Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DigitalCitizenship-Book-ok

DigitalCitizenship-Book-ok

Published by 000bookchonlibrary, 2021-06-09 04:36:27

Description: DigitalCitizenship-Book-ok

Search

Read the Text Version

2. การเปดิ เผยข้อมูลภาครัฐ รัฐคอื หนว่ ยงานทถ่ี ือครองขอ้ มูลส�าคัญมากมายในหลากหลายประเด็น เชน่ ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ข้อมูลคุณภาพอากาศ ข้อมูลการจราจร ข้อมูล สาธารณสขุ ซงึ่ ขอ้ มลู เหลา่ นล้ี ว้ นมปี ระโยชนม์ หาศาลตอ่ เศรษฐกจิ การเมอื ง และ สังคม แนวคิดเรอ่ื งการเปิดเผยขอ้ มูลภาครฐั (open government data) ได้รบั ความสนใจมากขึ้นเม่ือเทคโนโลยีดิจิทัลท�าให้ต้นทุนการเปิดเผยข้อมูลมีราคา ถกู ลง ประเทศท่ีรเิ ร่ิมน�าแนวคิดน้ไี ปใชใ้ นช่วงต้นศตวรรษท่ี 21 คอื สหรฐั อเมริกา และสหราชอาณาจกั ร จากนน้ั รัฐบาลอื่นเกอื บทกุ ประเทศกน็ า� ไปใช้กันอยา่ งแพร่ หลาย และกลายเปน็ วาระทางการเมอื งทสี่ า� คญั ของแทบทกุ รฐั บาล เชน่ เกาหลใี ต้ ทปี่ ระกาศแนวคดิ เรอ่ื ง Government 3.0 การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐน้ันหมายถึงการเปิดให้เข้าถึงข้อมูลของภาครัฐได้ อย่างต่อเน่ืองผ่านระบบเทคโนโลยีการส่ือสารและสารสนเทศ ซึ่งสามารถเข้าถึง ไดง้ ่าย น�าไปใช้ใหมไ่ ด้โดยอสิ ระ และผสมผสานกับชดุ ข้อมูลอื่นได้ รวมถงึ นา� ไป เผยแพรต่ อ่ ไดโ้ ดยไมม่ ขี อ้ หา้ มใดๆ โดยขอ้ มลู ดงั กลา่ วตอ้ งตง้ั อยบู่ นฐานคดิ “open by default” หรอื ตอ้ งเปดิ เผยขอ้ มลู เปน็ ค่าต้ังตน้ แตอ่ าจมขี อ้ ยกเว้นในบางกรณี เชน่ ขอ้ มลู ทเี่ ปดิ เผยตอ้ งไม่สามารถระบตุ วั ตนในระดับบคุ คล ไม่ละเมดิ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาหรอื เปดิ เผยความลบั ทางการคา้ รวมถงึ ไมเ่ ปน็ ภยั ตอ่ ความมน่ั คงของรฐั 150

การเปดิ เผยขอ้ มลู ของภาครฐั นนั้ มปี ระโยชนร์ อบดา้ น ทงั้ ในมติ ทิ างเศรษฐกจิ การเมอื ง และสังคม คู่มือ Open Data Handbook ซง่ึ จดั ทา� โดยมูลนธิ โิ อเพน่ โนวเลดจ์ (Open Knowledge Foundation) และแปลเปน็ ภาษาไทยโดยสา� นกั งาน รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในปี 255811 ได้ช้ีให้เห็นประโยชน์ของการเปิดเผยข้อมูล ภาครัฐ เช่น เพ่ิมความโปร่งใสและความรับผิดรับชอบของรัฐบาลต่อประชาชน สง่ เสรมิ ใหเ้ อกชนหรอื ประชาชนนา� ขอ้ มลู ไปตอ่ ยอดเพอื่ สรา้ งนวตั กรรมใหมๆ่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบรกิ ารของภาครฐั ลดการคอรร์ ปั ชนั่ ชว่ ยในการวดั ผลกระทบเชงิ นโยบาย สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการตรวจสอบและกา� หนดนโยบายผา่ น ข้อมลู ภาครฐั และอกี มากมายเกินกวา่ ทเี่ ราจะจินตนาการคดิ ฝนั ได้ 151

นโยบายการเปิดเผยข้อมูลของบารัก โอบามา ในวันแรกของการเข้ารับต�าแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โอบามาประกาศเจตจา� นงทางการเมอื งอนั แรงกลา้ วา่ จะ “สรา้ งรฐั บาล ที่เปิดเผยข้อมูลมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา” โดยต้ังอยู่บน หลกั การสา� คญั 3 ประการ คอื ความโปรง่ ใส (transparency) การดงึ การ มสี ว่ นรว่ ม (participation) และการสรา้ งความรว่ มมอื (collaboration) ตลอดระยะเวลาท�างานเกอื บ 8 ปี โอบามาเซ็นบันทกึ ข้อตกลง มากมายทที่ า� ใหร้ ฐั บาลมคี วามโปรง่ ใสมากขน้ึ หนง่ึ ในนน้ั คอื แผนงาน เพอื่ สรา้ งการเปดิ เผยขอ้ มลู ภาครฐั (Open Government Directives) ซึ่งลงรายละเอียดว่าหน่วยงานรัฐต้องท�าอะไรบ้างอย่างเป็นข้ัน เปน็ ตอนเพอ่ื ทา� ใหร้ ฐั บาลเปดิ เผยขอ้ มลู มากขน้ึ นอกจากนน้ั โอบามา ปรบั แนวทางการใช้ Freedom of Information Act หรอื กฎหมายเปดิ เผย ขอ้ มลู ขา่ วสารภาครฐั ใหเ้ ปน็ ไปในทางทเี่ ออื้ ตอ่ การเปดิ เผยขอ้ มลู มาก ทส่ี ดุ เพราะเขาเชอ่ื วา่ กฎหมายฉบบั นคี้ อื เครอื่ งมอื ทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ ในการ สร้างความรบั ผดิ รบั ชอบของรัฐบาล

แนวทางส�าคัญในการตีความกฎหมายฉบับน้ีเพื่อให้เปิดเผย ขอ้ มลู มากขึ้นมี 3 ประการ คือ 1) presumption of openness คอื ถ้าไมแ่ นใ่ จวา่ เปดิ เผยได้หรือไม่ ใหเ้ ปดิ ไวก้ ่อน เว้นแต่จะยนื ยนั ได้ถึง อันตรายท่จี ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตจากการเปิดเผย 2) proactive disclo- sure คอื ใหเ้ ปดิ เผยโดยไมต่ อ้ งใหม้ กี ารรอ้ งขอ และ 3) release to one is a release to all คอื หากมคี นรอ้ งขอและมคี า� ตดั สนิ ใหเ้ ปดิ เผยขอ้ มลู แลว้ กค็ วรเปดิ ขอ้ มลู ชน้ิ นนั้ กบั สาธารณะโดยไมต่ อ้ งใหร้ อ้ งขอเปน็ กรณี ผลงานอนื่ ๆ ทโ่ี ดดเดน่ กเ็ ชน่ การจดั การกบั คา� รอ้ งเปดิ เผยขอ้ มลู ได้มากกวา่ 4 ล้านเรือ่ ง ซงึ่ มากท่ีสดุ ในประวัตศิ าสตร์ มกี ารต้งั ศนู ย์ เปดิ เผยขอ้ มลู แหง่ ชาติ (National Declassification Center) เพอ่ื ทา� ให้ ชุดข้อมูลที่เคยปิดเป็นความลับจ�านวนมากไม่เป็นความลับอีกต่อไป เช่น การเปิดเผยข้อมูลของส�านักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) จ�านวน นบั ลา้ นชนิ้ และทสี่ า� คญั ไมแ่ พก้ นั คอื การปรบั โครงสรา้ งและวฒั นธรรม การท�างานของหน่วยงานรัฐให้ค�านึงถึงการเปิดเผยข้อมูลและการ ทา� งานร่วมกบั ประชาชนมากข้ึน

3. การมีสว่ นรว่ มของประชาชน เทคโนโลยีการส่ือสารใหม่ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การเปิดเผยข้อมูลง่าย ข้ึนเท่าน้ัน แต่ยังเปิดโอกาสให้ภาครัฐดึงการมีส่วนร่วมจากประชาชนในด้าน การออกแบบนโยบายและให้บริการสาธารณะ หรือท่ีเรียกว่าการมีส่วนร่วม อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Participation) รฐั บาลในหลายประเทศหนั มาใหค้ วามสา� คญั กบั การมสี ว่ นรว่ มอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ มากขนึ้ เชน่ รฐั บาลของโอบามาหรอื รฐั บาลสหราชอาณาจกั รในสมยั เดวดิ คาเมรอน เพราะเชื่อว่าในโลกที่ปัญหาต่างๆ มีความซับซ้อนมากข้ึน รัฐบาลท่ีฉลาดคือ รัฐบาลท่ีสามารถใช้ประโยชน์จากความเช่ียวชาญ ความเห็น และประสบการณ์ ของประชาชนและหนว่ ยงานภายนอกในการออกแบบนโยบาย นอกจากนน้ั การดงึ การมสี ว่ นรว่ มยงั ชว่ ยใหน้ โยบายของรฐั ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของประชาชน มากขนึ้ ซง่ึ จะชว่ ยลดเสยี งวพิ ากษว์ จิ ารณแ์ ละแรงตอ่ ตา้ นหลงั จากนโยบายออกมา โดยเฉพาะนโยบายทีเ่ ป็นทีถ่ กเถียงกันมาก ระดบั การดงึ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนนนั้ มหี ลายระดบั ตงั้ แต่ 1) การเปดิ เผยขอ้ มลู อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Information) คือการให้ขอ้ มูลเพือ่ ช่วยให้สาธารณะ เข้าใจและตดิ ตามประเด็นปัญหาตา่ งๆ ผ่านช่องทางอันหลากหลาย เช่น เว็บไซต์ เฉพาะของรฐั บาล โซเชยี ลมีเดีย 2) การปรกึ ษาหารืออิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Consul- tation) คอื การจดั ใหม้ ชี อ่ งทางการรบั ฟงั ความเหน็ และปรกึ ษาหารอื กบั ประชาชน 154

