หนังสือ : ผอ่ ง เล่งอี.้ ..ผเู้ กบ็ สรา้ งผนื ไพรใหแ้ ผน่ ดิน ผู้เรยี บเรียง : คมฉาน ตะวันฉาย ผจู้ ัดพิมพ์ : กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ บุตรหลาน และญาตมิ ิตร พมิ พค์ รงั้ แรก : พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสทำ�บุญครบ ๗ รอบ อายุ ๘๔ ปี จ�ำ นวนเล่ม : ๑,๐๐๐ เลม่ เผยแพร่ : ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑ 2
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ 3
อารัมภบท การรบั ร้เู รอื่ งราวของป่านั้น เรม่ิ แรกผมกค็ งเหมอื นกับผคู้ นทั่วไป ทร่ี เู้ พยี งผิวเผนิ วา่ ปา่ ก็ตอ้ งมี ตน้ ไม้ มสี ตั วป์ า่ มคี วามยากล�ำ บาก แตค่ รนั้ เมอื่ ไดเ้ ขา้ มาเรยี นในคณะวนศาสตรใ์ นครงั้ นนั้ การ รบั รเู้ รอ่ื งราวของปา่ ดจู ะขยายกวา้ งออกไปหลายแนวทาง แมจ้ ะถกู สอนใหม้ องปา่ วา่ เปน็ แหลง่ ของ เศรษฐกจิ เปน็ แหลง่ ของการหาเงนิ เขา้ ประเทศ แตใ่ นส�ำ นกึ ทไ่ี มไ่ ดถ้ กู สอนสงั่ กลบั คดิ ไปอกี แงม่ มุ หนง่ึ วา่ ปา่ นนั้ หาใชเ่ ปน็ เพยี งแหลง่ ผลประโยชนท์ เ่ี ราจะตดั ฟนั ตน้ ไมอ้ อกมาขายเทา่ นน้ั หากแตป่ า่ นา่ จะ มปี ระโยชนม์ ากกวา่ นนั้ ในอกี หลายแงม่ มุ จนเมอื่ ไดเ้ ขา้ มาท�ำ งานในกรมปา่ ไม้ และถกู มอบหมายงาน ใหท้ �ำ เกยี่ วกบั เรอ่ื งการปอ้ งกนั คมุ้ ครองสตั วป์ า่ นนั่ จงึ เปน็ เปน็ เบา้ หลอมแรกทท่ี �ำ ใหผ้ มมองเหน็ คณุ คา่ ของปา่ และสตั วป์ า่ ทแ่ี ตกตา่ งจากการมองในแงเ่ ศรษฐกจิ แตม่ คี ณุ คา่ ในแงเ่ สรมิ สรา้ งสงั คม เสริมสร้าง ประเทศ และสร้างสมดุลใหโ้ ลก เมอื่ มโี อกาสทจี่ ะเกบ็ ทัง้ ปา่ และสัตวป์ า่ ไว้ให้อยกู่ ับประเทศนไ้ี ด้ ผม กเ็ รมิ่ ลงมือท�ำ แม้จะท�ำ เพราะเปน็ หน้าที่ แตก่ โ็ ดยการชี้นำ�ของใจท่รี ักธรรมชาติ ในช่วงเวลาที่ผมมีโอกาสได้ไปสร้างไปเก็บป่าไว้ในรูปของอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธ์ุ สตั ว์ปา่ ถือเป็นชว่ งทีต่ อ่ สกู้ นั ของสองแนวทางอยา่ งหนักหนว่ ง แนวทางหนง่ึ คือแนวทางของการสง่ ไมเ้ ปน็ สนิ คา้ ออกและน�ำ เงนิ ตราเขา้ ประเทศ ซง่ึ เราด�ำ เนนิ แนวทางนม้ี าอยา่ งยาวนาน แลว้ สงั คมหรอื ผรู้ บั ผดิ ชอบบา้ นเมอื งในขณะนน้ั กไ็ มไ่ ดเ้ ฉลยี วใจทด่ี นิ ฟา้ อากาศเรม่ิ เปลย่ี นแปลง เพราะพน้ื ทปี่ า่ ถกู ลด ลงอย่างมากมาย อาจจะมผี คู้ นหลายส่วนท่คี ิดสวนทาง ว่าสมควรท่จี ะหยดุ การทำ�ลายป่าเสียที แต่ เขาเหลา่ นนั้ อาจจะไมม่ โี อกาสไดท้ �ำ แตผ่ มมี ดงั นน้ั เมอื่ ผมเขา้ มามอี �ำ นาจและหนา้ ทใ่ี นการประกาศ เขตรักษาพนั ธ์ุสัตวป์ า่ และอทุ ยานแหง่ ชาติได้ ผมจงึ ไมร่ ้ังรอทจี่ ะประกาศพื้นทเี่ หล่าน้นั ไว้ แม้จะมี แรงเสยี ดทานและคัดคา้ นจากคนที่เสียผลประโยชน์จนบางครั้งนำ�ภยั มาสู่ตัวอยา่ งไรก็ตาม ในขณะ ทท่ี �ำ ในตอนนน้ั ผมคดิ แตว่ า่ ตอ้ งประกาศและท�ำ ไปตามแผนงานทว่ี างไว้ ใหบ้ รรลเุ ทา่ นนั้ แตเ่ มอื่ ครงั้ ผมเกษยี ณอายรุ าชการ ออกมานงั่ พกั ผอ่ น ในชว่ งเขา้ ปจั ฉมิ วยั ผลของการท�ำ งานอยา่ งทมุ่ เทเมอื่ วยั หนมุ่ ท�ำ ใหอ้ ดภาคภมู ใิ จในผลงานเหลา่ นน้ั ไมไ่ ด้ เวลาทม่ี คี นเอย่ ถงึ ปา่ ทไี่ หนทยี่ งั คงเปน็ ปา่ ทสี่ มบรู ณ์ สตั วป์ ่าทไ่ี หนทช่ี ุกชมุ หรอื แหล่งท่องเท่ียวใดที่มธี รรมชาติอันสวยงาม ผมกอ็ ดยอ้ นมานึกถงึ ไม่ได้ว่า ทนี่ น่ั ผมมีส่วนเขา้ ไปสร้าง ไปทำ�ไวอ้ ยา่ งไร ในชว่ งเวลาท่ผี มได้มโี อกาส ได้ทำ�และไดส้ ร้างป่าไว้นนั้ อาจจะมีหลายคนท่คี ดิ เหมือนผม แต่ ไม่มีโอกาสไดท้ �ำ เมื่อผมมโี อกาสทำ�ผมก็ทำ� โดยไม่คดิ ว่าตวั เองมคี วามเก่งกล้า หรือมคี ุณปู การอะไร จนเกินเหตุ หากแตผ่ มไดก้ ระทำ� ในสงิ่ ทผี่ มควรจะทำ� และยิ่งภูมิใจเมื่อมองเห็นผลงานที่ผมท�ำ ไวใ้ น 4
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผน่ ดิน อดตี ถูกกล่าวขานถงึ ในแงบ่ วกในปัจจบุ ัน ผมเปน็ เพยี งขา้ ราชการเลก็ ๆ คนหนง่ึ ทไ่ี ดม้ โี อกาสเขา้ มาชว่ ยกนั เสรมิ สรา้ งประเทศนใ้ี หน้ า่ อยู่ ใหย้ งั คงมปี า่ ทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ เปน็ แหลง่ ตน้ นาํ้ ล�ำ ธาร แตก่ วา่ ทบี่ า้ นเราจะมปี า่ อยา่ งในปจั จบุ นั ไมใ่ ชเ่ รอื่ ง งา่ ยเลย การท�ำ งานและเบอื้ งหลงั ของการทจ่ี ะไดผ้ นื ปา่ กลบั มาเปน็ ของแผน่ ดนิ ในแตล่ ะแหง่ นนั้ จงึ ลว้ นแลว้ มที มี่ าทง้ั สนิ้ การบอกเลา่ ไมใ่ ชเ่ ปน็ การยกยอ่ งตนเอง หากแตอ่ ยากใหเ้ หน็ อปุ สรรคของการ ทีก่ ว่าจะไดม้ าซงึ่ ป่าแตล่ ะแหง่ ว่ามันไดม้ าดว้ ยความยากเยน็ เพยี งใด เพอ่ื ทคี่ นร่นุ น้จี ะไดร้ ู้จกั คณุ คา่ ของมนั หนงั สือเล่มนี้จงึ เป็นเหมอื นบนั ทกึ ถงึ ปูมหลงั ของผนื ปา่ แต่ละแห่งที่ปรากฏใหเ้ ห็นในปจั จบุ ัน ท่ผี มเขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง ตอ้ งยอมรบั วา่ กวา่ จะไดม้ าซง่ึ ปา่ แตล่ ะแหง่ นน้ั แสนยากเขญ็ บางทมี่ ที ม่ี าทีไ่ ป บางที่ต้องใช้อุบายกว่าจะได้ป่ามา มันจึงมีทั้งเบื้องหลัง วิธีการ แรงบันดาลใจและการสนับสนุน ซงึ่ ไดบ้ อกกล่าวไวใ้ นเน้อื หาในเล่มแล้ว ผมทำ�งานกับคนหลายคน มีผู้ร่วมงานที่ดีๆ มีความสามารถ มีความต้ังใจ และผู้ท่ีเข้ามา เกีย่ วข้องกับชีวิตผมหลายคน ผมจงึ เน้นชือ่ ของท่านเหล่าน้ใี นเร่อื ง เพ่อื เป็นการยกย่อง ไม่ไดก้ ล่าว หาหรอื ว่ากล่าวผู้ใดให้เสียหาย แตถ่ งึ กระน้นั หากมคี วามขดั เคืองใจผมต้องขออภัยมา ณ ท่นี ี้ ในห้วงชีวิตหน่ึงผมได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน โดยการเก็บและสร้างผืนป่าธรรมชาติไว้ให้กับ ประเทศนหี้ ลายแหง่ และเมอื่ วนั เวลาสง่ ผา่ นมาจนถงึ ปจั จบุ นั วนั ทผ่ี มออกมานง่ั พกั ผอ่ นในบน้ั ปลาย ชีวิต และเป็นช่วงเวลาท่ีคนรุ่นน้ีจะต้องดูแลป่าของประเทศ รับไม้ต่อจากคนรุ่นผม ก็ต้องทำ�ให้ดี ดว้ ยความตง้ั ใจ ไมว่ า่ จะเปน็ ขา้ ราชการกรมปา่ ไม้ กรมอทุ ยานฯ หรอื แมแ้ ตเ่ ปน็ ประชาชนทว่ั ไป ทกุ คน กล็ ว้ นแลว้ แตม่ หี นา้ ทเ่ี กบ็ รกั ษา ทรพั ยากรของชาตไิ วใ้ หร้ นุ่ ลกู รนุ่ หลานสบื ตอ่ ไป ตวั เราอาจจะสญู สลาย ไปได้ แตป่ ระเทศนจี้ ะตอ้ งอยู่ และอยอู่ ยา่ งสมบรู ณพ์ นู สขุ โดยมปี า่ ไมเ้ ปน็ เครอื่ งสรา้ งความสมบรู ณ์ ใหแ้ ผ่นดนิ สำ�หรับผม ผมได้ตอบแทนคุณแผ่นดินแล้ว ท่านทั้งหลายได้ตอบแทนหรือยัง ถา้ ยังกล็ งมอื เสยี แต่วนั น.ี้ .. ดว้ ยจติ คารวะ ผอ่ ง เลง่ อ้ี เมษายน 2561 5
ชายผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าายผู้นั่งอยู่ข้างหน้าผม ชเปน็ คนรปู รา่ งสนั ทดั ไม่ อ้วน ใบหน้าบ่งบอกการเป็น คนมสี ขุ ภาพใจ สขุ ภาพกายทด่ี ี ผอ่ ง เลง่ อ้ี อดตี อธบิ ดกี รมปา่ ไม้ ในวยั ๘๔ ปี ดทู า่ นยงั แขง็ แรง สดช่นื ผมคุ้นชื่อท่านอธิบดี ผ่อง เล่งอ้ี ต้ังแต่ยังเป็น นักศึกษาในมหาวิทยาลัยท่ี ผมท�ำ กจิ กรรมนกั ศกึ ษาชมรม อนุรักษ์ธรรมชาติฯ ขณะ เดียวกันผมก็เร่ิมหัดเขียนข่าว ลงในนิตยสารข่าววิเคราะห์ รายสัปดาห์ท่ีแพร่หลายในยุค น้ัน ส่วนใหญ่ผมก็เขียนเร่ือง สิ่งแวดล้อม เรื่องป่าไม้ แล้ว เส้นทางชีวิตก็เลยทำ�ให้หันเห มาทางสายสื่อมวลชน ผมก็ เวียนเข้าเวียนออกไปโผล่ที่ หนงั สอื พมิ พบ์ า้ ง นติ ยสารบา้ ง แต่ท่ีไม่เคยขาดการติดต่อมา แตต่ ้นเลยคอื กรมปา่ ไม้ เพราะที่นเี่ ปน็ แหล่งขา่ วท่ผี มเกาะตดิ มานาน ตอนผมเจอท่านอธิบดีผ่องครั้งแรก ดูเหมือนท่านจะเป็น ผอ.ส�ำ นักสัตว์ป่า เรายังเป็นนักข่าวเด็กๆ ร้จู ักท่านก็เพียงหา่ งๆ แตส่ �ำ หรบั กรมป่าไม้ ผมเห็นความเคล่ือนไหวมาตลอด ชว่ งทท่ี า่ นเปน็ ผอ.กองสตั วป์ า่ และกองอทุ ยานฯ ผมวา่ เปน็ กรมปา่ ไมท้ ม่ี คี วามคกึ คกั เปน็ ทส่ี ดุ มกี าร ประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติกันเป็นว่าเล่น ผมเลยสนิทชิดเชื้อกับหลายท่านในกรมป่าไม้ จนบางท่าน เติบโตเป็นอธิบดี เป็น รองปลัด เป็น ผอ. สำ�นักมากมาย เพราะแหล่งข่าวเรามาก กิจกรรมในกรมก็มาก ผมเลยเขียนข่าวกรมป่าไม้กันอย่างสนุก จนท่านอธิบดีผ่องเกษียณอายุราชการ ออกมาเป็นวุฒิสมาชิก จนกระทั่งท่านหมดวาระในการเป็นวุฒิสมาชิก และท่านบอกว่า “...พอแล้ว” นั่นแหละ นั่นจึงได้ถึงเวลา พักผ่อนจริงๆ 6
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดิน ผมอาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับท่านอธิบดีผ่อง เป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ผมคุ้นเคยกับลูกน้องของ ท่านในวัยใกล้เคียงกันกับท่านหลายคน เช่น หัวหน้าบุญเรือง สายศร หัวหน้าไพรัตน์ ธารชัย หัวหน้า อนุรักษ์ ธีระเลิศเวไนย หัวหน้าสามารถ ม่วงไหมทอง หัวหน้าทวี หนูทอง ฯลฯ คนเหล่านี้ บางคนผม คุ้นเคยตั้งแต่สมัยผมเป็นนักศึกษา บางคนก็มาคุ้นเคยเอาเมื่อผมเร่ิมงานสายส่ือสารมวลชน ท่านเหล่านี้ ถือเป็นแหล่งข่าวใกล้ชิด ครั้นท่านทั้งหลายเกษียณอายุราชการ เมื่อมีโอกาสได้มาพบปะสังสรรค์กัน ที่บ้านท่านอธิบดีผ่อง ท่านเหล่านั้นจึงชวนผมมาพบปะกัน และนั่นจึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มน้ี คนแกม่ กั จะเลา่ เรอื่ งเก่า บงั เอิญเรอ่ื งเก่าเหลา่ น้ี ผมก็พอรจู้ กั อยู่บ้าง พอทา่ นเหล่านมี้ าเจอกัน แลว้ เล่าเรือ่ งสมยั ทำ�งานสูก่ ันฟังและแต่ละเรอ่ื งน่าสนใจมาก ผมถงึ หูผึง่ น่งั ฟงั อย่างต้ังใจ และซกั ถามเป็นระยะ เบอ้ื งลกึ เบอ้ื งหลงั ของการจดั ตง้ั อทุ ยานแหง่ ชาติ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทผ่ี มไมเ่ คยรทู้ ม่ี าทไ่ี ปมากอ่ นเลย การพบปะวนั นนั้ จงึ ถอื วา่ ครบเรอ่ื ง คอื มที ง้ั คนทอ่ี อกค�ำ สงั่ ใหไ้ ปท�ำ งาน และคนไปท�ำ งาน มาเลา่ เรอื่ งเดยี วกนั เรอ่ื งราวเหลา่ นน้ี า่ สนใจมาก จนผมคดิ วา่ เรอ่ื งราวมนั ไมค่ วรทจ่ี ะอยแู่ คผ่ มทไ่ี ดฟ้ งั แตม่ นั ควรจะถกู เผยแพร่ ใหส้ าธารณะชนไดร้ บั รู้ เพราะนค่ี อื ขอ้ มลู ชน้ั ดี ไมม่ ใี ครอยากรเู้ ชยี วหรอื วา่ งานดา้ นการอนรุ กั ษป์ า่ การเกดิ ขน้ึ ของสำ�นักอนุรักษ์ สำ�นักอุทยานฯในปัจจุบันเป็นอย่างไร ในเมื่อผมมาเจอคนท่ีก่อตั้งและทำ�งานมาแต่ต้น แลว้ ผมว่าน่าสนใจมาก โดยเฉพาะคนทส่ี นใจงานดา้ นอนุรกั ษใ์ นบ้านเรา รวมท้งั นกั ท่องเที่ยวทช่ี อบป่าเขา ทจี่ ะไดร้ บั รเู้ บอ้ื งหลงั ของการท�ำ งาน ทก่ี วา่ จะไดพ้ น้ื ทปี่ า่ มาแตล่ ะแหง่ เปน็ เกรด็ ความรทู้ ไี่ มน่ า่ จะสญู หายไป พรอ้ มกบั บคุ คล ผมเลยเรยี นทา่ นวา่ ผมอยากจะบนั ทกึ เรอ่ื งราวเหลา่ น้ี เพอ่ื บอกเลา่ ใหค้ นรนุ่ หลงั ใหไ้ ดร้ ู้ ท่านก็ เมตตาและนัดแนะให้มาพูดคยุ กันในวนั ตอ่ มา นั่นจึงเปน็ ทม่ี าของเรือ่ งราวในหนังสือเล่มนี้ ในความทรงจ�ำ ของท่านผู้ที่ทำ�งานและร่วมปลุกปั้นป่า มาแตล่ ะแหง่ ตง้ั แตก่ ารเปน็ ขา้ ราชการเลก็ ๆ จนถงึ สงู สดุ ในหนว่ ยงานคอื ต�ำ แหนง่ อธบิ ดี ของคนทช่ี อื่ ผอ่ ง เลง่ อี้ ชายผู้ท่ีนั่งอยู่เบื้องหน้าผมขณะนี้ ชายผู้แย่งชิงป่ามาจากสัมปทานและการถากถางป่าอย่างมโหฬารเม่ือ ๓๐-๔๐ ปกี ่อน ชายผู้เป็นคนหนงึ่ ท่ไี ด้เก็บป่าไว้ใหแ้ ผ่นดิน ในวันน้ันท่านอธิบดีผ่องบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ผมฟัง แต่มาวันนี้ผมขออนุญาตท่านอธิบดีผ่อง เรยี บเรยี งเรอ่ื งราวเพอ่ื ถา่ ยทอดมายงั ทา่ นผอู้ า่ น เสมอื นวา่ ทา่ นผอู้ า่ นไดไ้ ปนง่ั จบิ นา้ํ ชา ฟงั ชายผทู้ นี่ งั่ อยเู่ บอ้ื ง หนา้ เล่าเรอื่ งราวเหลา่ น้ฟี ังพร้อมกันกบั ผม ผมไม่อยากให้ท่านผู้อา่ นพลาดเรอ่ื งราวในเล่มนแ้ี ม้แต่บรรทดั เดียว ดังนั้นมาเปิดอ่านเพ่ือรบั รเู้ รื่องราวเหลา่ นี้กันดีกว่า คนรนุ่ เกา่ เกบ็ ปา่ ไวใ้ หเ้ ราแลว้ เหลอื กแ็ ตค่ นรนุ่ ปจั จบุ นั ทจ่ี ะตอ้ งรกั ษาและสง่ ตอ่ ไปใหร้ นุ่ ลกู รนุ่ หลาน เราตอ่ ไป บา้ นเมอื งของเรา ใครจะมาท�ำ ให้ พวกเราตอ้ งชว่ ยกนั เอง ไมใ่ ชห่ นา้ ทขี่ องใครคนใดคนหนง่ึ แตเ่ ปน็ หนา้ ทขี่ องพวกเราทุกคน..... ศรทั ธาและเชือ่ ม่นั คมฉาน ตะวันฉาย 7
ปฐมวัย เลง่ อี้...ทีพ่ ัทลุง ผมเดนิ ทางไปพทั ลงุ ไปเที่ยวทะเลน้อยมาหลาย ครั้ง รู้จักมักคุ้นกับบ้านปากคลอง คุ้นกับอำ�เภอ ควนขนนุ ชนดิ ทหี่ ลบั ตากเ็ หน็ ภาพ พอทา่ นอธบิ ดี ผ่องเล่าถึงถิ่นเกิดในวัยเยาว์ของท่าน ผมจึงเห็น สภาพบ้านเรือน สังคมและผู้คนผุดพรายขึ้นมา ในจินตนาการราวกับภาพยนต์ท่ีถูกฉายท้ังภาพ และเสียงให้ไดช้ มประกอบการเลา่ เร่อื ง โดยทา่ น อธิบดผี ่อง เริ่มต้นเล่าเร่ืองว่า.... “......ใหล้ องหลบั ตาจนิ ตนาการยอ้ นหลงั ไปในปี ประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ นกึ ถงึ บรรยากาศของชนบท ทห่ี า่ งไกลจากกรงุ เทพอยา่ งพทั ลงุ แลว้ เปน็ พทั ลงุ ที่ อยู่ไกลจากตัวจังหวัดโขอยู่ บ้านปากคลอง ตำ�บล ปากคลอง เมอื่ ครงั้ นั้น คงไมต่ า่ งอะไรกันกบั ชนบท ท่ัวไปที่มีผู้คนเบาบาง คนส่วนใหญ่ทำ�การเกษตร ในตลาดมีการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่น่ันแหละคือถ่ินฐาน บ้านช่องท่ีต้นตระกูลผมได้ขึ้นมาลง หลักปกั ฐานบนผนื แผ่นดินอันสงบรม่ เย็นนี้ เพราะปูข่ องผมทช่ี ่อื “เล่ง” ท่กี เ็ ปน็ เหมอื นคนจนี ในยุค อพยพทวั่ ไปทหี่ นคี วามแรน้ แคน้ ในแผน่ ดนิ จนี ถนิ่ เกดิ ลงเรอื ส�ำ เภาแสวงหาโอกาสในชวี ติ ปเู่ ลง่ ผมลง เรอื ส�ำ เภามากบั น้องสาวทช่ี อ่ื “อี้” มุง่ หน้าส่ปู ระเทศไทย เรือสำ�เภาน�ำ พาผ้คู นทห่ี นคี วามแรน้ แค้น มุ่งหาโอกาสท่ีดีแห่งชีวิต ฝ่าคล่ืนฝ่าลม รอนแรมมาบนผิวนํ้า จนกระทั่งมาข้ึนฝั่งที่บ้านปากคลอง ต�ำ บลปากคลอง อ.ควนขนนุ จงั หวัดพทั ลงุ ใครทีเ่ คยผ่านไปเทยี่ วทะเลนอ้ ย ก็จะต้องผา่ นย่านนีไ้ ป กอ่ นถึงทะเลน้อย ชาวบ้านปากคลองน้นั เป็นคนท่ีมอี ธั ยาศัย มติ รไมตรี ให้โอกาสคนมิไดร้ งั เกียจ เดยี ดฉันทค์ นจากตา่ งถน่ิ ทีม่ าขอปกั หลักอย่อู าศยั ประกอบกับทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่มากมายเพียง พอกบั ผทู้ ่ขี ยันขันแขง็ ทำ�มาหากนิ การตอ้ นรับผู้ที่มาจากแผน่ ดินจีนจงึ ไมใ่ ช่เรอื่ งยาก ปเู่ ลง่ และย่า อี้ นอ้ งสาวจงึ ลงหลกั ปกั ฐาน ท�ำ มาหากนิ บนแผน่ ดนิ น้ี กลายเปน็ คนบา้ นปากคลอง ชอื่ สกลุ “เลง่ อ”้ี จงึ เปน็ การประสมช่ือของปแู่ ละนอ้ งสาวเขา้ ดว้ ยกนั และนบั จากน้นั สกุล เล่งอี้ กก็ ลายเป็นสมาชิก 8
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ ตระกลู หนึ่งของบา้ นปากคลอง อ.ควนขนนุ จ.พทั ลุงต้ังแตบ่ ัดน้ันมา ปู่เล่งน้ัน เมื่อขึ้นมาปักหลักบนแผ่นดินใหม่ ก็ขยันขันแข็งตามแบบฉบับชาวจีนที่หนีความ ยากจนมาเจอแผน่ ดนิ ใหมท่ อ่ี ดุ มสมบรู ณอ์ ยา่ งแผน่ ดนิ ไทย ทา่ นกใ็ ชค้ วามขยนั ขนั แขง็ อดทนนสี้ รา้ ง เน้อื สร้างตวั เกบ็ หอมรอมรบิ จนกระทงั่ ขนุ ภักดีโยธา หวั หนา้ ขุนด่าน เจา้ ของท่นี าบ้านปากคลอง เห็นความขยันขนั แข็งของท่าน จึงยกลกู สาว “ยา่ ข�ำ ” ให้กับปูเ่ ล่ง ถงึ แมว้ ่าฐานะของยา่ นัน้ เรียกได้ วา่ คอ่ นขา้ งมฐี านะดี แตป่ เู่ ลง่ ทา่ นกไ็ มไ่ ดค้ ดิ จะเสวยสขุ จากฐานะของพอ่ ตา ยงั คงขยนั ขนั แขง็ ท�ำ มา หากินสรา้ งฐานะให้กับครอบครัวเชน่ เดิม ปเู่ ล่งและยา่ ข�ำ น้นั ทา่ นมีลูกหลายคน “พ่อขาว” พ่อของ ผม เปน็ หนง่ึ ในนน้ั ดว้ ย ครอบครวั ของปแู่ ละยา่ จงึ ถอื เปน็ ครอบครวั ใหญค่ รอบครวั หนง่ึ ทดี่ �ำ เนนิ วถิ ี ชีวิตเยยี่ งคนในชนบททั่วไป พอ่ ขาว พอ่ ของผมแต่งงานกับแม่ “จบั ” สาวบา้ นพรา้ ว ตำ�บลปา่ พะยอม อำ�เภอควนขนนุ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบคนชนบทท่ัวไป ทำ�นาเป็นอาชีพหลัก เวลาไม่ทำ�นาก็ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ฐานะ ของครอบครัว ถือว่าอย่ใู นเกณฑป์ านกลาง ไมถ่ ึงกบั ราํ่ รวยแตก่ ไ็ ม่ขัดสนจนเกินไป วันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๔๗๗ ผมจงึ ไดเ้ กดิ มาลืมตาดูโลก มาเป็นสว่ นหนึง่ ในบรรดาพีน่ อ้ งทั้ง ๖ คน ผมเป็นลกู คนท่ี ๓ การมลี ูกถงึ ๖ คน จึงเป็นงานหนักของพอ่ แม่ในการเล้ียงดลู ูกๆ ทัง้ หก ให้ อยสู่ ขุ สบายตามอตั ภาพ สงิ่ ทพี่ อ่ จะใหเ้ ปน็ สมบตั แิ กล่ กู ๆ ไดก้ ค็ อื การศกึ ษา พอ่ ขาวจงึ สนบั สนนุ ผม ในเร่อื งการศึกษาอย่างเต็มที.่ ....” ผมใหท้ า่ นอธิบดผี ่องเล่าพื้นเพปูมหลงั ให้ฟัง จีงรวู้ ่าท่านเป็นคนพทั ลงุ นีเ่ อง 9
นักเรียนตา่ งจังหวัด ทา่ นอธิบดผี ่องยงั คงเล่าเรือ่ งตอ่ ไปใหฟ้ งั ...... “.....ผมเกิดวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๔๗๗ ทบ่ี ้านพร้าว ตำ�บลป่าพะยอม อำ�เภอควนขนุน จงั หวดั พัทลุง เพราะความที่พ่อและแม่ ท่านให้การสนับสนุนลูกๆ ในเร่ืองการศึกษาบรรดาลูกๆท่ีรักการ เรียนจึงไม่ต้องมีหน้าท่ใี นการช่วยพ่อแมท่ ำ�มาหากนิ นกั พอ่ แม่ผมทา่ นก็รบั ภาระในการเล้ียงดู สว่ น ตวั ผมกร็ บั ผดิ ชอบในเรอื่ งการศกึ ษาไปใหเ้ ตม็ ท่ี พอถงึ วยั เขา้ เรยี นหนงั สอื ได้ ผมจงึ เขา้ เรยี นชนั้ ประถม ทโ่ี รงเรียนประชาบาลต�ำ บลปา่ พะยอม พอจบชั้นประถมปที ส่ี ีท่ ่นี ัน่ เมื่อปี พ.ศ ๒๔๙๒ ก็บังเอญิ วา่ ที่ บา้ นปากคลองนนั้ มีโรงเรียนราษฎร์ ชื่อ “โรงเรยี นศิรริ าษฎร์วิทยา” เขามาเปิดเป็นโรงเรียนมัธยม ท่ีน่ันเป็นปีแรก ผมก็เลยเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมท่ีนั่นเลยเป็นรุ่นแรกของโรงเรียนนี้ ได้เลขประจำ�ตัว ที่ ๓๒ มเี พอ่ื นนักเรียนรว่ มชัน้ มธั ยมรนุ่ แรกนั้นประมาณสามสิบกวา่ คน เม่ือพ่อแมร่ ับภาระในการ ส่งเสียเล้ียงดู โดยไม่ต้องให้ลูกมายุ่งเก่ียวอันจะเป็นการเบียดเบียนเวลาท่ีจะทำ�การศึกษาเล่าเรียน ผมเหน็ พอ่ แมท่ า่ นท�ำ งานหนกั จงึ ไมอ่ ยากใหพ้ อ่ แมผ่ ดิ หวงั ผมกเ็ ลยขยนั อา่ นหนงั สอื จนถอื ไดว้ า่ เปน็ คนเรียนเก่งคนหนง่ึ มกั สอบไดค้ ะแนน ดเี สมอมา ตอนสอบไล่ชน้ั ม.๑ นนั้ ได้ คะแนนดีมาก ทางโรงเรียนเลยให้ ขา้ มชนั้ ขึ้นไปใหเ้ รยี นชัน้ ม. ๓ ไดเ้ ลย พอเข้าปี พ.ศ.๒๔๙๔ ผมก็เรียนจบ ช้ัน ม. ๓ ทโี่ รงเรยี นนี้ไม่มีชั้นมัธยม ที่สูงกว่านี้แล้ว มีก็แต่ในตัวอำ�เภอ ควนขนุน ผมจึงต้องไปเรียนต่อชั้น ม. ๔ - ๖ ท่ี “โรงเรียนชว่ ยมิตร” ใน ตวั อำ�เภอควนขนนุ ซงึ่ กเ็ ป็นโรงเรียน ราษฎร์ท่ีเปิดสอนมัธยมปลายแห่ง แรกของอำ�เภอควนขนุน การเข้ามา เรียนในตัวอำ�เภอนั้นไม่เหมือนเรียน ที่บ้านปากคลอง เพราะสมัยนั้นการ เดินทางระหว่างบ้านปากคลอง และ 10
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดิน โรงเรยี นมหาวชิราวุธ อ�ำ เภอควนขนุน แม้ในปจั จุบนั เราอาจจะคิดวา่ ใกลๆ้ ขับรถช่ัวประเด๋ยี วกถ็ ึงแล้ว แตถ่ ้ายอ้ นหลงั ไป ๗๐ ปกี ่อน มันเปน็ ระยะทางทไ่ี กลโขอยู่ เมือ่ เข้ามาเรยี นในตวั อ�ำ เภอ ผมจึงตอ้ งมาอาศยั วดั พกิ ุลทอง ซึ่งหา่ งจากโรงเรยี นช่วยมติ รประมาณ ๓ กม. เป็นท่พี ัก การเป็นเด็กบ้านนอกเข้ามาเรยี น หนังสือในเมืองท่ีต้องมาอาศัยวัดอยู่นั้น จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมมุมานะรํ่าเรียนหนังสือด้วย ความตง้ั ใจยิ่งขนึ้ ไปอกี ปี ๒๔๙๗ ผมกจ็ บชน้ั ม.๖ ถา้ จะเรยี นตอ่ ม.๗ - ๘ ในสมยั นน้ั มที เ่ี รยี นไมม่ ากนกั อยา่ งในภาคใต้ มโี รงเรยี นทเ่ี ปดิ สอนชน้ั ม. ๗ - ๘ เพยี ง ๒ แหง่ คอื โรงเรยี นเบญจมราชทู ศิ จงั หวดั นครศรธี รรมราช กบั โรงเรยี นมหาวชิราวธุ จงั หวดั สงขลา โรงเรียนมหาวชริ าวธุ นนั้ เขาจะรับนกั เรยี นชัน้ ม.๖ ใน โรงเรียนเขาเองที่ได้คะแนน ๗๐% ให้เรียนต่อ ม.๗ เป็นส่วนใหญ่ เรียกว่ารับนักเรียนภายในของ มหาวชิราวุธเองก็เกือบจะเต็มชั้นอยู่แล้ว ท่ีเหลือจึงจะเปิดสอบให้นักเรียนจากต่างโรงเรียนได้เข้า เรยี น สมยั นนั้ นกั เรยี นทจี่ ะเรยี นตอ่ ม.๗ - ๘ เขาจะมแี ผนกใหเ้ ลอื กเรยี น แลว้ ทโ่ี รงเรยี นมหาวชริ าวธุ คร้งั น้นั กเ็ ปดิ แค่ ๒ แผนก คือแผนกอกั ษรศาสตร์กับแผนกวทิ ยาศาสตร์ ผมจงึ ตอ้ งเป็นนกั เรียนต่าง โรงเรยี นทตี่ อ้ งไปสอบแย่งกันในจ�ำ นวนท่ีเหลอื นั่น โดยผมเลอื กแผนกอกั ษรศาสตร์ เพราะผมชอบ ภาษาไทยและอยากจะไปเรียนต่อกฎหมายท่ีธรรมศาสตร์ เพ่ือจะได้ไปสอบเป็นผู้พิพากษาตามที่ ผมคดิ วางแผนชวี ิตไว้ แล้วผมกส็ อบเขา้ มหาวชริ าวุธไดอ้ ยา่ งทตี่ งั้ ใจ ไปเรียนทม่ี หาวชิราวุธ ผมก็ยงั คงดำ�รงสถานภาพ “เด็กวัด” เช่นเดิม เพราะต้องไปอาศัยอยูท่ ่ี วดั เลยี บ ต.บอ่ ยาง อ�ำ เภอเมือง จ.สงขลา ซ่ึงเป็นวัดเก่าแกข่ องสงขลา ซง่ึ ตอนนน้ั ท่วี ัดมี อาจารย์ ประคอง อนิ จนั ทร์ ทา่ นเปน็ ทงั้ เดก็ วดั เลยี บและนกั เรยี นมหาวชริ าวธุ “รนุ่ พ”่ี ผมทงั้ สองทท่ี งั้ โรงเรยี น 11
และทั้งทีว่ ัด ท่านอาจารย์ประคองกบั ผมเลยสนทิ กัน มีอะไรกป็ รึกษาหารือกนั ไดต้ ลอดเวลา พอให้ ไดค้ ลายเหงาด้วยความคดิ ถึงบ้านที่ควนขนุนไดบ้ ้าง ....” เข้ากรุง กวา่ จะถึงเกษตรศาสตร์ ผมเปน็ คนทอ่ี ยากใหท้ า่ นเลา่ ถงึ เสน้ ทางการมาสกู่ รมปา่ ไม้ ทา่ นจงึ เลา่ ถงึ การเลา่ เรยี นในอดตี ให้ ฟงั ดว้ ย แตต่ วั ผมเปน็ คนทมี่ าในช่วงท่คี าบลกู คาบดอกในการศกึ ษาของบ้านเรา พอเอย่ ถงึ การ เรียนมธั ยมปลาย ม.๔ - ม.๘ ซ่งึ เปน็ ระบบการศกึ ษาท่มี ากอ่ นที่จะเปล่ียนมาเปน็ ม.ศ.๔ - ม.ศ. ๕ แล้วต่อมาก็มาเปลยี่ นเปน็ ม.๔ - ม.๖ อยา่ งในปัจจบุ นั ทา่ นอธบิ ดผี อ่ งเลา่ เรอื่ งทท่ี า่ นเลา่ เรยี นศกึ ษา พลอยท�ำ ใหเ้ ราเขา้ ใจการจดั ระบบการศกึ ษา ในอดีตไปด้วย มาฟังทา่ นเลา่ ต่อไป.... “......ในปี ๒๔๙๘ ผมก็เรยี นจบ ม.๘ จากโรงเรียนมหาวชิราวธุ การจะเปน็ ผูพ้ ิพากษาตามท่ี ตัง้ ใจไว้นน้ั จะตอ้ งจบปรญิ ญา ผมกจ็ ึงเขา้ กรุงเทพ มาพักที่ วดั วเิ ศษการ ใกล้กบั โรงพยาบาลศริ ิราช เข้ามาเพ่ือจะหาท่ีเรียนต่อ แรกก็ตั้งใจจะเรียนคณะนิติศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามท่ี ตั้งใจมาแต่แรก ตอนนั้นธรรมศาสตร์ยังเป็นมหาวิทยาลัยเปิดไม่ต้องสอบเข้า ก็บังเอิญว่าขณะนั้น 12
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ มหาวิทยาลยั จฬุ าลงกรณ์เขาเปดิ สอบ ผมกเ็ ลยตามเพอ่ื นไปสอบเขา้ คณะอกั ษรศาสตรท์ จ่ี ฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั แลว้ กส็ อบไดอ้ กี (เพอ่ื นรนุ่ ในคณะเดยี วกนั คนหนง่ึ คอื ดร.วจิ ติ ร ศรสี ะอา้ น) แตค่ วามทเี่ พอ่ื นทม่ี าจากมหาวชริ าวธุ ทม่ี าจากตา่ งจงั หวดั ดว้ ยกนั บางคนเขาไปสอบเขา้ เรยี นท่ี มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมกเ็ ลยไปสอบเป็นเพอ่ื นเขา เพือ่ นท่จี ะไปสอบทเ่ี กษตรศาสตรน์ นั้ มนั กเ็ ลยเกล้ยี กล่อมให้ผมไปเรียนที่เกษตรศาสตร์ดกี ว่า กล่อมไปกลอ่ มมาผมกค็ ล้อยตามเพ่อื นไปสอบ เขา้ คณะกสกิ รรมและสตั วบาลอกี และกใ็ หบ้ งั เอญิ วา่ ผมไปทเ่ี กษตรศาสตรก์ ไ็ ปเจอ อาจารยป์ ระคอง อินจนั ทร์ ท่ีสนทิ กันตงั้ แตอ่ ยมู่ หาวชริ าวุธและเป็นเด็กวดั เลียบ สงขลามาด้วยกันนั้น ตอนนน้ั ทา่ น มาเรียนคณะวนศาสตร์ อยู่ปีหน่ึง ท่านอาจารย์ประคองเห็นผมมาสอบที่เกษตรศาสตร์ ก็ถามไถ่ ข่าวคราว พอรู้ว่าจะมาสอบเข้าคณะกสิกรรมและสัตวบาล ท่านก็เลยเกล้ียกล่อมให้มาเรียนคณะ วนศาสตร์ด้วยกันดีกวา่ ซึง่ ตอนนัน้ ผมเองแมแ้ ต่ชอื่ คณะวนศาสตรก์ ไ็ ม่เคยไดย้ นิ มาก่อน แลว้ กไ็ มไ่ ด้ ตงั้ เปา้ หมายชวี ติ ไวใ้ นแนวทางนเ้ี ลย ผมกเ็ ลยลงั เล วา่ จะอยา่ งไรกบั ชวี ติ ดี ไมร่ จู้ ะเลอื กเรยี นอะไร ผม กเ็ ลยใชว้ ิธกี ารง่ายๆ คอื การป่ันแปะ แตก่ ็อธิษฐานจติ ว่า ถ้าเกณฑ์ชะตาจะได้เรียนคณะวนศาสตรก์ ็ ให้ขึ้นหัว แตถ่ า้ หากวา่ ขน้ึ กอ้ ยกจ็ ะไปอยคู่ ณะกสกิ รรมและสตั วบาลตามเดมิ พอปน่ั แปะออกมากอ็ อก หวั ผมกเ็ ลยเอาใบสมคั รไปคนื คณะกสกิ รรมฯ แลว้ ไปยน่ื สมคั รสอบทค่ี ณะวนศาสตรแ์ ทน หลงั จากนน้ั ไมก่ ว่ี นั กม็ กี ารสอบ ผมกไ็ ปสอบทางวชิ าการ ทค่ี ณะวนศาสตรน์ ไ้ี มใ่ ชส่ อบวชิ าการอยา่ งเดยี ว ตอ้ งไป ทดสอบรา่ งกายดว้ ย เขาตอ้ งใหไ้ ปสอบวง่ิ เพอ่ื ทดสอบความแขง็ แรงทส่ี นามมา้ นางเลง้ิ ๑๒ รอบครง่ึ รวม ระยะทาง ๒๐ กม. ผมกไ็ ปสอบวง่ิ ดว้ ย ผลสอบออกมาปรากฏวา่ สอบไดท้ ว่ี นศาสตร์ กเ็ ลยตดั สนิ ใจสละ สทิ ธก์ิ ารเรยี นทค่ี ณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั แลว้ เขา้ เปน็ นสิ ติ คณะวนศาสตรเ์ ตม็ ตวั ใน ปี ๒๔๙๘ สาขาการจดั การปา่ ไม้ โดยตอนนน้ั มี ศาสตราจารยเ์ ทยี ม คมกฤส เปน็ คณบดี 13
คณะวนศาสตร์ ถา้ เป็นหนังสอื ที่ผมเขยี นบ่อยๆ นั้น ที่ผ่านมาท้ังหมดกเ็ หมือนการเกริ่นให้เห็นแนวทางของเรอื่ ง แต่คราวน้ีเปน็ เรื่องเลา่ ของตัวบุคคล ก็เลยเห็นเสน้ ทางการดำ�เนนิ มาของคนคนหน่งึ และนบั แต่ น้ีแหละท่จี ะเห็นขอบเขตของเนอ้ื หาชัดข้ึน เพราะเรมิ่ เห็นการเกิดขน้ึ ของการอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ ในบา้ นเราแลว้ เร่มิ อย่างไร ไปอา่ นกนั ตอ่ ครบั ..... “....ใครไปเหน็ คณะวนศาสตรใ์ นปจั จบุ นั คงนกึ สภาพยอ้ นหลงั ไปเมอื่ สมยั ทผี่ มมาเรยี นไมอ่ อก หรอก เพราะมนั เปล่ยี นไปเยอะ สถานทน่ี ่ีไมต่ อ้ งพูดถึง เปลยี่ นมาก คณะวนศาสตรท์ ่เี กษตรศาสตร์ เมอื่ ปี ๒๔๙๘ นนั้ ในเรอ่ื งหลกั สตู รการเรยี นการสอน ทเ่ี รยี นกนั ๕ ปี กวา่ ทจี่ ะจบออกมาท�ำ งานไดน้ น้ั เนื้อหาการเรียนส่วนใหญ่จะเป็นการสอนเกี่ยวกับการจัดการป่าไม้ วางแผนการตดั ไม้ เทคโนโลยี การใช้ไม้ การวจิ ัยป่าไม้ เปน็ การใชป้ ระโยชน์จากป่าไมท้ ้งั น้ัน อยา่ งเชน่ การท�ำ ไม้ทตี่ ้องแบ่งป่าเปน็ ๓๐ แปลงยอ่ ย แตล่ ะแปลงจะต้องตัดไมใ้ ห้หมดใน ๑ ปี พอปีที่ ๒ กจ็ ะย้ายไปทำ�แปลงที่ ๒ ปที ี่ ๓ ก็จะไปแปลงท่ี ๓ แบบนี้เร่ือยไป จนครบแปลงที่ ๓๐ ก็จะวนกลับมาทำ�ไม้ในแปลงที่ ๑ อกี ครัง้ หนง่ึ เพราะในระยะเวลา ๓๐ ปีท่คี รบรอบการตัดฟัน ไม้จะโตพอดีให้กับการมาตัดได้อีกในครั้งต่อไป กส็ อนหลกั การตดั ไมแ้ บบน้ี ซง่ึ กเ็ ปน็ ไปตามหลกั วชิ าการนน่ั เอง แตใ่ นความเปน็ จรงิ มนั กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ แบบน้ี ทง้ั หมด ในทางวชิ าการปา่ มนั โตไดภ้ ายใน ๓๐ ปี แตจ่ รงิ ๆ บางทมี นั กโ็ ตไมท่ นั ตอนนน้ั บา้ นเมอื งเรา ถอื วา่ ไมเ้ ปน็ สนิ คา้ ออกทท่ี �ำ รายไดเ้ ขา้ ประเทศไทยอยา่ งมาก ป่าทั่วประเทศจึงมีสัมปทานให้ทำ�ไม้ได้ ทง้ั นน้ั ไมม่ ที ไ่ี หนทร่ี อดพน้ จากสมั ปทานเลย เนอ้ื หาการเรยี นการสอนจงึ เปน็ แตเ่ รอื่ งการจดั การกบั ไม้ ใชป้ ระโยชนจ์ ากไม้ ทจ่ี ะมาสอนเรอ่ื งการอนรุ กั ษน์ น้ั แทบจะไมม่ กี ว็ า่ ได้ ยง่ิ เรอ่ื งของสตั วป์ า่ ยง่ิ ไมต่ อ้ ง ไป พดู ถงึ นสิ ติ จากวนศาสตรต์ อนนน้ั เราจงึ รเู้ รอ่ื งการอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ การอนรุ กั ษป์ า่ ไมก้ นั นอ้ ยมาก 14
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดิน พอข้ึนปี ๕ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในการเรียนท่ี วนศาสตร์ ตอนนั้นเป็นยุคปฏิวัติสมัยจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ผมกไ็ ดข้ า่ ววา่ มกี ารเสนอรา่ งกฎหมายสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๐๓ โดยการผลักดัน ของนยิ มไพรสมาคม โดย คุณหมอบุญสง่ เลขะกุล ซึ่งก่อนหน้าน้ันก็มีบทความลงตามหน้าหนังสือพิมพ์ เรียกร้องให้มีกฎหมายเก่ียวกับการอนุรักษ์แบบนี้ ออกมาบ้าง ประกอบกับรัฐบาลเองก็คงเห็นความ สำ�คัญของการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ถัดมาอีก ปี (๒๕๐๔) กม็ ีพระราชบัญญัติอทุ ยานแห่งชาตอิ อก มาอีกฉบับ พอมีกฎหมายออกมาแล้วทางนิยมไพร สมาคม ก็เสนอให้มีการจัดตั้งพื้นที่อนุรักษ์ข้ึน โดย ให้เป็นอุทยานแหง่ ชาติ ๑๔ แห่ง ซ่ึงแรกๆ นั้น เรอ่ื ง ชอ่ื เรียกนี้ไม่รจู้ ะเอาอยา่ งไรดี แรกๆ นนั้ สบั สนมาก เรยี กธรรมชาตอิ ุทยานบา้ ง เรยี กวนอทุ ยานบ้าง ตอนหลงั เมอื่ ออกกฎหมายอทุ ยานแหง่ ชาตอิ อกมาจงึ ใชช้ อื่ อทุ ยานแหง่ ชาติ ซงึ่ มที ม่ี าจาก National Park ซ่งึ ตอนนน้ั ต้องยอมรับกนั วา่ ทีส่ หรฐั อเมรกิ านน้ั เขาได้จดั ตง้ั Yellowstone National Park ข้ึนเป็นแห่งแรก ซง่ึ เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาตทิ ม่ี เี นอ้ื ทก่ี วา้ งใหญอ่ ยใู่ นหลายรฐั ของอเมรกิ า อยา่ งไวโอมงิ ไอดาโฮ มอนทานา อทุ ยานแหง่ ชาตินม้ี ีส่ิงมหศั จรรยท์ างธรรมชาตมิ ากมาย Yellowstone จึงแทบ จะเปน็ แมแ่ บบของอุทยานแห่งชาตใิ นบา้ นเราด้วย เม่ืออยู่ปี ๕ นี้เอง ก็มีอาจารย์พิเศษมาสอน เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คือ อาจารย์ ถนอม เปรมรศั มี ซง่ึ ตอ่ มาทา่ นไดเ้ ปน็ อธบิ ดกี รมปา่ ไม้ ในปี ๒๕๒๐ - ๒๕๒๓ ตอนนน้ั ทา่ นเปน็ นกั วชิ าการ ปา่ ไม้ ท่านเป็นคนแรกที่มาสอนเรื่องการอนุรักษ์ ในคณะวนศาสตร์ แต่ทา่ นเองก็ออกตัววา่ ทา่ นก็ไม่ ได้มีความรู้เรื่องสัตว์ป่ามากนัก แต่นั่นก็เป็นครั้ง แรกดว้ ยซาํ้ ทน่ี สิ ติ คณะวนศาสตรไ์ ดร้ จู้ กั การอนรุ กั ษ์ และเริ่มมองเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่านอกเหนือจากการตัดและใช้ประโยชน์ จากปา่ .....” 15
เรมิ่ ต้นทํำ�งาน ข้าราชการกรมป่าไม้คนใหม่ ไม่อยากใหข้ าดตอนครบั มาฟงั ท่านเลา่ ต่อดกี วา่ ...... “..... พอปี ๒๕๐๓ ผมกเ็ รียนจบจากคณะวนศาสตร์ ถอื เปน็ รุ่นที่ ๒๑ ของคณะน้ี สมยั นัน้ ใครจบจากวนศาสตร์ ก็มกั จะ อยากเขา้ มาเปน็ ขา้ ราชการกรมปา่ ไมท้ ง้ั นน้ั ไมค่ อ่ ยมคี นไปท�ำ งาน อยา่ งอนื่ เมอื่ ครง้ั ทผี่ มอยปู่ ที ่ี ๕ นนั้ ผมเคยไปสอบเปน็ ขา้ ราชการ กรมปา่ ไมม้ าแลว้ ครงั้ หนง่ึ แลว้ กส็ อบไดด้ ว้ ย เพราะพอเรยี นเรอ่ื ง ปา่ ไมแ้ ลว้ กเ็ ลยอยากเปน็ เจา้ หนา้ ทปี่ า่ ไม้ แตไ่ ปคราวนนั้ เขาใหใ้ ช้ วฒุ แิ คอ่ นปุ รญิ ญา พอผมเหน็ เงนิ เดอื นทบ่ี รรจคุ นจบอนปุ รญิ ญา ที่ไดแ้ ค่ ๗๕๐ บาทแล้ว ผมก็เลยสละสิทธิ์ พอจบปรญิ ญาตรที ค่ี ณะวนศาสตร์ อาจารยส์ ะอาด บญุ เกดิ ซ่ึงเป็นอาจารย์ที่คณะวนศาสตร์นั่นแหละ ท่านคงเห็นว่าผมมี หนว่ ยกา้ นดี บคุ ลกิ ทา่ ทางเหมาะเปน็ ครบู าอาจารย์ ทา่ นกม็ าชวนใหไ้ ปเปน็ อาจารยช์ ว่ ยสอนทคี่ ณะ วนศาสตร์ ตอนนั้นยงั วัยหนุ่ม เปา้ หมายชวี ติ กย็ ังไมล่ งตัว มคี นมาชวนเป็นอาจารยก์ ม็ านกึ เออ...กด็ ี เหมอื นกันแฮะ แล้วกค็ ดิ วา่ พอเป็นอาจารยช์ ่วยสอนแลว้ คงมีช่องทางบรรจุเข้าเป็นอาจารย์จริงๆ กเ็ ลยไปเปน็ อาจารยผ์ ชู้ ว่ ยสอนอยู่ ๑ ปี สอนไปกไ็ มม่ วี แ่ี วววา่ ทางคณะวนศาสตร์ เขาจะมตี �ำ แหนง่ ให้ สกั ที ประกอบกบั อาจารยส์ ะอาดทา่ นกม็ าบอกวา่ มคี นเอาต�ำ แหนง่ อาจารยไ์ ปใหค้ ณะอน่ื เสยี แลว้ ก็ เลยทำ�ใหผ้ มท้อใจ แต่อาจารย์สะอาดทา่ นแนะนำ�ว่า ถา้ เป็นแบบน้ไี ปอยูก่ รมปา่ ไมด้ กี ว่า เพราะงาน ทก่ี รมปา่ ไมน้ น้ั มขี อบเขตงานทก่ี วา้ งกวา่ การเปน็ อาจารย์ อกี ทง้ั เรายงั เปน็ คนทไ่ี ดล้ งมอื ปฏบิ ตั เิ องได้ ดว้ ย เปน็ อาจารยก์ ไ็ ดแ้ คส่ อนวธิ กี ารเขา ไมไ่ ดล้ งมอื ท�ำ เอง ซงึ่ ผมกเ็ หน็ ดว้ ยกบั อาจารยส์ ะอาด ผมเลย เบนเข็มมากรมป่าไม้ นั่นแหละคณะวนศาสตร์จึงไม่มีคนช่ือผ่อง เล่งอี้ อยู่ในทำ�เนียบของอาจารย์ คณะนี้ แต่ชื่อนี้ได้ไปปรากฏในทำ�เนียบข้าราชการกรมป่าไม้แทนตั้งแต่ตอนน้นั พอปี ๒๕๐๔ กรมปา่ ไมเ้ ขากเ็ ปดิ สอบบรรจขุ า้ ราชการเปน็ รนุ่ ทส่ี อง คราวนผ้ี มใชว้ ฒุ ปิ รญิ ญาตรี ไปสอบไม่ใช่อนุปริญญาแบบคร้ังก่อน สอบคราวน้ีก็สอบได้อีก ตำ�แหน่งแรกท่ีได้รับการบรรจุเป็น ข้าราชการคอื ต�ำ แหน่ง นักวิชาการป่าไม้ตรี จะว่าเปน็ จดุ เรมิ่ แรกทผี่ มได้เริม่ เข้ามาทำ�งานด้านการ อนรุ กั ษธ์ รรมชาตใิ นกรมปา่ ไม้กว็ ่าได.้ ...” 16
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ “.....ครงั้ นน้ั อยา่ วา่ แตใ่ นคณะวนศาสตรท์ ไ่ี มม่ สี อนเกยี่ วกบั เรอื่ งการอนรุ กั ษเ์ ลย แมแ้ ตใ่ นกรม ปา่ ไมเ้ องในสมยั นน้ั กย็ งั ไมม่ งี านดา้ นนี้ แตเ่ ขา้ ใจวา่ คงจะเรม่ิ มกี ารขยบั ตวั กนั บา้ งกห็ ลงั จากกฎหมาย สงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ ทถี่ กู ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ ขนึ้ นน่ั แหละ เพราะพอผมไดบ้ รรจเุ ปน็ ขา้ ราชการใหม่ ไมน่ าน ท่านอธิบดกี รมป่าไม้ (ขณะนนั้ ) นายวิเชียร กญุ ชร ณ อยธุ ยา กส็ ่งั การให้ไปปฏบิ ตั ิงานที่ กองบำ�รงุ ซงึ่ ตอนน้ันมี อาจารยป์ ระมวล อณุ หนันท์ เปน็ หวั หนา้ กอง งานของกองบำ�รุงตอนน้ันท่ีถือเป็นหน้าตาของกองก็คือการปลูกสร้างสวนป่า ผมไปอยู่กอง บำ�รงุ ราว ๑ เดอื น หัวหน้ากองประมวลก็เรียกไปคุย ท่านบอกว่ามีงานอยู่งานหนึ่ง ที่หาคนทำ� ไมไ่ ด้ ไมม่ ใี ครเขาสนใจ งานที่หัวหน้ากองประมวลวา่ กค็ อื งานด้านอนรุ กั ษ์นเ่ี อง ทไี่ มม่ ใี ครอยากท�ำ เพราะตอนนั้นใครๆ ก็อยากไปเป็นหัวหน้าสวนป่าท้ังน้ัน เพราะนอกจากจะเป็นงานหลักของกอง บ�ำ รงุ แลว้ ตำ�แหนง่ หวั หนา้ สวนปา่ ก็คงจะอู้ฟดู่ ี ใครต่อใครถึงอยากไปเป็น แตง่ านดา้ นอนุรกั ษ์ไม่มี ใครสนใจ พอมภี าระงานใหมม่ า แล้วใครก็ไมอ่ ยากไปเปน็ ผมในฐานะข้าราชการใหม่ เปน็ คนใหม่ จงึ ถูกเรียกไปเสนองานนีใ้ ห้ ทแี รกผมก็ไม่มน่ั ใจวา่ จะท�ำ งานใหม่น้ีได้ เพราะเรียนทางด้านนมี้ านอ้ ย ในกรมปา่ ไม้เองกไ็ มม่ แี บบแผนหรือตัวอยา่ งในงานดา้ นน้มี าก่อน ครนั้ มานกึ อีกทเี พราะเคยไดอ้ ่าน เห็นในกฎหมายสัตว์ป่าที่พึ่งถูกผลักดันออกมาก่อนนั้น มีอยู่มาตราหนึ่งที่บัญญัติว่า ถ้ารฐั บาล ลำ�หว้ ยทับเสลาในหน้าแล้ง เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ า่ ห้วยขาแขง้ 17
เหน็ วา่ สถานที่แห่งใดมีความเหมาะสมที่จะสมควรให้เป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่า ก็ให้ออกเป็น พระราชกฤษฎีกา กำ�หนดให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ ข้อนี้แหละท่ีผมชอบใจ เพราะใจน้ัน ตงั้ แตเ่ รยี นแลว้ ไมค่ อ่ ยชอบเลยในเรอ่ื งการท�ำ ไม้ ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การใหส้ มั ปทานอยา่ งทเี่ ปน็ อยู่ ตอน ทอี่ า่ นเจอกฎหมายมาตรานี้ จงึ เหน็ ประโยชนข์ องมนั ทจี่ ะไดไ้ ปประกาศพนื้ ทป่ี า่ แบบไหนใหเ้ ปน็ ทอ่ี ยู่ อาศยั ของสตั วป์ า่ ในรปู ของเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ กไ็ ด้ เพราะวา่ กฎหมายหา้ มไมใ่ หม้ กี ารอนญุ าตใดๆ ในเขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ป่าโดยเดด็ ขาด กเ็ ลยนึกถ้าเข้าไปทำ�งานดา้ นอนุรกั ษจ์ ริงๆ ก็จะไดใ้ ชก้ ฎหมาย น้ีใหเ้ ปน็ เครอ่ื งมือที่จะดงึ เอาปา่ ที่จะถูกให้เปน็ สมั ปทานกลบั มาให้อยภู่ ายใตร้ ูปของเขตรกั ษาพันธุ-์ สตั ว์ปา่ ใหอ้ ยู่ภายใตค้ วามคุ้มครองของกฎหมายน้เี สยี จะไม่คิดแบบน้ีไม่ได้เพราะสภาพป่าบ้านเราก่อนหน้ายุคจอมพลสฤษด์ิน้ัน มีการทำ�ไม้กัน มาก ท�ำ ลายป่ากนั จนนา่ ตกใจ เพราะเราสง่ ผลติ ผลทางการเกษตรเป็นสนิ ค้าออก ทัง้ มนั สำ�ปะหลัง ขา้ วโพด ออ้ ย คนกบ็ กุ รกุ ปา่ จะเอาพน้ื ทท่ี �ำ ไรป่ ลกู พชื กนั พวกตดั ไมส้ ง่ เปน็ สนิ คา้ ออกกไ็ มใ่ ชย่ อ่ ยตอน นนั้ กจิ การท�ำ ไมน้ ใ้ี หญโ่ ตมาก ทง้ั ลกั ลอบตดั ทง้ั ตดั อยา่ งถกู กฎหมาย ท�ำ ลายปา่ กนั แหลกราญ ตดั กนั เปน็ หมนื่ ๆ ตน้ ตตี รากนั สามวนั สามคนื กย็ งั ไมห่ มด ท�ำ ลายกนั มากจนเปน็ ทน่ี า่ วติ ก ยคุ จอมพลสฤษดิ์ ทเ่ี ขาเหน็ หายนะของการท�ำ ลายปา่ จงึ มกี ารออกกฎหมาย ม.๗ ทรี่ ะบไุ วใ้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู เลย วา่ ผใู้ ดท�ำ ลายปา่ ผนู้ น้ั ท�ำ ลายชาติ ตอ้ งมกี ารประหารชวี ติ โดยไมต่ อ้ งขนึ้ ศาล ตอนนน้ั ผมยงั เรยี นอยู่ พอออกกฎหมายฉบบั นมี้ าอาจารยถ์ นอม ทที่ า่ นมาสอนวชิ าอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ทา่ นยงั พดู ในเวลาทส่ี อนวา่ มกี ฎหมายฉบบั นขี้ น้ึ มา ปา่ บา้ นเราจงึ พอมหี วงั ทจี่ ะอยรู่ อดได้ ดงั นนั้ พอหวั หนา้ กอง ประมวลเสนอมา ผมกเ็ ลยมาคดิ ดแู ลว้ มนั กม็ ีแรงจงู ใจหลายอยา่ ง เชน่ ๑. งานนมี้ นั เป็นงานบุกเบิก ไม่เคยมใี นบ้านเรามาก่อน ถา้ ไดเ้ ขา้ ไปทำ�คนแรก ก็จะสามารถ วางแนวทางเองไดเ้ ลย ๒. เป็นงานทไี่ ม่มีใครสนใจ เรากจ็ ะได้แสดงฝมี อื ความสามารถในการท�ำ งานไดอ้ ย่างเต็มที่ ๓. มีกฎหมายที่ให้อ�ำ นาจ ใชเ้ ป็นเครอื่ งมือป้องกันจากการเปดิ สมั ปทานได้ พอคิดสะระตะเหล่านี้ ผมก็เลยรับข้อเสนอของหัวหน้ากองประมวล ซํ้าท่านหัวหน้ากอง ประมวลยังหนุนอีกว่างานนี้นะดี มันเป็นงานบุกเบิกที่น่าทำ� พอผมรับปาก หัวหน้ากองประมวล กอ็ อกค�ำ ส่ังของกองบ�ำ รุง ต้งั หมวดสงวนและคมุ้ ครองสัตว์ปา่ ในปี ๒๕๐๕ ข้นึ อยูก่ บั กองบ�ำ รุง แลว้ ใหผ้ มไปเปน็ หัวหน้าหมวดสงวนและคมุ้ ครองสัตว์ป่า ซง่ึ ถือเปน็ ครงั้ แรกในกรมป่าไม้ ที่มงี าน ดา้ นอนรุ กั ษ์เกิดข้นึ มาในประเทศไทย อย่างจรงิ จงั ผมเมอ่ื ครง้ั เปน็ หวั หนา้ หมวดสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ คนแรกนั้น มีผชู้ ว่ ย ๑ คน เปน็ ลกู จา้ ง ช่วั คราว ช่อื เอมใจ มากโฉม (ตอนหลังเปลย่ี นนามสกุลเปน็ ชินโชต)ิ งานดา้ นสงวน และคุ้มครอง สตั วป์ ่าของบ้านเราจงึ เริม่ จากคนทำ�งานเพียง ๒ คน 18
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ เขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั ว์ปา่ เขาประ-บางคราม จังหวัดกระบี่ งานแรกทหี่ วั หนา้ กองประมวลมอบหมายใหท้ �ำ คอื การ ออกกฎกระทรวงกำ�หนดสัตว์ปา่ คุม้ ครองประเภทที่ ๑ และ ประเภทที่ ๒ พอเราประกาศว่ามีสัตว์อะไรบ้างที่ถูกสงวนไว้ ตามกฎหมาย ครน้ั ไปบอกชาวบา้ นวา่ ตวั นนั้ ตวั นนี้ ะทเ่ี ปน็ สตั ว์ ป่าคุ้มครอง ชาวบ้านก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็น อยา่ งไร ก็เลยมีงานท่ีสองคือการท�ำ โปสเตอร์รูปสตั วป์ า่ สงวน น่ันแหละ แสดงรูปพรรณสัณฐานสัตว์ป่าที่คนไม่ค่อยรู้จัก ก็ไปหารปู ตามหนงั สือตา่ งๆ มา แล้วไปจา้ งให้เขาวาดให้ เอา มาทำ�โปสเตอร์ แล้วแจกจ่ายไปตามป่าไม้เขต ป่าไม้จังหวัด ทวั่ ประเทศ ซง่ึ ตอนนถ้ี า้ ไปตามส�ำ นกั งานปา่ ไมต้ ามตา่ งจงั หวดั น่าจะยังพอมโี ปสเตอร์รนุ่ นน้ั อย่บู า้ ง (ตอ่ มามกี ารปรบั ปรงุ หนว่ ยงาน แยกกนั ระหวา่ งกรมปา่ ไมแ้ ละกรมอทุ ยานแหง่ ชาติ ส�ำ นกั งานปา่ ไมเ้ ขตตา่ งๆ กเ็ ปลย่ี น เปน็ ส�ำ นักบรหิ ารพนื้ ที่อนรุ ักษ์ที่ ๑ - ๑๖ ทว่ั ประเทศ) 19
จับกุมการล่าสัตว์ป่าครั้งแรก ของประเทศไทย เป็นอย่างไรบ้างครับ อ่านมาถึงตอนนี้ เห็นแล้วใช่ไหมว่า จุดเริ่มต้นของขบวนการอนุรักษ์ ในบา้ นเรานั้น เกดิ ขน้ึ ตอนไหนอยา่ งไร แต่เรื่องสนุกๆ ยังมีอกี มากครบั ท่านอธบิ ดผี อ่ งลุกข้นึ ไป เติมน้ําชา ก่อนจะมานั่งเลา่ เรื่องราวตอ่ ไปให้ฟงั ... (รูปทุ่งรังสติ สมยั เกา่ ) นกเป็ด “.....กฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่านั้น ประกาศใช้ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ แล้วหมวดสงวน และคุม้ ครองสัตวป์ ่าในกรมป่าไม้ ก็ตง้ั ในปี ๒๕๐๔ มผี มเป็นหวั หนา้ หมวดคุ้มครองสัตวป์ ่าคนแรก ก่อนหน้านั้นต้องบอกว่าเร่ืองสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าในบ้านเราน้ีเป็นเรื่องใหม่มากไม่มีใครรู้เลย สังคมก็ไม่รู้ คนในกรมป่าไมเ้ องยงั รู้จกั ไม่ก่ีคน เพราะไมเ่ คยทำ� ไมเ่ คยคิด วันๆ กค็ ิดแต่เรอ่ื งตีตรา ไม้ กฎหมายกเ็ พง่ิ ออกมาปีเดยี วการรับร้ขู องคนกย็ ังน้อย การเผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสารกไ็ มแ่ พร่หลาย ไม่เหมือนสมัยนี้ การจบั กุมคนทท่ี ำ�ผิดนย้ี ง่ิ ไม่ตอ้ งพดู ถึง คนทเ่ี คยลา่ เคยเข้าไปยงิ สตั ว์ ยงั ไม่ร้ดู ว้ ย ซํ้าว่ามีกฎหมายฉบับน้ีออกมาห้ามล่า แล้วตอนนั้นแม้จะมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ท่ีออกมาต้ังแต่ปี ๒๕๐๓ แลว้ กต็ าม แตก่ ย็ งั ทำ�อะไรไมไ่ ด้ เพราะกรมปา่ ไมย้ ังไม่ต้งั ใครมาเปน็ พนกั งานเจา้ หน้าที่เลย พอตั้งผมมาเป็นหัวหน้าหมวด ก็กลายเป็นว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่ไปโดยปริยาย มีข้าราชการท่ีปฏิบัติ งานเรอื่ งน้คี นเดียว คอื ตัวผม อกี คนเขากย็ ังไม่ใช่ขา้ ราชการ กอ่ นปี ๒๕๐๔ แถวทุ่งรงั สติ น้เี ปน็ นากว้าง พอหนา้ น้ํา มันกจ็ ะมีน้าํ ทว่ มขงั เปน็ เหมอื นบงึ เลย 20
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ กจ็ ะมีพวกนกเปด็ นํ้ามากันมากเปน็ พนั เปน็ หมน่ื ตวั เดอื น ๑๑ เดือน ๑๒ นาทีน่ ้าํ ทว่ มสูงตน้ ขา้ วมัน กส็ งู ตาม พอเปน็ บงึ นา้ํ นกเปด็ กอ็ พยพมาชว่ งนท้ี กุ ปี มนั จะมคี นมาจา้ งเรอื ชาวบา้ นใหพ้ าไปกลางทงุ่ ไปยงิ นกนา้ํ กนั นกอลี มุ้ อีลา้ํ นกพรกิ นกเปด็ ต่างๆ มีท้งั ฝรง่ั ทง้ั คนไทย ไปกนั จากกรงุ เทพ ออกมา ล่าสตั วล์ า่ นกนา้ํ ถงึ ชานเมอื งอย่างที่ทงุ่ รังสติ วันหนึ่งคุณหมอบุญส่ง เลขะกุล เลขานุการนิยมไพรสมาคม ท่านก็โทรศัพท์มาคุยกับผม ท่านบอก “กฎหมายสัตว์ป่ามันยังเป็นหมันอยู่นะ เมื่อมีพนักงานเจ้าหน้าท่ีแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ�อะไร ตอนน้ีมันมีคนไปล่านกน้ําท่ีทุ่งรังสิต จะทำ�อย่างไรดีล่ะ” คุณหมอท่านก็เปรยๆ แกมเร่งเร้าให้เรา ออกแอคชั่น ผมกเ็ ลยบอกคณุ หมอบุญสง่ ไปวา่ “ไมร่ เู้ รอ่ื งนีม้ ากอ่ นเลย แต่ผมจะไปจับมาด�ำ เนินคดีใหค้ รบั ” ตอนนั้นมผี มคนเดยี ว ถ้าจะจับกุมก็ต้องขอกำ�ลังเจ้าหน้าที่ตำ�รวจ ผมก็เลยทำ�บันทึกเสนอ นายตรี กกก�ำ แหง ตอนน้นั ทา่ นเปน็ รองอธบิ ดีกรมปา่ ไม้ ใหท้ า่ นลงนามขอกำ�ลงั เจ้าหนา้ ท่ีต�ำ รวจ ไปถงึ ผบู้ งั คบั การต�ำ รวจปา่ ไม้ (ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นเรือนไม้เล็กๆ อยู่ในพื้นที่กรมป่าไม้) ผบู้ งั คบั การ ตำ�รวจปา่ ไม้ เขากส็ ง่ เจา้ หน้าท่ตี �ำ รวจ ยศสบิ ตรมี าใหผ้ มสองคน มีร้อยต�ำ รวจเอกมาอีกคนหนึ่ง มา สมทบกนั กบั ผม ผมกอ็ าศยั รถต�ำ รวจไป เพราะรถกรมปา่ ไมก้ ไ็ มม่ ี ไปถงึ กเ็ หน็ มคี นลา่ นกเปด็ นา้ํ จรงิ ๆ ผมก็จับกุม จะว่าเป็นผู้กระทำ�ผิดกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ารายแรกของเมืองไทยคนแรก นับจากกฎหมายคุ้มครองสัตว์ออกมาบังคับใช้ก็ได้ เป็นเจ้าหน้าที่ยูซ่อม (USOM) ช่ือ Mr.John Clieden ได้ทั้งอาวุธปืนลกู ซองแบบออโตเมตกิ และนกเป็ดน้าํ ของกลาง ก็เอาไปส่งทีส่ ถานีตำ�รวจ ภูธรอำ�เภอบางขัน ผมจำ�เหตุการณ์ได้แม่นเลย เพราะมีการออกเป็นข่าวโทรทัศน์ด้วยว่า “นาย ผอ่ ง เลง่ อ้ี หวั หนา้ หมวดสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ น�ำ ต�ำ รวจไปด�ำ เนนิ การจบั กมุ ผลู้ กั ลอบลา่ สตั ว์ ปา่ ทท่ี งุ่ รงั สติ ” รายทีส่ องเป็นเจา้ ของร้านปนื จบั ได้ในวนั เดียวกนั นนั่ แหละ ทง้ั สองคดเี ปน็ ประวัติศาสตรท์ ไี่ ม่ เคยมมี าก่อน เปน็ ครง้ั แรกทีม่ กี ารจับกุมดำ�เนนิ คดีกบั ผู้ลกั ลอบล่าสัตว์ปา่ ในเมืองไทย พอมีข่าวทีผ่ ม จบั กมุ ครง้ั นนั้ ออกไป ทนี จ้ี งึ ไดต้ น่ื ตวั กนั มรี ายงานมาจากจงั หวดั หนงึ่ วา่ เจา้ หนา้ ทป่ี า่ ไมไ้ ปจบั กมุ คน ยงิ หมี และถกู ลงโทษปรบั ซงึ่ อนั ทจ่ี รงิ ตอนนนั้ หมมี นั ยงั ไมใ่ ชส่ ตั วป์ า่ คมุ้ ครอง ใครยงิ หมปู า่ เจา้ หนา้ ท่ี ป่าไม้ก็ไปจับ ยิงอะไรป่าไม้ก็ไปจับหมด ทั้งคนจับทั้งคนยิงก็ไม่รู้ว่าสัตว์ป่าชนิดใดบ้างท่ีกฎหมาย คมุ้ ครอง เปน็ เพราะเราไมเ่ คยมกี ฎหมายคมุ้ ครองสตั วป์ า่ มากอ่ น ตอนหลงั นจ้ี ึงมาใส่รายช่อื สตั วป์ ่า คุ้มครองเข้าไปอีกหลายชนิด แต่การจับกุมคร้ังนั้นมันจึงเป็นเหมือนการประกาศออกไปในวงกว้าง ว่ากฎหมายสงวนและค้มุ ครองสัตวป์ ่ามีการบงั คับใชแ้ ลว้ นะ ใครทำ�ผิด กจ็ ะถูกจับกุมดำ�เนนิ คด.ี ...” 21
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรก ของประเทศไทย (รปู ป่าสลกั พระ) ป่าสลักพระ คนในแวดวงอนรุ กั ษน์ น้ั เรารกู้ นั มานานแลว้ วา่ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระเปน็ เขตรกั ษาพนั ธ-์ุ สตั วป์ า่ แหง่ แรกของประเทศไทย ซง่ึ กอ่ นหนา้ นน้ั ปา่ เมอื งกาญจน์ คอื ปา่ ทบ่ี รรดาพรานลา่ สตั วโ์ ดย เฉพาะเศรษฐคี นมเี งนิ ในกรงุ เทพ มกั ออกไปซอ้ มมอื ยงิ ปนื ลา่ สตั วก์ นั ถอื เปน็ คา่ นยิ มอยา่ งหนง่ึ ของ คนมเี งนิ สมยั นน้ั คา่ นยิ มสมยั นน้ั สะทอ้ นออกมาเปน็ นยิ าย เพชรพระอมุ า หรอื ลอ่ งไพร ทเ่ี ลา่ เรอ่ื ง ราวของการเทย่ี วปา่ ลา่ สตั ว์ อกี ทง้ั ปา่ กไ็ ดร้ บั สมั ปทานทว่ั ประเทศ ปา่ เมอื งกาญจนก์ ไ็ มไ่ ดพ้ น้ จาก สมั ปทานไม้ มกี ารชกั ลาก ตดั ไมก้ นั ทว่ั ประเทศ พอมาไดย้ นิ เรอ่ื งการประกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธ-ุ์ สตั วป์ า่ แหง่ แรกของไทย กม็ าจากทา่ นผนู้ ้ี พรอ้ มทง้ั บรรยากาศการจะประกาศพน้ื ทเ่ี ปน็ เขตรกั ษา- พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ซง่ึ ไมเ่ คยมมี ากอ่ นในประเทศไทย ผมจงึ ตง้ั ใจฟงั อยา่ งมาก.... ทา่ นอธบิ ดผี อ่ งเลา่ เรอ่ื งนว้ี า่ ..... “.....งานของหมวดสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าก็เริ่มมาได้เรื่อยๆ เป็นงานเอกสารบ้าง ออก จับกมุ ผ้กู ระทำ�ความผดิ บ้าง กท็ ำ�กันมาสักระยะหนง่ึ ผมก็มานึกว่าเขตรกั ษาพนั ธุส์ ตั วป์ า่ ที่เราตั้งใจ มาแตต่ น้ นน้ั จะตอ้ งรบี จดั ตง้ั แลว้ เพราะถา้ ขนื ชา้ ไปปา่ จะถกู ท�ำ ลายลงไปมาก กเ็ ลยท�ำ หนงั สอื เสนอ หวั หนา้ กอง แล้วเสนออธิบดีกรมป่าไมอ้ กี ที เพือ่ ทำ�หนงั สือไปยงั ปา่ ไมเ้ ขต ป่าไมจ้ งั หวัดทัว่ ประเทศ ให้เขารายงานว่าในพ้ืนที่เขตและจังหวัดใดท่ีมีพ้ืนที่มีพ้ืนท่ีป่าเหมาะสมสำ�หรับจัดตั้งเป็นเขตรักษา- 22
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ พนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ตามกฎหมายไดบ้ า้ ง กใ็ หไ้ ปส�ำ รวจแลว้ รายงานเขา้ มาพรอ้ มแผนท่ี พอท�ำ หนงั สอื แจง้ ไป แบบนี้ บรรดาป่าไม้เขต ปา่ ไม้จังหวัดเขากร็ ายงานมาว่าทีน่ ่ันบ้างท่ีนบี่ ้างทวั่ ประเทศ ผมกร็ วบรวม ท่ีเขารายงานมานน่ั แหละ เอามานง่ั อา่ นดู อา่ นไปกย็ งั นกึ ภาพไมอ่ อกวา่ ทเ่ี ขารายงานมานน่ั มนั มหี นา้ ตา เป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่ค่อยไปเห็นสักแห่ง ได้แต่อ่านเอาจากที่เขารายงานน่ันแหละ แต่ความต้ังใจ เดิมผมคืออยากให้มีเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่ากระจายกันออกไปให้ทั่วประเทศ ครั้นดูท่ีเขารายงานมา ผมกเ็ ลอื กทน่ี า่ สนใจไว้ บางแหง่ บางทท่ี ร่ี ายงานมา ผมอา่ นแลว้ กข็ �ำ เพราะความทเ่ี ขาเองก็ยัง ไม่เข้าใจคำ�ว่าเขตรักษาพันธ-ุ์ สตั วป์ า่ เชน่ บางแหง่ เสนอพน้ื ท่ี มาแค่ ๑,๐๐๐ - ๒,๐๐๐ ไร่ แล้วบอกให้เราทำ�ร้ัวล้อม ทำ� เหมือนคอกสัตว์ไปโน่น มี รายงานมาเกือบร้อยแห่งผมก็ นงั่ เลือกมาได้ซกั ๔๐-๕๐ แหง่ อนั แรกทส่ี ะดดุ ใจเลยเพราะมสี ตั วป์ า่ ชกุ ชมุ คอื ปา่ เมอื งกาญจน์ ไปเหน็ ชอ่ื ปา่ หว้ ยสะดอ่ ง หว้ ยสลกั พระ ของกาญจนบรุ ี ผมเลยเลอื กเอาทนี่ เี่ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธแุ์ หง่ แรกเลย ประกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั ว-์ ปา่ สลักพระ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ในปี ๒๕๐๘ ถือเปน็ ความภาคภูมิใจของผม เพราะจะ เรียกว่าผมป้ันมากบั มอื ก็ได้ เพราะเสนอมาหลายแหง่ และเลอื กไว้กห็ ลายแห่ง แตผ่ มเลือกท่ีนเี่ ป็น ที่แรก พอประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้แล้ว ผมก็จะทำ�อีกหลายแห่งตามท่ีต้ังใจไว้แต่ แรก แตห่ ัวหน้ากองทา่ นไม่อยากให้ท�ำ มาก ไม่อยากใหป้ ระกาศมาก เพราะมันไม่มีงบประมาณพอ ทา่ นอธบิ ดเี องกท็ กั ทว้ งวา่ ถา้ มนั ไมม่ งี บประมาณกอ็ ยา่ เพงิ่ ประกาศเขตฯ มนั เลย เดยี๋ วจะรกั ษาไมอ่ ยู่ ผมกเ็ ลยพยายามทำ�ให้ได้ ๔ - ๕ แห่งไปก่อน บางพื้นที่ป่าไม้เขตเขาก็มาเสนอให้ที่นั่นที่นี่เป็นเขตรักษาพันธุ์ฯ ว่ามีความเหมาะสมหลาย อย่าง อย่างเช่น สำ�นักงานป่าไม้เขตนครสวรรค์เสนอให้เอาป่าห้วยขาแข้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์- ป่าเสีย ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ก็ติดขัดทั้งกำ�ลังคนเพราะหมวดสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตอนนั้นไม่มี กำ�ลังคน มีข้าราชการอยู่คนเดียวคือผม รวมทั้งงบประมาณก็ไม่ได้มาก ผู้ใหญ่ก็ติง จึงทำ�อะไรไป มากกว่านี้ไม่ได้ เขตฯ ห้วยขาแข้ง จึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ารุ่นแรกที่จัดตั้งด้วยซํ้า อุปสรรคของการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่ละแห่ง กว่าจะประกาศได้จนมาเป็นอย่างทุกวัน นี้ มันไม่ง่ายเลย.....” 23
เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู วั เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ แหง่ แรกของอสี านและแหง่ เดยี วของอสี านเหนอื (รูปป่าภูวัว) ป่าภวู ัว พอเอย่ ถงึ ชือ่ ปา่ ภูววั ก็เข้าทางผมอีก เพราะผมเดินป่า เทีย่ วปา่ แหง่ นี้จนปรุ เดินเท่ยี วจนแทบ จะนบั เปน็ บ้านทส่ี อง ผมมีประสบการณ์เทยี่ วปา่ ภวู วั ที่ประทบั ใจหลายครง้ั พอท่านอธิบดผี อ่ ง เลา่ เร่อื งการประกาศเปน็ เขตฯ ภูวัว ผมทัง้ สนใจและนึกภาพสถานท่ีออกตลอดการเล่าเรอื่ ง..... “.....ช่วงที่ผมยังเป็นหัวหน้าหมวดสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ผมยังไม่ได้ไปเมืองนอก ราวปี ๒๕๐๖ กม็ พี อ่ คา้ ปลาคนหนง่ึ อยทู่ างหนองคาย ชอ่ื สมพงษ์ แกมอี าชีพขายปลา ไปซื้อปลาแม่นํ้าโขง มาขายตอ่ แกคงสนิทกับ ม.ร.ว. จักรทอง ทองใหญ่ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ (ตอนนั้นกรมป่าไม้ ขน้ึ อยกู่ บั กระทรงเกษตรและสหกรณ)์ แกมาเลา่ ใหป้ ลดั กระทรวงฟงั วา่ ไปเจอตวั เนอ้ื สมนั ทห่ี นองคาย ทา่ นปลดั กระทรวงนนั้ ทา่ นเปน็ ประธานคณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ และทา่ นกเ็ ปน็ คน ทีร่ กั สัตว์อยดู่ ว้ ย ท่านเลี้ยงไก่ฟ้าไว้เยอะ พอได้ข่าวแบบนี้ท่านก็ตื่นเต้นสิ ท่านก็เรียกหัวหน้ากอง ไปสง่ั การ คอื ทา่ นหวั หนา้ กองประมวล ว่าให้ไปดูเรื่องนี้หน่อย เพราะมคี นเจอเนอื้ สมนั ทหี่ นองคาย หวั หนา้ กองประมวลเหน็ ผมยงั หนมุ่ แนน่ งานระยะแรกกย็ งั ไมค่ อ่ ยมอี ะไรมาก กส็ ง่ ผมกบั คณุ สมพงษ์ ปโชติการ ตอนนน้ั คณุ สมพงษ์เป็นหวั หน้าแผนกบำ�รุง ผมเป็นหวั หน้าหมวดสงวนและคุ้มครองสตั ว์ ป่า แต่ผมพึ่งมาทำ�งานใหม่ เพิ่งเข้ามาเป็นข้าราชการเม่ือปี ๒๕๐๔ ยังไม่ชำ�นาญระบบระเบียบ 24
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ ราชการอะไร ขนาดเบี้ยเลี้ยงยังเขียนไม่เป็นเลย ก็ไปกันสองคนกับคุณสมพงษ์ ปโชติการ แกก็ พานงั่ รถไฟไป คนื แรกไปนอนหนองคาย พอไปถงึ หนองคายคณุ สมพงษท์ เี่ ปน็ พอ่ คา้ ปลาทห่ี นองคาย กม็ ารบั สมยั นนั้ ทางทจี่ ะไปถงึ บงึ กาฬได้ ต้องนั่งเรือแล่นไปตามแม่นํ้าโขง ถนนหนทางยงั ไมม่ ี คณุ สมพงษ์ พ่อค้าปลาแกก็พาไปหาเชา่ เรือ เจ้าของเรือทีเ่ ราจะไปเช่า ชื่อกิมก่าย (ธเนศ เอยี สกุล ภาย หลังไดเ้ ป็นรัฐมนตรี) ก็เช่าเรือเขาไป ในเรือเขาจะต่อเปน็ ห้องน้ําทา้ ยเรอื ย่ืนออกไปนอกตวั เรอื เวลา ถา่ ยหนกั ถา่ ยเบากต็ อ้ งถา่ ยลงนาํ้ เรอื มนั ล�ำ ใหญก่ แ็ ลน่ ไปตามกระแสนา้ํ โขงไปชา้ ๆ คณุ สมพงษ์ พอ่ คา้ ปลาที่ไปด้วยกันแกก็ปวดท้องอึ แกก็ไปเข้าส้วมท้ายเรือ ตัวแกใหญ่ ไม่รู้ว่าแกไปทำ�อีท่าไหน ที่ส้วมท้ายเรือมันหักแกก็ตกลงไปในแม่นํ้า กว่าเราจะรู้ว่ามีคนตกลงไปในแม่นํ้าโขงเรือก็แล่นไปต้ัง ไกลแลว้ ตอ้ งยอ้ นกลบั ไปเอาแกขึ้นเรืออกี เรื่องนผ้ี มยงั จำ�ไดแ้ มน่ เลย เรอื กล็ อ่ งไปจนถงึ บงึ กาฬ ไปขนึ้ ฝง่ั ทน่ี น่ั กไ็ ปเจอ คณุ เชดิ พงษ์ อทุ ยั สาง ตอนนนั้ คณุ เชดิ พงษ์ เปน็ ปลัดอ�ำ เภอบงึ กาฬ ภายหลังท่านเกษยี ณที่ตำ�แหน่งผูว้ ่าฯ ตอนหลงั มาเปน็ สว. ดว้ ยกนั เขาจ�ำ ผมไม่ได้ แต่ผมจำ�เขาได้ตอ้ งมาร้ือฟื้นความหลงั กัน เขาเป็นรุน่ นอ้ งนดิ หนึง่ ก็เรยี กผมพี่ ตอนน้ันคณุ เชดิ พงษ์ อทุ ยั สาง เปน็ เดก็ หนมุ่ เรยี บรอ้ ย เราไปถงึ กต็ อ้ งไปคา้ งทบ่ี งึ กาฬคนื หนง่ึ กอ่ น คณุ เชดิ พงษเ์ ขา ก็ดูแล จดั หาทห่ี ลบั ท่นี อนให้ พอเช้าเราก็หาเรอื ไปบา้ นลอ ก�ำ นันท่นี ่ันกช็ ือ่ ลอเหมือนกบั ชอ่ื หมู่บา้ น ตอนนัน้ บ้านลอขนึ้ กับ กงิ่ อ�ำ เภอเซกา (เด๋ียวนเ้ี ป็นอ�ำ เภอในจังหวดั บึงกาฬ) เราก็ตอ้ งไปนอน บ้านกำ�นัน ผมเห็นภูมิประเทศแถวนั้นมันเป็นท่ีราบลุ่ม พอหน้าน้ํา น้ําก็มักท่วมที่ลุ่ม ชาวบ้านใช้ เรอื สญั จรกนั ตรงไหนท่ีพอเป็นทดี่ อนบ้าง กก็ ัน้ ท�ำ เปน็ นา มันก็จะไม่มีทีว่ า่ งสำ�หรับเล้ียงวัวควาย มี ท่ีเดียวที่จะใช้เป็นที่เลี้ยงวัวควายในหน้านํ้าหน้านาได้คือเนินเขาท่ีเป็นป่าภูวัวน่ีแหละ เราก็ไปออก สำ�รวจพ้ืนท่ตี ามหาสมนั ตามขา่ วท่บี อกมา ไปถามชาวนาที่ท�ำ นาอยูเ่ ชงิ เขา ชาวนาบอกว่ามี มันพึ่ง ว่ิงไปกอ่ นหน้านีเ้ อง เรากไ็ ปตามดรู อยตนี มนั เอ...รอยตนี มันเป็นกีบเล็กๆ น่าจะเป็นพวกเนือ้ ทราย มากกว่า เพราะเนอื้ ทรายนม่ี นั ก็พวกสัตวก์ ีบเหมอื นกัน คลา้ ยๆ เกง้ แตต่ วั เล็กกวา่ เพราะถา้ เปน็ สมันนี่มันตัวใหญ่เหมือนกวางป่า รอยตีนมันก็จะต้องใหญ่ด้วย เป็นอันว่าท่ีไปตามข่าวสมัน แต่ไม่ เห็นสมนั เหน็ แตร่ อยทเ่ี ราเขา้ ใจวา่ เปน็ เนอ้ื ทราย ไมเ่ นอ้ื ทรายกอ็ เี กง้ แตถ่ า้ เราบอกวา่ เปน็ อเี กง้ นา้ํ หนกั ของเรอ่ื งอาจจะไมพ่ อ ครั้นจะบอกมีสมันไปมันไม่ได้อยู่แล้ว เดย๋ี วหาวา่ โกหก ซง่ึ เรากไ็ มเ่ จอจรงิ ๆ แต่ ถา้ ไมอ่ า้ งอะไรทสี่ �ำ คญั เลย เขากไ็ มย่ อมใหเ้ ปน็ เขตฯ ผมกเ็ ลยบอกมเี นอื้ ทราย กเ็ นอ้ื ทรายเปน็ สตั วป์ า่ สงวนในจ�ำ นวน ๙ ชนดิ ดว้ ย พอเรอื่ งเขา้ ทปี่ ระชมุ เขาก็ เฮย้ ..ถา้ อยา่ งนนั้ กใ็ หเ้ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั ว-์ ป่าไปสิ ทกุ คนในคณะกรรมการสงวนคมุ้ ครองสตั ว์ป่าก็เห็นด้วย จึงได้เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ัตวป์ า่ ภวู วั มา นแี่ หละมนั มีท่ีมา ถ้าผมพาซอ่ื บอกไม่เหน็ สมันครับ มแี ต่เกง้ ไมม่ ีอะไรจะได้เหรอ แล้วปา่ ภวู วั น่ีทวิ ทศั นส์ วยงาม อีกฝง่ั มองเห็นลาว มนี ้าํ ตกใหญ่ๆ หลายแห่ง แบบนจี้ ะไมเ่ อาไดไ้ ง แล้วต่อมาจึงรู้ว่ามันไม่ได้มีแต่เน้ือทรายเท่านั้นมันมีช้างด้วย ช้างป่าเป็นโขลง มีอยู่ที่เดียว 25
นำ�้ ตกถ�ำ้ พระ เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ ภวู ัว ของอีสานเหนือทีม่ ชี า้ งปา่ อาศัยอยู่ ตอนน้ันเราก็หวงั แค่ไปแล้วกอ็ ย่าให้เสียเทย่ี ว แตป่ รากฏว่าพอ เอาเปน็ เขตฯ มันมปี ระโยชน์กับช้างโขลงสดุ ทา้ ยของอสี านเหนือเลย ไปดูเถอะ ปา่ อสี านเหนือมไี ม่ ก่แี หง่ แล้วในไมก่ ่แี หง่ น่ีภวู ัวที่เดียวท่ีมันมชี า้ ง อนั น้กี ถ็ ือว่าได้ป่าสมบรู ณม์ าโดยไม่คาดคดิ ตอนหลัง ผมสง่ คุณเฉลิมวฒุ ิ เครอื มณี ไปบกุ เบิก ตอ่ มาสง่ มานพ เลาหะประเสรฐิ ตามไปทีหลงั มานพ ชอ่ื เลน่ วอก วอกนเ่ี ขาเปน็ คนพดู ตลกๆ เขามาบรรยายถงึ พน้ื ทปี่ า่ ภวู วั วา่ หนา้ ฝน ววั มนั จะถกู ตอ้ นเขา้ ไป ในปา่ เพราะข้างล่างอยู่ไม่ได้ พน้ื ทไี่ ม่ใชท้ �ำ นาก็นํ้าท่วม พอหนา้ แล้ง ข้างลา่ งนี้ไม่มที ั้งน้ําและอาหาร ชาวบ้านเขากต็ อ้ นควายขึน้ ไปอกี มานพ วอกฯ เลา่ วา่ ลกั ษณะป่าทนี่ ่ดี ี มีสตั ว์ปา่ หลายชนดิ หนา้ ฝน เป็นภูวัว พอหน้าแล้ง เป็นภูควาย ผมจ�ำ ได้ ยังหวั เราะกนั เอ้ิกอา้ กในค�ำ บรรยายพ้ืนท่ขี องเขา ตอนเป็นหวั หนา้ กองผมไปตรวจพืน้ ท่ีที่นี่ ตอนนนั้ ผกค. ยงั ดุเดือดมาก ผมก็ออกตรวจพนื้ ที่ จรงิ ๆ สามทมุ่ ยงั อยใู่ นปา่ กวา่ จะไดก้ ลบั ทพ่ี กั ตอนนนั้ ยงั ไมม่ สี �ำ นกั งานแบบเดย๋ี วนี้ ใชไ้ มไ้ ผส่ รา้ งแบบ ชั่วคราวเปน็ สำ�นกั งาน มานพ วอกฯ นแี่ หละสร้าง เขากใ็ ห้ลูกนอ้ งถอื ปืนลกู ซองเข้ายามเฝ้าผม ผมก็ หลบั ๆ ต่ืนๆ ลูกน้องมันก็ไม่หลับหรอก เฝ้านาย ผมกเ็ ลยน่ังคยุ เป็นเพอ่ื นมันว่า ถ้า ผกค. เขาบกุ มา นเี่ อ็งสไู้ หวเหรอ มนั ก็ยอ้ นถามผมวา่ นายไม่กลวั เหรอ ดึกๆ ด่นื ๆ ยังมานอนในป่ากันแบบนี้ ผกค. มนั เยอะนะ ผมกบ็ อก “ถา้ กลวั อว๊ั ะกไ็ มค่ วรเปน็ หวั หนา้ กองซวี ะ พวกลอื๊ อยนู่ ท่ี งั้ ปที ง้ั ชาติ เสย่ี งกวา่ อวั๊ ต้งั เยอะ” พอพดู แบบนล้ี กู นอ้ งมันกม็ กี �ำ ลงั ใจในการท�ำ งาน เพราะเมื่อกอ่ น ผกค.มันเยอะจริงๆ โจมตที ั้งทหารท้ังตำ�รวจ ปา่ ไม้เรากท็ �ำ งานเสี่ยงไม่นอ้ ยกวา่ กนั ผมไปกเ็ หมือนทั้งไปตรวจพ้ืนท่แี ละ ไปใหข้ วญั กำ�ลงั ใจลูกนอ้ งดว้ ย...” 26
