Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการจัดการเรียนรู้ภูมิศาสตร์แบบเชิงรุก (Active Learning)

คู่มือการจัดการเรียนรู้ภูมิศาสตร์แบบเชิงรุก (Active Learning)

Published by note_butterfly, 2022-04-06 15:42:03

Description: คู่มือการจัดการเรียนรู้ภูมิศาสตร์แบบเชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6

Search

Read the Text Version

ใบกจิ กรรมที่ 2 คำช้แี จง การจัดการเรียนรู้ภูมิศาสตร์แบบเชิงรกุ (Active Learning) กลมุ่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ท่านคิดวา่ ครูผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาทอยา่ งไร อธิบายพอสงั เขป บทบาทครผู สู้ อน การจัดการเรยี นรู้ บทบาทเรยี น ภมู ศิ าสตร์แบบเชิงรุก (Active Learning) 43

44

การออกแบบเป็นการถ่ายทอดจากรูปแบบความคิด ออกมาเป็นผลงานที่ผู้อื่นสามารถ มองเหน็ รบั รู้ หรอื สมั ผัสได้ การออกแบบต้องใช้ท้งั ศาสตรแ์ ห่งความคิดและศลิ ป์ เพ่อื สรา้ งสรรค์ส่ิงใหม่ หรือปรับปรุงพัฒนาสิง่ เดมิ ให้ดขี ้นึ การออกแบบการเรียนรู้ เป็นกระบวนการวางแผนการสอนอย่างมีระบบโดยมีการ วิเคราะห์องค์ประกอบการเรียนรู้ ทฤษฎีการเรียนการสอน สื่อ กิจกรรมการเรียนรู้ รวมถึง การประเมินผล เพื่อให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่าง มีประสทิ ธภิ าพ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ทดี่ ี จะชว่ ยผสู้ อนวางแผนการสอนอย่างมรี ะบบ บรรลุ จุดม่งุ หมายโดยมหี ลักการออกแบบการเรยี นรู้ ดงั น้ี 1. การออกแบบและพฒั นาการเรยี นรูน้ นั้ เพอื่ ใคร ใครเปน็ ผู้เรยี นหรอื ใครเป็นกลมุ่ เปา้ หมาย ผอู้ อกแบบควรมคี วามเข้าใจ และร้จู กั กลุม่ ผ้เู รยี นท่ีเปน็ เปา้ หมาย 2. ต้องการให้ผู้เรียนเรียนรู้อะไร มีความรู้ความเข้าใจ มีความสามารถอะไร ผู้สอนต้อง กำหนดจุดมงุ่ หมายของการเรียนรูใ้ ห้ชดั เจน 3. ผู้เรียนจะเรียนรู้เนื้อหาในรายวิชานั้น ๆ ได้ดีที่สุดอย่างไร ควรใช้วิธีการและกิจกรรม การเรียนรอู้ ะไรที่จะช่วยใหผ้ เู้ รียน เรยี นร้ไู ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และมีปัจจัยสง่ิ ใดที่ต้องคำนงึ ถงึ บ้าง 4. เมือ่ ผู้เรียนเขา้ ส่กู ระบวนการเรียนรู้ ผสู้ อนจะทราบได้อย่างไรว่าผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ข้ึน และประสบผลสำเร็จในการเรยี นรู้ และจะใช้วิธกี ารใดในการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น สรุปได้ว่า การออกแบบการเรียนรู้ ควรมีการวางแผนเพื่อพิจารณาว่าผู้เรียนเป็นใคร มลี กั ษณะพนื้ ฐานอยา่ งไร จะกำหนดจุดมุ่งหมายในการสอนคร้งั นั้นอย่างไร จะใช้วิธกี ารเรียนการสอน กิจกรรมการเรียนรู้ และวิธีการประเมินผลการเรียนอย่างไรบ้าง จึงจะสามารถทำให้การเรียนรู้น้ัน บรรลุเป้าหมาย คือ ภายหลงั เรยี นรแู้ ลว้ ผู้เรียนเขา้ ใจ จดจำนำไปใชท้ ำได้ สรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหมไ่ ด้ เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่ควรพิจารณาในการออกแบบการเรียนรู้ ได้แก่ ตัวผู้เรียน จุดมุ่งหมาย วิธีการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผล 45

วิธีการสอน คือ ขั้นตอนที่ผู้สอนดำเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่แตกต่างไปตามองค์ประกอบและขั้นตอนสำคัญ อันเป็นลักษณะเฉพาะ หรือ ลกั ษณะเด่นที่ขาดไม่ได้ของวิธีน้นั ๆ (ทิศนา แขมมณี, 2551 : 323) เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่าง ๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน หรือการกระทำต่าง ๆ ในการสอนให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น (ทิศนา แขมมณี, 2551 : 386) ความหมายของการออกแบบการจดั การเรยี นรู้ คำว่า “การออกแบบ” และ “การจัดการเรียนรู้” เมื่อนำมารวมกันเป็น“การออกแบบ การจัดการเรียนรู้” (Instructional design) ได้มีนักการศึกษาด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ให้ความหมายไว้ว่า การออกแบบการเรียนรู้ เป็นกระบวนการท่ีเป็นระบบ ที่นำมาใช้ในการศึกษา ความต้องการของผู้เรียนและปัญหาการเรียนการสอน เพื่อแสวงหาแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหา การจัดการเรียนรู้ ซึ่งอาจเป็นการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่หรือสร้างสิ่งใหม่ โดยนำหลักการเรียนรู้และ หลกั การสอนมาใช้ เปา้ หมายของการออกแบบการจัดการเรียนรู้ คอื การพฒั นาการเรยี นรู้ของผู้เรียน แนวคิดในการออกแบบกิจกรรมการเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active Learning) การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) เพอื่ เช่อื มโยงการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ เรยี นรดู้ ้วยตนเอง โดยมแี นวคิดทฤษฎที ีเ่ กี่ยวขอ้ ง ดงั นี้ แนวคิดของ บลูม (Bloom’s Taxonomy) บลูม (Benjamin S.Bloom.1976; อ้างถึงใน จิตราพร ลีละวฒั น์ 2556 : 6 - 8) นักการศึกษาชาวอเมริกันเชื่อว่า การเรียนการสอนที่จะประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพน้ัน ผู้สอนจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้สอนกำหนดและจัดกิจกรรมการเรียน รวมท้ัง วัดประเมินผลได้ถูกต้อง โดยได้จำแนกจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เรียกว่า Taxonomy of Educational Objectives ออกเปน็ 3 ด้าน คือ ดา้ นพทุ ธิพิสัย ด้านจติ พสิ ยั และดา้ นทกั ษะพสิ ยั 1. ด้านพทุ ธพิ สิ ัย (Cognitive Domain) หมายถึง การเรียนรู้ทางด้าน ความรู้ ความคิด การแก้ปัญหา จัดเป็นพฤติกรรม ด้านสมองเกี่ยวกับสติปัญญา ความคิด ความสามารถในการคิดเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 46

โดยแอนเดอร์สันและแครทโวทล์ (Anderson & Krathwohl) ได้ปรับปรุงการจำแนกจุดมุ่งหมาย ทางการศึกษาตามแนวคิดของ บลูม ขนึ้ ใหม่ มกี ารปรบั เปลี่ยนระดบั พฤติกรรม เปน็ 6 ระดบั ดังนี้ 1.1 จำ (Remember) หมายถงึ ความสามารถในการดึงเอาความรู้ท่ีมอี ยู่ในหนว่ ย ความจำระยะยาวออกมาแบ่งประเภทย่อยได้ 2 ลกั ษณะคือ จำได้(Recognizing) ระลึกได้ (Recalling) 1.2 เข้าใจ (Understand) หมายถึง ความสามารถในการกำหนดความหมาย ของคำพูดตัวอักษรและการสื่อสารจากสื่อต่างๆ ที่เป็นผลมาจากการสอน แบ่งประเภทย่อย ได้ 7 ลักษณะ คือ ตีความ (Interpreting) ยกตวั อย่าง(Exemplifying) จำแนกประเภท (Classifying) สรปุ (Summarizing) อนุมาน (Inferring) เปรยี บเทียบ (Comparing) อธิบาย (Explaining) 1.3 ประยุกต์ใช้ (Apply) หมายถึง ความสามารถในการดำเนินการหรือใช้ระเบียบ วิธีการภายใต้สถานการณ์ที่กำหนดให้ แบ่งประเภทย่อยได้ 2 ลักษณะคือ ดำเนินงาน (Executing) ใช้เป็นเครอื่ งมอื (Implementing) 1.4 วเิ คราะห์ (Analyze) หมายถงึ ความสามารถในการแยกส่วนประกอบของสิ่งต่างๆ และค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบกับโครงสร้างรวม หรือส่วนประกอบเฉพาะ แบ่งประเภทย่อยได้ 3 ลักษณะคือ บอกความแตกต่าง (Differentiating) จดั โครงสร้าง (Organizing) ระบุคุณลักษณะ (Attributing) 1.5 ประเมินค่า (Evaluate) หมายถึงความสามารถในการตัดสินใจโดยอาศัยเกณฑ์ หรอื มาตรฐาน แบ่งประเภทยอ่ ยได้ 2 ลกั ษณะคอื ตรวจสอบ (Checking) วิพากษ์วจิ ารณ์ (Critiquing) 1.6 สร้างสรรค์ (Create) หมายถึงความสามารถในการรวมส่วนประกอบต่าง ๆ เขา้ ด้วยกันดว้ ยรปู แบบใหม่ๆ ที่มีความเชือ่ มโยงกนั อยา่ งมเี หตุผลหรอื ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นต้นแบบ แบ่งประเภทย่อยได้ 3 ลักษณะ คือ สร้าง (Generating) วางแผน (Planning) ผลิต (Producing) 2. ดา้ นจติ พสิ ัย (Affective Domain) พฤติกรรมด้านจิตพิสัยเป็นค่านิยม ความรู้สึก ความซาบซึ้ง ทัศนคติ ความเชื่อ ความสนใจและคุณธรรม พฤติกรรมด้านนี้อาจไม่เกิดขึ้นทันที ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และสอดแทรกสิ่งที่ดีงามตลอดเวลา จะทำให้พฤติกรรม ของผู้เรียนเปลย่ี นไปในแนวทางทพ่ี งึ ประสงคไ์ ด้ จิตพิสยั ประกอบด้วยพฤตกิ รรม 5 ระดบั ได้แก่ 2.1 การรับรู้ (Receiving/Attending) เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อปรากฏการณ์ หรือสิ่งเร้าอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในลักษณะของการแปลความหมายของสิ่งเร้านั้นว่าคืออะไร แล้วจะแสดงออกมาในรปู ของความรูส้ ึกทีเ่ กดิ ข้ึน 47

2.2 การตอบสนอง (Responding) เป็นการกระทำที่แสดงออกมาในรูปความเต็มใจ ยินยอม และพอใจต่อสง่ิ เร้านน้ั ซง่ึ เป็นการตอบสนองท่ีเกดิ จากการเลอื กสรรแลว้ 2.3 การเกิดค่านิยม (Valuing) การเลือกปฏิบัติในสิ่งที่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม การยอมรับนับถือในคุณค่านั้น ๆ หรือปฏิบัติตามในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนกลายเป็นความเชื่อ แล้วจึงเกิดทศั นคติท่ดี ีในสงิ่ น้ัน 2.4 การจัดระบบ (Organizing) การสร้างแนวคิด จัดระบบของค่านิยมที่เกิดข้ึน โดยอาศยั ความสัมพนั ธ์ ถา้ เข้ากนั ได้ก็จะยดึ ถอื ตอ่ ไปแตถ่ ้าขัดกันอาจไม่ยอมรับ อาจจะยอมรับค่านิยม ใหมโ่ ดยยกเลกิ ค่านิยมเก่า 2.5 บุคลิกภาพ (Characterizing) การนำค่านิยมที่ยึดถือมาแสดงพฤติกรรม ที่เป็นนิสัยประจำตัว ให้ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม พฤติกรรมด้านนี้จะเกี่ยวกับความรู้สึก และจิตใจ ซึ่งจะเริ่มจากการได้รับรู้จากสิ่งแวดล้อม แล้วจึงเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ ขยายกลายเป็น ความรู้สึกด้านต่าง ๆ จนกลายเป็นค่านิยม และยังพัฒนาต่อไปเป็นความคิด อุดมคติ ซึ่งจะเป็น การควบคมุ ทิศทางพฤติกรรมของคน 3. ด้านทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย เป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปฏิบัติงาน ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ ชำนาญ ซงึ่ แสดงออกมาไดโ้ ดยตรง โดยมีเวลาและคณุ ภาพของงานเป็นตัวชี้ระดับ ของทักษะ ประกอบด้วย 5 ขนั้ ดังนี้ 3.1 การรบั รู้ เลยี นแบบ ทำตาม (Imitation) เปน็ การใหผ้ ้เู รยี นได้รับรหู้ ลักการปฏิบัติ ทีถ่ กู ตอ้ ง หรือเปน็ การเลือกหาตวั แบบท่สี นใจ 3.2 การทำเอง/การปรับให้เหมาะสม (Manipulation) เป็นพฤติกรรมที่ผู้เรียน พยายามฝึกตามแบบที่ตนสนใจและพยายามทำซ้ำ เพื่อที่จะให้เกิดทักษะตามแบบที่ตนสนใจให้ได้ หรอื สามารถปฏิบตั งิ านได้ตามขอ้ แนะนำ 3.3 การหาความถูกต้อง (Precision) พฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ตอ้ งอาศยั เครอ่ื งช้แี นะ เม่อื ได้กระทำซ้ำแล้วกพ็ ยายามหาความถกู ตอ้ งในการปฏิบัติ 3.4 การทำอย่างต่อเนื่อง (Articulation) หลังจากได้ตัดสินใจในการเลือกรูปแบบ ที่เป็นของตัวเอง จะกระทำตามรูปแบบนั้นอย่างต่อเนื่อง จนปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อน ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง คล่องแคล่วการที่ผู้เรียนเกิดทักษะได้ ต้องอาศัยการฝึกฝนและกระทำ อย่างสม่ำเสมอ 48

3.5 การทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ (Naturalization) พฤติกรรมที่ได้จากการฝึก อย่างต่อเนื่องจนสามารถปฏิบัติ ได้คล่องแคล่วว่องไวโดยอัตโนมัติ เป็นไปอย่างธรรมชาติซึ่ง ถือเป็นความสามารถของการปฏิบัติในระดับสูง สี่เสาหลักของการศึกษา (Four Pillars of Education) องค์การการศกึ ษา วิทยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยเู นสโก ได้ศึกษา แนวทางการจัดการศึกษาที่เหมาะสมในศตวรรษที่ 21 โดยเสนอสี่เสาหลักของการศึกษา (Four Pillars of Education) ประกอบด้วยการเรียนรู้ 4 ลักษณะ ได้แก่ การเรียนเพื่อรู้ (Learning to know) การเรยี นรู้เพื่อปฏบิ ัตไิ ด้จรงิ (Learning to do) การเรียนร้เู พ่ือท่จี ะอยรู่ ่วมกัน และการเรียนรู้ ทจี่ ะอยู่รว่ มกับผอู้ น่ื (Learning to Live together) และการเรยี นรู้เพอ่ื ชวี ิต (Learning to be) Learning to know : หมายถึง การเรียนเพื่อร้ทู กุ สิ่งทุกอย่างอันจะเปน็ ประโยชน์ต่อไป ได้แก่ การแสวงหาให้ได้มาซึ่งความรู้ที่ต้องการ การต่อยอดความรู้ที่มีอยู่ รวมทั้งการสร้างความรู้ ขึ้นใหม่เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ การแสวงหาความรู้ และวิธกี ารเรียนรู้ของผเู้ รยี น เพ่อื ใหส้ ามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ตลอดชวี ิต กระบวนการเรียนรู้ เน้นการฝึกสติ สมาธิ ความจำ ความคดิ ผสมผสานกบั สภาพจริงและประสบการณใ์ นการปฏิบตั ิ Learning to do : หมายถึง การเรียนเพื่อการปฏิบัติหรือลงมือทำ มุ่งที่จะพัฒนา ความสามารถและความชำนาญ รวมทั้งสมรรถนะทางด้านวิชาชีพ สามารถทำงานเป็นหมู่คณะ ปรับประยุกต์องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติงานและอาชีพ กระบวนการเรียนรู้เน้นบูรณาการระหว่าง ความรู้ภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติงานที่เน้นประสบการณ์ต่าง ๆ ทางสังคม ซึ่งอาจน ำไปสู่ การประกอบอาชีพจากความรู้ที่ได้ศึกษามารวมทั้งการปฏิบัติเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมที่สามารถ ทำงานไดห้ ลายอยา่ ง Learning to live together : หมายถงึ การเรียนร้เู พือ่ การดำเนนิ ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ทงั้ การดำเนินชวี ติ ในการเรียน ครอบครัว สงั คม และการทำงาน เป็นการดำรงชีวิต อย่างมีคุณภาพด้วยการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้สังคม การจัดการเรียนรู้มุ่งให้ผู้เรียนด ำรงชีวิต อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข มีความตระหนักในการพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน และกันการแก้ปัญหา การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี มีความเคารพสิทธิและศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ เข้าใจความแตกต่างและหลากหลายด้านวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อของแต่ละ บคุ คลในสังคม 49

Learning to be : หมายถึง การเรียนรู้เพื่อให้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ รู้ถึงศักยภาพ ความถนัด ความสนใจ ของตนเอง สามารถใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคม เลือกแนวทางการพัฒนาตนเองตามศักยภาพ วางแผนการเรียนต่อ การประกอบอาชีพ ที่สอดคล้องกับศักยภาพตนเองได้ การจัดการเรียนรู้มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกด้านทั้งจิตใจและร่างกาย สติปัญญา ให้ความสำคัญกับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ภาษา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนา ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ศีลธรรม สามารถปรับตัว และปรบั ปรงุ บคุ ลิกภาพของตน เขา้ ใจตนเองและผอู้ ื่น การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้การจัดการเรียนแบบเชงิ รุก (Active Learning) ครูผู้สอน จะมีการพิจารณาตรวจสอบโครงสร้างรายวิชาที่สอนก่อน จึงดำเนินการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนแบบเชิงรุก (Active Learning) ให้สอดคล้อง กบั หลกั สูตรในแต่ละกลมุ่ สาระการเรียนร้/ู รายวชิ า โครงสรา้ งรายวชิ า โครงสร้างรายวิชา เป็นการกำหนดขอบข่ายของรายวิชาที่จะจัดสอนเพื่อช่วยให้ผู้สอน และผู้เกี่ยวข้อง เห็นภาพรวมของแต่ละรายวิชาว่า ประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้ จำนวนเท่าใด เรื่องใดบ้าง แต่ละหนว่ ยพฒั นาให้ผูเ้ รียนบรรลตุ ัวชี้วัดใด เวลาที่ใช้จัดการเรียนการสอน และสัดส่วน การเก็บคะแนนของรายวิชานั้นเป็นอย่างไร กระบวนการจัดทำโครงสร้างรายวิชา และหน่วย การเรยี นรู้ อาจดำเนนิ การ โดยมขี นั้ ตอนเรมิ่ ต้น หรอื ลงทา้ ยทีแ่ ตกตา่ งกนั ได้หลายวธิ ี เชน่ วิธที ี่ 1 โครงสรา้ งรายวชิ า หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี วธิ ีท่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ โครงสร้างรายวชิ า 50

การจัดทำโครงสร้างรายวชิ าจะช่วยให้ครูผู้สอนเห็นความสอดคล้องเชื่อมโยงของลำดบั การเรียนรขู้ องรายวิชาหนงึ่ ๆ ว่าครจู ะสอนอะไร ใช้เวลาสอนเร่ืองน้นั เท่าไร และจดั เรียงลำดับสาระ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ อยา่ งไร ทำให้มองเห็นภาพรวมของรายวชิ าอยา่ งชดั เจน โครงสร้างรายวิชา มอี งค์ประกอบหลกั ๆ ดังนี้ - มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้ีวดั ท่ีเป็นเปา้ หมายในการพฒั นาผู้เรียนสำหรับหนว่ ยน้ัน ๆ ซึ่งอาจมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน มาตรฐาน การเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด อาจมีการสอนหรือฝึกซ้ำให้เกิดความชำนาญ และมีความรกู้ วา้ งขวางขึ้นในหน่วย การเรยี นรู้มากกว่า 1 หนว่ ยได้ - สาระสำคญั เปน็ ความรคู้ วามคิดความเขา้ ใจท่ีลกึ ซงึ้ หรือความรทู้ เี่ ป็นแก่น เป็นหลักการ ของเร่อื งใดเรือ่ งหนึ่ง ท่ีเกิดจากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัดในหน่วยการเรียนรู้ - ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จะต้องสะท้อนให้เห็นสาระสำคัญของหน่วยการเรียนรู้ น่าสนใจ เหมาะสมกับวัย มคี วามหมายและสอดคลอ้ งกับชวี ติ จรงิ ของผู้เรียน - เวลา การกำหนดเวลาเรียนควรมีความเหมาะสมและเพียงพอกับการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และควรพจิ ารณาในภาพรวมของทุกหน่วยการเรยี นรูใ้ นรายวชิ านนั้ ๆ อยา่ งเหมาะสม - น้ำหนักคะแนน การกำหนดน้ำหนักคะแนนเป็นส่วนช่วยให้เห็นทิศทาง การจัดเวลา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผลให้สอดคล้องกับความสำคัญของมาตรฐาน/ตัวชี้วัด ในหน่วยการเรียนรูน้ ั้นว่าเป็นมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เป็นความรู้ ประสบการณ์พื้นฐานในการต่อยอด ความรู้หรอื พัฒนาการเรียนร้ใู นเร่อื งอนื่ ๆ หรอื พจิ ารณาจากศกั ยภาพผเู้ รียน ธรรมชาติวิชา ฯลฯ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ อิงมาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน คือ หน่วยการเรียนรู้ทีม่ ีมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด เป็นเป้าหมายของหน่วยและองค์ประกอบภายในหน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด สาระสำคัญ สาระการเรียนรู้ ชิ้นงานหรือภาระงานที่กำหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติ กิจกรรม การเรียนการสอนและเกณฑ์การประเมินผล ทุกองค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ จะต้องเชื่อมโยง กบั มาตรฐานและตวั ช้วี ดั ทเ่ี ป็นเปา้ หมายของหนว่ ย การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานจัดว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของการจัดทำ หลักสูตรสถานศึกษา เพราะเป็นส่วนที่นำมาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติในการเรียนการสอน อย่างแท้จริง นักเรียนจะบรรลุมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการออกแบบหน่วย การเรียนรู้ อิงมาตรฐานโดยใช้ Backward Design ซึ่งเป็นการออกแบบที่ยึดเป้าหมายการเรียนรู้ 51

แบบย้อนกลับ โดยเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายปลายทางที่เป็นคุณภาพผู้เรียนที่คาดหวัง เป็นจดุ เริ่มต้นแล้วจงึ คดิ ออกแบบองคป์ ระกอบอื่น เพื่อนำไปสู่ปลายทางและข้ันตอนของกระบวนการ ออกแบบต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในการน ำ Backward Design มาใช้ ในการออกแบบหน่วยการเรียนร้อู งิ มาตรฐาน มขี นั้ ตอนท่ีสำคัญ 3 ขัน้ ตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่สะท้อนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด หรือผลการเรียนรู้ ซึ่งบอกให้ทราบว่าต้องการให้นักเรียนรู้อะไร และสามารถทำอะไรได้เมื่อจบ หน่วยการเรยี นรู้ ขั้นตอนที่ 2 กำหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียน เกิด ผลการเรียนรู้ตามเป้าหมายการเรียนรู้ มีการกำหนดให้ผู้เรียนมีการทดสอบก่อนและ หลงั การเรยี นรู้ประจำหน่วย ขั้นตอนที่ 3 ออกแบบกระบวนการ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามเป้าหมายการเรียนรู้ ที่มุ่งคำนึงถึงการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนรู้ แบบเชิงรกุ (Active Learning) การจดั ทำหนว่ ยการเรยี นรู้ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 กำหนดประเด็นหรือหัวเรื่อง แล้วจึงวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด แนวคิดหนึ่งของการกำหนดหน่วยการเรียนรู้ คือ การกำหนดประเด็นหรือหัวเรื่อง (theme) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ต่าง ๆ เข้ากับชีวิตจริงของผู้เรียน ประเด็นที่จะนำมาใช้เป็นกรอบ ในการกำหนดหนว่ ยการเรยี นรู้ ควรมีลกั ษณะดังนี้ - ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ ความคิดรวบยอด หลักการของศาสตร์ในกลุ่มสาระ การเรียนรทู้ ่ีเรยี น - ประเดน็ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับปัญหาทั่วไป ที่อาจเช่ือมโยงไปสู่ผลท่เี กิดขนึ้ ทง้ั ทางบวกและทางลบ จากประเด็นปญั หานั้น ทงั้ น้ี การกำหนดประเดน็ อาจพิจารณาจากคำถาม ต่อไปนี้ 1. ผู้เรียนสนใจอะไร/ ปัญหาทสี่ นใจศกึ ษา 2. ผู้เรียนมีความสนใจ ประสบการณ์ และความสามารถในเรอ่ื งอะไร 3. หัวเร่ืองสอดคล้องกับหลักสตู รสถานศึกษาและความต้องการของชุมชนหรือไม่ 4. ผู้เรียนควรได้รับการพฒั นาที่เหมาะสมในด้านใดบ้าง 5. มีสื่อ/แหลง่ การเรียนรู้เพยี งพอหรือไม่ 52

โดยสรุปหนว่ ยการเรยี นรู้ที่มคี ุณภาพ คือ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ท่ี ำให้ผูเ้ รยี นไดเ้ รียนรู้ในความรู้ ท่ีลึกซึ้งมีความหมายสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และที่สำคัญจะต้องตอบสนองมาตรฐาน และตวั ชี้วดั ดว้ ย แผนภมู แิ สดงการจัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ วิธที ่ี 1 * คณุ ลักษณะหมายรวมถึงคณุ ลักษณะท่ีปรากฏอยใู่ นมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 53

วิธีที่ 2 กำหนดมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วัด การสรา้ งหนว่ ยการเรียนรวู้ ธิ นี ้ี ใชว้ ธิ กี ารหลอมรวมตัวชี้วัดต่าง ๆ ท่ปี รากฏอยใู่ นคำอธิบาย รายวชิ า แผนภมู ิแสดงการจดั ทำหนว่ ยการเรยี นรู้ วิธที ่ี 2 * คณุ ลกั ษณะหมายรวมถึงคุณลักษณะทปี่ รากฏอยู่ในมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ คือ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งแต่ละหน่วย การเรียนรู้อาจระบุมากกว่าหนึ่งมาตรฐานและตัวชี้วัดแต่ไม่ควรมากเกินไป และควรมีมาตรฐาน และตัวชี้วัดที่หลากหลายลักษณะ เช่น มาตรฐานที่เป็นเนื้อหา มาตรฐานที่เป็นกระบวนการ เพื่อช่วยใหก้ ารจัดกิจกรรมการเรียนรูม้ ีความหมายตอ่ ผู้เรียน สามารถสร้างเป็นแก่นความรู้ไดช้ ัดเจน 54

ขึ้นนำไปปรับใช้กับสถานการณ์จริงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของธรรมชาติกลุ่มสาระ การเรียนรู้ เนื่องจาก หน่วยการเรียนรู้หนึ่ง อาจจะมีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดมากกว่า 1 มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด จึงควรหลอมรวมแล้วเขียนเป็นสาระสำคัญที่จะพัฒนาให้เกิด คุณภาพเป็นองค์รวมแก่ผู้เรียน และเพื่อให้การวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับแต่ละ มาตรฐาน และตัวชี้วัด จึงควรจะวิเคราะห์และแยกแยะเป็น 3 ส่วน คือ ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะ ทั้งนี้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั บางตัวอาจมีไม่ครบท้ัง 3 ส่วน ผู้สอนสามารถ นำเนื้อหาจากแหล่งอื่น เช่น สาระท้องถิ่น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานมาเพิม่ เติมเสรมิ ได้ ชน้ิ งาน หรือภาระงานที่นักเรียนปฏิบัติ ช้ินงานและหรือภาระงานเป็นหลักฐาน ร่องรอย ว่านักเรียนบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดในหนว่ ยการเรยี นรู้นั้น ๆ อาจเกิดจากผู้สอนกำหนดให้ หรืออาจใหผ้ ู้เรยี นร่วมกันกำหนด ขึ้นจากการวิเคราะห์ตัวชี้วัดในหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของผู้เรียนที่ได้รับ การพฒั นาการเรยี นรูข้ องแต่ละเร่ือง หรอื แต่ละขน้ั ตอนของการจดั กิจกรรมการเรยี นร้นู ำสกู่ ารประเมิน เพ่อื ปรบั ปรุงเพิม่ พนู คุณภาพผู้เรยี น วิธีสอนสงู ขน้ึ อย่างตอ่ เน่อื ง การประเมินผลการเรียนรู้ การประเมินโดยใช้รูบริค (rubric) เปน็ การประเมินทเี่ นน้ คณุ ภาพของช้นิ งานหรือภาระงาน ที่ชใ้ี ห้เหน็ ระดับความรู้ ความสามารถของผูเ้ รียน การประเมนิ โดยใชร้ บู ริค (rubric) ช่วยในการสื่อสาร อีกทางหนึ่ง ให้ผู้เรียนมองเห็นเป้าหมายของการทำชิ้นงานหรือภาระงานของตนเอง และได้รับ ความยุติธรรมในการให้คะแนนของผู้สอน ตามคุณภาพของงาน อย่างไรก็ตามการประเมินชิ้นงาน หรือภาระงานอาจใช้วิธีการอื่นได้ตามความเหมาะสมกับธรรมชาติของชิ้นงานหรือภาระงาน เชน่ การทำแบบ check list การทดสอบ เป็นตน้ การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การเรียนรู้เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเกิดการพัฒนา ทำให้นักเรียนมีความรู้ และทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปีที่กำหนดไว้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ รวมทั้ง ช่วยในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ให้เกิดแก่ผู้เรียน ดังนั้นผู้สอน จงึ ควรทราบหลักการและขั้นตอนในการจดั กจิ กรรม ดังน้ี 55

1. หลักในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 เป็นกิจกรรมท่ีจะช่วยพัฒนานักเรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดชั้นปี ที่กำหนดไว้ในหนว่ ยการเรียนรู้ 1.2 นำไปสู่การเกิดหลักฐานการเรียนรู้ ชิ้นงานหรือภาระงานที่แสดงถึงการบรรลุ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวัดช้นั ปีของนักเรียน 1.3 นกั เรยี นมีส่วนร่วมในการออกแบบและจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.4 เปน็ กจิ กรรมทเ่ี น้นนกั เรยี นเป็นสำคญั 1.5 มีความหลากหลายและเหมาะสมกับนกั เรียนและเน้อื หาสาระ 1.6 สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมท่ีพึงประสงค์ 1.7 ช่วยให้นกั เรียนเขา้ สูแ่ หล่งการเรยี นรูแ้ ละเครือขา่ ยการเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย 1.8 เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนได้ลงมือปฏิบตั ิจรงิ 2. กระบวนการจัดกิจกรรมทางภูมิศาสตร์ 5 ขนั้ ตอน การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนภูมศิ าสตร์ให้ผู้เรียนเกิดการคิดอย่างเป็นระบบ เข้าใจ และมีความรู้อย่างถูกต้องชัดเจน ผู้สอนอาจจะใช้วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา (problem solving method) หรอื วธิ กี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry method) เป็นตวั กระตุน้ ผูเ้ รยี น โดยผ่าน กระบวนการจดั กิจกรรมทสี่ ำคญั 5 ข้ันตอน ได้แก่ 1. การตั้งคำถามเชิงภูมิศาสตร์ เป็นการระบุประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้ศึกษานำมาพิจารณา ประกอบการหาคำตอบเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการศึกษา โดยจะต้องอยู่ในรูปแบบประโยค คำถามที่กระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น เช่น “ปัจจัยอะไรบ้าง ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง ลกั ษณะของแมน่ ำ้ ” 2. การรวบรวมข้อมูล เป็นขน้ั ตอนทส่ี ำคัญขน้ั ตอนหนึง่ ของกระบวนการทางภูมศิ าสตร์ ที่รวบรวมขอ้ เท็จจริงและขอ้ มูลท่ีเปน็ ประโยชน์และคาดวา่ จะนำไปใช้ประกอบการศกึ ษา การรวบรวม ข้อมูลต้องอาศัยความรู้และเทคนิคต่าง ๆ เช่น ประเภทของข้อมูลการออกแบบแบบบันทึกข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล วิธีการแจงนับข้อมูลการออกแบบสอบถาม และการบันทึก การสังเกต เป็นตน้ 3. การจัดการข้อมูล เปน็ การจัดระเบยี บขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการรวบรวมขอ้ มูลเพื่อประกอบ การศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นการตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องเพื่อความสะดวก ในการวิเคราะหข์ ้อมูล 56

4. การวิเคราะห์และแปลผลข้อมูล เป็นหัวใจของกระบวนการทางภูมิศาสตร์ เมื่อข้อมูลผ่านกระบวนการจัดการแล้ว ก็จะง่ายต่อการอธิบาย วิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลดังกล่าว ด้วยสถติ ิพนื้ ฐาน 5. การสรปุ เพ่อื ตอบคำถาม เป็นการสรุปเน้ือหาใหต้ รงคำถามของการศกึ ษาตามท่ีระบุ ไวใ้ นขั้นตน้ นอกจากนี้ผศู้ กึ ษาต้องวจิ ารณผ์ ลลพั ธ์ทไี่ ด้เพ่ือตอบวัตถุประสงค์ของการศึกษาโดยผู้ศึกษา จะต้องรายงานผลที่ได้ในแต่ละกระบวนการอย่างละเอียด ถูกต้อง และชัดเจน ตามวิธีการวิเคราะห์ ข้อมลู ทีไ่ ด้กำหนดไว้ ซง่ึ อาจจะอา้ งอิงกรอบแนวคิดและทฤษฎตี ่าง ๆ ด้วย ความรู้ความเข้าใจท่ีลกึ ซ้งึ อนั เปน็ ผลมาจากการสร้างความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนด้วย การทำความเข้าใจหรือแปลความหมายในสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้ทั้งหมดทุกแง่ทุกมุมตลอดแนว ด้วยวิธีการถามคำถาม การแสดงออก และการสะท้อนผลงาน ซึ่งสามารถใช้ตัวชี้วัดดังต่อไปน้ี ในการตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จนกลายเป็นความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งแล้วห รือไม่ ความเขา้ ใจ 6 ด้าน ได้แก่ 1. ผู้เรียนสามารถอธิบาย (Can explain) เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างถูกตอ้ งมหี ลักการ โดยแสดงให้เห็นถึงการใช้เหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือประกอบ ในการอ้างอิง เช่ือมโยงกับประเด็นปัญหา สามารถคาดการณไ์ ปส่อู นาคต 2. ผู้เรียนสามารถแปลความหมาย (Can interpret) เรื่องราวตา่ ง ๆ ได้อย่างมีความหมาย ทะลุปรุโปร่ง ตรงประเด็น กระจ่างชัด โดยอาจใช้แนวคิด ทฤษฎี เหตุการณ์ ทางภมู ิศาสตร์ หรือมุมมองของตนเองประกอบการตีความและสะท้อนความคิดเห็น 3. ผู้เรียนสามารถประยุกตใ์ ช้ความร้(ู Can apply) ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสร้างสรรค์ เหมาะสมกับสถานการณ์ คลอ่ งแคลว่ ยืดหยุน่ และสงา่ งาม 4. ผู้เรียนสามารถมองจากมุมมองท่ีหลากหลาย มองเหน็ รบั รปู้ ระเด็นความคิดต่างๆ (Have perspective) และตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ โดยผ่านขั้นตอนการวิพากษ์ วิจารณ์ และมมุ มองในภาพกวา้ งโดยมีแนวคิด ทฤษฎี ข้อมลู ขอ้ เทจ็ จริงสนบั สนุนการรบั รู้นั้น ๆ 5. ผู้เรียนสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น บอกคุณค่าในสิ่งต่าง ๆ ที่คนอ่ืน มองไม่เห็น (Can empathize) หรือคิดว่ายากที่จะเชื่อถือได้ ด้วยการพิสูจน์สมมติฐานเพื่อทำ ให้ข้อเทจ็ จรงิ น้นั ๆ ปรากฏมีความละเอียดออ่ นทจี่ ะซมึ ซับ รับทราบความรสู้ ึกนึกคดิ ของผูเ้ กยี่ วข้อง 6. ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีความตระหนักรู้ถึงความสามารถทางด้านสติปัญญา วิถีชีวิต นิสัยใจคอ ความเป็นตัวตนของตนเอง (Have self-knowledge) ซึ่งคือเบ้าหลอมความเข้าใจ 57

ความหยั่งร้ใู นเร่อื งราวตา่ ง ๆ มคี วามตระหนักว่าส่ิงใดอกี ทย่ี งั ไมเ่ ข้าใจ และสามารถสะทอ้ นความหมาย ของส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้และมีประสบการณ์ ปรบั ตัวได้ รจู้ ักใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด ครูผู้สอนสามารถใช้ตัวชี้วัดความรู้ความเข้าใจคงทน ทั้ง 6 ตัวชี้วัดนี้ เป็นเครื่องมอื ในการกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้และวิธีการวัดประเมินผลเรียนรู้ว่า ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ ตรงตามท่กี ำหนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด และเป้าหมายหลกั ของการจัดการเรียนรู้หรือไม่ การจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ แผนภาพ แสดงความสัมพันธข์ องหน่วยการเรียนรสู้ กู่ ารจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ จากแผนภาพ ภายหลังการออกแบบหน่วยการเรียนรู้เสร็จสิ้น เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ ครูผู้สอนควรวางแผนจัดแบ่งเนื้อหาสาระ เวลา ให้ครอบคลุมหน่วย การเรียนรู้ จากนั้นนำมาจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเวลา และการพัฒนาผู้เรียน ในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนจะต้องกำหนดเป้าหมายสำหรับผู้เรียน ในการจัดการเรียนรู้ โดยสามารถกำหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ของแผนการเรียนรู้นั้น ๆ 58

ซึ่งจุดประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ต้องนำพาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่กำหนดไว้ในหน่วยการเรียนรู้ จากนั้นต้องกำหนด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพือ่ ให้ผู้เรียนบรรลุเปา้ หมาย ครูควรใช้เทคนคิ วิธีการ สอนทหี่ ลากหลาย โดยพิจารณาเลือกนำกระบวนการเรียนร้ทู ่ีจะพฒั นาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ที่เน้น การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งสามารถนำกระบวนการเรียนรู้ดังต่อไปนี้มาใช้ ในการจัดการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกับธรรมชาติวิชา เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม ฯลฯ รวมท้งั ใหศ้ กึ ษาการนำเทคนิค วิธีการสอนมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ด้วย และในการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องรู้จักเลือกใช้ส่ือ /แหลง่ เรียนรู้ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ มาใชใ้ นการจัดกจิ กรรม เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ สอ่ื ทีน่ ำมาใช้ต้อง กระตุ้น ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ยึดสื่อใดสื่อหนึ่งเป็นหลัก ในการจัดการเรียนรู้ ทั้งนี้ กิจกรรมในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียน น้ัน มคี วามสามารถที่จะทำชิ้นงาน ภาระงานเมือ่ ครบทุกแผนการจดั การเรยี นรู้ของหนว่ ยการเรียนรู้นั้น ๆ ผเู้ รียนต้องสรา้ งชิ้นงาน ภาระงานของหน่วยการเรยี นรไู้ ด้ นอกจากนี้ในการจัดการเรียนรู้ต้องกำหนด ว่าจะใช้เครื่องมือใดวัดและประเมินผลผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น ในการวัด และประเมนิ ผลครูผสู้ อนต้องประเมนิ ผู้เรียนตลอดการจัดการเรียนรู้ โดยเลอื กใชเ้ ครื่องมือท่ีเหมาะสม กับลักษณะกิจกรรมและส่ิงท่ตี ้องการวัด นอกเหนอื จากการประเมนิ ชนิ้ งาน ภาระงาน ในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้เป็นไป ตามที่โรงเรียนกำหนด โดยควรมีองค์ประกอบหลักที่สำคัญ คือ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สาระสำคัญ สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน เจตคติ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ภาระงาน/ชิ้นงาน กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ ความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และภาคผนวกแนบท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นการสอน สอื่ นับเป็นสิ่งท่มี บี ทบาทสำคัญอย่างมากในการสอนต้งั แตใ่ นอดตี จนถึงปัจจุบัน เนื่องจาก เป็นตวั กลางท่ชี ว่ ยใหก้ ารส่อื สารระหวา่ งผู้สอนและผู้เรียนดำเนินไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ ชว่ ยให้ผู้เรียน เข้าใจความหมายของเนื้อหาบทเรียนให้ตรงกับผู้สอนต้องการไม่ว่าสื่อนั้นจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ล้วนแต่เปน็ ทรพั ยากรที่สามารถอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ได้ทั้งส้ิน และคำว่า สื่อ (medium, 59

pl.media) เป็นคำมาจากภาษาลาตินว่า “ระหว่าง” สิ่งใดก็ตามที่บรรจุข้อมูลสารสนเทศหรือ เปน็ ตัวกลางข้อมูลส่งผ่านจากผู้ส่งหรือแหลง่ ส่งไปยงั ผรู้ ับเพอ่ื ให้ผสู้ ง่ และผรู้ ับสามารถสื่อสารกันได้ตรง ตามวัตถุประสงค์ในการเล่าเรียน เมื่อผู้สอนนำสื่อมาใช้ประกอบการสอนเรียกว่า “สื่อการสอน” เมื่อนำมาให้ผู้เรียนใช้เรียกว่า “สื่อการเรียน” โดยเรียกรวมกันว่า “สื่อการเรียนการสอน” หรืออาจจะเรยี กสั้นๆ ว่า “สื่อการสอน” หมายถึง สิ่งใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นเทปบันทึกเสียง ไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วีดีทัศน์ แผนภูมิ แผ่นซีดีสำเร็จรูป รูปภาพ ฯลฯ ซึ่งเป็นวัสดบุ รรจเุ นื้อหาเกี่ยวกบั การเรยี น การสอนหรือเป็นอุปกรณ์เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาสิ่งเหล่านี้เป็นวัสดุอุปกรณ์ทางกายภาพที่นำมาใช้ เทคโนโลยีการศึกษาเป็นสิ่งที่ใช้เป็นเครือ่ งมือหรือช่องทางทำให้การสอนส่งไปถึงผู้เรียน สื่อการสอน ถือว่ามีบทบาทมากในการเรียนการสอนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ การส่ือสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดำเนนิ การไปได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ทำให้ผู้เรียนตีความหมาย ของเนื้อหาบทเรียนได้ตรงกับที่ผู้สอนต้องการให้เรียนรู้ได้ทั้งสิ้น ในการใช้สื่อการสอนนั้นผู้สอน จำเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะคุณสมบัติของสือ่ แต่ละชนิดเพื่อเลือกสื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การสอน และสามารถจดั ประสบการณก์ ารเรียนรใู้ หแ้ ก่ผู้เรียน โดยต้องการวางแผนอย่างเปน็ ระบบในการใช้ส่ือ ดว้ ยทัง้ น้ี เพอ่ื ใหก้ ระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ กิดานันท์ มลิทอง (2540) กล่าวว่า สื่อนับว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการเรียน การสอน เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดำเนินไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ตรงกับที่ผู้สอนต้องการ การใช้สื่อ การสอนนั้นผู้สอนจำเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติของสื่อแต่ละชนิดเพื่อเลือกสื่อ ให้ตรงกับวัตถุประสงค์การสอน และสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ส่งผลให้ กระบวนการเรียนการสอนดำเนนิ ไปไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ เครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ เคร่อื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ หมายถงึ เครือ่ งมอื ในการตรงจสอบและศึกษาส่งิ ทอ่ี ยู่บนพ้ืนผิวโลก และบรรยากาศ เพื่อตรวจสอบและบันทึกข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์ ทั้งทางด้านข้อมูลเชิงปริมาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น การกำหนดพิกัดบนพื้นผิวโลก การวัด ทิศทาง การเก็บข้อมูลภาคสนาม ในพื้นที่ต่าง ๆ หรือใช้เป็นเครื่องมือประกอบการเรียนรู้ในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์ รวมไปถึงใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ด้วย วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือ ทางภมู ิศาสตร์ 60

ตวั อยา่ งเคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตร์ ท่มี า : http://gg.gg/uqf8 ทั้งนี้หากพิจารณาหน้าที่หลักในการใช้งานของเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ สามารถจำแนก เคร่อื งมือทางภูมศิ าสตรอ์ ยา่ งกว้าง ๆ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1. ประเภทให้ข้อมูล เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่ใช้ในการศึกษาข้อมูล ทางภูมิศาสตร์เกี่ยวกับตำแหน่ง ทำเลที่ตั้ง การกระจาย ขอบเขต ความหนาแน่นของข้อมูล และปรากฎการณ์ต่าง ๆ ได้แก่ แผนท่ี รูปถา่ ยทางอากาศ ภาพจากดาวเทยี ม ลูกโลกจำลอง 2. ประเภทเคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ อปุ กรณใ์ ชว้ ัดหรอื เกบ็ ข้อมูลทางภูมิศาสตรใ์ นด้านต่าง ๆ เช่น ทิศ ระยะทาง ความสูง ตำแหน่งที่ตั้ง อุณหภูมิของอากาศ และปริมาณฝน ได้แก่ เข็มทิศ กล้องวัดระดับ เทอร์โมมเิ ตอร์ เครอื่ งวัดน้ำฝน แอโรแวน ไฮโกรมเิ ตอร์ ไซโครมิเตอร์ เป็นต้น เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ประเภทใหข้ ้อมูล 1. แผนที่ คือ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่แสดงลักษณะพื้นผิวโลก โดยการย่อส่วน และใช้สัญลักษณ์ เช่น สี เพื่อแทนสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นผิวโลก และแสดงข้อมูลดังกล่าวด้วยสัญลักษณ์ลงบนวัสดุแผ่นราบ แผนที่แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะ การใช้งาน ดังนี้ 61

แผนที่อ้างอิง เป็นแผนที่ที่นำเสนอข้อมูลของสภาพพื้นที่ทั่วไปทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาตแิ ละสิ่งท่มี นุษย์สร้างข้นึ เช่น แผ่นทแ่ี สดงลกั ษณะภูมิประเทศ แผนท่ีภมู ปิ ระเทศ ทม่ี า : https://sites.google.com/site/renukorn0903532716/1-1- phaenthi แผนทีเ่ ฉพาะเร่ือง เป็นแผนท่ีทีน่ ำเสนอข้อมูลเฉพาะเรอ่ื งใดเร่ืองหน่งึ เช่น แผนท่ีรัฐกิจ แผนที่ป่าไม้ แผนที่ประชากร แผนที่ท่องเที่ยว แผนที่เหล่านี้จะมีการสำรวจเพิ่มเติมหรือปรับแก้ไข ข้อมลู ใหท้ ันสมัยเป็นระยะ ๆ 62

แผนท่สี ภาพพน้ื ท่ีป่าไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 ทีม่ า : https://www.salika.co/2021/03/16/thailand-forest-situation/ องค์ประกอบของแผนที่ 1. ชื่อแผนที่ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าเป็นแผนท่ีที่บ่งบอก เรื่องอะไรแสดงรายละเอียดอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง และตรงความต้องการ โดยปกติ ชื่อแผนที่จะมีคำอธิบายเพิ่มเติมแสดงไว้ด้วย เช่น แผนที่ประเทศไทยแสดงเนื้อที่ป่าไม้ แผนที่ ประเทศไทยแสดงการแบง่ ภาคและเขตจงั หวดั เป็นต้น 63

2. สี เป็นสิ่งที่ใช้บอกลักษณะทางกายภาพของสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏบนพื้นผิวโลก เช่น สนี ้ำตาลแทนพ้นื ทีท่ ่เี ปน็ ภเู ขา สเี ขยี วแทนพื้นทีท่ เี่ ป็นปา่ ไม้ สนี ้ำเงินหรอื สฟี ้าแทนพื้นท่ที ่เี ป็นทะเลหรือ แหลง่ นำ้ 3. สัญลักษณ์ สัญลักษณแ์ ผนที่ใช้แทนสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏบนพื้นผวิ โลก โดยสัญลักษณ์ ที่ใช้อาจจะเป็นรูปทรงเราขาคณิต เส้น และสี เป็นต้น โดยทั่วไปจะมีการบอกความหมาย ของสญั ลกั ษณ์ไวท้ างมมุ ใดมุมหนงึ่ ของแผนที่เสมอ สัญลักษณแ์ ผนที่ใชแ้ ทนสิง่ ต่าง ๆ ท่มี า : https://curadio.chula.ac.th/Images/Class-Onair/so/2015/so-2015-06-03.pdf 4. มาตราส่วน คือ อัตราส่วนที่แสดงระยะทางจริงในแผนที่กับระยะทางในภูมิประเทศ จริง เช่น มาตราส่วนแผนที่ 1 : 100,000 หมายความว่า ระยะทางในแผนที่ 1 เซนติเมตร เท่ากับ ระยะทางในภมู ปิ ระเทศจริง 100,000 เซนตเิ มตร หรือ 1,000 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร 5. ทิศ คือ แนวเส้นตรงในภูมิประเทศหรอื ในแผนที่ ทิศมีด้วยกัน 4 ทิศ ซึ่งเป็นทิศหลกั ได้แก่ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ในแผนที่จะมีสัญลักษณ์ กำกับเอาไว้ เพื่อให้รู้ว่าทิศเหนือ คือด้านไหน แผนที่มาตรฐานโดยทั่วไปจะกำหนดให้ตอนบนของแผนท่ี เป็น ทศิ เหนอื ตอนลา่ งของแผนท่เี ป็นทิศใต้ ด้านขวาเปน็ ทิศตะวนั ออก และดา้ นซ้ายเป็นทศิ ตะวันตก 64

องค์ประกอบของแผนที่ ชอ่ื แผนท่ี บอกวา่ แผนท่ีแสดง 1 ข้อมลู เก่ียวกบั อะไร ทศิ 2 สี กำหนดให้ดา้ นบน ใช้แทนภาคและจงั หวัด ของแผนท่เี ปน็ ทิศเหนือ ในประเทศไทย 5 สัญลักษณ์ 4 3 เครื่องหมายแสดง สิ่งต่าง ๆ ทปี่ รากฏ ในแผนที่ มาตรสว่ น บอกอัตราสว่ นระหวา่ งระยะทาง ท่ยี ่อลงมาในแผนที่กบั ระยะทางจรงิ 65

ประโยชน์ของแผนที่ 1. ใชใ้ นชีวิตประจำวัน เชน่ ใช้แสดงเส้นทางคมนาคมในการเดินทาง เปน็ ต้น 2. ใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แผนที่มีประโยชน์ในการเดินทางไปยังสถานท่ี ทอ่ งเที่ยว การวางแผนการทอ่ งเท่ียว รวมถงึ การตัดสินใจเลือกสถานท่ีทอ่ งเทย่ี วของนักทอ่ งเทยี่ ว 3. ใช้ในการรายงานปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น แผนที่แสดงอุณหภูมิ แผนท่ี แสดงการเคลือ่ นท่ขี องพายุ ซงึ่ ทำให้เข้าใจไดง้ ่ายขน้ึ เปน็ ต้น 4. ใช้เป็นขอ้ มลู พ้ืนฐานในการวางแผนสรา้ งระบบสาธารณูปโภค เช่น วางแผนการตัดถนน วางระบบโทรคมนาคม วางสายไฟฟ้า วางท่อประปา การสร้างเขอ่ื น เปน็ ตน้ 5. ใช้เปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐานในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม เช่น แผนที่แสดงความหนาแน่นของประชากรแผนที่แสดงแหล่งปลูกพืชเศรษฐกจิ ซ่ึงช่วยทำให้ทราบ ข้อมูลพ้นื ฐานเพ่อื นำไปวางแผนการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมต่อไป เป็นตน้ 6. ใชใ้ นกจิ การทางทหาร โดยนำไปเปน็ ขอ้ มูลในการวางแผนทางยทุ ธศาสตร์ เชน่ การเลือกตงั้ ทีค่ า่ ยทหาร การทง้ิ ระเบดิ โจมตีทางอากาศ เปน็ ตน้ 7. ใชใ้ นดา้ นความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ เช่น ใช้เป็นข้อมลู ในการสำรวจและปักปัน เขตแดน เป็นต้น 8. ใชศ้ กึ ษาวิจยั เก่ียวกบั พน้ื ท่ี เชน่ ศึกษาชนดิ การกระจายดนิ ธรณีวิทยา ปา่ ไม้ หลกั การเบือ้ งต้นในการใช้แผนท่ี มดี งั นี้ 1. สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ควรเลือกใช้แผนท่ีให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ตอ้ งใช้งาน เช่น ต้องการสบื คน้ หรืออธบิ ายขอบเขตของจงั หวัด อำเภอ ควรใชแ้ ผนท่รี ฐั กจิ แสดงอาณาเขต 2. น่าเชื่อถือ ควรเลือกใช้แผนที่ที่ผลิตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับ ได้แก่ หน่วยงานของรัฐ หรอื หน่วยงานเอกชนที่มปี ระสบการณด์ า้ นแผนทรี่ วมถงึ มีวิธกี ารจดั ทำไดม้ าตรฐาน 3. ทันสมัย ควรเลือกใช้แผนท่ีที่เป็นปจั จุบัน หรือใกล้เคียงกับปัจจุบัน เพื่อให้ได้ขอ้ มลู ทที่ นั สมัย ซึง่ ในแผนที่สว่ นใหญ่จะระบุทจี่ ดั ทำไวใ้ หแ้ ล้ว 4. ผสมผสาน เนื่องจากแผนที่แต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัด การใช้แผนที่ แบบผสมผสานในการศึกษาเรื่องราว จะทำให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย และยังเป็นการตรวจสอบ ความคลาดเคล่ือนของขอ้ มูลไดอ้ ีกทางหนึง่ 5. ดูงา่ ย ชดั เจน ควรเลอื กแผนทท่ี ีม่ สี ญั ลักษณต์ ่าง ๆ ท่ีสามารถเขา้ ได้ใจง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงแผนท่คี วรมขี นาดใหญ่ เพื่อให้เหน็ ขอ้ มลู ไดช้ ัดเจน 66

2. รูปถ่ายทางอากาศ เป็นรูปที่ถ่ายจากอากาศยาน เช่น เครืองบิน บอลลูน อากาศยาน ไร้คนขับ (โดรน) มีทัง้ รูปถา่ ยลงมาในแนวดิ่งและรูปถ่ายลงมาในแนวเฉียงกบั พนื้ ผิวโลก รปู ถ่ายเหล่าน้ี จะแสดงให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏบนพื้นโลกในมุมกว้าง ใช้แสดงข้อมูลที่มองจากที่สูงเพื่อให้เห็น ความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจนตามความเป็นจริง ประเภทของรูปถ่ายทางอากาศ รูปถ่าย ทางอากาศ มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลกั ษณะการถา่ ยรูปดงั น้ี รูปถ่ายทางอากาศแนวดิ่ง เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ถ่ายรูปในแนวตั้งฉากกับผิวโลก และไม่เหน็ แนวขอบฟ้า รปู ถ่ายทางอากาศแนวดิง่ ทม่ี า : https://krumorn53.blogspot.com/2017/05/blog-post_47.html รปู ถา่ ยทางอากาศแนวเฉียงเปน็ รปู ถ่ายทเ่ี กดิ จากการกำหนดแกนของกลอ้ งในลกั ษณะเฉียง รปู ถา่ ยทางอากาศแนวเฉยี ง ที่มา : https://krumorn53.blogspot.com/2017/05/blog-post_47.html 67

ประโยชนข์ องรปู ถา่ ยทางอากาศ มดี งั นี้ 1. ด้านผังเมือง ทำให้เห็นรายละเอียดภาพรวมของการใช้ที่ดินในเมือง รวมถึง ท่ีวา่ งเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ 2. ด้านเกษตรกรรม รูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วนขนาดใหญ่สามารถมองเห็น การใช้ที่ดินในการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แปลงนาข้าว ทำสวน ทำไร่เป็นต้น ส่งผลให้สามารถ ตรวจสอบพชื แต่ละชนิดในพื้นท่ไี ดโ้ ดยไม่ตอ้ งเสียเวลาในการเดินทางในการสำรวจพื้นที่ 3. ด้านอุตสาหกรรม สามารถมองเห็นรูปแบบการสร้างสิ่งก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ตามเส้นทางคมนาคมหากอย่ใู กล้ทะเลจะเห็นทา่ เรือท่ีใชข้ นสง่ สนิ คา้ 4. ด้านการบริการ เห็นตำแหน่งที่ตั้งของสถานีบริการ เช่น สถานีตำรวจ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์บริการด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการศึกษาเชิงพื้นที่ และมีการ กำหนดขอบเขตเพอื่ วางแผนพฒั นาสถานทตี่ ่าง ๆ ตอ่ ไป 5. ด้านการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ช่วยตรวจสอบสภาพการใช้ที่ดิน และสิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อขยายพื้นที่การเกษตร ผลจากการเกิดภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ 6. ด้านยทุ ธศาสตรแ์ ละความมั่นคงของชาติ ใชใ้ นการสำรวจ รวบรวม ตลอดจนสืบค้น ขอ้ มลู เพ่อื ใช้ในการจัดทำยุทธศาสตรแ์ ละวางแผนทางการทหารเพื่อความมนั่ คงของชาติ หลกั การในการใชร้ ปู ถ่าย มีดงั นี้ 1. มขี ้อมลู พ้นื ฐานการใชร้ ปู ถา่ ยในการศกึ ษาขอ้ มูลตอ้ งทราบข้อมูพื้นฐานจากสื่อต่าง ๆ มากอ่ น เมือ่ เห็นรปู ภาพแตล่ ะประเภทก็จะเขา้ ใจและสามารถเลือกนำมาใช้ได้เหมาะสม 2. สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ การนำรูปถ่ายมาใช้เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ตอ้ งเลอื กรูปทมี่ คี วามนา่ เชื่อถือ ใหข้ อ้ มูลถูกตอ้ ง และเหมาะกบั ลักษณะงานที่จะนำไปใช้ 3. ดูง่าย รูปถ่ายสามารถแสดงสิ่งของ สิ่งต่าง ๆ ได้เสมือนจริง มีความคมชัด สามารถ จำแนกลักษณะทางกายภาพ ภูมิประเทศ วตั ถุตา่ ง ๆ ได้ชัดเจน 4. ทันสมยั ควรเลือกใชร้ ปู ถา่ ยทจ่ี ดั ทำออกมาในวนั เวลาทใ่ี กลเ้ คนี งกับปัจจุบันมากท่ีสุด เพ่ือให้ไดข้ อ้ มูลท่ที ันสมัย ตรงกับความเปน็ จริง 5. น่าเชื่อถือ การเลือกรูปถ่ายมาใช้งาน ควรเลือกรูปถ่ายจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง 68

6. คำนึงถึงข้อจำกัด ต้องเลือกรูปถ่ายให้เหมาะสมกับลักษณะงาน และควรนำไปใช้ รว่ มกบั แผนท่เี พือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ มลู ทีถ่ ูกต้องกับความเป็นจรงิ 3. ภาพจากดาวเทยี ม เป็นภาพทไี่ ด้จากการบันทึกดว้ ยดาวเทยี มซึง่ ดาวเทียมจะแปลข้อมูล และส่งสัญญาณมายังพื้นโลกจากระยะที่สูงมาก ดังนั้น ภาพที่ได้จึงครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด หรือจะถ่ายเน้นเฉพาะบางพื้นที่กไ็ ด้ ภาพจากดาวเทียมมีความถูกต้อง แม่นยำและเป็นปจั จุบัน จึงนิยมนำมาใช้ศึกษาขอ้ มูลต่าง ๆ ทางดา้ นภมู ิศาสตร์ เช่น การสำรวจแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติ ตรวจสอบเสน้ ทางการเคล่อื นที่ของลมพายุ ภาพจากดาวเทียมนำ มาประยุกต์ใช้ ในดา้ นต่าง ๆ ได้อยา่ งหลากหลาย ดงั น้ี 1. ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิประเทศต่าง ๆ บนพื้นผิวโลก ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามกาลเวลา แต่ดาวเทียมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดและบันทึกความเปลี่ยนแปลงนั้น ไดอ้ ยตู่ ลอดเวลา สามารถนำไปใช้ศึกษาลักษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี ป็นปัจจุบนั ได้ เช่น ภูมิประเทศในพ้ืนที่ ใกล้ปากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบางกระเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวักสมุทรปราการ ในเวลา อีกไมน่ านจะเกดิ ทะเลสาบรแู อก (oxbow lake) ข้ึนได้ ภาพจากดาวเทียมไทยโซต บริเวณบางกระเจ้า จังหวดั สมทุ รปราการ ที่มา : ภาพไดร้ บั การอนุญาตจากสำนักงานพฒั นา เทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) 2. ด้านการเกษตร ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร เชน่ การจัดการพื้นทีเ่ พาะปลูก การคิดคะเนผลผลติ การวางแผนการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ิน ภาพจากดาวเทยี มไทยโซต แสดงพน้ื ทีป่ ลกู ขา้ ว นาปรงั และนาปี ในจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ทมี่ า : ภาพไดร้ ับการอนญุ าตจากสำนกั งานพัฒนา เทคโนโลยอี วกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) 69

3. ด้านป่าไม้ ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำไปใช้ในการศึกษา และติดตาม การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้อย่างต่อเนื่อง เช่น การจำแนกชนิดป่า การประเมินหาพื้นที่เสียหาย จากไฟป่า ภาพจากดาวเทยี มแลนดแ์ ซต 5 บริเวณพื้นท่ไี ฟป่า ในอำเภอสะเมิงและอำเภอแมร่ มิ จงั หวัดเชยี งใหม่ ทมี่ า : ภาพไดร้ ับการอนญุ าตจากสำนกั งานพฒั นา เทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน) 4. ด้านการวางผังเมอื ง ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำไปใช้ในการศึกษาการขยายตัว ของชุมชนเพอ่ื การวางผังเมืองและพฒั นาสาธารณปู โภคได้ 5. ด้านอ่ืน ๆ เชน่ การบรหิ าร อุทกวิทยา ธรณีวิทยา การศึกษาภยั พบิ ัติทางธรรมชาติ ทเี่ กดิ จากนำ้ ทว่ ม ดินถลม่ แผน่ ดนิ ไหว เปน็ ตน้ ความแตกตา่ งระหว่าง แผนท่ี รปู ถา่ ยทางอากาศ และภาพจากดาวเทยี ม แผนท่ี รูปถา่ ยทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม • นําเสนอข้อมูลลงบนแผน่ • บันทึกขอ้ มลู โดยถ่ายจาก • ภาพทีถ่ ่ายจากดาวเทยี ม ระนาบตามมาตราส่วนที่ อากาศยาน เช่น อากาศ ซ่ึงดาวเทียมจะแปลงขอ้ มลู กาํ หนด ยานไรค้ นขบั (โดรน) และส่งสัญญาณมายังพื้น เครื่องบิน หรือบอลลูน โลก • นาํ เสนอเฉพาะขอ้ มลู สําคญั ตามวตั ถปุ ระสงค์ • แสดงสิ่งตา่ ง ๆ ที่ปรากฎ • ภาพทถ่ี า่ ยเปน็ ภาพบรเิ วณ ของแผนที่ชนิดนั้น ๆ บนพืน้ ผวิ โลกจากทม่ี ุมสงู กวา้ ง ครอบคลุมพ้นื ท่ี ในมุมกว้าง • ใชส้ ญั ลกั ษณ์แทนสงิ่ ต่าง ๆ • ผู้ใชต้ อ้ งมีความชํานาญ • เป็นรูปที่ถา่ ยในแนวดิ่งและ หรอื มปี ระสบการณใ์ นการ • มกี ารบอกทิศที่ชดั เจน แนวเฉียงกับพนื้ ผวิ โลก แปลข้อมลู 70

การใช้ Google Earth ในการจดั การเรียนรูภ้ มู ิศาสตร์ Google Earth เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ อาจเรียกได้ว่าเป็นแผนที่โลกดิจิตอล (Digital Map) ท่ชี ว่ ยให้เราสามารถดโู ลก (Earth) จากทกุ มุม (360 องศา) รอบโลกได้ฟรีด้วยการรวม ภาพถา่ ยจากดาวเทยี มภาพถา่ ยทางอากาศ และ Street View (การดภู าพถ่ายของสถานจรงิ ซง่ึ รปู ภาพ ที่ได้จากภาพมุมมอง Street View ซึ่งเป็นภาพรอบ ๆ ถนนที่ได้แบบ 360 องศา) มีเครื่องมือค้นหา ที่มีประสิทธิภาพพร้อมข้อมูล และรูปภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่ใช้งานได้ง่าย ทำให้เป็นวิธีที่สะดวก ในการสำรวจดาวเคราะหไ์ มเ่ พียงแตโ่ ลกที่เราอาศัยอยู่ยังมีทอ้ งฟ้า ดวงจันทร์และดาวองั คาร นำเสนอ ผ่านเทคโนโลยี Streaming เชื่อมข้อมูลในมิติต่าง ๆ มาซ้อนทับภาพถ่าย ซึ่งแต่ละชั้นข้อมูล (layer) ก็จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ที่ตั้งโรงพยาบาล สถานีตำรวจ สนามบิน เราสามารถเข้าใช้งาน Google Earth ผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป อุปกรณ์เคล่ือนที่ ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ได้จากเว็บไซต์ (website) https://www.google.com/earth/ หรือติดตั้ง Google Earth ในเดสก์ท็อป และในอุปกรณ์เคลื่อนท่ีผ่านระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (บุญเลิศ อรุณพิบูล, 2556) โปรแกรม Google Earth ท่มี า : Google Earth (2019) 71

เครื่องมือค้นหาของ Google Earth จะช่วยค้นหาตำแหน่งที่เราต้องการโดยสามารถ ใช้ชื่อสถานที่หรือนำพิกัดทางภูมิศาสตร์ไปใช้ในการค้นหา นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มเนื้อหา ลงใน Google Earth ได้ เช่น ภาพสถานที่ที่เคยไป การสร้างเส้นทาง การวัดระยะทาง การเพ่ิม บุ๊กมาร์กบันทึกรูปภาพ Google Earth แสดงข้อมูลทั้งโลก ลงไปสู่ระดับประเทศ บอกถึงเมืองสำคัญ ที่ต้ังสำคญั และลงไปจนถึงระดับชุมชน เช่น ถนน ตรอก รถยนต์ บ้านคน สามารถใชง้ านแบบ Online ได้จากทุกมุมโลก ทั้งนี้ในเขตเมืองใหญ่ของประเทศต่าง ๆ Google Earth แสดงภาพถ่าย จากดาวเทียมที่มีความละเอียดสูง เหมือนเราได้เข้าไปยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นและการท่องโลก ได้แบบ 3 มติ ิ (3D) การโคจรรอบโลกแบบ 3 มิติ ทมี่ า : Google Earth (2019) ความเจริญก้าวหน้าของสังคมในยุคโลกาภิวัตน์ส่งผลให้การศึกษา ในวิชาภูมิศาสตร์ ต้องปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยในการศึกษา ค้นคว้า และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้รับข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพทั้งภูมิลักษณ์ ภูมิอากาศ และภูมิสังคมของไทยและภูมิภาค ตา่ ง ๆ ท่ัวโลก กอ่ ให้เกดิ ความเข้าใจส่งิ แวดลอ้ มภายในพื้นทีม่ ากขึน้ 72

การศึกษาวชิ าภมู ศิ าสตร์เป็นการศกึ ษาพนื้ ที่บนผิวโลก ปรากฏการณท์ างกายภาพที่เกี่ยวกับ มนุษย์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติและสังคม ที่บางส่วนปรากฏในดินแดนต่าง ๆ การนำเทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมมาเป็นเครื่องมือ ในการศึกษาช่วยให้เกิดการเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์ของสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว ความเป็นมาของธรรมชาติ และการอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับธรรมชาติ เครื่องมือทีส่ ำคัญ ได้แก่ แผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศภาพ จากดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ได้แก่ การรับรู้จากระยะไกล (Remote Sensing : RS) ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (GlobalPositioning System : GPS) และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) หรือเรียกว่าเทคโนโลยี 3S เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ที่จะช่วยให้มนษุ ยเ์ รียนรู้ธรรมชาติและเข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่าง มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, 2553) Google Earth ได้มีส่วนเชื่อมโยงข้อมูลไปยัง Google Earth Education ที่ผลักดัน กระบวนการเรียนรู้ภูมิศาสตร์ให้เป็นทักษะสำหรับนักเรียนและครูได้ใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการ เรียนรู้ภูมิศาสตร์ เพื่อศึกษาลักษณะกายภาพของโลก ทั้งป่าไม้ ทะเล มหาสมุทร ภูเขา แอ่ง ฯลฯ การศึกษาสถานท่ีสำคัญทางวัฒนธรรม เชน่ ทชั มาฮาล ในประเทศอนิ เดีย นครวดั นครธม ในประเทศ กัมพชู า ปอ้ มปราการ (Acropolis) ที่เมอื งเอเธน ประเทศกรีซ เป็นต้น การศึกษาลักษณะเมืองสำคัญ ต่าง ๆ เช่น แยกชิบุย่า (Shibuya Crossing) ประเทศญี่ปุ่น ไทม์สแควร์ (Times Square) นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมรกิ า พิพิธภัณฑ์ลฟู วร์ (Louvre Museum) ประเทศฝรัง่ เศส เราสามารถนำ Google Earth มาใช้เป็นแผนที่ดิจิทัลในการศึกษาข้อมูลภูมิศาสตร์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และ ไม่เสยี คา่ ใช้จ่ายในการใชง้ าน QR-Code Google Earth in the Classroom QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ท่ีมา : YouTube ช่อง ครมู าย ปานทิพย์ ดอนขันไพร Google Earth Education และ QR Code ดวู ิดีโอ Google Earth in the Classroom ทมี่ า : Google Earth (2019) และ National Geographic Education (2017) 73

Google Street View โดย Google Maps คือการแสดงสภาพแวดล้อมเสมือน บน Google Maps ซึ่งจะประกอบด้วยภาพพาโนรามาหลายล้านภาพ เนื้อหาของ Street View โดยมี 2 แหล่งที่มา คือ Google และผู้ร่วมให้ข้อมูล ซึ่งต่างมุ่งชว่ ยเหลือกันเพื่อใหผ้ ู้คนท่ัวโลกสำรวจ โลกไดแ้ บบเสมอื นจริงนโยบายภาพ Street View ทจี่ ดั ทำโดย Google เพื่อใหแ้ นใ่ จว่าทุกคนที่ดูภาพ Street View จะได้รบั ประสบการณท์ ่ดี แี ละเป็นประโยชน์ ภาพ Street View ไม่ใช่ภาพแบบเรียลไทม์ ภาพ Street View แสดงเฉพาะสิ่งที่กล้องเห็นในวันที่ผ่านสถานที่แห่งนั้น และใช้เวลาอีกหลายเดือน เพอ่ื ประมวลผลรูปภาพ ซงึ่ หมายความวา่ เนื้อหาท่ีเห็นอาจเป็นภาพเม่ือหลายเดือน หรือหลายปีก่อนก็ได้ ในบางสถานที่ที่เราไปเก็บภาพมาหลายปีแล้ว อาจดู การเปล่ียนแปลงของภาพนนั้ ได้ทฟ่ี ังกช์ นั Time Machine การติดตั้ง Application Google Street View สามารถใช้ได้ทัง้ ระบบปฏิบัติการ android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการถา่ ยภาพ Street View QR-Code ท่มี า : Youtube ชอ่ ง KruKitima Petsub VDO แนะนำการการดภู าพ Google Street View ด้วย Google Earth 74

แอปพลเิ คชันเพอื่ การศกึ ษา ปัจจุบันแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษากำลังมีบทบาทและความสำคัญในการจัดการเรียน การสอน อีกทั้งรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้สื่อสมัยใหม่ (New Media) ในการพัฒนาการ เรียนรู้ของนักเรียน แอปพลิเคชันเพื่อการศึกษาสามารถใช้ประโยชน์และสร้างคุณค่าทางการเรียนรู้ ไดม้ ากเนอื่ งจากนกั เรียนสว่ นใหญ่สามารถเขา้ ถึงข้อมูลได้งา่ ยผ่านทางโทรศัพท์มอื ถอื ระบบปฏิบัติการ สมาร์ทโฟน หรือแอนดรอยด์ ในปัจจุบันนั้นพบว่ามีการสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ในการศึกษา ทีค่ รอบคลุมทกุ ๆ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ไวอ้ ยา่ งน่าสนใจ ดังต่อไปนี้ Seterra เปน็ เกมความรู้ทางภมู ิศาสตรท์ ่ีมคี วามท้าทายดว้ ยแบบฝึกหัดต่าง ๆ กวา่ 200 แบบฝึกหัด เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับทั้งประเทศ เมืองหลวง มหาสมุทร ธงชาติ และเมืองต่าง ๆ ในทวีป แอฟริกา ยุโรป อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ เอเชีย ออสเตรเลีย โดยใช้แบบฝึกหัดเค้าโครงแผนท่ี เซเทอร์ราเกิดขึ้นเมื่อปี 2541 ได้รับการแปลกว่า 37 ภาษารวมทั้งภาษาไทย เป็นที่ชื่นชอบของคน ทั่วโลก สามารถสืบค้นได้ท่ี https://online.seterra.com และยังสามารถ ติดตั้ง Application Seterra ได้ทัง้ ระบบปฏบิ ัติการ Android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ทีม่ า : YouTube ช่อง ครมู าย ปานทิพย์ ดอนขนั ไพร 75

World Geography เป็นเกมตอบคำถามที่จะช่วยให้ผู้เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศแผนที่ ธงเมืองหลวง ประชากร ศาสนา ภาษา สกุลเงินและความรู้ทางภูมิศาสตร์ในวิธที ี่ง่ายและสนุก ท้าทาย และเพื่อพัฒนาความรทู้ างภมู ิศาสตร์ สามารถประยกุ ตใ์ ช้กบั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และเป็นแหล่ง เรียนรู้ ผเู้ รียนจะได้เรยี นรู้ 5 มหาสมทุ ร 7 ทวีป ชนั้ ของโลกและชั้นบรรยากาศ สำรวจแมน่ ำ้ สายสำคัญ เทือกเขา ทะเลทราย ทะเลสาบ เกาะ ภเู ขาไฟ และสถานท่ีน่าสนใจอ่ืน ๆ ในโลกของเรา แบบทดสอบ ทางอินเทอร์เน็ตเหล่านี้เป็นเครื่องกระตุ้นสมองสำหรับผู้เรียน นำความสนุกสนาน มาสู่ชั้นเรียนได้ สามารถสืบค้นได้ที่ https://world-geography-games.com และยังสามารถติดตั้ง Application World Geography ไดท้ ้งั ระบบปฏิบัติการ android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใช้งาน ที่มา : YouTube ช่อง ครูมาย ปานทพิ ย์ ดอนขนั ไพร 76

Kahoot เป็นเกมที่ตอบสนองต่อการเรียนการสอนช่วยให้นักเรียนสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ นกั เรยี นมีส่วนรว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ โดย Kahoot เป็นเครื่องมือชว่ ยในการประเมินผล ผ่านการตอบ คำถาม การอภิปราย หรือการสำรวจความคิดเห็น เป็นเกมการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วย คำถามปรนัย เชน่ การตอบคำถาม การอภิปราย หรือการสำรวจ คำถาม จะแสดงทีจ่ อหน้าช้นั เรียนและให้นักเรียน ตอบคำถามบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของตนเอง และเช่น คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟน ไอแพด สามารถลงทะเบยี นใชง้ าน ไดท้ ี่ https://kahoot.com เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVIC-19) สำหรับ ผู้เรียน ผู้สอนทุกคนสามารถใช้ Kahoot Premium version ได้ (Kahoot! offers free access to Premium version because of COVIC-19) เป็นโหมดการเรียนรู้ผ่านเกมด้วยตนเอง (Self-paced challenge mode) เป็นฟีเจอร์ที่เปิดให้ผู้เรยี น ผู้สอนทุกคนใช้โดยไมเ่ สียค่าใชจ้ ่าย นักเรียนสามารถ เล่นเกมการเรียนรู้ได้ที่บ้าน และยังสามารถติดตั้ง Application Kahoot ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ที่มา : YouTube ช่อง Ms.Somrak Pariyawatee 77

Plickers เป็นแอปพลิเคชัน (Application) ที่ใช้ในการสร้างแบบทดสอบ สามารถ ตรวจคำตอบได้เรียลไทม์โดยใช้ Smart Phone สแกน QR Code ของนักเรียนแต่ละคนได้ โดยจะมกี ระดาษเป็นโค้ดให้นักเรียนถือซงึ่ กระดาษดงั กล่าวจะมีด้านท่ตี ่างกันทัง้ 4 ด้าน และมีตัวเลข เฉพาะของนักเรียนแต่ละคนอยู่ที่มุมกระดาษ ซึ่งสามารถแสดงผลของคำตอบได้ทันทีในระบบ การจดั การของครูท่ีติดต้ังแอปพลิเคชนั ของ Plickers ซึ่งครสู ามารถแสดงการใช้งานระบบให้นักเรียน เห็น ทำให้เกิดความสนุกและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อแสดงผ่านหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ท่ีหนา้ ห้องเรียน ผสู้ อนมีความสะดวกในการเกบ็ ผลการสอบของนักเรียน แตท่ ัง้ นี้ในการใช้งานก็ยังมี ขอ้ จำกัดอยู่บ้าง เชน่ จำนวนการสรา้ งรปู แบบใบกระดาษคำตอบท่ีเหมาะสำหรับหอ้ งเรยี นที่มีนักเรียน จำนวนไม่เกิน 63 คนเท่านั้นและรูปแบบคำตอบที่สร้างได้แบบตัวเลือกเท่านั้น รวมไปถึงการแสดง รายชื่อผู้ที่ตอบคำถามแล้วบนหน้าจอจำกัดจำนวนที่แสดงผลได้แค่ 30 ลำดับ แต่ก็สามารถเลื่อนดไู ด้ การติดตั้ง Application Plickers สามารถใช้ไดท้ ง้ั ระบบปฏบิ ัตกิ าร Android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใช้งาน ทม่ี า : YouTube ช่อง TEACHDENT SHARED 78

Socrative เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยสร้างแบบทดสอบ เพื่อการประเมินผลนักเรียน แบบออนไลน์สามารถแสดงผลการสอบได้ในทันที รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สามารถ ใส่ภาพประกอบคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนพิมพ์คำตอบ จุดเด่นที่สำคัญ คือผู้เรียนสามารถ ทำข้อสอบผ่านอุปกรณ์หลากหลายแพลตฟอร์ม(Platform) ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เช่น โทรศัพท์มือถือSmartphone Tablet และเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถลงทะเบียนใช้งานได้ท่ี https://www.socrative.com และสามารถการติดตั้ง Socrative ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ท่มี า : YouTube ช่อง swu.mooc 79

ZipGrade เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ตรวจข้อสอบตอบแบบปรนัยสามารถแสดงผลตรวจ ทนั ทีลดภาระงานและเพ่มิ ความสะดวกแกผ่ ูส้ อนอยา่ งมากสามารถใช้กับโทรศพั ท์มอื ถือ Smartphone หรือ Tablet ในการสแกนเพื่อตรวจคำตอบ โดยใช้ปากกาสีแดง สีน้ำเงินและดินสอดำฝนคำตอบ ในกระดาษคำตอบได้ มีความรวดเร็วแม่นยำในการประมวลผลไมเ่ กิน 5 วินาทีตอ่ 1 แผ่น บอกคา่ เฉลยี่ ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุดของคะแนนสอบ และค่าสถิติของตัวข้อสอบด้วย ในขั้นตอนการตรวจคำตอบนั้น ไม่ตอ้ งมีการเชือ่ มตอ่ อนิ เทอร์เนต็ สามารถ Export ผลออกมาในรปู แบบไฟล์ CSV หรอื PDF อย่างไร ก็ตามการใช้งาน ZipGrade แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่มีข้อจำกัด คือ รองรับการสแกนคำตอบได้ เดอื นละ 100 ครั้งเท่านน้ั สามารถทำงานไดบ้ นระบบปฏิบัติการ Android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ทีม่ า : YouTube ช่อง Kru Breeze 80

Edraw Mind Map เป็นแอปพลิเคชนั ทีถ่ กู พัฒนาขึ้นมาเพ่อื เอาไวใ้ ชท้ ำแผนผังความคิด ช่วยวางแผนความคิดให้เป็นระเบียบ การทำลำดับความคิดจะช่วยให้เกิดการมองภาพรวมและทำให้ เกิดการจดจำที่ดียิ่งขึ้น ช่วยลำดับความคิดความสำคัญ การทำแผนภาพระดมสมอง โปรแกรมน้ยี ังมี อินเตอร์เฟสที่สามารถใช้งานได้ง่าย มีตัวอย่างที่หลากหลายและแม่แบบที่ทำให้ง่ายต่อการเริ่มต้น สามารถทำการเพิ่มรปู ภาพ ใสข่ อ้ ความ หรอื คำอธิบายประกอบไดแ้ ละยังมรี ูปแบบใหเ้ ลอื กหลากหลาย ผลงานท่ไี ด้จึงมีความสวยงามนอกจากน้ันผลงานเมอ่ื จัดทำเสรจ็ แล้วยังสามารถนำออกไปเพื่อใช้งานได้ หลากหลายรูปแบบครอบคลุมการทำงานปัจจุบันได้เป็นอย่างดี สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้ท่ี http://www.edrawsoft.com/freemind.php ค่มู ือการใช้งาน http://elearning.secondary35.go.th/file.php/1/suang55/suang-Edraw.pdf และสามารถการตดิ ต้ัง Application Edraw Mind Map ได้ทั้งระบบปฏบิ ตั ิการ Android และ IOS QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ทม่ี า : YouTube ชอ่ ง kornkanok pansitti 81

Spin The Wheel – Random Picker เทคนิคงา่ ยทสี่ ามารถนำไปปรับใช้ในหอ้ งเรียน คือการส่มุ ชือ่ หรอื เลขที่ของนกั เรียน เพ่ือสรา้ งบรรยากาศใหก้ ารเรยี นน่าสนใจ และทำให้นักเรียนสนุก ลุ้นไปกับเนื้อหาที่เราจะใช้ปรับกับการเรียนการสอน แนะนำแอปพลิเคชันในการสุ่ม เช่น ชื่อ เลขที่ ของนักเรียน รวมถึงหัวข้อในการทำกิจกรรมเป็นต้น และสามารถติดตั้ง Application Spin ได้ ทั้งระบบปฏิบตั กิ าร Android และ IOS Spin The Wheel – Random Picker QR-Code VDO แนะนำการใชง้ าน ที่มา : YouTube ชอ่ ง KRUGOT ISSARA 82

แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการรเู้ รื่องภูมศิ าสตร์ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นวิธีการสำคัญในการประเมินพฤติกรรมนักเรียน จากการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังที่นักการศึกษาได้กล่าวถึงการวัดและประเมินผล การเรียนรู้สาระภมู ศิ าสตร์ ไวด้ งั นี้ กระทรวงศึกษาธิการ (2560 : 56) กล่าวถึงองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการของการวัด และประเมินผลการเรียนรู้สาระภูมิศาสตร์ คือ ความสามารถทางภูมิศาสตร์ กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ และทักษะทางภูมิศาสตร์ ผู้สอนตองทำความเขาใจความหมายของความสามารถ กระบวนการ และทักษะทางภูมิศาสตร์อย่างท่องแท้ รวมถึงศัพทเทคนิคที่เกี่ยวของกับการรูเรื่อง ภูมิศาสตร์ ซึ่งสามารถศึกษาได้จากอภิธานศัพทในเอกสารฉบับนี้ ตลอดจนอนุกรมวิธานของทักษะ พิสัย (psychomotor domain) ซึ่งเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่ผู้เรียนต้องแสดงทักษะ ความสามารถโดยดำเนินการตามกระบวนการในการปฏิบัติงานหรือ สร้างผลงานจากการปฏิบัติงานนั้น ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่ผู้สอนต้องดำเนินการเพื่อการวัด และประเมินผลการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ คือ การกำหนดงานและสถานการณ์ให้ผู้เรียนนำไปปฏิบัติ ประเด็นสำคัญคือ การวางแผนว่าจะใช้สถานการณ์ใดในการประเมินการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนแสดงทักษะ ความสามารถที่ต้องการวัดออกมาได้ชัดเจนที่สุด โดยสิ่งสำคัญที่ผู้สอน ควรคำนึง คือ ผู้สอนต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนอย่างใกล้ชิด รูปแบบของงานสำหรับประเมิน ทักษะการปฏบิ ตั ิมีหลายรูปแบบ ดงั น้ี รูปแบบที่ 1 งานสำหรับประเมินอย่างสั้น มักจะใช้ในการประเมินความรอบรู้ในหลักการ พื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธ์ของขั้นตอยการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องต่าง ๆ โดยทั่วไป งานในรูปแบบนี้ใช้เวลาไม่นาน งานสำหรับประเมินอย่างสั้นอาจจะเป็นคำถามปลายเปิด (open-end tacks) หรือแผนผังมโนทัศน์ (concept mapping) ก็ได้ งานในรูปแบบนี้นิยมใช้กับ การประเมนิ รายบคุ คล รูปแบบท่ี 2 งานทเี่ ป็นเหตกุ ารณ์ สามารถวัดความสามารถของผู้เรยี นได้อย่างกว้างขวาง เช่น ความคล่องแคล่วในการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ การแปลความหมายข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ทักษะ การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ ทักษะการแก้ปญั หา งานที่เป็นเหตุการณ์สามารถสะท้อนถึงทักษะและ ระดับความสามารถในการนำความรู้ ทักษะและความสามารถไปประยุกต์ใช้งานรูปแบบนี้ใช้เวลา ในการประเมินนานกว่าในรปู แบบท่ี 1 และอาจจะเปน็ การประเมนิ การเขียนการประเมนิ กระบวนการ ทำงานทางภูมศิ าสตร์ตา่ ง ๆ หรืองานการวเิ คราะห์และแก้ไขปัญหาได้ 83

รูปแบบที่ 3 งานสำหรับประเมินระยะยาว เป็นงานที่มีลักษณะเป็นโครงการทีม่ ีเป้าหมาย หลายประการ และใช้เวลาในการปฏิบัติงานมากกว่ารูปแบบที่ 1 และ 2 โดยในช่วงเวลาแรกหรือช่วง ต้นภาคการศึกษา ผู้สอนมอบหมายงานให้ผู้เรียนได้แสดงทักษะ ความสามารถ กระบวนการทาง ภูมิศาสตรด์ ้านต่าง ๆ ทซ่ี ับซอ้ น งานรปู แบบท่ี 3 น้ีมกั เป็นโครงการระยะยาว เช่น โครงการวจิ ัยต่าง ๆ โครงงานทางภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ เมื่อสิ้นสุดภาคการศึกษาแล้วผู้ประเมินหรือครูผู้สอนให้ผู้เรียน จดั นทิ รรศการเพอื่ นำเสนอผลการปฏิบัติงานต่อผู้เก่ยี วข้องหรอื สาธารณะตอ่ ไป ตารางแสดงตัวอย่างการกำหนดงานหรือสถานการณท์ ีใ่ ชใ้ นการประเมินการร้เู รอื่ งทางภูมิศาสตร์ การรู้เรอื่ งทาง การประเมนิ ภาระงานและช้ินงาน ภูมศิ าสตร์ การตอบคำถาม การเขยี นรายงาน แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ ความสามารถทาง ภมู ศิ าสตร์ การวาดผังมโนทศั น์ ฯลฯ รายงาน กระบวนการทาง ภูมศิ าสตร์ • การประเมินโครงงาน • โครงงาน ทกั ษะทางภูมิศาสตร์ • การประเมินการค้นคว้าอิสระ • การค้นคว้าอสิ ระ ฯลฯ • การประเมินการใช้เครื่องมือ • การทำแผนที่ การวัดระยะ การ และเทคโนโลยที างภมู ิศาสตร์ ใชเ้ ข็มทศิ การใช้อินเทอร์เน็ต ทเี่ หมาะสม ในการสืบค้นการใช้ • การประเมนิ การอา่ นและแปล Google Earth ความหมายแผนที่ • การอา่ นแผนที่ รปู ถ่ายทาง • การประเมนิ การสงั เกต อากาศภาพจากดาวเทยี ม จากการเกบ็ ข้อมูลภาคสนาม • การสำรวจพ้ืนที่ในโรงเรยี นหรือ • การประเมนิ การคิดเชิงพ้ืนท่ี ชมุ ชน • การประเมินการคิด • การทำแผนที่ เช่น วิจารณญาณ การทำแผนท่ีต้นไมใ้ นโรงเรยี น • การประเมินการแกป้ ญั หา การทำแผนท่ีในชุมชน • การประเมนิ การคดิ วิเคราะห์ การทำแผนทีก่ ารเดนิ ทาง • การประเมนิ การคดิ เชิงระบบ แบบทดสอบ รายงาน โครงการ ฯลฯ 84

สิ่งที่สำคัญอีกประการที่ต้องคำนึงถึงในขั้นตอนนี้คือ จำนวนงาน หรือกิจกรรมที่จะต้อง ให้ผู้เรียนปฏิบัติ กล่าวคือ ผู้เรียนอาจปฏิบัติงานที่วดั ผลในด้านเดียวกันหลายงานได้ในระดบั คณุ ภาพ ที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น คะแนนที่ไดจ้ ากการปฏิบตั ิงานเพียงครั้งเดียวหรืองานเดียวอาจไม่เป็นตัวแทนที่ดี ของทักษะที่ต้องการวัด ดังนั้น ผู้สอนควรกำหนดให้ผู้รับการประเมินปฏิบัติงานมากกว่า 1 งาน เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยเครื่องมือที่วัดและประเมินทักษะการปฏิบัติมีหลากหลายเครื่องมือ แตใ่ นเอกสารฉบบั นี้ ขอกล่าวถงึ เฉพาะเครื่องมือที่ไม่ใช่การทดสอบ ไดแ้ ก่ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubric) มีลักษณะเป็นระดับที่แสดงลักษณะหรือความสำเร็จของการปฏิบัติงานหรือผลงาน ของทักษะท่ปี ระเมิน ซ่งึ เกณฑก์ ารให้คะแนนจะมีคำอธิบายพฤตกิ รรมหรือลักษณะที่สะท้อนถึงทักษะ ประเมนิ ในแตล่ ะระดับการประเมินกำกับไว้ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง เหมาะสำหรับการประเมิน การรู้เรอื่ งทางภูมศิ าสตร์ ทมี่ รี ายละเอยี ดคอ่ นขา้ งมากหรือซบั ซ้อน ประกอบดว้ ย 6 ข้ันตอนหลัก ดงั น้ี 1. ศึกษาและทำความเข้าใจทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการรู้เรื่องทางภูมศิ าสตรท์ ี่ตอ้ งการ ประเมนิ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ความหมายและองคป์ ระกอบทีส่ ำคัญที่ต้องการวัด 2. กำหนดข้อรายการประเมนิ ใหช้ ัดเจน ซึ่งอาจเปน็ ข้ันตอรในการปฏิบัตหิ รอื พฤติกรรมย่อย ในการปฏิบัติ 3. เรียงลำดับข้อรายการประเมิน โดยเรียนลำดับขั้นตอนการปฏิบัติหรือพฤติกรรมย่อย ที่จะประเมินตามลำดบั เกดิ ข้นึ จริงเมื่อผู้เรียนปฏิบัติ 4. เขียนช่องรายการประเมินให้เปน็ ไปตามจำนวนระดบั ผลประเมินทต่ี ้องการ เชน่ 4 ระดบั 5. กำหนดคำบง่ ชีร้ ะดับ หรอื คะแนนในแตล่ ะระดับที่กำหนดไว้ในขนั้ ตอนที่ 4 6. ระบชุ ื่อแบบประเมนิ ค่าตามทกั ษะการปฏิบตั ทิ ่ตี ้องการประเมิน 85

ตวั อย่าง เกณฑก์ ารประเมินในการวาดแผนผงั เพ่ือแสดงตำแหนง่ ท่ีตัง้ ของสถานท่ีสำคญั ในโรงเรยี น การรูเ้ ร่ือง ระดบั คุณภาพ ภูมศิ าสตร์ ความสามารถ ดมี าก ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ ทางภมู ิศาสตร์ สำรวจสิ่งท่ี เกดิ ข้นึ เอง สำรวจสิ่งที่ สำรวจสงิ่ ที่ สำรวจสง่ิ ท่ี กระบวนการ ตามธรรมชาติ ทางภมู ิศาสตร์ และส่งิ ท่มี นุษย์ เกดิ ข้ึนเอง เกดิ ข้ึนเอง เกดิ ขึน้ เอง สร้างขนึ้ ทกั ษะทาง ภายในโรงเรียน ตามธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ภูมศิ าสตร์ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง และครบถ้วน และส่งิ ทีม่ นษุ ย์ และสิ่งทีม่ นษุ ย์ และสิง่ ท่มี นษุ ย์ สรา้ งขึ้น สรา้ งข้ึน สรา้ งขน้ึ ภายในโรงเรียน ภายในโรงเรียน ภายในโรงเรียน ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ได้อย่างถูกตอ้ ง ไดบ้ ้าง แตไ่ ม่ครบถว้ น บางส่วน และไม่ ครบถว้ น ดำเนนิ การตาม ดำเนินการตาม ดำเนินการตาม ดำเนินการตาม กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ ทางภมู ิศาสตร์ ทางภมู ศิ าสตร์ ทางภูมิศาสตร์ ทางภมู ศิ าสตร์ ได้ถกู ตอ้ งและ ได้ถกู ตอ้ ง แต่ไม่ ไดถ้ ูกต้อง ไดบ้ ้าง ครบทุกขั้นตอน ครบทุกขน้ั ตอน บางสว่ นและไม่ ครบถว้ น วาดผังแสดงส่ิง วาดผงั แสดงส่งิ วาดผงั แสดงสิง่ วาดผังแสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตาม ต่าง ๆ ตาม ตา่ ง ๆ ตาม ตา่ ง ๆ ตาม ความสมั พันธ์ ความสัมพันธ์ ของตำแหนง่ ของตำแหนง่ ความสมั พนั ธข์ อง ความสมั พนั ธ์ ระยะ และ ระยะ และ ทิศทางได้ ทิศทางไดบ้ ้าง ตำแหนง่ ระยะ ของตำแหนง่ ถกู ตอ้ งบางส่วน และไมค่ รบถ้วน และทิศทางได้ ระยะ และ อย่างถูกตอ้ ง ทิศทางได้อย่าง ครบถ้วน ถกู ต้องแตไ่ ม่ ครบถว้ น 86

กิจกรรมที่ 3 คำชี้แจง ปฏิบัติกิจกรรมดงั ต่อไปน้ี 1) ชมคลิปวดี โิ อ เร่อื งการสอนภมู ศิ าสตรด์ ้วยการเรยี นรจู้ ากท้องถ่ิน แลว้ สรุปสาระสำคัญ QR-Code VDO เร่อื ง สอนภูมศิ าสตร์ดว้ ยการเรียนร้จู าก ท้องถ่นิ ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... 2) ถ้าสอนเร่อื ง นครนายกบ้านฉนั จะเลอื กส่อื การสอนชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................. 87

88

89

ตารางวเิ คราะห์เปา้ หมายการจัดการเรยี นรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระภมู ิศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6 90 สาระท่ี 5 ภมู ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธข์ องสรรพสิ่งซงึ่ มีผลตอ่ กัน ใช้แผนที่และเครือ่ งมือทางภมู ิศาสตร์ ในการคน้ หา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภมู ิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภมู สิ ารสนเทศอย่างมปี ระสิทธิภาพ เปา้ หมายการจัดการเรยี นร้ภู ูมศิ าสตร์ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ชั้น ตัวชีว้ ดั มโนทศั สำคญั คำถามสำคัญ ความสามารถ กระบวนการ ทักษะ คำสำคัญ เครือ่ งมมือวัดและ ประเมินผล ป.4 1. สบื ค้นและอธิบาย แผนที่และรูปถ่าย จากแผนที่และ 1.ความเขา้ ใจ 1. การตั้งคาํ ถาม 1. การสงั เกต - สืบค้น - เกณฑก์ ารให้ ขอ้ มูลลักษณะทาง เป็นเครือ่ งมือท่ใี ช้ รูปถา่ ยจังหวัด ระบบธรรมชาติ เชิงภูมศิ าสตร์ 2. การแปลความ - อธบิ าย คะแนน กายภาพในจังหวดั แสดงลกั ษณะทาง ของตน มีลกั ษณะ และมนษุ ย์ 2. การรวบรวม ข้อมลู - แบบทดสอบ ตนด้วยแผนทีแ่ ละ กายภาพ ทางกายภาพ 2. การให้ ข้อมูล ทางภูมศิ าสตร์ เขยี นตอบ รูปถา่ ย แหลง่ ทรพั ยากรและ อย่างไร เหตุผลทาง 3. การจดั การ 3. การใชเ้ ทคนคิ สถานทส่ี ำคัญใน ภมู ศิ าสตร์ ข้อมูล และเครอ่ื งมือ จังหวัด 4. การวิเคราะห์ ทางภมู ศิ าสตร์ 2. ระบแุ หล่ง แผนที่และรูปถา่ ย จากแผนท่แี ละ ข้อมลู 1. การสังเกต -ระบุ - แบบทดสอบ ทรัพยากร และ เปน็ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ รปู ถ่ายแหล่ง 5. การสรปุ 2. การแปลความ เลอื กตอบ สถานที่สำคัญ แสดงลกั ษณะ ทรัพยากรและ เพอ่ื ตอบคาํ ถาม ข้อมูล - แบบทดสอบ ในจังหวดั ของตนด้วย ทางกายภาพ สถานท่สี ำคัญ ทางภมู ิศาสตร์ เขียนตอบ แผนทแี่ ละรปู ถา่ ย แหลง่ ทรัพยากรและ ในจังหวัดของตน 3. การใชเ้ ทคนิค สถานที่สำคัญใน มีอะไรบา้ ง และเครื่องมือ จังหวดั และอยูบ่ รเิ วณใด ทางภูมิศาสตร์

สาระที่ 5 ภูมศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธ์ของสรรพสิ่งซง่ึ มผี ลต่อกัน ใชแ้ ผนที่และเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ ในการค้นหา วเิ คราะห์และสรุปขอ้ มลู ตามกระบวนการทางภมู ิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภมู สิ ารสนเทศอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ เป้าหมายการจดั การเรยี นรู้ภมู ิศาสตร์ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ชั้น ตวั ชี้วดั มโนทัศสำคญั คำถามสำคญั ความสามารถ กระบวนการ ทกั ษะ คำสำคัญ เคร่อื งมมือวัดและ ประเมนิ ผล ป.4 3. อธิบายลักษณะ ลกั ษณะทางกายภาพ ลักษณะทาง 1.ความเขา้ ใจ 1. การสงั เกต -อธิบาย - แบบทดสอบ ทางกายภาพที่ สงผลให้เกิด กายภาพสงผลตอ่ ระบบ 2. การแปลความ -ทสี่ ง่ ผลต่อ… เขียนตอบ สง่ ผลต่อ แหลง่ ทรพั ยากรและ แหลง่ ทรัพยากร ธรรมชาตแิ ละ ข้อมูลทาง -เกณฑ์การใหค้ ะแนน แหล่งทรพั ยากรและ สถานทีส่ ำคญั ท่ี และสถานทสี่ ำคญั มนษุ ย์ ภูมศิ าสตร์ สถานทีส่ ำคัญใน แตกตา่ งกันใน ในจงั หวัดอยา่ งไร 2. การให้ 3. การใช้เทคนิค จังหวัด จงั หวัด เหตผุ ลทาง และเครื่องมือ ภมู ิศาสตร์ ทางภมู ิศาสตร์ ป.5 1. วเิ คราะห์ ภมู ปิ ระเทศ ลกั ษณะทาง 1.ความเขา้ ใจ 1. การตั้งคาํ ถาม 1. การสงั เกต -สบื ค้น - แบบทดสอบ ส่ิงแวดลอ้ มทาง ภูมอิ ากาศและ กายภาพสง่ ผล ระบบ เชงิ ภมู ิศาสตร์ 2. การแปลความ -อธิบาย เขยี นตอบ กายภาพทมี่ อี ิทธิพล ทรพั ยากรธรรมชาติ ต่อการต้งั ถิน่ ฐาน ธรรมชาติ 2. การรวบรวม ข้อมลู ทาง -เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ตอ่ ลักษณะ มีอทิ ธพิ ลต่อ และการยา้ ยถ่ิน และมนษุ ย์ ข้อมลู ภูมศิ าสตร์ -แบบสังเกต การตงั้ ถ่นิ ฐานและ การตงั้ ถิน่ ฐานและ ในภูมภิ าคของตน 2. การให้ 3. การจัดการ 3. การใช้เทคนิค 91 การยา้ ยถ่นิ ของ การย้ายถน่ิ ของคน อยา่ งไร เหตผุ ลทาง ข้อมูล และเครอื่ งมอื ประชากรในภูมภิ าค ในภูมภิ าคของตน ภมู ศิ าสตร์ 4. การวเิ คราะห์ ทางภูมิศาสตร์ ของตน ขอ้ มลู 5. การสรปุ เพอื่ ตอบคําถาม

เปา้ หมายการจัดการเรยี นรูภ้ มู ศิ าสตร์ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 92 ชั้น ตัวชี้วดั มโนทัศสำคัญ คำถามสำคญั ความสามารถ กระบวนการ ทักษะ คำสำคญั เคร่ืองมมอื วดั และประเมนิ ผล 2. อธิบายลกั ษณะ ลกั ษณะทาง ลกั ษณะทางกายภาพ ทางกายภาพท่ีสง่ ผล กายภาพ สง่ ผลต่อ 1.ความเขา้ ใจ 1. การสังเกต -อธบิ าย... -แบบทดสอบ ตอ่ แหลง่ ทรัพยากร สง่ ผลให้เกดิ แหลง่ แหลง่ ทรพั ยากรและ ระบบธรรมชาติ 2. การแปลความ และสถานทส่ี ำคญั ทรพั ยากรและ สถานท่สี ำคญั และมนษุ ย์ ขอ้ มูลทาภูมศิ าสตร์ -ท่ีสง่ ผลตอ่ .... เขยี นตอบ ในภูมภิ าคของตน สถานทีส่ ำคัญ ในภูมภิ าคของเรา 2. การให้เหตุผล 3. การใชเ้ ทคนิค ในภูมภิ าคของตน อยา่ งไร ทางภมู ศิ าสตร์ และเครอ่ื งมอื -เกณฑ์การให้ ทางภมู ิศาสตร์ 4. การใชเทคโนโลยี คะแนน ป.6 1. สืบค้นและอธิบาย แผนที่รปู ถา่ ย จากแผนท่ีรปู ถ่าย 1.ความเขา้ ใจ 1. การตง้ั คาํ ถาม 1. การสงั เกต - สืบค้น - แบบทดสอบ ข้อมลู ลักษณะ ทางอากาศและ เชิงภมู ศิ าสตร์ 2. การแปลความ - อธบิ าย เขยี นตอบ ทางกายภาพของ ภาพจากดาวเทยี ม ทางอากาศ และภาพ ระบบธรรมชาติ 2. การรวบรวม ขอ้ มูลทาง -เกณฑก์ ารให้ ประเทศไทยดว้ ย ใช้แสดงข้อมูล ข้อมูล ภูมิศาสตร์ คะแนน แผนท่ีรูปถา่ ยทาง ลกั ษณะ จากดาวเทียม และมนุษย์ 3. การจดั การขอ้ มลู 3. การใช้เทคนคิ อากาศและภาพจาก ทางกายภาพ 4. การวิเคราะห์ และเครอ่ื งมือ ดาวเทยี ม ของประเทศไทย ประเทศไทยมลี ักษณะ 2. การใหเ้ หตุผล ข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ 5. การสรปุ 4. การใชเทคโนโลยี ภูมิประเทศ ทางภมู ิศาสตร์ เพ่ือตอบคาํ ถาม ภมู อิ ากาศและ ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไร