Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

Description: โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว.

Search

Read the Text Version

12 34 ภำพท่ ี 1 โคโลนขี องเช้ือรา Phomopsis sp. บนอาหารพีดีเอ (PDA) ภำพท ่ี 2 ลักษณะพิคนิเดยี (pycnidia) ภำพที ่ 3 ลักษณะโคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) ภำพท ่ี 4 ลกั ษณะเบต้า โคนิเดีย (beta conidia) ภำพท ่ี 5-6 ลักษณะอาการของโรคผลเน่า 5 6 91 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

âä¼Åà¹‹Ò (Fruit Rot) เชื้อราสาเหตุ Lasiodiplodia theobromae ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) บนอาหารพดี เี อ (PDA) เสน้ ใยละเอยี ดคอ่ นขา้ งฟ ู สีนำา้ ตาลเข้มถงึ ดาำ เชื้อราสร้างฟรตุ ตง้ิ บอด ี (fruiting body) แบบพิคนเิ ดีย (pycnidia) ภายใน ประกอบด้วยโคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) รูปร่างทรงกระบอก ไม่มีส ี (hyaline) และโคนิเดยี (conidia) โคนเิ ดยี ระยะแรกมเี ซลลเ์ ดยี ว ใสไมม่ สี ี รปู ไข ่ (ovoid) ถงึ ยาวร ี เมอื่ โคนเิ ดยี แก่จะเปลย่ี นเป็นสนี า้ำ ตาลเข้ม มผี นงั กน้ั (septum) เกดิ ขนึ้ แบ่งเป็นสองเซลล์ และ มผี นงั สปอร์ค่อนข้างหนา ลักɳะอาการ¢องโรค ผลเนา่ เปน็ จดุ สนี า้ำ ตาลเขม้ ลกุ ลามจากขวั้ ผลหรอื บรเิ วณแผล ผลจะเนา่ ลามจาก บรเิ วณแผลทไ่ี ดร้ บั เชอื้ ไปทวั่ ผลอย่างรวดเรว็ มเี ส้นใยสเี ทาดาำ ปกคลมุ บนผล เจรญิ ฟู บนผล ผลจะเน่านิม่ และแห้งดำา ลกั ษณะภายในผล เชอื้ ราเขา้ ทาำ ลายเปลอื กดา้ นนอกขยายลามเขา้ ไปถงึ เปลอื ก ด้านในอย่างรวดเรว็ เนอ้ื ของลองกองเป็นสนี า้ำ ตาลออ่ น เนอ้ื นมิ่ เละ เปลอื กภายในมสี ี นา้ำ ตาลแดงมีส่วนของเนอื้ เละติดอยู่กับส่วนเปลอื กด้านใน 92 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

12 34 ภำพที ่ 1 โคโลนขี องเชอื้ รา Lasiodiplodia theobromae บนอาหารพดี เี อ (PDA) ภำพท ่ี 2–3 ลกั ษณะโคนดิ โิ อฟอร์ (conidiophores) และโคนิเดีย (conidia) ภายในพคิ นิเดยี ม (pycnidium) ภำพท ่ี 4 ลกั ษณะโคนิเดยี อ่อน และโคนเิ ดยี แก่ ภำพที่ 5-6 ลกั ษณะอาการของโรคผลเน่า 5 6 93 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

การแพร่ระบาด สามารถพบเช้ือราแพร่ระบาดอยู่ทั่วไป ในบริเวณสวนผลไม้ท่ีมีสภาพอากาศ รอ้ นชนื้ ฝนตกชกุ ซงึ่ เหมาะกบั การเจรญิ ของเชอ้ื ลกั ษณะของผลอดั แนน่ เกนิ ไป ขาดนาำ้ สาำ ลกั นำ้า การทาำ ลายของแมลงวนั ทอง ผีเส้ือมวนหวาน รอยแผลทเ่ี กดิ จากการข่วน การกัดของค้างคาว นก หรือกระรอก ทำาให้ผลแตกเป็นแผล ง่ายต่อการเข้าทาำ ลาย ของเช้อื รา เมอ่ื ผลเร่มิ แตกมกั มีแมลงหวี่มาตอมบริเวณผลเน่า แมลงหวจ่ี ึงเป็นพาหะ ในการแพร่ระบาดของเชือ้ ราไปสู่ผลอื่นหรือต้นอืน่ การควบคุมโรค 1. ตัดแต่งช่อผลให้เหมาะสม คอยดแู ล ปลดิ หรอื ใช้ไม้เข่ยี ผลเน่าออกจาก ช่อทกุ วัน เพือ่ ป้องกันผลเบยี ดทาำ ให้ผลแตกและเช้ือโรคเข้าทาำ ลายได้ง่าย 2. ให้นำ้าสมำ่าเสมอ เพ่ือป้องกนั ผลแตก 3. เกบ็ ผลท่เี ป็นโรคหรอื ถูกแมลงทำาลาย ฝังหรอื ทาำ ลายเพ่อื ลดปรมิ าณเช้อื 4. ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำาจัดเชื้อราตั้งแต่ระยะช่อดอกไปจนถึงใกล้ เกบ็ เกยี่ ว โดยเนน้ ฉดี พน่ ในระยะชอ่ ดอกทกุ ๆ 7-10 วนั และระยะผลโตทกุ ๆ 10-15 วนั สารทีใ่ ช้ ได้แก่ ไอโพรไดโอน (iprodione) และคาร์เบนดาซมิ (carbendazim) และ ควรใช้สลับกับแมนโคเซบ (mancozed) 5. จุ่มผลลองกองในคาร์เบนดาซิม ไอโพรไอโอน หรือไธอะเบนดาโซล (thiabendazole) แล้วเป่าให้แห้ง ก่อนเกบ็ รกั ษาทอ่ี ณุ หภูมิ 11 องศาเซลเซียส 94 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

ÅéÔ¹¨Õè (Lychee)นจี่ อยู่ในวงศ์ Sapindaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Litchi ล้ิchinensis Sonn. แหล่งปลกู อยู่บริเวณภาคเหนอื ตอนบนและ ภาคกลาง ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม เปลือกสีแดงเข้ม ผิวขรุขระ ไม่เรียบ เนื้อสีขาว ฉา่ำ น้ำา รสหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานผล สด เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน ปัญหาสำาคัญหลังการเก็บเก่ียว คือ การเข้าทำาลายของเช้ือราหลายชนิดได้ เช่น Lasiodiplodia theobromae Colletrichum gloeosporioides และ Curvularia sp. เป็นต้น ทำาให้ผลล้ินจ่ีเน่าเสีย คุณภาพของ ผลผลติ ลดลง มอี ายุการเก็บรักษาส้นั 95 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

âä¼Åà¹‹Ò (Fruit Rot) เชื้อราสาเหตุ Lasiodiplodia theobromae ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) ของเชอื้ ราบนอาหารพดี เี อ (potato dextrose agar, PDA) เส้นใยฟสู ีเทาอ่อนถึงดำา เชือ้ ราสร้างฟรุตติง้ บอดี (fruiting body) แบบพิคนเิ ดีย (pycnidia) ภายใน ประกอบด้วยเส้นใยพาราไฟซิส (paraphyses) ใสไม่มีสี (hyaline) รูปร่างทรง กระบอก (oblong) และโคนดิ โิ อฟอร ์ (conidiophores) ใหก้ าำ เนดิ โคนเิ ดยี (conidia) โคนิเดีย เมอ่ื อ่อนจะมเี พียงเซลล์เดียว ใสไม่มีส ี รูปไข่ถึงยาวร ี จนถึงค่อนข้าง กลม ปลายด้านหนง่ึ กลมมน อีกด้านสอบลงคล้ายกรวย ต่อมาโคนเิ ดียจะสร้างเม็ด สีเมลานนิ บนผิวเซลล์ด้านในเรียงตัวเห็นเป็นร้ิวในแนวยาว และผนงั ก้ัน (septum) 1 ชัน้ ตรงกลาง ทำาให้แบ่งเป็น 2 เซลล์ มีรปู ร่างคล้ายไข่ ลักɳะอาการ¢องโรค ผิวเปลือกของผลเป็นสีน้ำาตาลดำา มีเส้นใยสีดำาเจริญคลุมผลอย่างหนาแน่น เมอ่ื แกะเปลอื กผลออก จะพบว่าเนื้อเยอื่ ภายในของผลเปลย่ี นจากใสมาเป็นลกั ษณะ ขุ่นเหมอื นกระจกฝ้าอ่อนนุ่ม ฉาำ่ น้าำ มกี ลนิ่ เหม็นเปรีย้ ว 96 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