ผา่ นชอ่ งทางและวธิ กี ารอนั หลากหลาย เชน่ เวบ็ บอรด์ เครอื่ งมอื การโหวต เครอ่ื งมอื การส่งค�าร้อง และ 3) การตัดสินใจอิเล็กทรอนิกส์ (e-Decision-Making) คือ การน�าความคิดเห็นของประชาชนไปใช้ในกระบวนการออกแบบนโยบายจริงๆ เชน่ ใหม้ กี ารโหวตนโยบายได้โดยตรง นอกจากน้นั ยงั มีนวตั กรรมการมีส่วนรว่ มแบบใหมท่ ่ีเรียกวา่ คราวด์ซอรซ์ ซ่งิ นโยบาย (policy crowdsourcing) ซ่ึงหมายถึงการกระจายปัญหา ค�าถาม หรืองานไปให้ฝูงชนช่วยกันหาค�าตอบหรือจัดการ โดยให้ความส�าคัญกับการดึง ประชาชนมาร่วมออกแบบและสร้างสรรค์นโยบายตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ท�านโยบาย ออกมาแล้วคอ่ ยถามความเหน็ กบั ประชาชน 155

การออกกฎหมายโดยประชาชนฟนิ แลนด์ ปี 2012 ฟินแลนด์ผ่านกฎหมายริเริ่มจากพลเมือง (Citizens Initiative Act) เพ่ือเปิดโอกาสให้ประชาชนเสนอแก้ไขกฎหมายเก่า หรอื เสนอกฎหมายใหม่ไปยังรัฐสภาไดโ้ ดยตรง วธิ ีการคือ ประชาชน ท่ีมีอายุถึงเกณฑ์ท่ีเลือกตั้งได้ สามารถเขียนค�าร้องเสนอกฎหมาย ผา่ นทางเวบ็ ไซต์ และหากคา� รอ้ งนนั้ มผี สู้ นบั สนนุ ถงึ 50,000 รายชอื่ ภายใน 6 เดือน รัฐสภาต้องน�าค�าร้องดังกล่าวมาผ่านกระบวนการ พจิ ารณา กฎหมายฉบับน้ีท�าให้เกิดความตื่นตัวในภาคประชาชน เกิด องค์กรภาคประชาสังคมมาช่วยสนับสนุนการพูดคุยและรวบรวม รายชื่อ บางค�าร้องมีประชาชนเข้าร่วมลงช่ือเกินแสนคนภายในระยะ เวลาไมน่ าน ทผ่ี า่ นมา มคี า� รอ้ งเสนอและแกไ้ ขกฎหมายรวมกนั 9 ฉบบั หน่ึงในนั้นคือกฎหมายเกี่ยวกับการแต่งงานของคนเพศเดียวกันที่ ท้ายสดุ ผ่านรฐั สภาจนออกมาเป็นกฎหมาย นอกจากออกกฎหมายที่เปิดให้ประชาชนเสนอกฎหมายได้ สะดวกข้ึนแล้ว รัฐบาลฟินแลนด์ยังน�ากฎหมายก�ากับการจราจร นอกถนนหลกั (Off-Road Traffic Law) มาปรกึ ษาหารอื กบั ประชาชน โดยรฐั บาลไดจ้ ัดท�าเวบ็ ไซต์ขึน้ มาเปน็ การเฉพาะ และภายในเว็บไซต์ น้นั จะ 1) ตพี มิ พ์กฎหมาย เอกสารและลิงก์ทเี่ กีย่ วข้อง รวมถึงวดิ ีโอ อธบิ ายประเดน็ สา� คญั เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มไดร้ บั ขอ้ มลู รอบดา้ น 2) เปดิ ให้ ผู้ใชส้ รา้ งบัญชี โดยเลอื กทจี่ ะไมเ่ ปิดเผยชอื่ ใชช้ ่ือเลน่ หรือชือ่ จรงิ กไ็ ด้ และ 3) มกี ารให้แตม้ เพอื่ กระตุน้ ให้ผ้เู ขา้ รว่ มอยากมสี ่วนร่วมมากขนึ้

การรับฟังความเห็นจะแบ่งเป็น 3 ข้ันตอน คือ 1) ขั้นก�าหนด ขอบเขตปญั หา (problem mapping) คอื ขนั้ ตอนระบปุ ญั หาการจราจร นอกถนนหลกั รฐั บาลจะกา� หนดปญั หาเรม่ิ ตน้ 10 ดา้ น เชน่ การกา� หนด อายุข้ันต่�าของผู้ใช้พาหนะ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพ่ือเป็นกรอบ เร่ิมต้น ประชาชนสามารถแสดงความเห็นและแชร์ประสบการณ์ได้ โหวตให้ความเห็นท่ีตนชอบ รวมถึงสามารถสร้างหัวข้อใหม่ขึ้นมาได้ 2) ข้ันเสนอทางแก้ปัญหา (problem solving) ปัญหาหรือข้อกังวล เกย่ี วกบั การจราจรนอกถนนหลกั ในขนั้ แรกจะถกู รวบรวมไวเ้ ปน็ หมวด หมู่ และระบุเป็นหัวข้อให้ประชาชนมาเสนอทางออก ซึ่งผู้เข้าร่วม กส็ ามารถสรา้ งหวั ขอ้ ใหมไ่ ดเ้ หมอื นขน้ั แรก และ 3) ขน้ั ประเมนิ ขอ้ เสนอ (evaluation) โดยผู้เข้าร่วมทั่วไปและผู้เช่ียวชาญ ผู้เข้าร่วมจะได้รับ ตวั อยา่ งขอ้ เสนอแบบสมุ่ และใหป้ ระเมนิ ดว้ ยการใหค้ ะแนน (1-5) หรอื การจดั ลา� ดบั สว่ นผเู้ ชย่ี วชาญตอ้ งใหค้ ะแนน 4 ดา้ น คอื ความเปน็ ไปได้ ประสทิ ธภิ าพตน้ ทนุ และความเปน็ ธรรมพรอ้ มเหตผุ ลประกอบสดุ ทา้ ย กระทรวงส่ิงแวดล้อมจะรวบรวมผลลัพธ์จากการรับฟังความเห็น และเสนอแก้เปน็ กฎหมายตอ่ ไป บทสรปุ จากการดึงประชาชนมาร่วมออกกฎหมายของฟินแลนด์ คอื ประชาชนฉลาดกวา่ ทคี่ ดิ ผเู้ ขา้ รว่ มเสนอความเหน็ ใหมๆ่ มากมาย นอกเหนอื จากกรอบขอ้ เสนอทร่ี ฐั บาลกา� หนดไวใ้ นเบอ้ื งตน้ ผเู้ ขา้ รว่ ม ปฏเิ สธแนวคดิ สดุ โตง่ และสนใจรว่ มถกเถยี งแลกเปลยี่ นในความเหน็ ท่ี มเี หตผุ ล และผเู้ ขา้ รว่ มไดเ้ รยี นรกู้ ระบวนการกา� หนดนโยบายมากขน้ึ 12

Challenge.gov แกไ้ ขปญั หาสาธารณะผา่ นภมู ปิ ญั ญา สาธารณะ Challenge.gov คอื ผลผลติ ทตี่ อ่ ยอดมาจากนโยบายการเปดิ เผย ขอ้ มลู ของโอบามา ซง่ึ สนบั สนนุ ใหห้ นว่ ยงานรฐั ใชร้ างวลั เปน็ แรงจงู ใจ ให้เกิดการแข่งขันกันเสนอแนวคิดและนวัตกรรมเพ่ือแก้ไขปัญหา ด้านเทคโนโลยีและสังคม แนวคิดเบื้องหลังของโครงการนี้คือการใช้ ประโยชนจ์ ากภมู ปิ ญั ญาของประชาชนโดยมีแรงจงู ใจเปน็ ตัวกระตุ้น Challenge.gov คอื สารบบออนไลน์ทีร่ วม “ความท้าทาย” ของ หน่วยงานภาครัฐ (ซงึ่ อาจร่วมกับเอกชนก็ได้) ไว้ดว้ ยกันทงั้ หมด และ เปน็ เวทกี ลางใหป้ ระชาชนเขา้ มาคน้ หา พรอ้ มทง้ั นา� เสนอแนวคดิ และ นวัตกรรมให้กับภาครัฐอย่างเป็นระบบ ความท้าทายก็มีต้ังแต่ง่ายๆ อาทิเช่น การออกแบบโลโก้ หรือการออกแบบแอปพลิเคชั่น เช่น แอปที่ให้ความรู้เรื่องภาษี ให้ข้อมูลส�าหรับคนพิการในการหาที่อยู่ ท่ีเหมาะสม หรือให้ข้อมูลเก่ียวกับการพัฒนาอาชีพเพ่ือลดความ เหลื่อมลา�้ การออกแบบเกม เชน่ เกมจา� ลองทีช่ ่วยพัฒนาความร้แู ละ ทักษะอาชีพให้กับนักเรียน หรือการสร้างเกมบนมือถือท่ีให้ความรู้ เกยี่ วกบั โรคตดิ ตอ่ ทางเพศ ไปจนถงึ การออกแบบเครอ่ื งมอื สดุ ลา้� อยา่ ง เชน่ กรณรี างวลั ดซี ลั (DESAL Prize) งานแขง่ ขนั ทท่ี า้ ทายใหอ้ อกแบบ เทคโนโลยีการขจัดเกลอื ดว้ ยต้นทุนทต่ี ่า� และประหยัดพลังงาน ซึง่ ทมี ที่ชนะคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอ็มไอที ท่ีประดิษฐ์เคร่ืองแยก เกลอื พลังงานแสงอาทติ ยแ์ ละใช้รงั สยี ูวีในการฆ่าเชื้อ ความส�าเร็จของ Challenge.gov ซึ่งมีประชาชนมากกว่า 250,000 คนรว่ มแขง่ ขันใน “ความท้าทาย” กว่า 700 ช้ิน สะท้อน ใหเ้ หน็ วา่ หากเรามีเวทีและใช้แรงจงู ใจกระตุ้นการแข่งขัน ประชาชน จะกลายเป็นผมู้ ีสว่ นรว่ มท่ีตน่ื ตวั และชว่ ยเสนอทางออกดๆี ทง้ั ทาง เทคโนโลยแี ละทางสงั คมได้มากมาย13

อนิ เทอร์เนต็ กบั การเคลือ่ นไหวของภาคประชาสงั คม ในปี 2006 นิตยสาร ไทม์ ได้เลือก “You” (เราทุกคน) ท่ีอยู่ในเคร่ือง คอมพิวเตอร์ เป็นบุคคลส�าคัญแห่งปี (Person of the Year) ด้วยเหตุผลว่า อนิ เทอรเ์ นต็ ไดก้ ลายเปน็ เครอ่ื งมอื สา� คญั ทที่ า� ใหค้ นธรรมดาอยา่ งพวกเราสามารถ รวมตัวกันเพื่อสร้างการเปล่ียนแปลงส�าคัญในโลก โดยมีการอ้างถึง โอ้มายนิวส์ (OhmyNews) หนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่มีค�าขวัญว่า “พลเมืองทุกคนคือนักข่าว” และเนอื้ หาสว่ นมากภายในเวบ็ ไซตก์ ผ็ ลติ โดยแมบ่ า้ นชาวเกาหลกี วา่ สามแสนชวี ติ เว็บไซต์ดังกล่าวสื่อถึงพลังของประชาชนท่ีกลายเป็นกลไกตรวจสอบคอร์รัปชั่น ท่สี า� คญั ของเกาหลใี ต้ ภาพท่ี 2 หนา้ ปกนิตยสาร ไทม์ ฉบับบคุ คลส�าคัญแหง่ ปี ประจา� ป ี 2006 และ 2011 159

พอมาถึงปี 2011 นิตยสาร ไทม์ ก็เลือก “protesters” (ผู้ประท้วง) เปน็ บคุ คลสา� คญั แหง่ ปี ผปู้ ระทว้ งทว่ั โลกไดใ้ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เพอื่ สรา้ งประวตั ศิ าสตร์ ด้วยตัวเอง ต้ังแต่อาหรับสปริง ซ่ึงเป็นการต่อสู้ของประชาชนท่ีลุกฮือข้ึนต่อต้าน กับการกดข่ีบีฑาของเผด็จการ ไปจนถึงปฏิบัติการยึดวอลล์สตรีท ซึ่งเป็นการ เคลื่อนไหวในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพ่ือต่อต้านกับการจัดการวิกฤตการเงินที่ รัฐบาลเข้าข้างนักการเงิน และขยายกลายเป็นการต่อสู้กับความเหล่ือมล้�าทาง เศรษฐกจิ ทวั่ โลก วาเอล โกนมิ หนงึ่ ในผปู้ ระทว้ งคนสา� คญั ทใี่ ชเ้ ฟสบคุ๊ เปน็ เครอื่ งมอื ต่อสู้รัฐบาลเผด็จการในอียิปต์ได้กล่าวว่า “น่ีคืออาหรับยุคใหม่ … ถ้าเยาวชนท่ีใช้ เฟสบุ๊คในประเทศน้ีรวมตัวกันต่อต้านคอร์รัปชั่นและความอยุติธรรม อียิปต์จะ กลายเปน็ ประเทศทีด่ ขี ้ึนอยา่ งแน่นอน” อินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอ�านาจที่เกิดข้ึนผ่านการ สอ่ื สารในรปู แบบตา่ งๆ แตเ่ ดมิ นนั้ ผทู้ ค่ี รอบครองพนื้ ทใ่ี นการสอ่ื สารอยา่ งสอื่ วทิ ยุ หรือโทรทัศน์ ซึง่ มีลกั ษณะการสอ่ื สารจากจดุ หนง่ึ ไปยังมวลชน (mass commu- nication) และไม่เปิดใหม้ สี ่วนรว่ ม จะเปน็ ผกู้ า� หนดความหมายในใจของผ้คู นตอ่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ อนิ เทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารทา� ใหค้ นทว่ั ไปที่ ไมไ่ ดค้ รอบครองทรพั ยากรสอื่ สารอนั จา� กดั อยา่ งโทรทศั นห์ รอื วทิ ยุ สามารถสอื่ สาร กับมวลชนได้ (mass self-communication) ชว่ ยใหค้ นธรรมดาอย่างเราเปน็ ทั้ง “ผรู้ บั สาร” และ “ผสู้ ง่ สาร” ทส่ี ามารถกา� หนดวาระและความหมายของเหตกุ ารณ์ ตา่ งๆ ได้ด้วยตนเอง ในชว่ งเรมิ่ ตน้ ของศตวรรษที่ 21 เราตา่ งประจกั ษถ์ งึ การเคลอ่ื นไหวทางสงั คม ทั่วโลกท่ีใช้อินเทอร์เน็ตสร้างพื้นที่ในการส่ือสารเพ่ือเปล่ียนแปลงการเมืองและ สังคม อาทิ อาหรับสปริงหรือปฏิบัติการยึดวอลล์สตรีท เรียกได้ว่าอินเทอร์เน็ต กลายเป็นเทคโนโลยีแห่งเสรีภาพท่ีช่วยเสริมพลังให้กับการเมืองภาคประชาชน และกลายเป็นเคร่ืองมือส�าคัญของประชาชนในการส่งเสียงของตนออกไปใน วงกว้าง สรา้ งพนื้ ที่ในการถกเถียงแลกเปลี่ยน และขบั เคลอื่ นการเคลอ่ื นไหวทาง สงั คมดว้ ยตนเอง เช่น ผา่ นการลงช่อื ใน Change.org 160

