ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน ก คานา ความหลากหลายทางชีวภาพถือเป็ นทรัพยากรที่มีความสาคญั อยา่ งประเมนิ คา่ มไิ ด้ ด้วยการท่ี มนษุ ย์ได้นาความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ประโยชน์ด้านปัจจยั ในการดารงชีพ โดยเฉพาะการ ได้มาซงึ่ อาหาร ผ้เู รียบเรียง ตระหนกั ดถี งึ ประโยชน์เหลา่ นที ้ ่ไี ด้จากความหลากหลายทางชีวภาพ และ ผ้เู รียบเรียงได้ถือเป็ นหน้าทีใ่ นการสง่ เสริมความรู้ความเข้าใจให้เกิดขนึ ้ สาหรับทกุ คนที่ได้ใช้ประโยชน์ จากความหลากหลายทางชีวภาพ ดงั นนั้ หนงั สอื เลม่ นจี ้ ึงถกู จดั ทาขนึ ้ เพอื่ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกบั ความหลากหลายของพืชอาหารป่ า ในพนื ้ ท่ีลมุ่ นา้ ห้วยหลวง จ.อดุ รธานี เพ่ือเป็ นประโยชน์ สาหรับ ประชาชนทวั่ ไป หวงั เป็ นอยา่ งย่งิ วา่ จะเป็ นประโยชน์ตอ่ การศกึ ษา และชว่ ยให้ผ้ทู ่ีสนใจได้มีความรู้ เรื่องพชื อาหารป่ าที่ได้เพมิ่ มากขนึ ้ หนงั สอื เลม่ นี ้เป็ นสว่ นหนงึ่ ของงานวจิ ยั เร่ืองความหลากหลายของพชื อาหารป่ า และการใช้ ประโยชน์จากชมุ ชน ของพนื ้ ทล่ี มุ่ นา้ ห้วยหลวงในพนื ้ ทีจ่ งั หวดั อดุ รธานี โดยได้รับทนุ สนบั สนนุ จาก โครงการสง่ เสริมการวิจยั ในอดุ มศกึ ษาและพฒั นามหาวิทยาลยั วิจยั แหง่ ชาติ ภายใต้สานกั งาน คณะกรรมการอดุ มศกึ ษา ประจาปี งบประมาณ 2557 มที งั้ หมด 3 เลม่ คอื เลม่ ที่ 1 เร่ือง พืชอาหาร ยอดนิยม (Local Market) เลม่ ที่ 2 เร่ืองผลไม้พนื ้ บ้าน และเลม่ ท่ี 3เรื่อง ผกั พนื ้ บ้าน หนงั สอื ความหลากหลายของพืชอาหารป่ า และการใช้ประโยชน์จากชมุ ชนบริเวณลมุ่ นา้ ห้วย หลวง จงั หวดั อดุ รธานี เลม่ ท่ี 3เรื่อง ผกั พนื ้ บ้าน มีเนอื ้ หาเก่ียวกบั พชื อาหารป่ าที่ รับประทานเป็ นผกั พนื ้ บ้าน พลอยระดา ภมู ี ผ้เู รียบเรียง
ข เล่มท่ี 3 เร่ือง ผักพืน้ บ้าน หน้า ก สารบญั ข สารบัญ (ตอ่ ) 1 2 คานา 3 สารบัญ 4 ผกั คอนแคน 5 ผกั โขมสวน 6 ผกั โขมหนาม 7 ผกั โขมหดั 8 มะกอกป่ า 9 ผกั ส้มลม เครือส้มลม 10 อีรอก 11 บกุ คางคก 12 บอนหวาน ทนู 13 ผกั หนาม 14 อรี อก 15 ผกั สะเอย่ี น จมกู ปลาไหล 16 ผกั ดอกขกิ ดอกขจร 17 ผกั ชีทงุ่ 18 ผกั กาดนา 19 เหงือกปลาหมอป่ า 20 ผกั กาดช้าง ผกั ลนิ ้ ปี่ ผกั กาดนา พญามตุ ติ ผกั คาดหวั แหวน
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน ค สารบญั (ตอ่ ) ผกั หนวด ขลู่ หน้า ผกั กดู 21 ผกั ปลงั ผกั ปังขาว 22 ผกั ปลงั แดง 23 แคน่ า 24 แคนา 25 แคอา่ ว 26 แคหวั หมู 27 ปี บ 28 ลนิ ้ ฟ้ า 29 ผกั ลมื ผวั 30 ผกั ก่มุ 31 ก่มุ บก 32 ผกั เสยี ้ น 33 เบนนา้ 34 ผกั บ้งุ 35 ตาลงึ 36 ผกั ไซ 37 หลู งิ แฟบนา้ 38 มะยม 39 ไครหางนาค 40 ถว่ั แฮ 41 ไผ่ 42 43
ง เล่มท่ี 3 เร่ือง ผักพืน้ บ้าน หน้า 44 สารบัญ (ตอ่ ) 45 46 ผกั ตวิ ้ 47 ผกั ตวิ ้ 48 ตวิ ้ ขน 49 ส้มโมง ชะมว่ ง 50 ผกั โฮบเฮบ 51 ผกั กะเดยี ง 52 ผกั หเู สอื 53 กระโดน 54 กระโดนโคก 55 ส้มเสย่ี ว 56 ผกั กาดยา่ 57 ขเี ้หลก็ 58 มะขาม 59 ส้มป่ อย 60 ชะอม 61 กระถิน 62 กระเฉดโคก 63 กระเฉดนา้ 64 อญั ชนั 65 ผา 66 ผกั พาย ผกั คนั จอง กระเจี๊ยบ
ความหลากหลายของพืชอาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน จ สารบัญ (ตอ่ ) ผกั แวน่ หน้า สะเดาบ้าน 67 พลองเหมือด 68 แกน่ ส้ม 69 แกน่ ขม 70 มะเดอื่ นา้ 71 หมอ่ น 72 ผกั อีฮมุ 73 ผกั เม็ก เสม็ดแดง 74 กล้วยป่ า 75 บวั สาย 76 ผกั หวานป่ า 77 ผกั ส้ม ส้มกบ 78 หวายนง่ั 79 หวายนา 80 หวายนา้ 81 ผกั สาบ 82 หมากหม่ หอ่ 83 ผกั สงั 84 ชะพลู 85 ผกั กาดนา้ 86 ผกั แพว 87 ผกั ตบชวา 88 89
ฉ เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน หน้า 90 สารบัญ (ตอ่ ) 94 92 ผกั ตบไทย 93 ผกั อีฮีน ผกั ขาเขยี ด 94 ผกั ก้านตง 95 มะตมู 96 สอ่ งฟ้ าดง 97 มะสงั 98 มะตมู ตงั กระแจะ 99 ผกั คาวทอง 100 ผกั กระแยง 101 มะเขือขน่ื 102 มะอกึ 103 มะเขอื พวง 104 มะแว้งเครือ หมากแข้ง 105 ผกั ส้มก้งุ 106 ขา่ ลงิ 107 กระชาย 108 กระเจียว 109 กระเจียวขาว 110 กระเจียวขาว 111 กระเจียวแดง เทา บรรณานุกรม
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 1 ผกั คอนแคน ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั คอนแคน ทา้ วสาร ผกั กอ้ นหมา พรา้ วพนั ลา ช่ือวิทยาศาสตร์ : Dracaena angustifolia Roxb ชื่อวงศ์ : AGAVACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม 2-3 เมตร ลาตน้ ตงั้ ตรงรปู ทรงกระบอก เป็นลาตน้ เดยี วหรอื แตกยอดไดเ้ ลก็ น้อย สเี ขยี วเขม้ ใบเดย่ี วเรยี งสลบั รูปดาบ เน้ือใบเป็นเสน้ ใย ผวิ ใบดา้ นบนสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั มกี าบใบ หุม้ ลาต้น ดอกช่อออกท่ซี อกใบและปลายกงิ่ ดอกย่อยจานวนมากหอ้ ยลง กา้ นช่อดอกยาว กลบี ดอกสขี าว ผลสดรปู เกอื บทรงกลมสเี หลอื งสม้ ขน้ึ ไดด้ ใี นทกุ สภาพแวดลอ้ ม ส่วนที่นามาบริโภค : ใบ ดอก รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
2 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั โขมสวน ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั โขมสวน ช่ือวิทยาศาสตร์ : Amaranthus tricolor Linn ช่ือวงศ์ : AMARANTHACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุกขนาดเลก็ ลาตน้ ตงั้ ตรง มคี วามสงู ไดถ้ งึ 1.30 เมตร สว่ นยอดมขี นสนั้ ปกคลุม เจรญิ เตบิ โตได้เรว็ ตอ้ งการความชน้ื สงู มแี สงแดดตลอดวนั และชอบดนิ ร่วน ใบเดย่ี ว เรยี งเวยี น สลบั กนั ลกั ษณะของใบเป็นรปู รถี งึ รูปไข่ ปลายใบมน สว่ นโคนใบสอบ ขอบใบเรยี บหรอื เป็นคล่นื เล็กน้อย และใบท่ีส่วนปลายยอดจะมีอยู่หลายสขี ้นึ อยู่กบั สายพนั ธุ์ เช่น สแี ดงสด สมี ่วงแดง สี เหลอื งทอง ผลแหง้ ไมแ่ ตก ภายในผลมเี มลด็ สดี าขนาดเลก็ จานวนมาก พบไดท้ วั่ ไปของทุกภาค ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 3 ผกั โขมหนาม ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั โขมหนาม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amaranthus spinosus Linn ชื่อวงศ์ : AMARANTHACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลกุ อายุสนั้ ประมาณปีเดยี ว ลาตน้ มลี กั ษณะตงั้ ตรงและแตกกง่ิ มาก มหี นามออก ตามซอกกงิ่ ลาตน้ เป็นเหลย่ี มหรอื กลม ผวิ เรยี บ มรี ่องละเอยี ดตามความยาวของลาตน้ สงู ประมาณ 1 เมตร ใบเดย่ี ว ใบเป็นรปู ไข่ หรอื เป็นรปู ไขแ่ กมรปู ใบหอกกวา้ ง ปลายใบแหลม สว่ น โคนใบสอบแคบ ขอบใบเป็นคลน่ื เลก็ น้อย มหี นามแหลมยาว 2 อนั อยทู่ โ่ี คนกา้ นใบ ออก ดอกชอ่ แบบชอ่ เชงิ ลด หรอื เป็นช่อแบบกระจุก ออกทบ่ี รเิ วณปลายกงิ่ ตามซอกใบ ซอกกงิ่ ดอกย่อยมี ขนาดเมลด็ กลบี ดอกสขี าวและเขยี วขนาดเลก็ ผลเป็นแบบแหง้ แลว้ แตก เมลด็ รปู ทรงกลมมขี นาด เลก็ มาก และเมลด็ ผกั โขมหนามมสี นี ้าตาล เป็นมนั เงา ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
4 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั โขมหดั ชื่อทิ้งถิ่น : ผกั โขมหดั ช่ือวิทยาศาสตร์ : Amaranthus viridis L. ชื่อวงศ์ : AMARANTHACEAE ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุกฤดูเดยี ว สูง 0.5-2 ฟุต ลาต้นตงั้ ตรง แตกกงิ่ ก้านรอบต้น ใบเด่ยี ว ออกเรยี ง ตรงขา้ มกนั ตามขอ้ ตน้ ใบรปู ไขห่ รอื รปู สเี หลย่ี มขนมเปียกปูน ปลายใบมนหรอื เวา้ เลก็ น้อย โคนใบ แหลมและกวา้ งกว่าปลายใบ ขอบใบเป็นจกั โคง้ มนหรอื กง่ึ ฟันเล่อื ย ผวิ ทอ้ งใบเกลย้ี ง ดอกช่อแบบ กระจะตามซอกใบและท่ปี ลายยอด ดอกเพศผู้และดอกเพศเมยี จะอยู่กนั คนละดอก แต่อยู่ในช่อ เดยี วกนั ดอกสเี ขยี ว ดอกจะเรยี งกนั เป็นแถวประมาณ 20-30 ดอก ดอกมขี นอย่หู นาแน่น ผลเป็น ฝักแหง้ แตกได้ ลกั ษณะของผลเป็นรปู กระสวยมกั ขน้ึ ทวั่ ไปตามทช่ี ุ่มชน้ื และพบไดท้ วั่ ทกุ ภาค ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 5 มะกอกป่ า ช่ือทิ้งถิ่น : มะกอก กอกกุก กกู กอกเขา กอกหมอง ไพแช มะกอกบา้ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Spondias pinnata (L.f.) Kurz ช่ือวงศ์ : ANACARDIACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้น สงู 15-30 เมตร เปลอื กต้นเรยี บ สเี ทา ใบ ประกอบแบบขนนกปลายค่ี ใบย่อย 4-6 คู่ ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก กวา้ ง 3-4 ซม. ยาว 7-12 ซม. ดอก สขี าวออกเป็นชอ่ ตามซอกใบ หรอื ปลายกงิ่ กลบี เล้ยี งและกลบี ดอก 5 กลบี เกสรตวั ผู้ 10 อนั ผล เมลด็ เดยี ว แขง็ รูปไข่ การ กระจายพนั ธุพ์ บตามป่ าเบญจพรรณชน้ื ป่าดบิ แลง้ ทร่ี ะดบั ความสงู 50-500 เมตร ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ผลนิยมนามาใสส่ มตา หรอื แจว แบบอสี าน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ยอดออ่ นทงั้ ปี ผลสกุ ฤดหู นาว-ตน้ ฤดรู อ้ น
6 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ส้มลม เครอื ส้มลม ชื่อทวั่ ไป : เครอื สม้ ลม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aganonerion polymorphum Pierre ex Spire ชื่อวงศ์ : AGAMONERION ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ย ลาตน้ เรยี บกลม สเี ขยี ว มนี ้ายางขาว ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ไข่ รปู ใบ หอกหรอื รปู วงรี ปลายใบแหลม โคนใบป้าน รปู หวั ใจ หรอื รปู กลม ขอบใบเรยี บเป็นมนั วาวสเี ขยี ว เขม้ ดอกช่อ ออกท่ปี ลายกง่ิ แบบช่อเชงิ หลนั่ ดอกย่อยขนาดเลก็ จานวนมาก 20-30 ดอก กลีบ ดอกสชี มพู หรอื สบี านเยน็ มี 5 กลบี กลบี เลย้ี งสเี ขยี วเขม้ ปนแดง มี 5 กลบี ปลายกลบี แหลม รูป ไข่ ผลเป็นฝักคู่ โคนฝักตดิ กนั ฝักกลม ปลายฝักแหลม ฝักสดสเี ขยี ว เม่อื แห้งสนี ้าตาลและแตก ตามยาวเป็นตะเขบ็ เดยี ว เมลด็ มจี านวนมาก เมลด็ เรยี วยาวสนี ้าตาล ลอยไปตามลมได้ พบตามป่ า เตง็ รงั ป่าดบิ แลง้ ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน รสเปรยี ว ใชแ้ ทนมะขามเปียกได้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 7 อีรอก ช่ือทวั่ ไป : อรี อก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amorphophallus brevispathus Gagnep. ชื่อวงศ์ : ARACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ ขา้ มปี มเี หงา้ ใตด้ นิ ใบเดย่ี ว กา้ นใบยาวกลมและอวบน้า ไม่มแี กน ใบมลี ายสี เขยี ว เทา น้าตาล และดาเป็นจดุ พน้ื จดุ ดา่ ง มกี า้ นใบยอ่ ยแตกออกจากปลายกา้ นใบ 2-3 กา้ น และ มใี บประดบั 10-120 ใบ ออกเป็นคู่ รูปคลา้ ยหอก ขอบใบเรยี บ ดอกอยู่ตรงปลายก้าน รูปคล้าย ดอกหน้าววั ออกผลเป็นกลุ่ม รูปทรงกระบอกตงั้ ขน้ึ มผี ลย่อยรปู รจี านวนมาก พบไดท้ วั่ ไป ชอบ ขน้ึ ตามรมิ แม่น้า ในพน้ื ทโ่ี ล่ง ทุ่งหญา้ พน้ื ทท่ี ม่ี คี วามชน้ื สม่าเสมอและฝนตกชุก ส่วนที่นามาบริโภค : กา้ นใบ นามาทาแกงอรี อก ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
8 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน บุกคางคก ช่ือทวั่ ไป : บกุ คงุ คก เบยี เบอื บกุ หนาม บุกหลวง หวั บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson. ชื่อวงศ์ : ARACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ มหี วั ใตด้ นิ ขนาดใหญ่ อายหุ ลายปี ลาตน้ กลม อวบน้า ไม่มแี ก่น ผวิ ขรุขระ มี ลายสเี ขยี วสแี ดง ใบเดย่ี ว ออกทป่ี ลายยอด ใบแผ่ออกคลา้ ยกางรม่ แลว้ หยกั เวา้ เขา้ หาเสน้ กลางใบ ขอบใบจกั เวา้ ลกึ ดอกออกเป็นช่อแทงขน้ึ มาจากหวั ใต้ดนิ บรเิ วณโคนตน้ สเี ขยี วหรอื สแี ดงแกมสี น้าตาล ช่อดอกมกี าบหุ้ม รปู กรวยคว่าขนาดใหญ่ ยบั เป็นร่องลกึ มกี ลนิ่ เหมน็ คลา้ ยซากสตั วเ์ น่า ผลรูปทรงรยี าว แบบผลสด เน้ือนุ่ม ผลอ่อนสเี ขยี ว พอสุกเป็นสเี หลอื ง สสี ม้ จนถึงแดง มจี านวน มากติดกนั เป็นช่อ หวั บุกมลี กั ษณะค่อนข้างกลม เน้ือในหัวสชี