12 3 4 ภำพที ่ 1 โคโลนขี องเชอื้ รา Lasiodiplodia theobromae บนอาหารพดี ีเอ (PDA) ภำพท ี่ 2 ลักษณะพคิ นิเดยี (pycnidia) ภำพที ่ 3 ลกั ษณะภายในพิคนิเดีย ภำพท่ี 4 ลักษณะโคนิเดีย (conidia) อ่อน และโคนเิ ดียแก่ ภำพที ่ 5–6 ลักษณะอาการของโรคผลเน่า 5 6 97 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

âä¼Åà¹‹Ò (Fruit Rot) เช้ือราสาเหตุ Colletotrichum gloeosporioides ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) ของเชอ้ื ราบนอาหารพดี เี อ (PDA) สขี าวเทา ลกั ษณะ กลมขอบเรียบ และมีกลุ่มโคนิเดยี (conidia) สีส้มเจริญอยู่บนอาหาร เช้ือราสร้างฟรุตติ้งบอดี้ (fruiting body) แบบอะเซอวูลัส (acervulus) ลกั ษณะเป็นรูปถ้วย โคนิเดีย มีรูปร่างทรงกระบอก (oblong) เซลล์เดียว ปลายมน ใสไม่มีสี (hyaline) เกดิ บนปลายก้านโคนดิ โิ อฟอร์ (conidiophores) ลักɳะอาการ¢องโรค ผิวเปลือกของผลมีสีนำ้าตาลดำา เกิดจุดนิ่ม และมีเมือกสีชมพูบนเปลือกผล มักจะเกิดด้านใดด้านหนงึ่ ของผลก่อน แล้วลุกลามไปท่ัวทั้งผล โดยท่ัวไปมักจะมี ของเหลวไหลออกมา เมอื่ แกะเปลือกผลออก จะพบว่าเนื้อเยื่อภายในของผลเปลยี่ น จากใสเป็นลักษณะขุ่นเหมือนกระจกฝ้า อ่อนนุ่ม ฉา่ำ น้ำา มกี ล่ินเหมน็ เปรยี้ ว 98 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

12 34 ภำพที ่ 1 โคโลนขี องเช้อื รา Colletotrichum gloeosporioides บนอาหารพดี ีเอ (PDA) ภำพท ่ี 2 ลกั ษณะกลุ่มโคนเิ ดยี (conidia) สสี ้มเจริญบนอาหารพีดีเอ ภำพท่ี 3 ลกั ษณะโคนดิ โิ อฟอร์ (conidiophores) และโคนเิ ดีย ภำพท่ี 4 ลักษณะโคนเิ ดยี ภำพที่ 5–6 ลักษณะอาการของโรคผลเน่า 5 6 99 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

âä¼Åà¹‹Ò (Fruit Rot) เช้ือราสาเหตุ Curvularia sp. ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลักษณะโคโลนี (colony) ของเช้ือราบนอาหารพีดีเอ (PDA) สีดำา เส้นใย ละเอยี ด ค่อนข้างฟ ู โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) เกิดเด่ียวๆ ไม่แตกก่ิงก้าน มีลักษณะ หักข้อศอกกลับไปกลับมา โคนิเดีย (conidia) มี 3-5 เซลล์ มีผนงั กัน้ รปู ร่างโค้งงอเล็กน้อย เซลล์ตรง กลางมขี นาดใหญ่และมีสเี ข้มกว่าเซลล์บรเิ วณหัวและท้าย ลักɳะอาการ¢องโรค ผิวเปลือกของผลมีสีคลำ้า มีเส้นใยสีเทาคลุมผล เม่ือแกะเปลือกผลออก พบว่าเนือ้ เย่อื ภายในของผลเละ 100 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

12 3 ภำพท ่ี 1 โคโลนขี องเช้อื รา Curvularia sp. บนอาหารพดี ีเอ (PDA) ภำพที ่ 2 ลักษณะโคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) และโคนิเดยี (conidia) ภำพที ่ 3 โคนิเดีย ภำพที ่ 4–5 ลกั ษณะอาการของโรคผลเน่า 4 5 101 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

การแพร่ระบาด เชื้อราเหล่านจ้ี ะปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วโดยลมและฝน และก่ิงพันธุ์ท่ีเป็นโรค หากระหว่างการจัดการหลังการเก็บเก่ียว เกิดหยดนำ้าข้ึนบนผลล้ินจ่ี ความช้ืนและ อณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสม โรคสามารถแพร่ระบาดจากผลทเ่ี ป็นโรคเขา้ ทาำ ลายผลปกตอิ นื่ ๆ ท่ีอยู่ใกล้เคยี งกันเป็นโรคได้อกี ด้วย การควบคุมโรค 1. ห่อผลด้วยกระดาษ เมอื่ ผลมีขนาด 0.5 เซนติเมตร หรอื เมอ่ื ผลมอี าย ุ 20 วนั หลังดอกบาน 2. พ่นด้วยโพรครอราซ (prochloraz) 50% WP อัตรา 20 กรัมต่อนำ้า 20 ลิตร หรือคาร์เบนดาซิม (carbendazim) 50% WP อัตรา 20 กรัมต่อน้ำา 20 ลติ ร หยดุ การใช้สารเคมี 15 วัน ก่อนเกบ็ เก่ียว 3. ในระยะติดผลและเม่ือผลมีขนาดใหญ่แล้วควรพ่นด้วยสารเคมี เช่น เบนโนมิล (benomyl) ในอัตรา 10 กรมั ต่อนำ้า 20 ลติ ร 4. หลีกเลีย่ งสภาพที่ทาำ ให้เกิดหยดนำา้ ขนึ้ บนผวิ ของล้ินจี่ 5. พยายามลดการกระทำาที่ทำาให้เกิดรอยแผลหรืออาการบอบชำ้าในระหว่าง และหลังการเก็บเกย่ี ว 102 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

ÊŒÁ (Orange)ม อยู่ในวงศ์ Rutaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus spp. เป็น ส้ไม้ผลขนาดเล็ก มีความสำาคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีคุณค่าทางอาหารสูง ความเสียหายหลังการเก็บเก่ียวของผลส้มที่ สาำ คญั คือ การเข้าทำาลายของเชอ้ื รา Penicillium digitatum เป็น สาเหตุของโรคราสีเขียว ก่อให้เกิดความเสียหายกับผลิตผลมาก การเข้าทาำ ลายของเชื้ออาจติดมาต้งั แต่อยู่ในสวน สามารถพบโคนิเดีย (conidia) ของเชื้อราได้ท้ังบนผิวของผลส้มหลังการเก็บเกี่ยว ใน แปลงปลูก ในโรงเก็บ ในระบบการขนส่งทกุ ขนั้ ตอนตั้งแต่ในรถขนส่ง จนกระทั่งในตลาด 103 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

âäÃÒà¢ÕÂÇ (Green Mold) เชื้อราสาเหตุ Penicillium digitatum ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) ของเชอื้ ราบนอาหารพดี เี อ (potato dextrose agar, PDA) มสี เี ขียวอมเหลอื งหรือเขยี วมะกอก โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) เป็นแบบไฟอะโลฟอร์ (phialophore) เป็นก้านชโู คนิเดีย (conidia) ส่วนปลายก้านแตกแขนงเป็นไฟอะลายด์ (phialide) มีลกั ษณะไม่สม่าำ เสมอ หรอื แตกออกข้างเดยี ว ให้กำาเนดิ โคนิเดีย โคนเิ ดยี เปน็ แบบไฟอะโลสปอร ์ (phialospore) มผี วิ เรยี บ รปู รา่ งกลมถงึ ยาว (elongate) แต่ส่วนใหญ่รปู ร่างรี (ellipsoid) โดยเกดิ ต่อกนั เป็นลูกโซ่ยาว ลักɳะอาการ¢องโรค อาการเร่ิมแรกจะเกิดรอยช้ำาใสๆ เป็นวง ต่อมาจะเพิ่มขนาดขยายข้ึนเรื่อยๆ พบการสร้างเส้นใยสีขาวบริเวณกลางรอยชำ้า และสปอร์สีเขียวจาำ นวนมาก ทำาให้เกิด การแพร่กระจายของโรคอย่างรวดเรว็ บางครง้ั พบร่วมกบั อาการผลแตก หรือผลชา้ำ 104 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

12 34 ภำพที ่ 1 โคโลนขี องเชอ้ื รา Penicillium digitatum บนอาหารพีดีเอ (PDA) ภำพที่ 2-3 ลักษณะไฟอะโลฟอร์ (phialophore) ไฟอะลายด ์ (phialide) และไฟอะโลสปอร์ (phialospore) ภำพท ่ี 4 ลกั ษณะไฟอะโลสปอร์ ภำพท ี่ 5–7 ลกั ษณะอาการของโรคราเขยี ว 5 67 105 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

การแพร่ระบาด โคนิเดีย ของเชื้อราสามารถอยู่ข้ามฤดูได ้ เข้าทำาลายทางบาดแผลบนผิวผล และบาดแผลทม่ี ขี นาดเลก็ มากๆ ได ้ เช่น ต่อมนา้ำ มนั ทผี่ วิ ถกู ทาำ ลาย เป็นต้น สามารถ แพรร่ ะบาดจากผลหนง่ึ ไปสอู่ กี ผลหนง่ึ ได้ โดยการสมั ผสั กนั ระหวา่ งผลทป่ี กตกิ บั ผลที่ เป็นโรค และเกดิ โรคได้รวดเร็วในช่วงอณุ หภมู ิ 22-27 องศาเซลเซียส การควบคุมโรค 1. ส้มท่ีตายแล้วหรือส่วนของส้มท่ีเป็นโรค เมื่อตัดทิ้งแล้วนำามารวมกัน เผาทาำ ลาย 2. อยา่ ปลอ่ ยใหต้ น้ ตดิ ผลมากจนเกนิ ควร ถา้ ออกผลมากควรปลดิ ทง้ิ ใหเ้ หลอื พอเหมาะกบั ขนาดของต้น 3. การจดั การหลงั การเกบ็ เกย่ี วด้วยความระมดั ระวงั อย่าให้เกดิ บาดแผลที่ ผวิ ผล 4. รกั ษาความสะอาดภาชนะบรรจ ุ ควรล้างด้วยสารเคมีฆ่าเช้อื จลุ ินทรีย์ 5. เชอื้ เขา้ ทาำ ลายผ่านบาดแผล จงึ ควรหลกี เลย่ี งการปฏบิ ตั ทิ ที่ าำ ใหเ้ กดิ ความ ชอกชา้ำ หรอื บาดแผล หากพบผลเปน็ โรคตอ้ งแยกออกไปอยา่ งรวดเรว็ ใชส้ ารเคมกี าำ จดั เช้ือราหลังการเก็บเกย่ี ว เช่น สารกลุ่ม เบนซามิดาโซล (benzimidazole) อิมาซาลลิ (imazalil) หรอื โพรคลอราซ (prochloraz) รว่ มกบั การบรรจแุ ยกกนั ในกลอ่ งแลว้ เกบ็ ในสภาพเยน็ สามารถชะลอหรือป้องกนั การกระจายของโรคได้ 106 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

ส ÊÅÐ (Salak Plum)ละ อยู่ในวงศ์ Palmae มชี อื่ วทิ ยาศาสตร์ว่า Zalacca edulis เปน็ ผลไมท้ ม่ี รี สชาตหิ อมหวานเฉพาะตวั เปน็ ทน่ี ยิ มของผบู้ ร โิ ภค เป็นพืชมีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตในเชิงการค้าได้ค่อนข้างเร็ว ปัญหาสำาคัญหลงั การเกบ็ เก่ียวของสละ คือ การเข้าทำาลายของเชอื้ รา เนอื่ งจากสภาพแวดล้อมของแปลงปลกู สละมีความชน้ื และต้องพราง แสง เหมาะต่อการเจริญของเช้ือรา โรคหลังเกบ็ เกีย่ วทพ่ี บในผลสละ คือโรคผลเน่า สาเหตุจากการเข้าทำาลายของเชื้อราต้ังแต่แปลงปลูก เชอื้ ราสาำ คญั ทที่ าำ ให้เกดิ ผลเนา่ ได้แก่ เชอ้ื Thielaviopsis spp. ทาำ ให้ คุณภาพของผลสละลดลงและอายุการเก็บรกั ษาส้ัน 107 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

âä¼Åà¹‹Ò (Fruit Rot) เช้ือราสาเหตุ Thielaviopsis sp. ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) ของเชอ้ื ราบนอาหารพดี เี อ (potato dextrose agar, PDA) สนี ้ำาตาลถงึ ดาำ โคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) ไม่มสี ีถึงสนี ้ำาตาลอ่อน เชื้อราสามารถสร้างโคนิเดีย (conidia) 2 แบบ คือ แบบไฟอะโลสปอร์ (phialospore) ในระยะแรกเป็นสายยาวทรงกระบอก (oblong) ไม่มีสี (hyaline) จากน้ันเปลี่ยนเป็นรี (ovoid) และมีสีอ่อนถึงนำ้าตาล และแบบอลูรโิ อสปอร์ (aleuriospores) รูปร่างร ี ผนงั เรียบหนาเซลล์เดียว สนี า้ำ ตาล บางคร้งั ไม่มีสี ลักɳะอาการ¢องโรค อาการเริ่มแรกเปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำาตาล ขยายลามมากขึ้น และถ้าอาการ รนุ แรงจะเป็นสนี ำ้าตาลเข้มจนถงึ ดำา เน่าลามทัง้ ผล พบเส้นใยบนผลเมื่อมคี วามชนื้ สูง ขณะท่ีเน้ือภายในผลเร่ิมแรกเป็นแผลสีนำ้าตาล และเน่าเละเป็นสีน้ำาตาลแก่จนถึงดำา ทงั้ ผล 108 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

12 34 ภำพท่ี 1 โคโลนขี องเชอื้ รา Thielaviopsis sp. บนอาหารพดี เี อ (PDA) ภำพที่ 2-3 ลกั ษณะของโคนดิ โิ อฟอร์ (conidiophores) ไฟอะลายด์ (phialide) และอลรู โิ อสปอร์ (aleuriospores) ภำพที่ 4 ลักษณะของไฟอะโลสปอร์ (phialospore) และอลูรโ ิ อสปอร์ ภำพท ่ี 5–6 ลักษณะอาการของโรคผลเน่า 5 6 109 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

การแพร่ระบาด สปอรข์ องเชอื้ สามารถแพรก่ ระจายโดยลม นา้ำ เครอื่ งมอื ปลกู ตดิ ไปกบั ดนิ หรอื เศษซากพชื เมอ่ื สภาพแวดล้อมเหมาะสมจะงอก เจรญิ กลายเปน็ เสน้ ใยเขา้ ทาำ ลายพชื ต่อไป การควบคุมโรค 1. ปรับสภาพสวนให้มีการระบายอากาศดี ควบคุมไม้ร่มเงา ให้สละได้รับ แสงประมาณ 50% 2. ผลที่แสดงอาการเน่าควรปลิดทิ้งพร้อมกับเก็บผลที่ร่วงหล่น เผาทำาลาย ก่อนที่เชือ้ ราต่างๆ จะสร้างสปอร์สืบพนั ธุ์ต่อไป 3. การป้องกนั โดยการใช้สารจลุ นิ ทรีย์พ่น เพ่อื ควบคุมเชื้อสาเหตุ ก่อนเกดิ การระบาด เช่น bacillus subtilis 4. การป้องกันโดยการใช้สารกำาจัดเช้ือรากลุ่มคาร์บอกซิน (carboxin) อัตรา 50 กรัมต่อน้ำา 20 ลิตร หรือไทอะเบนดาโซล (thiabendazol) ร่วมกับ ฟอสฟอรัส แอซิด (phosphorus acid) พ่นก่อนการระบาดของเชื้อสาเหตุหรือ ก่อนฤดฝู น และหยุดใช้สารเคมีก่อนเกบ็ เกย่ี ว 15 วัน 110 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

อ ͧ؋¹ (Grape)งุ่น อยู่ในวงศ์ Vitacea มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vitis vinifera Linn. พันธุ์องุ่นที่นิยมในประเทศไทยปลูก คือ พันธุ์ไวท์มะละกา เป็นพันธุ์ที่ นิยมปลูกเพื่อการค้ามากที่สุด มี 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดผลกลมและผลยาว พันธุ์คาร์ดินัล เป็นองุ่นที่ปลูกง่าย การเจริญเติบโตดีมาก มีลักษณะช่อใหญ่ ผลดก กลมค่อนข้างใหญ่ มีสีแดงหรือม่วงดำา รสหวาน กรอบ เปลือกบาง จึง ทำาให้ผลแตกง่ายเม่ือผลแก่ในช่วงฝนตกชุก โรคองุ่นเป็นปัญหาต้ังแต่เร่ิมต้น จนถึงช่วงก่อนและหลังการเก็บเก่ียว การระบาดของโรครุนแรงเกิดจากสภาพ อากาศร้อนชื้น มีฝนตกชุก และมีการตัดแต่งก่ิงองุ่นให้ออกดอกติดผลตลอดปี โดยเฉพาะเดือนตุลาคมพบการระบาดมากท่ีสุด ส่วนเดือนพฤศจิกายนถึง กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงปลอดโรคองุ่นมากที่สุด โรคที่พบการระบาดในองุ่น ได้แก่ โรคแอนแทรคโนส เกดิ จากเชอ้ื สาเหตุ Colletotrichum gloeosporioides ทาำ ให้ ผลผลิตองุ่นเสียหาย คุณภาพลดลง ดังนน้ั การป้องกันและควบคุมความรุนแรง ของโรค ควรเร่ิมตั้งแต่ขั้นตอนการปลกู การดูแลรกั ษา การเก็บเกี่ยว ตลอดจนการ เกบ็ รกั ษาก่อนถึงมอื ผู้บรโ ิ ภค 111 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

âäá͹á·Ã¤â¹Ê (Anthracnose) เช้ือราสาเหตุ Colletotrichum gloeosporioides ลักɳะ·างสั³°านวÔ·ยา ลกั ษณะโคโลน ี (colony) ของเชอ้ื ราบนอาหารพดี เี อ (potato dextrose agar, PDA) เส้นใยสีขาวเทา ฟไู ม่มากนกั เจริญข้นึ อยู่บนอาหารเล็กน้อย โคโลนีเจรญิ เป็น วงแหวนซ้อนกัน (concentric ring) ตรงกลางจะมีกลุ่มของโคนิเดีย (conidia) สีส้มเจรญิ อยู่มากกว่าบรเิ วณขอบโคโลนี เช้ือราสร้างฟรุตต้ิงบอดี (fruiting body) แบบอะเซอวูลัส (acervulus) ภายในให้กำาเนดิ โคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) และโคนเิ ดยี โคนิเดยี รปู ร่างทรงกระบอก (oblong) เซลล์เดยี ว ปลายมน ใส ลักɳะอาการ¢องโรค เนือ้ เยือ้ บรเิ วณแผลบุมลงไปเลก็ น้อย ขอบแผลสีเข้ม ถ้าอากาศชนื้ ๆ จะเหน็ จุดสีชมพู สีส้มตรงกลางแผล ส่วนในผลแก่จะเห็นบริเวณเน่าเป็นสีน้ำาตาล มีจุด สีชมพ ู สสี ้ม เกดิ ข้นึ บรเิ วณตรงกลางแผลเต็มไปหมด ต่อไปจะทาำ ให้ผลแห้ง เปลือก เหยี่ ว ผลติดกบั ช่อไม่ร่วงหล่น 112 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

12 34 ภำพท่ี 1 โคโลนขี องเชอ้ื รา Colletotrichum gloeosporioides บนอาหารพดี เี อ (PDA) ภำพท ่ี 2-3 ลกั ษณะของโคนดิ ิโอฟอร์ (conidiophores) และโคนิเดยี (conidia) ภำพท ่ี 4 ลักษณะของโคนิเดยี ภำพท่ ี 5–8 ลักษณะอาการของโรคแอนแทรคโนส ภำพที่ 9 ลักษณะของอะเซอวูลัส (acervulus) บนผลองุ่น 6 8 9 57 113 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

การแพร่ระบาด เชอ้ื แพรร่ ะบาดทางลมและทางหยดนำา้ จากใบลงสผู่ ลองนุ่ และเขา้ ทาำ ลายทาง แผลบรเิ วณก้นผลองุ่นได้ง่าย เช้ือราสามารถอยู่ตามเศษซากองุ่นท่เี ป็นโรค การควบคุมโรค 1. ใช้หลักการเขตกรรม เช่น ตัดแต่งก่ิงให้โปร่งโล่ง ทำาลายเศษซากพืช เป็นโรค จัดการระบายน้าำ ให้ดี นอกจากนกี้ ารหลีกเลี่ยงไม่ปลูกองุ่นในช่วงปลายฝน อนั เป็นระยะระบาด จะช่วยลดอาการโรคลงได้ เช่น อาจเลีย่ งมาปลกู ประมาณเดือน มกราคม 2. ควบคุมโรคในสวนก่อนระยะเก็บเกี่ยวด้วยสารป้องกันกำาจัดเช้ือรา คาร์เบนดาซิม (carbendazim) อัตรา 6-12 มิลลิลิตรต่อน้าำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่ว ต้นพืช หรือใช้คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ (copper oxychloride) ฉดี พ่นในระยะ เร่มิ ออกดอก และขณะที่ดอกยังเลก็ อยู่ 114 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

บรรณานุกรม เกวลนิ คุณาศกั ดากุล และชัยพร ขัดสงคราม. 2555. การคดั เลือกเชื้อแอกตโิ นไม ซีสเอนโดไฟต์ท่ีเป็นปฏิปักษ์ต่อเช้ือราสาเหตุโรคผลเน่าของลำาไย. วารสาร เกษตร 28(3): 285-294. เครอื วลั ย์ ดาวงษ์ และยศพล ผลาผล. การป้องกันและแก้ปัญหาโรคระบาดในการ ผลติ แกว้ มงั กรคณุ ภาพ.(ระบบออนไลน)์ . แหลง่ ทมี่ า http://scia.chantha- buri.buu.ac.th/research/fli e/dragon-fruit.pdf. (30 พฤษภาคม 2556) จิระเดช แจ่มสว่าง และคณะ. 2550. บทปฎบิ ัตกิ ารโรคพชื วิทยาเบอ้ื งต้น. ภาควิชา โรคพืช คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำาแพงแสน. นครปฐม. 115 หน้า. ชยั วฒั น ์ กระตกุ ฤษ ์ มาโนช ทศพล วจิ ยั รกั วทิ ยาศาสตร ์ และขจรศกั ด ิ์ ภวกลุ . 2538. รา Peronophythora litchi แยกได้จากโรครากเน่าของลิ้นจ.ี่ หน้า 3-7. ในการประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาต ิ ครั้งท่ี 2. 9-11 ตุลาคม 2538 ณ โรงแรมเพชรงาม เชียงใหม่. ดนัย บุญยเกียรติ. 2549. โรคหลังการเก็บเกี่ยวของผักและผลไม้. สำานกั พิมพ์ โอเดยี นสโตร์. กรงุ เทพฯ. 200 หน้า. นพิ นธ์ วสิ ารทานนท์. 2542. โรคไม้ผลเขตร้อนและการป้องกันกาำ จัด. บริษทั เจฟิล์ม โปรเซส จำากัด. กรงุ เทพฯ. 172 หน้า. นพิ นธ์ วิสารทานนท์. 2542. โรคไม้ผลเขตก่ึงร้อน. บรษิ ัท เจฟิล์ม โปรเซส จำากดั . กรุงเทพฯ. 144 หน้า. 115 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

