\"ไฟฟา พลงั น้ำ\" กับพัฒนาการกิจการไฟฟาประเทศไทย ศักราชใหม สงิ่ ทตี่ ามมาหลงั จากมีเขอื่ นภมู พิ ลคอื การวางรากฐานโครงสรา งระบบ พลงั งานของประเทศครง้ั ใหญ ทง้ั นเ้ี งอ่ื นไขหนงึ่ ของการกเู งนิ จากธนาคารโลก (World Bank) คือ วางระบบบรหิ ารเขอื่ นใหม กี ำไร ซงึ่ หมายถงึ การกอตัง้ หนว ยงานใหมข น้ึ มาดแู ลกจิ การของเขอ่ื นโดยเฉพาะ การไฟฟา ยนั ฮี (กฟย.) คอื หนว ยงานทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามเงอ่ื นไขดงั กลา ว ภารกิจของ กฟย. ระยะแรก คือจายกระแสไฟฟาท่ีผลิตไดจากเขื่อน ภูมิพลใหแกจังหวัดตาง ๆ ในภาคกลางและภาคเหนือ โดยในชวงที่เขื่อน ภูมิพลเริ่มผลิตไฟฟานั้น กำลังการผลิตของเข่ือนสามารถเสริมความมั่นคง ดานพลังงานไดมากเพียงใด ดูไดจากกำลังการผลิตไฟฟาท่ีคำนวณเมื่อ ติดต้ังเครื่องกำเนิดไฟฟาครบตามจำนวน ๘ เคร่ืองที่วางแผนไวเทากับ ๕๖๐,๐๐๐ กโิ ลวตั ต หรอื คดิ เปน พลงั งานไฟฟา ไดถ งึ ๒,๒๓๐ ลา นกโิ ลวตั ต - ชวั่ โมงตอ ป ขณะทกี่ รุงเทพฯ และธนบรุ ใี นขณะนนั้ ใชพ ลงั งานไฟฟา เพียง ๓๕๐ ลา นกโิ ลวตั ต - ชว่ั โมง ๑๔๙
ผลติ ไฟฟา ดว ยไมฟ น ถานหิน แกลบ และนำ้ มนั รจู กั กนั ในนาม \"โรงไฟฟา วดั เลยี บ\" โครงขา ยสายสง ไฟฟา ทเี่ กดิ ขน้ึ จากการสรา งเขอื่ นภมู พิ ลและหนว ยผลติ ไฟฟา อน่ื ๆ ในชว งน้ี ยงั เปน จดุ เรม่ิ ตน ของการวางโครงขา ยสายไฟฟา ระดบั ชาติ (National Grid) โดยเรมิ่ จากสายไฟฟา แรงสงู ยาวกวา ๒,๘๐๐ กโิ ลเมตร สง ไฟฟา ระหวา งตวั เขอื่ นภมู พิ ลกบั จงั หวดั ในภาคเหนอื และภาคกลาง มขี อ มลู วา ปแ รกทเี่ ขอ่ื นภมู พิ ลเรมิ่ จา ยไฟ การไฟฟา ยนั ฮแี ละการไฟฟา นครหลวง ลดราคาคา ไฟฟา ใหป ระชาชน ไดร าวรอ ยละ ๘ ชดเชยคา ไฟฟา จากการใชเ ชอื้ เพลงิ ประเภทอนื่ ไดป ล ะ ๕๐๐ ลา นบาท โดยปแ รกเขอ่ื นภมู พิ ลสง ไฟฟา เขา ระบบไดท งั้ หมด ๑.๔ แสนกโิ ลวตั ต สามารถจา ยไฟฟา ใหก บั ๑๗ จงั หวดั ทว่ั ประเทศอยา งสมำ่ เสมอ เขอ่ื นภมู พิ ล ถอื เปน การเปด ศกั ราชใหมข อง \"การผลติ ไฟฟา พลงั นำ้ \" ของประเทศ ดว ยกอ นหนา นที้ รพั ยากร ทถ่ี กู นำมาผลติ พลงั งานไฟฟา ในประเทศ สว นมากมาจากเชอ้ื เพลงิ ฟอสซลิ เชน น้ำมนั เตา ถา นหนิ ฯลฯ ยงิ่ ถา ยอ น กลบั ไป จะพบวา กจิ การดา นไฟฟา ของประเทศไทยนน้ั มากา วกระโดดในยคุ ของเขอ่ื นภมู พิ ลนเ้ี อง ๑๕๐ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
ยอ นรอยกจิ การไฟฟา เรม่ิ ตงั้ แตม กี ารนำเขา เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา สองเครอื่ งจากองั กฤษมาจา ยกระแสไฟฟา ใหก บั พระท่ีน่ังจักรีมหาปราสาท เม่ือวันท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๗ ซ่ึงเปนวันเฉลิม พระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๕ อยางไรก็ตาม พน้ื ทส่ี ว นมากในพระนครยงั คงตกอยใู นความมดื มดิ พ.ศ. ๒๔๔๐ จงึ มผี กู อ ตง้ั บรษิ ทั ผลติ ไฟฟา ขน้ึ โดยหลวงพนิ จิ จกั รภณั ฑ (แฉลม ) รว มกบั ชาวอเมรกิ นั กอ ตงั้ บรษิ ทั The Bangkok Electric Light Syndicate ผลติ และจำหนา ยไฟฟา ในเขตพระนคร ตอ มาโอนกจิ การบรษิ ทั ใหก บั ออ ก เวสเตนโฮลซ (Mr. Aage Westenholz) ชาวเดน็ มารก ผบู รหิ าร บรษิ ทั ไฟฟา สยาม จำกดั (The Siam Electricity Co., Ltd.) ซง่ึ มี ทท่ี ำการบนทดี่ นิ วดั ราชบรู ณะราชวรวหิ าร (วดั เลยี บ) ผลติ ไฟฟา ไมฟ น ถา นหนิ แกลบ และ นำ้ มนั รจู กั กนั ในนาม \"โรงไฟฟา วดั เลยี บ\" ตอ มาใน พ.ศ. ๒๔๕๕ รชั กาลท่ี ๖ โปรดเกลา ฯ ใหส รา งกจิ การประปาและไฟฟา จงึ มี การกอ สรา ง \"โรงไฟฟา สามเสน\" ประกอบกจิ การผลติ ไฟฟา ในนาม \"การไฟฟา หลวงสามเสน\" ตอมาคือกองไฟฟาหลวงสามเสน ในเวลานั้นพระนครจึงมีโรงไฟฟาสองแหงนี้แบงพื้นที่ รบั ผดิ ชอบจา ยกระแสไฟฟา คอื โรงไฟฟา วดั เลยี บรบั ผดิ ชอบ จา ยกระแสไฟฟา ใหพ น้ื ทพี่ ระนคร บรเิ วณใตค ลองบางลำภู คลองบางกอกนอ ยลงไป สว นทางเหนอื ของคลองขน้ึ ไป เปน ความ รบั ผดิ ชอบของกองไฟฟา หลวงสามเสน สว นกจิ การไฟฟา นอกพระนคร มกี ารตง้ั \"แผนกไฟฟา \" ภายใตก ระทรวงมหาดไทย สำรวจ และสรางโรงไฟฟาตามพื้นที่ท่ีเห็นสมควร โดยรัฐบาลใหสัมปทานกับเอกชน และบางแหง มอบใหส ขุ าภบิ าลจดั ซอื้ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา มาดำเนนิ การจา ยไฟฟา เอง ๑๕๑
I โรงไฟฟา สามเสนถอื กำเนดิ ขน้ึ จากพระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา เจา อยหู วั รชั กาลที่ ๖ I โรงไฟฟา ภายใตก ารดำเนนิ การของบรษิ ทั ไฟฟา ไทยคอรป อเรชนั่ จำกดั โปรดเกลา ให เจา พระยายมราช (ปน สขุ มุ ) เสนาบดกี ระทรวงนครบาล มที ที่ ำการและโรงจกั รอยวู ดั ราชบรู ณะ (วดั เลยี บ) และผบู งั คบั บญั ชากรมสขุ าภบิ าลในเวลานน้ั ดำเนนิ การจดั สรา งใน พ.ศ. ๒๔๕๖ ซงึ่ ปจ จบุ นั เปน ทที่ ำการของการไฟฟา นครหลวง (วดั เลยี บ) และเรมิ่ จำหนา ยกระแสไฟฟา ใน พ.ศ. ๒๔๕๗ โดยใชช อ่ื วา \"การไฟฟา หลวงสามเสน\" กอ นจะเปลยี่ นชอื่ เปน \"กองไฟฟา หลวงสามเสน\" ในเวลาตอ มา I สนยั นน้ั คนกรงุ เทพใชไ ฟจากทนี่ .่ี .. โรงไฟฟาวัดเลยี บ ๑๕๒ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
I โรงไฟฟา ไอนำ้ พระนครเหนอื ทบี่ างกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี กรมชลประทานเปน ผวู างแผน และชว ยดแู ลกอ สรา งใหจ นเสรจ็ I โรงไฟฟา แมเ มาะ จงั หวดั ลำปาง ๑๕๓
กิจการไฟฟาของไทยพัฒนาไปในลักษณะน้ีจนหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ การจา ยกระแสไฟฟา ครอบคลมุ ตามหวั เมอื งสำคญั มากขน้ึ เชน ปราจนี บรุ ี ภเู กต็ นครนายก ชลบรุ ี จนั ทบรุ ี เชยี งใหม กอ นทใี่ น พ.ศ. ๒๔๗๗ แผนกไฟฟา กระทรวงมหาดไทย จะไดร บั การยกฐานะเปน \"กองไฟฟา \" สงั กดั กรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย จนถงึ ชว งสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ โรงไฟฟา ในทต่ี า งๆ ถกู เครอื่ งบนิ ฝา ยสมั พนั ธมติ รทง้ิ ระเบดิ ทำลายจนได รับความเสียหาย มีเพียงโรงไฟฟาวัดเลียบเทาน้ันท่ีกูระบบกลับมาจายไฟฟาไดอีกคร้ังหลังปดไปสองเดือน เมอ่ื สงครามจบ ปญ หาท่ตี ามมาคอื การขาดแคลนกระแสไฟฟา ทำใหร ัฐบาลหลังสงครามตองมอบหมายให กรมชลประทานเรม่ิ สำรวจความเปน ไปไดใ นการผลติ ไฟฟา จากพลงั นำ้ และมอบใหก รมทรพั ยากรธรณสี ำรวจ ทรพั ยากรถา นหนิ ซง่ึ มศี กั ยภาพทำเปน เชอ้ื เพลงิ ผลติ ไฟฟา ในพระนคร โรงไฟฟา วดั เลยี บหมดอายสุ มั ปทาน รฐั บาลจงึ กอ ตงั้ \"การไฟฟา กรงุ เทพฯ\" เพอื่ ดำเนนิ กจิ การ ผลติ ไฟฟา ปอ นชาวพระนครตอ และตงั้ \"คณะกรรมการพจิ ารณาสรา งโรงไฟฟา ทว่ั ราชอาณาจกั ร\" ขน้ึ มา ทำหนาที่กำหนดนโยบายการจัดหาพลังงานของประเทศ จนกระทั่งเกิดโครงการเข่ือนยันฮีที่รัฐบาลไทย ตองกูเงินจากธนาคารโลกมาดำเนินโครงการ เมอื่ เรมิ่ กอ สรา งเขอื่ นภมู พิ ลทอ่ี ำเภอสามเงา จงั หวดั ตาก ผลทตี่ ามมาคอื ในพนื้ ทกี่ อ สรา งเกดิ ความตอ งการ กระแสไฟฟาเพ่ือนำไปใชกับเคร่ืองจักรหนักจำนวนมาก จึงเกิดกิจการตอเนื่องข้ึนคือ \"การลิกไนต\" (กลน.) ทท่ี ำหนา ทผี่ ลติ ไฟฟา จากถา นหนิ ซง่ึ คน พบแหลง ขนาดใหญท อี่ ำเภอแมเ มาะ จงั หวดั ลำปาง \"โรงจกั รแมเ มาะ\" โรงไฟฟาถา นหนิ กำลงั ผลติ ๑๓ เมกะวตั ต สรา งขน้ึ ทล่ี ำปางใน พ.ศ. ๒๕๐๓ จากนน้ั มี การสรา งสายสง ไฟฟา ขนาด ๖๙ กโิ ลโวลต (KV) เขา สตู วั จงั หวดั ถอื เปน สายไฟฟา แรงดนั สงู สายแรกของประเทศ ไทย สายไฟฟา นว้ี างไปยงั จงั หวดั ตากเชอื่ มถงึ หวั งานเขอื่ นภมู พิ ล ทง้ั ยงั วางสายไปจนถงึ จงั หวดั ลำพนู และจงั หวดั เชยี งใหม เม่ือมีการจายกระแสไฟอยางเปนเร่ืองเปนราวในพ้ืนท่ีตางจังหวัดเชนนี้ จึงตองกอต้ัง \"องคการไฟฟา สว นภมู ภิ าค\" (ตอมาคอื \"การไฟฟา สว นภมู ภิ าค\"-กฟภ.) ใน พ.ศ. ๒๕๐๓ เพอ่ื รบั ผดิ ชอบหนา ทจี่ า ยไฟฟา ใหป ระชาชนในพนื้ ทน่ี อกเขตการไฟฟา นครหลวง (กฟน.) ซงึ่ กอ ตง้ั ใน พ.ศ. ๒๕๐๑ โดยการไฟฟา นครหลวงขณะนนั้ เปน การรวมกจิ การของ กองไฟฟา หลวงสามเสนและการไฟฟา กรงุ เทพฯ เขา ดว ยกนั ๑๕๔ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
กิจการตอเน่ืองอีกกิจการหนึ่งคือ \"การไฟฟาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ\" (กฟอน.) ท่ีกอตั้งใน พ.ศ. ๒๕๐๕ เพอ่ื ทำหนา ทกี่ อ สรา งโรงไฟฟา พลงั น้ำและจา ยไฟฟา ใหจ งั หวดั ในภาคอสี าน โดยมกี ารสรา ง เขอื่ นอบุ ลรตั น จงั หวดั ขอนแกน และเขอื่ นนำ้ พงุ จงั หวดั สกลนคร ในภาคใตก อ ตงั้ \"การลกิ ไนต\" (กลน.) ทเ่ี ปด เหมอื งถา นหนิ ลกิ ไนตท จ่ี งั หวดั กระบ่ี และกอ สรา งโรงไฟฟา ถา นหนิ จนสามารถเดนิ เครอ่ื งจา ยไฟฟา ไดใ น พ.ศ. ๒๕๐๗ เชอ่ื มสายสง จากกระบไ่ี ปยงั ๗ จงั หวดั ในภาคใต (ยตุ กิ ารทำงานเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๘) นอกจากนี้ยังมี \"การพลังงานแหงชาติ\" ที่กอตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบการกอสรางโรงไฟฟาพลังนำ้ ขนาดเลก็ โดยเฉพาะอกี หนว ยงานหนงึ่ การสรา งเขอ่ื นภมู พิ ลจงึ เปรยี บเสมอื นจดุ เรม่ิ ตน ของการพฒั นากจิ การไฟฟา ทนี่ ำมาซง่ึ การพฒั นาใน ดา นตา ง ๆ อยา งตอ เนอื่ ง ทง้ั การพฒั นาบคุ ลากร เทคโนโลยี รวมไปถงึ การพฒั นาองคก รและการบรหิ าร ทที่ ำใหส งั คมไทยเจรญิ ขน้ึ อยา งทไี่ มเ คยมมี ากอ น ๑๕๕
จากการไฟฟา ยนั ฮถี งึ การไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย \"การไฟฟา ยนั ฮ\"ี นอกจากรบั ผดิ ชอบการดแู ลเขอ่ื นภมู พิ ลแลว ตอ มายงั รบั ผดิ ชอบ กอ สรา งและบรหิ ารโรงไฟฟา พลงั ความรอ น (ไอนำ้ ) กำลงั ผลติ ๗๕ เมกะวตั ต ทอ่ี ำเภอ บางกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี ทร่ี จู กั กนั ในชอื่ \"โรงไฟฟา พระนครเหนอื \" เพอ่ื ทำหนา ท่ี ประกันความมั่นคงเรื่องไฟฟายามเขื่อนภูมิพลมีปญหา โดยโรงไฟฟาพระนครเหนือ เปน โรงไฟฟา พลงั ไอน้ำ ผลติ ไฟฟา ได ๒.๒๕ แสนกโิ ลวตั ต เรมิ่ จา ยไฟในเดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๔ การทำงานของโรงไฟฟาพลังนำ้ ที่เขื่อนภูมิพลกับโรงไฟฟาพระนครเหนือน้ัน สง ผลกบั เมอื งหลวงเพยี งใด คณุ หญงิ ชชั นี จาตกิ วณชิ ภรยิ านายเกษม จาตกิ วณชิ อดตี ผวู า การ กฟผ. (พ.ศ. ๒๕๑๒ - พ.ศ. ๒๕๓๖) ซงึ่ เคยเปน อดตี ผวู า การไฟฟา ยนั ฮี คนที่ ๒ เคยทำงานทเี่ ขอ่ื นภมู พิ ลและดแู ลโรงไฟฟา พระนครเหนอื เลา วา กระแสไฟฟา จากสองทนี่ จ้ี ะมลี กั ษณะเฉพาะเวลาเกดิ ขดั ขอ ง \"สมยั กอ นไฟดบั บอ ย จงึ มกี ารตดิ ตามงานอยา งตอ เนอ่ื ง...คณุ เกษม บอกฉนั วา ถา ไฟฟา ดบั พรบึ แสดงวา เกดิ จากระบบผลติ ไฟฟา ของการไฟฟา ยนั ฮที บี่ างกรวย แตถ า กะพรบิ ๆ กอ นดบั นนั้ มาจากระบบการไฟฟา สว น ภมู ภิ าค(รวมเขอ่ื นภมู พิ ล) ทกุ ครงั้ ทไี่ ฟดบั ทกุ คนจะตอ งไปชว ยกนั ทห่ี นา งาน กลางคนื บางคนยงั นงุ กางเกงแพรไปทโี่ รงไฟฟา บางกรวยเพราะรบี ดว น ใสก างเกงสวมทบั กางเกงแพรไปกม็ ี การไปทำงานกนั ทโ่ี รงไฟฟา สมยั นนั้ ตอ งนำขา วใสป น โตไปกนิ เพราะเมอื่ กอ นทน่ี น่ั ไมม อี ะไรขาย\" คำอธบิ ายนแี้ สดงใหเ หน็ ชดั เจนวา ระบบพลงั งานไฟฟา ของสองโรงไฟฟา สมั พนั ธก นั อยา งเหน็ ไดช ดั และถอื วา เปน ยคุ ทค่ี วามมน่ั คงทางดา นพลงั งานของประเทศนนั้ สว นหนง่ึ ฝากเอาไวกับโรงไฟฟาพลังน้ำ ๑๕๖ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
การไฟฟายันฮี ยังขยายขอบเขตไปรับผิดชอบโรงไฟฟาประจำเขื่อนอ่ืน ๆ เชน เขอื่ นแมง ดั สมบรู ณช ล จงั หวดั เชยี งใหม ทผ่ี ลติ ไฟฟา ได ๙ เมกะวตั ต โดยได ทดลองตดิ ตงั้ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ขนาดเลก็ เพอื่ ใชน ้ำทถี่ กู ระบายโดยเปลา ประโยชน บางสว นมาผลติ ไฟฟา นอกเหนอื จากนำ้ ทไ่ี หลผา นกงั หนั กำเนดิ ไฟฟา ๒ เครอ่ื งเดมิ ทำใหไ ดก ำลงั ผลติ ทง้ั หมด ๔๐๐ กโิ ลวตั ต ไดไ ฟฟา ปล ะลา นหนว ย นอกจากนย้ี งั ตดิ ตง้ั ระบบควบคมุ ระยะไกลโดยความรว มมอื จาก HEPCO ผผู ลติ ไฟฟา จากญป่ี นุ ท่ี เขอื่ นแมง ดั และโรงไฟฟา บา นขนุ กลาง โรงไฟฟา บา นยาง เพอื่ ใหท ำงานสอดคลอ ง ประสานกนั อยา งเหมาะสม โรงไฟฟาบานยาง จังหวัดเชียงใหม เปนโรงไฟฟาขนาดเล็กตามแนว ใน พ.ศ. ๒๕๑๒ พระราชดำรแิ หง แรกของไทย ตดิ ตงั้ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ๑๒.๕ กโิ ลวตั ต ๑ เครอ่ื ง มกี ารรวมการไฟฟา ยนั ฮี จา ยไฟใหโ รงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) และประชาชนทอี่ ยใู กลเ คยี ง (ตอมาโรงไฟฟา แหงน้ี เสียหายจากพายุชางสารใน พ.ศ. ๒๕๔๙ กฟผ. จึงปรับปรุงโรงไฟฟาน้ี และการลกิ ไนต เปนพิพิธภัณฑมีชีวิต คือเดินเครื่องจายกระแสไฟฟาและนำเสนอนิทรรศการใน หนว ยงานภายใต โรงไฟฟา ไปพรอ มกนั ) กรมชลประทาน ใน พ.ศ. ๒๕๑๒ มกี ารรวมการไฟฟา ยนั ฮแี ละการลกิ ไนต หนว ยงานภายใต กรมชลประทาน ไปรวมกบั การไฟฟา ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และจดั ตงั้ เปน องคก ร ขน้ึ ใหมใ นชอื่ การไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย (กฟผ.) มฐี านะเปน รฐั วสิ าหกจิ บรหิ ารงานเปน อสิ ระจากรฐั บาล มภี ารกจิ จดั หาเชอ้ื เพลงิ และผลติ ไฟฟา ในชว งท่ี กฟผ. ถอื กำเนดิ นเี้ องทเ่ี ขอื่ นภมู พิ ลตดิ ตงั้ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ตวั ที่ ๖ ไปรวมกับการไฟฟาภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ จัดตั้งเปนองคกรข้ึนใหมในช่ือ การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย (กฟผ.) ๑๕๗
ความเปลย่ี นแปลง คณุ วรี ะวฒั น ชลายน อดตี ผวู า การการไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย คนท่ี ๖ พ.ศ. ๒๕๔๐ - พ.ศ. ๒๕๔๓ เลาวา การทำงานในชว งทศวรรษแรก ๆ ของบุคลากรที่ดแู ลเขอ่ื นภูมพิ ลนั้นนาสนใจ ดวยเปนเคร่ือง กำเนดิ ไฟฟา พลงั น้ำขนาด ๗๐ เมกะวตั ต ซง่ึ ใหญท สี่ ดุ เทา ทมี่ ใี นยคุ นน้ั \"ตวั กงั หนั ผลติ ไฟฟา ซอื้ จากญปี่ นุ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ซอ้ื จากเยอรมนี การดแู ลเครอ่ื ง เหลา นเี้ ปน การทำงานแบบ on the job training คอื ปฏบิ ตั งิ านพรอ มเรยี นรไู ปดว ย\" นน่ั หมายถงึ บคุ ลากร กฟผ. ตอ งลองผดิ ลองถกู หาประสบการณด ว ยตวั เองในสนามการทำงานจรงิ นอกเหนือจาก กฟผ. ท่ีมีเข่ือนภูมิพลเปนเรือธงในการผลิตไฟฟา การผลิตไฟฟาในพื้นท่ีอ่ืน ๆ ทั้งประเทศมีการใหสัมปทานผลิตไฟฟากับผูผลิตเอกชนอยู ๗๐ ราย สวน กฟภ. มีโรงไฟฟาท่ีใช เชอ้ื เพลงิ น้ำมนั ดเี ซลขนาดเลก็ ภายใตก ารดแู ลราว ๓๕๐ แหง ทว่ั ประเทศ ตอมา กฟผ. ยังติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟากังหันแกสเพิ่มเติมท่ีบางกะป บางกอกนอย (กรุงเทพฯ) และพระนครใต (สมุทรปราการ) แตดวยความตองการพลังงานไฟฟายังคงเพิ่มตามอัตราการเติบโต ทางเศรษฐกจิ ทเี่ พมิ่ สงู ในทศวรรษท่ี ๒๕๑๐ กฟผ. จงึ ตอ งจดั หาแหลง เชอื้ เพลงิ สรา งโรงไฟฟา เพมิ่ เตมิ วางแผนสรา งโรงไฟฟา ใหม และกลบั ไปพฒั นาแหลง ผลติ ไฟฟา เดมิ เชน ขยายหนว ยผลติ ไฟฟา ทโี่ รงไฟฟา แมเ มาะ จงั หวดั ลำปาง สรา งโรงไฟฟา พลงั น้ำทเี่ ขอื่ นสริ กิ ติ ิ์ จงั หวดั อตุ รดติ ถ เขอ่ื นศรนี ครนิ ทร จงั หวดั กาญจนบุรี และเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา สวนโรงไฟฟาแหงอื่นน้ันสวนมากยังคงใชน้ำมันเตาเปน เชอื้ เพลงิ หลกั ทวา ตงั้ แต พ.ศ. ๒๕๑๔ - พ.ศ. ๒๕๒๕ ราคานำ้ มนั โลกเพมิ่ ขน้ึ กวา ๑๐ เทา คอื จากลติ รละ ๔๐ สตางค เปน ลติ รละ ๔ บาท สง ผลโดยตรงกบั ตน ทนุ การผลติ ไฟฟา เนอ่ื งจากในเวลานน้ั ใชน ้ำมนั เตาผลติ ไฟฟา คดิ เปน สดั สว นถงึ รอ ยละ ๗๐ ๑๕๘ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
ในความเปน จรงิ การเปลยี่ นแปลงนดี้ ำเนนิ มาพกั หนง่ึ แลว ทว่ั โลก ไฟฟา พลงั นำ้ ถงึ แมจ ะเปน พลงั งานสะอาดแตก ไ็ มอ าจครอบคลมุ ความตอ ง การพลงั งานไฟฟา ทเี่ ตบิ โตขนึ้ อยา งรวดเรว็ ตาม พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่เพ่ิมข้ึนตลอดเวลา ไดท นั สว นเชอื้ เพลงิ ฟอสซลิ อยา งนำ้ มนั นน้ั กม็ ี ราคาเพม่ิ ขนึ้ เรอ่ื ย ๆ เนอ่ื งจากเปน ทรพั ยากรที่ ใชแลวหมดไป ทง้ั ยังตองการการลงทุนในการ สำรวจและผลติ จำนวนมาก แตตอนนั้นเองก็เกิดการคนพบกาซธรรมชาติในอาวไทย กลายเปนทางออกอันสดใสของการแกปญหาเรื่อง นำ้ มันเตามีราคาแพง จนมีคำกลาวติดปากวาตอไปไทยจะ \"โชติชวงชัชวาล\" ดั่งการใชกาซธรรมชาติเผาไหมใน การผลติ ไฟฟา เมอื่ คน พบกา ซธรรมชาติ กฟผ. ไดเ ปน ผรู เิ รม่ิ รบั ซอื้ กา ซทง้ั หมดทขี่ ดุ ไดใ นอา วไทยจาก ปตท. โดยสง มาผลติ ไฟฟา ทโ่ี รงไฟฟา กงั หนั กา ซบางปะกง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา นอกจากนยี้ งั ปรบั ปรงุ โรงไฟฟา พระนครใตใ หใ ชก า ซธรรมชาติ เปน เชอื้ เพลงิ ผลติ ไฟฟา และสรา งโรงไฟฟา กา ซธรรมชาตทิ ร่ี ะยองเพอ่ื เพม่ิ เตมิ ศกั ยภาพการผลติ ไฟฟา จากกา ซธรรมชาติ ตอมายังคนพบแหลงกาซธรรมชาติท่ีแหลงนำ้ พอง จังหวัดขอนแกน พบแหลงน้ำมันและกาซธรรมชาติท่ี ลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร ทำใหมีการกอสรางโรงไฟฟาท่ีใชกาซธรรมชาติเปนเช้ือเพลิงเพิ่มมากขึ้น กฟผ. ยังเพิ่มการผลิตไฟฟาจากแหลงถานหินแมเมาะ จังหวัดลำปาง เพ่ิมเคร่ืองกำเนิดไฟฟาจาก ๒ เปน ๑๓ เครอื่ ง สรา งเขอ่ื นเขาแหลม จงั หวดั กาญจนบรุ ี เพม่ิ ศกั ยภาพแหลง ผลติ ไฟฟา เดมิ ทเ่ี ขอื่ นแมง ดั จงั หวดั เชยี งใหม เขอ่ื นรชั ชประภา จงั หวดั สรุ าษฎรธ านี ทศวรรษท่ี ๒๕๒๐ - ๒๕๓๐ เชอื้ เพลงิ หลกั ในการผลติ ไฟฟา จึงคอ ย ๆ เปลย่ี นจากน้ำมนั เตาและโรงไฟฟา พลงั นำ้ มาเปน กา ซธรรมชาติ ๑๕๙
เมอ่ื การสรา งเขอื่ นใหมย ากลำบาก กฟผ. จึงพยายามพัฒนาศกั ยภาพ การผลิตไฟฟาในเขื่อนที่มีอยู ปรบั ปรงุ ศกั ยภาพการผลติ ไฟฟา แมจะมีกาซธรรมชาติเขามาทดแทนน้ำมันเตา โรงไฟฟาพลังนำ้ เขื่อนภูมิพลก็ยังคงทำหนาที่ใน ฐานะแหลง ผลติ ไฟฟา ทจี่ ะชว ยลดการพงึ่ พาเชอื้ เพลงิ ฟอสซลิ ขณะทเี่ ปา หมายของ กฟผ. ในการสรา งโรงไฟฟา ในระยะถดั มานน้ั การสรา งเขอ่ื นเปน โครงการ ทท่ี ำไดย ากขน้ึ เนอื่ งจากมคี า ใชจ า ยการกอ สรา งสงู สรา งผลกระทบดา นสง่ิ แวดลอ ม โดยเฉพาะการกกั เกบ็ น้ำทตี่ อ งทว มทำลายทรพั ยากรปา ไมจ ำนวนมาก นอกจากนยี้ งั ตอ งคำนงึ ถงึ ความคมุ คา เมอื่ เทยี บกบั ผลกระทบตอ สง่ิ แวดลอ มทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายหลงั การสรา งเขอื่ นอกี ดว ย เมอื่ การสรา งเขอ่ื นใหมย ากลำบาก กฟผ. จงึ พยายามพฒั นาศกั ยภาพการผลติ ไฟฟา ในเขอื่ นทม่ี อี ยู เชน ตดิ ตง้ั เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา แบบสบู กลบั ทเี่ ขอื่ นศรนี ครนิ ทร จงั หวดั กาญจนบรุ ี และเขอื่ นลำตะคอง จงั หวดั นครราชสมี า ทำใหก ารใชน ้ำคมุ คา มากขน้ึ ตลอดระยะเวลานี้ เขอื่ นภมู พิ ลไดร บั การปรบั ปรงุ ศกั ยภาพผลติ ไฟฟา มาตลอด ไมว า จะเปน การตดิ ตงั้ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา จนครบ ๘ ตวั ตามทอ่ี อกแบบไวต ง้ั แตต น โดยระหวา ง พ.ศ. ๒๕๐๗ - พ.ศ. ๒๕๑๒ ตดิ ตงั้ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ตวั ท่ี ๑ - ๖ พ.ศ. ๒๕๒๓ - พ.ศ. ๒๕๒๕ ตดิ ตง้ั เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ตวั ท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๓๕ - พ.ศ. ๒๕๓๙ ตดิ ตงั้ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ตวั ท่ี ๘ ซงึ่ เปน \"เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา แบบสบู กลบั \" ภายหลงั การปรบั ปรงุ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ทงั้ หมดทำใหก ำลงั ผลติ รวมลา สดุ อยทู ี่ ๗๗๙.๒ เมกะวตั ต ๑๖๐ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
พลงั นำ้ แบบสบู กลบั เคร่ืองกำเนิดไฟฟาพลังน้ำแบบสูบกลับของเขื่อนภูมิพลนั้น ทำงานในสองลกั ษณะ ลกั ษณะแรกเหมอื นเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา พลงั นำ้ ในเขอื่ นภมู พิ ลเครอ่ื งอน่ื คอื ปลอ ยใหก ระแสนำ้ ไหลผา นกงั หนั หมุนเคร่ืองกำเนิดไฟฟาแลวสงกระแสไฟฟาเขาสูระบบ ระบบน้ี ทำงานในชว งทม่ี คี วามตอ งการกระแสไฟฟา มากและมกี ารปลอ ย น้ำจากอา งเกบ็ น้ำจำนวนมากใหไ หลผา นกงั หนั ของเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ลกั ษณะทส่ี อง ระบบสบู กลบั จะสบู น้ำทปี่ ลอ ยลงไปทา ยเขอ่ื น กลับขึ้นมาในอางเก็บน้ำอีกคร้ัง เพ่ือกักไวหมุนกังหันผลิตไฟฟา ในระยะตอ ไป โดยใชพ ลงั งานจากโรงไฟฟา แหง อนื่ ในชว งทคี่ วาม ตองการใชไฟฟาต่ำ นับเปนการใชทรัพยากรน้ำอยางคุมคาและ ดงึ กระแสไฟฟา ในชว งทม่ี กี ารใชง านนอ ยมาใชไ มใ หส ญู ไปโดยเปลา ประโยชน การติดต้ังระบบสูบกลับสงผลใหตองสราง \"เขื่อนแมปง ตอนลา ง\" แลว เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ อนั เปน ปเ ดยี วกบั ทเ่ี รมิ่ เดนิ เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา เครอ่ื งท่ี ๘ เขอื่ นแมป ง ตอนลา งทำหนา ทกี่ กั น้ำ ใหไ ดม ากพอทจี่ ะสบู กลบั ขน้ึ ไปเหนอื เขอื่ นภมู พิ ลอกี ครง้ั โดยสรา ง อยหู า งทา ยเขอ่ื นภมู พิ ลไป ๕ กโิ ลเมตร กกั น้ำได ๔.๗ ลา นลกู บาศก เมตร และเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา เครอ่ื งท่ี ๘ จะสบู น้ำกลบั ไดม ากทส่ี ดุ ๓.๕ ลา นลกู บาศกเ มตร ๑๖๑
I เขอื่ นแมป ง ตอนลา ง ถกู ออกแบบใหม บี านประตรู ะบายนำ้ เปด ปด สรา งกน้ั ลำน้ำปง ทางทา ยเขอ่ื นภมู พิ ล เพอื่ ใชก กั เกบ็ น้ำแลว สบู กลบั ไปใชผ ลติ ไฟฟา อกี ครงั้ ๑๖๒ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
ความตอ งการไฟฟา ทเี่ พมิ่ ขนึ้ เรอ่ื ย ๆ ถงึ ตอนน้ี ระบบสายสง ไฟฟา แรงสงู ทรี่ เิ รม่ิ มาพรอ มการสรา งเขอื่ นภมู พิ ลกไ็ ดร บั การขยายใหเ ชอื่ มกนั ทง้ั ประเทศดว ยสายไฟขนาด ๑๑๕ กโิ ลโวลต ๒๓๐ กโิ ลโวลต โดยเฉพาะสายไฟฟา ขนาด ๕๐๐ กโิ ลโวลต เปนสายสงแรงดันสูงท่ีสุดท่ีใชเชื่อมระหวางโรงไฟฟาแมเมาะ-ลำปาง-กรุงเทพฯ เปนระยะทาง ๕๕๐ กโิ ลเมตร สรา งแลว เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ สาย ๕๐๐ กโิ ลโวลตน ี้ ตอ มายงั ขยายไปทวั่ ประเทศและเชอื่ มกบั ระบบไฟฟา ประเทศเพอ่ื นบา นคอื ลาว บรเิ วณจงั หวดั หนองคาย นครพนม มกุ ดาหาร และอบุ ลราชธานี เชอ่ื มกบั มาเลเซยี ทอ่ี ำเภอสะเดา จงั หวดั สงขลา ทวา ความตอ งการใชไ ฟฟา กย็ งั เพม่ิ ขน้ึ เรอื่ ย ๆ อกี ทง้ั ตง้ั แตต น ทศวรรษ ๒๕๓๐ เปน ตน มา โครงการ สรา งเขอ่ื นในประเทศแทบทกุ โครงการถกู ตอ ตา น ขณะทกี่ ารหนั ไปหาแหลง พลงั งานอยา งกา ซธรรมชาติ กล็ ำบากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ เนอื่ งจากแหลง กา ซในอา วไทยนน้ั ลดลงและมแี นวโนม จะหมดไปในอนาคต อยางไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจในทศวรรษ ๒๕๓๐ ทำใหปริมาณสำรองไฟฟาลดต่ำลง ทำให กฟผ. ตอ งวางแผนสรา งโรงไฟฟา ใหมเ พม่ิ ขน้ึ โดยอาศยั กา ซธรรมชาตเิ ปน เชอื้ เพลงิ นอกเหนอื จาก การปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพโรงไฟฟา พลงั น้ำทม่ี อี ยเู ดมิ รวมทงั้ คอื การสรา งโรงไฟฟา ราชบรุ เี พอื่ นำเขา กา ซธรรมชาตจิ ากพมา ในภาพรวม กำลงั ผลติ ไฟฟา ของไทยนนั้ สงู เกนิ ๑๐,๐๐๐ เมกะวตั ตต งั้ แต พ.ศ. ๒๕๓๕ อยา งไรกต็ าม อัตราการเติบโตนี้ลดลงใน พ.ศ. ๒๕๔๐ เน่ืองจากวิกฤติเศรษฐกิจ ภายหลังเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟน ความตอ งการไฟฟา กก็ ลบั มาเพมิ่ ขน้ึ อกี แมจ ะไมไ ดเ พมิ่ ในอตั รารวดเรว็ เหมอื นในทศวรรษ ๒๕๓๐ กต็ าม ตลอดทศวรรษ ๒๕๕๐ ทผ่ี า นมา เขอ่ื นภมู พิ ลยงั คงทำหนา ทแี่ หลง ไฟฟา พลงั น้ำทเี่ สรมิ ความมน่ั คง ของระบบไฟฟา โดยเฉพาะในเวลาที่การสงกาซธรรมชาติจากพมาและอาวไทยสะดุดจากการปดซอม แทนเจาะกลางทะเล ถึงขณะน้ีเขื่อนภูมิพลยังคงทำหนาที่ผลิตพลังงานไฟฟา ระบายนํ้าเพ่ือกิจกรรมการชลประทาน ทง้ั ในฤดฝู นและฤดแู ลง และการเกบ็ กกั นา้ํ เพอื่ บรรเทาอทุ กภยั อยา งเขม แขง็ ไมเ ปลย่ี นแปลง ๑๖๓
๑๖๔ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
การชลปแรละะกทาราบนริหารจัดการนำ้ การชลประทาน การเกบ็ กกั นำ้ ในเขอ่ื นภมู พิ ลเรม่ิ ตน ขน้ึ ตงั้ แต พ.ศ. ๒๕๐๕ และเมอ่ื เขอื่ นเปด ใชง านอยา งเปน ทางการใน พ.ศ. ๒๕๐๗ นน้ั ปรมิ าณน้ำในเขอื่ นภมู พิ ลทก่ี กั เกบ็ ไวก ม็ ถี งึ ๗,๑๘๐ ลา นลกู บาศกเ มตร จากความจสุ งู สดุ ๑๓,๔๖๒ ลา นลกู บาศกเ มตร เขื่อนภูมิพลไดรับการกำหนดวาจะสามารถเก็บกักน้ำใชการได ๙,๖๖๒ ลานลูกบาศกเมตร (มีนำ้ ตายกนเข่ือน - dead storage ที่ ๓,๘๐๐ ลา นลกู บาศกเ มตร) และเพม่ิ ผลผลติ ตอ ไรใ นนาขา วจาก ๑๐๐-๒๕๐ กโิ ลกรมั เปน ๓๕๐ กโิ ลกรมั ตอ ไร ในฤดู ฝนสามารถสงน้ำใหแกเกษตรกรในลุมนำ้ ปงที่ทำนาปครอบคลุมพื้นท่ี ๑.๕ ลานไร ทำใหไดขาวเปลือกอยางนอย ๖ แสนตัน คดิ เปน มลู คา ๕๐๐ ลา นบาท มลู คา นคี้ ำนวณจากราคาขา วในสมยั ทศวรรษ ๒๕๐๐ ซงึ่ มรี าคาตนั ละ ๘๐๐ บาท สว นในฤดแู ลง สามารถทำนาปรงั ไดร าว ๕ แสนไร สรา งผลผลติ ไดม ากกวา ปรกตริ าว ๕ แสนตนั ทส่ี ำคญั เขอ่ื นภมู พิ ลถอื เปน หนง่ึ ในเครอ่ื งมอื การบรหิ ารจดั การนำ้ ในลมุ นำ้ ภาคเหนอื และภาคกลางของประเทศไทยรว มกบั เข่ือนสิริกิติ และเข่ือนอ่ืน ๆ โดยเฉพาะเขื่อนเจาพระยา เปนเขื่อนทดน้ําขนาดใหญ ซ่ึงทำหนาที่ชะลอนำ้ ในแมนำ้ เจาพระยา กอ นลงไปยงั ทงุ ราบภาคกลาง และแจกจา ยนำ้ ไปยงั พน้ื ทเ่ี กษตรประมาณ ๒ ลา นไร เขอ่ื นเจา พระยาตงั้ ปด กน้ั ลำนำ้ เจา พระยาในอำเภอสรรพยา จงั หวดั ชยั นาท สรา งเสรจ็ ตงั้ แตป พ.ศ. ๒๕๐๐ เพอื่ เพม่ิ พนื้ ที่ เพาะปลูกขาวในท่ีราบลุมแมนำ้ เจาพระยาท่ีเดิมตองพึ่งพิงฝนตามฤดูกาลเปนหลัก มีลักษณะเปนเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ทดน้ำขนาดใหญท ท่ี ำหนา ทท่ี ดนำ้ สง ใหพ น้ื ทก่ี ารเกษตรผา นลำนำ้ ๕ สาย คอื แมน ำ้ นอ ย แมน ้ำทา จนี คลองมะขามเฒา -อทู อง คลองชยั นาท-ปา สกั และคลองชยั นาท-อยธุ ยา ผลติ ไฟฟา ใหก บั ชยั นาทและผลกั ดนั นำ้ เคม็ ทจี่ ะรกุ จากอา วไทยเขา มาในทร่ี าบลมุ ภาคกลางโดยมอี ตั ราการระบายนำ้ สงู สดุ ๓,๓๐๐ ลกู บาศกเ มตรตอ วนิ าที แตค วบคมุ ใหไ มเ กนิ ๒,๕๐๐ ลกู บาศกเ มตรตอ วนิ าที เพอื่ ปอ งกนั น้ำทว มพนื้ ทล่ี มุ ต่ำในเขตทร่ี าบลมุ แมน ้ำเจา พระยาตอนลา ง ๑๖๕
ภูมิพล คู สริ กิ ติ ิ์ เขอ่ื นภมู พิ ลยงั ประสานการกกั เกบ็ นำ้ กบั เขอ่ื นสริ กิ ติ ิ์ (เขอ่ื นทาปลา) เขอื่ นดนิ ขนาดใหญท ีส่ ดุ ในประเทศ ไทยซง่ึ ตง้ั อยท ู อ่ี าํ เภอทา ปลา จังหวดั อตุ รดติ ถ เดมิ มชี ือ่ วา \"เขอ่ื นผาซอม\" กอ นจะไดร บั พระบรมราชานญุ าต ใหเ ชญิ พระนามาภไิ ธยสมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ ในรชั กาลท่ี ๙ มาใชเปนชอื่ เขอ่ื นใน พ.ศ. ๒๕๑๑ ทั้งนี้ สมเดจ็ พระนางเจาสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ ในรชั กาลท่ี ๙ ไดเ สดจ็ ฯไปทรงวางศลิ า ฤกษใ นวนั ที่ ๒๗ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๑๔ สวนการกอสรางแลวเสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๑๗ และพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั ฯ รชั กาลที่ ๙ ไดเ สดจ็ ฯไปทรงเปดเขอื่ นอยา งเปน ทางการใน พ.ศ. ๒๕๒๐ จากนน้ั กรมชลประทานไดม อบ เข่ือนให กฟผ. บรหิ ารจดั การ เขอื่ นสริ กิ ติ ท์ิ ำใหเ กดิ โครงการตอ เนอ่ื ง คอื การสรา งสายไฟฟา แรงสงู ๑๑๕ กโิ ลโวลตไ ปยงั ตวั จงั หวดั อตุ รดติ ถ สรา งสายไฟฟา แรงสงู ๒๓๐ กโิ ลโวลตไ ปยงั พษิ ณโุ ลก ตดิ ตง้ั เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา ในโรงงานไฟฟา ทา ยเขอ่ื นสามชดุ รวมกำลงั ผลติ ๓.๗๕ แสนกโิ ลวตั ต และปจ จบุ นั มกี ำลงั ผลติ ๕ แสนกโิ ลวตั ต ๑๖๖ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
แมน้ำนานมีความยาวท่ีสุด เมอื่ เทยี บกบั ตน น้ำสสี่ ายของแมน ำ้ เจา พระยา ครอบคลุมพ้ืนทีล่ มุ น้ำ ๓๓,๑๓๐ ตารางกิโลเมตร เขอ่ื นสริ กิ ติ ส์ิ รา งกน้ั แมน ้ำนา น ตน น้ำสำคญั สายหนง่ึ ของแมน ำ้ เจา พระยา ดว ยความยาวถงึ ๖๑๕ กโิ ลเมตร จงึ ถอื วา แมน ำ้ นา นมคี วามยาวทส่ี ดุ เมอื่ เทยี บกบั ตน น้ำสสี่ ายของแมน ำ้ เจา พระยา ครอบคลมุ พน้ื ทลี่ มุ นำ้ ๓๓,๑๓๐ ตารางกโิ ลเมตร โดยกอ นหนา จะมเี ขอื่ นสริ กิ ติ ิ์ มกั เกดิ เหตกุ ารณน ำ้ ทว มขนึ้ บอ ยครงั้ เขอื่ นสริ กิ ติ จ์ิ งึ สรา งขนึ้ เพอ่ื กกั เกบ็ นำ้ และผลติ ไฟฟา เขอื่ นสริ กิ ติ ไ์ิ ดป ระสานกบั เขอ่ื นภมู พิ ลในการปลอ ยนำ้ ในฤดฝู นและฤดแู ลง ตามทต่ี กลงไวก บั กรมชลประทาน เพอ่ื สง นำ้ สำหรบั การเกษตรและอปุ โภคบรโิ ภค การบรรเทาอทุ กภยั ในชว งนำ้ หลาก รวมทง้ั การประปานครหลวง รกั ษาระบบนเิ วศและผลกั ดนั นำ้ เคม็ ปากแมน ำ้ เจา พระยา หลงั มเี ขอ่ื นภมู พิ ล เกษตรกรในทร่ี าบลมุ ภาคกลางสามารถทำนาไดม ากกวา ๒ ครง้ั ตอ ป ทำใหผ ลผลติ ทางการเกษตรในพน้ื ทช่ี ลประทานเพม่ิ มากขน้ึ จนกลา วไดว า ระบบการเกษตรของไทยเปลย่ี นโฉมหนา ไปดว ย การวางระบบชลประทานทมี่ เี ขอื่ นภมู พิ ลเปน กำลงั สำคญั รว มกบั เขอื่ นอน่ื ๆ ๑๖๗
๑๖๘ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
การบรหิ ารจดั การน้ำในเขอ่ื นภมู พิ ล โดยปรกติแลวเขื่อนภูมิพลมีหลักการบริหารจัดการนำ้ อยางไร อาจสรุปไดจากสิ่งที่ นายกำธร ทิกามล อดตี ผอู ำนวยการเขอ่ื นภมู พิ ล คนที่ ๑๑ อธบิ ายไว \"การบรหิ ารจดั การนำ้ ในอา งเกบ็ นำ้ มหี ลกั การควบคมุ โดยดจู ากเสน กราฟแสดงคา ระดบั น้ำใน อา งเทยี บกบั เสน กราฟของระดบั น้ำควบคมุ ทไี่ ดก ำหนดเอาไวก อ นแลว เรยี กวา เสน Rule Curve ซงึ่ จะมอี ยู ๒ เสน คอื เสน ควบคมุ ระดบั บน เรยี กวา Upper Rule Curve และเสน ควบคมุ ระดบั ลา ง เรียกวา Lower Rule Curve\" \"ตามปรกตจิ ะรกั ษาระดบั น้ำในอา งใหอ ยใู นชว งระหวา งเสน ทง้ั สอง ถา ระดบั น้ำมคี า สงู เกนิ กวา คา Upper Rule Curve จะตอ งเรง ระบายน้ำใหม ากขนึ้ เพอ่ื รกั ษาระดบั น้ำใหค งอยใู นชว งดงั กลา ว แตถ า ระดบั นำ้ มแี นวโนม ทล่ี ดลงจนตำ่ เกนิ กวา คา Lower Rule Curve แลว จงึ จะลดการระบายนำ้ ลงเพอ่ื สงวนรกั ษานำ้ สำหรบั ใชใ นการอปุ โภคบรโิ ภคเทา ทจ่ี ำเปน ใหไ ดต ลอดชว งระยะหนา แลง จนกวา จะยา งเขา สฤู ดฝู นทเี่ รมิ่ มปี รมิ าณน้ำไหลเขา มาเตมิ จากฝนทต่ี กลงมาในพน้ื ทรี่ บั น้ำ\" ระดบั นำ้ ทลี่ ดตำ่ สดุ จนไมส ามารถปลอ ยไดค อื Dead Storage ซงึ่ ตอ งรกั ษาน้ำไวเ พอื่ ความมน่ั คงของตวั เขอื่ น ทงั้ นค้ี ณุ กำธรบอกวา การบรหิ ารจดั การนำ้ ของเขอื่ นภมู พิ ล ในสว นของการผลติ ไฟฟา นนั้ ดำเนนิ การภายใต ศนู ยค วบคมุ ระบบกำลงั ไฟฟา แหง ชาติ ซงึ่ รบั แผนมาจาก \"คณะกรรมการกำกบั ดแู ลบรหิ ารจดั การนำ้ \" ของประเทศ ทมี่ ตี วั แทนจากหลายหนว ยงาน รวมทงั้ กฟผ. ทบี่ รหิ ารเขอ่ื นภมู พิ ล โดยมกี ารกำหนดแผนเปน รายเดอื นและรายป สว นการบรหิ ารจดั การนำ้ ในภาพรวมนน้ั จะมคี ณะกรรมการบรหิ ารจดั การนำ้ ระดบั ชาตปิ ระกอบดว ยคณะทำ งาน ๓ คณะคอื คณะทำงานวางแผนเพาะปลกู พชื ฤดแู ลง คณะอนกุ รรมการตดิ ตามและวเิ คราะหแ นวโนม สถานการณ น้ำ และคณะทำงานจดั ทำแผนบรหิ ารจดั การเขอื่ นเกบ็ นำ้ หลกั และแผนจดั การบรหิ ารนำ้ ของประเทศเพอ่ื พจิ ารณา ในดา นอน่ื ๆ นอกจากการผลติ กระแสไฟฟา ทงั้ น้ี กฟผ. เขา รว มในกรรมการชดุ ที่ ๑ และ ๒ โดย กฟผ. บรหิ ารจดั การนำ้ ตาม \"กระบวนการบรหิ ารจดั การนำ้ กฟผ. แผนปฏบิ ตั กิ ารสำหรบั เขอื่ นตา ง ๆ สงั กดั ชฟน.(ผชู ว ยผวู า การพลงั น้ำ)\" เพอื่ ใหอ ยใู นเกณฑร ะดบั น้ำทก่ี ำหนด ๑๖๙
ความทา ทายในภาวะวิกฤต โดยทวั่ ไปเขอ่ื นภมู พิ ลสามารถเกบ็ กกั น้ำไดเ ตม็ ที่ ๑๓,๔๖๒ ลา นลกู บาศกเ มตร และระบายน้ำ ไดถ งึ ๙,๖๖๒ ลา นลกู บาศกเ มตร แตล ะปร ะบายน้ำในชว งฤดแู ลง เฉลย่ี ๕,๘๐๐ ลา นลกู บาศกเ มตร อยา งไรกต็ าม สภาพภมู อิ ากาศและสถานการณน ้ำแตล ะปม กั จะผนั ผวนเกนิ กวา คาดการณ บางครงั้ เกดิ การกกั เกบ็ จนเตม็ ความจรุ ะดบั สงู สดุ บางปน ำ้ อาจลดลงไปจนอยรู ะดบั ตำ่ สดุ ในรอบ ๕๐ ปท ผี่ า นมา กรณนี ำ้ เตม็ ความจเุ ขอื่ นภมู พิ ลจนตอ งระบายผา นประตนู ้ำลน นน้ั เกดิ ขน้ึ สามครงั้ คือ พ.ศ. ๒๕๑๘, พ.ศ. ๒๕๔๕ และ พ.ศ. ๒๕๕๔ สวนปที่น้ำลดลงจนอยูในระดับระบายนำ้ ไมไ ดค อื พ.ศ. ๒๕๓๕ ในฤดฝู น คณะอนกุ รรมการตดิ ตามและวเิ คราะหแ นวโนม สถานการณน ำ้ ซงึ่ กรมชลประทาน เปน ประธานและเลขานกุ าร หนว ยงานอน่ื ๆ ทเี่ กย่ี วขอ งเปน อนกุ รรมการ ปจ จบุ นั มสี ำนกั งาน อยูท่ี อาคารศูนยปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (Smart Water Operation Center : SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน จะทำหนาที่ดูแลหลักเกณฑการจัดการน้ำในเขื่อนภูมิพล เพอ่ื วางแผนรายสปั ดาห ความทาทายของการบริหารจัดการน้ำคือตองคำนึงถึงสถานการณและผูมีสวนไดสวนเสีย ทง้ั เหนอื นำ้ และทา ยน้ำ เชน ถา หากกกั เกบ็ น้ำจนสงู กวา ระดบั ๒๕๐ เมตร ร.ท.ก. จะมพี นื้ ทถ่ี กู น้ำทว ม แตถ า ปลอ ยนำ้ มากเกนิ ไปกจ็ ะสง ผลกระทบกบั พนื้ ทรี่ าบลมุ ภาคกลางซง่ึ อาจเกดิ น้ำทว มหนกั ๑๗๐ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
ท้ังน้ีเขื่อนภูมิพลมีสถานีติดตามสถานการณนำ้ สนามในลุมน้ำปง ๑๔ สถานี ลุมนำ้ วัง ๒ สถานี โดยมสี ถานหี ลกั ทตี่ วั เขอื่ น ๑ แหง สถานเี หนอื เขอ่ื น ๖ แหง และสถานที า ยเขอื่ นอกี ๑๐ แหง เพอ่ื วดั ปรมิ าณนำ้ ฝนและระดบั นำ้ ในแมน ้ำปง สายหลกั และสาขา เชน หว ยแมแ จม หว ยแมต น่ื ขอ มลู ทไ่ี ดจ ะนำมาทำแบบจำลองคณติ ศาสตร คำนวณปรมิ าณนำ้ ไหลเขา เขอ่ื น ไหลออกทา ยเขอื่ น พรอ มกบั ดปู รมิ าณน้ำจากแมน ้ำวงั ทไ่ี หลมาลงแมน ำ้ ปง เพอ่ื ไมใ หก ารปลอ ย นำ้ ไปซำ้ เตมิ วกิ ฤตใิ นพน้ื ทต่ี า ง ๆ การพิจารณาวาเกิดวิกฤติน้ำหลากหรือไม ดูไดจากปริมาณนำ้ ท่ีไหลลงเขื่อน หากมากกวา ๒๐๐ ลา นลกู บาศกเ มตรตอ วนั และระดบั น้ำในเขอื่ นสงู ถงึ ระดบั ๒๕๕ เมตร ร.ท.ก. ภาวะน้ีถือเปน \"วิกฤตินำ้ หลาก\" จะมีการต้ังวอรรูมติดตามสถานการณรายวัน เพอื่ ระบายน้ำออกตามระดบั นำ้ ทส่ี งู ขน้ึ บางครง้ั อาจพจิ ารณาระบายนำ้ มากกวา ๖๐ ลา นลกู บาศก เมตรตอ วนั ผา นทางประตรู ะบายน้ำลน (spillway) ซง่ึ มากกวา ปรมิ าณนำ้ ทรี่ ะบายผา นเครอ่ื ง กำเนดิ ไฟฟา ทกุ ตวั ของเขอื่ น โดยกอ นการระบายจะแจง เตอื นจงั หวดั ในพนื้ ทท่ี า ยเขอ่ื น เพอ่ื เตรยี ม รบั มอื กบั ระดบั น้ำทจี่ ะสงู ขน้ึ อยา งรวดเรว็ ในฤดแู ลง ซงึ่ เรมิ่ ระหวา งเดอื นพฤศจกิ ายน - พฤษภาคม ปถ ดั ไป คณะทำงานวางแผนพชื เพาะปลกู ในฤดแู ลง จะทำหนา ทก่ี ำหนดหลกั เกณฑก ารจดั สรรน้ำ โดยพจิ ารณาน้ำตน ทนุ ในเขอื่ น ทวั่ ประเทศแลว นำมาประเมนิ กอ นจดั ทำแผนจดั สรรและระบายน้ำให กฟผ. นำไปปรบั ใหเ หมาะ กบั การผลติ ไฟฟา โดยตอ งนำสว นไดส ว นเสยี ของผทู ไ่ี ดร บั ผลกระทบมาคำนวณดว ย หากในฤดแู ลง เกดิ สถานการณร ะดบั นำ้ เกบ็ กกั อยทู ี่ ๕,๓๘๔.๖๔ ลา นลกู บาศกเ มตร หรอื รอ ยละ ๔๐ ของความจเุ ขอื่ น จะมนี ้ำเหลอื ปลอ ยไดเ พยี ง ๑,๕๘๔.๖๔ ลา นลกู บาศกเ มตร และ ถา ฤดแู ลง ยงั มอี กี หลายเดอื น ถอื วา เปน ภาวะเสย่ี งขาดแคลนน้ำอปุ โภคบรโิ ภค เจา หนา ทป่ี ระจำ เขอ่ื นจะตอ งตดิ ตามสถานการณใ กลช ดิ ๑๗๑