มพูสด เหลอื งอมชมพู หรือขาว เหลอื ง ส่วนท่ีนามาบริโภค : ลาตน้ ใชใ้ สแ่ กงเช่นเดย่ี วกบั แกงอรี อก ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 9 บอนหวาน ทูน ช่ือทิ้งถ่ิน : บอนน้า บอนเขยี ว บอนจนี ดา บอนหวาน บอนท่า บอนน้า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Colocasia esculenta (L.) Schott var. aquafiilis Hassk. ชื่อวงศ์ : ARACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก อายุไดห้ ลายปี มเี หงา้ ใตด้ นิ ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั เวยี นแผ่ออกรอบตน้ รปู ไข่ แกมสามเหล่ียมหรือเป็นรูปหัวใจหรือรูปโล่ ก้านใบออกท่ีตรงกลางแผ่นใบ ในแต่ละกอจะมี ประมาณ 7-9 ใบ กา้ นใบสเี ขยี วแกมสมี ่วงหรอื สเี ขยี วแกมเหลอื ง ดอกช่อเป็นแท่งเดย่ี วๆ ออกจาก ลาต้นใตด้ นิ ดอกเป็นกระเปาะสเี ขยี วเป็นแทง่ อย่ตู รงกลาง มกี ลน่ิ หอม ผลมขี นาดเลก็ จานวนมาก ผลเป็นผลสดสเี ขยี ว ภายในผลมเี มลด็ น้อย พบไดท้ ุกภาค มกั ขน้ึ เองตามทล่ี มุ่ บนดนิ โคลน บรเิ วณ รมิ น้าลาธาร หรอื บรเิ วณทม่ี นี ้าขงั ตน้ื ๆ ส่วนที่นามาบริโภค : กา้ นใบ รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื นามาใสแ่ กง ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
10 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั หนาม ช่ือทวั่ ไป : ผกั หนาม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Lasia spinosa (L.) Thwaites. ช่ือวงศ์ : ARACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก อายุหลายปี ลาต้นอยู่ใต้ดนิ ทอดขนานกบั พ้นื ดนิ ชูยอดขน้ึ เหนือพน้ื ดนิ มี หนามแหลม ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รูปหวั ลูกศร ขอบใบหยกั เว้าลกึ เป็นแฉก รอยเวา้ ลกึ เกอื บถงึ เสน้ กลางใบ มหี นามตามเสน้ ใบ ใบอ่อนมว้ นเป็นแทง่ กลม ปลายแหลม กา้ นใบรปู ดอกออกเป็นช่อเชงิ ลด ทรงกระบอก แทงออกจากกาบใบ ใบประดบั เป็นกาบสนี ้าตาลแกมเขยี วถึงสมี ่วง ช่อดอกสี น้าตาล ผลเรยี งชดิ กนั แน่นเป็นแท่งรปู ทรงกระบอก ผลสด หนาและเหนียว ผลออ่ นสเี ขยี วมเี น้อื นุ่ม ผลแก่สเี หลอื งแกมแดง ชอบขน้ึ ในทช่ี น้ื แฉะมนี ้าขงั พบตามรมิ คู คลอง หนอง บงึ ส่วนที่นามาบริโภค : ยอดออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปีตามทช่ี น้ื แฉะมนี ้าขงั พบมากในฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 11 อีรอก ช่ือทวั่ ไป : อรี อกกระแทง่ บุกเขา ช่ือวิทยาศาสตร์ : Pseudodracontium kerrii Gagnep. ชื่อวงศ์ : ARACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก มหี วั ใตด้ นิ พกั ตวั ในฤดแู ลง้ ลาต้นกลม ขนาดเท่าแท่งดนิ สอ มลี ายสเี ขยี วๆ แดงๆ ใบประกอบมี 3 สว่ น แต่ละสว่ นมใี บย่อยเรยี งหยกั แบบขนนก ใบย่อยรปู ขอบขนานหรอื รูปรี ดอกแยกเพศ ขนาดเลก็ จานวนมาก ออกบนช่อดอกยาว กาบหุ้มช่อดอกขนาดใหญ่ สเี ขยี วถึง เหลอื ง ตอนบนรปู รแี กมไข่ ปลายแหลม ตอนล่างมว้ นเป็นหลอด สเี ขยี ว ผลกลมสเี ขยี วเรยี งตดิ กนั เป็นแท่ง เมอ่ื สกุ สสี ม้ แดง พบมากในป่าเตง็ รงั ขน้ึ ตามป่าโปร่ง ป่าเตง็ รงั หรอื ตามชายป่าดบิ แลง้ ส่วนท่ีนามาบริโภค : กา้ นใบ นามาทาแกงอรี อก ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
12 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั สะเอ่ียน จมูกปลาไหล ช่ือทิ้งถิ่น : ผกั สะเอยี นจมกู ปลาไหล ผกั ไหม สะอกึ จมกู ปลาไหลดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oxystelma esculentum (L.) R.Br. ช่ือวงศ์ : ASCLEPIADACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ย เถามขี นาดเลก็ กลมเป็นสเี ขยี วและมยี างสขี าว ใบเดย่ี ว ออกเรยี งตรงขา้ ม กนั เป็นคู่ๆ รูปยาวแคบหรอื เป็นรูปดาบเรยี วแคบ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรยี บไม่มจี กั แผน่ ใบเป็นสเี ขยี ว ออกดอกเดย่ี วหรอื เป็นช่อสนั้ ๆ ตามซอกใบ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ปลายกลบี แหลม คลา้ ยรูปดาว รมิ ขอบกลบี ดอกมขี นสขี าวหรอื สขี าวอมชมพู ดา้ นในสชี มพมู ลี ายเสน้ สมี ่วงเขม้ และ จุดประสนี ้าตาลอย่ตู อนโคนกลบี ทต่ี ดิ กนั ผลเป็นฝัก ปลายแหลมโคง้ เรยี ว เปลอื กน่ิม ภายในพอง ลม เมอ่ื ผลแก่จะแตกออกดา้ นเดยี ว เมลด็ รปู ไข่สนี ้าตาล มขี นสขี าวตดิ อยเู่ ป็นกระจุก สามารถลอย ไปตามลมได้ไกลๆ พบอยู่ทวั่ ไปทางภาคตะวนั ออกและภาคกลางของประเทศไทย โดยมกั ขน้ึ บรเิ วณน้าตน้ื รมิ บงึ ทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 13 ผกั ดอกขิก ดอกขจร ชื่อทวั่ ไป : ขจรสลดิ ผกั สลดิ คาเลา สลดิ ป่า ผกั สลดิ กะจอน ขะจอน ผกั ขกิ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Telosma minor Craib ชื่อวงศ์ : ASCLEPIADACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ย เถามขี นาดเลก็ กลมเหนียวมาก สเี ขยี ว แตกใบเป็นพุ่มแน่นและทบึ ใบ เดย่ี ว ออกตรงขา้ มกนั เป็นคู่ รปู หวั ใจ คลา้ ยใบโพธหิ์ รอื ใบพลู ขอบใบเรยี บ ใบสเี ขยี ว ดอกช่อแบบ กระจุกหรอื ออกเป็นพวงๆ คล้ายพวงอุบะตามซอกใบหรอื โคนก้านใบ ช่อดอกมดี อกย่อย10-20 ดอก สเี ขยี วอมสเี หลอื ง กลน่ิ หอม ออกดอกเดือนมนี าคม-เดอื นพฤษภาคม ผลเป็นฝักกลมยาว ปลายแหลม สเี ขยี ว เม่อื แก่จะแตกออกตะเขบ็ เดียว ลกั ษณะเมล็ดแบน และมปี ุยสขี าวติดอยู่ท่ี ปลายเมลด็ พบไดท้ วั่ ทุกภาค ทงั้ ป่าดบิ แลง้ ป่าเบญจพรรณ ป่าละเมาะ ป่าเตง็ รงั ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั ดอกนามาประกอบอาหาร เชน่ แกง ผดั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ใบออ่ น ยอดออ่ น ทงั้ ปี ดอกฤดรู อ้ น
14 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ชีท่งุ ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั ชชี า้ ง ผกั ชที ุง้ ผกั ชโี คก สามรอ้ ยราก สามสบิ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd. ช่ือวงศ์ : ASPARAGACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเน้ือแขง็ แตกแขนงเป็นเถาหา่ งๆ ลาตน้ สเี ขยี ว กลม เรยี บ ล่นื และเป็นมนั ตาม ขอ้ มหี นามแหลม ลกั ษณะหนามโคง้ กลบั มเี หงา้ และรากอยู่ใต้ดนิ ออกเป็นกระจุกคลา้ ยกระสวย รากออกเป็นพวงคลา้ ยรากกระชาย อวบน้า เป็นเสน้ กลมยาว มขี นาดโตกว่าเถามาก ใบเดย่ี ว แขง็ ออกรอบขอ้ เป็นฝอยๆ เลก็ คลา้ ยหางกระรอก กระจุก 3-4 ใบ สเี ขยี ว รูปเขม็ ขนาดเลก็ ดอกเป็น ดอกช่อกระจะ ออกทป่ี ลายกง่ิ หรอื ซอกใบ สขี าวมกี ลนิ่ หอม ผลรูปทรงกลม ผวิ เรยี บเป็นมนั ผล อ่อนสเี ขยี ว เม่อื สกุ นสแี ดง เมลด็ สดี า พบขน้ึ ตามป่ าในเขตรอ้ นชน้ื ป่ าเขตรอ้ นแหง้ แลง้ ป่ าผลดั ใบ ป่ าโปรง่ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 15 ผกั กาดนา ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั กาดนา ผกั กระหนองมา้ ผกั กาดนกเขา กะเมง็ หอม ผกั จ่าป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Blumea napifolia DC. ช่ือวงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : ไมล้ ้มลุกขนาดเลก็ เหมอื นผกั กาดนกเขา แต่ต้นเลก็ กว่า ใบทรงกลม ใบเดย่ี ว เรยี ง สลบั รปู ขอบขนานหรอื รปู ขอบขนานแกมใบหอก ขอบใบหยกั ฟันเลอ่ื ยดอกช่อ ดอกเลก็ ๆ เป็นช่อ ชตู งั้ ออกทป่ี ลายกง่ิ ดอกย่อยขนาดเลก็ ผลแหง้ ไม่แตก ขนาดเลก็ สนี ้าตาล ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
16 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน เหงอื กปลาหมอป่ า ช่ือทิ้งถิ่น : ผกั กาดโคก เหงอื กปลาหมอป่า ช่ือวิทยาศาสตร์ : Blumeopsis flava (DC.) Gagnep. ช่ือวงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุก สูง 20-50 ซม. ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั รูปใบหอก รูปไขก่ ลบั รูปขอบขนาน หรอื รปู ขอบขนานแกมรปู ใบหอก ขอบใบหยกั เป็นฟันเล่อื ย ดอกเป็นดอกช่อกระจกุ แน่นทป่ี ลายกง่ิ ดอกยอ่ ยมขี นาดเลก็ สเี หลอื งสด มวี งประดบั ซอ้ นเหล่อื มกนั รปู ไขถ่ งึ รูปขอบขนานแกมรปู แถบ ไม่ มขี น ผลเป็นผลแหง้ ไม่แตก มขี นาดเลก็ สนี ้าตาล ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 17 ผกั กาดช้าง ชื่อทวั่ ไป : ผกั กาดชา้ ง ผกั ฮนุ ไฮ ผกั กา้ นกอ้ ง ผกั แซบเตบิ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Crassocephalum crepidioides (benth.) S. Moore ชื่อวงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลุกฤดเู ดยี ว ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู รแี กมขอบขนาน โคนใบเรยี วแคบเป็นกา้ นใบ ปลายใบเรยี วแหลม ขอบใบหยกั หรอื เวา้ เป็นแฉกบรเิ วณฐานใบ ดอกสขี าวแกมสสี ม้ ออกเป็นช่อท่ี ปลายยอด ก้านช่ออ่อน ช่อหน่ึงมี 3-5 กลุ่มดอก รูปทรงกระบอก โคนมใี บประดบั คลา้ ยเกลด็ หุ้ม ดอกย่อยอย่รู วมกนั เป็นกระจกุ มขี นฟูสขี าวเป็นพ่ทู ป่ี ลาย ปลวิ ไปไดต้ ามลม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สดหรอื ลวกสกุ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
18 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ลิ้นปี่ ช่ือทวั่ ไป : ผกั บงั้ ผกั แดงผกั กาดนกเขา หางปลาช่อน หปู ลาชอ่ น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Emilia sonchifolia (L.) DC. ex Wight ช่ือวงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ ลาตน้ ตงั้ ตรง สเี ขยี วแกมมว่ ง สงู 10-50 ซม. แตกกงิ่ กา้ นทโ่ี คนตน้ ลาตน้ ปก คลุมไปดว้ ยขนนุ่มทวั่ ไป ใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั ปลายใบแหลมเรยี ว โคนใบกวา้ งเป็นรปู ไข่ ขอบ ใบโคง้ หยกั เลก็ น้อยหรอื หยกั เวา้ หลงั ใบเป็นสเี ขยี วเขม้ ทอ้ งใบสมี ว่ งแดง ใบทโ่ี คนตน้ มขี นาดใหญ่ กว่าใบทอ่ี ย่บู นยอด ดอกเป็นดอกช่อ มดี อกย่อย 20-45 ดอก ขนาดเลก็ ดอกสแี ดงม่วง ผลเป็นผล เดย่ี ว รปู ทรงกระบอก เปลอื กผลแขง็ ผลแหง้ จะไม่แตกหรอื อา้ ออก เมลด็ ล่อน สนี ้าตาล และมขี น มกั ขน้ึ ตามทช่ี น้ื ท่งุ หญา้ โลง่ หรอื ขน้ึ ปะปนกบั วชั พชื ทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 19 ผกั กาดนา พญามตุ ติ ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั กาดนา พญามตุ ติ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grangea maderaspatana (L.) Poir. ช่ือวงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุกฤดเู ดยี ว สงู 10-30 ซม. ลาตน้ แตกกงิ่ กา้ นมากทโ่ี คนตน้ ชยู อดตงั้ ขน้ึ หรอื เลอ้ื ย แผ่ ผวิ มขี นนุ่มสขี าวปกคลุมทวั่ ไป ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู ใบหอกกลบั ถงึ รูปไข่กลบั ขอบใบเวา้ ลกึ เป็นแฉกๆ ไม่เป็นระเบยี บ เน้ือใบอวบ ดอกเด่ยี ว ดอกย่อยกระจุกแน่น ออกเด่ยี วๆ ทป่ี ลายยอด รูปกลม ดอกย่อยจานวนมาก กลบี ดอกสเี หลืองอ่อน เช่อื มกนั เป็นหลอด ผลแห้ง เมลด็ ล่อนรูป ทรงกระบอกกลม ออกดอกราวเดอื นมกราคม-เมษายน ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
20 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั คาดหวั แหวน ชื่อทวั่ ไป : ผกั ตุม้ หู ผกั เผด็ ผกั คราด หญา้ ตมุ้ หู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Acmella oleracea (L.) R.K. Jansen. วงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลุกขนาดเลก็ อายุปีเดยี ว ลาตน้ ตงั้ ตรง กลมและอวบน้า แตกกงิ่ กา้ นสาขา สงู 20-30 ซม. ลาต้นมสี เี ขยี วม่วงแดงปนเขม้ ทอดเล่อื ยไปตามดนิ เลก็ น้อย แต่ปลายชูขน้ึ ใบเด่ยี ว ออกตรงขา้ มกนั รปู สามเหลย่ี ม รปู ไข่ หรอื เป็นรปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ขอบใบเรยี บหรอื เป็นจกั คลา้ ย ฟันเล่ือยแบบหยาบๆ ผิวของใบมีขนและสาก ดอกเป็นดอกช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง เป็น กระจกุ สเี หลอื ง รูปไข่ ปลายแหลมคลา้ ยหวั แหวน ผลเป็นผลแหง้ รปู ไข่ มสี นั 3 สนั ส่วนปลายเวา้ เป็นแอ่งเลก็ น้อย รยางคม์ หี นามพบขน้ึ ไดไ้ ปในทล่ี มุ่ ชอ้ื แฉะ หรอื ตามป่ าละเมา รวมไปถงึ ทร่ี กรา้ ง หรอื ทร่ี าบโล่งแจง้ ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบ ยอด ดอก ประกอบอาหารประเภทอ่อมอสี าน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 21 ผกั หนวด ขลู่ ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั หนวดขลู่ ขลู หนวดงว้ิ หนวดงวั่ หนาดงวั หนาดววั ช่ือวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (L.) Less. ชื่อวงศ์ :ASTERACEAE (COMPOSITAE) ลกั ษณะ :ไม้พุ่มเล็ก สูง 0.5-1.5 เมตร กง่ิ แตกบรเิ วณโคนต้น มขี น ใบเด่ยี ว ออกสลบั รูปหอก ปลายใบแหลมหรอื เป็นตง่ิ เลก็ น้อย ฐานใบสอบ ขอบใบหยกั คลา้ ยซฟ่ี ันผวิ ใบมขี นประปรายทงั้ สอง ดา้ น กา้ นใบสนั้ หรอื ไม่มี ดอกช่อแบบแยกแขนง ออกท่ปี ลายยอด รูปสามเหล่ยี มหรอื รปู ใบหอก หรอื รูปกลมหรอื รูปหอกกลบั สเี ขยี ว ผวิ ด้านนอกมขี นแพปพสั สขี าว เป็นเสน้ มีขนาดไม่เท่ากนั รว่ งงา่ ย กลบี ดอกสมี ่วงถงึ สขี าว ผลรปู ไขก่ ลบั ผวิ เป็นสนั ขนมี 5-6 แถว ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
22 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั กดู ชื่อทวั่ ไป : ผกั กดู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Diplazium esculentum (Retz.) Sw. ชื่อวงศ์ : ATHYRIACEAE ลกั ษณะ: เฟิรน์ ขนาดใหญ่ มเี หงา้ ตงั้ ตรง สงู ประมาณ 1 เมตร เหงา้ ปกคลมุ ดว้ ยใบเกลด็ สนี ้าตาล เขม้ ถงึ ดา ขอบใบเกลด็ หยกั เป็นซฟี ัน ใบออกจากยอกเหงา้ กา้ นใบยาว ใบเป็นใบประกอบแบบขน นก 2-3 ชนั้ ใบย่อยค่ลู ่างเลก็ กว่าใบย่อยช่วงกลาง ใบย่อยบาง ปลายเรยี วแหลม โคนรปู กง่ิ หวั ใจ หรอื รปู ตงิ่ หู ขอบใบหยกั เวา้ ลกึ เป็นแฉกเกอื บถงึ เสน้ กลางใบ อบั สปอรอ์ ย่ตู ามความยาวของเสน้ ใบ ย่อยเช่อื มกบั อบั สปอรท์ อ่ี ยู่ในแฉกตดิ กนั ซ่งึ มเี สน้ ใบมาสานกนั ก้านใบย่อยสนั้ หรอื ไม่มี อบั สปอร์ อยตู่ ามความยาวของเสน้ ใบย่อยเช่อื มกบั อบั สปอรท์ อ่ี ย่ใู นแฉกตดิ กนั ซง่ึ มเี สน้ ใบมาสานกนั ส่วนท่ีนามาบริโภค : ยอดอ่อน ลวกรบั ประทานเป็นผกั หรอื ทายาผกั กดู ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี พบมากในฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 23 ผกั ปลงั ผกั ปังขาว ชื่อทวั่ ไป : ผกั ปังขาว ช่ือวิทยาศาสตร์ : Basella alba Linn. ชื่อวงศ์ : BASELLACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ย ลาตน้ อวบน้า เกลย้ี ง กลม แตกกงิ่ กา้ นสาขา ใบเดย่ี ว ออกสลบั สเี ขยี วเขม้ รูปไข่หรอื รูปหวั ใจ อวบน้า เป็นมนั หนา ฉีกขาดง่าย หลงั ใบและท้องใบเกล้ยี ง ขยจ้ี ะเป็ นเมือก เหนียว ปลายใบแหลม โคนใบรปู หวั ใจ ดอกเป็นดอกช่อเชงิ ลด ออกตรงซอกใบ ดอกย่อยจานวน มาก ขนาดเลก็ ไม่มกี ้านชูดอก สขี าว ผลเป็นผลสด รปู ร่างกลมแป้น ฉ่าน้า ผวิ เรยี บ ปลายผลมี รอ่ งแบ่งเป็นลอน ไม่มกี า้ นผล ผลอ่อนสเี ขยี ว ผลแก่มสี มี ่วงอมดา เน้ือภายในน่ิม ภายในผลมนี ้าสี มว่ งดา เมลด็ เดย่ี ว พบตามป่าท่งุ ตามทช่ี ุม่ ชน้ื ทวั่ ไป นิยมปลกู เป็นผกั รมิ รวั้ ออกยอดตลอดปี ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบ ยอด ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั หรอื ใสแ่ กง ออ่ ม ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
24 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ปลงั แดง ช่ือทวั่ ไป : ผกั ปลงั ช่ือวิทยาศาสตร์ : Basella rubra Linn. ชื่อวงศ์ : BASELLACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเล้อื ย คลา้ ยกบั ผกั ปลงั ท่มี ีเถาและใบสเี ขยี วดอก ต่างกนั ตรงท่ี เถาและใบแดง หรอื มว่ งแดงเรยี กผกั ปลงั แดงผกั ปลงั แดงออกดอกสมี ่วงแดง ส่วนที่นามาบริโภค : ใบ ยอด ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั หรอื ใสแ่ กง อ่อม ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 25 แค่นา ชื่อทวั่ ไป : แคท่ งุ่ แคยอดดา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dolichandrone columnaris Santisuk ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไม้ต้นขนาดใหญ่ ไม่ผลดั ใบ ลาต้นแตกกิ่งต่า เรือนยอดแคบเป็นพุ่มแน่นทึบ ใบ ประกอบแบบขนนกปลายค่ี ออกตรงขา้ มสลบั ใบย่อยรูปไข่ ปลายแหลม โคนใบเบย้ี ว ดอกใหญ่ ออกเดย่ี วหรอื ออกบนช่อกระจุกสนั้ ๆ 2-3 ดอก บานตอนกลางคนื กลบี ดอกสขี าว ตดิ กนั เป็นหลอด ยาว สว่ นบนผายออกเป็นกระพุง้ รปู ระฆงั ขอบกลบี ย่น ผลเป็นฝักแบนยาว เม่อื แหง้ จะบดิ และแตก เป็น 2 ซกี เมลด็ แบน มปี ีกบาง ออกดอกเดอื น ธนั วาคม-กุมภาพนั ธ์ พบตามทุ่งนา ส่วนใหญ่พบ ทางภาคใตต้ งั้ แต่จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านีลงไป ส่วนที่นามาบริโภค : ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
26 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน แคนา ช่ือทวั่ ไป : แคป่า แคดอกขาวแคอ่ า่ ว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dolichandrone serrulata(D.C.) Seem. ช่ือวงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ผลดั ใบขนาดกลาง สงู 10-20 เมตร ลาต้นเปลาตรง ใบประกอบแบบขนชนั้ เดยี วปลายค่ี ออกตรงขา้ มกนั รปู ไข่แกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเบย้ี ว ขอบใบหยกั เป็น แบบซฟ่ี ันตน้ื ๆ ดอกเป็นดอกช่อแบบช่อกระจะสนั้ ดอกมขี นาดใหญ่ รปู แตรสขี าว ออกตามปลาย กง่ิ เม่อื ดอกบานจะมรี อยแตกทางดา้ นล่าง แยกออกเป็นแฉก 5 แฉก ดอกมกี ลน่ิ หอม บานตอน กลางคนื ออกดอกเดอื นมนี าคม-มถิ ุนายน ผลเป็นฝัก แบน โคง้ และบดิ เป็นเกลยี ว เมลด็ เป็นรปู สี เหลย่ี ม พบตามป่า ตามทุ่ง ตามไร่นา ป่าเบญจพรรณ พบไดท้ วั่ ไปในเขตภาคอสี าน ส่วนที่นามาบริโภค : ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ นถงึ ตน้ ฤดฝู น
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 27 แคอ่าว ชื่อทิ้งถ่ิน : แค่อ่าว แคหางค่าง แคขน แคบดิ แคพอง แคหวั หมู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Fernandoa adenophylla (Wall. ex G. Don) Steenis ช่ือวงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ ้นขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง ผลดั ใบ สงู 5-20 เมตร ลาต้นมกั คดงอ ยอดเป็นพุม่ กลม ทบึ ใบเป็นช่อ ออกตรงขา้ มกนั ท่ปี ลายสุดของช่อใบมกั เป็นใบเด่ยี ว ๆ โคนใบมนและมกั เบ้ยี ว ปลายใบมนและเป็นตง่ิ แหลมสนั้ ๆ เน้ือใบหนา หลงั ใบเกลย้ี ง ท้องใบมขี นสากๆ ทวั่ ไป ดอกโตสี เหลอื งอ่อนๆ ออกรวมกนั เป็นช่อใหญ่ตามปลายกง่ิ ชอ่ จะตงั้ ชข้ี น้ึ ผลเป็นฝัก รปู ทรงกระบอกโต มี สนั เป็นเสน้ ตามยาวฝัก 5 สนั มขี นสนี ้าตาลแดงทวั่ ไป เมลด็ แบน มเี ย่อื บางๆ ตามขอบคลา้ ยปีก พบมากในป่ าเบญจพรรณ ป่ าเต็งรัง ป่ าหญ้า ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ส่วนที่นามาบริโภค : ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดรู อ้ นถงึ ตน้ ฤดฝู น
28 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน แคหวั หมู ช่ือทวั่ ไป : แคหวั หมู แคเขา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Markhamia stipulate Seem. ex K. Schum. Var. kerrii Sprague วงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไมต้ น้ สงู 5-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 4-8 คู่ รูปขอบขนาน รูปรแี กม ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก มตี ่อมรูปถ้วยท่โี คนใบ ดอก สเี หลอื งหม่น ขนาดใหญ่ ออกเป็นช่อตาม ปลายกงิ่ ผล แห้ง แตก รูปทรงกระบอก มขี นยาวคลายขนสตั วป์ กคลุมแน่น พบตามป่ าเบญจ พรรณชน้ื และชายป่าดบิ เขา ออกดอกเดอื น ม.ค.-ม.ี ค. ส่วนท่ีนามาบริโภค : ดอก ลวกรบั ประทานเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 29 ปี บ ชื่อทิ้งถ่ิน : ปีบ กาซะลอง กาดซะลอง กนั ของ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Millingtonia hortensis Linn.f. ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นสงู 6-15 เมตร เปลอื กตน้ สเี ทา ขรุขระกงิ่ กา้ นอ่อน ใบเป็นใบประกอบแบบขน นก 2-3 ชนั้ เรยี งตรงขา้ ม ใบย่อยรูปไข่แกมใบหอก ดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ออกท่ปี ลายกง่ิ ดอก ย่อย กลบี ดอกสขี าวเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลนิ่ หอม ผล เป็นฝักแบน เม่อื แก่จะแตก ออก ภายในมเี มลด็ จานวนมากเป็นไมพ้ น้ื เมอื งของพม่าและไทย พบขน้ึ กระจดั กระจายทวั่ ไปตาม ป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือและภาคตะวนั ตก ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดออ่ น ใสต่ ม้ เป็ดเพ่อื ดบั กลน่ิ คาว ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
30 เล่มท่ี 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ลิ้นฟ้า ชื่อทวั่ ไป : ลน้ิ ฟ้าเพกา มะลดิ ไม้ มะลน้ิ ไม้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oroxylum indicum (L.) Vent. ช่ือวงศ์ : BIGNONIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้นขนาดกลาง สงู 5-12 เมตร แตกกง่ิ กา้ นน้อย ใบประกอบแบบขนนกสามชนั้ ขนาดใหญ่เรยี วตรงขา้ มแน่นบรเิ วณปลายกงิ่ ใบยอ่ ยรูปไข่หรอื รปู ไขแ่ กมวงรี ปลายใบแหลม ดอก ออกเป็นช่อทป่ี ลายยอดเป็นกล่มุ กา้ นช่อดอกยาว ตงั้ ดอกยอ่ ยมขี นาดใหญ่ กลบี ดอกสเี หลอื งนวล หรอื แกมเขยี ว ส่วนโคนกลบี มสี มี ่วงแดง หนา ยน่ ดอกจะบานกลางคนื หรอื รุ่งเชา้ ผล เป็นฝัก รปู ดาบแบน ขนาดใหญ่ สนี ้าตาล เม่ือแก่จะแตกตามยาว ภายในมีเมลด็ แบน สขี าวมีปีกบางใน ประเทศไทยมกี ารกระจายพบขน้ึ ไดท้ วั่ ไป บรเิ วณ ชายป่าดบิ ทโ่ี ลง่ และไรร่ า้ ง ส่วนท่ีนามาบริโภค : ฝัก ลวก เผาไฟ รบั ประทาน ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 31 ผกั ลืมผวั ชื่อทิ้งถ่ิน : ผกั ลืมผวั ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lobelia begonifolia Wall. ช่ือวงศ์ : CAMPANULACEAE ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก ลาต้นทอดเลอ้ื ย มรี ากตามขอ้ ใบเรยี งเวยี น รูปไข่หรอื เกอื บกลม ปลายใบ แหลม มน หรอื กลม โคนใบรปู หวั ใจ ส่วนมากเบ้ยี ว ขอบใบจกั ซฟ่ี ันต้นื ๆ ดอกออกเดย่ี วๆ ตาม ซอกใบ กลบี ดอกสมี ่วงอ่อนอมเขยี วหรอื แดง ดา้ นใบมสี อี อ่ นหรอื มปี ้ืนสเี หลอื งอ่อน ผลแบบผลสดมี หลายเมลด็ สมี ่วงอมแดง ทรงกลมหรอื รูปรี เมลด็ ขนาดเลก็ จานวนมาก เกอื บกลม แบนเลก็ น้อย ผวิ เป็นรา่ งแห พบแทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งใตแ้ ละภาคใต้ ขน้ึ ตามรม่ เงาทช่ี มุ่ ชน้ื ใน ป่าดบิ แลง้ ป่าดบิ ชน้ื และป่าดบิ เขา ทอ้ งนาในเขตภาพอสี าน ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื ลวกสกุ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
32 เล่มที่ 3 เร่ือง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ก่มุ ชื่อทิ้งถิ่น : กมุ่ น้า ผกั ก่าม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crateva adansonii DC. subsp. trifoliate (Roxb.) Jacobs ช่ือวงศ์ : CAPPARACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ผลดั ใบ สงู 10 ม. เปลอื กสนี ้าตาลออ่ น คอ่ นขา้ งเรยี บ ใบเป็นใบประกอบแบบ น้วิ มอื มใี บยอ่ ย 3 ใบ ออกเรยี งสลบั ใบรปู ไขป่ ลายใบแหลมมตี งิ่ สนั้ เน้ือใบหนานุ่ม ผวิ ใบมนั แผ่น ใบเรยี บทงั้ สองด้าน ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกสขี าวเม่อื แรกบาน แลว้ เปลย่ี นเป็นสเี หลอื งหรอื สชี มพู กลีบดอกมี 4 กลบี รูปรี ปลายมน โคนสอบเรยี วกลบี เลย้ี งรปู รี กลบี เลย้ี งพอแหง้ เปลย่ี นเป็นสี ผลรปู ทรงกลม ผวิ มจี ุดสนี ้าตาลอมแดง เปลอื กแขง็ ผลออ่ นมสี เี ขยี ว พอสกุ มสี นี ้าตาลแดง เมลด็ รูปเกอื กมา้ หรอื รปู ไต พบตามป่ าผสมผลดั ใบ ป่ าเตง็ รงั ไร่นา ป่าเบญจ พรรณ เขาหนิ ปนู และป่าไผ่ ออกดอกราวเดอื นกมุ ภาพนั ธ-์ มนี าคม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ดอก นามาทาสม้ ผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดหู นาว
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 33 ก่มุ บก ช่ือทิ้งถ่ิน : กมุ่ บก ผกั กมุ่ กา่ ม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crateva religiosa G. Forst. (Syn. Crateva magna (Lour.) DC.) ช่ือวงศ์ : CAPPARACEAE ลกั ษณะ : เป็นไมย้ นื ตน้ สงู 4 – 20 เมตร ใบออกเป็นชอ่ รปู หอกหรอื รปู ขอบขนาน ปลายแหลม เรยี ว โคนใบสอบแคบ ผวิ เน้อื ใบค่อนขา้ งหนา หลงั ใบสเี ทาอมน้าตาล ทอ้ งใบมขี นละอองสเี ทา ตรง ปลายกา้ นจะมตี ่อมสนี ้าตาล ดอกเป็นช่อ กลบี รองกลบี ดอกรูปไข่ หรอื รปู รี ปลายกลบี จะมน ตรง กลางดอกมเี กสรตวั ผู้ กา้ นเกสรสมี ่วง 15 – 25 อนั ผลมลี กั ษณะเป็นรูปรี ผวิ เปลอื กหนามสี ะเกด็ บางๆ ซง่ึ จะเป็นสเี หลอื งอมเทาขน้ึ อย่ทู วั่ ไป เมลด็ มลี กั ษณะเป็นรปู เกอื กมา้ พบตามขา้ งลาธาร รมิ แมน่ ้า ทช่ี น้ื แฉะ ในป่าเบญจพรรณ ออกดอกเดอื นกมุ ภาพนั ธ-์ มถิ ุนายน ส่วนที่นามาบริโภค : ดอก นามาทาสม้ ผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ปลายฤดหู นาว – ตน้ ฤดฝู น
34 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั เสี้ยน ช่ือทวั่ ไป : Wild spider flower ผกั เสย้ี นขาวผกั เสย้ี นไทยผกั เสย้ี นบา้ น ช่ือวิทยาศาสตร์ : Cleome gynandra L. ช่ือวงศ์ : CLEOMACEAE ลกั ษณะ : ไมล้ ้มลุก สูง 30-15 ซม. สว่ นต่างๆ ของต้นมขี นปกคุลม ใบเป็นใบประกอบมี 3-5 ใบ ย่อย ใบย่อยเป็นรปู ไขก่ ลบั หรอื รูปใบหอกกลบั ปลายใบแหลม โคนเรยี วสอบ ขอบใบเป็นจกั ฟัน เล่อื ยละเอยี ด มใี บประดบั จานวนมาก ดอกเป็นดอกช่อทป่ี ลายกง่ิ จานวนมาก ผลเป็นฝักยาวคลา้ ย ถวั่ เขยี ว สเี ขยี ว เม่อื แก่เปลย่ี นเป็นสนี ้าตาลอ่อน เมลด็ สนี ้าตาลแดงปนสดี า ผวิ เมลด็ มรี อยย่น มกั พบขน้ึ เป็นวชั พชื ตามทอ้ งไรป่ ลายนา ทร่ี กรา้ งวา่ งเปล่าทวั่ ไป ส่วนท่ีนามาบริโภค : ทงั้ ตน้ นามาทาสม้ ผกั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 35 เบนน้า ชื่อทวั่ ไป : คดสงั ช่ือวิทยาศาสตร์ : Combretum trifoliatum Vent. ช่ือวงศ์ : COMBRETACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาหรอื ไมพ้ ุ่มรอเล้อื ย สงู 3-5 เมตร ก่งิ อ่อนมขี นนุ่มสนี ้าตาลแกมเหลอื งปกคลุม เม่อื แก่ผวิ จะเกล้ยี ง ใบเด่ยี ว ออกท่ขี อ้ เดยี วกนั 3-5 รูปรหี รอื รูปใบหอก ปลายใบแหลม มีติ่งสนั้ โคนใบมน หรอื ค่อนขา้ งกลมเลก็ น้อย เน้ือใบหนา มนั ดอกสขี าวหรอื สขี าวอมเหลอื ง มกี ลน่ิ หอม ออกเป็นช่อกระจายทป่ี ลายยอดหรอื ตามง่ามใบ มขี นคลา้ ยเสน้ ไหมสเี ทา รปู สามเหลย่ี มแกมรปู ไข่ มขี นหนาแน่น กลบี ดอกมี 5 กลบี มขี นนุ่มหนาแน่น ผลไม่มกี า้ น รปู รแี คบ ผวิ เกลย้ี ง สนี ้าตาลดา เป็นมนั มคี รบี ปีกแขง็ 5 ปีก ชอบขน้ึ บรเิ วณทช่ี ่มุ ชน้ื มี ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
36 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั บ้งุ ชื่อทวั่ ไป : ผกั บงุ้ ผกั ทอดยอด ช่ือวิทยาศาสตร:์ Ipomoea aquatica Forssk. ชื่อวงศ์ : CONVOLVULACEAE ลกั ษณะ : พชื ลม้ ลุกอายุหลายปี ลาต้นกลวง รากออกตามขอ้ ใบ รูปสามเหลย่ี ม รูปหอกหรอื รูป ขอบขนานแคบ ดอก สขี าว สชี มพหู รอื ม่วงอ่อน ออกเป็นช่อมี 2-3 ดอก ลกั ษณะแผ่เป็นปากแตร กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ตดิ กนั ตรงโคน กลบี ดอกเช่อื มตดิ กนั ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ เหนือโคนกลบี ดอก ผล แหง้ แลว้ แตก รูปไข่หรอื กลม เมลด็ มี 4 เมลด็ พบทวั่ ไปในเขตร้อน ตาม หนองน้าคลองบงึ ลอยอย่บู นผวิ น้า หรอื ทอดเลอ้ื ยตามพน้ื ดนิ ช่มุ น้า ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด ลวก หรอื ประกอบอาหารประเภท ผดั ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 37 ตาลึง ช่ือทวั่ ไป : ผกั ต่มุ นิล ช่ือวิทยาศาสตร์ : Coccinia grandis (L.) Voigt วงศ์ : CUCURBITACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเลอ้ื ยมมี อื จบั ลาเถาสเี ขยี ว ใบเดย่ี วสลบั กนั ไปตามเถา ฐานใบรปู หวั ใจ ปลายใบ แหลม ขอบใบหยกั แบบฟันเลอ้ื ยต้นื ๆ หยกั เว้า 5 แฉก เสน้ ใบแยกจากโคนใบท่จี ุดเดยี วกนั 5-7 เสน้ ดอกเป็นดอกเดย่ี วออกทซ่ี อกใบ ออกเดย่ี วๆ หรอื ออกเป็นกลุ่ม 2-3 ดอก เป็นไมท้ ไ่ี มส่ มบรู ณ์ เพศ คอื เพศผแู้ ละเพศเมยี จะอย่คู นละตน้ กนั ซง่ึ สงั เกตไดจ้ ากใบ ถา้ ใบหยกั มากเป็นเพศผู้ แต่ดอก จะสขี าวทรงกระบอก หวั แฉกเหมอื นกนั ผลมรี ปู รา่ งคลา้ ยแตงกวา แต่มขี นาดเลก็ กวา่ ผลท่ีออ่ นมี สเี ขยี ว และมลี ายขาว พอสกุ จะกลายเป็นสแี ดงสด เน้อื ลกั ษณะสแี ดง ส่วนที่นามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน ผกั ลวก หรอื ใสแ่ กงจดื แกงสม้ ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
38 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ผกั ไซ ชื่อทวั่ ไป : มะระขน้ี ก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Momordica charantia L. ช่ือวงศ์ : CUCURBITACEAE ลกั ษณะ : ไมเ้ ลอ้ื ยลม้ ลุก มมี อื ยดึ เกาะ ดอกแยกเพศอยบู่ นตน้ เดยี วกนั ลาตน้ สเี ขยี ว ขนาดเลก็ มี ขนอ่อนประปราย ใบเด่ยี วเรยี งสลบั แผ่นใบกวา้ งรูปไข่ถึงรปู ไต มขี นนุ่มเลก็ น้อย โคนใบเวา้ รูป หวั ใจ ใบหยกั ลกึ รปู มอื 5-9 หยกั แต่ละหยกั รปู ไขก่ ลบั รปู ไขเ่ รยี วยาวหรอื รูปเหลย่ี มขา้ วแหลมตดั แคบไปหาโคนปลายแหลมมตี งิ่ ขอบใบเวา้ เป็นคลน่ื ซฟ่ี ัน 5-7 หยกั กลบี บางกลบี ช้าง่าย ดอกออก ตามซอกใบ ผลรปู ร่างคลา้ ยกระสวย ผวิ ขรุขระ ผลสุกสเี หลอื งหรอื สเี หลอื งอมสม้ แตกทป่ี ลายแยก ออกเป็น 3 สว่ น เมลด็ สขี าวหรอื น้าตาล มเี น้อื สแี ดงหมุ้ ผวิ มลี วดลายขอบเป็นรอ่ ง ส่วนที่นามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ลวก หรอื ใสอาหารประเภทออ่ ม ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 39 หลู ิง แฟบน้า ช่ือทวั่ ไป : แฟบน้ากา้ งปลาขาว หมกั แฟบ หดู า้ ง หวั ลงิ แควบ แฟบ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hymenocardia punctuate Wall. ex Lindl. ช่ือวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่มกง่ึ ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ผลดั ใบ สงู 1.5-5 เมตร ใบเดย่ี วเรยี งสลบั รูปไข่ รูปขอบ ขนานหรอื รปู วงรี ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรยี บ แผน่ ใบดา้ นบนเกลย้ี ง เป็นมนั วาว แผ่นใบ ดา้ นล่างมขี นและต่อม มขี นหนาแน่นทเ่ี สน้ ใบ ดอกแยกเพศอย่คู นละตน้ ขนาดเลก็ ดอกตวั ผูเ้ ป็น ชอ่ แบบหางกระรอก (catkins) สแี ดงถงึ ม่วง มขี นละเอยี ด กลบี ดอกรปู สามเหลย่ี ม ดอกตวั เมยี เป็น ชอ่ กระจะสนั้ ๆ รูปสามเหลย่ี ม รงั ไข่สเี ขยี ว ยอดเกสรเพศเมยี สแี ดงม่วงเขม้ อมน้าตาล ผลแหง้ แตก ไม่มปี ีก คลา้ ยรูปหวั ใจ กลมแบน ผลอ่อนสเี ขยี วปนเหลอื ง ผลแก่สนี ้าตาลเขม้ มเี มลด็ เดยี ว พบ ตามป่าเตง็ รงั ป่าผลดั ใบ ป่าละเมาะรมิ น้า ออกดอกราวเดอื นเมษายน-มถิ ุนายน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ผลออ่ น ลวกรบั ประทานเป็นผกั สด หรอื ใสแ่ กงแทนมะขาม เพราะมรี ส เปรยี ว ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
40 เล่มท่ี 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน มะยม ช่ือทวั่ ไป : มะยม ช่ือวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus acidus (L.) Skeels ช่ือวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง สงู 3-10 เมตรเปลอื กตน้ ขรุขระสเี ทาปนน้าตาล แตก กง่ิ ท่ปี ลายยอด กงิ่ ก้านจะเปราะและแตกง่าย ใบประกอบ มใี บย่อยออกเรยี งแบบสลบั กนั เป็น 2 แถว ใบรปู ขอบขนานกลมหรอื คอ่ นขา้ งเป็นสเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู ปลายใบแหลม ดอก ออกเป็นช่อ ตามกงิ่ ดอกยอ่ ยสเี หลอื งอมน้าตาลเร่อื ๆ ผลเป็นพวง ผลสด รปู กลมแป้น มี 6-8 พู เมอ่ื อ่อนสเี ขยี ว เม่อื แกเ่ ปลย่ี นเป็นสเี หลอื งหรอื ขาวแกมเหลอื ง เน้ือฉ่าน้า เมลด็ รปู ร่างกลม แขง็ สนี ้าตาลอ่อน มีทงั้ พนั ธุเ์ ปรย้ี วและพนั ธุห์ วาน ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบออ่ น ยอดออ่ น รบั ประทานเป็นผกั สด ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชมุ ชน 41 ไครหางนาค ชื่อทวั่ ไป : เสยี วน้า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus acidus taxodiifolius Beille ช่ือวงศ์ : EUPHORBIACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่มขนาดเลก็ สงู 1-3 เมตร ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู ขอบขนานกวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 1- 1.5 ซม. ดอกช่อ แบบช่อกระจุก ออกทซ่ี อกใบ ดอกแยกเพศอย่รู ่วมตน้ ดอกย่อยสขี าวนวล ดอก เพศผมู้ กี ลบี รวม 4 กลบี ดอกเพศเมยี มกี ลบี รวม 6 กลบี จานฐานดอกเป็นกาบรูปถว้ ย จกั เป็นครุย และแหง้ แตก ผลค่อนขา้ งกลม ส่วนท่ีนามาบริโภค : ใบอ่อน ยอดอ่อน รบั ประทานเป็นผกั สด หรอื ใสอ่อมหอย ปลาไหล ปลาดุก ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
42 เล่มที่ 3 เรื่อง ผกั พืน้ บ้าน ถวั่ แฮ ชื่อทวั่ ไป : ถวั่ แระ ถวั่ แรด มะแฮะ มะแฮะตน้ ถวั่ แระตน้ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Cajanus cajan (Linn.) Mill sp. ช่ือวงศ์ : FABACEAE ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม อายุสนั้ สงู 1-3.5 เมตร กงิ่ แผ่ออกดา้ นขา้ งเป็นคู่ ผวิ ตน้ เกลย้ี งสเี ขยี วหม่น ใบ ประกอบแบบขนนก มใี บยอ่ ย 3 ใบ ออกเรยี งสลบั ใบย่อยจะแตกออกมาตามลาตน้ รปู ขอบขนาน แกมใบหอก ปลายใบแหลม ผวิ ใบทงั้ สองดา้ นมขี นสขี าวนวล ออกดอกเป็นชอ่ กระจะคลา้ ยดอกโสน 8-14 ดอก ออกตามซอกใบ รปู ดอกถวั่ กลบี ดอกสเี หลอื งมขี อบสนี ้าตาลแดง ผลเป็นฝัก ฝักหน่ึงจะ แบ่งออกเป็นหอ้ ง 3-4 หอ้ ง หอ้ งละ 1 เมลด็ เมลด็ กลม ขนาดเท่ากบั เมลด็ ถวั่ เหลอื ง สเี หลอื ง ขาว และสแี ดงพบขน้ึ ในทโ่ี ลง่ แจง้ ชายป่าเบญจพรรณ ส่วนที่นามาบริโภค : ฝัก รบั ประทานเป็นผกั สด ลวก หรอื ทาซบุ ฤดกู าลท่ีสามารถใช้ประโยชน์ : ทงั้ ปี
ความหลากหลายของพชื อาหารป่ าและการใช้ประโยชน์จากชุมชน 43 ช่ือทวั่ ไป : Bomboo ไผ่ ไผ่ ช่ือวิทยาศาสตร์ : - ช่ือวงศ์ : GRAMINEAE ลกั ษณะ : ไม้พุ่ม พบหลายชนิดและหลายสกุลใน วงศ์หญ้า Poaceae ข้นึ เป็นกอ ลาต้นเป็น ปล้องๆ ชนิดท่ีพบในพ้ืนท่ี ได้แก่ ไผ่โจด (Arundinaria ciliata A. Camus),ไผ่ป่ า(Bambusa bambos(L.) Voss), ไผ่สสี ุก (B. blumeana Schult.f.), ไผ่บงหวาน (B. burmanica Gamble), ไผ่ เล้ียง (B. multiplex (Lour.) Raeusch.), ไผ่บง (B. nutans Wall.), ไผ่ตง(Dendrocalamusasper (Roem. & Schult.) Backer ex Heyne.),ไผ่บงใหญ่(D. brandisii (Munro) Kurz.), ไผ่ลามะกอก หรอื ไผ่ซางป่ า (D. longispathus (Kurz) Kurz), ไผ่ไร่ (Gigantochloa albociliata (Munro)Munro), (G. cochinchinensis A.Camus),ไ ผ่ ซ อ ด (Thyrsostachys siamensis Gamble), โ จ ด ( Vietnamosasa ciliata (A. Camus) Nguyen) เ พ็ ก (Vietnamosasa pusilla (Chevalier & A.Camus) Nguyen) ส่วนท่ีนามาบริโภค : หนอ ประกอบอาหารประเภทแกง เช่น แกงหนอไมส้ ด แกงหนอไมส้ ม้ แกง หนอมไฟ หรอื ลวกเป็นผกั ฤดกู าลที่สามารถใช้ประโยชน์ : ฤดฝู น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120