นิรนาม. มปป. ไทยเกษตรศาสตร์เว็บรวบรวมวิชาความรู้ด้านการเกษตรของไทย. (ระบบออนไลน์). แหล่งท่ีมา http://www.thaikasetsart.com/page/6/. (30 พฤษภาคม 2556) บญุ ญวด ี จริ ะวุฒิ รัตตา สุทธยาคม อมรา ชนิ ภูติ และเสริมสุข สลักเพช็ ร์. 2553. โรคขั้วหวีเน่าของกล้วยหอมทองและการควบคุมโดยใช้สารปลอดภัย. (ระบบออนไลน์). แหล่งที่มา http://it.doa.go.th/refs/ifles/1850_2554. pdf? PHPSESSID=fde28283a21ee1cda736d2228d1c79e8. (30 พฤษภาคม 2556) เบญจมาศ ศิลาย้อย. 2545. กล้วย. พิมพ์คร้ังท่ี 3 สำานักพิมพ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ. 357 หน้า. พรพมิ ล อธปิ ัญญาคม สุณีรัตน์ สมี ะเดื่อ ชนนิ ทร ดวงสะอาด และศรีสรุ างค์ ลขิ ิต เอกราช. 2553. ศึกษาจดั การโรคพชื ที่เหมาะสมในการผลติ แก้วมงั กร. หน้า 2539-2553. รายงานผลงานวิจัยเร่ืองเต็ม ปี 2553. สำานกั วิจัยพัฒนาการ อารกั ขาพืช กรมวชิ าการเกษตร. พรพิมล อธปิ ัญญาคม และศรีสุรางค์ ลิขิตเอกราช. 2539. ศึกษาลักษณะอาการ และการแพร่ระบาดของโรคผลเน่าฝร่ัง. หน้า 17-33. รายงานผลงานวิจัย พ.ศ. 2539. กลุ่มงานวิจัยโรคไม้ผล กองโรคพืชและจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร. รัติยา พงศ์พิสุทธา. 2535. โรคผลเน่าของทุเรียนหมอนทองท่ีเกิดจากเชื้อรา Phytophthora palmivora (Butl.) Butl. และการควบคุม. วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาโท มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรงุ เทพฯ. 99 หน้า. 116 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

รัตตา สุทธยาคม และบญุ ญวดี จิระวุฒ.ิ 2553. โรคหลังเก็บเกย่ี วและการลดการ เน่าเสียหลังเก็บเกย่ี วของแก้วมงั กร. หน้า 166-180. ในรายงานผลงานวิจยั เรื่องเต็ม ปี 2553. สำานกั วิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเก่ียวและ แปรรปู ผลิตผลเกษตร กรมวชิ าการเกษตร. รัตตา สุทธยาคม และประจักร์ อุดมศรี. 2548. ศึกษาการลดการเน่าเสียของ ผลทุเรียนระหว่างการเก็บรักษา. หน้า 158-164. ในรายงานผลงานวิจัย เรื่องเต็ม ปี 2548. สำานกั วิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและ แปรรปู ผลติ ผลเกษตร, กรมวชิ าการเกษตร. วิจัย รักวิทยาศาสตร์. 2546. ราวิทยาเบื้องต้น. สำานักพิมพ์จามจุรโี ปรดักท์. กรุงเทพฯ. 351 หน้า. สมศริ ิ แสงโชต ิ รตั ยิ า พงศ์พิสุทธา และรัตตา อเนกธนโชต.ิ 2540. การเปลีย่ นแปลง ของเชื้อ ความมีชีวิต แหล่งของเชื้อราสาเหตุโรคผลเน่าของทุเรียนและ การควบคุม, หน้า 208-216. ใน การประชุมวิชาการของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครัง้ ที่ 38. วันท ่ี 1-4 กุมภาพันธ์ 2543 ณ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรงุ เทพฯ. สมศริ ิ แสงโชติ อดุ ม ฟ้ารุ่งสาง และนวลวรรณ ฟ้ารุ่งสาง. 2540. การเข้าทาำ ลายของ ผลเงาะกอ่ นและหลงั การเกบ็ เกยี่ วของเชอ้ื ราทเี่ ปน็ สาเหตขุ องโรคผลเนา่ และ การควบคมุ โรคผลเนา่ ภายหลงั การเกบ็ เกยี่ ว. หนา้ 108-116. ใน รายงานการ ประชมุ วชิ าการคร้ังที่ 35. สาขาพชื มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. สืบศักด์ิ สนธิรัตน. 2550. อภิธานศัพท์โรคพืชวิทยา. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ. 80 หน้า. 117 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

สรุ ชาติ คอู รยิ ะกลุ กรรณกิ าร์ เพ้ยี นพกั ตร์ ไพลิน เหลก็ คง ขจรศักด์ ิ ภวกุล และ สมศักดิ์ ชัยศิลปิน. 2533. การศึกษาหาสาเหตุเปลือกเน่าของผลลิ้นจ่ี. หนา้ 27-45. ในรายงานผลงานวจิ ยั ประจาำ ป ี 2533. ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนเชยี งราย สถาบนั วิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร. สำานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำาร ิ (สาำ นกั งาน กปร.). 2555. คมู่ อื ท ่ี 7 ลน้ิ จ ่ี นพ.1. บรษิ ทั มฟู เมน้ ทเ์ จน ทรี จาำ กดั . กรุงเทพฯ. 20 หน้า. อุดม ฟ้ารุ่งสาง นวลวรรณ ฟ้ารุ่งสาง และสุธาสินี แผนคู้. 2554. การเข้าทำาลายโดย การเจรญิ ภายในพืชของรา Lasiodiplodia theobromae สาเหตุโรคข้ัวผล เน่าหลังการเกบ็ เก่ยี วของมะม่วง. ว. วทิ ย.กษ 42:1 (พเิ ศษ): 19-22. อรอมุ า เพยี ซา้ ย. (บรรณาธกิ าร). 2555. บญั ชรี ายการทรพั ยส์ นิ ชวี ภาพรา. สาำ นกั พฒั นา เศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). กรงุ เทพฯ. 760 หน้า. Agrios, G.N. 1978. Plant pathology. Academic Press, New York. 703 p. Barnett, H.L. and B.B. Hunter. 1986. Illustrated genera of imperfect fungi. Burgess Publishing Company. fourth Edition. Minnesota. 218 p. Samson, R.A. and E.S. Hoekstra. 2004. Introduction to Food-and Airborne Fungi. Centraalbureau voor Schimmelcultures. Natherlands. 389 p. 118 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

ภาคผนวก

â¤Ã§ÊÌҧ¢Í§àªé×ÍÃÒ Bipolaris sp. 2 1 1 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) และ โคนิเดีย (conidia) 3 2 โคนิดิโอฟอร์บริเวณรอยแผลส่วนที่ โคนิเดียหลดุ ออกไป 3 โคนิเดียงอก ที่มา : Barnett et al., 1986 3 Colletotrichum sp. 1 4 1 อะเซอวลู ัส (acervulus) 2 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) และ ซีเต้ (setae) 3 โคนิเดีย (conidia) รปู ร่างทรงกระบอก 4 โคนิเดีย รูปร่างเสี้ยวพระจันทร์ 2 ที่มา : Barnett et al., 1986 Curvularia sp. 1 2 1 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) 2 โคนิเดีย (conidia) ที่มา : Barnett et al., 1986 120 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

Dothiorella sp. 2 3 1 1 พิคนิเดีย (pycnidia) 2 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) 3 โคนิเดีย (conidia) ที่มา : Barnett et al., 1986 Fusarium sp. 1 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) 2 มาโครโคนิเดีย (macroconidia) 2 และไมโครโคนิเดีย (microconidia) 3 แคลมิโดสปอร์ (chlamydospore) ที่มา : Barnett et al., 1986 3 Samson et al., 2004 1 Gliocephalotrichum sp. 1 3 2 1 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) 2 ไฟอะลายด์ (phialide) 3 โคนิเดีย (conidia) ที่มา : Barnett et al., 1986 121 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

Lasiodiplodia sp. 2 3 1 1 พิคนิเดีย (pycnidia) 2 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) พาราไฟซิส (paraphyses) 3 โคนิเดีย (conidia) ที่มา : Barnett et al., 1986 Penicillium digitatum 1 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) และโคนิเดีย (conidia) 2 โคนิเดีย 1 2 ที่มา : Samson et al., 2004 Pestalotiopsis sp. 2 1 อะเซอวลู ัส (acervulus) 3 2 โคนิเดีย (conidia) 3 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) และ โคนิเดีย ที่มา : Barnett et al., 1986 1 122 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