ขอมูลหลักการบริหารจัดการนำ้ อา งเกบ็ นำ้ เขอื่ นภมู พิ ลสามารถรองรบั น้ำไดส งู สดุ ทรี่ ะดบั ๒๖๐.๐๐ ม.รทก. คดิ เปน ปรมิ าณนำ้ ๑๓,๔๖๒ ลา น ลบ.ม. แลว มปี รมิ าณ น้ำทสี่ ามารถระบายเพอ่ื ใชต ามความตอ งการไดส งู สดุ ถงึ ๙,๖๖๒ ลา น ลบ.ม. ในแตล ะปส ามารถกกั เกบ็ น้ำในชว งน้ำหลากแลว นำมาระบาย ในชว งฤดแู ลง ไดป ระมาณ ๕,๘๐๐ ลา น ลบ.ม. ซง่ึ สนองความตอ งการใชน ำ้ ในพน้ื ทลี่ มุ น้ำปง ตอ เนอื่ งในลมุ น้ำเจา พระยาไดอ ยา งครอบคลมุ ดงั แสดงในตาราง แสดงขอมูลสำคญั ในการบริหารจัดการนำ้ เขอ่ื นภมู พิ ล ระดับน้ำกักเก็บสูงสุด ๒๖๐.๐๐ ม.รทก.* ปริมาณน้ำท่ีระดับกักเก็บสูงสุด ๑๓,๔๖๒ ลาน ลบ.ม. ปริมาณน้ำท่ีสามารถระบายไดที่ระดับกักเก็บสูงสุด ๙,๖๖๒ ลาน ลบ.ม. ระดับนำ้ กักเก็บต่ำสุด ๒๑๓.๐๐ ม.รทก.* ปริมาณน้ำท่ีไมสามารถระบายไดที่ระดับต่ำสุด ๓,๘๐๐ ลาน ลบ.ม. สถติ ปิ รมิ าณนำ้ ไหลเขา อา งฯ ๔๙ ป เฉลย่ี ปล ะ ๕,๘๐๐ ลาน ลบ.ม. สถติ ิปรมิ าณนำ้ ระบายออกจากเขอ่ื น ๔๙ ป เฉล่ยี ปละ ๕,๔๐๐ ลา น ลบ.ม. อัตราการระบายน้ำผานเคร่ืองกำเนิดไฟฟาสูงสุด ๘๒๙ ลบ.ม./วินาที อัตราการระบายนำ้ ผานเข่ือนแมปงตอนลางสูงสุด ๓,๘๔๒ ลบ.ม./วินาที อัตราการระบายนำ้ ผานประตูระบายน้ำลนสูงสุด ๖,๐๐๐ ลบ.ม./วินาที *ม.รทก. คอื เมตรเทยี บระดบั นำ้ ทะเลปานกลาง ๑๗๒ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
แมว า อา งเกบ็ นำ้ เขอ่ื นภมู พิ ลสามารถรองรบั น้ำไดป รมิ าณมาก แตส ถานการณน ำ้ ในแตล ะปม กั ผนั ผวนเกนิ กวา ทค่ี าดการณไ วม าก เปน เหตใุ หใ นหลายปม นี ำ้ กกั เกบ็ สงู จนเกนิ ระดบั สงู สดุ และในบางปท เี่ ปน ปแ ลง ระดบั นำ้ ลดลงไปถงึ ระดบั เกอื บถงึ ต่ำสดุ ดงั แสดงในตาราง สถติ กิ ารบรหิ ารจดั การน้ำเขอื่ นภมู พิ ลทน่ี า สนใจ พ.ศ. ระดบั น้ำสงู สดุ /ต่ำสดุ ปริมาณนำ้ ที่ระบายผานประตูนำ้ ลน หมายเหตุ (ม.รทก.) (ลา น ลบ.ม.) เริ่มกักเก็บน้ำ ๒๕๐๗ ๒๕๓.๐๔ ปน้ำมาก ๒๕๑๘ ๒๖๐.๐๐ ๑๒๐.๓๗ ปนำ้ แลง ๒๕๓๕ ๒๑๓.๕๔ ปนำ้ มาก ๒๕๔๕ ๒๕๙.๙๕ ๑๙๕.๑๒ ปน้ำมาก ๒๕๔๙ ๒๕๙.๔๕ ปนำ้ มาก ๒๕๕๔ ๒๕๙.๙๗ ๓๔๒.๔๘ กรณกี ารบรหิ ารจดั การนำ้ ในสภาวะนำ้ หลากนนั้ เมอื่ แนวโนม ของระดบั นำ้ ในอา งเกบ็ น้ำเขอ่ื นภมู พิ ล เพมิ่ ขนึ้ สงู ผดิ ปรกตแิ ละเขา สรู ะดบั + ๒๕๐ ม.รทก. จะมกี ารตดิ ตามและวเิ คราะหส ถานการณน ้ำอยา งใกลช ดิ ผา นทาง war room การเฝา ตดิ ตามสถานการณน ำ้ รายวนั วเิ คราะหน ำ้ ไหลเขา อา งโดยใชร ะบบสารสนเทศขอ มลู โทรมาตรของเขอื่ นภมู พิ ล ทต่ี ดิ ตง้ั สถานวี ดั นำ้ ครอบคลมุ พนื้ ทส่ี ำคญั เหนอื อา งเกบ็ นำ้ การตดิ ตามสภาพอากาศประจำวนั และคาดการณฝ นตกในพน้ื ที่ โดยสบื คน จากแหลง ขอ มลู ในเวบ็ ไซตข องกรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา ควบคูไปกับขอมูลของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรนำ้ และการเกษตร (องคกรมหาชน) แลวไดกำหนดแนวทางในการระบายน้ำโดย พิจารณาจากระดับนำ้ ไหลเขาไวดังน้ี - ทรี่ ะดบั ๒๕๖.๐ ม.รทก. ใหร ะบายน้ำรอ ยละ ๓๐ ของปรมิ าณนำ้ ไหลเขา - ทร่ี ะดบั ๒๕๗.๐ ม.รทก. ใหร ะบายน้ำรอ ยละ ๕๐ ของปรมิ าณนำ้ ไหลเขา - ทร่ี ะดบั ๒๕๘.๐ ม.รทก. ใหร ะบายนำ้ รอ ยละ ๗๐ ของปรมิ าณน้ำไหลเขา - ทรี่ ะดบั ๒๕๙.๕ ม.รทก. ใหร ะบายน้ำรอ ยละ ๑๐๐ ของปรมิ าณนำ้ ไหลเขา *ม.รทก. คอื เมตรเทยี บระดบั นำ้ ทะเลปานกลาง ๑๗๓
เขอื่ นภมู ิพลกับวกิ ฤตน้ำทวมป ๒๕๕๔ เหตกุ ารณก ารระบายนำ้ ในภาวะวกิ ฤติ หรอื การเกดิ วกิ ฤตนิ ้ำหลากครงั้ ทค่ี นจำไดม ากทส่ี ดุ คอื ป ๒๕๕๔ เกดิ น้ำทว มใหญเ ขตภาคเหนอื และภาคกลางของประเทศเมอ่ื มพี ายโุ ซนรอ นพดั เขา ประเทศ ไทยหลายลกู และเกดิ ฝนตกทง้ั บรเิ วณเหนอื เขอ่ื นและทา ยเขอื่ น คณุ บญุ อนิ ทร ชนื่ ชวลติ อดตี ผอู ำนวยการเขอ่ื นภมู พิ ลคนที่ ๑๓ เลา วา ในชว งทเ่ี ขาดำรง ตำแหนง นน้ั ไดเ ผชญิ กบั หว งเวลาสำคญั คอื น้ำเตม็ ความจเุ ขอ่ื นใน พ.ศ. ๒๕๔๙ และ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยใน พ.ศ. ๒๕๔๙ สามารถบรหิ ารจดั การใหเ ปน การระบายนำ้ ผา นเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ไมต อ ง ระบายผานประตูน้ำลนไดสำเร็จ ทำใหผลิตไฟฟาไดอยางเต็มที่ในชวงปลาย พ.ศ. ๒๕๔๙ แตส ถานการณน น้ั ตา งไปใน พ.ศ. ๒๕๕๔ \"ป ๒๕๕๔ มฝี นตกมาก หลายพนื้ ทขี่ องประเทศน้ำทว ม กรมชลประทานและ รฐั บาลจงึ ขอมายงั เขอ่ื นภมู พิ ลใหห ยดุ ระบายน้ำลงพนื้ ทท่ี า ยน้ำ แตพ อถงึ เดอื นตลุ าคม เขอื่ นภมู พิ ลมรี ะดบั น้ำทปี่ ระมาณ ๒๕๙ เมตร รทก. จากการตรวจสอบปรมิ าณน้ำ ทจ่ี ะไหลลงอา ง...พบวา ปรมิ าณน้ำทไ่ี หลเขา อา งเกบ็ นำ้ มจี ำนวนมาก คาดวา จะเหลอื พนื้ ทรี่ องรบั น้ำไดอ กี เพยี ง ๑๔๐ ลา นลกู บาศกเ มตร จงึ ทำใหต ดั สนิ ใจขอเปด ประตู ระบายน้ำลน ในวนั ที่ ๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เพราะถา ระบายผา นการเดนิ เครอ่ื ง (กำเนดิ ไฟฟา ) เพยี งอยา งเดยี วโดยการเดนิ เครอ่ื งพรอ มกนั จะระบายไดเ พยี ง ๖๐ ลา นลกู บาศกเ มตรตอ วนั เทา นนั้ \"กอ นระบายนำ้ ไดม กี ารตรวจสอบพน้ื ทที่ า ยนำ้ พบวา ทว มหมด แตอ ำเภอบา น ตาก ตวั จงั หวดั ตาก ยงั ไมท ว ม จงึ ประสานงานกบั นายสามารถ ลอยฟา ผวู า ราชการ จงั หวดั ตากสมยั นนั้ ใหช ว ยประชาสมั พนั ธใ หช าวบา นรบั ทราบและเตรยี มความพรอ ม หลงั จากนนั้ วางแผนระบายน้ำในเวลาเทย่ี งคนื เนอ่ื งจากน้ำมรี ะยะเวลาเดนิ ทาง คอื ๘ ชว่ั โมงจงึ จะเดนิ ทางถงึ อำเภอบา นตาก ดงั นนั้ ถา ปลอ ยน้ำเทยี่ งคนื น้ำจะถงึ บา น ตากตอนเชา ประชาชนสามารถเตรยี มตวั ไดเ พราะจะเหน็ วา นำ้ อยใู นระดบั ใด\" ๑๗๔ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี หมายเหตุ : พ.ศ. ๒๕๕๔ เปน ปท ม่ี ปี รมิ าณนาํ้ ไหลเขา เขอ่ื นภมู พิ ล (inflow) สงู มากผดิ ปกติ สงู กวา ทกุ ๆ ป ตงั้ แตส รา ง เข่ือนมาคา inflow ในชวงตั้งแตวันท่ี ๑ เมษายน จนถึง วันที่ ๑๕ มกราคม ของปถัดไป จากสถิติขอมูล มีคาเฉลี่ยในชวง ๑๖ ป เพียง ๕,๕๖๒ ลานลูกบาศกเมตร แตใน พ.ศ. ๒๕๕๔ มีคาสูงถึง ๑๒,๗๑๖ ลาน ลกู บาศกเ มตร ซง่ึ ปรมิ าณ inflow ทสี่ งู มากนมี้ าจาก อทิ ธพิ ลของ พายถุ งึ ๔ ลกู ตง้ั แตพ ายนุ กเตน็ ตน เดอื น สิงหาคม อิทธิพลของรองความกดอากาศตํ่าที่พาดผานอยูนาน และท่ีสงผลกระทบมากท่ีสุดคือพายุ ๓ ลูก ตดิ กนั ( ไหถ าง เนสาด และนาลแก ) ปลายเดอื นกนั ยายน - ตน เดอื นตลุ าคม ซงึ่ ทำใหม ี inflow ในชว งนี้ เกนิ กวา ปรมิ าตรวา งในอา งของเขอ่ื นภมู พิ ลทเี่ ตรยี มไวถ งึ ๕,๐๐๐ ลา นลกู บาศกเ มตร
กอ นระบายนำ้ ไดม กี ารตรวจสอบพนื้ ทท่ี า ยน้ำ พบวา ทว มหมด แตอำเภอบานตาก ตัวจงั หวัดตาก ยังไมทว ม คณุ บญุ อนิ ทร ชนื่ ชวลติ อธบิ าย วา หลายครงั้ เขอ่ื นภมู พิ ลตกเปน จำเลย ดว ยความทอ่ี ยใู กลข อ มลู ทสี่ ดุ \"ก็ตองเปนผูคอยเก็บและจัดเตรียมขอมูลใหหนวยงานที่เกี่ยวของนำไปใช บอยคร้ังที่ถูก เขา ใจจากสงั คม รวมถงึ สอ่ื มวลชนทง้ั ในทอ งถนิ่ และสว นกลางวา เปน ผสู รา งปญ หา\" คณุ กำธร ทกิ ามล อดตี ผอู ำนวยการเขอื่ นภมู พิ ล คนที่ ๑๑ อธบิ ายการปลอ ยน้ำลน ทเี่ กดิ ขนึ้ ไมก ค่ี รง้ั ไวว า \"แทจ รงิ แลว ไมม ใี ครตอ งการใหเ กดิ เหตกุ ารณแ บบนนั้ ทส่ี ำคญั คอื ไมค มุ คา ทจ่ี ะทำ เนอื่ ง จากเปน การปลอ ยนำ้ โดยไมผ า นกงั หนั น้ำทจี่ ะไปหมนุ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา แลว ไดพ ลงั งานไฟฟา กลบั คนื มา นนั่ หมายถงึ การสญู เสยี โอกาสผลติ ไฟฟา ไปอยา งนา เสยี ดาย แตด ว ยสถานการณ บงั คบั ใหต อ งทำเพอ่ื รกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั ของตวั เขอ่ื นเอาไวก อ น\" อยา งไรกต็ าม เหตกุ ารณใ น พ.ศ. ๒๕๕๔ ทำใหม โี ครงการจดั หาและตดิ ตงั้ ระบบโทรมาตรเขอื่ นภมู พิ ลขน้ึ เมอ่ื การตดิ ตง้ั แลว เสรจ็ เจา หนา ทส่ี ามารถตดิ ตามขอ มลู ทางอทุ กวทิ ยาไดต ลอดเวลา และเกดิ การบรหิ ารจดั การ นำ้ ในเขอื่ นภมู พิ ลตามสถานการณจ รงิ อยา งเหมาะสม โดยมกี ารวเิ คราะหป รมิ าณน้ำทงั้ บรเิ วณเหนอื เขอื่ นและ ทา ยเขอ่ื น ตดิ ตง้ั สถานสี นามกระจายไปทวั่ ลมุ นำ้ และเชอ่ื มขอ มลู กบั หนว ยงานอนื่ เพอื่ การบรหิ ารจดั การนำ้ อยา ง รอบดา นมากขน้ึ ๑๗๕
๕๐ ปเ ขอ่ื นภมู พิ ล กงึ่ ศตวรรษแหง สายน้ำพระทยั ไฟฟา กา วไกล ชมุ ชนพฒั นา ๑๗๖ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
กวา ๕ ทศวรรษ \"เขอื่ นภมู พิ ล\" เขอื่ นอเนกประสงค เมอื่ เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ การไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย (กฟผ.) ไดจ ดั งานครบรอบ ๕๐ ป รฐั พธิ เี ปด เขอ่ื นภมู พิ ล วนั ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ภายใตแ นวคดิ \"๕๐ ปเ ขอ่ื นภมู พิ ล กง่ึ ศตวรรษแหง สายน้ำพระทัย ไฟฟากาวไกล ชุมชนพัฒนา\" โดยนอมนำแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ ๙ เร่ือง การจัดการนำ้ แบบครบวงจรมาปรับใชบริหารจัดการน้ำในเข่ือน หลังจากเข่ือนภูมิพลไดทำหนาท่ีมาคร่ึงศตวรรษในฐานะเข่ือนอเนกประสงค มีการรวบรวมขอมูลพบวา เขอ่ื นนผี้ ลติ ไฟฟา แลว ถงึ ๖๔,๕๘๐.๘๓ ลา นหนว ย ชดเชยการนำเขา นำ้ มนั เตาได ๑๕,๔๖๖.๗๕ ลา นลติ ร คดิ เปน มลู คา ๓๔๒,๔๑๘.๔๖ ลา นบาท ระบายน้ำเขา สรู ะบบชลประทานเจา พระยาใหญ ๒๗๐,๙๕๑.๗๗ ลา นลกู บาศกเ มตร หลอ เลยี้ งพนื้ ทก่ี ารเกษตรกวา ๑๐ ลา นไร ทำใหท ำนาได ๒-๓ ครง้ั ตอ ปใ นเขตชลประทานภาคกลาง คดิ เปน มลู คา ๔.๗ ลา นลา นบาท สำหรบั การประมงจบั สตั วน ้ำไดก วา ๑๓,๑๕๐ ตนั (ปรมิ าณเฉลย่ี จาก พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๕๖) คดิ เปนมลู คา ๔๒๗.๓๕ ลานบาท ยงั ไมนับคุณประโยชนท างดานการคมนาคมทท่ี ำใหเรือสินคา สามารถข้ึนลอ ง ในแมน ้ำเจา พระยา แมน ำ้ ปง ไดม ากถงึ ปล ะ ๔ ลา นตนั โดยเรอื สามารถแลน จากเขอ่ื นภมู พิ ลไปจนถงึ อำเภอฮอด จงั หวดั เชยี งใหมไ ดแ ทบตลอดป เข่ือนภูมิพลยังทำหนาที่ในฐานะแหลงทองเท่ียว มีผูมาเยี่ยมชมมากกวา ๒๗ ลานคนตลอดครึ่งศตวรรษ ทผ่ี า นมา จนสามารถสรา งรายไดใ หป ระชาชนรอบเขอ่ื นและธรุ กจิ ทเี่ กย่ี วเนอื่ งเปน จำนวนมาก ท้ังหมดน้ีสรางผลผลิตและรายไดทั้งแกการประกอบอาชีพ การจำหนายผลผลิตการเกษตร การสงออก ตอ เนอื่ งกนั ไปเปน ลกู โซ ๑๗๗
เข่ือนภมู พิ ลกบั การพฒั นาสังคมเศรษฐกจิ ไทยในรอบ ๕๐ กวา ป ยอ นเวลากลบั สสู งั คมไทยกอ น พ.ศ. ๒๕๐๐ หนงึ่ ในความแตกตา งทช่ี ดั เจนยง่ิ ในการดำเนนิ ชวี ติ ของผคู นทค่ี นรนุ ใหมซ งึ่ ยงั ไมล มื ตาดู โลกดำเนนิ ชวี ติ อยา งสะดวกสบายอยทู า มกลางแสงไฟฟา สาดสวา งอยา งไมข าดพรอ งและมดื มน คงไมส ามารถจนิ ตนาการไดว า ในยคุ สมยั ทคี่ นไทยเพงิ่ ผา นความบอบช้ำจากสงครามโลกครง้ั ทส่ี องมาอยา งหมาด ๆ การใชช วี ติ ทา มกลางระบบสาธารณปู โภคขน้ั พนื้ ฐานอยา ง \"ไฟฟา \" ทย่ี งั ขาดเสถยี รภาพ ไรค วามมน่ั คง และไมค รอบคลมุ ทว่ั ทกุ หนแหง แมแ ตใ นใจกลางเมอื งหลวง จะทำใหช วี ติ ของผคู นชะงกั งนั และปราศจากความสะดวกสบายมากเพยี งใด ... เมอ่ื เราเหน็ กระแสความเจรญิ จากการพฒั นาประเทศแบบกา วกระโดดในทกุ ดา นของวนั นจี้ งึ กลา วไดว า ทกุ สง่ิ ลว นมหี มดุ หมายแรก สดุ มาจากการพฒั นาระบบการผลติ กระแสไฟฟา อยา งเปน รปู ธรรมนนั่ เอง เพราะนค่ี อื หนง่ึ ในพลงั งานพนื้ ฐานสำหรบั การดำรงอยขู อง ทกุ ชวี ติ ทกุ ภาคสว นในสงั คม ใหเ คลอื่ นกลไกขบั ดนั ไปขา งหนา ไดอ ยา งมนั่ คง ซง่ึ ถา จะกลา วถงึ แสงสวา งแรกของการพฒั นาพลงั งาน ไฟฟา ในประเทศไทยยอ มตอ งยอ นกลบั ไปเมอ่ื ๕๐ กวา ป ทผ่ี า นมา นน่ั คอื หว งเวลาทเี่ ขอ่ื นอเนกประสงคข นาดใหญแ หง แรกทมี่ ชี อื่ วา \"เขอ่ื นยนั ฮ\"ี หรือ \"เขอื่ นภมู พิ ล\" ในปจ จบุ นั ไดถ อื กำเนดิ ขนึ้ นนั่ คอื การเผยโฉมหนา การพฒั นาประเทศดว ยพลงั งานไฟฟา อนั เปน รปู ธรรมทสี่ ดุ ซงึ่ ทำใหป ระเทศชาตเิ ดนิ หนา เตบิ โตมาจนถงึ วนั นี้ ๑๗๘ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
๑๗๙
สำคัญท่ีสุดคือความปลอดภัย อนั ตรายทจี่ ะเกดิ กบั เขอ่ื นภมู พิ ลนน้ั มไี มก เ่ี รอ่ื ง เรื่องแรก เกดิ ขนึ้ จากการกอ สรา ง เร่ืองท่ีสอง คอื ผลกระทบจากแผน ดนิ ไหว กรณกี ารกอ สรา ง ชดั เจนวา ตงั้ แตก เู งนิ จากธนาคารโลก เขอื่ นภมู พิ ลถกู กำหนดเงอ่ื นไข วา ตอ งมคี ณะกรรมการทปี่ รกึ ษานานาชาติ (International Board of Consultant, IBC) ใหค ำปรกึ ษาทางเทคนคิ และตรวจสอบวา เขอื่ นมคี วามแขง็ แรงสงู สดุ ตามมาตรฐานหรอื ไม นอกจากนี้นับแตเปดใชงานเข่ือนใน พ.ศ. ๒๕๐๗ แผนกบำรุงรักษาเขื่อนและอาคาร จะตรวจสอบตวั เขอื่ นเปน ระยะ ๆ ดว ยการตรวจสอบหลายวธิ ี ตง้ั แตต รวจดว ยสายตา ทุกวัน ใชเครื่องมือเฉพาะดูพฤติกรรมเข่ือนสัปดาหละครั้งดวยเครื่องวัดการเคลื่อนตัว (plumb line) ซงึ่ ตดิ ตง้ั ใชง านมาตงั้ แตเ ขอ่ื นกอ สรา งแลว เสรจ็ สว นขอ มลู การขยบั ของตวั เขอ่ื นสมั พนั ธโ ดยตรงกบั ปรมิ าณนำ้ กกั เกบ็ เชน เมอ่ื เกบ็ นำ้ จำนวนมาก เขื่อนจะเคล่ือนไปทางทายน้ำ สวนที่เคลื่อนตัวมากคือสวนบนของเข่ือน สวนฐานน้ันไมเคลื่อน คาการเคล่ือนตัวของเขื่อนจากการเก็บกักน้ำในอดีตเคยวัดไดที่ ๔.๐๐๘๒ เซนตเิ มตร เมอ่ื เกบ็ กกั น้ำสงู สดุ ต่ำกวา คา ทอ่ี อกแบบเผอ่ื เอาไวค อื ๗.๕๐ เซนตเิ มตร ซง่ึ ถอื วา อยใู นเกณฑป รกติ ๑๘๐ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
ธนาคารโลก สงผเู ช่ยี วชาญดานเขื่อนเพื่อทบทวน เขอ่ื นภมู พิ ลความมนั่ คงและปลอดภยั ของเขอ่ื นใหญห า แหง ในประเทศไทย หนงึ่ ในนนั้ คอื พบวา เขอื่ นภมู พิ ลมน่ั คงดี เขอื่ นภมู พิ ลยงั ไดร บั การตรวจสอบยนื ยนั ความมนั่ คงจากผเู ชย่ี วชาญดา นความปลอดภยั ของตวั เขอื่ นอยา ง สม่ำเสมอ เชน พ.ศ. ๒๕๔๓ กระทรวงเกษตรและสหกรณ องคการอาหารและเกษตรแหงสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization-FAO) และธนาคารโลก สง ผเู ชยี่ วชาญเขอื่ นมาทบทวนความมน่ั คงและ ปลอดภยั ของเขอ่ื นใหญห า แหง ในประเทศไทย หนงึ่ ในนน้ั คอื เขอ่ื นภมู พิ ล พบวา เขอื่ นภมู พิ ลมน่ั คงดี ใน พ.ศ. ๒๕๕๓ เข่ือนภูมิพลไดรับการตรวจสอบโดยผูเชี่ยวชาญดานคอนกรีตเทคโนโลยี จากสถาบัน เทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ตรวจเช็คสภาพคอนกรีตเน่ืองในโอกาสเขื่อนจะมีอายุ ครบ ๕๐ ป พบวา คอนกรตี ตวั เขอ่ื นยงั อยใู นสภาพดี ใน พ.ศ. ๒๕๕๕ ผเู ชยี่ วชาญจากองคก ารเขอื่ นใหญร ะหวา งชาติ (International Commission on Large Dams-ICOLD) มาตรวจสอบการดำเนนิ งานดา นความปลอดภยั เขอ่ื น ใหค วามเหน็ วา เขอื่ นภมู พิ ลไดร บั การดแู ล บำรงุ รกั ษาเปน อยา งดี สว นการตกตะกอนหนา เขอื่ นทส่ี ง ผลตอ อายงุ านเขอ่ื นนน้ั มกี ารสำรวจใน พ.ศ. ๒๕๑๓ และ พ.ศ. ๒๕๓๕ พบวา อตั ราการสะสมตะกอนกวา จะถงึ ปากอาคารรบั น้ำทท่ี ำหนา ทร่ี ะบายนำ้ ไปทา ยเขอ่ื นจะใชเ วลาอกี ประมาณ ๔,๓๐๐ ป การสำรวจอีกคร้ังใน พ.ศ. ๒๕๕๗ ดวยการนำยานสำรวจใตน้ำควบคุมระยะไกล (Remotely Operated Vehicle : ROV) ลงไปสำรวจตะกอนทอ งน้ำหนา เขอื่ น กพ็ บวา ไมม กี ารสะสมของตะกอน อาจเพราะ ดานหนาเขื่อนไปจนถึงตนนำ้ มีระยะทางกวา ๒๐๐ กิโลเมตร ชองเขาแคบ ๆ ชวยดักตะกอนไวไดมาก รวมทง้ั พนื้ ทป่ี า ไมช ายขอบอา งยงั อยใู นสภาพดี การกดั เซาะหนา ดนิ ลงอา งเกบ็ นำ้ จงึ มนี อ ย ๑๘๑
การตรวจสอบดวยสายตา เปนวิธีตรวจสอบเขื่อนและอาคารประกอบ ดวยการสังเกตุสภาพภายนอกของสวนประกอบตาง ๆ เชน โครงสรางของเข่ือน การกดั เซาะ รอยแตกรา ว การทรดุ ตวั บวมตวั ปรมิ าณและลกั ษณะของน้ำรว่ั ซมึ การเสอ่ื มสภาพของวสั ดุ เปน ตน การตรวจสอบดวยเคร่ืองมือตรวจวัด เปน วธิ ตี รวจสอบโดยเครอ่ื งมอื ตรวจวดั พฤตกิ รรมเขอื่ นประเภทตา ง ๆ ซง่ึ ตดิ ตงั้ ไวท ง้ั ภายในและภายนอกตวั เขอื่ น เชน เครอื่ งมอื วดั การทรดุ ตวั หรอื เคลอื่ นตวั ของเขอื่ น เครอ่ื งมอื วดั แรงดนั นำ้ ในตวั เขอ่ื นและฐานราก และเครอ่ื งมอื วดั น้ำรวั่ ซมึ เปน ตน เพอื่ ตดิ ตาม ความเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ ทง้ั ในระหวา งการกอ สรา งและภายหลงั การกอ สรา ง ขอ มลู จะถกู ปอ นเขา คอมพวิ เตอร เพอื่ ดำเนนิ การวเิ คราะห และประเมนิ ผลตอ ไป ตำแหนง เครอื่ งมอื วดั พฤตกิ รรมเขอ่ื นประเภทตา ง ๆ ของเขอื่ นภมู พิ ล เครอื่ งมอื วดั การเคลอ่ื นตวั ของตวั เขอื่ นภมู พิ ลดว ยสายดงิ่ (Plumb line) ๑๘๒ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
การตรวจสอบเขอื่ นภมู พิ ล โดยเจา หนา ท/ี่ คณะกรรมการ กปข./ ผเู ชยี่ วชาญจากสถาบนั ในประเทศและตา งประเทศ การตรวจสอบเขอ่ื นภมู พิ ลและอาคารประกอบ โดยเจา หนา ทป่ี ระจำเขอ่ื นและคณะกรรมการตรวจสอบและประเมนิ ความปลอดภยั เขอ่ื น (กปข.) ผเู ชยี่ วชาญดา นเขอ่ื นคอนกรตี Prof. Chopra มาบรรยายแนวทางการดำเนนิ การวเิ คราะห ความมนั่ คงเขอ่ื นคอนกรตี ตอ แรงกระทำจากแผน ดนิ ไหว ผเู ชยี่ วชาญจากองคก ารเขอื่ นใหญร ะหวา งชาติ (ICOLD) การนำยาน ROV ลงสำรวจตะกอนทอ งน้ำ ๒ ทาน คือ Dr. Wieland และ Dr. Brenner ไดมาเยี่ยม ดา นหนา เขอ่ื น เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๗ ชมการดำเนนิ งานดา นความปลอดภยั เขอื่ นของเขอ่ื นภมู พิ ล ๑๘๓
เกบ็ ตวั อยา งแทง คอนกรตี จากตวั เขอ่ื นไปวเิ คราะหก ำลงั และการเสอื่ มสภาพ พบวา คอนกรตี ยงั มคี า ความแขง็ แรง ในเกณฑสูงกวา ที่ออกแบบไว ๒ เทา แผน ดนิ ไหว ถงึ แมจ ะไมไ ดอ ยใู นพนื้ ทเี่ สยี่ งตอ แผน ดนิ ไหว เขอื่ นภมู พิ ลกต็ ดิ ตง้ั เครอ่ื งวดั แผน ดนิ ไหว ไว ๔ จดุ ตดิ ตงั้ สถานตี รวจวดั แผน ดนิ ไหวโดยรอบ ๔ แหง เจา หนา ทจี่ ะตดิ ตามสถานการณ แผน ดนิ ไหวในพน้ื ทใี่ กลเ คยี งอยา งใกลช ดิ โดยใชเ ครอ่ื งมอื ตรวจวดั อตั ราเรง จากแผน ดนิ ไหว ในพนื้ ทใี่ กลเ คยี ง เพอื่ ตรวจสอบแรงกระทำจากแผน ดนิ ไหวทม่ี าถงึ ตวั เขอื่ นวา มผี ลตอ ความ มนั่ คงหรอื ไม เขอื่ นภมู พิ ลไดร บั การออกแบบใหร บั แรงกระทำจากแผน ดนิ ไหวไวแ ลว ขนาด ๐.๑ g คดิ เปน รอ ยละ ๑๐ ของแรงโนม ถว งของโลก หรอื เทยี บเทา แผน ดนิ ไหวขนาด ๗ รกิ เตอร จากสถติ ใิ นรศั มี ๒๐๐ กโิ ลเมตรโดยรอบเคยเกดิ แผน ดนิ ไหวขนาด ๓.๑ - ๖.๓ รกิ เตอร มาแลว และเหตุการณท่ีสงแรงสะเทือนถึงเขื่อนมากที่สุดเกิดใน พ.ศ. ๒๕๕๗ จากแผนดินไหวขนาด ๖.๓ ริกเตอรในเขตจังหวัดเชียงราย มีแรงส่ันสะเทือนที่เขื่อน ๐.๐๑๙๙ g ซง่ึ กำลงั ขนาดนย้ี งั ต่ำกวา ทอ่ี อกแบบรองรบั ไวถ งึ ๕ เทา การตรวจสอบยงั คงมอี ยา งสมำ่ เสมอ ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ กฟผ. ทดสอบเกบ็ ตวั อยา ง แทง คอนกรตี จากตวั เขอ่ื นไปวเิ คราะหก ำลงั และการเสอื่ มสภาพ พบวา คอนกรตี ยงั มคี า ความ แขง็ แรงในเกณฑส งู กวา ทอี่ อกแบบไว ๒ เทา เนอื้ คอนกรตี อยใู น สภาพดี เสอ่ื มสลายนอ ย อตั ราการโดนกดั เซาะต่ำ ไมพ บสญั ญาณการแตกรา ว นนั่ หมายถงึ คอนกรตี ตวั เขอ่ื นภมู พิ ลนน้ั อยใู นสภาพทดี่ มี าก เขอื่ นภมู พิ ลจงึ ยงั มอี ายใุ ชง านอกี ยาวนานหลายรอ ยป ๑๘๔ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
เขอื่ นภมู พิ ล ไดใ หค วามสำคญั เปน อยา งมากในการเตรยี มความพรอ มในการรบั มอื กบั เหตกุ ารณแ ผน ดนิ ไหวในภมู ภิ าคนี้ โดยไดต ดิ ตงั้ เครอื่ งมอื ตรวจวดั ขนาดและศนู ยก ลางแผน ดนิ ไหว (Seismograph) ไวบ รเิ วณรอบอา งเกบ็ น้ำของเขอ่ื นภมู พิ ล จำนวน ๔ สถานี เพ่ือไวติดตามสถิติแผนดินไหวที่เกิดขึ้นในบริเวณใกลเคียงเขื่อนภูมิพล และติดตั้งเคร่ืองมือตรวจวัดอัตราเรงจาก แผน ดนิ ไหว (Accelerograph) ไวบ รเิ วณตวั เขอื่ นเพอ่ื ตรวจวดั วา แผน ดนิ ไหวทเี่ กดิ ขน้ึ ทกุ ครง้ั ในภมู ภิ าคนส้ี ง แรงกระทำมาถงึ เขอ่ื นมากนอ ยเพยี งไร และมผี ลกระทบตอ ความมน่ั คงของเขอ่ื นหรอื ไม เพอ่ื ทจ่ี ะไดด ำเนนิ การตรวจสอบและแกไ ขไดท นั การ หากพบความผดิ ปรกติ รปู แสดง โครงขา ยสถานตี รวจวดั แผน ดนิ ไหวรอบอา งเกบ็ นำ้ เขอื่ นภมู พิ ล และ ตวั อยา งอาคารสถานี และเครอ่ื งมอื วดั แผน ดนิ ไหวทต่ี ดิ ตง้ั ไวภ ายในอาคาร ๑๘๕
สูการบริหารสมัยใหม ปจ จบุ นั เขอื่ นภมู พิ ลมสี ถานะเปน หนว ยงาน (โรงไฟฟา ) แหง หนงึ่ ของการไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย (กฟผ.) ท่ีมีฐานะเปนรัฐวิสาหกิจ ทำหนาที่จัดหาไฟฟาใหเพียงพอตอความตองการของประเทศ ภายใตว สิ ยั ทศั น \"ผผู ลติ ไฟฟา ดา นพลงั นำ้ ทมี่ สี มรรถนะสงู \" เขอ่ื นภมู พิ ลมกี ารพฒั นาระบบการบรหิ าร จดั การภายในมาโดยตลอด อาทิ พ.ศ. ๒๕๓๗ นำระบบบรหิ ารความปลอดภยั สมยั ใหม (Modern Safety Management : MSM) มาใช ปรบั ระบบตา ง ๆ จนกลายเปน ระบบบรหิ ารงานคณุ ภาพ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั สง่ิ แวดลอ ม และการจดั การพลงั งาน (Quality Safety Health Environment and Energy Management) และระบบบรหิ ารคณุ ภาพทวั่ ทง้ั องคก ร (Total Quality Management : TQM) นบั จาก พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดส รา งระบบการจดั การสงิ่ แวดลอ มตามมาตรฐาน ISO14001 โดยจดั ทำแผน จัดการสิ่งแวดลอมในองคกร ติดตามสภาพนำ้ ผิวดิน นำ้ ทิ้ง เฝาระวังคุณภาพน้ำแมปง จัดทำแผน ตรวจสอบคุณภาพนำ้ ปละ ๒ ครั้ง ทำโครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากนำ้ มันพืชใชแลวเพ่ือใชกับ ยานพาหนะเขอ่ื นทงั้ หมด ๑๑ คนั กบั เครอ่ื งจกั รกลการเกษตร ๒ คนั ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ ตงั้ แต พ.ศ. ๒๕๓๙ เปน ตน มา มพี นกั งานทด่ี แู ลเขอ่ื นอาศยั อยรู อบเขอื่ นมากกวา ๖๐๐ ครอบครวั คดิ เปน จำนวนคนมากกวา ๒,๐๐๐ คน ทำใหช มุ ชนเจา หนา ทเ่ี ขอ่ื นกลายเปน ชมุ ชนขนาดเลก็ ระดบั อำเภอ ภายในมโี รงเรยี น โรงพยาบาล สถานศกึ ษาระดบั ประถม ซง่ึ ทำใหต อ งมกี ารบรหิ ารจดั การความเปน อยขู องเจา หนา ทเี่ ขอื่ นดว ย ๑๘๖ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
\"จติ อาสาเขอ่ื นภมู พิ ล\" มเี ครอื ขา ยหลายหนว ยงาน สรา งฝายไปแลวกวา ๑๒,๐๐๐ ฝาย ทผี่ า นมาเขอ่ื นภมู พิ ลยงั พยายามสรา งความสมั พนั ธอ นั ดกี บั ชมุ ชน โดยรอบเขอ่ื น คณุ สมบรู ณ มณนี าวา อดตี ผวู า การ กฟผ. เลา วา เขอ่ื น เร่ิมทำงานกับชุมชนมาตั้งแตสรางเสร็จ โดยนำสิ่งของไปมอบใหกับ ชมุ ชนเหนอื เขอ่ื น ใน พ.ศ. ๒๕๓๔ มกี ารตง้ั ชมรมผบู ำเพญ็ ประโยชน เขื่อนภูมิพล เริ่มจัดแขงขันกอลฟยันฮีโอเพน ตั้งแต พ.ศ. ๒๕๓๔ เพอื่ หาเงนิ ทนุ ไปกอ สรา งอาคารเรยี น หอ งน้ำ ซอ มแซมปรบั ปรงุ ระบบ ไฟฟา ใหท นุ การศกึ ษากบั โรงเรยี นทอ่ี ยรู อบเขอ่ื น ปลายป พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการจัดกิจกรรมเชิงอนุรักษตามแนว พระราชดำริใน ๑๐ ชุมชน ทำโครงการจัดการปาชุมชนอยางย่ังยืน สรา งฝายชะลอน้ำ สรา งแนวกนั ไฟปา ปลกู ตน ไมเ พมิ่ บวชปา เรยี กวา \"จติ อาสาเขอื่ นภมู พิ ล\" มเี ครอื ขา ยหลายหนว ยงาน สรา งฝายไปแลว กวา ๑๒,๐๐๐ ฝาย จัดทำแผนปองกันไฟปา พรอ มกบั กอ ต้งั ศูนยดบั ไฟปาเข่ือนภูมิพลตั้งแต พ.ศ. ๒๕๓๘ มีอาสาสมัครจำนวน ๕๐ คน มเี วรยามไมต ำ่ กวา ๘ คนในฤดแู ลง เข่ือนภูมิพลยังจัดทำโครงการเปดเขื่อนภูมิพลสูชุมชนลุมน้ำปง ครอบคลมุ ๓ จงั หวดั คอื ตาก เชยี งใหม ลำพนู โดยการจดั เวทคี นใชน ้ำ นำกลมุ คนทดี่ แู ลปา ตน นำ้ คนกลางน้ำในบรเิ วณเขอ่ื น และคนปลายน้ำ มาแลกเปลย่ี นขอ มลู เพอ่ื สรา งความเขา ใจกนั และกนั เพอ่ื นำไปสคู วาม รว มมอื กนั หลากหลายดา น ๑๘๗
สมัยกอ นปา สมบรู ณ ฝนตกลงมา ๓ วนั น้ำถงึ คอ ยๆ ไหลลงเข่ือน แตต อนนไี้ มม ปี า ชว ยชะลอนำ้ ฝนตกลงมานำ้ ไหลลงเขอื่ นทนั ที ชะลา งหนา ดนิ และไหลเขา มาอยา งรวดเรว็ ... อนาคตในความเปลย่ี นแปลง แมใ นตอนนเี้ มอ่ื เทยี บกบั เขอื่ นเกดิ ใหมใ นภมู ภิ าคเอเชยี เขอ่ื นภมู พิ ลจะมใิ ชเ ขอ่ื นคอนกรตี ที่ ใหญท สี่ ดุ อกี ตอ ไปแลว แตส ำหรบั ประเทศไทย เขอื่ นภมู พิ ลยงั มสี ถานะเปน \"โรงไฟฟา พลงั นำ้ \" ท่ีใหญท่ีสุดในประเทศ ไฟฟา จากระบบการผลติ ไฟฟา ของเขอ่ื นภมู พิ ลนน้ั มรี าคาถกู เนอื่ งจากผลติ จากพลงั นำ้ และ ระดบั การผลติ ไฟฟา คอ นขา งมเี สถยี รภาพ ตราบใดทเี่ ขอื่ นยงั มนี ำ้ จงึ สามารถทดแทนการผลติ ไฟฟา ในกรณเี กดิ เหตสุ ดุ วสิ ยั กบั โรงไฟฟา ประเภทอนื่ ทกุ วนั นป้ี รมิ าณไฟฟา พลงั น้ำทผ่ี ลติ ไดใ นประเทศไทยนน้ั คดิ เปน รอ ยละ ๕ ของกำลงั การ ผลิตไฟฟา พลังนำ้ ท้งั โลก ๑๘๘ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
อยา งไรกต็ าม ขอ จำกดั ในการผลติ ไฟฟา พลงั น้ำมมี ากขนึ้ เรอื่ ย ๆ ทส่ี ำคญั คอื งานวจิ ยั บง ชว้ี า ปรมิ าณนำ้ ในแมน ำ้ ทว่ั โลกกำลงั ลดลง อนั เปน ผลจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศโลกซง่ึ เกดิ จาก ภาวะโลกรอ น ทศิ ทางของผผู ลติ ไฟฟา พลงั นำ้ สว นมากจงึ หนั มาเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา พลงั น้ำทมี่ อี ยู และเพมิ่ การผลติ ไฟฟา พลงั น้ำจากโรงไฟฟา พลงั นำ้ ขนาดเลก็ เนอื่ งจากพนื้ ทก่ี อ สรา ง โรงไฟฟาพลังนำ้ ขนาดใหญนั้นหายากขึ้น และในชวงที่ผานมาเริ่มเปนที่ยอมรับกันแลววา การสรา งเขอ่ื นขนาดใหญน น้ั กอ ผลกระทบอยา งมหาศาลกบั พนื้ ทป่ี าและสง่ิ แวดลอ มโดยรอบ ความทา ทายของเขอื่ นภมู พิ ล คอื จะคงคณุ ภาพการผลติ ไฟฟา พลงั น้ำและเพมิ่ ปรมิ าณการผลติ ไดอ กี หรอื ไมใ นอนาคต จะวางแผนบรหิ ารจดั การน้ำอยา งไรในภาวะทส่ี ภาพภมู อิ ากาศโลกแปรปรวน และจะบรหิ ารจดั การนำ้ อยา งไรใหเ กดิ ประโยชนสงู สดุ คุณพิสุทธิ์ โชคคติวัฒน ผูอำนวยการเข่ือนภูมิพล คนท่ี ๑๖ บอกวา การผลิตไฟฟาของ เขอ่ื นภมู พิ ลหลงั จากนยี้ งั คงขน้ึ กบั ปรมิ าณน้ำทม่ี ใี นเขอ่ื น สว นเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา ทงั้ หมดอาจเพม่ิ กำลงั การผลติ แตล ะเครอื่ งไดอ กี เลก็ นอ ยราว ๒๐ เมกะวตั ต ปญ หาทน่ี า หว ง คอื ปรมิ าณน้ำไหลลงเขอ่ื น \"สมยั กอ นปา สมบรู ณ ฝนตกลงมา ๓ วนั นำ้ ถงึ คอ ย ๆ ไหลลงเขอ่ื น แตต อนนไ้ี มม ปี า ชว ยชะลอน้ำ ฝนตกลงมาน้ำไหลลงเขอ่ื นทนั ที ชะลา ง หนา ดนิ และไหลเขา มาอยา งรวดเรว็ \" แตเ รอ่ื งตะกอนดนิ นจี้ ะยงั ไมเ ปน ปญ หาในอนาคตอนั ใกล ปญ หา หลกั คอื การรกั ษาสภาพปา ตน นำ้ ของแมน ้ำปง เพอื่ รกั ษาปรมิ าณน้ำไหลลงเขอ่ื นมากกวา ซง่ึ ในทปี่ ระชมุ ของผใู ชน ้ำ ตงั้ แตต น นำ้ กลางนำ้ และปลายน้ำทเี่ ขอื่ นภมู พิ ลจดั ขนึ้ มคี วามพยายามจดั ทำโครงการ ปลกู ปา แลกขา ว โดยชาวนาในพน้ื ทช่ี ลประทานซงึ่ ทำนาไดป ล ะ ๒ - ๓ ครงั้ จะรวบรวมขา วบางสว น ไปมอบใหค นตน นำ้ ทดี่ แู ลปา ในอำเภอดอยเตา อำเภออมกอ ย จงั หวดั เชยี งใหม ซงึ่ สญั ญาวา จะรกั ษา ปา ตน น้ำ หยดุ การรกุ ปา ๑๘๙
คณุ สนุ ชยั คำนณู เศรษฐ ผวู า การการไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย (กฟผ.) คนท่ี ๑๒ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๙ กลาววา ขณะนี้ไทยมีเขื่อนพลังนำ้ ที่ผลิตไฟฟา ๓,๐๐๐ เมกะวัตต แตใชประโยชนไดเพียง ๖ เปอรเซ็นต เฉพาะเขื่อนภูมิพลมีตนทุนจายน้ำผานเคร่ืองกำเนิดไฟฟาไดเพียง ๑๔ เปอรเซ็นต ซึ่งถือวามีปริมาณนอย ในอนาคตตองหาวิธเี พิ่มตนทุนนำ้ ท่ีจะไหลผานเคร่ืองกำเนิดไฟฟาใหมากข้ึน และยทุ ธศาสตรก ารเพมิ่ ตน ทนุ น้ำทสี่ ำคญั คอื การปลกู ปา จากสถติ สิ ามปห ลงั ( พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๙ ) เขอื่ นภมู พิ ลพบปญ หาน้ำเขา เขอื่ นนอ ยตดิ ตอ กนั ถอื เปน ระดบั นำ้ นอ ยทส่ี ดุ ในรอบ ๕๐ ปน บั แตม เี ขอ่ื น นีค่ อื ความทาทายทีเ่ ขือ่ นภมู พิ ลและคนไทยตองหาทางแกไขในเรอื่ งการบรหิ ารจดั การนํา้ เ พ ือ่ ใ ห เขือ่ นภมู พิ ล ยงั ประกอบภารกจิ สําเรจ็ ลลุ วง ดงั พระราชดํารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร รชั กาลที่ ๙ ทีพ่ ระราชทานไวเมือ่ ครัง้ เสดจ็ ฯไปทรงวางศลิ าฤกษ เมอื่ วนั ที่ ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๐๔ ณ เขอื่ นภมู พิ ล วา ...เขื่อนน้ีจะมีความสำคัญในการเสริมสรางความเจริญ ของประเทศ และความผาสุกสมบูรณของประชาชน เพราะเม่ือกอสรางเขื่อนนี้เสร็จแลว ก็สามารถผลิตไฟฟาไดเปนจำนวนมาก ชวยใหประชาชนไดมีไฟฟาใชมากขึ้น เข่ือนยังอำนวยประโยชนในดานการชลประทาน การคมนาคม และการบรรเทาอุทกภัย...* * อา งองิ ปกรองใน /หนงั สอื กงึ่ ศตวรรษแหง สายนำ้ พระทยั ไฟฟา กา วไกล ชมุ ชนพฒั นา ๕๐ ปเ ขอ่ื นภมู พิ ล / การไฟฟา ฝา ยผลติ แหง ประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๗ ๑๙๐ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
ชาวเข่ือนภูมิพลรวมใจ สานสายใยจิตอาสาชุมชน จากจุดเริม่ ตนของการทำงานเพือ่ สงั คมต้งั แตสมัยการกอสรางเขอื่ นเร่อื ยมาจนถงึ พ.ศ. ๒๕๕๗ ถือเปนชวงเวลาก่ึงศตวรรษที่เขื่อนภูมิพลไดตระหนักถึงหลักการเปนสวนหน่ึงของชุมชน ชุมชนรอบ โรงไฟฟาถือเปนบานพ่ี บานนอง ที่ตองรวมดูแลและใหความสำคัญ สำหรับการดำเนินงานเก่ียวกับ การดูแลและรับผิดชอบตอสังคม โดยทำงานแบบมีสวนรวมของชุมชนในยุคปจจุบัน มีโครงการและ กิจกรรมท่ีโดดเดนและถือเปนส่ิงท่ีไดพัฒนาตอยอดมาจากการทำงานในอดีต โดยมีโครงการตาง ๆ ดังนี้ ๑๙๑
๑. โครงการเปด เขอ่ื นภมู พิ ลสชู มุ ชนลมุ น้ำปง โครงการเปด เขอื่ นภมู พิ ลสชู มุ ชนลมุ นำ้ ปง มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอ่ื สรา งความสมั พนั ธอ นั ดรี ะหวา งเขอื่ นภมู พิ ลและชมุ ชน รอบอา งเกบ็ น้ำเขอ่ื นภมู พิ ล ซง่ึ พน้ื ทอี่ า งเกบ็ นำ้ ขนาดใหญค รอบคลมุ พน้ื ทถ่ี งึ ๓ จงั หวดั ในภาคเหนอื ไดแ ก จงั หวดั ตาก ลำพนู และเชยี งใหม ซง่ึ แตล ะพนื้ ทม่ี วี ถิ คี วามเปน อยแู ละความตอ งการทแี่ ตกตา งกนั เขอ่ื นภมู พิ ลจงึ ไดพ ยายามสรา ง ความเขาใจแกพี่นองรอบรั้วบานอยางตอเนื่องเพ่ือกอใหเกิดความสัมพันธอันดี ความเขาอกเขาใจซึ่งกันและกัน และสดุ ทา ยกลายเปน มติ รภาพฉนั ทพ นี่ อ ง ฉนั ทเ พอื่ น ทถ่ี อ ยทถี อ ยอาศยั ซงึ่ กนั และกนั ภายใตโ ครงการเปด เขอ่ื นภมู พิ ลสชู มุ ชนลมุ นำ้ ปง มกี จิ กรรมทโ่ี ดดเดน และสำคญั หลากหลายกจิ กรรม แตท สี่ ำคญั และนบั เปน ภาพสะทอ นการเปน โอง น้ำใบใหญข องประเทศ และการเปน ผบู รหิ ารจดั การน้ำไดอ ยา งชดั เจน คอื กจิ กรรม เวทผี ใู ชน ้ำและกจิ กรรมคา ยเยาวชน ๑๙๒ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
๑๙๓
๒. โครงการจติ อาสา ปน ศรทั ธาและอาทร โครงการนเ้ี ปน การสง เสรมิ ใหผ ปู ฏบิ ตั งิ านและชมุ ชนมคี วามตระหนกั ถงึ การทำงานแบบจติ อาสา คอื การมจี ติ ใจทตี่ อ งการชว ยเหลอื บคุ คลอน่ื ทเ่ี ดอื ดรอ น มคี วามหว งใยเหมอื นเปน คนในครอบครวั เดยี วกนั โดยใชก ำลงั สมอง กำลงั กาย และแรงใจ ในการเขา ไปทำงาน แบบมสี ว นรว มกบั ชมุ ชน เพราะในปจ จบุ นั นก้ี ารทโี่ รงไฟฟา จะตง้ั อยไู ดน น้ั ไมเ พยี งแตต อ งดำเนนิ งานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพและบคุ ลากรทมี่ ี ความรเู ทา นนั้ แตจ ำเปน ตอ งมคี วามสมั พนั ธอ นั ดงี ามกบั ชมุ ชน ซง่ึ จดุ กำเนดิ ของความสมั พนั ธท ดี่ นี น้ั ตอ งเกดิ จากการใช \"ใจ\"และ \"ใจ\" เงนิ หรือส่ิงของไมส ามารถทจี่ ะแกปญ หาทุกอยา งได ๑๙๔ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั น้ี
๑๙๕
๓. โครงการเปดใจเรยี นรู เพ่อื นครู เขอ่ื น โครงการเปด ใจเรยี นรู เพอื่ นครู เขอ่ื น ไดเ รมิ่ ตน ขน้ึ ประมาณชว ง พ.ศ. ๒๕๔๐ คณุ บญุ อนิ ทร ชน่ื ชวลติ ดำรงตำแหนง ผอู ำนวยการเขอื่ นภมู พิ ลในชว งเวลานนั้ ไดร เิ รม่ิ ใหจ ดั ตง้ั โครงการเปด ใจเรยี นรู เพอ่ื นครู เขอื่ น โดยมแี นวคดิ จาก \"บวร\" บา น วดั โรงเรยี น ซง่ึ โรงเรยี นกเ็ ปน หนง่ึ ในหนว ยงานทมี่ คี วามสำคญั ในการหลอ หลอมเยาวชนของชาติ และยงั เปน ศนู ย กลางความรทู ส่ี ำคญั ทจี่ ะเผยแพรใ หแ กช มุ ชนรอบขา ง ๑๙๖ เขอื่ นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
๔. โครงการคนรักษตน นำ้ กลางนำ้ ปลายน้ำ โครงการคนรกั ษต น นำ้ กลางนำ้ ปลายน้ำ เปน โครงการทมี่ งุ เนน ใหเ กดิ การดแู ลปา ตน นำ้ ซง่ึ เปน แหลง กอ เกดิ แมน ำ้ ปง ทไ่ี หลลงอา ง เกบ็ น้ำเขอื่ นภมู พิ ลอยา งยง่ั ยนื และมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเนน ใหช มุ ชนในแตล ะพนื้ ทบ่ี รหิ ารจดั การดแู ลตามวถิ ขี องชมุ ชน โดยมเี ขอื่ นภมู พิ ลเปน กลั ยาณมติ รทดี่ ใี นการใหค ำปรกึ ษาและสนบั สนนุ ทรพั ยากรทจ่ี ำเปน ตา ง ๆ โดยเนน การดแู ลปา ตงั้ แตก ารสรา งความชมุ ชน้ื และอดุ มสมบรู ณ ของปา ปอ งกนั การทำลายปา และไฟปา การปลกู ปา ทดแทนและปลกู ปา เสรมิ ตลอดจนสรา งจติ สำนกึ ใหแ กช มุ ชนและเยาวชนในพน้ื ท่ี ในการรว มดแู ลปา ตน น้ำและปา ชมุ ชน ในปจ จบุ นั ไดข ยายเครอื ขา ยการทำงานดา นการอนรุ กั ษป า และทรพั ยากรธรรมชาติ ไปสชู มุ ชน ตาง ๆ รอบอางเก็บนำ้ เข่ือนภูมิพล กลุมผูใชน้ำ หนวยงานราชการและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาตาง ๆ ที่สนใจเขารวม กจิ กรรมกบั เขอ่ื นภมู พิ ล ๑๙๗
การดูแลผืนปาท่ีอยูรอบ ๆ เขื่อนภูมิพลไดเร่ิมดำเนินการมาต้ังแตชวง พ.ศ. ๒๕๓๗ ภายใตโครงการปลูกปาถาวร เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชยปท่ี ๕๐ มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอ่ื อนรุ กั ษแ ละฟน ฟปู า และทรพั ยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ ม รวมทงั้ ระบบนเิ วศวทิ ยาผนื ปา รอบอา งเกบ็ นำ้ เขอื่ นภมู พิ ล นอกจากการปลกู ปา แลว เพอ่ื รกั ษาความชมุ ชนื้ ของผนื ปา และกกั เกบ็ นำ้ เขอื่ นภมู พิ ลไดจ ดั ทำโครงการสรา งฝายชะลอน้ำตาม ทางนำ้ ไหลภายในปา ชมุ ชนโดยรอบและพน้ื ทเี่ ขอื่ นภมู พิ ล เพอ่ื เปน การดกั ตะกอนทอี่ าจไหลมากบั น้ำและชว ยชะลอน้ำไวใ นปา โดย เฉพาะหนา แลง จะชว ยดกั ตะกอนทไ่ี หลมากบั นำ้ ลดการตน้ื เขนิ ทป่ี ลายน้ำ ทำใหน ้ำมคี ณุ ภาพดขี น้ึ และชว ยใหด นิ ชมุ ชน้ื ปา มคี วาม อดุ มสมบรู ณ เพม่ิ ความหลากหลายทางชวี ภาพ เมอื่ ดนิ ชมุ ชนื้ ปา กช็ นื้ กลายเปน แนวกนั ไฟปา ลดความรนุ แรงของไฟปา ไดอ กี ทางหนงึ่ ซง่ึ ไดด ำเนนิ การมาตงั้ แต พ.ศ. ๒๕๔๙ ปจ จบุ นั สรา งฝายชะลอน้ำไดท ง้ั หมดประมาณ ๑๒,๐๐๐ ฝาย ๑๙๘ เขอ่ื นภมู พิ ล : กวา จะเปน วนั นี้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228