ถึงแม้จะไม่คิดเร่ืองการเป็นครูที่ดี แต่ด้วยนิสัยการเรียนรู้ของตนเอง ศาสตราจารย์ระวีได้น�ำมาใช้กับนิสิตโดยอัตโนมัติ ท�ำให้ผู้เรียนได้เรียนด้วยวิธี ค้นคว้า ทดลอง ปฏิบัติท้ังในห้องเรียน และนอกห้องเรียน เม่ือมีกิจกรรมใด เกี่ยวกับฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และกิจกรรมอื่น ๆ ก็น�ำนิสิตออกไปท�ำกิจกรรมด้วย เป็นการทบทวน ได้ใช้ความรู้ท่ีเรียนมาและสร้างเสริมประสบการณ์จริงไปในตัว ท�ำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุกสนาน น่าจดจ�ำ แต่บางครั้งก็สร้างความต่ืนเต้นหวาดเสียว ย่ิงนัก ดังกรณีท่ีศาสตราจารย์ระวีเป็นประธานกรรมการตัดสินการประกวดโครงงาน วิทยาศาสตร์ที่สนามกีฬาแห่งชาติ นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ได้ร่วมงานช่วยเหลือนักเรียน มัธยมท่ีส่งโครงงานเข้าประกวด ครั้งน้ันมีโครงงานทดลองการระเบิดของภูเขาไฟ เม่ือถึงเวลาทดลองกลางสนาม ทุกคนถูกกันให้ถอยออกมาในวงกว้าง เพราะอาจเกิด อันตรายจากการระเบิดได้ แต่ตนเองเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียว ท�ำให้ต้องนอนพัก รักษาตัว นานกว่าคร่ึงเดือน ศาสตราจารย์ระวีได้เล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ในหนังสือท่ีระลึก ในการพระราชทานเพลงิ ศพ ศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ณุ ดร.ระวี ภาวไิ ล ตอนหนง่ึ วา่ “...มนั ระเบดิ ปลิวมาผมยืนอยู่ ผมล้มเลย มองไม่เห็นอะไรเลย มันเป็นแผ่นปลิวขวางมา แล้วกระแทก ที่สันจมูก ตรงระดับลูกตา แล้วมันกระแทกตาขวาแรงกว่า ตาซ้าย ผมหมดสติวาบไป” การไดพ้ กั รกั ษาตวั ทำ� ใหศ้ าสตราจารยร์ ะวเี ขยี นบทความทด่ี ที สี่ ดุ เรอื่ งหนง่ึ ทง้ั ๆ ทตี่ าถกู ปดิ ทั้งสองข้าง คือ เร่ือง “วิกฤตการณ์ทางวิชาการในมหาวิทยาลัย” สามารถพิมพ์ได้ทัน ในหนังสอื ประกอบการสัมมนาวิชาการของมหาวิทยาลยั พ.ศ. ๒๔๙๖ ศาสตราจารย์ระวีเป็นผู้ริเริ่มก่อต้ังหน่วยวิชา อิเล็กตรอนิกส์๑ (ช่ือในขณะนั้น) ข้ึนในแผนกวิชาฟิสิกส์ และท�ำหน้าท่ีเป็นผู้สอน แต่ยังไม่มี งบประมาณสรา้ งหอ้ งปฏบิ ตั ิการ จงึ ทำ� โครงการเสนอ บริษทั ธอมัส เดอรารู จำ� กดั ๒ ซงึ่ ได้ รบั ความชว่ ยเหลอื อยา่ งดี ปจั จบุ นั วชิ าดงั กลา่ วเปน็ สาขาวชิ าหนงึ่ ในภาควชิ าฟสิ กิ สข์ องคณะ วิทยาศาสตรจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ๑ อเิ ลก็ ตรอนกิ ส์ ปจั จบุ ันใช้ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ คอื วิทยาศาสตรก์ ายภาพแขนงหน่ึงท่ศี กึ ษา เกีย่ วกบั การเคล่ือนท่ขี องอเิ ลก็ ตรอน ๒ บรษิ ทั ธอมัส เดอรารู จำ� กดั ประเทศองั กฤษ คือ บริษัทที่พมิ พธ์ นบตั รไทยในยุคแรก ๆ ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 147
พ.ศ. ๒๕๐๐ ศาสตราจารย์ระวีได้ก่อตั้งสาขาวิชาดาราศาสตร์และฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ข้ึน ในคณะวิทยาศาสตร์ และสร้างกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบ นิวตัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๒ นิ้ว ต้ังไว้บนดาดฟ้าตึกฟิสิกส์ เพื่อใช้เป็น อุปกรณ์การศึกษาและวิจัย ซ่ึงเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งต่อการเรียนรู้และ การเปิดโลกทัศน์ดาราศาสตร์ในแวดวงวิชาการไทยอีกด้วย ในปีต่อมา พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง เสดจ็ มาทอดพระเนตรดาวศุกร์ในเวลากลางวัน จากกลอ้ งโทรทศั น์นี้ทด่ี าดฟ้าตกึ ฟิสิกส์ เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านดาราศาสตร์แล้ว ศาสตราจารย์ ระวีได้พัฒนาหลักสูตรดาราศาสตร์ให้สูงข้ึนถึงระดับปริญญาโท และสร้างกล้อง ดูดาวสุริยะ เพ่ือสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ ไว้บนดาดฟ้าตึกฟิสิกส์ คณาจารย์และ นิสิต มีโอกาสใช้กล้องสุริยะน้ีในการศึกษาและวิจัย ท�ำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันการศึกษาท่ีจัดการเรียนการสอนและวิจัยด้านดาราศาสตร์เป็นแห่งแรก ในประเทศไทย เม่ือเกิดปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ทั้งในประเทศไทยและท่ัวโลก ศาสตราจารย์ระวีเป็นคนแรกท่ีคนไทยนึกถึง เพราะมีผลงานด้านดาราศาสตร์เป็นท่ี ประจกั ษ์ ทัง้ ศึกษา สำ� รวจ วจิ ยั และสอน เผยแพร่ทง้ั ในและต่างประเทศ เปน็ ผูก้ อ่ ต้งั สถานี ถ่ายภาพดาวที่เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี และเป็นผู้สนับสนุนการเรียนการสอน ด้านดาราศาสตร์ให้กับภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังตอนหน่ึงในหนังสือ ท่ีระลึกดังกล่าว ซ่ึง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดอกเตอร์ประสิทธ์ิ เจริญขวัญ กล่าวว่า “...เม่ือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เร่ิมเปิดสอนมาถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ซ่ึงมีนักศึกษาฟิสิกส์ ถึงปีที่ ๔ แล้ว ข้าพเจ้าในฐานะท�ำหน้าท่ีหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ ไดมีโอกาสเชิญท่าน อาจารย์ระวีมาสอนและบรรยายในวิชา Astro – Physics และ Selected Topics in Physics ให้แก่นักศึกษาฟิสิกส์ปีท่ี ๓ และ ๔ ซึ่งท่านท�ำหน้าท่ีเป็นอาจารย์พิเศษ อย่างเข้มแข็ง โดยสอนทุกวันเป็นเวลาถึง ๒ สัปดาห์ ช่วงเวลาน้ันข้าพเจ้าและอาจารย์ ฟิสิกส์ได้แลกเปล่ียนความคิดเห็นและขอค�ำแนะน�ำต่าง ๆ เพ่ือน�ำมาพัฒนาการเรียน การสอน โดยเฉพาะทางด้านดาราศาสตร์ และ Astro – Physics จึงนับได้ว่าเป็น ก้าวแรกท่ีฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เร่ิมต้นขยายงานด้านการเรียนการสอน ด้านน้อี ย่างจริงจงั และมั่นคง...” 148 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ศาสตราจารย์ระวีได้รับการปลูกฝังด้านพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัยจาก ครอบครัวโดยเฉพาะบิดา เมื่อเติบโตก็ขยายความสนใจไปยังเร่ืองปรัชญา ได้ศึกษา ด้วยตนเองอย่างลึกซ้ึง เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า สามารถหาความหมายอันสูงสุด ของชีวิตได้ มีผลงานที่สะท้อนความสนใจเหล่านี้ คือ หนังสือที่แปลมาจากงาน ของนักปรัชญา ได้แก่ คาริล ยิบราล ระพินทรนาถ ฐากูร กฤษณามูรติ มีผลงานเชิงปรัชญาและศาสนาที่เขียนด้วยตนเองมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ศาสนา กับปรัชญา คุณค่าชีวิต เพ่งพินิจ เร่ืองชีวิต ชีวิตดีงาม อภิธรรมส�ำหรับคนรุ่นใหม่ เป็นตน้ พ.ศ. ๒๕๑๘ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สร้างอาคารธรรมสถานข้ึนภายใน มหาวิทยาลัย และแต่งตั้งกรรมการบริหารงาน โดยมอบหมายให้ศาสตราจารย์ระวี เป็นผู้อ�ำนวยการธรรมสถาน จึงเร่ิมจัดกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ เช่น จัดค่าย ปฏิบัติธรรม จัดงานคริสต์มาส จัดงานวันมาลิดินนบี จัดงานวันส�ำคัญ ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 149
ทางพุทธศาสนา เป็นต้น ได้จัดงานระดมธรรมที่เกาะลอยสวนลุมพินี ต้ังแต่ วันสงกรานต์ จนถึงวันวิสาขบูชา ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ หลังจากนั้นมาจัดต่อเน่ืองภายใน มหาวิทยาลัย และท่ีบ้านของศาสตราจารย์ระวี กิจกรรมเหล่าน้ีได้รับความร่วมมือจาก อาจารย์ ข้าราชการ นิสิต นิสิตเก่า และญาติมิตรเป็นอย่างดี สร้างประโยชน์ให้กับสังคม ในวงกว้างตลอดมา รองศาสตราจารย์บุญญวัฒน์ วีสกุล ได้กล่าวไว้ในบทความเร่ือง “ศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวไิ ล กบั งานของมหาวทิ ยาลยั ” ซง่ึ นำ� มาพมิ พไ์ วใ้ นหนงั สอื ทรี่ ะลกึ ดังกล่าว ตอนหนึ่งว่า “เมื่อวันท่ี ๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ อาจารย์เป็นคนแรกที่ได้รับ แต่งตั้งให้เป็นผู้อ�ำนวยการธรรมสถาน ซ่ึงเป็นศูนย์กลางปฏิบัติกิจกรรมของทุกศาสนา และยังคงด�ำรงต�ำแหน่งน้ีจนถึงปัจจุบัน อาจารย์เป็นผู้ที่เหมาะสมท่ีสุดในต�ำแหน่งนี้ เพราะอาจารยม์ คี วามสนใจ เชยี่ วชาญ และศรทั ธาในทกุ ศาสนา โดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนา ธรรมสถาน กอ่ กำ� เนดิ จากแนวความคิดจนกลายเปน็ อาคารสถานที่ แลว้ เปน็ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่ีมีคุณค่ามากมาย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความคิด ความพยายาม ความเสียสละ และศรัทธาของอาจารย์โดยแท้” ในฐานะที่เป็นครู แม้ไม่ต้ังใจเป็นครูท่ีดี แต่ก็เป็นที่ประทับใจศิษย์ตลอดมา เพราะไม่ได้สอนเน้ือหาความรู้อย่างเดียว ศาสตราจารย์ระวีได้สร้างทรัพยากร บุคคลอันทรงคุณค่าให้เป็นคนดีและท�ำประโยชน์ให้สังคม ดังที่ รองศาสตราจารย์ บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้เคยเป็นศิษย์ได้กล่าวยกย่องไว้ในหนังสือที่ระลึก เล่มดังกล่าวตอนหน่ึงว่า “...ศิษย์โชคดีท่ีได้มีโอกาสเรียนกับอาจารย์ ได้มีโอกาส ซึมซับกับสิ่งที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดทั้งความรู้ วิธีคิด หลักปรัชญาในการท�ำงาน 150 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
และการด�ำเนินชีวิต รวมท้ังการปฏิบัติตนเพ่ือสร้างคุณค่าให้แก่สังคม ศิษย์รู้สึก มีความภูมิใจอย่างสูงทุกครั้งที่มีโอกาสบอกแก่คนทั้งหลายว่า เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์...” ศิษย์อีกผ้หู นี่งที่ร้จู กั ศาสตราจารย์ระวียาวนานถงึ ๔๗ ปี คอื นายวบิ ลู ย์ องิ คากลุ ได้กล่าวสรุปความคิด ความสามารถ และบุคลิกของศาสตราจารย์ระวีไว้อย่าง สมบูรณ์ในหนังสือที่ระลึกเล่มดังกล่าว ตอนหน่ึงว่า “...อาจารย์ระวี ภาวิไล เป็นทั้ง นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา ศิลปิน และชาวพุทธที่เคร่งครัดตลอดท้ัง ชีวิตหลังเกษียณ อาจารย์ระวีก็ได้ทุ่มเทให้กับงานด้านพระพุทธศาสนา อาจารย์ระวี มิใช่นักอุดมคติเท่าน้ัน แต่อาจารย์ยังเป็นนักปฏิบัติที่ชี้ทางเดินของชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย ท่ีถูกต้องดีงาม ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น และไม่เห็นแก่ตัว เป็นแบบอย่าง อันดีงาม เพ่ือให้มีชีวิตที่ “อยู่เย็นเป็นสุข” ...เป็นบุคคลที่สมดั่งพุทธภาษิตท่ีว่า “ปูชา จ ปูชนียานํ” คือ เป็นบุคคลที่ควรบูชาย่ิงด้วยใจ ท้ังต่อหน้าและลับหลัง เพราะการบชู าอาจารยร์ ะวี ภาวไิ ล น้นั เป็นมงคลแกช่ ีวิตอย่างยง่ิ ...” สอดคล้องกับค�ำกล่าวสดุดีของ รองศาสตราจารย์บุญรักษา สุนทรธรรม ในฐานะผู้อ�ำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เม่ือวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๖๐ ซ่ึงได้น�ำมาพิมพ์ในหนังสือท่ีระลึกเล่ม ดังกล่าว ตอนหน่ึงว่า “ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ระวี ภาวิไล เป็นปูชนียบุคคล ทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นปราชญ์ ราชบัณฑิต ผู้บุกเบิกวงการศึกษาวิจัยดาราศาสตร์ไทยต้ังแต่แรกเริ่ม เป็นแบบอย่างที่ดีงาม ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 151
ในความมุ่งม่ันและทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมาย เป็นผู้ ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการยกย่องนับถือในวงการดาราศาสตร์อย่างกว้างขวาง เป็นคนดี ของสงั คมทค่ี วรค่าแก่การยกย่องเปน็ อยา่ งสงู ...” หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว ศาสตราจารย์ระวียังท�ำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดย้ัง โดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนา ดังท่ี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้กล่าวไว้ในหนังสือที่ระลึกเล่มดังกล่าว ตอนหนึ่งว่า “...เป็นผู้มีฉันทะในการด�ำเนินงานส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่ธรรม อย่างจริงจัง มาตลอดเวลายาวนาน ดังท่ีท่านได้ตั้งคณะระดมธรรมขึ้นเพื่อการศึกษาพระอภิธรรม และหลักธรรมส�ำคัญโดยท่านเป็นผู้สอน...” งานส�ำคัญท่ียังท�ำอยู่อย่างต่อเนื่อง คือ ผู้อ�ำนวยการธรรมสถานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยาวนานถึง พ.ศ. ๒๕๕๘ ส�ำหรับงานที่มีโอกาสท�ำมากขึ้น คือ งานเขียนเรื่องยาวและบทความ โดยเฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดาราศาสตร์ และงานวิเคราะห์โลกและชีวิต นอกจากนั้น ยังท�ำหน้าท่ีเป็นท่ีปรึกษา ประธานกรรมการ และกรรมการให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ราชบัณฑิตยสถาน สภาวิจัยแห่งชาติสาขาวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ แห่งประเทศไทย สมาคมดาราศาสตร์ไทย ส�ำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ โครงการสารานกุ รมไทยส�ำหรับเยาวชนฯ และสถาบันวจิ ัยดาราศาสตรแ์ หง่ ชาติ กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 152 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
เกียรติคุณท่ีได้รับการยกย่อง ได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ราชบัณฑิต สำ� นกั วทิ ยาศาสตร์ นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย ๒ วาระ และจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั มอบตำ� แหน่งศาสนเมธี แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. ๒๕๕๘ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน คือ มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ทุติยจุลจอมเกล้า เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาวิทยาศาสตร์ และเหรยี ญจักรพรรดิมาลา ศาสตราจารย์ระวีสมรสกับนางสาวอุไรวรรณ ค�ำมณเฑียร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ มีบุตร ๓ คน คือ นางภาสุรี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน และ นายอรณุ ภาวไิ ล ศาสตราจารย์ระวีเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นเป็นโรคเก่ียวกับ ความเสื่อมของร่างกาย ครั้งสุดท้ายเป็นโรคเก่ียวกับระบบหายใจ เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลสิรินธร และถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สิริอายุ ๙๑ ปี ๕ เดอื น นางสาวพนู ศรี อม่ิ ประไพ ผู้เรยี บเรียง ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 153
ขอ้ มูลอา้ งองิ ๑. วารสาร “ไฮคลาส” ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๓๒ สงิ หาคม ๒๕๓๑ ๒. หนงั สอื ทรี่ ะลกึ เนอื่ งในโอกาสเกษยี ณอายรุ าชการ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๒๙ ๓. หนังสือท่ีระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ระวี ภาวิไล ณ เมรวุ ัดธาตทุ อง พระอารามหลวง กรงุ เทพมหานคร วันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๖๐ ๔. หนังสือ อายุวัฒนมงคล ๙๐ วสันต์ ศ.กิตติคุณ ดร.ระวี ภาวิไล พ.ศ. ๒๕๕๘ ๕. สมั ภาษณ์ นางภาสรุ ี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บตุ ร ๑๕4 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
นายสทุ ธนิ ันท ปรัชญพฤทธิ์ พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๕๖๑ ครูภูมิปัญญาไทย ผู้ริเริ่มสร้างสถาบันภูมิปัญญา ท้องถนิ่ อสี าน (มหาชวี าลยั อสี าน) เพอ่ื เปน็ แหลง่ เรียนรู้ ‘เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยในหมู่บ้านท่ีมีสมาชิกชุมชน เป็นนิสิตนักศึกษา จนได้รับการเรียกขานจากชุมชนว่า “ครบู าสุทธินนั ท์” น า ย สุ ท ธิ นั น ท ์ ป รั ช ญ พ ฤ ท ธิ์ ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งชุมชนที่ราบสูงเรียกขานว่า “ครูบา” นายสุทธินนั ท์ เกิดเมอื่ วันที่ ๒๑ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๙๑ ท่อี �าเภอสตกึ จังหวัดบรุ ีรมั ย์ เป็นบุตรคนที่ ๔ ในพ่ีน้อง ๖ คน ของ นายบญุ เทยี ม และนางสมบรู ณ์ ปรชั ญพฤทธ์ิ ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ๑๕๕
๑๕๖ ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
เน่อื งจากประสบอุบัตเิ หตหุ ลายครงั้ ตั้งแต่วัยเดก็ สง่ ผลให้อาการปวดหลงั เปน็ โรค ประจำ� ตวั ซงึ่ เปน็ อปุ สรรคในการศกึ ษาและการทำ� งานตลอดมา เรมิ่ ศกึ ษาเลา่ เรยี นทโ่ี รงเรยี น ประชาบาลในกิ่งอ�ำเภอต้ังแต่ช้ันอนุบาลถึงมัธยมต้น เม่ือเจ็บป่วยจ�ำต้องย้ายท่ีเรียนไป อยู่ใกล้แพทย์ และจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ท่ีจังหวัดสุรินทร์ ส�ำหรับกรุงเทพมหานคร ศึกษาต่อที่โรงเรียนศิริศาสตร์ สี่พระยา และโรงเรียนสันติราษฎร์บ�ำรุง แต่ไม่จบชั้น มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ช่วงศึกษาเล่าเรียน แม้ร่างกายไม่แข็งแรง แต่ใจสู้ ชอบท�ำกิจกรรมเรียนรู้จาก การปฏิบัติ ร่วมกับเพื่อนนักเรียนต้ังกลุ่มยุวกสิกร จัดท�ำวารสารประจ�ำโรงเรียนเผยแพร่ ส่งผลให้ได้ฝึกพิมพ์ดีด และพัฒนาเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน สอบถามผู้รู้ จากส�ำนักงานเกษตรอ�ำเภอ ส�ำนักงานเกษตรจังหวัด และกรมส่งเสริมการเกษตร ท้ังน้ีเพื่อให้ได้รู้จริง ท�ำจริง เป็นการเรียนรู้นอกระบบอย่างเข้มข้น ตั้งเป้าหมาย อันใดไว้ ต้องท�ำให้ได้ แก้ปัญหาให้ได้ กล่าวคือ อยากรู้อะไร เรียนรู้ท้ังภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบัติควบคู่กัน ต�ำราท่ีมีค่าที่สุด คือ ข้อสังเกต ข้อแนะน�ำ และค�ำติชมของผู้รู้ และผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ซ่ึงเมือ่ ได้ลงมอื แลว้ ก็มาวเิ คราะห์ผลทไี่ ดร้ ับ จดุ เด่น จดุ บกพรอ่ งอยตู่ รงไหน เพ่อื แก้ไขพัฒนาในงานโครงการตา่ ง ๆ นายสุทธินันท์ประกอบอาชีพท�ำแปลงนาตามท่ีหน่วยราชการส่งเสริมเหมือน เกษตรกรทั่วไป ปลูกปอ ถ่ัวลิสง มันส�ำปะหลัง ข้าวโพด และท�ำนา ในพื้นท่ี ครอบครัว ๗๐๐ ไร่ ท�ำได้ระยะหนึ่ง คิดว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเช่นนี้ มองไม่เห็น อนาคต จงึ หาทางสรา้ งหลกั สูตรชวี ติ ให้ตนเอง โดย ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ เร่มิ สำ� รวจรอบบา้ น มีอะไรปลูกแล้วบ้าง สอบถาม พบปะกับผู้รู้ เย่ียมสถานีพืชสวน ส�ำนักงานเกษตร ฟาร์มเพาะกล้าต่าง ๆ รวมท้ัง กรมป่าไม้ สรุปข้อมูลท่ีได้ เร่ิม ปลูกสวนปา่ ริเริ่มน�ำแนวคดิ ระบบ วนเกษตร(Agroforestry)ทค่ี ำ� นงึ การใช้ ที่ดินแลเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ กู้ธนาคารเพ่ือการเกษตรและ สหกรณ์ (ธกส.) ปลูกพรรณไม้ ทุกชนิด ทั้งไม้ยืนต้น ไม้ผล ไม้ใช้สอย ไผ่ ผักพื้นบ้าน จนได้ ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 157
ค�ำตอบว่า ต้นยูคาลิปตัสดีที่สุดให้ผลตอบแทนเร็ว แต่ต้องมีการจัดการท่ีดี สร้างความ หลากหลายในแปลงเกษตร ปลูกยูคาลิปตัส สลับด้วย ไม้ยืนต้นพันธุ์พ้ืนเมือง ปลกู ป่าเลยี นแบบปา่ ธรรมชาติ ซ่งึ ประกอบด้วยต้นไม้ ๕ ระดบั คอื สงู กลาง เตี้ย เร่ียดิน และใต้ดนิ มกี ารปลูกพชื พรอ้ มกับเลี้ยงสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๔ นายสุทธินันท์ปลูกยูคาลิปตัส ๑๕๐,๐๐๐ ต้น แซมด้วยพืชไร่ อาทิ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด พร้อมกับเลี้ยงโคเน้ือ แกะ แพะ สัตว์ปีกประเภทไก่ สุกร พันธุพ์ น้ื เมือง และเล้ียงผ้ึง ทดลองหาน�้ำในทกุ วธิ ี จนมาท�ำระบบนำ้� หยด ใชเ้ วลาไมถ่ งึ ๕ ปี เห็นผลจริง จากดินแห้งกรัง กลายเป็นดินด�ำ ชุ่มน�้ำ เริ่มสรุปวิเคราะห์ผลท่ีได้รับ ปรับ แนวทางตอ่ ไป กลา่ วคอื สรา้ งกจิ กรรมทางอตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม ไดแ้ ก่ เผาถา่ น แปรรปู ไม้ ผลติ อฐิ ดินซีเมนต์ ผลิตอาหารสตั วแ์ ละถนอมอาหาร โดยเรม่ิ จากคิดค้นเตาอบไม้โดยเฉพาะ ไม้ยูคาลิปตัส จนสามารถสร้างเป็นท่ีอยู่อาศัย สร้างโรงเลื่อยขนาดย่อม ไม้เล็กน�ำมาเผา เปน็ ถา่ น พฒั นาเตาถา่ นรว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี จนกลายเปน็ ตน้ แบบเตาถา่ น ทว่ั ประเทศ นนั่ คือ เตาเผาถา่ นไบโอซาร*์ ซ่ึงเปน็ วิธบี �ำรงุ ดนิ ที่ทั่วโลกนยิ ม ถ่านไม้ยคู าลิปตัส สามารถส่งออกจ�ำหน่ายต่างประเทศ * เตาเผาถ่านทีใ่ หค้ วามรอ้ นมากกวา่ เตาเผาถ่านธรรมดา มอี ณุ หภมู ิ ๕๐๐ องศาเซลเซยี ส เพ่ือผลิตถ่านไบโอซาร์ มีคุณสมบัติกักเก็บคาร์บอนลงดิน บ�ำรุงดินให้คุณภาพดี สามารถ อมุ้ น�ำ้ ได้นาน เพมิ่ คุณภาพ ของจุลนิ ทรีย์ในระบบนเิ วศส่งผลใหพ้ ืชเจรญิ เตบิ โตไดร้ วดเร็ว 158 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๗ ร่วมกับสถาบันชมุ ชนทอ้ งถน่ิ พฒั นา ส�ำนกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาแห่งชาติ (สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ในปจั จุบนั ) สถาบนั ราชภฏั บรุ ีรัมย์ (มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏบรุ ีรัมย์ ในปัจจบุ นั ) และมูลนธิ ซิ าซากาวาจากญป่ี ุ่น ตงั้ โรงเรยี นชมุ ชน อีสาน ศึกษาวิจยั หาแนวทางสร้างเกษตรกรต้นแบบน�ำร่อง เพ่อื สร้างชีวิตใหม่ใหเ้ กษตรกร เพื่อพฒั นาชมุ ชน พัฒนาอสี าน และพัฒนาชาติ นายสุทธินันท์เป็นผู้สร้างกระบวนการเรียนรู้ ด้วยการท�ำให้ดู อยู่ให้เห็น พูดให้ท�ำ และเขียนให้อ่าน ริเริ่มมหาชีวาลัยอีสาน (สถาบันภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม วิถีชีวิต และสุขภาพชุมชน ใฝ่ฝันเห็น คนไทยพ่ึงตนเอง พ่ึงพากันเอง ศึกษาและตามรอยพระยุคลบาท น�ำศาสตร์พระราชา มาใช้ คนไทยอยทู่ ไี่ หน ท่ีนัน้ พงึ ร่มร่นื ดว้ ยสภาพแวดล้อมธรรมชาติ คนกับธรรมชาติอยรู่ ว่ ม วถิ ีชวี ิตกันได้ สังคมน้ันจะย่งั ยนื และเปน็ สังคมแหง่ การเรียนร้ตู ลอดชีวิต นายสุทธินันท์เร่ิมต้นพัฒนาเครือข่ายในพื้นที่อ�ำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ สร้าง ภูมิปญั ญาชาวบา้ น เช่อื มตอ่ เครอื ข่ายภูมิปญั ญาชาวบ้านทัว่ ประเทศ เวทีวชิ าการ ตลอดจน ส่ือมวลชน เพ่ือวิจัยและพัฒนา การพ่ึงตนเองสู่คุณภาพชีวิตและส่ิงแวดล้อมท่ีดี ผลงานนายสทุ ธนิ ันท์ “นกั วิจยั ไทบา้ น” เป็นที่ร้จู ักกันดี ในทุกวงการทงั้ ระดบั ชาติ ระดบั นานาชาติ ภายใต้การขับเคล่ือนของหลักสูตร วปอ.ภาคประชาชน (หลักสูตรวิทยากร กระบวนการสู่การเปลี่ยนแปลงเพ่ือการพึ่งตนเองและพึ่งพากันของภาคประชาชน) ร่วมกับเครือข่ายจัดตั้งและเรียกขานตนเองว่า กรมราษฎรส่งเสริม หรือสถาบันฟื้นฟู ศักยภาพภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน เพื่อศึกษาและพัฒนาการขยายเครือข่ายการพ่ึงตนเอง ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 159
และพึ่งพากันเองสู่คุณภาพชีวิตและส่ิงแวดล้อมที่ดี โดยร่วมสนับสนุนสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการสร้างการพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตและการพัฒนา สงั คม ระยะท่ี ๒ และรว่ มวิจยั กับ ดอกเตอรจ์ ารรี ัตน์ ปรกแกว้ ในหัวข้อ “ศกึ ษาและพฒั นา เครือข่ายการเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการท�ำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนในระบบกับชุมชน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน กรณีศึกษาพ้ืนที่ภูมิปัญญาท้องถิ่นบุรีรัมย์” ทั้งน้ีได้รวมกลุ่มเครือข่ายประชากรอีสานเพ่ือบริหารจัดการชุดความรู้ท่ีได้พัฒนา ขยายผลสู่เครือข่ายและผู้สนใจท่ัวประเทศ ทั่วโลก เพ่ือการเรียนรู้เพื่อสังคม เพ่ืออาชีพ และเพ่ือเป็นที่ปรึกษาวิจัยในการค้นหาต้นทุนสังคมของชุมชน เม่ือสงสัย สนใจข้อมูลใด จะศึกษาค้นหาค�ำตอบเพ่ือน�ำมาใช้ประโยชน์ อาทิ การจัดการ ศึกษาพายุภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ การใช้ประโยชน์จากต้นยูคาลิปตัสของออสเตรเลีย ท่ผี ลติ น�ำ้ มันยูคาลิปตัสเชิงอุตสาหกรรมเพ่อื ใช้แทนสารซเี อฟซีในแอร์และตูเ้ ยน็ การพัฒนา ชนบทของ จนี ลาว อนิ เดยี จนไดข้ อ้ สรปุ วธิ พี ฒั นาตอ้ งทำ� ใหด้ ู อยใู่ หเ้ หน็ ปฏบิ ตั จิ ากพน้ื ทจี่ รงิ กลยุทธ์หลักสูตร วปอ. ภาคประชาชน หรือวิทยากรกระบวนการเพ่ือการ เปล่ียนแปลงแนวความคิดเพื่อการด�ำรงชีวิตบนพ้ืนฐานของเศรษฐกิจพอเพียง เป็น ความร่วมมือของปราชญ์ภูมิปัญญาอีสาน มุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจ ให้ก�ำลังใจ เปลีย่ นแปลงสภาพชีวติ จาก “อยรู่ อ้ นนอนทกุ ข์” เป็น “อย่เู ย็นเป็นสขุ ” ด้วยทางสายกลาง 160 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
โดยมีเกษตรกรท่ีประสบผลส�ำเร็จถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ด้วยหลักสูตร อบรม ๓ – ๕ วัน ท่ีเน้นการรู้จักตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง และการวางแผน ปฏบิ ัติการ เพ่ือการพง่ึ พาตนเอง มหาชีวาลัยอีสาน เวทเี รียนร้สู กู่ ารปฏิบตั ิ เริม่ ต้นท่ีอำ� เภอสตกึ ถ่ินก�ำเนดิ จัดเปน็ สถานทแี่ ละตน้ แบบการเรยี นรวู้ ถิ เี กษตรแบบครบวงจร มรดกตกทอดของภมู ปิ ญั ญาของคน รนุ่ เก่าสู่คนรุ่นใหม่ กอ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ บบไมม่ ที ี่สน้ิ สดุ แบง่ พนื้ ทป่ี ลูกปา่ ปลกู พชื หลาก หลาย ท้ังไมย้ ืนตน้ ไม้ผล ไมด้ อก ไม้เล้อื ย และไมล้ ม้ ลุก แปลงสมนุ ไพร แปลงสาธิตเกษตร ผสมผสาน บอ่ เลย้ี งปลา คอนโดกบ โรงเผาถา่ น โรงเลี้ยงสัตว์ แหล่งน้ำ� และที่พกั มหาชีวาลัยอีสานจะมีแปลงเกษตรประณีต** ๑ ไร่ ท่ีเป็นกระบวนการวิธีเรียน วิธีท�ำ ท่ีเกษตรกรต้องรู้จัก ต้ังแต่ก�ำหนดเป้าหมาย รวมพลังทั้งในบ้านและชุมชน รู้จักตนเองเพื่อให้เข้าใจในบทบาทของตน และตั้งใจท�ำมาหากิน เพื่อการพึ่งตนเอง มีอยู่มีกินด้วยวิถีชีวิตพอเพียง น�ำศาสตร์พระราชามาใช้พลิกฟื้นผืนป่าท่ีถูกท�ำลาย ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ด้วยการปลูกป่าแบบไร่นาสวนผสม ท�ำให้ดู อยู่ให้เห็น ลงมือท�ำ เป็นตัวอย่าง ทดลอง ศึกษา สังเกต เรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อให้รู้จักต้นไม้อย่างแท้จริง ** แปลงเกษตรสาธิตทจี่ ดั ทำ� เป็นตวั อย่าง มอี งคค์ วามรคู้ รบถว้ นในแปลงเดียวกนั ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 161
สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับวิถีธรรมชาติแบบย่ังยืน ปลูกป่าในใจคน เม่ือได้ปลูกป่า ด้วยตนเอง จะเกิดความรู้สึกรักหวงแหนต้นไม้ไม่อยากตัดไม้ท�ำลายป่า ใช้ชีวิตแบบพออยู่ พอกนิ พอใช้ ปลกู ปา่ ไดป้ า่ พงึ ใชป้ า่ ตามความจำ� เปน็ เพอ่ื ทอี่ ยอู่ าศยั การกนิ อยู่ และดำ� รงชวี ติ ประจ�ำวัน เมื่อใช้พอเพียง ก็แบ่ง แจก ขาย หารายได้เสริม มีส่วนร่วมด้วยเครือข่าย สร้างเครือข่ายเกษตรชุมชนผสมผสาน ใช้ความรักเป็นพื้นฐานสู่จิตส�ำนึก ส่งต่อความรู้ สเู่ ยาวชนและผู้สนใจ นายสุทธินันท์ได้จัดท�ำ “สวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน” พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ของชุมชนเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยในหมู่บ้านที่มีสมาชิกชุมชน เสมือนนิสิตนักศึกษา สวนป่ามหาชีวาลัยอีสานจากเดิม เป็นพ้ืนท่ีราบสูงแบบดินทรายแห้งแล้ง ตอนนี้ กลายเป็นสวนป่าอุดมสมบูรณ์ สัตว์น้อยใหญ่ในธรรมชาติมาอาศัย มีกิจกรรม เรียนรู้มากมาย พัฒนาเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนท่ีดีและปลอดภัย สามารถท�ำ เกษตรอินทรีย์ ใช้พลังงานโซลาร์ พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นแหล่งเรียนรู้ครบวงจร เป็นสถานท่ีศึกษาดูงานพร้อมกับเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์จาก นักวิชาการ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา อย่างสม่�ำเสมอ ด้วยแนวคิดว่า ป่า คือโรงงานผลิตความสมดุลธรรมชาติ ความสุข ความเจริญ ความรม่ เย็น ดว้ ยเหตนุ ้ี ผลงานในชว่ ง ๒๕ ปีแรก ได้ค�ำตอบชดั เจนวา่ “ทรัพยากรป่าไม้ 162 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
คือ ป่าใหญ่แห่งการเรียนรู้ ที่พบพานหมู่มวลแมกไม้ท่ีอาศัยสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ท่ีท่ีสายลมเย็นและแสงแดดอุ่นนัดพบกัน ท้ังนี้ ถ้าเราดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะ ดูแลเรา ถ้าเราทำ� ลายธรรมชาติ นัน่ คือ เราท�ำลายตน้ ชีวิตตวั เอง” นายสุทธินันท์ นับว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้านผู้ไม่หยุดเรียนรู้ ลงมือท�ำ เพื่อพัฒนา สวนป่าให้เป็นแบบอย่าง ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เห็น คือ “สูตรใบไม้เล้ียงวัว” น�ำเศษใบไม้ หลากหลายจากป่าสับผสมกับหญ้า จนเป็นอาหารชั้นดี ยาชั้นดี วัวอ้วนพี ได้สารอาหาร มากกว่าเลี้ยงดว้ ยหญ้าอย่างเดียว นายสุทธินันท์เป็นนักสู้ทุกกระบวนท่า ผู้เร่ิมความรู้จาก รู้จัก รู้จริง รู้แจ้ง ให้เกิดทักษะ ความช�ำนาญ ความเช่ียวชาญ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและขอบข่าย มาตรฐานของชีวิตและสังคม ด�ำเนินการพัฒนาคุณภาพส่ิงแวดล้อมอีสานร่วมกับ หน่วยงานต่าง ๆ ท้ังสถานศึกษา หน่วยงานวิจัย สร้างเครือข่าย สร้างทีมงาน เพ่ือพัฒนาร่มไม้ให้อีสาน อาทิ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่กับส�ำนักงาน คณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ (ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในปัจจุบัน) เร่ิมการศึกษาทางเลือก Home School ให้เด็กได้เรียนรู้จากของจริง เต็มศักยภาพอย่างมีความสุข ร่วมศึกษากับส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กับมูลนิธิพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้วิสัยทัศน์ ให้ชาวอีสาน ๑ ล้านครอบครวั มสี ุขภาพดี คณุ ภาพชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ มดี ม่งั คงั่ มั่นคง และย่งั ยืนด้วย ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 163
พชื ผกั ปลอดสารเคมี ไมย้ นื ตน้ ๑,๐๐๐ ลา้ นตน้ ทวั่ ภาคอสี าน รว่ มออกแบบหลกั สตู รภมู สิ งั คม การจดั การทรัพยากรธรรมชาตกิ ับสถาบันอดุ มศึกษาตา่ ง ๆ แนวทางและผลงานของนายสุทธินันท์เป็นท่ียอมรับของนักวิชาการ หน่วยงาน ท้ังในและต่างประเทศ ใช้เป็นต้นแบบพัฒนาท้องถ่ิน จะท�ำอะไร ต้องส�ำรวจตนเองและ สภาพแวดล้อมก่อน จากนั้นเรียนรู้ ท้ังอ่าน คุย เขียน และลงมือปฏิบัติ สรุปผลงาน เมอ่ื ปรบั ปรุงแล้ว จงึ ขยายเปน็ วงกว้าง ผลงาน กิจกรรมที่ปฏิบัติได้รับการเผยแพร่ผ่านส่ือประเภทต่าง ๆ เป็นประจ�ำ ทั้งสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือออนไลน์ เริ่มท่ีงานเขียนคอลัมน์ประจ�ำ ในหนังสือสานปฏิรูปของมูลนิธิ สดศรึ-สฤษดิ์วงศ์ โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ยืนต้น และการเล้ียงสัตว์ให้มีคุณภาพ ประสบการณ์ตรงของนายสุทธินันท์ อาทิ ดินดิ้นได้ โมเดลบุรีรัมย์ เจ้าเป็นไผ : สังคม เรียนรู้แบบเฮฮาศาสตร์ จากนาซ่าสรู่ ากหญ้า จากรากหญ้าสู่นาซ่า ผลงานส่วนใหญ่จะเป็น การบอกเล่าประสบการณ์ท่ีได้ทดลองปฏิบัติ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกร ชุมชนอื่น ด�ำเนนิ การบ้าง ทำ� อยา่ งไรจะพัฒนาอสี านใหเ้ ขียวชอ่มุ รม่ เย็น ผลงานได้รับรางวัลต่าง ๆ อาทิ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาปลูกสร้างสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๒ Outstanding Accomplishments in Tree Farming จากองค์การอาหาร และเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พ.ศ. ๒๕๓๕ โล่เกียรติคุณผู้ท�ำคุณประโยชน์เร่ือง ป่าไม้ และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุม เร่ืองยูคาลิปตัสโลก ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ รางวัล “ครูภูมิปัญญาไทย” รุ่นท่ี ๑ ด้านเกษตรกรรม การปรับใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม พ.ศ. ๒๕๔๔ รางวัลพระธาตุดูนทองคำ� สาขาบำ� เพญ็ ประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๕๐ รางวลั แทนคุณ แผ่นดิน ๗๗ ตน้ แบบคนดี สู่ ๖๐ ลา้ นคนดที ั่วไป พ.ศ. ๒๕๕๕ 164 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ในช่วงท้ายของชีวิต ความเป็นครูมิจางหาย มุ่งเผยแพร่ ถ่ายทอดความรู้นายสุทธินันท์ระดมสรรพก�ำลังบันทึกชีวิต เล่าประสบการณ์ตรงท่ีผจญภัย สร้างบทเรียนใหม่จากโรคภัย ในรปู แบบตา่ ง ๆ ทง้ั การดำ� รงชวี ติ ปรบั เปลย่ี นวถิ ปี ฏบิ ตั ถิ งึ กจิ กรรม อาหารการกินท่ีปลอดสารเคมี การออกก�ำลังกาย การขับถ่าย การนอนการปรับเปล่ียนส่ิงแวดล้อมให้มีไม้ยืนต้นร่มเย็น ที่เหมาะกับการด�ำรงชีวิตและอยู่อย่างมีศักด์ิศรีของความ เป็นมนุษย์ เม่ือจากไปก็จากไปอย่างมีความหมายและสงบสุข นั่นคือ หนังสือ เร่ือง “มะเร็ง...ฮิ” (มหาชีวาลัยนุสรณ์) เพ่ือเป็นวิทยาทานให้กับผู้ป่วย มะเรง็ รวมทงั้ การปรับระบบบา้ น จนกลายเปน็ โรงพยาบาลขนาดย่อม นายสทุ ธนิ นั ทส์ มรสกับ นางสาวฉวี กฐินหอม มีบุตร ๒ คน คอื นางสาวจริยา และนางสาวนชิ ดา ปรชั ญพฤทธิ์ นายสุทธินันท์ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สริ ิอายุ ๗๐ ปี ๒ เดือน ๑๗ วัน นางสาวพฒุ สิ าร์ อคั คะพู ผู้เรยี บเรยี ง ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 165
ขอ้ มูลอา้ งองิ ครบู าสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธ์ิ (๒๕๔๘) ดนิ ดิ้นได้ : การจัดการความรู้ชาวบ้านฉบับ ตำ� ราดิน. กรุงเทพฯ สถาบนั สง่ เสรมิ การจัดการความรเู้ พ่ือสงั คม สุทธนิ ันท์ ปรัชญพฤทธิ์ (๒๕๕๕) โมเดลบรุ รี ัมย์ บุรีรมั ย์ : มหาชวี าลัยอสี าน สุทธินนั ท์ ปรัชญพฤทธิ์ (๒๕๔๖) ฅนนอกระบบ : สุทธนิ ันท์ ปรชั ญพฤทธิ์ กรุงเทพฯ : ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ วรภทั ร ภูเ่ จรญิ และ สทุ ธินนั ท์ ปรัชญพฤทธ์ิ (๒๕๕๕) จากนาซ่าสู่รากหญ้า จากรากหญ้า ส่นู าซา่ . กรุงเทพ : อริยชน มหาชีวาลัยนุสรณ์ : หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธ์ิ ณ เมรุวัดประชาบูรณะ อ�ำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ วันอาทิตยท์ ่ี ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มูลนิธิชัยพัฒนา (๒๕๖๐) หนังสือเดินทางตามรอยพระราชา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง : The King’s Journey Learning Passport กรุงเทพฯ : ส�ำนักงานสง่ เสริมสงั คมแหง่ การเรียนร้แู ละพฒั นาคณุ ภาพเยาวชน (สสค.) 166 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ศาสตราจารยส ธุ ิวงศ พงศไพบูลย พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๕๖๐ ครูภาษาไทยและเมธีวิจัยอาวุโส ผู้บุกเบิกการท�า พจนานุกรมและสารานุกรมภาคใต้ ผู้ก่อตั้งสถาบัน ‘ทกั ษณิ คดศี ึกษา ศาสตราจารยส์ ธุ วิ งศ์ พงศ์ไพบูลย์ ครภู าษาไทย และเมธีวิจัยอาวุโส ผู้บุกเบิกการท�าพจนานุกรม และสารานุกรมภาคใต้ และผู้ก่อต้ังสถาบันทักษิณ คดีศึกษา เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ณ บ้านปากบางตะเครียะ ต�าบล ตะเครียะ อ�าเภอระโนด จังหวัด สงขลา เดิมชื่อ สมนึก เป็นบุตร คนสุดท้องของนายเส้งและ นางเพง็ พงศ์ไพบูลย์ มีพี่ชาย ๖ คน คอื นายเหง้ นายหอ้ ง นายไพบูลย์ นายถ่อง นายนอง และนายนิตย์ พงศไ์ พบลู ย์ ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ๑๖7
๑๖8 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เริ่มการศึกษาเบื้องต้นช้ันเตรียมเม่ืออายุได้ ๘ ขวบ ที่โรงเรียนเลื่อนประชาคาร ต�ำบลตะเครียะ จบชั้นประถมปีที่ ๔ ใน พ.ศ. ๒๔๙๑ แล้วเรียนต่อระดับมัธยมท่ีโรงเรียนระโนดวิทยา จนจบชั้นมัธยมปีที่ ๖ ใน พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้รับทุนการศึกษาของจังหวัดสงขลาไปเรียนต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครู ประถม (ป.ป.) ที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มหาวิทยาลัยราชภัฏ บ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา ในปัจจุบัน) จบการศึกษา ใน พ.ศ. ๒๔๙๙ แลว้ ศึกษาตอ่ หลักสูตร ประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยม (ป.ม.) ท่ีโรงเรียนฝึกหัดครูมัธยมวังจันทรเกษม (มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏจนั ทรเกษม ในปัจจบุ นั ) จบการศกึ ษาใน พ.ศ. ๒๕๐๑ ศาสตราจารย์ สุธิวงศ์ได้บันทึกไว้ในอัตชีวประวัติ เร่ือง “คราบน้�ำตาบนทางชีวิตและงานของสุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์” วา่ ทโี่ รงเรียนฝึกหดั ครมู ธั ยม วงั จนั ทรเกษมนั้นเอง ไดเ้ ป็นศษิ ย์ของปรมาจารย์ ทางภาษาไทย ๓ ท่าน คอื ศาสตราจารย์ ดอกเตอรค์ ณุ บรรจบ พนั ธเุ มธา ศาสตราจารย์ คุณหญิงกุหลาบ มัลลิกะมาส และรองศาสตราจารย์ซ่อนกลิ่น พิเศษสกลกิจ ซึ่ง “ให้เราทั้ง “ทุน” และ “ทาง” ด้านภาษาไทยมากเกินใช้เกินอวด” โดยเฉพาะ ศาสตราจารย์ คุณหญิงกุหลาบ น้ันแนะน�ำว่า “สมนึก ต้องออกไปเป็นครูภาษาไทย” ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ซ่ึงเรียนเก่งท้ังด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาไทย ได้สอบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีท่ีวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปัจจุบัน) จนจบปริญญาการศึกษาบัณฑิตวิชาเอก คณิตศาสตร์และภาษาไทย ใน พ.ศ. ๒๕๐๓ แต่ก็เลือกเส้นทางชีวิตในการเป็นครู ภาษาไทยในเวลาต่อมา ท้ังระหว่างท่ีศึกษาต่อนั้นเอง ได้ร่วมกับเพ่ือน ๆ เขียนหนังสือ “ของดีปักษ์ใต้” (พ.ศ. ๒๕๐๐) เป็นหนังสือคติชนวิทยา เล่มแรกท่ีเกี่ยวกับภาษา และวรรณกรรมมุขปาฐะของปักษ์ใต้ อันเปรียบเสมือนหมุดหมายแรกของชีวิตและ งานด้านภาษาและวัฒนธรรมท้องถ่ินของภาคใต้ หลังจบปริญญาตรีการศึกษาบัณฑิต ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เข้ารับราชการที่ กรมการฝกึ หดั ครู เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ ต�ำแหน่งอาจารยต์ รี วทิ ยาลัยครูสงขลา (มหาวทิ ยาลัย ราชภัฏสงขลา ในปัจจุบัน) สอนวิชาภาษาไทย และได้จัดรายการส่งเสริมภาษาไทยทาง สถานโี ทรทัศน์ช่อง ๑๐ หาดใหญ่ เดือนละ ๒ คร้ัง ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๕ ถงึ พ.ศ. ๒๕๑๘ ลาศึกษาต่อเพ่ิมเติมหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงวิชาเฉพาะ (ป. ชั้นสูงเฉพาะ) วิชาเอก ภาษาและวรรณคดี ทว่ี ิทยาลัยวชิ าการศกึ ษา ประสานมิตร ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ แลว้ กลบั ไป เปน็ อาจารยท์ วี่ ทิ ยาลยั ครสู งขลา มตี �ำแหนง่ หนา้ ทรี่ าชการกา้ วหนา้ โดยล�ำดบั ดงั น้ี พ.ศ. ๒๕๐๔ ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 169
เปน็ อาจารยต์ รวี ทิ ยาลัยครูสงขลา พ.ศ. ๒๕๐๖ เปน็ อาจารย์โทในสงั กดั เดมิ พ.ศ. ๒๕๑๒ ชว่ ยราชการวทิ ยาลยั วชิ าการศกึ ษา สงขลา (ตอ่ มาคอื มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ สงขลา หรอื มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ในปจั จบุ นั ) พ.ศ. ๒๕๑๖ โอนไปรบั ราชการทวี่ ทิ ยาลยั วชิ าการศกึ ษา สงขลา เป็นอาจารย์เอก พ.ศ. ๒๕๑๙ เปน็ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ระดับ ๖ พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็น รองศาสตราจารย์ ระดบั ๘ พ.ศ. ๒๕๒๕ เปน็ ศาสตราจารย์ ระดบั ๙ พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็น ศาสตราจารย์ ระดบั ๑๐ และ พ.ศ. ๒๕๓๕ เปน็ ศาสตราจารย์ ระดับ ๑๑ เกษียณอายุ ราชการ ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ หลังจากนั้น เป็นอาจารยพ์ ิเศษ ส�ำนกั ศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย วลยั ลกั ษณ์ จังหวัดนครศรธี รรมราช นอกจากน้ี ศาสตราจารย์สุธวิ งศไ์ ด้รับทุนการศกึ ษาดงู านหลายประเทศ อาทิ ญีป่ ุ่น เกาหลีใต้ จนี สหรฐั อเมรกิ า เกาหลีเหนอื องั กฤษ และฝร่งั เศส ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เป็นศาสตราจารย์ ระดับ ๑๑ คนแรกของมหาวิทยาลัย ในส่วนภูมิภาค มีผลงานส�ำคัญท้ังงานวิชาการและงานบริหาร อาทิ การสอนหนังสือ ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก วิชาภาษาไทยและไทยคดีศึกษา งานควบคุมปริญญานิพนธ์ งานเขียนบทความ ตำ� รา งานวิจัย การวางรากฐานการศกึ ษา วิจัยเกีย่ วกับทอ้ งถ่นิ ศกึ ษา และเป็นเมธีวจิ ยั อาวโุ สของส�ำนักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ัย (สกว.) จนได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางวัฒนธรรมที่ส�ำคัญคนหน่ึงของประเทศ 170 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ด้านงานบริหาร เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อ�ำนวยการสถาบันทักษิณคดีศึกษาแต่แรก ด�ำเนินการเป็นเวลากว่า ๑๕ ปี และได้พัฒนาสถานะขึ้นเป็นคณะวิชาระดับบัณฑิต ศึกษาทางไทยคดีศึกษา สร้างหลักสูตรภาษามลายูท้องถิ่นในระดับปริญญาตรี และ หลกั สูตรไทยคดีศกึ ษาระดับปริญญาโท และสรา้ งเกณฑป์ ระเมนิ ผลงานข้าราชการสาย ข. ปัจจัยส�ำคัญแห่งความส�ำเร็จของศาสตราจารย์สุธิวงศ์ คือความสม�่ำเสมอและ ความหนักแน่น ท้ังในความรู้และจิตวิญญาณความเป็นครู จนกล่าวได้ว่าเป็น “ต้นแบบ” ในการด�ำรงชีวิตและการท�ำงานแก่ผู้ร่วมงาน ศิษย์ และลูกหลาน โดยเฉพาะความเป็น “ผู้ปรนนิบัติราชการ” ผลงานส�ำคัญท่ีควรน�ำมากล่าวถึงประมวลได้เป็น ๓ ด้าน คือ ความเป็นแบบอย่างของ “ผปู้ รนนิบัตริ าชการ” ความสำ� เร็จทางวิชาการ และความคิดริเริ่ม สรา้ งสรรค์ ความเป็นแบบอย่างของ “ผูป้ รนนบิ ตั ิราชการ” ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ยึดมั่นในการท�ำงานแบบปิดทองหลังพระ การทุ่มเทเวลาและ ความรู้ความสามารถให้แก่งานและแก่ราชการ ซึ่งศาสตราจารย์สุธิวงศ์เรียกการท�ำงาน ลักษณะนี้ว่า “ปรนนิบัติงาน ปรนนิบัติราชการ” คือ ท�ำงานโดยไม่มีวันหยุดราชการ เช้าประมาณ ๗.๐๐ น. ถึงที่ท�ำงาน กลับ ๑๘.๐๐ น. บางช่วงกลับไปท�ำงานต่อจนดึก หรือน�ำงานกลับไปท�ำต่อท่ีบ้าน ท�ำงานโดยไม่มีค่าล่วงเวลา“คดข้าวห่อ” ไปเป็นอาหาร กลางวันเพื่อจะได้ไม่ต้องไปหาร้านอาหารท�ำให้เสียเวลาในการท�ำงาน นอกจากกิจวัตร สว่ นตวั ดงั กลา่ ว ยงั เป็นผู้มีความจรงิ ใจและความสุจรติ เปน็ ที่ประจักษ์ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์นิธิ เอียวศรีวงศ์ กล่าวไว้ในหนังสือ “หวนอาลัย ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์” ซ่ึงพิมพ์แจกในโอกาสท�ำบุญทักษิณานุปทานครบ ๑๐๐ วัน ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ว่า “...ความส�ำเร็จทางวิชาการอย่างโดดเด่น ของอาจารย์สุธิวงศ์น้ัน นอกจากเกิดจากความสามารถและความพากเพียรของ ท่านแล้ว ยังเกิดจากการท่ีท่านมีเครือข่ายในวงวิชาการกว้างขวางยิ่งจ�ำนวนมาก คือ ลูกศิษย์...แต่อีกจ�ำนวนมากเป็นคนในวงวิชาการซึ่งให้ความเคารพนับถือท่าน ทั้ง ๆ ท่ีอาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การมีเครือข่ายในวงวิชาการกว้างขวางเช่นนี้ เกิดขึ้นได้ด้วยคุณสมบัติส่วนตัวของอาจารย์สุธิวงศ์เอง เช่น ปฏิบัติต่อศิษย์ ประหนึ่งเพ่ือนทางวิชาการ ให้เกียรติและเสรีภาพทางความคิดแก่ผู้ร่วมงานและ ซ่ือสัตย์ต่อเงินงบประมาณที่ได้รับจากรัฐหรือได้รับบริจาคเป็นทุนจากองค์กรอ่ืน จนผ้รู ว่ มงานรู้สึกไวว้ างใจไดส้ นทิ ...” ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 171
ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช กล่าวไว้ในหนังสือเล่มเดียวกันว่า “...ค�ำว่า “เป้าหมายรายทาง” กับ “เป้าหมายปลายทาง” คิดข้ึนโดย ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ผมได้ยินครั้งแรก ๆ ราวปี ๒๕๔๐ สมัยท่ีท่าน ท�ำงานวิจัยให้ สกว. ท่านคิดค�ำทั้งสองขึ้นมาท�ำงานท่ียากและซับซ้อน ท่ีคนไม่คิดว่า จะท�ำได้ส�ำเร็จ... ผมมีข้อสังเกตว่า บางวงการ หรือบางวิชาชีพในประเทศไทย อุดมการณ์ร่วมกันของวงการหยุดอยู่แค่ “เป้าหมายรายทาง” โดยไม่รู้ตัว คือ หยุดอยู่แค่ผลประโยชน์ของตนเอง หรือพวกพ้องไปไม่ถึงผลประโยชน์ของผู้อ่ืนและ ของสว่ นรวม...” ความสำ� เรจ็ ทางวิชาการ ค�ำประกาศเกียรติคุณศาสตราจารย์สุธิวงศ์ในการรับพระราชทาน เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาสังคมศาสตร์ การรับพระราชทานรางวัล และรับรางวัลหลายชิ้น อาทิ พระเกี้ยวทองค�ำ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระสิทธิธาดาทองค�ำ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ตลอดจนปริญญาดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักด์ิ ล้วนยกย่องศาสตราจารย์สุธิวงศ์ในฐานะผู้ให้ความส�ำคัญต่อภาษา และวัฒนธรรมพ้ืนบ้าน บุกเบิกและส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักเพื่อการอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของ ชาติสืบไป ทั้งได้ขยายแนวคิดนี้ สู่เครือข่ายทางวิชาการในการศึกษาวัฒนธรรมท้องถ่ิน ในภมู ิภาคอ่นื ของประเทศไทย ตลอดจนในต่างประเทศ ผลงานทางวิชาการทีส่ ำ� คญั อาทิ การเป็นศาสตราจารย์ระดับ ๑๑ ในส่วนภูมิภาค ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ ได้ด�ำรงต�ำแหน่งสูงสุดทางวิชาการ คือ ศาสตราจารย์ ระดับ ๑๑ มหาวิทยาลัยทักษิณ ซ่ึงเป็นระดับสูงสุดของข้าราชการพลเรือนในส่วนภูมิภาคคนแรกของประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจากด�ำรงต�ำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ ๑๐ มาเป็นเวลา ๑๐ ปี ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสของนักวิชาการในส่วนภูมิภาค ท่ีจะต้อง ก้าวข้ามอุปสรรค ๔ ประการ ประการแรก คือ ไม่จ�ำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษา ระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก เพราะวิทยาการทุกแขนงย่อมหาได้นอกระบบ การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ประการที่สอง คือ การรับหน้าที่ทางบริหารไม่ใช่ การปิดกั้นหากต้องพัฒนาให้เก้ือกูลกับงานวิชาการ เสริมงานวิชาการให้ก้าวหน้า และโดดเด่น ประการที่สาม คือ ความก้าวหน้าด้านวิชาการในภูธร โดยเฉพาะ ด้านท้องถิ่นศึกษา ได้เปรียบในการแสวงหาองค์ความรู้ท่ีผู้อยู่ในส่วนกลาง ยากจะลงไปล้วงลกึ ได้ และประการทีส่ ่ี คือ ผลงานน้ันต้องเป็นทีย่ อมรบั นบั ถือทางวชิ าการ 172 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
อย่างกว้างขวางในระดับที่เหมาะสม ท้ังในประเทศและต่างประเทศ แม้ผลงานของ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เป็นภาษาไทย แต่ก็เป็นท่ียอมรับนับถือในหลายประเทศ มีผู้ขอแปล เป็นภาษาต่างประเทศ ตลอดจนมีนักวิจัยชาวต่างประเทศเชิญเป็นท่ีปรึกษาผ่านสภา วิจยั แหง่ ชาติ การเขียนต�ำราและงานวิจัย ผลงานทางวิชาการของศาสตราจารย์สุธิวงศ์ มที ้งั การเขยี นตำ� รา การทำ� พจนานกุ รม การทำ� สารานุกรม และงานวิจัย อาทิ การเขียนต�ำราทางด้านภาษาและวัฒนธรรม เช่น ของดีปักษ์ใต้ (พ.ศ. ๒๕๐๐) หลักภาษาไทย (พ.ศ. ๒๕๐๕) วรรณคดีและวรรณกรรมปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๐๖) คติชาวบ้านภาคใต้ (พ.ศ. ๒๕๐๗) บาลีสันสกฤตที่สัมพันธ์กับภาษาไทย (พ.ศ. ๒๕๒๓) ๑๐๘ อบายอันตรายชาติ (พ.ศ. ๒๕๒๓) พุทธศาสนาแถบลุ่มทะเลสาบสงขลา ฝั่งตะวันออกสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. ๒๕๒๓) วรรณคดีวิเคราะห์ (พ.ศ. ๒๕๒๕) หนังตะลุง (พ.ศ. ๒๕๒๗) วัฒนธรรมพ้ืนบ้าน (พ.ศ. ๒๕๓๕) คราบน้�ำตาบนทางชีวิต และงานของสุธวิ งศ์ พงศไ์ พบูลย์ (พ.ศ. ๒๕๓๙) เฉพาะหนังสือ “คราบน�้ำตาบนทางชีวิตและงานของสุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์” เป็นอัตชีวประวัติของศาสตราจารย์สุธิวงศ์ต้ังแต่แรกเกิดจนเกษียณอายุราชการ ในวันท่ี ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ นอกจากการบันทึกประวัติของตนเองโดยละเอียด แล้วยังแทรกความรู้เก่ียวกับศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบ้าน ขนบประเพณี ตลอดจนความ เปล่ยี นแปลงของสงั คม และระบบราชการในช่วงเวลา ๖๐ ปไี วด้ ้วย ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 173
การปริวรรตวรรณกรรม เรอ่ื ง มโนหรานบิ าต ฉบับวดั มัชฌิมาวาส (พ.ศ. ๒๕๑๓) พจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ ความใฝ่ฝันแรกของศาสตราจารย์สุธิวงศ์ คือ การจัดท�ำ พจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ เร่ิมขึ้นอย่างจริงจัง ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ แล้วเสร็จ ใน พ.ศ. ๒๕๑๓ พิมพ์เผยแพร่คร้ังแรกใน พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นพจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ เล่มแรก และจากผลงานนี้ท�ำให้ศาสตราจารย์สุธิวงศ์รู้สึกว่า ค�ำภาษาถ่ินใต้ ได้สูญหายไปเป็นจ�ำนวนมาก เด็กรุ่นใหม่ท่ีพูดภาษาถิ่นใต้อยู่ในปัจจุบันได้เพียง ส�ำเนียงใต้ ส่วนค�ำส่วนใหญ่เป็นการยืมค�ำมาจากภาษาภาคกลาง ผลพลอยได้ท่ี ตามมาคือ การรวบรวมองค์ความรู้ ด้านภาษาและวรรณกรรมท้องถ่ิน ประเภท หนังสือบุด (สมุดข่อย) อันเป็นจุดเริ่มต้นของงานทักษิณคดีศึกษา และงานพิพิธภัณฑ์ คติชนวิทยาตอ่ มา สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ จัดท�ำในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๒๙ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ กล่าวว่า เป็นงานท่ีย่ิงใหญ่ท่ีสุดในชีวิต ได้รับเงินสนับสนุน การจัดท�ำและการจัดพิมพ์จากมูลนิธิโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น และมูลนิธิทักษิณ คดีศึกษา ประมวลเร่ืองราวเกี่ยวกับผู้คนและวัฒนธรรมในสิบส่ีจังหวัดภาคใต้ ครบถ้วนทุกสาขา เช่น ประวัติศาสตร์ชุมชน แหล่งโบราณคดี โบราณสถาน ศาสนา คติความเช่ือ อาชีพ เครื่องมือเคร่ืองใช้ ศิลปกรรม กีฬาพื้นเมือง ยากลางบ้าน บุคคลส�ำคัญ ฯลฯ รวมค�ำหลักประมาณ ๕,๐๐๐ ค�ำ ค�ำย่อย และค�ำเชื่อมโยงอีกหลายพันค�ำ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เป็นผู้ก�ำหนดว่าค�ำใด ควรน�ำมาเขียน ก�ำหนดแนวทางการน�ำเสนอเน้ือหา ตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ เสนอแนะส่วนที่ควรเพ่ิมเติมปรับปรุง จัดท�ำระบบ ตรวจสอบ ติดตามผล อนุมัติการจ่ายเงิน ก�ำหนดการจัดหาและเลือกสรรภาพประกอบ และเป็น ผู้เขียนค�ำอธิบายถึง ๔๒๗ ค�ำ มีนักวิชาการผู้ช�ำนาญเฉพาะสาขาวิชาและวิทยากร ในท้องถิ่นร่วมเขียน ๒๒ คน โดยศาสตราจารย์สุธิวงศ์รับหน้าที่เป็นบรรณาธิการ เป็นหนังสือชุด ๑๐ เล่ม ความหนา ๔,๓๐๕ หน้า ภาพสี ขาวด�ำ และภาพลายเส้น กว่า ๖,๐๐๐ ภาพ สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้น้ีเป็นต้นแบบท่ีสร้างแรงบันดาลใจ ในการจัดท�ำสารานุกรมวัฒนธรรมภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ประเทศมาเลเซียและเนปาล ส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาการจัดท�ำ ประเทศญี่ปุ่น ฝร่ังเศส อังกฤษ และมาเลเซีย ได้ขอนญุ าตแปลเป็นภาษาของประเทศน้ัน ๆ 174 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้รับต�ำแหน่งทางการบริหารควบคู่ไปกับงานวิชาการ ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๒๓ จนเกษียณอายุราชการ ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นนักบริหารท่ีมี ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์และประสบความส�ำเรจ็ ไมน่ อ้ ยกว่าผลงานทางวิชาการ อาทิ สถาบันทักษิณคดีศึกษา การก่อตั้งสถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัย ทักษิณ เริ่มจาก ความสนใจในหนังสือบุด (สมุดข่อย) ที่เป็นวรรณกรรมพื้นเมือง ที่ผู้ครอบครองไม่เห็นความส�ำคัญ ในชั้นแรกรวบรวมมาได้ประมาณ ๖๐๐ เล่ม ตั้งเป็น “ห้องวรรณกรรมท้องถ่ินภาคใต้” ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา สงขลา ใน พ.ศ. ๒๕๑๒ และขยายเป็น “ศูนย์ส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมภาค ใต้” มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสน พระราชหฤทัย และเสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเปิดศูนย์ส่งเสริมภาษา และวัฒนธรรมภาคใต้ เม่ือวันท่ี ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๒ อันนับเป็นมหามงคลยิ่ง ศูนย์ส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมภาคใต้ตั้งเป็น “สถาบันทักษิณคดีศึกษา” ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 175
มหาวิทยาลัยทักษิณ ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ ต่อมามีสถานะเป็นคณะวิชาหนึ่งท่ีสอน หลักสูตรไทยคดีศึกษามหาบัณฑิต เป็นศูนย์กลางการศึกษา อนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม และพัฒนาเก่ียวกับท้องถิ่นศึกษาของนักวิจัย ท้ังชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ และรวมงาน พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา เป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน ทักษิณคดีศึกษาด้วย ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เป็นก�ำลังส�ำคัญมาแต่แรกก่อต้ังศูนย์ ส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมภาคใต้ การริเริ่มจัดท�ำโครงการจัดต้ังสถาบัน การจัดหาสถานท่ีก่อสร้างที่เกาะยอ การจัดซื้อท่ีดินเพิ่มเติม ตลอดจนการจัดหา งบประมาณท้ังจากภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนการก่อสร้างและด�ำเนินการ ได้ด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการสถาบันทักษิณคดีศึกษาคนแรก ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๒๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๗ ในระยะเริ่มงานนั้น ศาสตราจารย์สุธิวงศ์บันทึกไว้ในหนังสือ “คราบน้�ำตาบนทางชีวิตและงานของสุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์” ว่า “...เราถือหลักว่า ใช้เงิน ๑ บาท ให้ได้มูลค่าจริงไม่น้อยกว่า ๑.๒๕ บาท เราจึงต้องคิดหาทาง ให้ประหยัดทุกวิถีทาง... กระท�ำตัวเองให้เป็นสถาปนิกจ�ำเป็นเพ่ือกรุยทางให้แก่ สถาปนิกตัวจริง โดยคิดร่างอาคารแต่ละหลังลงในแผ่นกระดาษกราฟให้ได้สัดส่วน ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด ก�ำหนดพ้ืนท่ีใช้สอยขององค์ประกอบ แต่ละส่วน...” และที่ส�ำคัญคือ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้ขอร้องแกมบังคับบุคลากรประจ�ำสถาบันทักษิณ คดีศึกษาทุกคนว่า ห้ามเล่นของเก่าหรือสะสมวัตถุทางวัฒนธรรม และห้ามท�ำธุรกิจทาง วัฒนธรรม เพื่อมิให้คนภายนอกเกิดวิกฤตศรัทธาว่า ส่ิงใดท�ำเพ่ือประโยชน์ส่วนตน ส่ิงใด ทำ� เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนรวม 176 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
หลักสูตรภาษามลายูท้องถิ่นในระดับปริญญาตรีและหลักสูตรไทยคดีศึกษา ระดับปริญญาโท ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้เร่ิมคิดจัดท�ำหลักสูตรทั้ง ๒ หลักสูตร ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยเฉพาะหลักสูตรไทยคดีศึกษาน้ันให้มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ เน้นเร่ืองท้องถิ่นศึกษา เพื่อบูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ ท่ีเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่น แต่ก็ต้องประสบปัญหานานาในการตั้งภาควิชารองรับ การปฏิบัติตามระเบียบของภาควิชา การจัดหลักสูตร การหาผู้สอน จนถึงพ.ศ. ๒๕๓๖ สภามหาวิทยาลัยทักษิณจึงเห็นชอบให้สถาบันทักษิณคดีศึกษารับผิดชอบ จัดการเรียนการสอนหลักสูตรไทยคดศี ึกษามหาบณั ฑิตได้ การสร้างเกณฑ์การประเมินผลงานข้าราชการสาย ข. การบริหารงานบุคคล ของมหาวิทยาลัยแบ่งเป็น สาย ก. คือสายผู้สอน สาย ข. คือสายนักวิชาการและ นักวิจัย สาย ค. คือสายธุรการ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เห็นว่า งานของสถาบันทักษิณ คดีศึกษาจ�ำเป็นต้องมีบุคลากรที่ช�ำนาญพิเศษท�ำงานอย่างต่อเน่ืองและทุ่มเท แต่นโยบายของทางราชการก�ำหนดให้มีข้าราชการประจ�ำสถาบันเพียง ข้าราชการสาย ข. และสาย ค. ข้าราชการ สาย ข. จึงมักด้ินรนไปอยู่ สาย ก. เพื่อความเจริญก้าวหน้า รวมทั้งการได้รับเงินประจ�ำต�ำแหน่งทางวิชาการ การแก้ปัญหาคือควรก�ำหนดให้สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยมีข้าราชการสาย ก. ได้ โดยให้สถาบันท่ีช�ำนาญเฉพาะทางมีหน้าที่ผลิตบัณฑิตเฉพาะทางน้ัน ๆ ในระดับ บณั ฑติ ศึกษา อนั จะชว่ ยใหง้ านวจิ ยั และงานผลติ บัณฑิตเก้อื กลู ซงึ่ กันและกนั ศาสตราจารย์ สุธิวงศ์จึงจัดท�ำ “ภาระงานและเกณฑ์การประเมินค่างานของข้าราชการสาย ข. ประจ�ำสถาบันทักษิณคดีศึกษา” ข้ึน ในท่ีสุดก็ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นงานที่ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ ภาคภูมใิ จอยา่ งยิ่งอีกช้ินหน่ึงในชีวิต เมธีวิจัยอาวุโสของส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ศาสตราจารย์ สุธิวงศ์ได้รับแต่งต้ังเป็นเมธีวิจัยอาวุโส เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรเมธีวิจัยอาวุโส พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๓ ได้สร้างผลงานวิจัยท่ีส�ำคัญหลายชิ้น รวมทั้งการสร้างนักวิจัย รุ่นใหม่ทั้งในระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูงข้ึนเป็นจ�ำนวนมาก ผลงานวิจัยเก่ียวกับ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นภาคใต้ ๓ เรื่องที่ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ภาคภูมิใจ และกล่าวไว้ในปาฐกถา เรื่อง “คนท่ีมีความดี คือ คนท่ีมีทุน” คือ โครงการวิจัยเรื่อง โครงสร้างและพลวัตวัฒนธรรมภาคใต้กับการพัฒนา โครงการวิจัยเรื่องภูมิปัญญา ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 177
ทักษิณจากวรรณกรรมและพฤติกรรม และโครงการวิจัยและจัดท�ำแผนท่ีภูมินิทัศน์ ภาคใต้ : ฐานเศรษฐกิจและทุนทางวัฒนธรรม ผลการวิจัยท้ัง ๓ เร่ือง แสดงความ เป็นชุมชนของภาคใต้มีฐานนิยมอยู่ ๔ ด้าน คือ ปัญญานิยม จริยธรรมนิยม อ�ำนาจนิยม และ ทุนนยิ ม๑ รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ (เฉพาะท่ีดีเด่น) ได้แก่ พ.ศ. ๒๕๓๒ รางวัล พระเก้ียวทองค�ำ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ส่งเสริมภาษาไทยดีเด่น พ.ศ. ๒๕๓๗ รางวัลพระสิทธิธาดาทองค�ำ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ด้านการค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ ทางวัฒนธรรม และรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๔๐ รางวัลอาเซียน (ASEAN Award) จากกลุ่มประเทศอาเซียน ในฐานะผู้มีผลงานด้านวัฒนธรรมดีเด่นของประเทศไทยและ ของกลุ่มประเทศอาเซียน พ.ศ. ๒๕๔๒ รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาภาษาศาสตร์และวรรณกรรม จากส�ำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมจังหวัด สงขลา พ.ศ. ๒๕๔๖ เกียรติบัตรจากกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะผู้มีคุณูปการต่อการ อนุรักษ์วรรณกรรมท้องถิ่น และ พ.ศ. ๒๕๕๘ รางวัล “พระองค์วรรณ” และ ประกาศเกียรติคุณในโอกาส ๑๒๕ พรรษาชาตกาล พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ จากสมาคมนักเขียน แหง่ ประเทศไทย ๑ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้ให้ค�ำนิยามของฐานนิยม ๔ ด้าน สรุปได้ว่า ปัญญานิยมคือ ภูมิปัญญาที่ประดิษฐ์โดยปราชญ์ชาวบ้านแล้วถ่ายทอดมาสู่ชุมชน มีท้ังทฤษฎีและศาสตร์ ของตนเอง จริยธรรมมาจากศีลธรรมและจารีตประเพณี คนปักษ์ใต้จะคบคนดีมากกว่า คนมีปญั ญาหรอื คนฉลาด ซึง่ เขามองว่าข้โี กงหรอื เห็นแกต่ วั อ�ำนาจนยิ มเป็นการสรา้ งกลุม่ จงู คนไปสทู่ ศิ ทางทเี่ หมาะสม ในแนวทแ่ี ผอ่ อกไปในคนระดบั เดยี วกนั และสดุ ทา้ ย คอื ทนุ นยิ ม เป็นจิตส�ำนึกว่าทรัพยากรธรรมชาติคือทุนท่ีทุกคนต้องใช้อย่างประหยัด เป็นของส่วนรวม ที่ต้องอนุรักษ์ไว้ให้ยั่งยืน และทุนท่ีส�ำคัญมากคือความดี การจะเข้าใจชุมชนจึงต้องเข้าใจ ฐานนิยมของชมุ ชนให้ชัดเจน 178 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
นอกจากน้ี ในระหว่างรับราชการ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ยังได้รับปริญญาดุษฎี บัณฑิตกิตติมศักด์ิจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ คือ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ จากมหาวทิ ยาลยั ทักษณิ ใน พ.ศ. ๒๕๔๔ และมหาวทิ ยาลยั วลัยลกั ษณ์ ใน พ.ศ. ๒๕๔๘ ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย ๓ แห่ง คือ มหาวิทยาลัย ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ใน พ.ศ. ๒๕๔๗ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏสรุ าษฎร์ธานี ในปีเดียวกนั นอกจากการยกย่องเชิดชูเกียรติดังกล่าวข้างต้น ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ ยังได้รับเชิญเป็นท่ีปรึกษา กรรมการ อนุกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ในงานวิชาการ ของมหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐอกี เปน็ จ�ำนวนมาก เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณแ์ ละเหรียญดุษฎีมาลา เขม็ ศิลปวิทยา เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันสูงสุดที่ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้รับพระราชทาน คือ มหาปรมาภรณช์ า้ งเผอื ก มหาวชริ มงกฎุ เหรยี ญดษุ ฎมี าลา เขม็ ศลิ ปวทิ ยา สาขาสงั คมศาสตร์ และเหรยี ญจักรพรรดมิ าลา การได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาสังคมศาสตร์ ใน พ.ศ. ๒๕๔๕ ดว้ ยผลงาน ดังนี้ เปน็ ผูร้ เิ ริ่มและอำ� นวยการจัดทำ� พจนานุกรมภาษาถ่นิ ใต้ เป็นผู้ริเร่ิมและเป็นประธานอ�ำนวยการจัดท�ำสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ เป็นผู้ริเร่ิม ก่อตั้งสถาบันทักษิณคดีศึกษาและพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา โครงการวิจัยโครงสร้างและ พลวตั วัฒนธรรมภาคใตก้ ับการพัฒนา โครงการวิจัยภูมปิ ัญญาทกั ษณิ จากวรรณกรรมและ พฤติกรรม และโครงการศกึ ษาวิจัยและจดั ทำ� แผนทภ่ี ูมินทิ ัศนภ์ าคใต้ : ฐานเศรษฐกิจและ ทุนวฒั นธรรม ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 179
ศาสตราจารยส์ ุธวิ งศส์ มรสกับนางสาวประดับ สทิ ธสิ าร มีบตุ ร ๔ คน คอื นายทปี วิท นายตรที ศ นายสนิ พนู และนายจนุ พงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์เริ่มป่วยด้วยโรคหลอดโลหิตฝอยในสมองแตก แต่ก็ ได้รับการรักษาอย่างดี จนมีอาการดีข้ึน ปฏิบัติกิจวัตรได้ตามปกติแม้ต้องอาศัยเก้าอี้ล้อ (wheelchair) ท้ังยังมีโอกาสได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ สมเด็จพระ กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จ พระราชด�ำเนินไปทอดพระเนตร “ห้องศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์” ท่ีสถาบัน ทักษิณคดีศึกษา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วย คร้ันต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ เร่ิมมีอาการอ่อนแรง ตรวจพบมีเลือดซึมใกล้ก้านสมอง ต่อมาต้องเข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาล มีภาวะติดเชื้อและน้�ำท่วมปอด จนถึงแก่อนิจกรรม เม่ือวันท่ี ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สิริอายุ ๘๒ ปี ๖ เดอื น ๔ วัน นางสาวทรงสรรค์ นลิ ก�ำแหง ผู้เรียบเรยี ง 180 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ข้อมูลอา้ งองิ ๑. สธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย.์ คราบนำ�้ ตาบนทางชวี ติ และงานของสธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย.์ กรุงเทพฯ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชช่ิง จ�ำกัด (มหาชน), ๒๕๓๙. ๒. หวนอาลัย ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. จัดพิมพ์ในโอกาสท�ำบุญ ทักษิณานุปทาน ครบ ๑๐๐ วัน ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. สงขลา : โรงพิมพ์พมิ พการ, ๒๕๖๐. ๓. ขา่ วสด. (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐). คอลมั นข์ า่ วทะลคุ น : สนิ้ “สธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย”์ ปราชญ์ทักษิณคดีศึกษา. http : //www. Khaosod.co.th/newspaper- column/ people/news_446313 ๔. สถาบนั ทกั ษณิ คดี มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ . ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒. วนั ศาสตราจารย์ สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. http : //www2. tsu.ac.th/org/ists/m/detail. php? id_list=92&aNum=20190115161422 ๕. สยามรฐั ออนไลน.์ (๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐). ศาสตราจารยส์ ธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย.์ https://siamrath.co.th/n/20289 ๖. นางประดบั พงศไ์ พบลู ย์ (ภรรยา) และผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์สมบูรณ์ คปุ ตภากร อาจารยม์ หาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ให้ข้อมลู เพิม่ เติม ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 181
ครูศลิ ปน แหง่ ชาติ ผู้ใชท้ กั ษะทางศลิ ปะเปนตน้ แบบแนวคดิ พฒั นาศิษย์ให้มคี วามถนดั เฉพาะตวั ๑8๒ ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
นายถวัลย ดัชนี พ.ศ. ๒๔๘๒ - ๒๕๕๗ ศิลปนแห่งชาติ ผู้ปราดเปร่ืองงานศิลปกรรม เปน็ แบบอยา่ งของความเปน็ ครู ไดร้ บั การยอมรบั ในฐานะ ‘ปราชญ์ผู้ช้ีน�าจิตวิญญาณมนุษย์ให้ก้าวสู่ความสงบสุข อนั เป็นจดุ มุ่งหมายสูงสดุ ของทุกศาสนา นายถวัลย์ ดัชนี เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ท่ีจังหวัดเชยี งราย เป็นบตุ รคนสุดท้อง ของนายศรี และนางบัวค�า ดัชนี สกุลเดิม พรหมสา มีพ่ี ๓ คน คือ พันตรี สว่าง นายสมจิตต์ และนายวสันต์ ดัชนี ซึ่ง ถงึ แกก่ รรมทง้ั หมดแลว้ ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ๑8๓
๑84 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
เริ่มการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม และระดับมัธยมที่ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย ได้รับทุนการศึกษาของจังหวัดเชียงราย เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเพาะช่าง (วิทยาลัยเพาะช่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล รัตนโกสินทร์ ปัจจุบัน) ใน พ.ศ. ๒๕๐๐เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่คณะจิตรกรรม (คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพมิ พป์ ัจจบุ ัน) มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร พ.ศ. ๒๕๐๕ ไดร้ บั ทนุ จากกระทรวงวทิ ยาศาสตรว์ ฒั นธรรมและการศกึ ษาของรฐั บาล เนเธอร์แลนด์ โดยการแนะน�ำจากศาสตราจารย์ศิลป์ พรี ะศรี เขา้ ศกึ ษาตอ่ ในระดบั ปรญิ ญาโท สาขาจติ รกรรม ฝาผนังอนุสาวรีย์ผังเมือง และปริญญาเอก สาขา อภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ ณ ราชวิทยาลัยศิลปะ อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เวลา ๕ ปี ส�ำเร็จการศึกษาท้ังระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ตามล�ำดบั นายถวลั ยเ์ ปน็ ศลิ ปนิ ผยู้ ดึ มนั่ ในวชิ าชีพทรี่ กั และ ศรทั ธาดว้ ยการสรา้ งผลงานศลิ ปกรรมหลากหลายรปู แบบ และสาขา ทงั้ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรม วรรณกรรม และนาฏกรรมมาอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง ยาวนานตราบสนิ้ อายขุ ยั เป็นต้นแบบและแรงบนั ดาลใจใหเ้ หลา่ ศษิ ยแ์ ละศลิ ปนิ ทงั้ ชาวไทยและชาวตา่ งชาตยิ ดึ มนั่ ในอดุ มการณ์ ดว้ ยการทมุ่ เททง้ั ชวี ติ เพอื่ การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ศลิ ปกรรม ผสู้ ร้างนิยาม คำ� ว่า “เดรัจฉานกิจกรรม” ในวงการศลิ ปะทัง้ ในสถาบนั การศึกษา และโลกอาชพี ศลิ ปนิ ประเทศไทยและระดับสากล จนได้รบั การยกย่องเชิดชูในความกลา้ คดิ กล้าแสดงออก “...ศิลปินโดยเฉพาะอย่างย่ิงศิลปินจิตรกรรม มีหน้าท่ีอย่างเดียวเท่านั้น คือการ ท�ำงานจิตรกรรม เป็นความรักปรากฏรูปออกมาให้ประจักษ์ อย่างอื่นน้ันต้องขอ เรยี กวา่ เดรจั ฉานกจิ กรรม ไมใ่ ชก่ จิ ของศลิ ปนิ อยา่ พงึ ไปแตะตอ้ ง ถา้ มวั แตไ่ ปทำ� อะไร อย่างน้ันงานของเราก็จะไม่เขม้ จะไมค่ ม จะไม่ขลงั แลว้ เราก็จะไมส่ มั ผสั พระผ้เู ป็น เจ้า จากการสะเทือนเฟือนไหวของการสร้างสรรคข์ องเรา...” (นติ ยสาร ART RECORD ฉบบั ที่ ๗:๒๐/พฤษภาคม-มิถนุ ายน/๒๕๔๕ หน้า ๔) ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 185
นายถวลั ยไ์ ดร้ บั การเรยี กขานวา่ “ศลิ ปนิ อหงั การ” และเปน็ ศลิ ปนิ ทไ่ี ดร้ บั การวจิ ารณ์ ในทกุ ๆ ดา้ นตลอดชวี ติ การดำ� รงตนในฐานะศลิ ปนิ ผมู้ คี วามเปน็ ตวั ของตวั เองในแบบทเี่ รยี กวา่ “สุดโต่ง” มีศิษย์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมากมาย โดยเฉพาะขณะศึกษา ปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ท�ำหน้าท่ีสอนควบคู่กันไปด้วย มีข้อมูลกล่าวถึงการปฏิเสธที่จะไม่ท�ำหน้าที่สอนหลังจากการค้นพบ “ตัวตน” ในงาน สร้างสรรค์ศิลปกรรมแล้ว เพราะความมุ่งมั่นที่จะท�ำหน้าที่ในฐานะ “ช่างวาดรูป” ซ่ึงเป็นค�ำที่มักเรียกขานแทนตนเองเสมอ ๆ แต่ไม่เคยปฏิเสธการได้รับเชิญเพื่อเป็น องคป์ าฐกในการเสวนาดา้ นศลิ ปะและการสาธติ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะโดยเฉพาะในการ เปิดนทิ รรศการศิลปะครงั้ ส�ำคัญ ๆ ของประเทศไทยและตา่ งประเทศ นายถวัลย์มีหลักการส�ำคัญในการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยมุ่งหวังให้ศิษย์ ค้นพบตัวตนของตนเอง ด้วยการท�ำงาน ศิลปะอย่างมุ่งม่ันและเป็นแบบอย่าง ท้ังด้านปรัชญา รวมทั้งแนวคิดในการ ด�ำเนินชีวิตที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และ มีลักษณะเฉพาะของครูผู้เป็นภูมิปัญญา ในงานศิลปะแขนงต่าง ๆ สอดแทรกส่ง ถงึ ศษิ ย์ เปน็ “สกลุ ชา่ ง” ดงั ที่ นายธวชั ชยั สมคง บรรณาธิการนิตยสาร Fine Arts กลา่ วไวต้ อนหน่ึงว่า “ถวัลย์ ดัชนี สอนให้ ลงมือปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี และยังสอน ให้ทุกคนมีความแน่วแน่ในสายอาชีพ ของเขา นอกจากนั้น ยังท้ิงข้อคิดดี ๆ ไว้ให้กับผู้คนมากมายในด้านการท�ำงาน ศิลปะและการด�ำเนินชีวิต” นายถวัลย์ได้แสดงตัวตนของตนเอง ต้ังแต่ยังเป็นนักศึกษา คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศลิ ปากร โดยมีศาสตราจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี “อาจารย์ฝร่งั ” ผู้เป็นศูนยร์ วมแหง่ ความศรัทธาของเหลา่ ศษิ ยศ์ ลิ ปากร เป็นต้นแบบในความขยันหมน่ั เพยี ร ตอ่ การปฏิบตั หิ นา้ ที่ และการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปกรรมตราบวาระสดุ ทา้ ยของชีวิต 186 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุมน ศรีแสง อดีตอาจารย์ประจ�ำรายวิชาประวัติศาสตร์ ศิลปะ และผู้รับผิดชอบโครงการทัศนศึกษา เพ่ือน�ำนักศึกษาไปยังโบราณสถานต่าง ๆ เพ่ือศึกษาเกี่ยวกับศิลปะไทยยุคต่าง ๆ มาตลอดนานหลายสิบปี ผู้เป็นศิษย์รุ่นน้องของ นายถวัลย์ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนายถวัลย์ที่เป็นท่ีโจษขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เก่ียวกับการ ออกไปทศั นศึกษาศลิ ปะของนักศึกษาคณะจติ กรรมฯ ในครั้งหนง่ึ วา่ “พ่ีหวันเป็นคนทรนงในการสตัดดี้อะนาโตมี (Anatomy) และรูปแบบศิลปะไทย สมัยต่าง ๆ อย่างจริงจังมาก จนถึงขั้นก้าวข้ามจากสิ่งที่นักศึกษารุ่นเดียวกันยังต้องศึกษา ในท�ำนองว่าส่ิงน้ียังห่างไกลจากระดับการสร้างสรรค์ผลงานส่วนตัวของพ่ีหวันเอง... คร้ังหนึ่งในขณะท่ีกลุ่มนักศึกษาออกไปทัศนศึกษายังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งจังหวัดสุโขทัย กำ� แพงเพชร ลพบรุ ี และอยธุ ยา โดยใชเ้ วลายาวนานกวา่ สปั ดาห์ พหี่ วนั ไมไ่ ปดว้ ย แตพ่ อวนั ที่ พวกเรากลับ พอขบวนรถไฟเข้าโคง้ เพ่ือจะเตรยี มจอดท่สี ถานีปลายทางคือหวั ล�ำโพง ภาพท่ี ปรากฏคือ พ่ีหวันยืนยกขาเหยียบก้อนหินด้วยขาข้างเดียว พร้อมกับใช้มือเชยคาง โดยมี ศอกวางต้ังบนเข่าข้างที่ยกขาข้ึนเหยียบหิน สายตามองตรงไปข้างหน้า ไม่แม้จะช�ำเลืองดู ขบวนรถไฟเลย” นายถวัลย์ค้นคว้าทดลองทุกรูปแบบและแนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน ศลิ ปะจนประสบผลสำ� เร็จอยา่ งสูง ดงั บทความเรือ่ ง “ถวลั ย์ ดชั นี จกั รพรรดบิ นผนื ผา้ ใบ” ในวารสารวฒั นธรรม กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ความตอนหนงึ่ วา่ “นายถวลั ยท์ ำ� งานอยา่ งหนกั ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 187
ตลอดหกเดอื นแรกของการเขา้ มาเปน็ นกั ศกึ ษาใหมท่ คี่ ณะจติ รกรรมฯ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ด้วยตระหนักว่า มาจากเพาะช่าง รากฐานยังไม่มั่นคง ด�ำริชอบและเข้าใจชอบยังไม่มี มีแต่เพียรชอบ วิริยะชอบ ตั้งใจชอบ การได้เรียนศิลปะกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ขณะทเ่ี ป็นนกั ศกึ ษาชนั้ ปีที่ ๔ และ ๕ เหมอื นโลกใบใหม่ทกี่ วา้ งใหญ่ ทำ� ให้ตอ้ งต้ังใจเรียน ขยัน และท�ำงานหนัก แต่ยังขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ดังท่ีอาจารย์ฝร่ังได้ให้ข้อคิด หน่ึงแก่นายถวัลย์ว่า “นายคนภูเขา นายมันโง่แล้วขยัน นายย่ิงท�ำงานหนัก ย่ิงล่มจม นายหดั คิดเสยี บา้ ง อยา่ เอาแตท่ �ำขยันเกินไป โง่เกนิ ไป ทำ� ปยุ๋ กย็ ังไมด่ นี าย...”” และอกี ตอนหนงึ่ ของวารสารวฒั นธรรมฉบบั เดยี วกนั กลา่ ววา่ ““นายคนภเู ขา” ของ อาจารย์ศิลป์จึงหยุดทบทวนตัวเองใหม่ และอีกหน่ึงปีต่อมาจึงสามารถท�ำคะแนนวาดรูป ไดด้ ีเยย่ี มระหวา่ งเรียน แต่กระนน้ั ในการคดั ผลงานส่งเข้าร่วมงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ อันถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดส�ำหรับการประกวดศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทย อาจารย์ศิลป์ได้คัดผลงานของนายถวัลย์ออกด้วยเหตุผลว่า “งานของนายมีแต่ถูกต้อง มนั เปน็ งานเรยี น เปน็ อะคาเดมคิ นะนาย มนั ไมม่ ชี วี ติ ปลาของนายวา่ ยนำ้� ไมไ่ ด้ ไมม่ กี ลนิ่ คาว ม้าของนายตายแลว้ ยืนตาย วิง่ ไม่ได้ ร้องไม่ได้ ฟา้ ของนายเหมอื นฉากลเิ ก ฟา้ ของนายไม่มี อากาศ หายใจไม่ได้ รูปของนายไมม่ ิสติคเลย นายไมเ่ ข้าใจนะ นายคนภเู ขา”” ค�ำวิจารณ์ดังกล่าวไม่ได้ท�ำให้นายถวัลย์ท้อแท้ ท้อถอย ตรงกันข้ามนายถวัลย์ เปล่ียนแปลงการท�ำงานใหม่หมด และในท่ีสุดจึงได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ศิลป์ ให้สอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยในบรรดาคนที่สอบ ๖๐๐ คน นายถวัลย์สอบได้ที่ ๒ จากน้ัน ได้ศึกษาจนจบระดบั ปรญิ ญาโทและปรญิ ญาเอก เมื่อเรียน 188 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
จบกลับมา มุมมองและความเข้าใจทม่ี ตี ่อศลิ ปะของนายถวลั ยไ์ ด้เปลยี่ นไป โดยนายถวลั ย์ ไดก้ ลา่ ววา่ “ผมเขา้ ใจศลิ ปะในแงม่ มุ หนง่ึ เหมอื นเพชรทถี่ กู เจยี ระไนแลว้ มตี ง้ั รอ้ ยกวา่ เหลยี่ ม แต่ผมรู้เพียงเหลี่ยมหนึ่ง แต่เหลี่ยมนั้นเหมือนใบไม้ทั้งป่า ผมรู้จักใบไม้ก�ำเดียวในมือผม แต่ใบไม้ก�ำเดียว สามารถน�ำให้ผมข้ามสังสารวัฏไปสู่ปรินิพพาน ธาตุอันเป็นเบื้องปลาย ของผม ผมจึงเพียงพอแล้ว รู้จักเพชรซีกเดียว รู้จักธรรมะเพียงข้อเดียวท่ีน�ำผมไปสู่ความ หลุดพ้น แล้วผมก็ด�ำรงตนอย่างและเย่ียงนักวาดรูป คือไม่แตะต้องเร่ืองอะไรของคนอ่ืน คอื อยบู่ า้ นแล้วเขยี นรปู ทำ� งานวาดรูปแล้วไม่เคยผันแปรไปกบั เรอ่ื งอ่ืนเลย” นายถวลั ยก์ ลา่ วเชดิ ชู “อาจารยศ์ ลิ ป”์ ผสู้ รา้ งแรงบนั ดาลใจในหลากหลายวาระโอกาส ความตอนหนึ่งวา่ “...แตใ่ นวันนอี้ าจารยศ์ ิลป์ไดถ้ า่ ยทอดความรักความเข้าใจและจงู ผมมาที่ หนองนำ�้ แหง่ หนง่ึ อาจารยบ์ อกเสมอวา่ “ฉนั จงู นายมาได้ ฉนั จงู นายมาถงึ เหมอื นฝงู ควายทจี่ งู มา หนองนำ�้ การจะกนิ นำ�้ หรอื ไมน่ นั้ ขนึ้ อยกู่ บั ควาย แตฉ่ นั จงู นายมาแลว้ ... อาจารยศ์ ลิ ปอ์ ยใู่ น สายเลอื ด อยใู่ นลมหายใจ อยใู่ นจติ วญิ ญาณผม... การทผี่ มไดร้ บั รางวลั ฟกู โู อกะ ซงึ่ เปน็ คนไทย คนเดียวในซีกโลกตะวันออก เปน็ คนเอเชียคนเดยี วทไ่ี ดร้ บั รางวัลฟกู โู อกะ ในฐานะจิตรกร ซึ่งไม่เคยมีมาเลย อันนี้ผมอยากจะค้อมหัวว่า ถ้าไม่มีอาจารย์ศิลป์จะมีผมหรือ... อาจารย์ศิลป์ ไม่เพียงแต่สร้างลมหายใจและจิตวิญญาณ อาจารย์ศิลป์เป็นบิดาของชีวิตที่ ทำ� ให้เราเกิดมา ในรม่ เงาอันเดยี วกนั ” (นติ ยสาร ART RECORD หนา้ ๕) ครั้งหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อผลงานศิลปะที่นายถวัลย์จัดแสดงอยู่ที่ ส�ำนักกลางคริสเตียนถูกกรีดท�ำลายจนได้รับความเสียหาย และถูกกล่าวหาว่า “ศิลปิน บ้าบ่ิน ดูถูกพุทธศาสนา” นายถวัลย์กล่าวถึง เหตกุ ารณ์ครัง้ น้นั ว่า “เม่ือผมกลับมาใหม่ ๆ ผมบอกแล้ว ว่าผมมีวิธีคิด ผมเห็นว่าการน�ำเสนอศิลปะ ในประเทศไทยเกี่ยวกับพุทธศาสนาตื้นเขิน เกินไป... ผมจึงน�ำเสนอวิธีการท่ีพุทธศาสนา สอนเพยี ง ๒ อยา่ ง คอื โลกยี ธรรมกบั โลกตุ รธรรม และผมก็น�ำโลกุตรธรรมกับโลกียธรรม มาเขียนเป็นรูปอยู่ด้วยกัน ท่ีท่ีผมเขียน ผมไม่มีท่ีอยู่กลับมากรุงเทพฯ ผมไม่มีเงิน ก็ ต้องไปเขียนรูปอยู่ในส�ำนักกลางคริสเตียน ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 189
คอื เขาจ้างผมเขยี นรปู ฝาผนัง แล้วเค้าบอกว่าไมใ่ หเ้ งนิ แตใ่ หผ้ มอยใู่ นนีฟ้ รจี นกว่าจะตั้งตัวได้ คอ่ ยไปอยทู่ ีอ่ ื่น อนั น้เี ปน็ ประเดน็ ที่ท�ำให้ คนคดิ วา่ ผมเปน็ ครสิ เตยี น” หลังจากเหตุการณ์คร้ังน้ัน นายถวัลย์ปฏิเสธการแสดงงานในเมืองไทยไปหลายปี เขามักพดู กับใครตอ่ ใครว่า “เมอื่ ไมม่ ใี ครขานรบั เสยี งกู่ของทา่ น จงเดินตามล�ำพงั ” (วารสาร วฒั นธรรมฉบบั เดยี วกนั ) จากบทบนั ทกึ การสนทนาทป่ี รากฏอยใู่ นรปู ของวารสาร เอกสารทางวชิ าการ ปาฐกถา และบทความในสจู บิ ตั รการแสดงผลงานศลิ ปกรรม ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ ตลอดจน การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอันปรากฏอยู่ในส่ือโซเชียล ต่างกรรมต่างวาระ เห็นได้ว่า นายถวัลย์ไม่ได้เป็นเพียง “ช่างวาดรูป” เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นนักประพันธ์บทกวี หลากหลายภาษา ผลงานของนายถวัลย์ได้รับความช่ืนชมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะงาน ของนายถวัลย์เป็นงานท่ีมิใช่เพียงขายความงดงามเปลือกนอก มองพิศพินิจแล้ว ยังศึกษาในปริศนาธรรมที่ต้องใช้จิตเบื้องสูงหย่ังถึง จึงรู้ได้จริงแท้ในแวดวงผู้ท่ีช่ืนชอบ นายถวัลย์และพร้อมที่จะทุ่มเททรัพย์สินเงินทองจ�ำนวนมหาศาลเพ่ือให้ได้ครอบครอง ผลงานของนายถวัลย์ซ่ึงนายถวัลย์ถือว่าเป็น “เพ่ือนผู้เสพงานศิลป์” ดังท่ีนิตยสาร People ได้น�ำค�ำกล่าวของนายถวัลย์มาลงพิมพ์ไว้ว่า “คนไทย ถ้าดูโพย ผมคบอยู่ ประมาณ ๔ - ๕ คน พอจะกล่าวถึงได้บ้าง เม่ือผมยังหนุ่ม คนที่แจ้งเกิดผม คนที่ช่ืนชม ผมเป็นที่ยิ่ง แจ้งเกิดผมทางสังคม คือ อาจารย์คึกฤทธ์ิ แล้วซ้ือรูปผมไม่ต�่ำกว่า ๒๐ รูป ในสมัยผมอายุ ๑๗ - ๑๘ ปี หลังจากนั้น มีคุณชาติชาย (พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ อดตี นายกรฐั มนตรี) คณุ ชาติชายก็ซอื้ รปู ผมเป็นฟอ่ น ประมาณ ๒๐ - ๓๐ รปู ซื้อตง้ั แต่เปน็ ทูตบูเอโนสไอเรสก็มาซ้ือ มาอยู่เวียนนาก็มาซื้อ มาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ก็มาซ้ือ ทุกปีที่ คุณชาตชิ ายมาเร่ิมซือ้ ตัง้ แตผ่ มอยู่ปีส่ีปหี ้า หยดุ ซือ้ ก็ตอ่ เมือ่ ผมไปเรียนต่างประเทศแลว้ มีครั้งหนึ่งมีคนเขาเดินทางรอบโลกไปบูเอโนสไอเรสมาท่ีเวียนนา ท่ีเจนีวาเขามา ขอซื้อรูปผม เพราะเห็นคุณชาติชาย เพราะฉะน้ันคุณชาติชายเป็นเพ่ือนต่างวัยอีกคน ท่ีซ้ือรปู ผมเป็น ๒๐ - ๓๐ รูป ในสมยั ก่อน ทไี่ ด้กลา่ วอกี คนคือ หม่อมหลวงมานจิ ชมุ สาย ซื้อรูปผมไว้รูปสองรูปเหมือนกัน ตอนผมชนะรางวัลแล้วสุเมธ ชุมสายก็เป็นเพ่ือนสนิท กับผม เรยี นศลิ ปะเหมอื นกัน ถือเป็นคนมีอปุ การะคณุ กบั ผมโดยตรงเลย นอกน้นั กม็ คี นซอ้ื น้อยบ้าง เปน็ ฝร่งั มังคา่ ซ่ึงไม่ไดจ้ ดจำ� อะไร อนั น้ันในชว่ งท่ผี มเป็นนกั ศึกษา อยู่ท่ีน่ีผมจะพดู ถึงคนไทยสามคน 190 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
พอผมกลับจากต่างประเทศ มีกลุ่มคนไทยมาซื้องานผม เริ่มต้นคือ แบงค์ชาติ ต้ังแต่สมัยคุณนุกูล ประจวบเหมาะ มาจนถึงคุณเริงชัย มะระกานนท์ คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ สุรินทร์ ลิมปานนท์ และกลุ่มตระกูลโสภณพนิช แล้วต่อมากลุ่มหนุ่ม คณุ บุญชยั เบญจรงคกุล กอ้ งเกียรติ โอภาสวงการ ชนะ อสั ดาทร บุญฤทธิ์ บญุ ยโสภณ มีเจ้าของแกลลอรี่ซึ่งเขาก็ติดตามซ้ืองานผมอยู่เสมอ อย่างเช่นสมบัติแกลลอรี่ ตอนแรก คุณบุญชัยที่ยังไม่รู้จักผมก็ซ้ืองานผมจากคุณสมบัติ มีไม่ก่ีคนท่ีผมกล่าว ซ้ืองานผมเยอะ ไมน่ บั คณุ บญุ ชยั ทซี่ อ้ื งานผมเปน็ ๑๐๐ ชนิ้ ฝรงั่ เยอะแยะ สว่ นใหญผ่ มขายใหพ้ พิ ธิ ภณั ฑอ์ ยา่ งใน เยอรมนี เหนอื จรดใต้ ตงั้ แตฮ่ มั บูร์ก โคโลญจ์ ดุสเซลดอฟ ฮนั โนเวอร์ แจ้งเกิดผมในระดับวงการระดับสากลน่ีก็คือประเทศเยอรมนี ซื้อของผมมากมาย เจ้าของเยอรมนี ราชวงศ์ต่าง ๆ ผมออกแบบตราราชลัญจกรท้ังอังกฤษ สวิส งานรับจ้าง ท�ำให้ได้เงินเป็นหลายฟ่อน อย่างไทยพาณิชย์ ท�ำให้เขาเป็นผลพวง ธารินทร์ชื่นชม ซ้ือรูป เขาเป็นเจ้าของโครงการน้ี ผมจึงท�ำ ผมเอาเงินไม่เท่าไร ผมคืนหมด ท�ำเป็นมูลนิธิ ชว่ ยเหลือทางศิลปะต่อไป” ในนิทรรศการครั้งส�ำคัญครั้งหน่ึงในจ�ำนวนนับร้อยนับพันนิทรรศการของ นายถวัลย์ ดัชนี ในสูจิบัตรงานแสดงเด่ียวชุด RAMAYANA เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ ทห่ี มอ่ มราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดตี นายกรัฐมนตรี ไดเ้ ขยี นไว้ และนิตยสาร People ฉบบั เดยี วกันได้ระบุไว้ ดงั นี้ “ถวัลย์ ดัชนี ได้เคยศึกษาทั้งศิลปะไทยและศิลปะตะวันตกในการเขียนภาพ เช่นเดียวกับจิตรกรคนอ่ืน ๆ ของไทย ผู้ใดท่ีได้ศึกษาภาพของถวัลย์ ดัชนี มาต้ังแต่ต้น จะเห็นว่าภาพชุดแรก ๆ ของเขานน้ั ยงั มีอิทธพิ ลแห่งศลิ ปะตะวนั ตกอยู่มาก ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 191
192 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
แต่ในภาพชุดแรก ๆ น้ันเอง หากใครจะได้พยายามศึกษาให้ลึกซ้ึงสักหน่อยก็จะ แลเห็นได้ว่า มีบางส่ิงบางอย่างที่ก�ำลังดิ้นรนที่จะท�ำให้ตัวปรากฏข้ึนมา ส่ิงนั้นคือความ เปน็ ไทยของถวลั ย์ ดชั นี ความเปน็ ไทยซงึ่ ถกู ศลิ ปะตะวนั ตกอนั หมายถงึ รปู แสง สี ซง่ึ เปน็ ตะวนั ตกกำ� ลงั กดดนั เอาไว้ มใิ ห้ปรากฏขึน้ มาได้ และความเป็นไทยซึ่งถูกศิลปะไทยโบราณอันได้แก่ รูป แบบกนก และสี ท่ีดึง เอาไว้มใิ ห้ปรากฏออกมาได้เช่นเดียวกนั ความเป็นไทยของถวัลย์ ดัชนี ในข้ันแรก ๆ น้ัน จึงต้องดิ้นรนขวนขวายท่ีจะ แสดงตัวให้ปรากฏโดยไม่มีฝรั่งครอบคลุม และไม่มีพันธนาการของไทยโบราณผูกมัด รดั ตรึงไว้... ภาพเร่ืองรามเกียรติ์เป็นวัสดุแสดง ฝีมือและศิลปะของจิตรกรไทย เป็นประเพณี ดังนี้มานานนักหนาแล้ว การแสดงภาพเรื่อง รามเกียรติ์ของถวัลย์ ดัชนีครั้งนี้ จึงเป็นการ ท่ีถวัลย์ท�ำหน้าที่ หรือท�ำงานของจิตรกรไทยของ เขาให้ครบถว้ นบรบิ ูรณ์ น่าจะยอมรับกันได้ว่าถวัลย์ ดัชนี เป็นผู้หน่ึงท่ียืนอยู่แถวหน้าของจิตรกรไทย ในยุคน้ี ซ่ึงความจริงแล้วหาตัวไดน้ อ้ ยมาก” ในแวดวงการศึกษาศิลปะทั้งในระดับโรงเรียน วิทยาลัย ตลอดจนถึงระดับ มหาวทิ ยาลยั และสถาบนั การศกึ ษาดา้ นศิลปะชัน้ นำ� ในต่างประเทศ ตา่ งเฝา้ รอคอยโอกาส และจงั หวะเหมาะในการรับฟังทศั นะประสบการณช์ ีวติ ของนายถวลั ย์ สถาบนั การธนาคาร การเงินท้ังในประเทศและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่ทุ่มทุนทรัพย์จ�ำนวนมหาศาล เพ่ือการจัดต้ังพิพิธภัณฑ์ห้องแสดงผลงานของนายถวัลย์ แม้ว่านายถวัลย์ไม่ได้ท�ำหน้าท่ี ครูอาจารย์ด้านศิลปะในสถานศึกษา ด้วยถือว่านั่นไม่ใช่เส้นทางชีวิตของตน แต่นายถวัลย์ ไดร้ บั เชญิ เปน็ วทิ ยากรในการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารครสู อนศลิ ปะมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และทกุ ครงั้ ไดบ้ ันทึกวีดทิ ศั น์ และเผยแพรใ่ นสอ่ื โซเชียลจำ� นวนมาก ในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “ครูสอนศิลปะ” รุ่นที่ ๒ โรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 193
เม่ือวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หัวข้อ “จากนักเรียนศิลปะถึงศิลปินแห่งชาติ” นายถวัลยไ์ ด้กล่าวอยา่ งนอบนอ้ มตอ่ ครูสอนศิลปะในวันนั้นว่าไม่มบี ุญวาสนาทจ่ี ะทำ� หน้าที่ ครผู สู้ อน เพราะชวี ติ มงุ่ มน่ั การคน้ พบตวั ตนจากการเคยี่ วกร�ำทำ� งานศลิ ปะ จงึ ทำ� ไดอ้ ยา่ งเดยี ว คือ ชา่ งวาดรูป และยังกล่าวชื่นชมครสู อนศิลปะให้เห็นถึงภารกิจอนั ยงิ่ ใหญ่ และมเี กียรติ ในการได้เป็นครูสอนศิลปะ จะเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั แจง้ วา่ สงิ่ ทนี่ ายถวลั ยบ์ รรจงถา่ ยทอดผา่ นการสมั ภาษณจ์ ากสอื่ ทกุ แขนงมาตลอดช่วงอายุขัย คือการสะท้อนถึงแนวคิดอันเป็นหลักปรัชญาในการด�ำเนินชีวิต ไม่เพียงเฉพาะส�ำหรับด้านศิลปะเท่าน้ัน แต่ด้วยประสบการณ์และองค์ความรู้หลากหลาย สาขา จึงมีผู้น้อมยอมรับนายถวัลย์ในฐานะปราชญ์ผู้ชี้น�ำจิตวิญญาณมนุษย์ให้ก้าวเข้าสู่ ความสุขสงบอันเปน็ จุดมุ่งหมายสูงสดุ ของทุกศาสนา รางวัลและเกียรติคุณท่ีได้รับการยกย่อง ได้แก่ พ.ศ. ๒๕๒๘ รางวัลเกียรติยศ เหรยี ญทอง จากสมาคมสถาปนกิ สยาม ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ในฐานะจิตรกรผสู้ รา้ งสรรค์ ศิลปะรว่ มสมัย พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นผ้แู ทนศิลปวฒั นธรรมทางศิลปะตะวนั ออกขององค์การ สหประชาชาติ ไปแสดงผลงานท่ีนิวยอร์ก ปารีส โรม ลิสบอน แคนเบอร่า และโตเกียว ตามลำ� ดบั พ.ศ. ๒๕๔๔ รางวลั ศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ อาเซยี น Fukuoka Asian Culture Prize Committee จากญ่ปี ุ่น และศิลปนิ แห่งชาติ สาขาทศั นศลิ ป์ (จิตรกรรม) 194 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รับพระราชทาน คือ จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ นายถวลั ย์สมรสกบั นางสาวมารก์ าเรต็ ฟันเดอร์ฮุ๊ค หรือนางคำ� เอย้ มบี ุตร ๑ คน คอื นายดอยธิเบศร์ ดชั นี นายถวัลย์มีโรคประจ�ำตัวเก่ียวกับความดันโลหิตและคลอเรสเตอรอลตามประสา ผสู้ งู วัยทวั่ ไป และถึงแกก่ รรม เม่ือวนั ท่ี ๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ สริ ิอายุ ๗๔ ปี ๑๑ เดือน ๕ วัน นายวิชัย จติ มาลีรัตน์ ผ้เู รยี บเรยี ง ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ 195
ขอ้ มูลอ้างอิง ๑. นติ ยสาร People ปีท่ี ๑๒ ฉบับที่ ๑๓๕ ๑๕ กันยายน - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๓ ศลิ ปนิ อวตาร ถวลั ย์ ดชั นี ปราชญ์ผู้รังสรรค์ศิลปะ รอคอยคนเกดิ มาเข้าใจ ๒. นิตยสาร ART RECORD ฉบับที่ ๗ : ๒๐ พฤษภาคม มิถุนายน/ ๒๕๔๕ ฉบบั ขนึ้ ปีท่ี ๙/ ศลิ ปนิ แห่งชาติ ถวลั ย์ ดัชนี ๓. นิตยสารไฟน์อาร์ต ปีที่ ๑๑ ฉบับท่ี ๑๑๘ (ตุลาคม - พฤศจิกายน ๒๕๕๗) ถวัลย์ ดัชนี ๔. วารสารวฒั นธรรม กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ปที ่ี ๕๕ ฉบบั ที่ ๔ (ตลุ าคม - ธนั วาคม ๒๕๕๙) โขนท่ีสดุ แหง่ นาฏกรรมไทย ๕. หนังสอื ท่รี ะลกึ ในงานพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี (๑๐ กนั ยายน ๒๕๕๗) ๖. เอกสารถา่ ยสำ� เนาจากนิตยสารพลอยแกมเพชร ๗. บทสมั ภาษณ์ ๗.๑ นายปกรณ์ กลอ่ มเกล้ียง นกั เขียน/ นักวชิ าการอิสระ ๗.๒ นายดอยธิเบศร์ ดัชนี บตุ ร ๗.๓ รองศาสตราจารย์อลิตา จ่ันฝังเพชร สาขาวิชาศิลปกรรม คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหารลาดกระบัง 196 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260