Phomopsis sp. 1 2 3 1 พิคนิเดีย (pycnidia) 2 อัลฟา โคนิเดีย (alpha conidia) 4 3 เบต้า โคนิเดีย (beta conidia) 4 โคนิดิโอฟอร์ (conidiophores) ที่มา : Barnett et al., 1986 Phytophthora sp. 1 สปอร์แรนเจียม (sporangium) 1 สร้างติดต่อกันบนก้าน สปอแรนจิโอฟอร์ (sporangiophore) 2 2 การสร้างซูโอสปอร์ (zoospore) ภายในสปอร์แรนเจียม 3 การผสมกันระหว่างโอโอโกเนียม 3 (oogonium) และ แอนเทอริเดียม (antheridium) ให้กำาเนิดโอโอสปอร์ (oospores) ที่มา : วิจัย, 2546 Thielaviopsis sp. 1 3 2 1 ไฟอะลายด์ (phialide) และไฟอะโลสปอร์ (phialospores) 2 อลรู ิโอสปอร์ (aleuriospores) 3 เส้นใยที่ให้กำาเนิดสปอร์สองแบบ ที่มา : Barnett et al., 1986 123 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

ÍÀÔ¸Ò¹ÈѾ·âä¾×ªÇÔ·ÂÒ กำรเข้ำทำ� ลำยแบบแฝง (latent infection) สภาพทีพ่ ืชอาศัยถูกเช้ือโรคชนดิ หนง่ึ เข้าทาำ ลายแต่ไม่สามารถแสดงลกั ษณะอาการให้เหน็ ได้ กำ้ นชสู ปอร ์ (sporangiophore) เสน้ ใยพเิ ศษทอ่ี าจแตกหรอื ไมแ่ ตกแขนงทป่ี ลาย ให้ กาำ เนดิ สปอร์แรนเจยี ม sporangium แคลมิโดสปอร์ (chlamydospore) สปอร์หรือหน่วยขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศที่มี ผนงั หนา เกิดจากการเปล่ียนแปลงของเซลล์ใดเซลล์หนงึ่ ในเส้นใยของ เชื้อรา ช่วยการอยู่ข้ามฤด ู จัดเป็น resting spore ชนดิ หนง่ึ โคนิเดียม [conidium (เอกพจน์)] โคนิเดีย [conidia (พหูพจน์)] เซลล์สืบพันธ์ุ แบบไม่ใช้เพศของรา ซึง่ สร้างจากเซลล์ของ conidiophore โคนดิ ิโอจนี ัสเซลล์ (conidiogenous cells) เซลล์ทีส่ ร้าง conidium โคนดิ โิ อฟอร ์ (conidiophore) เสน้ ใยพเิ ศษทแี่ ตกแขนงออกจากเสน้ ใย อาจเปน็ เสน้ เดย่ี วหรือแตกแขนงก็ได้ท่ปี ลายหรอื ด้านข้าง ให้กำาเนดิ โคโลน ี (colony) กล่มุ ของสง่ิ มชี วี ติ (เชอื้ รา) มชี วี ติ อย่ ู หรอื เจรญิ ในสถานทแี่ ห่งหนง่ึ ชอ่ งเปด (ostiole) ชอ่ งเปดิ หรอื รซู งึ่ สปอรส์ ามารถรอดออกไปไดจ้ ากฟรตุ ตงิ้ บอด ี เชน่ ในเพอรทิ เี ซียม (perithecium) และพิคนเิ ดยี ม (pycnidium) ซีเต้ (setae) เส้นใยสีเข้มขนาดใหญ่คล้ายหนาม เกิดอยู่ที่บริเวณขอบอะเซอวูลัส หรอื ปะปนอยู่กบั โคนดิ ิโอฟอร์ ซโู อสปอร์ (zoospore) สปอร์ท่ีมหี างและสามารถว่ายนาำ้ ได้ เบต้ำโคนเิ ดีย (beta conidia) สปอร์ของเชอ้ื รา เซลล์เดียว ใส รูปร่างเป็นเส้นยาว ส่วนปลายโคงั งอคล้ายตะขอ เกดิ ในพคิ นิเดยี ม 124 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

ผนงั ก้ัน (septum) ผนงั กน้ั เป็นลักษณะหนงึ่ ของเส้นใยเชอื้ รา พำรำไฟซิส (paraphyses) เส้นใยของเชื้อราท่ีเป็นหมันมักพบในฟรุตติ้งบอดีของ เชื้อราบางชนดิ พิคนิเดีย (pycnidia) ฟรุตต้ิงบอดีท่ีเกิดแบบไม่มีเพศ มีรูปร่างกลมหรือรูปคนโท ภายในเป็นทีเ่ กดิ ของโคนดิ ิโอฟอร์ และโคนิเดียม เพนซิ เิ ลท (penicillate) ลกั ษณะคล้ายแปรง เพอรทิ ีเซียม (perithecium) เป็นโครงสร้างแบบฟรตุ ติ้งบอดี ในเชอ้ื รา ภายในจะ เป็นถงุ บรรจุสปอร์เตม็ ไปด้วยสปอร์ของเชื้อรา ฟรุตต้งิ บอด ี (fruiting body) โครงสร้างพเิ ศษซง่ึ เป็นทเ่ี กดิ สปอร์ของรา ไฟอะลำยด์ (phialide) เซลล์ที่สร้างโคนเิ ดยี ซง่ึ โคนเิ ดียทีอ่ ่อนกว่าจะถกู สร้างทฐ่ี าน ของโคนดิ ิโอจีนัส เซลล์ โคนิเดียที่อ่อนกว่าจะดันให้โคนิเดียท่ีแก่กว่า เคลอื่ นทไ่ี ปข้างหน้า อาจต่อกนั เป็นเส้นสาย หรือหลุดขาดจากกัน ความ ยาวของไฟอะลายด์จะไม่เปลย่ี นแปลง มำโครโคนเิ ดยี (macroconidia) สปอรข์ นาดใหญ ่ รปู รา่ งยาวเรยี ว มผี นงั กน้ั หลายอนั ไมโครโคนิเดีย (microconidia) สปอร์ขนาดเลก็ มี 1-2 เซลล์ อาจเกดิ รวมกันเป็น กลุ่มหรือต่อกันเป็นลูกโซ่ยาวทีป่ ลายก้านไฟอะลายด์ สโตรมำ (stroma) โครงสร้างทีเ่ กดิ จากเส้นใยอดั แน่นบนหรือภายใน เป็นทเ่ี กิดของ โครงสร้างสืบพันธุ์ซึง่ อาจเป็นแบบใช้เพศหรอื ไม่ใช้เพศกไ็ ด้ สปอร์แรนเจยี ม [sporangium (เอกพจน์) sporangia (พหูพจน์)] โครงสร้างหรือ ภาชนะท่บี รรจสุ ปอร์ท่เี กิดจากการผสมพันธุ์แบบไม่มเี พศ สปอร์แรนจโิ อฟอร์ (sporangiophore) เส้นใยพิเศษทอ่ี าจแตกหรอื ไม่แตกแขนงที่ ปลาย ให้กำาเนดิ สปอร์แรนเจยี ม 125 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

สปอร์โรโดเชยี ม (sporodochium) โครงสร้างลกั ษณะเป็นก้อนนนู ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มของโคนดิ โิ อฟอร์ ท่สี านกนั อยู่บนมวลของเส้นใย อะเซอวูลัส (acervulus) โครงสร้างเฉพาะหรือถุงบรรจุสปอร์อยู่ภายใน (fruiting body) ชนดิ ไม่ใช้เพศ (asexual) ที่ฝังตัวอยู่ใต้ผวิ ใบ รปู ร่างคล้ายคนโท และผลติ โคนิเดีย อลั ฟำ โคนเิ ดีย (alpha conidia) สปอร์ของเชื้อรา เซลล์เดยี ว ใส รปู ไข่ เกดิ ใน พิคนเิ ดียม อลูรโิ อสปอร์ (aleuriospores) สปอร์ของเช้ือราแบบไม่อาศัยเพศ เชือ้ ราสร้างสปอร์ ทป่ี ลายของโคนดิ โิ อฟอรโ์ ดยสรา้ งผนงั กนั้ เซลลข์ นึ้ ในชว่ งแรกสปอรย์ งั คง มสี ่วนท่ตี ดิ กัน แต่ต่อมาบางสปอร์กห็ ลุดออกไป สปอร์ทตี่ ิดกับโคนดิ โิ อ ฟอร์จะเป็นสปอร์อ่อน แอนเทอริเดยี ม (antheridium) อวัยวะทร่ี าบางชนดิ ใช้แทนเพศผู้ในการผสมพนั ธ์ุ แอพเพรสซอเรยี ม (appressorium) สว่ นปลายของเสน้ ใยหรอื germ tube ของเชอ้ื ราทสี่ ามารถเขา้ ประชดิ หรอื ตดิ กบั พชื อาศยั และเรมิ่ การเขา้ ทาำ ลายพชื อาศยั โอโอโกเนียม (oogonium) ส่วนที่ทำาหน้าท่ีสืบพันธุ์เพศเมียของราในกลุ่ม โอโอไมซสิ (oomycetes) ภายในมไี ข่ 1 ใบ หรอื มากกว่า โอโอสปอร์ (oospore) สปอร์แบบมีเพศซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างส่วนท่ีทำา หนา้ ทส่ี รา้ งเซลลเ์ พศผ ู้ (แอนเทอรเิ ดยี ม) และเซลลเ์ พศเมยี (โอโอโกเนยี ม) สปอร์ทมี่ ผี นงั หนา ผิวเรยี บ 126 โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

¡ÒÃàµÃÕÂÁÍÒËÒÃàÅéÕ§àª×é;մÕàÍ (Potato dextrose agar, PDA) สÙตรอาหารเล้ียงเช้ือพีดีเอ มนั ฝรง่ั (ปอกเปลือกแล้ว) 200 กรัม น้ำาตาลเด็กซ์โตรส (dextrose) 20 กรมั วุ้น 17 กรัม นา้ำ กลัน่ 1,000 มลิ ลลิ ิตร วÔ¸ี·íา นำามันฝร่ังปอกเปลือกแล้ว หั่นเป็นช้ินเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์ เซนตเิ มตร ตม้ กบั นาำ้ กลนั่ 500 มลิ ลลิ ติ ร จนมนั ฝรง่ั สกุ จงึ นาำ มากรองดว้ ยผา้ ขาวบาง เอาเนื้อมันฝรั่งออก เติมนำ้าตาลเด็กซ์โตรส 20 กรัม ต้มและคนจนนำ้าตาลละลาย ใสว่ นุ้ 17 กรมั ตม้ จนวนุ้ ละลาย เตมิ นา้ำ ใหค้ รบ 1,000 มลิ ลลิ ติ ร แลว้ ใสข่ วด นาำ ไปนง่ึ ฆา่ เชอ้ื ในหม้อนงึ่ ความดนั ไอ (autoclave) ความร้อนทอ่ี ณุ หภมู ิ 121 องศาเซลเซยี ส ความดัน 15 ปอนด์ต่อตารางนิว้ เป็นเวลา 15-20 นาที หมำยเหต ุ ใช้น้ำาตาลกลโู คส (glucose) แทนนำ้าตาลเด็กซ์โตรสได้ 127 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

ดัชนีเช้ือราสาเหตุโรคพืชหลังการเก็บเก่ียว เชื้อรำสำเหตุ โรค ผลไม้ หน้ำ Bipolaris cactivora ผลเน่า แก้วมังกร 4 Colletotrichum capsici ผลเน่า แก้วมังกร 8 แอนแทรคโนส มะละกอ 70 Colletotrichum gloeosporioides ผลเน่า แก้วมังกร 6 ลิ้นจี่ 98 Colletotrichum lagenarium แอนแทรคโนส ฝรั่ง 52 Colletotrichum musae มะม่วง 60 แอนแทรคโนส มะละกอ 68 Curvularia sp. ขั้วหวีเน่า องุ่น 112 Dothiorella sp. แอนแทรคโนส แตงโม 38 Fusarium solani ผลเน่า กล้วย 16 Fusarium sp. ขั้วผลเน่า กล้วย 18 ขั้วผลเน่า ลิ้นจี่ 100 Gliocephalotrichum bulbilium ขั้วหวีเน่า มะม่วง 64 Gliocephalotrichum longibrachium ผลเน่า มะละกอ 73 Greeneria sp. ผลเน่า กล้วย 14 ผลเน่า แตงโม 36 ผลเน่า เงาะ 24 เงาะ 24 เงาะ 26 128 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว

ดัชนีเชื้อราสาเหตุโรคพืชหลังการเก็บเกี่ยว เชื้อรำสำเหตุ โรค ผลไม้ หน้ำ Lasiodiplodia theobromae ขั้วหวีเน่า กล้วย 12 ขั้วผลเน่า มะม่วง 62 Phyllosticta psidiicola ผลเน่า มะละกอ 72 Phytophthora palmivora เงาะ 22 Penicillium digitatum ผลจุดดำา แตงโม 34 Pestalotiopsis sp. ผลเน่า ทุเรียน 44 Phomopsis sp. ราเขียว ฝรั่ง 48 ผลเน่า มังคดุ 78 Thielaviopsis sp. ผลเน่า ลำาไย 89 ลองกอง 92 ฝักเน่า ลิ้นจี่ 96 ผลเน่า ฝรั่ง 50 ทุเรียน 42 ส้ม 104 เงาะ 28 ลำาไย 86 เงาะ 30 มังคุด 80 ลองกอง 90 มะขาม 56 สละ 108 129 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว





โรคผลไมห้ ลังการเก็บเกย่ี ว เลขมาตรฐานหนังสือ : ISBN 978-974-436-852-2 สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญั ญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537 พมิ พค์ รง้ั ที่ 1 มกราคม 2557 ทีป่ รกึ ษา เสริมสุข สลักเพ็ชร์ บุษรา จันทร์แก้วมณี อมรา ชินภตู ิ นชุ นาฏ ณ ระนอง จารุวรรณ บางแวก คณะทาำ งาน รัมม์พัน โกศลานันท์ กรรณิการ์ เพ็งคุ้ม บุญญวดี จิระวุฒิ ชวเลิศ ตรีกรุณาสวัสดิ์ รัตตา สทุ ธยาคม อารีรัตน์ การณุ สถิตย์ชัย เนตรา สมบูรณ์แก้ว อัจฉราพร ศรีจุดานุ สุพี วนศิรากุล ชุติมา วิธูรจิตต์ วีรภรณ์ เดชนำาบัญชาชัย จดั พิมพ์โดย : สำานักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรปู ผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร พมิ พ์ที่ : บริษัท จามจุรีโปรดักส์ จำากัด บางขุนเทียน กรงุ เทพฯ

คำานำา สำานกั วิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูป ผลิตผลเกษตร ได้จัดทาำ คู่มือเรือ่ งโรคผลไม้หลงั การเกบ็ เกย่ี ว สำาหรบั นกั วชิ าการ เจา้ หนา้ ท ี่ เกษตรกร ผปู้ ระกอบการ นกั ศกึ ษา และผทู้ ส่ี นใจ เป็นคู่มือท่ีอธิบายลักษณะเช้ือสาเหตุท่ีก่อให้เกิดโรคหลังการเก็บเก่ียว ในผลไม้เมืองร้อนหลายชนดิ พร้อมท้ังอธิบายการแพร่กระจายของ เชอื้ สาเหตโุ รค ลกั ษณะอาการของโรค และวิธีการควบคมุ และป้องกนั ด้วยเนือ้ หาทก่ี ระชบั และเข้าใจง่าย ขอขอบคณุ คณะจัดทาำ องค์ความรู้ทีร่ วบรวม แก้ไข และจัดทาำ คู่มือ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้ข้อคิดเห็นในการปรับปรุงเพ่ือให้ คู่มือโรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยวฉบับน้ีมีความสมบูรณ์ หวังว่าคู่มือ ฉบับนจ้ี ะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทุกท่าน ในการนำาไปปรับใช้เพื่อลด ความสญู เสียของผลไม้หลงั การเก็บเก่ยี วต่อไป (นำงสำวเสรมิ สุข สลักเพช็ ร์) ผู้อาำ นวยการสาำ นกั วจิ ยั และพัฒนา วิทยาการหลังการเก็บเกีย่ วและแปรรูปผลิตผลเกษตร

สารบัญ 1 3 บทน�ำ 4 แก้วมังกร 6 โรคผลเน่า (Bipolaris cactivora) 8 โรคผลเน่า (Colletotrichum gloeosporioides) 10 โรคผลเน่า (Colletotrichum capsici) 10 การแพร่ระบาด 11 การควบคมุ โรค 12 กล้วย 14 โรคขว้ั หวเี น่า (Lasiodiplodia theobromae) 16 โรคขว้ั หวเี น่า (Fusarium sp.) 18 โรคข้วั หวเี น่า (Colletotrichum musae) 20 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum musae) 20 การแพร่ระบาด 21 การควบคมุ โรค 22 เงำะ 24 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 26 โรคผลเน่า (Gliocephalotrichum spp.) 28 โรคผลเน่า (Greeneria sp.) 30 โรคผลเน่า (Pestalotiopsis sp.) 32 โรคผลเน่า (Phomopsis sp.) 32 การแพร่ระบาด การควบคมุ โรค

