Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

Published by supervisor.vec, 2019-01-06 21:36:38

Description: แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันการทุจริตด้านอาชีวศึกษา

Keywords: ศึกษานิเทศก์คู่ม,แนวทาง,ทุจริต

Search

Read the Text Version

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 95ขน้ั ตอนการดาเนินกิจกรรม ๑. ผสู้ อนชแ้ี จงจดุ ประสงคข์ องกิจกรรม แลว้ นาสนทนา โดยกลา่ วถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมและ ผลประโยชน์ส่วนตวั แล้วใหผ้ ูเ้ รยี นช่วยกันยกตวั อย่าง ๒. ผู้สอนแจกแบบทดสอบเบือ้ งตน้ เกยี่ วกบั ระบบความคดิ ของผู้เรยี น โดยให้เวลา ๑๕ นาที ๓. เม่อื หมดเวลาการทดสอบ ใหผ้ เู้ รียนสลบั กระดาษคาตอบกันเพ่ือตรวจใหค้ ะแนน โดยผสู้ อน เฉลยคาตอบท่ีถูกตอ้ ง พร้อมอธิบายแลกเปลีย่ นเรียนร้เู พิม่ เตมิ ๔. ผสู้ อนแบง่ ผู้เรยี นออกเปน็ ๖ กลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน แล้วให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมารับอุปกรณ์ สาหรับการทากิจกรรม ประกอบด้วย แบบบันทึก (ผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชน์) กลุ่มละ ๑ แผน่ กระดาษชาร์ทกลุ่มละ ๑ แผ่น และปากกาเคมกี ลมุ่ ละ ๒ แท่ง ๕. ผู้สอนเปิดส่ือวีดิทัศน์ เร่ือง แก้ทุจริตคิดฐานสอง ให้ผู้เรียนดู และในระหว่างดูวีดิทัศน์ ใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ จดลงในแบบบันทกึ ๖. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภิปรายและสรปุ สาระสาคัญโดยเขยี นลงในกระดาษชาร์ท ๗. ผู้สอนส่มุ กลมุ่ ผเู้ รยี นออกมานาเสนอหน้าห้องเรียน ๓ กลุ่ม ให้เวลากลุ่มละ ๖ นาที ๘. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปสง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรู้จากกิจกรรมทักษะการปรับการคิด (คิดได้ คิดดี คิดเปน็ )ข้อเสนอแนะ ๑. กจิ กรรมน้ีเหมาะสาหรับผ้เู รยี นระดบั ปวช. และ ปวส. โดยสามารถจัดในห้องเรยี น ๒. จานวนกลุ่มขึ้นอยู่กับจานวนผู้เรียนในช้ันเรียน แต่ควรมีสมาชิกต่อกลุ่ม ๕-๖ คน เพื่อให้ สมาชิกทกุ คนได้มีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม ๓. ผู้สอนควรจัดอุปกรณ์ในการนาเสนอให้พร้อม และส่ือวิดีทัศน์ต้องสามารถมองเห็นได้ ชัดเจน ทวั่ ถงึ ๔. ผู้สอนควรควบคมุ เวลาในการทากจิ กรรมเพือ่ ใหเ้ ป็นไปตามเวลาทกี่ าหนด ๕. ผู้สอนสามารถใช้บอร์ดเกม เช่น The Trust : Anti-corruption Game ซึ่งเป็นบอร์ดเกม ฝีมือคนไทยท่ีได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันออกแบบบอร์ดเกมต้านคอร์รัปชัน จัดโดย สานักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ยั (สกว.) รว่ มกับ สถาบันวิจัยเพอ่ื การพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ : TDRI) เพ่ือสร้างความสนุกสนานและ สร้างประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับ สถานการณจ์ รงิ เก่ียวกบั การทุจรติ คอรัปชัน ให้กับผู้เรียนได้แนวทางการวัดและประเมินผล 1. ประเมินผลจากการทากจิ กรรมกลุม่ 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมของผเู้ รยี นโดยใช้การสงั เกตหรอื แบบสังเกต

96 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา แบบประเมินพฤตกิ รรมหน่วยที่ ๒ สร้างสงั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ ริต หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒.๒ ทกั ษะการปรบั กระบวนการคดิกิจกรรมที่ ๒.๒.๑ คดิ ได้ คดิ ดี คิดเป็นกลุม่ ที่ .............................................................................. วันที่ประเมนิ ....................................................คาชี้แจง ใหส้ ังเกตพฤติกรรมของผเู้ รียนเปน็ รายบุคคลในระหว่างการทากิจกรรม แล้วใหค้ ะแนนระดับ พฤตกิ รรมทีผ่ เู้ รยี นแสดงออกตามเกณฑท์ ่ีกาหนดลาดับ ชื่อ-นามสกุล คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ท่ี ที่ได้๑ ๙-๑๐ ผู้เรียนมีพฤติกรรมเห็นแก่ประโยชน์ สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตัว๒ ๖-๘ ผู้ เ รี ย น มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ค่ อ น ข้ า ง เ ห็ น๓ ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ สว่ นตัว๔ ๓-๕ ผู้เรียนมีพฤติกรรม ค่อนข้างเห็นแก่๕ ประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าสวนรวม ๐-๒ ผู้เรียนมีพฤติกรรมเห็นแก่ประโยชน์๖ สว่ นตัวมากกว่าสว่ นรวมหมายเหตุ ถ้าผเู้ รยี นไดร้ ะดับคะแนนต่ากว่า ๕ คะแนน ผสู้ อนตอ้ งปรับเปลยี่ นพฤติกรรมผเู้ รยี นโดยฝกึ ให้ผเู้ รยี น คิดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และประเมินอีกครั้งจนกว่าระดับคะแนนพฤติกรรม มากกว่า ๕ คะแนนขึ้นไป

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 97แบบทดสอบเบอ้ื งต้นเกย่ี วกับระบบความคดิ ของ นกั เรียน/นักศกึ ษา ระดบั ชน้ั ปวช./ปวส.ชื่อ-นามสกลุ ................................................................ ระดับ ...................... ช้นั /กล่มุ .............................คาชี้แจง ๑. แบบทดสอบนม้ี ีทัง้ หมด ๑๐ ข้อละ ๑ คะแนน ๒. ให้ผู้เรียนเขยี นคาตอบท่ีตรงกับความคิดเห็นของผู้เรยี นมากทส่ี ุด๑. ผู้เรียนไม่ชอบคบกับเพ่ือนท่ีเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะจะทาให้ตนเองต้องถูกจากัดด้วยกรอบของ ระเบียบตลอดเวลา ทาใหข้ าดความเป็นอสิ ระในการใช้ชวี ติ ผู้เรยี นเห็นด้วยหรอื ไม่ อย่างไร ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๒. ผู้เรียนมีความเช่ือว่า “การขับรถแม้จะผิดกฎจราจรบ้าง แต่หากทาให้ประหยัดเวลาและถึงท่ีหมาย ก่อนใครก็ถือว่าดที ีส่ ดุ แลว้ ” ผู้เรียนเห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๓. คาวา่ คณุ ธรรมสาหรับผู้เรยี น หมายความว่า ผูใ้ ดจะทาดตี ้องได้รบั ความดตี อบแทน แตถ่ ้าหากกระทา ช่ัวควรได้รับความเห็นใจสงสาร เพราะเขาอาจะทาไปเพราะความจาเป็นบางอย่างเพื่อความอยู่รอด ของชวี ิต ผู้เรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๔. ผู้เรียนจะยกย่องบุคคลที่ทาบุญทาทาน ด้วยจานวนเงินมาก ๆ โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาหาเงินได้มา ดว้ ยวิธีที่ถกู ต้องสุจริตหรือไม่ ผู้เรยี นเหน็ ดว้ ยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................

98 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา๖. เด็กชายเอ็มหนีออกจากบ้านโดยข่ีรถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างทางเจอด่าน ตารวจ เด็กชายเอ็มกลัวจะโดนตารวจจับจึงโกหกว่าเดินทางมาตามหาพ่ีชาย เนื่องจากพ่อเสียชีวิต ผู้เรียนเห็นดว้ ยกับการกระทาของเด็กชายเอม็ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๗. ผู้เรียนได้แอบนาโทรศัพท์มาใช้ที่วิทยาลัยฯ เน่ืองจากมีความจาเป็นต้องติดต่อกับผู้ปกครอง แต่ บังเอิญโทรศัพท์แบตเตอรี่หมดในช่วงพักกลางวันจึงขึ้นมาบนอาคารเรียนเพ่ือชาร์ จแบตเตอรี่ โทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถติดต่อกับผู้ปกครองได้ ผู้เรียนคิดว่าเป็นการกระทาที่ถูกต้อง หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๘. ครูสมหมายมักจะใช้เวลาว่างจากช่วั โมงสอนทาธรุ กิจขายตรงผ่านโปรแกรมไลน์ในคอมพวิ เตอร์ของ วิทยาลัยเพื่อเป็นการหารายได้เสริม เน่ืองจากบุตรกาลังศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ต้องใช้เงิน จานวนมาก ผู้เรียนคดิ ว่าครสู มหมายทาถูกตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๙. นายสมบัติมาวิทยาลัยกับพ่อโดยรถยนต์ที่มีตราของคณะแพทย์ศาสตร์มารับ-ส่งประตูทางเข้า วิทยาลัยทุกวนั ผู้เรียนคิดว่าการกระทาดังกลา่ วสมควรหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................๑๐. คนขับรถของวิทยาลัยเป็นคนขยัน จะล้างรถยนต์ของผู้อานวยการวิทยาลัยเป็นประจา โดยใช้น้าใน วิทยาลัย ผู้เรยี นคดิ วา่ คนขบั รถวทิ ยาลัยทาถกู ตอ้ งหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 99๑๑. นายสมชายเป็นบุตรของคุณครูสายสมร ตอนเย็นหลังเลิกเรียน นายสมชายต้องไปน่ังรอคุณครู สายสมรในห้องพักครูโดยนั่งเล่นคอมพิวเตอร์และเปิดเคร่ืองปรับอากาศ ผู้เรียนคิดว่านายสมชาย ทาถูกหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................

100 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา เฉลยแนวทางคาตอบแบบทดสอบเบอื้ งตน้ เกยี่ วกบั ระบบความคิด ของ นกั เรยี น/นกั ศึกษา ระดบั ชัน้ ปวช./ปวส.๑. ผู้เรียนไม่ชอบคบกับเพ่ือนท่ีเป็นคนซ่ือสัตย์ เพราะจะทาให้ตนเองต้องถูกจากัดด้วยกรอบของ ระเบียบตลอดเวลา ทาให้ขาดความเป็นอิสระในการใชช้ ีวิต ผู้เรียนเหน็ ด้วยหรอื ไม่ อยา่ งไร ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะความซื่อสัตย์เป็นลักษณะนิสัยของบุคคลที่พึงมี อีกท้ังการปฏิบัติตามกรอบของ ระเบยี บกฎหมายซงึ่ เปน็ กติกาในการปฏิบตั ิต่อกันในสงั คมกเ็ พ่อื ให้เกดิ ความสงบเรียบรอ้ ยในบา้ นเมือง๒. ผู้เรียนมีความเชื่อว่า “การขับรถแม้จะผิดกฎจราจรบ้าง แต่หากทาให้ประหยัดเวลาและถึงที่หมาย ก่อนใครก็ถอื วา่ ดีท่ีสุดแลว้ ” ผู้เรยี นเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะกฎจราจรเป็นกฎหมายเพ่ือป้องกันอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยบนถนน การ ขับรถผิดกฎจราจรทาให้เกิดอุบัติเหตุกับบุคคลอื่นได้ เป็นการกระทาที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม๓. คาวา่ คุณธรรมสาหรับผู้เรียน หมายความวา่ ผู้ใดจะทาดตี ้องไดร้ บั ความดีตอบแทน แต่ถ้าหากกระทา ช่ัวควรได้รับความเห็นใจสงสาร เพราะเขาอาจะทาไปเพราะความจาเปน็ บางอย่างเพ่ือความอยู่รอด ของชีวติ ผู้เรยี นเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ๑. เห็นด้วยกับคุณธรรมสาหรับผู้เรียน เพราะผู้ใดกระทาดตี ้องได้รับความดตี อบแทนแม้อาจไม่ได้รบั ผลตอบแทนอย่างฉับพลนั หรอื เป็นรูปธรรม แตอ่ ย่างน้อยก็ภมู ใิ จในตนเองท่ีไดก้ ระทาความดีแม้ไม่มีใครเห็น หรือได้รับการช่นื ชม ๒. ไม่เห็นด้วยกับประโยคที่ว่าการกระทาชั่วควรได้รบั ความเห็นใจสงสารเพราะความจาเป็นบางอยา่ ง เพ่ือความอยู่รอดของชีวิต เน่ืองจากการกระทาชั่วเกี่ยวกับการกระทาเพราะความจาเป็นต้องแยกออกจาก กัน หากต้องตัดสินใจทาสิ่งใดในเรื่องท่ีจาเป็นหรือความอยู่รอดของชีวิตหรือเร่ืองอ่ืนใดก็ตามต้องยึดหลัก ความถูกต้องเปน็ ที่ตัง้ ไม่ทาให้ผูอ้ ่นื ไดร้ ับความเดือดรอ้ น๔. ผู้เรียนจะยกย่องบุคคลที่ทาบุญทาทาน ด้วยจานวนเงินมาก ๆ โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาหาเงินได้มา ดว้ ยวธิ ีทถ่ี กู ตอ้ งสุจรติ หรอื ไม่ ผู้เรยี นเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะการทาบุญทาทานไม่ข้ึนอยู่กับจานวนเงินที่บริจาค หากนาเงินหรือทรัพย์สินท่ีได้ จากการทุจริตมาสร้างประโยชน์ในสงั คมกไ็ มค่ วรไดร้ ับการยกย่อง ในทางกลับกนั หากทาบุญทาทานด้วยเงิน เพียงเลก็ น้อยแตห่ ามาด้วยความถกู ตอ้ งซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ควรได้รบั การยกยอ่ ง

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 101๕. เด็กชายเอ็มหนีออกจากบ้านโดยขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างทางเจอด่าน ตารวจ เด็กชายเอ็มกลัวจะโดนตารวจจับจึงโกหกว่าเดินทางมาตามหาพ่ีชาย เน่ืองจากพ่อเสียชีวิต ผู้เรียนเหน็ ด้วยกบั การกระทาของเด็กชายเอม็ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ไมเ่ ห็นดว้ ย เพราะตามกฎหมายกาหนดใหผ้ ู้ทีข่ บั ขรี่ ถจักรยานยนต์บนท้องถนนไดน้ ้นั ตอ้ งมีใบอนุญาต ขับข่ีรถจักรยานยนต์ โดยเด็กชายเอ็มได้ฝ่าฝืนข้อบังคับของกฎหมายซ่ึงอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อเองและ ผู้สัญจรไปมา เป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และการโกหกเพื่อให้ตนเองพ้นจากความผิด เป็น การแสดงออกถงึ การไมซ่ ่อื สัตยส์ ุจรติ ไมม่ คี วามรับผิดชอบในสิง่ ทต่ี นได้กระทาลงไป๖. ผู้เรียนได้แอบนาโทรศัพท์มาใช้ที่วิทยาลัยฯ เน่ืองจากมีความจาเป็นต้องติดต่อกับผู้ปกครอง แต่ บังเอิญโทรศัพท์แบตเตอรี่หมดในช่วงพักกลางวันจึงขึ้นมาบนอาคารเรียนเพ่ือชาร์ จแบตเตอร่ี โทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถติดต่อกับผู้ปกครองได้ ผู้เรียนคิดว่าเป็นการกระทาที่ถูกต้อง หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการกระทาดังกล่าวเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ทาให้วิทยาลัยต้องมีภาระ ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากข้ึนจากการนาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์จแบตเตอร่ีที่วิทยาลัย หากมีความจาเป็นในการ ติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองอย่างย่ิง อาจใช้โทรศัพท์สาธารณะหรือยืมโทรศัพท์เพื่อนและครูในการติดต่อ เป็นต้น๗. ครูสมหมายมักจะใช้เวลาว่างจากชวั่ โมงสอนทาธุรกิจขายตรงผ่านโปรแกรมไลนใ์ นคอมพิวเตอร์ของ วิทยาลัยเพ่ือเป็นการหารายได้เสริม เน่ืองจากบุตรกาลังศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ต้องใช้เงิน จานวนมาก ผู้เรยี นคดิ วา่ ครูสมหมายทาถูกต้องหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ทาไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการนาทรัพย์สินของวิทยาลัยมาใช้ในประโยชน์ส่วนตน ไม่ว่าจะเป็น คอมพวิ เตอร์ สญั ญาณอนิ เทอร์เน็ต ซงึ่ ทางานด้วยกระแสไฟฟา้ ของวิทยาลยั ทาใหว้ ิทยาลัยมภี าระคา่ ใชจ้ า่ ย สูงขึ้นและเปน็ การเบียดบงั เวลาราชการ เนื่องจากยังอยูใ่ นเวลาปฏบิ ัตหิ น้าที่ราชการ จึงควรจะเอาเวลาวา่ ง จากชั่วโมงสอนมาการพัฒนาการศกึ ษา หลักสูตรการเรียนการสอน หรอื ทเี่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม๘. นายสมบัติมาวิทยาลัยกับพ่อโดยรถยนต์ที่มีตราของคณะแพทย์ศาสตร์มารับ-ส่งประตูทางเข้า วทิ ยาลยั ทุกวัน ผู้เรยี นคิดว่าการกระทาดงั กล่าวสมควรหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ไม่สมควร เพราะเป็นการนาทรัพย์สินทางราชการมาใช้ในประโยชน์ส่วนตัว ซ่ึงการใช้รถยนต์ของ ทางราชการตอ้ งใชใ้ นกจิ การของหน่วยงานราชการเทา่ น้นั และเปน็ ความผดิ ตามกฎหมาย๙. คนขับรถของวิทยาลัยเป็นคนขยัน จะล้างรถยนต์ของผู้อานวยการวิทยาลัยเป็นประจา โดยใช้น้า ในวิทยาลัย ผู้เรียนคดิ ว่าคนขับรถวทิ ยาลัยทาถกู ตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการนาเอาน้าประปาของวิทยาลัยซึ่งเป็นทรัพย์สินของวิทยาลัยมาล้างรถยนต์ ของผู้อานวยการวิทยาลัยซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล เป็นการนาทรัพย์สินทางราชการมาใช้ประโยชน์ สว่ นตน ทาใหว้ ิทยาลยั ตอ้ งจ่ายคา่ นา้ ประปาเพ่มิ ข้ึน

102 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา๑๐. นายสมชายเป็นบุตรของคุณครูสายสมร ตอนเย็นหลังเลิกเรียน นายสมชายต้องไปน่ังรอคุณครู สายสมรในห้องพักครูโดยน่ังเล่นคอมพิวเตอร์และเปิดเคร่ืองปรับอากาศ ผู้เรียนคิดว่านายสมชาย ทาถูกหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ไม่ถูกต้อง เพราะคอมพิวเตอร์และเคร่ืองปรับอากาศเป็นทรัพย์สินของวิทยาลัย ต้องใช้ในราชการ เท่าน้ัน การท่ีคุณครูสายสมรให้นายสมชายน่ังเล่นคอมพิวเตอร์และเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องพักครู ระหว่างรอคุณครูสายสมร เป็นการใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ทาให้วิทยาลัยต้องมี ภาระค่าใชจ้ ่ายเพ่ิมข้นึ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 103 กิจกรรมป้องกนั การทุจริต หนว่ ยท่ี ๒ สรา้ งสังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต หน่วยย่อยท่ี ๒.๓ การมีส่วนร่วมของชมุ ชนสาระสาคัญ การป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบโดยบทบาทของภาคประชาชน เป็นอีกช่องทางหนึ่งทจี่ ะรักษาผลประโยชนข์ องชาติโดยอาศัยการมีสว่ นร่วมของประชาชน ภายใต้พื้นฐานความเข้าใจว่าคนไทยทุกคนในฐานะพลเมือง ต้องมีส่วนรับผิดชอบดูแลอนาคตและความอยู่รอดของชาติไทยเมื่อประชาชนในประเทศมีความต่ืนตัว “ไม่ทนต่อการทุจริต” แล้ว จะทาให้เกิดกระแสการต่อต้านต่อการกระทาทจุ รติ และคนที่ทาทจุ รติ ก็จะเกิดความละอายไม่กลา้ ทจ่ี ะทาทุจรติ ต่อไป ปญั หาการทุจรติ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย เม่ือประชาชนมีความตื่นตัวต่อการที่ไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว ก็จะส่งผลท่ีดีต่อสังคมประเทศชาติ ตลอดจนนานาชาติด้วยจุดประสงค์ ๑. เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับเหตผุ ลความจาเปน็ และแนวทางการสร้างสังคมทไ่ี ม่ทน ตอ่ การทุจริต ๒. เพื่อใหส้ ามารถประพฤตปิ ฏิบัตติ นเป็นพลเมอื งท่ดี แี ละไมท่ นตอ่ การทจุ ริต ๓. เพื่อให้ตระหนักถึงความสาคัญของความพอเพียง ความมีวินัย ความซื่อสัตย์สุจริต ในการ อยู่รว่ มกนั เพ่อื สรา้ งสงั คมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจริตเนอื้ หาสาระ องค์ประกอบที่ทาให้ระบบทุจริตคอร์รัปชันมีโครงสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งและดารงอยู่ในปัจจบุ นั นน้ั เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ์ กั ดิ์ (2547) ได้ใหเ้ หตุผลวา่ มสี าเหตมุ าจากองค์ประกอบต่าง ๆ คือ 1)ระบบการเมืองและระบบราชการมีเกราะกาบังที่แน่นหนา 2) ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็งและขาดผู้นาในการต่อตา้ นคอร์รัปชันท่ีแข็งแกร่ง 3) ค่านยิ มทีเ่ ปน็ อปุ สรรคฝังรากลึกในสังคม ค่านยิ มของคนในสังคมท่ีเปน็ เหตุให้เกิดพฤติกรรมคอรร์ ปั ชัน และ 4) การขาดจติ สานกั เพือ่ สว่ นรวม • แนวทางการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาการทจุ ริตในประเทศไทย แนวทางหรอื มาตรการแกไ้ ขปัญหาการป้องกันการทุจรติ คอร์รปั ชนั ในสังคมไทย นอกจากการใช้มาตรการทางด้านกฎหมายในการปราบปรามแล้ว มาตรการในการป้องกันทุจริตคอร์รัปชันโดยการให้ทุกภาคส่วนร่วมกันศึกษาเรียนรู้ ทาความเข้าใจ และช่วยกันเผยแพร่ความรู้ โดยให้ส่ือมวลชน องค์กรอิสระ และองค์กรตรวจสอบภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นแนวทางหนึ่งทีจ่ ะป้องกันการคอร์รัปชนั ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

104 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้ให้ข้อเสนอไว้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน สรุปได้ดังนี้ คือ 1) การต้ังคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ แต่ควรมีวิธีการคัดเลือกคนท่ีมีความสามารถ มีคุณธรรมที่เป็นกลาง ไม่อิงพรรคการเมืองเข้ามาทางาน ให้งบประมาณและความรับผิดชอบเพิ่มข้ึน 2) การส่งเสริมส่ือมวลชนให้มีอิสระในการตรวจสอบ เช่น มีการต้ังกองทุนวิจัยเพ่ือสอื่ มวลชน จะเกดิ พลงั สงั คมในการตรวจสอบคอร์รัปชนั เพราะเคร่อื งมอื ทห่ี ยุดย้งั คอร์รปั ชันได้ชะงักท่ีสุดคือสื่อมวลชนท่ีอิสระ กล้าและสามารถตรวจสอบได้ 3) การออกจากโครงสร้างอานาจเบ็ดเสร็จ เพราะการแกไ้ ขปัญหาสังคมท่ยี ากและซบั ซอ้ นได้จะตอ้ งเปดิ พื้นที่ทางสงั คมและพ้ืนทท่ี างปญั ญาอยา่ งกวา้ งขวางแล้วจัดความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นไปตามท่ีสังคมต้องการ 4) ปฏิวัติจิตสานึก ปฏิวัติศีลธรรม จิตสานึกใหม่และจิตสานกึ ทางศีลธรรม จะพาให้ออกจากโครงสร้างที่ทาให้เกิดวิกฤติคอร์รัปชนัและวิกฤตศิ ลี ธรรมไปสู่สงั คมที่เปน็ ธรรมและสันติ สาหรบั นายวทิ ยากร เชยี งกลู (2549) ได้นาเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการทจุ ริตคอร์รัปชันในสังคมไทยไว้ 3 แนวทางคือ 1) การปฏิรปู การเมอื ง ให้เปน็ ประชาธปิ ไตยแบบประชาชนมีสว่ นรว่ มได้มากกวา่ แค่การเลอื กตั้ง ให้ประชาชนมสี ิทธิและอานาจในการจัดตงั้ องค์กรอสิ ระที่เป็นกลางมาตรวจสอบและถอดถอนนกั การเมอื งและเจ้าหน้าทีร่ ฐั ที่ทุจริตคอร์รปั ชันได้ 2) การปฏิรูปองคก์ รดา้ นการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบให้เป็นองค์กรอิสระ เลือกคนดี คนเก่งเข้ามาทางาน รวมท้ังตราพระราชบัญญตั ิตง้ั องคก์ รอิสระเพม่ิ ข้ึน และเร่งปฏริ ูปกฎหมาย กระบวนการยุตธิ รรมทุกระดบั ระบบราชการ การศึกษา และการส่ือสารมวลชนเพ่อื ให้กลไกทางกฎหมาย การศึกษาและระบบข้อมูลขา่ วสารทางานได้มีประสทิ ธิภาพ โปร่งใส เน้นความถูกต้องชอบธรรม 3) ประชาชน นักวิชาการ ส่ือมวลชนต้องร่วมกันศึกษาทาความเข้าใจและเผยแพร่ความรู้ระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจสมัยใหม่ท่ีมีความซับซ้อน เพื่อให้รเู้ ท่าทันนกั การเมืองมากทส่ี ดุ และสนบั สนุนการรวมตวั ของภาคธรุ กิจ ภาคประชาชนทุกฝ่าย เปน็ องคก์ รผบู้ ริโภคและองคก์ รเพื่อความโปร่งใสท่ีเขม้ แขง็ ติดตามตรวจสอบการทางานของท้งั ภาครัฐและเอกชน • การลงโทษทางสงั คม “การลงโทษโดยสังคม” หรือ “การลงโทษทางสังคม” ตรงกับคาภาษาอังกฤษคือ “SocialSanction” พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยาฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2532 : 361 - 362) ได้ให้ความหมายของ “Social Sanctions” ว่า สิทธานุมัติทางสังคม หมายถึง การขู่ว่าจะลงโทษหรือการสัญญาว่าจะให้รางวัลตามท่ีกลุ่มกาหนดไว้สาหรับการประพฤติปฏิบัติของสมาชิก เพ่ือชักนาให้สมาชิกกระทาตามข้อบังคับและกฎเกณฑ์ โดยทั่วไปการลงโทษโดยสังคมนั้นเป็นมาตรการควบคุมทางสังคมท่ีต้องการให้สมาชิกในสังคมประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ท่ีสังคมยอมรับร่วมกัน การลงโทษทางสังคม จึงถือเป็นอีกหน่ึงกระบวนการท่ีจะสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริตได้ เพราะหากเกิดการทุจริตข้ึนแล้ว สังคมไม่ยอมรับในการทุจริตน้ัน ช่วยกันสอดส่องดูแล และมีการลงโทษทางสังคมจะช่วยใหพ้ ฤติกรรมลดลงจนไม่เกิดข้นึ ในท่ีสดุ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 105 การลงโทษทางสังคมกบั บคุ ลทปี่ ฏิบตั ติ นฝา่ ฝนื ธรรมเนยี ม ประเพณี หรอื แบบแผนทีป่ ฏบิ ัติต่อ ๆกันมาในชุมชน แม้ว่าการฝ่าฝืนดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานั้นถูกละเมิด ถูกฝ่าฝืน หรือถูกดูหม่ินเกี่ยวกับความเชื่อของชุมชน ก็จะนาไปสู่การต่อต้านจากคนในชุมชนหากการกระทาดังกลา่ วผิดกฎหมายด้วยก็จะย่ิงสร้างให้เกิดความไม่พอใจมากขึ้นได้ ไม่เพียงแต่ในชมุ ชนน้ัน แต่อาจเกย่ี วเนอ่ื งไปกับชมุ ชนอืน่ รอบขา้ ง หรอื ชมุ ชนทใี่ หญ่ทส่ี ดุ นน่ั คือ ประชาชนทง้ั ประเทศ การลงโทษทางสงั คมนน้ั มที ง้ั ดา้ นบวกและดา้ นลบ ดังน้ี - การลงโทษโดยสังคมเชิงบวก จะอยู่ในรูปของการให้การสนับสนุนหรือการสร้างแรงจูงใจหรือการให้รางวัล ฯลฯ แก่บุคคลและสังคมเพ่ือให้ประพฤติปฏิบัติสอดคล้องกับปทัสถาน (Norm) ของชมุ ชนหรอื สังคม เม่อื สมาชิกปฏิบตั ิตามกจ็ ะมกี ารใหร้ างวลั เป็นแรงจงู ใจ ใหก้ ารสนับสนนุ - การลงโทษโดยสังคมเชิงลบ จะอยู่ในรูปแบบของการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการจัดระเบียบสังคม การลงโทษเม่ือสมาชิกไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม แสดงการไม่ยอมรับสมาชิกคนหนึ่งหรือกลุ่มคนกลุ่มหน่งึ โดยเร่ิมต้นดว้ ยการวา่ กล่าวตักเตือน ซึ่งเป็นมาตรการข้ันต่าสดุ เรื่อยไปจนถึงการกดดันและบีบคั้นทางจิตใจ การต่อต้านและการประท้วงในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดยปัจเจกบุคคลหรือการชมุ นมุ ของมวลชน การลงโทษทางสังคมจะมีความรุนแรงมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการกระทาของบุคคลนั้นว่าร้ายแรงขนาดไหน หากเป็นเรื่องเล็กน้อยจะถูกต่อต้านน้อย แต่หากเรื่องน้ันเป็นเรื่องร้ายแรง เรื่องที่เกิดข้ึนประจา หรือมีผลกระทบต่อสังคม การลงโทษก็จะมีความรุนแรงมากข้ึนด้วย เช่น หากมีการทุจริตเกิดขึ้นก็อาจนาไปเปน็ ประเด็นทางสังคมจนนาไปสู่การต่อต้านจากสงั คมได้ เพราะการทุจริตถอื วา่เป็นส่ิงท่ีไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมายและผิดต่อศีลธรรม บ่อยครั้งท่ีมีการทุจริตเกิดข้ึนจนเป็นสาเหตุของการชุมนุมประท้วง เพื่อกดดัน ขับไล่ให้บุคคลน้ันหยุดการกระทาดังกล่าว หรือการออกจากตาแหน่งน้ัน ๆหรอื การนาไปสกู่ ารตรวจสอบและลงโทษโดยกฎหมาย • การปอ้ งกนั ปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบโดยบทบาทของภาคประชาชน การป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบโดยบทบาทของภาคประชาชน เป็นอีกช่องทางหนึ่งท่ีจะรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน ภายใต้พื้นฐานความเข้าใจว่าคนไทยทุกคนในฐานะพลเมือง ต้องมีส่วนรับผิดชอบดูแลอนาคตและความอยู่รอดของชาตไิ ทย การที่ประชาชนจะเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบความโปร่งใสของภาครัฐ สานักงาน ป.ป.ช.ได้กาหนดหลักการทางาน ดงั นี้ 1. มีความมุ่งม่ันตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาทางานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง คือ ต้องมีความเป็นผู้มีจิตอาสา มีความเสียสละ อดทน กล้าหาญ มีความซ่ือสัตย์ สุจริต มีความโปร่งใส ไม่ใช้อานาจหน้าท่ีเพื่อการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ให้แก่พรรคพวก นั่นหมายความว่าเราต้องมีภูมิคุ้มกนั ใหก้ บั ตัวเองโดยการดาเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

106 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 2. ตดิ อาวุธทางปญั ญาใหก้ ับตวั เอง คอื ตอ้ งมีความรู้ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั อานาจหน้าทีข่ อง ป.ป.ช.ภาคประชาชน และต้องแสวงหาความรู้ให้เท่าทันเทคนิคกลโกง การทุจริตคอร์รัปชันด้วยวิธีการต่าง ๆเพอ่ื เปน็ หลักในการทางานให้ถกู ต้องและเปน็ ทนี่ า่ เชอ่ื ถอื ของสังคม 3. ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การสร้างเครือข่ายภาคประชาชนด้วยกันเอง การติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชน โดยการให้ความรู้หรือการเสนอแนะช่องทางในการตรวจสอบความโปร่งใสของการทางานของภาครัฐ การสร้างทัศนคติท่ีถูกต้อง และการชใี้ ห้เหน็ อันตรายของการทุจรติ คอร์รัปชัน 4. การเฝา้ ระวงั พน้ื ท่ที ี่เห็นวา่ สุ่มเส่ยี งต่อการแสวงหาผลประโยชน์ ไดแ้ ก่ การสรา้ งเครอื ขา่ ยอาสาสมัครแจ้งขอ้ มลู ขา่ วสารที่ไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ เพือ่ รกั ษาผลประโยชน์ของชาตไิ ดท้ ันการ 5. ดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือรณรงค์ต่อต้านการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในชุมชน หมู่บ้านตาบล และในทกุ ภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในสถานศึกษาทกุ ระดบั เพอ่ื ใหเ้ ยาวชนไดต้ ระหนกัถึงภยั รา้ ยของการทุจรติ คอรร์ ปั ชัน 6. ส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าไปมีบทบาทในการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งทุกระดับท้ังในระดับชาติและในระดับท้องถ่ิน เพ่ือการคัดกรองคนดี มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมเข้ามาบริหารประเทศ ป้องกันคนไม่ดีไม่ให้เข้ามาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ดังพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๙ ที่ให้ส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไมใ่ ห้มอี านาจ ไม่ใหก้ ่อความเดอื ดรอ้ นว่นุ วาย 7. ส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าไปมีบทบาทในการป้องกันการทุจริตการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นการปกครองที่ใกล้ตัวของประชาชนมากท่ีสุด โดยการส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกาหนดนโยบายการบริการสาธารณะให้เปน็ ไปตามความต้องการของประชาชน ให้ประชาชนได้เข้าร่วมตรวจสอบความโปร่งใสของการจัดซ้ือจัดจา้ ง ให้ประชาชนประเมนิ การทางานขององค์กรปกครองท้องถ่นิ ของตน เป็นตน้ 8. จัดใหม้ ีการแลกเปลีย่ นและรับฟังความคดิ เหน็ รวมถึงรับฟงั ขอ้ เสนอแนะของสาธารณชนเพือ่ นามาแก้ไขปรบั ปรุงการทางานของ ป.ป.ช. ภาคประชาชน ให้มปี ระสิทธภิ าพมากยง่ิ ข้ึน 9. จัดให้มีกิจกรรมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณ เพ่ือเป็นการยกย่องให้กาลังใจและช่วยกันรณรงคป์ กปอ้ งคนที่ทาความดี มีความซื่อสัตย์สจุ ริต มคี ุณธรรมเพอ่ื ให้เป็นตัวอยา่ งทด่ี ขี องสงั คม 10. หามาตรการรองรับการทางาน รวมท้ังคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ ป.ป.ช. ภาคประชาชน และเครือข่าย 11. มีการประชาสัมพันธ์ผลงาน โดยการประชาสัมพันธ์ผลงานของ ป.ป.ช. ภาคประชาชนอย่างต่อเน่ืองเพ่ือให้ประชาชนได้ทราบ และรณรงค์ให้ประชาชนเข้าร่วมกันเป็นเครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบกับ ป.ป.ช. ภาคประชาชนกันอย่างกว้างขวาง ซ่ึงจะยังประโยชน์ในการปลกุ จติ สานกึ ให้ประชาชนด้วยกนั เองได้รว่ มกนั รกั ษาผลประโยชนข์ องชาติ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 107 • การสรา้ งสังคมทไี่ ม่ทนต่อการทุจรติ เมื่อประชาชนในประเทศมีความตื่นตัว “ไม่ทนต่อการทุจริต” แล้ว จะทาให้เกิดกระแสการต่อต้านต่อการกระทาทุจริต และคนท่ีทาทุจริตก็จะเกิดความละอายไม่กล้าท่ีจะทาทุจริตต่อไป เช่นหากพบเห็นว่ามีการทุจริตเกิดข้ึน อาจมีการบันทึกเหตุการณ์หรือลักษณะการกระทา แล้วแจ้งข้อมูลเหล่าน้ันไปยังหน่วยงานหรือส่ือมวลชนเพื่อร่วมกันตรวจสอบการกระทาที่เกิดขึ้น และยิ่งในปัจจุบันเป็นสังคมสมยั ใหมย่ ุคไทยแลนด์ 4.0 แต่การจะเป็น 4.0 ให้สมบูรณ์แบบได้นั้น ปัญหาการทุจรติ จะต้องลดน้อยลงไปด้วย เม่ือประชาชนมีความต่ืนตัวต่อการที่ไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว ก็จะส่งผลที่ดีต่องสังคมและประเทศชาติ ตลอดจนนานาชาติด้วย ดงั นั้น แนวทางหรอื มาตรการแกไ้ ขปัญหาการป้องกนั การทุจริตคอรร์ ปั ชันในสังคมไทย นอกจากการใช้มาตรการทางด้านกฎหมายในการปราบปรามแล้ว มาตรการในการป้องกันทุจริต คอร์รัปชันโดยการให้ทุกภาคส่วนร่วมกันศึกษาเรียนรู้ ทาความเข้าใจและช่วยกันเผยแพร่ความรู้ที่มีความหลากหลายและสลับซับซ้อนเพ่ือให้รู้เท่าทันนักการเมือง โดยให้ส่ือมวลชน องค์กรอิสระและองค์กรตรวจสอบ ภาคประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการตรวจสอบการทจุ ริตคอรร์ ัปชนั จึงเปน็ แนวทางหนง่ึ ท่ีจะป้องกันการคอรร์ ปั ชันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพกจิ กรรมเสนอแนะ กจิ กรรมที่ ๒.๓.๑ โดนแซงควิ

108 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา กิจกรรมป้องกนั การทจุ ริต เวลา ๖๐ นาทีหน่วยท่ี ๒ สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริตหน่วยย่อยที่ ๒.๓ การมีส่วนร่วมของชมุ ชนกิจกรรมท่ี ๒.๓.๑ โดนแซงควิสาระสาคญั ทฤษฎีการมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความต่ืนตัวในการแสดงออกต่อเหตุการณ์ทางสังคมท่ีผิดต่อจริยธรรมทางสังคมหรือกฎหมาย และผลักดันให้เกิดการลงโทษทางสังคมและทางกฎหมาย บนพ้ืนฐานของข้อเท็จจริงและเหตุผล เป็นแนวทางหรือมาตรการในแก้ไขปัญหาการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย ซ่ึงนอกจากการใช้มาตรการทางด้านกฎหมายในการปราบปรามแล้ว มาตรการในการป้องกันทุจริตคอร์รัปชันโดยการให้ทุกภาคส่วนร่วมกันศึกษาเรียนรู้ ทาความเข้าใจและช่วยกันเผยแพร่ความรู้ท่ีมีความหลากหลายและสลับซับซ้อนเพ่ือให้รู้เท่าทัน มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอรร์ ัปชัน จงึ เปน็ แนวทางหน่ึงท่จี ะปอ้ งกันการคอร์รัปชันไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพจดุ ประสงค์ของกิจกรรม ๑. เพื่อให้มีความร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกับความสาคัญของการมสี ว่ นรว่ มในการตา้ นทุจริต ๒. เพือ่ ใหส้ ามารถเปน็ แบบอย่างที่ดีตอ่ ชุมชนและสังคมในการไมท่ นต่อการทุจริต ๓. เพอื่ ใหเ้ หน็ ความสาคัญของชุมชนและสังคมในการมสี ว่ นร่วมในการตอ่ ต้านการทุจรติส่อื วสั ดุ อุปกรณ์ แหล่งเรียนรู้ ๑. วดี ทิ ศั น์ด้านการปอ้ งกนั การทุจรติ เรื่อง การเข้าแถวรับบริการ ๒. วีดิทศั น์ด้านการป้องกนั การทุจริต เรื่อง โตไปไม่โกง ตอนโดนัท ๓. คอมพวิ เตอร์และเคร่ืองฉายโปรเจคเตอร์ ๔. แบบประเมินผลงานกล่มุ และแบบประเมนิ พฤติกรรมข้นั ตอนการดาเนินกจิ กรรม ๑. ผู้สอนแนะนากิจกรรม จุดประสงค์และเน้ือหาสาระให้ผู้เรียนทราบเก่ียวกับพฤติกรรม การแซงควิ ในร้านค้า ในชวี ิตประจาวัน ๒. ผู้สอนแบง่ กลุ่มผู้เรียนเป็น ๔ กลุ่ม ๆ ละ ๑๐ คน เพื่อสร้างสถานการณ์จาลอง โดยกาหนด บทบาทและเวลาในการนาเสนอกลมุ่ ละ ๕ นาที ดังนี้ ๒.๑ กลมุ่ ที่ ๑ เข้าแถวรบั บรกิ ารอยา่ งไมม่ รี ะเบยี บวนิ ัย ตะโกนใส่ผู้คา้ ๒.๒ กล่มุ ที่ ๒ เขา้ แถวรบั บรกิ าร โดยมตี ัวละคร ๒ คน ขาดวินยั ในการรับบริการ โดยการ แซงควิ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา 109 ๒.๓ กลุ่มท่ี ๓ เข้าแถวรบั บรกิ ารอย่างมรี ะเบยี บวินยั ๒.๔ กลุ่มท่ี ๔ เข้าแถวรับบริการอย่างมีระเบยี บวินยั และแนะนาเพื่อนในกลุ่มให้ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการเข้าแถว ๓. ผเู้ รียนกลุ่มทไี่ ม่ไดอ้ อกไปนาเสนอให้น่งั ดแู ละพิจารณาแนวทางในการแกป้ ญั หา ๔. ตัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาในกลุ่มตนเอง พร้อมพิจารณาร่วมกัน ทงั้ ชนั้ เรยี น ๕. ผู้สอนให้ผู้เรียนดูวิดีทัศน์ เร่ือง การเข้าแถวรับบริการ และร่วมกันสรุปเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน การแก้ปญั หา และแนวทางการนาไปใชใ้ นชุมชนใหเ้ กิดประโยชน์ขอ้ เสนอแนะ ๑. กิจกรรมน้ีเหมาะสมกับผู้เรยี นจานวน ๓๐ – ๔๐ คน ๒. ผู้สอนอาจเพ่ิมกจิ กรรมดา้ นการสร้างจติ สานึกท่ีดใี นการรบั บรกิ ารให้กับผ้เู รยี น ๓. ผู้สอนควรควบคุมเวลาในการทากิจกรรมเพ่อื ให้เป็นไปตามเวลาทก่ี าหนดแนวทางการวดั และประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมของผ้เู รยี นระหวา่ งการทากิจกรรม ๒. ประเมินผลงานกล่มุ จากการทากิจกรรม การตอบคาถาม การแสดงความคดิ เหน็ หลัก รายการพฤตกิ รรมที่ประเมนิ สดั ส่วนคะแนนคณุ ธรรม - ทากจิ กรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ (รอ้ ยละ) พอเพียง - รับฟงั ความคดิ เหน็ ของสมาชิกในกลุ่ม 15 - รับผดิ ชอบกจิ กรรมของตนเอง มวี ินัย - ทากจิ กรรมตรงตามกติกา และขอ้ กาหนด 25 สจุ ริต - มุ่งม่ันทากิจกรรมดว้ ยความซ่อื สตั ย์ 25 จิตอาสา - ชว่ ยเหลือสมาชกิ ในกลมุ่ ดว้ ยความเต็มใจ 25 100 รวม

110 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา สอ่ื การเรยี นรเู้ สนอแนะหน่วยที่ ๒ สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริตส่วนรวมรายการ เน้อื หาสาระ เวลา แหลง่ ส่อื QR Code๑. วดี ิทัศน์ เรอ่ื ง กรณตี ัวอยา่ งเกี่ยวกบั การให้ 3.59 พิพิธภัณฑต์ า้ น“สินบน” สนิ บน นาที โกง สานกั งาน ป.ป.ช.๒. วดี ิทัศน์ เร่อื ง ตอนแยง่ ที่ เปน็ การแย่งท่ีจอด 7.28 สานักงาน “นมิ นต์ย้มิ เรือ โดยมีคนตดิ สนิ บนเจา้ หนา้ ที่ นาที ป.ป.ช. เดล่ี คนดไี ม่ ซงึ่ เจา้ หน้าท่ผี ู้นน้ั ไมย่ อมรบั คอร์รัปช่ัน” สินบน และจบั ตัวคนทีจ่ ะให้ สินบนไปลงโทษ ตอนรับไม่ได้ เจ้าหนา้ ท่เี ข้าไป ตรวจสอบสนิ คา้ แตเ่ จ้าของ สินค้าไม่ให้ตรวจและจะมอบ สินบนใหก้ บั เจา้ หนา้ ท่ี ซง่ึ เจ้าหนา้ ทีค่ นนัน้ ไม่ยอมรบั ของ ดงั กลา่ ว ตอนทาบุญบูรณะวดั วดั มสี ภาพ เสื่อมโทรมซึง่ มคี นมาชว่ ยเหลือ บรจิ าคเงนิ แตต่ ้องให้พระทว่ี ัด พูดจาหว่านลอ้ มให้ชาวบ้านขาย ทีด่ นิ ให้ตนเอง ตอนแปะ๊ เจ๊ยี ะ พ่อตอ้ งการให้ลูก เข้าเรียนในโรงเรยี นที่มชี ่อื เสยี ง จงึ จะจ่ายเงนิ ใหก้ ับทางโรงเรยี น แตล่ ูกไมย่ อมและยืนยันว่าจะ สอบเขา้ ดว้ ยตัวเอง ตอนส่งเสรมิ ลกู นอ้ ง เจ้านาย อยากใหล้ ูกน้องเป็นทหารจงึ เอา ของไปตดิ สนิ บน สดุ ท้ายจงึ ถกู จาคุก

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 111 รายการ เนื้อหาสาระ เวลา แหลง่ สอื่ QR Code๓. วีดทิ ศั น์ เรื่อง กรณีตัวอยา่ งเกยี่ วกบั ความ 1.47 พพิ ธิ ภณั ฑ์ต้าน เสยี หายทีป่ ระเทศไทยไดร้ ับจาก นาที โกง สานกั งาน “ค่าโง”่ ปัญหาการทจุ รติ ป.ป.ช.๔. วดี ิทศั น์ เรอ่ื ง กรณีตวั อยา่ งเกี่ยวกับการสารวจ 2.19 พิพธิ ภัณฑ์ตา้ น“เชอ่ื หรอื ไม่” ความคิดเหน็ ของประชาชนใน นาที โกง สานกั งาน เรอ่ื งทุจรติ ป.ป.ช.๕. วีดทิ ัศน์ เรอ่ื ง กรณีตัวอยา่ งเกีย่ วกับกลโกงการ 2.44 พพิ ธิ ภัณฑ์ตา้ น“กลโกง เสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรัฐ นาที โกง สานกั งานฮั๊วประมูล” ป.ป.ช.๖. วดี ิทศั น์ เรอื่ ง กรณีตวั อยา่ งเกย่ี วกบั การทจุ ริต 3.00 พพิ ธิ ภณั ฑ์ตา้ น“ทุจริตเชงิ เชงิ นโยบาย นาที โกง สานกั งานนโยบาย” ป.ป.ช.๗. วดี ิทัศน์ เร่ือง มคี นยนื่ เงินใหก้ ับเจา้ หนา้ ท่ี 32 https://www. “รับสินบน” ซงึ่ เจ้าหนา้ ท่ีทีเ่ ป็นลกู นอ้ ง วนิ าที youtube.com ไมย่ อมรบั หวั หนา้ ที่โกง และ ออกมาต่อตา้ น /watch?v=M Gc3LXOlZ-o จาก องค์กร ต่อต้าน คอรร์ ปั ชนั (ประเทศไทย) ACT

112 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษารายการ เน้ือหาสาระ เวลา แหล่งสือ่ QR Code๘. วีดทิ ศั น์ เรอื่ ง แมค่ ้าและคนในตลาดรวมตัวกัน 33 https://www.“Bazaar” ต่อตา้ นผู้ทมี่ าซอื้ ของ ซ่งึ เป็น วินาที youtube.com บคุ คลทีท่ จุ รติ การเลือกต้ัง /watch?v=6x Ti4qcGXzs จาก องค์กร ตอ่ ตา้ น คอร์รัปชนั (ประเทศไทย) ACT๙. วดี ิทศั น์ เรอ่ื ง การไมเ่ ข้าแถวซื้ออาหาร โดย 1.55 https://www.“การเข้าแถว การแซงคนอ่นื ถอื เป็นการ นาที youtube.comรบั บริการ” กระทาทไ่ี ม่ถูกต้อง และคนอื่น ๆ /watch?v=CQ ไดแ้ สดงอาการไม่พอใจตอ่ การ m0h9-b9p4 กระทานัน้ จากกรมสง่ เสริม วฒั นธรรม๑๐. วีดทิ ัศน์ เร่ือง การไมเ่ ข้าแถวซอ้ื อาหาร โดย 10. https://www.“โตไปไมโ่ กง” การคนอืน่ ท่เี ขา้ แถวแล้วซ้อื ของ 54 youtube.comตอน โดนัท ใหต้ นเอง ถอื เป็นการกระทาทไ่ี ม่ นาที /watch?v=Ay ถูกต้อง และคนอื่นๆ ไดแ้ สดง oRPq4t_lM อาการไมพ่ อใจตอ่ การกระทาน้นั จาก กทม.๑๑. วดี ิทศั น์ เรื่อง นาเงนิ ท่ตี กไว้ไปคนื ใหก้ ับ 1.55 https://www. “ความ เจา้ ของ นาที youtube.com ซอ่ื สตั ย์” /watch?v=qr๑๒. วีดิทัศน์ เรื่อง ละครเก่ยี วกบั การตดิ สินบน 2gtPGsGcg “โฉด เลว ดี” เจ้าหนา้ ท่ีท่มี ีการทาเป็นทอด ๆ จากกรมสง่ เสรมิ ซึง่ นบั วา่ เป็นบ่อเกิดของการ วฒั นธรรม ทจุ ริตและไดบ้ อกถงึ ผลของการ ทาทุจริตนั้น ๒๓. https://www. 5๙ youtube.com นาที /watch?v=3V fZRaUdj0I จาก สานกั งาน ป.ป.ช

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษา 113 หนว่ ยที่ยกระดับดชั นี สร้างคนดใี นสังคม

114 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา - หน้าวา่ ง –

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 115 กิจกรรมปอ้ งกนั การทุจรติ หน่วยท่ี ๓ ยกระดับดชั นี สร้างคนดใี นสงั คมสาระสาคญั การทจุ รติ เกิดข้ึนทง้ั ในภาครัฐและภาคเอกชน หรือแม้กระท่งั ในองค์กรท่ีไมแ่ สวงหาผลกาไรหรือองค์กรเพ่ือการกุศล อาจกล่าวได้วา่ การทุจริตเปน็ หนึ่งในปัญหาใหญ่ทีข่ ัดขวางการพัฒนาประเทศให้เปน็รัฐสมัยใหม่ ซ่ึงตา่ งเป็นท่ีทราบกันดีวา่ การทุจริตควรเปน็ ประเด็นแรก ๆ ทคี่ วรใหค้ วามสาคญั ในวาระของการพฒั นาประเทศของทกุ ประเทศ การสร้างวินยั คุณธรรม จริยธรรมเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตถือเปน็ สิ่งสาคัญเพื่อให้เด็กและเยาวชนมีจิตสานึกในการต่อต้านการทุจริต ปลูกจิตสานึก ปรับเปล่ียนฐานการคิดให้แก่เยาวชนให้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบของการทุจริตคอร์รัปชัน พัฒนางานให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้สรา้ งความแขง็ แกรง่ ใหต้ นเอง องค์กร และส่งผลต่อประเทศชาตใิ นท่สี ุดจุดประสงค์ ๑. เพอ่ื ใหม้ คี วามร้คู วามเขา้ ใจเกี่ยวกับการยกระดับดชั นีการรบั รูก้ ารทจุ ริต ๒. เพ่ือให้สามารถคิด วิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในสังคม และมีส่วนร่วมในการรับรู้ ต่อตา้ นและไมท่ นต่อการทจุ รติ ๓. เพ่ือให้ตระหนักถึงปัญหาท่ีจะเกิดขึ้นจากการทุจริตและเห็นความสาคัญของความร่วมมือ ในการสร้างคนดีในสงั คมเน้ือหาสาระ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓.๑ การยกระดบั ดัชนกี ารรับรกู้ ารทจุ ริต หน่วยย่อยท่ี ๓.๒ การสร้างคนดใี นสังคม

116 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา กจิ กรรมปอ้ งกันการทจุ รติ หน่วยท่ี ๓ ยกระดับดัชนี สรา้ งคนดีในสงั คม หน่วยยอ่ ยท่ี 3.1 การยกระดับดชั นีการรับรู้การทุจริตสาระสาคญั สถานการณ์ทุจริตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง จึงได้มีการริเริ่มแนวคิดในการปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและสถานการณ์ทุจริตที่ประชาชนและหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ต้องเผชิญอยู่จริง ซึ่งต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรสาธารณะสื่อมวลชนและภาคประชาชนในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบอย่างเข้มแข็ง เพ่ือให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมาตรฐานความโปร่งใสเทียบเท่าสากล ยุทธศาสตร์ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้เรื่องการทุจริตของประเทศไทย เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานด้านความโปร่งใสและการจัดการการยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย โดย การศึกษาวิเคราะห์ประเด็นการประเมินและวิธีการสารวจตามแต่ละแหล่งข้อมูล และเร่งรัด กากับ ติดตามให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติหรือปรับปรุงการทางาน รวมไปถึงการบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างภาครัฐ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคเอกชนและต่างประเทศ เพ่ือยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต(Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย และสร้างพลเมืองดใี นสงั คมจดุ ประสงค์ ๑. เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั การยกระดบั ดัชนีการรบั รู้การทจุ ริตในสงั คม ๒. เพ่อื ให้สามารถวิเคราะหส์ ภาพปัญหาและรบั รกู้ ารทจุ ริตในสังคม ๓. เพื่อให้ตระหนกั ถงึ การมสี ว่ นรว่ มในการรบั รกู้ ารทุจริตในสงั คมเนอื้ หาสาระ ปัญหาการทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทั่วโลกแสดงความกังวล เน่ืองจากเป็นปัญหาท่ีมีความซับซ้อน ยากต่อการจัดการและเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน เป็นที่ยอมรับกันว่าการทุจริตน้ันมีความเป็นสากลเพราะเกิดขน้ึ ในทุกประเทศ ไมว่ า่ จะเปน็ ประเทศทพ่ี ฒั นาแล้วหรือประเทศทีก่ าลังพัฒนา การทจุ รติเกิดขึน้ ทั้งในภาครฐั และภาคเอกชน หรือแม้กระทงั่ ในองค์กรท่ไี มแ่ สวงหาผลกาไรหรอื องค์กรเพอ่ื การกุศลรฐั บาลในหลายประเทศมผี ลการปฏิบตั ิงานทไี่ มโ่ ปรง่ ใสเทา่ ท่ีควร องคก์ รระดบั โลกหลายองค์กรเสื่อมเสียช่ือเสียงเน่ืองมาจากเหตุผลด้านความโปร่งใส อาจกล่าวได้ว่าการทุจริตเป็นหน่ึงในปัญหาใหญ่ที่จะขดั ขวางการพฒั นาประเทศให้เป็นรัฐสมัยใหม่ ซ่ึงต่างเปน็ ทท่ี ราบกนั ดีว่าการทุจริตควรเปน็ ประเดน็ แรกๆทคี่ วรให้ความสาคัญในวาระของการพัฒนาประเทศของทกุ ประเทศ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา 117 • ความหมายของดัชนีการรบั รกู้ ารทจุ ริต ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) เป็นดัชนีที่สะท้อนภาพลักษณ์การทุจริตคอร์รัปชันของประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก ซ่ึงจัดทาข้ึนโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเป็นประจาทุกปี นกั ลงทนุ หรอื นักธุรกจิ หลายประเทศใช้ดัชนี CPI เพอ่ื ประเมินความน่าสนใจลงทุนของแต่ละประเทศ โดยมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นหน่ึงในปัจจัยที่เป็นต้นทุนหรือเป็นความเส่ียงในการเข้ามาประกอบธรุ กจิ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นในประเทศเยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1993 มีสถานะเป็นองค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศมีวัตถุประสงค์ในการต่อสู้กับการทุจริตในทุกรูปแบบ ด้วยการแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆสร้างความตระหนกั รูถ้ ึงผลเสยี ของการทุจริต • สถานการณก์ ารทุจริตของประเทศไทย การทุจริตท่ีเกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หากประเทศใดมีการทุจริตน้อยจะส่งผลให้ประเทศน้ันมีความเป็นอยู่ท่ีดี นักลงทุนมีความต้องการที่จะมาลงทุนในประเทศ ซ่ึงหมายถึงเศรษฐกจิ ของประเทศจะสามารถพัฒนาไปได้อยา่ งต่อเน่ือง แต่หากมีการทจุ รติ เป็นจานวนมาก นักธรุ กิจย่อมไม่กล้าท่ีจะลงทุนในประเทศน้ัน ๆ เน่ืองจากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทาธุรกิจมากกว่าปกติ แต่หากสามารถดาเนินธรุ กิจดังกลา่ วได้ ผลที่เกิดขึ้นย่อมตกแก่ผู้บริโภคที่จะตอ้ งซ้ือสินค้าและบริการท่ีมรี าคาสูงหรืออีกกรณีหน่ึงคือการใช้สินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นจึงได้มีการวัดและจัดอันดับประเทศต่าง ๆ เพ่ือบ่งบอกถึงสถานการณ์การทจุ ริต ซ่ึงการทุจริตที่ผา่ นมานอกจากจะพบเห็นขา่ วการทุจริตด้วยตนเอง และผ่านสอ่ื ต่าง ๆ แล้ว ยังมีตัวชี้วัดท่ีสาคัญอีกตัวหน่ึงท่ีได้รับการยอมรับ คือ ตัวชี้วัดขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ได้จัดอันดับดัชนีช้ีวัดภาพลักษณ์คอรร์ ัปชนั ประจาปี 2560 พบว่า ประเทศไทยได้ 37 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อยอู่ ันดบัที่ 96 จากการจัดอันดับทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก หากเทียบกับปี 2559 ประเทศไทยได้คะแนน35 คะแนน อยู่ลาดับท่ี 101 เท่ากับว่าประเทศไทย มีคะแนนความโปร่งใสดีข้ึน แต่ยังแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยงั มีการทจุ ริตคอร์รัปชนั อย่ใู นระดบั สงู ซ่ึงสมควรได้รบั การแก้ไขอยา่ งเร่งด่วน • การยกระดบั ดชั นชี ้ีวดั ภาพลักษณ์คอรร์ ปั ชันของประเทศไทย รฐั บาลได้กาหนดการแก้ไขปญั หาการทจุ ริตไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ภายใต้ยุทธศาสตร์ท่ี 6 การบริหารจัดการในภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย โดยมีเป้าหมายที่ 3 เพ่ิมคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตใหส้ งู ข้ึน พร้อมท้ังในวนั ท่ี 9 ธันวาคม 2559 ซงึ่ เป็นวนั ตอ่ ตา้ นคอรร์ ัปชันสากล นายกรฐั มนตรีพลเอกประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา ได้เข้ารว่ มประกาศเจตนารมณใ์ นการต่อต้านการคอร์รปั ชัน เพื่อแสดงความต้ังใจจริงในการต่อสู้กับปัญหาการคอร์รัปชันด้วย และเพ่ือให้การดาเนินงานด้านการยกระดับดัชนีการรบั รกู้ ารทจุ รติ บรรลผุ ล จงึ มีขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ ดังน้ี

118 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา ๑. การกากับและติดตามหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านการทุจริตของรัฐบาล อาทิ การแก้ไขปัญหาการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมือง การแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ การเอื้อประโยชน์ให้บุคคลใกล้ชิด การแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสทิ ธิภาพ และความมงุ่ ม่นั ในการนาผู้กระทาความผิดมาลงโทษ เปน็ ต้น ๒. การเสรมิ สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความสาคัญของดัชนกี ารรบั รกู้ ารทุจริตแกท่ ุกภาคส่วนการวัดระดับการรับรู้การทุจริตขององค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ เป็นการสารวจหรือวัดการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ดังน้ันหน้าที่ในการสร้างสังคมท่ีดี สังคมท่ีโปร่งใส ปลอดจากการทุจริต จึงไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดเพียงหน่วยงานเดียว หรือมิใช่หน้าที่ของรัฐบาลเท่าน้ัน แต่ทุกภาคส่วนทั้งราชการ เอกชน สื่อมวลชนและภาคประชาสังคมต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน รัฐบาลควรส่งเสริมความรู้แก่ทุกส่วนราชการ เอกชน ส่ือมวลชนและภาคประชาสังคมว่าการจัดอันดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) มีความสาคัญกับการพัฒนาประเทศในภาพรวมอย่างไร โดยกาหนดให้การเพิ่มคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) เป็นวาระจาเป็นเร่งด่วน และกาหนดให้เป็นตัวช้ีวัดการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของสว่ นราชการทเ่ี ก่ยี วข้อง รวมถงึ ใหม้ ีการติดตามประเมินผลสมั ฤทธิ์ในการปฏบิ ัตดิ ้วย ๓. การกากับ ติดตามให้ทกุ หน่วยงานภาครัฐแก้ปญั หาตามแนวทางการประเมนิ คุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ซ่ึงรัฐบาลกาหนดให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานเข้ารับการประเมิน ITA เป็นประจาทุกปี และกากับ ติดตามให้ทุกหน่วยงานภาครัฐแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานภาครัฐ เพื่อนามาปรับปรุงการบริหารงานภาครฐั ให้เกิดประสทิ ธิภาพย่งิ ข้ึน นอกจากนี้รัฐบาลยังเผยแพร่ระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนนิ งานภาครัฐไปยังส่ือทุกช่องทางอยา่ งต่อเน่ือง เพ่ือสร้างให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือการสร้างการรับรู้ให้มีผลกระทบในวงกว้าง ทั้งนี้ เพื่อก่อให้เกิดการปรับทัศนคติต่อการรับร้เู กย่ี วกับการรบั รกู้ ารทุจรติ ทีด่ ีข้นึ ๔. การประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน ในฐานะที่เป็นหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือตามเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable DevelopmentGoals: SDGs) ซ่ึงครอบคลุม ๓ เสาหลักด้านการพัฒนาท่ยี ่ังยนื คือ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง“การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” ก็เป็นหน่ึงในเป้าหมายสาคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งระบุในเป้าหมายท่ี 16 เป้าประสงค์ที่ 16.5 “ลดการทุจริตในตาแหน่งหน้าท่ีและการรับสินบนทุกรูปแบบ”ซึ่งสานักงาน ป.ป.ช. ไดร้ ว่ มสนบั สนนุ การดาเนินการตามเป้าประสงคด์ งั กลา่ ว ได้แก่ 1) การลดการทจุ ริตในตาแหน่งหน้าที่และการรับสินบนทุกรูปแบบ 2) ยกระดับสถานะของประเทศไทยในดัชนีการรับรู้การทจุ รติ โลก (Corruption Perceptions Index: CPI) ๕. การจดั สรรงบประมาณให้กบั ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวขอ้ ง เพอื่ ขับเคล่อื นดัชนีการรับรกู้ ารทุจริตเน่ืองจากยกระดับค่าคะแนน CPI จาเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนภาคประชาสงั คมและภาคประชาชน เพ่อื ให้การยกระดับดชั นีการรบั รกู้ ารทจุ รติ เป็นไปในทิศทางเดยี วกันและขบั เคล่อื นไปพร้อมกนั ทกุ ภาคส่วน

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 119 ๖. การเสริมสร้างทัศนคติของข้าราชการให้ทาหน้าที่ในฐานะท่ีเป็นผู้ให้บริการ การรับรู้สถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทยจากการสะท้อนผ่านค่าคะแนน CPI ซ่ึงต้องยอมรับว่าส่วนหน่ึงเป็นการรับรู้ในทัศนะของนานาชาติด้วย และมาจากการบริการภาครัฐที่ได้ดาเนินการโดยข้าราชการ จึงจาเป็นต้องสร้างทัศนคติของข้าราชการซ่ึงทาหน้าท่ีในฐานะผู้ให้การบริการภาครัฐให้มีความสอดคลอ้ งกบั ความคาดหมายของนานาชาติมากขึ้น • ข้อเสนอแนะดา้ นการประชาสมั พนั ธ์และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นส่วนสาคัญอย่างมากที่ส่งผลต่อการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย เน่ืองจาก CPI เป็นเร่ืองของ “การรับรู้” การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการขยายผลข้อมูลข่าวสารท่ีถูกต้อง ให้กลุ่มเป้าหมายท่ีอาจได้รับผลกระทบจากการคอร์รัปชันได้รับทราบและเท่าทันต่อเหตุการณ์ จึงเป็นส่ิงที่รัฐบาลและทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือกัน ดงั น้ี ๑. ด้านการประชาสัมพันธ์ ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) เป็นการวัด “การรับรู้การทุจริต”ของประเทศไทย ซ่ึงปัจจุบันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังเป็นภาษาไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐ ซ่ึงเป็นหน่วยงานท่ีคนต่างชาติและนักลงทุนต่างชาติจาเปน็ ต้องอาศัยขอ้ มูลมากท่สี ุด เพ่อื ติดต่อประสานงานเร่ืองการลงทนุ การขอใบอนญุ าต การขอวีซ่า หรือการขออนุญาตทางาน เป็นต้น จากการท่ีหน่วยงานภาครัฐไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษ อาจจะทาให้เกิดช่องว่างให้เจ้าหน้าที่รัฐอาศัยโอกาสจากความไม่รู้กฎหมายของชาวต่างชาติเป็นช่องทางในการเรียกรับสินบนเพื่ออานวยความสะดวกได้ นอกจากน้ีอาจทาให้เกิดกรณีมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตหรือมีส่วนร่วมในการกระทาความผิด โดยเผยแพร่ผ่านสานักข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่เมื่อชาวต่างชาติต้องการหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงท่ีเป็นภาษาอังกฤษจากหน่วยงานราชการต้นสงั กดั กลบั ไม่สามารถอา่ นคาช้ีแจงหรือเข้าถึงข้อมูล ทาใหไ้ มส่ ามารถเขา้ ใจเหตุการณท์ ่ีเกิดขึ้นจริงและส่งผลเชงิ ลบในสายตาของชาวตา่ งชาติหรอื หน่วยงานประเมินระหว่างประเทศ การรับรู้ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ ถือเป็นข้อมูลชั้นต้น (primary sources) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและชัดเจนมากที่สุด แตกต่างจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านหนังสือพิมพ์หรือข่าวจากสานักข่าว (secondary sources) ซ่ึงมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า แต่ปัจจุบันหน่วยงานระหว่างประเทศหรือนักลงทุนตา่ งชาติกลับรับรู้ข้อมูลประเทศไทยผ่านหน่วยงานภาครัฐนอ้ ยมาก ทาให้ต้องอ่านข่าวหรอืติดตามสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงไปจากแหล่งข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษแทน ดังนั้นรัฐบาลจาเป็นต้องกาหนดให้ทุกหน่วยงานภาครัฐจัดทาฐานข้อมูล เช่น กฎหมาย ระเบียบ คู่มือการติดต่อราชการเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งขา่ วเผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธด์ ้วย

120 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา ๒. ดา้ นการมสี ่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ ๒.1 การแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นกลไกหน่ึงที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทาหน้าท่ีเป็นพลเมืองของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานหลายภาคส่วนจัดเวทีแสดงความคิดเห็นทางวิชาการให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย หรือสถาบันวิชาการ เป็นต้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทางานของหนว่ ยงาน เสริมสรา้ งประชาชนใหเ้ กิดองคค์ วามรู้และกระต้นุ ให้เกดิ การตระหนกั รู้ถึงความสาคัญของการร่วมเป็นสว่ นหน่งึ ในการดาเนินการดงั กล่าว 2.2 กาหนดให้ทุกหน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างท้ังระบบโดยให้มีรายละเอียดเก่ียวกับงานที่จัดซื้อหรือจัดจ้าง วงเงินที่จะซ้ือหรือจ้าง ราคากลาง วิธีซื้อหรือจ้างรายช่ือผู้เสนอราคาและราคาท่ีเสนอ ผู้ได้รับการคัดเลือกและราคาที่ตกลงซ้ือหรือจ้าง เหตุผลที่คัดเลือกโดยสรุป เลขท่ีและวันที่ของสัญญาหรือข้อตกลงในการซื้อหรือจ้าง เพ่ือให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการจดั ซื้อจัดจ้าง 2.3 กาหนดใหม้ ศี นู ย์ข้อมลู ราคากลางเฉพาะดา้ น เพอื่ รวบรวมขอ้ มลู ราคากลางการจัดซ้ือจัดจ้างของหนว่ ยงานแต่ละแห่งในด้านน้ัน ๆ โดยให้หน่วยงานทีเ่ ชี่ยวชาญเฉพาะเป็นผู้ควบคุมกากบั ดูแลความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดให้มีข้อมูลราคากลางสินค้า เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ 2.4 การออกกฎหมายส่งเสริมเสรีภาพของส่ือมวลชน ในการติดตาม เสนอข่าวสารประเดน็ ตา่ ง ๆ และการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดาเนนิ งานของหน่วยงานตา่ ง ๆ • รปู แบบของการทุจริต รปู แบบการทุจรติ ทเ่ี กดิ ขึน้ สามารถแบง่ ได้ 3 ลกั ษณะ คอื ๑. แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเรื่องของอานาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ระหว่างผ้ทู ี่ให้การอุปถัมภ์ (ผู้ให้การช่วยเหลือ) กับผู้ถูกอุปถัมภ์ (ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลอื ) โดยในกระบวนการการทุจรติ จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.1 การทุจริตโดยข้าราชการ หมายถึง การกระทาท่ีมีการใช้หน่วยงานราชการเพื่อมงุ่ แสวงหาผลประโยชนจ์ ากการปฏิบัติงานของหน่วยงานนนั้ ๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสงั คมหรอืประเทศ ซ่งึ ได้แก่ ๑) การคอร์รัปชันตามน้า จะปรากฏข้ึนเมื่อเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐต้องการสินบนโดยให้มีการจ่ายตามชอ่ งทางปกตขิ องทางราชการ แต่ให้เพ่ิมสนิ บนรวมเข้าไว้กบั การจ่ายค่าบริการของหนว่ ยงานนนั้ ๆ โดยท่ีเงนิ คา่ บริการปกตทิ ่ีหน่วยงานนน้ั จะต้องได้รับกย็ ังคงได้รบั ต่อไป เช่น การจา่ ยเงนิ พิเศษให้แก่เจ้าหนา้ ทีใ่ นการออกเอกสารตา่ ง ๆ นอกเหนอื จากค่าธรรมเนียมปกติทต่ี ้องจ่ายอยแู่ ลว้ เป็นตน้ 2) การคอร์รัปชันทวนน้า เป็นการคอร์รัปชันในลักษณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเรียกร้องเงินจากผูข้ อรบั บรกิ ารโดยตรง โดยทห่ี นว่ ยงานน้นั ไมไ่ ดม้ กี ารเรียกเกบ็ เงนิ คา่ บรกิ ารแต่อย่างใด

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 121 1.2 การทุจริตโดยนักการเมือง เป็นการใช้หน่วยงานของทางราชการโดยบรรดานกั การเมืองเพือ่ มงุ่ แสวงหาผลประโยชนใ์ นทางการเงินมากกว่าประโยชนส์ ่วนรวมของสังคมหรือประเทศโดยรูปแบบหรือวิธีการท่ัวไปจะมีลักษณะเช่นเดียวกับการทุจริตโดยข้าราชการ แต่จะเป็นในระดับที่สูงกวา่ เชน่ การทจุ รติ ในการประมูลโครงการก่อสรา้ งขนาดใหญ่ และมกี ารเรยี กรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ต่าง ๆ จากภาคเอกชน เป็นตน้ 2. แบ่งตามกระบวนการที่ใช้ มี 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ 2.1 การทุจริตท่ีเกิดจากการใช้อานาจในการกาหนด กฎ กติกาพ้ืนฐาน เช่น การออกกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ เพือ่ อานวยประโยชนต์ อ่ กลุม่ ธุรกิจของตนหรอื พวกพ้อง 2.2 การทุจรติ ท่ีเกิดจากการใชอ้ านาจหนา้ ทีเ่ พอื่ แสวงหาผลประโยชนจ์ ากกฎและระเบยี บท่ีดารงอยู่ ซงึ่ มกั เกิดจากความไมช่ ัดเจนของกฎและระเบยี บเหลา่ น้นั 3. แบง่ ตามลักษณะรปู ธรรม มี 4 รปู แบบ ไดแ้ ก่ 3.1 การทุจริตคอร์รัปชันจากการจัดซ้ือจัดหา เช่น การจัดซื้อส่ิงของในหน่วยงาน โดยมีการคดิ ราคาเพิ่ม หรือลดคณุ สมบัติแตก่ าหนดราคาซื้อไว้เทา่ เดมิ 3.2 การทุจริตคอร์รัปชันจากการให้สัมปทานและสิทธิพิเศษ เช่น การให้เอกชนรายใดรายหน่ึงเข้ามามีสิทธใิ นการจัดทาสมั ปทานเป็นกรณพี ิเศษตา่ งกับเอกชนรายอืน่ 3.3 การทจุ ริตคอรร์ ปั ชันจากการขายสาธารณสมบัติ เชน่ การขายกิจการของรัฐวสิ าหกิจหรอื การยกเอาที่ดนิ ทรพั ยส์ นิ ไปเป็นสิทธิการครอบครองของต่างชาติ เปน็ ตน้ 3.4 การทุจริตคอร์รัปชันจากการกากับดูแล เช่น การกากับดูแลในหน่วยงานแล้วทาการทุจรติ ต่าง ๆ เปน็ ต้น 4. แบ่งตามความคิดเห็นของนักวิชาการ เช่น การวิจัยของรองศาสตราจารย์ ดร.นวลน้อยตรรี ัตน์ และคณะ ไดแ้ บ่งการทจุ รติ คอรร์ ัปชันออกเปน็ 3 รูปแบบ ได้แก่ 4.1 การใช้อานาจในการอนุญาตให้ละเว้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐเพ่ือลดตน้ ทนุ การทาธุรกิจ 4.2 การใช้อานาจในการจัดสรรผลประโยชน์ในรูปของส่ิงของและบริการ หรือสิทธิให้แก่เอกชน 4.3 การใช้อานาจในการสร้างอุปสรรคในการให้บริการแก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจเนอื่ งจากเงินเดือนและผลตอบแทนในระบบราชการตา่ เกนิ ไปจนขาดแรงจงู ใจในการทางาน 5. แบ่งตามผลการสอบสวนและศึกษาเร่ืองการทุจริต คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาเร่ืองเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภา แบ่งรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันออกเป็น5 รปู แบบ ไดแ้ ก่ 5.1 การทุจรติ เชงิ นโยบาย เปน็ รูปแบบใหม่ของการทุจริตที่แยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมายหรอื มติของคณะรัฐมนตรี หรือมตขิ องคณะกรรมการ เปน็ เครอ่ื งมือในการแสวงหาผลประโยชน์ทาใหป้ ระชาชนสว่ นใหญ่เข้าใจผดิ ว่าเป็นการกระทาที่ถกู ต้องชอบธรรม

122 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 5.2 การทุจริตต่อตาแหน่งหน้าท่ีราชการ เป็นการใช้อานาจและหน้าท่ีในความรับผิดชอบของตนในฐานะเจา้ หน้าท่ีของรฐั เอ้ือประโยชนใ์ หแ้ ก่ตนเอง หรือบคุ คลใดบุคคลหน่งึ หรือกล่มุ ใดกลุม่ หนึ่งปัจจุบันมักเกดิ จากความร่วมมือกันระหว่างนักการเมอื ง พ่อคา้ และข้าราชการประจา 5.3 การทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง การทุจริตประเภทนี้จะพบได้ท้ังรูปแบบของการสมยอมราคา ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ กาหนดรายละเอียดหรือสเป็กงาน กาหนดเงื่อนไข คานวณราคากลาง ออกประกาศประกวดราคา การขายแบบ การรับและเปิดซอง การประกาศผล การอนุมัติการทาสัญญา ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างล้วนมีช่องโหว่ให้มีการทุจริตกันได้อย่างง่าย ๆนอกจากนี้ ยังมีการทุจริตท่ีมาเหนือเมฆคือการอาศัยความเป็นหน่วยงานราชการด้วยกัน จึงได้รับการยกเว้นและการไม่ถูกเพ่งเล็ง แต่ความจริง ผลประโยชน์จากการรับงานและเงินท่ีได้จากการรับงานไมไ่ ด้นาส่งกระทรวงการคลงั แตเ่ ปน็ ผลประโยชนข์ องกลมุ่ บุคคล ซ่งึ ไมแ่ ตกตา่ งอะไรกบั การจ้างบริษทั เอกชน 5.4 การทุจริตในการให้สัมปทาน เป็นการแสวงหาหรือเอ้ือประโยชน์โดยมิชอบจากโครงการหรือกิจการของรัฐ ซ่ึงรัฐได้อนุญาตหรือมอบให้เอกชนดาเนินการแทนในลักษณะสัมปทานผูกขาดในกิจการใดกิจการหน่ึง เช่น การทาสัญญาสัมปทานโรงงานสุรา การทาสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม เป็นตน้ 5.5 การทุจริตโดยการทาลายระบบตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ เป็นการพยายามดาเนินการให้ได้บุคคลซึ่งมีสายสัมพันธ์กับผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองในอันท่ีจะเข้าไปดารงตาแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซ่ึงมีอานาจหน้าท่ีในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ เช่น คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ทาให้องค์กรเหล่านี้มีความอ่อนแอ ไมส่ ามารถตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ • ยุทธศาตร์ชาตวิ ่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ.2560 -2564) ได้กาหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้ังชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance &Clean Thailand) โดยกาหนดยุทธศาสตร์หลักออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ เพ่ือสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต มุ่งเน้นกระบวนการปรับสภาพทางสังคมให้เกิดภาวะ “ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ปลูกฝังความพอเพียง มีวินัยซ่ือสัตย์ สุจริต มีจิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพื่อส่วนรวม ปลูกฝังความคิดแบบดิจิทัล(Digital Thinking) ใหส้ ามารถคิดแยกแยะระหว่างประโยชนส์ ว่ นตวั และประโยชนส์ ว่ นรวม และประยกุ ต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ เครื่องมอื ตา้ นทุจรติ โดยมีรายละเอียดดงั น้ี 1. ยุทธศาสตร์ที่ 1 : สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต มีวัตถุประสงค์ในการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยให้มีค่านิยมร่วมต้านทุจริต มีจิตสานึกสาธารณะ และสามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และสรา้ งกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตอย่างเป็นระบบ รวมถึงการบรู ณาการและเสริมพลงั การมสี ว่ นร่วมของทุกภาคส่วนในการผลกั ดันให้เกิดสงั คมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทจุ ริต

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 123 2. ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ยกระดับเจตจานงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เจตจานงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของประชาชนได้รับการปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อรักษาเจตจานงทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้เป็นส่วนหนึง่ ของนโยบายรฐั บาลในแต่ละชว่ ง 3. ยุทธศาสตร์ท่ี 3 : สกัดก้ันการทุจริตเชิงนโยบาย มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผลประโยชน์สปู่ ระชาชนอย่างเป็นธรรม และไมม่ ีลักษณะของการขัดกนั แห่งผลประโยชน์ และเพ่ือแกไ้ ขปัญหาการทจุ รติ เชงิ นโยบายทุกระดบั 4. ยุทธศาสตร์ท่ี 4 : พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการป้องกันการทุจริตให้เท่าทนั ต่อสถานการณก์ ารทุจริต พัฒนากระบวนการทางานด้านการป้องกนั การทุจริต ให้สามารถป้องกันการทุจริตให้มีประสิทธิภาพ เพ่ือให้เกิดความเข้มแข็งในการบูรณาการการทางานระหว่างองค์กรท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริต และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคต 5. ยุทธศาสตร์ที่ 5 : ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริต มีวัตถุประสงค์เพ่ือปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเท่าทันต่อพลวัตของการทุจริต การตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการปราบปรามการทุจรติ มีประสทิ ธิภาพ บูรณาการกระบวนการปราบปรามการทจุ ริตของหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องทั้งระบบและเพอื่ ให้ผ้กู ระทาความผิดถูกดาเนนิ คดแี ละลงโทษอยา่ งเป็นรูปธรรมและเทา่ ทันตอ่ สถานการณ์ 6. ยุทธศาสตร์ที่ 6 : ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ให้มีระดับร้อยละ 50 ขึ้นไป เป็นเป้าหมายท่ีต้องการยกระดับคะแนนให้มีค่าสงู ขึ้น หากได้รับคะแนนมากจะหมายถงึ การทป่ี ระเทศน้นั มีการทุจริตน้อย ดงั นนั้ยุทธศาสตร์ท่ี 6 นี้ จึงถือเป็นเป้าหมายสาคัญในการที่จะต้องมุ่งม่ันในการดาเนินการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ สาระสาคัญทั้ง 6 ด้านดังกล่าว จะเป็นเครื่องมือช้ีนาทิศทางการปฏิบัติงานและการบูรณาการด้านต่อต้านการทุจริตของประเทศ โดยมีสานักงาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลักในการบูรณาการงานของภาคส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และเพ่ือให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นการยกระดับค่า CPI ให้ได้คะแนน 50 คะแนน ตามที่ตั้งเปา้ หมายไว้กิจกรรมเสนอแนะ กจิ กรรมท่ี ๓.๑.๑ จ๊ิกซอวก์ ารยกระดบั ดัชนี

124 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา กิจกรรมป้องกันการทจุ ริตหน่วยท่ี ๓ ยกระดบั ดชั นี สรา้ งคนดีในสงั คมหนว่ ยย่อยท่ี 3.1 การยกระดบั ดัชนีการรับรู้การทุจรติกิจกรรมที่ 3.1 จิก๊ ซอวก์ ารยกระดบั ดชั นี เวลา 120 นาทีสาระสาคัญ ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index: CPI) หรือดัชนีการรับรู้การทุจริตจัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ซ่ึงเป็นองค์การนานาชาติ กอ่ ต้งั ในประเทศเยอรมนี ไดเ้ ร่มิ มกี ารจดั ทาดชั นตี ั้งแตป่ ี พ.ศ. 2538 โดยค่าสงู หมายถึงมีการคอร์รัปชันต่า และค่าต่าหมายถึงมีการคอร์รัปชันสูง โดยในปี 2560 ได้มีการจัดอันดับดัชนีวัดภาพลักษณ์คอร์รปั ชันของประเทศไทยได้ 37 คะแนน เปน็ ลาดบั ที่ 96 จาก 180 ประเทศจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม ๑. เพอื่ ใหม้ ีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับการยกระดบั ดัชนกี ารรบั ร้กู ารทุจริต ๒. เพื่อให้สามารถวิเคราะห์รูปแบบและมูลค่าความเสียหายจากการทุจริต แนวทางการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริตตามยุทธศาตรช์ าติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ 1. เพ่อื ใหต้ ระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการยกระดบั ดัชนีการรับร้กู ารทจุ รติ ของประเทศสื่อ วัสดุ อปุ กรณ์ แหลง่ เรยี นรู้1. www.nacc.go.th (สนง.ปปช.)2. https://goo.gl/uqjgWm (ส่อื การเรยี นร้กู ารสอนแบบจ๊กิ ซอว)์3. คลิปวีดิโอ จาก YouTube4. ใบความรู้ คนละ ๑ ชุด5. ใบงาน คนละ ๑ ชุด6. กระดาษฟลปิ ชาร์ท ปากกาเคมี ดินสอสี กลมุ่ ละ ๑ ชุด7. สตกิ๊ เกอรร์ ูปดาวหรอื รูปการ์ตนู คนละ ๑ ดวง8. รางวัล9. คอมพวิ เตอร์พรอ้ มเครอ่ื งฉายโปรเจ็คเตอร์10. แบบประเมนิ ผลงานกลุ่มและแบบประเมนิ พฤตกิ รรม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 125ข้นั ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม ๑. ผู้สอนเตรียมความพร้อมของผู้เรียนโดยการใช้กิจกรรมเกมนันทนาการ ๑-๒ เกม จากน้ัน แนะนากจิ กรรม พรอ้ มท้งั แจ้งจุดประสงค์ของกจิ กรรม ๒. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน แล้วให้แต่ละกลุ่มเลือกประธานและเลขานุการ พร้อมทั้งตงั้ ชือ่ กลุม่ ของตนเอง เรยี กกลุ่มนีว้ า่ กลุ่ม Home Group ๓. ให้สมาชิกในกลุ่ม Home Group จับสลากท่ีมีหมายเลข ๑ - ๕ อีกคร้ัง แล้วให้ผู้เรียน ที่จบั สลากได้หมายเลขเดียวกันรวมเปน็ กล่มุ เดยี วกัน เช่น ผู้ท่จี บั ไดห้ มายเลขท่ี ๑ ให้ไปรวม กับผู้ท่ีจับได้หมายเลข ๑ เหมือนกันเรียกกลุ่มใหม่น้ีว่ากลุ่ม Expert Group โดยมีการ วางแผนมอบหมายภารกิจที่สมาชิกกลมุ่ จะต้องทา เชน่ - ใครเปน็ ประธาน - ใครอ่านคาสงั่ คาชี้แจง คาถาม - ใครจดบันทึกขอ้ มูล - ใครหาคาตอบ / เหตผุ ล /คาอธิบาย - ใครสรุป / ตรวจสอบคาถามหลงั จากศึกษาขอ้ มูลทไี่ ดร้ บั จากกลุม่ ๔. ผู้สอนแจกใบความรใู้ หแ้ ต่ละกลมุ่ ศึกษา ประกอบดว้ ยหวั ข้อ ดงั นี้ 4.1 ความหมายของดชั นกี ารรบั รู้การทุจรติ 4.2 ดชั นชี ีว้ ัดภาพลกั ษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย 4.3 รูปแบบการทุจรติ 4.4 การทุจรติ ในประเทศไทยและมลู ค่าความเสียหาย 4.5 ยุทธศาตร์ชาติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ๕. สมาชิกในกลมุ่ Expert Group รว่ มกันศกึ ษาในเนอ้ื หาท่ไี ด้รบั ภายในเวลา ๑๐ นาที ๖. สมาชิกกลุ่ม Expert Group แยกตัวกลับไปกลุ่มเดิมของตน (Home Group) แล้วผลัดกนั อธิบายความรู้ท่ีได้จากการทากิจกรรมในหัวข้อท่ีตนศึกษาให้เพ่ือนฟัง โดยเลขานุการกลุ่ม ทาหน้าที่จดบนั ทกึ กาหนดเวลา ๑๐ นาที ๗. หลังจากนั้นให้กลมุ่ Home Group แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสรปุ ข้อมูลทบ่ี ันทึกนาเสนอในรูปของ Mind Mapping และระบายสีให้สวยงาม พร้อมท้ังนาผลงานของกลุ่มตนไปติดบอร์ด หนา้ ชัน้ เรียน/ติดผนงั โดยรอบห้องเรยี น กาหนดใหแ้ ลว้ เสร็จในเวลา ๑๐ นาที ๘. ผู้สอนแจกสติ๊กเกอร์รูปดาวหรือรูปการ์ตูนให้ผู้เรียนคนละ ๑ ดวง เพื่อให้นาไปติดโหวต ให้กับผลงานของกลุ่มที่ตนช่ืนชอบยกเว้นกลุ่มตนเอง โดยมีเง่ือนไขการพิจารณาคือ ความ สวยงามและการส่ือความหมายท่ีเข้าใจง่าย กลุ่มใดได้สติ๊กเกอร์จานวนมากที่สุดเป็นกลุม่ ชนะ ไดร้ บั รางวัลจากผู้สอน ๙. ให้ตัวแทนกลุ่มท่ีชนะการโหวต อธิบายเหตุผลของการออกแบบ Mind Mapping และ เลา่ ถงึ วธิ กี ารมอบหมายงานของสมาชิกภายในกลุ่มทท่ี าใหช้ นะการโหวต ๑๐. ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รยี นร้จู ากการทากจิ กรรม

126 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตด้านอาชีวศกึ ษาขอ้ เสนอแนะ ๑. กิจกรรมนี้เหมาะกับจานวนสมาชิกผู้เรียนท่ีไม่เกิน ๓๐ คน หากมีจานวนสมาชิกเกินกว่านี้ สามารถกาหนดหมายเลขซ้ากันได้ หรือแบ่งกลุ่มเป็น ๑๐ กลุ่มและกาหนดหัวข้อท่ีให้ ทาการศึกษาเปน็ ๒ ชดุ ได้ตามความเหมาะสม ๒. ผู้สอนควรอธบิ ายรูปแบบกจิ กรรมจ๊กิ ซอวใ์ ห้ผู้เรียนเขา้ ใจก่อนจงึ จะเร่ิมดาเนนิ กิจกรรม ๓. ผู้สอนอาจศึกษาคลิปวิดีโอเก่ียวกับวิธีการจัดกิจกรรมจ๊ิกซอว์ จาก YouTube ได้ (https://goo.gl/uqjgWm) ๔. ผสู้ อนควรควบคุมเวลาในการทากจิ กรรมเพอื่ ให้เป็นไปตามเวลาที่กาหนดแนวทางการวัดและประเมินผล 1. ประเมินผลจากการทากิจกรรมกลุ่ม 2. ประเมินพฤติกรรมของผู้เรยี นโดยใชก้ ารสงั เกตหรอื แบบสงั เกต หลกั รายการพฤตกิ รรมที่ประเมิน สดั ส่วนคะแนนคุณธรรม - รับผิดชอบกิจกรรมของตนเอง (รอ้ ยละ) - ทากจิ กรรมตรงตามกติกา และข้อกาหนด 50 มวี ินยั - มงุ่ มัน่ ทากจิ กรรมดว้ ยความซ่ือสตั ย์ 25 สจุ ริต - ช่วยเหลอื สมาชิกในกลมุ่ ด้วยความเต็มใจ 25 จติ อาสา 100 รวม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 127 กิจกรรมป้องกนั การทจุ รติ หนว่ ยที่ ๓ ยกระดับดัชนี สร้างคนดีในสงั คม หน่วยยอ่ ยท่ี 3.๒ การสรา้ งคนดีในสงั คมสาระสาคัญ สถานการณ์ทุจริตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง จึงได้มีการริเริ่มแนวคิดในการปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและสถานการณ์ทุจริตท่ีประชาชนและหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ต้องเผชิญอยู่จริง ซ่ึงต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรสาธารณะสื่อมวลชนและภาคประชาชน ในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบอย่างเข้มแข็ง เพ่ือให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมาตรฐานความโปร่งใสเทียบเท่าสากล ยุทธศาสตร์ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้เรื่องการทุจริตของประเทศไทย เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานด้านความโปร่งใสและการจัดการการยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย โดยการศึกษาวิเคราะห์ประเด็นการประเมินและวิธีการสารวจตามแต่ละแหล่งข้อมูล และเร่งรัด กากับ ติดตามให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องปฏิบัติหรือปรับปรุงการทางาน รวมไปถึงการบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างภาครัฐ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคเอกชนและต่างประเทศ เพื่อยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต(Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย และสรา้ งพลเมืองดีในสงั คมจดุ ประสงค์ ๑. เพื่อให้ผเู้ รยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับการยกระดับดชั นีและสร้างคนดีในสงั คม ๒. เพือ่ ให้สามารถวเิ คราะห์สภาพปญั หาและแนวทางแกไ้ ขการทุจรติ ในชมุ ชนและสงั คม ๓. เพ่อื ให้ตระหนักถงึ การมสี ่วนรว่ มในการสร้างคนดใี นสงั คมเน้อื หาสาระ การสร้างวนิ ัย คณุ ธรรม จรยิ ธรรมเพ่อื ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตเป็นสง่ิ สาคญั เพ่อื ให้เด็กและเยาวชนมีจิตสานึกในการต่อต้านการทุจริต ปลูกจิตสานึก ปรับเปล่ียนฐานการคิดให้แก่เยาวชน ให้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบของการทุจริตคอร์รัปชัน พัฒนางานให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้สรา้ งความแขง็ แกร่งใหต้ นเอง องคก์ ร และส่งผลตอ่ ประเทศชาตใิ นทส่ี ดุ • ความหมายและความสาคญั ของพลเมืองดี “พลเมือง” หมายถึง ชาวเมืองหรือประชาชนที่ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑข์ องสงั คม มีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีและรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม ไม่ละเมิดสิทธิและเสรภี าพของบุคคลอ่ืน

128 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา • คณุ ลกั ษณะของพลเมืองดี พลเมอื งดีถือเปน็ องคป์ ระกอบทสี่ าคัญของสังคม เพราะเป็นกาลงั สาคัญในการพฒั นาความเจริญก้าวหน้าของประเทศ พลเมืองดีจึงต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานและขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมนน้ั ๆ อาทิเช่น 1. มีแนวทางในการดาเนินชีวิตท่ีถูกต้องเหมาะสม ประพฤติปฏิบัติอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคม 2. รู้จักบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง และเคารพสทิ ธขิ องผอู้ ่ืน 3. ยอมรบั ความแตกตา่ ง และเคารพความคดิ เห็นของคนส่วนใหญ่ 4. มอี สิ รภาพและสามารถพ่ึงพาตนเองได้ 5. มีส่วนร่วมในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาส่วนรวม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและสง่ิ แวดลอ้ ม • แนวทางการพฒั นาตนเป็นพลเมอื งดีของประเทศชาตแิ ละสังคมโลก หากบุคคลตระหนกั ถึงคุณลักษณะของการเป็นพลเมืองดีต่อประเทศชาติและสังคมโลกดังกล่าวแล้ว ก็สมควรจะพัฒนาตนเองให้มีคุณลักษณะดังกล่าวด้วย เพ่ือท่ีจะได้เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวสังคมและประเทศชาติ ซ่งึ แนวทางการพัฒนาตนเป็นพลเมืองดี มดี งั นี้ ๑. การเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว โดยการปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในครอบครัวเช่น บทบาทหนา้ ท่ีของพ่อแม่ต่อลกู บทบาทหนา้ ท่ีของลกู ต่อพ่อแม่ นอกจากนี้ สมาชิกทกุ คนควรปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงของครอบครัวและมีความสัมพันธ์ทีด่ ีต่อกนั เพ่ือให้อยรู่ ่วมกนั ในครอบครวั อยา่ ง มคี วามสขุ ๒. การเป็นสมาชิกท่ีดีของสถานศึกษา โดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบของห้องเรียนและสถานศึกษา เพ่ือที่จะได้อยรู่ ่วมกันอย่างมีความสุข และเกิดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย เช่น การช่วยกนัรักษาความสะอาดในห้องเรียนและในบริเวณต่าง ๆ ของสถานศึกษา การเคารพเช่ือฟังครูอาจารย์ ตั้งใจเรียนและทางานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่ ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีรู้จักแสดงความคิดเห็นตามหลักเหตุผลและสิทธิของตนเอง รวมทั้งรู้จักรับฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ื่น และเคารพข้อตกลงของคนสว่ นใหญ่ ๓. การเป็นสมาชิกทด่ี ขี องชมุ ชน โดยการปฏบิ ตั ิตนตามกฎระเบยี บของชุมชน เชน่ ปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจร ไม่ทิ้งขยะในท่ีสาธารณะ ไม่ทาลายส่ิงของท่ีเป็นของสาธารณะและทรัพย์สินส่วนตัวของผู้อ่ืนฯลฯ การเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนเพ่ือช่วยรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีของชุมชน รวมท้ังการบาเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน เช่น ช่วยเก็บเศษขยะที่พบเห็นในบริเวณต่าง ๆ ช่วยดูแลต้นไม้ ดอกไม้ในสวนสาธารณะของชุมชน รว่ มกนั อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน ๔. การเป็นสมาชกิ ที่ดขี องประเทศชาติและสังคมโลก โดยการเคารพกฎหมายและปฎบิ ตั ติ ามกฎระเบียบข้อบังคับของสังคมและบทบัญญัติของกฎหมาย เป็นผู้มีเหตุผลและรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ เป็นผู้นามีน้าใจประชาธิปไตยและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชนและประเทศชาติ มีส่วนร่วม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 129ในกิจกรรมการเมือง การปกครอง มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเศษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ตลอดจนมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และปฎิบัตติ นตามหลักธรรม • จริยธรรมปอ้ งกนั การทุจรติ “คุณธรรม จริยธรรม” เป็นคาที่คนส่วนใหญ่จะกล่าวควบคู่กันเสมอจนทาให้เข้าใจผิดว่าท้ังสองคามีความหมายอย่างเดียวกันหรือมีความหมายเหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วคาว่า “คุณธรรม” กับคาว่า“จริยธรรม” แยกออกเป็น 2 คา และมีความหมายแตกต่างกัน โดยคาว่า “คุณ” แปลว่า ความดี เป็นคาท่มี คี วามหมายเปน็ ทางนามธรรม ส่วนคาว่า “จรยิ ” แปลวา่ ความประพฤติ กริยาทีค่ วรประพฤติ เปน็คาที่มีความหมายทางรปู ธรรม ดังน้ัน “จริยธรรม” จึงมี 2 ความหมาย คือ ความประพฤติดีงาม เพ่ือประโยชนส์ ขุ ของตนและสังคม ซ่ึงมีพื้นฐานมาจากหลักศีลธรรมทางศาสนา ค่านิยมทางวัฒนธรรม ประเพณี หลักกฎหมายจรรยาบรรณวิชาชพี และอีกความหมายคือ การรจู้ ักไตรต่ รองว่าอะไรควรทา ไมค่ วรทา องค์ประกอบของจริยธรรม จริยธรรมจะเกิดข้ึนได้ด้วยการใช้มโนธรรมภายในจิตใจของบุคคลประเมินคุณค่าของส่ิงใด ๆ เพื่อหาเหตุผลแยกแยะสิ่งถูกผิด ความควร ไม่ควร แล้วตัดสินใจเลือกแสดงพฤติกรรมน้ันออกมาภายนอก เพ่ือบ่งบอกว่าเป็นคนดีของหมู่คณะ ซ่ึงมีองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอกเป็นส่วนเก้ือหนุนให้เกิดจริยธรรมข้ึนในบุคคล ได้แก่ ความรู้เหตุผล คือ ความเข้าใจในความถูกตอ้ ง สามารถแยกแยะและตัดสินใจได้วา่ อะไรถกู ตอ้ งไมถ่ กู ต้องดว้ ยความคิด อารมณค์ วามรูส้ กึ ผิดชอบชั่วดี คือ ความพึงพอใจ ศรัทธา ความเล่ือมใส ยอมรับที่จะนามาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ แล้วแสดงออกเป็นพฤติกรรมทบี่ คุ คลได้ตดั สนิ ใจแล้วว่าเปน็ การกระทาถูกหรอื ผดิ ในสถานการณ์แวดลอ้ มตา่ ง ๆ จริยธรรมทีบ่ คุ คลทัว่ ไปควรปฏิบัติเพอ่ื หลีกเลยี่ งการทุจรติ มีดงั ตอ่ ไปน้ี 1. คุณธรรม 8 ประการ ได้แก่ 1.1 ขยัน หมายถึง ความตั้งใจเพียรพยายามทาหน้าท่ีการงานอย่างต่อเนื่อง สม่าเสมออดทน ไมท่ ้อถอยเมื่อพบอปุ สรรค ความขยนั ตอ้ งควบคูก่ บั การใชส้ ตปิ ญั ญาแก้ปัญหาจนเกดิ ผลงานสาเร็จตามความมงุ่ หมาย 1.2 ประหยัด หมายถึง การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินส่ิงของตน แต่พอประมาณใหเ้ กดิ ประโยชน์ คมุ้ คา่ ไมฟ่ มุ่ เฟือยฟงุ้ เฟอ้ 1.3 ความซ่ือสัตย์ หมายถึง ประพฤติตรงไม่เอนเอียง ไม่มีเล่ห์เหล่ียม มีความจริงใจปลอดจากความรสู้ กึ ลาเอยี งหรอื อคติ 1.4 มวี นิ ยั หมายถึง การยึดมัน่ ในระเบียบแบบแผน ข้อบังคบั และข้อปฏบิ ตั ิ ซึ่งต้องมวี ินยัในตนเองและมีวนิ ัยตอ่ สังคม ๑.5 สภุ าพ หมายถึง เรยี บร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อม มีกิริยามารยาททด่ี งี าม มีสัมมาคารวะ 1.6 สะอาด หมายถึง ปราศจากความมัวหมองท้ังกายใจและสภาพแวดลอ้ ม ความผอ่ งใสเปน็ ที่เจริญตา ทาใหเ้ กิดความสบายใจแกผ่ ู้พบเหน็

130 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 1.7 สามัคคี หมายถึง ความพร้อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวกัน ความปรองดองกันความร่วมใจกันปฏิบตั ิงานให้บรรลุผลตามทีต่ ้องการ เกิดการงานอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากการทะเลาะววิ าท 1.8 มีน้าใจ หมายถึง ความจริงใจท่ีไม่เห็นแต่เพียงตวั เองหรือเร่ืองของตวั เอง แต่เห็นอก-เห็นใจ เหน็ คณุ คา่ ในเพอื่ นมนุษย์ มคี วามเอือ้ อาทร เอาใจใส่ในความสนใจ ในความตอ้ งการ ความจาเปน็ความทกุ ขข์ องผอู้ นื่ และพรอ้ มท่ีจะให้ความช่วยเหลอื เกอ้ื กูลกันและกัน 2. คุณธรรมแหง่ ความพอเพียง การฝึกตนใหม้ ีความพอเพยี ง เปน็ วธิ ีการพฒั นาตนด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมดว้ ยตนเองชั้นสูงเพราะเป็นการพัฒนาความสามารถของบุคคล ในการควบคุมความประพฤติการปฏิบัติของตนให้อยู่ในกรอบพฤติกรรมท่ีพึงปรารถนาของสังคม ท้ังในสภาพการณ์ปกติและเผชิญปัญหาหรือขัดแย้ง การฝึกตนเป็นวธิ กี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรมด้วยตนเองข้นั สูงสุด เพราะเปน็ การพัฒนาความสามารถของบคุ คล ดังน้ี ๒.1 การฝึกวินัยข้ันพ้ืนฐาน เช่น ความขยันหม่ันเพียร การพึ่งตนเอง ความตรงต่อเวลาความรับผดิ ชอบ การรจู้ กั ประหยดั และออม ความซื่อสัตย์ ความมีสมั มาคารวะ ความรักชาติ 2.2 การรักษาศีลตามความเชื่อในศาสนาของตน ศีลเป็นตัวกาหนดที่จะทาให้งดเว้นในการที่จะทาชั่วร้ายใด ๆ อยู่ในจิตใจ ส่งผลให้บุคคลมีจิตที่เข้มแข็งรู้เท่าทันความคิด สามารถควบคุมตนเองได้ 2.3 การทาสมาธิ เป็นการฝึกให้เกิดความตั้งม่ันของจิตใจทาให้เกิดภาวะมีอารมณ์หน่ึงเดียวของกุศลจิตเป็นจิตใจท่ีสงบผ่องใสบริสุทธ์ิเป็นจิตใจที่เข้มแข็ง ม่ันคง แน่วแน่ ทาให้เกิดปัญญาสามารถพิจารณาเห็นทุกอย่างตรงสภาพความเปน็ จรงิ 2.4 ฝึกการเป็นผู้ให้ เช่น การรู้จักให้อภัย รู้จักแบ่งปันความรู้ ความดีความชอบ บริจาคเพอ่ื สาธารณะประโยชน์ อุทิศแรงกายแรงใจเพื่อประโยชนส์ ่วนรวมโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ 3. ความซอ่ื สตั ย์ : คณุ ธรรมพื้นฐานในการปอ้ งกันการทจุ ริต ความซอื่ สตั ย์ หมายถึง การประพฤตติ รง ไมเ่ อนเอยี ง ไม่มีเล่ห์เหล่ยี ม มคี วามจรงิ ใจ ปลอดจากความรสู้ กึ ลาเอยี งหรืออคติ ผูท้ มี่ ีความซ่ือสัตยค์ ือผู้ทมี่ ีความประพฤตติ รงท้งั ต่อหน้าที่ ต่อวชิ าชีพ ตรงต่อเวลา ไม่ใช้เล่ห์เหล่ียมกลโกง คดโกง ทั้งทางตรงและทางอ้อม รับรู้หน้าท่ีของตนเองและปฏิบัติอย่างเต็มที่ถูกต้อง คนที่มีความซ่ือสัตย์จะเป็นผู้ยึดมั่นในหลักความจริงและความถูกต้องในการดาเนินชีวิตประพฤติตรงตามความเปน็ จริงต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งทางกาย วาจา ใจ มีความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทาผิด คนมีศีลธรรมหรือมนุษยธรรม ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอารยะชน จะมีความประพฤติดีประพฤตชิ อบ และมคี วามซ่อื สตั ย์สจุ รติ 3 ประการ ดังน้ี 3.1 กายสุจริต เป็นความสุจริตทางกาย ทาสิ่งที่ดีงามถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยการละเว้นการบีบคั้น เบียดเบียน มีเมตตากรุณา ช่วยเหลือเก้ือกูลสงเคราะห์กัน ไม่แย่งชิงลักขโมย หรือเอารัด-เอาเปรียบ แต่เคารพสิทธิในทรัพย์สนิ ของกันและกัน ไม่ประพฤติผิดล่วงละเมิดในของรักของหวงของผู้อ่ืนไมห่ ่มเหงจิตใจ หรอื ทาลายหลบหลูเ่ กียรติและวงศ์ตระกลู ผอู้ ่นื

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา 131 3.2 วจีสุจริต เป็นความสุจริตทางวาจา ทาส่ิงท่ีดีงาม ถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยวาจาละเว้นการพูดเท็จ โกหกหลอกลวง กล่าวแต่คาสัตย์ ไม่จงใจพูดให้ผิดจากความจริงเพราะเห็นแก่ประโยชน์ ไม่พูดส่อเสียด ยุยง สร้างความแตกแยก พูดแต่คาที่ส่งเสริมสามัคคี ละเว้นจากการพูดคาหยาบคาย สกปรก เสียหาย พูดแต่คาสุภาพ นุ่มนวลชวนฟัง รวมถึงการละเว้นจากการพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ พูดแตค่ าจรงิ มีเหตผุ ล มสี าระ ประโยชนแ์ ละถูกกาลเทศะ 3.3 มโนสุจริต เป็นความสุจริตทางใจ ทาส่ิงท่ีดีงามถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยใจ ไม่ละโมบไม่เพ็งเลง็ คดิ หาทางเอาแต่ได้ ให้คิดเสียสละ ทาใจใหก้ ว้างขวาง ไม่คดิ รา้ ยมุง่ เบียดเบยี นหรือเพง่ มองในแง่ที่จะทาลาย แต่ต้ังความปรารถนาดี แผ่ไมตรี มุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่กัน มีความเห็นถูกต้องเป็นสัมมาทิฐิ เข้าใจในหลักกรรมว่าทาดีมีผลดี ทาช่ัวมีผลช่ัว รู้เท่าทันความจริงท่ีเป็นธรรมดาของโลกและชีวิต มองเห็นความเป็นไปตามเหตุแห่งปัจจัย มนุษย์เราเป็นสิ่งแวดล้อมของกันและกัน ตัวเราเป็นส่ิงแวดล้อมของผู้อ่ืน เราจึงควรมีจิตใจเก้ือกูลต่อกัน มีเมตตาไมตรีในฐานะท่ีเราเป็นส่ิงแวดล้อมของเพื่อนมนุษย์ เราจึงมีความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมทางสังคม นับตั้งแต่การอยู่ร่วมกันในครอบครัว เราทุกคนควรเป็นผู้ที่มีวินัยในการดารงชีวิต ไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีความสามัคคี รับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน รู้บทบาทของตน ให้ความช่วยเหลือเก้ือกูลกัน สามารถแก้ปัญหาและขจัดความขัดแย้งได้ 4. ฆราวาสธรรม 4 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๙ ทรงปกครองแผ่นดินไทยด้วยธรรมะ ด้วยการปฏิบตั ิพระองค์เป็นแบบอย่างทดี่ เี สมอมา ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทท่ีอิงหลักธรรมมาโดยตลอดดังเช่นหลักธรรมเร่ือง “ฆราวาสธรรม 4” ซึ่งควรต้องน้อมนามาประดับแก่ตน ประพฤติปฏิบตั ิให้ตนเองก้าวไปสูค่ วามเปน็ อริยบุคคลในภายหน้า ประกอบด้วย 4.1 สจั จะ ความจริง คือ ดารงมนั่ ในสัจจะ ซือ่ ตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พดู จริง ทาจรงิ จะทาอะไรก็ให้เป็นท่ีเช่อื ถือไว้วางใจได้ 4.2 ทมะ การข่มใจ คือ บังคับควบคุมตนเองได้ รู้จักปรับตัวและแก้ไขปรับปรุงตนให้กา้ วหนา้ ดงี ามย่ิงขึ้นอยู่เสมอ 4.3 ขันติ อดทน คือ มุ่งหน้าทาหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง อดทนไม่หวั่นไหว ม่ันคงในจุดหมาย ไม่ท้อถอย 4.4 จาคะ เสียสละ คือ มีน้าใจเอื้อเฟ้ือ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน บาเพ็ญประโยชน์ สละโลภละทฐิ ิมานะได้ รว่ มงานกับผอู้ ืน่ ได้ ไมใ่ จแคบเห็นแกต่ วั หรอื เอาใจตน สรุปได้ว่า การพัฒนาจริยธรรมด้วยการพัฒนาตนเองตามข้ันตอนดังท่ีกล่าว เป็นธรรมภาระที่บุคคลสามารถปฏิบัติได้ควบคู่กับการดาเนินชีวิตประจาวัน แต่มิใช่เป็นการกระทาในลักษณะเสร็จสิ้นตอ้ งกระทาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนเปน็ นสิ ัย

132 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตด้านอาชีวศกึ ษา • ความโปร่งใสในการปฏิบัตงิ าน ความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง การกระทาการใด ๆ ของภาครัฐ ท้ังในระดับบุคคลและองค์กรท่ีผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ ครอบคลุมถึงทุกการกระทาท่ีเป็นผลจากการตัดสินใจของผู้บริหาร “ความโปรงใสในองค์กร” เน้นการขจัดอุปสรรค และ/หรือการอานวยความ-สะดวกให้ประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขององค์กร กฎ ระเบียบ และกระบวนการทางานโดยสะดวก แสดงความรับผิดชอบพร้อมรับการตรวจสอบ รวมทั้งมีกระบวนการในการติดตามและประเมินผลท่ีชัดเจนตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งหลักความโปร่งใสและธรรมาภิบาลนี้เองจะช่วยให้องค์กรปลอดการทุจรติ ได้ แต่ทว่า ธรรมาภิบาลหรือการบริหารจัดการท่ีดี ยังคงเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเฉพาะข้าราชการและพนกั งานบริษัทเอกชน เพราะธรรมาภิบาลเป็นการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล ตั้งม่ันอยู่บนหลักการบริหารงานทเ่ี ที่ยงธรรม สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้มีจิตสานึกในการทางาน มีความรับผิดชอบในส่ิงที่ได้กระทา พร้อมตอบคาถามหรือตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี และพร้อมรบั ผดิ มศี ลี ธรรม จรยิ ธรรมในการทางาน การคานงึ ถึงการมีส่วนร่วมในการรับรู้ตัดสินใจ ดาเนินการและประเมินผล ตลอดจนร่วมรับผลจากการตัดสินใจร่วมน้ัน มีการส่งเสริมสถานภาพหญิงชาย และการให้ความสาคัญกับกลุ่มต่าง ๆ รวมท้ังคนด้อยโอกาส ตลอดจนการสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคมในการรับโอกาสต่าง ๆ ที่ประชาชนพึงจะได้รับจากรัฐอีกด้วย ธรรมาภิบาลเป็นท้ังหลักการ กระบวนการและเป็นเป้าหมายไปในตัว การมีธรรมาภิบาลอาจนา มาสู่การมีประชาธิปไตยท่ีสมบูรณ์ได้ในท่ีสุด และการมีประชาธิปไตยก็นามาสู่การมีผลทางสังคม คือการมีการพัฒนาประเทศไปในทางที่สร้างความสงบสุขอย่างต่อเน่ืองและสถาพร ตลอดจนนาไปสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆที่จะเกดิ ขน้ึ ไดโ้ ดยสันตวิ ิธี หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) หมายถึง แนวทางในการจัดระเบียบเพื่อให้สังคมของประเทศท้ังภาครัฐ ภาคธุรกิจ เอกชนและภาคประชาชน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และต้ังอยู่ใน ความถูกต้องเป็นธรรม ตามหลกั พื้นฐานการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี ดงั นี้ 1. หลักนิติธรรม (The Rule of Law) หมายถึง การปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ โดย ถือว่าเป็นการปกครองภายใตก้ ฎหมาย มิใช่ตามอาเภอใจ หรืออานาจของตวั บุคคลจะต้องคานงึ ถึงความเปน็ ธรรมและความยตุ ิธรรม รวมท้งั มคี วามรดั กุมและรวดเรว็ ด้วย ได้แก่ ๑.๑ หลักการแบ่งแยกอานาจ เป็นพ้ืนฐานทส่ี าคัญของหลักนิตธิ รรม เพราะเป็นหลักท่ีแสดงให้เห็นถงึ การอยู่ร่วมกนั ของการแบ่งแยกอานาจ การตรวจสอบอานาจ และการถ่วงดุลอานาจ ๑.๒ หลักการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นหลักนิติธรรมที่มีความเก่ียวพันกันกับสิทธิในเสรีภาพของบุคคล และสิทธิในความเสมอภาค สิทธิท้ังสองประการดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นพื้นฐานของ “ศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ย์” อนั เปน็ หลกั การสาคัญตามเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู ๑.๓ หลักความชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายตุลาการและฝ่ายปกครอง การใช้กฎหมายของฝ่ายตุลาการ หรือฝ่ายปกครองท่ีเป็นการจากัดสิทธิของประชาชนมีผลมาจากกฎหมายท่ีได้รับความ-

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 133เห็นชอบ จากตัวแทนของประชาชน โดยฝ่ายตุลาการจะต้องไม่พิจารณาพิพากษาเร่ืองใดเรื่องหน่ึงให้แตกต่างไปจากบทบัญญัตขิ องกฎหมาย ฝา่ ยตลุ าการมีความผกู พันท่จี ะต้องใช้กฎหมายอย่างเท่าเทยี มกันใชด้ ลุ พนิ ิจ โดยปราศจากข้อบกพร่อง ๑.๔ หลกั ความชอบด้วยกฎหมายในทางเนื้อหา เปน็ หลักทเี่ รยี กร้องให้ฝา่ ยนติ บิ ัญญัติหรือฝ่ายปกครองท่ีออกกฎหมายลาดับรอง กาหนดหลักเกณฑ์ในทางกฎหมายให้เป็นตามหลักความแน่นอนของกฎหมาย หลักหา้ มมใิ ห้กฎหมายมีผลยอ้ นหลงั และหลกั ความพอสมควรแก่เหตุ ๑.๕ หลักความอิสระของผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสามารถทาภาระหน้าท่ีในทางตุลาการได้โดยปราศจากการแทรกแซงใด ๆ โดยผู้พิพากษามีความผูกพันเฉพาะต่อกฎหมายและทาการพิจารณาพิพากษาภายใต้มโนธรรมของตนเทา่ นัน้ โดยวางอยบู่ นพนื้ ฐานของความอิสระจาก 3 ประการ กล่าวคอืความอิสระจากค่คู วาม ความอิสระจากรฐั และความอิสระจากสงั คม ๑.๖ หลกั “ไม่มคี วามผดิ และไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมาย” เมื่อไมม่ ขี อ้ บญั ญัตทิ างกฎหมายใหเ้ ป็นความผดิ แล้วจะเอาผดิ กบั บุคคลนั้น ๆ มไิ ด้ ๑.๗ หลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หมายความว่า รัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับให้เป็นกฎหมายทอ่ี ยู่ในลาดับท่ีสงู สดุ ในระบบกฎหมายของรฐั น้นั และหากกฎหมายทอ่ี ยู่ในลาดบัท่ีตา่ กวา่ ขัดหรอื แยง้ กบั รัฐธรรมนูญ กฎหมายดังกลา่ วยอ่ มไมม่ ีผลบังคับ ๒. หลักคุณธรรม (Morality) หมายถึง การยึดม่ันในความถูกต้อง ดีงาม การส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพ่ือให้บุคลากรมีความซ่ือสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบ วินัยประกอบอาชีพสุจริต เป็นนิสัยประจาชาติ หลักคุณธรรม ประกอบด้วยหลักการสาคัญ 3 หลักการ คือหน่วยงานปลอดการทุจริต หน่วยงานปลอดจากการทาผิดวินัย และหน่วยงานปลอดจากการทาผิดมาตรฐานวิชาชีพนิยมและจรรยาบรรณ องค์ประกอบของคุณธรรมหรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์ท่ีปลอดจากคอร์รัปชัน หรอื มคี อร์รัปชนั น้อยลง 3. หลักความโปร่งใส (Accountability) ความโปร่งใสพอเทียบได้ว่ามีความหมายตรงข้ามหรือเกือบตรงข้ามกับการทุจริตคอร์รัปชัน โดยที่เรื่องทุจริตคอร์รัปชันมีความหมายในเชิงลบ และความน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ ความโปร่งใสเป็นคาศัพท์ที่ให้แง่มุมในเชิงบวก และให้ความสนใจในเชิงสงบสุขประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวกและเข้าใจง่าย และมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องอย่างชัดเจน หลักความโปร่งใสประกอบไปด้วยหลักการย่อย 4 หลักการ คือ หน่วยงานมีความโปร่งใสด้านโครงสร้าง หน่วยงานมีความโปร่งใสด้านการให้คุณ หน่วยงานมีความโปร่งใสด้านการให้โทษหน่วยงานมคี วามโปรง่ ใสดา้ นการเปดิ เผยข้อมลู 4. หลักการมีส่วนร่วม (Participation) การให้โอกาสให้บุคลากรหรือผู้มีส่วนเก่ียวข้องเข้ามามีส่วนร่วมทางการบริหารจัดการเกี่ยวกับการตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ เช่น เป็นคณะกรรมการคณะอนุกรรมการและหรือคณะทางาน โดยให้ข้อมูลความคิดเห็น แนะนาปรึกษา ร่วมวางแผนและร่วมปฏบิ ตั ิ การมีส่วนร่วมของประชาชนเปน็ กระบวนการซ่งึ ประชาชนหรือผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียได้มีโอกาสแสดงทัศนะและเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมท้ังมีการนาความคิดเหน็ ดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากาหนดนโยบาย และการตัดสินใจของรฐั

134 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา การมสี ่วนรว่ มของประชาชนเปน็ กระบวนการสอ่ื สารในระบบเปดิ กล่าวคอื เปน็ การสื่อสารสองทาง ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วยการแบ่งสรรข้อมูลร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม หลักการมีส่วนร่วมประกอบไปด้วยหลกั การสาคญั 4 หลักการ คอื 4.1 ระดับการให้ข้อมูล เป็นระดับต่าสุดและเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของการติดต่อส่ือสารระหว่างผู้วางแผนโครงการกับประชาชน เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนเก่ียวกับการตัดสินใจของผู้วางแผนโครงการ และยังเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหรือเข้ามาเก่ียวข้องใด ๆ เช่น การแถลงข่าว การแจกขา่ ว การแสดงนทิ รรศการ และการทาหนังสอื พิมพ์ให้ข้อมูลเกย่ี วกับกิจกรรมต่าง ๆ 4.2 ระดับการเปิดรับความคิดเห็นจากประชาชน เป็นระดับขั้นท่ีสูงกว่าระดับแรกกล่าวคือ ผู้วางแผนโครงการเชญิ ชวนใหป้ ระชาชนแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื ให้ไดข้ ้อมลู มากขึน้ และประเดน็ในการประเมินข้อดีข้อเสียชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การสารวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการริเริ่มโครงการต่าง ๆ และการบรรยายให้ประชาชนฟังเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ แล้วขอความคิดเห็นจากผู้ฟังรวมไปถงึ การรว่ มปรึกษาหารอื เป็นตน้ 4.3 ระดับการวางแผนร่วมกันและการตัดสินใจ เป็นระดับขั้นท่ีสูงกว่าการปรึกษาหารือกล่าวคือ เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมที่มีขอบเขตกว้างมากข้ึน มีความรับผิดชอบร่วมกันในการตัดสินใจวางแผนเตรียมโครงการ และเตรยี มรบั ผลท่ีจะเกิดข้นึ จากการดาเนนิ โครงการ ระดับนีม้ กั ใชใ้ นกรณที ่เี ป็นเรือ่ งซบั ซอ้ นและมีข้อโต้แย้งมาก เช่น การใช้กลุ่มทป่ี รึกษาซึ่งเปน็ ผู้ทรงคณุ วุฒิในสาขาตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้องการใช้อนญุ าโตตุลาการเพ่ือปัญหาข้อขดั แย้ง และการเจรจาเพ่ือหาทางประนปี ระนอมกนั เป็นตน้ 4.4 ระดับการพัฒนาศักยภาพในการมีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจให้กับสาธารณชน เป็นระดับขั้นท่ีสูงสุดของการมีส่วนร่วม คือเป็นระดับท่ีผู้รับผิดชอบโครงการได้ตระหนักถึงความสาคัญและประโยชนท์ ีจ่ ะไดร้ บั จากการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน และได้มีการพฒั นาสมรรถนะหรือขีดความสามารถในการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากขึ้นจนอยู่ในระดับที่สามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มท่ี และเกิดประโยชน์สูงสดุ 5. หลักความรับผิดชอบ (Responsibility) การตระหนักในสิทธิและหน้าที่ ความสานึกในความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม การใส่ใจปญั หาการบริหารจดั การ กระตอื รอื ร้นในการแกป้ ญั หา และเคารพในความคิดเห็นท่ีแตกต่าง รวมทั้งความกล้าท่ีจะยอมรับผลดีและผลเสียจากกระทาของตนเอง รวมถึงความรับผิดชอบในผลงาน หรือปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุผลตามเปา้ หมายทก่ี าหนดไว้ รวมทั้งการตอบสนองต่อความคาดหวังของสาธารณะ เป็นเรื่องของความพร้อมท่ีจะรับผิดชอบ ความพร้อมที่จะถูกตรวจสอบได้ โดยในแง่มุมของการปฏิบัติถือว่าสานึกรับผิดชอบเป็นคุณสมบัติหรือทักษะที่บุคคลพึงแสดงออกเพื่อเป็นเครื่องชี้ว่าได้ยอมรับในภารกิจท่ไี ดร้ ับมอบหมายและนาไปปฏิบตั ิด้วยความรับผิดชอบ ประกอบด้วยหลกั การยอ่ ย ดังน้ี 5.1 การมีเป้าหมายที่ชัดเจน การมีเป้าหมายชัดเจนเป็นสิ่งสาคัญส่ิงแรกของระบบสานึกรับผิดชอบ กล่าวคือ องค์การจะต้องทาการกาหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ การสร้างวฒั นธรรมใหมใ่ ห้ชัดเจนวา่ ตอ้ งการบรรลุอะไรและเมื่อไรท่ีต้องการเห็นผลลัพธ์นน้ั

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา 135 5.2 ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกันจากเป้าหมายที่ได้กาหนดเอาไว้ ต้องประกาศให้ทุกคนได้รับรู้และเกิดความเข้าใจถึงส่ิงท่ีต้องการบรรลุและเงื่อนไขเวลาท่ีต้องการให้เห็นผลงาน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของโครงการ สร้างวัฒนธรรมน้ีร่วมกัน เพ่ือให้เกิดการประสานกาลังคน ร่วมใจกันทางานเพอ่ื ผลิตภาพโดยรวมขององคก์ าร 5.3 การปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ ความสาเร็จของการสร้างวัฒนธรรมสานึกรบั ผิดชอบ อยทู่ ี่ความสามารถของหนว่ ยงานในการส่อื สารสร้างความเข้าใจใหเ้ กิดขน้ึ ในองค์การ ผ้บู ริหารใหค้ วามสนับสนนุ แนะนา ทาการตัดสินใจอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ และมีการประสานงานร่วมมือกนั ทางานระหว่างหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ในองคก์ าร 5.4 การจัดการพฤติกรรมท่ีไม่เอื้อการทางานอย่างไม่หยุดยั้ง ปัจจุบันการเปล่ียนแปลงนับว่าเปน็ เร่ืองปกติ และทกุ คร้งั ท่มี ีการเปล่ยี นแปลงมกั จะมีการต่อต้านการเปลย่ี นแปลงเสมอ หนว่ ยงานต้องมีมาตรการในการจัดการกับพฤติกรรมการต่อต้านการเปล่ียนแปลงดังกล่าว เพ่ือให้ทุกคนเกิดการยอมรับแนวความคดิ และเทคโนโลยใี หม่ ๆ 5.5 การมีแผนการสารอง ส่วนประกอบสาคัญขององค์การท่ีมีลักษณะวัฒนธรรมสานึกรับผิดชอบ ต้องมีการวางแผนฟื้นฟูที่สามารถสื่อสารให้ทุกคนในองค์การได้ทราบ และเข้าใจถึงแผนและนโยบายขององคก์ าร และทสี่ าคัญคือตอ้ งมีการกระจายข้อมลู ขา่ วสารทถ่ี ูกตอ้ งสมบรู ณ์ อยา่ งเปดิ เผย 5.6 การติดตามและประเมินผลการทางาน องค์การจาเป็นต้องมีการติดตามและประเมินผลการทางานเป็นระยะ ๆ อย่างสม่าเสมอ เพื่อตรวจสอบดูว่าผลงานนั้นเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพงานที่กาหนดไว้หรือไม่ ผลงานที่พบว่ายังไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กาหนดต้องมีการดาเนินการแก้ไขในทนั ที ขณะทผี่ ลงานทไ่ี ดม้ าตรฐานต้องไดร้ ับการยอมรบั ยกย่องในองค์การ 6. หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy) หมายถึง การบริหารจัดการและใชท้ รัพยากรท่มี จี ากดั เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุดแกส่ ว่ นรวม โดยรณรงค์ใหบ้ ุคลากรมคี วามประหยัดใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างคุ้มค่า และรักษาทรัพยากรธรรมชาตใิ ห้สมบูรณ์ย่ังยืน หลักการน้ีคานึงถึงประโยชน์สงู สุดแก่สว่ นรวมในการบรหิ ารการจัดการและการใชท้ รัพยากรทีม่ อี ยู่อย่างจากัด สง่ิ เหลา่ น้ีเปน็ ผลในการปฏบิ ตั อิ นั เกิดจากการใช้หลกั ธรรมาภบิ าลน่ันเอง ประกอบดว้ ย 6.1 การประหยัด หมายถึง การทางานและผลตอบแทนบุคลากรเป็นไปอย่างเหมาะสมการไม่มีความขดั แย้งเรื่องผลประโยชน์ การมีผลผลติ หรอื บริการได้มาตรฐาน การมีการตรวจสอบภายในและการจดั ทารายงานการเงนิ และการมกี ารใชเ้ งินอย่างมีประสทิ ธิภาพ 6.2 การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด หมายถึง การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสทิ ธภิ าพ การพัฒนาทรพั ยากรบุคคล และการใชผ้ ลตอบแทนตามผลงาน 6.3 ความสามารถในการแข่งขัน หมายถึง การมีนโยบาย แผน วิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมาย การมีการเน้นผลงานด้านบริการ การมีการประเมินผลการทางาน และผู้บริหารระดับสูงมสี ภาวะผูน้ า

136 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา • มาตรการของรัฐในการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตของรฐั ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเป็นปัญหาท่ีส่ังสมติดต่อกันมายาวนาน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและความม่ันคงของประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อสายตาของประชาคมโลก ซึ่งนับวันรูปแบบการทุจริตจะมีความหลากหลายและทวีความรุนแรงมากขึ้น จาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งดาเนินการแก้ไขปัญหาทุจริตให้หมดไป จึงต้องสร้างระบบการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตให้มปี ระสทิ ธภิ าพ โดยมาตรการของรัฐในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติมดี ังนี้ 1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 กาหนดในหมวดท่ี 4 หน้าท่ีของประชาชนชาวไทยว่า “...บุคคลมีหน้าท่ีไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ”ถือได้ว่าเป็นคร้ังแรกท่ีรัฐธรรมนูญได้กาหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคน นอกจากนี้ ยังกาหนดชัดเจนในหมวดที่ 5 หน้าท่ีของรัฐว่า “รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนและให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบ ท้ังภาครัฐและภาคเอกชน และจดั ให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสทิ ธิภาพเพื่อป้องกนั และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมท้ังกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ใหค้ วามรตู้ ่อตา้ นการทจุ ริต หรอื ชเี้ บาะแส โดยได้รับความคมุ้ ครองจากรัฐตามท่ีกฎหมายบัญญัติ”การบริหารราชการแผ่นดินรัฐต้องเสริมสร้างให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก มีประสิทธิภาพ ที่สาคัญคอื ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ติ ามหลกั การบริหารกิจการบ้านเมืองทด่ี ี ซ่งึ การบริหารงานบคุ คลของหน่วยงานของรัฐต้องเปน็ ไปตามระบบคุณธรรมตามท่ีกฎหมายบัญญัติ โดยอย่างน้อยต้องมีมาตรการป้องกันมิใหผ้ ู้ใดใช้อานาจหรือกระทาการโดยมิชอบแทรกแซงการปฏิบตั ิหน้าท่ี หรือกระบวนการแต่งตั้ง หรือการพิจารณาความดีความชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐต้องจัดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรม เพื่อให้หน่วยงานใช้เป็นหลักในการกาหนดประมวลจรยิ ธรรมสาหรับเจา้ หน้าที่ ในหนว่ ยงาน ซง่ึ ต้องไมต่ ่ากว่ามาตรฐานทางจริยธรรมดังกลา่ ว 2. วาระการปฏิรูปท่ี 1 การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติในฐานะองค์กรทีม่ ีบทบาทและอานาจหน้าท่ใี นการปฏริ ูปกลไก และปฏิบัติงานด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ได้มีข้อเสนอเพื่อปฏิรูปด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ย่ังยืน เป็นรูปธรรมปฏิบัติได้ สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและบริบทของสังคมไทย โดยเสนอให้มียุทธศาสตร์การแก้ไขปญั หา 3 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 2.1 ยทุ ธศาสตร์การปลกู ฝัง “คนไทย ไมโ่ กง” เพอื่ ปฏริ ปู คนใหม้ จี ติ สานึก สรา้ งจิตสานกึ ที่ตัวบุคคลรับผิดชอบชว่ั ดี อะไรควรทา อะไรไมค่ วรทา มองว่าการทจุ รติ เปน็ เรื่องนา่ รังเกยี จ เปน็ การเอาเปรยี บสงั คมและสงั คมไมย่ อมรับ 2.2 ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพื่อเป็นระบบป้องกันการทจุ รติ เสมือนการสรา้ งระบบภูมติ า้ นทานแก่ทุกภาคส่วนในสังคม

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 137 2.3 ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพ่ือปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริตให้มีประสิทธิภาพ ให้สามารถเอาตัวผู้กระทาความผิดมาลงโทษได้ ซึ่งจะทาให้เกิดความเกรงกลัวไม่กลา้ ท่ีจะกระทาการทุจริตข้ึนอีกในอนาคต 3. ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) สภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศได้กาหนดให้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติมีผลบงั คับภายในปี พ.ศ. 2559 และกาหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกหนว่ ยงานนายทุ ธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ แผนพัฒนาดา้ นต่าง ๆ มาเป็นแผนแมบ่ ทหลักในการกาหนดแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณ ยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ท่ียึดวัตถุประสงค์หลักแห่งชาติเป็นแม่บทหลัก ทิศทางด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานภาครัฐ ทุกหน่วยงานจะถูกกาหนดจากยุทธศาสตร์ชาติ สภาขับเคลือ่ นการปฏิรูปแห่งชาติ วางกรอบยทุ ธศาสตรช์ าติ ในระยะ 20 ปีโดยมีกรอบวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” คติพจน์ประจาชาติว่า “ม่ันคง ม่ังคั่ง ย่ังยืน” ประกอบด้วย 6ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ความม่ันคง ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขันยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ยุทธศาสตร์ท่ี 4 การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทียมกันทางสังคม ยุทธศาสตรท์ ่ี 5 การสร้างการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวิตที่เป็นมติ รต่อสิ่งแวดลอ้ มและยุทธศาสตร์ที่ 6 การปรบั สมดลุ และพัฒนาการบริหารจดั การภาครัฐ ท้ังน้ี ในยุทธศาสตร์ที่ 6 ได้กาหนดกรอบแนวทางทส่ี าคัญ 7 แนวทาง ประกอบด้วย 1) การปรับปรงุ การบริหารจดั การรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ 2) การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ 3) การปรับปรงุ บทบาท ภารกจิ และโครงสรา้ งของหน่วยงานภาครฐั ให้มขี นาดทเี่ หมาะสม 4) การวางระบบบริหารงานราชการแบบบรู ณาการ 5) การพฒั นาระบบบริหารจัดการกาลงั คนและพฒั นาบคุ ลากรภาครฐั ในการปฏิบตั ริ าชการ 6) การตอ่ ตา้ นการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ 7) การปรบั ปรงุ แก้ไขกฎหมาย ระเบียบและข้อบงั คับใหม้ ีความชัดเจน ทันสมยั เป็นธรรมและสอดคล้องกับข้อบังคับสากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาหน่วยงานภาครัฐและบุคลากรที่มหี น้าทเ่ี สนอความเหน็ ทางกฎหมายใหม้ ศี ักยภาพ 4. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ.2560 - 2564) กาหนดในยุทธศาสตร์ที่ 6 การบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบและธรรมาภบิ าลในสังคมไทย ในยุทธศาสตร์น้ีได้กาหนดกรอบแนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชันมงุ่ เน้นการสง่ เสริมและพฒั นาปลูกฝงั คา่ นยิ ม วัฒนธรรม วธิ คี ดิ และกระบวนทศั นใ์ หค้ นมีความตระหนัก มีความรเู้ ทา่ ทนั และมภี มู ติ ้านทานต่อโอกาสและการชักจงู ใหเ้ กดิ การทุจริตคอร์รปั ชนั และมพี ฤตกิ รรม ไม่ยอมรับการทจุ รติ ประพฤติมิชอบ รวมทั้งสนบั สนุนทกุ ภาคส่วนในสงั คมได้เข้ามามีส่วนรว่ มในการป้องกันและปราบรามการทจุ ริต และมุ่งเน้นให้เกิดการส่งเสริมธรรมาภบิ าลในภาคเอกชน เพ่ือเป็นการ ตัดวงจร

138 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษาการทุจริตระหวา่ งนกั การเมือง ขา้ ราชการและนกั ธุรกิจออกจากกัน ทงั้ น้ี การบรหิ ารงานของสว่ นราชการตอ้ งมคี วามโปร่งใสและตรวจสอบได้ 5. โมเดลประเทศไทยสู่ความม่ันคง ม่ังคั่งและย่ังยืน (Thailand 4.0) เป็นโมเดลที่นอ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น 2ยุทธศาสตร์สาคัญ คือ 1) การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน และ 2) การเช่ือมโยงกับประชาคมโลกในยทุ ธศาสตร์การสรา้ งความเขม้ แขง็ จากภายใน Thailand 4.0 เน้นการปรับเปลีย่ น 4 ทิศทาง และเน้นการพัฒนาท่ีสมดุลใน 4 มิติ คือ การยกระดับศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ด้วยการพัฒนาคนไทยให้เป็น “มนุษย์ท่ีสมบูรณ์” ผ่านการปรับเปลี่ยนระบบนิเวศน์ การเรียนรู้เพ่ือเสริมสร้างแรงบันดาลใจบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังจิตสาธารณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ต้ัง มีความซ่ือสัตย์ สุจริตมีวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีความรับผิดชอบ เน้นการสร้างคุณค่าร่วมและค่านิยมท่ีดี คือ สังคมท่ีมีความหวงั สงั คมทเ่ี ปย่ี มสุขและสงั คมทีม่ ีความสมานฉนั ท์ 6. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 -2564) ท่ีกาหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance &Clean Thailand) กาหนดยุทธศาสตร์หลักออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ คือ ๑) สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ๒) ยกระดับเจตจานงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ๓) สกัดกั้นการทุจริตเชงิ นโยบาย๔) พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ๕) ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริต และ ๖)ยกระดับคะแนนดชั นีการรบั ร้กู ารทุจรติ ทั้งน้ี เพื่อสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต มุ่งเน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสังคมให้เกิดภาวะ “ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มต้ังแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซ่ือสัตย์ สุจริต มีจิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพื่อส่วนรวม ปลูกฝังความคิดแบบดิจิทัล (Digital Thinking) ให้สามารถคิดแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ส่วนรวม และประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือตา้ นทจุ ริต โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้กิจกรรมเสนอแนะ กิจกรรมที่ ๓.๒.๑ สอื่ สะท้อนคดิ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา 139กิจกรรมปอ้ งกันการทจุ รติหนว่ ยที่ ๓ ยกระดับดชั นี สรา้ งคนดีในสงั คมหนว่ ยย่อยท่ี 3.2 การสร้างคนดีในสังคมกิจกรรมท่ี 3.2 สอ่ื สะท้อนคดิ เวลา 120 นาทีหลักการและเหตุผล คนดีหรือพลเมืองดีถือเป็นองค์ประกอบทสี่ าคัญของสังคม เพราะเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาความเจริญก้าวหนา้ ของประเทศ บทบาทของพลเมืองดีจึงต้องปฏบิ ตั ติ ามบรรทัดฐานและขนบธรรมเนยี มประเพณีของสังคมนั้น ๆ อาทิเช่น มีแนวทางในการดาเนินชวี ิตที่ถูกต้องเหมาะสม ประพฤติปฏิบัติอยภู่ ายใต้กฎเกณฑ์และขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคม ร้จู กั บทบาทหน้าท่ขี องตนเอง และเคารพสทิ ธิของผู้อื่น ไม่ทุจริต คอร์รัปชัน และมีส่วนร่วมในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาส่วนรวม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมอื งและสง่ิ แวดล้อม เพ่อื ยกระดับดัชนีสรา้ งพลเมืองดีในสังคมตอ่ ไปจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม 1. เพ่ือให้มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับความหมาย ความสาคัญและคุณลกั ษณะของพลเมอื งดี 2. เพื่อให้สามารถประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของครอบครัว เป็นพลเมืองดีของสังคมและ ประเทศ 3. เพ่อื ใหต้ ระหนักถงึ บทบาทของพลเมืองดีในการร่วมตอ่ ตา้ นการทุจริตส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ แหล่งเรยี นรู้ ๑. เวบ็ ไซตข์ องสานกั งาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th ๒. คลปิ วิดีโอ จาก YouTube ๓. ใบงาน ๔. ลกู โปง่ จานวนเท่าผเู้ รยี น ๕. รางวัล ๖. กระดานไวทบ์ อร์ด/กระดาษฟลปิ ชาร์ท พรอ้ มปากเคมี สาหรบั บันทึกคะแนน ๗. คอมพวิ เตอรพ์ ร้อมเครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ ๘. แบบประเมินผลงานกลมุ่ และแบบประเมนิ พฤติกรรมขน้ั ตอนการดาเนินกิจกรรม ๑. ผู้สอนเตรียมความพร้อมของผู้เรียนโดยการใช้กิจกรรมเกมนันทนาการ ๑-๒ เกม จากนั้น แนะนากิจกรรม พร้อมทง้ั แจ้งจดุ ประสงคข์ องกิจกรรม

140 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกนั การทุจริตด้านอาชวี ศกึ ษา ๒. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน โดยวิธีจับสลากท่ีมีหมายเลข ๑-๕ ผู้เรียนท่ีจับได้ หมายเลขเดียวกันให้รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วให้แต่ละกลุ่มเลือกประธานและเลขานกุ าร พร้อมท้งั ตง้ั ชือ่ กลมุ่ สัญลักษณ์ทา่ ทางประจากลมุ่ ของตนเอง ๓. ผู้สอนเปิดภาพยนตรส์ ้นั ของสานกั งาน ป.ป.ช. เรือ่ ง GOT STAR หรือเร่ือง ผลลับ ใหผ้ ู้เรยี น ดู โดยใหผ้ ูเ้ รียนแต่ละคนบนั ทึกเนอ้ื หาที่ได้จากภาพยนตร์สน้ั ระหวา่ งดูด้วย ๔. ผสู้ อนใช้กจิ กรรม Numberhead Together ในการสมุ่ ถามตอบกับผเู้ รยี น โดย ๔.๑ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มจับสลากหมายเลข ๑-๕ สมาชิกจับสลากได้หมายเลขใด กาหนดใหเ้ ป็นหมายเลขประจาตัวของสมาชิกคนนน้ั ๔.๒ ผสู้ อนถามคาถามและใหเ้ วลา ๒-๓ นาที ให้ทกุ กลมุ่ คดิ หาคาตอบรว่ มกนั ภายในกลุม่ ๔.๓ ผู้สอนสุ่มเรียกหมายเลขประจาตัว และหมายเลขประจากลุ่ม (หรืออาจจะใช้การ จับสลากหรือจับลูกปิงปองที่มีหมายเลข ๑-๕ ตามจานวนสมาชิก และตามจานวน ของกลุ่ม) เพ่ือให้ตอบคาถาม เช่น สุ่มเรียกหมายเลข 3 กลุ่มท่ี ๕ เป็นผู้ตอบคาถาม หรือกลมุ่ ท่ี ๒ หมายเลข ๔ เปน็ ผตู้ อบคาถาม เปน็ ต้น ๔.๔ ผู้สอนถามคาถามจากภาพยนตร์สั้น เม่ือผู้เรียนตอบถูกผู้สอนอาจให้รางวัล เพ่ือเป็น การเสริมแรงบวกแก่ผู้เรียนและกระตุ้นจูงใจให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นท่ีจะร่วม กจิ กรรมการเรียนรู้มากขน้ึ แตห่ ากตอบผิดอาจให้ทากจิ กรรมเพ่ือความสนกุ สนาน ๔.๕ ผ้สู อนถามคาถามทลี ะข้อ (อยา่ งนอ้ ย ๕ ขอ้ ) และปฏิบัตเิ ช่นเดยี วกับข้อ ๔.๔ จนหมด คาถาม โดยบนั ทึกผลคะแนนเป็นรายกล่มุ ในแตล่ ะขอ้ ๔.๖ ผู้สอนสรุปคะแนนหรือรางวัล ว่ากลุ่มไหนได้คะแนนหรือรางวัลมากที่สุด กล่าว ยกยอ่ งชมเชยหรอื อาจมรี างวลั /คะแนนพเิ ศษให้กลุม่ ทช่ี นะ ๕. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ เนือ้ หาสาระท่ไี ดจ้ ากกจิ กรรมการเรียนรู้ ๖. ผ้สู อนให้ผ้เู รียนเลน่ เกมเกย่ี วกับการทุจรติ ตามขนั้ ตอนดังนี้ ๖.๑ ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มรบั ลูกโป่งไปเป่าใหไ้ ด้ขนาดตามทีค่ รกู าหนด ๖.๒ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มยืนเป็นวงกลมเฉพาะกลุ่มของตนเองโดยทุกคนหันหน้าไป ทางเดียวกัน แล้วนาลูกโป่งแนบไว้ระหว่างอกของตนเองและหลังของเพ่ือน รอฟัง คาสง่ั จากผ้สู อน ๖.๓ ผู้สอนออกคาส่ังให้สมาชิกท้ังหมดเดินหน้า ๓ ก้าว หรือถอยหลัง ๕ ก้าว โดยห้ามใช้ มอื ประคองหรือสัมผัสโดนลูกโปง่ และเปล่ียนคาสงั่ ไปเรื่อย ๆ สัก ๒-๔ ครง้ั ๖.๔ ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนขณะทากิจกรรมว่าผู้เรียนปฏิบัติตามคาสั่งอย่าง เครง่ ครัดด้วยความซื่อสัตยส์ ุจรติ หรือไม่ ๖.๕ เม่ือหมดเวลา ผสู้ อนสรุปผลการเลน่ เกมและมอบรางวลั แกก่ ล่มุ ทช่ี นะ ๗. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้สรุปสิ่งท่ีได้จากการเรียนรู้ และส่ิงท่ีสามารถ นาไปใชห้ รอื ประยุกต์ใช้ตอ่ ไป

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทุจริตดา้ นอาชีวศกึ ษา 141ข้อเสนอแนะ ๑. กิจกรรมนี้เหมาะกับจานวนสมาชิกผู้เรียน ๒๕ คน หากมีจานวนสมาชิกเกินกว่าน้ี ผู้สอน อาจเพิ่มจานวนกล่มุ จานวนสมาชกิ ตอ่ กล่มุ และข้อคาถามตามความเหมาะสม ๒. กิจกรรมเกมในขอ้ ที่ ๖ ผู้สอนอาจจะเปลี่ยนแปลงไปใชเ้ กมอ่ืนท่ีผเู้ รยี นทุกคนสามารถมสี ่วน ร่วมในการทากิจกรรมได้ตามความเหมาะสม โดยผู้สอนต้องสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน ระหวา่ งการทากิจกรรม เพ่อื สรุปเน้นย้าเกี่ยวกบั ความซ่ือสตั ย์ ๓. ผู้สอนควรควบคุมเวลาในการทากิจกรรมเพ่อื ให้เปน็ ไปตามเวลาทีก่ าหนดแนวทางการวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ ผลจากการทากิจกรรมกล่มุ 2. ประเมนิ พฤติกรรมของผเู้ รียนโดยใชก้ ารสังเกตหรือแบบสงั เกต หลกั รายการพฤตกิ รรมท่ีประเมนิ สัดสว่ นคะแนนคณุ ธรรม - ทากจิ กรรมดว้ ยความละเอยี ดรอบคอบ (ร้อยละ) พอเพียง - รบั ฟังความคิดเหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ 15 - รับผดิ ชอบกิจกรรมของตนเอง มีวินยั - ทากจิ กรรมตรงตามกตกิ า และขอ้ กาหนด 25 สุจรติ - มุง่ ม่ันทากิจกรรมด้วยความซอื่ สตั ย์ 50 จติ อาสา - ช่วยเหลือสมาชิกในกลมุ่ ด้วยความเต็มใจ 10 100 รวม

142 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชีวศกึ ษา สอื่ การเรยี นร้เู สนอแนะหนว่ ยท่ี ๓ ยกระดบั ดชั นี สร้างคนดีในสงั คม รายการ เน้อื หาสาระ เวลา แหลง่ สื่อ QR Code๑. วดี ิทัศน์ เร่อื ง การไมต่ ง้ั ใจทางาน โดยเลน่ ๑.๕๕ https:://www. อนิ เทอร์เน็ต/โทรศัพท์ ในเวลา นาที youtube.com/ “รู้จกั หนา้ ที่” ทางาน watch?v=GATj rfppBBA๒. วดี ทิ ัศน์ เรื่อง การขับรถแซงผูอ้ น่ื ไปมา และไม่ ๑.๕๕ https:://www. “อดทน เคารพกฎจราจร นาที youtube.com/ อดกลนั้ ” watch?v=dW mZDGYtE_k๓. วดี ิทัศน์ เรือ่ ง อธบิ ายถึงการคอรร์ ปั ชันของ ๑.๐๓ https:://www. “ขา้ ราชการ ขา้ ราชการ นาที youtube.com/ คอรร์ ัปชัน” watch?v=B4ES IJiCR7w๔. วีดทิ ัศน์ เรือ่ ง เปน็ การต์ นู การนาเสนอขอ้ มูล ๖ https:://www. “หักเหลี่ยม การคอรร์ ัปชนั ในรปู แบบของ นาที youtube.com/ คอร์รปั ชนั ” การก่อสร้างทลี่ ดมาตรฐานจน ทาให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ watch?v=ihrlY ทรัพยส์ ิน โดยขาดซึง่ ความ 6zniZw ละอายทม่ี ตี อ่ การทาทจุ รติ

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การปอ้ งกันการทจุ ริตดา้ นอาชวี ศกึ ษา 143รายการ เนื้อหาสาระ เวลา แหล่งสอ่ื QR Code๕. วดี ิทัศน์ เรือ่ ง เปน็ การนาเสนอขา่ วเกย่ี วกบั ๒.๒๘ https:://www.“กลโกงหนว่ ย การตดิ ตามและการสอดส่อง นาที youtube.com/เลือกต้ัง” ดูแลการเลือกตั้ง โดยให้เปน็ ไป watch?v=irap ตามกฎระเบยี บและให้มีการ Mojh8bY ทจุ รติ เลอื กตัง้ น้อยที่สดุ หรือไม่มี๖. ภาพยนตรส์ ั้น พอ่ กบั ลกู คู่หน่ึง ลูกอา่ นหนงั สือ ๕ https:://www. เร่ือง “GOT การ์ตูนซ่งึ มเี นื้อหาวา่ ทจุ ริตจะ นาที youtube.com/ STAR” ครองโลกโดยจอมมาร GOT STAR พอ่ ขับรถอยบู่ นถนนและ watch?v=EU4 มพี ฤติกรรมคลา้ ยจอมมารฯ 1QQ5CxMw สานกั งาน๗. ภาพยนตรส์ ั้น การลอกขอ้ สอบแลว้ อาจารย์ ป.ป.ช. เร่อื ง “ผลลบั ” จบั ได้แล้วขอให้ผู้ปกครองเดก็ ๕.๐๔ https:://www. จา่ ยเงินเพอื่ แลกกบั การให้เดก็ นาที youtube.com/ สอบผา่ นแต่ผปู้ กครองไม่ยอม watch?v=5VIW จ่าย NajrtU สานักงาน๘. ภาพยนตรส์ ั้น เปน็ หนงั สั้นทีน่ าเสนอเกย่ี วกบั ป.ป.ช. เรื่อง การไมส่ นับสนนุ ใหเ้ ข้าไปมีสว่ น “Innocence” ร่วมในการก่อใหเ้ กดิ การทจุ รติ ๔.๕๔ https:://www. นาที youtube.com/ watch?v=qKZ ewDQI-zk สานกั งาน ป.ป.ช.

144 แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การป้องกันการทจุ ริตด้านอาชวี ศกึ ษา - หน้าว่าง -