Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.การบูรณาการ ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการยุคใหม่ ppt

1.การบูรณาการ ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการยุคใหม่ ppt

Published by iamkittipan, 2017-06-26 01:18:23

Description: 1.การบูรณาการ ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการยุคใหม่ ppt

Keywords: การบริหารจัดการยุคใหม่

Search

Read the Text Version

การบริหารทีมงานและภาวะผนู้ าํProf.Raywat Chatreewisit B.S.,B.A.,M.A.,M.A.,MPM.,Ph.D,Ph.D,CIC,CIPM

• การบูรณาการ ภาวะผู้นา การบริหารจัดการยุคใหม่ ppt• การบริหารทีมงานและภาวะผ้นู า http://www.chiangrai.net/dashboard5/Files/KMData_List/%7B15315213_16225541443812%7D_19.% 20%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2 %E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7% E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B3.ppt

Talent Staft & Leadership Development การเป็ นหัวหนา้ งานที่ประสบความสาเร็จ และ ไดร้ บั การยอมรบั จากทกุ คนในองคก์ าร ไมใ่ ชก่ าร เรียนรลู้ องผดิ ลองถกู แตจ่ าตอ้ งอาศยั องคค์ วามรู้ ทกั ษะและทศั นคตทิ ี่ถกู ตอ้ งในการเสริม สรา้ ง สมรรถนะ (Competency) ทส่ี อดคลอ้ งกบั ตาแหนง่ หนา้ ท่ี เพ่ือปฏิบตั งิ านใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคต์ าม เป้ าหมายท่ีองคก์ รกาหนดไว้

ดงั นน้ั หวั หนา้ งานทกุ คนจงึ ควรไดร้ บั การเสริมสรา้ ง Competency อย่างถกู วิธแี ละไดผ้ ลในเชงิ ปฏิบตั ิ อย่างจริงจงั และไดร้ บั การพฒั นาแบบบรู ณาการของบทบาทหวั หนา้ งานมืออาชพี ท่ีงา่ ยตอ่การเรียนรู้ และนาไปประยกุ ตใ์ ชอ้ ย่างไดผ้ ลเพอื่ สรา้ งความมนั่ ใจในการทาหนา้ ท่กี ารเป็ นหัวหนา้ งานได้อย่างสมบรู ณ์

ทกั ษะการเป็ นผนู้ า Leadership Skill• เพอื่ ใหห้ วั หนา้ งานเขา้ ใจบทบาททต่ี นไดร้ บั การยอมรบั จากลกู นอ้ ง• เพือ่ ใหห้ วั หนา้ งานพฒั นาความรแู้ ละทกั ษะใน การบริหารคน• เพื่อใหห้ วั หนา้ งานปรบั สไตลก์ ารจดั การให้ เหมาะสมกบั พนกั งาน

ทกั ษะการสื่อสารอยา่ งถกู ตอ้ ง Communication Skill• เพื่อใหห้ วั หนา้ งานเขา้ ใจถึงความสาคญั ในการส่ือสารความหมาย• เพ่อื ใหห้ วั หนา้ งานมคี วามรแู้ ละทกั ษะใน การสอื่ สารเขา้ ใจท่ีเหมาะสม• เพื่อใหห้ วั หนา้ งานสามารถปรับสไตลใ์ น การสอื่ ความหมายใหไ้ ดค้ วามร่วมมอื

การสรา้ งแรงจงู ใจในการทางาน Motivation• เพื่อใหห้ วั หนา้ งานเขา้ ใจความตอ้ งการ พน้ื ฐานของพนกั งาน• เพ่อื ใหห้ วั หนา้ งานมคี วามรแู้ ละความ เขา้ ใจในกระบวนการจงู ใจ• เพื่อใหห้ วั หนา้ งานสามารถประยกุ ต์ เทคนคิ การจงู ใจใหเ้ หมาะสมกบั พนกั งาน

ทกั ษะการสอนงาน Coaching Skill• เพ่อื ใหร้ ถู้ ึงวธิ ีและแนวทางในการพฒั นาและสอนงานให้ ถกู ตอ้ งตรงตามลกั ษณะงาน และสอดคลอ้ งกบั การทางาน• เพ่ือใหต้ ระหนกั ถึงบทบาทและหนา้ ท่ีของตน และความ จาเป็ นในการสอนงานแบบ OJT• เพื่อใหเ้ รียนรหู้ ลกั การและขนั้ ตอนการสอนงานและสามารถ นามาประยกุ ตก์ บั งานที่ตนปฏิบตั อิ ยู่

ทกั ษะการแกป้ ัญหาและตดั สนิ ใจ Problem Solving and Decision Making• เพอื่ ใหส้ ามารถวิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหาและแนวทางการ แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิผล• เพ่อื ใหเ้ รียนรหู้ ลกั การกระบวนการและเทคนคิ ในการ แกป้ ัญหาและการตดั สนิ ใจอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

การบรหิ ารเวลา Time Management• เพือ่ ใหห้ วั หนา้ งานไดต้ ระหนกั ถึงความสาคญั ของ การบริหารเวลา• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพการ ใชเ้ วลาตอ่ กจิ กรรมในงานตา่ งๆ ทีป่ ระสบอยู่• เพ่อื ใหห้ วั หนา้ งานจดั การกบั เวลาการทางานทมี่ ี อยอู่ ยา่ งเหมาะสมเพื่อเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ

การบรหิ ารทีมงาน Team Management• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานตระหนกั ถึงการทางานเป็ น ทีมท่ีมปี ระสิทธิภาพ• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานมคี วามรแู้ ละเขา้ ใจ กระบวนการสรา้ งทมี งาน• เพ่ือใหห้ วั หนา้ งานสามารถรวมพลงั ทมี งานใน การปฏิบตั งิ านใหป้ ระสบความสาเร็จ

จิตวิทยาการบรหิ าร Psychology Management• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานเขา้ ใจจิตวิทยาการบริหาร ทง้ั ใน ภาคทฤษฎี และแนวทางการปฏิบตั ิ• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานไดเ้ รียนรหู้ ลกั การบริหารงาน บริหารคน บทบาท และภาวะผนู้ า• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานรวู้ ิธกี ารสรา้ งแรงจงู ใจในการ ทางานและสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทด่ี ใี นการทางาน

การบรหิ ารความขดั แยง้ Conflict Management• เพื่อรบั ทราบแนวคดิ และหลกั การทางดา้ นการจดั การกบั ความขดั แยง้• เพ่ือพฒั นาทกั ษะการเจรจาตอ่ รอง และการไกลเ่ กลยี่ เพ่ือใหส้ ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้ เกดิ ประโยชนต์ อ่ การ ปฏบิ ตั งิ านในหนา้ ทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบของตน• เพ่อื เสริมสรา้ งเสนห่ ใ์ นการตดิ ตอ่ ส่อื สาร และทกั ษะ ทางดา้ นมนษุ ยส์ มั พนั ธ์

