม ก่อนจะไป \"รดน้าด้าหัว\" ขอขมาญาติผู้ใหญ่ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นประเพณีอย่าง หนงึ่ ของชาวเมืองเหนอื คือ การน้าลูกหลานญาติพี่น้องไปขอขมาลาโทษ (สูมาคาระวะ) ต่อผู้ใหญ่ใน ตอนเยน็ วนั ที่สี่ \"วันปากปี\" (๑๖ เมษายน) ชาวบ้านจะพากนั ไปรดนา้ เจ้าอาวาสตามวัดต่างๆ เพ่ือขอ ขมาคารวะ โดยตงั้ แตเ่ ชา้ ตรู่ ชาวบ้านจะจดั อาหารหวานคาวใส่ส้ารับไปถวายพระที่วัด เป็นการถวาย ภตั ตาหารหรือที่เรียกกันว่า ทานขันข้าว เป็นการถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับ รวมท้ังถวายเจดีย์ทราย ถวายจ่อตุง เพราะถือว่าเป็นอานิสงส์ และวันท่ี ๕ \"วันปากเดือน\" (๑๗ เมษายน) เป็นวันทช่ี าวบ้านสง่ เคราะห์ตา่ งๆ ออกไปจากตวั เพ่ือปิดฉากประเพณีสงกรานต์ลา้ นนา สงกรานต์ภาคอีสาน สงกรานต์ภาคอีสาน นิยมจัดกันอย่างเรียบง่าย แต่ว่ามากไปด้วยความอบอุ่น โดยคนอีสาน จะเรียกประเพณีสงกรานต์ว่า \"บุญเดือนห้า\" หรือ \"ตรุษสงกรานต์\" และจะถือฤกษ์ในวันขึ้น ๑๕ ค่้า เดือน ๕ โดยจะมีพิธีการท้าบุญตักบาตร ท้าบุญสรงน้าพระ และรดน้าผู้ใหญ่ ด้วยการน้าเอาน้าอบ น้าหอมไปสรงพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์ มูลเหตุที่ท้าเพ่ือขอให้มีความเป็นอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จะ ปรารถนาส่งิ ใดขอใหไ้ ดส้ มหวัง เชน่ ขอนา้ ขอฝน ขอให้ตกต้องตามฤดูกาล และให้ข้าว น้า ปลา อุดม
๔๗ สมบูรณ์ และในเดือนน้ีถือว่าเป็นวันข้ึนปีใหม่ของชาวอีสาน โดยถือเอาวันข้ึน ๑๕ ค้่า เดือน ๕ เป็น วันเรมิ่ ตน้ ทา้ บุญ สงกรานต์นครพนม สงกรานต์ผูกสายสิญจน์เช่ือมโยงพระธาตุสองแผ่นดิน หรือสงกรานต์นครพนมร่ืนรมย์บุญปี ใหม่ไทย-ลาว จัดขึน้ ในวนั ท่ี ๑๒ - ๑๕ เมษายนของทกุ ปี ณ อ้าเภอเมือง และ อ้าเภอเรณูนคร จังหวัด นครพนม ในงานจะมีการฮดสรง หรือสรงน้าพระธาตุประจ้าวันเกิดท้ัง ๗ แห่ง ท่ีมีเพียงแห่งเดียวใน ประเทศไทย การฮดสรงเป็นประเพณีปฏิบัติของชาวอีสานที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยชาวบ้านจะ อัญเชิญพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองท่ีชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ ไปประดิษฐานบนหอสรง เพื่อให้ ประชาชนสักการบูชาและสรงน้า ฮดสรงได้ท่ีพระธาตุประจ้าวันเกิดท้ัง ๗ แห่ง คือ พระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุมหาชัย พระธาตุประสิทธ์ิ พระธาตุท่าอุเทน และ พระธาตุนคร นอกจากน้ียังสามารถสรงน้าพระต้ิวพระเทียม พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวนครพนมได้ที่ วัดโอกาส (ศรบี วั บาน) และรอยพระบาทเวินปลา (รอยพระพทุ ธบาทกลางแม่น้าโขง) หน้าวัดพระบาท เวินปลา อ.ท่าอุเทน ในวันที่ ๑๔ เม.ย. จะมีการผูกสายสิญจน์เชื่อมโยงพระธาตุสองแผ่นดิน ระหว่าง พระธาตุพนมวรวิหาร จังหวัดนครพนม กับพระธาตุศรีโคตรบอง แขวงค้าม่วน สปป.ลาว ซ่ึงเชื่อว่า พระธาตุท้งั สองสร้างข้นึ พรอ้ มกันเมอ่ื ปี พ.ศ. ๘ โดยจะเริ่มผูกสายสิญจน์จากพระธาตุพนมโยงไปยังตัว จังหวัดนครพนม ระยะทางประมาณ ๕๓ กิโลเมตร จากน้ันจะโยงไปยังแม่น้าโขงโดยใช้แพขนานยนต์ เป็นพาหนะ และจะไปบรรจบกับทางฝั่งลาวท่ีก่ึงกลางแม่น้าโขงระหว่างไทยและลาว ส่วนทางฝ่ังลาว จะเช่ือมโยงสายสิญจน์ จากวัดพระธาตุศรีโคตรบอง มาบรรจบกับทางฝ่ังไทยที่กลางแม่น้าโขงเช่นกัน ภายในงานจะมีพระของท้ังสองประเทศทา้ พธิ ี และบทสวดท่ใี ช้จะใช้บทสวดมนต์ชยัญโต สงกรานตภ์ าคใต้ สงกรานต์ภาคใต้ ตามความเชื่อของประเพณีสงกรานต์แบบด้ังเดิมท่ีภาคใต้แล้ว สงกรานต์ เป็นช่วงเวลาแห่งการผลัดเปล่ียนเทวดา ผู้รักษาดวงชะตาบ้านเมือง พวกเขาจึงถือเอาวันแรกของ สงกรานต์ (๑๓ เมษายน) เป็น \"วันส่งเจ้าเมืองเก่า\" หรือ \"วันเจ้าเมืองเก่า\" โดยเช่ือกันว่าในวันนี้ เจ้า เมืองหรือเทพยดาประจ้าปีผู้ท้าหน้าที่รักษาดวงชะตาของบ้านเมือง จ้าเป็นต้องละท้ิงบ้านเมืองท่ีตน รักษาไปชุมนุมกันบนสวรรค์ ในวันน้ีชาวบ้านจึงท้าความสะอาดบ้านเรือน เครื่องใช้ เคร่ืองแต่งกาย เครอื่ งประดับและรา่ งกาย บางทีกท็ ้าพธิ ีสะเดาะเคราะห์ โดยท้าพิธีลอยเคราะห์ลงในแม่น้า เพื่อฝาก เคราะหก์ รรมซงึ่ ตนประสบไปกบั เจ้าเมืองเก่า และอธิษฐานขอให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ ส่วนวันที่ ๑๔ เมษายน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า \"วันว่าง\" จะไปท้าบุญตักบาตรที่วัด และสรงน้าพระพุทธรูป ทัง้ นี้ ทีเ่ รียกวา่ \"วันวา่ ง\" เพราะเช่ือกันว่าวันน้ีเจ้าเมืองก็ยังสถิตอยู่บนสวรรค์ ในเมืองจึงไม่มีเจ้าเมือง ประจ้าอยู่ กิจการงานอาชีพทุกอย่างจึงต้องหยุด เพราะเกรงว่าหากประกอบกิจการจะก่อให้เกิด ความเสียหายขึ้น เน่ืองจากไม่มีเจ้าเมืองคุ้มครองรักษา และวันสุดท้ายเป็นวัน \"เจ้าเมืองใหม่\" หรือ \"วันรับเจ้าเมืองใหม่\" (๑๕ เมษายน) เชื่อว่าวันน้ีเจ้าเมือง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คุ้มครองเมือง ต่าง ๆ อันอาจจะไม่ใช่เมืองที่ตนเคยประจ้าอยู่แต่เดิมในปีที่แล้ว จะลงมาประจ้าเมือง ซึ่งตนต้องรับ หน้าทีค่ มุ้ ครองตลอดปใี หม่ ชาวเมอื งจึงเตรยี มการต้อนรับเทวดาเจ้าเมืองคนใหม่ด้วยความยินดี โดย
๔๘ ในวันนี้ผู้คนก็จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ เพ่ือน้าอาหารไปถวายพระที่วัด จากน้ันก็ไปรดน้าผู้ อาวโุ สที่ยังตกคา้ งไมไ่ ดไ้ ปรดน้าใน \"วันวา่ ง\" สา้ หรบั ในบางตระกูลท่ีมีวงศาคณาญาติมากมาย ก็จะจัด พธิ ีเบญจาในวนั นด้ี ้วย
๔๙ บทที่ ๒ สาระประเพณีสงกรานต์ ๒.๑ ช่ือที่ปรากฏในทอ้ งถ่นิ หรอื ชอื่ เทียบเคยี ง ประเพณีสงกรานต์ ๒.๒ ประเภท งานเทศกาล (Festival) สาขาแนวปฏิบตั ทิ างสงั คมและงานเทศกาล ๒.๓ สถานที่/แหลง่ ปฏิบัติ ประเพณีสงกรานต์ที่สืบทอดมาในประเทศไทยมี ๒ แบบ คือ ประเพณีสงกรานต์ของหลวง ซง่ึ จัดเปน็ การพระราชพธิ ีเรยี กว่า “การพระราชกศุ ลสงกรานต์” และ ประเพณีของราษฎรท่ีจัดกันใน ทอ้ งถ่ินต่างๆ สงกรานต์ภาคกลาง เริ่มข้ึนในวันท่ี ๑๓ เมษายน เป็นวัน \"มหาสงกรานต์\" วันที่ ๑๔ เป็น \"วันกลาง\" หรือ \"วันเนา\" วันที่ ๑๕ เป็นวัน \"วันเถลิงศก\" ท้ัง ๓ วันประชาชนจะประกอบพิธีทาง ศาสนามีการทา้ บุญตกั บาตร ปล่อยนกปลอ่ ยปลา การกรวดน้าอุทศิ ส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ การ สรงน้าพระ การขนทรายเขา้ วดั กอ่ พระเจดยี ท์ ราย สงกรานต์ล้านนา หรือ \"ปเวณีปีใหม่\" อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เริ่มต้ังแต่ \"วันสังขารล่อง\" (๑๓ เมษายน) หมายความว่า วันน้ีส้ินสุดศักราชเก่า ในวันนี้จะได้ยินเสียงยิงปืนจุดประทัดกันแต่ เช้าตรู่ โดยการยิงปืนและการจุดประทัด มีความเชื่อถือกันแต่โบราณว่า เป็นการขับไล่เสนียดจัญไร ต่างๆ ให้ลอ่ งไปพร้อมกบั สงั ขาร จากน้ัน ชาวบ้านจะกวาดขยะมลู ฝอยตามลานบา้ น ไปกองไว้แล้วจุด ไฟเผา และท้าความสะอาดปัดกวาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย เก็บเส้ือผ้า มุ้ง หมอน ผ้าปูท่ีนอนไปซัก ส่วนอุปกรณ์ท่ีซักไม่ได้ก็น้าออกไปผึ่งแดด เสร็จแล้วก็ช้าระร่างกายสระผม (ด้าหัว) ให้สะอาด และมี การแห่พระพทุ ธรูปส้าคัญประจา้ เมือง เพือ่ ความเป็นสิรมิ งคล ถัดมาคือ \"วันเนา\" หรือ \"วันเน่า\" (๑๔ เมษายน) วันที่ห้ามใครด่าทอว่าร้าย เพราะจะท้าให้ โชคร้ายไปตลอดท้ังปี โดยในวันนี้ตามประเพณี ถือว่าเป็นวันส้าคัญและเป็นมงคลแก่ชีวิต จะได้ ประสบแต่ความดีงาม ตลอดปี จะไม่ท้าอะไรท่ีไม่เป็นมงคล เช่น ด่า ทอ หรือทะเลาะวิวาทกัน ตอน เช้าต่างก็จะไปตลาด เพ่อื จะจดั ซือ้ อาหารและขา้ วของมาท้าบญุ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า \"วันด้า\" (คือวัน สุขดิบทางใต้) ตอนบ่ายจะมีการขนทรายเข้าวัด โดยขนจากแม่น้าปิง แล้วน้าไปยังวัดท่ีอยู่ใกล้บ้าน เพ่ือก่อเจดีย์ทรายตามลานวัด เจดีย์ท่ีก่อขึ้นจะตบแต่งด้วยธงทิวสีต่างๆ ธงสีน้ีชาวพื้นเมืองเรียกว่า
๕๐ \"ตุง\" ท้าด้วยกระดาษสี ตัดเป็นรูปสามเหล่ียมชายธงและรูปร่าง ต่างๆ ติดปลายไม้ อีกชนิดหนึ่งตัด เปน็ รูปลวดลายต่างๆ ติดปลายไมเ้ รียกว่า \"ชอ่ ” วนั ทส่ี าม \"วนั พญาวัน\" หรอื \"วนั เถลงิ ศก\" (๑๕ เมษายน) วนั น้ชี าวบ้านจะตน่ื แตเ่ ชา้ ทา้ บุญตัก บาตรเข้าวัดฟงั ธรรม ก่อนจะไป \"รดนา้ ดาหัว\" ขอขมาญาติผ้ใู หญใ่ นชว่ งบ่าย ซ่ึงเป็นประเพณีอย่าง หนง่ึ ของชาวเมืองเหนือ คือ การนา้ ลูกหลานญาติพ่ีน้องไปขอขมาลาโทษ (สมู าคาระวะ) ต่อผู้ใหญใ่ น ตอนเย็น วันที่ส่ี \"วันปากปี\" (๑๖ เมษายน) ชาวบ้านจะพากันไปรดน้าเจ้าอาวาสตามวัดต่างๆ เพื่อขอ ขมาคารวะ โดยต้งั แต่เชา้ ตรู่ ชาวบา้ นจะจัดอาหารหวานคาวใส่ส้ารับไปถวายพระท่ีวัด เป็นการถวาย ภัตตาหารหรือท่ีเรียกกันว่า ทานขันข้าว เป็นการถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับ รวมท้ังถวายเจดีย์ทราย ถวายจ่อตุง เพราะถือว่าเป็นอานิสงส์ และวันที่ ๕ \"วันปากเดือน\" (๑๗ เมษายน) เป็นวันทช่ี าวบ้านส่งเคราะหต์ า่ งๆ ออกไปจากตัว เพื่อปดิ ฉากประเพณสี งกรานต์ล้านนา สงกรานต์ภาคอีสาน นิยมจัดกันอย่างเรียบง่าย แต่ว่ามากไปด้วยความอบอุ่น โดยคนอีสาน จะเรียกประเพณีสงกรานต์ว่า \"บุญเดือนห้า\" หรือ \"ตรุษสงกรานต์\" และจะถือฤกษ์ในวันขึ้น ๑๕ ค่้า เดือน ๕ โดยจะมีพิธีการท้าบุญตักบาตร ท้าบุญสรงน้าพระ และรดน้าผู้ใหญ่ ด้วยการน้าเอาน้าอบ น้าหอมไปสรงพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์ มูลเหตุที่ท้าเพื่อขอให้มีความเป็นอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จะ ปรารถนาสิง่ ใดขอใหไ้ ดส้ มหวงั เช่น ขอน้าขอฝน ขอให้ตกต้องตามฤดูกาล และให้ข้าว น้า ปลา อุดม สมบูรณ์ และในเดือนนี้ถือว่าเป็นวันข้ึนปีใหม่ของชาวอีสาน โดยถือเอาวันข้ึน ๑๕ ค่้า เดือน ๕ เป็น วันเร่มิ ต้นท้าบญุ สงกรานต์ภาคใต้ ตามความเชื่อของประเพณีสงกรานต์แบบด้ังเดิมท่ีภาคใต้แล้ว สงกรานต์ เป็นช่วงเวลาแห่งการผลัดเปล่ียนเทวดา ผู้รักษาดวงชะตาบ้านเมือง พวกเขาจึงถือเอาวันแรกของ สงกรานต์ (๑๓ เมษายน) เป็น \"วันส่งเจ้าเมืองเก่า\" หรือ \"วันเจ้าเมืองเก่า\" โดยเช่ือกันว่าในวันนี้ เจ้า เมืองหรือเทพยดาประจ้าปีผู้ท้าหน้าที่รักษาดวงชะตาของบ้านเมือง จ้าเป็นต้องละท้ิงบ้านเมืองที่ตน รักษาไปชุมนุมกันบนสวรรค์ ในวันนี้ชาวบ้านจึงท้าความสะอาดบ้านเรือน เคร่ืองใช้ เครื่องแต่งกาย เครือ่ งประดบั และรา่ งกาย บางทกี ท็ า้ พธิ ีสะเดาะเคราะห์ โดยท้าพิธีลอยเคราะห์ลงในแม่น้า เพื่อฝาก เคราะห์กรรมซง่ึ ตนประสบไปกับเจา้ เมอื งเกา่ และอธิษฐานขอให้ประสบโชคดีตลอดปใี หม่ ส่วนวันที่ ๑๔ เมษายน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า \"วันว่าง\" จะไปท้าบุญตักบาตรท่ีวัด และสรง นา้ พระพทุ ธรูป ท้ังนี้ ทเ่ี รียกว่า \"วนั วา่ ง\" เพราะเชอื่ กันว่าวนั นีเ้ จ้าเมืองก็ยังสถิตอยู่บนสวรรค์ ในเมือง จึงไม่มีเจ้าเมืองประจ้าอยู่ กิจการงานอาชีพทุกอย่างจึงต้องหยุด เพราะเกรงว่าหากประกอบกิจการ จะกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายขนึ้ เน่ืองจากไม่มีเจ้าเมืองคุ้มครองรักษา สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ จึงถูกเก็บ ไว้ มไิ ด้น้ามาใช้เปน็ การชัว่ คราวประมาณสามวัน ประชาชนส่วนใหญ่พากันไปท้าบุญ เมื่อท้าบุญแล้ว ก็นาอาหารและเคร่ืองบูชา ไปเคารพผู้อาวุโส และพระสงฆ์ท่ีเคารพ โดยถือโอกาสขอพรรดน้า เพื่อ แสดงออกถึงความเคารพความกตญั ญูด้วย และวันสุดท้ายเป็นวัน \"เจ้าเมืองใหม่\" หรือ \"วันรับเจ้าเมืองใหม่\" (๑๕ เมษายน) เชื่อว่าวันนี้ เจ้าเมือง ซง่ึ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คุ้มครองเมืองต่าง ๆ อันอาจจะไม่ใช่เมืองที่ตนเคยประจาอยู่แต่ เดมิ ในปีท่แี ล้ว จะลงมาประจาเมือง ซึ่งตนต้องรับหน้าที่คุ้มครองตลอดปีใหม่ ชาวเมืองจึงเตรียมการ ต้อนรบั เทวดาเจา้ เมอื งคนใหม่ดว้ ยความยินดี โดยในวนั นผ้ี คู้ นก็จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ เพื่อน้า
๕๑ อาหารไปถวายพระที่วัด จากนั้นก็ไปรดน้าผู้อาวุโสที่ยังตกค้างไม่ได้ไปรดน้าใน \"วันว่าง\" ส้าหรับใน บางตระกลู ทม่ี วี งศาคณาญาติมากมาย กจ็ ะจัดพิธเี บญจาในวันนดี้ ว้ ย ประเพณีสงกรานต์ยังมีเป็นประเพณีท่ีมีความส้าคัญต่อกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ ท่ีอาศัยอยู่ใน ประเทศไทย ยกตวั อย่าง เช่น ชาวไทยที่มีเช้ือสายรามัญ (มอญ) ดังจะเห็นได้จากการปฏิบัติของชาว ไทยเช้ือสายรามัญที่อยู่รวมกันเป็นชุมชนใหญ่ในภาคกลางหลายแห่ง เช่น อ้าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ต้าบลบางกระด่ี อ้าเภอบางขุนเทียน ต้าบลบางไส้ไก่ อ้าเภอบางกอกใหญ่ กรงุ เทพมหานคร และจังหวัดปทมุ ธานี กม็ ีประเพณีสงกรานต์ สบื ทอดมาแตโ่ บราณด้วย ภาคเหนือ ชุมชนเมือง ชุมชนป่าตัน ชุมชนเมืองลัง ชุมชนบ้านกาดหลวง ชมรมปักขะทืนล้านนา กลุ่ม หนุ่มสาวจังหวัดเชยี งใหม่ สภาวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งใหม่ วดั พระสิงห์ วัดพวกช้าง พุทธสถานจังหวัด เชียงใหม่ ปอ๊ กกาดเก่า (ป๊อก หมายถึงชุนชน กาดเก่า หมายถึงตลาดเก่า) จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชน เกาะลอย จงั หวดั เชยี งราย ชุมชนแมต่ าว จงั หวัดตาก ชุมชนบ้านจุนหลวง อ้าเภอจุน ชาวบ้านวัดจุน หลวง จังหวัดพะเยา ถนนป่าตัน ถนนสายน้าผึ้ง ถนนช้างม่อย ต้าบลแขวงนครพิงค์ ต้าบลช้างม่อย ต้าบลแม่เหียะ อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ต้าบลจองค้า อ้าเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัด แม่ฮ่องสอน ต้าบลรอบเวียง อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ต้าบลแม่ตาว อ้าเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตา้ บลจนุ อ้าเภอจนุ จังหวดั พะเยา ภาคกลาง ชาวไทยเชื้อสายมอญ ชุมชนอ้าเภอพระประแดง และกระจายอยู่ทุกจังหวัดในภาคกลางของ ประเทศไทย ภาคอีสาน ชุมชนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ของประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน เป็นภาคหนึ่งที่ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย อยู่บนแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร มีแม่น้าโขงก้ันเขตทางตอนเหนือและตะวันออกของ ภาค ทางด้านใต้ติดต่อกับชายแดนกัมพูชา ทางตะวันตกมีเทือกเขาเพชรบูรณ์และเทือกเขาดงพญา เย็นเป็นแนวก้ันแยกจากภาคเหนือและภาคกลาง และมีเน้ือท่ีมากที่สุดของประเทศไทย ประมาณ ๑๖๘,๘๕๔ ตารางกิโลเมตร หรือมีเน้ือท่ีร้อยละ ๓๓.๑๗ เทียบได้กับหน่ึงในสามของพ้ืนท่ีทั้งหมดของ ประเทศไทย ภาษาหลักของภาคน้ี คือ ภาษาอีสานซ่ึงเป็นภาษาลาวส้าเนียงหนึ่ง ส่วนภาษาไทยกลางนิยม ใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ขณะเดียวกันยังมีภาษาเขมรที่ใช้กันมากในบริเวณอีสานใต้ นอกจากน้ี มีภาษาถิ่นอื่น ๆ อีกมาก เช่น ภาษาผู้ไท ภาษาโส้ ภาษาไทยโคราช เป็นต้น ภาคอีสานยังมี เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น เช่น อาหาร ภาษา ดนตรีหมอล้า และศิลปะการฟ้อนร้าท่ีเป็น เอกลักษณ์เฉพาะ เป็นต้น การแบ่งเขตการปกครอง แบ่งเป็น ภาคอีสานตอนบนประกอบด้วย จังหวัดต่างๆได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด สกลนคร
๕๒ หนองบัวล้าภู อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ และภาคอีสานตอนล่างประกอบด้วยจังหวัดต่างๆ ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อ้านาจเจริญ อุบลราชธานี นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมขี นาดพืน้ ท่ีมากทส่ี ุดประเทศไทย จึงท้าให้มีประชากรมากที่สุดและมีความ หลากหลายทางด้านกลุ่มชาติพันธุ์ประชากรด้วย ประชากรกลุ่มท่ีใหญ่ท่ีสุดของภูมิภาคคือ ชาวไทย อีสาน ซ่ึงก็คือประชาชนท่ัวไปท่ีอาศัยอยู่ในภาคอีสานและใช้ภาษาไทยอีสานเป็นภาษาพูดหลัก นอกจากนี้ก็จะมีกลุ่มชนเผา่ ต่างๆอีกมากมาย เชน่ ชาวภไู ท ไทโซ่ กระเลิง้ แสก กุลา ญวน(คือ ชาว เวียดนามที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยต้ังแต่สมัยสงครามเวียดนาม) ลาว ฯลฯ กลุ่มคน เหล่าน้ีจะมีภาษาพูดเป็นของตนเอง แต่สามารถส่ือสารภาษาไทยอีสานได้(เดิมพูดภาษาไทยอีสานได้ เปน็ บางคนเท่านัน้ ) และในปัจจุบันประชากรของเผ่าตา่ งๆสามารถพูดภาษาไทยกลางได้ ภาคใต้ ประเพณสี งกรานต์ชาวใต้มกี ระจายอยูท่ ั่วทกุ จงั หวดั ในภาคใต้ของประเทศไทย ๒.๔ ระเบยี บพิธีกรรม/การประพฤติปฏิบัติของการแสดงออกนั้น ๆ ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีฉลองการขึ้นปีใหม่ของไทย ซ่ึงโดยท่ัวไปจัดขึ้นระหว่างวันท่ี ๑๓-๑๕ เมษายน ตรงกับเดือนห้าตามจันทรคติ๑ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีประเพณี สงกรานต์ต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในกฎมณเฑียรบาล ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯ ให้ ตราขึ้น กล่าวถึงการพระราชพิธีเผด็จศกและพระราชพิธีลดแจตร พระราชพิธีเผด็จศกเป็นพิธีการ เก่ียวกับการตัดจากปีเก่าขึ้นสู่ปีใหม่ ส่วนพระราชพิธีลดแจตรนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ทรงสันนิษฐานว่าหมายถึงพระราชพิธีรดน้าเดือน ๕ (พระราชพิธี ๑๒ เดือน หน้า ๙๑ อ้างไว้ใน หนงั สือประเพณีสงกรานต์, กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๔๔) แสดงว่าประเพณีสงกรานต์ของหลวงมีมา ตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในสมัยก่อนไทยใช้จุลศักราช การขึ้นปีใหม่จึงเป็นการขึ้นจุลศักราช ใหม่ ในช่วงสงกรานต์มีกิจกรรมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณี คือผู้ท่ีนับถือพระพุทธศาสนา แสดงคารวะต่อพระรัตนตรัย ด้วยการสรงน้าพระพุทธรูป และไปท้าบุญที่วัด ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็ อาจประกอบกจิ กรรมตามประเพณีในศาสนาของตนเพื่อให้จิตใจผ่องแผ้ว ใสสะอาด และในการแสดง ความกตัญญูนัน้ มกี ารทา้ บุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว และแสดงคารวะต่อญาติผู้ใหญ่ และผมู้ ีพระคณุ ทีย่ งั มีชีวติ อยูด่ ว้ ยการไปรดน้าขออโหสิกรรม ฝ่ายผู้ใหญ่ก็แสดงความปรารถนาดีความ เอ้ืออาทร ดว้ ยการให้อโหสิกรรมและให้พรแก่ลูกหลาน ญาติมิตร อาจเล่นสาดน้ากันพร้อมกับอวยพร ให้แก่กัน สงกรานต์จึงเป็นวาระท่ีสมาชิกในครอบครัวและสังคมได้ใกล้ชิด แสดงความปรารถนาดีต่อ กันและร่วมกันสนุกสนาน รวมทั้งกิจกรรมการละเล่นร่ืนเริงตามประเพณีท้องถ่ินนั้นๆ มีการสืบทอด กันมาอย่างยาวนาน มีความส้าคัญทางประวัติศาสตร์อันแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชนและความ หลากหลายทางวัฒนธรรม (อภนิ นั ท์ โปษยานนท์, อา้ งแล้ว)
๕๓ ภาคเหนือ ตามประเพณีป๋ีใหม่เมือง ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัว ชุมชน สังคมชาว ล้านนา กล่าวคือ ๑. วนั สงั ขานต์ คนในครอบครัว ชมุ ชนกอ่ ให้เกิดการปฏบิ ัติการรว่ มใจท้าความสะอาด บ้านท่ี อยูอ่ าศยั แผว้ ถางหญ้าบริเวณสาธารณะ เป็นวันสาธารณสุข บุคคลมีการส้ารวจ สะสางตนเอง ละสิ่ง ทไ่ี ม่ดีงาม การช้าระจิตใจใหผ้ อ่ งใส เสมือนสอนใหม้ ีการด้ารงไว้ในศีลธรรม จริยธรรมและการด้ารงตน ท่งี ดงาม ๒. คนในครอบครัว ชุมชนมีความพร้อมเพรียงในการบ้าเพ็ญกุศล และท้านุบ้ารุงพระศาสนา อันไดแ้ ก่ วันเนา ตอ้ งไปจ่ายตลาดการจัดเตรียม อาหาร ขนม อุปกรณ์ในการประกอบพิธีกรรมเตรียม ของไปวัด การท้านุบ้ารุงพระศาสนา การเกิดอุบายในการน้าทรายขนเข้าวัดเป็นประโยชน์ในการใช้ การบ้ารงุ กอ่ สรา้ งส่งิ ต่างๆ ในวัด รวมถึงการแหไ่ มค้ ้า อันเป็นการค้าจนุ พระศาสนา ๓. คนในครอบครัว ชุมชน มีความระลึกถึงคุณงามความดีของบรรพชนท่ีล่วงลับไปแล้วเป็น การสรา้ งความผูกพนั และรา้ ลกึ ในสายใยความเปน็ เครอื ญาติและผู้มีพระคุณ อันได้แก่ เป็นวันร้าลึกถึง บพุ การี อุทศิ สว่ นกศุ ลใหผ้ ู้มบี ุญคุณ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติท่ีล้มหายตายจากไป ท้าบุญให้ตัวเอง ท้าบุญ อุทิศไปหาพ่อเกิดแม่เกิด เจ้ากรรมนายเวร เจ้าท่ีเจ้าทาง แล้วขึ้นวิหารถวายต่อหน้าพระรัตนตรัย ถือ เปน็ พธิ ีกรรมในวนั ปีใหม่ ๔. คนในครอบครัวและชุมชน ถือเป็นวันครอบครัวท่ีลูกหลานได้กลับมารดน้าด้าหัว สุมา คารวะ แสดงถึงความกตัญญู ความผูกพันท่ีเริ่มต้นจากครอบครัว การมีส่วนร่วม การพบปะกัน การ รวมกันในเชิงสังคม มีการจัดพบปะศิษย์เก่าสถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ การด้าหัวครูบา อาจารย์อาวุโส การด้าหัวผู้ใหญ่หรือผู้ที่เคารพ เป็นธรรมเนียมนัดกันปีละคร้ัง อย่างพร้อมเพรียงเกิด ความอบอนุ่ ความรักใครก่ นั ความสามัคคีทั้งในครอบครวั ชุมชน และสงั คมโดยองคร์ วม ๕. คนในครอบครวั และชมุ ชน มีสว่ นร่วมในการพัฒนาท้าความสะอาดชมุ ชนแลว้ ในวันปากปี ก็จะร่วมกันส่งเคราะห์บ้าน หรือสืบชะตาบ้าน สืบชะตาหมู่บ้าน ท้ังหมู่บ้านชุมชนมีส่วนร่วมและจัด พิธกี รรมทางศาสนาและพิธีกรรม ส่งเคราะห์ สืบชะตาโดยมีวัดในชุมชนเป็นศูนย์กลาง ก่อให้เกิดพลัง ความสามัคคี การปฏิบตั ิตามประเพณีรว่ มกนั ๖. คนไต (คนไทใหญ่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน) ยึดถือปฏิบัตินอกจากจะเป็นการแสดงความ กตัญญูต่อพ่อแม่แล้ว ยังมีความเช่ือในทางพระพุทธศาสนา การสรงน้าพระพุทธเจ้ารูปตามวัดอาราม หรอื บ้านเรือนของตน บางวดั อาจสรา้ งสถานท่สี รงนา้ พระขึ้นมาเฉพาะ และชาวไตจะมีการตักน้า หาบ น้า ช่วยกันท้าความสะอาดตามบริเวณรอบวัดโดยเชื่อว่า เป็นการขอขมา หรือการขจัดสิ่งสกปรกท่ี ตนเองได้นา้ มาเข้าวัดตลอดปเี ชื่อว่าเปน็ สิ่งดีส้าหรับชีวิตตอ่ ไป ประเพณีป๋ีใหม่เมืองของคนล้านนาแท้จริงเป็นกุศโลบายท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับเทศกาล จารีต ประเพณี เป็นส่ิงที่สืบทอดและปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน องค์ประกอบท้ังแนวปฏิบัติ พิธีกรรมที่ งดงาม มีทั้งความสนุกสนาน การมีส่วนร่วมของชุมชนในการร่วมกิจกรรมจัดขบวนแห่พระพุทธรูป ส้าคญั ทกุ วดั การจัดอนุรกั ษ์ สิง่ ของอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการประกอบพิธีการ การสืบทอดพิธีกรรม การสุมา คารวะ ก่อเกิดความสามัคคี ความสุขความอบอุ่นในครอบครัวชุมชน และสังคม อีกท้ังยังเกิด องค์ประกอบของการส้ารวจเตือนตัวเอง ให้ละส่ิงไม่ดีประกอบและเริ่มต้นใหม่ในส่ิงที่ดี อันเป็นมงคล
๕๔ จะพบว่าพธิ กี รรม และกิจกรรมต่างๆ ในประเพณีสงกรานต์ ป๋ีใหม่เมืองเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับวิถี ชีวิตของคนไทยและดา้ รงไวอ้ ันจารีตประเพณีท่ที รงคุณคา่ อย่างมาก ภาคกลาง เมื่อใกล้จะถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านโดยทั่วไปเฉพาะชาวไทยรามัญแต่ละครอบครัวต่างก็จะ ช่วยกันท้าความสะอาดบ้านเรือนของตนก่อนวันสงกรานต์ ๒ – ๓ วัน แต่ละบ้านก็ช่วยกันกวนขนมท่ี เรียกว่า กาละแม บางบ้านก็ท้าขนมข้าวเหนียวแดง เพื่อจะ ได้น้าไปท้าบุญในวันสงกรานต์ และ แจกจ่ายญาติมิตรสหายเพื่อไมตรจี ติ ซง่ึ กนั และกนั บ้านใดกะการหุงข้าวสงกรานต์หรือข้าวแช่ ก็จะเชิญสาวๆ ในหมู่บ้านมาช่วยกันหุงต้มอาหาร เพื่อการท้าบุญ คือในเวลาเช้าสาวท่ีรับเชิญจะน้าอาหารและข้าวสงกรานต์น้ันไปส่งตามวัดต่างๆ เม่ือ ขากลับจะมีการพรมน้ารดกันเพื่อความสวัสดีศิริมงคล แต่เป็นการรดน้าอย่างมีวัฒนธรรมมิใช่สาด นา้ เมื่อสาวกลับถงึ บ้านเจา้ บ้านที่จัด ท้าข้าวสงกรานตก์ ็จะเลยี้ งดสู าวๆ และญาติมิตรสหายเป็นการร่ืน เรงิ และไมตรจี ิตตอ่ กัน ตามหมู่บ้านชาวไทยรามัญ จะเห็นศาลเพียงตาปลูกเตรียมไว้ เจ้าบ้านจะน้าอาหารใส่กระทง ต้ังไว้บนศาลพร้อมด้วยข้าวแช่ เป็นการสักการะพระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ ตลอดจนส่ิง ศักด์ิสิทธิ์ทั้งปวงตามประเพณีการส่งข้าวสงกรานต์นั้น จะท้าได้ ๓ วัน คือวันที่ ๑๓ – ๑๔ – ๑๕ เมษายน นอกจากสง่ ขา้ วสงกรานตแ์ ล้ว ตามวดั ตา่ งๆ มีผู้ไปท้าบุญกันอย่างมากมาย ในเวลากลางคืนมี บอ่ นสะบ้าตามหมบู่ า้ นเป็นท่ีสนกุ สนานยิง่ นักบางบ่อนมีถึง ๗ วัน ท้ังนี้ มิใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สิน อยา่ งใด เปน็ การละเลน่ อยา่ งหน่งึ ตามพ้นื เมืองตามบ่อนสะบา้ มผี ู้ชมมากมาย และแต่ละคนต่างก็รักษา มารยาทและวัฒนธรรม แต่ละบ่อนจะมีขนมกวันฮะกอ หรือ กาละแม เตรียมไว้ให้รับประทานด้วย และมีการร้องเพลงทะแยมอญกล่อมบ่อน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวไทยเช้ือสายรามัญ (มอญ) ในวันทา้ ยของสงกรานตพ์ ระประแดง (ถัดจากวนั ที่ ๑๓ เมษายน อีกหน่งึ อาทติ ย)์ ทุกหมู่บ้านจะรวมใจ กันจัดขบวนแห่นางสงกรานต์น้าขบวนนางสงกรานต์ ขบวนสาวรามัญ – หนุ่มลอยชาย จากหมู่บ้าน ต่างๆ เพ่ือแห่นก – แห่ปลา ไปท้าพิธีปล่อยนก – ปล่อยปลา ณ พระอารามหลวงวัดโปรดเกศ เชษฐาราม ซ่ึงถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ท้าให้อายุยืนยาว เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้วระหว่างเดินทางกลับ บ้านกจ็ ะมหี นุม่ ในหมูบ่ า้ นต่างๆ ออกมาเล่นสาดน้ากับสาวๆ ด้วยกิริยาท่าทีที่สุภาพรดแต่พองาม และ คุยกันตามประสาหนุ่มสาวตลอดทางที่เดินกลับบ้าน สงกรานต์พระประแดงจะมีกิจกรรมต่างๆ ใน เทศกาลดงั นี้ ๑. ประเพณีส่งขา้ วสงกรานต์ การส่งข้าวสงกรานต์เป็นประเพณีที่คาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากต้านานสงกรานต์ เม่ือตอนท่ี ท่านเศรษฐีน้าเครื่องสังเวยไปบวงสรวงเทวดาที่ต้นไทรเพื่อขอบุตร ข้าวสงกรานต์น้ันเป็นการหุงข้าว แล้วแช่ลงในน้าดอกมะลิบรรจุลงในหม้อดิน ส่วนกับข้าวน้ันก็จะเป็นอาหารเค็ม เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ของหวาน ได้แก่ ถ่ัวด้าต้มน้าตาล กล้วยหักมุก แตงโม จัดวางใส่ถาดให้เท่ากับวัดท่ี จะไป สาวๆ ในหมู่บ้านก็จะรับข้าวสงกรานต์ไปส่งตามวัดต่างๆ ขากลับ จะมีหนุ่มๆ มาคอยดักรดน้า และเกีย้ วพาราสีตามวิสัยหนมุ่ สาวทัว่ ๆ ไป
๕๕ ๒. ประเพณีสรงน้าพระ – รดน้าขอพรผใู้ หญ่และเลน่ น้าสงกรานต์ ในช่วงท้ายของสงกรานต์ชาวมอญในพระประแดง จะมีประเพณีสรงน้าพระพุทธรูป วัดที่มี พระพทุ ธรูปมากมายและสวยงามคือ วัดโปรดเกศเชษฐาราม ในตอนเย็นหนุ่มสาวก็จะพากันน้าน้าอบ ไปสรงนา้ พระพทุ ธรูปรอบวัด เม่ือเสรจ็ ส้ินจากการสรงนา้ พระพทุ ธรปู แลว้ หนุ่มสาวก็จะพากันน้าน้าอบ ไปรดน้าของพรผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เม่ือเสร็จสิ้นแล้วระหว่างเดินทางกลับบ้านก็จะมีหนุ่ม ในหมู่บ้านต่างๆ ออกมาเล่นสาดน้ากับสาวๆ ด้วยกริยาท่าทีท่ีสุภาพ รดแต่พองามและคุยกันตาม ประสาหนุ่มสาวตลอดทางทเ่ี ดินกลบั บา้ น ๓. ประเพณีแห่หงสธ์ งตะขาบ ในสมัยโบราณจะใช้ลานบ้าน ปักหลักหัวท้ายแล้วเอาธงตะขาบขึงไว้ท้าประร้าพิธีส้าหรับ อาราธนาพระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ตอนเย็น พอรุ่งเช้าชาวบ้านจะน้าอาหารขัน แกงโถ มาตัก บาตรท้าบุญเล้ียงพระกัน ถือเป็นการปัดเสนียดจัญไรในหมู่บ้าน และด้วยอ้านาจบารมีแห่ธงตะขาบ จะเป็นการน้าความมีโชคชัย ความสุขสวัสดีมาสู่ทุกคนในหมู่บ้าน จากน้ันตกเวลาบ่ายพวกหนุ่มๆ สาวๆ ผู้เฒ่าผู้แก่จะออกมาช่วยกันถือธงตะขาบข้างละ ๘ คน ด้านหัวอีก ๑ คน (เป็นชาย) แห่เป็น กระบวนไปท่ีวัด เพื่อจะชักธงน้ีขึ้นสู่ยอดเสาหงส์ บางคนมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าถึงกับตัดผมของ ตวั เองผูกตดิ ไวก้ บั ธงตะขาบ เพื่อเป็นพทุ ธบชู าอีกด้วย เมื่อถึงวันแห่หงส์ เจ้าภาพจะพับผ้าหางหงส์วางบนพานท่ีเตรียมไว้ แล้วน้าไปยังวัด เข้าไปใน โบสถ์กราบพระประธานของวัดแล้วท้าการแห่รอบอุโบสถ ๓ รอบ ในพิธีแห่จะมีกลองยาวตีน้าหน้า อย่างสนุกสนาน เม่ือครบแล้วก็น้าผ้าหางหงส์ไปยังเสาหงส์ ผูกรอกแล้วชักขึ้นไปยังยอดเสาจนถึงตัว หงส์ และใหป้ ระชาชนทมี่ าทกุ คนไดช้ ว่ ยกนั ชักเสาหงสข์ ึ้นต้ังไว้ ๔. ประเพณสี งกรานต์ ประเพณแี ห่นกแหป่ ลา ประเพณีแห่นกแห่ปลา เกิดจากความเชื่อของชาวมอญที่ว่าการปล่อยนก ปล่อยปลา เป็น การสะเดาะเคราะห์ให้แก่ตนเองท้าให้มีอายุยืนยาว และเป็นประเพณีหนึ่งในเทศกาลสงกรานต์ท่ีจัด พร้อมกับขบวนแห่นางสงกรานต์ในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์พระประแดง ซ่ึงชาวมอญยึดถือ และปฏบิ ัตสิ บื ต่อกนั มาจนเปน็ ประเพณีแหน่ กแห่ปลาในท่ีสุด เทศบาลเมืองพระประแดงพิจารณาเห็น ว่าประเพณแี หน่ กแห่ปลา เป็นประเพณีทีด่ งี ามสมควรอนรุ กั ษ์ไว้ จึงได้รับเป็นผู้สืบสานประเพณีน้ี โดย จดั ใหม้ ีขบวนแหน่ กแห่ปลา ในขบวนแห่นางสงกรานตท์ ุกปีสืบทอดมาจนถึงปจั จุบนั ๕. ประเพณีแหน่ างสงกรานต์ ในวันท้ายวันสงกรานต์จะมีขบวนแห่นกแห่ปลา แต่ละหมู่บ้านจะเชิญสาวเข้าร่วมขบวนแห่ โดยมอบให้ผู้ที่เป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนมาก น้าหมากพลูจีบใส่พานไปเชิญสาวตามหมู่บ้านต่างๆ แล้วแต่จะก้าหนดว่าหมู่บ้านใดจะเชิญสาวกี่คน ก็เตรียมหมากพลูไปเท่ากับจ้านวนสาวที่ต้องการ สาวใดเม่ือได้รับหมากพลูไปแล้วเขาก็จะมาร่วมเข้าขบวน ส่วนการแต่งกายน้ันแล้วแต่จะสะดวก เม่ือสาวมาพร้อมกันแล้วผู้ที่มีหน้าที่คัดเลือกสาวงาม ก็พิจารณาดูว่าผู้ใดสวยที่สุดก็ให้เป็น นางสงกรานตใ์ นปนี ั้น ตอ่ มาภายหลงั ได้มอบใหผ้ ู้มีหนา้ ที่คดั เลือกสาวไดม้ องหาสาวที่สวยๆ ไว้แต่เนิ่นๆ ก่อน เม่ือใกล้วันสงกรานต์จะเชิญสาวท่ีหมายตาไว้น้ันให้เป็นนางสงกรานต์ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้เป็นนาง ประจา้ ปี หรือ นางฟา้ ตามลา้ ดับไป ซึ่งวิธกี ารนีจ้ ะไดส้ าวงามซง่ึ เปน็ ชาวพระประแดงที่แท้จริง ต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้จัดให้มีการประกวดนางสงกรานต์ขึ้นเป็นคร้ังแรก และได้ท้าการประกวดติดต่อกัน
๕๖ มาจนกระท่ังถึงปัจจุบันน้ี ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๑ จึงจัดให้มีการประกวดหนุ่มลอยชายควบคู่กับ การประกวดนางสงกรานต์ ๖. การละเล่นพื้นเมืองการละเลน่ สะบา้ (มอญ) (วอ่ น – ฮะ – น)ิ ในช่วงเวลาวันสงกรานต์ทุกปี ตามหมู่บ้านจะมีการแสดงสะบ้า หรือการละเล่นสะบ้าของ หนุ่มสาว เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวไทยรามัญ การละเล่นสะบ้ามีประมาณ ๓๐ กว่าบท เป็น ลลี าการแสดงพ้ืนเมือง การละเล่นสะบ้ามิใช่การเล่นพนันขันต่อแต่อย่างใด มีการเล่นในเวลากลางคืน บ่อนหน่ึงๆ จะมีสาวงามประจ้าบ่อนอย่างน้อย ๗ คู่ อย่างมาก ๑๐ คู่ บ่อนใช้ใต้ถุนเรือนหรือที่ว่าง พอท่ีจะตกแต่งเป็นบ่อนสะบ้าได้ บ่อนจะต้องทุบดินให้เรียบแต่งบ่อนด้วยกระดาษสีต่างๆ มีแสงสว่าง มากพอปัจจุบันได้ใช้ไฟฟ้า (สมัยก่อนเราใช้ไฟตะเกียงหรือไฟใต้) ลูกสะบ้านั้นกลึงเป็นลูกกลมแบน เรียบ ท้าด้วยเขาสัตว์ เช่น เขาวัว เขาควาย เงิน ทองเหลือง หรือไม้เน้ือแข็งก็ได้ การละเล่นสะบ้ามี หนุ่มฝ่ายหน่ึง และสาวฝ่ายหนึ่งแสดงสลับกันไปตามลีลาของวิธีเล่นสะบ้าพื้นเมือง ซึ่งมีประมาณ ๑๕ ถึง ๓๐ ท่า เช่น ทน่ิ เตงิ จง้ั ฮะยู อมี าย ยับ ตองเก้ม อะลอง เดิง เป็นต้น ๗. การละเลน่ พน้ื เมอื งทะแยมอญ การเล่นทะแยมอญ คล้ายเพลงฉ่อยหรือล้าตัดเป็นร้อยกรองชนิดหน่ึงคล้ายกับกลอนร่ายของ ไทยประเภทเพลง เนื้อร้องใช้ภาษามอญ เป็นบทไหว้ครู ชมนกชมไม้ เกี้ยวพาราสี ให้ศีลให้พรส้าหรับ ผใู้ หญ่ ฝา่ ยชายใชเ้ พลงเจอื้ กมว่ั ฝ่ายหญงิ ใชเ้ พลงโปด้ แซ่ เครื่องดนตรีประกอบการแสดงมี ๕ ชนิด คือ ซอสามสาย (มอญ) จะเข้ ขลุย่ เปงิ บาง ฉง่ิ การแตง่ กายชุดรามัญ (ชายชดุ ลอยชาย หญิงชุด มอญ) ทะแยมอญ ใช้ร้องในโอกาสอันเป็นมงคล เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวไทยเชื้อสายรามัญ ที่อาศัยอย่ใู นเมืองพระประแดง(ชาวปากลัด) การเล่นทะแยมอญกล่อมบ่อนสะบ้าในเทศกาลสงกรานต์ เป็นการร้องโต้ตอบกันในเชิงเกี้ยวพาราสีระหว่างฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง โดยมีการร้าประกอบการ เคล่อื นไหว ของผู้ร้าเนน้ หนักทมี่ ือ และในวันทา้ ยวนั สงกรานต์ก็จะมีการแสดงทะแยมอญร่วมในขบวน แหน่ กแหป่ ลาเปน็ ประจา้ ทกุ ปี ซึ่งปัจจุบนั ได้เลอื นหายไปเป็นทนี่ า่ เสียดายย่ิง ๘. ประเพณีการกวนกาละแม (กวันฮะกอ) เม่ือถึงเทศกาลประเพณสี งกรานตข์ องชาวมอญปากลัด ชาวมอญจะท้าความสะอาดบ้านเรือน แต่เนิ่นๆ และท้าขนมที่มอญเรียกว่า กวันฮะกอ แปลเป็นภาษาไทยว่า ขนมกวน ประกอบด้วย ข้าวเหนียว น้าตาลมะพร้าว กะทิ กวนให้เข้ากันจนเหนียว คนไทยเรียกว่า กาละแม คนมอญ ก็เรียก กาละแม ด้วย เม่ือถึงวันสงกรานต์คนมอญจะน้าอาหารไปท้าบุญท่ีวัด ตอนเย็นจะพากันไป รดน้าขอพรจากผู้ใหญ่และผู้ท่ีเคารพนับถือ บรรดาสาวๆ ตามหมู่บ้านจะน้าขนมกาละแมไปส่งตาม ญาติหรือผู้ท่ีเคารพนับถือในต่างต้าบล และชอบท่ีจะไปส่งไกลบ้านตน (ซึ่งความจริงทุกบ้านก็กวน กาละแมถือวา่ เปน็ โอกาสไดเ้ ยย่ี มเยียนพบปะกัน) ตอนเยน็ จะพากันไปสรงน้าพระที่วัดโปรดเกศเชษฐา ราม หนุ่มๆ ท่ีคอยสาวๆ อยู่จะพากันรดน้าสาวๆ เป็นที่สนุกสนานเป็นโอกาสที่หนุ่มสาวจะพบกัน ได้ ในงานส้าคัญน้ี พอตกกลางคนื จะมีการเล่นสะบ้าตามประเพณีตามหมู่บ้านของตนและการเล่นสะบ้าน้ี จะมขี นมกวนั ฮะกอ เตรียมไว้ให้รับประทานดว้ ยปัจจุบันน้ี ประเพณยี งั คงมอี ยตู่ ามหมูบ่ า้ นต่างๆ ๑๐. ประเพณีค้าต้นโพธิ์ โดยยึดว่าปีน้ีวันเนา (วันที่ ๑๔ เมษายน) คือตรงวันอะไรก็จะท้าใน วันน้ัน เช่นปีนี้วันเนาตรงกับวันจันทร์ คนที่เกิดวันจันทร์ก็จะเอาไม้กะถินทาขมิ้นไปค้าท่ีต้นโพธิ์ พิธีนี้ จะคลา้ ยทางภาคเหนือโดยเช่ือวา่ จะตอ่ อายุ
๕๗ ๑๑. ประเพณีร้าเจ้าพ่อเจ้าแม่ พื้นฐานคนมอญมีความเช่ือเร่ืองผี บรรพบุรุษ ผีเจ้าพ่อเจ้าแม่ก็จะเป็นผีประจ้าหมู่บ้าน เช่น บ้านแซ่ก็จะมีเจา้ พ่อหนุ่ม ฯลฯ จะร้าช่วงก่อนสงกรานต์หรือหลังสงกรานต์ ร้าเพ่ือเสี่ยงทายแต่ละปีว่า จะเป็นยงั ไง และเปน็ การบูชาดว้ ย ๑๒. ประเพณีเล้ียงผี ทุกบ้านก็จะมีผีท่ีนับถือ เช่น ผีเตา ผีข้าวเหนียว ผีมะพร้าว ผีงู ผีข้าวหลาม ฯลฯ ซ่ึงแต่ละบ้านก็จะมี ความเช่ือแตกต่างกันไป เช่นที่บ้าน นับถือผีมะพร้าว ช่วงสงกรานต์ก็จะท้าการเปล่ียนลูกมะพร้าวท่ี เคยแขวนนับถือไว้ที่เสาเอกของบ้าน และคอยดูแลไม่ให้ลูกมะพร้าวแก่ ตกลงพี้น หรือเชือกขาด เพราะผจี ะโกรธและจะเกิดอาเพศ ภาคอีสาน งานประเพณีสงกรานต์หรืองานบุญขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันข้ึน ๑๕ ค้่า เดือนห้า เป็น ประเพณีท่มี นี า้ เข้ามาเกยี่ วข้อง อาทิ มกี ารสรงน้าพระพุทธรูป สรงน้าพระสงฆ์ รดน้าขอพรจากผู้เฒ่า ผูแ้ ก่และผทู้ ่ีเราเคารพนับถือ สรงน้าอัฐิของบรรพบุรุษ /ญาติท่ีล่วงลับ การจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนมาก จะจดั ๓ วนั ระหวา่ งวนั ที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ของทุกปี โดยชาวบ้านจะมีการเตรียมงานล่วงหน้า ๒-๓ วัน กล่าวคือ ชาวบ้านจะต้องออกหาฟืน หาอาหารและเสบียงอาหาร ต้าข้าวไว้ส้าหรับการรับประทาน ในช่วงวันสงกรานต์ อย่างน้อย ๕-๗ วนั ตกั น้าใส่ตมุ่ ใหเ้ ต็ม เกบ็ กวาดบา้ นเรือนให้เรียบร้อย เนื่องจาก เมือ่ เรม่ิ วันสงกรานต์หรือภาษาอสี านเรียกวา่ วนั เนา ชาวบ้านจะไม่ท้าอะไร หยุดท้างานที่เป็นปกติของ ตนเอง ไมใ่ หท้ า้ งานอะไรเลยเป็นเวลา ๕ - ๗ วัน ซ่ึงผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่า หากใครท้างานในช่วงเวลานี้จะ ท้าให้หูหนวก ตาบอด ท้าให้ชาวบ้านต้องมีการเตรียมการต่างๆไว้ล่วงหน้า นอกจากนั้นยังมีภารกิจที่ จะต้องจัดเตรียมอปุ กรณ์ เครอื่ งใช้ตา่ งๆ อาทิ การแหพ่ ระ การแห่ดอกไม้ การละเล่นต่างๆท่ีต้องมีการ เตรียมไว้ให้พร้อม มีการขนทรายเข้าวัดก่อน บางชุมชนมีการจัดหาเทพีนางสงกรานต์ และตกแต่ง ยานพาหนะที่จะน้าไปแห่ในวันสงกรานต์ นอกจากน้ี ในระหว่างช่วงสงกรานต์ จะไม่มีการดุด่า ว่า กล่าวกัน ไม่มีเสียงต้าข้าวจากครกกระเดื่อง หรือออกหาฟืน แต่จะมีการท้าบุญ ถวายภัตตาหาร พระสงฆ์ การปลอ่ ยนก ปลา เต่า หอย เปน็ ตน้ วันเร่ิมงานวันแรก (วันท่ี ๑๓ ) ถือเป็นวันสังขานต์ล่อง เป็นวันท่ีราศีเก่าเข้าสู่ราศีใหม่ มี กิจกรรมตา่ งๆตามประเพณี ไดแ้ ก่ การนิมนตพ์ ระพุทธรูปลงจากโบสถ์มาสรงน้า มีการจัดขบวนแห่นาง สงกรานต์ ขบวนแห่พระพุทธรูปท่ีตกแต่งสวยงาม ขบวนฟ้อนร้า โดยแห่ไปรอบ ๆ ชุมชน เพ่ือให้ ชาวบ้านไดม้ โี อกาสสรงน้าพระพุทธรูป บางชุมชนจะมีการแห่ขบวนดอกไม้ไปรอบ ๆ ชุมชน เน่ืองจาก ในฤดูนี้ต้นไม้จะออกดอกบานสะพรั่งกันมาก เช่น คูณ ทองหลาง ตะแบก ทองกวาว ดอกไม้ดังกล่าว จะน้ามาบูชาพระและน้ามาตกแต่งซุ้มพิธีที่ใช้เป็นท่ีสรงน้าพระพุทธรูป ก่อนสงกรานต์ชาวบ้านใน ชุมชนจะมาช่วยกันสร้างผาม (ซุ้มพิธีท่ีจัดเตรียมไว้) อย่างสวยงามเพื่อนิมนต์พระพุทธรูปมา ประดิษฐานช่ัวคราวให้ชาวบ้านได้มีโอกาสสรงน้าพระพุทธรูป ในสมัยก่อน น้าที่ใช้สรงน้าพระเป็นน้า ขมิ้น (ใช้ขม้ินสดขูดลงไปในน้าสะอาด) แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้าผสมกับน้าอบน้าหอมท่ีมี วางขายทั่วไป มีการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ นอกจากนี้ จะมีพิธีกรรมในการบังสุกุลบรรพบุรุษที่ ลว่ งลบั ไปแลว้ เปน็ การบังสุกลรวม โดยชาวบา้ นจะนา้ เอาอฐั ิของบรรพบรุ ุษที่เก็บไวท้ ี่บ้าน มารวมกันท่ี
