ÇÃó¡ÃÃÁàÂÒǪ¹¾¹Œ× ºŒÒ¹ ÀÒ¤à˹×Í ¨¹Ñ µÐ¤Ò´ เรอ่ื ง ธิตินดั ดา มณีวรรณ ภาพประกอบ ธนชัย มณีวรรณ
จนั ตะคาด ว ร ร ณ ก ร ร ม เ ย า ว ช น พ้ื น บ้ า น ภ า ค เ ห นื อ จนั ตะคาด เร่ืองโดย ธติ นิ ดั ดา มณีวรรณ ์ ภาพโดย ธนชยั มณวี รรณ ์
จันตะคาด จนั ตะคาด เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสอื 978-974-287-736-1 ผู้เช่ยี วชาญท่ปี รกึ ษาคณะบรรณาธกิ าร รศ.ทรงศักด ์ิ ปรางค์วฒั นากุล นายเจรญิ มาลาโรจน ์ คณะบรรณาธิการอำนวยการ นางทัศนัย วงศ์พิเศษกลุ นางสาวเฉยี ดฉัตรโฉม ปริพนธ์พจนพสิ ุทธ ิ์ นายวฒั นชัย วนิ ิจจะกลู นางสาวนนั ธนา เจรญิ ภักดี คณะบรรณาธิการดำเนนิ งาน รศ.สกุ ญั ญา สุจฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษ์ประเสรฐิ นายเรืองศักด์ิ ปิ่นประทปี นายณฐั พร ศรมี ุกด์ เรอ่ื ง ธิตนิ ัดดา มณวี รรณ์ ภาพ ธนชยั มณวี รรณ์ พสิ ูจนอ์ กั ษร นันท์ธนตั ถ์ จติ ประภัสสร อารีณะ วีระวฒั น์ พมิ พ์คร้ังท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2551 จำนวนพิมพ ์ 3,000 เล่ม ราค า 135 บาท เจา้ ของโครงการและดำเนินการจดั พิมพ ์ สำนกั งานอทุ ยานการเรยี นรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สังกดั สำนักนายกรัฐมนตรี สว่ นบรกิ าร อาคารเซน็ ทรลั เวลิ ด์ ชนั้ 8 Dazzle Zone โทรศพั ท์ 0-2257-4300 โทรสาร ต่อ 125 สว่ นสำนักงาน 999/9 อาคารสำนกั งานเซ็นทรัลเวิลด์ ชน้ั 17 ถนนพระราม 1 โทรศัพท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนนิ การจัดทำต้นฉบับ มลู นธิ หิ นงั สือเพอื่ เด็ก โทรศพั ท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 w ww.thaibby.in.th ออกแบบรปู เลม่ จัดพิมพ์ และจัดจำหน่าย บรษิ ทั แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด โทรศพั ท์ 0-2591-8033 www.planforkids.com เหมาะสำหรับเด็กอายุ X ปี
จันตะคาด คำนำ ในการจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ภูมิภาคต้นแบบแต่ละภาคน้ัน สำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (TK park) ได้มีการเตรียมการคู่ขนานกันไปทั้งด้านกายภาพ และเน้ือหาสาระ กล่าวคือในระหว่างท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำลังปรับปรุง หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนกั งานอทุ ยานการเรยี นรกู้ ป็ ระชมุ หารอื กบั บคุ ลากรในทอ้ งถน่ิ และรว่ มกนั คดั เลอื ก หนงั สอื ดนตรี และกจิ กรรมตา่ งๆ ไปพร้อมกนั เพอ่ื เตรยี มการด้านหนังสอื และสือ่ ต่างๆ ซึง่ ถอื เสมอื นเปน็ จิตวิญญาณของห้องสมุด โครงการนิทานพื้นบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการทางด้านเนื้อหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชนมีท้ังสาระ ความสนุกสนาน และจินตนาการ สืบทอดกันมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำลึก มีความหมายต่อการเชื่อมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับ แม้จะเป็นเรื่องเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพื้นท่ี แต่สาระท่ีแฝงอยู่ในเนื้อหาเรื่องราวของ นิทานน้นั คอื คติสอนใจ ซึ่งเป็นความร้สู ากลทส่ี ามารถนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ดท้ ุกหนแห่ง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กเป็นผู้ดำเนิน การประสานงานกับปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันคัดเลือก นิทานเร่ืองเล่าพ้ืนบ้านท่ีมีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการของเยาวชน ในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบขึ้นใหม่ เพื่อจัดพิมพ์ เป็นหนังสือที่มุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและเพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็น สื่อจูงใจให้เด็กและเยาวชนทั่วไปสนใจและรักการอา่ นมากยิ่งขึ้น ท้ังยังสามารถนำไป ประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการ ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ ใหค้ งอยสู่ ืบไป หวังเปน็ อย่างยงิ่ วา่ นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผจู้ ดุ ประกายแนวคดิ หอ้ ง สมุดมีชีวิตในประเทศไทย ให้เป็นพ้ืนท่ีแสวงหาความรู้ในบรรยากาศการเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะได้ทำหน้าที่ปลูกฝัง และส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพื้นฐานของความเคารพและ ภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างการยอมรับความแตกต่างหลาก หลายและใชส้ ตปิ ัญญาแกไ้ ขปัญหา อนั จะนำไปสู่สังคมสนั ตสิ มานฉนั ท์ในทส่ี ดุ สำนักงานอุทยานการเรยี นร้ ู
จนั ตะคาด สารบญั หน่ึง ห้า สองพน่ี อ้ งผู้อาภพั 7 พบคแู่ ตจ่ ำต้อง 51 พรากจาก สอง 17 หก พบยาวเิ ศษ การผจญภัย 65 ของจนั ทะคาด สาม เจ็ด ทำดยี อ่ มไดด้ ี 27 ความแคน้ 79 ของสตรี 95 ส ่ี แปด กลบั ไปเยยี่ มพ่อแม่ 37 ผกลระขทอำงดกีาร
จนั ตะคาด
จันตะคาด เกร็ดความรู้ ในวรรณกรรมเยาวชนภาคเหนือ จะใช้ตัวเลขข้ึนต้นแต่ละบทเป็น ตวั เลขในภาษาล้านนา เรียกวา่ เลขโหรา ภาษาล้านนา หรอื คำเมือง เป็นภาษาประจำราชอาณาจักรล้านนาที่สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นมา นานนับพันปี ใช้กันในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เรียกว่า “ดินแดนล้านนา” หมายถึง 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ นา่ น และแม่ฮอ่ งสอน ตัวเลขในภาษาล้านนามี 2 แบบ คือ เลขในธรรม หรือเลขใน ใช้ในการเขยี นเร่อื งราวเก่ยี วกบั ภาษา และวรรณกรรมทางศาสนา มักเขียน บนใบลาน อีกแบบหน่ึงคือ เลขโหรา ใช้เขียนบอกจำนวนท่ัวไปและการ คำนวณโหราศาสตร์ เลขโหรา ๙ ๐ เลขในธรรม เทียบตวั เลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘
จันตะคาด หนึง่ สองพี่นอ้ งผอู้ าภัพ
จันตะคาด
จนั ตะคาด สองพน่ี ้องผู้อาภพั กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว ในเขตชนบทของเมืองจำปานคร มีครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่ง มีบุตรชายสองคน คนโต ชื่อสุริยคาด เพราะกำเนิดในวันท่ีเกิดสุริยคราส ส่วนคนเล็กกำเนิด ในคนื ทเี่ กดิ จันทคราส พ่อแมจ่ ึงให้ชือ่ ว่าจนั ตะคาด เวลานน้ั บ้านเมืองเกดิ อาเพศ ฝนฟา้ ไมต่ กต้องตามฤดูกาล ข้าว กล้าในนาก็แห้งเหี่ยว ผลหมากรากไม้ที่เคยสุกอยู่เต็มต้นก็ไม่มีให้เห็น แม่น้ำที่เคยเต็มปร่ิมท้ังสองฝ่ังก็แห้งขอด กุ้งหอยปูปลาท่ีเคยแหวกว่าย อยู่ในแม่น้ำตายไปเกือบหมด ชาวบ้านลำบากย่ิงนัก โดยเฉพาะ ครอบครัวของสุริยคาดและจันตะคาดท่ียากจนอย่แู ล้ว ในแต่ละวัน ผู้เป็นพ่อแม่จะออกไปหาอาหารตามป่าเขาและ แม่น้ำลำธาร ท้ิงลูกชายท้ังสองไว้ตามลำพัง จันตะคาดยังเด็กเมื่อหิวก็ ร้องไห้งอแง สุริยคาดผู้เป็นพี่ชายได้แต่หาน้ำมาให้น้องด่ืมประทัง ความหิว
10 จนั ตะคาด พ่อและแม่หาอาหารอย่างยากลำบาก ขุดลงไปใต้พื้นดิน ได้ มันหัวเล็กๆ มาสี่ห้าหัวก็ดีใจยิ่งนัก รีบกลับบ้านแล้วบดเผือกมันผสม น้ำกินแต่กินได้เพียงคนละอึกสองอึก สุริยคาดและจันตะคาดก็มาขอ กนิ ด้วยพ่อกับแม่จึงยกนำ้ ผสมเผือกมันบดใหล้ กู ลกู ชายทงั้ สองยงั เล็กนัก เมื่อได้ถ้วยนำ้ จากพ่อแมม่ ากด็ มื่ จนหมด เกลีย้ ง ไมเ่ หลอื ไวใ้ ห้พอ่ แมเ่ ลย พอ่ ปลอบแม่วา่ ไม่เปน็ ไร วนั พร่งุ น้คี อ่ ย ไปหาใหม่ แลว้ ท้งั คูก่ ็กนิ น้ำจนอิม่ กอ่ นจะพาลูกทัง้ สองเขา้ นอน เช้าวันต่อมา พ่อกับแม่ไปขุดดินหวังจะเจอหัวเผือกหัวมันอีก แต่กไ็ ม่มี ผู้เปน็ พอ่ ทัง้ หวิ ขา้ วและกระหายนำ้ จงึ ไปที่ลำธารใกลแ้ หง้ ขอด เพื่อหาน้ำด่ืม พลันเหลือบเห็นหอยขมตัวเล็กๆ สิบกว่าตัวอยู่ในซอก จึงร้องเรียกแม่ “แม่เอ๊ย แมเ่ อย๊ มาดนู ่ีสิ มหี อยอยู่หลายตวั เลย” ทัง้ สองดใี จมาก ชว่ ยกนั เก็บหอยกลบั บา้ น “เออ แม่ ข้าว่าเราแบ่งหอยไว้คร่ึงหน่ึงก่อนดีไหม” พ่อเสนอ ผูเ้ ปน็ แมแ่ ปลกใจจงึ ถามเหตุผล พอ่ บอกว่า “ถา้ ลกู ๆ เหน็ มนั ตอ้ งร่ำรอ้ งขอกินจนหมดแน่ จะไม่ใหก้ นิ หรอื กอ็ ดสงสารไม่ได้ แล้วเรากจ็ ะไม่ไดก้ ิน และจะไมม่ แี รงออกมาหาอาหาร อีก” แม่ฟังแล้วก็เห็นด้วย จึงเก็บหอยไว้คร่ึงหนึ่ง อีกครึ่งหน่ึงเอาไป เผาไฟแล้วเรียกลูกทั้งสองมาแบ่งหอยให้กินคนละตัว แต่สุริยคาดและ จนั ตะคาดกินไมอ่ ิ่ม “ยังมีหอยเหลืออีกไหมจ๊ะ แมจ่ ๋า ลูกกบั นอ้ งยงั กินกันไม่อ่มิ เลย” แม่จึงตัดใจยกหอยในส่วนของตนป้อนจันตะคาดกินจนหมด
จันตะคาด 11 พ่อก็ยกหอยของตนให้สุริยคาดกินเช่นกัน ลูกท้ังสองกินหอยอย่าง เอรด็ อร่อยพอ่ กับแม่นึกดีใจทแ่ี อบแบง่ หอยไว้คร่งึ หนงึ่ คืนนน้ั หลังจากที่ลูกๆ หลับกันหมดแลว้ พอ่ กับแมก่ ็ชวนกันมา กินหอยท่ีเก็บไว้ด้วยความหิว แต่การกินหอยขมน้ันต้องออกแรงดูด เนือ้ หอยจึงจะออกมา และการดดู หอยขมจะเกดิ เสียงดงั พ่อจึงปรึกษา แม่วา่ จะกินหอยท่ีไหนกันดี จึงจะไมเ่ กดิ เสยี งดังจนทำใหล้ กู ๆ ตนื่ ผู้เป็นแม่คิดว่าน่าจะไปกินหอยในโอ่งน้ำ แต่ปรากฏว่าโอ่งกลับ ทำให้เสียงดูดหอยย่ิงดังก้องมากกว่าเดิม จนสุริยคาดและจันตะคาด สะดุ้งตื่น เหลียวดูไม่เห็นพ่อแม่ จึงพากันเดินหา เห็นพ่อแม่ก้มหัว มดุ อยู่ในโอง่ นำ้ สรุ ยิ คาดถามด้วยความแปลกใจวา่ “พอ่ จ๊ะ แม่จ๊ะ ทำอะไรอยหู่ รอื ” พ่อกับแมไ่ ดย้ นิ เสยี งลกู กต็ กใจเงยหนา้ ขน้ึ มาจากโอง่ ท้งั ปากและ มอื เลอะไปดว้ ยหอยขมเผาท่ีเพง่ิ กิน จนั ตะคาดจงึ รอ้ งขอกนิ ด้วย พอ่ กบั แม่เลยให้ลูกกินอีกคนละตัว ท้ังสุริยคาดและจันตะคาดกินหอยอย่าง เอร็ดอรอ่ ย แต่ยงั ไม่อิม่ จงึ รอ้ งขออกี “พ่อจ๋า แม่จ๋า เมตตาขอหอยให้ลูกอีกหน่อยเถอะ ลูกยังไม่อ่ิม เลย” พ่อและแม่ได้ยินเช่นนั้นก็เวทนานัก จึงยกหอยทั้งหมดให้ลูก ทั้งๆ ที่ตนเองเพ่ิงกินไปคนละตัวเท่านั้น เม่ือหอยหมดแล้ว แม่จึง ให้สุริยคาดพาน้องไปนอนเสีย แต่จันตะคาดยังร้องไห้ด้วยความหิว สุริยคาดสงสารน้องจงึ ปลอบใจไปตา่ งๆ นานา “อย่าร้องไห้เลย จันตะคาดน้องรัก พรุ่งน้ีพ่ีจะพาน้องเข้าป่าไป หากลว้ ยออ้ ยกนิ ”
12 จันตะคาด “จริงๆ หรือพ่ีจา๋ พรุ่งน้จี ะพาน้องไปที่ไหนจ๊ะ” จันตะคาดถาม “พ่ีจะพาน้องไปป่า มีกล้วยผลโตๆ สุกเหลืองหอมน่ากิน มีมะม่วงสุกลูกใหญ่หวานหอม มีมะไฟ มะพร้าวอยู่เยอะแยะไปหมด นอ้ งอย่ารอ้ งนะ พรุง่ นีพ้ ี่จะพาไปกิน คนื นเ้ี รานอนกนั ก่อนนะ” สุริยคาดคุยให้น้องฟังเรื่องอาหารที่จะพาไปกินในวันรุ่งข้ึน จนกระทงั่ จันตะคาดหยดุ ร้องไหแ้ ละนอนหลบั ไป รุ่งเช้า พ่อกับแม่ออกไปหาอาหารอีกเช่นเคย แต่ก็หาอะไรไม่ได ้ ในดินก็ไม่มีหัวเผือกหัวมัน ในป่าก็ไม่มีส้มสุกลูกไม้เลยแม้แต่ลูกเดียว สองผวั เมยี จงึ ลองออกไปไกลกว่าเดิม หวังว่าจะมอี ะไรใหก้ นิ บา้ ง
จันตะคาด 13 ฝ่ายสองพ่ีน้องอยู่บ้านหิวโหยย่ิงนัก เฝ้ารอพ่อแม่ก็ไม่เห็นกลับ เสียที สุริยคาดจึงตัดสินใจพาน้องออกจากบ้าน หวังจะไปหาปลา หา ในแมน่ ำ้ สุริยคาดให้น้องชายนั่งรออยู่ริมฝ่ังน้ำ ส่วนตนเองเดินท่อมๆ หาสัตว์ที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง แล้วก็เห็นลูกปูตัวเล็กๆ สี่ตัวไต่เข้า ไปในซอกหิน จึงรีบจับมาท้ังหมดด้วยความดีใจ แล้วพาน้องกลับบ้าน กอ่ ไฟเผาปูหนึง่ ตวั ให้น้องกนิ จนั ตะคาดกนิ ไม่อมิ่ จงึ รอ้ งขออกี สุริยคาดจงึ ตัดใจเผาปขู องตัวเอง ใหน้ อ้ ง จันตะคาดกินหมดกย็ งั ไม่อม่ิ อยดู่ ี “พีจ่ า๋ น้องขอกนิ ปอู ีกตวั หนึ่งเถอะ นอ้ งยังหวิ อยเู่ ลย” “ปูตัวน้ีพี่ตั้งใจจะเก็บไว้ให้พ่อนะ แต่เอาเถอะ ถ้าน้องยังไม่อิ่ม พ่ีจะเผาใหก้ ิน” สุริยคาดเผาปูส่วนของพ่อให้น้องกิน แต่จันตะคาดก็ยังไม่อิ่ม อยู่ดี จึงร้องขออีก สุริยคาดบอกว่าเหลือปูแค่ตัวเดียวจะเก็บไว้ให้แม ่ แต่จันตะคาดยังเด็กจึงไม่รับฟังเหตุผล สุริยคาดจำต้องเผาปูตัวสุดท้าย ใหน้ ้องกินจนหมด ฝ่ายพ่อและแม่น้ัน แม้จะเดินทางไกลออกไป ก็ยังหาอะไรไม่ได้ เลย จนใกลค้ ่ำจงึ เดินโซเซกลับบา้ นด้วยความหิวโหย เมอื่ กลบั มาถึงบ้าน ได้กล่นิ ปูเผายงั โชยคลุ้งอยกู่ ด็ ีใจยง่ิ นกั คิดวา่ ลกู คงออกไปหาอาหาร ไดก้ ุ้งได้ปมู าเผาไว้รอท่าเป็นแน ่ แต่เม่ือเขา้ ไปถึงในครัว กเ็ หน็ แตก่ ระดองปูและกา้ มปกู องอย่หู นา้ เตาไฟ จงึ เรียกสรุ ยิ คาดมาถาม “สุรยิ คาด เจ้าไปหาปมู าเผากินหรอื ”
14 จนั ตะคาด “จ้ะ พ่อ ลูกหาปูมาได้สี่ตัว กะว่าเก็บไว้ให้พ่อกับแม่คนละตัว แต่น้องหิวเหลือเกิน กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ลูกไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้อง ให้นอ้ งกนิ ทงั้ หมด” พอ่ และแม่ฟงั แลว้ ท้ังโมโห ทงั้ น้อยใจและทง้ั หวิ จึงลืมตวั เฆี่ยนตี ลกู ทั้งสองพรอ้ มทั้งด่าวา่ มากมาย “ทำไมพวกแกมันเนรคุณอย่างน้ี ขอกินอะไร พ่อแม่ยกให้กิน จนหมด แต่พอแกหาอะไรได้กลับไม่คิดถึงพ่อถึงแม่ ลูกอย่างนี้จะเลี้ยง ไว้ทำไม เจ้าลูกลา้ งลูกผลาญ” พ่อใช้ไม้ตีสุริยคาดจนขาแทบแตก แม่ใช้มือตีจันตะคาดจนเป็น ปนื้ แดง สองพีน่ อ้ งร้องลน่ั ดว้ ยความเจบ็ ปวด “พ่อจ๋าแม่จ๋า พอเถอะ อย่าตีลูกเลย ลูกเจ็บเหลือเกิน ลูกผิด ไปแลว้ ยกโทษใหล้ กู ด้วยเถดิ ” แต่พ่อแม่น้ันท้ังหิว ท้ังเหน่ือยและผิดหวังจึงไม่ฟังคำของลูก ย่ิงได้ยินเสียงร้องไห้หนักเท่าไร ยิ่งลืมตัวตีลูกซ้ำให้หนักขึ้นไปอีกเท่าน้ัน แม่ท้ังเสียใจและน้อยใจเม่ือคิดถึงว่าตนเองยังยอมสละของกินส่วน ของตนให้ลูกได้ แต่ลูกกลับไม่คิดถึงพ่อแม่ จึงตีลูกไปร้องไห้ไป น้ำตา ไหลพรากอาบใบหนา้ ผู้เปน็ พ่อโมโหจนลืมตวั ออกปากไลล่ ูกชายทงั้ สองออกจากบ้าน “พวกแกเนรคุณพ่อแม่ต้ังแต่เล็กอย่างนี้ จะเล้ียงได้อย่างไร แก สองคนจงออกจากบา้ นไปเสยี ตงั้ แตว่ นั น้ี อยา่ มาใหข้ า้ เหน็ หนา้ ออกไป” “พ่อจ๋า ถ้าพ่อให้ลูกสองคนออกไปจากบ้าน แล้วลูกจะไปอยู่ ทีไ่ หน พอ่ จ๋าแม่จา๋ เมตตาลูกเถดิ อยา่ ใหล้ ูกต้องไปอย่ทู ีอ่ ื่นเลย” แตพ่ ่อและแมโ่ กรธมาก ไมย่ อมฟังคำขอรอ้ งใดๆ สรุ ิยคาดจึงอุ้ม
จนั ตะคาด 15 น้องลงไปหลบอยู่ใต้ถุนบ้าน หวังว่าพรุ่งนี้เช้าพ่อกับแม่หายโมโหแล้ว คงจะไม่ต้องถกู ไล่ออกจากบา้ นไปจรงิ ๆ แต่จันตะคาดนั้นยังเด็กนัก พ่ีชายจะปลอบอย่างไรก็ไม่หยุด ร้องไห้ จนเสียงดังลอดข้ึนไปบนเรือน พ่อกับแม่ได้ยินเสียงร้องก็เกิด โมโหขึ้นมาอกี แม่ตะโกนลงมาว่า “หยดุ รอ้ งไห้เดยี๋ วนน้ี ะ ถ้าไมห่ ยดุ แม่จะลงไปตีแกอีกให้ตาย” จันตะคาดได้ยินเสียงแม่ตะโกนก็ย่ิงร้องไห้หนักข้ึน จนพ่อลุกข้ึน ควา้ ไตเ้ ดนิ ลงไปด ู สุริยคาดเห็นพ่อเดินถือไต้ลงบันไดมาก็กลัวว่าพ่อจะมาตีซ้ำ จึง อุม้ น้องวิ่งหนอี อกจากบ้าน สองพี่น้องหนีไปไกลถึงศาลาประจำหมู่บ้าน และหยุดพักอยู่ท ี่ ศาลานั้น จันตะคาดยังคงร้องไห้สะอึกสะอ้ืน สุริยคาดได้แต่กอดน้อง และปลอบใจนอ้ งที่กำลงั ขวัญเสียไม่แพ้ตน “จนั ตะคาด นอ้ งเจบ็ ตรงไหนบอกพส่ี นิ อ้ ง” “น้องเจ็บขา เจ็บแขนท่แี มต่ ี เจบ็ หดู ว้ ยพจี่ ๋า” “ถ้าอย่างนัน้ พจ่ี ะเป่าคาถาให้น้อง จะไดห้ ายเจ็บนะนอ้ งนะ” สุริยคาดแกล้งพึมพำเหมือนกำลังร่ายคาถาแล้วเป่าไปท่ีแขนขา และเน้ือตัวของจันตะคาดเพ่ือให้น้องชายรูส้ ึกดีขึ้น ก่อนท่ีจะผลอ็ ยหลบั ไปดว้ ยความเหน็ดเหนื่อยทัง้ คู่ ร่งุ เชา้ เสยี งนกบินออกจากรังดงั จบิ๊ ๆ จ๊บิ ๆ อย่เู ซง็ แซ่ สรุ ิยคาด งัวเงียต่ืนข้ึนมา เห็นพระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า จันตะคาดยัง หนุนตักของพี่ชายหลับอยู่อย่างอ่อนเพลีย สุริยคาดจึงปลุกน้องชาย
16 จนั ตะคาด ให้ตนื่ ข้นึ “น้องจันตะคาด ต่ืนเถอะเช้าแล้ว เราออกเดินทางต่อไปดีกว่า ขนื อยทู่ ีน่ ี่ เด๋ยี วพอ่ แมต่ ามมาเจอ จะตเี ราอีกนะ” จันตะคาดงัวเงียลุกขึ้นเดินไปกับพี่ชายอย่างไม่รู้จุดหมายปลาย ทาง ฝ่ายพ่อแม่ เม่ือต่ืนขึ้นมาในตอนเช้า ความโกรธโมโหได้หายไป หมดแล้ว จึงรีบลงจากเรือน ไปเรียกหาลูกท่ีใต้ถุนบ้านแต่ไม่เจอ เดิน จนทั่วก็ไร้วี่แวว แม่เสียใจมากท่ีใจร้อนตีลูกอย่างขาดสติ ทรุดตัวลงน่ัง ร้องไห้คร่ำครวญหาลกู ทั้งสองอย่างน่าเวทนา
จนั ตะคาด 17 สอง พบยาวิเศษ
18 จันตะคาด
จนั ตะคาด 19 พบยาวเิ ศษ สุริยคาดและจนั ตะคาด สองพน่ี ้องเดินเซซงั ไปอยา่ งไม่ร้จู ดุ หมาย จนกระท่งั มาถงึ ป่าแหง่ หน่งึ จันตะคาดจึงร้องบอกพีช่ ายวา่ “พ่ีจ๋า น้องเหนอ่ื ยเหลอื เกิน เดินไม่ไหวแล้วจ้ะ พจี่ า๋ ” “อดทนหนอ่ ยเถิดนอ้ ง เดนิ ไปอีกนดิ เดียวก็คงจะเจอบ้านคนแล้ว เราจะไดไ้ ปขออาหารเขากนิ ประทังความหิว” “แตน่ ้องเหนอื่ ยเหลือเกิน เดินไม่ไหวแล้ว” “ถา้ อยา่ งนนั้ พจี่ ะอมุ้ นอ้ งไปเอง จนั ตะคาด นอ้ งอดทนอกี นดิ นะ” สุริยคาดอุ้มน้องชายเดินต่อไปจนถึงราวป่า เห็นบ้านเรือนเรียง รายอยู่หลายหลังก็ดีใจมาก รบี เดินไปหยดุ ทีห่ น้าบ้านหลังหนงึ่ เจา้ ของ บา้ นเห็นเด็กชายทัง้ สองกร็ ้องถามว่า “ไอ้หนู ไปไหนมาไหนละ่ น่ี ทำไมมากันแค่สองคน” “พอ่ ลงุ จ๋า เมตตาขา้ กบั นอ้ งดว้ ยเถดิ ขา้ นี้ช่อื สรุ ิยคาด ส่วนนอ้ ง ชายช่ือจันตะคาด เราสองคนพี่น้องเดินทางมาจากเมืองจำปานคร ขอ เมตตาใหข้ ้าวให้น้ำนอ้ งขา้ หนอ่ ยเถิด”
20 จนั ตะคาด ชายเจ้าของบ้านจึงเรียกเมียของตนซ่ึงกำลังหุงข้าวอยู่ในครัว ออกมา ฝ่ายเมีย เม่ือเห็นสองพ่ีน้องหน้าตามอมแมมมาอ้อนวอน ขอความเมตตาด้วยคำพูดที่สภุ าพก็นึกเอ็นดจู ึงไต่ถาม “พ่อแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน ทำไมปล่อยให้ลูกสองคนต้อง ออกมาเดนิ เร่รอ่ นอยา่ งน้”ี สุริยคาดจึงเล่าว่าตนและน้องชายกินปูหมด ไม่เหลือไว้ให้พ่อแม่ เลย พอ่ แม่โกรธมากจงึ ตตี นเองกับนอ้ งชาย และไล่ออกจากบา้ น เจา้ ของบ้านทง้ั สองฟงั แล้วเกิดความสงสารยิ่งนกั ผเู้ ป็นเมียจึงตัก ข้าวใส่จานมาให้เด็กน้อยทั้งสองกิน สุริยคาดกับจันตะคาดดีใจมากที่ได้ กินอาหารอย่างเต็มอมิ่ เป็นคร้งั แรก “พ่อลุงแม่ป้าจ๋า ข้าและน้องขอบคุณในความเมตตาของพ่อลุง แมป่ า้ ทง้ั สองย่ิงนัก ข้าทง้ั สองขอลาไปกอ่ นนะจ๊ะ หากมโี อกาส เราจะ ตอบแทนบุญคุณของพ่อลงุ แมป่ ้าในวนั หนึง่ ” “โถ พอ่ คณุ เอ๋ย ตวั แค่น้ียงั รจู้ ักบุญคุณคน แล้วพอ่ แม่เจ้าไลเ่ จา้ ออกมาจากบา้ นได้อย่างไรกันนะน”ี่ สองพี่น้องเดินทางต่อไป หากพบเจอบ้านเรือนก็แวะขอข้าวปลา อาหาร ชาวบ้านแม้ยากจนแต่สงสารก็แบ่งปันให้คนละเล็กละน้อยพอ ประทังชีวิต หากไม่พบชาวบ้านก็ไม่ได้กิน สองพี่น้องต้องอดมื้อกินม้ือ อย่เู ชน่ นเ้ี ปน็ เวลานาน แทจ้ รงิ แล้วทัง้ สุริยคาดและจันตะคาดเป็นผมู้ บี ญุ มาเกิด เหตทุ ตี่ ก ระกำลำบากเพราะต้องชดใช้กรรมเกา่ ในชาติกอ่ น และความลำบากของ สองพนี่ ้องก็ทำใหท้ พิ ยอาสน์ของพระอนิ ทร์แขง็ กระด้างขนึ้ มา
จนั ตะคาด 21 อันว่าทิพยอาสน์ของพระอินทร์น้ี ปกติแล้วจะอ่อนนุ่มดังปุยนุ่น แตเ่ ม่ือผู้มีบุญคนใดตกทกุ ข์ได้ยากหรอื ไดร้ ับความเดอื ดรอ้ น ทิพยอาสน์ จะแปรเปลยี่ นเปน็ แข็งกระดา้ งเหมอื นดงั ศลิ า พระอินทร์นั้นมีตาทิพย์ เม่ือมองลงมายังโลกมนุษย์จะเห็นความ เปน็ ไปทกุ อยา่ ง ทรงเหน็ สรุ ยิ คาดและจนั ตะคาดกำลงั ระหกระเหนิ เดนิ ปา่ บางมื้อมีกิน บางมื้อต้องอด พระอินทร์คิดจะช่วยเหลือสองพ่ีน้อง จงึ ชวนพระวษิ ณุกรรมแปลงกายเปน็ งเู หา่ กับพงั พอนตอ่ สู้กนั อยู่ในปา่ สุริยคาดเห็นงูเห่าตัวใหญ่กำลังต่อสู้กับพังพอนอย่างเอาเป็น เอาตาย ก็รีบชวนน้องหมอบดูเหตุการณ์ เห็นงูเห่าไล่กัดพังพอน เม่ือ ไดท้ กี ็ฉกไปทีค่ อ จนพังพอนส้ินใจตาย
22 จันตะคาด งูเห่าเห็นพังพอนตาย ก็เล้ือยไปเด็ดใบไม้จากพุ่มไม้ใกล้ๆ มาใส่ ปากพงั พอน ทนั ใดนั้นพงั พอนก็ฟืน้ คืนชวี ิต สัตว์ทั้งสองต่อสู้กันอีก คราวนี้พังพอนเป็นฝ่ายกัดงูเห่าจนตาย แลว้ พังพอนก็วง่ิ ไปเดด็ ใบไม้จากพุม่ ไม้เดียวกนั มาใสป่ ากงเู หา่ ทนั ใดนนั้ งูเหา่ กฟ็ นื้ ขน้ึ มาอีก ท้ังงูเห่าและพงั พอนตา่ งไลก่ ดั กนั หากฝ่ายหน่ึงตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไปเอาใบไม้มาใส่ปากให้ฟื้น ตายแล้วฟื้นอยู่อย่างน้ี หลายครง้ั หลายครา ในท่ีสุดกเ็ ลกิ ราการต่อสู้แยกยา้ ยกนั ไปคนละทาง สุริยคาดรีบว่ิงไปเด็ดใบยาวิเศษจำนวนมากใส่ในย่ามท่ีชาวบ้าน เมตตาใหม้ า แลว้ พานอ้ งออกเดนิ ทางต่อไป ยังมีภิกษุณีรูปหนึ่ง นั่งภาวนาอยู่ใต้ต้นมหาโพธิ์กลางป่า มีกา ตัวหนึ่งบินมาเกาะบนต้นโพธิ์แล้วถ่ายมูลลงมารดศีรษะภิกษุณี แม้ว่า ภิกษุณีจะไม่ถือโกรธและเดินออกจากป่าไปแล้ว แต่บาปกรรมก็ทำให ้ กาตัวนน้ั เกิดอาการจุกเสยี ดจนหายใจไม่ออก ตกลงมาตายอยใู่ ตต้ ้นโพธิ์ นนั่ เอง เมื่อสองพ่ีน้องเดินทางมาถึงใต้ต้นโพธิ์ เห็นกานอนตายอย่ ู จึงเคี้ยวใบยาวิเศษยัดใส่ปากกา กาจึงกลับฟ้ืนคืนชีวิต ด้วยความดีใจ กาจึงบอกกับสองพ่นี ้องว่าจะขอตอบแทนบญุ คุณ “พอ่ หนูทัง้ สอง ข้าขอบคณุ เหลือเกินทีช่ ่วยชีวิตข้า ตั้งแตน่ ต้ี ่อไป เจา้ อยากกินส้มสุกลกู ไม้อะไรบอกมาเถิด ขา้ จะไปหามาให้เป็นอาหาร” ตง้ั แตน่ ั้นเปน็ ตน้ มา กาจงึ หาผลไม้มาให้สองพีน่ ้องกนิ ทกุ วนั วันหน่ึง กาบินเข้าไปในปา่ ใหญ่ เห็นขบวนงานศพของยกั ษ์ เมื่อ แอบฟงั จงึ ไดร้ ู้วา่ เมยี ยกั ษ์ตาย ฝา่ ยยกั ษ์ผเู้ ปน็ ผวั จึงจัดงานศพข้นึ เชญิ
จนั ตะคาด 23 บรรดายักษจ์ ากหลายเมืองมารว่ มงาน และไดส้ งั่ การลกู นอ้ งใหไ้ ปจับคน มาเป็นอาหารเล้ยี งแขก ฝ่ายกาก็คิดว่า ทำไมตนต้องมาทนตะลอนๆ หาอาหารให้เด็ก สองคนกินราวกับเป็นข้ารับใช้เช่นนี้ด้วย ไม่เห็นเกิดประโยชน์ใดๆ แก่ ตนแม้แต่น้อย ถ้าหากล่อให้ยักษ์ไปจับสองพ่ีน้องกินเป็นอาหารเสีย ตนก็จะเป็นอิสระไม่ต้องเที่ยวหาอาหารเช่นน้ีอีก คิดแล้วกาเนรคุณ จึงบินไปจิกช้ินเน้ือที่ยักษ์ตากทิ้งไว้ เพ่ือล่อให้ยักษ์ตาม ยักษ์เห็นกา ขโมยเน้ือจึงวิ่งไล่ เอาค้อนขว้างถูกกาปีกหัก ตกลงตรงท่ีสุริยคาด และจนั ตะคาดรออย่พู อด ี เมื่อยักษ์ตามมาถึงจึงจับเด็กท้ังสองรวมทั้งกาไว้ในอุ้งมือแล้ว รีบกลับไปเมืองยักษ์ ถึงเมืองก็จับกาปีกหักใส่ปากเค้ียวกิน จากน้ันจึง รบี ไปหายักษ์ทั้งหลายทม่ี ารว่ มงานศพโดยทงิ้ สองพ่ีน้องไวก้ ่อน ฝา่ ยสรุ ิยคาดและจนั ตะคาด เห็นยกั ษก์ นิ กากห็ วาดกลัวเปน็ อยา่ ง ยิ่ง ขณะทก่ี ำลงั คิดจะหนีก็เหน็ ศพของยักษ์ผเู้ ปน็ เมียนอนน่งิ อย่บู นแทน่ ด้วยความสงสาร สุริยคาดจึงหยิบใบไม้มาเค้ียวแล้วยัดใส่ปากนางยักษ์ ทนั ใดน้ันนางยักษฟ์ ืน้ คนื ชวี ติ ฝ่ายยักษ์ผู้เป็นผัวเห็นเมียของตนฟ้ืนข้ึนมาก็ดีใจ ซักถามความ เปน็ มาของสองพนี่ ้อง “เจ้าลูกมนุษย์น้อย เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงเข้ามาในเขตของ ยักษ์เช่นน้ี รู้หรือไม่มนุษย์อย่างเจ้าเป็นอาหารของเรา เจ้าไม่กลัวตาย หรือ” สุรยิ คาดเล่าวา่ “ข้าและน้องชายถูกพ่อแม่ไล่ออกมาจากบ้าน เราจึงซัดเซพเนจร
24 จนั ตะคาด มาเรื่อยๆ เจอบ้านใครก็ขอข้าวเขากินจนมีชีวิตอยู่ได้ไปวันๆ วันหน่ึง ข้ากับน้องได้ช่วยชีวิตกาที่ตายไปให้ฟ้ืนคืนมา กาตัวนั้นสัญญาว่าจะหา ผลไม้ในป่ามาให้ข้าและน้องชายเป็นอาหาร แต่ถูกท่านไล่จับและกินไป เสยี แลว้ ” “ลูกมนุษย์น้อยเอ๋ย ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ากา นั้นเป็นกาทีค่ อยหาอาหารให้เจ้า ข้าเห็นมนั มาขโมยเน้อื ของข้าไป เลย ไปลงโทษมัน” นางยักษผ์ ้ฟู นื้ คืนชีวติ เอ่ยกบั เด็กทงั้ สองวา่ “เจา้ สองคนมบี ุญคณุ กับขา้ ย่ิงนัก เจา้ จงอยา่ กลวั เลย พวกเราจะ ไมท่ ำอันตรายเจ้าหรอก” ยักษ์สองผัวเมียเอ็นดูรักใคร่สุริยคาดกับจันตะคาดยิ่งนัก เมื่อหา ข้าวปลาอาหารของมนุษย์มาให้สองพ่ีน้องได้กินจนอ่ิมหนำแล้วก็เลี้ยงไว้ ประดุจลกู ในไส้ ประกาศวา่ “นบั ต้ังแตว่ นั น้ีสุรยิ คาดและจันตะคาดเปน็ ลูกของข้าท้ังสอง หา้ ม ยักษ์ตนใดมาจบั ลูกของขา้ กนิ เป็นอนั ขาด ใครไม่เชือ่ ฟัง ข้าจะลงโทษให้ หนัก” ยักษ์ท้ังสองเล้ียงดูสองพ่ีน้องเป็นอย่างดีอยู่หลายปี จนกระทั่ง คาดโตเป็นหนุ่มและจันตะคาดโตพอท่ีจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว วัน หนึ่งมีเพ่ือนยักษ์จากต่างเมืองเดินทางมาเยี่ยม เห็นสองพ่ีน้องเป็น มนษุ ยจ์ งึ คิดจะจบั กนิ แต่ยักษส์ องผัวเมียห้ามไว ้ “เพ่ือนเอ๋ย สุริยคาดและจันตะคาดน้ันแม้จะเป็นลูกมนุษย์ แต่ กบั เมียกร็ ักและเลีย้ งดูราวกบั ลูกในไส้ ทา่ นอยา่ คิดมาจับกินเลย” เพอื่ นยักษ์ตนน้ันโตเ้ ถยี งว่า
จันตะคาด 25 “มนุษย์เป็นอาหารของยักษ์อย่างเรามาแต่ไหนแต่ไร ท่านจะ เลีย้ งมนั ไว้เปน็ ลูกไดอ้ ยา่ งไร มันผิดธรรมชาติ ขา้ ไดก้ ลิน่ มนุษยแ์ ล้วชวน น้ำลายไหลย่ิงนัก ท่านจงส่งมันทั้งสองมาให้ข้าเถอะ ข้าจะกินมัน ใหอ้ ม่ิ หนำ” “ข้าทำไม่ได้ สองคนน้ีเป็นเหมือนลูกของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ ใครมาจับกนิ เปน็ อันขาด” “ถ้าท่านไม่ยกให้ ถือว่าไม่ให้เกียรติสหายอย่างข้า ข้าคงต้อง เพอ่ื นๆ มาทำศึก หากเปน็ เชน่ น้นั ทา่ นกจ็ งคดิ ดเู ถดิ วา่ จะเสยี หายหนกั แค่ไหน พรรคพวกของข้ามีมากมายนัก ท่านยกมนุษย์นี้ให้ข้าแต่โดยด ี จะดีกวา่ ” ยักษเ์ กเรขู่ ยักษ์ผู้เป็นผัวนั้นรู้ดีว่าหากจะต้องสู้รบกันจริงๆ แล้ว คงจะชนะ เพ่ือนยักษ์อันธพาลได้ยาก จึงออกอุบายว่าขอเวลาให้ตนและเมียได้ รำ่ ลาลกู มนษุ ย์ทั้งสองคนสักหน่งึ คืน “เพอื่ นเอ๋ย หากเพ่ือนพูดมาเช่นน้ี ข้ากจ็ นใจ แต่ขอให้เห็นใจขา้ และเมียด้วยเถอะ เราสองคนเลี้ยงดูมนุษย์น้อยสองคนนี้เหมือนลูก อย่างน้อยขอให้ได้อยู่ด้วยกันอีกสักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ท่านจะทำเช่นไร แล้วแต่ท่านเถอะ” แต่ในคืนน้ัน ยักษ์สองผัวเมียก็แอบพาสุริยคาดและจันตะคาด หลบหนีออกไปให้พ้นจากเมืองยักษ์ นางยักษ์นั้นโศกเศร้าเสียใจย่ิงนัก ที่ต้องพรากจากสองพน่ี อ้ ง “ลูกเอ๋ย แม้ว่าเจ้าท้ังสองจะไม่ใช่ลูกของแม่ แม่ก็รักเจ้าเหมือน ลูกในไส้ บัดนี้จำต้องจากกันไปเสียแล้ว หากแม่ดื้อดึงให้เจ้าท้ังสองอย ู่ ที่นี่ ลูกคงจะตายเสียเป็นแน่ แม่กับพ่อจึงต้องพาลูกกลับไปยังเมือง
26 จนั ตะคาด มนุษย์ ขอใหล้ กู ท้งั สองอย่าถือโทษโกรธแม่เลยนะ ลกู จา๋ ” จันตะคาดได้ยินแม่ยักษ์คร่ำครวญเสียใจก็ร้องไห้ตาม สุริยคาด กล่าวปลอบใจแมย่ ักษว์ า่ “แม่จ๋า ลูกท้ังสองนั้นไม่โกรธพ่อและแม่เลย มีแต่นึก ในความเมตตาของพ่อและแมต่ ลอดมา หากพอ่ และแม่ไมไ่ ดช้ บุ เลย้ี งลูก ทั้งสองแล้ว เราอาจจะหิวตายอยู่ในป่าต้ังแต่หลายปีมาแล้วก็ได้ บุญ ของพ่อและแม่นั้นมากมายย่ิงนัก ขอให้พ่อกับแม่อย่าได้เสียใจเลย ลูกและนอ้ งจะจดจำบญุ คุณของพอ่ และแมไ่ ปตราบจนกว่าชวี ติ จะหาไม”่ ท้งั สี่ต่างรำ่ ไหอ้ ย่างโศกเศร้ากอ่ นทีจ่ ะตดั ใจลาจากกัน ยกั ษ์ผวั เมยี พาสุรยิ คาดและจันตะคาดไปส่งไวต้ รงราวป่าของเมืองมนุษย์ เมือ่ พอ่ แม่ ยักษ์ลับหายไปจากสายตาแล้ว สองพ่ีน้องจึงเดินดุ่มเข้าไปยังเขตเมือง ทช่ี ื่อเมอื งกาสี ทา่ มกลางความมดื ของยามคำ่ คืน
จนั ตะคาด 27 สาม ทำดยี ่อมไดด้ ี
28 จันตะคาด
จันตะคาด 29 ทำดียอ่ มได้ดี พญากาสี ผู้ปกครองเมืองกาสีมีพระธิดาองค์หน่ึง ชื่อว่านาง สุชาติสา อายุ ๑๖ ปี กำลังเป็นสาวสะพร่ัง รูปร่างงดงามอรชรอ้อน พญากาสรี ักและหวงแหนพระธิดาย่ิงนกั พญากาสีสร้างปราสาทหลังใหญ่ท่ีปลูกดอกไม้มากมายไว้ให ้ พระธิดาได้พำนัก ทุกๆ วันนางสุชาติสาจะออกไปชมสวนในตอนเช้า และเย็นสวนของนางมีดอกไม้มากมายหลากสี ทั้งดอกมะลิ ดอกชบา ดอกพุดดอกจำปี ดอกจำปา ดอกสารภี ในสระน้ำกว้างใหญ่มีดอกบัว ท้ังบัวเผ่ือน บัวผัน ลอยปกคลุมอยู่เต็มสระ นางสุชาติสามีความสุข กบั หม่มู วลดอกไมใ้ นปราสาทของนางเป็นอยา่ งยิ่ง วันหนึ่ง นางสุชาติสาออกไปชมอุทยานดอกไม้ตามปกติ พร้อม กับนางกำนัลคนสนิท ขณะที่นางก้มลงไปดอมดมดอกไม้ท่ีส่งกล่ินหอม อบอวลอยู่น้ัน งูเห่าตัวหนึ่งก็ฉกเข้าที่ไหล่ของนางอย่างรวดเร็วก่อนจะ เลือ้ ยหายไปในพ่มุ ไม้
30 จันตะคาด พญากาสีและมเหสีตกใจแทบสิ้นสติ รีบส่ังให้หมอหลวงรักษา นางทันท ี แต่พิษงูนั้นรุนแรงเกินกว่าท่ีหมอหลวงจะช่วยชีวิตพระธิดาไว ้ ได้ไม่นานนางก็สิ้นใจตาย หมอหลวงกราบทูลพญากาสีด้วยความ เศรา้ สลดวา่ “พิษงูน้ันรุนแรงเกินกว่าท่ีโอสถใดจะเยียวยาได้ พระธิดาทรง สน้ิ พระชนมแ์ ล้วพระพทุ ธเจา้ ขา้ ” การตายของนางสุชาติสายังความเสียใจแก่พญากาสีและมเหส ี ยิ่งนัก ท้งั สองกอดศพของนางแลว้ ร้องไห้คร่ำครวญแทบจะขาดใจ ชาวเมืองกาสีได้ยินข่าวร้ายว่าพระธิดาสุชาติสาสิ้นพระชนม์แล้ว ต่างร่ำไห้กันทั้งเมือง ชายหนุ่มทุกคนพร้อมใจกันโกนศีรษะเพื่อไว้อาลัย ให้กบั พระธดิ าของเจา้ เมืองทพ่ี วกเขารักและเคารพยิ่ง พญากาสีให้เก็บร่างของนางสุชาติสาไว้ในปราสาท ไม่ยอมจัด งานศพตามประเพณี เพราะหวังว่าสักวันคงจะมีหมอวิเศษหรือยาวิเศษ ที่จะชว่ ยชุบชีวติ นางใหฟ้ น้ื คืนมาได้ ฝ่ายสุรยิ คาดและจันตะคาดเดินทางเข้ามาในเขตเมืองกาสี ก็รู้สึก ว่าบ้านเมืองแห่งน้ีดูร่มรื่นยิ่งนัก ต้นไม้ใหญ่ข้ึนครึ้มเต็มสองข้างทาง แม่น้ำลำธารก็ใสสะอาด ไม่เหมือนกับเมืองจำปานครท่ีพวกตนเคย อาศัยอย่เู ลย จันตะคาดผูน้ อ้ งรูส้ กึ หวิ และกระหายนำ้ จงึ เอย่ ชวนพ่ีชายวา่ “พ่ีจ๋า น้องรู้สึกกระหายน้ำเหลือเกิน เราลองแวะขอน้ำจาก ชาวบ้านในละแวกบา้ นข้างหน้าดไี หมจ๊ะ พ”่ี
จันตะคาด 31 สุริยคาดเห็นดีดว้ ย จงึ ชวนนอ้ งแวะขอน้ำดมื่ ท่ีบา้ นหลังหน่งึ “พ่อหนุ่มท้ังสองคนมาจากไหนกันหรือ ดูท่าทางจะไม่ใช่คน เมืองน้ี” เจ้าของบา้ นถามหลงั จากท่ียกนำ้ มาใหท้ ัง้ สองดม่ื “ข้าและน้องชายพลัดหลงมาจากเมืองไกล หลงทางอยู่ในป่า มานาน เพ่ิงมาเจอบ้านคนก็วันนี้แหละจ้ะ” สุริยคาดจงใจไม่เล่าว่าเพ่ิง ออกมาจากเมอื งยกั ษ์ เพราะเกรงวา่ ชาวบ้านจะตกใจกลัวและแตกต่ืน “ข้าหิวเหลือเกิน พ่อลุงพอจะเมตตาให้ข้าวปลาอาหารข้าและพ่ี ชายกนิ หนอ่ ยได้ไหมจ๊ะ” จนั ตะคาดเอย่ ขนึ้ ตามประสาซือ่ เจ้าของบ้าน จึงจัดสำรบั ให้สองพนี่ อ้ งกนิ แต่อาหารนน้ั มเี พียงเล็กน้อย เจ้าของบา้ น จึงบอกใหส้ องพน่ี อ้ งไปทีบ่ ้านของเศรษฐีอุกัณฐะผมู้ เี มตตา “ข้าก็มีข้าวปลาอาหารแค่เล็กน้อย เจ้าท้ังสองคงกินไม่อ่ิม อย่า กระนั้นเลย เจ้าจงเดินไปตามถนนเส้นนี้เถอะ เป็นทางไปบ้านของ เศรษฐีอุกัณฐะ แล้วเจ้าจะได้อิ่มหนำเพราะท่านเศรษฐีท่านต้ังโรงทาน ไว้ใหค้ นเดนิ ทางและชาวบ้านทีข่ ัดสน” สุริยคาดและจันตะคาดกล่าวขอบคุณเจ้าของบ้าน แล้วเดินทาง ไปยังบ้านของเศรษฐีอุกัณฐะ ระหว่างทางก็รู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นผู้ชาย ทุกคนต่างโกนศรี ษะจนโลน้ เลี่ยน แต่ก็เกบ็ ความสงสัยเอาไว้ ไม่นาน สองพี่น้องก็ถึงโรงทานท่ีตั้งอยู่หน้าบ้านของเศรษฐี อุกัณฐะมีคนยากไร้มารับอาหารอยู่มากมาย เป็นเวลาเดียวกับท่ีเศรษฐี อุกัณฐะเดินเข้ามาในบริเวณโรงทานพอดี ท่านเศรษฐีเห็นสองพี่น้อง ท่วงท่ามสี ง่าราศี อกี ทงั้ กิรยิ าสภุ าพผดิ ไปจากคนท่วั ไป จงึ เอย่ ถามวา่ “พ่อหนุ่มทั้งสองมาจากไหนกันหรือ นั่นน้องชายเจ้าใช่หรือไม่ ดๆู แล้วอายุยังน้อยอยู่ ทำไมจึงเร่ร่อนเช่นนเี้ ล่า”
32 จนั ตะคาด สุริยคาดและจันตะคาดยกมือไหว้พร้อมทั้งตอบคำถามของเศรษฐี อุกณั ฐะอย่างสุภาพอ่อนนอ้ ม “ตัวข้าช่อื สรุ ิยคาด ส่วนนอ้ งชายชื่อจนั ตะคาด เราสองคนพีน่ อ้ ง ถูกพ่อแม่ไล่ออกมาจากบ้านเม่ือหลายปีมาแล้ว เราซัดเซพเนจรมา ในปา่ จนหลงเขา้ ไปในเมอื งยกั ษ์ ตอนแรกเราสองคนจะถกู ยกั ษจ์ บั กนิ แลว้ แต่ข้าและน้องบังเอิญได้ใบไม้วิเศษจากในป่า เป็นยาท่ีสามารถชุบชีวิต คนตายได้ เราจึงช่วยเมียยักษ์ให้ฟ้ืนคืน พ่อยักษ์และแม่ยักษ์จึงรับ เล้ียงดูเราท้ังสองประหน่ึงลูกในไส้อยู่หลายปี แต่ไม่นานมาน้ี มียักษ์ อันธพาลมาขอเราสองคนไปเป็นอาหาร พ่อยักษ์และแม่ยักษ์ไม่ยอม ยกให้ จงึ แอบพาเราสองคนพนี่ อ้ งออกมาจากเมอื งยกั ษ์ จนมาถงึ เมอื งน้ี แหละจ้ะ” สุริยคาดเล่าความเป็นมาของตนและน้องชายให้กับท่านเศรษฐี ฟังจนหมดส้ิน ท่านเศรษฐีเม่ือได้ยินคำพูดท่ีสุภาพและอ่อนน้อมของ สุริยคาดก็พึงพอใจยิ่งนัก อีกทั้งเมื่อได้รู้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนเคยพำนัก อาศัยอยู่เมืองยักษ์มาหลายปีโดยไม่มีภัยอันตราย แสดงว่าท้ังสองคนน้ี นา่ จะเปน็ ผู้มบี ุญรกั ษาหรอื เทวดาคุ้มครอง “เม่อื กเ้ี จา้ บอกวา่ เจ้ามยี าวิเศษ ชุบชีวิตคนตายไดอ้ ย่างนัน้ หรือ” “จ้ะ ข้าและน้องชายบังเอิญไปพบในป่า ได้ช่วยชีวิตกาและแม่ ยักษม์ าแลว้ สองชวี ิต” “ช่างโชคดีจริง ถ้าเช่นน้ันเจ้าจะช่วยชุบชีวิตพระธิดาของพวกเรา ได้หรอื ไม”่ “พระธิดาเป็นอะไรไปหรอื จ๊ะ ท่านเศรษฐี” สุรยิ คาดถาม เศรษฐ ี จงึ เลา่ ว่า
จนั ตะคาด 33 “พระธิดาส้ินพระชนม์เพราะพิษงู พวกเราชาวเมืองกาส ี ต่างโศกเศร้าเสียใจย่ิงนัก พร้อมใจกันโกนศีรษะเพื่อไว้อาลัยให้กับนาง สงสารแต่พญากาสีและพระมเหสี ท้ังสองพระองค์แทบพระทัยสลาย หากเจ้ามียาวิเศษช่วยชุบชีวิตคนตายได้จริง นับเป็นบุญของชาวเมือง กาสีเรา” สุริยคาดรับปากด้วยความยินดี เศรษฐีอุกัณฐะจึงพาสุริยคาด และจันตะคาดเข้าไปอาบน้ำในบ้านพร้อมท้ังหาเสื้อผ้าชุดใหม่ท่ีสะอาด และสวยงามให้ใส ่ “ข้ารักในมารยาทอันอ่อนน้อมและจิตใจดีงามของเจ้าทั้งสอง ยิ่งนัก จึงอยากจะรับขวัญเจ้าด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับประหน่ึงว่า เจ้าทั้งสองเป็นลูกชายของข้า และพาพวกเจ้าไปเข้าเฝ้าพญากาสีเพ่ือ ช่วยชบุ ชีวติ พระธดิ า” สุริยคาดและจันตะคาดก้มลงกราบเศรษฐีอุกัณฐะด้วยความ ตนื้ ตนั ที่ท่านรกั ใครเ่ อ็นดู ทางด้านพญากาสีและพระมเหสียังคงเศร้าโศกเสียใจคิดถึง พระธิดา เม่ือได้เห็นศพของนางสุชาติสาคร้ังใดก็ร่ำไห้จนแทบส้ินสต ิ ทุกครั้งไป จนเม่ือมหาดเล็กมาทูลให้ทรงทราบว่าขณะนี้เศรษฐีอุกัณฐะ พาเด็กหนุ่มสองคนมาขอเข้าเฝ้า เพื่อช่วยชุบชีวิตพระธิดา พญากาส ี จึงมีรบั ส่ังให้ทัง้ สามคนเข้าเฝ้าทนั ที “ท่านเศรษฐี เด็กหน่มุ ท้งั สองคนน้จี ะรกั ษาลูกของขา้ ไดจ้ รงิ หรอื ” พญากาสีถาม เศรษฐีอุกัณฐะตอบวา่ “เด็กหนุ่มท้ังสองคนนี้เดินทางมาจากเมืองไกล มียาวิเศษท่ีช่วย
34 จนั ตะคาด ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนได้ วันนี้เขาทั้งสองมายังโรงทานของข้า พระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าไต่ถามแล้วเห็นว่าเป็นผู้ที่มีกิริยามารยาท อันดี มีจิตใจท่ีใสซื่อบริสุทธิ์ คงจะไม่กล่าวความเท็จ ข้าพระพุทธเจ้า จึงพามาเข้าเฝา้ เพอื่ ขออนุญาตรกั ษาพระธดิ าพระพทุ ธเจ้าข้า” พญากาสีได้ยินดังน้ันก็ยินดียิ่งนัก จึงบอกกับสุริยคาดและจันตะ คาดวา่ “หากเจ้าทั้งสองสามารถชุบชีวิตลูกของข้าได้จริง ข้าจะยกสมบัติ ครึ่งหน่ึงให้เจ้าทั้งสองและจะยกลูกสาวให้อภิเษกกับเจ้าคนโต ให้เจ้า ช่วยดแู ลบ้านเมอื งและดแู ลลกู สาวข้าด้วย” “เป็นพระมหากรุณาธิคุณย่ิงพระเจ้าข้า” กล่าวจบแล้วสุริยคาด จึงขอพระราชทานอนุญาตเดินเข้าไปยังแท่นท่ีตั้งศพของนางสุชาติสา พิจารณาดูร่างท่ีไร้ชีวิตของนางด้วยความสงสารพลางคิดคำนึงอยู่ในใจ ว่า...นี่หรือคือพระธิดาสุชาติสา น่าสงสาร รูปโฉมของนางหรือก็สวยงามถึงปานนี้ บุญ ถึงพระธิดาของเจ้าเมือง ไม่น่าจะมี แต่ไม่เป็ นไร ข้าจะช่วยพระธิดาให้ฟื้นคืน สุริยคาดหยิบใบไม้วิเศษในย่ามออกมา พนมมือไหว้รำลึกถึงคุณ ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาส่ิงศักด์ิทั้งหลาย ขอจงช่วย ดลบันดาลให้พระธิดาฟ้ืนคืนชีวิตด้วยเถิด แล้วจึงเค้ียวใบไม้จนแหลก แล้วใส่ในปากของพระธิดา พลันนางสุชาติสาที่นอนแน่น่ิงอยู่บนแท่นก็ กระพริบตาอย่างชา้ ๆ กอ่ นจะคอ่ ยๆ ลกุ ข้ึนนัง่ ทุกคนในวังพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ พญากาสีและพระมเหสี
จนั ตะคาด 35 สวมกอดนางสุชาตสิ าอย่างดีใจเป็นลน้ พ้น “ลกู แม่ ลกู ฟ้ืนแลว้ ลกู มีบญุ เหลอื เกนิ ที่หนุ่มน้อยผูน้ ี้ได้เดินทาง ผ่านมาในเมืองเรา แล้วช่วยชุบชีวิตลูกไว้ได้” พระมเหสีร้องไห้ด้วย ดใี จ พระธดิ าสชุ าตสิ าเอย่ ถามอยา่ งงงงวย “ชุบชีวิตลูกเหรอเพคะ นี่ลูกตายไปเหรอเพคะ ลูกจำได้ว่าลูก ถูกงูฉกท่ีอุทยาน ลูกเจ็บปวดแสนสาหัส จากน้ันลูกจำอะไรไม่ได้อีก พญากาสีจึงเล่าเร่ืองราวให้นางสุชาติสาฟัง แล้วถามนางว่า สมัครใจที่จะรับชายหนุ่มผู้นี้เป็นสวามีหรือไม่ เพราะพระองค์ได้ให้คำ สญั ญาว่าจะยกนางให้เขาเป็นรางวลั นางสุชาติสามองสุริยคาดที่ยืนอยู่ไม่ไกล รูปร่างหน้าตาของเขา หล่อเหลาย่ิงกว่าใครที่นางเคยได้พบมา อีกท้ังเขายังเป็นผู้มีพระคุณยิ่ง นัก นางจงึ ยกมือไหว้สรุ ิยคาดเพื่อแสดงความขอบคุณ “ข้าขอขอบใจท่านย่ิงนักท่ีท่านช่วยชีวิตข้าไว้” แล้วนางจึงหันไป กล่าวกบั พญากาสีผู้เปน็ บดิ าวา่ “ลูกเคยตายไปแล้ว ชายหนุ่มผู้น้ีช่วยชุบชีวิตลูกขึ้นมาอีกครั้ง เท่ากับว่าชีวิตลูกที่เกิดขึ้นใหม่เป็นสมบัติของเขาแล้ว ลูกไม่ขัดข้องใดๆ เพคะ” แตส่ รุ ยิ คาดไม่ขอรบั รางวลั ใดๆ จากพญากาสี “ขา้ นี้เปน็ เพียงคนยากจนรอ่ นเร่พเนจรกับน้องชาย ไม่อาจเออ้ื ม ท่ีจะรบั สมบัตแิ ละได้ครองคกู่ ับพระธดิ าหรอกพะ่ ย่ะค่ะ” นางสุชาติสาจงึ กลา่ วว่า “ท่านผ้มู บี ญุ คณุ หากวา่ ทา่ นไม่อยากจะรบั สมบตั ิของพ่อขา้ ขา้ ขอร้องให้ท่านและน้องชายอยู่กับพ่อแม่ของข้าที่เมืองนี้เถิด หากท่าน
36 จนั ตะคาด ไม่ยอมอยู่ท่ีเมืองน้ี ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน ข้าจะติดตามท่านไปด้วย เพราะชีวติ ขา้ เป็นของท่านแล้ว” สุริยคาดไม่อยากขัดความต้ังใจดีของพญากาสีและพระธิดา สชุ าติสา จงึ ยนิ ยอมตามข้อเสนอนนั้ แม้สุริยคาดและจันตะคาดจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในวัง แตก่ พ็ ยายามชว่ ยทำงานอย่างเตม็ ความสามารถ เม่ือมเี วลาวา่ งจะออก ไปเยี่ยมชาวบ้านรวมท้ังเศรษฐีอุกัณฐะท่ีทั้งสองรักและนับถือดุจพ่อ อีกคนหน่ึง สองพี่น้องจึงเป็นท่ีรักของผู้คนในเมืองกาสีเป็นอย่างมาก พญากาสีพระมเหสีและพระธิดาสุชาติสาต่างยินดียิ่งนักท่ีสุริยคาดและ จันตะคาดอยู่ด้วย ท้ังสุริยคาดและจันตะคาดจึงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกาสี อยา่ งมคี วามสุข
จนั ตะคาด 37 ส่ี กลบั ไปเยี่ยมพอ่ แม่
38 จันตะคาด
จันตะคาด 39 กลับไปเยย่ี มพอ่ แม่ สองพน่ี ้องอาศยั อยู่เมอื งกาสีเป็นเวลานานหลายปี จนจันตะคาด โตเป็นหนุ่มน้อย แม้ว่าเม่ือตอนที่เป็นเด็กจะถูกพ่อแม่เฆ่ียนตีและดุด่า แต่เมื่อท้ังคู่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่มีความสุขสบายดีแล้วก็อดคิดถึง พ่อแม่ท่ใี ห้กำเนดิ มาไม่ได้ “พี่จ๊ะ น้องคิดถึงพ่อกับแม่ที่แท้จริงของเราอยู่หลายคร้ังว่าบัดนี้ จะเป็นอย่างไรบ้าง จะทุกข์เข็ญเหมือนตอนท่ีเรายังเด็กอยู่หรือเปล่า จนั ตะคาดเอย่ ข้ึนมาในวนั หน่งึ “พี่ก็คิดถึงพ่อแม่เช่นกัน น้องจันตะคาด แม้ว่าตอนท่ีเรายังเด็ก พ่อแม่จะเฆี่ยนตีดดุ ่า แตพ่ มี่ านึกๆ แลว้ คงเพราะความยากจนไม่มีจะ กนิ นน่ั แหละ ที่ทำใหพ้ อ่ แม่โมโหจนไล่เราสองคนออกจากบา้ น” “ทั้งหมดเป็นเพราะน้องนั่นแหละพ่ี ที่กินปูเผาในวันนั้นจนหมด ไมเ่ หลอื ให้พ่อแม่ ไม่เหลอื ใหพ้ ี่ไดก้ ินเลย พอ่ แมจ่ ึงโมโห เฆ่ียนตแี ละไล่ เราออกมาอย่างน้ัน” จันตะคาดพูดอย่างเสียใจเมื่อคิดถึงเหตุที่ต้องถูก ไลอ่ อกมาจากบา้ น
40 จันตะคาด “น้องอย่าคิดเช่นนั้นเลย พ่ีว่ามันอาจจะเป็นกรรมเก่าของเรา สองคนก็เป็นได้ จงึ ทำใหเ้ ราต้องระหกระเหินกนั เช่นนน้ั แตถ่ ้าเราไม่ถูก ไล่ออกจากบา้ น ป่านนเี้ ราอาจจะไม่มีชวี ติ ท่สี ขุ สบายเช่นน้กี เ็ ป็นได้” “น้องอยากกลับไปดูพ่อแม่สักคร้ัง อยากรู้ว่าพวกท่านจะเป็น อยา่ งไรบ้าง” “พ่กี เ็ หมอื นกนั น้องจันตะคาด เอาอยา่ งนี้ไหม เราเดนิ ทางกลบั ไปหาพ่อแม่สักครั้ง เอาเงนิ ทองไปใหพ้ วกท่านตามสมควร คงจะด”ี สรุ ยิ คาดจงึ ไปบอกนางสุชาติสาว่า “น้องสุชาติสา พ่ีกับน้องจันตะคาดจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ท่ีเมือง จำปานครสกั ระยะหนงึ่ นอ้ งอยู่ท่นี ี่กับพอ่ แม่ตามลำพงั จะไดไ้ หมจะ๊ ” นางสชุ าตสิ าไดฟ้ ังดงั น้ัน จงึ รอ้ งไห้ออกมาเพราะไมอ่ ยากหา่ งไกล จากสรุ ยิ คาด “พี่สรุ ิยคาดใหน้ อ้ งไปเย่ยี มพอ่ แม่ของพ่ีดว้ ยไมไ่ ดเ้ หรอจ๊ะ น้องจะ อย่ทู ่นี โ่ี ดยไมม่ ีพ่ีได้อยา่ งไรกัน นอ้ งอยากจะไปด้วย” “น้องจงฟังพ่ีก่อน ระยะทางกลับไปยังเมืองจำปานครน้ันไกล ลำบากนกั พไี่ ม่อาจจะพาน้องไปดว้ ยไดจ้ รงิ ๆ ขอให้นอ้ งจงเห็นใจพีเ่ ถิด พี่น้ีไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่นานหลายปีแล้ว แต่เดิมทางบ้านพ่ีเป็น ครอบครัวยาจกเข็ญใจ บัดนี้พี่มีบุญยิ่งนัก มีชีวิตที่สุขสบาย จึงอยาก จะกลับไปช่วยเหลือพ่อแม่บ้าง ขอให้น้องอย่าโศกเศร้าไปเลย เมื่อพี่ได้ พบพ่อแม่แล้วจะรบี กลบั มาหานอ้ ง” นางสุชาติสาได้ยินดังน้ันจำต้องข่มความเศร้าไว้ รีบไปส่ังให้นาง กำนัลช่วยกันจัดเตรียมอาหารคาวหวานมากมายไว้เป็นเสบียงในการ เดินทาง ส่วนสุริยคาดและจันตะคาดให้ทหารตัดไม้ไผ่มาหลายสิบลำ
จนั ตะคาด 41 เจาะลำไม้ไผ่ให้ทะลุ แล้วเอาเงินทองใส่ไว้ในลำไม้ไผ่จนเต็มทุกลำ จากน้ันจึงลำเลยี งทกุ อยา่ งลงเรือเพอื่ จะไดน้ ำไปใหพ้ อ่ แม่ สุริยคาดและจันตะคาดจึงไปกราบลาพญากาสีและพระมเหสี ทั้งสองพระองค์ต่างอวยชัยให้พร ขอให้สองพ่ีน้องเดินทางไปกลับอย่าง ปลอดภัย
42 จันตะคาด เมอื่ ลงเรอื ไปแล้ว สรุ ิยคาดหันกลบั มามองนางสุชาติสาด้วยความ อาลัย แต่จำต้องข่มใจเพราะต้องการไปตอบแทนพระคุณของพ่อแม ่ เสียก่อน จึงได้แต่มองพระธิดาที่ยืนอยู่บนฝ่ังจนกระทั่งลับหายไปจาก สายตา ฝ่ายเมืองจำปานครนั้น หลายปีถัดมานับตั้งแต่สุริยคาดและ จันตะคาดถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ฝนฟ้าเริ่มตกต้องตามฤดูกาล น้ำท่ามีบริบูรณ์ ทำให้พืชผลการเกษตรกลับอุดมสมบูรณ์ข้ึนอีกคร้ัง พ่อแม่ของสุริยคาดและจันตะคาดเห็นข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ก็หวน คิดถึงเหตุการณ์เม่ือคร้ังที่อดยากลำบากเข็ญใจ จนขาดสติทุบตีและ ไล่ลูกทั้งสองออกจากบ้าน คิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นครั้งใดก็เสียใจ ต่าง ตอี กชกหัวรอ้ งไห้ คร่ำครวญหาลกู ท้งั สองอยูท่ กุ วัน “ลูกสรุ ยิ คาด ลกู จนั ตะคาดเอ๋ย ลกู ท้ังสองไปอยูเ่ สยี ทไี่ หนกันนะ แม่คิดถึงเจ้าทั้งสองคนเหลือเกิน” ผู้เป็นแม่เห็นข้าวปลาอาหารเต็ม สำรบั คร้งั ใดก็ร้องไห้ครำ่ ครวญถึงลกู “แม่เอ๊ย ทำใจเสียเถอะ ป่านน้ีลูกเราท้ังสองคนคงจะไม่มีชีวิต แล้วล่ะ เวลาผ่านไปหลายปี ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะกลับมาหาเราแล้ว” ผู้เปน็ พอ่ ปลอบใจ แตก่ ลบั ทำให้แม่โมโหข้นึ มาอกี “เป็นเพราะแกนั่นแหละท่ีด่าลูก ตีลูกเสียจนเนื้อแตก มิหนำซ้ำ ยังไล่ลูกออกจากบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะแก ลูกคงได้กินดีอยู่ดีท่ีบ้านนี่ ผู้เป็นพ่อนึกฉุนขนึ้ มาบา้ ง จึงถกเถียงกนั เสยี งดงั “แกมาโทษขา้ คนเดยี วไดย้ งั ไง แกเองกต็ ลี กู เหมอื นกนั เจา้ จนั ตะ มันยงั เล็กแกตเี สียจนช้ำไปทัง้ ตวั มนั ถึงหนไี ปไงเลา่ ” “แกอย่ามาโทษข้านะ เพราะแกน่นั แหละ ลูกมนั ร้องไหอ้ ยู่ใตถ้ นุ
จันตะคาด 43 บา้ น แกยงั จะลงไปตีมนั อีก” “ขา้ จะไปดมู นั ตา่ งหากวา่ เปน็ ยังไง ไมไ่ ด้ลงไปตมี นั ซกั หนอ่ ย” “ไม่รู้แหละ เพราะแกลงไปนั่นแหละ ลูกมันก็คงคิดว่าแกจะไป ตมี ันซ้ำ เลยเตลดิ หนไี ปไหนไม่รู้ ฮอื ...ลูกแม่ ไปอยทู่ ไ่ี หนกนั นะ” “โธ่โวย้ รำคาญจรงิ อะไรๆ ขา้ ผิดท้งั น้ัน ตวั แกน่ีไม่ผดิ อะไรเลย เรอะ ร้องอยู่ได้ รำคาญโว้ย” ผู้เป็นผัวตะโกนขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ยงิ่ ทำให้เมยี ร้องไห้หนกั กวา่ เดิม สองคนผวั เมยี ทะเลาะกนั ทุกวนั แมว้ า่ จะไปทำไรท่ ำนา ไดพ้ ืชผล ขา้ วปลาอาหารมามากมายเพียงไรก็ไม่ทำใหท้ ง้ั สองมคี วามสขุ เลย ฝ่ายสุริยคาดและจันตะคาด ล่องเรือสำเภานานกว่า ๖ เดือน จึงเดินทางมาถึงชายฝั่งเมืองจำปานคร เห็นบ้านเมืองอุดมสมบูรณ ์ มองไปทางไหนเขียวขจีแปลกหูแปลกตา จันตะคาดพูดด้วยความ แปลกใจวา่ “นี่ใช่เมอื งจำปานครท่พี อ่ แม่เราอยู่อาศัยจริงๆ หรือ พีส่ ุริยคาด” “พจ่ี ำไม่ผิดหรอก จันตะคาด นค่ี ือเมืองจำปานครที่เราเคยเติบโต มา” สรุ ยิ คาดตอบพลางเหลียวมองไปโดยรอบอย่างแปลกตาไมแ่ พก้ ัน “เวลาผ่านไปนานหลายปี บ้านเมืองก็คงเปลี่ยนไปเยอะ แต่พ ี่ จำตลาดนั่นไดน้ ะ พว่ี ่าใช่เมืองจำปานครจรงิ ๆ นน่ั แหละ” ในตลาดเมืองจำปานครนั้น ผู้คนต่างมาแลกเปล่ียนซ้ือขายข้าว ของกันมากมาย บ้างเอาผักผลไม้มาใสก่ ระจาดมา บา้ งหาบขา้ วเปลือก ใส่กระบุงมาจากบ้าน บ้างจูงไก่มาหลายตัว ใครพอใจอยากได้อะไร ก็ ข้าวของทต่ี นนำมาน้นั แลกเปลีย่ นกบั สินคา้ ไป พ่อแม่ของสุริยคาดและจันตะคาดนำพืชผักที่ปลูกไว้มาขายใน
44 จันตะคาด ตลาดด้วยเช่นกัน ท้งั ถวั่ บวบ แตงกวา แตงร้าน มะเขือ เม่ือสุริยคาดและจันตะคาดข้ึนจากเรือก็ชวนกันแบกไม้ไผ่ที่บรรจุ เงินทองมาคนละลำ เดินดูผู้คนในตลาด สุริยคาดเหลียวไปเห็นชาย สูงอายุสองคนนั่งอยู่ท้ายตลาด คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นพ่อแม ่ ของตน แต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะทั้งสองนั้นต่างแก่ลงไปมาก จึงกระซิบ กับน้องชายว่า “น้องจันตะคาดน้องดูพ่อเฒ่าแม่เฒ่าสองคนท่ีขายถั่วขายแตง นัน่ ซิ พว่ี า่ น่าจะใช่พ่อแมข่ องเรานะ” “จรงิ เหรอ พี่ นอ้ งเองนัน้ จำหน้าพ่อแม่ไม่ไดเ้ ลย ถ้าเชน่ น้ันเรา ลองเขา้ ไปคุยดดู ไี หม” สองพน่ี ้องเดินแบกไม้ไผเ่ ข้าไปไต่ถามสองเฒ่าผวั เมยี “พอ่ ลุงจา๋ เมอื งนค้ี อื เมอื งจำปานครใชห่ รอื เปลา่ จ๊ะ” จันตะคาด เอ่ยถาม “ใช่แล้ว พ่อหนุ่ม น่ีคือเมืองจำปานคร หลานเป็นคนต่างเมือง เรอะ” ผู้เป็นพ่อถามไถ่อย่างไม่ระแคะระคายเลยว่าสองหนุ่มท่ียืนอยู่ ตรงหน้าคือลกู ชายของตน “ขา้ กบั นอ้ งชายเปน็ พอ่ คา้ เดนิ ทางมาจากเมอื งกาสจี ะ้ ” สรุ ยิ คาด ตอบ พลางจ้องมอง พ่อและแม่ของตนที่แก่เฒ่าลงไปมากจนผิดตา แต่กระน้ันยังพอจะจำได้เลือนราง เพราะตอนท่ีเขาและน้องชายถูกไล่ ออกจากบ้านนั้น สุริยคาดมีอายุสิบเอ็ดปี พอจะจำสิ่งต่างๆ ได้มาก แต่ผู้เป็นพ่อและแม่นั้นดูท่าจะจำเขาท้ังสองไม่ได้เลย ผู้เป็นแม่เอ่ย ถามวา่ “เจ้าเป็นพ่อค้าอะไรเรอะ มอี ะไรมาแลกเปลี่ยนบ้างไหม”
จนั ตะคาด 45 “ข้าวของอ่ืนๆ ของเรานั้นหมดแล้วจ้ะ แม่เฒ่า เหลือแต่ไม้ไผ่ ลำน้ีแหละ ข้ากับพ่ีชายอยากจะกินแตงให้หายเหนื่อยสักหน่อย ข้าขอ เอาไมไ้ ผล่ ำน้แี ลกแตงของแม่เฒา่ จะได้ไหมจะ๊ ” จันตะคาดแกล้งถาม “โอย ข้าไมอ่ ยากไดห้ รอก ไม้ไผเ่ น่ีย จะเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ขา้ ไม่เอาๆ ถ้าเจ้าอยากกินแตง เอาไม้ไผ่ของเจ้าไปแลกกับเงินในตลาดส ิ แล้วค่อยเอาเงนิ มาแลกกบั แตงของขา้ ” ผ้เู ป็นพอ่ แม้วา่ จะแกเ่ ฒา่ ไปแต่ก็ ยงั คงนิสยั เดิม คอื ไมม่ ีน้ำใจเผ่ือแผ่และเห็นแกต่ ัว สุริยคาดและจันตะคาดเห็นว่าพ่อกับแม่จำตนท้ังสองไม่ได้ มิหนำซ้ำยังแสดงให้เห็นถึงความไม่มีน้ำใจ จึงชวนกันเดินออกมาจาก ตลาด ผ่านศาลาของหมู่บ้านไปตามเส้นทางที่เคยวิงหนีออกจากบ้าน ในครั้งกระโน้น ท้ังสองพี่น้องเดินเข้าไปในบ้านหลังหน่ึง ชายชราเจ้าของบ้าน จงึ เอ่ยทกั ทาย “พ่อหนุ่มทั้งสองเดินทางมาจากไหนกันนี่ ไม่เคยเห็นหน้ามา ก่อนเลย ไม่ใชค่ นเมืองนี้นน่ี า” “พ่อลุงจ๊ะ เมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าและน้องชายถูกไล่ออกมา จากบ้าน จึงซัดเซพเนจรมาขอขา้ วพ่อลุงกนิ พ่อลุงจำได้ไหม” ชายชราจ้องมองหน่มุ ทงั้ สองอยา่ งฉงนพร้อมกับสา่ ยหนา้ “เฮ้อ ข้าจำไม่ได้จริงๆ พ่อหนุ่มเอย๊ แกเ่ ฒ่าแล้วก็อย่างน้ีแหละ หลงๆ ลมื ๆ ขอโทษเถอะนะพอ่ นะ” “ไม่เป็นไรจ้ะ พ่อลุง เร่ืองมันหลายปีมาแล้ว ข้ากับน้องตอนน้ี ที่เมืองกาสี หาโอกาสกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่พ่อและแม่จำข้าท้ังสอง ไม่ได”้
46 จนั ตะคาด “พ่อหนุ่มคงจะเดินทางมาเหนื่อยสินะ เดี๋ยวข้าจะให้หลานจัด สำรับกับข้าวให้กิน” ชายชราเอ่ยอย่างมีน้ำใจ พร้อมกับตะโกนเรียก เพื่อนบ้านละแวกน้ันใหร้ ู้ว่าสองพ่นี อ้ งที่เคยมาขอข้าวกินได้แวะมาเย่ยี ม เพ่ือนบ้านใกล้เคียงได้ยินพ่อเฒ่าตะโกนเรียกก็ชวนกันมาทักทาย สุริยคาดและจันตะคาด แม้ว่าแต่ละคนจะจำสองพี่น้องไม่ได้ แต่ต่าง กระวีกระวาดหาของกินคนละเล็กละน้อยมาให้กินด้วยความเต็มใจ ท้ัง สองเม่ือเห็นน้ำใจของชาวบ้านก็อดเปรียบเทียบกับความแล้งน้ำใจ ของพ่อแมข่ องตนไม่ได้ เม่ือกินข้าวกินปลาจนอ่ิมหนำดีแล้ว สุริยคาดและจันตะคาด กลับไปเอาไม้ไผ่ที่บรรจุเงินทองมามอบให้กับชาวบ้านที่มีบุญคุณกับตน คนละลำ “จริงๆ แล้ว พ่อหนุ่มไม่ต้องเอาไม้ไผ่ให้พวกเราก็ได้ ข้าวปลา อาหารเล็กน้อยไม่ใหญ่โตอะไร ไม่ต้องให้อะไรตอบแทนหรอก” แม่ป้า เพื่อนบ้านกล่าวขึน้ “แม่ป้ารับไปเถอะจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจข้ากับพี่ชายหรอก จริงๆ ให้ไม้ไผ่กับพ่อลุงแม่ป้าคนละลำ ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับน้ำใจของทุกๆ ท่มี ใี ห”้ จนั ตะคาดกล่าวตอบ ฝ่ายผ้เู ป็นพ่อแม่ของสองพ่ีน้อง เมื่อกลับไปยังบ้านของตน เห็น หลังคาเป็นรูโหว่อยู่ทั่วไปหมดเพราะโดนลูกเห็บสาดใส่เมื่อหน้าฝนท่ี ผ่านมา จึงคิดว่าจะเปล่ียนหลังคาเสียที แต่ติดท่ีไม่มีตอกมามัด สอง ผัวเมียจึงปรึกษากนั “ข้าว่ามุงหลังคาเสียใหม่ดีไหมน่ี เกิดมีฝนลงมาอีกสงสัยจะต้อง นอนแช่น้ำเป็นแน่ แต่จะไปหาตอกมามัดคาได้ท่ีไหนล่ะ” ผู้เป็นสามี
จนั ตะคาด 47 เปรยขึน้ มา “เออ แกจำไอ้หนุ่มพ่อค้าสองคนท่ีแบกไม้ไผ่เข้าไปตลาดเม่ือ ตอนเช้าได้ไหม มันอยากกินแตงนี่นา ข้าว่าเราเอาแตงไปแลกไม้ไผ ่ ไอ้หนุ่มพ่อคา้ นน่ั มาทำตอกดไี หม แก” ผู้เป็นเมยี ออกความเหน็ “เออ ข้าก็ลืมไป เฮอ้ รอู้ ย่างนี้ แลกแตงกวากับไมไ้ ผ่ของมนั มา ตงั้ แตต่ อนเชา้ กด็ ี จะไดไ้ ม่ต้องแบกแตงไปอีกให้เมื่อย”
48 จนั ตะคาด สองผัวเมียจึงคัดแตงหลายลูกใส่กระบุงแล้วมุ่งหน้าไปทางฝ่ังน้ำ เพื่อตามหาพ่อค้าเรือสำเภา เมื่อมาถึงริมฝ่ังจึงตะโกนเรียกพ่อค้าโดย ทีไ่ ม่รู้เลยว่าเปน็ ลกู ชายของตน “พ่อหน่มุ เอย๊ พอ่ หนมุ่ อยูใ่ นเรอื หรือเปลา่ ” “อ้าว น่ันพ่อลุงแม่ป้าท่ีเจอกันที่ตลาดเม่ือเช้าน่ีนา มีอะไร หรอื จ๊ะ มาหาข้าถงึ ที่น่”ี จนั ตะคาดแกลง้ ถาม “ข้าสองคนอยากจะเอาแตงที่พ่อหนุ่มอยากจะกินมาแลกกับ ไมไ้ ผจ่ ้ะ” ผู้เปน็ เมยี บอกความต้องการของตน “เอ ตอนน้ีข้ากับพี่ชายกินข้าวกินปลากันอ่ิมแล้ว คงไม่อยาก จะกินแตงของพ่อลุงแม่ป้าอีกแล้วล่ะ” จันตะคาดแกล้งพูด ก่อนจะ ต่อไปวา่ “แต่ว่าข้าเห็นว่าพ่อลุงแม่ป้าน้ันคล้ายกับพ่อแม่ของข้าทั้งสอง ข้าจะเอาไมไ้ ผ่ท่เี หลืออยใู่ ห้กแ็ ล้วกัน” จันตะคาดและสุริยคาดเอาไม้ไผ่ที่เหลืออยู่ลำเดียวในเรือให ้ พ่อกับแม่ของตนไป ทัง้ สองเฒา่ ยนิ ดยี งิ่ นกั จึงอวยชยั ให้พร ใหม้ ีคา้ ขาย มีข้าวของเงินทองไม่ทุกข์ยาก ไม่พลัดพรากจากคนที่รักเหมือนกับตน ท้งั สอง เสรจ็ แลว้ ช่วยกันแบกไม้ไผก่ ลับไปบา้ น ฝ่ายชาวบ้านที่ได้ไม้ไผ่จากสองพี่น้องมาแล้วนั้น พ่อเฒ่าคนหน่ึง ต้องการใช้ไม้ไผ่จึงผ่าออกเป็นสองซีก ทันใดนั้น เงินทองที่บรรจุอยู่ใน ลำไม้ไผ่ร่วงหล่นลงพื้น สร้างความต่ืนเต้นให้กับชาวบ้านย่ิงนัก คนอ่ืน จึงกลับไปผ่าไม้ไผ่ของตนดูบ้าง แต่ละคนได้เงินทองมากมาย ต่างยินดี และสำนกึ ในบญุ คณุ ของสองพนี่ อ้ งท่ีมาตอบแทนพวกเขา ชาวบ้านคนหน่ึงบังเอิญเดินผ่านบ้านของสองผัวเมีย ผู้เป็นพ่อ
จันตะคาด 49 แม่ของสองพ่ีน้องเหน็ มไี ม้ไผพ่ าดอยทู่ ่รี ัว้ จงึ เอ่ยถาม “ลงุ ๆ ไมไ้ ผ่น่ี ลุงไดม้ าจากไหนร”ึ “อ๋อ ข้าเอาแตงไปแลกกับพ่อค้าท่ีจอดเรืออยู่ท่ีฝั่งน้ำน่ะ แต่เขา ไม่ยอมเอาแตง ยกไม้ไผ่ให้ข้ากับเมียมาจักตอก บอกว่าข้ากับเมียหน้า เหมอื นพอ่ แมเ่ ขาเลยใหม้ าเปล่าๆ” “เอ้า ลุงน่ีไม่รู้เลยเรอะว่าสองคนนั่นน่ะก็คือลูกชายของลุง ที่ลุง ไล่ออกจากบ้านนั่นไง พวกเขาเอาเงินทองใส่ไว้ในไม้ไผ่ เอามา บญุ คณุ พวกเราท่ีเคยใหข้ ้าวใหป้ ลาเขากิน ไมเ่ ชือ่ ลงุ ก็ลองผ่าดสู ”ิ ผู้เป็นพ่อจึงผ่าไม้ไผ่ดู เห็นเงินทองทะลักออกมาก็ตื่นเต้นดีใจย่ิง นกั สองผัวเมยี พูดคุยกนั อยา่ งดใี จ “แม่เอ๊ย พรงุ่ นี้เราต่ืนแต่เช้าหงุ ขา้ วน่ึงปลาไปหาลกู กันเถอะนะ” “ขา้ อยากจะไปหาลกู เสียตอนนีด้ ้วยซ้ำ เราไปกนั เลยดไี หม พอ่ ” ผเู้ ปน็ แมเ่ อย่ ชวน “ตอนนมี้ ันมืดคำ่ แล้ว เราไปกนั พร่งุ น้ีเถดิ ” พอเช้ามืดของวันรุ่งข้ึน สองผัวเมียกระวีกระวาดหุงข้าว แล้วรีบ เดินทางไปหาลกู ทรี่ มิ ฝงั่ นำ้ แตเ่ รอื สำเภาของสรุ ยิ คาดและจนั ตะคาดนน้ั เดนิ ทางออกจากฝ่ังไปต้ังแต่ฟา้ เริ่มสาง เมอื่ สองผัวเมยี เดินมาถงึ ท่านำ้ ก็ เห็นเรือสำเภาอยู่ลิบๆ ทั้งผัวและเมียเฒ่าต่างตะโกนเรียกลูกทั้งสอง จนคอแหบแห้ง แต่สองพ่ีน้องท่ีอยู่บนเรือไม่ได้ยินเสียงของพ่อแม ่ ท่ีตะโกนเรยี กเลยแม้แตน่ ้อย ผเู้ ปน็ พอ่ จึงหาเรอื แจวทอ่ี ยรู่ ิมฝั่ง แจวไล่ตามเรอื สำเภาจนกระทงั่ ถึงปากแม่น้ำใหญ่ คลื่นในแม่น้ำนั้นโยนตัวไปมารุนแรงเกินกว่าที่เรือ แจวจะผ่านไปได้ ทั้งสองผวั เมียจึงต้องกลบั เข้าฝัง่ ไปด้วยความเสียใจ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114