การพฒั นาความคิดเชิงสรา้ งสรรค์ Positive Thinking• เพอื่ ใหห้ วั หนา้ งานเขา้ ใจความสาคญั ของการระดม สมองและการใชค้ วามคดิ ในเชงิ สรา้ งสรรค์• เพื่อสรา้ งโอกาสและบรรยากาศใหห้ วั หนา้ งานไดใ้ ช้ แนวคิดและการประสานความคิดรว่ มกนั• เพอ่ื ใหห้ วั หนา้ งานเรียนรพู้ ฒั นาตนเองเพื่อ ความสาเร็จในการงานและมเี ป้ าหมายในการทางาน

Talent Staft & Leadership Development• เพ่ือพฒั นาบุคลิกและศกั ยภาพการเป็นผนู้ าํ หรือหวั หนา้ งานท่ีดี• เพ่ือเพิ่มทกั ษะ ดา้ นการวางแผนงาน และการบริหารงานเชิงกลยทุ ธ์• เพือ่ สามารถนาํ ความรู้มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทาํ งานและบริหารงานของ บริษทั ไดอ้ ยา่ งสมั ฤทธ์ิผล• เพอื่ สร้างวิสยั ทศั น์ แนวคิด และมุมมองในการบริหารจดั การงานใน หนา้ ที่ และภาพรวมองคก์ ร• เพอ่ื เป็นส่งเสริมและพฒั นาพนกั งานที่มีความรู้ความสามารถใหม้ ี ความเจริญกา้ วหนา้ และมีความจงรักภกั ดีต่อองคก์ ร และอยกู่ บั องคก์ ร ไปจนตลอดอายงุ าน

หัวหน้างานกบั ความสาเร็จธุรกจิบทบาทของหวั หนา้ งาน„ ตวั เอง: อะไรท่ีท่านคิดวา่ เป็นหนา้ ท่ีที่ท่านทาํ ในองคก์ รของท่าน? ……………………………………………………………„ หวั หนา้ : อะไรที่หวั หนา้ ของท่านคิดวา่ เป็นหนา้ ท่ีของท่าน? ………………………………………………………………„ ลกู นอ้ ง: อะไรท่ีลกู นอ้ งของท่านคิดวา่ เป็นหนา้ ท่ีของท่าน? ………………………………………………………………„ องคก์ ร: อะไรที่องคก์ รคาดหวงั อยากเห็นท่านทาํ ใหเ้ กิดผลสาํ เร็จ? …………………………………………………………………„ ลกู คา้ : อะไรท่ีลกู คา้ คาดหวงั จะไดร้ ับจากการทาํ งานของท่าน? …………………………………………………………………

หัวหน้างาน หมายถึงบุคคลที่สามารถสร้างความสาํ เร็จในงานท่ีรับผิดชอบ ไดบ้ รรลุตรงตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายท่ีองคก์ รตอ้ งการ โดยอาศยั ความร่วมมืออยา่ งเตม็ ใจจากบุคคลอื่น ใหเ้ ป็นผลู้ งมือปฏิบตั ิงานใหเ้ กิดผลสาํ เร็จไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลบันทกึ................................................................................................................................................................................................

ภารกจิ ของหัวหน้างานยคุ ใหม่1.ภารกจิ งานตามหน้าที่ หรือภารกจิ งานประจาวนั *มุ่งเน้นในการจัดหาผลติ ภณั ฑ์และบริการทมี่ คี ุณภาพให้กบั ลูกค้า *กาหนดเป้ าหมายและผลสาเร็จของงานอย่างชัดเจน *ส่งเสริมให้มกี ารแลกเปลย่ี นข่าวสาร *เป็ นผู้อานวยความสะดวก /ผู้ชี้แนะ *ส่งเสริมและกระตุ้นให้พนักงานได้รับการพฒั นาความรู้เพม่ิ เตมิ *ปรับปรุงงานหรือสิ่งทมี่ อี ยู่ในปัจจุบนั อย่างต่อเนื่อง *สร้างจิตสานึกให้พนักงานได้รับการพฒั นาความรู้เพมิ่ เตมิ2.ภารกจิ ด้านบริหารจดั การ *การวางแผน *การจัดองค์กร *การจัดคนเข้าทางาน *การสั่งการ *การควบคุม ติดตามงานและรายงานผลการปฏิบตั งิ าน

ภารกจิ ของหัวหน้างานยคุ ใหม่3.ภารกิจสร้างความเปล่ียนแปลง *ติดตามสภาพแวดลอ้ ม กระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่ส่งผล กระทบต่อองคก์ ร *กลา้ เผชิญความเปลี่ยนแปลง *พร้อมในการเปลี่ยนแปลง *คิดสร้างสรรคง์ าน ความตอ้ งการใหม่ๆของลกู คา้ เนน้ ไปท่ีอนาคต

ทกั ษะที่หวั หนา้ งานตอ้ งใชใ้ นการทาํ งาน1.ทกั ษะดา้ นวิชาชีพ(Technical Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะท่ีเป็นความชาํ นาญเฉพาะดา้ นของตาํ แหน่งงานที่ตอ้ งมี เพ่ือ สร้างความสาํ เร็จในงานที่รับผดิ ชอบ2.ทกั ษะดา้ นความคิด(Conceptual Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะท่ีมุ่งเนน้ ไปท่ีการใชค้ วามคิดเพ่ือสร้างความสาํ เร็จในงาน3.ทกั ษะดา้ นการตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหา(Decision Making and Problem Solving Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะท่ีจะทาํ การ ตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาในงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ4.ทกั ษะดา้ นมนุษยสมั พนั ธ(์ Human Relation Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะในการสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีกบั บุคคลรอบขา้ ง เป็นความสามารถหลกั ที่ทุกคนในองคก์ รตอ้ งมี5.ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร(Communication Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะท่ีเนน้ ไปท่ีการพดู การฟัง การใชภ้ าษาท่าทาง การ อ่าน และการเขียนเพ่ือสร้างความสาํ เร็จในงาน6.ทกั ษะดา้ นการบริหารหรือการจดั การ(Management Skill) ไดแ้ ก่ ทกั ษะสาํ หรับตาํ แหน่งระดบั บริหารทุกระดบั เป็นความสามารถที่ผบู้ ริหารตอ้ งมีเพ่ือสร้างความสาํ เร็จในงาน ประกอบดว้ ย