๕๘ ศาลาวัด และท้าพิธีทางศาสนา หากครอบครัวใดเอาอัฐิไว้ท่ีธาตุ (ที่บรรจุอัฐิ) ก็จะท้าพิธีบังสุกุลที่ธาตุ แต่การบังสุกลุ น้ี บางชมุ ชนจะทา้ ในวันที่ ๑๔ เมษายน วันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันครอบครัว ญาติพี่น้องจะมาพบปะ รับประทานอาหารร่วมกัน มี การผูกแขน เพ่ือเป็นสิริมงคล และญาติผู้ใหญ่ให้พรแก่ลูก ๆ หลาน ๆ วันน้ีเรียกว่าวันเนา (วันท่ีไม่มี การท้างานใด ๆ มีแต่การจัดกิจกรรมที่สนุกสนาน เป็นวันพักผ่อน) เพ่ือหยุดพักผ่อน บางคนจะมี สิ่งของมามอบให้ผู้ใหญ่เรียกว่า เคร่ืองสมมา เช่นผ้าขาวม้า ผ้าถุง หลังจากน้ันก็จะมีการละเล่น พืน้ บ้าน เชน่ ตีจ่ บั ขี่มา้ ทรงเมือง งกู นิ หาง หมากเกบ็ หมากหงึ้ บกั หมาหนังโปก บักอ๋ี ดึงหนัง (ชักกะ เย่อ) เป็นต้น ซ่ึงการละเล่นพื้นบ้านนี้ บางชุมชนจะจัดทุกวันในระหว่างสงกรานต์ โดยจะจัดหลังจาก รับประทานอาหารเย็น ในวันน้ียงั เป็นวันท่ีหนุ่มสาวเล่นสาดน้าอย่างสนุกสนาน จะปล่อยอิสระ สามารถ มาพบปะพูดคุย เล่นน้าสงกรานต์ด้วยกันได้ ในสมยั กอ่ น ชาวบา้ นจะสามารถเล่นน้าร่วมกับพระสงฆ์ได้ โดยมกี ารขอขมาพระสงฆ์ในวันก่อนและหลังวันสงกรานต์ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเล่นน้าร่วมกันระหว่าง พระภิกษุและชาวบ้าน แต่จะเป็นการสรงน้าพระสงฆ์ วันนี้ บางชุมชนจะมีการท้าบุญให้แก่บรรพบุรุษ สรงน้ากระดูก นิมนต์พระสงฆ์สวดมาติกา อุทิศบุญกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่บางชุมชนจะท้า กนั ในวนั ที่ ๑๓ เมษายน และ ไปท้าพิธีทว่ี ดั พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์เยน็ วันท่ี ๑๕ เมษายน เป็นวันเถลิงศก เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยสมัยโบราณ วันนี้เป็นวันท้าบุญ รวมของทุกคนในชุมชน และอทุ ศิ บุญกุศลให้แก่ญาตผิ ู้ลว่ งลับ ทุกครอบครัวจะน้าอาหารมาถวายพระ รับประทานอาหารร่วมกัน และมีการรดน้าด้าหัวให้แก่พระภิกษุสามเณรและผู้สูงอายุ ท้าน้าพระพุทธ มนต์ พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ประพรมน้าพระพุทธมนต์และให้พรแก่ญาติโยม เพื่อให้อยู่เย็นเป็น สุขตลอดไป นอกจากน้ี มีการก่อเจดีย์ทราย ที่วัด ซ่ึงประดับด้วยดอกไม้ และธงสีต่าง ๆ เน่ืองจาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เมื่อเราเข้าวัด เราเหยียบดินทรายออกจากวัด จึงจ้าเป็นจะต้องมีการขนทราย เข้าวัดเพื่อเป็นการน้ากลับไปไว้ที่วัดเหมือนเดิม บางชุมชนจะก่อเจดีย์ทราย (ภาษาอีสานเรียกว่าก่อ ประทาย) ในวันท่ี ๑๖ เมษายน โดยบางชุมชนจะก่อเป็นรูปจระเข้และรูปเต่าอย่างละ ตัว เพราะเช่ือ วา่ จะมอี ายุยืน ชว่ งหลงั จากวันสงกรานต์ บางชุมชนในจังหวัดต่างๆ เช่น อุบลราชธานี มหาสารคาม จะมีการ จัดกิจกรรมต่อเนื่อง คือ ประเพณีการรักษาบ้าน โดยมีความเช่ือว่า เมื่อขึ้นปีใหม่ไทย จะต้องท้า ประเพณีการรักษาบ้าน เพื่อเป็นการคุ้มครองปกปักษ์รักษาบ้านเรือน ให้ทุกคนในบ้านมีแต่ความสุข ปลอดภัย ประสบความส้าเร็จ ซึ่งได้มาปฏิบัติกันมาเป็นประจ้าทุกปีและสืบทอดกันมานาน เช่น ชุมชนคุ้มเครือวัลย์ จังหวัดมหาสารคาม ชาวบ้านทุกครัวเรือน จะจัดเตรียมอาหารถวายพระสงฆ์ ท่ี ศาลากลางบ้าน พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์ เมือ่ เสรจ็ พิธที างพุทธศาสนาแล้ว จะมีพิธีการบูชา ศาลปู่ ตา ซง่ึ เป็นที่เคารพของชาวบ้าน ผนู้ ้าในการท้าพิธีน้ีเรียกว่า พ่อจ้า ซ่ึงได้รับการคัดเลือกโดยการเข้าทรง ว่าใครจะได้เป็นผู้น้าในการท้าพิธีกรรมต่างๆตาม ที่ได้ปฏิบัติมาต้ังแต่ปู่ย่า ตายาย ชุมชนในจังหวัด อุบลราชธานี ประเพณีการรักษาบ้าน ก็มีพิธีกรรมท่ีคล้ายกัน แต่จะมีการเส่ียงทายโดยใช้ไก่ เพ่ือจะได้ ทราบว่าในปนี ี้จะชมุ ชนจะมคี วามอดุ มสมบูรณ์มากนอ้ ยเพยี งใด สา้ หรับ ชาวอ้าเภอเชียงคาน จังหวัดเลย นบั จากวันที่ ๑๓ เมษายน ไปอีก ๙ วัน ในเวลาประมาณ ๒๑ –๒๒ น. ทุกชุมชน มีการแห่ข้าวพันก้อน ร่วมกัน โดยแห่รอบๆไปตามถนน สายหลัก จากน้ันก็น้าข้าวพันก้อนไปบูชาพระพุทธ พระประธานใน อุโบสถจนครบทุกวัดในเขตเทศบาลตา้ บลเชียงคาน
๕๙ ประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีที่ได้อนุรักษ์และสืบสานมาถึงในปัจจุบัน โดยในช่วงเวลา ๓ วันจะมีพิธีกรรมต่างๆ เช่น การแห่พระพุทธรูป สรงน้าพระสงฆ์ การอุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษผู้ ล่วงลับ การสรงน้า ขอพรจากผู้สูงอายุ ก่อเจดีย์ทราย ซ่ึงเป็นแบบแผน เป็นกระบวนการ และเป็น แก่นของการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ มีการปฏิบัติตามรูปแบบเดิม เริ่มจากครอบครัว ซ่ึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันรวมญาติ จะต้องกลับมาบ้าน กลับมาหาครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อ สรา้ งความรกั ความสามัคคีในครอบครัว ท้าให้รักกันมากขึ้น ได้แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ มีพระคุณ การทา้ บงั สุกลุ ใหก้ ับบรรพบุรษุ ทลี่ ่วงลบั ไปแล้ว การท้าบุญตักบาตร สรงน้าพระ ท้าให้จิตใจ เบกิ บาน แตป่ จั จุบนั มกี ารเปลย่ี นแปลงจากเดิมท่ีเคยสรงน้าพระท่ีวัด ปัจจบุ ันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าท่ัวไป ก็จัดซุ้มพระพุทธรูปไว้เพ่ือให้คนมาใช้บริการได้รดน้า พระพทุ ธรปู และส่วนมากหนว่ ยงานราชการจะจัดกิจกรรมต่างๆพิธกี รรมต่างๆ ก่อนวันสงกรานต์ เช่น จัดในวันท่ี ๙ – ๑๑ เมษายน เพื่อใหข้ า้ ราชการและพนักงานในหน่วยงานไดก้ ลับภูมิล้าเนาของตนเอง เปน็ การสนับสนนุ การรกั ษาประเพณีสงกรานตไ์ ด้อีกทางหนง่ึ ภาคใต้ มีการแจ้งเก่ียวกับงานสงกรานต์ให้คนในชุมชนได้รับทราบในรูปของเพลงบอกหรือข่าวสาร จากหน่วยงานราชการ ชาวชุมชนจัดเตรียมท้าอาหารคาวหวานเพ่ือน้าไปท้าบุญ ถวายพระและ แบ่งปันต่อกัน หลังจากท้าบุญมีการสรงน้าพระพุทธสิหิงค์ หรือพระพุทธรูป และพระสงฆ์ เพ่ือให้เกิด ส่ิงดีงามในชีวิตและครอบครัว แล้วรดน้าขอพรผู้ใหญ่ เพ่ือแสดงถึงความกตัญญู และร่วมกิจกรรมที่ ชมุ ชนจัดขน้ึ เพือ่ ความสนกุ สนานรนื่ เรงิ ๒.๕ ภมู ิธรรม ภูมปิ ัญญา เอกลกั ษณ์ อัตลกั ษณ์ “สงกรานต์” เป็นประเพณีส้าคัญท่ียึดถือปฏิบัติสืบเน่ืองกันมาแต่โบราณเป็นวัฒนธรรม ประจ้าชาติที่งดงาม โดดเด่น และฝังลึกเข้าไปในชีวิตของคนไทยมาช้านานเป็นขนบธรรมเนียมที่มี ความงดงาม อ่อนโยน เอ้ืออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู การแสดงความเคารพ การให้เกยี รติโดยใช้นา้ ซ่ึงมีคณุ ปู การตอ่ การด้ารงชวี ิตของมนุษย์เป็นสัญลักษณ์ของความสะอาด ความ บริสทุ ธ์ิ และความเย็นสดช่ืนในจิตใจอันเป็นส่ือในการเช่ือมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ปัจจุบันจึงน่าจะ ช่วยกันรักษาคุณค่าทางใจ ความมีน้าใจ การมีสัมมาคารวะและกตัญญู การช่วยเหลือเก้ือกูลต่อ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการสร้างเสริมสายใยครอบครัว สังคม และประเทศชาติ (กรม สง่ เสริมวัฒนธรรม, ๒๕๕๔, หน้า ๑) ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีท่ีงดงาม สมเป็นมรดกอันล้าค่าของไทย เป็นวันแห่งความ เออื้ อาทรที่มีคณุ คา่ ตอ่ ครอบครัว ชมุ ชน สังคมและศาสนา ประเพณีสงกรานต์ที่มีความงดงามน้ี แสดง ถึงภูมิปัญญาอันละเอียดลึกซึ้งของบรรพบุรุษ และยังเป็นการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพ่ือสร้างความ อบอุ่นในครอบครวั การแสดงออกถึงความกตญั ญู อันเป็นเอกลักษณ์ที่ส้าคัญของคนไทยท่ีมีมาช้านาน นอกจากน้ียังช่วยสร้างความสมัครสมานสามัคคี ทั้งคนในครอบครัว สังคมและประเทศชาติอีกด้วย (อภนิ นั ท์ โปษยานนท์, ๒๕๔๔)
๖๐ ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีฉลองการขึ้นปีใหม่ของไทย ซ่ึงโดยทั่วไปจัดขึ้นระหว่างวันท่ี ๑๓-๑๕ เมษายน ตรงกับเดือนห้าตามจันทรคติ๑ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีประเพณี สงกรานต์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในกฎมณเฑียรบาล ซ่ึงสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯ ให้ ตราขึ้น กล่าวถึงการพระราชพิธีเผด็จศกและพระราชพิธีลดแจตร พระราชพิธีเผด็จศกเป็นพิธีการ เก่ียวกับการตัดจากปีเก่าขึ้นสู่ปีใหม่ ส่วนพระราชพิธีลดแจตรน้ัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ทรงสันนิษฐานว่าหมายถึงพระราชพิธีรดน้าเดือน ๕ (พระราชพิธี ๑๒ เดือน หน้า ๙๑ อ้างไว้ใน หนงั สือประเพณีสงกรานต์, กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๔๔) แสดงว่าประเพณีสงกรานต์ของหลวงมีมา ตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในสมัยก่อนไทยใช้จุลศักราช การขึ้นปีใหม่จึงเป็นการขึ้นจุลศักราช ใหม่ ในช่วงสงกรานต์มีกิจกรรมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณี คือผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา แสดงคารวะต่อพระรัตนตรัย ด้วยการสรงน้าพระพุทธรูป และไปท้าบุญท่ีวัด ผู้ท่ีนับถือศาสนาอ่ืนก็ อาจประกอบกิจกรรมตามประเพณีในศาสนาของตนเพ่ือให้จิตใจผ่องแผ้ว ใสสะอาด และในการแสดง ความกตัญญนู นั้ มีการท้าบญุ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว และแสดงคารวะต่อญาติผู้ใหญ่ และผูม้ ีพระคณุ ทีย่ ังมีชวี ิตอยูด่ ว้ ยการไปรดน้าขออโหสิกรรม ฝ่ายผู้ใหญ่ก็แสดงความปรารถนาดีความ เออ้ื อาทร ดว้ ยการให้อโหสิกรรมและให้พรแก่ลูกหลาน ญาติมิตร อาจเล่นสาดน้ากันพร้อมกับอวยพร ให้แก่กัน สงกรานต์จึงเป็นวาระที่สมาชิกในครอบครัวและสังคมได้ใกล้ชิด แสดงความปรารถนาดีต่อ กันและร่วมกันสนุกสนาน รวมท้ังกิจกรรมการละเล่นร่ืนเริงตามประเพณีท้องถิ่นนั้นๆ มีการสืบทอด กันมาอย่างยาวนาน มีความส้าคัญทางประวัติศาสตร์อันแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชนและความ หลากหลายทางวฒั นธรรม (อภินนั ท์ โปษยานนท์, อา้ งแลว้ ) ภาคเหนือ องค์ประกอบของวนั ปใี๋ หม่เมอื ง ๑. พระพุทธรูป จัดตั้งงดงามประดับด้วยดอกไม้ มีสลุงหรือขันน้าขม้ินส้มป่อยต้ังบริเวณลาน วดั เพื่อใช้เปน็ อปุ กรณ์สรงน้าพระ ๒. เจดยี ท์ ราย ประกอบด้วยทราย ๓. มตี งุ ปีใหม่ ตุงกระดาษมีลักษณะต่างๆ เช่น ตุงไส้หมูหรือช่อพญายอ ตุงเทวดา ตุงคน ตุง สิบสองราศี ช่อท้าทาน ตุงตัวเปึ้ง ไม้ที่นิยมน้าตุงไปติดมัด เช่นต้นข่า กิ่งไผ่ เป็นต้น ความเช่ือผูกพัน นา้ ไปปักเจดียท์ ราย ๔. ไม้ค้าต้นโพธิ์ ไม้ค้าสลี (อ่านว่า สะหลี เป็นภาษาล้านนาแปลว่า ต้นโพธิ์) ซึ่งจะเป็นง่าม อาจท้าจากไม้สัก ไม้ฉ้าฉาแกะสลักงดงาม จะมีกรวยดอกไม้ธูปเทียน กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้าทรายติด กับไม้งา่ มไปด้วย บางแห่งจะมีหมอนรองไวท้ ีบ่ รเิ วณงา่ มของไมด้ ว้ ย ๕. เครอ่ื งสกั การะล้านนา หมากส่มุ หมากเบง็ ตน้ ผึง้ ต้นเทียน ตน้ ดอก ๖. เคร่ืองดา้ หวั สิ่งทสี่ า้ คัญ คอื นา้ ขมิ้นส้มป่อยใส่พานใหญ่ พานเล็ก แล้วแต่ว่าจะไปด้าหัวใน แต่ละโอกาส บุคคลประกอบ ดอกค้าฝอย ดอกสารภี ฝักส้มป่อย ขม้ิน น้าอบ น้าหอม เสื้อผ้าที่เขา ชอบใส่ เช่น เสือ้ บา่ ห้อย ผา้ ขาวมา้ กางเกงสะดอ หม้อหอ้ ม ผ้าเช็ดตัว ของอื่นก็จะมีอาหารคาว หวาน ผลไมป้ ระจ้าฤดกู าล เชน่ มะปราง มะมว่ ง กระเทยี ม หอมแดง แตงกวา ดอกค้าฝอย ขา้ วตอก
๖๑ ๗. แกงขนุน ประกอบจากลกู ขนุนอ่อนต้มใส่เคร่ืองแกง ใสผ่ กั ชะอมไมใ่ ส่กะทิ ๘. สะตวงประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ เป็นลักษณะน้ากาบกล้วยมาท้าเป็นรูปสี่เหล่ียมกว้าง ประมาณ ๑ ศอก มีเชอื กรอ้ ยทง้ั สม่ี ุม เพ่อื นา้ ไปใส่ รปู ปน้ั ชา้ ง มา้ ววั ควาย หมา ไก่ สัตว์ต่างๆ ซึ่งน้า ดินเหนียวมาปั้น และของใช้ต่างๆ ซ่ึงท้ามาจากกาบกล้วย เช่น หวี รองเท้า กระจก มีด อาหารเช่น ของเปร้ียว ของหวาน ข้าวด้า ข้าวแดง อาหารคาวหวาน เนื้อหมู เนื้อไก่ น้า แล้วจุดเทียน ๑ เล่ม และมีจัดท้าช่อด้า ช่อแดงส้าหรับปักบนสะตวง ๔ มุม (จากการสัมภาษณ์นายอุ่นเรือน หลายแห่ง ท่ี อ้าเภอจุน จังหวดั พะเยา) ๙. เครือ่ งขอขมาที่ประกอบด้วย หัวอบุ๊ ทา้ จากใบตอง ผ้าห่ม ข้าวห่อไทยใหญ่ และกระเทียม การจดั ท้าห่อขา้ วไทยใหญย่ ้อนยคุ ท่ีมีกับขา้ วหลากหลายบรรจุอยู่ภายในใบตองตึงท่ีใช้เป็นวัสดุในการ ห่อ ท้งั จน้ิ ลุง ต้ามะหนุน ถัว่ ฟูค่ัว ไขค่ ่ัว จ้นิ ทอด รวมถึงน้าพริกตาแดง เคร่ืองกั่นตอท่ีวัดโดยน้าดอกไม้ ธูป เทียน น้าส้มป่อยผสมน้าอบน้าหอม ข้าวตอก (จากการสัมภาษณ์เทพินท์ พงษ์วดี จังหวัด แมฮ่ อ่ งสอน, ๒๕๕๗) ภาคกลาง เม่ือใกล้จะถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านโดยทั่วไปเฉพาะชาวไทยรามัญแต่ละครอบครัวต่างก็จะ ชว่ ยกันท้าความสะอาดบ้านเรือนของตนก่อนวันสงกรานต์ ๒ – ๓ วัน แต่ละบ้านก็ช่วยกันกวนขนมที่ เรียกว่า กาละแม บางบ้านก็ท้าขนมข้าวเหนียวแดง เพื่อจะ ได้น้าไปท้าบุญในวันสงกรานต์ และ แจกจา่ ยญาติมติ รสหายเพื่อไมตรจี ติ ซง่ึ กันและกัน บา้ นใดกะการหุงข้าวสงกรานต์หรือข้าวแช่ ก็จะเชิญสาวๆ ในหมู่บ้านมาช่วยกันหุงต้มอาหาร เพ่ือการท้าบุญ คือในเวลาเช้าสาวที่รับเชิญจะน้าอาหารและข้าวสงกรานต์นั้นไปส่งตามวัดต่างๆ เมื่อ ขากลับจะมีการพรมน้ารดกันเพื่อความสวัสดีศิริมงคล แต่เป็นการรดน้าอย่างมีวัฒนธรรมมิใช่สาด น้า เมือ่ สาวกลับถงึ บา้ นเจา้ บ้านท่จี ัด ท้าขา้ วสงกรานตก์ จ็ ะเลี้ยงดูสาวๆ และญาติมิตรสหายเป็นการรื่น เริงและไมตรจี ิตต่อกนั ตามหมู่บ้านชาวไทยรามัญ จะเห็นศาลเพียงตาปลูกเตรียมไว้ เจ้าบ้านจะน้าอาหารใส่กระทง ต้ังไว้บนศาลพร้อมด้วยข้าวแช่ เป็นการสักการะพระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ ตลอดจนส่ิง ศักด์ิสิทธิ์ทั้งปวงตามประเพณีการส่งข้าวสงกรานต์น้ัน จะท้าได้ ๓ วัน คือวันท่ี ๑๓ – ๑๔ – ๑๕ เมษายน นอกจากส่งข้าวสงกรานตแ์ ล้ว ตามวัดตา่ งๆ มีผู้ไปท้าบุญกันอย่างมากมาย ในเวลากลางคืนมี บ่อนสะบ้าตามหมู่บ้านเป็นที่สนกุ สนานย่งิ นักบางบ่อนมีถึง ๗ วัน ท้ังนี้ มิใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สิน อยา่ งใด เปน็ การละเล่นอยา่ งหนึง่ ตามพ้นื เมืองตามบ่อนสะบา้ มีผูช้ มมากมาย และแต่ละคนต่างก็รักษา มารยาทและวัฒนธรรม แต่ละบ่อนจะมีขนมกวันฮะกอ หรือ กาละแม เตรียมไว้ให้รับประทานด้วย และมกี ารรอ้ งเพลงทะแยมอญกล่อมบ่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายรามัญ (มอญ) ในวันทา้ ยของสงกรานตพ์ ระประแดง (ถดั จากวันที่ ๑๓ เมษายน อกี หน่ึงอาทติ ย)์ ทกุ หมู่บ้านจะรวมใจ กันจัดขบวนแห่นางสงกรานต์น้าขบวนนางสงกรานต์ ขบวนสาวรามัญ – หนุ่มลอยชาย จากหมู่บ้าน ต่างๆ เพื่อแห่นก – แห่ปลา ไปท้าพิธีปล่อยนก – ปล่อยปลา ณ พระอารามหลวงวัดโปรดเกศ เชษฐาราม ซึ่งถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ท้าให้อายุยืนยาว เมื่อเสร็จส้ินพิธีแล้วระหว่างเดินทางกลับ บ้านกจ็ ะมีหน่มุ ในหมบู่ ้านตา่ งๆ ออกมาเล่นสาดน้ากับสาวๆ ด้วยกิริยาท่าทีที่สุภาพรดแต่พองาม และ
๖๒ คุยกันตามประสาหนุ่มสาวตลอดทางที่เดินกลับบ้าน สงกรานต์พระประแดงจะมีกิจกรรมต่างๆ ใน เทศกาลดงั น้ี ๑. ประเพณีสง่ ข้าวสงกรานต์ การส่งข้าวสงกรานต์เป็นประเพณีท่ีคาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากต้านานสงกรานต์ เม่ือตอนที่ ท่านเศรษฐีน้าเครื่องสังเวยไปบวงสรวงเทวดาที่ต้นไทรเพ่ือขอบุตร ข้าวสงกรานต์นั้นเป็นการหุงข้าว แล้วแช่ลงในน้าดอกมะลิบรรจุลงในหม้อดิน ส่วนกับข้าวน้ันก็จะเป็นอาหารเค็ม เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ของหวาน ได้แก่ ถ่ัวด้าต้มน้าตาล กล้วยหักมุก แตงโม จัดวางใส่ถาดให้เท่ากับวัดที่ จะไป สาวๆ ในหมู่บ้านก็จะรับข้าวสงกรานต์ไปส่งตามวัดต่างๆ ขากลับ จะมีหนุ่มๆ มาคอยดักรดน้า และเกยี้ วพาราสีตามวสิ ยั หนมุ่ สาวทว่ั ๆ ไป ๒. ประเพณีสรงน้าพระ – รดน้าขอพรผ้ใู หญ่และเล่นน้าสงกรานต์ ในช่วงท้ายของสงกรานต์ชาวมอญในพระประแดง จะมีประเพณีสรงน้าพระพุทธรูป วัดท่ีมี พระพทุ ธรูปมากมายและสวยงามคือ วัดโปรดเกศเชษฐาราม ในตอนเย็นหนุ่มสาวก็จะพากันน้าน้าอบ ไปสรงน้าพระพทุ ธรูปรอบวดั เมอื่ เสร็จส้นิ จากการสรงน้าพระพุทธรปู แล้วหนุ่มสาวก็จะพากันน้าน้าอบ ไปรดน้าของพรผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เม่ือเสร็จส้ินแล้วระหว่างเดินทางกลับบ้านก็จะมีหนุ่ม ในหมู่บ้านต่างๆ ออกมาเล่นสาดน้ากับสาวๆ ด้วยกริยาท่าทีที่สุภาพ รดแต่พองามและคุยกันตาม ประสาหนุ่มสาวตลอดทางที่เดินกลบั บา้ น ๓. ประเพณแี ห่หงสธ์ งตะขาบ ในสมัยโบราณจะใช้ลานบ้าน ปักหลักหัวท้ายแล้วเอาธงตะขาบขึงไว้ท้าประร้าพิธีส้าหรับ อาราธนาพระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ตอนเย็น พอรุ่งเช้าชาวบ้านจะน้าอาหารขัน แกงโถ มาตัก บาตรท้าบุญเลี้ยงพระกัน ถือเป็นการปัดเสนียดจัญไรในหมู่บ้าน และด้วยอ้านาจบารมีแห่ธงตะขาบ จะเป็นการน้าความมีโชคชัย ความสุขสวัสดีมาสู่ทุกคนในหมู่บ้าน จากน้ันตกเวลาบ่ายพวกหนุ่มๆ สาวๆ ผู้เฒ่าผู้แก่จะออกมาช่วยกันถือธงตะขาบข้างละ ๘ คน ด้านหัวอีก ๑ คน (เป็นชาย) แห่เป็น กระบวนไปท่ีวัด เพื่อจะชักธงนี้ขึ้นสู่ยอดเสาหงส์ บางคนมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าถึงกับตัดผมของ ตัวเองผูกตดิ ไว้กบั ธงตะขาบ เพือ่ เป็นพุทธบูชาอีกด้วย เม่ือถงึ วันแห่หงส์ เจ้าภาพจะพับผ้าหางหงส์วางบนพานที่เตรียมไว้ แล้วน้าไปยังวัด เข้าไปใน โบสถ์กราบพระประธานของวัดแล้วท้าการแห่รอบอุโบสถ ๓ รอบ ในพิธีแห่จะมีกลองยาวตีน้าหน้า อย่างสนุกสนาน เมื่อครบแล้วก็น้าผ้าหางหงส์ไปยังเสาหงส์ ผูกรอกแล้วชักข้ึนไปยังยอดเสาจนถึงตัว หงส์ และให้ประชาชนท่มี าทกุ คนได้ชว่ ยกันชักเสาหงส์ขึน้ ต้งั ไว้ ๔. ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีแหน่ กแห่ปลา ประเพณีแห่นกแห่ปลา เกิดจากความเชื่อของชาวมอญท่ีว่าการปล่อยนก ปล่อยปลา เป็น การสะเดาะเคราะห์ให้แก่ตนเองท้าให้มีอายุยืนยาว และเป็นประเพณีหนึ่งในเทศกาลสงกรานต์ท่ีจัด พร้อมกับขบวนแห่นางสงกรานต์ในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์พระประแดง ซึ่งชาวมอญยึดถือ และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนเป็นประเพณีแห่นกแห่ปลาในท่ีสุด เทศบาลเมืองพระประแดงพิจารณาเห็น วา่ ประเพณแี หน่ กแห่ปลา เปน็ ประเพณีทด่ี งี ามสมควรอนุรกั ษ์ไว้ จึงได้รับเป็นผู้สืบสานประเพณีนี้ โดย จดั ให้มขี บวนแห่นกแหป่ ลา ในขบวนแห่นางสงกรานตท์ ุกปีสืบทอดมาจนถงึ ปัจจบุ ัน
๖๓ ๕. ประเพณแี ห่นางสงกรานต์ ในวันท้ายวันสงกรานต์จะมีขบวนแห่นกแห่ปลา แต่ละหมู่บ้านจะเชิญสาวเข้าร่วมขบวนแห่ โดยมอบให้ผู้ที่เป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนมาก น้าหมากพลูจีบใส่พานไปเชิญสาวตามหมู่บ้านต่างๆ แล้วแต่จะก้าหนดว่าหมู่บ้านใดจะเชิญสาวกี่คน ก็เตรียมหมากพลูไปเท่ากับจ้านวนสาวท่ีต้องการ สาวใดเม่ือได้รับหมากพลูไปแล้วเขาก็จะมาร่วมเข้าขบวน ส่วนการแต่งกายน้ันแล้วแต่จะสะดวก เม่ือสาวมาพร้อมกันแล้วผู้ที่มีหน้าท่ีคัดเลือกสาวงาม ก็พิจารณาดูว่าผู้ใดสวยที่สุดก็ให้เป็น นางสงกรานตใ์ นปีนัน้ ต่อมาภายหลงั ไดม้ อบใหผ้ มู้ หี นา้ ทค่ี ดั เลือกสาวได้มองหาสาวท่ีสวยๆ ไว้แต่เน่ินๆ ก่อน เมื่อใกล้วันสงกรานต์จะเชิญสาวที่หมายตาไว้นั้นให้เป็นนางสงกรานต์ส่วนคนอ่ืนๆ ก็ให้เป็นนาง ประจ้าปี หรือ นางฟา้ ตามล้าดบั ไป ซึง่ วธิ ีการนจี้ ะไดส้ าวงามซ่ึงเป็นชาวพระประแดงท่ีแท้จริง ต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้จัดให้มีการประกวดนางสงกรานต์ข้ึนเป็นครั้งแรก และได้ท้าการประกวดติดต่อกัน มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันน้ี ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๑ จึงจัดให้มีการประกวดหนุ่มลอยชายควบคู่กับ การประกวดนางสงกรานต์ ๖. การละเล่นพ้นื เมอื งการละเล่นสะบา้ (มอญ) (วอ่ น – ฮะ – นิ) ในช่วงเวลาวันสงกรานต์ทุกปี ตามหมู่บ้านจะมีการแสดงสะบ้า หรือการละเล่นสะบ้าของ หนุ่มสาว เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวไทยรามัญ การละเล่นสะบ้ามีประมาณ ๓๐ กว่าบท เป็น ลีลาการแสดงพืน้ เมือง การละเล่นสะบ้ามิใช่การเล่นพนันขันต่อแต่อย่างใด มีการเล่นในเวลากลางคืน บ่อนหนึ่งๆ จะมีสาวงามประจ้าบ่อนอย่างน้อย ๗ คู่ อย่างมาก ๑๐ คู่ บ่อนใช้ใต้ถุนเรือนหรือที่ว่าง พอท่ีจะตกแต่งเป็นบ่อนสะบ้าได้ บ่อนจะต้องทุบดินให้เรียบแต่งบ่อนด้วยกระดาษสีต่างๆ มีแสงสว่าง มากพอปัจจุบันได้ใช้ไฟฟ้า (สมัยก่อนเราใช้ไฟตะเกียงหรือไฟใต้) ลูกสะบ้านั้นกลึงเป็นลูกกลมแบน เรียบ ท้าด้วยเขาสัตว์ เช่น เขาวัว เขาควาย เงิน ทองเหลือง หรือไม้เน้ือแข็งก็ได้ การละเล่นสะบ้ามี หนุ่มฝ่ายหนึ่ง และสาวฝ่ายหนึ่งแสดงสลับกันไปตามลีลาของวิธีเล่นสะบ้าพื้นเมือง ซ่ึงมีประมาณ ๑๕ ถึง ๓๐ ท่า เชน่ ท่นิ เตงิ จั้งฮะยู อีมาย ยับ ตองเกม้ อะลอง เดิง เปน็ ต้น ๗. การละเลน่ พ้ืนเมืองทะแยมอญ การเล่นทะแยมอญ คล้ายเพลงฉ่อยหรือล้าตัดเป็นร้อยกรองชนิดหน่ึงคล้ายกับกลอนร่ายของ ไทยประเภทเพลง เนื้อร้องใช้ภาษามอญ เป็นบทไหว้ครู ชมนกชมไม้ เกี้ยวพาราสี ให้ศีลให้พรส้าหรับ ผู้ใหญ่ ฝ่ายชายใช้เพลงเจอ้ื กมว่ั ฝ่ายหญิงใชเ้ พลงโปด้ แซ่ เคร่อื งดนตรีประกอบการแสดงมี ๕ ชนิด คือ ซอสามสาย (มอญ) จะเข้ ขล่ยุ เปงิ บาง ฉิง่ การแต่งกายชดุ รามัญ (ชายชุดลอยชาย หญิงชุด มอญ) ทะแยมอญ ใช้ร้องในโอกาสอันเป็นมงคล เป็นการละเล่นพ้ืนเมืองของชาวไทยเช้ือสายรามัญ ท่อี าศยั อย่ใู นเมืองพระประแดง(ชาวปากลดั ) การเลน่ ทะแยมอญกล่อมบ่อนสะบ้าในเทศกาลสงกรานต์ เป็นการร้องโต้ตอบกันในเชิงเก้ียวพาราสีระหว่างฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง โดยมีการร้าประกอบการ เคล่ือนไหว ของผรู้ า้ เนน้ หนกั ทมี่ อื และในวนั ทา้ ยวันสงกรานต์ก็จะมีการแสดงทะแยมอญร่วมในขบวน แหน่ กแหป่ ลาเปน็ ประจ้าทุกปี ซ่งึ ปัจจบุ ันได้เลือนหายไปเป็นท่นี ่าเสียดายยิ่ง ๘. ประเพณกี ารกวนกาละแม (กวันฮะกอ) เม่อื ถึงเทศกาลประเพณสี งกรานตข์ องชาวมอญปากลดั ชาวมอญจะทา้ ความสะอาดบ้านเรือน แต่เนิ่นๆ และท้าขนมที่มอญเรียกว่า กวันฮะกอ แปลเป็นภาษาไทยว่า ขนมกวน ประกอบด้วย ข้าวเหนียว น้าตาลมะพร้าว กะทิ กวนให้เข้ากันจนเหนียว คนไทยเรียกว่า กาละแม คนมอญ
๖๔ ก็เรียก กาละแม ด้วย เมื่อถึงวันสงกรานต์คนมอญจะน้าอาหารไปท้าบุญที่วัด ตอนเย็นจะพากันไป รดน้าขอพรจากผู้ใหญ่และผู้ท่ีเคารพนับถือ บรรดาสาวๆ ตามหมู่บ้านจะน้าขนมกาละแมไปส่งตาม ญาติหรือผู้ที่เคารพนับถือในต่างต้าบล และชอบที่จะไปส่งไกลบ้านตน (ซึ่งความจริงทุกบ้านก็กวน กาละแมถอื ว่าเปน็ โอกาสได้เย่ียมเยยี นพบปะกนั ) ตอนเยน็ จะพากันไปสรงน้าพระที่วัดโปรดเกศเชษฐา ราม หนุ่มๆ ท่ีคอยสาวๆ อยู่จะพากันรดน้าสาวๆ เป็นท่ีสนุกสนานเป็นโอกาสท่ีหนุ่มสาวจะพบกัน ได้ ในงานส้าคัญน้ี พอตกกลางคนื จะมีการเลน่ สะบา้ ตามประเพณีตามหมู่บ้านของตนและการเล่นสะบ้านี้ จะมีขนมกวันฮะกอ เตรยี มไว้ใหร้ ับประทานดว้ ยปัจจบุ นั น้ี ประเพณียังคงมอี ยตู่ ามหมู่บ้านต่างๆ ๑๐. ประเพณีค้าต้นโพธ์ิ โดยยึดว่าปีนี้วันเนา (วันที่ ๑๔ เมษายน) คือตรงวันอะไรก็จะท้าใน วันนั้น เช่นปีนี้วันเนาตรงกับวันจันทร์ คนท่ีเกิดวันจันทร์ก็จะเอาไม้กะถินทาขม้ินไปค้าที่ต้นโพธิ์ พิธีน้ี จะคลา้ ยทางภาคเหนอื โดยเช่อื ว่าจะตอ่ อายุ ๑๑. ประเพณีรา้ เจ้าพ่อเจ้าแม่ พื้นฐานคนมอญมีความเช่ือเร่ืองผี บรรพบุรุษ ผีเจ้าพ่อเจ้าแม่ก็จะเป็นผีประจ้าหมู่บ้าน เช่น บ้านแซก่ จ็ ะมเี จา้ พอ่ หนมุ่ ฯลฯ จะรา้ ช่วงก่อนสงกรานต์หรือหลังสงกรานต์ ร้าเพ่ือเสี่ยงทายแต่ละปีว่า จะเปน็ ยงั ไง และเป็นการบชู าดว้ ย ๑๒. ประเพณีเล้ยี งผี ทุกบ้านก็จะมีผีท่ีนับถือ เช่น ผีเตา ผีข้าวเหนียว ผีมะพร้าว ผีงู ผีข้าวหลาม ฯลฯ ซ่ึงแต่ละ บ้านก็จะมีความเชื่อแตกต่างกันไป เช่นท่ีบ้าน นับถือผีมะพร้าว ช่วงสงกรานต์ก็จะท้าการเปลี่ยนลูก มะพร้าวทเ่ี คยแขวนนบั ถอื ไวท้ ีเ่ สาเอกของบ้าน และคอยดแู ลไมใ่ หล้ กู มะพร้าวแก่ ตกลงพ้ีน หรือเชือก ขาด เพราะผจี ะโกรธและจะเกดิ อาเพศ ภาคอสี าน องค์ประกอบทจี่ ับต้องได้ ๑. พระพุทธรูป พระสงฆ์ ผ้สู งู อายุ ประชาชนทมี่ ารว่ มงานประเพณี ฯลฯ ๒. อุปกรณ์ต่างๆท่ีใช้ในการท้ากิจกรรม สรงน้า เช่น ขันน้า ถัง ฮางฮด (รางรดไว้ใช้สรงน้า พระในบางชุมชน ซ่งึ จะแขวนเกบ็ ไว้บนคานเมอ่ื ใชง้ านเสรจ็ ) ฯลฯ ๓. ดอกไม้ น้า ขมนิ้ เครื่องหอม ฯลฯ องค์ประกอบที่จับต้องไม่ได้ ซ่ึงเกี่ยวข้องกับการถือปฏิบัติหรือสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทาง วฒั นธรรมของประเพณสี งกรานต์ในภาคอีสาน ผลการศกึ ษาพบว่า ประเพณีสงกรานต์ มีความส้าคัญในด้านความเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ชุมชนสามารถสืบ ทอดมาได้จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นประเพณีที่มีคุณค่าทางจิตใจ ที่ทุกคนได้มาร่วมกันท้าบุญ ท้าให้เกิด ความยืดเหนี่ยวทางจิตใจ เป็นการรวมตัวของคนในครอบครัวและคนในชุมชนเพื่อมาท้ากิจกรรม ร่วมกัน เกิดความสามัคคี เป็นการสร้างสายใยความผูกพันของคนในครอบครัว และเป็นการรักษา ประเพณขี องไทย บรรพบุรุษได้สร้างหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ซึ่งผสมผสานระหว่างความเชื่อและเหตุผล ท่ีอธิบายได้ หลอมรวมมาเป็นประเพณีสงกรานต์ อาทิ การไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว การอุทิศ ส่วนกุศลใหก้ ับผลู้ ว่ งลับ พระสงฆ์ เทศนาสั่งสอนเร่อื งศลี ธรรม ความดงี าม
๖๕ ประเพณีสงกรานต์ มีความส้าคัญอันแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของชุมชน และเป็นแบบอย่าง ของภมู ปิ ัญญาบรรพบุรุษท่ไี ด้ร่วมกันสร้างใหก้ ับชุมชนบนพน้ื ฐานของความร่วมมือร่วมใจ ช่วยเหลือซ่ึง กันและกัน สร้างกิจกรรมให้ได้อยู่ร่วมกัน ให้ได้มีโอกาสได้ร่วมท้าบุญกุศลร่วมกัน สร้างความ สนุกสนาน และช่วยเหลือกัน มีการละเล่นที่ท้าให้เกิดความสนุกสนาน เป็นการผ่อนคลายจากการ ท้างาน มคี วามเชอื่ วา่ หากผู้ใดท้างานอื่นใดในช่วงนี้ จะถือว่าผิดประเพณี จะท้าให้ไม่เจริญก้าวหน้า ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่ทวคี วามงอกงามขึน้ ทางด้านจิตใจที่ยึดถือร่วมกันในสังคม เป็นความเช่ือในพิธีกรรม ต่างๆในการทา้ บุญตามประเพณี เป็นการยืดเหนี่ยวจติ ใจของคนในครอบครัวและในชุมชน/สังคม และ ชาวบ้านทุกชมุ ชนกย็ งั คงสบื ทอดประเพณีน้ีตอ่ ไป ภาคใต้ จงั หวดั นครศรธี รรมราชมพี ระพุทธสหิ ิงค์ พระพุทธรปู คูบ่ า้ นคเู่ มอื งท่ีประชาชนศรัทธาเล่ือมใส ภาคภูมิใจโดยมีประวัติความเป็นมาท่ียาวนานมีพื้นท่ีสนามหน้าเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางจัดกิจกรรม ส้าคัญของจังหวัดเพ่ือใชส้ ้าหรับประดษิ ฐานพระพุทธสิหิงค์ให้ชาวนครศรีธรรมราชหรือผู้เลื่อมใสมารด น้าขอพรเพ่ือความเป็นสริ มิ งคลแกช่ วี ติ นอกจากนี้ ยังมีหอพระศิวะ หอพระอิศวรท่ีสถิตของไม้กระดานท้ัง ๓ แผ่น รวมทั้งเสาชิงช้า สา้ หรบั พิธโี ลช้ ิงช้า ในประเพณีแห่นางดาน ภาคใต้มีประวัติศาสตร์การต้ังถิ่นฐานท่ียาวนานกว่าภาคอื่นๆ โดยมีชาวอินเดียน้าเอา วัฒนธรรมประเพณีตา่ งๆ เข้ามา รวมทัง้ ประเพณสี งกรานต์ ท้าให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางที่ได้รับอิทธิพล จากศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เกิดการผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธท่ีมีอยู่แต่เดิมกับพราหมณ์ แล้วมี การสืบทอดปฏิบัติจากชาติหนึ่งสู่อีกชาติหน่ึงจากการแต่งงานกันระหว่างคนสองชนชาติพันธ์ุ ท้าให้ ประเพณเี หลา่ น้คี งอยู่ และคนไทยกย็ ึดถอื น้ามาปฏิบัติสืบทอดกันมาตราบทุกวันน้ี ประเพณีสงกรานต์ จงึ เปน็ การแสดงถงึ อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ พุทธและพราหมณ์ ชาวใต้มคี วามเช่อื วา่ วันสงกรานต์เปน็ วันข้นึ ปใี หม่ของไทย ประกอบกบั มีความเส่ือมใสในพุทธ ศาสนาจึงให้ความสา้ คญั แกก่ ารท้าบญุ ตกั บาตรในวันสงกรานต์สรงนา้ พระ ปลอ่ ยนกปล่อยปลา เพ่ือให้ ชวี ิตมคี วามสุขตลอดปีใหม่ ชาวใต้ให้ความเคารพผใู้ หญ่และรกั พวกพ้อง เห็นได้จากการกลับมาพบปะกันในหมู่เครือญาติ ไต่ถามทุกข์สุขและท้ากิจกรรมร่วมกัน ได้แก่ การอาบน้าคนแก่หรือรดน้าผู้ใหญ่ เพ่ือแสดงถึงการ ควบคุมคนในสังคมให้วางตนให้เหมาะสมตามฐานะของตน คือ เม่ือเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ท่ีดี ให้ คนเคารพนับถือ ส่วนผู้น้อยก็ต้องแสดงความเคารพและกตัญญูต่อผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ เป็นการ แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ อันได้แก่ คนแก่ในตระกูล บิดา มารดา ตลอดจนผู้ท่ีตน เคารพนับถือ เพื่อพบปะกันระหว่างญาติพี่น้อง ซ่ึงก่อให้เกิดความผูกพันกันในเครือญาติ สร้างความ สนิทสนมกลมเกลียวรักใคร่กันในตระกูลมากยิ่งข้ึน สร้างความอบอุ่นปลาบปลื้มใจให้กับคนแก่ของ ตระกูล ท่ไี ดเ้ หน็ ความเป็นปึกแผน่ ของลูกหลาน และ ท้าใหบ้ ตุ รหลานเกิดความสุข อ่ิมเอิบใจ ท่ีท้าบุญ ตามประเพณีอาบนา้ คนแก่ การจัดกจิ กรรมในวันสงกรานต์ เช่น การเล่นเพลงบอก การเล่นลากต้อ ร้า วง แสดงใหเ้ หน็ วา่ ชาวใต้นิยมความรื่นเรงิ สนุกสนาน
๖๖ ๒.๖ ความเชือ่ ความเชื่อเก่ียวกับประเพณีสงกรานต์ในแต่ละชุมชน ท้องถ่ินและภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย มคี วามแตกต่างกนั ไปบ้างในรายละเอยี ด การศกึ ษานพี้ บว่า ภาคเหนอื ท่ีมาประเพณีป๋ีใหม่เมือง ไม่สามารถอนุมานได้ว่า เกิดประเพณีป๋ีใหม่เมืองในเมืองไทยขณะ เวลาใด แต่หลักวิชาการสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดพร้อมๆ กับพระพุทธศาสนาท่ีเข้าสู่ล้านนาไทย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ คือ ปี พ.ศ. ๑๒๐๐ ตัวเลขอ้างจากพระนางจามเทวี เจ้าเมืองละโว้ที่มา ครองนครหริภุญชัยในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เช่ือว่าพระพุทธศาสนามาพร้อมกับพระนางจามเทวี ประเพณีนี้เร่ิมเก่ียวข้องกับพระพุทธศาสนา การค้านวณการเคล่ือนย้ายของดวงดาวต่างๆ และการ ค้านวณจักรราศีตามมาด้วย เป็นตัวแปรส้าคัญในวิถีชีวิตของคน ประเพณีป๋ีใหม่เมือง (สงกรานต์) ค้านวณโดยอาทิตย์ หรือ สุริยยาตร์ เอาอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ถ้าดาวอาทิตย์เคลื่อนย้ายออกจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ ตรงกับวันใดจะก้าหนดให้เป็นวันมหาสงกรานต์ ทางล้านนาเรียกว่า วันสังขานต์ล่อง จากน้ันดาวอาทิตย์จะเคลื่อนย้ายต่อไปอีก ๑ วัน ทางล้านนา เรียกว่า วันเนาว์ หรือวันเน่า แล้วดาว อาทิตย์เคลื่อนไปจนถึงวันท่ีดาวอาทิตย์ไปสถิตย์อยู่ในทิพยวิมาน ใจกลางราศีเมษ ก้าหนดให้วันนั้น เป็น วันเถลงิ ศก ทางล้านนาเรยี กว่า วนั พญาวัน แต่ก็มีความแตกแยกในเชิงกว้าง ภาคกลาง หรือภาค อ่ืนๆ ที่เรียกว่า สงกรานต์ แต่ทางล้านนาเรียกว่า ปี๋ใหม่เมือง วัน เวลาก็คงใกล้เคียงกัน จะเรียกชื่อ ต่างกัน ที่มาที่ไปท่ียึดถือมีความเหมือนและแตกต่างกันเล็กน้อย เหมือนตรงที่เอาต้านานที่เกี่ยวข้อง ทางพระพทุ ธศาสนามาเช่อื มโยง มีเร่ืองเล่าวา่ มคี รอบครวั หนง่ึ เป็นครอบครัวเศรษฐี ร่้ารวย แต่เศรษฐี ไม่มีลูก มีครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ยากจน ผัวก็กินเหล้า เมาย้าเป มีลูก ๒ คน เวลาคนยากจนเมาเหลา้ กไ็ ปพูดกบั เศรษฐวี ่า มีเงินเยอะจรงิ แต่เสียดายไมม่ ลี ูก ถามว่า ตายไป ของที่มี ใครจะไปสบื ผมไมม่ อี ะไรเลย ผมกนิ เหลา้ ทุกวนั แต่ผมมีลูก ผมตายไป ชือ่ – สกุลก็ยังอยู่ เศรษฐีได้ฟัง ก็คิด จริงอย่างท่ีคนข้ีเหล้าพูด ก็เลยอยากจะมีลูกบ้าง ไปขอกับพระอินทร์ เทวดา ว่า ขอมีลูกซักคน เถอะ การอ้อนวอนทา้ ให้พระอินทร์ดลบนั ดาลใหม้ ลี ูกผชู้ าย ๑ คน ตั้งชื่อว่า ธรรมบาล ด้วยความมีเงิน ก็ส่งลูกไปเรียนสรรพวิชาจนเก่งกล้า สามารถพูดภาษานกได้ อยู่มาวันหนึ่ง มีท้าวกบิลพรหมซ่ึงมีลูก สาวอยู่ ๗ คน ได้ทราบว่า ลูกเศรษฐีคนน้ีเก่ง จึงอยากลงไปถามปัญหา เพื่อทดสอบว่าเก่งแค่ไหน อย่างไร ปัญหามี ๓ ข้อ ว่า “ตอนเช้า ตอนกลางวัน และตอนเย็นราศีอยู่ตรงไหน” ให้เวลา ๗ วัน ถ้า ตอบไม่ได้จะตัดคอธรรมบาล แต่ถ้าตอบได้ท้าวกบิลพรหมจะให้ตัดคอตนเอง ถึงวันท่ี ๖ ก็ยังไม่ได้ ค้าตอบ พอวนั ท่ี ๗ ไปอยู่ใตต้ น้ ไทร เผอญิ มนี กสองตวั คยุ กัน ว่า พรุ่งน้ีเราจะไปหากินอะไรกันดี นกตัว ผู้ตอบว่า ไม่มีอะไรไปกินเนื้อคนหน่อย เพราะธรรมบาลจะถูกท้าวกบิลพรหมตัดหัว ได้กินเนื้อมัน สบาย นกอีกตัวถามว่า อ้าว ท้าไมต้องถูกตัดหัว นกตัวผู้ตอบว่า ท้าวกบิลพรหมถามปัญหาแล้วธรรม บาลตอบไม่ได้นะสิ แล้วค้าถามถามวา่ อย่างไรละ ค้าถามว่า ตอนเช้า กลางวัน เย็น ราศีอยู่ท่ีไหน แล้ว ค้าตอบเป็นอย่างไรละ นกตัวผู้ตอบว่า ก็ไม่ยาก ตอนเช้าราศีก็อยู่ที่หน้า เพราะคนต้องล้างหน้า กลางวันก็อยู่ท่ีหน้าอก ตอนเย็นก็อยู่ที่เท้าเพราะคนเข้านอนต้องล้างเท้า แค่น้ีเอง ดังน้ัน การท่ีธรรม บาลรู้ภาษานกก็เลยรู้ค้าตอบ พอครบก้าหนดจึงน้าค้าตอบน้ีไปตอบท้าวกบิลพรหม ปรากฏว่า ท้าว
๖๗ กบิลพรหมก็ยอมแพ้ กต็ ามสจั จะท่ตี ัวเองมอี ยู่ กเ็ รยี กลูกสาวตัวเองมา แล้วบอกกับลูกสาวว่า พรุ่งนี้พ่อ จะตดั หัวตัวเอง เพราะแพ้ปัญหาน้ี แต่มีข้อแม้ว่า ลูกเอาพานมารับหัวพ่อหน่อย เพราะหัวพ่อถ้าตกใส่ ดิน แผ่นดินก็จะไหม้หมด ตกใส่น้า น้าก็จะแห้ง โยนไปในอากาศ ก็จะแห้งแล้งฝนไม่ตก ลูกสาวก็เอา พานมารองรับ ตามต้านานมี ๒ ต้านานที่วา่ ตา้ นานของภาคกลางแห่เศียรท้าวกบิลพรหมรอบเขาพระ สุเมร ต้านานภาคเหนือแห่เศียรท้าวกบิลพรหมไปเขาไกรลาศ และน้าเอาเศียรนั้นเก็บไว้ในถ้า ต่อมา เป็นต้านานเรื่องนางสงกรานต์ ท่ีตรงกับวันในแต่ละปี ถ้าวันสังขารล่องตรงกับวันอาทิตย์ ลูกสาวคน แรกก็จะเป็นผู้อัญเชิญ นางสงกรานต์วันอาทิตย์ชื่อทุงษเทวี นางสงกรานต์ก็จะมีช่ือตามวันๆ น้ัน ลา้ ดับไปในแตล่ ะปที ้งั ๗ วนั ผลจากต้านานดังกล่าวขา้ งต้นจึงเกิดความเช่ือเกี่ยวกับประเพณีป๋ีใหม่เมืองท่ีถือปฏิบัติกันมา อยา่ งยาวนาน ดงั น้ี ๑. การปฏิบัติในการเริ่มประเพณีป๋ีใหม่เมือง โดยธรรมเนียมปฏิบัติเทศบาลนครเชียงใหม่ก็ ยึดโยงกับต้านานความเช่ือน้ี ทางเทศบาลฯ จะจัดต้ังพานรับเศียรของท้าวกบิลพรหมอยู่ในห้องใหญ่ ของเทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อถึงประเพณีสงกรานต์จะจัดพิธีอัญเชิญและบวงสรวงเศียรท้าวกบิล พรหม องค์มหาสงกรานต์ และแห่เศียรท้าวกบิลพรหม ให้ประชาชนสรงน้าโดยปกติจะจัดก่อนวันที่ ๑๓ เมษายน เม่ือแหร่ อบแล้วก็จะน้ามาเก็บรกั ษาไว้ท่ีห้องโถงของเทศบาลนครเชียงใหม่ตอ่ ไป ๒. วันท่ี ๑ มีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ร่วมกับขบวนแห่พระพุทธรูปส้าคัญของจังหวัด เชยี งใหม่ ในขบวนกจ็ ะมีนางสงกรานต์ร่วมไปด้วยทุกปี เป็นการน้าเอาของภาคกลางมาผสมผสานไม่ ต่างกนั ทางล้านนากเ็ ลา่ เรือ่ งตา้ นานน้ีเช่นกนั ทีน้ีปี๋ใหม่เมืองจะมีลักษณะที่นอกเหนือจากต้านานนี้อีก อย่างหนึ่ง ในทางล้านนาไม่ค่อยยึดโยงกับนางสงกรานต์เท่าไหร่ จะสืบทอดท่ีมาเท่านั้น แต่ความเชื่อ จะยึดถอื พธิ ีกรรม ๓. วันสังขานต์ล่องคนโบราณ ชาวล้านนาในความเช่ือเรื่องปู่สังขานต์ ย่าสังขานต์ มีกุศโล บายไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ อนุมานตัวเอง ยึดสังขาร คือ ร่างกายคนเรานี้แหละ มีต้านานกล่าวถึงปู่สัง ขานต์ ย่าสังขานต์ ถ่อแพไหลไปตามแม่น้า น้าเสนียดจัญไรล่องไปกับแม่น้าเปรียบสังขานต์ผ่านไป เร่ืองน้ีมีเล่าไว้หลายต้านาน ทางเชียงรายบางก็เช่ือว่ามีคนเฒ่า ๒ คน สะพายย่ามแดงมาทางเหนือ ล่องไปทางใต้ เพ่ือรอรับเสนียดจัญไรไปขว้างท้ิง ผู้คนก็จะเอาอิฐเอาหินมาขว้าง เอาประทัดไล่ หมาก็ จะเห่าไม่ให้อยู่ในบ้าน ให้ไล่สังขานต์ล่องไปโดยเร็ว ทางอ้าเภอแม่แจ่ม ก็มีอีกรูปแบบคล้ายๆ กัน เพราะฉะน้ัน การไล่ปูส่ ังขานต์ ย่าสงั ขานต์ทเี่ ช่อื ว่าเป็นการน้าพาส่ิงไม่ดีเป็นอัปมงคลมาด้วย ผู้คนต้อง ชว่ ยกนั ขบั ไล่ดว้ ยเสียงดงั ของประทดั เพ่ือขับไล่เสนียด จัญไร ไหลล่องไปกับปู่สังขานต์ ย่าสังขานต์ ซึ่ง เป็นผู้พาส่ิงท่ีไม่ดี ไม่งามในชีวิตไปท้ิงท่ีมหาสมุทร เริ่มหลังเท่ียงคืนไปถึงตอนเช้าในวันสังขารล่อง มัก ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน ทุกบ้านในล้านนาไทยก็จะท้าให้เกิดเสียงดังเท่าที่ท้าได้ ไม่ว่าจะมีเสียงปืน เสียงประทัด เคาะกะลา และทุกครัวเรือนก็จะท้าความสะอาดบ้านเรือนให้ส่ิงไม่ดีหมดสิ้นไปพร้อมๆ กับสังขานต์ท่ีล่องไป คนล้านนาเลยแปลว่า ไล่เสนียดจัญไรให้ไปกับปีเก่า กิจกรรมความเชื่อน้ีมีมาแต่ ด้ังเดมิ แต่ปัจจบุ ันไมค่ อ่ ยพบเหน็ เป็นรูปธรรมแล้ว ๔. วนั ที่ ๒ วนั เนา ความเชื่อคนล้านนาจะไม่ท้าในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล ไม่พูดค้าหยาบคาย ไม่ด่า ทอ ทะเลาะววิ าท ไมก่ ระทา้ ผดิ ศลี ธรรม เช่อื ว่า ใครพูดไม่ดี จะปากเหม็นเป็นอัปมงคลตลอดทงั้ ปี
๖๘ การสะเดาะเคราะห์ซึ่งเป็นความเช่ือว่า เพื่อขับไล่ส่ิงไม่ดีออกจากตัว ก่อนท้าพิธีจะมีการไปดู ตา้ ราตามราศเี กดิ เพอื่ จดั เตรยี มอปุ กรณ์ในการประกอบพิธีตามราศีเกิด เป็นการสะสางและปัดเป่าสิ่ง ไม่ดีเพื่อต้ังต้นวันใหม่ชีวิตใหม่ (จากการสัมภาษณ์พ่ออุ่นเรือน หลายแห่ง ท่ีอ้าเภอจุน จังหวัดพะเยา ยังคงประกอบพิธีนอ้ี ยู่) ๕. วันที่ ๓ วนั พญาวนั ความเช่อื ที่เกิดแนวทางการปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ทานขนั ข้าว คือ น้าเอาอาหารหวานคาว ผลไม้ต่างๆ ไปท้าบุญท่ีวัดในตอนเช้า อุทิศส่วนกุศล ให้ผู้มีบุญคุณ พ่อ แม่ พ่ี น้อง ญาติท่ีล่วงลับจากไป ท้าบุญให้ตัวเอง ท้าบุญอุทิศไปหาพ่อเกิดแม่เกิด เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่เจ้าทาง บางแห่งไปทานขันข้าวคนเฒ่าคนแก่ ผู้คนท่ีถวายขันข้าวนอกจากจะ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้วยังเพื่อปกป้องรักษาให้ทุกคนอยู่ดีมีความสุข และถือเป็นสุมาคารวะ ในชว่ งป๋ีใหม่เมอื ง ขนทรายเข้าวัด เป็นความเชื่อในเร่ืองชดเชยให้แก่ธรณีสงฆ์ ชดเชยที่น้าเม็ดทรายติดตัว ออกไป อีกประการคลา้ ยการกอ่ ทรายใหเ้ ป็นเจดยี เ์ ปรียบเหมือนพุทธบูชา จะท้าไปพร้อมกับการน้าตุง ไปปกั ทีเ่ จดีย์ทราย การทานตุง น้าช่อตุงไปปักพระเจดีย์ทราย หรือกองทรายบริเวณลานวัด การทาน ตุงเชื่อว่ามีอานิสงส์สามารถช่วยผู้ตายที่บาปหนักถึงนรกพ้นจากขุมนรกได้โดยหางตุง หรือชายตุงจะ กวัดแกว่งไปถึงยมโลกให้ผทู้ ีต่ กนรกนน้ั เกาะชายตุงขึน้ สวรรค์ ไม้ค้าสะหลี (ค้าต้นโพธ์ิ) ไปที่วัด เช่ือว่า เป็นการค้าจุนศาสนา ให้ยืนยาว และเป็นการสืบ ชะตา คา้ อายุตัวเอง ครอบครวั การสุมาคารวะ รดน้าด้าหัว เป็นสิ่งท่ีผู้น้อยจะแสดงออกต่อผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ผู้มีพระคุณ ผู้มี บุญคุณ ผู้บังคับบัญชา ตลอดจนพระเถรานุเถระ เพ่ือขออโหสิกรรมท่ีอาจได้กระท้าผิดต่อกันในปีท่ี ผ่านมาเป็นการขอขมาลาโทษ พร้อมท้ังได้ขอพรปีใหม่ คนล้านนาได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจน เปน็ ประเพณสี า้ คัญยง่ิ และตามประเพณีเดิมจะไปขอสุมากันหลังจากท่ีได้ไปท้าบุญท่ีวัดในวันพญาวัน สืบตอ่ เนอื่ งไปจนถึงส้นิ เดือนเมษายน ๔. วันปากปี เป็นวันเร่ิมต้นปีใหม่ การรับประทานแกงขนุนกันทุกครอบครัวก็เช่ือว่า จะหนุน ชวี ติ ใหเ้ จริญกา้ วหนา้ นยิ มสืบชะตา บูชาเทียนสะเดาะเคราะหร์ บั โชค ส่งเคราะห์บ้านเป็นความเชื่อใน การทา้ พิธีท้าบุญเสาใจบา้ น ท้าบุญหมู่บา้ นเปน็ สิรมิ งคลเชื่อว่าจะค้มุ ครองไปตลอดทงั้ ปี สา้ หรบั ชาวไต จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน คา้ วา่ “กนั่ ตอ” เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่า ขอขมานิยมท้า สองครั้งในแตล่ ะปีคือ หลงั สงกรานต์และออกพรรษา การกั่นตอที่ว่าน้ีจะก่ันตอต่อพ่อแม่ก่อน แล้วไป กั่นตอพระสงฆ์ เช่ือว่าคุณพ่อคุณแม่ท่ีบ้านเราน่ีแหละเป็นพระอรหันต์ท่ีแท้จริง จักต้องกราบไหว้ก่อน ใครจึงเอาข้าวตอกดอกไม้ ธูป เทียนใส่พานยกขึ้นทูนเหนือศีรษะ กล่าวขมาก่ันตอคุณพ่อคุณแม่ แล้ว ยื่นพานข้าวตอกดอกไม้ให้บุพการีท้ังสองรับพานน้ันไป คุณพ่อคุณแม่ก็ให้พรสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ คนไตจึงยึดถือปฏิบัติมานับแต่น้ันชาวไทใหญ่จะได้สรงน้า พระพุทธเจ้ารูปตามวัดอารามหรือบ้านเรือนของตน บางวัดอาจสร้างสถานท่ีสรงน้าพระขึ้นมาเฉพาะ และชาวไตจะมีการนา้ น้าไปท้าความสะอาด ช่วยกนั ท้าความสะอาดตามบรเิ วณรอบวัด
๖๙ ภาคกลาง วนั สงกรานต์ ถอื วา่ เปน็ เวลาท่ีคนมอญจะต้องแสดงความกตัญญต่อบรรพบุรุษผู้มีพระคุณ ถือ เป็นวันรวมญาติ เป็นการกลับมาของคนมอญ เป็นวันท้าบุญ เป็นการบูชาบรรพบุรุษและภูติผีท่ี ปกปอ้ งค้มุ ครอง การทาบุญ ในช่วงวันสงกรานต์นี้มีความเช่ือสืบต่อกันมาว่า เป็นการท้าบุญท่ีมีกุศลแรง ท่สี ดุ เพราะคนทลี่ ว่ งลับไปแลว้ ไมว่ ่าจะตกอยใู่ นนรกขุมใด ก็ตาม จะไดร้ ับโอกาสข้นึ มารับส่วนกุศลผล บุญท่ีญาติได้อุทิศไปให้อย่างท่ัวถึง ดังน้ันจึงถือเป็นการท้าบุญครั้งส้าคัญของชาวมอญ เพราะถ้า ลูกหลานได้ท้าบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดีแล้วนั้นบรรพบุรุษก็จะอ้านวยพรให้ประสบแต่ความสุขคว าม เจริญ แต่หากลกู หลานท้าบญุ ให้ไมด่ ี หรือบ้านใดขาดไมไ่ ดท้ า้ กจ็ ะถอื วา่ กระท้าผิดต่อบรรพบรุ ุษ ประเพณีปล่อยนก – ปล่อยปลา ณ พระอารามหลวงวัดโปรดเกศเชษฐาราม ซึ่งถือเป็นการ สะเดาะเคราะห์ทา้ ให้อายยุ นื ยาว หงส์ เป็นสัญลักษณ์ของชาวรามัญ (ชาวมอญ) ซ่ึงมีต้านานเก่าแก่เล่าสืบต่อกันมา ว่า หลังจากที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตระสัมโพธิญาณแล้ว ๘ ปี ได้ทรงเสร็จไปโปรดเวไนย สัตว์ในแคว้นต่างๆ จนกระทั่งวันหน่ึงได้เสร็จมาถึงภูเขาสุทัศมรังสิต ซ่ึงอยู่ทางทิศเหนือของเมือง สะเทิม ทรงพักตร์ไปทางทศิ ตะวนั ออก ทอดพระเนตรเห็นเนินดินเล็กๆ โผล่อยู่กลางทะเล เม่ือน้างวด เห็นไดป้ ระมาณ ๒๓ วา ครั้งน้าขึ้นเป่ียมฝ่ัง ก็พอมองเห็น ณ เนินดินน้ันมีหงส์ทองเมียผู้คู่หน่ึงยืนซ้อน กนั อยู่ ตัวเมียเกาะอย่บู นหลงั ตัวผ้ดู ูอศั จรรย์ยิง่ นัก พระองคจ์ ึงทรงทา้ นายในนิมิตน้ันว่าต่อไปเนินดินท่ี หงส์ทองเกาะอยู่น้ันจะกลายเป็นผืนดินกว้างใหญ่ เป็นท่ีต้ังของมหานครอันพร้อมด้วยพระธาตุสถูป เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ และพระศาสนาของพระองค์จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น ณ ท่ีนั้น ครั้นพระพุทธองค์ดับขันธ์ ปรินิพพานล่วงไปแล้วได้ ๑๐๐ ปี พุทธท้านายน้ันก็กลับกลายเป็นความจริงดังปาฏิหาริย์ มีพระโอรส ของพระเจ้าเสนะคงคา พระนามว่า สมลกุมาร และวิมลกุมารได้รวบรวมพล ตั้งเป็นเมืองขึ้นใช้ช่ือว่า “หงสาวดี” และใชห้ งส์เปน็ สัญลักษณ์ของประเทศแตน่ น้ั มา ดังน้ัน การแห่หงส์ จึงเปรียบเสมือนการท่ี ชาวมอญไดร้ ่วมกันรา้ ลกึ ถงึ ถน่ิ ฐานบ้านเกดิ ของตนเอง น่ันคือ เมืองหงสาวดี และสัญลักษณ์หงส์ที่เห็น กนั อยใู่ นปจั จุบันน้ัน ชาวมอญทุกคนจะรซู้ งึ้ กันดีวา่ หงสจ์ ะหันหนา้ ไปทางเมอื งหงสาวดเี สมอ ตะขาบ เชื่อกันว่า เม่ือพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณแล้ว ทรงร้าลึกถึงพระ มารดาผู้เคยมีอุปการะมาแต่ก่อน และขณะนั้นได้ดับขันธ์ไปสู่ดาวดึงส์เทวโลกแล้ว พระองค์ทรง ปรารถนาท่ีจะโปรดพุทธมารดาด้วยพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ซ่ึงเป็นธรรมชั้นสูง จึงได้เสร็จขึ้นไป จ้าพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และทรงแสดงธรรมดังกล่าว จนพระมารดาได้ส้าเร็จพระโสดาบัน เบื้องต้น เม่ือการแสดงธรรมครบ ๓ เดือน (หนึ่งไตรมาส) พระพุทธมารดาก็เสด็จเคลื่อนเข้าสู่ธรรม ชั้นพรหมวิหารสุขากาโม ส่วนเทพทั้งหลายท่ีได้มีโอกาสฟังธรรมในคร้ังน้ีต่างก็พากันบรรลุโสดา ปัตติผล เช่นเดียวกัน หลังจากน้ันพระพุทธองค์เสด็จกลับมายังมนุษยโลก เม่ือวันแรม ๑ ค้่า เดือน ๑๑ ในคร้ังนั้นได้มีมวลเทพ พระอินทร์ พระพรหม เนรมิตให้เกิดบันไดเงิน บันไดทองมา รองรับ บ้างก็ถือเครื่องสูง อันประกอบด้วย ราชวัตร ฉัตร ธง และเคร่ืองดนตรี ดีด สี ตี เป่า มา ประโคม ส่วนมนุษย์ในโลกก็เลื่อมใสในพระองค์พากันดีใจ น้าอาหารไปใส่บาตร แต่เน่ืองด้วยคนท่ีไป ใส่บาตรน้ันมีจ้านวนมากไม่สามารถน้าอาหารเข้าไปถึงพระพุทธองค์ได้ จึงท้าเป็นข้าวต้มลูกเล็ก ๆ แล้วโยนใส่บาตร ดังน้ันจึงเกิดประเพณีใส่บาตรข้าวต้มลูกโยนข้ึนตั้งแต่ครั้งนั้นมา นอกจากประชาชน
๗๐ จะน้าอาหารไปใสบ่ าตรแลว้ ยังต้อนรับเฉลิมฉลองดว้ ยการชักธงรูปต่างๆ เป็นทิวแถว โดยเฉพาะพวก ชาวมอญ ได้ท้าธงเป็นรูปตะขาบข้ึนเพ่ือเป็นการต้อนรับด้วย เหตุท่ีชาวมอญท้าธงรูปตะขาบนั้น กเ็ พราะว่าสว่ นประกอบของตวั ตะขาบนนั้ มขี อ้ เปรียบไดก้ ับคติทางโลก และทางธรรม อันไดแ้ ก่ ๑. ทางโลก ตะขาบเป็นสัตว์ที่ล้าตัวยาว มีเข้ียวเล็บท่ีมีพิษ สามารถต่อสู้กับศัตรูท่ีจะมา ระรานได้ เปรียบเสมือนคนมอญซ่ึงไม่เคยหวาดหวั่นต่อศัตรู อีกนัยหนึ่ง ตะขาบเป็นสัตว์ท่ีมีลูกมาก ในแต่ละคร้ังมีได้ประมาณถึง ๒๐ – ๓๐ ตัว แม่ตะขาบจะคอยปกป้องลูกไว้ในอ้อมอก เม่ือใดท่ีลูก ของมันเล้ือยออกมาอยู่กระจัดกระจาย แม่ตะขาบจะตะแคงล้าตัวโอบลูก ๆ เข้ามาแล้วขดไว้เป็น วงกลม น่นั ย่อมหมายความว่า หากประเทศรามัญ(มอญ)สามารถปกครองดูแลประชาราษฎร์ของตน ได้เหมือนตะขาบแล้วไซร้ ชาวรามัญ(มอญ)ก็จะเจริญรุ่งเรืองไปอีกนานแสนนาน และเต็มไปด้วย ความร่มเยน็ เปน็ สุข ๒. ทางธรรม กล่าวว่า ทุกส่วนของตัวตะขาบนั้น คนมอญจะตีความออกมาเป็นปริศนา ทง้ั สิน้ แต่ละตัวจะนับจากหัวถึงหางมี ๒๒ ปล้อง ขาท้ังสองข้างนับได้ ๒๐ คู่ คือ ๔๐ ขา มีหนวด ๒ เส้น มหี าง ๒ หาง มีเขยี้ ว ๒ เขี้ยว มตี า ๒ ข้าง สามารถกลา่ วโดยละเอยี ดได้ ดังน้ี ๒.๑ หนวด ๒ เส้น ได้แก่ ธรรมท่ีมีอุปการะมาก ๒ อย่าง คือ สติ หมายถึงความระลึก ได้ และสมั ปชญั ญะ หมายถึงความรตู้ วั ๒.๒ หาง ๒ หาง ได้แก่ ขันติ คือความอดกล้นั และโสรจั จะ คอื ความสงบเสงีย่ มเจียมตวั ๒.๓ เขีย้ ว ๒ เขี้ยว ได้แก่ หิริ คอื ความละเอยี ดละอายแก่ใจ เมื่อท้าช่ัว และโอตัปปะ คือ ความเกรงกลวั เมื่อทา้ บาป ๒.๔ ตา ๒ ข้าง หมายถึง บุคคลท่ีหาได้ยาก ๒ ประเภท คือ บุพพการี คือบุคคลผู้ให้ อปุ การะมาก่อน และกตญั ญูกตเวที คือบคุ คลผรู้ ู้อุปการะทท่ี ่านทา้ มาแลว้ และท้าตอบแทนท่าน ๒.๕ ล้าตัว ๒๒ ปลอ้ ง ไดแ้ ก่ สติปัฎฐาน ๔ สมั มัปปธาน ๔ อทิ ธิบาท ๔ อนิ ทรีย์ ๕ และพละ ๕ ประเพณีแห่ธงตะขาบ ถือเป็นการปัดเสนียดจัญไรในหมู่บ้าน และด้วยอ้านาจบารมีแห่ธง ตะขาบ จะเป็นการน้าความมีโชคชัย ความสุขสวัสดีมาสู่ทุกคนในหมู่บ้าน เป็นสิริมงคลและป้องกัน การเจ็บป่วย เพราะผู้ใดถ้ามีสิ่งศักด์ิสิทธิ์มาเข้าฝันแล้วไม่ด้าเนินการตาม ก็จะท้าให้เกิดการเจ็บป่วย โดยหาสาเหตไุ มไ่ ด้ ภาคอีสาน งานประเพณีสงกรานต์หรืองานบุญขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่้า เดือนห้า เป็น ประเพณที ีม่ นี า้ เขา้ มาเก่ยี วข้อง อาทิ มีการสรงน้าพระพุทธรูป สรงน้าพระสงฆ์ รดน้าขอพรจากผู้เฒ่า ผู้แก่และผ้ทู เ่ี ราเคารพนับถือ สรงน้าอัฐิของบรรพบุรุษ /ญาติท่ีล่วงลับ การจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนมาก จะจดั ๓ วนั ระหว่างวันท่ี ๑๓-๑๕ เมษายน ของทกุ ปี โดยชาวบ้านจะมีการเตรียมงานล่วงหน้า ๒-๓ วัน กล่าวคือ ชาวบ้านจะต้องออกหาฟืน หาอาหารและเสบียงอาหาร ต้าข้าวไว้ส้าหรับการรับประทาน ในช่วงวนั สงกรานต์ อย่างนอ้ ย ๕-๗ วัน ตกั น้าใสต่ ่มุ ให้เตม็ เกบ็ กวาดบา้ นเรือนให้เรียบร้อย เน่ืองจาก เมื่อเริม่ วันสงกรานตห์ รอื ภาษาอสี านเรียกว่า วันเนา ชาวบ้านจะไม่ท้าอะไร หยุดท้างานที่เป็นปกติของ ตนเอง ไม่ให้ท้างานอะไรเลยเป็นเวลา ๕ - ๗ วัน ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่า หากใครท้างานในช่วงเวลานี้จะ ท้าให้หูหนวก ตาบอด ท้าให้ชาวบ้านต้องมีการเตรียมการต่างๆไว้ล่วงหน้า นอกจากน้ันยังมีภารกิจท่ี จะต้องจดั เตรยี มอุปกรณ์ เคร่อื งใชต้ า่ งๆ อาทิ การแหพ่ ระ การแห่ดอกไม้ การละเล่นต่างๆที่ต้องมีการ
๗๑ เตรียมไว้ให้พร้อม มีการขนทรายเข้าวัดก่อน บางชุมชนมีการจัดหาเทพีนางสงกรานต์ และตกแต่ง ยานพาหนะท่ีจะน้าไปแห่ในวันสงกรานต์ นอกจากนี้ ในระหว่างช่วงสงกรานต์ จะไม่มีการดุด่า ว่า กล่าวกัน ไม่มีเสียงต้าข้าวจากครกกระเดื่อง หรือออกหาฟืน แต่จะมีการท้าบุญ ถวายภัตตาหาร พระสงฆ์ การปล่อยนก ปลา เต่า หอย เป็นต้น วันเร่ิมงานวันแรก (วันท่ี ๑๓ ) ถือเป็นวันสังขานต์ล่อง เป็นวันท่ีราศีเก่าเข้าสู่ราศีใหม่ มี กจิ กรรมต่างๆตามประเพณี ได้แก่ การนมิ นตพ์ ระพุทธรูปลงจากโบสถ์มาสรงน้า มีการจัดขบวนแห่นาง สงกรานต์ ขบวนแห่พระพุทธรูปท่ีตกแต่งสวยงาม ขบวนฟ้อนร้า โดยแห่ไปรอบ ๆ ชุมชน เพื่อให้ ชาวบ้านไดม้ โี อกาสสรงน้าพระพุทธรูป บางชุมชนจะมีการแห่ขบวนดอกไม้ไปรอบ ๆ ชุมชน เนื่องจาก ในฤดูนี้ต้นไม้จะออกดอกบานสะพรั่งกันมาก เช่น คูณ ทองหลาง ตะแบก ทองกวาว ดอกไม้ดังกล่าว จะน้ามาบูชาพระและน้ามาตกแต่งซุ้มพิธีท่ีใช้เป็นที่สรงน้าพระพุทธรูป ก่อนสงกรานต์ชาวบ้านใน ชุมชนจะมาช่วยกันสร้างผาม (ซุ้มพิธีที่จัดเตรียมไว้) อย่างสวยงามเพื่อนิมนต์พระพุทธรูปมา ประดิษฐานชั่วคราวให้ชาวบ้านได้มีโอกาสสรงน้าพระพุทธรูป ในสมัยก่อน น้าท่ีใช้สรงน้าพระเป็นน้า ขมิ้น (ใช้ขม้ินสดขูดลงไปในน้าสะอาด) แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้าผสมกับน้าอบน้าหอมท่ีมี วางขายทั่วไป มีการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ นอกจากนี้ จะมีพิธีกรรมในการบังสุกุลบรรพบุรุษที่ ล่วงลับไปแลว้ เป็นการบังสกุ ลรวม โดยชาวบ้านจะน้าเอาอัฐิของบรรพบุรุษท่ีเกบ็ ไว้ท่ีบา้ น มารวมกันท่ี ศาลาวัด และท้าพิธีทางศาสนา หากครอบครัวใดเอาอัฐิไว้ท่ีธาตุ (ท่ีบรรจุอัฐิ) ก็จะท้าพิธีบังสุกุลท่ีธาตุ แต่การบังสกุ ุลนี้ บางชุมชนจะทา้ ในวันท่ี ๑๔ เมษายน วันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันครอบครัว ญาติพ่ีน้องจะมาพบปะ รับประทานอาหารร่วมกัน มี การผูกแขน เพ่ือเป็นสิริมงคล และญาติผู้ใหญ่ให้พรแก่ลูก ๆ หลาน ๆ วันนี้เรียกว่าวันเนา (วันท่ีไม่มี การท้างานใด ๆ มีแต่การจัดกิจกรรมที่สนุกสนาน เป็นวันพักผ่อน) เพื่อหยุดพักผ่อน บางคนจะมี สิ่งของมามอบให้ผู้ใหญ่เรียกว่า เคร่ืองสมมา เช่นผ้าขาวม้า ผ้าถุง หลังจากน้ันก็จะมีการละเล่น พน้ื บ้าน เช่น ต่จี ับ ข่มี า้ ทรงเมอื ง งกู นิ หาง หมากเกบ็ หมากห้งึ บักหมาหนังโปก บักอี๋ ดึงหนัง (ชักกะ เย่อ) เป็นต้น ซึ่งการละเล่นพื้นบ้านน้ี บางชุมชนจะจัดทุกวันในระหว่างสงกรานต์ โดยจะจัดหลังจาก รับประทานอาหารเย็น ในวันนี้ยังเป็นวันท่ีหนุ่มสาวเล่นสาดน้าอย่างสนุกสนาน จะปล่อยอิสระ สามารถ มาพบปะพูดคยุ เลน่ น้าสงกรานต์ดว้ ยกนั ได้ ในสมยั ก่อน ชาวบ้านจะสามารถเล่นน้าร่วมกับพระสงฆ์ได้ โดยมีการขอขมาพระสงฆ์ในวนั กอ่ นและหลังวันสงกรานต์ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเล่นน้าร่วมกันระหว่าง พระภิกษุและชาวบ้าน แต่จะเป็นการสรงน้าพระสงฆ์ วันนี้ บางชุมชนจะมีการท้าบุญให้แก่บรรพบุรุษ สรงน้ากระดูก นิมนต์พระสงฆ์สวดมาติกา อุทิศบุญกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่บางชุมชนจะท้า กันในวันที่ ๑๓ เมษายน และ ไปทา้ พิธีท่วี ัด พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนต์เย็น วันที่ ๑๕ เมษายน เป็นวนั เถลงิ ศก เป็นวันข้ึนปีใหม่ของไทยสมัยโบราณ วันน้ีเป็นวันท้าบุญ รวมของทกุ คนในชมุ ชน และอุทิศบญุ กศุ ลให้แก่ญาตผิ ู้ลว่ งลับ ทุกครอบครัวจะน้าอาหารมาถวายพระ รับประทานอาหารร่วมกัน และมีการรดน้าด้าหัวให้แก่พระภิกษุสามเณรและผู้สูงอายุ ท้าน้าพระพุทธ มนต์ พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์ ประพรมน้าพระพุทธมนต์และให้พรแก่ญาติโยม เพื่อให้อยู่เย็นเป็น สุขตลอดไป นอกจากนี้ มีการก่อเจดีย์ทราย ที่วัด ซ่ึงประดับด้วยดอกไม้ และธงสีต่าง ๆ เน่ืองจาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เม่ือเราเข้าวัด เราเหยียบดินทรายออกจากวัด จึงจ้าเป็นจะต้องมีการขนทราย เข้าวัดเพื่อเป็นการน้ากลับไปไว้ที่วัดเหมือนเดิม บางชุมชนจะก่อเจดีย์ทราย (ภาษาอีสานเรียกว่าก่อ
๗๒ ประทาย) ในวันที่ ๑๖ เมษายน โดยบางชุมชนจะก่อเป็นรูปจระเข้และรูปเต่าอย่างละ ตัว เพราะเช่ือ ว่าจะมอี ายยุ นื ชว่ งหลังจากวนั สงกรานต์ บางชุมชนในจังหวัดต่างๆ เช่น อุบลราชธานี มหาสารคาม จะมีการ จัดกิจกรรมต่อเนื่อง คือ ประเพณีการรักษาบ้าน โดยมีความเช่ือว่า เมื่อข้ึนปีใหม่ไทย จะต้องท้า ประเพณีการรักษาบ้าน เพ่ือเป็นการคุ้มครองปกปักษ์รักษาบ้านเรือน ให้ทุกคนในบ้านมีแต่ความสุข ปลอดภัย ประสบความส้าเร็จ ซ่ึงได้มาปฏิบัติกันมาเป็นประจ้าทุกปีและสืบทอดกันมานาน เช่น ชุมชนคุ้มเครือวัลย์ จังหวัดมหาสารคาม ชาวบ้านทุกครัวเรือน จะจัดเตรียมอาหารถวายพระสงฆ์ ที่ ศาลากลางบา้ น พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อเสร็จพธิ ีทางพุทธศาสนาแล้ว จะมีพิธีการบูชา ศาลปู่ ตา ซง่ึ เป็นที่เคารพของชาวบ้าน ผู้น้าในการท้าพิธีนี้เรียกว่า พ่อจ้า ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดยการเข้าทรง ว่าใครจะได้เป็นผู้น้าในการท้าพิธีกรรมต่างๆตาม ท่ีได้ปฏิบัติมาต้ังแต่ปู่ย่า ตายาย ชุมชนในจังหวัด อุบลราชธานี ประเพณีการรักษาบ้าน ก็มีพิธีกรรมท่ีคล้ายกัน แต่จะมีการเสี่ยงทายโดยใช้ไก่ เพื่อจะได้ ทราบวา่ ในปนี จ้ี ะชุมชนจะมีความอดุ มสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ส้าหรับ ชาวอ้าเภอเชียงคาน จังหวัดเลย นับจากวันที่ ๑๓ เมษายน ไปอีก ๙ วัน ในเวลาประมาณ ๒๑ –๒๒ น. ทุกชุมชน มีการแห่ข้าวพันก้อน รว่ มกนั โดยแหร่ อบๆไปตามถนน สายหลกั จากนั้นก็น้าข้าวพันก้อนไปบูชาพระพุทธ พระประธานใน อโุ บสถจนครบทุกวดั ในเขตเทศบาลต้าบลเชียงคาน ภาคใต้ ชาวใตม้ คี วามเช่อื ว่าวันสงกรานตเ์ ป็นวันขึ้นปใี หม่ของไทย ประกอบกบั มีความเส่ือมใสในพุทธ ศาสนาจึงให้ความสา้ คัญแกก่ ารท้าบุญตกั บาตรในวนั สงกรานตส์ รงนา้ พระ ปล่อยนกปล่อยปลา เพ่ือให้ ชีวิตมีความสุขตลอดปีใหม่ ๒.๗ คณุ ค่า หรือความหมาย “สงกรานต์” เป็นประเพณีส้าคัญที่ยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณเป็นวัฒนธรรม ประจ้าชาติท่ีงดงาม โดดเด่น และฝังลึกเข้าไปในชีวิตของคนไทยมาช้านานเป็นขนบธรรมเนียมที่มี ความงดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู การแสดงความเคารพ การให้เกียรติโดยใช้น้าซ่ึงมีคุณูปการต่อการด้ารงชีวิตของมนุษย์เป็นสัญลักษณ์ของความสะอาด ความบริสทุ ธ์ิ และความเยน็ สดชื่นในจิตใจอนั เป็นส่ือในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ปัจจุบันจึง น่าจะชว่ ยกนั รกั ษาคณุ คา่ ทางใจ ความมีน้าใจ การมีสัมมาคารวะและกตัญญู การช่วยเหลือเก้ือกูลต่อ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการสร้างเสริมสายใยครอบครัว สังคม และประเทศชาติ (กรม สง่ เสริมวัฒนธรรม, ๒๕๕๔, หน้า ๑) ๑. มรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบรุ ษุ ไดม้ อบไวใ้ หล้ ูกหลานของตน ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีที่งดงาม สมเป็นมรดกอันล้าค่าของไทย เป็นวันแห่งความ เอ้ืออาทรทม่ี คี ณุ ค่าต่อครอบครัว ชมุ ชน สงั คมและศาสนา ประเพณีสงกรานตท์ ี่มคี วามงดงามนี้ แสดง ถึงภูมิปัญญาอันละเอียดลึกซึ้งของบรรพบุรุษ และยังเป็นการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างความ
๗๓ อบอุ่นในครอบครัว การแสดงออกถึงความกตัญญู อันเป็นเอกลักษณ์ท่ีส้าคัญของคนไทยท่ีมีมาช้า นาน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความสมัครสมานสามัคคี ทั้งคนในครอบครัว สังคมและประเทศชาติอีก ดว้ ย (อภนิ นั ท์ โปษยานนท์, ๒๕๔๔) ๒. ความสาคัญทางประวัติศาสตร์อันแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชนและความ หลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณสี งกรานต์ เป็นประเพณีฉลองการข้ึนปีใหม่ของไทย ซึ่งโดยท่ัวไปจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ตรงกับเดือนห้าตามจันทรคติ๑ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีประเพณี สงกรานต์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในกฎมณเฑียรบาล ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯ ให้ ตราขึ้น กล่าวถึงการพระราชพิธีเผด็จศกและพระราชพิธีลดแจตร พระราชพิธีเผด็จศกเป็นพิธีการ เกี่ยวกับการตัดจากปีเก่าขึ้นสู่ปีใหม่ ส่วนพระราชพิธีลดแจตรน้ัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ทรงสันนิษฐานว่าหมายถึงพระราชพิธีรดน้าเดือน ๕ (พระราชพิธี ๑๒ เดือน หน้า ๙๑ อ้างไว้ใน หนงั สือประเพณีสงกรานต์, กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๔๔) แสดงว่าประเพณีสงกรานต์ของหลวงมีมา ตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในสมัยก่อนไทยใช้จุลศักราช การขึ้นปีใหม่จึงเป็นการขึ้นจุลศักราช ใหม่ ในช่วงสงกรานต์มีกิจกรรมท่ีปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณี คือผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา แสดงคารวะต่อพระรัตนตรัย ด้วยการสรงน้าพระพุทธรูป และไปท้าบุญที่วัด ผู้ท่ีนับถือศาสนาอ่ืนก็ อาจประกอบกจิ กรรมตามประเพณีในศาสนาของตนเพ่ือให้จิตใจผ่องแผ้ว ใสสะอาด และในการแสดง ความกตญั ญนู ้นั มีการทา้ บญุ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว และแสดงคารวะต่อญาติผู้ใหญ่ และผ้มู พี ระคณุ ทย่ี ังมชี วี ิตอยู่ด้วยการไปรดน้าขออโหสิกรรม ฝ่ายผู้ใหญ่ก็แสดงความปรารถนาดีความ เออ้ื อาทร ด้วยการให้อโหสิกรรมและให้พรแก่ลูกหลาน ญาติมิตร อาจเล่นสาดน้ากันพร้อมกับอวยพร ให้แก่กัน สงกรานต์จึงเป็นวาระท่ีสมาชิกในครอบครัวและสังคมได้ใกล้ชิด แสดงความปรารถนาดีต่อ กันและร่วมกันสนุกสนาน รวมทั้งกิจกรรมการละเล่นร่ืนเริงตามประเพณีท้องถิ่นนั้นๆ มีการสืบทอด กันมาอย่างยาวนาน มีความส้าคัญทางประวัติศาสตร์อันแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ชุมชนและความ หลากหลายทางวฒั นธรรม (อภินนั ท์ โปษยานนท์, อ้างแล้ว) ๓. ประเพณีสงกรานต์ซึง่ เป็นประเพณที ส่ี บื ทอดกนั มายาวนานของอาจเส่ียงต่อการถูกฉก ฉวยนาไปใชป้ ระโยชน์ในทางท่ไี ม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม และ/หรือถกู เบ่ยี งเบนไปจากปูมตานาน ดง้ั เดมิ ของบรรพบุรษุ โดยมิได้สะทอ้ นถึงอัตลักษณ์ของชุมชนอยา่ งถูกตอ้ งแท้จริง ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ที่แผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วโลก โดยเฉพาะท่ีส่งผลกับประเทศ ไทย ก่อให้เกิดภาวะวิกฤตกับวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก ประเพณีสงกรานต์ก็ตกอยู่ในวัฏจักรนี้ เชน่ เดยี วกนั มีความเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนหลายประการท่ียังความเป็นห่วงให้เกิดขึ้นแก่ทุกคนท่ีรักและ เห็นคณุ ค่าของประเพณนี ้ี จงึ มคี วามพยายามทจ่ี ะรณรงค์ทกุ รูปแบบเพือ่ ให้ทุกคนที่เป็นคนไทย รวมท้ัง ชาวต่างชาตไิ ด้รับร้ถู งึ ความหมาย ความส้าคัญ และคณุ คา่ ของประเพณีสงกรานต์ทแี่ ทจ้ รงิ
๗๔ คุณค่าความสาคญั ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันข้ึนปีใหม่ของไทยมาแต่ โบราณ ประชาชนจะจัดให้มีกิจกรรมที่ถือปฏิบัติเป็นกิจกรรมของชุมชนและสังคมท่ีทุกเพศ ทุกวัย และต่าง ฐานะสามารถสมัครสมานในงานเทศกาลน้ี แสดงออกดว้ ย ความพร้อมเพรียงในการตระเตรียมท้าความสะอาดบ้านเรือน วัด ความพร้อมใจในการ ท้าบุญใหท้ านเพอื่ อทุ ิศสว่ นกุศลให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อบรรพ บุรุษและบุพการี การสรงน้าพระ รดน้าขอพรผู้ใหญ่ การเล่นรื่นเริง เช่น การเล่นพ้ืนบ้าน พ้ืนเมือง ตา่ งๆ และสิ่งท่ีเป็นการเล่น ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้คือ การเล่นสาดน้าของหนุ่มสาวและ เด็กด้วยน้าใจไมตรี สภาพการณ์ดังกล่าวน้ีน้าไปสู่ความเก้ือกูลผูกพันด้วยสายใยของวัฒนธรรมท่ีเป็น มรดกเก่าแกข่ องไทยเรา ประเพณีสงกรานต์ นับเป็นประเพณีที่มีคุณค่าต่อครอบครัว ชุมชน สังคมและศาสนา ที่ไม่ แตกต่างกันมากนักในแต่ละชุมชน พื้นที่ในประเทศไทย กล่าวคือประเพณีสงกรานต์มีคุณค่า ความสา้ คัญ ดังน้ี (ธวชั รัตนมนตรี, ๒๕๔๖) ๑. คุณค่าต่อครอบครัว ท้าให้สมาชิกของครอบครัวได้มีโอกาสมาอยู่รวมกัน เพ่ือแสดงความ กตัญญูกตเวที เช่น ลูก-หลาน มารดน้าขอพรจากบิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย และมอบของขวัญให้แก่ ท่านเหลา่ นั้น รวมทั้งมีความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้วด้วยการท้าบุญอุทิศส่วนกุศล ไปให้ ๒. คุณค่าต่อชุมชน ท้าให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน เช่น ร่วมกันท้าบุญให้ทาน พบปะสงั สรรค์สนกุ สนานรืน่ เรงิ ร่วมกัน ๓. คุณค่าต่อสังคม ท้าให้มีความเอื้ออาทรต่อส่ิงแวดล้อมด้วยการช่วยกันท้าความสะอาด บ้านเรอื น วดั วาอาราม ทีส่ าธารณะ ตลอดจนอาคารสถานท่ขี องหนว่ ยงานตา่ งๆ ๔. คุณค่าต่อศาสนา ช่วยกันท้านุบ้ารุงพระศาสนา คือ การท้าบุญ ตักบาตร หรือเลี้ยงพระ การปฏิบัติธรรมฟังเทศน์ ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันข้ึนปีใหม่ของไทยมาแต่โบ ราณ ประชาชนจะจัดให้มีกิจกรรมที่ถือปฏิบตั ิเปน็ กจิ กรรมของชมุ ชน ทอ้ งถ่นิ ในทกุ ภาคของประเทศไทย ซ่ึง มคี ณุ ค่าและความส้าคัญของการถือปฏิบัติแตกต่างกันไปบ้างตามท้องถิ่นพ้ืนที่ ซ่ึงอาจจ้าแนกออกเป็น รายภาคได้ ดังน้ี ภาคเหนอื ประเพณีสงกรานต์ (ป๋ีใหม่เมือง) มีความส้าคัญกับชุมชน ต่อคนล้านนาเป็นอย่างมาก เพราะ เป็นวันข้ึนปีใหม่ของคนล้านนา มีวันส้าคัญท่ีมีการสืบทอด สืบต่อและสิ่งที่ต้องประพฤติปฏิบัติตาม ประเพณีที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา ท่ีส้าคัญ คือ การด้าหัว เพราะว่าลูกหลานเม่ือไป ทา้ งานตา่ งจังหวัดก็จะถอื โอกาสกลับมารดน้าด้าหัว พ่อ-แม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุและชุมชนก็จะมีการ สืบชะตาของหมู่บ้านและชุมชน เป็นการขอพรจากผู้สูงอายุและญาติผู้ใหญ่อันเป็นสิริมงคลและจะท้า ให้ครอบครัวมีความสุข มีความอบอุ่น และถือเป็นวันครอบครัว การแสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้มี
๗๕ พระคุณ การช้าระส่ิงไม่ดี การช้าระสะสางให้สะอาดหมดจดทั้งกาย สถานที่ จิตใจเร่ิมต้นส่ิงที่ดีงาม เริม่ ตน้ ปีใหมท่ ่ีดแี ละการระลึกถึงบุญคุณ การรว่ มกจิ กรรมตา่ งๆ อันเป็นสริ มิ งคลแก่ชีวติ สงกรานต์ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับปีมะเมียจากการค้านวณตามหลักโหราศาสตร์ ล้านนาพบว่า ในปีนี้ดวงอาทิตย์จะเคล่ือนย้ายออกจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๘ นาฬกิ า ๑๑ นาที ๒๔ วินาที ซ่ึงตรงกับปฏิทินหลวงก้าหนดให้เป็นวันมหาสงกรานต์ ทางล้านนาเรียกว่า วันสังขานต์ล่อง จากน้ันดาวอาทิตย์จะเคลื่อนย้ายไปจนถึงวันพุธท่ี ๑๖ เมษายน เวลา ๑๒ นาฬิกา ๙ นาที ดาวอาทิตย์ก็จะไปสถิตอยู่ในทิพยวิมาน ก้าหนดให้วันน้ันเป็นวันเถลิงศก ทางล้านนาเรียกว่า วันพญาวัน และจะเป็นลักษณะเช่นนี้ต่อต่อกันไปอีกหลายปี กิจกรรมท่ีคนใน ลา้ นนาปฏิบัติ วันแรก วันสังขานต์ล่อง หมายถึง สังขารหรือร่างกายของคนเราได้ผ่านไปอีก ๑ ปี ก่อนรุ่ง สางจะยิงปนื จดุ ประทดั เคาะกะลา ฯลฯ เพื่อขับไล่ปู่สังขานต์ ย่าสังขานต์ หรือขับไล่เสนียดจัญไร สิ่ง ช่ัวร้ายให้ล่องไปกับปีเก่า ตอนสายจะพร้อมใจกันท้าความสะอาด ปัดกวาดบ้านเรือนที่อยู่อาศัย แผ้ว ถางหญา้ ซกั เสือ้ ผา้ ที่แมน่ ้า เชอ่ื วา่ เปน็ การไล่ของไม่ดใี หไ้ ปกับนา้ และน้าเอาที่นอนหมอนมุ้งออกมาผ่ึง แดด ถ้าเทียบกับสากล ก็คือ วัน Cleaning Day วันท้าความสะอาดบ้านเรือน ท้าความสะอาดเคหะ สถาน ตลอดถึงท้าความสะอาดตัวเอง สระเกล้าด้าหัว (สระผม) ซักเสื้อผ้า การแต่งตัวนุ่งผ้าใหม่เป็น วนั สาธารณสขุ ชว่ งบา่ ยตอ่ เยน็ จะมีการสระเกลา้ ดา้ หวั หมายถึง สระผม ช้าระล้างร่างกายให้สะอาด ไปท้าท่ีแม่น้าท่ีไหล ซ่ึงเดี๋ยวนี้หายไปบ้างแล้ว ในโบราณตามปฏิทินเมือง การด้าหัววันสังขานต์ล่อง จะต้องหันหน้าไปตามทิศทกี่ า้ หนดไว้ในปักทนื ลานนาหรอื หนังสือปีใหม่เมืองซึ่งในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน หากเป็นผูห้ ญงิ นอกจากนงุ่ ผ้าใหม่ในวนั นน้ั กจ็ ะทัดดอกไม้ อันเป็นนามปีหรือเป็นพญาดอกไม้ของปีนั้น ด้วย ปนี ้ี พ.ศ. ๒๕๕๗ ต้องทัดดอกกาสะลอง (ดอกโศก) ในวันน้ี หน่วยงานราชการก็จัดขบวนแห่พระ พทุ ธสิหิงค์ พระพทุ ธรูปส้าคญั คบู่ ้านคู่เมอื งเชียงใหม่ วนั ท่ี ๒ วันเนาว์หรือวนั เนา่ หมายถึง เปน็ ช่วงดาวอาทิตย์ยังเนาอยู่ระหว่างราศมี นี กบั ราศีเมษ ในแงโ่ หราศาสตร์ถือว่าเป็นวันไม่ดี วันนี้นิยมไปกาดวันเน่า คือ วันดา (วันเตรียมข้าวของ) จะไม่ท้าใน สง่ิ ทไี่ ม่เป็นมงคล ไม่พูดค้าหยาบคาย ไมด่ า่ ทอ ทะเลาะวิวาท ไมก่ ระท้าผิดศีลธรรม เชื่อว่า ใครพูดไม่ดี ปากจะเนา่ ซ่ึงวันนีจ้ ะเป็นวันจา่ ยตลาด เพ่ือซ้อื ข้าวของต่างๆ ชอ่ ตงุ ไม้คา้ สะหลี น้าขมิ้นส้มป่อย น้าอบ น้าหอม เพื่อเตรียมไปท้าบุญท่ีวัดในวันพญาวัน และเตรียมของไว้ด้าหัวคนเฒ่าด้วย ตอนบ่ายจะนิยม ไปขนทรายเข้าวัด เตรียมตุง ข้าวตอกดอกไม้ปักกองทรายประดับเป็นพุทธบูชา ท้าพิธีลอยเคราะห์ พธิ ีกรรมแบบโบราณปัจจุบันไม่นิยมท้า ส้าหรับพิธีสะเดาะเคราะห์วันเนา จะมีการสะเดาะเคราะห์ซ่ึง เป็นความเชอ่ื ว่า เพอ่ื ขบั ไลส่ ่งิ ไมด่ ีออกจากตวั กอ่ นท้าพิธีจะมีการไปดูต้าราตามราศีเกิด เพื่อจัดเตรียม อุปกรณ์ในการประกอบพิธีตามราศีเกิด เป็นการสะสางและปัดเป่าส่ิงไม่ดีเพื่อต้ังต้นวันใหม่ชีวิตใหม่ (จากการสัมภาษณพ์ ่ออุน่ เรอื น หลายแหง่ ที่อา้ เภอจุน จังหวดั พะเยา ยงั คงประกอบพิธนี ้อี ยู่) วนั ที่ ๓ วนั พญาวัน หมายถึง วันท่เี ปน็ ใหญ่ (เป็นพญา) แก่วันทั้งหลายในรอบปี เป็นวันร้าลึก ถึงบุพการี ค้าพระศาสนาจะประกอบพธิ ีกรรม ดังน้ี นิยมทานขนั ขา้ ว คอื นา้ เอาอาหารหวานคาว ผลไม้ต่างๆ ไปท้าบุญที่วัดในตอนเช้า อุทิศส่วน กศุ ลให้ผมู้ ีบญุ คุณ พ่อ แม่ พ่ี น้อง ญาติท่ีล้มหายตายจากไป ท้าบุญให้ตัวเอง ท้าบุญอุทิศไปหาพ่อเกิด แม่เกิด เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่เจ้าทาง แล้วข้ึนวิหารถวายต่อหน้าพระรัตนตรัย ท้าพิธีกรรมในวันปี
๗๖ ใหม่ แล้วกลับบ้านไปก็ถวายท่ีบ้านให้แก่เจ้าที่เจ้าทาง ท่ีห้ิงพระ ให้พ่อให้แม่ พ่ออุ้ยแม่หม่อน คนอายุ มากๆ สรงนา้ ขมน้ิ ส้มปอ่ ย กนิ ข้าวกินปลาเรยี บร้อยแล้ว ตอนสายๆ ก็ทานเจดีย์ทราย ทานตุง (ทาน = ถวาย) เพราะขนทรายมาในวันที่ ๒ เตรียมไว้ แต่ยังไม่ได้ถวาย จะมีค้ากล่าวถวายเจดีย์ทราย และหยาดน้า คือ น้าน้าใส่ขันสะหลุงมาบูชารดลงที่ กองเจดยี ท์ ราย ความเชือ่ ท่วี า่ ถ้าเราไม่ได้ถวายกับปากของเรา ไม่ได้หยาดน้า มันก็ไม่เต็มใจ การทาน ตุง เชื่อว่า อานิสงส์สามารถช่วยพ่อ แม่ พ่ี น้องเราท่ีตายไปตกนรก ถ้าถวายตุงไปหาก็จะพ้นจากนรก โดยหางตุง หรือชายตุงจะกวัดแกว่งไปถึงยมโลกให้ผู้ที่ตกนรกน้ันเกาะชายตุงขึ้นสวรรค์ และน้าช่อตุง ไปปกั เจดยี ์ทราย หรอื กองทรายบริเวณลานวัด นิยมน้าไม้ค้าสะหลี (ค้าต้นโพธิ์ )ที่วัด จากนั้นน้าน้าขมิ้นส้มป่อย น้าอบ น้าหอมไปสรงน้า พระพทุ ธรูป ปลอ่ ยนกปล่อยปลา เพือ่ เปน็ การสะเดาะเคราะห์ ตอนบ่ายเป็นต้นไป การด้าหัวเจ้าอาวาสวัด พระเถรานุเถระ ตลอดจนผู้มีบุญคุณ ผู้มีอุปการ คุณ ผู้ที่เคารพนับถือ ผู้ใหญ่บ้าน หมอเมือง เป็นต้น หากเป็นการไปด้าหัวพระสงฆ์ พระเถระ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ ผู้มีต้าแหนง่ ทง้ั หลาย ขององคก์ ร หม่บู ้าน และชมุ ชน จะจัดเป็นขบวนประกอบด้วย จะมีหมาก สุ่ม หมากเบ็ง ต้นผึ้ง ต้นดอก ต้นเทียน เป็นเครื่องประกอบพิธี นอกจากน้ี เจ้าอาวาสจะน้าศรัทธา ชาวบ้านไปดา้ หวั เจา้ คณะต้าบล เจา้ คณะอา้ เภอ พระเถระผูใ้ หญ่ และนยิ มด้าหัวพระเจ้า/พระธาตุ ด้า หัวกู่ (อฐั ิ) ในวนั น้ดี ว้ ย วันปากปี หมายถึง ต้นทางแห่งการด้าเนินชีวิตในปีต่อไป จะมีการบูชาข้าวลดเคราะห์บูชา เคราะห์ปีใหม่และบูชาเทียน ส่งเคราะห์บ้าน หรือสืบชะตาบ้าน เพ่ือถือว่าเป็นการรับส่ิงใหม่ๆ เข้ามา ผูกข้อไม้ข้อมือให้ลูกหลาน นอกจากนั้น จะน้าขนุนมาประกอบอาหารเรียกว่า แกงขนุน หรือต้าขนุน เพอื่ รับประทานแล้วจะมีคนมาอดุ หนนุ อปุ ถัมภค์ า้ ชูตลอดปี ส้าหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนถือได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่แต่เดิมเป็นชาวไทใหญ่ (ชาวไต) เห ลนิ หา้ เปน็ เทศกาลส้าคัญของชาวไทใหญ่ เรียกว่า ปอยเหลินห้าหรือปอยซอนน้าวันปีใหม่ ชาวไทใหญ่ จะได้สรงน้าพระพุทธเจ้ารูปตามวัดวาอารามหรือบ้านเรือนของตน นอกจากมีการสรงน้าพระ ก่ันตอ “จอมฮอย ทุงจ่ามไต กั่นตอคนเฒ่า เหลินห้า” เป็นชื่อตามภาษาไทยใหญ่แบบเต็มๆ ของประเพณีขอ ขมาผู้สูงอายุในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทยใหญ่ บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ ขอขมาพระสงฆ์และ ท้าบุญตักบาตรฟังเทศน์ ฟังธรรมตามประเพณี เช่นเดียวกับงานสงกรานต์ของล้านนา คือ ช่วงเวลา วนั ท่ี ๑๔-๑๕ เมษายน ของทุกปี คอื ถา้ ข้นึ วดั วนั ที่ ๑๕ เมษายน จะเร่ิมกั่นตอหรือขอขมาในวันท่ี ๑๔ เมษายน และถ้าวันข้ึนวัดตรงกับวันที่ ๑๖ เมษายน ก็จะเร่ิมก่ันตอในวันท่ี ๑๕ เมษายน ในเวลาตอน ค่้าๆ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐-๒๑.๐๐น. และวันรุ่งขึ้นวันที่ ๑๖ เมษายนก็จะท้าบุญท่ีวัด เตรียมข้าวปลา อาหารใส่ปิ่นโต และของใช้ต่างๆ ท่ีเห็นว่าเหมาะสมจัดใส่ถาดถวายพระสงฆ์ท่ีวัด พอท้าบุญเสร็จแล้ว จึงจะกัน่ ตอญาตผิ ู้ใหญ่ทเี่ คารพนับถอื โดยจะพากนั เปน็ หมคู่ ณะแสดงถึงความพร้อมเพียงกัน จากน้ันก็ ไปกั่นตอหมู่บ้านและวัดต่างๆ ท่ีใกล้เคียง การก่ันตอวัดในชุมชนท่ีตนเองอยู่มักจัดพิธีในวันที่ ๑๘ เมษายน กิจกรรมจะกั่นตอหรือขอขมาพระสงฆ์ที่วัดและก็จะมีการสรงน้าพระพุทธรูปที่วัด ให้คนใน ชุมชนไดส้ รงนา้ พระ ชาวบา้ นในชุมชนก็จะจดั เตรยี มน้าสม้ ป่อย (ดอกมะลิ ฝักส้มป่อย ผงขม้ินผสมน้า) ในขนั เงนิ ท่เี ตรยี มไป เพอ่ื จะก่นั ตอหรอื ขอขมาพระสงฆ์และสรงน้าพระพุทธรูปท่ีวัด แล้วพระสงฆ์ให้ค้า อวยพรเปน็ เสร็จพิธี
๗๗ ภาคกลาง สงกรานต์พระประแดง เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะชาวไทยเช้ือสายมอญท่ียังคง อนุรักษ์วัฒนธรรมพ้ืนถิ่นไว้อย่างครบครันโดยเฉพาะชุมชนมอญพระประแดงที่สรรค์สร้างประเพณี สงกรานต์ให้เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยเช้ือสายมอญอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาถือว่าเป็นเวลาท่ีคน มอญจะต้องแสดงความกตัญญต่อบรรพบุรุษผู้มีพระคุณ ถือเป็นวันรวมญาติ เป็นการกลับมาของคน มอญ เปน็ วันทา้ บญุ เป็นการบูชาบรรพบรุ ษุ และภูตผิ ที ีป่ กป้องคมุ้ ครอง สงกรานตพ์ ระประแดงเปน็ วนั สงกรานต์ของชาวไทยเช้ือสายมอญที่สนุกสนานมากและเป็นท่ี รู้จักของประชาชนชาวไทยท่ัวไปทุกท่ี จะมีผู้มาร่วมเล่นน้าในวันสงกรานต์พระประแดงเป็นจ้านวน มาก เน่ืองจากจัดภายหลังจากสงกรานต์อื่นๆ (ถัดจากวันสงกรานต์ไทยไปหน่ึงอาทิตย์) จุดเด่นอีก ประการหนึ่งคือ การมีขบวนแห่นางสงกรานต์ พร้อมด้วยขบวนแห่นกแห่ปลาท่ียิ่งใหญ่สวยงาม ตระการตาที่หลายหนว่ ยงาน/หม่บู า้ นรว่ มกนั จดั ข้นึ สงกรานต์พระประแดงน้ันเป็นที่สนุกสนานยิ่ง นัก เป็นท่ีรู้จักแพร่หลายทั่วประเทศ ถึงความย่ิงใหญ่และความสวยงามตระการตาของขบวนแห่นาง สงกรานต์ ขบวนรถบุปผาชาติ ขบวนสาวรามัญ–หนุ่มลอยชาย ที่ยังคงรักษาประเพณีเก่าๆ ไว้อย่าง ม่ันคงตลอดถึงเอกลักษณ์การแต่งกายด้วยชุดไทยรามัญและชุดลอยชาย ซ่ึงชาวพระประแดงได้รักษา ประเพณไี วโ้ ดยเคร่งครัดตลอดมา จนถึงทุกวันนี้ ภาคอสี าน งานประเพณีสงกรานต์หรืองานบุญขึ้นปีใหม่ ซ่ึงตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค้่า เดือนห้า เป็น ประเพณที ่มี ีน้าเข้ามาเกี่ยวขอ้ ง อาทิ มกี ารสรงน้าพระพุทธรูป สรงน้าพระสงฆ์ รดน้าขอพรจากผู้เฒ่า ผแู้ กแ่ ละผูท้ เ่ี ราเคารพนับถือ สรงน้าอัฐิของบรรพบุรุษ /ญาติท่ีล่วงลับ การจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนมาก จะจดั ๓ วนั ระหว่างวนั ที่ ๑๓ - ๑๕ เมษายน ของทุกปี โดยชาวบ้านจะมีการเตรียมงานล่วงหน้า ๒ - ๓ วนั กลา่ วคอื ชาวบ้านจะตอ้ งออกหาฟนื หาอาหารและเสบียงอาหาร ต้าข้าวไว้ส้าหรับการรับประทาน ในช่วงวันสงกรานต์ อย่างน้อย ๕ - ๗ วัน ตักน้าใส่ตุ่มให้เต็ม เก็บกวาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย เนือ่ งจากเม่ือเริม่ วันสงกรานตห์ รอื ภาษาอีสานเรียกว่า วันเนา ชาวบ้านจะไม่ท้าอะไร หยุดท้างานที่เป็น ปกติของตนเอง ไม่ให้ท้างานอะไรเลยเป็นเวลา ๕ - ๗ วัน ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่า หากใครท้างานใน ช่วงเวลานีจ้ ะท้าใหห้ ูหนวก ตาบอด ท้าให้ชาวบา้ นตอ้ งมีการเตรียมการต่างๆไว้ล่วงหน้า นอกจากน้ันยังมี ภารกจิ ทจี่ ะตอ้ งจัดเตรียมอุปกรณ์ เคร่ืองใช้ต่างๆ อาทิ การแห่พระ การแห่ดอกไม้ การละเล่นต่างๆที่ ต้องมีการเตรียมไว้ให้พร้อม มีการขนทรายเข้าวัดก่อน บางชุมชนมีการจัดหาเทพีนางสงกรานต์ และ ตกแตง่ ยานพาหนะท่ีจะนา้ ไปแห่ในวันสงกรานต์ นอกจากน้ี ในระหวา่ งช่วงสงกรานต์ จะไม่มีการดุด่า ว่ากล่าวกัน ไม่มีเสียงต้าข้าวจากครกกระเดื่อง หรือออกหาฟืน แต่จะมีการท้าบุญ ถวายภัตตาหาร พระสงฆ์ การปลอ่ ยนก ปลา เตา่ หอย เป็นตน้ วันเริ่มงานวันแรก (วันท่ี ๑๓ ) ถือเป็นวันสังขานต์ล่อง เป็นวันที่ราศีเก่าเข้าสู่ราศีใหม่ มี กจิ กรรมต่างๆตามประเพณี ได้แก่ การนมิ นตพ์ ระพุทธรูปลงจากโบสถ์มาสรงน้า มีการจัดขบวนแห่นาง สงกรานต์ ขบวนแห่พระพุทธรูปท่ีตกแต่งสวยงาม ขบวนฟ้อนร้า โดยแห่ไปรอบ ๆ ชุมชน เพ่ือให้ ชาวบา้ นไดม้ โี อกาสสรงนา้ พระพุทธรูป บางชุมชนจะมีการแห่ขบวนดอกไม้ไปรอบ ๆ ชุมชน เน่ืองจาก
๗๘ ในฤดูน้ีต้นไม้จะออกดอกบานสะพรั่งกันมาก เช่น คูณ ทองหลาง ตะแบก ทองกวาว ดอกไม้ดังกล่าว จะน้ามาบูชาพระและน้ามาตกแต่งซุ้มพิธีท่ีใช้เป็นท่ีสรงน้าพระพุทธรูป ก่อนสงกรานต์ชาวบ้านใน ชุมชนจะมาช่วยกันสร้างผาม (ซุ้มพิธีท่ีจัดเตรียมไว้) อย่างสวยงามเพ่ือนิมนต์พระพุทธรูปมา ประดิษฐานช่ัวคราวให้ชาวบ้านได้มีโอกาสสรงน้าพระพุทธรูป ในสมัยก่อน น้าที่ใช้สรงน้าพระเป็นน้า ขมิ้น (ใช้ขม้ินสดขูดลงไปในน้าสะอาด) แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้าผสมกับน้าอบน้าหอมที่มี วางขายท่ัวไป มีการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ นอกจากน้ี จะมีพิธีกรรมในการบังสุกุลบรรพบุรุษที่ ล่วงลับไปแลว้ เปน็ การบังสุกลรวม โดยชาวบา้ นจะนา้ เอาอัฐขิ องบรรพบุรษุ ท่เี ก็บไว้ทีบ่ ้าน มารวมกันท่ี ศาลาวัด และท้าพิธีทางศาสนา หากครอบครัวใดเอาอัฐิไว้ที่ธาตุ (ท่ีบรรจุอัฐิ) ก็จะท้าพิธีบังสุกุลท่ีธาตุ แตก่ ารบังสุกุลน้ี บางชมุ ชนจะท้าในวนั ท่ี ๑๔ เมษายน วันท่ี ๑๔ เมษายน เป็นวันครอบครัว ญาติพ่ีน้องจะมาพบปะ รับประทานอาหารร่วมกัน มี การผูกแขน เพ่ือเป็นสิริมงคล และญาติผู้ใหญ่ให้พรแก่ลูก ๆ หลาน ๆ วันน้ีเรียกว่าวันเนา (วันท่ีไม่มี การท้างานใด ๆ มีแต่การจัดกิจกรรมที่สนุกสนาน เป็นวันพักผ่อน) เพื่อหยุดพักผ่อน บางคนจะมี สิ่งของมามอบให้ผู้ใหญ่เรียกว่า เครื่องสมมา เช่นผ้าขาวม้า ผ้าถุง หลังจากน้ันก็จะมีการละเล่น พ้ืนบา้ น เชน่ ตี่จบั ขีม่ ้าทรงเมอื ง งูกนิ หาง หมากเกบ็ หมากหง้ึ บักหมาหนังโปก บักอี๋ ดึงหนัง (ชักกะ เย่อ) เป็นต้น ซ่ึงการละเล่นพ้ืนบ้านน้ี บางชุมชนจะจัดทุกวันในระหว่างสงกรานต์ โดยจะจัดหลังจาก รับประทานอาหารเย็น ในวันนี้ยงั เป็นวันท่ีหนุ่มสาวเล่นสาดน้าอย่างสนุกสนาน จะปล่อยอิสระ สามารถ มาพบปะพดู คยุ เล่นน้าสงกรานต์ดว้ ยกนั ได้ ในสมยั กอ่ น ชาวบ้านจะสามารถเล่นน้าร่วมกับพระสงฆ์ได้ โดยมกี ารขอขมาพระสงฆใ์ นวนั ก่อนและหลังวันสงกรานต์ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเล่นน้าร่วมกันระหว่าง พระภิกษุและชาวบ้าน แต่จะเป็นการสรงน้าพระสงฆ์ วันน้ี บางชุมชนจะมีการท้าบุญให้แก่บรรพบุรุษ สรงน้ากระดูก นิมนต์พระสงฆ์สวดมาติกา อุทิศบุญกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่บางชุมชนจะท้า กนั ในวนั ที่ ๑๓ เมษายน และ ไปทา้ พธิ ีทวี่ ัด พระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนตเ์ ย็น วนั ที่ ๑๕ เมษายน เปน็ วันเถลิงศก เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยสมัยโบราณ วันนี้เป็นวันท้าบุญ รวมของทกุ คนในชุมชน และอทุ ศิ บญุ กศุ ลใหแ้ กญ่ าตผิ ู้ลว่ งลับ ทุกครอบครัวจะน้าอาหารมาถวายพระ รับประทานอาหารร่วมกัน และมีการรดน้าด้าหัวให้แก่พระภิกษุสามเณรและผู้สูงอายุ ท้าน้าพระพุทธ มนต์ พระสงฆเ์ จริญพระพุทธมนต์ ประพรมน้าพระพุทธมนต์และให้พรแก่ญาติโยม เพื่อให้อยู่เย็นเป็น สุขตลอดไป นอกจากน้ี มีการก่อเจดีย์ทราย ที่วัด ซึ่งประดับด้วยดอกไม้ และธงสีต่าง ๆ เน่ืองจาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เมื่อเราเข้าวัด เราเหยียบดินทรายออกจากวัด จึงจ้าเป็นจะต้องมีการขนทราย เข้าวัดเพื่อเป็นการน้ากลับไปไว้ที่วัดเหมือนเดิม บางชุมชนจะก่อเจดีย์ทราย (ภาษาอีสานเรียกว่าก่อ ประทาย) ในวันท่ี ๑๖ เมษายน โดยบางชุมชนจะก่อเป็นรูปจระเข้และรูปเต่าอย่างละ ตัว เพราะเช่ือ ว่าจะมอี ายุยนื ช่วงหลังจากวันสงกรานต์ บางชุมชนในจังหวัดต่างๆ เช่น อุบลราชธานี มหาสารคาม จะมีการ จัดกิจกรรมต่อเน่ือง คือ ประเพณีการรักษาบ้าน โดยมีความเชื่อว่า เม่ือขึ้นปีใหม่ไทย จะต้องท้า ประเพณีการรักษาบ้าน เพ่ือเป็นการคุ้มครองปกปักษ์รักษาบ้านเรือน ให้ทุกคนในบ้านมีแต่ความสุข ปลอดภัย ประสบความส้าเร็จ ซ่ึงได้มาปฏิบัติกันมาเป็นประจ้าทุกปีและสืบทอดกันมานาน เช่น ชุมชนคุ้มเครือวัลย์ จังหวัดมหาสารคาม ชาวบ้านทุกครัวเรือน จะจัดเตรียมอาหารถวายพระสงฆ์ ที่ ศาลากลางบา้ น พระสงฆ์เจริญพระพทุ ธมนต์ เมือ่ เสรจ็ พิธที างพุทธศาสนาแล้ว จะมีพิธีการบูชา ศาลปู่
๗๙ ตา ซึง่ เป็นทีเ่ คารพของชาวบา้ น ผูน้ ้าในการท้าพิธีนี้เรียกว่า พ่อจ้า ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดยการเข้าทรง วา่ ใครจะได้เป็นผู้น้าในการทา้ พธิ ีกรรมตา่ งๆตาม ที่ไดป้ ฏบิ ัติมาตง้ั แตป่ ยู่ ่า ตายาย ชุมชนในจงั หวดั ภาคใต้ ภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูผสมผสานกับศาสนาพุทธ ประชาชนจึง เช่ือว่าวันสงกรานต์เป็นช่วงเวลาผลัดเปล่ียนเทวดาผู้รักษาดวงชะตาบ้านเมือง จึงถือวันแรกของ สงกรานต์ คอื วันท่ี ๑๓ เมษายน เป็น \"วันส่งเจ้าเมืองเก่า\" หรือ \"วันเจ้าเมืองเก่า\" เจ้าเมืองหรือเทพย ดาประจ้าปีผทู้ า้ หน้าที่รักษาดวงชะตาของบ้านเมือง จ้าเป็นต้องละทิ้งบ้านเมืองท่ีตนรักษาไปชุมนุมกัน บนสวรรค์ ชาวบ้านจึงท้าความสะอาดบ้านเรือน เครื่องใช้ เคร่ืองแต่งกาย เคร่ืองประดับและร่างกาย บางคนกท็ ้าพธิ สี ะเดาะเคราะห์ โดยท้าพธิ ลี อยเคราะห์ลงในแม่น้า เพื่อฝากเคราะห์กรรมซึ่งตนประสบ ไปกบั เจา้ เมืองเก่าและอธิษฐานขอใหป้ ระสบโชคดตี ลอดปใี หม่ ก่อนวันสงกรานต์ชาวใต้จะจัดเตรียมอาหารคาวหวานเพื่อน้าไปท้าบุญ เช่น ขนมค่อมญวน หรอื ขนมสอดไส้ ขนมเทียน เปน็ ต้น วันท่ี ๑๔ เมษายน ชาวใตเ้ รียกว่า \"วนั วา่ ง\" จะไปท้าบญุ ตักบาตรท่ีวดั และสรงน้าพระพุทธรูป ทเ่ี รยี กว่า \"วันว่าง\" เพราะเชอ่ื กนั วา่ วนั น้ีเจา้ เมืองก็ยังสถิตอยู่บนสวรรค์ ในเมืองจึงไม่มีเจ้าเมืองประจ้า อยู่ ชาวบ้านจึงต้องหยุดกิจการงานอาชีพทุกอย่าง เพราะเกรงว่าหากประกอบกิจการจะก่อให้เกิด ความเสียหายขึ้น เน่ืองจากไม่มีเจ้าเมืองคุ้มครองรักษา สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ จึงถูกเก็บไว้ มิได้ น้ามาใช้เป็นการชั่วคราวประมาณสามวัน ประชาชนส่วนใหญ่พากันไปท้าบุญ เม่ือท้าบุญแล้วก็น้า อาหารและเคร่ืองบูชา ไปเคารพผู้อาวุโส และพระสงฆ์ท่ีเคารพ โดยถือโอกาสขอพรรดน้า เพื่อ แสดงออกถงึ ความเคารพความกตญั ญดู ว้ ย เมื่อท้าบุญท่ีวัดและรดน้าผู้อาวุโสแล้ว ชาวบ้านต่างมาชุมนุมกัน เพื่อเล่นการละเล่นต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน เรียกว่า \"เล่นว่าง\" ซึ่งมหรสพและการละเล่นที่นิยมกันมากคือ มโนห์รา หนัง ตะลุง มอญซ่อนผ้า อุบลูกไก่ ชักเย่อ สะบ้า จระเข้ฟากหาง (หรือบางแห่งเรียกว่าฟาดทิง) ยับ สาก เตย ปิดตา ลกั ซ่อน ววั ชนและเชือ้ ยาหงส์ เป็นตน้ และวันสุดท้าย คือ วันที่ ๑๕ เมษายน เป็นวัน \"เจ้าเมืองใหม่\" หรือ \"วันรับเจ้าเมืองใหม่\" เช่ือ วา่ วนั นเ้ี จา้ เมือง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คุ้มครองเมืองต่าง ๆ อันอาจจะไม่ใช่เมืองที่ตนเคยประจ้า อยู่แต่เดิมในปีท่ีแล้ว จะลงมาประจ้าเมือง ซึ่งต้องท้าหน้าท่ีคุ้มครองตลอดปีใหม่ ชาวเมืองจึง เตรยี มการต้อนรบั เทวดาเจ้าเมอื งคนใหม่ด้วยความยินดี โดยผู้คนก็จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ เพื่อ นา้ อาหารไปถวายพระที่วัด จากน้ันก็ไปรดน้าผู้อาวุโสที่ยังตกค้างไม่ได้ไปรดน้าใน \"วันว่าง\" ส้าหรับใน บางตระกลู ท่ีมญี าติพน่ี ้องจ้านวนมาก แต่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีประเพณีสงกรานต์ท่ีเป็นเอกลักษณ์นอกเหนือจากประเพณี สงกรานตใ์ นจังหวดั อื่น ๆ ในภาคใต้ ดังน้ี ๑. ประเพณีแห่และสรงน้าพระพทุ ธสิหิงค์ ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปท่ชี าวนครศรีธรรมราชให้ ความเล่อื มใส ศรทั ธา โดยในวันสงกรานต์ที่ 13 เมษายนของทุกปี ทางการจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกมาประดิษฐานชั่วคราวที่สนามหน้าเมือง ให้พุทธศาสนิกชนและประชาชนท่ัวไปสรงน้า เพ่ือเป็น สริ ิมงคลแก่ชวี ิตเนื่องในวาระข้นึ ปีใหมข่ องไทย เพราะเป็นพระพุทธรปู สา้ คญั คูเ่ มอื งนครศรธี รรมราช
๘๐ ๒. พิธแี หน่ างดาน เป็นประเพณขี องศาสนาพราหมณ์ ซ่ึงปฏบิ ตั ิกันมาตัง้ แตค่ รง้ั มีชมุ ชน พราหมณ์เกิดข้ึนในนครศรีธรรมราช ราว พ.ศ. ๑๒๐๐ ค้าว่านางดานหรือนางกระดาน หมายถึง แผ่นไม้กระดานขนาดกว้างหน่ึงศอกสูงสี่ศอก ซ่ึงวาดหรือแกะสลักรูปเทพบริวารในคติพราหมณ์ จ้านวน ๓ องค์ แผ่นแรก คือ พระอาทิตย์และพระจันทร์ แผ่นท่ีสองคือแม่พระธรณี แผ่นท่ีสามคือ พระแม่คงคา เพ่อื ใชใ้ นขบวนแห่เพอื่ รอรบั เสดจ็ พระอศิ วรทเ่ี สดจ็ มาเยยี่ มมนุษย์โลก ณ เสาชงิ ช้า ประเพณแี หน่ างกระดานหรอื แหน่ างดานเป็นสว่ นหนึง่ ของประเพณีตรียัมปวายหรือประเพณี โล้ชิงช้า ท่ีพราหมณ์ในนครศรีธรรมราชสมัยโบราณท่ีนับถือพระอิศวรเป็นเจ้าปฏิบัติกันมาในช่วง เดอื นยห่ี รือเดอื นบษุ ยมาสของทุกปี ซึ่งยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ แก่นแท้หรือหัวใจของประเพณีแห่ นางกระดาน คือ การอัญเชิญเทพช้ันรองสามองค์มารอรับเสด็จพระอิศวรท่ีจะเสด็จลงมาเยี่ยม มนุษยโลกในชว่ งวันขนึ้ ๗ ค่้า ถึงวันแรมค่้าเดือนย่ี รวมเวลาเสด็จมาเยี่ยม ๑๐ ราตรี เทพชั้นรองสาม องค์ที่พราหมณ์ในนครศรีธรรมราชอัญเชิญมารับเสด็จนี้ คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระธรณี และ พระคงคา เทพดังกล่าวนี้จารึกหรือแกะสลกั ลงบนแผ่นไมข้ นาดกว้างหนง่ึ ศอก สูงสี่ศอก ชาวนครเรียก ไม้แกะสลักดังกล่าวนี้ว่า “นางกระดาน” เม่ือถึงวันพิธีการพราหมณ์ก็อัญเชิญนางกระดานท้ังสามน้ี มายงั เสาชิงชา้ ในหอพระอิศวร เพ่อื รอรับพระอศิ วรที่จะเสด็จเยี่ยมโลกมาทเ่ี สาชงิ ช้าดังกลา่ ว พิธีการแหน่ างกระดานแต่เดิม พราหมณ์ในนครศรธี รรมราชจะอัญเชิญเทพนางกระดานท้ังสาม ไปประดิษฐานบนเสลี่ยง หามกันมายังจุดนดั หมายทีส่ ะดวกแก่การชุมนมุ ส่วนมากนิยมจัดขบวนกันที่ ฐานพระสยมบริเวณตลาดท่าชีปัจจุบัน ในเวลาโพล้เพล้ ขบวนแห่ประกอบด้วยเครื่องประโคมดนตรี อันมีป่ีนอก กลองแขกหรือกลองสองหน้าและฆ้อง ถัดมาเป็นเครื่องสูง ซ่ึงประกอบด้วยฉัตร พัดโบก บงั แทรก บงั สูรย์ มีพระราชครูและปลัดหลวงเดนิ น้าหนา้ เสล่ียงละคน มีพราหมณ์ถือสังข์เดินตาม ปิด ทา้ ยด้วยนางละครหรือนางอัปสรและ ผถู้ อื โคมบวั เมอ่ื ถึงหอพระอิศวร ขบวนก็เคล่ือนเข้ามาตั้งแต่ท่ีบริเวณทิศใต้ของหอแล้วจึงเวียนรอบเสา ชิงช้า สามรอบ จากนั้นพระราชครูจะอ่านโองการเชิญเทพ เร่ิมต้นด้วยบทสัคเด ... จบด้วยบท บวงสรวงเทพยดา แลว้ จงึ อัญเชญิ นางดานทั้งสามมาประจ้าในมณฑลพิธีที่จัดไว้ทางด้านทิศเหนือของ เสาชิงช้า รอเวลาท่ีพระอิศวรจะเสด็จลงมาทางเสาชิงช้าในช่วงไม่ก่ีนาทีข้างหน้า ก่อนถึงเวลาท่ีพระ อศิ วรเสด็จลงมา นางอัปสร ๑๒ นางจะร้าบูชาพระอิศวร เรียกว่า “ร้าบูชิตอิศรา” จบแล้วพระยายืน ชงิ ชา้ ซ่ึงรับสมมตุ เิ ป็นพระอิศวรกจ็ ะเดินเขา้ มาประจ้าที่ชมรมหรอื ปะรา้ พิธี ถือกันวา่ พระอิศวรได้เสด็จ ลงมาเยี่ยมโลกแล้ว เมอื่ พระอศิ วรเสดจ็ มาถงึ กจ็ ะโล้ชิงช้าถวาย การพธิ ีชว่ งนจี้ ะมีพระยายืนชิงช้าซ่ึงรับสมบัติเป็น พระอิศวรเข้ามาประจ้าท่ีโรงปะร้าพิธี พระยาน่ังยกเท้าขวาพาดเข่าซ้าย เท้าซ้ายยันพ้ืน ท้าเสมือน พระอิศวรหย่อนพระบาทลงมายังโลกมนุษย์ จากน้ันนาลิวัน ๑๒ คน ซึ่งแต่งกายด้วยสนับเพลาและ ผ้านุ่งโจมทับ สวมเส้ือขาว คาดผ้าเก้ียว ศีรษะสวมหัวนาค มือถือเสนง (เขาควาย) ก็จะข้ึนนั่งที่ไม้ กระดานชิงช้าคราวละ ๔ ตน (เรียกว่า 'หนึ่งกระดาน') ผลัดกันไกวชิงช้าให้ข้ึนสูงที่สุดเท่าที่จะท้าได้ เป็นเสมือนการทดสอบความแข็งแรงของแผ่นดินและภูเขาว่ายังม่ันคงอยู่ดีหรือไม่ ระยะหลังมีการโล้ และเอื้อมไปหยิบถุงเงินท่ีแขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ ซึ่งเป็นเงินรางวัลแก่นาลิวันด้วย เม่ือโล้ชิงช้าครบท้ัง สามกระดานแล้ว นาลวิ ันท้ัง ๑๒ คนกพ็ ากนั ออกมาร้าเสนงและวักน้าเทพมนตจ์ ากขันสาคร ซ่ึงสมมติ เปน็ น้าจากหว้ งมหรรณพ ถือเป็นการประสาทพร และเป็นการเล่นสนุกสนาน ก่อนจะเสร็จพิธีการแต่
๘๑ ละวัน การอัญเชิญพระอิศวรให้เสด็จมาเช่ือกันว่าเพ่ือประสารพรให้มีความสุขสบาย คุ้มครอง บ้านเมืองให้ปลอดภยั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในฐานะเป็นเมืองเกษตรกรรม ย่อมต้องการที่จะให้พระองค์ บันดาลความอุดมสมบูรณ์แก่พืชพันธ์ุธัญญาหาร เช่น ให้น้าท่าบริบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล เมื่อ บวงสรวงแล้วก็จะประสาทพรโดยให้เทพบริวารทั้งหลาย มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระธรณี และ พระคงคา เปน็ ตน้ ชาวเมืองเชื่อกันว่าพระอิศวรเสด็จมาเยี่ยมมนุษย์โลกเพื่อประสาทพรให้เกิดความสงบสุข ท้า ให้เกดิ นา้ ทา่ อดุ มสมบูรณ์ และช่วยค้มุ ครองมนุษยโ์ ลกให้ปลอดภัย ซง่ึ ตามความเชอ่ื การเสด็จลงมาของ พระอิศวรจะต้องเสด็จลงมาในเดือนอ้าย ซ่ึงเป็นปีใหม่ของชาวพราหมณ์ฮินดู เพ่ือให้ประเพณีแห่นาง ดานเป็นที่รู้จักและคงไว้ซึ่งประเพณีเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชและก้าเนิดขึ้นเป็นแห่งแรกใน เมืองไทย ปัจจุบัน ประเพณีแห่นางดาน จัดข้ึนในวันที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปี โดยมีขบวนแห่นางดาน จากสนามหนา้ เมืองมายังหอพระอิศวร การแสดงแสง สี เสียง ต้านานนางดานและเทพเจ้าท่ีเกี่ยวข้อง การจา้ ลองพิธีแห่นางดาน และการโลช้ ิงช้า ซ่ึงเปน็ การโลช้ งิ ช้านอกเขตเมอื งหลวงแห่งเดียวของไทยใน ปัจจุบัน โดยเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเป็นผู้รับผิดชอบ และถือเป็นกิจกรรมส้าคัญในปฏิทินการ ท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย โดยจัดขึ้น ณ สวนศรีธรรมา โศกราช สนามหน้าเมือง หอพระอิศวร จังหวัดนครศรีธรรมราช จะมี \"สงกรานต์นางดาน\" หรือ \"เทศกาลมหาสงกรานต์เมืองนครศรีธรรมราช\" จัดข้ึนทุกปี ส้าหรับกิจกรรมภายในเทศกาลสงกรานต์ เมืองนครน้ี จะมีมหกรรมขนมพื้นบ้าน อาหารพ้ืนเมือง กิจกรรมนั่งรถชมเมือง เล่าเร่ืองลิกอร์ น่ังสาม ล้อโบราณชมเมอื งเก่า พิธีพทุ ธาภิเษกน้าศักด์ิสิทธ์ิจาก ๖ แหลง่ เป็นตน้ สาเหตุที่เมืองนครศรีธรรมราชจัดประเพณีแห่นางดานในช่วงวันสงกรานต์เพ่ือสนับสนุนและ สง่ เสริมให้คนตระหนักถึงส่ิงที่มีพระคุณต่อการประกอบอาชีพการเกษตร เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แผ่นดินและแม่น้า จึงน้ามาผนวกเข้ากับประเพณีสงกรานต์ ร่วมท้ังเพ่ือเพิ่มกิจกรรมในวันสงกรานต์ และส่งเสรมิ การทอ่ งเทีย่ วอีกดว้ ย ๓. ประเพณีอาบน้าคนแก่หรือรดน้าขอพรผู้ใหญ่ เป็นประเพณีเก่ียวเน่ืองมาจากประเพณี สงกรานต์ชาวนครศรีธรรมราชทีเ่ ชื่อว่าในวันท่ี ๑๔ เมษายน เทวดาที่เฝ้ารักษาเมืองท้ังหลายจะพากัน ขึ้นไปเมืองสวรรค์กันหมด ท้ังเมืองจึงปราศจากเทวดา วันน้ีจึงเรียกว่า “ วันว่าง “ คือเป็นวันท่ีทุกสิ่ง ทุกอย่างว่างเทวดาคุ้มครอง ชาวบ้านจะหยุดท้ากิจการงานทุกอย่างเก็บสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ชาวบา้ นจะนา้ ภตั ตาหารและเครอื่ งนมัสการต่าง ๆไปท้าบุญที่วัดใกล้บ้าน เสร็จแล้วจึงไปสักการะและ สรงน้าพระพทุ ธสหิ ิงคท์ ส่ี นามหน้าเมือง และนิยมรองรับน้าจากการสรงน้าพระพุทธสิหิงค์เพ่ือน้าไปไว้ ใช้ในงานมงคลที่บ้านของตนอีกด้วย เมื่อสรงน้าพระพุทธสิหิงค์เสร็จแล้ว ชาวนครศรีธรรมราชจะน้า อาหาร เคร่อื งนงุ่ ห่ม เคร่ืองใช้ไปให้ญาติคนแก่ที่ตนเคารพนับถือแล้วขออาบน้าให้ท่านด้วย เพ่ือความ เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวประเพณีอาบน้าคนแก่ อยู่ในช่วงระยะเวลาของวันที่ ๑๓ - ๑๕ เดือนหา้ (เมษายน) ของทกุ ปี ซ่ึงจะเลือกเอาวนั ไหนกไ็ ด้ จากภาพรวมของกิจกรรมต่าง ๆ ในวันสงกรานต์ในทุก ๆ ภาคของประเทศไทย จะเห็นได้ว่า สงกรานตเ์ ป็นประเพณีทง่ี ดงามออ่ นโยน เอ้อื อาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความ
๘๒ เคารพซ่งึ กันและกัน เปน็ ประเพณีทีใ่ ห้ความส้าคัญของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ในสังคม โดย ใช้น้าเป็นสื่อในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งคุณค่าประเพณีสงกรานต์ที่มีต่อผู้ปฏิบัติ ชุมชน และสงั คมอาจสรุปได้ ดังน้ี ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีท่ีถือปฏิบัติและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตามคติทาง ศาสนาพราหมณ์ท่ีชนชาวไทยรับเอามาประยุกต์กับพิธีทางพระพุทธศาสนา เพ่ือเป็นอุบายในการ ปกครอง ไมว่ า่ จะเปน็ การครองตน ครองคน หรอื ครองงาน ประเพณีสงกรานต์น้ี จึงย่อมมีความหมาย และมคี ุณค่าต่อผู้ปฏิบัติ ชุมชน และสังคมเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ (กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษา ทหารบก, ๒๕๕๕) วันสงกรานตเ์ ปน็ วนั แหง่ ความรัก ตามบทกลอนทว่ี า่ วันแหง่ ความรักยิง่ ใหญ่มิใช่ฝนั วนั แหง่ ความผูกพนั ทมี่ นั่ หมาย พอ่ แม่ลูกปู่ยา่ ทั้งตายาย ไม่เสื่อมคลายความรกั นี้ทีผ่ กู พนั ความผูกพันในครอบครัวอย่างแท้จริง สมัยก่อนพ่อแม่จะเตรียมเส้ือผ้าใหม่พร้อม เครอื่ งประดบั ใหล้ ูกหลานไปทา้ บุญ ลูกหลานก็จะเตรียมเสื้อผ้าเคร่ืองนุ่งห่มให้ผู้ใหญ่ได้สวมใส่หลังการ รดน้าขอพร ปัจจุบันเม่ือถึงวันสงกรานต์ทุกคนจะหาโอกาสกลับบ้านไปหาพ่อแม่รดน้าขอพร เพื่อเป็น สริ ิมงคลในการเรม่ิ ต้นปีใหม่และเป็นก้าลงั ใจกนั และกนั ในการดา้ รงชีวิตอยู่ตอ่ ไป วันสงกรานต์เปน็ วันแหง่ การแสดงความกตัญญู ตามบทกลอนทว่ี ่า วนั แหง่ การปรนนิบตั ิจดั ตกแต่ง ไดแ้ สดงกตัญญูรอู้ ดุ หนุน และตอบแทนผู้ที่มีพระคุณ ให้ไดบ้ ญุ ทานอุทิศนจิ นิรันดร์ โดยการปรนนิบัติต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณท่ีมีชีวิตอยู่ และท้าบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ ลว่ งลบั ไปแลว้ วันสงกรานต์ เปน็ วันท่ีก่อใหเ้ กิดความสมคั รสมานสามัคคใี นชมุ ชน ตามบทกลอนทว่ี ่า วนั แห่งการก่อรักสมัครสมาน ร่วมประสานสามคั คที ี่ประสงค์ การละเลน่ ชน่ื ฉ่า้ ดังจ้านง รว่ มด้ารงรักษาประเพณี เช่น การไดพ้ บปะสังสรรคร์ ว่ มกนั ท้าบญุ และการละเล่นสนกุ สนานร่ืนเริงในยามบ่ายหลังจาก การท้าบญุ โดยการเล่นรดน้าในหมเู่ พ่อื นฝงู และคนร้จู ัก และการละเล่นตามประเพณที อ้ งถน่ิ วนั สงกรานตเ์ ป็นประเพณีทก่ี ่อให้เกิดความเอื้ออาทรตอ่ สง่ิ แวดล้อม ตามบทกลอนท่วี า่ วนั แห่งการเอือ้ อาทรสิ่งแวดล้อม และเตรียมพรอ้ มตอ่ การปรบั ปรงุ สถาน รับปีใหม่ของไทยแทแ้ ต่โบราณ จิตเบิกบานพัฒนารม่ อาราม
๘๓ เพราะในวันนี้ทุกคนจะช่วยกันท้าความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของเคร่ืองใช้ทุกอย่างให้สะอาด หมดจด เพ่ือจะได้ต้อนรับปีใหม่ด้วยความแจ่มใส เบิกบาน นอกจากนี้ยังควรช่วยกันท้าความสะอาด วดั วาอาราม ท่ีสาธารณะและอาคารสถานที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ดว้ ย วนั สงกรานต์ เป็นวนั ทา้ บญุ คร้ังส้าคัญคร้ังหนึง่ ของพุทธศาสนิกชน ตามบทกลอนทว่ี า่ วันแหง่ การทา้ บญุ อุ่นซ้งึ ซา่ น วันท้าทานรกั ษาศีลทุกถิน่ ที่ วันปฏิบัติธรรมนา้ ใจแจ่มใสดี เพ่ือส่งศรีพุทธศาสน์พลิ าสรมย์ โดยการท้าบุญตักบาตร เล้ียงพระ ฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม และสรงน้าพระ ศรัทธาในการ ท้าบุญให้ทาน ซ่ึงถือเป็นการเกื้อกูลสูงสุดของมนุษยชาติ และการถือศีลปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นเหตุแห่ง ความเจริญรุง่ เรอื งของชีวติ และสามารถสืบทอดพระพทุ ธศาสนามาได้จนถึงปจั จบุ นั ก่อนวนั สงกรานต์ เป็นการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลและต้อนรับชีวิตใหม่ท่ีจะ เร่ิมต้นในวันปใี หม่ทีก่ ้าลงั จะมาถึง กจิ กรรมท่ีทา้ ไดแ้ ก่ การท้าความสะอาดบ้านเรือน ท่ีอยู่อาศัย เครื่องใช้ข้าวของต่าง ๆ รวมท้ังสถานที่สาธารณะ ตา่ ง ๆ เช่นวดั ศาลา บริเวณชุมชน เป็นตน้ การเตรียมเสอ้ื ผา้ ทจ่ี ะสวมใส่ไปท้าบญุ รวมทั้งเคร่ืองประดับตกแต่งต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีผ้า ส้าหรบั ไปไหว้ผใู้ หญเ่ พ่ือรดน้าขอพรดว้ ย การเตรียมอาหารในการไปท้าบุญ ทั้งของคาวของหวานท่ีพิเศษ ได้แก่ การเตรียมขนมที่ถือ เปน็ เอกลักษณ์ของวันตรุษและวันสงกรานต์ นั่นคือ ข้าวเหนียวแดงส้าหรับวันตรุษ และขนมกวนหรือ กะละแม สา้ หรับวนั สงกรานต์ เมอื่ ถึงวันสงกรานต์ เมือ่ ถึงวันสงกรานต์ เป็นเวลาท่ีทกุ คนจะย้ิมแย้มแจ่มใส ท้าใจให้เบิกบาน เพ่ือท้ากิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งมีดังตอ่ ไปนี้ การท้าบญุ ตักบาตรตอนเช้าหรือน้าอาหารไปถวายพระท่ีวดั การท้าบุญอัฐิ อาจจะท้าตอนไหนก็ได้ เช่น หลังจากพระภิกษุ-สามเณรฉันเพลแล้ว หรือจะ นมิ นตพ์ ระมาสวดมนต์ ฉันเพลทีบ่ า้ น แลว้ บงั สกุ ุลก็ได้ การท้าบญุ อฐั ิ อาจจะนมิ นต์พระไปยังสถานที่เก็บหรือบรรจุอัฐิหากไม่มีให้เขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับ ไปแล้วลงในกระดาษ เมอ่ื บังสกุ ุลเสรจ็ จงึ เผากระดาษแผ่นนนั้ เสีย เช่นเดยี วกบั การเผาศพ การสรงนา้ พระ มี ๒ แบบคอื การสรงน้าพระภกิ ษสุ ามเณร และการสรงน้าพระพทุ ธรูป - การสรงน้าพระภิกษุสามเณร จะใช้แบบเดียวกับอาบนน้า คือ การใช้ขันตักรดท่ีตัวท่าน หรือที่ฝ่ามือก็ได้ แล้วแต่ความนิยม หากเป็นการสรงน้าแบบอาบน้าพระ จะมีการถวายผ้าสบงหรือ ถวายผ้าไตรตามแตศ่ รัทธาด้วย
๘๔ - การสรงน้าพระพุทธรูปอาจจะจัดเป็นขบวนแห่ หรือเชิญมาประดิษฐานในที่อันเหมาะสม การสรงน้าจะใชน้ ้าอบ น้าหอม หรือน้าที่ผสมดว้ ยนา้ อบ นา้ หอม ประพรมทีอ่ งค์พระ การก่อพระเจดีย์ทราย จะท้าในวันใดวันหนึ่งระหว่างวันท่ี ๑๓ - ๑๕ เมษายน โดยการขน ทรายมาก่อเป็นเจดีย์ขนาดต่าง ๆ ในบริเวณวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้วัดได้ใช้ประโยชน์ในการ กอ่ สรา้ ง หรือถมพื้นตอ่ ไปถอื เปน็ การท้าบญุ อีกลักษณะหนงึ่ ทไ่ี ด้ทง้ั บุญและความสนกุ สนาน การปล่อยนก ปล่อยปลา เป็นการท้าบุญท้าทานอีกรูปแบบหน่ึงโดยเฉพาะการปล่อยนก ปล่อยปลาท่ีติดกับดัก บ่วง ให้ไปสู่อิสระ หรือปลาที่อยู่ในน้าต้ืน ๆ ซ่ึงอาจจะตายได้ หากปล่อยให้อยู่ ในสภาพแบบเดมิ การรดน้าผู้ใหญ่ หรอื การรดน้าขอพร เปน็ การแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ของครอบครัว หรือ ผู้ใหญ่ท่ีเคารพนับถือ การรดน้าผู้ใหญ่อาจจะรดน้าทั้งตัวหรือรดเฉพาะที่ฝ่ามือก็ได้ ดังนั้นจึงควรมี ผ้านุ่งหม่ ไปมอบให้ดว้ ย เพ่ือจะไดผ้ ลัดเปล่ียนหลังจากเสรจ็ ส้ินพธิ ีแลว้ การเล่นรดน้า หลังจากเสร็จพิธีการต่าง ๆ แล้ว เป็นการเล่นรดน้าเพ่ือเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างญาติมิตร โดยการใช้น้าสะอาดผสมน้าอบหรือน้าหอม หรือจะใช้น้าอบก็ได้รดกันเบา ๆ ด้วย ความสุภาพ การเลน่ รนื่ เริงต่าง ๆ เช่น เขา้ ทรงแม่ศรี สะบา้ ลกู ช่วง สดุ แล้วแตค่ วามนิยมของท้องถิ่นน้ัน ๆ ประเพณีปฏิบัติเหล่านี้ อาจจะมีความแตกต่างกันออกไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น การจะยึดถือปฏิบัติ อย่างไรนน้ั ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความตอ้ งการของชมุ ชนเปน็ ส้าคญั สิ่งทไี่ ดจ้ ากการทา้ บญุ สงกรานต์ ๑. เป็นการแสดงความเคารพบูชาต่อสิง่ ที่ตนเคารพ ตอ่ บดิ ามารดา และผ้ใู หญ่ทีเ่ คารพนับถอื ๒. เปน็ การช้าระจติ ใจ และรา่ งกายใหส้ ะอาด ๓. เป็นการรักษาประเพณมี าแตเ่ ดิม ๔. เป็นการสนุกสนานรื่นเริงในรอบปี และพักจากงานประจ้าช่ัวคราว เพ่ือจะไปพักผ่อน หยอ่ นใจ ๕. เป็นการเตือนสติว่ามนุษย์น้ันผ่านไป ๑ ปีแล้ว และในรอบปีท่ีผ่านมา เราได้ท้าอะไรบ้าง และควรจะทา้ อะไรตอ่ ไปในปีท่กี า้ ลงั จะมาถงึ ๖. เป็นการเตรียมตัวบวชถ้าเป็นผู้ชายโดยเอาระยะเวลาน้ีบวชกัน เพราะหลังสงกรานต์ต้อง เตรยี มตัวทา้ นาแลว้ ๗. เป็นการทา้ ความสะอาดพระ โต๊ะหมูบ่ ชู า บ้านเรือน ท้งั ในและนอกบา้ น ๒.๘ การถา่ ยทอดและการสบื ทอด ภาคเหนอื ๑. การถ่ายทอดโดยต้องสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์ความรู้ การไม่ยอมรับในส่ิงท่ีผิดเพี้ยน ไปจากประเพณดี ง้ั เดิม การร่วมกิจกรรมระหวา่ งชุมชน วัดด้วย ๒.พ่อแม่ต้องท้าเป็นแบบอย่าง พาไปดูกิจกรรม ร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ และอธิบายให้ ความรู้ความลึกซึ้งของประเพณี การสืบสานเข้าใจในสิ่งที่ได้มีการกระท้าแต่ละพิธีกรรมไปด้วยให้
๘๕ เยาวชน เด็กเข้ามามีส่วนเก่ียวข้องโดยตรง พ่อแม่ คนเฒ่าคนแก่ต้องเล่าสืบกัน และสืบสานกันด้วย การถ่ายทอดจากลูกหลาน คนในครอบครัว และชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน โรงเรียนก็ควรต้องมีการอนุรักษ์ ชว่ ยกันปฏบิ ัติใหถ้ ูกตอ้ ง เป็นตวั อยา่ งท่ีดี ๓. องค์กรชุมชน ผู้มีพลังเข้มแข็ง ต้องร่วมมือสนับสนุน ส่งเสริมคู่ไปกับร่วมมือกับพ่อครู แม่ ครู ผ้รู ู้ ถา่ ยทอดประสบการณ์ แสดงส่ิงที่ถูกต้องแบบอย่าง จัดเป็นประเพณี พิธีกรรมหรือจัดกิจกรรม ท่ถี กู ตอ้ ง เปน็ แบบอย่างในแต่ละพิธกี รรมในแตล่ ะชมุ ชนอย่างตอ่ เนอื่ งและจริงจงั ๔. จังหวัด องค์กรท้องถิ่น เทศบาล หน่วยงาน องค์กรเอกชนควรมีการส่งเสริมกิจกรรมใน การร่วมรณรงคป์ ระเพณปี ใ๋ี หม่เมอื งดว้ ยการจดั การแข่งขันแต่ละประเภทในพิธีกรรมอย่างถูกต้อง ตรง กับจารีตประเพณี มีกติกา มีผู้รู้ในเชิงท่ีสนับสนุน ส่งเสริมด้วยวิธีการอนุรักษ์ในแต่ละประเภทอย่าง ถูกต้อง เช่น การจัดประกวดเคร่ืองสักการะล้านนา หมากสุ่ม หมากเบ็ง ต้นดอก ต้นผ้ึง การจัด ประกวดการตีกลอง เป็นต้น การแข่งขันจะเกิดการพัฒนาองค์ความรู้ และสร้างแรงจูงใจให้เยาวชน และผู้เข้าร่วมแขง่ ขันศกึ ษา ค้นคว้าและสรา้ งภมู ิปัญญาในการรว่ มอนรุ ักษ์สืบสานตอ่ ได้อย่างดี ๕. หน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ ต้องสนับสนุนภูมิปัญญาชาวบ้านให้ได้มีโอกาส เผยแพร่ วิถีการปฏิบัติ แนวทางจารีตประเพณี เปิดช่องทางเผยแพร่ ถ่ายทอดให้อยู่ต่อไปทั้งในสถานศึกษา ชมุ ชน อยา่ งเป็นรปู ธรรม ๖. หน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ ต้องมีการสนับสนุนส่งเสริม และจัดสรรงบประมาณให้ หน่วยงานทมี่ ีการอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรม ภูมิปัญญา เช่น ทุกวันนี้เมืองเชียงใหม่มีโรงเรียนสืบสาน ภูมิปัญญาล้านนา ชมรมดนตรีพ้ืนเมือง ชมรมปักขะทืนล้านนา ท่ีมี พ่อครู แม่ครูท่ีมีความรู้ ประสบการณ์ ภูมิปัญญา ท่ีสามารถถ่ายทอดให้องค์ความรู้และภูมิปัญญาด้านต่างๆ เหล่าน้ีได้ ฉะน้ัน โรงเรยี น หรอื ชมรมดา้ นน้ีควรไดร้ ับการสนบั สนนุ ทง้ั ด้านโอกาส การประชาสัมพนั ธ์ และงบประมาณ ๗. การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทยควรมีบทบาทส่งเสริมประเพณีด้ังเดิมอย่างจริงจัง เพราะ เห็นว่าเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ และเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถ่ินและควรสนับสนุน ประชาสัมพันธอ์ ยา่ งอนรุ กั ษ์และแบบอยา่ งของประเพณีสบื ต่อไป ๘. การรว่ มอนุรักษ์และร่วมรณรงค์ สืบสาน รวบรวมข้อมูลท้ังในรูปแบบของ ข้อมูล วีดิทัศน์ ในการประกอบกิจกรรมประเพณีจากคณะกรรมการวัฒนธรรมจังหวัดเก็บรวบรวมไว้อย่างเป็น รูปธรรม ๙. หน่วยงานต่างๆ ควรให้ความส้าคัญ และพิจารณาร่วมกันในการจัดหลักสูตรใน สถานศึกษาสา้ หรับเด็กและเยาวชนในสถานศกึ ษาต้ังแต่เด็กเล็กไปถึงมหาวิทยาลัยในพ้ืนที่ รวมถึงการ จัดท้าค่ายเยาวชน เพ่ือสร้างองค์ความรู้และวิธีคิดที่มีผลต่อการอนุรักษ์ ด้ารงและสืบทอดการปฏิบัติ เกิดประสบการณต์ รงสามารถปฏบิ ัติไดต้ ามแบบอยา่ งประเพณอี ย่างยงั่ ยนื ๑๐. หน่วยงานท่ีมีการจ้างออแกไนซ์ในการจัดงานกิจกรรมต่างๆ นอกจากจะจัดสรร งบประมาณ หรือประชาสัมพันธ์เพ่ือการท่องเที่ยวท้ังเชิงเศรษฐกิจ และประเพณีก็ตาม ขอให้ หน่วยงานประสานงานและถ่ายทอดพธิ ีกรรม องค์ความร้ทู ี่ถูกต้องให้แก่ผู้จัดเพื่อไม่ให้เกิดกรณีผู้จัดจัด งานออกมาอย่างผิดเพยี้ นเกดิ ความเข้าใจผดิ ความไม่ถูกต้องในขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีด้ังเดิมที่ มีตอ่ ประชาชนนักทอ่ งเทยี่ วและผ้สู นใจ ทไี่ ดพ้ บเห็นในแต่ละกิจกรรมน้ันๆ
๘๖ ๑๑. ชุมชนควรร่วมเสริมสร้าง สนับสนุน ขอให้ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในด้าน งบประมาณ การรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การถ่ายทอด ประสบการณ์ของชุมชน ประเพณีเพื่อการสืบ ทอดประเพณไี ดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ งเป็นหนึ่งในประเพณีสา้ คญั ของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ภาคอสี าน ๑. ครอบครัว พอ่ แม่ ปยู่ า่ ตายาย และชมุ ชนควรใหค้ วามส้าคัญกับประเพณีสงกรานต์และ มีการปลูกฝังความรู้ ประสบการณ์เกี่ยวกับความเป็นมาของประเพณีสงกรานต์ที่ถูกต้อง ให้กับสมาชิกใน ครอบครัว ลูกหลานเกิดความตระหนักเห็นคุณค่าเกิดความหวงแหนที่จะรักษาประเพณีสงกรานต์ให้ คงอยตู่ ลอดไป ๒. กระทรวงศึกษาธิการ ควรก้าหนดให้มีหลักสูตรท้องถ่ินหรือท้าสารคดีหรือเป็นบทเรียนส้ัน ๆ เก่ียวกับประเพณีสงกรานต์ เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ ข้อมูลท่ีถูกต้อง มองเห็นความส้าคัญของ ประเพณีท่ีมีการสืบทอดกันมายาวนาน และเป็นการสร้างจิตส้านึกในการสืบสาน ซึ่งเชื่อว่าผู้ทรง ความรใู้ นทอ้ งถ่ินพร้อมทจี่ ะถา่ ยทอดประสบการณแ์ ละความรทู้ ส่ี ะสมมาแตเ่ ดิมใหด้ ว้ ยความเตม็ ใจ ๓. กระทรวงวฒั นธรรมและหนว่ ยงานต่าง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง ร่วมกันจัดกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ ให้สอดคล้องกบั หลกั สูตรท้องถน่ิ ขนึ้ ทกุ ปี เพอ่ื ให้เดก็ ได้เห็นและสมั ผัสกบั ประเพณที ีแ่ ท้จริง นอกเหนือ จาก การศกึ ษาจากในต้าราเรียนของหลักสตู รทอ้ งถน่ิ ๔. ผู้น้าชุมชนให้ความส้าคัญในการสืบสานตามประเพณี มีการประชาสัมพันธ์ การขอ ความรว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ๕. ควรส่งเสริมในวงกว้างโดยให้คนในสังคมได้รับรู้รับทราบประเพณีสงกรานต์ของชาว ไทยโดยทั่วกัน ซึ่งจะต้องให้ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทยได้เข้ามาช่วยกัน ส่งเสรมิ ให้แพรห่ ลายไปทกุ ส่วนของสังคมท้งั ในประเทศและนอกประเทศ ผลที่ตามมาคือ จะท้าให้ทุกฝ่าย เกิดความตระหนกั เห็นความส้าคัญและชว่ ยกันอนรุ กั ษแ์ ละสืบทอดประเพณนี ้ตี ่อไป ๖. ในระดับจังหวัดควรมีนโยบายและก้าหนดยุทธศาสตร์โดยใช้ประเพณีสงกรานต์เป็น กจิ กรรมหน่งึ ที่จะชว่ ยกนั สง่ เสริมให้เกิดการสืบทอดและช่วยในการประชาสัมพันธ์ให้คนต่างถิ่มาเที่ยว จะทา้ ให้เกดิ รายได้ให้แก่ชาวบ้านและจงั หวดั อกี ทางหนงึ่ ภาคใต้ ๑. ท้าให้เป็นวิถีชีวิตของชาวใต้เป็นกิจวัตร คือ วันสงกรานต์จะเป็นวันที่หลายคนรอคอย เพื่อพบปะเพ่ือน พี่น้อง ครอบครัว ได้สังสรรค์ ได้แสดงความกตัญญู มีการท้าบุญ ตักบาตร มี การละเล่นร่ืนเริง เช่น หนังตะลุง มโนราห์ เพ่ือร่วมเฉลิมฉลองในวันข้ึนปีใหม่ จนส่ิงเหล่าน้ีกลายเป็น วถิ ีชีวิตของคนไทย ๒. สอดแทรกในหลักสูตรการเรียนการสอนต้ังแต่ประถมศึกษา เพ่ือเรียนรู้เป้าหมาย ความ เปน็ มาดั้งเดมิ หรอื จดั นทิ รรศการเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรู้ความเขา้ ใจตอ่ ประเพณีดั้งเดมิ ๓. องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน วัด ชาวชุมชน ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รว่ มมือกนั จดั กิจกรรมอย่างต่อเน่อื งเป็นประจ้าทุกปี ตามรูปแบบของแตล่ ะชุมชน
๘๗ ๔.ชาวชุมชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เป็นแบบอย่างและกระตุ้นให้บุตรหลานกลับมาร่วม ทา้ บญุ รดน้าขอพรพระสงฆ์และผ้ใู หญ่ ตลอดจนรว่ มกจิ กรรมทชี่ มุ ชนจดั ขึน้
๘๘ บทท่ี ๓ เงือ่ นไขภาวะวกิ ฤต/ปัจจยั คุกคามของประเพณีสงกรานต์ ๓.๑ สภาพปจั จุบัน ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ที่แผ่ขยายครอบคลุมไปท่ัวโลก โดยเฉพาะท่ีส่งผลกับประเทศ ไทยก่อให้เกิดภาวะวิกฤตกับวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก ประเพณีสงกรานต์ก็ตกอยู่ในวัฏจักรนี้ เชน่ เดยี วกนั มคี วามเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึนหลายประการที่ยังความเป็นห่วงให้เกิดขึ้นแก่ทุกคนท่ีรักและ เห็นคณุ ค่าของประเพณีน้ีจึงมีความพยายามที่จะรณรงค์ทุกรูปแบบเพื่อให้ทุกคนที่เป็นคนไทย รวมท้ัง ชาวตา่ งชาติได้รับรู้ถงึ ความหมาย ความส้าคญั และคุณค่าของประเพณสี งกรานตท์ ่แี ทจ้ รงิ หากคนไทยทุกคนเข้าใจถึงคุณค่า และแนวทางปฏิบัติของประเพณีสงกรานต์ และร่วมมือกัน ปฏิบัติให้ถูกต้องเพ่ือสืบทอดความหมายและคุณค่า ความเบ่ียงเบนความรุนแรงต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนก็จะ หมดไป โดยเฉพาะเก่ียวกับการเล่นสาดน้าท่ีเกินเหตุ ซึ่งนอกจากจะเต็มไปด้วยพฤติกรรมท่ีเส่ียง อันตรายทั้งการใช้น้าสกปรก การใช้น้าแข็งขว้างปา การใช้อุปกรณ์ฉีดน้าท่ีมีแรงดันสูงจนก่อให้เกิด อันตรายการใชแ้ ปง้ ใชส้ ีทาตามหนา้ ตาและเนือ้ ตวั ฯลฯ ตลอดจนกระท่ังการขยายความหมายของการ เล่นสาดน้าให้เปน็ จดุ ขายของประเพณสี งกรานต์จนเกินจริง ท้ัง ๆ ที่การเล่นรดน้าเป็นหน่ึงในกิจกรรม ท่ีแสดงถึงความเอาใจใส่ ความเอ้ืออาทร และความหวังดีซึ่งกันและกันเท่านั้น เราคนไทยควรใช้ ประเพณีสงกรานต์น้ี เปน็ โอกาสในการสร้างความรัก ความกตัญญู ความเอื้ออาทร ความเคารพซึ่งกัน และกันเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือนมนุษย์ด้วยกัน มากกว่าจะเป็นเพียงการเล่นสาดน้าอย่าง อึกทึกครึกโครมเท่านั้น โดยละเลยคุณค่า สาระที่เป็นแก่นแท้ของประเพณีสงกรานต์ท่ีงดงามมาและ ทรงคุณค่ามาแต่อดีต ฉะน้ันขอได้โปรดพิจารณาว่า (กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก, ๒๕๕๕) “ถ้าละทงิ้ เพราะโง่เขลาเบาความคดิ โดยไม่ติดใจนึกเฝา้ ศึกษา ทง้ั เฉยเมยประเพณที ่ีทา้ มา ซ่งึ รักษาวฒั นธรรมเลศิ ล้าชน อกี ท้ังหลงยยี า่้ ท้าเลยเถิด ใจเตลิดกไู่ มก่ ลับก่อสบั สน เกนิ ประมาณการละเล่นเป็นมงคล ยอ้ มใจตนดว้ ยเหลา้ ยาพาพิการ สงั วรเถดิ สาธชุ นคนไทยพุทธ ท่านต้องหยดุ กจิ กรรมน้าร้าวฉาน ถือสายกลางพอสนกุ สุขสา้ ราญ เท่ยี วสงกรานตป์ ไี หนไหนชนื่ ใจเอย”
๘๙ ส้าหรับประเพณีสงกรานต์ที่ถือปฏิบัติและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตามคติทางศาสนา พราหมณท์ ีช่ นชาวไทยรับเอามาประยกุ ต์กบั พิธีทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นอุบายในการปกครอง ไม่ ว่าจะเปน็ การครองตน ครองคน หรอื ครองงาน ประเพณสี งกรานต์น้ี จึงย่อมมีความหมายและมีคุณค่า ต่อผู้ปฏิบัติ ชุมชน และสังคมเป็นอย่างยิ่งซึ่งอาจมีความหลากหลายตามประเพณีปฏิบัติของแต่ละ ท้องถิ่น ในปัจจบุ นั แต่ละทอ้ งถน่ิ และแตล่ ะภาค มีแนวปฏบิ ัตใิ นสภาพปัจจบุ ัน ดังนี้ ภาคเหนือ สงกรานต์ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับปีมะเมียจากการค้านวณตามหลักโหราศาสตร์ ล้านนาพบว่า ในปีน้ีดวงอาทิตย์จะเคลื่อนย้ายออกจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ ตรงกับวันจันทร์ท่ี ๑๔ เมษายน เวลา ๘ นาฬิกา ๑๑ นาที ๒๔ วินาที ซึ่งตรงกับปฏิทินหลวงก้าหนดให้เป็นวันมหาสงกรานต์ ทางล้านนาเรียกว่า วันสังขานต์ล่อง จากนั้นดาวอาทิตย์จะเคล่ือนย้ายไปจนถึงวันพุธที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๑๒ นาฬิกา ๙ นาที ดาวอาทิตย์ก็จะไปสถิตอยู่ในทิพยวิมาน ก้าหนดให้วันนั้นเป็นวันเถลิงศก ทางล้านนาเรียกว่า วันพญาวัน และจะเป็นลักษณะเช่นนี้ต่อต่อกันไปอีกหลายปี กิจกรรมท่ีคนใน ล้านนาปฏิบตั ิ วันแรก วันสังขานต์ล่อง หมายถึง สังขารหรือร่างกายของคนเราได้ผ่านไปอีก ๑ ปี ก่อนรุ่ง สางจะยิงปนื จุดประทดั เคาะกะลา ฯลฯ เพื่อขับไล่ปู่สังขานต์ ย่าสังขานต์ หรือขับไล่เสนียดจัญไร ส่ิง ช่ัวร้ายให้ล่องไปกับปีเก่า ตอนสายจะพร้อมใจกันท้าความสะอาด ปัดกวาดบ้านเรือนที่อยู่อาศัย แผ้ว ถางหญ้า ซักเส้ือผา้ ทแ่ี ม่นา้ เช่อื ว่าเปน็ การไลข่ องไม่ดใี ห้ไปกับน้า และน้าเอาท่ีนอนหมอนมุ้งออกมาผึ่ง แดด ถ้าเทียบกับสากล ก็คือ วัน Cleaning Day วันท้าความสะอาดบ้านเรือน ท้าความสะอาดเคหะ สถาน ตลอดถึงท้าความสะอาดตัวเอง สระเกล้าด้าหัว (สระผม) ซักเส้ือผ้า การแต่งตัวนุ่งผ้าใหม่เป็น วนั สาธารณสุข ชว่ งบา่ ยต่อเย็น จะมีการสระเกลา้ ดา้ หวั หมายถึง สระผม ช้าระล้างร่างกายให้สะอาด ไปท้าท่ีแม่น้าที่ไหล ซึ่งเดี๋ยวน้ีหายไปบ้างแล้ว ในโบราณตามปฏิทินเมือง การด้าหัววันสังขานต์ล่อง จะตอ้ งหนั หนา้ ไปตามทศิ ที่กา้ หนดไวใ้ นปกั ทืนลานนาหรอื หนังสือปีใหม่เมืองซ่ึงในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน หากเป็นผหู้ ญงิ นอกจากนุ่งผ้าใหมใ่ นวนั นั้นกจ็ ะทัดดอกไม้ อันเป็นนามปีหรือเป็นพญาดอกไม้ของปีน้ัน ดว้ ย ปีน้ี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอ้ งทดั ดอกกาสะลอง (ดอกโศก) ในวันนี้ หน่วยงานราชการก็จัดขบวนแห่พระ พทุ ธสิหงิ ค์ พระพทุ ธรูปส้าคัญคู่บา้ นค่เู มอื งเชียงใหม่ วันท่ี ๒ วันเนาวห์ รอื วันเนา่ หมายถงึ เป็นช่วงดาวอาทิตยย์ งั เนาอยูร่ ะหวา่ งราศีมนี กับราศีเมษ ในแง่โหราศาสตร์ถือว่าเป็นวันไม่ดี วันน้ีนิยมไปกาดวันเน่า คือ วันดา (วันเตรียมข้าวของ) จะไม่ท้าใน สิง่ ท่ีไมเ่ ป็นมงคล ไม่พูดค้าหยาบคาย ไมด่ า่ ทอ ทะเลาะวิวาท ไม่กระท้าผิดศีลธรรม เช่ือว่า ใครพูดไม่ดี ปากจะเนา่ ซ่งึ วันนจี้ ะเป็นวนั จา่ ยตลาด เพือ่ ซ้อื ข้าวของตา่ งๆ ช่อตุงไมค้ ้าสะหลี น้าขม้ินส้มป่อย น้าอบ น้าหอม เพ่ือเตรียมไปท้าบุญที่วัดในวันพญาวัน และเตรียมของไว้ด้าหัวคนเฒ่าด้วย ตอนบ่ายจะนิยม ไปขนทรายเข้าวัด เตรียมตุง ข้าวตอกดอกไม้ปักกองทรายประดับเป็นพุทธบูชา ท้าพิธีลอยเคราะห์ พธิ ีกรรมแบบโบราณปัจจุบันไม่นิยมท้า ส้าหรับพิธีสะเดาะเคราะห์วันเนา จะมีการสะเดาะเคราะห์ซ่ึง เปน็ ความเชื่อวา่ เพื่อขับไลส่ ่ิงไม่ดอี อกจากตัว กอ่ นท้าพิธีจะมีการไปดูต้าราตามราศีเกิด เพ่ือจัดเตรียม อุปกรณ์ในการประกอบพิธีตามราศีเกิด เป็นการสะสางและปัดเป่าส่ิงไม่ดีเพ่ือต้ังต้นวันใหม่ชีวิตใหม่ (จากการสัมภาษณ์พอ่ อุน่ เรือน หลายแห่ง ทอี่ า้ เภอจนุ จงั หวดั พะเยา ยงั คงประกอบพธิ ีน้ีอยู่)
๙๐ วันท่ี ๓ วันพญาวนั หมายถึง วนั ทเ่ี ปน็ ใหญ่ (เป็นพญา) แก่วันท้ังหลายในรอบปี เป็นวันร้าลึก ถึงบพุ การี ค้าพระศาสนาจะประกอบพิธีกรรม ดงั น้ี นิยมทานขันข้าว คือ น้าเอาอาหารหวานคาว ผลไม้ต่างๆ ไปท้าบุญที่วัดในตอนเช้า อุทิศส่วน กศุ ลใหผ้ ู้มีบุญคุณ พอ่ แม่ พ่ี น้อง ญาติท่ีล้มหายตายจากไป ท้าบุญให้ตัวเอง ท้าบุญอุทิศไปหาพ่อเกิด แม่เกิด เจ้ากรรมนายเวร เจ้าท่ีเจ้าทาง แล้วข้ึนวิหารถวายต่อหน้าพระรัตนตรัย ท้าพิธีกรรมในวันปี ใหม่ แล้วกลับบ้านไปก็ถวายที่บ้านให้แก่เจ้าท่ีเจ้าทาง ที่ห้ิงพระ ให้พ่อให้แม่ พ่ออุ้ยแม่หม่อน คนอายุ มากๆ สรงน้าขม้นิ สม้ ปอ่ ย กินข้าวกนิ ปลาเรียบร้อยแลว้ ตอนสายๆ ก็ทานเจดีย์ทราย ทานตุง (ทาน = ถวาย) เพราะขนทรายมาในวันท่ี ๒ เตรียมไว้ แต่ยังไม่ได้ถวาย จะมีค้ากล่าวถวายเจดีย์ทราย และหยาดน้า คือ น้าน้าใส่ขันสะหลุงมาบูชารดลงท่ี กองเจดีย์ทราย ความเชอื่ ที่ว่า ถ้าเราไม่ได้ถวายกับปากของเรา ไม่ได้หยาดน้า มันก็ไม่เต็มใจ การทาน ตุง เชื่อว่า อานิสงส์สามารถช่วยพ่อ แม่ พ่ี น้องเราที่ตายไปตกนรก ถ้าถวายตุงไปหาก็จะพ้นจากนรก โดยหางตุง หรือชายตุงจะกวัดแกว่งไปถึงยมโลกให้ผู้ที่ตกนรกนั้นเกาะชายตุงข้ึนสวรรค์ และน้าช่อตุง ไปปักเจดยี ์ทราย หรือกองทรายบริเวณลานวัด นิยมน้าไม้ค้าสะหลี (ค้าต้นโพธิ์ )ท่ีวัด จากนั้นน้าน้าขม้ินส้มป่อย น้าอบ น้าหอมไปสรงน้า พระพทุ ธรปู ปล่อยนกปลอ่ ยปลา เพือ่ เปน็ การสะเดาะเคราะห์ ตอนบ่ายเป็นต้นไป การด้าหัวเจ้าอาวาสวัด พระเถรานุเถระ ตลอดจนผู้มีบุญคุณ ผู้มีอุปการ คุณ ผู้ท่ีเคารพนับถือ ผู้ใหญ่บ้าน หมอเมือง เป็นต้น หากเป็นการไปด้าหัวพระสงฆ์ พระเถระ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ ผ้มู ีต้าแหนง่ ท้งั หลาย ขององคก์ ร หมบู่ ้าน และชุมชน จะจัดเป็นขบวนประกอบด้วย จะมีหมาก สุ่ม หมากเบ็ง ต้นผ้ึง ต้นดอก ต้นเทียน เป็นเคร่ืองประกอบพิธี นอกจากน้ี เจ้าอาวาสจะน้าศรัทธา ชาวบา้ นไปด้าหัวเจ้าคณะต้าบล เจ้าคณะอ้าเภอ พระเถระผู้ใหญ่ และนิยมด้าหัวพระเจ้า/พระธาตุ ด้า หัวกู่ (อฐั ิ) ในวนั นดี้ ้วย วันปากปี หมายถึง ต้นทางแห่งการด้าเนินชีวิตในปีต่อไป จะมีการบูชาข้าวลดเคราะห์บูชา เคราะห์ปีใหม่และบูชาเทียน ส่งเคราะห์บ้าน หรือสืบชะตาบ้าน เพื่อถือว่าเป็นการรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ผูกข้อไม้ข้อมือให้ลูกหลาน นอกจากนั้น จะน้าขนุนมาประกอบอาหารเรียกว่า แกงขนุน หรือต้าขนุน เพอ่ื รับประทานแลว้ จะมคี นมาอุดหนุนอปุ ถมั ภค์ ้าชูตลอดปี ส้าหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนถือได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่แต่เดิมเป็นชาวไทใหญ่ (ชาวไต) เห ลินห้าเปน็ เทศกาลส้าคญั ของชาวไทใหญ่ เรียกว่า ปอยเหลินห้าหรือปอยซอนน้าวันปีใหม่ ชาวไทใหญ่ จะได้สรงน้าพระพุทธเจ้ารูปตามวัดวาอารามหรือบ้านเรือนของตน นอกจากมีการสรงน้าพระ ก่ันตอ “จอมฮอย ทุงจ่ามไต กั่นตอคนเฒ่า เหลินห้า” เป็นชื่อตามภาษาไทยใหญ่แบบเต็มๆ ของประเพณีขอ ขมาผู้สูงอายุในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทยใหญ่ บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ ขอขมาพระสงฆ์และ ท้าบุญตักบาตรฟังเทศน์ ฟังธรรมตามประเพณี เช่นเดียวกับงานสงกรานต์ของล้านนา คือ ช่วงเวลา วนั ท่ี ๑๔-๑๕ เมษายน ของทุกปี คอื ถา้ ข้นึ วดั วันท่ี ๑๕ เมษายน จะเริ่มกั่นตอหรือขอขมาในวันที่ ๑๔ เมษายน และถ้าวันข้ึนวัดตรงกับวันท่ี ๑๖ เมษายน ก็จะเร่ิมกั่นตอในวันท่ี ๑๕ เมษายน ในเวลาตอน ค้่าๆ ต้ังแต่เวลา ๑๗.๐๐-๒๑.๐๐น. และวันรุ่งข้ึนวันท่ี ๑๖ เมษายนก็จะท้าบุญท่ีวัด เตรียมข้าวปลา อาหารใส่ป่ินโต และของใช้ต่างๆ ท่ีเห็นว่าเหมาะสมจัดใส่ถาดถวายพระสงฆ์ท่ีวัด พอท้าบุญเสร็จแล้ว จึงจะกน่ั ตอญาตผิ ใู้ หญ่ท่ีเคารพนบั ถือ โดยจะพากนั เปน็ หมู่คณะแสดงถงึ ความพร้อมเพียงกัน จากน้ันก็
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177