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดิน ไปเรียนตอ่ เมืองนอก เรอื่ งราวสนุกมาเร่ือยๆ มาฟังท่านเล่าตอ่ ไปดกี ว่า..... “...ผมท�ำ หนา้ ทห่ี วั หนา้ หมวดสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ และผลกั ดนั ใหป้ ระกาศเขตฯ สลกั พระ และทีอ่ ่นื ๆ อกี ๔-๕ แห่ง เรอ่ื งผ่านผมไปจนเขา้ สูก่ าร พจิ ารณาของผใู้ หญแ่ ลว้ แตย่ งั ไมไ่ ดป้ ระกาศ ปี ๒๕๐๖ ผมเปน็ ขา้ ราชการกรมปา่ ไมม้ าได้ ๓ ปี กไ็ ปสอบชงิ ทนุ กพ. ไปเรยี นปรญิ ญาโท ไปเรยี นเรอ่ื งการจดั การสตั วป์ า่ และอุทยานแหง่ ชาติที่ University of Montana ส่วนพนื้ ทเ่ี ขตรกั ษาพันธสุ์ ตั ว์ป่า ๕ เขตท่ีเลือกไว้แลว้ นัน้ กอ็ ยรู่ ะหว่างดำ�เนนิ การ ชว่ งกอ่ นที่ผมจะไป ก็มี การสง่ คนไปส�ำ รวจบางพน้ื ทก่ี อ่ นแลว้ อยา่ งสลกั พระ กส็ ง่ คณุ เกษมสขุ สขุ สกลุ ไปดู คณุ อดุ ม ธนญั ชยานนท์ กใ็ หไ้ ปส�ำ รวจหว้ ยขาแขง้ สง่ คณุ เฉลมิ วฒุ ิ เครือมณี ไปดู ท่ภี วู วั กบั ที่ลมุ่ น้ําปาย พน้ื ที่เหลา่ นีไ้ ดเ้ ลือกไว้แลว้ ท�ำ แผนของบประมาณ แลว้ จงึ สง่ คนไปส�ำ รวจเพอื่ เตรยี ม ประกาศตามแผนท่วี างไว้ระหว่างนั้นผมก็ไปเรียนต่อ เมอื งนอก ๒ ปี กลบั มากเ็ หน็ วา่ เขากท็ �ำ ตามแผนทว่ี าง ไว้ มีคนไปดแู ลพื้นทแ่ี ล้ว แตก่ ย็ ังไมไ่ ดป้ ระกาศ ชว่ งระหวา่ งที่ผมไปเรียนเมอื งนอกน้นั ในกอง บำ�รงุ เองกม็ กี ารเปลีย่ นแปลง คอื เปลี่ยนหวั หน้ากอง จากคณุ ประมวล มาเป็นคุณรัศมี นามวงศ์ ซึง่ เดิมท่านเปน็ ปา่ ไมเ้ ขตเพชรบรุ ี เปน็ คนจังหวดั แพร่ เป็นคนเมืองเหนือเช่นเดียวกับท่านอธิบดีดุสิต พานิชพัฒน์ ซ่ึงเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ตอนน้ัน ส่วน อาจารย์ประมวลถกู ยา้ ยไปเปน็ ป่าไม้เขต แลว้ ตอนหลงั ท่านก็ลาออก หัวหน้ากองรศั มีก็เปน็ หวั หนา้ กองบ�ำ รงุ แทน ตอนนนั้ หมวดสตั วป์ า่ เลยวา่ งหวั หนา้ เพราะผมไปเรยี นเมอื งนอก หวั หนา้ กองรศั มที า่ น กเ็ ลยไปดงึ คณุ เชดิ ชอ กลั ยาณมติ ร ซง่ึ เปน็ หวั หนา้ สวนปา่ วงั ดว้ น ต.หว้ ยทราย อ.เมอื ง จ.ประจวบฯ ซึ่งขนึ้ กับปา่ ไม้เขตเพชรบรุ ี คณุ เชิดชอ นีท้ า่ นคนุ้ เคยกนั กบั หัวหน้ากองรัศมี หัวหน้ากองจงึ เอามา ทำ�หน้าที่แทนผมในหมวดสตั ว์ป่า 27
(รปู อนสุ าวรียท์ ่อนซุงขาแข้ง) ต้นแบบของ Master plan “.... ผมกลบั มาจากนอกใหมๆ่ ก็กลบั มาประจ�ำ หมวดสตั ว์ปา่ งานทต่ี อ้ งรับผิดชอบก็ไมม่ าก ผมถงึ ไปนน่ั ไปนไ่ี ด้ หวั หนา้ กอง คณุ รศั มี นามวงศ์ ทา่ นเหน็ วา่ ผมไปเรยี นเรอ่ื งการจดั การสตั วป์ า่ มา ทา่ น เลยใหผ้ มเขียน Master plan เรอ่ื งสัตวป์ า่ ให้หนอ่ ย ผมก็เขยี นให้จนส�ำ เร็จ ในแผนนนั้ ว่าจะบรหิ าร อยา่ งไร ผมกล่าวถึงว่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะต้องประกอบไปด้วยหน่วยพิทักษ์สัตว์ป่า มดี า่ น เปน็ ระยะๆ แลว้ กม็ หี นว่ ยลาดตระเวนดว้ ยเทา้ หา้ มใชร้ ถ ถา้ ใชร้ ถมนั จบั ไมไ่ ด้ ชาวบา้ นทเ่ี ขา้ มา ถางป่า ล่าสัตว์ เขาเดินเท้า เรากต็ ้องเดนิ เท้า ถา้ เราเอารถไปมันก็หนหี มด แลว้ ผมว่าคนนง่ั รถน้ันมันจะไม่ เดินปา่ นง่ั รถจนเคยชิน พอเคยชินแลว้ มันจะขเ้ี กยี จ เลยใหเ้ ดนิ ลาดตระเวนเพอ่ื ดแู ลป่าไม่ให้มกี าร ล่าสัตว์หรอื ถางปา่ แล้วรบั ช่วงกนั เปน็ ทอดๆ ตง้ั งบประมาณให้มหี วั หนา้ หน่วย ขึน้ ตอ่ หัวหนา้ เขตฯ เราก็ดำ�เนินการต้ังหน่วยพิทักษ์ป่ามาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการบริหาร จัดการทีด่ ี ตอนหลงั กรมอุทยานฯ กเ็ อาแบบมั่ง แรกๆ ในมาสเตอร์แพลน เรยี กด่านตรวจ ให้มอี ยู่ เป็นระยะๆ รอบๆ แนวเขต ใกลห้ มู่บ้านคน เพราะคนถา้ จะเขา้ ป่า ก็เข้าจากท่หี มู่บ้านน่นั แหละ ชาว บา้ นอยไู่ หน เรากต็ อ้ งอยตู่ รงนนั้ ไมใ่ ชไ่ ปตง้ั อยหู่ า่ งแยกออกจากชาวบา้ น เราจะไดร้ คู้ วามเคลอ่ื นไหว ดว้ ย ตอ้ งพยายามเขา้ กบั ชาวบา้ นใหไ้ ด้ เอาเขามาแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ท�ำ ความรจู้ กั กบั แกนน�ำ 28
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผน่ ดิน สรา้ งความคนุ้ เคยกับชาวบา้ น เขาทอดผา้ ปา่ กฐนิ ก็ใหไ้ ปร่วม ผกู มติ รให้เขารกั เราให้ได้ ปฏบิ ตั ิการ แบบ ปจว. ผมให้เน้นเรอ่ื งนี้ใหเ้ ขารกั เราให้ได้ ส่วนงบประมาณในการต้ังหน่วยพทิ ักษ์นี้กเ็ จยี ดจาก ท่ไี ดม้ า ตอนหลงั นี้เขามเี กณฑ์ใหห้ น่วยละเท่าไรๆ ส�ำ นักงบประมาณเขาก็ให้มาว่าจะได้กีห่ นว่ ย เรา ตอ้ งไปตอ่ สกู้ อ่ นวา่ จะไดก้ ห่ี นว่ ย แตผ่ มกอ็ ยากจะตงั้ หลายหนว่ ย เขาใหม้ า ๑๐ หนว่ ย ผมกต็ ง้ั ซะ ๑๕ หน่วย ไปเจยี ดไปแบง่ เอาจากหนว่ ยทเ่ี ขาใหม้ าแบง่ ๆ กนั ไป เลยท�ำ ใหก้ �ำ ลงั แตล่ ะหนว่ ย มนั ขาดไปบา้ ง ยอดโมโกจู อทุ ยานแหง่ ชาติแมว่ งก์ สมยั กอ่ นพ้ืนทีใ่ นปา่ ผกค. ยงั เยอะ เขาก็หลบในป่า เราเองก็ตอ้ งอยู่ในป่า ทง้ั อยูแ่ ละทั้งจับ เรากเ็ คยไปจบั เขาเวลาเขาท�ำ ผดิ กฎหมายสตั วป์ า่ เขากม็ ายงิ เราตายไปหลายคน หลายท่ี หว้ ยขาแขง้ ก็โดนหลายคน แต่ที่ขาแข้งมันไม่ใช่ ผกค. อย่างเดียว มันมีพวกค้าฝิ่นด้วย ที่นั่นมันเป็นเส้นทาง ลำ�เลียงฝิ่นจากข้างในป่า มีหมู่บ้านกระเหรี่ยงในป่า มันก็ลำ�เลียงเป็นคาราวาน มันต้องผ่าน ผาแดง ทตี่ ง้ั ทท่ี �ำ การเขตฯ เรากไ็ ปตง้ั ขวางทางมนั ไว้ หรือที่ซับฟ้าผ่า หนว่ ยนก้ี ไ็ ปอยตู่ รงเสน้ ทางล�ำ เลยี ง ยาเสพตดิ มนั กไ็ มพ่ อใจ มนั กจ็ ะลม้ เรา ยงิ เราตายไปหลายคน เปน็ อนสุ าวรยี ท์ อ่ นซงุ อยา่ งทเี่ หน็ อยนู่ นั่ ผมเขียนแผนการท�ำ งานให้ฝา่ ยและนำ�ไปปฏิบัติ จนหลายทเ่ี อาตัวอยา่ ง กรมเองก็ยอมรบั แผนการ ท�ำ งานน้ีจนปจั จุบัน เขยี นแผน อะไรก็เอาแบบนี.้ ..” 29
กํำ�เนิด... ตํำ�แหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า ทกุ วนั น้ี เราจะเหน็ วา่ มพี นกั งานลาดตระเวน ท�ำ หนา้ ทเ่ี ดนิ ตรวจปา่ อาจจะมพี นกั งานราชการ ท�ำ หนา้ ทพ่ี นกั งานพทิ กั ษป์ า่ ท�ำ หนา้ ทร่ี ว่ มดว้ ย แตท่ ง้ั สองต�ำ แหนง่ น้ี แตเ่ ดมิ คอื ต�ำ แหนง่ พนกั งาน พทิ กั ษป์ า่ มฐี านะเปน็ ลกู จา้ งประจ�ำ พนกั งานพทิ กั ษป์ า่ น้ี แตก่ อ่ นจะใหส้ ทิ ธลิ กู จา้ งรายวนั ทท่ี �ำ งาน มาครบ 5 ปมี สี ทิ ธไ์ิ ปสอบ ถา้ สอบได้ กจ็ ะไดบ้ รรจเุ ปน็ ลกู จา้ งประจ�ำ ต�ำ แหนง่ พนกั งานพทิ กั ษป์ า่ เกษยี ณอายรุ าชการตอนอายุ ๖๐ ปี เหมอื นขา้ ราชการทว่ั ไป มสี วสั ดกิ ารการ พจิ ารณา ๒ ขน้ั เหมือนข้าราชการ ต่อมามีการปรับเปล่ยี นโครงสร้างใหม่ให้ยกเลิกตำ�แหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า ทเ่ี ปน็ ลกู จา้ งประจ�ำ ใหเ้ ปน็ พนกั งานราชการ ทม่ี กี ารประเมนิ ทกุ ๔ ปี และลกู จา้ งรายวนั ซง่ึ ทา่ น อธบิ ดผี อ่ งไดเ้ ลา่ ถงึ ต�ำ แหนง่ นไ้ี ดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ... พนักงานพทิ ักษป์ า่ “....พอปี ๒๕๐๙ ผมกจ็ บปริญญาโทกลับมา ก็มาอยฝู่ า่ ยสตั ว์ปา่ เหมือนเดมิ แตม่ าเป็นลูกนอ้ ง คณุ เชิดชอ ระหว่างน้ัน ผมกไ็ ปส�ำ รวจเขตฯ ภวู ัวบ้าง ผมเป็นนักวิชาการป่าไม้ จนปี ๒๕๑๓ หัวหน้า 30
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดิน กองรัศมีเห็นว่าผมเรียนมาทางด้านนี้เลยให้เป็นหัวหน้าหมวดแทน และย้ายคุณเชิดชอไปอยู่ต้นนํ้า หรืออะไรนี่แหละ พอผมกลับมาเป็นหัวหน้าหมวดเช่นเดิม ผมก็เร่ิมงานเลยผมเสนอให้เปลี่ยนชื่อ หมวดสงวนและคุม้ ครองสัตวป์ ่า ใหเ้ ป็น ฝา่ ยจัดการสตั วป์ ่าแห่งชาติ ซ่งึ กรมปา่ ไมก้ ็ยอมใหต้ ั้งฝา่ ย จดั การสตั วป์ า่ แหง่ ชาติ แลว้ ผมยงั ขอใหจ้ ดั ตง้ั ต�ำ แหนง่ พนกั งานพทิ กั ษป์ า่ ขน้ึ โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ ตอนที่ ผมไปเรยี นตอ่ เมอื งนอกนนั้ เขากม็ กี ารพาไปดงู านการจดั การพนื้ ทเี่ ขตรกั ษาพนั ธต์ุ ามทต่ี า่ งๆ ตอนไป ดงู านทแ่ี อฟรกิ า ทน่ี นั่ เคา้ มรี ะบบการรกั ษาปา่ โดยใชพ้ นกั งานพทิ กั ษส์ ตั วป์ า่ เรยี ก Game warden ทไี่ นโรบี ประเทศเคนยา เขาเอาคนพ้ืนเมืองทช่ี �ำ นาญป่า รู้จกั พน้ื ทดี่ ี เอามาใส่เครื่องแบบ เปน็ เจา้ หน้าที่ดูแลป่า สัตว์ป่า แล้วก็ทำ�งานได้ผล บ้านเราน่าที่จะเอาตามอย่างบ้าง ผมเลยทำ�เร่ืองไปขอ ต�ำ แหนง่ น้ี รา่ งหนงั สอื ถงึ ส�ำ นกั งบประมาณ กรมบญั ชกี ลาง กระทรวงการคลงั เพอื่ ขออนญุ าตอนมุ ตั ิ ใหเ้ หน็ ชอบในหลกั การวา่ ใหม้ ตี �ำ แหนง่ พนกั งานพทิ กั ษส์ ตั วป์ า่ โดยใหม้ หี ลกั เกณฑว์ า่ ใหค้ ดั เลอื กจาก คนทเ่ี ป็นคนงาน ทม่ี าทำ�งานกบั เรา เป็นชาวบ้านในพน้ื ที่ อยกู่ บั เขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ า่ มาแล้วไมต่ ํา่ กวา่ ๓ ปี ไม่ต้องมวี ฒุ กิ ารศกึ ษา เอาแตป่ ระสบการณ์ เอามาท�ำ งานหนา้ ทพี่ นกั งานพิทกั ษ์สัตวป์ ่า ขอ้ เสนอนกี้ ็ผา่ นความเห็นชอบ เลยมีการบรรจตุ ำ�แหน่งนเี้ กิดขึ้น ตำ�แหน่งพนักงานพิทักษ์สัตว์ป่าก็เกิดขึ้นเป็นท่ีแรกในฝ่ายจัดการสัตว์ป่านั่นเอง พอฝ่าย จัดการสตั ว์ปา่ ท�ำ มาซัก ๒-๓ ปี กไ็ ด้ตำ�แหน่งมาปลี ะ ๑๐๐ ตำ�แหน่ง ได้มาอยู่ ๒ - ๓ ปี ฝ่ายอทุ ยาน แห่งชาติตอนน้ันก็ไปต่อว่าสำ�นักงบประมาณว่าทำ�ไมให้ตำ�แหน่งพนักงานพิทักษ์ป่าแต่ฝ่ายสัตว์ป่า ท�ำ ไมไม่ให้ฝา่ ยอทุ ยานฯ บ้าง สาํ นกั งบประมาณก็บอก แล้วคณุ ขอมาหรือยัง พอบอกยัง เขาบอก วา่ ใหไ้ ปถามวธี กี ารจากคณุ ผอ่ งทฝ่ี า่ ยสตั วป์ า่ โนน่ ฝา่ ยอทุ ยานฯ กม็ าถามวา่ ท�ำ อยา่ งไร ผมกบ็ อกคณุ ต้องท�ำ เร่ืองขอไปทางส�ำ นักงบประมาณ ทำ�เรื่องไปทางกรมบัญชีกลาง แลว้ เอาเรื่องทีเ่ คยทำ�ให้เขา ดวู ่านี่เขาเดนิ เร่ืองกนั ยังไง ฝ่ายอุทยานฯ เขากไ็ ปเดินเร่ืองตาม พอเขาอนุมตั มิ า ฝ่ายอทุ ยานฯ กเ็ ลย มตี �ำ แหน่งแบบเดยี วกนั เรยี กวา่ พนักงานพิทักษอ์ ทุ ยานฯ พอได้ตำ�แหน่งพนักงานพิทักษ์สัตว์ป่าและพนักงานพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ตอนหลังหน่วย ป้องกันรักษาป่า ที่ขึ้นกับป่าไม้เขต ป่าไม้จังหวัดก็ขอมั่ง ทีแรกช่ือต่อท้ายมันก็จะเรียกตามสังกัด เชน่ ในสายสตั ว์ป่า ก็จะเปน็ พนักงานพิทักษ์สตั ว์ปา่ อทุ ยานฯ ก็จะเป็นพนักงานพทิ กั ษอ์ ทุ ยาน พอ มีหลายๆ หน่วยงานเข้ามันเรียกกันม่ัว เลยเอางี้ละกัน ให้เป็นชื่อรวมเดียวกัน แล้วจะใช้งานกอง ไหนก็ได้ ตงั้ แตน่ ั้น เลยเปน็ พนักงานพิทกั ษ์ปา่ อย่างในปจั จบุ นั แล้วพวกนท้ี �ำ งานดี ได้ผล ผมกข็ อ ตำ�แหน่งนที้ กุ ๆ ปี ปีละ ๑๐๐ ตำ�แหนง่ กไ็ ดอ้ ยูห่ ลายปี เสียดายท่ีมกี ารจัดโครงสรา้ งบคุ ลากรใหม่ พนักงานพิทักษ์ป่าไม่ได้เป็นแบบเดิม ภาระงานเท่าเดิม เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนสวัสดิการจะต่าง ออกไป แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ผมกภ็ มู ิใจทีต่ �ำ แหนง่ นเี้ ราสร้างเขาขน้ึ มาเอง...” 31
เกิดกองอุทยานแหง่ ชาติ เทา่ ทผ่ี มรมู้ าวา่ กองสตั วป์ า่ กบั กองอทุ ยานฯ เขามมี าคคู่ ก่ี นั กองสตั วป์ า่ กด็ เู ขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ กองอุทยานฯ กด็ แู ลอทุ ยานแห่งชาติ ซงึ่ ตรงน้ี ท่านอธบิ ดผี อ่ งไดเ้ ลา่ เพม่ิ เตมิ วา่ .... “...มาถึงตรงน้ีผมขอเล่าเร่ืองกองสัตว์ป่ากับกองอุทยานฯ เสียก่อน เดี๋ยวจะงงกัน คือเม่ือ ก่อนมันมีสองฝ่าย สองหมวด สองแผนก แต่อยู่ในกองบำ�รุงทั้งหมด คำ�สั่งแรกที่หัวหน้ากอง ประมวลออกคำ�ส่ังให้ผมเป็นหัวหน้าหมวดคุ้มครองสัตว์ป่า ๒๕๐๔ ในคำ�สั่งเดียวกัน ก็ตั้งคุณ สนั่น คำ�ใส ซ่งึ เป็นเพ่อื นร่นุ เดียวกัน จบมาพร้อมกันกับผม ให้เป็นหัวหน้าหมวดอุทยานแห่งชาติ เรยี กวา่ สองหมวดนี้เกดิ พร้อมกนั ค�ำ สัง่ เดียวกันเลย กอ่ นหน้าที่ยงั ไมม่ ฝี า่ ยไมม่ ีหมวด งานช้นิ ไหน หัวหน้าชอบใจใคร ก็มอบหมายให้คน นั้นไปทำ� แต่ก่อนมีคุณวินัย พันธุบูรณะ ซ่ึงเขาจบนอกมา รู้สึกจะฟิลิปปินส์หรือ อะไรนี่แหละ แต่เขาคงไม่ถนัดงานอุทยาน หัวหน้ากองท่านเลยให้สนั่นไปทำ� ผมกับ สนั่นก็ทำ�งานมาแล้วไล่ๆ กัน สนั่นนั้นเขา ไม่อยากอยู่หมวดอุทยานเขาก็มารบเร้า หัวหน้ากองว่าอยากไปเป็นหัวหน้าสวนป่า แล้วตอนน้ีท่ีผมไม่อยู่ไปเรียนเมืองนอกนั้น หวั หนา้ กองรศั มี ทา่ นกใ็ หค้ ณุ เชดิ ชอ มาเปน็ หัวหน้าหมวดสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แทนผม แล้วให้ คณุ สวสั ด์ิ นชิ รัตน์ ทจี่ บปริญญาโทมาจากอเมรกิ า มาเป็นหัวหนา้ หมวดอุทยาน แหง่ ชาติ สองหมวดนี้กท็ ำ�งานด้วยกัน พอผมกลับมาขอเสนอให้หมวดสัตว์ปา่ ขน้ึ เป็นฝา่ ยได้ หมวด อุทยานฯ เลยขอเป็นฝ่ายม่ัง แต่พอตอนจะเป็นกอง กองอุทยานฯ เขาเป็นกอ่ น ๑ ปี ฝา่ ยสัตวป์ า่ มาเป็นทหี ลัง พอปี พ.ศ. ๒๕๑๘ สมยั อาจารยส์ ัญญา ธรรมศักด์ิ เป็นนายกรฐั มนตรี มกี ารอนมุ ตั ติ ั้งกอง อนรุ ักษส์ ัตว์ป่าโดยท่าน ดร.เถลิง ธำ�รงนาวาสวัสดิ์ ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนัน้ ได้ มีส่วนผลกั ดัน เป็นอยา่ งมากและทางกรมป่าไม้ ก็ไดแ้ ต่งต้งั ใหผ้ มดำ�รงตำ�แหนง่ หวั หนา้ กองอนรุ กั ษ์ สัตวป์ า่ เปน็ คนแรก 32
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ วิบากกรรมของเขตฯ สลักพระ หนว่ ยพทิ กั ษป์ า่ สลักพระ หนว่ ยพิทกั ษป์ ่าแห่งแรกของไทย ยังเป็นรปู ทรงด้งั เดิม กว่าจะเปน็ เขตรกั ษาพันธ์ุสตั วป์ า่ แห่งแรกของไทยไดน้ ัน้ ไม่ใชว่ ่าไดม้ าง่ายๆ ท่านอธิบดผี อ่ ง ได้ เล่าเพมิ่ เติมถึงเกร็ดการดำ�รงคงอยู่ของป่าผืนนี้ และยกย่องบุคคลที่มีคุณูปการกับป่าอนุรักษ์ ในบา้ นเราไว้อยา่ งน่าสนใจ และควรท่จี ะกลา่ วถึง.... “....ความทบี่ า้ นเราไมร่ จู้ กั ค�ำ วา่ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ มนั เปน็ อยา่ งไร แมว้ า่ มนั จะมกี ฎหมาย คุ้มครองก็ตาม แต่คนไม่รู้จักมันเป็นเร่ืองใหม่ ไม่ใช่เฉพาะคนของเราที่ไม่คุ้นเคย ไม่เข้าใจเท่านั้น หน่วยงานอ่นื ๆ เขากไ็ ม่รู้ ไม่เหน็ คุณคา่ เขตฯ สลกั พระนก้ี เ็ กือบๆ เสยี สภาพป่าทส่ี มบรู ณ์ไปหลาย ครัง้ อยา่ งเมื่อครัง้ ท่ีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาจะสร้างเข่ือนศรีนครินทร์ กักล�ำ นํ้าแคว ซ่ึงถา้ สรา้ งแล้ว นา้ํ ทีม่ นั ถกู กัก กจ็ ะเออ่ ท่วมท่รี าบและหมบู่ ้านหลายที่ ในเขต อ.ศรสี วสั ดิ์ ก็จะต้องหาทีต่ ้ังถนิ่ ฐาน รวมท้ังที่ทำ�กินใหม่ให้ชาวบ้านเขา บังเอิญในเขตฯ สลักพระเราน้ัน มันมีทุ่งนามอญ เป็นทุ่งหญ้า อุดมสมบูรณ์ เป็นท่ีอยู่ท่ีหากินของสัตว์ป่าต่างๆ มีวัวแดง มีแหล่งน้ําซับแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากที่จะ สร้างเข่ือน กฟผ. เขาก็ทำ�เร่ืองขอพ้ืนท่ีน้ีให้เป็นท่ีรองรับชาวบ้านท่ีจะอพยพหนีนํ้าท่วม เร่ืองก็เข้า ครม. ตอนนัน้ ท่าน ดร.เถลงิ ธำ�รงนาวาสวัสด์ิ ไดม้ าเป็นรฐั มนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เกษม จาติกวนิช เป็นรัฐมนตรีด้วยแต่คนละกระทรวง ต่อมาท่านก็เป็นประธาน กฟผ. 33
มีคุณเทียน อัชกุล เปน็ อธิบดีกรมประชาสงเคราะหแ์ ลว้ ก็ควบ รมต.ชว่ ยมหาดไทยดว้ ย กม็ ีการถก เถยี งกัน เพราะถือหางกนั คนละฝ่าย ตา่ งฝา่ ยตา่ งก็มีเหตุผลมาอา้ ง ในส่วนทา่ น ดร.เถลิงนน้ั ผมเปน็ คนเตรียมข้อมูลทำ�เรื่องให้ท่าน ทุกคร้ังที่เขาประชุมกัน ผมก็ได้เข้าไปร่วมด้วย ประกอบกับท่านก็ ร่วมงานทางดา้ นน้กี บั เรามานาน ท่านเลยเข้าใจไดไ้ ม่ยาก ท่านไม่ยอมให้พื้นที่ตรงนี้ไป เพราะมี ชาวบา้ นมาอยใู่ นพนื้ ทปี่ า่ นนั้ มนั ปอ้ งกนั ดแู ล รกั ษาพนื้ ทปี่ า่ ไดล้ �ำ บาก แลว้ ปา่ จะเสยี สภาพไปในทส่ี ดุ พอเรอื่ งเขา้ ทปี่ ระชมุ ครม. ทา่ นกค็ า้ น ยนื ยนั ในความเหน็ วา่ ทงุ่ นามอญควรจะเปน็ พน้ื ทป่ี า่ ให้ สัตว์อย่อู าศยั เช่นเดมิ ไมค่ วรอพยพคนเขา้ ไปอยู่ มีการถกเถียงกนั ดุเดือด ตา่ งฝา่ ยตา่ งมเี หตผุ ล จน สดุ ทา้ ย ทา่ นเลยยนื่ ค�ำ ขาดเลยวา่ ถา้ จะเอาทงุ่ นามอญไปใหค้ นอยใู่ หไ้ ด้ ทา่ นจะลาออกจากรฐั มนตรี ซงึ่ ถอื เปน็ เรอ่ื งใหญ่มากทร่ี ฐั มนตรีกลา้ เอาตำ�แหน่งมารับรอง แลว้ ถา้ เราสังเกตดใู นสมยั นนั้ คนทจ่ี ะ มาบริหารบ้านเมือง เขาจะเลือกเอาจากคนท่ีมีความถนัด เช่ียวชาญแต่ละเร่ืองเข้ามาทำ�งานจริงๆ แล้ว ดร.เถลิง ท่านก็เป็นรัฐมนตรีมือสะอาด ท�ำ ประโยชน์ให้กับประเทศชาติเยอะ เขาเล็งเห็นผล งานมากกว่าการเป็นโควตาของพรรคการเมอื ง ไมเ่ หมอื นสมัยน้ี ท่เี ราเห็นคนจบทางดา้ นการศกึ ษา มาดแู ลการค้าขาย เห็นคนจบบัญชี มาดูแลสาธารณะสุข ฯลฯ มันเลยมั่ว ทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะบคุ คลท่มี คี ุณค่านน้ั สำ�คญั มาก พอ ดร.เถลิง ยน่ื คำ�ขาดดงั นี้ ครม. กย็ อมถอย เพราะการขาดคนดีๆ มาท�ำ งานนั้นเป็นเรื่อง สำ�คญั ปา่ สลกั พระ ทร่ี อดมาไดจ้ นเปน็ ทีอ่ ยู่ของสัตวป์ ่า ช้างป่า เปน็ ปา่ ทีส่ มบูรณ์อยา่ งทุกวันนี้ ถ้า ตอนนัน้ ดร.เถลิง ไมเ่ ห็นแก่ประโยชนข์ องชาติ ไมเ่ สียสละ และยืนยนั ในความถูกตอ้ ง หวงยศหวง ต�ำ แหนง่ ไมก่ ลา้ เอาต�ำ แหนง่ เขา้ แลก ถา้ ทา่ นเปน็ พวกอะไรจะยงั ไงชา่ งมนั ฉนั ขออยใู่ นต�ำ แหนง่ กพ็ อ ปา่ นนสี้ ลกั พระคงไมเ่ ปน็ อยา่ งทกุ วนั นี้ อยากใหล้ องเปรยี บเทยี บกบั ตอนน้ี แลว้ มองดวู า่ เปน็ อยา่ งไร คนท่ีอาสาเขา้ มาดแู ลบ้านเมืองต้องเสียสละจริงๆ ไม่ใช่เขา้ มาต่อยอดธุรกิจ เข้ามาปกป้องธรุ กิจตวั เอง ถ้าคนท่ีมาบริหารชาติบา้ นเมอื ง เหน็ ประโยชนข์ องชาตนิ อ้ ยกว่าประโยชน์สว่ นตน บริหารโดย ขาดคุณธรรม มันกจ็ ะเกดิ ปัญหาอยา่ งทเี่ ห็นๆ กนั ...” 34
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดิน น้�ำ ตกชนั ตาเถร การประกาศพน้ื ทเ่ี ขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ หลายแหง่ ลว้ นแลว้ มที ม่ี าทไ่ี ป มแี รงบนั ดาลใจทง้ั สน้ิ มลู เหตุ ของการประกาศเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เขาเขยี ว - เขาชมพกู่ เ็ ชน่ เดยี วกนั มาฟงั อธบิ ดผี อ่ งทา่ นเลา่ ... “..... ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ผมก็ได้ข่าวว่ามีคนไปลักลอบตัดไม้ยางนาบนเขาเขียว จังหวัดชลบุรี อาจารยด์ สุ ติ ฯ อธิบดกี รมปา่ ไม้ ท่านไปตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริง มี คุณสัมพนั ธ์ ปานะถึก หวั หน้าฝ่าย ประชาสัมพนั ธ์ เดนิ ทางไปด้วย ผมก็เลยติดตามคณะไปด้วย ระหว่างทเ่ี ดนิ ทางไป ท่านอธบิ ดดี ุสิตฯ กต็ อ่ วา่ ผมเรอ่ื งเหมอื งฟลอู อไรดใ์ นเขตฯ สลกั พระ คอื เรอ่ื งมนั เปน็ ครง้ั ทเี่ ขาจะสรา้ งเขอ่ื นศรนี ครนิ ทร์ แลว้ กม็ กี ารอา้ งวา่ พนื้ ทบ่ี างสว่ นทอ่ี ยใู่ นเขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ สลกั พระนน้ั มนั มแี รฟ่ ลอู อไรทม์ ากเมอื่ สรา้ งเขอ่ื นแลว้ นาํ้ จะทว่ มหมด ควรทจี่ ะใหบ้ รษิ ทั เอกชนไปเอาออกมาเสยี ไมค่ วรใหน้ า้ํ ทว่ มไปเปลา่ ๆ ผมกไ็ มเ่ หน็ ดว้ ย ผมกค็ า้ นเปน็ การสว่ นตวั แลว้ กม็ คี นอน่ื ๆ เขากร็ ว่ มคา้ นดว้ ย ผมท�ำ หนงั สอื คา้ นไปถงึ ปลดั กระทรวง ม.ร.ว.จกั รทอง ทองใหญ่ ใหท้ า่ นระงบั โครงการนี้ ซ่ึงผู้ใหญ่ก็เหน็ ด้วยที่จะให้ระงับ ทา่ นอธิบดีดุสิตท่านจึงวา่ ผมวา่ “ไปคดั คา้ นเขาท�ำ ไม จะไปสจู้ อมพลประภาสเขาไดอ้ ยา่ งไร คณุ พจน์ สารสนิ (รฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงพฒั นาการแหง่ ชาติ ซง่ึ ดแู ลกรมทรพั ยากรธรณ)ี ตอ้ งการจะท�ำ เหมอื งแรน่ ้ี ไปขดั ขวางเขา เดย๋ี ว เขากเ็ กลยี ดเอา ตอ่ ไปเขากจ็ ะขดั ขวางเราไปหมด เราจะขอท�ำ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทไ่ี หนเขากจ็ ะไมใ่ ห”้ 35
เขาเขยี ว-เขาชมพู่ ท่ีถูกประกาศเป็นเขตรักษาพนั ธุ์สตั ว์ปา่ เรื่องนี้ท่าน ม.ร.ว.จักรทอง ทองใหญ่ ปลัดกระทรวงเกษตรและเป็นรัฐมนตรีด้วย ท่านก็ไม่ เหน็ ด้วยท่ีจะให้เหมือนกนั กไ็ ปเถยี งใน ครม. นายกฯ บอกว่า “ถา้ อย่างนนั้ ใหก้ ระทรวงเกษตรกับ กระทรวงพัฒนาการแห่งชาตไิ ปพดู กนั เอาเองกแ็ ลว้ กัน” วันหน่ึง ม.ร.ว.จักรทองฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ก็ให้ผมไปด้วยที่กระทรวง พฒั นาการแห่งชาติ พอไปถึงนายพจน์ สารสิน รฐั มนตรีว่าการกระทรวงพฒั นาแห่งชาติ ทา่ นเอา แผนทม่ี ากางแลว้ วา่ กนั เลย นายพจนฯ์ บอกวา่ “ทา่ นรฐั มนตรี ผมจะเอาอยา่ งนนี้ ะ ขดี อยา่ งนเี้ ลยนะ ถา้ มแี รต่ รงไหนผมเอาหมดนะ ถา้ เจอแรท่ ไี่ หนตอ่ ไปในอนาคตกจ็ ะเอาอกี ” ม.ร.ว.จกั รทองฯ ทา่ นพดู ไมอ่ อกเลย แตก่ บ็ อกวา่ “อยา่ งไรกอ็ นรุ กั ษไ์ วใ้ หล้ กู หลานบา้ งกแ็ ลว้ กนั ” ในทสี่ ดุ ตกลงกนั ใหเ้ อาตาม แนวเขตทีน่ ายพจนฯ์ ขดี ใหม้ าเราเลยออก พรก.เพกิ ถอนพ้นื ท่ี ดว้ ยความจ�ำ ใจ อธบิ ดีดสุ ติ จงึ ตอ่ วา่ ผมเรอื่ งนใี้ นระหว่างเดนิ ทางไปเขาเขยี ว คณะของอธบิ ดดี สุ ติ ฯ ไปเขาเขยี ว กไ็ ปเจอ คณุ หมอบญุ สง่ เลขะกลุ คณุ แคธเธอรนี และคณุ หมอระจติ บรุ ี ทน่ี า้ํ ตกชนั ตาเถร แลว้ เดนิ ปา่ ขน้ึ เขาลงหว้ ยไปกนั อยคู่ รง่ึ วนั จนอาจารยด์ สุ ติ เหนอ่ื ยเดนิ จนขาแพลง ตอ้ งให้ คณุ บนั ลอื เชอ้ื อนิ ทร์ นวดให้ คณุ หมอบญุ สง่ ฯ ออกความคดิ วา่ “ให้ท�ำ ปา่ เขาเขียวเปน็ สวนสัตวเ์ ปดิ ” เพราะตอนนน้ั แนวคิดทจ่ี ะเป็นเขตรักษาพนั ธุส์ ัตวป์ ่าส�ำ หรบั เขาเขียวนั้น ยังไมไ่ ดน้ กึ คิดกัน พอมีการจับกุม ได้สัตว์ป่าที่ค้าขายผิดกฎหมายมีจำ�นวนมากเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่มีท่ีเลี้ยง ผมเลยพูด กับ พ.ต.อ.สุทัศน์ สุขุมวาท ผู้อำ�นวยการองค์การสวนสัตว์ ว่าอยากจะขอความร่วมมือเรื่องสัตว์ ปา่ ทก่ี รมป่าไม้ยดึ มาได้ จากผู้ทำ�ผิดกฎหมาย อยากจะใหอ้ งค์การสวนสัตวช์ ่วยเอาไปดูแลให้หน่อย เพราะกรมปา่ ไม้ไมม่ งี บประมาณ ทา่ นบอกว่า “ด้วยความยินดี” พอกรมป่าไมจ้ ับมาได้เป็นกวาง ก็ น�ำ ไปฝากใหอ้ งคก์ ารสวนสตั ว์ แตอ่ งคก์ ารสวนสตั วก์ ลบั คดิ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลยี้ ง ผมเลยคดิ จะเอาสตั ว์ ป่าของกลางไปเล้ียงเองท่ีเขาลานวา ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งของเขาเขียวจังหวัดชลบุรี ซ่ึงอยู่ใกล้กรุงเทพ 36
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ ทส่ี ุด ไปเริม่ ต้นตรงน้นั กอ่ น เพื่อเอาสตั วป์ า่ ทย่ี ึดได้ท้ังนกทง้ั กวางไปรักษาไว้ทน่ี ่นั เดิมทีเดยี วจะท�ำ เปน็ “ศนู ยข์ ยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ” แตเ่ รอื่ งกไ็ มค่ อ่ ยจะขยบั ไปไหน พอปี ๒๕๑๓ ผมมาเปน็ หวั หนา้ ฝา่ ย จัดการสตั ว์ป่าแห่งชาติ ผมหยิบยกเอาเรือ่ งน้ขี ึ้นมาอีกครงั้ พวกโรตารี่ชลบุรีรวู้ ่าผมจะสงวนป่าเขา เขียว - เขาชมพู่ เขากเ็ ชิญผมไปพดู ให้ความเห็น ผมก็ไปบอกเขาว่าพ้ืนทตี่ รงนเ้ี ป็นป่าต้นน้ํา มคี วาม ส�ำ คญั กับชลบุรี ถา้ ไมด่ แู ลรกั ษาไว้ ชลบุรกี จ็ ะขาดน้ํา นํา้ ตกชนั ตาเถรจะแหง้ หมด ก่อนน้นั องคก์ าร สวนสัตว์เขาจะท�ำ สวนสัตวเ์ ปิดทนี่ ้าํ ตกชันตาเถรตามท่หี มอบุญส่งแนะนำ� แตท่ างองคก์ ารสวนสตั ว์ เขากท็ ง้ิ มานานไมไ่ ดต้ ามเรอ่ื งและยงั ไมไ่ ดท้ �ำ ปที ผ่ี มไปบรรยายทโ่ี รตารช่ี ลบรุ นี น้ั กบ็ งั เอญิ วา่ ทเ่ี ขาลานวาท่ี เราเอาสตั วข์ องกลางไปเลย้ี งนน้ั ขาดแคลนนํ้า เลยต้องอพยพสัตว์ไปอยู่นํ้าตกชันตาเถร ก็ได้รับการ สนับสนุนจากโรตารี่ชลบุรี ประชาชนเขาก็เริ่มตื่นตัว พอได้งบประมาณก็เลยตั้งเป็น “ศนู ยศ์ กึ ษา ธรรมชาติและเพาะพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว” แล้วผมมองว่าแค่เขาเขียวอย่างเดียวไม่พอต้องอนุรักษ์ เขาชมพู่ซ่งึ อยู่ติดกันนัน้ ดว้ ย ผมจึงส่งคุณธานี วริ ยิ ะรัตนพร จากเขาสอยดาวไปสำ�รวจ แล้วเสนอ ใหเ้ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ไปคลมุ เอาทสี่ วนสตั วเ์ ปดิ เขาเขยี วฝง่ั ทางโนน้ ดว้ ยทง้ั หมดเพราะถอื เอา แนวเขตปา่ สงวนแห่งชาตทิ งั้ ปา่ ก่อนหน้าน้นั ผมถามวนั ท่ปี ระชุมดว้ ยกนั แลว้ วา่ “องคก์ ารสวนสตั วจ์ ะเอาป่าเขาเขียวทงั้ หมดหรอื เปล่า” ทา่ นก็ตอบว่า “ไม่เอา ไมไ่ หวแลว้ เอาเขาดินอย่างเดยี วกพ็ อแลว้ ” “ถา้ อยา่ งน้นั ผมจะเอาไปสงวนนะ” “ตกลง” ท่านยินดีที่ผมจะช่วยอนุรักษ์ป่าเขาเขียว เพราะตอนนั้นองค์การสวนสัตว์ตีตรา จองไว้ก่อนแล้ว โดยเอาป้ายไปติดไว้ พอได้รับความเห็นชอบจากท่านอธิบดีดุสิต แต่ไม่ได้ ทำ�อะไรสักทีผมเลยเสนอให้ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว แล้วไปคลุมสวนสัตว์ เปิดเขาเขียวด้วย เรื่องนี้จึงมาแก้พื้นที่กันในภายหลัง แต่เราก็ได้พื้นที่มาเป็นเขตรักษาพันธุ์- สัตว์ป่าแห่งเดียวของชลบุรีจนได้... 37
ประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ เขตหา้ มล่าสตั ว์ปา่ บางพระ (รปู อา่ งเก็บน้าํ บางพระ) “.... ผมส่งคณุ ธานไี ปเป็นหัวหน้าเขตฯ เขาเขยี ว-เขาชมพู่ ซงึ่ เขาก็ทำ�งานดี ทีน่ ีม้ ันกม็ เี รื่องมา อีกจนได้ เพราะกรมชลประทานเขาสร้างอ่างเก็บน้ําบางพระขึ้น พื้นที่ชายน้ําท้ังหลาย ชาวบ้านก็ รุกเข้าไปท�ำ ไร่อ้อย พอหน้าแลง้ หนา้ ตดั ออ้ ยมันก็แล้งไปหมด กรมชลฯ กไ็ มร่ จู้ ะหา้ มปรามชาวบ้าน อย่างไร ธานีก็มาเสนอว่าน่าที่จะทำ�เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้ เพราะมันมีพวกนกเป็ดน้ําอพยพมา บ้าง ผมก็เห็นดดี ว้ ยก็ทำ�เปน็ เขตห้ามล่าฯ เอางบประมาณไปลงต้นไมก้ ันอยา่ งหนกั รอบอ่างเกบ็ น้ํา แล้วก็ใหธ้ านีน่นั แหละไปเปน็ หวั หน้าเขตหา้ มล่าฯ ดว้ ย เด๋ยี วนป้ี า่ ทเ่ี ราชว่ ยกนั ปลกู ตอนทำ�เขตหา้ ม ลา่ น้นั มันโตจนเปน็ ปา่ หนาทบึ นกน้ํานกป่ามาอาศัยกัน กลายเปน็ ท่ีดนู กไปอกี แหง่ หนง่ึ แตใ่ ครจะ นกึ ละวา่ เดมิ ท่นี ม่ี ันเปน็ ไรอ่ ้อยท่ีแหง้ แลง้ มากอ่ น” 38
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ เขตฯ ขาแข้ง เกิดขึ้นเพราะรูปก้นควาย (รูปควายปา่ หว้ ยขาแข้ง) ควายปา่ ที่หนว่ ยกรงึ ไกร หว้ ยขาแขง้ เรื่องน้เี ป็นอีกเรอ่ื ง ท่ที า่ นอธบิ ดีผ่องเลา่ ให้ฟงั อยา่ งนา่ สนใจ ผมนัน้ ตัง้ ใจฟังราวเด็กนัง่ ฟงั ผ้ใู หญ่ เล่านทิ าน แต่มนั กลบั เปน็ เร่ืองจริง มาลองฟงั กันด.ู ... “.... ปี ๒๕๐๔ ผมเป็นหวั หนา้ หมวด ช่วง ๒๕๐๗ - ๒๕๐๘ ผมไปเรยี นเมืองนอก พ.ศ.๒๕๐๙ ผมกลับมาประจำ�หมวดเป็นลูกน้องคุณเชิดชอ จากหมวดสัตว์ป่า กลายมาเป็นฝ่ายสัตว์ป่า พอปี ๒๕๑๓ ผมข้นึ เปน็ หวั หนา้ ฝา่ ย ท่ีนพ้ี อผมมอี ำ�นาจจัดการในมือแล้ว ผมกบ็ กุ เลย ไปเรยี กมือดีๆ ที่ เราเคยใช้ทำ�งาน เอาไปลุยเปิดเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าฯ ใหม่ๆ อย่างเรียก ธานี วิริยะรัตนพร ให้ ไปบกุ เบกิ เขาเขยี ว ชลบุรี เอา มรตุ นลิ สวุ รรณ ใหไ้ ปอยู่ภูหลวง เอา มานพ ชมพูจันทร์ ใหไ้ ปอยู่ ภเู ขยี ว ธ�ำ มรงค์ ประกอบบญุ ไปอยคู่ ลองนาคา ตอนนน้ั สว่ นใหญพ่ วกนเี้ ปน็ ผชู้ ว่ ยอยสู่ ลกั พระแทบ ทงั้ น้นั เพราะมนั มีเขตฯ สลักพระทเ่ี ดียวที่ประกาศแลว้ เราก็รฝู้ มี อื พวกนีถ้ ือเป็นมอื ดีในการทำ�งาน ด้านอนรุ กั ษ์ จากผชู้ ว่ ยผมสง่ ไปเปน็ หวั หนา้ หมด เพอ่ื ใหง้ านมนั เดนิ ใหง้ านมนั ขยายออกไป ผมกป็ ระกาศ เขตฯ หว้ ยขาแขง้ เลย หลงั จากทีม่ นั ยืดเย้อื กันมายาวนาน ส�ำ รวจตั้งนานแลว้ แต่ประกาศไมไ่ ดส้ ักที เพราะมวั ขัดแยง้ กับกรมทรัพยากรธรณี เขตฯ ห้วยขาแข้งน้ันมันมีประวัติ คือช่วงปี ๒๕๐๓ กรมป่าไม้ได้ให้สัมปทานทำ�ไม้ในป่า “โครงการไม้กระยาเลยห้วยทับเสลา - หว้ ยขาแขง้ ” ใหแ้ กบ่ รษิ ัทไมอ้ ดั ไทย จำ�กดั พ้นื ทีป่ ่าติดกบั เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ัตวป์ า่ หว้ ยขาแขง้ ดา้ นทศิ เหนือ - ตะวนั ออก และทศิ ใตใ้ นปัจจบุ นั เนือ้ ทีร่ วมทัง้ สิ้น ประมาณ ๙ แสนไร่ บริษัทไม้อัดไทย ก็เริ่มทำ�ไม้ออกบริเวณลุ่มห้วยทับเสลาก่อนเพราะเส้นทาง 39
คมนาคมเข้าถงึ งา่ ยกวา่ ปา่ ในลมุ่ ห้วยขาแขง้ ที่อยลู่ ึกเขา้ ไปขา้ งใน ปี ๒๕๐๗ กม็ ขี า่ วการบกุ รกุ ท�ำ ลายปา่ ลา่ สตั วอ์ ยา่ งมากมายในบรเิ วณใกลเ้ คยี งปา่ หว้ ยขาแขง้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี สมัยนั้นท่านจึงสั่งการให้ป่าไม้จังหวัดออกสำ�รวจดูข้อเท็จจริง ป่าไม้ จังหวัดก็มารายงานว่า “บริเวณพื้นท่ีน้ันมีชาวกะเหรี่ยงถางป่าทำ�ไร่เป็นบริเวณกว้างและมีการล่า สตั วป์ า่ กนั อยา่ งเสรี ท�ำ ใหห้ ว่ งวา่ ตอ่ ไปในอนาคต ปา่ บรเิ วณดงั กลา่ วจะหมดไปจงึ เสนอใหจ้ ดั ตงั้ เปน็ เขตรกั ษาพันธ์ุสัตว์ปา่ ” นกั ขา่ วทเ่ี ขา้ ไปส�ำ รวจพนื้ ทดี่ ว้ ย กม็ าเขยี นขา่ วตพี มิ พใ์ นหนงั สอื พมิ พภ์ าษาและเสรี ท�ำ ใหเ้ รอื่ ง การบกุ รกุ และลา่ สตั วป์ า่ ทนี่ ี่ เปน็ ทร่ี บั รขู้ องสงั คมวงกวา้ งมากขนึ้ กรมปา่ ไมจ้ งึ สง่ั การใหฝ้ า่ ยจดั การ- สตั วป์ า่ แหง่ ชาติ สง่ คณุ อดุ ม ธนญั ชยานนท์ นกั วชิ าการปา่ ไมต้ รี ไปด�ำ เนนิ การส�ำ รวจปา่ หว้ ยขาแขง้ ก็ มที ้ังนกั ข่าวและคนของบริษัทไม้อัดไทยไปดว้ ย ออกมากแ็ พรภ่ าพออกอากาศทางสถานโี ทรทศั นช์ อ่ ง ๔ เหน็ การท�ำ งานของคณะส�ำ รวจ เหน็ สภาพป่าอันอุดมสมบรู ณ์ สตั ว์ปา่ นานาชนดิ ที่น่าตื่นเตน้ ทีส่ ดุ คือบอกวา่ ส�ำ รวจพบควายป่า สัตวท์ ี่ ทกุ คนเช่อื วา่ หมดไปแลว้ จากเมืองไทย แตย่ งั เก็บภาพมาไมไ่ ด้ คณุ อดุ ม แกกลับมากเ็ ขยี นรายงานบอกกรมปา่ ไมว้ า่ “สตั วป์ า่ ในป่าหว้ ยขาแข้งมีจำ�นวนมาก รวมทงั้ มสี ตั วท์ พี่ บเหน็ ไดย้ าก เชน่ แรด จากการสอบถามไดค้ วามวา่ ยงั อาจมอี ยู่ สว่ นสตั วป์ า่ ทพ่ี บเหน็ ไดท้ ่ัวไป ได้แก่ ช้าง กระทงิ ววั แดง เก้ง กวาง ควายป่า กระจง สมเสร็จ หมี ชะนี ลิง คา่ ง เสอื หมปู า่ ไกป่ ่า นกยงู นกเงอื กฯลฯ” สมยั นนั้ พรานลา่ สตั วน์ เ่ี ขา้ ปา่ หว้ ยขาแขง้ ปา่ ทงุ่ ใหญฯ่ ทง้ั นนั้ คณุ อดุ ม แกจงึ จะแบง่ กลมุ่ พราน ลา่ สตั วอ์ อกเป็น ๓ กลมุ่ กลมุ่ ทหี่ นง่ึ กลมุ่ ลา่ สตั วป์ า่ เปน็ อาชพี นกั ลา่ สตั วป์ า่ กลมุ่ นส้ี ว่ นใหญม่ าจากจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง ใช้ รถยนตห์ รอื ชา้ งเปน็ พาหนะ ท�ำ ใหส้ ามารถลา่ เปน็ เวลา ๑ - ๒ สปั ดาห์ และนยิ มลา่ ในฤดแู ลง้ มาปกั หลกั ตง้ั แคมปล์ า่ สตั วก์ นั เลย แตก่ อ่ นคนชนั้ สงู บา้ นเรานยิ มแบบนี้ มนั ถงึ ไดม้ นี ยิ ายเขา้ ปา่ ลา่ สตั วม์ าใหอ้ า่ น จงึ มีข้อมลู มาเขียน ก็มาจากเรอ่ื งราวแบบน้ี กลมุ่ ทส่ี อง เปน็ พวกนกั ลา่ สมคั รเลน่ เปน็ ผูม้ กี ารศกึ ษาดี เปน็ พอ่ คา้ คหบดี อาวธุ ทใ่ี ชม้ คี ณุ ภาพสงู ยงิ สตั ว์ป่าทกุ ชนดิ ท่พี บเพ่ือต้องการอวดฝมี อื หรือท�ำ สถิติให้แก่ตนเอง กลมุ่ สดุ ทา้ ย คอื ชาวบา้ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งกบั ปา่ ซง่ึ ลา่ สตั ว์ เพอ่ื เอาไปเปน็ อาหารเทา่ นน้ั อาวธุ ทใี่ ช้มกั มีคณุ ภาพไม่ดี ปืนแก๊ปบา้ งอะไรบา้ งตามแต่จะหาได้ นนั่ เปน็ เรอื่ งลา่ สตั วล์ ว้ นๆ มนั สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ พนื้ ทนี่ นั้ มสี ตั วป์ า่ ชกุ ชมุ จรงิ ๆ สว่ นตวั ผมกอ็ ดึ อดั ใจทป่ี ่าขาแข้งนี้มีสำ�รวจมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ แล้วเสร็จเมื่อปี ๒๕๐๘ ก็จริง แต่ประกาศไม่ได้สักที คนก็เข้าล่าสัตว์ เราก็ประกาศไม่ได้ เนื่องจากติดนโยบายกรมป่าไม้ที่ว่าถ้าคนไม่พร้อม อุปกรณ์ 40
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ ไมพ่ รอ้ มหา้ มประกาศ พอผมมาเปน็ หัวหนา้ ฝา่ ยจัดการสัตว์ป่าแห่งชาติ ผมกห็ ยบิ ประเดน็ วา่ เราสง่ คนไปส�ำ รวจมานานแลว้ ควรจะประกาศไดแ้ ลว้ ตอนนน้ั อธบิ ดปี ระดษิ ฐ์ วนาพทิ กั ษ์ (๙ ส.ค.๒๕๑๖- ๑๕ ก.ค.๒๕๒๐) ทา่ นเป็นอธบิ ดีใหม่ๆ ทา่ นก็ไม่ขัดขอ้ ง ตามปกติผมจะเสนอเรือ่ งตอ่ คณะกรรมการ สงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ ่าโดยไม่ผ่านกรมป่าไม้ ผมจดั เข้าวาระอย่างเดยี ว อธบิ ดีกไ็ ม่ทราบ เพราะ ทา่ นเปน็ กรรมการ ท่านรตู้ อนที่เราเรยี นไปทางหนงั สอื เท่านน้ั ผมเขา้ ประชมุ ผมกเ็ สนอใหป้ ระกาศ ปา่ หว้ ยขาแขง้ ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซะที ในที่ประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครอง สตั วป์ า่ ก็มผี ูแ้ ทนกรมทรัพยากรธรณี กค็ ้านว่า “หว้ ยขาแข้งมที รัพยากรแรม่ หาศาล มแี รส่ ังกะสีอยูส่ องฝง่ั หว้ ย ถา้ ไปประกาศเป็นเขตรกั ษา- พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ จะเสียหายตอ่ เศรษฐกิจ” ท่านก็ยนื ยนั อย่อู ยา่ งนัน้ ผมไปเถยี งกบั ท่านวา่ “อยากจะเรียนให้ที่ประชุมทราบว่าในฐานะที่เป็นกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ มีหน้าที่ดูแลสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าสงวนที่หาได้ยาก ถ้ามันมีอยู่ เราก็ต้องถือไว้เหนือเหตุผล อื่น เราต้องรักษาไว้ ที่นี่มีควายป่าประมาณ ๕๐ ตัวครับ” ผมก็เอาข้อมูลที่เขารายงานกรมป่าไม้ นั่นแหละมาบอกที่ประชุม ผูแ้ ทนกรมทรัพยากรธรณีบอกวา่ “ผมไม่เชื่อวา่ จะมีจรงิ เพราะผมเปน็ คนไปเดินสำ�รวจดแู ลว้ ไมเ่ คยเห็นไม่เจอควายปา่ สกั ตัว” ผมเลยท้าทา่ น “ถา้ ผมไปส�ำ รวจแลว้ ถา่ ยรปู มาไดท้ า่ นจะยอมใหผ้ มประกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ฯ ไหม” รองอธบิ ดีกรมทรพั ยากรธรณบี อกวา่ วัวแดงตวั ผู้โตเตม็ วัย เดินขา้ ม หว้ ยทับเสลา ที่โปง่ ช้างเผอื ก 41
“ตกลง ถา้ สำ�รวจมาเปน็ อยา่ งน้ันจริงผมกไ็ ม่ขัดข้อง” พอสบชอ่ งอยา่ งนผ้ี มกห็ มายมนั่ ปน้ั มอื วา่ จะตอ้ งเขา้ ปา่ หว้ ยขาแขง้ ไปถา่ ยรปู ควายปา่ มาใหไ้ ด้ ผมเดนิ ทางไปกบั คณะ มี คณุ กติ ตศิ กั ดิ์ ดวงรตั น์ หวั หนา้ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ คณุ ชวลติ ช่างภาพของกรมป่าไม้ คนอืน่ ๆ กอ็ ย่าง คณุ บุญวาส ฉวีวรรณ, คณุ อาทร, คุณศฤงคาร ทองทุง่ , คณุ เย็น การดี, อาจารย์ผสม เพชรจำ�รัส ท่านก็ไปดว้ ย ตอนทเ่ี ดนิ ทางไปทอี่ ทุ ยั ธานกี ไ็ ปพกั ทโ่ี รงแรมในเมอื งอทุ ยั ธานไี ปเจอเจา้ หนา้ ทป่ี า่ ไมท้ า่ นหนงึ่ จากส�ำ นกั งานปา่ ไมเ้ ขตนครสวรรค์ ทา่ นเพง่ิ กลบั จากไปตตี ราไมพ้ อดี เจอกนั กไ็ ดค้ ยุ กนั ในวงสนทนา อาจารยผ์ สม ก็พูดเร่ืองสัตว์ป่าทหี่ ้วยขาแข้ง เจา้ หน้าทที่ ่านนัน้ ทน่ี ั่งรว่ มวงกเ็ ลา่ บา้ งว่า “ตอนที่ผมไปตีตราไม้นี่อีเก้งมาใกล้ๆ ผมเอาปืนส่องเปรี้ยงเลย” ตอนนั้นเจ้าหน้าท่ีท่านนั้น แกยังไม่รู้จักผม ผมได้ฟังแบบน้ัน ก็โพล่งออกไป “คณุ เป็นพนกั งานเจ้าหนา้ ที่ คณุ ไปยงิ สัตวไ์ ด้อยา่ งไร คุณนแ่ี ย่มาก คณุ อยทู่ ี่ไหน” พอผมพดู เสรจ็ บรรยากาศกด็ ตู งึ เครยี ดทนั ที ผมกเ็ ลยขอตวั เดนิ ไปเขา้ หอ้ งนาํ้ เพอื่ ผอ่ นคลายบรรยากาศของวง สนทนา เจา้ หน้าทท่ี า่ นนั้นก็ตกใจวา่ คยุ กันอย่ดู ีๆ เป็นเรือ่ งขึ้นมาได้ แกเลยถามอาจารยผ์ สมวา่ “คนน้ี เปน็ ใคร” อาจารย์ผสมบอกว่า “ไม่รูจ้ ักหรือ คณุ ผอ่ ง เลง่ อี้ คุณผอ่ งแกไปเรยี นสตั ว์ปา่ คนแรกของเมืองไทย เขาเป็นหัวหน้า ฝ่ายจดั การสัตว์ปา่ ” พอแกรู้ ก็ชักปอดๆ เลยอิดออดไม่อยากกลับไปนครสวรรค์ ช่วงกินข้าวเช้าที่โรงแรม บรรยากาศก็เร่มิ คลคี่ ลาย แกเลยไปกระซบิ บอกคณุ กติ ตศิ ักดิว์ ่า “ขอไปดว้ ยไดไ้ หมเพราะอยากจะปรบั ความเขา้ ใจกบั พผ่ี อ่ งเรอื่ งยงิ สตั วป์ า่ ” คณะส�ำ รวจควาย ป่าของผมกเ็ ลยมเี จา้ หน้าทที่ ่านนน้ั ไปด้วย เรากเ็ ข้าปา่ ไปกนั ๒ อาทติ ย์ ไปกันอย่างสนุกสนาน เมอื่ กลบั ไปส�ำ นกั งานปา่ ไมเ้ ขตนครสวรรค์ แกกถ็ กู คณุ วรี ะ วรี ะสมั พนั ธ์ ปา่ ไมเ้ ขตนครสวรรค์ ดเุ อาวา่ หายไปไหนมา ตตี ราไมแ้ ลว้ ไมย่ อมกลบั จะเลน่ งานสอบสวนแกเขา้ จนเปน็ เหตใุ หเ้ จา้ หนา้ ท่ี ท่านนน้ั อยู่ไม่ได้ แกเลยมาขอผมว่า “ผมขอย้ายมาอยู่ที่ฝ่ายจัดการสัตว์ป่าสักคน” ผมก็ตกลง แกเลยทำ�เรื่องขอย้ายมาอยู่ฝ่ายจัดการสัตว์ป่า หลังจากนั้นผมก็เสนอกรมป่าไม้ให้ส่งแกไป สำ�รวจป่าหลายแหง่ คณะสำ�รวจควายป่าของผมเอาช้างบรรทุกสัมภาระ ใหก้ ะเหรยี่ งเดนิ นำ�ทางไป เดนิ ขนึ้ เขา ลงห้วย ค่ําไหนนอนนั่น นอนกลางป่าบ้าง นอนบ้านกะเหร่ียงบ้าง จนไปถึงบริเวณห้วยแม่ดี เป็น หมบู่ า้ นกะเหรยี่ ง เขตอ�ำ เภอบ้านไร่ เราไปนอนพักแรม คณุ ชวลติ ทเ่ี ปน็ ช่างภาพ แกกเ็ ดินไปถ่าย ภาพยนตร์รอบบรเิ วณน้ันไปเรือ่ ย พอแกกลบั มากม็ าเลา่ ให้ฟงั ว่า 42
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผน่ ดิน ป่าขาแขง้ หนา้ แล้ง “ได้ยินเสียงควายป่าว่ิง เหมือนแผ่นดินถล่มผมเห็นควายป่าเป็นฝูงเลย ตกใจจนทำ�อะไรไม่ ถกู ยกกลอ้ งถา่ ยแทบไมท่ นั ไดภ้ าพกน้ ควายปา่ วงิ่ หยอยๆ เขา้ ปา่ ไปไดม้ าแคน่ ลี้ ะครบั ” เปน็ ภาพกน้ ควายปา่ ท่ีก�ำ ลงั ว่ิงเข้าป่าไป แตแ่ มจ้ ะได้แคภ่ าพก้นควายปา่ กถ็ ือว่าไดอ้ ยา่ งที่เราคาดหวงั ไวแ้ ล้ว แก กถ็ ่ายภาพธรรมชาตอิ ย่างอ่ืนๆ มาด้วย ผมออกมาจากป่าขาแข้งก็ป่วยเปน็ ไขม้ าลาเรียอยหู่ ลายวนั พอถงึ วนั ประชมุ คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ ผมกเ็ อารปู ควายปา่ ทถี่ า่ ยมาไดแ้ ค่ นัน้ แหละ กบั รูปธรรมชาตอิ ืน่ ๆ ของป่าห้วยขาแข้งเอาเข้าไปเสนอในท่ีประชุม ผมกเ็ ล่าน่ันเลา่ นี่เพอ่ื โนม้ นา้ วใจทปี่ ระชมุ ทป่ี ระชมุ ทง้ั เหน็ รปู ธรรมชาตอิ นื่ ๆ รปู กน้ ควายปา่ ทงั้ ฟงั ทผี่ มเลา่ กอ็ งึ้ เลย ชอบใจ กนั ใหญ่ แม้แตก่ รมทรัพยากรธรณีเองก็ไมค่ ัดคา้ น ท่าน ดร.เถลิง ประธานในทีป่ ระชมุ ก็เลยสรปุ ให้ ประกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ แลว้ เรากต็ อ้ งไปไล่ บ.ไมอ้ ดั ไทยใหอ้ อกจากเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ห้วยขาแขง้ เพราะตอนนัน้ เขาได้สมั ปทานอยู่ ผู้อำ�นวยการไมอ้ ัดไทยกม็ าออ้ นวอนอยา่ เพ่งิ ประกาศ ได้ไหมขอท�ำ อกี หน่อย โอะ๊ ... ไม่ได้หรอกครับ จะมาขอรอ้ งอะไรผมอีก ทีผ่ มจะประกาศหว้ ยขาแข้ง กเ็ พราะมันยืดเย้อื มานานน่ีแหละ ในทีส่ ุดกต็ อ้ งหาป่าทอี่ น่ื ไปชดเชยใหเ้ ขา เราจงึ ได้เขตรกั ษาพนั ธ-ุ์ สัตว์ป่าหว้ ยขาแขง้ มา พระราชฎีกาออกปี ๒๕๑๕ เป็นประกาศคณะปฏิวัติพอดี น่ถี ้าไมไ่ ด้รูปกน้ ควายปา่ มายืนยัน ปา่ นนีก้ ไ็ ม่รูว้ ่าสภาพป่าหว้ ยขาแขง้ จะเปน็ อย่างไร...” ผมนั่งฟงั ท่ีท่านอธบิ ดผี ่องเลา่ ถงึ ตอนนี้ กอ็ ดยม้ิ ไม่ได้ แล้วทา่ นผอู้ า่ นยม้ิ เหมอื นผมไหม..... 43
บทบาทนักศึกษาชมรมอนุรักษ์ กับการได้เขตฯ เขาสอยดาว (รูปเขาสอยดาว) ป่าเขาสอยดาว ผมเลา่ ไปแลว้ วา่ ตวั ผมเอง สมยั เปน็ นกั ศกึ ษา ท�ำ กจิ กรรมนกั ศกึ ษา ดา้ นอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ ซง่ึ มี เพอ่ื นๆ ตา่ งสถาบนั ทม่ี ชี มรมอนรุ กั ษธ์ รรมชาตเิ ชน่ กนั ตอนนน้ั มี ๑๕ สถาบนั มารวมกลมุ่ กนั ชอ่ื คณะกรรมการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสภาพแวดลอ้ ม ๑๕ สถาบนั ชอ่ื ยอ่ วา่ คอทส. เรา กอ็ อกเสยี งวา่ คอท สมยั ผมมกี ารเคลอ่ื นไหวใหญๆ่ หลายครง้ั อยา่ งเรอ่ื งการคดั คา้ นเขอ่ื นนา้ํ โจน เปน็ ตน้ พอทา่ นอธบิ ดผี อ่ งทา่ นเลา่ เรอ่ื งน้ี ทเ่ี กย่ี วของกบั บทบาทของนกั ศกึ ษากจิ กรรมอนรุ กั ษ์ ผม จงึ อดภมู ใิ จไมไ่ ด้ แมต้ อนนน้ั ชมรมอนรุ กั ษฯ์ ตามมหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ จะยงั ไมไ่ ดร้ วมกนั เปน็ คอทส. กต็ าม แต่หลังจากคราวนั้น ก็ได้รวมกลุ่มกันตั้งขึ้น มาดูกันว่ากว่าจะได้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสอยดาว มนั มเี บอ้ื งหนา้ เบอ้ื งหลงั และเรอ่ื งราวมากมายเพยี งใด....... “....อีกครั้งหนึ่งที่ผมภูมิใจและอยากเล่าให้ฟังคือการประกาศเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขา- สอยดาว เน่อื งจากตอนน้นั กรมปา่ ไมส้ ง่ เจ้าหน้าท่คี อื คณุ บุญเลยี้ ง ชอ่ ฟา้ ไปสำ�รวจเบอื้ งตน้ เพอื่ ให้ ทราบถงึ ชนดิ ปรมิ าณของสตั วป์ า่ สภาพของแหลง่ นาํ้ แหลง่ อาหาร ตลอดจนความเหมาะสมในการ ทจ่ี ะจดั ใหเ้ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ตง้ั แตป่ ี ๒๕๐๘ จนถงึ ๒๕๑๒ ส�ำ รวจหมดแลว้ แตก่ ย็ งั ประกาศ ไมไ่ ด้ ตน้ ปี ๒๕๑๓ ผมกร็ า่ งหนงั สอื เสนอใหป้ ระกาศเขาสอยดาวเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ โดยเสนอ 44
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผน่ ดนิ คณุ รัศมี นามวงศ์ หวั หนา้ กองบำ�รุงลงนาม หนังสือกไ็ ปถึงอธบิ ดีกรมปา่ ไม้ ซ่งึ ทา่ นจะเกษยี ณเดือน ตุลาคม ๒๕๑๓ อย่แู ลว้ แตท่ ่านแจ้งกบั กองบำ�รุงวา่ “ขอให้เขาสอยดาวเป็นเพียงปา่ สงวนแหง่ ชาติ ไปกอ่ นยังไม่ต้องประกาศถ้าตราบใดกรมป่าไม้ยังไม่มีคน ไม่ได้รับงบประมาณดำ�เนินการ ไม่มี ยานพาหนะ อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื เครอื่ งใช้ หา้ มตงั้ เขตรักษาพันธุ์สัตวป์ า่ ” ทา่ นเกรงว่าถ้าประกาศไป แล้วดูแลไม่ได้มันจะเสียช่ือ ซ่ึงขัดกับความรู้สึกผมมากเพราะผมอยากประกาศเก็บพื้นที่ป่าไว้ก่อน ผมกร็ อจนกระทง่ั ทา่ นเกษยี ณ แต่เรื่องมันปวดหัวกว่าน้ันอีกเพราะเขาสอยดาว ที่เราสำ�รวจเสร็จแล้ว รอประกาศเป็นเขต- รกั ษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่แล้ว ไม่ให้ประกาศไม่พอ ปรากฏว่ากรมป่าไม้ดันแอบไปออกสัมปทาน ป่าเขาสอยดาวให้กับบริษัทศรีมหาราชาซะอีก พอผมรู้ขึ้นมาเราก็ทำ�อะไรไม่ได้ เพราะกรมป่าไม้ ให้สัมปทานไปแล้ว แต่ผมก็ยอมไม่ได้ท่ีจะให้ป่ามันถูกสัมปทาน อีกทั้งเราก็เตรียมการไว้หมด แล้ว รอแค่การประกาศเป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเท่านั้น พอทราบเร่ืองแบบนี้ ผมก็ไม่ยอม ผมก็ ไปหา อาจารย์ผสม เพชรจำ�รัส ที่เกษตรศาสตร์ ท่านเป็นท่ีปรึกษาชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและ ทรพั ยากรธรรมชาตขิ องท่ีนน่ั ชมรมอนุรักษฯ์ ของนักศกึ ษานนั้ หลังจากท่ผี มกลับมาจากเมืองนอก ผมก็สง่ เสรมิ ให้นักศกึ ษาตง้ั ชมรมอนรุ ักษ์มา ก็มีรุ่น เพมิ่ บุญ จูฑะเตมีย์ อะไรพวกน้ี กป็ รกึ ษากนั ว่า จะเอาไงดี ผมนั้นเปน็ ข้าราชการออกตวั มากไมไ่ ด้ แตน่ ักศึกษาเขาท�ำ ได้ ก็วางแผนให้ชมรมอนุรักษ์ ของเกษตร จฬุ าฯ ธรรมศาสตร์ มหดิ ล แตล่ ะมหาวทิ ยาลยั เขยี นหนงั สอื รอ้ งเรยี นจอมพลถนอม กติ ตขิ จร หัวหน้าคณะปฏิวัติ เพ่ือให้จัดต้ังป่าเขาสอยดาวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ส่วนทางผมก็จะร่าง หนงั สอื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทช่ี มรมอนรุ กั ษข์ องนกั ศกึ ษาเขาท�ำ หนงั สอื ผมกท็ �ำ รายงานกระทรวงเกษตรฯ เพ่ือใหล้ งนาม ไปท่นี ายกรัฐมนตรี คนที่ลงนามใหผ้ มดเู หมือนจะเป็น คุณตรี กกกำ�แหง รองอธิบดี กรมป่าไม้ ผมก็ถือไปให้ท่านลงนามถึงนายปรีดา กรรณสูตร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเสนอ พล.อ.อ.ทวี จลุ ละทรพั ย์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรฯ ลงนามและสง่ ไปถงึ จอมพลถนอม กติ ตขิ จร หวั หน้าคณะปฏวิ ัตลิ งนาม เร่อื งไปถึงสภาคณะปฏวิ ตั ิ จนในที่สดุ สภาคณะปฏวิ ัติก็ได้มมี ตใิ หย้ กเลิก ปา่ สมั ปทานเขาสอยดาวและใหป้ ระกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ตามขอ้ เรยี กรอ้ งของชมรมอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติของมหาวิทยาลยั ต่างๆ และตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณเ์ สนอ ในระหวา่ งทผี่ มก�ำ ลงั ด�ำ เนนิ เรอ่ื งอยนู่ น้ั ผจู้ ดั การบรษิ ทั ศรมี หาราชาฯ คนบา้ นเดยี วกนั กบั ผม กไ็ ดม้ าขอร้องว่า “น้องๆ พี่ขอหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งประกาศเลย ให้ชะลอไว้ก่อน เพราะตอนนี้ คดั เลือกไม้ไว้แล้ว ขอให้เอาไมอ้ อกมากอ่ นไดไ้ หม” ผมบอกวา่ “มนั ไมไ่ ดน้ ะพี่ ถา้ ท�ำ ไมไ้ ปแลว้ จะเปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ไดอ้ ยา่ งไร สตั วป์ า่ มนั จะลม้ ตายหมด มนั ผดิ หลกั วชิ า ท�ำ ไมไ่ ดพ้ ”ี่ เขากไ็ มย่ อม ไปหาครบู าอาจารยต์ า่ งๆ มาชว่ ยพดู กบั ผม ผมกไ็ ม่ยอม ยง่ิ รู้แบบน้ีต้องรบี เรง่ ใหญเ่ ลย ไม่อย่างนัน้ พวกน้หี าชอ่ งทางวง่ิ เอาจนได้ 45
ผมก็รีบนำ�เรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตอนนั้น ดร.เถลิง ธ�ำ รงนาวาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงเกษตร เปน็ ประธาน ผมได้บรรยายสรุปว่า “กรมป่าไม้ ได้สำ�รวจป่าเขาสอยดาวตงั้ แตป่ ี ๒๕๐๘ มาจนถงึ ปี ๒๕๑๒ ขณะเดียวกันกรมป่าไม้กลับเสนอให้ สมั ปทานท�ำ ไม้แกบ่ รษิ ทั ศรรี าชาจำ�กดั ตอนหลัง มีการร้องเรียนคณะปฏิวัติโดยชมรมอนุรักษ์ของ สถาบนั การศกึ ษา ๔ แหง่ ใหจ้ ดั ตงั้ เปน็ เขตรกั ษา- พันธส์ุ ัตว์ป่า ในท่ีสุดวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ สภาบริหารของคณะปฏิวัติ ได้ส่ังให้ยกเลิก สมั ปทานทำ�ไม้เพื่อประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์- สัตว์ป่าตามทกี่ ระทรวงเกษตรฯ เสนอ แตต่ ้องน�ำ เข้าท่ีประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครอง สัตวป์ ่าเสยี ก่อนจึงจะประกาศได”้ ดร.เถลงิ หนั มองไปทางทา่ นรองอธิบดีกรมปา่ ไม้ ตอนนัน้ ท่านกำ�ลังจะค่วั เปน็ อธบิ ดกี รมป่าไม้ แล้วพูดว่า “ยกไปให้เป็นสัมปทานได้อย่างไร กรมปา่ ไมต้ อ้ งดแู ลหนอ่ ยนะเรอ่ื งน้ี ฝากทา่ นลอง กลบั ไปดหู น่อยนะ” ในทส่ี ดุ กม็ กี ารตดั สนิ วา่ ใหย้ กเลกิ สมั ปทานให้ กลบั มาเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ตามเดมิ อนั นเ้ีขยี น ไวช้ ดั เลยผมไดข้ า่ วกด็ ใี จมากพวกนกั ศกึ ษาทช่ี ว่ ยกนั ทำ�เรื่องนี้ก็ดีใจกันใหญ่ ความสำ�เร็จเรื่องนี้ เกิดจากอาจารย์ผสมพร้อมด้วยนักศึกษาชมรม อนุรักษ์ดังกล่าว ช่วยทำ�ในด้านมวลชน ผมทำ� ในสว่ นของขา้ ราชการถา้ มแี ตม่ วลชนไมม่ ขี า้ ราชการ ตง้ั เรอ่ื งขน้ึ ไปกไ็ มม่ ที างส�ำ เรจ็ หรอื มแี ตข่ า้ ราชการ ไม่มีมวลชนมาช่วยก็ไม่สำ�เร็จเช่นกัน มันต้อง ประสานกนั เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เขาสอยดาวจงึ เปน็ ทภ่ี าคภมู ใิ จของชมรมอนรุ กั ษต์ า่ งๆ เพราะเหตนุ .้ี..” 46
....ผู้เกบ็ สร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ ลุยประกาศเขตรักษาพันธุ์ป่า...ชักช้าป่าจะหมด อา่ นมาจนถงึ ตอนน้ี ทา่ นผอู้ า่ นรสู้ กึ เหมอื นผมไหมครบั วา่ ....ในชว่ งเวลานน้ั ชา่ งเปน็ ชว่ งทม่ี กี าร ประกาศเขตรกั ษาพันธ์สุ ตั ว์ป่าเยอะมาก และแทบทุกพน้ื ท่ขี องเขตรกั ษาพันธส์ุ ตั ว์ป่า จะมที า่ น อธบิ ดผี อ่ งอยเู่ บอ้ื งหลงั การไดม้ าซง่ึ พน้ื ทป่ี า่ เหลา่ นท้ี ง้ั สน้ิ นย่ี งั ไมห่ มด มาฟงั ตอ่ วา่ มที ไ่ี หนอกี บา้ ง... “...ตอนทผ่ี มเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดการสัตว์ป่านั้น สำ�นักงบประมาณเขาก็ไม่ค่อยชอบหน้าผม เทา่ ไหร่ เพราะผมมกั ทำ�ลํ้าหนา้ เชน่ เขาใหง้ บประมาณมาท�ำ ๕ แห่งผมขยายเป็น ๑๕ แห่ง เพม่ิ มาอกี ๑๐ กใ็ ชว้ ธิ เี จยี ดเอาจากทไี่ ดเ้ งนิ มา เทา่ ทเี่ ขาอนมุ ตั นิ น่ั แหละ เจยี ดเอาไปท�ำ ทอี่ นื่ ดว้ ย แลว้ เอา พวกผชู้ ว่ ยตามเขตฯ ตา่ งๆ ใหไ้ ปเปน็ หวั หนา้ เขตฯ ใหห้ มด ไมร่ ลู้ ะ ใครเปน็ ขา้ ราชการกรมมาอยฝู่ า่ ย ผม ผมตงั้ ใหไ้ ปเปน็ หวั หนา้ เขตฯ หมด มเี ขตฯ มากแตม่ งี บมานอ้ ย ผมกไ็ ปเจยี ดกนั มาเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ให้ ไปบกุ เบกิ ไปเขยี นปา้ ยตดิ ไวก้ อ่ น ไปบอกกลา่ วชาวบา้ นใหร้ บั รู้ ประชาสมั พนั ธไ์ วก้ อ่ น คอ่ ยไปส�ำ รวจ เพ่ือเสนอกฤษฎีกาทีหลัง ช่วงไปบุกเบกิ เขตฯ ต่างๆ นี่ ผมกไ็ ปตรวจงานที่ให้ไปท�ำ กม็ ีสื่อมวลชน ตดิ ตามไปด้วย ไปลงพ้ืนที่ ไปนอนกันในปา่ ที่เราไปทำ�งานกนั พอเขาเห็นวธิ ีการทำ�งานว่าเราทำ�งาน ยากและเปน็ งานส�ำ คญั แตม่ งี บประมาณมากนอ้ ยเขากเ็ หน็ ใจ กลบั มากเ็ ขยี นบทความลงหนงั สอื พมิ พ์ รสู้ กึ วา่ จะเปน็ บทความลงในบางกอกโพสตห์ รอื อะไรนแี่ หละ วา่ ไมใ่ หง้ บประมาณเราไปท�ำ งานปอ้ งกนั 47
รักษาป่า ซ่ึงที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของสำ�นักงบประมาณเลย เป็นความผิดของผมด้วยซ้ํา เพราะผมดันท�ำ ล้ําหนา้ ไปมากกว่าส�ำ นกั งบประมาณให้เงินสนับสนุน เราประกาศเรว็ เขาก็จัดสรร งบให้ไม่ทนั เพราะเขามีเกณฑ์ว่าปีหนึ่งจะเพิ่มให้ไม่เกิน ๑๐% นี่ผมไปเพิ่ม ๑๐๐ - ๒๐๐ % ผอ. ส�ำ นกั งบประมาณ ทา่ นกต็ อ่ วา่ ผม วา่ ทห่ี นงั สอื พมิ พไ์ ปโจมตเี ขานนั่ มนั ไมถ่ กู ตอ้ ง คณุ ไปท�ำ เกนิ เอง ผมก็วา่ ใชค่ รบั แต่หนงั สือพมิ พเ์ ขาไปเห็นแลว้ เขาเขยี นเอง เขาไปดแู ลว้ ว่าทำ�งานแบบน้ี งานขนาดนี้ ไม่มงี บประมาณสนับสนุนได้ไง เราทำ�งานไดผ้ ลรกั ษาปา่ เสยี่ งชีวิต เขาเลยไปเขยี นเอง อันท่ีจริงผมต้องไปขอโทษสำ�นักงบประมาณด้วยซํ้า แต่ผมก็รองบประมาณมาก่อนไม่ได้ เพราะถ้ารอช้าป่าจะถูกทำ�ลายไปมากกว่านี้ ผมจึงถามสำ�นักงบประมาณว่า เป็นไปได้ไหมครับว่า ทำ�อย่างไร ผมถงึ จะไดง้ บประมาณเพมิ่ กวา่ นี้ เขาก็แนะนำ�วา่ ถ้าจะไดใ้ ห้เพิ่มนี่ กรมปา่ ไมต้ อ้ งเขียน Priority ว่ากรมปา่ ไมจ้ ะเน้นท่ีไหน นั่นเปน็ คำ�แนะน�ำ จากสำ�นกั งบประมาณ แต่ปฏิบัตไิ ม่ได้หรอก เพราะกรมปา่ ไมเ้ ขาไมเ่ นน้ ใหผ้ มหรอก เขายงิ่ ไมอ่ ยากใหผ้ มประกาศเขตฯ มามากๆ อยแู่ ลว้ ตอนนน้ั เขตรักษาพนั ธมุ์ เี พม่ิ มากเป็น ๑๐ แหง่ ผมกต็ ้องใชว้ ธิ ยี ัดเยยี ด ต�ำ แหน่งท่ี กพ.กไ็ มม่ ี เขาก็จำ�เป็นต้อง รบั ลกู พอตงั้ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็ต้องมีหัวหน้า ตำ�แหน่งโดยตรงไม่มี ตอนหลังเขาก็จัด ให้ เพราะเรามัดมือชกโดยการตง้ั เขตฯ ไปกอ่ น เขาตอ้ งจัดงบประมาณตาม ตงั้ ตำ�แหนง่ ตามใหผ้ ม สังคมชว่ ยกดดันอีก โดย นสพ. กดดัน หาว่าสำ�นักงบประมาณทำ�ไมไม่สนับสนนุ ตอนหลังนขี่ องบ ประมาณฝ่ายสัตวป์ า่ เขา้ ไปทีไร กรรมาธิการสภาไม่เคยตัดเลย ผา่ นเงยี บๆ ตอนนน้ั กรมป่าไม้เหน็ ว่าสภาใหก้ ารสนบั สนนุ ดี งบประมาณก็ไมถ่ ูกตดั ตอนหลงั เขากเ็ ลยไมเ่ ขม้ งวดกับผม ขอไปได้หมด ๑๐๐% ตอนหลังชักจะล้ําหนา้ หนว่ ยงานอนื่ มากข้ึน กด็ ว้ ยวิธีนี้ จึงทำ�ให้งานไปได้อย่างรวดเร็ว พอ ทางเปิดสะดวกผมก็บกุ ภเู ขียว ภหู ลวงเลย...” 48
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ แรด...ทีภ่ ูเขียว ผนื ปา่ ภเู ขยี ว รูปปา่ ภูหลวง-ภูเขยี ว) ทา่ นอธบิ ดผี อ่ งเอย่ ชอื่ ถงึ ภหู ลวง ภเู ขยี ว ผมวา่ ทา่ นผอู้ า่ นคงหผู ง่ึ เหมอื นผม อยากรเู้ บอ้ื งลกึ เบอื้ ง หลงั เพราะทัง้ สองเขตรักษาพันธ์นุ ้ี กลายเป็นเขตรกั ษาพนั ธ์ทุ ่มี คี วามสำ�คัญกับภาคอสี านอยใู่ น ขณะน้ี ท่านเลา่ ให้ฟงั ถึงการประกาศพื้นทท่ี ้งั สองว่า..... “....ถ้าใครเคยเข้าไปด้านหลังกรมป่าไม้หรือกรมอุทยานฯ ด้านหลังน้ีมันจะออกไป มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรไ์ ด้ ดา้ นขา้ งของหอประชมุ จะมตี ึกเก่า เป็นอาคารสองชัน้ แตก่ อ่ นตกึ น้ี หุ่นจำ�ลองกระซ่ทู ภ่ี ูเขยี ว 49
ทง้ั ฝา่ ยเขตรกั ษาพนั ธแ์ุ ละฝา่ ยอทุ ยานฯ จะอยกู่ นั ฝา่ ยละชน้ั แตก่ อ่ นงานมนั ไมม่ าก แตล่ ะฝา่ ยคนกไ็ มม่ าก ตกึ นม้ี นั กเ็ ลยมหี อ้ งเหลอื เขากเ็ ลยใหข้ า้ ราชการทไ่ี มม่ ที อ่ี ยมู่ าอาศยั ได้ ผมกอ็ าศยั อยตู่ กึ นเ้ี หมอื นกนั คณุ ศกั ด์ิ วฒั นกลุ แกเปน็ ปา่ ไมจ้ งั หวดั ชยั ภมู ิ แกและครอบครวั กพ็ กั ทต่ี กึ เดยี วกนั นแ่ี หละ แต่ อยู่กันคนละปกี วันเสาร์-อาทิตย์ แกก็จะเข้ามากรุงเทพ มาหาครอบครัว วันหนึ่งแกก็มาหาผม เอาขวดกาแฟ ข้างในมีน้าํ อะไรไมร่ ู้เปน็ สแี ดงๆ แกบอกว่าเปน็ “เลอื ดแรด” แลว้ กม็ ี “หนงั แรด” มา อีกสักคืบหนึ่งได้ ถือมาให้ผมดู แกบอกที่ป่าภูเขียวนี่มันมีแรดนะคุณผ่อง น่าจะทำ�เป็นเขตรักษา- พันธ์ุสัตว์ป่าได้ ตอนนั้นผมก็ดูเลือดกับหนังแรดที่แกเอามาให้ดูแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่ของแท้จริง หรือเปล่า ผมก็เอาไอ้ท่ีว่าเลือดแรดกับหนังแรดไปถามหมอบุญส่ง ว่าคุณหมอมันใช่เลือดแรดไหม ครับ หมอบุญสง่ ดแู ลว้ บอก เออ...ใช่ๆๆๆ แต่กไ็ มร่ ้วู า่ ทา่ นพดู เอาใจผมหรือเปลา่ นะ แตฟ่ ังแคน่ ผ้ี มก็ ดใี จ สง่ั ใหล้ ูกนอ้ งไปหาแผนที่ป่าภูเขยี วระวาง ๑ : ๕๐,๐๐๐ มาดู ดูจากแผนที่ลกั ษณะป่ามนั สวย ดี มที ง้ั ทร่ี าบ ท้งั ภเู ขาล้อมรอบ เหมอื นทวปี ออสเตรเลียเลย แตม่ าติดทภ่ี เู ขียวน่ี ผกค.กม็ ี สมั ปทาน ไม้กก็ �ำ ลงั จะให้ ผมเหน็ ปา่ แลว้ เสยี ดายมาก พอมกี ารประชมุ คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ ผมกเ็ อาหนงั แรดกบั เลอื ดแรดไปดว้ ย กไ็ ปเสนอตอ่ คณะกรรมการ ผมกร็ ายงานตอ่ ทป่ี ระชมุ กรรมการวา่ “ปา่ ไมจ้ งั หวดั ชยั ภมู ิ ไดน้ �ำ เลอื ดแรดและหนงั แรดทป่ี า่ ภเู ขยี วมาใหผ้ ม หมอบญุ สง่ กย็ นื ยนั วา่ เปน็ ของจรงิ และมนั เปน็ สตั วท์ หี่ ายากผมเลยอยากน�ำ เรยี นทปี่ ระชมุ วา่ อยากจะสงวนปา่ นไ้ี วเ้ ปน็ เขต รกั ษาพันธส์ุ ัตวป์ ่า “ ที่ประชุมเขาก็เห็นด้วยให้ดำ�เนินการได้ ทีนี้พอกลับมาจากประชุมผมก็รายงานกรม ใน ช่วงน้ันกองจัดการป่าไม้เขาเตรียมจะออกสัมปทานทำ�ไม้ให้บริษัทอยู่แล้ว ผมเสนอว่าท่ีประชุม กรรมการเขาใหเ้ ป็นเขตรักษาพนั ธุ์แลว้ นะ ทนี ี้ความเห็นกข็ ัดแย้งกัน กต็ ้องมกี ารประชุมหาข้อสรุป สกั อาทิตยห์ นง่ึ ได้ ผมก็นกึ เอ...จะสู้ไดไ้ ง พวกเขาทงั้ นัน้ เขา้ ท่ปี ระชุมทไี ร พอโหวตกันเราแพท้ ุกที ผมหวั เดียวกระเทียมลีบ สู้ไม่ไดแ้ น่ ผมกม็ านึกเราตอ้ งรบี ท�ำ บนั ทกึ ขออนมุ ัตอิ ธิบดีไวก้ ่อนถา้ อธบิ ดี อนมุ ตั ิ ผมจะยงั ไม่บอกค่อยเอาไปเผยในที่ประชุมทหี ลงั ผมก็ท�ำ บันทึกไปพบท่านอธบิ ดี ไปถงึ ก็ไป พรรณนาว่ามีสัตว์ปา่ ต่างๆ มากมาย ท่ที งุ่ กะมัง มคี วามสวยงามตามธรรมชาติ ทวิ ทศั น์สวยงามนา่ สนใจ อะไรตา่ งๆ ผมก็พรรณนาไป จนทา่ นอธบิ ดตี รี กกก�ำ แหง ท่านยิ้มทา่ นก็หวั เราะแล้วบอก ดู ไปดมู าเขตรักษาพนั ธส์ุ ตั วป์ ่าทคี่ ณุ มาขอนี่ มันใกล้จะเปน็ อทุ ยานแห่งชาตเิ ขา้ ไปทุกทีแลว้ นะ อ้าง ทวิ ทศั น์ อา้ งสถานท่สี ายงาม ผมกบ็ อก “แต่ในนัน้ มแี รดนะครบั ท่าน” ทา่ นกย็ มิ้ ๆ ทา่ นคงนกึ นะแหละวา่ นายผอ่ งนี่ สงสยั จะเกบ็ ปา่ ไวอ้ กี แลว้ แลว้ ทา่ นกค็ งอยากให้ ปา่ มนั อยู่ เลยไมไ่ ดแ้ ยง้ อะไรมาก ทา่ นเลยบนั ทกึ วา่ ใหเ้ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ไมต่ อ้ งใหส้ มั ปทาน พอไดบ้ นั ทึกทา่ นอธบิ ดีมาแบบนีผ้ มก็เก็บเอกสารนีไ้ ว้ ผมไมเ่ วยี นหนงั สือเพราะมนั จะประชมุ อกี ๒ 50
....ผู้เก็บสร้างผืนไพรให้แผ่นดนิ วันอยแู่ ล้ว ถึงแจ้งเวียนไปกไ็ มท่ นั พอวันประชุมผมกถ็ ือไปทงั้ แฟม้ แลว้ ผมก็ Brief ให้ทปี่ ระชุมฟัง ตอนนน้ั อาจารยถ์ นอม รองอธบิ ดที า่ นเปน็ ประธาน เรม่ิ แรกทกุ คนกค็ ดั คา้ น ตอ่ วา่ ผมทงั้ นน้ั คณุ จะ เอาปา่ ไปท�ำ เปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ท�ำ ไมมากมายกา่ ยกอง ใหส้ มั ปทานซะดกี วา่ เขาวางโครงการ ไวเ้ รยี บร้อยหมดแล้ว เขากว็ ่าของเขาไป พอถงึ ตอนผมชแี้ จงก็บอกวา่ “... ทผ่ี มเสนอขอใหเ้ ปน็ เขตรกั ษาพนั ธฯุ์ เพราะทน่ี ม่ี นั มแี รด เปน็ ปา่ แหง่ เดยี วในประเทศไทย แรดมันเป็นสัตว์หายากจะสูญพันธ์ุอยู่แล้ว แล้วสภาพป่าที่น่ีก็ยังอุดมสมบูรณ์ ท่ีสำ�คัญท่ีสุด ท่าน อธิบดีก็ลงความเห็นว่าควรเป็นเขตรกั ษาพันธุ์สตั ว์ป่าไปแลว้ ” ท่านประธาน อาจารยถ์ นอม กถ็ ามผมว่า “ไหนๆ หนงั สอื อยู่ทีไ่ หน” “.. นคี่ รบั ๆๆ อย่ทู ่ผี ม ผมเวียนไม่ทันขอโทษที” ก็เลยให้ประธานเขาดูกัน แล้วอ่านให้ทุกคนฟัง พอทุกคนรู้ว่าท่ีอธิบดีอนุมัติแล้วก็อ้ึงพูดไม่ ออก อาจารยถ์ นอมทา่ นเลยวา่ ถา้ อธิบดสี ั่งอย่างน้ี ก็ตอ้ งเปน็ อย่างน้ี ให้เป็นเขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั วป์ ่า ไป ให้สมั ปทานไม่ได้ ต้องยกเลิกไป คุณจรรยา แวววฒุ นิ นั ท์ กม็ าเยา้ ผม “โห...คณุ มีแรดแคต่ ัวเดยี ว จะเอาหมดทง้ั แปดแสนไรเ่ ลยเหรอ” ผมก็บอก “แรดนม้ี นั ไมเ่ หมอื นสตั วอ์ น่ื นะครบั เพราะมนั ตกใจมนั จะวง่ิ ไมห่ ยดุ ทง้ั วนั ทง้ั คนื เนอ้ื ทแ่ี คแ่ ปด แสนไร่ ไมพ่ อมันวิง่ หรอก” “งน้ั ถา้ แรดคุณมันวงิ่ เข้าไปในตลาดก็ต้องประกาศตลาดเป็นเขตรักษาพนั ธส์ุ ตั วป์ ่าดว้ ยส”ิ “ถ้ามันวิง่ ไปอย่างนั้น กต็ ้องประกาศแนน่ อน” ในท่ีประชุมก็เลยหัวเราะกันตรึมเลย หลังจากนั้นผมก็เลยเสนอไปตามข้ันตอน จนประกาศ เปน็ กฤษฎีกาใหเ้ ปน็ เขตรกั ษาพันธส์ุ ัตวป์ า่ แล้วเรยี ก มานพ ชมพจู ันทร์ จากสลกั พระมาบกุ เบกิ ท่ี น่ีจึงเป็นเขตฯ ที่ประกาศก่อนสำ�รวจ ภาระกิจแรกท่ีต้องทำ� คือ ตอ้ งอพยพชาวบ้านที่ทุ่งกะมงั ออกให้หมด ไม่ใชช่ าวบา้ น ธรรมดา แตเ่ ปน็ ผกค. ตอนนนั้ ท่ีน่ีแหล่งมันเลย ผกค. ทงั้ นนั้ ทุ่งกะมังนั้นอยู่กันเป็นหมู่บ้านราว ๒๐ ครัวเรือนได้ เป็น แนวร่วม ผกค. ผมต้องบินไปเจรจากับผวู้ ่าฯ ชัยภมู ิ คุณ เจรญิ สขุ ศลิ าพนั ธ์ ทา่ นดมี าก รว่ มมอื กนั ดี ทา่ นเปน็ ผวู้ า่ ฯ ผม เปน็ ผอ.กองสตั วป์ า่ เรากไ็ ปเจรจากบั ชาวบา้ นขอใหย้ า้ ยออก จากทงุ่ กะมงั โฮโ้ ฮ...มนั กวนนา่ ดเู ลย หวั หมอ พดู ไมร่ เู้ รอื่ ง คยุ กนั จนใกลจ้ ะมดื เรากไ็ มก่ ลา้ อยนู่ านตอ้ งกลบั กอ่ น ผมเวยี นไป 51
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121