การวางแผน(Planning) -แผนกลยทุ ธ์ (Strategic Plan) -สาํ หรับผบู้ ริหารระดบั สูง -แผนงานโครงการ (Functional Plan) -สาํ หรับผบู้ ริหารระดบั กลาง -แผนปฏิบตั ิการ (Action Plan) ‟สาํ หรับหวั หนา้ งานการแบ่งส่วนงาน -กาํ หนดความสมั พนั ธแ์ ละแนวทางการประสานงานระหวา่ งส่วนงานต่างๆ -การมอบหมายอาํ นาจหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบ -กาํ หนดสายการบงั คบั บญั ชาการจดั คนเขา้ ทาํ งาน(Staffing) -คาดการณ์กาํ ลงั คนที่ตอ้ งใช้ -สรรหา คดั เลือกคนเขา้ ทาํ งาน -ฝึกอบรม และพฒั นาคน -ดูแลคน

*การสงั่ การ(Directing) -การส่ือสาร -การจูงใจ -การใชภ้ าวะผนู้ าํ*การควบคมุ (Controlling) -การเปรียบเทียบผลการปฏิบตั ิงานกบั เป้ าหมาย -การควบคมุ เชิงกลยทุ ธ์ :ดา้ นการเงิน :ดา้ นการปฏิบตั ิการ :ดา้ นบคุ คล

หวั หนา้ งานยคุ ใหม่ควรมีทศั นคติในการปฏิบตั ิงานอยา่ งไรรูปแบบความสัมพนั ธ์ที่เรามีต่อตนเองและต่อผอู้ ื่น จาํ แนกได้ 4 ประเภทประเภทท่ี1. วางตวั เป็นผดู้ อ้ ยกวา่ คนอ่ืน I am not ok ,You are okประเภทท่ี2. วางตนเองเหนือกวา่ คนอื่น I am ok ,You are not okประเภทที่3. ทาํ ตวั น่าเบ่ือหน่าย มองตนเองและผอู้ ื่นในแง่ร้าย I am not ok ,You are not okประเภทที่4. การมีความรู้สึกท่ีดีกบั ตนเองและผอู้ ่ืน I am ok ,You are okทศั นคติท่ีก่อใหเ้ กิดการจูงใจ มองโลกในแง่ดี รู้คุณคา่ ในตนเอง

หวั หนา้ งานยคุ ใหม่ควรมีกรอบความคิดในการทาํ งานอยา่ งไร„ การทาํ ทุกสิ่งโดย “ใหล้ กู คา้ เป็นโจทย”์„ มีการวดั ผลสาํ เร็จที่ลูกคา้ และใหค้ ุณภาพที่ดีกวา่ คู่แข่งขนั„ มีการวดั ผลและปรับปรุงการปฏิบตั ิงานตลอดเวลา„ ทาํ การวางแผนก่อนปฏิบตั ิงานจริง„ มีความรู้สึกเป็นเจา้ ของร่วมกบั องคก์ ร„ มีการทาํ งานโดยเร่ิมจากการเปล่ียนแปลงตนเองมากกวา่ ท่ีจะ รอใหต้ วั แปรรอบขา้ งเปลี่ยนแปลงแกไ้ ข

กรอบความคิดท่ีตายตวัคนที่มีความคิดที่ตายตวั อยา่ งสุดโต่งจะแสดงออกถึงบุคลิกภาพ ดงั ตอ่ ไปน้ี*มีแนวโนม้ ยดึ มนั่ ในมุมมองอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง*ภาคภูมิใจในความคิดของตน และคิดวา่ เป็นส่ิงที่ถกู ตอ้ ง*ยดึ ติดกบั ความสาํ เร็จในอดีต และนาํ มาใชใ้ นปัจจุบนั*มกั มองสิ่งต่างๆแบบ ขาว-ดาํ ตดั สิน ถกู -ผดิ อยา่ งรวดเร็ว*มีนิสยั กิจวตั รท่ีแน่นอน ตายตวั*ไม่สบายใจกบั ความไม่แน่นอนและอะไรท่ีคลุมเครือ*มกั คิดวา่ ตวั เองแก่เกินกวา่ ท่ีจะเปล่ียนแปลง*ไม่คิดวา่ ตวั เองสามารถคิดสร้างสรรคไ์ ด้ เชื่อวา่ เป็นบุคลิกภาพติดตวั มาแต่ กาํ เนิด

กรอบความคิดท่ียดื หยนุ่คนท่ีมีความคิดท่ียดื หยนุ่ จะแสดงออกถึงบุคลิกภาพ ดงั ตอ่ ไปน้ี*แสวงหาแนวคิดใหม่ๆ*หามุมมองใหม่ๆ วธิ ีการใหม่ๆ*ความคิด ความเห็น เป็นเพียงทรรศนะชว่ั คราว เปล่ียนแปลงได้ แตกตา่ งได้*เช่ือวา่ มีคาํ ตอบมากกวา่ 1คาํ ตอบเสมอ*การประชุมกลุ่มมกั ชอบต้งั คาํ ถามมากกวา่ คลอ้ ยตามกลุ่ม*สามารถพดู วา่ “ไม่รู้”*หลีกเล่ียงความคิดท่ีตายตวั ซ่ึงจาํ กดั คบั แคบและลาํ เอียง*เชื่อวา่ ตวั เองมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นเรื่องพรแสวงท่ีฝึ กปฏิบตั ิได้(อา้ งอิง: 1 สปั ดาห์พฒั นาความคิด โดย อาํ นวยชยั ปฏิพทั ธ์เผา่ พงศ)์

หัวหน้างานยคุ ใหม่ ควรมีพฤติกรรมหรือการแสดงออกอย่างไร?*ชอบบริการลกู คา้*ยอมรับการเปล่ียนแปลง*สร้างนิสยั รักการเปลี่ยนแปลง*มนั่ ใจในตนเอง*มีทศั นคติเชิงบวก*เรียนรู้ตลอดเวลา*วเิ คราะห์สาํ รวจตนเองสม่าํ เสมอ*มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์*เปิ ดรับความคิดใหม่ๆ*กลา้ ตดั สินใจ*ชอบเผชิญปัญหา*มองวกิ ฤตใหเ้ ป็นโอกาส*มองทุกอยา่ งเป็นระบบ เป็นกระบวนการ*มีการปรับปรุงและพฒั นาการทาํ งานอยา่ งต่อเน่ือง*ชอบทาํ งานเป็นทีม

หวั หนา้ งานกบั การเพิ่มทกั ษะการสื่อสารความหมายและความสาํ คญัการติดต่อส่ือสาร เป็นปัจจยั สาํ คญั ในการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ และความสาํ เร็จในงาน เพราะ -การติดต่อสื่อสารเป็นวิธีการนาํ ขอ้ เทจ็ จริง ความคิดเห็น ความตอ้ งการ อารมณ์และความรู้สึกจากผสู้ ่งหรือผพู้ ดู ไปยงั ผฟู้ ังใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั และเกิดความพึงพอใจ ต่อกนั -การติดต่อสื่อสาร เป็นการแลกเปล่ียนขอ้ มูล การทาํ ความเขา้ ใจร่วมกนั การพฒั นาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั โดย มีจุดหมายตรงกนั เพื่อสร้างความสาํ เร็จในการทาํ งาน -ความสามารถในการติดต่อกบั ผอู้ ่ืน เขา้ ใจผอู้ ื่น และช่วยใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจเรา เป็นทกั ษะการส่ือสารระดบั สูง -ในการติดต่อสื่อสารของเรา ความคิด ความเห็นและแนวทางของเราจะไร้ความหมาย ถา้ เราไม่สามารถสื่อ ความหมายใหม้ นั ได้ -ทกั ษะในการติดต่อสื่อสารกบั บุคคลอื่น คือความสามารถท่ีจะสร้างความเชื่อถือและความเห็นพอ้ งใหเ้ กิดข้ึนได้ปี เตอร์ ดรักเกอร์ นกั บริหารจดั การท่ีมีช่ือเสียง กล่าวถึงเทคนิคใหม่ที่ผจู้ ดั การจาํ เป็นตอ้ งใชใ้ นอนาคตวา่ “เขาจะตอ้ ง สามารถสื่อขอ้ มูลไดร้ วดเร็วและชดั เจน” -ความสมั พนั ธ์อนั ดีระหวา่ งบุคคลข้ึนอยกู่ บั คุณภาพในการส่ือสารของท้งั สองฝ่ าย เป็นเรื่องของความรู้สึก การ ถ่ายทอดและการสร้างความเขา้ ใจ เห็นอกเห็นใจซ่ึงกนั และกนั มีความสมั พนั ธท์ ่ีดีต่อกนั ซ่ึงจะนาํ ไปสู่คุณภาพ ของการทาํ งาน

องคป์ ระกอบของการติดต่อสื่อสารทุกคร้ังท่ีเราจะส่งความคิด ตอ้ งการจะส่ือสารกบั บุคคลอ่ืน เราจะเก่ียวขอ้ งกบั ข้นั ตอน 4ประการ 1.ผพู้ ดู หรือตวั เรา ตอ้ งรู้อยา่ งแน่ชดั วา่ สิ่งท่ีตอ้ งการส่ือคืออะไร 2.ขอ้ มูล หรือเน้ือหาท่ีตอ้ งการส่ือเป็นเร่ืองอะไร 3.ส่ือ /วิธีการที่ใช้ เช่นภาษาพดู ภาษาท่าทาง ภาษาเขียน สญั ลกั ษณ์ 4.ผฟู้ ัง นอกจากไดย้ นิ ส่ิงที่ผพู้ ดู และเขา้ ใจภาษาที่ใช้ แต่ผฟู้ ังจะตอ้ งสงั เกตสิ่งที่เขาไม่ไดย้ นิ เช่น ท่าทาง น้าํ เสียง ฯลฯ อยา่ งถูกตอ้ งดว้ ยจากองคป์ ระกอบท่ีกล่าว จึงพบวา่ การส่ือสารจะมีโอกาสผดิ พลาดหรือมีอุปสรรค หากเป็นการ สื่อสารทางเดียว ความเขา้ ใจผดิ ท่ีเกิดข้ึนคือ การสรุปวา่ การส่ือสารเกิดข้ึนแลว้ สาํ เร็จแลว้ เช่น “เขาตอ้ งรู้เพราะบอกเขาดว้ ยตวั เอง” “เขาควรเขา้ ใจนะ เพราะอยดู่ ว้ ยกนั มานานแลว้ ” “เรื่องอยา่ งน้ี พดู เพียงคร้ังเดียวกพ็ อ” ฉะน้นั จึงมีความจาํ เป็นท่ีจะตอ้ งมีการทบทวนการสื่อสารจากผรู้ ับหรือผฟู้ ัง การวดั ความสาํ เร็จในการส่ือสาร วดั จากความรู้ความเขา้ ใจของผฟู้ ังวา่ ตรงกบั สิ่งที่ผพู้ ดู อยากจะถ่ายทอดหรือไม่ ตวั อยา่ งการประชุมที่มีประสิทธิภาพ

„ *ในการประชุมกลุ่มท่ีทาํ งานร่วมกนั จะใชห้ ลกั การง่ายๆคือ เขา้ ใจก่อนการตดั สิน ซ่ึงหมายความวา่ ในการประชุมจะไม่ ยอมใหใ้ ครสรุปตดั สินอะไรจนกวา่ จะไดต้ รวจสอบความ เขา้ ใจในเรื่องน้นั ใหต้ รงกนั เสียก่อน เช่นเม่ือคุณสมศกั ด์ิ แสดงความเห็นวา่ ควรจะทาํ อยา่ งไรกบั โครงการน้ี ก่อนท่ีคน ใดคนหน่ึงจะเสริมความคิดใหข้ อ้ วจิ ารณ์ ทุกคนท่ีเขา้ ประชุมจะตอ้ งพดู ออกมาวา่ ตนเองเขา้ ใจขอ้ เสนอสาํ หรับ ความคิดของนาย ก.อยา่ งไร ใหน้ าย ก.คอยฟัง และยนื ยนั วา่ ที่ตนเองคิดและพดู ออกไปมีความหมายเช่นน้นั ดว้ ยหรือไม่ นี่เป็นการตรวจสอบ หากทาํ เช่นน้ีบ่อยๆคร้ัง อตั รา ความสาํ เร็จของการสื่อสารจะสูงข้ึน

บรรยากาศขององคก์ รท่ีเอ้ือต่อการสื่อสารอยา่ งมีประสิทธิภาพ1.ทุกคนสามารถสื่อสารกนั อยา่ งเปิ ดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ปิ ดบงั ซ่อนเร้นหรือหลอกลวงกนั2.เนน้ การสื่อสารที่มุ่งแกป้ ัญหาร่วมกนั3.การสื่อสารท่ีมีต่อกนั ทุกคนจะรับรู้เขา้ ใจความรู้สึกของกนั และกนั4.บรรยากาศของการส่ือสารเป็นในลกั ษณะการให้ การขอ ขอ้ มูลมากกวา่ จะเป็นการประเมินหรือตาํ หนิ5.เปิ ดโอกาสทดลองทาํ ส่ิงใหม่ๆ เสนอความคิดเห็นใหม่ๆ ไม่ใช่ติดยดึ กบั ระเบียบกฏเกณฑม์ ากเกินไป

การพฒั นาทกั ษะการสื่อสารระหวา่ งบุคคล(เรียบเรียงจากหนงั สือ 10กลยทุ ธส์ ู่ความสาํ เร็จ โดย ภรู ิทตั รัศมีเพชร)หยดุ พดูเราจะฟังไม่ไดถ้ า้ เอาแต่พดู ตลอดเวลา ควรพยายามเพง่ อยทู่ ่ีความสนใจ และความตอ้ งการของ คู่สนทนา ควรฝึกการฟังใหเ้ ป็นนิสยั เราจะเป็นนกั สื่อความหมายท่ีดีทาํ ใหค้ ู่สนทนารู้สึกสบายใจเม่ือคนเราไม่สบายใจบางอยา่ ง รู้สึกเกร็ง เขาจะไม่สนใจในส่ิงที่เราพดู แต่จะกงั วลอยกู่ บั ความ กลวั และจะไม่กลา้ แสดงออก เราตอ้ งหดั สงั เกตภาษาท่าทางที่เขาใชป้ ระกอบดว้ ยแสดงออกชดั เจนวา่ ตอ้ งการฟังเขาพดูใชภ้ าษาท่าทางเช่นการโนม้ ตวั การพยกั หนา้ การสบตาฯแสดงถึงความสนใจในสิ่งท่ีเขาพดูใชค้ าํ ถามนอกจากช่วยใหเ้ ขา้ ใจแลว้ ยงั เป็นการใหก้ าํ ลงั ใจคู่สนทนาดว้ ย แสดงวา่ เรากาํ ลงั ฟังเขาอยู่ ควร ระมดั ระวงั การใชค้ าํ ถาม รวมท้งั วธิ ีการถาม อยา่ เกิดความรู้สึกเป็นเรื่องทา้ ทายหรือพยายาม ทาํ ใหเ้ ขาเสียหนา้

ขจดั ส่ิงรบกวนระหวา่ งการสนทนาฝึกใหเ้ ป็นคนไวต่อสิ่งรบกวนหรืออุปสรรคในการสื่อความ เช่น เสียงดงั รบกวน แสงแดดส่อง และระหวา่ งการสนทนาอยา่ แสดงกิริยาบางอยา่ งซ่ึงผฟู้ ังรู้สึกวา่ เราไม่เห็นความสาํ คญั ของ คาํ พดู เขา เช่น เคาะโตะ๊ เล่น พลิกกระดาษไปมา หรือขีดเขียน วาดอะไรเล่นอดทนอดทนต่อความแตกต่างในเรื่องความคิด คาํ พดู หรือท่าทางขณะพดู สนทนากนั เพราะทุกคนมี วธิ ีการสื่อสาร ตามจงั หวะและวธิ ีการของเขา อยา่ พยายามขดั จงั หวะโดยไม่จาํ เป็น ความ อดทน เป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั ของการส่ือความหมายพยายามเขา้ ใจความรู้สึกของเขา หลีกเลี่ยงการประเมินขณะสนทนาพยายามใหม้ ากที่สุด ท่ีจะมองส่ิงต่างๆในแง่มุมของเขา พยายามทาํ ความเขา้ ใจวา่ ทาํ ไมเขาจึงคิดเช่นน้นั หากไม่พยายามทาํ ความเขา้ ใจ เรามกั จะรีบด่วนสรุปหรือประเมิน ซ่ึงอาจเป็นไดท้ ี่ทาํ ใหก้ ารส่ือสารผดิ ไปจากเจตนาของผพู้ ดูอยา่ ส่ือความขณะโกรธความโกรธทาํ ใหค้ วามหมายในการส่ือสารเปล่ียนไป และคนที่กาํ ลงั โกรธมกั พดู บางส่ิง บางอยา่ งท่ีทาํ ใหต้ อ้ งเสียใจภายหลงั และยงั ลดสมรรถภาพการฟังดว้ ย

หลีกเล่ียงการโตเ้ ถียงและตาํ หนิการตาํ หนิ ทาํ ใหผ้ อู้ ่ืนปกป้ องตนเองและปิ ดก้นั การส่ือความหมาย เมื่อมีขอ้ คิดและความเห็นท่ี แตกต่าง และตอ้ งการจะสื่อใหร้ ู้ พยายามใชค้ าํ พดู และภาษาท่าทาง ในเชิงบวกตอบคาํ ถามใหก้ ระชบั อยา่ ออ้ มคอ้ มลกั ษณะของการส่ือความท่ีไม่ดีประการหน่ึง คือ การตอบคาํ ถามง่ายๆดว้ ยคาํ อธิบายท่ียงุ่ ยากเขา้ สู่ประเดน็ โดยเร็วการสื่อความหมายที่ดีคือ การเขา้ สู่ประเดน็ ใหเ้ ร็วที่สุด นอกจากทาํ ใหก้ ารส่ือสารใชเ้ วลานอ้ ย แลว้ ยงั ช่วยไม่ใหผ้ ฟู้ ังตอ้ งคาดเดาวา่ ผพู้ ดู กาํ ลงั นาํ เขา้ สู่เร่ืองอะไร และป้ องกนั ไม่ใหเ้ ขา ด่วนสรุปผดิ ๆดว้ ย บางคร้ังอาจพบวา่ คาํ อธิบายที่เตรียมมาน้นั ไม่จาํ เป็นเลย เพราะประเดน็ มนั ชดั เจนในตวั แลว้ขอบเขตของเร่ืองตอ้ งชดั เจนการกาํ หนดขอบเขตของเรื่องใหช้ ดั เจน ทาํ ใหช้ ่วยขจดั ความเขา้ ใจผดิ ไปมาก

พดู ซ้าํ ใหเ้ ขา้ ใจประเดน็ผฟู้ ังบางคร้ังมกั รับฟังบางสิ่งบางอยา่ งไม่ไดใ้ นคร้ังแรก เพราะยงั อาจสนใจใน เรื่องก่อนหนา้ น้นั วธิ ีท่ีดี คือเม่ือไรกต็ ามที่ไม่แน่ใจวา่ คนอ่ืนเขา้ ใจในเรื่องที่ คุณพดู หรือไม่ ลองพยายามเรียบเรียงคาํ พดู ใหม่ หรือสรุปเรื่องราวน้นั อีกคร้ังพยายามใหผ้ ฟู้ ังตอบสนองทดสอบผลการสื่อความหมาย โดยใหผ้ ฟู้ ังทวนขอ้ ความท่ีเราสื่อออกไปโดยใช้ คาํ พดู ของเขาเอง กระตุน้ ใหเ้ ขาถามคาํ ถาม หรือสอบทานความเขา้ ใจอีกคร้ัง หลงั จากเราพดู ครอบคลมุ ประเดน็ แลว้ถา้ ผฟู้ ังไม่เห็นดว้ ยใหข้ อความเห็นจากเขาหากผฟู้ ังไม่เห็นดว้ ย การรีบพดู โตเ้ ถียงอาจไม่ใช่วธิ ีการท่ีดี แต่ควรฟังใหม้ ากข้ึน โดยใหโ้ อกาสเขาพดู บา้ ง และพยายามศึกษาวา่ ทาํ ไมเขาถึงไม่เห็นดว้ ย การ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็ นสิ่งท่ีมีคุณค่าเสมอ

หวั หนา้ งานกบั การพฒั นาทกั ษะการแกไ้ ขปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์1.ความหมายและความสาํ คญั ของปัญหา ปัญหา(Problem) หมายถึง สภาพการณ์ท่ีเกิดข้ึนในทางลบที่แตกต่างไปจากสภาพการณ์ปกติ หรือสภาพการณ์ท่ีองคก์ ร ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึน เช่นปัญหายอดขายตก ปัญหาความขดั แยง้ ในการทาํ งาน ฉะน้นั ปัญหาจึงมีความสาํ คญั กเ็ พราะ หาก ไม่ไดร้ ับการแกไ้ ข จะก่อใหเ้ กิดผลกระทบทางลบ โดยนาํ ไปสู่ปัญหาอื่นๆ ต่อไปเป็นลูกโซ่ เช่นปัญหายอดขายตก ก่อใหเ้ กิดผลกระทบทางลบคือ องคก์ รไดร้ ับรายไดท้ ่ีลดลง ขณะท่ีค่าใช่จ่ายยงั เท่าเดิมหรือตน้ ทุนอาจสูงข้ึน ส่วนแบ่ง การตลาดลดลง ความอยรู่ อดของธุรกิจในระยะยาวไม่แน่นอน ฯลฯ2.ประเภทของปัญหา 1.จาํ แนกตามผลกระทบที่เกิดข้ึน 1.1ปัญหาท่ีมีความเร่งด่วนสูง 1.2ปัญหาท่ีมีความเร่งด่วนระดบั กลาง 1.3ปัญหาที่มีความเร่งด่วนนอ้ ยหรือไม่มีความเร่งด่วน 2.จาํ แนกตามระยะเวลาในการแกไ้ ข 2.1ปัญหาท่ีใชร้ ะยะเวลาในการแกไ้ ขระยะส้ัน 2.2ปัญหาที่ใชร้ ะยะเวลาในการแกไ้ ขระยะยาว 3.จาํ แนกตามระยะเวลาท่ีเกิดข้ึนของปัญหา 3.1ปัญหาที่เกิดข้ึนแลว้ 3.2ปัญหาที่คาดวา่ จะเกิดข้ึน 4.จาํ แนกตามระดบั ท่ีเกิดข้ึนในองคก์ ร 4.1ปัญหาระดบั องคก์ ร เป็นปัญหาในภาพรวมขององคก์ ร 4.2ปัญหาระดบั หน่วยงาน เช่นปัญหาการประสานงานระดบั ฝ่ าย

3.กระบวนการของการแกไ้ ขปัญหา1.การระบุปัญหาท่ีเกิดข้ึน2.การวเิ คราะห์หาสาเหตุของปัญหา3.การกาํ หนดวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมาย4.การคน้ หาทางเลือกหรือวธิ ีการแกไ้ ข5.การเปรียบเทียบทางเลือกหรือวธิ ีการแกไ้ ข6.ตดั สินใจเลือกทางเลือกหรือวธิ ีการแกไ้ ขที่จะนาํ มาใช้7.การนาํ ทางเลือกหรือวธิ ีการท่ีเลือกไปใชป้ ฏิบตั ิ8.การติดตามและประเมินผลการแกไ้ ขปัญหา4.เทคนิคการคิดและแกไ้ ขปัญหาอยา่ งเป็นระบบ1.เทคนิคแผนภมู ิการวเิ คราะห์สาเหตุและผล(Cause & Effect Diagram)2.แผนภมู ิการวเิ คราะห์และแกไ้ ขปัญหา(Problem Solving Diagram)3.เทคนิคแผนภูมิกา้ งปลา(Fishbone Diagram)5. การระดมสมอง เพอ่ื การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ออกความเห็นอยา่ งเป็นอิสระ ปริมาณสาํ คญั กวา่ คุณภาพหา้ มวพิ ากษว์ จิ ารณ์ ผสานความคิด /ต่อยอดความคิด

หวั หนา้ งานกบั ทกั ษะการจูงใจหวั หนา้ งานที่ประสบความสาํ เร็จ คือ ผทู้ ี่สามารถประสานวธิ ีการทาํ งานโดยเนน้ ท่ี คนและเนน้ ที่งานไดอ้ ยา่ งสมดุลย์การจูงใจ เป็นวิธีการ เป็นศิลปะ เป็นทกั ษะที่สาํ คญั ที่ใชใ้ นการบริหารงานบุคคล ช่วยก่อใหเ้ กิดทศั นคติที่ดีในการทาํ งาน มีแนวความคิดที่ถกู ตอ้ งในการทาํ งาน การจูงใจจึงเป็นเคร่ืองมือที่ผบู้ ริหารนาํ ไปใชก้ บั บุคคลตา่ งๆท่ีเกี่ยวขอ้ งทฤษฎีว่าด้วยแรงจูงใจ(ศิลปะการบงั คบั บญั ชา ดร.สิทธิโชค วรานุสันติกลู )Maslow ‘ s Hierachy of needs Theory Abraham H. Maslow เป็นนกั จิตวทิ ยาท่ีมีช่ือเสียงในเรื่องแรงจูงใจ เขานาํ ทฤษฎี มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการบริหารงาน โดยเช่ือวา่ มนุษยแ์ สดงพฤติกรรมเพ่ือ แสวงหาส่ิงที่สามารถบาํ บดั ความตอ้ งการของตนได้ ความตอ้ งการจึงเป็นบ่อ เกิดของแรงจูงใจเพื่อการแสวงหาส่ิงบาํ บดั มาระงบั ความตอ้ งการ

Maslow แบ่งความตอ้ งการของมนุษยอ์ อกเป็น 5อยา่ ง และมีการ ตอบสนองความตอ้ งการน้ีอยา่ งเป็นลาํ ดบั ตามความสาํ คญั ของความ ตอ้ งการ และตามความพงึ พอใจในแต่ละเวลา ไดแ้ ก่1.ความตอ้ งการทางสรีระ ไดแ้ ก่ปัจจยั 4 เป็นความตอ้ งการพ้ืนฐานแรกท่ี มนุษยห์ มกมุ่นอยกู่ บั ส่ิงเหล่าน้ีเพื่อใหร้ ่างกายอยรู่ อดและสบาย เสียก่อน2.ความตอ้ งการความมน่ั คงทางจิตใจและความปลอดภยั ทางกาย3.ความตอ้ งการเขา้ สงั คม ความรัก4.ความตอ้ งการไดร้ ับการยอมรับจากผอู้ ื่น ชื่อเสียง ตาํ แหน่ง5.ความตอ้ งการพฒั นาศกั ยภาพตนเอง อยากเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ เป็นความตอ้ งการที่จะทาํ เพราะอยากจะทาํ ไม่มีความตอ้ งการอะไร อื่นมาแอบแฝง

Reinforcement Theory ผคู้ ิดคน้ และเผยแพร่ทฤษฏีน้ีไดแ้ ก่ B.F. Skinner นกั จิตวทิ ยาแห่งมหาวทิ ยาลยั ฮาวาร์ด หลกั การของทฤษฎีน้ีมีอยวู่ า่ภายใต้สิ่งกระต้นุ (ตวั เดิม) ให้เกิดพฤติกรรม มีความเป็นไปได้มากที่คนเราจะ กระทาพฤติกรรมซ้าแบบเดิม ถ้าหากว่าเขาได้ทาพฤติกรรมนีใ้ นอดีตมาแล้ว ได้รับผลกรรมที่เขาพึงพอใจ ในบางครั้งผลกรรมนีย้ งั อาจจะไปควบคมุ ให้เกิด พฤติกรรมท่ีคล้ายคลึงกันนีใ้ นอนาคตได้อีกด้วยตวั อยา่ งเช่น:ถา้ หากวา่ พนกั งานนาํ รายงานไปส่งใหน้ าย คร้ันอ่านแลว้ นายชมเชยวา่ เขาทาํ รายงานไดด้ ี เชื่อไดว้ า่ พนกั งานคนน้ีจะปล้ืมและอยากจะทาํ รายงานน้ีตอ่ ไปอีก ในคร้ังตอ่ ไป และผลกรรมน้ีอาจจะทาํ ใหพ้ นกั งานเกิดความรู้สึกพึงพอใจมาก จนเขาอาจจะทาํ พฤติกรรมดีๆ อยา่ งอ่ืนอีกเพือ่ ที่จะไดผ้ ลกรรมอยา่ งน้ีอีก

Goal-Setting Theory นกั จิตวทิ ยาองคก์ าร Edwin Locke เป็นผเู้ ผยแพร่ทฤษฎีน้ี เขาเห็นวา่ จิตใจของมนุษยเ์ ราน้นั โดยธรรมชาติจะถกู กระตุน้ โดยเป้ าหมาย(Goal) ใหต้ อ้ งแสดงพฤติกรรมเพ่ือท่ีจะบรรลุ เป้ าหมายใหไ้ ด้ ตราบใดท่ียงั ไม่สามารถทาํ ไดส้ าํ เร็จตามเป้ าหมาย คนเราจะตอ้ งมีความรู้สึก วา่ ไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรคา้ งในใจท่ีตอ้ งทาํ ขอ้ สรุปของทฤษฎี คือ 1.คนเราจะมีความรู้สึกวา่ ตอ้ งผกู พนั ตนเองกบั เป้ าหมายของการปฏิบตั ิงานท่ีไดต้ ้งั เอาไวแ้ ละ ตนเองมีส่วนร่วมในการต้งั เป้ าหมายดว้ ย 2.เป้ าหมายท่ีมีความยาก จะจงู ใจใหค้ นทาํ งานไดผ้ ลงานดีกวา่ เป้ าหมายง่าย เช่นเพ่มิ กาํ ไร 20% ยอ่ มเป็นเป้ าหมายท่ียากหรือสูงกวา่ การเพมิ่ กาํ ไร 10% 3.เป้ าหมายท่ีมีความเฉพาะเจาะจงมากยอ่ มจงู ใจใหท้ าํ มากกวา่ เป้ าหมายท่ีกาํ กวมหรือกวา้ ง ไม่ชดั เจน เช่นเพิ่มกาํ ไร 20% ยอ่ มดีกวา่ เป้ าหมายท่ีวา่ ทาํ กาํ ไรใหม้ ากท่ีสุด 4.สิ่งจงู ใจใหท้ าํ งานท้งั หลายเช่นเงิน คอมมิชชน่ั การแข่งขนั จะไม่มีความหมาย คือจูงใจ ไม่ได้ ถา้ หากวา่ ไม่ไดผ้ กู พนั สิ่งจงู ใจเหล่าน้ีกบั เป้ าหมาย เพราะคนเราจะไม่รู้วา่ ท่ีไดส้ ่ิง เหล่าน้ีมาเพราะไดท้ าํ อะไรไป

ผ้นู ากับการจูงใจนกั บริหารตอ้ งมีวธิ ีการส่ือสารที่ดีกบั ทีมงาน เพื่อใหเ้ กิดความร่วมมือช่วยกนั ทาํ งานใหเ้ กิดผลสาํ เร็จสร้างความมน่ั ใจในคุณค่าของงานใหบ้ ุคคลในทีมงานเขา้ ใจในเป้ าหมายและเน้ือหาของงานที่รับผดิ ชอบบอกใหร้ ู้ถึงคุณค่าและความสาํ คญั ในหนา้ ท่ีน้นักระตุน้ เพ่ือใหเ้ ขาแสดงความสามารถมากข้ึนการยกยอ่ ง ชมเชย ทาํ ใหเ้ กิดการยอมรับความห่วงใยทาํ ใหเ้ ขา้ ใจสมาชิกในทีมมากข้ึน และเขาจะห่วงงานมากข้ึนการยกยอ่ งตอ้ งทาํ ดว้ ยความจริงใจ ยกยอ่ งเด๋ียวน้นัสนบั สนุนใหก้ าํ ลงั ใจ ใหร้ ู้วา่ เขาทาํ ถูกตอ้ งแลว้บอกความรู้สึกของตวั เองไดเ้ ราพอใจอยา่ งไร การกระทาํ ของเขาเป็นผลดีต่อหน่วยงาน ต่อทีมงานการใหข้ อ้ วิจารณ์นาํ มาซ่ึงการเปลี่ยนแปลงใหข้ อ้ เสนอแนะบนพ้ืนฐานท่ีอยากเห็นการปรับปรุงในทางที่ดีข้ึน จริงใจใหเ้ ขารู้วา่ ทาํ ผดิ อะไร เจาะตรงประเดน็ ของปัญหาใหก้ าํ ลงั ใจช่วยกนั แกไ้ ขใหเ้ ขารู้สึกวา่ ยงั มีคา่ ต่อทีมเสมอสร้างความมน่ั ใจในคุณคา่ ของการทาํ งานเป็นทีมช่วยใหเ้ ขารู้สึกเหมือนเป็นทีมคิดเป็ นทีม

7 อยา่ ที่ควรหลีกเลี่ยง ถา้ ตอ้ งการโนม้ นา้ ว จูงใจลกู นอ้ ง 1.อยา่ ดูถูกลกู นอ้ ง หรือวจิ ารณ์ นินทาลกู นอ้ งต่อหนา้ บุคคลอื่น 2.อยา่ ลืมใหค้ วามสนใจลูกนอ้ งอยา่ งสม่าํ เสมอ 3.อยา่ ลาํ เอียง 4.อยา่ เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตวั 5.อยา่ ชิงดี ชิงเด่นกบั ลกู นอ้ ง 6.อยา่ ขาดความเช่ือมน่ั ในตนเอง 7.อยา่ ละเลยคุณภาพ /มาตรฐานของงาน

หวั หนา้ งาน กบั การบริหารการปฏิบตั ิงานท่ีมุ่งผลสาํ เร็จ1.เป็นการบริหารที่มีการกาํ หนดผลสาํ เร็จไวล้ ่วงหนา้ *ผลสาํ เร็จขององคก์ ร *ผลสาํ เร็จของหน่วยงาน *ผลสาํ เร็จของบุคคลคนทาํ งานจะมีความสุข เมื่อรู้วา่ ตวั เองตอ้ งทาํ อะไรใหเ้ กิดผลสาํ เร็จบา้ ง มีส่วนช่วยองคก์ รไดอ้ ยา่ งไรผบู้ ริหารควรมีส่วนช่วยกาํ หนดผลสาํ เร็จของลกู นอ้ งผบู้ ริหารที่มีคุณภาพ คือผทู้ ่ีรู้วา่ วนั น้ีตวั เองจะตอ้ งทาํ อะไรใหเ้ กิดผลสาํ เร็จบา้ ง รวมท้งั รู้ถึงผลสาํ เร็จท่ีตอ้ งทาํ ในวนั พรุ่งน้ีดว้ ย เป็นการฝึกมองอนาคต2.จากผลสาํ เร็จแตกยอ่ ยหรือกระจายเป็น เป้ าหมายของหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง *เป้ าหมายชดั เจน วดั ได้ ง่ายต่อการปฏิบตั ิ *ก่อนดาํ เนินการ ทุกคนในทีมตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจเป้ าหมายใหช้ ดั เจน เขา้ ใจถึงความเชื่อมโยงท่ีมีต่อกนั3.กาํ หนดวธิ ีการ ข้นั ตอนการทาํ งานเพื่อบรรลุเป้ าหมาย *แผนปฏิบตั ิการ *หนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบของหวั หนา้ ทีม /ลูกทีม

4.ศึกษา คน้ หาตวั แปร เงื่อนไขต่างๆที่ส่งผลต่อความสาํ เร็จของแผน *ตวั แปรที่ตอ้ งทาํ ใหเ้ กิด จะส่งผลต่อความสาํ เร็จ *ตวั แปรท่ีตอ้ งควบคุม อาจส่งผลใหท้ ีมไม่ประสบผลสาํ เร็จ *การบริหารตวั แปรจะทาํ ใหผ้ ลงานมีคุณภาพ5.ดาํ เนินการตามแผน ตามข้นั ตอนที่วางไว้ *เกณฑช์ ้ีวดั ความสาํ เร็จของงาน *ระบบขอ้ มูลข่าวสาร6.ประเมินผลการดาํ เนินงาน *ปรับแผน ปรับวธิ ีคิด ปรับเป้ าหมาย/ผลสาํ เร็จ ปรับวธิ ีการ *พฒั นาแผน7.เกิดการเรียนรู้ *กาํ หนดเป็นมาตรฐานการทาํ งาน

ภาคปฏบิ ตั :ิ หวั หนา้ งานความรสู้ ึกที่มีต่อสิ่งแวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั โดยเฉพาะอย่างย่ิงต่อบคุ คล ในรปู ของความชอบหรือไม่ชอบพอใจหรือไม่พอใจ และความ พรอ้ มท่ีจะตอบสนองต่อสิง่ ดงั กลา่ วตลอดเวลา

หากเรามีความเช่ือเป็ นอย่างไร จะส่งผลใหท้ ศั นคติของเราเป็ นอย่างนนั้ และ เม่ือทศั นคติของเราเปล่ียนแปลงไป พฤติกรรมของเราก็จะเปล่ียนแปลงไปดว้ ย เช่น เม่ือเราเช่ือว่าการพัฒนาม่งุ ไปส่คู วามสาเร็จ เราจะพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราใหก้ า้ วไปในทิศทางเดียวกบั องคก์ รดว้ ย เพราะเรามีทศั นคติว่าการพฒั นาตวั เราและทีมงานจะนามาซึ่งความสาเรจ็ ที่เรามงุ่ หวงัไวอ้ ยา่ งแน่นอน หากเราไมเ่ ช่ือเหตผุ ลในการเปลย่ี นแปลงเราจะต่อตา้ นและที่สดุ เราจะไม่มีความสขุ ในการพฒั นาและรว่ มงานทีมเพ่ือนาไปสคู่ วามสาเรจ็ ภายในองคก์ ร

ทศั นคติที่ดีเกี่ยวกบั ตนเองทศั นคติที่ดีเกี่ยวกบั งานของตนทศั นคติที่ดีต่อเพื่อนรว่ มงานและหวั หนา้ งาน

การพฒั นาทีมงานสคู่ วามสาเร็จ1.ตอ้ งมีเป้ าหมายเดียวกนั และเป้ าหมายที่ชดั เจน 2. ตอ้ งรหู้ นา้ ท่ีและบทบาทของตนเองและคนอื่น 3. มีการสอ่ื สารอยา่ งเปิ ดเผย และไวใ้ จกนั 4. มีการรว่ มมือและประสานงานท่ีดีในกลม่ ุ 5. ติดตามและประเมินผลเป็ นระยะ

หวั ใจในการสรา้ งทีมงานท่ีดี• 1. ตอ้ งมีความไวเ้ น้ือเช่ือใจ• 2. สนบั สนนุ กนั• 3. ตอ้ งส่อื สารกนั• 4. มีวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีชดั เจน• 5. มีการแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ อยา่ งมีหลกั การ• 6. สมาชิกในทีมมีสว่ นรว่ ม• 7. มีระบบการควบคมุ ที่ดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook