Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุป โครงการเทอมที่ 1

สรุป โครงการเทอมที่ 1

Published by Feung Kanjana FK, 2021-08-13 08:09:18

Description: สรุป โครงการเทอมที่ 1

Search

Read the Text Version

คำนำ โครงการสง่ เสริมกิจกรรมทักษะทางวชิ าการนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 กจิ กรรมค่ายภาษา องั กฤษ (English Camp) ประจำปกี ารศึกษา 256๔ เลม่ น้ี ไดจ้ ัดทำข้ึนเพ่ือรวบรวมผลการดำเนนิ งานโครงการใน ข้นั ตอนตา่ ง ๆ และรายละเอยี ดทงั้ หมดของโครงการ ซ่ึงประกอบด้วย • รายงานผลการดำเนนิ งานโครงการ • โครงการสง่ เสริมกจิ กรรมทักษะทางวชิ าการนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1-3 • เอกสารประกอบการอบรม • แบบประเมนิ ทักษะการสอื่ สารภาษาองั กฤษ • แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียน • ภาพกจิ กรรม ผู้จดั ทำโครงการหวังเปน็ อยา่ งยง่ิ ว่า เอกสารสรปุ โครงการโครงการสง่ เสรมิ กจิ กรรมทกั ษะทางวิชาการ นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 กิจกรรมคา่ ยภาษาองั กฤษ (English Camp) ประจำปีการศึกษา 256๔ เลม่ นี้ จะอำนวยประโยชน์ตอ่ ผู้ท่ีสนใจไดเ้ ปน็ อย่างดียงิ่ นางสาวสำราญ พาหลง หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ

สารบัญ หน้า เร่ือง ๑ รายงานผลการดำเนนิ งานโครงการ ๑๑ ภาคผนวก ๑๐ • โครงการส่งเสรมิ กจิ กรรมทักษะทางวิชาการนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 1๙ • เอกสารประกอบการอบรม ๔๖ • แบบประเมนิ ทักษะการสือ่ สารภาษาอังกฤษ ๖๐ • แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรยี น ๑๐๘ • ภาพกจิ กรรม

รายงานผลการดำเนินโครงการ ชอื่ โครงการ โครงการสง่ เสริมกจิ กรรมทักษะทางวิชาการนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3 สอดคลอ้ งกับ มาตรฐานท่ี 10 ผเู้ รยี นมีความรู้ และสมรรถนะสำคัญตามหลักสตู ร ส่ปู ระชาคมอาเซียน ตวั บ่งชี้ท่ี 10.4 ผู้เรียนมีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาองั กฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน และทกั ษะอาชีพ มาตรฐานที่ 11 ผเู้ รียนมีทกั ษะในการทำงาน รกั การทำงาน สามารถทำงานร่วมกบั ผูอ้ น่ื ได้ และมเี จตคตทิ ่ดี ตี ่ออาชีพสุจริต ตัวบ่งชท้ี ่ี 11.1 มีทักษะในการจดั การ และทำงานด้วยความพากเพยี รพยายาม ขยัน อดทน ละเอียดรอบคอบจนกระทั่งงานสำเร็จ ตัวบ่งชที้ ี่ 11.2 ทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ มาตรฐานที่ 12 ผเู้ รยี นมีความสามารถในการคิด และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมได้อย่างมีความสขุ ตัวบง่ ช้ที ่ี 12.2 ผู้เรียนมีความสามารถในการปรับตวั และอยู่ร่วมกนั ในสงั คมได้อย่าง มคี วามสุข บทท่ี 1 บทนำ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในปัจจบุ ันมีความสำคัญและจำเปน็ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในยุคข้อมลู ขา่ วสารท่ตี ้องใชภ้ าษาอังกฤษในการสือ่ สาร เพอ่ื เป็นเครือ่ งมือในการศึกษาและใชใ้ นชวี ิตประจำวันแต่การสอน ภาษาอังกฤษในชนั้ เรียนพบว่า นกั เรียนขาดทักษะในการสื่อสารและไม่กล้าแสดงออกในการใช้ภาษาในชีวติ จริง เพราะการเรยี นการสอนยังไม่มงุ่ เน้นในการสื่อสารภาษาอย่างแทจ้ ริงซงึ่ อาจมาจากหลายสาเหตุ เชน่ ขาดการฝึก กบั เจ้าของภาษาในสถานการณ์จริง ขาดการใช้ภาษานอกห้องเรียน เป็นต้น การพัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร ดว้ ยการจดั กจิ กรรมค่ายภาษาอังกฤษเป็นการจำลอง สถานการณ์ในการฝึกทักษะภาษา กับเจา้ ของภาษา ครผู ู้สอนและกลมุ่ เพ่ือน ชว่ ยใหน้ ักเรยี นไดฝ้ ึกฝนทักษะ ภาษาองั กฤษเพม่ิ ข้ึน นอกจากนัน้ แผนพฒั นาเทศบาลเมืองมหาสารคามและแผนพฒั นาการศกึ ษาของโรงเรียนได้ กำหนดยุทธศาสตร์ปฏิรูปการเรยี นรใู้ หม้ คี ่ายส่งเสริมอจั ฉรยิ ภาพ เพอื่ สง่ เสรมิ ความสามารถเฉพาะของนักเรียนใน โรงเรียนดว้ ย ดงั น้ันการดำเนินโครงการพัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร ด้วยการจัดกิจกรรมคา่ ย

ภาษาองั กฤษ จงึ เป็นแนวทางหนึง่ ในการส่งเสรมิ และพัฒนา ทกั ษะแกน่ ักเรียนท่ีมีความสามารถและความสนใจ ดา้ นภาษาองั กฤษได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ บทท่ี 2 วรรณกรรมทเี่ กย่ี วข้อง โครงการส่งเสริมกจิ กรรมทักษะทางวชิ าการนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 เปน็ โครงการท่ีจดั ทำขึน้ ตาม แนวการจดั การศึกษาตามพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552 แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 6 การจดั การศึกษาต้องเปน็ ไปเพื่อพฒั นาคนไทยให้เป็นมนุษยท์ สี่ มบรู ณ์ทั้งรา่ งกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้ และคณุ ธรรม มีจรยิ ธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชวี ติ สามารถอย่รู ่วมกบั ผู้อน่ื ได้อยา่ ง มีความสุข ความหมายของค่ายภาษาอังกฤษ คา่ ยภาษาอังกฤษ คือ กจิ กรรมทส่ี ง่ เสริมประสบการณต์ รง โดยเน้นใหผ้ ูเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมได้รับความรู้ ทางภาษาองั กฤษ ไดร้ บั การฝึกฝนในสถานการณ์จริง ในบรรยากาศทีส่ นุกสนาน ท่ีอยู่ในรูปแบบของเกมและ กิจกรรมท่สี นุกสนาน ซง่ึ ทำเป็นหมู่คณะ เป็นการจดั การเรียนรู้ท่ีนำรปู แบบกลมุ่ สัมพนั ธ์ เปน็ การตอบสนองของผเู้ รียนรูไ้ ด้ดีกวา่ การเรยี นใน ห้องเรียนปกติ และที่สำคัญคือ ความนา่ สนใจของกจิ กรรมซ่งึ แฝงอยู่ในค่าย ซ่งึ มีหลายประเภท อาทิเช่น ค่ายผู้นำ ค่ายจรยิ ธรรม คา่ ยผนู้ ำนนั ทนาการ ค่ายภาษาอังกฤษ เป็นต้น ค่ายภาษาองั กฤษ เป็นการจัดกจิ กรรมทางภาษาองั กฤษ ส่วนใหญเ่ นน้ กิจกรรมทางดา้ นภาษา โดยมจี ุดมุ่งหมายให้ ผู้เขา้ รว่ มไดม้ ีการฝึกทักษะต่างๆทางด้านภาษาทงั้ 4 เช่น ฟัง พูด อา่ น และเขยี น โดยเนน้ ให้ใชใ้ นสถานการณจ์ รงิ หลกั การในการจดั ค่ายภาษาอังกฤษ 1. สำรวจความต้องการของผู้เข้าร่วมกิจกรรม 2. วางแผนเพื่อให้กจิ กรรมสอดคลอ้ งกบั ความต้องการหรือความสนใจของผูท้ ี่เข้าร่วมกิจกรรม 3. ควรมีวิทยากรผมู้ ีความรู้ความเขา้ ใจในวัยของทเ่ี ขา้ ร่วมกิจกรรมอยา่ งเพียงพอ รวมถึงความพรอ้ ม ทางดา้ นต่างๆ 4. ควรคำนึงถงึ ความเหมาะสมของสถานทจี่ ัดกิจกรรม 5. ควรมคี วามยืดหยุ่นของกจิ กรรม คือ มกี ารสอดแทรกกจิ กรรมและปรบั ตามความเหมาะสม แตไ่ ม่ ควรให้ผ้เู ข้ารว่ มทำกจิ กรรมทางการเรียนมากเกินไป เพราะจะทำใหผ้ เู้ ข้าร่วมรู้สกึ เครยี ด 6. กิจกรรมทมี่ ีความซับซ้อน ควรมีการปรับโครงสร้างทางภาษาเพื่อความเหมาะสมกับวัยของ

ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม 7. ในกิจกรรมทต่ี ้องใชอ้ ุปกรณ์ ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมและครบถ้วนตอ่ การใช้งานก่อนการเรม่ิ กจิ กรรม 8. ควรคละจำนวนคนเก่งและไมเ่ ก่งใหอ้ ยู่ในจำนวนท่เี หมาะสม เพ่ือความสะดวก และเข้าใจได้ ตรงกนั และจะได้คอยช่วยเหลอื กนั 9. ไม่ควรเนน้ กิจกรรมทมี่ ีการแข็งขันกันมากเกนิ ไป เพราะจะทำใหเ้ ด็กรู้สึกมีปมด้อยของผู้แพ้ 10. ให้ผเู้ ขา้ ร่วมทำแบบประเมินทัง้ ก่อนและหลังการเขา้ รว่ มกิจกรรม การดำเนนิ การจดั ค่ายภาษาองั กฤษ มีขั้นตอนทสี่ ำคญั 4 ข้นั ตอน คอื 1. ขั้นเตรยี มการ ควรจดั ประชุมวงแผนกบั คณะวิทยากร จดั เตรยี มสถานที่ใหม้ บี รรยากาศทสี่ ง่ เสรมิ การใช้ภาษาอังกฤษ จดั เตรยี มสถานท่เี พอ่ื จดั แสดงผลงาน เตรยี มที่พัก อาหาร สถานท่ีจัดกิจกรรม วัสดุอปุ กรณท์ ี่ จำเปน็ แฟ้มเอกสารของแตล่ ะกิจกรรม เตรียมรวบรวมผลสรุปของการจัดกจิ กรรมและผลงานของครู สำหรับการ ประเมนิ ผลและการนิเทศติดตาม เตรียมเอกสาร วุฒบิ ัตร ฟอรม์ ต่าง ๆ เชน่ แบบกรอกข้อมลู ส่วนบคุ คล แบบ ประเมนิ และเอกสารอน่ื ตามความจำเป็น 2. ขั้นดำเนินการ จดั ให้มีการลงทะเบียนและเวลามาปฏิบตั ิราชการเป็นประจำตง้ั แต่วนั แรกถึงวนั สุดท้าย มีผูอ้ ำนวยการจดั คา่ ยเป็นผรู้ ับผดิ ชอบ และดูแลความเรียบรอ้ ยโดยภาพรวม กำหนดใหม้ ีวิทยากรท่ปี รึกษา ประจำทุกวนั โดยผลดั เปลี่ยนกันในกลุม่ วทิ ยากร จดั กลุม่ ผเู้ ขา้ รบั การอบรมเพอื่ รบั ผดิ ชอบในการดำเนินรายการ / พิธีกร ดแู ลความเรยี บร้อย ช่วยเหลือสนบั สนนุ วทิ ยากรในแต่ละวัน โดยมีวิทยากรทป่ี รกึ ษาประจำกลมุ่ คอยให้ คำปรึกษา ปฏิบัติกจิ กรรมตามตารางที่กำหนดไว้ ซึง่ สามารถปรบั เปล่ยี นได้ตามความเหมาะสมดว้ ยความเห็นชอบ ของคณะวทิ ยากร จดั กจิ กรรม Camp โดยเนน้ ความสนกุ สนาน การมสี ่วนร่วม กล้าแสดงออก และรวมถึงการใช้ ภาษาอังกฤษเพ่ือสรา้ งความประทบั ใจ และมีประโยชน์ในการปรับใชก้ จิ กรรมใหผ้ เู้ ข้าคา่ ยทกุ คนทำแผนปฏิบัติ (Action plan) เพ่ือวางแผนการนำความรู้ที่ไดไ้ ปจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนและปฏิบตั ิงาน รวมทั้งการขยายผล ใหค้ รคู นอื่น 3. ข้ันประเมนิ ผล ควรมกี ารประเมินผลก่อนการดำเนนิ การจดั ค่าย เพ่ือให้ไดข้ ้อมูลในภาพรวมของ ความสามารถทางภาษา และความต้องการจำเป็นของผูเ้ ขา้ คา่ ย ประเมนิ ผลระหวา่ งการดำเนินการจดั ค่าย เพือ่ นำไปปรับการดำเนนิ การให้เหมาะสมยงิ่ ขนึ้ และประเมินผลในตอนท้ายของการดำเนินการจัดคา่ ย เพื่อประมวล ข้อมูลสำหรบั การพัฒนาและปรับปรุงตอ่ ไป 4. ขน้ั สรุปรายงานผลการจัดค่าย ใหร้ วบรวมข้อมูลที่ได้จากการนิเทศ ตดิ ตามผลการดำเนนิ การจดั

ค่าย และการประเมินผล ทำสรปุ รายงานเสนอต้นสังกดั เพ่ือทราบ การสอนแบบฐาน วธิ กี ารสอนแบบฐานน้ีเป็นวธิ ีการสอนท่นี ยิ มใช้และใช้มากในการจัดการฝึกอบรมวิชาผกู้ ำกับลูกเสอื ขั้นความรเู้ บื้องต้นและขั้นความร้ชู นั้ สงู ผสู้ อน(วิทยากร) ต้องมคี วามเข้าใจในจุดหมายของวิธกี ารสอนแบบนเี้ ป็น อย่างดี คือ วิธีการสอนแบบฐานนจี้ ะช่วยใหผ้ เู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมเกิดทกั ษะและให้ความรู้เป็นสำคัญ มากกวา่ การ เปลีย่ นทัศนคติ(สำนักงานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหง่ ชาติ, 2537:57) ผู้สอนต้องพิจารณาในเน้ือหาวิชาวา่ เหมาะสมกบั การใช้วธิ ีสอนแบบนห้ี รือไมเ่ พราะการสอนแบบนี้จะตอ้ งใช้บคุ ลากรเพิม่ ขน้ึ เนือ้ หาวชิ าตอ้ งแบง่ ออกเปน็ แขนงย่อย ๆ ได้ และอาจตอ้ งใชว้ ธิ สี อนแบบอ่นื เขา้ รว่ มด้วยวธิ ีการ 1. จดั แบ่งหัวขอ้ วิชาและผู้รับผิดชอบ 2. จัดฐานและอุปกรณป์ ระกอบฐานให้พรอ้ มและมคี ณุ ภาพดีลกั ษณะฐานควรอยูห่ า่ งกนั พอควร ไม่รบกวนซ่งึ กันและกนั 3. แบง่ ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เท่า ๆ กนั จดั หมนุ เวียนให้เปน็ ระบบเพ่อื ให้ ผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมได้รบั ความรู้ไดท้ ุก ๆ ฐาน และเทา่ เทียมกัน 4. อาจจดั ให้มกี ารวดั ผลการฝึกอบรมภายในฐานการฝึกอบรม โดยวทิ ยากรประจำฐานเป็น ผดู้ ำเนินการหรือกระทำรวมเปน็ กลมุ่ ใหญโ่ ดยวิทยากรผูบ้ รรยายกไ็ ด้ ข้อดแี ละข้อจำกัด 1. การแบ่งกลุ่มผูเ้ ขา้ รบั การอบรมเป้นกลมุ่ เลก็ ๆ ทำให้เกิดประสบการณโ์ ดยตรงและแจ่มชัดจาก วทิ ยากรอยา่ งใกลช้ ดิ ขน้ึ 2. ข้อปญั หาและการอภปิ รายจะได้บังเกดิ ดีกวา่ กลมุ่ ใหญ่ 3. ภาระการสอนจะกระจายไปยงั คณะวทิ ยากรอย่างกว้างขวาง 4. คณะวทิ ยากรประจำฐานไดร้ ับมอบหมายงานอยา่ งจำกัด ทำใหส้ ามารถจดั และกระทำงานที่ไดร้ ับ มอบหมายได้อยา่ งสมบูรณย์ ิง่ ข้ึนกับบุคคลทมี่ ีจำนวนน้อยลงเช่นกัน 5. คณะวทิ ยากรและผเู้ ข้ารับการอบรมมโี อกาสท่จี ะไดศ้ ึกษาซึ่งกนั และกันและเป็นรายบุคคล 6. เนื้อหาวชิ าอาจไม่เหมาะสมกบั การใชว้ ิธสี อนแบบนี้ วิทยากรประจำฐานจะตอ้ งเตรยี มงานเป้นอ ยา่ งดี

ข้อควรคำนงึ 1. ต้องจัดฐานให้เสร็จสมบรู ณ์ มีความพร้อม และชดั เจนก่อนการฝกึ อบรม 2. วทิ ยากรประจำฐานจะต้องเปน็ บุคลากรที่มคี วามชำนาญในแต่ละดา้ นในงานของฐานอยา่ งแท้จริง 3. อุปกรณ์การฝึกอบรมในแต่ละฐานจะต้องมใี ห้ครบสมบรู ณแ์ ละมีคุณภาพด้วย 4. การดำเนนิ การสอนของวิทยากรในแต่ละฐานการฝกึ อบรม จะตอ้ งดำเนินการฝึกอบรม ดว้ ยวิธีการ สอนท่ดี ี ตอ้ งงา่ ยอยา่ งมีเหตุมีผล ปฏบิ ตั ิและวัดผลได้ 5. ควรใช้เวลาในการฝึกอบรมในแตล่ ะฐานอย่างเหมาะสมและเทา่ ๆ กันแนวการสอนแบบฐานนีอ้ าจ นำไปใชก้ ับผู้เข้ารบั การอบรมจำนวนมาก ๆ กไ็ ด้เชน่ กนั และวธิ ีการจัดการฝกึ อบรมอีกวธิ ีหนึง่ กอ็ าจทำได้เช่นกนั คอื นำบุคคลกลุ่มใหญ่เร่ิมตน้ เรียนท่ฐี านหนึ่งแล้วดำเนนิ ตอ่ ไปเปน็ ฐาน 2 -3 จนครบทุกฐานแลว้ นำมารวมและ ซกั ถามปัญหาในข้นั สรปุ และประเมนิ ผล ได้ และถา้ เห็นควรจะใหม้ กี ารปฏบิ ตั กิ ิจกรรมยามวา่ งกก็ ระทำได้เชน่ กนั วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ฝกึ ทักษะดา้ นภาษาอังกฤษเพ่ือการสอ่ื สาร 2. เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจต่อโครงการคา่ ยภาษาอังกฤษของนักเรยี น บทที่ 3 วิธีดำเนินโครงการ เปา้ หมาย เปา้ หมายเชิงปรมิ าณ นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 จำนวน 4๓๒ คน เป้าหมายเชงิ คุณภาพ นกั เรยี นมที ักษะด้านภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสารในระดบั ดี ตวั ชว้ี ัดความสำเร็จของโครงการ 1. นักเรียนมที กั ษะด้านภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอื่ สารผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดีข้ึนไป ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75 2. นักเรียนมคี วามพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมค่ายภาษาองั กฤษระดบั มาก

เครื่องมือและวธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เครือ่ งมือ ๑. แบบประเมินทักษะด้านภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสารนกั เรียนรายบคุ คล ตามหวั ข้อต่อไปน้ี เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 3 ระดบั จำนวน 5 ขอ้ 1) พดู ทักทายผู้อ่ืนและตอบได้ 2) พูดสนทนาเก่ยี วกับส่ิงของต่างๆได้ 3) ร้องเพลงภาษาองั กฤษทกี่ ำหนดให้ได้ 4) รแู้ ละเข้าใจความหมายของประโยคต่าง ๆ ได้ 5) เขยี นประโยคภาษาอังกฤษส่งิ ที่ตนเองสนใจได้ เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคะแนน ความหมาย 1 พอใช้ 2 ดี 3 ดมี าก 2. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นทม่ี ตี ่อโครงการสง่ เสรมิ กิจกรรมทักษะทางวิชาการ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3 ค่ายภาษาองั กฤษ (English Camp) เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) ๕ ระดบั จำนวน ๖ ข้อ ดังน้ี (บุญชม ศรสี ะอาด. 2547 : 101) ค่าเฉลยี่ ( x ) ระดับความพึงพอใจ 4.51-5.00 มากทส่ี ุด 3.51-4.50 มาก 2.51-3.50 ปานกลาง 1.51-2.50 น้อย 1.00-1.50 น้อยท่ีสุด วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูล

1. นกั เรยี นเข้ารบั การอบรมโครงการสง่ เสรมิ กิจกรรมทักษะทางวิชาการนักเรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 คา่ ยภาษาอังกฤษ (English Camp) 2. ทดสอบนักเรยี นรายบุคคล และประเมินผลคะแนนด้วยแบบแบบประเมินทกั ษะดา้ น ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนักเรยี นรายบคุ คล ๓. สอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนด้วยแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรยี นที่มีต่อ โครงการสง่ เสรมิ กจิ กรรมทักษะทางวชิ าการนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-3 ค่ายภาษาอังกฤษ (English Camp) บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล จากการดำเนินโครงการสง่ เสริมกจิ กรรมทักษะทางวิชาการนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 ตัง้ แตว่ นั ที่ ๑๒-๓0 กรกฎาคม 256๔ จนโครงการเสร็จส้ิน และดำเนินการรวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู ไดด้ งั น้ี กิจกรรม กจิ กรรมที่ 1 On word one sentence นางสาวสำราญ พาหลง ครู นางจิตตวดี ธนสู า ครู นางสาวกาญจนา ทองนอ้ ย นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชพี นางสาวสพุ ตั รา โพธ์นิ อก นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วิชาชพี กจิ กรรมที่ 2 การอ่านสภุ าษิต ( Proverbs ) นางสาวสำราญ พาหลง ครู นางจิตตวดี ธนูสา ครู นางสาวกาญจนา ทองนอ้ ย นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วิชาชพี นางสาวสพุ ตั รา โพธนิ์ อก นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพ กิจกรรมที่ 3 การเขียนสุภาษิต ( Proverbs ) นางสาวสำราญ พาหลง ครู นางจิตตวดี ธนสู า ครู นางสาวกาญจนา ทองนอ้ ย นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพ นางสาวสุพัตรา โพธนิ์ อก นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วชิ าชพี กจิ กรรมท่ี 4 การพูดสภุ าษิต ( Proverbs )

นางสาวสำราญ พาหลง ครู นางจิตตวดี ธนูสา ครู นางสาวกาญจนา ทองนอ้ ย นักศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพ นางสาวสพุ ตั รา โพธ์ินอก นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วชิ าชีพ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ๑. วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ ทกั ษะการส่ือสารภาษาองั กฤษ ประเมนิ ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษนักเรยี นรายบุคคล จำนวน 5 ข้อ 1) พูดทักทายผู้อนื่ และ ตอบได้ 2) พดู สนทนาเกยี่ วกับส่งิ ของต่างๆ ได้ 3) รอ้ งเพลงภาษาอังกฤษทก่ี ำหนดใหไ้ ด้ 4) รแู้ ละเข้าใจ ความหมายของประโยคตา่ ง ๆ ได้ 5) เขยี นประโยคภาษาอังกฤษสิง่ ที่ตนเองสนใจได้ ผลปรากฏ ดงั ตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 ผลการประเมินทักษะการสื่อสารภาษาองั กฤษ ๑. พดู รายการประเมนิ ๕. เขียน ร้อยละเฉล่ีย ทกั ทาย ๒. พูด ๓. การอ่าน ๔. รูแ้ ละ ประโยค ระดับดีขน้ึ ไป โตต้ อบได้ สนทนา สุภาษิต เขา้ ใจ ภาษา เกย่ี วกับ ภาษาองั กฤษ ความหมาย องั กฤษ 81.02 79.82 สิง่ ของตา่ งๆ ท่ีกำหนดให้ ของประโยค ส่ิงที่ตนเอง สนใจได้ ได้ ได้ ตา่ ง ๆ ได้ 83.40 80.49 80.94 80.49 จากตาราง พบวา่ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ทักษะดา้ นภาษาองั กฤษ ระดับดีขึ้นไป จำนวน คิดเปน็ รอ้ ยละ 81.02

๒. วิเคราะห์ผลการประเมินความพงึ พอใจของนักเรยี น ประเมินความพงึ พอใจของนักเรียนตอ่ โครงการสง่ เสริมกิจกรรมทกั ษะทางวชิ าการนกั เรยี นชั้น มัธยมศึกษาปที ี่ 1-3 ผลปรากฏ ดังตารางท่ี ๒ ตาราง ๒ ผลการประเมินความพงึ พอใจของนักเรียนต่อโครงการสง่ เสริมกจิ กรรมทักษะทางวชิ าการ นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 รายการ ระดับความคิดเหน็ ๑. กจิ กรรมน้สี ่งเสริมใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนรแู้ ละสามารถใช้ x S.D. การแปลความหมาย 4.29 0.55 มาก ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชวี ิตประจำวันไดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. กจิ กรรมนสี้ ่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนมีความมั่นใจในการใช้ 4.46 0.51 มาก ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำวัน ๓. กิจกรรมนส้ี ่งเสริมใหน้ ักเรียนมที ศั นคตเิ ชงิ บวกต่อ 4.29 0.46 มาก ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวัน สามารถแลกเปลีย่ นเรยี นรู้กบั ผอู้ ่ืนได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๔. กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมทที่ ำใหน้ กั เรยี นได้เรยี นรู้ 4.33 0.48 มาก จากแหลง่ เรียนรู้ภายในโรงเรียนและบรู ณาการ กจิ กรรมรว่ มกับกลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ น่ื ได้ ๕. นกั เรียนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ 4.04 0.65 มาก จากการรว่ มกจิ กรรมไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ๖. โดยภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจตอ่ การเข้ารว่ ม 4.54 0.51 มากทีส่ ดุ กจิ กรรมในระดับใด เฉล่ยี รวม 4.33 0.53 มาก จากตาราง พบว่า นักเรยี นมคี วามพึงพอใจต่อโครงการส่งเสรมิ กิจกรรมทกั ษะทางวชิ าการ นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1-3 อยู่ในระดับมาก ( X = 4.33 , S.D. = 0.53)

บทท่ี 5 สรปุ ผลการดำเนินโครงการ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ จากการดำเนินงานโครงการสง่ เสรมิ กจิ กรรมทกั ษะทางวชิ าการนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1-3 กจิ กรรมค่ายภาษาองั กฤษ (English Camp) เป็นกจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพ่อื การสือ่ สารสำหรบั นักเรียน สรุปการประเมนิ ได้ดังน้ี ๕.๑ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ทักษะดา้ นภาษาองั กฤษ ระดับดีขนึ้ ไป คิดเปน็ ร้อยละ 81.02 ๕.๒ นักเรียนมีความพงึ พอใจตอ่ โครงการส่งเสริมกิจกรรมทักษะทางวิชาการนักเรยี น ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 อยู่ในระดับมาก

ความเหน็ ของรองผอู้ ำนวยการสถานศึกษา  ทราบ  ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ลงช่อื .................................................. (นางวฒั นระเบยี บ ชยั พฤกษทล) รองผอู้ ำนวยการฝ่ายวิชาการ ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา  ทราบ  ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ .......................................... (นางสมปอง มาตย์แทน่ ) ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบูรพาพทิ ยาคาร

ภาคผนวก

ประโยคสนทนาภาษาองั กฤษสำหรับนกั เรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ One Word – One Sentence จัดทำโดย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ วชิ า ภาษาองั กฤษ โรงเรยี นเทศบาลบูรพาพิทยาคาร

เทคนคิ การใช้ Tense ทัง้ 12 แบบ 1. Present Simple Tense (ปัจจุบัน) โครงสรา้ งประโยค ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ถ้าประธานเปน็ บรุ ุษท่ี 3 เอกพจน์ + กรยิ าช่องท่ี 1 เตมิ s หรอื es ตัวอย่างการใช้ I go… / You go… / He goes… / They go… She sings a song. แปลวา่ หล่อนร้องเพลง He plays football. แปลวา่ เขาเลน่ ฟุตบอล She is not here. หรือ She isn’t here. แปลวา่ หล่อนไม่อยู่ที่นี่ We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลวา่ พวกเราไม่ใชค่ นขับรถ สำหรบั ประโยคปฏเิ สธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น You do not like apple. หรอื You don’t like apple. She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat. Do you like it? Does he like it? หลกั การเติม s ท่คี ำกรยิ า เตมิ s หลังคำกริยานัน้ ๆ เชน่ He eats. She sings. A tiger runs. ถ้ากรยิ าลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เตมิ es เช่น

He teaches English. She goes away. She brushes her teeth. ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย y และหน้า y เป็นพยญั ชนะ ให้เปลี่ยน y เปน็ i แล้วเติม es เช่น He tries to study. She studies English. ** หมายเหตุ ถ้าหน้า y เปน็ สระ ไม่ต้องเปลีย่ น y เปน็ i ใหเ้ ติม s ไดเ้ ลย เชน่ play – plays = เล่น pay – pay = จ่าย destroy – destroys = ทำลาย หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังน้ี 1.1 แสดงลกั ษณะความจริงอยเู่ สมอ ไม่วา่ เหตกุ ารณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมนุ รอบดวงอาทติ ย์ The sun rises in the east and sets in the west. แปลวา่ ดวงอาทติ ยข์ ึ้นทางทศิ ตะวนั ออกและ ตกทางทิศตะวันตก The earth is round. แปลวา่ โลกกลม Water freezes at 0 C. แปลวา่ น้ำมจี ุดเยอื กแขง็ ที่ 0 องศาเซลเซียส 1.2 การกระทำทีเ่ กิดข้นึ เสมอๆ เกดิ ข้นึ จนเปน็ นสิ ยั มกั จะมี adverb of frequency ประกอบใน ประโยค เช่น every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นต้น ตวั อยา่ งการใช้มดี งั นี้

She gets up at six o’clock. แปลว่า หลอ่ นต่ืนนอน 6 โมงเช้า (ตนื่ เวลาน้ีจนเป็นนิสัย) He runs every morning. แปลวา่ เขาวงิ่ ทกุ ๆ เช้า John often drinks beer. แปลว่า จอห์นมกั จะดมื่ เบียร์ She never sits in front of the church. แปลวา่ หล่อนไมเ่ คยน่ังข้างหนา้ ของโบสถเ์ ลย 1.3 แสดงเหตกุ ารณห์ รอื กจิ กรรมตา่ งๆ ที่ร้ลู ่วงหน้าวา่ จะเกิดขนึ้ ในอนาคตอันใกล้น้ี เชน่ I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉนั จะไปเชียงใหมใ่ นตอนบ่าย He starts to study in five minutes. แปลว่า เขาจะเริ่มเรยี นภายใน 5 นาที The concert begins at 1.30. แปลวา่ คอนเสิรต์ เร่ิมเวลา 1.30 นาฬิกา 1.4 ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น New brooms sweep clean. แปลวา่ ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกวา่ Money makes friend. แปลว่า เงินทองอาจทำให้ทา่ นมีเพอ่ื นฝูงมาก Health is wealth. แปลวา่ ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ 2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังจะทำ) โครงสรา้ งประโยค I + am + กริยาชอ่ งที่ 1 เติม ing ประธานเอกพจน์ + is + กรยิ าช่องที่ 1 เติม ing ประธานพหูพจน์ + are + กรยิ าชอ่ งที่ 1 เติม ing

ตัวอยา่ งการใช้ She is running. Is he playing football now? I am not sleeping. They are walking. หลักการเตมิ ing คำกรยิ าท่ีลงท้านด้วย e ให้ตัด e ท้งิ เสียกอ่ นแลว้ เติม ing เช่น bite > biting come > coming arise > arising write > writing take > taking กริยาท่ลี งท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น free > freeing see > seeing flee > fleeing agree > agreeing กรยิ าท่ลี งท้ายด้วย ie ให้เปล่ียน ie เป็น y แลว้ เติม ing เช่น lie > lying die > dying tie > tying

กริยาพยางค์เดยี ว มีสระตวั เดียวและมตี ัวสะกดเป็นพยญั ชนะตัวเดียว ให้เพ่ิมตวั สะกดอกี 1 ตัวกอ่ น แล้วเตมิ ing เชน่ run > running sit > sitting hit > hitting get > getting dig > digging rob > robbing กรยิ าหลายพยางคล์ งท้ายดว้ ยพยญั ชนะ 1 ตวั หน้าพยญั ชนะ มีสระหนึง่ ตวั ให้เพ่ิมพยัญชนะเขา้ ไปอกี 1 ตัว แล้วเติม ing เชน่ forget > forgetting admit > admitting กริยามี 2 พยางค์ ซึง่ ออกเสียงหนกั ท่ีพยางคห์ ลังมสี ระตัวเดยี ว ตวั สะกดตวั เดียว ใหเ้ พมิ่ ตัวสะกดเขา้ มาอีกหน่ึงตวั ก่อน แล้วเติม ing เช่น offer > offerring refer > referring occur > occurring begin > beginning คำตอ่ ไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ trevel, quarrel เชน่ travel > traveling (แบบอเมริกนั ) travel > travelling (แบบองั กฤษ)

quarrel > quarreling (แบบอเมรกิ นั ) quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ) กริยาตวั อ่นื ๆ เติม ing ไดเ้ ลย เช่น hear > hearing burn > burning bend > bending read > reading หลักการใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดงั น้ี 2.1 แสดงการกระทำท่กี ำลังดำเนินอยใู่ นขณะพูด และคาดวา่ จะส้ินสดุ ลงในไมช่ า้ มกั มีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. ตวั อย่างการใช้ She is eating. Tom is running now. We are walking. 2.2 แสดงการกระทำเริม่ ก่อนพดู เปน็ เวลานาน ขณะท่พี ูดนเ้ี หตุการณ์อาจไมไ่ ด้ กำลงั เกดิ ขนึ้ จรงิ ๆ มักมีคำวา่ this week, this month etc. ตวั อยา่ งการใช้ I am working with my teacher this summer. แปลว่า ฉันกำลงั ทำงานกับครูของฉันในฤดูรอ้ นน้ี (ขณะท่ีพดู อาจทำ หรอื ไม่ทำอาการนีก้ ็ได้) Tom is working for an examination. แปลวา่ ทอม กำลงั ดูหนงั สือสำหรับการสอบในครงั้ นี้ (ขณะ พดู อาจจะไม่ไดด้ หู นังสือกไ็ ด)้ 2.3 ใชแ้ ทนอนาคตกำลงั จะมาถงึ ในไม่ชา้ หรอื อนาคตอนั ใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) ตัวอยา่ งการใช้

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลวา่ ฉนั จะถามเขาพรุ่งน้ี He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลวา่ เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์ 2.4 กริยาท่ีไม่นยิ มใชร้ ูป Present Continuous Tense มดี ังต่อไปนี้ กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 ดา้ น see = เห็น/notice = สังเกต smell = ดมกลน่ิ taste = ชิม hear = ได้ยนิ recognize = จำได้ กรยิ าทีแ่ สดงความรูส้ ึกทางอารมณ์ เชน่ love = รัก like = ชอบ dislike = ไม่ชอบ adore = รักยิ่ง บชู า forgive = อภยั wish = ปรารถนา ต้องการ care = เอาใจใส่ desire = ปรารถนา hate = เกลียด want = ตอ้ งการ refuse = ปฏเิ สธ

กรยิ าแสดงความคดิ เช่น think = คิด know = รู้ realize = ตระหนัก recollect = จำได้ suppose = คิด recall = นึกได้ expect = คาดหวัง suppose = คิด understand = เขา้ ใจ mean = ต้ังใจ, หมายความ believe = เชอื่ forget = ลืม trust = เชือ่ remember = จำได้ กริยาอนื่ ๆ เชน่ seem = ดรู าวกบั ว่า hold = บรรจุ belong = เป็นของ own = เปน็ เจ้าของ contain = บรรจุ possess = เป็นเจ้าของ consist = ประกอบดว้ ย

3. Present Perfect Tense (ปัจจบุ ันสมบูรณ)์ โครงสรา้ งประโยค ประธาน + has,have + Past Participle ตัวอยา่ งการใช้ We have eaten American foods. She has not(hasn’t) eaten Thai foods. Has he smoked cigarettes? หลักการใช้ Present Perfect Tense สรปุ ได้ดังน้ี 3.1 แสดงถึงการกระทำทเี่ กิดขึน้ ในอดตี แลว้ เหตุการณ์ยงั คงดำเนินต่อมาจนถงึ ปจั จุบัน (ตอนพูด) และมีแนวโน้มวา่ จะดำเนนิ ต่อไปในอนาคต มักจะมีคำวา่ since, for ตัวอยา่ งการใช้ Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลวา่ ดร.เฮเลน อยทู่ ่ีกรุงเทพต้งั แต่ ค.ศ.1958 I have studied in America for four years. แปลวา่ ฉันเคยเรียนทอี่ เมรกิ ามาเป็นเวลา 4 ปี 3.2 แสดงการกระทำซ่งึ เกดิ ข้ึนในอดตี และพึ่งเสรจ็ สมบูรณไ์ ปไมน่ าน มกั มี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบดว้ ย ตวั อย่างการใช้ I have just passed my friend’s house. แปลวา่ ฉันพ่งึ ผ่านบา้ นเพ่อื นของฉันมา They have already finished housework. แปลว่า พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว 3.3 แสดงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึน้ ในอดตี แตผ่ ลของการกระทำนนั้ ยงั คงมาถึงปจั จบุ ันขณะทพี่ ดู ตัวอย่าง การใช้

I have read this book before. แปลวา่ ฉนั เคยอ่านหนงั สือเลม่ น้ีแลว้ He has opened the door. แปลวา่ เขาไดเ้ ปิดประตแู ล้ว (ผลของการกระทำยังอยูค่ อื ประตูเปดิ ) 3.4 เหตกุ ารณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กนั หลายหนแล้วในอดตี อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่ร้วู า่ เกิดขึน้ เมือ่ ใด ไม่สามารถบอกเวลาการเกิดขึ้นได้ มกั มี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคดว้ ย ตัวอยา่ งการใช้ I have been to America many times. แปลว่า ฉนั ไดไ้ ปอเมริกาหลายครั้งแล้ว She has read this book three times. แปลว่า หล่อนเคยอา่ นหนังสอื เล่มน้ี 3 คร้ังแลว้ He has eaten Thai food several times. แปลว่า เขาเคยกินอาหารไทยหลายคร้งั แลว้ 4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบนั สมบูรณก์ ำลังกระทำ) โครงสร้างประโยค ประธาน + has, have + been + กริยาเตมิ ing ตัวอย่างการใช้ I have been thinking. แปลว่า ฉันกำลงั คดิ They have been talking. แปลวา่ พวกเขากำลงั พูดกนั She has been living here for 2 weeks. แปลว่า หลอ่ นอาศัยอยทู่ ี่นี่มา 2 สัปดาหแ์ ลว้ He has been studying hard all year. แปลว่า เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรปุ ได้ดงั น้ี

4.1 ใชแ้ สดงการกระทำท่ีเกิดข้นึ ในอดีต และดำเนนิ มาโดยไม่ขาดตอน เช่น John has been living in America since 1984. แปลวา่ จอหน์ ได้มาอยู่อเมริกาต้งั แตป่ ี 1984 ** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense น้ี ใชเ้ หมอื น Present Perfect ตา่ งกัน ตรงทีว่ า่ Present Perfect Continuous Tense ใช้เพ่อื ต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำ ตดิ ตอ่ กันมาตลอด และกริยา ท่ีใช้มักเปน็ กรยิ าท่มี ีลักษณะตอ่ เนอ่ื งได้ ปจั จุบนั ไม่ใคร่นยิ มใชม้ ากนัก 5. Past Simple Tense (อดีตธรรมดา) โครงสร้างประโยค ประธาน + กริยาชอ่ ง 2 ตวั อย่างการใชง้ าน She went home. แปลวา่ เธอกลับบา้ น I came here last night. แปลวา่ ฉันมาทน่ี เ่ี มื่อคนื หลกั การใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดังนี้ 5.1 ใช้กับเหตุการณท์ ีเ่ กดิ ข้ึนในอดตี และจบส้ินลงไปแล้วในอดตี เชน่ กนั มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc. ตวั อยา่ งการใช้ I got sick yesterday. แปลว่า ฉนั ป่วยเมอ่ื วานนี้ I lived in Phuket 3 years ago. แปลว่า ฉนั อยทู่ ภี่ เู กต็ เมื่อ 3 ปที ีแ่ ล้ว She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวทิ ยาลัยเมื่อสปั ดาหท์ ี่แลว้ 5.2 แสดงเหตกุ ารณ์ที่เปน็ นิสัย ท่ที ำประจำในอดีต (ปัจจุบันไมไ่ ดก้ ระทำแลว้ ) มกั มี adverb ความถอี่ ยู่ด้วย เช่น always, every, frequently etc. ตวั อยา่ งการใช้

Chris walked every morning. แปลวา่ คริสเดินทกุ ๆ เชา้ (เปน็ นสิ ัยในอดตี ปจั จบุ นั ไม่ไดก้ ระทำ แลว้ ) He always woke up late last year. แปลว่า เขาตน่ื นอนสายเสมอๆเม่ือปที แี่ ลว้ When I was young. I listened to the radio every night. แปลว่า เมอ่ื ฉนั เปน็ เด็ก ฉันฟังวทิ ยทุ ุก คืน 5.3 แสดงถึงการกระทำทง้ั สองอยา่ งทเี่ กดิ ในเวลาเดยี วกนั มกั มีคำว่า as, while อยู่ด้วย ตวั อยา่ ง การใช้ While she sang, I danced. แปลว่า ขณะท่ีหลอ่ งร้องเพลง ฉนั เต้นรำ As she cooked, her son played football. แปลวา่ ขณะทหี่ ลอ่ นทำอาหาร ลกู ชายของเธอก็เล่น ฟุตบอล 6. Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำ) โครงสร้างประโยค ประธาน + was, were + กรยิ าเตมิ ing ตัวอยา่ งการใช้ I was drinking a glass of water. แปลว่า ฉนั กำลังดื่มนำ้ 1 แกว้ They were playing football in the field. แปลว่า เขากำลงั เล่นฟตุ บอลอยู่ในสนาม หลกั การใช้ Past Continuous Tense สรปุ ไดด้ งั น้ี 6.1 ใช้เมอ่ื เกิดเหตุการณ์ 2 อยา่ ง เกิดข้นึ ในอดตี เหตุการณอ์ ยา่ งหน่ึงเกดิ ขน้ึ และดำเนนิ อยูก่ ่อน แลว้ เราจะใช้ Past Continuous และมีเหตกุ ารณท์ ี่ 2 เกดิ ขึน้ จะใช้ Past Simple ตวั อย่างการใช้

While I was cooking, the telephone rang. แปลว่า ขณะฉันทำอาหารโทรศพั ท์ก็ดงั ข้ึน We are walking along the street, it began to rain. แปลว่า พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็ เร่ิมตก 6.2 เหตุการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ ตอ่ เน่ืองในอดตี ตัวอย่างการใช้ He was sleeping in the class. แปลว่า ฉนั กำลงั หลับในห้องเรยี น He was running in the morning แปลวา่ เขากำลังวิ่งในตอนเชา้ 6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขนึ้ พรอ้ มๆ กนั ในเวลาเดยี วกนั มกั มคี ำว่า while ใน ประโยค ตัวอย่างการใช้ While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะทฉ่ี ันดทู วี ี น้องชาย ของฉนั อา่ นหนงั สือ She was sleeping while he was talking with his friends. แปลว่า หลอ่ นกำลงั นอนหลบั ขณะทเ่ี ขากำลังพดู คยุ กับเพ่อื นของหลอ่ น 7. Past Perfect Tense (อดตี สมบูรณ์) โครกงรสะร้าทงำป)ระโยค ประธาน + had + Past Participle (กริยาชอ่ ง 3) ตวั อย่างการใช้ She had slept. แปลวา่ หลอ่ นไดน้ อนหลบั แลว้ He had not worked. แปลวา่ เขาไม่ได้ทำงาน I had eaten foods before you came. แปลวา่ ฉันไดร้ บั ประทานอาหารก่อนทค่ี ณุ จะมา

หลกั การใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดังน้ี 7.1 แสดงเหตกุ ารณ์ 2 อย่าง ที่เกิดข้นึ ไมพ่ รอ้ มกนั ในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขน้ึ กอ่ น เราจะใช้ Past Perfect Tense อกี เหตุการณ์หนึ่งเกิดทหี ลงั เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้ When I had finished my housework, I played T.V games. แปลว่า เม่อื ฉันทำงานบา้ นเสร็จฉัน ก็เลน่ TV เกม (ทำงานบ้านเสรจ็ ก่อนแล้วจึงเล่น) 7.2 ใชเ้ ปล่ียน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เปน็ Indirect Speech ตัวอยา่ งการใช้ Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หลอ่ นพดู วา่ “ฉนั เคยอยู่ อเมริการมา 2 ปีแล้ว” Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลวา่ หล่อนพูด วา่ หล่อนเคยอยู่อเมรกิ ามา 2 ปแี ลว้ Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลว่า เขาพดู วา่ ”ฉันเคย ทำงานในกรุงเทพหลายป”ี Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลวา่ เขาพูดว่า เขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี 8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบูรณ์กำลงั กระทำ) โคกรงรสะรทา้ งำป)ระโยค ประธาน + had been + กรยิ าเตมิ ing + กรรมหรือสว่ นขยาย

ตวั อย่างการใช้ I had been sleeping. แปลวา่ ฉันกำลังนอนหลับ She had been waiting for two hours. แปลวา่ หลอ่ นคอย 2 ช.ม. แล้ว He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลว่า เขาไม่ได้กำลงั เดินกอ่ นคุณมา หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense สรปุ ได้ดงั น้ี 8.1 ใช้คล้ายๆ กบั Past Perfect เราใชก้ ต็ ่อเม่อื เกิดมีเหตกุ ารณ์ 2 อยา่ ง เกิดขนึ้ ในอดีต เพอื่ เน้น ว่าเหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นอย่างไมข่ าดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วเกดิ เหตุการณ์ หนึ่งขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้ She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หลอ่ นอยู่อเมรกิ าร ก่อนท่ยี ้านมาอยู่ท่ีกรงุ เทพ I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉนั คอยเปน็ เวลา 2 ชัว่ โมงกอ่ นทีเ่ ขา มาถงึ She had been reading for several hours when I saw her. แปลวา่ หล่อนกำลังอ่านหนังสอื หลายช่ัวโมง เมือ่ ฉนั เหน็ หลอ่ น 9. Future Simple Tense (อนาคต) โกครงะสทรำ้าง)ประโยค ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเติม ing

ตวั อย่างการใช้ I will go to see you tomorrow. แปลวา่ ฉนั จะไปพบคณุ พรงุ่ น้ี I shall go. แปลว่า ฉนั จะไป Mary will run. แปลว่า แมรจี่ ะวิง่ หลักการใช้ Future Simple Tense สรปุ ได้ดังน้ี 9.1 ใช้แสดงเหตกุ ารณห์ รือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เชน่ to night, tomorrow, next week, next month etc. ตัวอย่างการใช้ I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดหู นังพรุ่งน้ี She is going to see the doctor next week. แปลวา่ หลอ่ นจะไปหาหมอสปั ดาหห์ น้า The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลวา่ เครื่องบินจะมาถึงทา่ อากาศ ยานในอีก 2-3 นาที การใช้ be going to แทน will, shall ใช้ be going to + กรยิ าชอ่ ง 1 เพือ่ แสดงถงึ ความต้ังใจทไ่ี ดค้ ดิ ไว้ลว่ งหน้าแล้วหรือเชอ่ื ว่าเป็นจริง โดย ไม่สงสัย ตวั อยา่ งการใช้ I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลว่า ฉนั กำลังเรียนหนงั สอื อย่างหนกั ฉนั พยายามเพ่ือสอบชงิ ทุนการศึกษา She is going to write to her parents. แปลวา่ หล่อนต้งั ใจวา่ จะเขยี นจดหมายถงึ พอ่ แม่ของเธอ She has bought flour : She is going to make cake. แปลว่า หลอ่ นซอ้ื แป้งมาและจะทำเค้ก ใช้ be going to + กรยิ าชอ่ ง 1 เพือ่ แสดงการคาดคะเน ตวั อย่างการใช้ I think it is going to rain. แปลว่า ฉนั คดิ วา่ ฝนจะตก (อย่างแนน่ อน)

10. Future Continuous Tense (อนาคตกำลังกระทำ) โ)ครงสร้างประโยค ปกรระะธทานำ)+ will, shall(I,We) + be + กริยาเตมิ ing + กรรมหรือส่วนขยาย ตวั อย่างการใช้ I shall be running. แปลว่า ฉันกำลังว่ิง I will be working tomorrow. แปลวา่ ฉนั กำลงั จะทำงานพร่งุ น้ี We shall be drinking. แปลวา่ เรากำลังจะด่ืม หลกั การใช้ Future Continuous Tense สรุปไดด้ งั นี้ 10.1 แสดงเหตุการห์ รอื การกระทำท่ีจะเกดิ ขึน้ ในอนาคต ซง่ึ เหตุการณ์นั้นกำลังดำเนนิ อยู่ ตวั อย่าง การใช้ -At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลวา่ เวลา 10 โมงเช้า พรุ่งน้ี ฉันจะกำลงั รอเพ่ือน -I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลวา่ ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็น พรงุ่ นี้ -He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากำลงั หลบั ตอน 4 โมงเชา้ พรงุ่ นี้ 10.2 ใชก้ ับเหตกุ ารณ์ 2 อยา่ งท่ีเกดิ ขึน้ เหตกุ ารณ์ท่เี กดิ กอ่ นใช้ Future Continuous Tense สว่ น เหตุการณห์ ลังใช้ Present Simple Tense ตัวอย่างการใช้ -They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกำลังเลน่ ฟุตบอลอยู่ เม่อื คุณมาถึงบ้านของเขา (เลน่ ก่อนท่คี ุณจะถึงบ้าน)

-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมื่อเขาโทรมาหาคณ หลอ่ น กำลงั จะไปตลาด 11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์) โค)รงสรา้ งประโยค ปกระรธะาทนำ+)will, shall + have + กรยิ าชอ่ ง 3 ตัวอย่างการใช้ I shall have eaten. แปลว่า ฉันจะกินอยู่แล้ว Sri will have gone. แปลว่า ศรีจะไปอยูแ่ ล้ว He will have finished his work. แปลว่า เขาจะเสรจ็ งานของเขาอยแู่ ล้ว หลักการใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดงั น้ี 11.1 ใชเ้ มือ่ คดิ ว่า เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณห์ รือการกระทำจะสิ้นสดุ ลง มกั มคี ำเหลา่ นี้ เชน่ by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตวั อยา่ งการใช้ I will have slept in three hours. แปลวา่ ฉันจะนอนเสร็จภายใน 3 ชว่ั โมง They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทำถนนใหมเ่ สรจ็ ใน สัปดาห์หน้า 11.2 ใชก้ บั เหตุการณ์ 2 เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ไม่พร้อมกัน คาดว่าเม่อื ถงึ เวลานน้ั เหตุการณห์ นงึ จะ เสรจ็ สมบูรณ์

เราจะใช้ Future Perfect Tense กบั เหตกุ ารณน์ แ้ี ละจะเกิดเหตกุ ารณ์ท่ี 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กับประโยคน้ี ตวั อยา่ งการใช้ By the time you arrive, I will have finished homework. แปลวา่ เมอ่ื เวลาที่คณุ มาฉันก็ทำ การบ้านเสร็จพอดี She will have eaten foods before you came. แปลว่า หล่อนรบั ประทานอาหารเสรจ็ กอ่ นท่ีคณุ จะมา The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายกอ่ นที่ 12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบูรณ์กำลังกระทำ) พ)วกเราจะมาถงึ โรงภาพยนตร์ โกครระงสทรำ้า)งประโยค ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กรยิ าเติม ing + กรรมหรือสว่ นขยาย ตัวอยา่ งการใช้ I shall have been working. แปลวา่ เราคงจะทำงาน (ติดตอ่ กนั ) He will have been running. แปลว่า เขาคงจะวิง่ (ตดิ ต่อกัน) หลกั การใช้ Future Perfect Continuous Tense สรปุ ไดด้ งั นี้ 12.1 สำหรับ Tense น้ี เน้นให้เห็นถงึ การต่อเนอื่ งของการกระทำว่าถึงเวลานัน้ ในอนาคต การ กระทำนน้ั ยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนนิ ตอ่ ไปอกี (ยงั ไมห่ ยดุ ) ตวั อย่างการใช้ -By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลวา่ ถึงเวลา 10 นาฬิกา ฉนั ได้ ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พกั -When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลวา่ เม่อื คณุ มาถงึ หล่อนคงจะ ได้รอคณุ (โดยไม่หยดุ รอ) เป็นเวลา 3 ชว่ั โมง

100 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1. ประโยคภาษาอังกฤษ - ทั่วไปในชวี ิตประจาวนั ใชบ้ อ่ ย พารท์ แรกทตี่ ้องรู้ คือ บรรดาประโยคภาษาอังกฤษติดปาก ที่ใครๆ ก็พดู กันในชีวติ ประจาวนั ประโยคสั้นๆ งา่ ยๆ แตไ่ ดใ้ จความ ประโยคภาษาองั กฤษ คาแปล You’re welcome. ดว้ ยความยนิ ดี Can you take a picture of me? ชว่ ยถ่ายรปู ใหฉ้ นั หน่อยไดไ้ หม Thanks for everything. ขอบคุณสาหรับทุกส่งิ นะ Thanks for everything. ฉนั กว็ ่าอย่างน้ันแหละ รอสกั คร่นู ะ I think so. มบี างอย่างผิดปกติ Just a moment. แลว้ ยังไงตอ่ ล่ะ Something is wrong. เทย่ี วใหส้ นุกนะ So what next then?

Have a good trip. ไม่ยุตธิ รรมเลย That’s not fair ชา่ งมนั เถอะ 2. ประโยคภาษาอังกฤษ - ทักทาย ถาม-ตอบ การเดนิ ทางพาเราให้ไปพบเจอกบั ผคู้ นใหม่ๆ เร่มิ ตน้ ความสัมพนั ธด์ ้วยประโยคภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน สาหรบั การ พูดคยุ ทักทาย อยากร้วู ่าเขาชอ่ื อะไร มาจากไหน ก็เดนิ เข้าไป make friends ไดเ้ ลย! ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล Hello, my name is…….. สวัสดี ฉันชือ่ ……. Nice to meet you. ยนิ ดที ่ไี ดร้ จู้ กั How are you? / How is it going? คุณสบายดไี หม/คุณเปน็ ยงั ไงบา้ ง? I’m fine. ฉนั สบายดี Where are you from? คุณมาจากประเทศอะไร I’m from Thailand. ฉันมาจากประเทศไทย How old are you? คณุ อายเุ ท่าไหร่ I’m 25 years old. ฉันอายุ 25 ปี What’s your job? คณุ ทางานอะไร What’s your nationality? คุณสัญชาติอะไร How long have you been here? คุณอยู่ทนี่ ี่มานานเทา่ ไหร่แลว้ Do you have a mobile phone? คุณมีโทรศัพท์มือถือไหม

Yes, I do. ใชฉ่ ันมี So we’ve met again, eh? เราจะได้พบกนั อีกใช่ไหม When is your birthday? คุณเกิดวนั ที่เทา่ ไหร่ 3. ประโยคภาษาอังกฤษ - สาหรับการเดนิ ทาง ท่องเท่ยี ว เมอื่ Google Map ไม่ไดแ้ ม่นยาทกุ ประเทศที่เดินไป… ดงั นั้นเราควรมปี ระโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานเหลา่ น้ี ทว่ี า่ ด้วยเรอื่ งการถามทาง-บอกทาง และการขอความชว่ ยเหลือ ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล Please take me to this address. ชว่ ยพาฉันไปตามท่ีอยูน่ ้ีหน่อย โปรดระมดั ระวังขณะขบั รถ Be careful driving. I need to go home. ฉันอยากกลับบา้ น Walk for about 10 minutes. เดินไปประมาณ 10 นาที

Do you know where…...is? คุณรู้ไหมว่า…….อยู่ที่ไหน It’s very far from here. มันอยูไ่ กลจากทนี่ มี่ าก Cross the road. ข้ามถนน At the end of the road. สดุ ถนน You have to go that way. คณุ เดนิ ไปทางนั้นได้เลย You’re going the wrong way. คุณกาลังเดนิ ไปผิดทางแลว้ Get in this car. ขน้ึ รถเลย I’ll take you to the bus stop. ฉันจะพาคณุ ไปท่ปี ้ายรถเมล์ Follow me. ตามฉันมา Excuse me, sorry to bother you but could you ขอโทษทรี่ บกวน ช่วยอะไร help me, please? หนอ่ ยได้ไหม How could I get there? ฉันจะไปที่นั่นได้อย่างไร What’s this neighborhood called? ยา่ นน้เี รยี กวา่ อะไร Where can I find a bus/taxi/train? ฉนั จะข้ึนรถบัส/รถแทกซ/่ี รถไฟ ได้ท่ีไหน I’m lost. ฉันหลงทาง Where is the Thai embassy and consulate? สถานทูตและสถานกลศลุ ไทย อยทู่ ไ่ี หน Where can I change my money? ฉนั จะแลกเงินได้ทีไ่ หน Someone stole my money. มคี นขโมยเงินฉนั ไป

4. ประโยคภาษาอังกฤษในรา้ นอาหาร เพราะเรื่องกนิ เป็นเร่อื งใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ที่มมุ ไหนของโลกก็ต้องได้กิน! ประโยคภาษาองั กฤษงา่ ยๆ ท่รี ู้ไวไ้ ม่อดตาย แน่นอน ฟันธง! ประโยคภาษาองั กฤษ คาแปล Can I see the menu? ขอดูเมนูหน่อย What’s today’s special? วันนีม้ ีเมนพู ิเศษอะไรบา้ ง Do you have any recommended dishes? วันน้ีมีเมนพู เิ ศษอะไรบ้าง Can I have some water, please? ขอด่มื น้าหน่อยไดไ้ หม Excuse me, is this table taken? ขอโทษนะ โต๊ะนี้มีคนจองหรือยัง A table for two. โต๊ะสาหรับ 2 ที่ Is the service included? รวมค่าบรกิ ารไวแ้ ล้วหรอื เปล่า

Do you take credit cards? คณุ รบั บัตรเครดิตไหม I’d like to order take away. ฉนั ตอ้ งการซ้ือกลับบา้ น I don’t want it spicy. ฉันไม่ต้องการเผด็ I would like to order…….. ฉันตอ้ งการส่งั ……(ชอ่ื เมนู)..... Check, please. / Can I have the bill, please? คดิ เงินดว้ ย I like it rare, please. ฉนั ชอบเนื้อดิบๆ Well done, please. Medium, please. ขอสกุ มากๆ ขอสุกแบบปานกลาง 5. ประโยคภาษาอังกฤษ บอกรกั บอกความรสู้ กึ วา่ กันว่า ความสมั พนั ธ์จะยืนยาว ตอ้ งบอกความร้สู กึ ของเราให้อีกฝา่ ยไดเ้ ข้าใจ ไมว่ ่าจะรู้สึกหงดุ หงดิ ร้สู ึกผดิ ไม่ สบายใจ หรือรักมากแคไ่ หน กส็ ามารถแสดงออกและบอกไดด้ ้วยประโยคภาษาองั กฤษเหล่าน้ี ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล Are you all alright? คุณโอเครเึ ปลา่ I’m a little bit upset. ฉันหงุดหงิดนดิ หน่อย Everything is great. ทกุ อย่างโอเค What’s wrong with you? คุณเป็นอะไร It’s none of your business. ไมใ่ ช่เรอ่ื งของคุณ Your smile melts my heart. รอยยม้ิ ของคุณทาใหใ้ จฉนั ละลาย

I adore you. รักนะพอ่ ทูลหวั /แมท่ ูลหัว I’ve had a crush on you for a long time. ฉนั แอบชอบคุณมานานแลว้ I’m terribly sorry. ฉนั ขอโทษอย่างสุดซง้ึ How sad for you it happened. ฉันรู้สึกเสียใจกับส่งิ ที่เกิดขึ้น 6. ประโยคภาษาอังกฤษซื้อ-ขาย ขาช้อปท่องไวใ้ ห้แม่น อย่าได้พลาดกับประโยคภาษาองั กฤษพืน้ ฐานสาหรบั การซอื้ -ขาย ถกู ใจชน้ิ ไหน อยากลอง สวมใส่ หรอื จะตอ่ ราคา สอบถามราคากส็ ามารถทาได้ ดว้ ยประโยคเหล่านเ้ี ลย ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล What are you looking for? คณุ กาลังมองหาอะไร ฉันกาลังมองหา…. I’m looking for….. I’m just looking. ขอดูกอ่ น Can I try it on? ลองได้ไหม I’ll take this one. เอาอันน้ลี ่ะ This is the last piece! น่ชี น้ิ สดุ ท้ายแลว้ Today is the last day of the promotion. โปรโมช่ันวนั นี้วนั สุดทา้ ย That seems expensive. ดูจะแพงไปหน่อย How much is it? ราคาเท่าไหร่ Can you give me a discount? ลดราคาหนอ่ ยไดไ้ หม

7. ประโยคภาษาอังกฤษใช้ในสนามบนิ /ข้ึนเครื่องบนิ เพ่ือการเดินทางทรี่ าบรื่น ไร้กังวล เตรียมตวั ให้พรอ้ มด้วยบทสนทนาภาษาองั กฤษที่คาดว่า ไปถึงสนามบิน ข้นึ เครอ่ื งเมือ่ ไหร่ ได้ใช้แนน่ อนเลยจา้ พจี่ ๋า ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล Where is the check-in counter for ……. จุดเชค็ อินสาหรับสายการบนิ …..อยู่ที่ Airway? ไหน Where is my boarding gate? ฉนั ตอ้ งไปขึน้ เคร่ืองท่ปี ระตูไหน Where can I get a trolley? ฉนั จะหารถเข็นของไดท้ ่ไี หน I have missed my flight. ฉันตกเคร่ือง Do you have something for airsickness? คุณมีอะไรชว่ ยแก้อาการเมาเครือ่ งบิน ไหม Your flight is delayed. เครือ่ งบนิ ของคณุ จะออกล่าชา้ Can I have a window seat? ขอทีน่ ่ังรมิ หน้าต่างได้ไหม Fasten your seatbelts รดั เข็มขัดเกา้ อี้ท่นี ่ังของทา่ นด้วย Have a pleasant flight! เดนิ ทางปลอดภัยนะ

We made a very smooth landing. เครือ่ งลงได้นิ่มมาก 8. ประโยคภาษาอังกฤษใช้บ่อยในโรงแรม ทพี่ ัก เม่อื มีการเดนิ ทาง ก็ต้องมีทีพ่ ัก! ไมว่ า่ ทรปิ น้ีคุณจะจองห้องพักมาแลว้ หรอื มาจองท่ีพกั กันหน้างาน พรอ้ มด้วยวธิ ี สอบถามบริการเพ่ิมเติม ประโยคภาษาอังกฤษเหลา่ นม้ี ีประโยชน์แน่ ประโยคภาษาอังกฤษ คาแปล Do you have any vacancies? คุณมีห้องว่างไหม Do you have any single/double bedrooms มีห้องเดีย่ ว/คู่ว่างไหม available? I made a reservation through your website. ฉันจองห้องพักผา่ นเว็บไซต์มาแล้ว What in-room facilities do you have? ในหอ้ งมีสง่ิ อานวยความสะดวก อะไรบ้าง Can I leave my luggage with you here? ฉันฝากกระเป๋าไว้ทน่ี ไี่ ด้ไหม

I’d like to check out, please? ฉันต้องการเช็กเอาต์ What’s the price per night? ราคาห้องคนื ละเทา่ ไหร่ Is breakfast included? ราคาน้ีรวมอาหารเชา้ ดว้ ยไหม Please wake me up at 6 a.m. รบกวนปลกุ ฉันตอน 6 โมงเชา้ What time’s breakfast? อาหารเชา้ เร่มิ กี่โมง How long will you be staying? คณุ จะอยูน่ านเท่าไหร่ Is there an airport shuttle bus? มีรถชตั เตอรบ์ สั รบั -สง่ สนามบินไหม I would like to change my room. ฉนั ต้องการเปลยี่ นหอ้ ง The room is too noisy. หอ้ งเสยี งดงั เกนิ ไป We need a housekeeping service, please. เราต้องการแม่บา้ นทาความสะอาด หอ้ ง

ประโยคทัว่ ไป Thanks for everything. ขอบคณุ สำหรบั ทุกสิ่ง That’s not fair. นนั่ มนั ไม่ยุตธิ รรม Can you translate this for me? แปลอนั นี้ให้ฉันหนอ่ ยไดไ้ หม? Try your best! พยายามใหถ้ ึงท่ีสดุ ! Almost done. เกอื บเสรจ็ แลว้ Everything is ready. ทุกอย่างพร้อมแล้ว Forget about it. ช่างมนั เถอะ Just kidding. ลอ้ เลน่ นะ่ Always the same. เหมือนเดิมตลอด How cute! ช่างนา่ รกั อะไรอย่างน!้ี Have a good trip. เทยี่ วให้สนุกนะ How do you say it in English? คำนอ้ี อกเสยี งอย่างไรในภาษาองั กฤษ I think so. ฉนั คดิ วา่ อยา่ งนัน้ Just a moment. รอสักครู่ He’s very annoying. เขานา่ รำคาญมาก Leave me alone. ปลอ่ ยให้ฉนั อยูค่ นเดียว Something is wrong. มบี างอย่างผดิ ปกติ So what next then? งน้ั เอายังไงต่อล่ะ? Understand me? เข้าใจฉนั ไหม? Visit me often. มาหาฉันบ่อยๆ น

การเดนิ ทาง Everyone, let’s go ทุกคนไปกันเถอะ Please take me to this address. ชว่ ยพาฉนั ไปตามที่อยูน่ ้หี นอ่ ย Behind the bank. ดา้ นหลังธนาคาร Across from the bank. อยู่ตรงข้ามกบั ธนาคาร Be careful driving. โปรดระมัดระวงั ขณะขับรถ I need to go home. ฉนั อยากกลับบา้ น Walk for about 10 minutes. เดนิ ไปประมาณ 10 นาที Do you know where the toilet is? คณุ รู้ไหมวา่ ห้องน้ำอยูไ่ หน? It’s very far from here. มนั อยู่ไกลจากท่ีนี่มาก It’s on the other side of the park. อยูอ่ กี ด้านหน่งึ ของสวน Cross the road. ข้ามถนน You have to go that way. คุณเดินไปทางน้นั ไดเ้ ลย At the end of the road. สุดถนน Turn left at the next corner. เล้ียวซา้ ยทห่ี ัวมมุ ขา้ งหนา้ You’re going to the wrong way. คณุ กำลงั ไปผิดทางแล้ว Go over the bridge. เดินข้ามสะพานไป How can I get to the Grand Place? ฉนั จะเดินทางไปพระราชวงั ได้อย่างไร? Get in the car. ข้ึนรถเลย Don’t forget to fasten the seat belt. อย่าลมื คาดเข็มขดั นิรภัยด้วย I’ll take you to the bus stop. ฉนั จะพาคุณไปทป่ี ้ายรถเมล์

ซอ้ื ของ/ถามราคา I’ll pay. ฉนั จะจา่ ยเอง What do you want to eat? คุณอยากกินอะไร? What are you looking for? คุณกำลังมองหาอะไร? I’m looking for shoes. ฉนั กำลังมองหารองเท้าอยู่ I’m just looking. ขอดกู ่อน Can I try it on? ขอลองได้ไหม? It’s just right. พอดแี ลว้ I’ll take this one. เอาตัวน้ีละ่ I like it very much. ฉนั ชอบมันมาก I’ll take it. จะเอาอันน้ี This is the last piece! นชี่ ้ินสุดทา้ ยแล้วนะ Today is the last day of promotion. โปรโมชนั วนั นว้ี ันสุดทา้ ย That seems expensive. ดูท่าจะแพงไปหนอ่ ย Do you have a less expensive one? คณุ มแี บบอน่ื ที่ถูกกว่านี้ไหม? What size do you wear? คุณใสไ่ ซส์อะไร? How much is it? ราคาเท่าไหร่? Can you give me a discount? ลดราคาหนอ่ ยได้ไหม? This is a special price for you. อันน้เี ปน็ ราคาพเิ ศษแลว้ Do you deliver? มบี ริการส่งของไหม? Does it have a warranty? มปี ระกนั หรือเปลา่ ?

การเดนิ ทาง Everyone, let’s go ทุกคนไปกนั เถอะ Please take me to this address. ช่วยพาฉันไปตามทอ่ี ยนู่ ้ีหน่อย Behind the bank. ด้านหลังธนาคาร Across from the bank. อยูต่ รงข้ามกบั ธนาคาร Be careful driving. โปรดระมัดระวงั ขณะขบั รถ I need to go home. ฉนั อยากกลบั บ้าน Walk for about 10 minutes. เดินไปประมาณ 10 นาที Do you know where the toilet is? คุณรู้ไหมว่าหอ้ งนำ้ อยูไ่ หน? It’s very far from here. มนั อยไู่ กลจากทีน่ ี่มาก It’s on the other side of the park. อยอู่ ีกด้านหนงึ่ ของสวน Cross the road. ข้ามถนน You have to go that way. คณุ เดนิ ไปทางนัน้ ไดเ้ ลย At the end of the road. สุดถนน Turn left at the next corner. เล้ียวซ้ายที่หัวมมุ ขา้ งหนา้ You’re going to the wrong way. คณุ กำลังไปผิดทางแลว้ Go over the bridge. เดินขา้ มสะพานไป How can I get to the Grand Place? ฉันจะเดนิ ทางไปพระราชวงั ไดอ้ ยา่ งไร? Get in the car. ข้ึนรถเลย

ประโยคภาษาองั กฤษทใ่ี ช้เป็ นประจาในชีวติ ประจาวนั (ระดบั ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1-3) Hello, my name is ‘….’. สวัสดฉี ันชื่อ…. Nice to meet you. ยนิ ดที ่ไี ด้รู้จัก How are you? คุณสบายดไี หม? Fine thanks, and you? ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะ? I’m okay, thank you. ฉันสบายดี ขอบคณุ Where are you from? คณุ มาจากไหน? I’m from Thailand. ฉันมาจากประเทศไทย What’s your job? คุณทางานอะไร? How old are you? คณุ อายเุ ท่าไหร่? I’m twenty-five years old. ฉันอายุ 25 ปี When is your birthday? คณุ เกดิ วนั ไหน? Fourth of July. วันที่ 4 กรกฎาคม Do you have a mobile phone? คณุ มโี ทรศัพท์มือถือใช่ไหม? Yes, I do. ใช่ ฉันมี How long have you been here for? คณุ อย่ทู ีน่ ่ีนานแค่ไหนแล้ว What’s your nationality? คณุ ถือสัญชาติอะไร? How tall are you? คณุ สูงเท่าไหร่? What is your weight? คุณน้าหนักเท่าไหร่? Everybody can be my friend. ทกุ คนสามารถเป็ นเพื่อนกบั ฉันได้ So we’ve met again,eh? เราจะได้พบกนั อกี ใช่ไหม? What have you been doing? ช่วงนคี้ ณุ ทาอะไรบ้าง? Who is your favourite singer? คุณชอบนกั ร้องคนไหน?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook