เปดิ ธรรมท่ีถกู ปดิ : สตั ว์ ขอ้ น้นั เพราะเหตอุ ะไร. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ เพราะเหตวุ า่ ความรสู้ กึ วา่ ตวั ตน (อตตฺ า) ของตน (อตตฺ นยิ า) ของขา้ พระองคไ์ มม่ ใี นสง่ิ เหลา่ นน้ั พระเจา้ ขา้ . ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันน้ัน จักษุไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงน้ัน อันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เก้ือกูลและความสุขแก่เธอ … โสตะ … ฆานะ … ชิวหา … กายะ … มโน ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงนั้น อันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์เก้ือกูล และความสุขแก่เธอ. 187
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปิด : สตั ว์ อายตนะภายนอก ๖ ไมใ่ ชข่ องเรา 55 -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๑๖๒/๒๒๐. ภิกษุท้ังหลาย สิ่งใดไม่ใช่ของเธอ ส่ิงนั้นเธอจงละ มันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เก้อื กลู และความสุขแก่เธอ. ภกิ ษุทง้ั หลาย อะไรเล่า ทไี่ ม่ใช่ของเธอ. ภิกษุท้ังหลาย รูปไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุขแกเ่ ธอ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย เสยี ง … กลน่ิ … รส … โผฏฐพั พะ … ธรรมไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมนั เสยี สงิ่ นน้ั อนั เธอละไดแ้ ลว้ จักเป็นไปเพอ่ื ประโยชนเ์ กอ้ื กูลและความสุขแก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย เปรียบเหมือนอะไรๆ ในเชตวันน้ี ที่เป็นหญ้า เป็นไม้ เป็นก่ิงไม้ เป็นใบไม้ ท่ีคนเขาขนไปทิ้ง หรอื เผาเสยี หรอื ท�ำ ตามสมควรแกเ่ หตุ พวกเธอรสู้ กึ อยา่ งน้ี บ้างหรือไม่ว่า คนเขาขนเราไป หรือเผาเรา หรือทำ�แก่เรา ตามสมควรแกเ่ หตุ. ไม่รู้สึกอยา่ งนนั้ เลย พระเจ้าข้า. 188
เปิดธรรมที่ถกู ปิด : สตั ว์ ขอ้ นน้ั เพราะเหตอุ ะไร. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ เพราะเหตวุ า่ ความรสู้ กึ วา่ ตวั ตน (อตตฺ า) ของตน (อตฺตนิยา) ของข้าพระองค์ไมม่ ใี นส่งิ เหล่านัน้ พระเจา้ ข้า. ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น รูปไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงนั้น อันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ เสยี ง … กลนิ่ … รส … โผฏฐัพพะ … ธรรมไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้น อนั เธอละไดแ้ ลว้ จกั เปน็ ไปเพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. 189
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : สตั ว์ จติ มโน วญิ ญาณ 56 ไมใ่ ชข่ องเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๑๑๔/๒๓๐. ... ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ จะพึงเบื่อ หนา่ ยไดบ้ า้ ง คลายก�ำ หนดั ไดบ้ า้ ง หลดุ พน้ ไดบ้ า้ ง ในรา่ งกาย อนั เปน็ ทป่ี ระชมุ แหง่ มหาภตู ทงั้ ๔ น ี้ ขอ้ นน้ั เพราะเหตอุ ะไร ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดีของร่างกายอันเป็นท่ีประชุมแห่ง มหาภตู ทง้ั ๔ น้ี ยอ่ มปรากฏ เพราะเหตนุ นั้ ปถุ ชุ นผไู้ มไ่ ดส้ ดบั จึงเบ่ือหน่ายได้บ้าง คลายกำ�หนัดได้บ้าง หลุดพ้นได้บ้าง ในร่างกายนนั้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สว่ นสงิ่ ทเ่ี รยี กกนั วา่ จติ บา้ ง มโนบา้ ง วญิ ญาณบา้ ง1 ปถุ ชุ นผไู้ มไ่ ดส้ ดบั ไมอ่ าจจะเบอ่ื หนา่ ย ไมอ่ าจจะ คลายกำ�หนัด ไม่อาจจะหลุดพ้น จากสิ่งน้ันได้เลย ข้อนั้น เพราะเหตอุ ะไร เพราะเหตวุ า่ สงิ่ ทเ่ี รยี กกนั วา่ จติ เปน็ ตน้ น้ี อันปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ได้รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ได้ยึดถือ ด้วยทิฏฐิว่า นั่นของเรา น่ันเป็นเรา น่ันเป็นตัวตนของเรา ดังนี้มาตลอดกาลช้านาน เพราะเหตุน้ันปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ 1. พระไตรปฎิ กฉบบั หลวง ไดแ้ ปลบทนว้ี า่ แตต่ ถาคตเรยี กรา่ งกายอนั เปน็ ทป่ี ระชมุ แหง่ มหาภตู ทง้ั ๔ นว้ี า่ จติ บา้ ง มโนบา้ ง วญิ ญาณบา้ ง. -ผรู้ วบรวม 190
เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : สัตว์ จึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย ไม่อาจจะคลายกำ�หนัด ไม่อาจจะ หลดุ พน้ ในสง่ิ ทเี่ รยี กกนั วา่ จติ บา้ ง มโนบา้ ง วญิ ญาณบา้ งนน้ั ได้เลย. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ปถุ ชุ นผไู้ มไ่ ดส้ ดบั จะพงึ เขา้ ไปยดึ ถอื เอารา่ งกายอนั เปน็ ทป่ี ระชมุ แหง่ มหาภตู ทง้ั ๔ น้ี โดยความเปน็ ตวั ตนยงั ดกี วา่ แตจ่ ะเขา้ ไปยดึ ถอื เอาจติ โดยความเปน็ ตวั ตน ไมด่ เี ลย ขอ้ นนั้ เพราะเหตอุ ะไร เพราะเหตวุ า่ รา่ งกายอนั เป็นท่ีประชุมแห่งมหาภูตท้ัง ๔ นี้ เม่ือดำ�รงอยู่ ๑ ปีบ้าง ๒ ปบี า้ ง ๓ ปบี า้ ง ๔ ปบี า้ ง ๕ ปบี า้ ง ๑๐ ปบี า้ ง ๒๐ ปบี า้ ง ๓๐ ปีบ้าง ๔๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง เกินกว่า ๑๐๐ ปีบ้าง ก็ยังมีปรากฏ ภิกษุท้ังหลาย ส่วนสิ่งท่ีเรียก กันว่าจิตบา้ ง มโนบา้ ง วญิ ญาณบ้างนน้ั ดวงหน่ึงเกิดขน้ึ ดวงหนึง่ ดับไป ตลอดวันตลอดคนื . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เปรยี บเหมือนวานร เมอ่ื เท่ยี วไปใน ป่าใหญ่ ย่อมจับก่ิงไม้ ปล่อยกิ่งน้ัน จับก่ิงอ่ืน ปล่อยกิ่งที่ จับเดิม เหน่ียวก่ิงอื่นอีก เช่นน้ีเรื่อยๆ ไป ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันน้ันเหมือนกัน สิ่งท่ีเรียกกันว่าจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง ดวงหน่ึงเกิดข้ึน ดวงหน่ึงดับไป ตลอดวัน ตลอดคืน. 191
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ ยอ่ มกระท�ำ ไวใ้ นใจโดยแยบคายเปน็ อยา่ งดี ซง่ึ ปฏจิ จสมปุ บาทนนั่ เทยี ว ดงั นวี้ า่ เมอ่ื สงิ่ นมี้ ี สงิ่ นยี้ อ่ มม ี เพราะความเกดิ ขนึ้ แหง่ สง่ิ น้ี สง่ิ นจ้ี งึ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื สง่ิ นไ้ี มม่ ี สง่ิ นย้ี อ่ มไมม่ ี เพราะความดบั ไป แห่งสิ่งนี้ ส่ิงนี้จึงดับไป ได้แก่ส่ิงเหล่านี้คือ เพราะมีอวิชชา เป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะมนี ามรปู เปน็ ปจั จยั จงึ มสี ฬายตนะ เพราะมสี ฬายตนะ เป็นปัจจยั จึงมผี สั สะ เพราะมผี ัสสะเป็นปัจจัย จึงมเี วทนา เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะมีตัณหาเป็น ปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสะท้ังหลาย จงึ เกดิ ขน้ึ ครบถว้ น ความเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ยอ่ มมดี ว้ ยอาการอยา่ งน ้ี เพราะความจางคลายดบั ไปโดย ไม่เหลือแห่งอวิชชาน้ันน่ันเทียว จึงมีความดับแห่งสังขาร เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ 192
เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : สตั ว์ เพราะมคี วามดบั แหง่ ผสั สะ จงึ มคี วามดบั แหง่ เวทนา เพราะมี ความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา เพราะมี ความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน เพราะมี ความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ เพราะมี ความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ เพราะมีความดับ แห่งชาติน่ันแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อปุ ายาสะทง้ั หลาย จงึ ดบั สน้ิ ความดบั ลงแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ย่อมมีดว้ ยอาการอยา่ งนี้ ดังนี้. ภิกษุท้ังหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อม เบอื่ หนา่ ยแมใ้ นสญั ญา ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นสงั ขารทงั้ หลาย ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในวิญญาณ เม่ือเบ่ือหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอ่ื หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ เธอยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ น้ิ แลว้ พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ�ได้ทำ�เสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเปน็ อยา่ งน้ีไมไ่ ด้มี ดังน้ี. อกี สตู รหนงึ่ -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๑๑๖/๒๓๕. ไดต้ รสั ชว่ งตน้ โดยมีเน้ือความเหมือนกันกับสูตรข้างบนน้ี แต่ต่างกันท่ีอุปมาช่วงท้าย ผสู้ นใจสามารถศกึ ษาไดจ้ ากทม่ี าของพระสตู ร. -ผรู้ วบรวม 193
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : สตั ว์ อะไรๆ กไ็ มใ่ ชข่ องเรา 57 -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๑๐๐/๑๔๙. ภิกษุท้ังหลาย ส่ิงใดไม่ใช่ของเธอ สิ่งน้ันเธอจงละ มันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกือ้ กลู และความสุขแก่เธอ ภกิ ษทุ ัง้ หลาย อะไรเล่า ท่ีไมใ่ ชข่ องเธอ. ภิกษุท้ังหลาย จักษุ (ตา) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เกือ้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. ภิกษุท้ังหลาย รูปไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เก้ือกูล และความสขุ แกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย จักษุวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เก้อื กลู และความสขุ แก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย จักษุสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอ้ื กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. 194
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : สัตว์ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเ่ี กดิ ขนึ้ เพราะจกั ษสุ มั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เกอ้ื กูลและความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย โสตะ (หู) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกือ้ กูลและความสขุ แก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย เสียงไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิง่ นนั้ อนั เธอละได้แลว้ จักเป็นไปเพ่ือประโยชนเ์ ก้อื กลู และ ความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย โสตวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอื้ กลู และความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย โสตสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เกอ้ื กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึ เพราะโสตสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เกอ้ื กลู และความสุขแก่เธอ. 195
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ฆานะ (จมูก) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอ้ื กลู และความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุท้ังหลาย กลิ่นไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนน้ั อันเธอละไดแ้ ลว้ จกั เป็นไปเพื่อประโยชน์เก้ือกูลและ ความสขุ แกเ่ ธอ. ภิกษุท้ังหลาย ฆานวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เกอ้ื กูลและความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย ฆานสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจงละ มันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เกอ้ื กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเ่ี กดิ ขน้ึ เพราะฆานสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือ ประโยชน์เกอื้ กลู และความสุขแก่เธอ. ภิกษุทั้งหลาย ชิวหา (ล้ิน) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูลและความสุขแก่เธอ. 196
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : สัตว์ ภิกษุท้ังหลาย รสไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิง่ น้ันอนั เธอละได้แลว้ จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์เกอื้ กูลและ ความสุขแก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย ชิวหาวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เก้อื กลู และความสุขแก่เธอ. ภิกษุทั้งหลาย ชิวหาสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอื้ กูลและความสุขแกเ่ ธอ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขนึ้ เพราะชวิ หาสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เกอ้ื กูลและความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุทั้งหลาย กายะ (กาย) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอื้ กลู และความสุขแก่เธอ. ภิกษุทั้งหลาย โผฏฐัพพะไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอื้ กูลและความสุขแก่เธอ. 197
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย กายวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกอื้ กูลและความสขุ แก่เธอ. ภิกษุทั้งหลาย กายสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูลและความสขุ แก่เธอ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเ่ี กดิ ขน้ึ เพราะกายสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสุขแก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย มโน (ใจ) ไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกลู และความสุขแกเ่ ธอ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ธรรมไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมนั เสยี สง่ิ นัน้ อนั เธอละได้แลว้ จกั เปน็ ไปเพอ่ื ประโยชนเ์ กือ้ กูลและ ความสขุ แก่เธอ. ภิกษุท้ังหลาย มโนวิญญาณไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูลและความสขุ แกเ่ ธอ. 198
เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : สตั ว์ ภิกษุท้ังหลาย มโนสัมผัสไม่ใช่ของเธอ เธอจง ละมันเสีย ส่ิงนั้นอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือประโยชน์ เกอ้ื กลู และความสุขแก่เธอ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขม- สขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึ เพราะมโนสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ชข่ องเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพ่ือ ประโยชนเ์ ก้อื กลู และความสุขแกเ่ ธอ. ภิกษุท้ังหลาย เปรียบเหมือนอะไรๆ ในเชตวันนี้ ที่เป็นหญ้า เป็นไม้ เป็นกิ่งไม้ เป็นใบไม้ ที่คนเขาขนไปทิ้ง หรอื เผาเสยี หรอื ท�ำ ตามสมควรแกเ่ หตุ พวกเธอรสู้ กึ อยา่ งนี้ บ้างหรือไม่ว่า คนเขาขนเราไป หรือเผาเรา หรือทำ�แก่เรา ตามสมควรแกเ่ หต.ุ ไมร่ สู้ ึกอย่างนนั้ เลย พระเจ้าขา้ . ข้อน้ันเพราะเหตุอะไร. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ เพราะเหตวุ า่ ความรสู้ กึ วา่ ตวั ตน (อตตฺ า) ของตน (อตตฺ นยิ า) ของข้าพระองคไ์ มม่ ีในส่งิ เหลา่ นั้น พระเจ้าขา้ . ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น จักษุ ... รูป ... จักษวุ ิญญาณ ... จักษุสัมผสั … สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรือ อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึ เพราะจกั ษสุ มั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ช่ ของเธอ เธอจงละมันเสยี สิง่ นน้ั อนั เธอละไดแ้ ล้ว จักเปน็ ไป 199
พุทธวจน - หมวดธรรม เพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ ... โสตะ ... เสยี ง ... โสตวญิ ญาณ ... โสตสมั ผสั … สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึ เพราะโสตสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ช่ ของเธอ เธอจงละมันเสยี สงิ่ นั้นอันเธอละไดแ้ ลว้ จักเปน็ ไป เพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ … ฆานะ ... กลนิ่ ... ฆานวญิ ญาณ ... ฆานสมั ผสั … สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขนึ้ เพราะฆานสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไมใ่ ช่ ของเธอ เธอจงละมนั เสยี สง่ิ นั้นอันเธอละไดแ้ ล้ว จกั เป็นไป เพ่ือประโยชน์เก้ือกูล และความสุขแก่เธอ … ชิวหา ... รส ... ชวิ หาวิญญาณ ... ชิวหาสัมผสั … สขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขนึ้ เพราะชวิ หาสมั ผสั เปน็ ปจั จยั ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งน้ันอันเธอละได้แล้ว จกั เปน็ ไปเพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ … กายะ ... โผฏฐพั พะ ... กายวญิ ญาณ ... กายสัมผัส … สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขนึ้ เพราะกายสมั ผสั เป็นปัจจัย ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละ ไดแ้ ลว้ จกั เปน็ ไปเพอ่ื ประโยชนเ์ กอ้ื กลู และความสขุ แกเ่ ธอ ... มโน ... ธรรม ... มโนวิญญาณ ... มโนสัมผัส … สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเ่ี กดิ ขนึ้ เพราะมโนสมั ผสั เป็นปัจจัย ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย สิ่งนั้นอันเธอละ ไดแ้ ลว้ จกั เปน็ ไปเพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และความสขุ แกเ่ ธอ. 200
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : สตั ว์ ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๑) 58 -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๙-๓๐,๑๐๑/๔๕-๔๗,๑๕๒. ภิกษุท้ังหลาย รูปไม่เท่ียง แม้เหตุปัจจัยที่ให้รูป เกดิ ขน้ึ กไ็ มเ่ ทยี่ ง รปู ทเ่ี กดิ จากสงิ่ ทไ่ี มเ่ ทย่ี ง จะเปน็ ของเทย่ี ง ไดอ้ ย่างไร. ภิกษุทั้งหลาย เวทนาไม่เที่ยง แม้เหตุปัจจัยท่ี ให้เวทนาเกิดข้ึน ก็ไม่เท่ียง เวทนาท่ีเกิดจากสิ่งท่ีไม่เท่ียง จะเปน็ ของเทย่ี งได้อย่างไร. ภิกษุท้ังหลาย สัญญาไม่เที่ยง แม้เหตุปัจจัยที่ ให้สัญญาเกิดข้ึน ก็ไม่เที่ยง สัญญาท่ีเกิดจากส่ิงที่ไม่เที่ยง จะเปน็ ของเท่ียงได้อย่างไร. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สงั ขารทง้ั หลายไมเ่ ทย่ี ง แมเ้ หตปุ จั จยั ท่ีให้สังขารท้ังหลายเกิดข้ึน ก็ไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายท่ี เกดิ จากสง่ิ ทีไ่ ม่เท่ยี ง จะเป็นของเท่ียงได้อย่างไร. ภิกษุทั้งหลาย วิญญาณไม่เท่ียง แม้เหตุปัจจัยที่ ใหว้ ญิ ญาณเกดิ ขนึ้ กไ็ มเ่ ทยี่ ง วญิ ญาณทเ่ี กดิ จากสง่ิ ทไี่ มเ่ ทยี่ ง จะเปน็ ของเท่ียงได้อย่างไร. ภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ แม้เหตุปัจจัยที่ให้รูป เกิดข้ึน ก็เป็นทุกข์ รูปที่เกิดจากสิ่งท่ีเป็นทุกข์ จะเป็นสุข ไดอ้ ย่างไร. 201
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย เวทนาเป็นทุกข์ แม้เหตุปัจจัยท่ี ให้เวทนาเกิดข้ึน ก็เป็นทุกข์ เวทนาที่เกิดจากส่ิงท่ีเป็นทุกข์ จะเป็นสขุ ได้อยา่ งไร. ภิกษุท้ังหลาย สัญญาเป็นทุกข์ แม้เหตุปัจจัยที่ ให้สัญญาเกิดข้ึน ก็เป็นทุกข์ สัญญาท่ีเกิดจากส่ิงท่ีเป็นทุกข์ จะเปน็ สุขไดอ้ ยา่ งไร. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สงั ขารทง้ั หลายเปน็ ทกุ ข์ แมเ้ หตปุ จั จยั ที่ให้สังขารทั้งหลายเกิดขึ้น ก็เป็นทุกข์ สังขารท้ังหลายที่ เกิดจากสงิ่ ทเี่ ป็นทุกข์ จะเปน็ สุขได้อยา่ งไร. ภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเป็นทุกข์ แม้เหตุปัจจัยท่ี ใหว้ ญิ ญาณเกดิ ขนึ้ กเ็ ปน็ ทกุ ข์ วญิ ญาณทเี่ กดิ จากสง่ิ ทเ่ี ปน็ ทกุ ข์ จะเปน็ สุขไดอ้ ย่างไร. ภิกษุท้ังหลาย รูปเป็นอนัตตา แม้เหตุปัจจัยที่ ให้รูปเกิดข้ึน ก็เป็นอนัตตา รูปที่เกิดจากสิ่งท่ีเป็นอนัตตา จะเปน็ อัตตาได้อยา่ งไร. ภิกษุทั้งหลาย เวทนาเป็นอนัตตา แม้เหตุปัจจัยท่ี ให้เวทนาเกิดข้ึน ก็เป็นอนัตตา เวทนาท่ีเกิดจากส่ิงท่ีเป็น อนัตตา จะเปน็ อตั ตาไดอ้ ยา่ งไร. ภกิ ษุทัง้ หลาย สัญญาเปน็ อนัตตา แมเ้ หตปุ จั จยั ที่ ให้สัญญาเกิดข้ึน ก็เป็นอนัตตา สัญญาที่เกิดจากสิ่งท่ีเป็น อนัตตา จะเปน็ อตั ตาไดอ้ ย่างไร. 202
เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : สตั ว์ ภกิ ษทุ งั้ หลาย สงั ขารทง้ั หลายเปน็ อนตั ตา แมเ้ หตุ ปจั จยั ทใ่ี หส้ งั ขารทง้ั หลายเกดิ ขน้ึ กเ็ ปน็ อนตั ตา สงั ขารทง้ั หลาย ท่ีเกดิ จากสง่ิ ทเี่ ปน็ อนตั ตา จะเป็นอตั ตาไดอ้ ยา่ งไร. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย วญิ ญาณเปน็ อนตั ตา แมเ้ หตปุ จั จยั ท่ี ใหว้ ญิ ญาณเกดิ ขนึ้ กเ็ ปน็ อนตั ตา วญิ ญาณทเ่ี กดิ จากสง่ิ ทเี่ ปน็ อนัตตา จะเป็นอตั ตาไดอ้ ยา่ งไร. ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เท่ียง สิ่งใดไม่เที่ยง ส่ิงนั้น เป็นทุกข์ ส่ิงใดเป็นทุกข์ ส่ิงน้ันเป็นอนัตตา ส่ิงใดเป็น อนตั ตา สง่ิ นน้ั ไมใ่ ชข่ องเรา (เนตํ มม) ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา (เนโสหมสมฺ )ิ ไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตฺตา) ข้อน้ีอริยสาวกพึงเห็น ด้วยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเป็นจรงิ อยา่ งนี้. ภกิ ษทุ งั้ หลาย เวทนาไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ ใดไมเ่ ทยี่ ง สง่ิ นนั้ เป็นทุกข์ ส่ิงใดเป็นทุกข์ ส่ิงน้ันเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็น อนตั ตา สง่ิ นน้ั ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา ข้อน้ีอริยสาวกพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็น จริงอยา่ งน้.ี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สญั ญาไมเ่ ทยี่ ง สงิ่ ใดไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ นน้ั เป็นทุกข์ ส่ิงใดเป็นทุกข์ ส่ิงนั้นเป็นอนัตตา ส่ิงใดเป็น อนตั ตา สง่ิ นน้ั ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา ขอ้ นอ้ี รยิ สาวกพงึ เหน็ ดว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเปน็ จรงิ อย่างน้.ี 203
พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สงั ขารทง้ั หลายไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ ใดไมเ่ ทย่ี ง ส่ิงน้ันเป็นทุกข์ ส่ิงใดเป็นทุกข์ ส่ิงน้ันเป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา ส่ิงน้ันไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ ตัวตนของเรา ข้อนี้อริยสาวกพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเปน็ จรงิ อยา่ งน้.ี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย วญิ ญาณไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ ใดไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ นน้ั เป็นทุกข์ ส่ิงใดเป็นทุกข์ ส่ิงน้ันเป็นอนัตตา ส่ิงใดเป็น อนตั ตา สง่ิ นนั้ ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา ขอ้ นอี้ รยิ สาวกพงึ เหน็ ดว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ตามความเปน็ จรงิ อย่างน้.ี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในเวทนา ย่อม เบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นสญั ญา ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นสงั ขารทง้ั หลาย ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอ่ื หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยงั่ รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ไดท้ �ำ เสรจ็ แลว้ กิจอ่นื เพือ่ ความเป็นอยา่ งนไี้ มไ่ ดม้ ี ดงั น.้ี 204
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : สัตว์ ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๒) 59 -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๘๒/๑๒๗. ภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา ก็หากรูปนี้จักเป็น อตั ตาแลว้ ไซร้ รปู ก็คงไมเ่ ป็นไปเพอ่ื อาพาธ ทั้งสตั วย์ อ่ มจะ ไดต้ ามความปรารถนาในรปู วา่ ขอรปู ของเรา จงเปน็ อยา่ งนเ้ี ถดิ อย่าได้เป็นอย่างน้ันเลย แต่เพราะรูปเป็นอนัตตา ดังนั้น รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และสัตว์ย่อมไม่ได้ตามความ ปรารถนาในรูปว่า ขอรูปของเรา จงเป็นอย่างน้ีเถิด อย่าได้ เปน็ อย่างน้นั เลย. ภิกษุทั้งหลาย เวทนาเป็นอนัตตา ก็หากเวทนานี้ จักเป็นอัตตาแล้วไซร้ เวทนาก็คงไม่เป็นไปเพ่ืออาพาธ ทงั้ สตั วย์ อ่ มจะไดต้ ามความปรารถนาในเวทนาวา่ ขอเวทนา ของเรา จงเปน็ อยา่ งนเี้ ถดิ อยา่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งนน้ั เลย แตเ่ พราะ เวทนาเป็นอนตั ตา ดงั นนั้ เวทนาจงึ เป็นไปเพ่ืออาพาธ และ สัตว์ย่อมไม่ได้ตามความปรารถนาในเวทนาว่า ขอเวทนา ของเรา จงเป็นอย่างน้ีเถิด อย่าได้เป็นอยา่ งน้ันเลย. ภิกษุทั้งหลาย สัญญาเป็นอนัตตา ก็หากสัญญาน้ี จักเป็นอัตตาแล้วไซร้ สัญญาก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทงั้ สตั วย์ อ่ มจะไดต้ ามความปรารถนาในสญั ญาวา่ ขอสญั ญา ของเรา จงเปน็ อยา่ งนเี้ ถดิ อยา่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งนน้ั เลย แตเ่ พราะ 205
พุทธวจน - หมวดธรรม เหตทุ สี่ ญั ญาเปน็ อนตั ตา ดงั นน้ั สญั ญาจงึ เปน็ ไปเพอ่ื อาพาธ และสตั วย์ อ่ มไมไ่ ดต้ ามความปรารถนาในสญั ญาวา่ ขอสญั ญา ของเรา จงเปน็ อย่างนเ้ี ถดิ อย่าไดเ้ ป็นอยา่ งน้ันเลย. ภิกษุทง้ั หลาย สังขารทงั้ หลายเป็นอนตั ตา ก็หาก สังขารท้ังหลายน้ีจักเป็นอัตตาแล้วไซร้ สังขารท้ังหลายก็คง ไม่เป็นไปเพ่ืออาพาธ ทั้งสตั วย์ อ่ มจะได้ตามความปรารถนา ในสังขารท้ังหลายว่า ขอสังขารท้ังหลายของเรา จงเป็น อย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เพราะเหตุที่สังขาร ทง้ั หลายเปน็ อนตั ตา ดงั นน้ั สงั ขารทง้ั หลายจงึ เปน็ ไปเพอ่ื อาพาธ และสัตว์ย่อมไม่ได้ตามความปรารถนาในสังขารท้ังหลาย วา่ ขอสงั ขารทัง้ หลายของเรา จงเปน็ อยา่ งนเ้ี ถิด อยา่ ไดเ้ ป็น อย่างนั้นเลย. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย วญิ ญาณเปน็ อนตั ตา กห็ ากวญิ ญาณน้ี จักเป็นอัตตาแล้วไซร้ วิญญาณก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ท้ังสัตว์ย่อมจะได้ตามความปรารถนาในวิญญาณว่า ขอ วญิ ญาณของเรา จงเปน็ อยา่ งนี้เถดิ อยา่ ไดเ้ ป็นอยา่ งน้ันเลย แต่เพราะเหตุท่ีวิญญาณเป็นอนัตตา ดังนั้น วิญญาณจึง เป็นไปเพื่ออาพาธ และสัตว์ย่อมไม่ได้ตามความปรารถนา ในวญิ ญาณวา่ ขอวญิ ญาณของเรา จงเปน็ อยา่ งนเี้ ถดิ อยา่ ได้ เป็นอย่างนนั้ เลย. 206
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : สัตว์ ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจะสำ�คัญความข้อนี้ว่า อย่างไร รปู เทีย่ งหรอื ไม่เท่ยี ง. ไม่เทย่ี ง พระเจ้าขา้ . กส็ ่งิ ใดไมเ่ ท่ียง สงิ่ น้นั เป็นทกุ ขห์ รือเป็นสุขเลา่ . เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สง่ิ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นั่นเป็นตัวตนของเรา. ไม่ควรเห็นอย่างนน้ั พระเจ้าข้า. ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจะสำ�คัญความข้อนี้ว่า อย่างไร เวทนา … สัญญา … สงั ขารท้งั หลาย … วญิ ญาณ เทย่ี งหรือไม่เท่ยี ง. ไม่เทยี่ ง พระเจา้ ขา้ . ก็สงิ่ ใดไม่เที่ยง สิง่ นัน้ เป็นทกุ ขห์ รือเป็นสุขเล่า. เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นนั่ ของเรา นนั่ เปน็ เรา นั่นเป็นตัวตนของเรา. ไม่ควรเห็นอย่างนน้ั พระเจ้าขา้ . 207
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุน้ันในเรื่องนี้ รูปอย่างใด อย่างหน่ึง ท้ังท่ีเป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็น ภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลว หรอื ประณตี กต็ าม อยใู่ นทไี่ กลหรอื ใกลก้ ต็ าม รปู ทง้ั หมดนนั้ เธอทั้งหลาย พึงเหน็ ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเปน็ จริง อยา่ งนว้ี า่ นน่ั ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา. ภิกษุทั้งหลาย เวทนาอย่างใดอย่างหน่ึง ทั้งท่ีเป็น อดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอก ก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม อยู่ในท่ีไกลหรือใกล้ก็ตาม เวทนาท้ังหมดน้ัน เธอท้ังหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นัน่ ไมใ่ ช่ของเรา ไมใ่ ช่เป็นเรา ไม่ใชต่ ัวตนของเรา. ภิกษุทั้งหลาย สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ท้ังที่เป็น อดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอก ก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม อยู่ในท่ีไกลหรือใกล้ก็ตาม สัญญาท้ังหมดนั้น เธอทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า น่ันไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ช่เปน็ เรา ไมใ่ ช่ตัวตนของเรา. 208
เปิดธรรมทถี่ ูกปิด : สัตว์ ภิกษุท้ังหลาย สังขารท้ังหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ท้ังที่เป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือ ภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีต กต็ าม อยใู่ นทไ่ี กลหรอื ใกลก้ ต็ าม สงั ขารทง้ั หลายทง้ั หมดนนั้ เธอทงั้ หลาย พงึ เหน็ ดว้ ยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจรงิ อยา่ งนวี้ า่ นน่ั ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา. ภกิ ษทุ งั้ หลาย วญิ ญาณอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ทง้ั ทเี่ ปน็ อดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอก ก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม อยใู่ นทไี่ กลหรอื ใกลก้ ต็ าม วญิ ญาณทงั้ หมดนน้ั เธอทง้ั หลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างน้ีว่า นนั่ ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เปน็ เรา ไม่ใชต่ ัวตนของเรา. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในเวทนา ย่อม เบอื่ หนา่ ยแมใ้ นสญั ญา ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นสงั ขารทง้ั หลาย ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในวิญญาณ เม่ือเบื่อหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอื่ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทคี่ วรท�ำ ไดท้ �ำ เสรจ็ แลว้ กจิ อน่ื เพือ่ ความเป็นอย่างนีไ้ ม่ได้มี ดงั น้ี. 209
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : สัตว์ ขนั ธ์ ๕ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา (นยั ท่ี ๓) 60 -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๙๒/๖๑๘. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซึ่งเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผ้หู ลกี ออกผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีสง่ ตนไปแล้วอยู.่ ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อนี้ว่าอย่างไร รูปเที่ยง หรอื ไมเ่ ทยี่ ง. ไม่เทย่ี ง พระเจ้าข้า. กส็ ง่ิ ใดไมเ่ ทยี่ ง ส่งิ นัน้ เปน็ ทุกขห์ รือเป็นสขุ เลา่ . เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ . ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นนั่ ของเรา นนั่ เปน็ เรา นั่นเปน็ ตัวตนของเรา. ไมค่ วรเหน็ อยา่ งน้นั พระเจา้ ขา้ . ราหุล เธอจะส�ำ คญั ความข้อน้วี ่าอย่างไร เวทนา … สญั ญา … สังขารท้ังหลาย …วิญญาณ เทย่ี งหรอื ไมเ่ ทยี่ ง. ไม่เที่ยง พระเจ้าขา้ . 210
เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : สัตว์ ก็สิง่ ใดไมเ่ ที่ยง สิง่ นัน้ เป็นทุกข์หรอื เป็นสขุ เลา่ . เป็นทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ . ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สง่ิ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นน่ั เปน็ ตัวตนของเรา. ไมค่ วรเห็นอยา่ งน้นั พระเจ้าข้า. ราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างน้ี ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในเวทนา ย่อม เบอื่ หนา่ ยแมใ้ นสญั ญา ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นสงั ขารทง้ั หลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เม่ือเบ่ือหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอ่ื หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ น้ิ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ไดท้ �ำ เสรจ็ แลว้ กิจอ่ืนเพ่อื ความเป็นอย่างนี้ไม่ไดม้ ี ดงั น้ี. 211
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : สัตว์ ยอ่ มท�ำ ลาย ยอ่ มไมก่ อ่ ขน้ึ ยอ่ มละทง้ิ 61 ยอ่ มไมถ่ อื เอาซง่ึ ขนั ธ์ ๕ -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๑๐๕/๑๕๘. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย สมณะหรอื พราหมณเ์ หลา่ ใดเหลา่ หนง่ึ เมอ่ื ตามระลกึ ยอ่ มตามระลกึ ถงึ ชาตกิ อ่ น ไดเ้ ปน็ อนั มาก สมณะ หรอื พราหมณท์ ง้ั หมดนน้ั กย็ อ่ มตามระลกึ ถงึ อปุ าทานขนั ธ์ ๕ หรือขันธ์ใดขันธ์หน่ึงแห่งอุปาทานขันธ์ ก็อุปาทานขันธ์ ๕ อะไรบ้าง คอื ภิกษุทั้งหลาย ย่อมตามระลึกถึงรูปดังน้ีว่า ใน อดีตกาล เราเป็นผู้มีรูปอย่างนี้ ย่อมตามระลึกถึงเวทนา ดงั นว้ี า่ ในอดตี กาล เราเปน็ ผมู้ เี วทนาอยา่ งน้ี ยอ่ มตามระลกึ ถงึ สญั ญาดงั นว้ี า่ ในอดตี กาล เราเปน็ ผมู้ สี ญั ญาอยา่ งน้ี ยอ่ ม ตามระลึกถึงสังขารดังน้ีว่า ในอดีตกาล เราเป็นผู้มีสังขาร อยา่ งน้ี ยอ่ มตามระลกึ ถงึ วญิ ญาณดงั นวี้ า่ ในอดตี กาล เราเปน็ ผู้มวี ญิ ญาณอยา่ งน.้ี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะอะไรจงึ เรยี กวา่ รปู เพราะสง่ิ นน้ั แตกสลาย ดงั นน้ั จงึ เรยี กวา่ รปู แตกสลายไปเพราะอะไร แตกสลายไปเพราะความหนาวบ้าง แตกสลายไปเพราะ ความรอ้ นบา้ ง แตกสลายไปเพราะความหวิ บา้ ง แตกสลาย 212
เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : สัตว์ ไปเพราะกระหายบา้ ง แตกสลายไปเพราะสมั ผสั แหง่ เหลอื บ ยงุ ลม แดด และสตั วเ์ ลอ้ื ยคลานบา้ ง (ฑส มกสวาตาตปสริ สี ป- สมผฺ สเฺ สนป)ิ บา้ ง ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะสง่ิ นน้ั แตกสลาย ดงั นน้ั จึงเรียกว่า รูป. ภกิ ษทุ งั้ หลาย เพราะอะไรจงึ เรยี กวา่ เวทนา เพราะ สงิ่ นน้ั รสู้ กึ ดงั นน้ั จงึ เรยี กวา่ เวทนา รสู้ กึ ไดซ้ งึ่ อะไร รสู้ กึ ไดซ้ ง่ึ สขุ บา้ ง รสู้ กึ ไดซ้ งึ่ ทกุ ขบ์ า้ ง รสู้ กึ ไดซ้ ง่ึ อทกุ ขมสขุ บา้ ง ภิกษทุ งั้ หลาย เพราะสง่ิ นน้ั รสู้ กึ ดงั นน้ั จงึ เรยี กวา่ เวทนา. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะอะไรจงึ เรยี กวา่ สญั ญา เพราะ จำ�ได้หมายรู้ จึงเรียกว่าสัญญา จำ�ได้หมายร้อู ะไร จำ�ได้ หมายรู้สเี ขยี วบา้ ง สีเหลอื งบ้าง สแี ดงบ้าง สขี าวบ้าง ภิกษุ ท้ังหลาย เพราะจำ�ไดห้ มายรู้ จึงเรยี กวา่ สญั ญา. ภกิ ษทุ งั้ หลาย เพราะอะไรจงึ เรยี กวา่ สงั ขาร เพราะ ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรม จงึ เรยี กวา่ สงั ขาร ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรม อะไร ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรมคอื รปู โดยความเปน็ รปู ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรมคอื เวทนาโดยความเปน็ เวทนา ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรม คือสัญญาโดยความเป็นสัญญา ปรุงแต่งสังขตธรรมคือ สงั ขารโดยความเปน็ สงั ขาร ปรงุ แตง่ สงั ขตธรรมคอื วญิ ญาณ โดยความเป็นวิญญาณ ภิกษุทั้งหลาย เพราะปรุงแต่ง สังขตธรรม จงึ เรยี กวา่ สงั ขาร. 213
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า วิญญาณ เพราะรแู้ จง้ จงึ เรยี กวา่ วญิ ญาณ รแู้ จง้ ซง่ึ อะไร รแู้ จง้ รส เปรย้ี วบา้ ง รแู้ จง้ รสขมบา้ ง รแู้ จง้ รสเผด็ บา้ ง รแู้ จง้ รสหวานบา้ ง รแู้ จง้ รสขน่ื บา้ ง รแู้ จง้ รสไมข่ น่ื บา้ ง รแู้ จง้ รสเคม็ บา้ ง รแู้ จง้ รส ไมเ่ คม็ บา้ ง ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะรแู้ จง้ จงึ เรยี กวา่ วญิ ญาณ. ภิกษุท้ังหลาย ในข้อน้ัน อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมพิจารณาเหน็ ดงั นวี้ ่า ในกาลนเ้ี ราถกู รปู เคยี้ วกินอยู่ แม้ ในกาลอดีต เราก็ถูกรูปเค้ียวกินแล้ว เหมือนกับท่ีถูกรูป อันเป็นปัจจุบันเคี้ยวกินอยู่ในบัดน้ี ถ้าเราน้ี พึงยินดีรูปใน อนาคต แมใ้ นกาลอนาคต เรากจ็ ะถกู รปู เคย้ี วกนิ เหมอื นกบั ท่ีถูกรูปอันเป็นปัจจุบันเค้ียวกินอยู่ในบัดน้ี เธอพิจารณา เห็นดังนี้แล้ว ย่อมไม่มีความอาลัยในรูปอันเป็นอดีต ย่อมไม่ยินดีในรูปอันเป็นอนาคต ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ ความเบ่ือหน่าย เพ่ือความคลายกำ�หนัด เพ่ือความดับ ไมเ่ หลอื แหง่ รปู อนั เปน็ ปัจจุบัน. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ในขอ้ นน้ั อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ ยอ่ ม พจิ ารณาเหน็ ดงั นว้ี า่ ในกาลนเ้ี ราถกู เวทนา … ถกู สญั ญา … ถูกสังขาร … ถูกวิญญาณเคี้ยวกินอยู่ แม้ในกาลอดีต เราก็ถูกเวทนา … ถูกสัญญา … ถูกสังขาร … ถูกวิญญาณ เคี้ยวกินแล้ว เหมือนกับท่ีถูกเวทนา … ถูกสัญญา … ถกู สงั ขาร … ถกู วญิ ญาณอนั เปน็ ปจั จบุ นั เคย้ี วกนิ อยใู่ นบดั น้ี 214
เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : สัตว์ ถ้าเรานี้ พึงยินดีเวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณ อันเป็นอนาคต แม้ในกาลอนาคต เราก็จะถูกเวทนา … ถกู สญั ญา … ถกู สงั ขาร … ถกู วญิ ญาณเคยี้ วกนิ เหมอื นกบั ที่ ถกู เวทนา … ถกู สญั ญา … ถกู สงั ขาร … ถกู วญิ ญาณอนั เปน็ ปจั จบุ นั เคย้ี วกนิ อยใู่ นบดั น ้ี เธอพจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ ม ไม่มคี วามอาลยั ในเวทนา … ในสัญญา … ในสงั ขาร … ใน วิญญาณอันเป็นอดีต ย่อมไม่ชื่นชมเวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณอันเป็นอนาคต ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ ความเบื่อหน่าย เพ่ือความคลายกำ�หนัด เพ่ือความดับ ไม่เหลือแห่งเวทนา … แห่งสัญญา … แห่งสังขาร … แห่งวญิ ญาณอันเปน็ ปจั จุบัน. ภิกษุท้ังหลาย เธอทั้งหลายจะสำ�คัญความข้อนี้ว่า อย่างไร รูปเท่ียงหรอื ไมเ่ ทย่ี ง. ไม่เท่ยี ง พระเจ้าขา้ . กส็ ิง่ ใดไม่เทยี่ ง สง่ิ นน้ั เป็นทกุ ข์ หรอื เปน็ สขุ เลา่ . เปน็ ทุกข์ พระเจ้าข้า. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นนั่ ของเรา นนั่ เปน็ เรา นั่นเป็นตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเห็นอยา่ งนัน้ พระเจา้ ขา้ . 215
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจะสำ�คัญความข้อนี้ว่า อยา่ งไร เวทนา … สญั ญา … สังขาร … วิญญาณ เท่ียงหรอื ไม่เท่ียง. ไม่เทีย่ ง พระเจ้าขา้ . ก็สิ่งใดไมเ่ ทีย่ ง ส่งิ น้นั เปน็ ทกุ ข์ หรอื เปน็ สุขเล่า. เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา น่นั เปน็ ตัวตนของเรา. ไม่ควรเหน็ อยา่ งน้นั พระเจา้ ขา้ . ภิกษุท้ังหลาย รปู อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ทัง้ ทเี่ ปน็ อดีต อนาคต หรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม อยู่ใน ทไ่ี กลหรอื ใกลก้ ต็ าม รปู ทงั้ หมดนนั้ เธอทง้ั หลาย พงึ เหน็ ดว้ ย ปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างน้ีว่า น่ันไม่ใช่ของ เรา (เนต มม) ไม่ใช่เป็นเรา (เนโสหมสฺมิ) ไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตตฺ า). ภิกษุท้ังหลาย เวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต หรือ 216
เปิดธรรมที่ถกู ปิด : สตั ว์ ปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือ ละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม อยู่ในท่ีไกลหรือใกล้ กต็ าม เวทนา … สัญญา … สงั ขาร … วญิ ญาณทัง้ หมดน้นั เธอท้ังหลาย พงึ เหน็ ด้วยปญั ญาอันชอบ ตามความเป็นจรงิ อยา่ งนวี้ า่ นนั่ ไมใ่ ชข่ องเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรา ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา. ภกิ ษทุ ้ังหลาย อริยสาวกนี้ เราเรยี กว่า ย่อมทำ�ลาย ย่อมไม่ก่อขึ้น ย่อมละทิ้ง ย่อมไม่ถือเอา ย่อมเรี่ยราย ย่อม ไมร่ วบรวมเข้าไว้ ย่อมทำ�ใหม้ อด ยอ่ มไม่ทำ�ใหล้ กุ โพลงข้ึน. อริยสาวกนั้น ย่อมทำ�ลาย ย่อมไม่ก่อขึ้นซ่ึงอะไร เธอยอ่ มท�ำ ลาย ยอ่ มไมก่ อ่ ขนึ้ ซงึ่ รปู … เวทนา … สญั ญา … สังขาร … วญิ ญาณ. อริยสาวกนั้น ย่อมละทิ้ง ย่อมไม่ถือเอาซ่ึงอะไร เธอยอ่ มละทง้ิ ยอ่ มไม่ถอื เอาซ่ึงรูป … เวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณ. อริยสาวกน้ัน ย่อมเร่ียราย ย่อมไม่รวบรวมเข้าไว้ ซึ่งอะไร เธอย่อมเรี่ยราย ย่อมไม่รวบรวมเข้าไว้ซ่ึงรูป … เวทนา … สัญญา … สงั ขาร … วิญญาณ. อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มท�ำ ใหม้ อด ยอ่ มไมก่ อ่ ใหล้ กุ โพลงขน้ึ ซ่ึงอะไร เธอย่อมทำ�ให้มอด ย่อมไม่ก่อให้ลุกโพลงขึ้น ซ่ึงรปู … เวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณ. 217
พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นรปู … แมใ้ นเวทนา … แมใ้ นสญั ญา … แม้ในสังขาร … แม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอ่ื หลดุ พน้ แลว้ ย่อมมีญาณหย่ังรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจท่ีควรทำ�ได้ทำ�เสร็จแล้ว กิจอื่น เพอื่ ความเปน็ อยา่ งน้ไี มไ่ ด้มี ดังนี้. ภกิ ษทุ งั้ หลาย อรยิ สาวกนี้ เราเรยี กวา่ ยอ่ มไมก่ อ่ ขนึ้ ยอ่ มไมท่ �ำ ลาย แตเ่ ปน็ อนั วา่ ท�ำ ลายไดแ้ ลว้ ตงั้ อยู่ ยอ่ มไมล่ ะทง้ิ ย่อมไม่ถือเอา แต่เป็นอันว่าละทิ้งได้แล้วต้ังอยู่ ย่อมไม่ เร่ียราย ย่อมไม่รวบรวมเข้าไว้ แต่เป็นอันว่าเร่ียรายได้แล้ว ตั้งอยู่ ย่อมไม่ทำ�ให้มอด ย่อมไม่ทำ�ให้ลุกโพลงข้ึน แต่เป็น อันวา่ ทำ�ใหม้ อดไดแ้ ลว้ ต้ังอย.ู่ อรยิ สาวก ย่อมไม่ก่อข้ึน ยอ่ มไมท่ ำ�ลายซงึ่ อะไร แต่ เป็นอันว่าทำ�ลายได้แล้วต้ังอยู่ เธอย่อมไม่ก่อข้ึน ย่อมไม่ ทำ�ลายซ่ึงรูป … เวทนา … สัญญา … สังขาร … วิญญาณ แต่เป็นอันวา่ ท�ำ ลายไดแ้ ล้วตัง้ อย่.ู อริยสาวก ย่อมไม่ละท้ิง ย่อมไม่ถือเอาซึ่งอะไร แต่ เปน็ อนั วา่ ละทง้ิ ไดแ้ ลว้ ตงั้ อยู่ เธอยอ่ มไมล่ ะทง้ิ ยอ่ มไมถ่ อื เอา ซ่งึ รปู … เวทนา … สัญญา … สังขาร … วญิ ญาณ แต่เปน็ อนั ว่าละท้ิงไดแ้ ลว้ ตง้ั อย.ู่ 218
เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : สตั ว์ อริยสาวก ย่อมไม่เร่ียราย ย่อมไม่รวบรวมเข้าไว้ซ่ึง อะไร แตเ่ ปน็ อันว่าเรย่ี รายได้แล้วตง้ั อยู่ เธอย่อมไมเ่ รย่ี ราย ยอ่ มไมร่ วบรวมเขา้ ไวซ้ งึ่ รปู … เวทนา … สญั ญา … สงั ขาร … วญิ ญาณ แตเ่ ปน็ อนั วา่ เรี่ยรายได้แล้วตง้ั อยู่. อรยิ สาวก ยอ่ มไมท่ �ำ ใหม้ อด ยอ่ มไมท่ �ำ ใหล้ กุ โพลงขนึ้ ซ่ึงอะไร แต่เป็นอันว่าทำ�ให้มอดได้แล้วต้ังอยู่ ย่อมไม่ทำ� ใหม้ อด ยอ่ มไมท่ �ำ ใหล้ กุ โพลงขนึ้ ซงึ่ รปู … เวทนา … สญั ญา … สงั ขาร … วิญญาณ แต่เปน็ อันวา่ ทำ�ให้มอดไดแ้ ลว้ ต้งั อยู.่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เทวดาพรอ้ มดว้ ยอนิ ทร์ พรหม และ ปชาบดยี อ่ มนมสั การภกิ ษผุ มู้ จี ติ หลดุ พน้ แลว้ อยา่ งน้ี มาจาก ที่ไกลทีเดียวว่า ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ข้าแต่ท่านบุรุษ ผู้สูงสุด ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจ จะทราบสง่ิ ซ่งึ ท่านอาศยั แลว้ เพ่งอยู่ ดงั น้.ี 219
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : สัตว์ อายตนะภายใน ๖ 62 ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๘๗/๕๙๙. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเม่ือข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผหู้ ลีกออกผู้เดียว ไมป่ ระมาท มคี วามเพียร มีสง่ ตนไปแล้วอย.ู่ ราหุล เธอจะส�ำ คัญความขอ้ นว้ี า่ อย่างไร จักษ ุ (ตา) เทีย่ งหรอื ไมเ่ ท่ยี ง. ไม่เทีย่ ง พระเจ้าข้า. กส็ ิ่งใดไม่เทย่ี ง สงิ่ นนั้ เป็นทุกขห์ รือเปน็ สขุ เลา่ . เป็นทุกข์ พระเจ้าขา้ . ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่นั เป็นตัวตนของเรา. ไม่ควรเห็นอย่างนนั้ พระเจา้ ข้า. ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อน้ีว่าอย่างไร โสตะ (หู) … ฆานะ (จมูก) … ชิวหา (ลิ้น) … กายะ (กาย) … มโน (ใจ) เที่ยงหรอื ไมเ่ ทย่ี ง. ไม่เทย่ี ง พระเจ้าขา้ . 220
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : สตั ว์ กส็ ง่ิ ใดไม่เท่ียง ส่ิงน้ันเปน็ ทุกข์หรือเปน็ สุขเลา่ . เป็นทกุ ข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เท่ียงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สง่ิ นน้ั วา่ นนั่ ของเรา นน่ั เปน็ เรา นัน่ เปน็ ตวั ตนของเรา. ไม่ควรเห็นอยา่ งนั้น พระเจา้ ข้า. ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ ม เบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นจกั ษุ ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นโสตะ ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ย แม้ในฆานะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในชิวหา ย่อมเบ่ือหน่าย แมใ้ นกายะ ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นมโน เมอ่ื เบอ่ื หนา่ ย ยอ่ มคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอื่ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ไดท้ �ำ เสรจ็ แลว้ กจิ อื่นเพ่อื ความเปน็ อยา่ งนไ้ี ม่ไดม้ ี ดงั น้.ี 221
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปิด : สัตว์ อายตนะภายนอก ๖ 63 ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๘๘/๖๐๒. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผู้หลีกออกผเู้ ดยี ว ไม่ประมาท มคี วามเพยี ร มสี ง่ ตนไปแล้วอย่.ู ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อนี้ว่าอย่างไร รูปเที่ยง หรือไมเ่ ทยี่ ง. ไม่เท่ียง พระเจา้ ข้า. ก็สิง่ ใดไมเ่ ที่ยง สิ่งนั้นเป็นทกุ ข์หรือเปน็ สขุ เล่า. เป็นทุกข์ พระเจ้าขา้ . ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สง่ิ นนั้ วา่ นนั่ ของเรา นนั่ เปน็ เรา น่ันเป็นตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเห็นอยา่ งนัน้ พระเจ้าขา้ . ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อน้ีว่าอย่างไร เสียง … กล่นิ … รส … โผฏฐพั พะ … ธรรมเท่ยี งหรือไม่เท่ียง. ไมเ่ ท่ยี ง พระเจา้ ข้า. 222
เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : สตั ว์ ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง สิ่งน้ันเปน็ ทุกขห์ รือเป็นสุขเลา่ . เปน็ ทุกข์ พระเจ้าขา้ . ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นัน่ เปน็ ตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเหน็ อย่างน้นั พระเจ้าข้า. ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ ม เบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นรปู ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นเสยี ง ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ย แม้ในกล่ิน ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรส ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ใน โผฏฐพั พะ ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นธรรม เมอ่ื เบอ่ื หนา่ ย ยอ่ มคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอ่ื หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ท�ำ เสรจ็ แลว้ กิจอนื่ เพอื่ ความเปน็ อยา่ งนีไ้ ม่ไดม้ ี ดังน้.ี 223
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : สตั ว์ วญิ ญาณ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 64 -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๘๙/๖๐๔. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซึ่งเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเปน็ ผหู้ ลีกออกผเู้ ดยี ว ไมป่ ระมาท มีความเพียร มีสง่ ตนไปแล้วอย.ู่ ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร จกั ขวุ ญิ ญาณ เทย่ี งหรอื ไมเ่ ทยี่ ง. ไม่เทยี่ ง พระเจา้ ข้า. กส็ ่ิงใดไมเ่ ท่ียง ส่งิ นั้นเป็นทุกขห์ รอื เป็นสุขเล่า. เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สง่ิ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา นน่ั เปน็ ตัวตนของเรา. ไมค่ วรเหน็ อย่างนนั้ พระเจ้าขา้ . ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร โสตวญิ ญาณ …ฆานวญิ ญาณ…ชวิ หาวญิ ญาณ…กายวญิ ญาณ…มโนวญิ ญาณ เทย่ี งหรอื ไมเ่ ทย่ี ง. ไมเ่ ทย่ี ง พระเจ้าขา้ . 224
เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : สตั ว์ ก็สิ่งใดไมเ่ ทย่ี ง สิง่ นัน้ เปน็ ทกุ ขห์ รือเปน็ สขุ เลา่ . เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ . ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นนั่ ของเรา นนั่ เปน็ เรา นนั่ เป็นตัวตนของเรา. ไม่ควรเหน็ อย่างน้นั พระเจา้ ข้า. ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ ม เบ่ือหน่ายแม้ในจักขุวิญญาณ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน โสตวิญญาณ ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในฆานวิญญาณ ย่อม เบ่ือหน่ายแม้ในชิวหาวิญญาณ ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ใน กายวญิ ญาณ ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นมโนวญิ ญาณ เมอื่ เบอ่ื หนา่ ย ย่อมคลายกำ�หนัด เพราะคลายกำ�หนัด ย่อมหลุดพ้น เม่ือ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ได้ท�ำ เสรจ็ แล้ว กจิ อนื่ เพื่อความเปน็ อยา่ งนี้ไมไ่ ดม้ ี ดงั น้.ี 225
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : สัตว์ 65 ผสั สะ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๘๙/๖๐๖. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซึ่งเม่ือข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผ้หู ลกี ออกผเู้ ดียว ไม่ประมาท มคี วามเพยี ร มสี ง่ ตนไปแลว้ อย.ู่ ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร จกั ขสุ มั ผสั เที่ยงหรือไม่เทีย่ ง. ไมเ่ ทีย่ ง พระเจา้ ขา้ . ก็ส่งิ ใดไม่เทีย่ ง ส่งิ น้ันเปน็ ทกุ ขห์ รอื เปน็ สุขเล่า. เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สง่ิ นน้ั วา่ นนั่ ของเรา นน่ั เปน็ เรา นนั่ เป็นตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเห็นอยา่ งนน้ั พระเจ้าขา้ . ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร โสตสมั ผสั … ฆานสัมผสั … ชวิ หาสัมผสั … กายสมั ผสั … มโนสมั ผัส เที่ยงหรอื ไมเ่ ท่ียง. ไม่เที่ยง พระเจา้ ข้า. 226
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : สัตว์ กส็ ง่ิ ใดไม่เท่ียง สิง่ น้ันเป็นทุกข์หรอื เป็นสขุ เลา่ . เป็นทกุ ข์ พระเจ้าข้า. ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา นั่นเป็นตวั ตนของเรา. ไม่ควรตามเห็นอยา่ งนน้ั พระเจา้ ข้า. ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ ม เบื่อหน่ายแม้ในจักขุสัมผัส ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโสตสัมผัส ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในฆานสัมผัส ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน ชวิ หาสมั ผสั ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นกายสมั ผสั ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ย แม้ในมโนสัมผัส เม่ือเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำ�หนัด เพราะ คลายกำ�หนัด ย่อมหลุดพ้น เม่ือหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณ หยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจท่ีควรทำ�ได้ทำ�เสร็จแล้ว กิจอื่น เพอื่ ความเปน็ อยา่ งนีไ้ มไ่ ด้มี ดงั นี้. 227
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ ูกปิด : สตั ว์ 66 เวทนา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๘๙/๖๐๘. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเม่ือข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผู้หลกี ออกผู้เดยี ว ไม่ประมาท มคี วามเพียร มสี ่งตนไปแลว้ อยู่. ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อน้ีว่าอย่างไร เวทนา ท่ีเกิดจากจักขสุ ัมผัส เทย่ี งหรอื ไมเ่ ท่ยี ง. ไมเ่ ท่ียง พระเจา้ ขา้ . กส็ ่ิงใดไมเ่ ทย่ี ง สงิ่ น้ันเปน็ ทุกข์หรือเปน็ สขุ เล่า. เป็นทกุ ข์ พระเจ้าขา้ . ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นนั่ ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่นั เปน็ ตัวตนของเรา. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจา้ ขา้ . ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อน้ีว่าอย่างไร เวทนา ท่ีเกิดจากโสตสัมผัส … เวทนาท่ีเกิดจากฆานสัมผัส … เวทนาท่ีเกิดจากชิวหาสัมผสั … เวทนาท่เี กดิ จากกายสมั ผัส … เวทนาทเี่ กดิ จากมโนสมั ผสั เทย่ี งหรอื ไมเ่ ทีย่ ง. ไม่เท่ียง พระเจ้าขา้ . 228
เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : สัตว์ ก็ส่ิงใดไม่เท่ยี ง สง่ิ นนั้ เปน็ ทุกข์หรือเปน็ สุขเล่า. เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นนั่ ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่ันเปน็ ตัวตนของเรา. ไม่ควรเหน็ อยา่ งนั้น พระเจา้ ขา้ . ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งน้ี ยอ่ ม เบื่อหน่ายแม้ในเวทนาท่ีเกิดจากจักขุสัมผัส ย่อมเบ่ือหน่าย แม้ในเวทนาที่เกิดจากโสตสัมผัส ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน เวทนาที่เกิดจากฆานสัมผัส ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ทเี่ กดิ จากชวิ หาสมั ผสั ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นเวทนาทเ่ี กดิ จาก กายสัมผสั ย่อมเบอ่ื หน่ายแม้ในเวทนาท่เี กิดจากมโนสมั ผัส เมือ่ เบอื่ หน่าย ยอ่ มคลายก�ำ หนัด เพราะคลายกำ�หนดั ย่อม หลดุ พน้ เมอื่ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยงั่ รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กิจท่ีควรทำ�ได้ทำ�เสร็จแล้ว กิจอ่ืนเพื่อความเป็นอย่างนี้ ไมไ่ ด้มี ดงั น้ี. (เน้อื หาในบทท่ี ๖๑ (อายตนะภายใน ๖ ไม่ใช่ตัวตนของเรา) จนถึงบทท่ี ๖๕ (เวทนา ๖ ไม่ใช่ตัวตนของเรา) รวมท้ังส้ิน ๕ บท ในสตู รอน่ื -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๑๖๘/๒๓๕. ตรสั วา่ เปน็ ปฏปิ ทาทส่ี ปั ปายะ แกก่ ารบรรลนุ พิ พาน. -ผรู้ วบรวม) 229
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ ูกปิด : สัตว์ 67 สญั ญา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๙๐/๖๑๐. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผู้หลกี ออกผูเ้ ดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มสี ่งตนไปแลว้ อย่.ู ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นวี้ า่ อยา่ งไร รปู สญั ญา (ความหมายรใู้ นรปู ) เท่ียงหรอื ไม่เที่ยง. ไม่เทยี่ ง พระเจ้าขา้ . ก็ส่ิงใดไมเ่ ทยี่ ง สิ่งนั้นเปน็ ทุกขห์ รอื เป็นสุขเลา่ . เป็นทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สง่ิ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่นั เป็นตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเห็นอยา่ งนั้น พระเจา้ ข้า. ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร สทั ทสญั ญา (ความหมายรู้ในเสียง) … คันธสัญญา (ความหมายรู้ในกล่ิน) … รสสญั ญา (ความหมายรใู้ นรส) … โผฏฐพั พสญั ญา (ความหมายรู้ ในสัมผัสทางกาย) … ธัมมสัญญา (ความหมายรู้ในธรรม) เท่ียง หรือไมเ่ ท่ียง. ไม่เทยี่ ง พระเจ้าข้า. 230
เปิดธรรมท่ีถูกปิด : สัตว์ ก็ส่ิงใดไมเ่ ทีย่ ง สิ่งนนั้ เปน็ ทกุ ขห์ รอื เป็นสขุ เลา่ . เปน็ ทกุ ข์ พระเจ้าข้า. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นนั้ วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่ันเปน็ ตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเหน็ อย่างนั้น พระเจา้ ข้า. ราหลุ อรยิ สาวกผไู้ ดส้ ดบั แลว้ เหน็ อยอู่ ยา่ งนี้ ยอ่ ม เบ่อื หน่ายแมใ้ นรปู สัญญา ยอ่ มเบื่อหน่ายแมใ้ นสัททสญั ญา ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในคันธสัญญา ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ใน รสสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพสัญญา ย่อม เบ่ือหน่ายแม้ในธัมมสัญญา เม่ือเบ่ือหน่าย ย่อมคลาย ก�ำ หนดั เพราะคลายก�ำ หนดั ยอ่ มหลดุ พน้ เมอื่ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยงั่ รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ น้ิ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ไดท้ �ำ เสรจ็ แลว้ กจิ อ่นื เพ่อื ความเปน็ อย่างนไ้ี มไ่ ด้มี ดงั น้ี. 231
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : สตั ว์ สญั เจตนา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 68 -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๙๐/๖๑๒. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผหู้ ลีกออกผ้เู ดียว ไมป่ ระมาท มคี วามเพียร มสี ่งตนไปแล้วอยู่. ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นว้ี า่ อยา่ งไร รปู สญั เจตนา (เจตนาในรปู ) เทย่ี งหรือไมเ่ ทย่ี ง. ไม่เทย่ี ง พระเจา้ ข้า. ก็ส่งิ ใดไม่เทีย่ ง ส่ิงน้ันเปน็ ทกุ ขห์ รือเป็นสขุ เล่า. เป็นทุกข์ พระเจา้ ขา้ . ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สง่ิ นนั้ วา่ นนั่ ของเรา นน่ั เปน็ เรา น่นั เป็นตวั ตนของเรา. ไม่ควรห็นอยา่ งนน้ั พระเจ้าขา้ . ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อน้ีว่าอย่างไร สัทท- สญั เจตนา (เจตนาในเสยี ง) … คนั ธสญั เจตนา (เจตนาในกลน่ิ ) … รสสัญเจตนา (เจตนาในรส) … โผฏฐัพพสัญเจตนา (เจตนาใน สัมผัสทางกาย) … ธัมมสัญเจตนา (เจตนาในธรรม) เที่ยงหรือ ไม่เท่ยี ง. ไมเ่ ที่ยง พระเจา้ ขา้ . 232
เปิดธรรมที่ถูกปิด : สัตว์ กส็ ่งิ ใดไมเ่ ทย่ี ง สิง่ นนั้ เปน็ ทุกขห์ รือเป็นสุขเลา่ . เป็นทกุ ข์ พระเจา้ ข้า. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา นนั่ เปน็ ตวั ตนของเรา. ไม่ควรเหน็ อย่างนนั้ พระเจ้าขา้ . ราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างน้ี ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปสัญเจตนา ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ใน สทั ทสญั เจตนา ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นคนั ธสญั เจตนา ยอ่ มเบอื่ หน่ายแม้ในรสสัญเจตนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพ- สญั เจตนา ยอ่ มเบอื่ หนา่ ยแมใ้ นธมั มสญั เจตนา เมอื่ เบอื่ หนา่ ย ย่อมคลายกำ�หนัด เพราะคลายกำ�หนัด ย่อมหลุดพ้น เมื่อ หลดุ พน้ แลว้ ยอ่ มมญี าณหยงั่ รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ น้ิ แลว้ พรหมจรรยอ์ ยจู่ บแลว้ กจิ ทค่ี วรท�ำ ไดท้ ำ�เสร็จแลว้ กิจอนื่ เพือ่ ความเป็นอย่างนไี้ มไ่ ด้มี ดงั น้ี. 233
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : สัตว์ 69 ตณั หา ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๙๑/๖๑๔. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซึ่งเมื่อข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผู้หลกี ออกผูเ้ ดยี ว ไมป่ ระมาท มีความเพียร มีส่งตนไปแล้วอยู่. ราหุล เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ น้ีว่าอยา่ งไร รูปตณั หา (ความอยากในรปู ) เท่ยี งหรือไม่เทย่ี ง. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า. กส็ ิ่งใดไม่เทีย่ ง ส่ิงน้ันเปน็ ทุกข์หรอื เปน็ สขุ เลา่ . เป็นทุกข์ พระเจา้ ข้า. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา นั่นเป็นตัวตนของเรา. ไม่ควรเหน็ อย่างนน้ั พระเจ้าขา้ . ราหลุ เธอจะส�ำ คญั ความขอ้ นวี้ า่ อยา่ งไร สทั ทตณั หา (ความอยากในเสยี ง) … คนั ธตณั หา (ความอยากในกลน่ิ ) … รสตณั หา (ความอยากในรส) … โผฏฐัพพตัณหา (ความอยากในสัมผัส ทางกาย) … ธมั มตณั หา (ความอยากในธรรม) เทยี่ งหรอื ไมเ่ ทย่ี ง. ไม่เท่ียง พระเจา้ ขา้ . 234
เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : สตั ว์ กส็ ิ่งใดไมเ่ ทย่ี ง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรอื เปน็ สขุ เล่า. เปน็ ทุกข์ พระเจ้าขา้ . ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจ่ี ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นน่ั เป็นตวั ตนของเรา. ไมค่ วรเหน็ อยา่ งนนั้ พระเจ้าขา้ . ราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างน้ี ย่อม เบื่อหน่ายแม้ในรูปตัณหา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัททตัณหา ย่อมเบ่ือหน่ายแม้ในคันธตัณหา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน รสตณั หา ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ยแมใ้ นโผฏฐพั พตณั หา ยอ่ มเบอ่ื หนา่ ย แม้ในธัมมตัณหา เมื่อเบ่ือหน่าย ย่อมคลายก�ำ หนัด เพราะ คลายกำ�หนัด ย่อมหลุดพ้น เม่ือหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณ หยง่ั รวู้ า่ หลดุ พน้ แลว้ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ ชาตสิ นิ้ แลว้ พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจท่ีควรทำ�ได้ทำ�เสร็จแล้ว กิจอ่ืน เพ่อื ความเปน็ อย่างนีไ้ มไ่ ดม้ ี ดงั น.ี้ 235
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปิด : สตั ว์ ธาตุ ๖ ไมใ่ ชต่ วั ตนของเรา 70 -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๒๙๑/๖๑๖. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ขา้ พระองคข์ อโอกาส ขอพระผมู้ พี ระภาค โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซ่ึงเม่ือข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว จะเป็นผหู้ ลกี ออกผู้เดียว ไม่ประมาท มคี วามเพียร มสี ่งตนไปแล้วอย.ู่ ราหุล เธอจะสำ�คัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ปฐวีธาตุ (ธาตดุ ิน) เทยี่ งหรอื ไมเ่ ทย่ี ง. ไมเ่ ท่ียง พระเจ้าข้า. ก็สง่ิ ใดไมเ่ ท่ียง ส่งิ นั้นเป็นทกุ ขห์ รอื เป็นสขุ เล่า. เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ . ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา ควรหรอื ทจี่ ะตามเหน็ สงิ่ นน้ั วา่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นั่นเปน็ ตัวตนของเรา. ไมค่ วรตามเห็นอย่างน้นั พระเจา้ ขา้ . ราหลุ เธอจะส�ำ คัญความขอ้ นี้วา่ อย่างไร อาโปธาต ุ (ธาตุน้ำ�) … เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) … วาโยธาตุ (ธาตุลม) … อากาสธาตุ (ธาตุคืออากาศ) … วิญญาณธาตุ (ธาตุคือวิญญาณ) เท่ยี งหรอื ไม่เท่ยี ง. ไม่เทย่ี ง พระเจ้าขา้ . 236
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288