สารบัญ (ต่อ) แตงโม 33 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 34 โรคผลเน่า (Fusarium sp.) 36 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum lagenarium) 38 การแพร่ระบาด 40 การควบคุมโรค 40 ทเุ รียน 41 โรคผลเน่า (Phytophthora palmivora) 42 44 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 46 การแพร่ระบาด 46 การควบคุมโรค ฝรัง่ 47 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 48 โรคผลจุดดำา (Phyllosticta psidiicola) 50 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum gloeosporioides) 52 การแพร่ระบาด 54 การควบคมุ โรค 54 มะขำมหวำน 55 โรคฝักเน่า (Phomopsis sp.) 56 การแพร่ระบาด 58 การควบคุมโรค 58

สารบัญ (ต่อ) มะม่วง 59 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum gloeosporioides) 60 โรคขวั้ ผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 62 โรคขั้วผลเน่า (Dothiorella sp.) 64 การแพร่ระบาด 66 การควบคุมโรค 66 มะละกอ 67 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum gloeosporioides) 68 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum capsici) 70 โรคข้วั ผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 72 โรคข้ัวผลเน่า (Fusarium solani) 74 การแพร่ระบาด 76 การควบคมุ โรค 76 มังคดุ 77 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 78 โรคผลเน่า (Phomopsis sp.) 80 การแพร่ระบาด 82 การควบคุมโรค 82 ลำ� ไย 83 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 84 โรคผลเน่า (Pestalotiopsis sp.) 86

สารบัญ (ต่อ) 88 88 การแพร่ระบาด 89 การควบคุมโรค 90 ลองกอง 92 โรคผลเน่า (Phomopsis sp.) 94 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 94 การแพร่ระบาด 95 การควบคมุ โรค 96 ล้ินจ ี่ 98 โรคผลเน่า (Lasiodiplodia theobromae) 100 โรคผลเน่า (Colletotrichum gloeosporioides) 102 โรคผลเน่า (Curvularia sp.) 102 การแพร่ระบาด 103 การควบคุมโรค 104 ส้ม 106 โรคราเขยี ว (Penicillium digitatum) 106 การแพร่ระบาด 107 การควบคมุ โรค 108 สละ 110 โรคผลเน่า (Thielaviopsis sp.) 110 การแพร่ระบาด การควบคุมโรค

สารบัญ (ต่อ) องุ่น 111 โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum gloeosporioides) 112 การแพร่ระบาด 114 การควบคมุ โรค 114 บรรณำนกุ รม 115 ภำคผนวก 119 โครงสร้างของเชอื้ รา 120 อภิธานศัพท์โรคพืช 124 การเตรยี มอาหารเลยี้ งเชื้อพดี เี อ 127 ดชั นีเชื้อราสาเหตุโรคพืชหลงั การเก็บเกย่ี ว 128

บทนำา ประเทศไทยมีการผลิตผลไม้เมืองร้อนทั้งเพ่ือบริ โภคภายใน ประเทศและสง่ ออก โดยมรี ายไดจ้ ากการสง่ ออกผลไมเ้ ปน็ จาำ นวนมาก และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผลไม้เกิด การสญู เสยี ไดต้ งั้ แตใ่ นแปลงปลกู จนถงึ ระยะหลงั การเกบ็ เกย่ี ว สาเหตุ สาำ คญั ประการหนง่ึ ของการสญู เสยี ของผลไมห้ ลงั การเกบ็ เกย่ี ว คอื โรค หลงั การเกบ็ เกย่ี ว ซงึ่ สาเหตหุ ลกั เกดิ จากการเขา้ ทาำ ลายของเชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ ที่ทำาให้เกดิ โรคตง้ั แต่ก่อนการเกบ็ เก่ยี ว เช่น เชื้อราและเชือ้ แบคทีเรีย เช้ือสาเหตโุ รคสามารถเข้าทาำ ลายผลไม้ได้โดยเข้าทางบาดแผลและทาง ช่องเปิดธรรมชาติบนผิวของผลไม้ โดยทั่วไปเช้ือราเข้าทำาลายผลไม้ แบบแฝง (latent infection) เมอ่ื เชอื้ ราสรา้ งเส้นใยในเซลล์ของผลไม้ แล้ว จะหยดุ การเจริญเตบิ โตชว่ั คราว แฝงตัวอยู่ระหว่างเซลล์บริเวณ ผิวของผลไม้ รอจนกระท่ังผลไม้เข้าสู่ระยะบริบูรณ์ หรือในระยะท่ี ผลไม้มีปริมาณน้ำาตาล ความช้ืน ความเป็นกรด-ด่าง และปริมาณ โพลฟิ นิ อลทเ่ี หมาะสม รว่ มกบั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเจรญิ เตบิ โต เชือ้ ราจึงเรมิ่ พัฒนาเซลล์ต่อไป และแสดงอาการของโรคในเวลาต่อมา เช้ือสาเหตุโรคสามารถแพร่ระบาดโดยลม ฝน และเศษซาก พืชที่เป็นโรคในแปลงปลูก หรือปนเปอนในบริเวณโรงคัดบรรจุที่ไม่ สะอาด การแพร่ระบาดของเช้ือสาเหตุโรคสามารถพบบนเครื่องมือ การเกษตรหรอื อปุ กรณใ์ นโรงคดั บรรจุ รวมถงึ การสมั ผสั ระหวา่ งผลไม้ ทป่ี กตกิ บั ผลทเี่ ปน็ โรค สง่ ผลใหเ้ กดิ ความเสยี หายในระหวา่ งการขนสง่

การเกบ็ รกั ษา วางจาำ หนา่ ย จนถงึ ผบู้ รโ ิ ภค ทาำ ใหผ้ ลไมม้ คี ณุ ภาพตาำ่ อายุ การเก็บรกั ษาส้นั ราคาตกตา่ำ เกดิ ผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องทุกส่วนใน ห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตามการปฏิบัติท่ีดีทั้งในแปลงปลูกและภายหลัง การเก็บเก่ยี ว สามารถลดการสูญเสียที่เกดิ จากการเข้าทาำ ลายของเชื้อ จลุ นิ ทรยี ไ์ ด ้ โดยเพมิ่ ความเอาใจใสแ่ ละความระมดั ระวงั ในทกุ ขนั้ ตอน การปฏิบัติตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนค้ี วามรู้ด้านวิทยาการหลัง การเกบ็ เกีย่ ว ได้แก่ การควบคุมด้วยวิธีกายภาพ เช่น การควบคมุ อณุ หภมู แิ ละความชนื้ ในสถานทเ่ี กบ็ รกั ษาผลไมใ้ หเ้ หมาะสม วธิ ที างเคมี เช่น การใช้สารเคมกี ลุ่ม Generally Recognized as Safe (GRAS) และการใช้ชีววธิ ใี นการควบคุมโรค เช่น การใช้จลุ นิ ทรีย์ปฏปิ ักษ์และ การใช้สารสกดั พืช วธิ ีการเหล่าน้สี ามารถควบคมุ การเกดิ โรคหลงั การ เก็บเกี่ยวได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและมีความปลอดภัยต่อผู้บรโิ ภค วธิ กี ารควบคมุ เหลา่ นนี้ อกจากสามารถควบคมุ การเกดิ โรคได้ แลว้ ยงั มสี ว่ นใหผ้ ลไมห้ ลงั การเกบ็ เกยี่ วมกี ารเปลย่ี นแปลงทางเคมแี ละ สรรี วทิ ยาช้าลง ทาำ ให้ผลไม้คงสภาพความสดและคงคุณค่าทางอาหาร ได้เป็นระยะเวลานานยิ่งขึน้ มีอายกุ ารวางจาำ หน่ายมากข้ึน สามารถลด การสญู เสยี ทเ่ี กดิ ข้ึนในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการขนส่งจาำ หน่ายใน ตลาดที่มีระยะทางไกลหรือตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการสามารถเพ่มิ ศกั ยภาพในการส่งออกมากยงิ่ ข้ึน 2 โรคผลไม้หลังการเก็บเก่ียว