Change.org Change.org คอื เวบ็ ไซตท์ เี่ ปดิ ใหป้ ระชาชนทว่ั โลกสามารถสรา้ ง คา� ร้อง (petition) และรว่ มลงช่ือในแคมเปญท่ตี นสนบั สนนุ หลังจาก นั้นจะมีการส่งค�าร้องไปให้กับผู้มีอ�านาจเพ่ือให้เกิดการเปล่ียนแปลง เชิงนโยบายอย่างแท้จรงิ ในปี 2018 Change.org ระบวุ า่ มพี ลเมือง เขา้ รว่ มมากกวา่ 225 ลา้ นคน และมคี า� รอ้ งมากกวา่ 25,000 คา� รอ้ ง ที่ไดร้ บั ชยั ชนะใน 196 ประเทศ แคมเปญของ Change.org ท่โี ดง่ ดงั ในระดับโลก เช่น การออก กฎหมายตอ่ ตา้ นการกลน่ั แกลง้ ในสหรฐั อเมรกิ า การออกกฎหมายให้ ซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ ในฝรง่ั เศสบรจิ าคอาหารทข่ี ายไมห่ มดแทนทจี่ ะโยนทง้ิ ฯลฯ สว่ นของประเทศไทย ตวั อยา่ งแคมเปญทไี่ ดร้ บั ความนยิ มมากคอื “หยุด #พรบคอม หยดุ กฎหมายลว้ งข้อมูลส่วนบคุ คล” โดย เครอื ขา่ ยพลเมอื งเน็ต (373,375 ผู้ร่วมสนบั สนนุ ) “เราต้องการพ้ืนที่การเรียนรู้ใจกลางเมืองส�าหรับทุกคน National Knowledge Center” โดย เพื่อนเพื่อนของ ‘มีนา’ (237,686 ผรู้ ว่ มสนบั สนนุ ) “Thai Govt: ต่อต้านการตั้งซิงเกลิ เกตเวย์ Stop proposed plan for single internet gateway” โดย Coconut Shell Thailand (154,874 ผ้รู ว่ มสนบั สนุน) “ด�าเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ ต้องโปร่งใส และมี มาตรฐานแบบเดยี วกันทุกคดี” โดย ตลุ ย์พชิ ญ์ แกว้ ม่วง (121,074 ผรู้ ว่ มสนับสนนุ )14

โอกาสในการเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเอง คา� กลา่ วทว่ี า่ “อนิ เทอรเ์ นต็ ถอื เปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรแู้ ละสรา้ งนวตั กรรม ท่ีส�าคญั ทีส่ ดุ ตงั้ แต่มกี ารคดิ คน้ เคร่ืองพิมพ”์ คงไมใ่ ช่เรอื่ งท่เี กนิ จริงนกั อนิ เทอรเ์ นต็ ชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรจู้ า� นวนมหาศาลในโลกออนไลน์ สร้างพ้ืนที่ในการแลกเปล่ียนและท�างานร่วมกับผู้อื่นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมถึงเป็นเคร่ืองมือในการสร้างสรรค์และเผยแพร่เนื้อหาด้วยตนเอง สิ่งเหล่าน้ี สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาตกิ ารเรยี นรขู้ องมนษุ ยท์ ต่ี อ้ งการสรา้ งสรรค์ แบง่ ปนั รว่ มมอื และวพิ ากษ์วจิ ารณ์ คงไมม่ ใี ครปฏเิ สธวา่ อนิ เทอรเ์ นต็ สรา้ งการเปลย่ี นแปลงใหก้ บั การเรยี นรใู้ นทกุ ระดบั และทกุ มติ ิ อินเทอรเ์ น็ตไม่เพยี งเปล่ียนแปลงสงิ่ ทผ่ี ูเ้ รยี นตอ้ งรู้ (ทักษะและ ความรู้ท่ีจ�าเป็นส�าหรับการใช้ชีวิตในสังคมยุคดิจิทัล) แต่รวมถึง “วิธีการเรียนรู้” (การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เพอื่ แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื กบั ผอู้ นื่ การเรียนรู้ที่ปรับเข้ากับบุคคลและสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากข้ึน) และ “ช่วงเวลา ในการเรยี นร”ู้ (การเรยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี นดว้ ยตนเองมากขนึ้ และการหาความรดู้ ว้ ย ตนเองตลอดชวี ติ ) เราสามารถสรุปการเปลย่ี นแปลงสา� คัญไดด้ งั นี้ อิสรภาพในการท่องโลกความรู้โดยไม่ติดกับข้อจ�ากัดเชิงภูมิศาสตร์: เราสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ที่มีคุณภาพสูงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มหาวิทยาลัย ชนั้ นา� มากมายนา� เสนอคอรส์ ออนไลนฟ์ รี จนมกี ารเรยี กอนิ เทอรเ์ นต็ วา่ เทคโนโลยี ที่ท�าให้การศึกษามีความเท่าเทียมมากขึ้น นอกจากน้ัน อินเทอร์เน็ตยังท�าให้ การศึกษาเกิดขึ้นไดท้ ุกท่ี ทกุ เวลา ทกุ เคร่ืองมอื 162

วฒั นธรรมการเรียนรู้แบบใหม:่ การเรียนรูแ้ บบเดิมท่ีมีคนสอนหนา้ ห้อง และให้ผู้เรียนท่องจ�าความรู้ถูกแทนที่ด้วยการเรียนรู้ผ่านเครือข่าย ซึ่งผู้เรียน ต้องแสวงหาความรู้ ร่วมมือกับผู้อ่ืน และสร้างสรรค์การเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่วน ครูจะเปล่ียนบทบาทเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ (facilitator) แทน นอกจากนั้น อินเทอร์เน็ตยังเช่ือมต่อการเรียนรู้ท้ังในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และช่วยให้ ผูเ้ รียนเรียนร้จู ากสถานการณจ์ ริงได้มากข้ึน การเรยี นรทู้ ปี่ รบั เขา้ กบั ความตอ้ งการสว่ นบคุ คล: อนิ เทอรเ์ นต็ ชว่ ยใหเ้ รา ควบคมุ ธรรมชาตแิ ละรปู แบบของการเรยี นรทู้ เี่ หมาะกบั ตวั เราไดม้ ากขนึ้ เชน่ หาก เราไมเ่ กง่ เลขและตอ้ งการเวลาในการเรยี นรบู้ ทเรยี นมากกวา่ เพอ่ื น เรากส็ ามารถ ทบทวนบทเรยี นดว้ ยตนเองกอ่ นทจ่ี ะขยบั ไปเรียนในระดบั ที่สูงขึน้ ประสบการณ์การเรียนรู้แบบใหม่: ส่ือการเรียนรู้แบบใหม่ช่วยกระตุ้น การเรียนรู้ได้มากขึ้น เชน่ การเรยี นรู้ผา่ นสถานการณ์จา� ลอง (simulation) การ เรียนรู้ผ่านการเล่น (educational game) การเรียนรู้ผ่านภาพ (visualization) เทคโนโลยเี หลา่ นท้ี า� ใหป้ ระสบการณใ์ นการเขา้ ถงึ เนอื้ หาเปลยี่ นไป เชน่ การศกึ ษา ปรากฏการณ์แผน่ ดินไหวผ่านสถานการณจ์ า� ลองหรอื เกม 163

แหล่งการเรียนร้อู อนไลน์ยอดนยิ ม Wikipedia: สารานกุ รมออนไลนท์ ่มี เี นือ้ หามากทสี่ ดุ ในโลก และเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาสร้างสรรค์และแก้ไขเนื้อหาให้ ทนั สมัยได้ตลอดเวลา Project Gutenberg: ห้องสมุดออนไลน์ท่ีรวบรวมหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ให้ดาวน์โหลดฟรีมากกว่าห้าหมื่นเล่ม โดยหนังสือ ส่วนมากจะถกู เก็บไว้ในหลากหลายรูปแบบ เชน่ สกุล PDF, EPUB, MOBI, HTML เพ่ือให้อ่านได้กับคอมพิวเตอร์เกือบทุกประเภท หนังสือส่วนมากท่ีถูกน�ามาแปลงเป็นดิจิทัลเป็นหนังสือท่ีตกเป็นของ สาธารณะแลว้ (public domain) YouTube EDU: ช่องวิดีโอการศึกษาของยูทูบที่มีผลงาน รวมกันนับล้านชิ้นจากใครก็ตามท่ีต้องการสร้างสรรค์และแบ่งปัน วิดีโอการศึกษา เช่น ช่องรายการของครูนกเล็ก รวมถึงเน้ือหาจาก พาร์ตเนอรด์ า้ นการศกึ ษาของยูทบู เช่น TED-Ed, Khan Academy, Mahidol Channel และ Ormschool iTunes U: แหล่งรวมสื่อการเรียนรู้ท้ังในรูปของวิดีโอและ เสยี งในไอทนู สส์ โตร์ เนอ้ื หาสอื่ มที ง้ั จากมหาวทิ ยาลยั พพิ ธิ ภณั ฑ์ และ องค์กรสอื่ สาธารณะ ผูใ้ ช้สามารถดาวน์โหลดสื่อการเรยี นรู้ทีต่ ้องการ ลงเครอ่ื งคอมพวิ เตอรพ์ ีซีหรอื อุปกรณ์เคลื่อนทก่ี ็ได้ Khan Academy: องค์กรไม่แสวงก�าไรด้านการศึกษาท่ี รวบรวมวิดีโอการศึกษาหลายพันช้ินตามหัวข้อวิชา (คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คอมพวิ เตอร์ ศลิ ปะและมนษุ ยศ์ าสตร์ เศรษฐศาสตรแ์ ละ การเงนิ ) และระดบั การศกึ ษา ตง้ั แตอ่ นบุ าล ประถม จนถงึ มธั ยมปลาย รวมถึงมีแบบทดสอบส�าหรับวัดผลการเรียนรู้ด้วย ซาลมาน คาน

ผู้ก่อต้ัง มุ่งหวังให้วิดีโอการศึกษาของคานอะคาเดมี่เป็นส่วนเสริม ของการเรียนในห้องเรียนตามแนวทางห้องเรียนกลับด้าน (flipped classroom) โดยใหน้ กั เรยี นดวู ดิ โี อและทบทวนบทเรยี นกอ่ นชนั้ เรยี น เพอื่ ทค่ี รผู สู้ อนจะไดใ้ ชเ้ วลาในหอ้ งเรยี นกา� กบั การเรยี นรขู้ องนกั เรยี น มากกว่าการสอนหนา้ ชน้ั เรยี นแบบเดมิ สื่อการเรียนรู้ฟรีจากสถาบันการศึกษา (Open Edu- cational Resource): สถาบันการศึกษาหลายแหง่ ทวั่ โลก เชน่ MIT OpenCourseware หรือ Harvard Open Courses เผยแพร่สือ่ การ เรยี นรจู้ ากชนั้ เรยี นใหน้ กั ศกึ ษาและคนทวั่ ไปเขา้ ถงึ ไดฟ้ รผี า่ นเครอื ขา่ ย อนิ เทอร์เนต็ เชน่ วิดโี อการสอน สไลด์การสอน บนั ทึกยอ่ สมั มนา หลักสูตรออนไลน์เปิดขนาดใหญ่ (MOOC - Massively Open Online Courses): MOOC คือหลักสูตรออนไลน์ที่ไม่ได้มี แค่ส่ือการสอนเหมือนกรณี Open Educational Resource เทา่ น้ัน แต่ยังมีระบบอ่ืนๆ รองรับให้เหมือนการเรียนในช้ันเรียนจริง เช่น มี กระดานสนทนาเพอื่ สอื่ สารกบั เพอื่ นรว่ มคอรส์ และผสู้ อน ผเู้ รยี นตอ้ ง ทา� งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายและผา่ นการทดสอบ ผสู้ อนจะตอ้ งคอยตอบ ค�าถามและให้คะแนนผ้เู รียน รวมถงึ มกี ารออกใบประกาศนยี บัตรให้ (ซ่ึงอาจมีค่าใช้จ่ายเพ่ิมเข้ามา) นอกจากนั้นเน้ือหาการเรียนรู้ก็อาจ มีการออกแบบใหม่ให้เข้ากับแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย MOOC ส่วนมากจะเปิดให้ลงทะเบียนเรียนได้ฟรีหากไม่ต้องการใบประกาศ และผเู้ รยี นสามารถเรยี นรไู้ ดต้ ามจงั หวะของตนเอง (ยกเวน้ บางคอรส์ ท่ีมีการกา� หนดเวลาชัดเจน)

สถติ ปิ ี 2016 แสดงใหเ้ หน็ วา่ มผี ใู้ ชล้ งทะเบยี นเรยี น MOOC กวา่ 58 ล้านคนทั่วโลก มีมหาวิทยาลัยเขา้ รว่ มเสนอคอร์สกว่า 700 แห่ง และมคี อรส์ เรยี นรวมกนั 6,850 คอรส์ MOOC ทโ่ี ดดเดน่ อนั ดบั ตน้ ๆ คือ Coursera (MOOC ท่ีมีขนาดใหญ่สุดในปัจจุบัน มีนักเรียน ลงทะเบยี นเรยี นกวา่ 23 ลา้ นคน และมคี อรส์ เรยี นกวา่ 2,000 คอรส์ ), edX (MOOC ทพ่ี ฒั นาขนึ้ โดยมหาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ และเอม็ ไอทโี ดย ไม่มุง่ แสวงกา� ไร มีผใู้ ช้กว่า 10 ลา้ นคน), XuetangX (MOOC ของ ประเทศจนี ทแี่ มจ้ ะมแี ตค่ อรส์ ภาษาจนี แตก่ ม็ ผี ใู้ ชก้ วา่ 6 ลา้ นคนแลว้ ) และ Udacity (MOOC ทเ่ี นน้ คอรส์ ดา้ นวชิ าชพี สา� หรบั คนทา� งานเปน็ หลกั โดยเฉพาะด้านการตลาด มีผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน)15 เนอ้ื หาคอร์สออนไลน์ทีไ่ ด้รับความนยิ มสงู สุดในช่วง 5 ปีทีผ่ ่าน มา คือ 1) ธรุ กจิ และการจดั การ เช่น การตลาดในโลกดจิ ทิ ลั ความ เป็นผู้ประกอบการในเศรษฐกิจใหม่ 2) วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เช่น การเรยี นรขู้ องเครื่องจกั ร (Machine Learning) 3) วิทยาศาสตร์ ทั่วไป เช่น ระบบสุริยะ ศาสตร์แห่งการคิดในชีวิตประจ�าวัน และ 4) สังคมศาสตร์ เช่น ความยตุ ิธรรม ทฤษฎีเกม16 ในประเทศไทยเองก็เริ่มมีบริการ MOOC โดยจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (https://mooc.chula.ac.th) โครงการมหาวิทยาลัย ไซเบอรไ์ ทย สา� นกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษา (https://thaimooc. org) และระบบส่ือสาระออนไลน์แบบเปิดที่บริหารงานโดยศูนย์ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (http://mooc. learn.in.th/main)

บทสรปุ อินเทอร์เน็ตสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การเมือง และการเรียนรู้อย่างที่ ไม่เคยมีเทคโนโลยีไหนท�าได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าโอกาสเหล่านี้ ไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ โดยอตั โนมตั เิ พยี งเพราะเราเขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ ได้ แตจ่ า� เปน็ ตอ้ งมกี าร ปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิถีปฏิบัติทั้งในระดับสถาบันและระดับปัจเจกเพื่อแปลง ศักยภาพของอินเทอร์เน็ตให้เป็นโอกาสอย่างแท้จริง นอกจากน้ัน ศักยภาพของ อินเทอร์เน็ตยังอาจถูกใช้ในทางที่น�าพาความเส่ียงใหม่ๆ มาให้สังคม เช่น การ คุกคามทางเพศ การกล่ันแกล้งทางออนไลน์ การละเมิดความเป็นส่วนตัว การ ละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ การเผยแพรข่ า่ วลวง ประทษุ วาจา หรอื ภาพโปเ๊ ดก็ และอกี สารพดั ปัญหาทอี่ ินเทอร์เนต็ กา� ลังท้าทายสังคม เทคโนโลยีไม่ได้มีความเป็นกลางและมีอ�านาจก�าหนดความเป็นไปของ สงั คม ส่ิงทีก่ า� หนดว่าผลลัพธ์ท่เี กิดจากการใช้อินเทอร์เน็ตจะดีหรือไม่ดี จะกลาย เป็นโอกาสหรือความเส่ียง ล้วนเป็นเรื่องของพลเมืองอย่างเราทุกคนที่จะใช้ อินเทอรเ์ น็ตในการสร้างสงั คมเศรษฐกจิ ดิจทิ ลั ทีเ่ ราปรารถนา บทถัดไปเราจะมาพูดถึงความท้าทายในโลกดิจิทัล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรค ในการสร้างสังคมเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั ที่เราอยากเห็น 167

อา้ งอิง 1 Manuel Castells, “The Impact of the Internet on Society: A global perspective,” in Change: 19 key essays on how internet is changing our lives (Spain: BBVA, 2013), 127-147. 2 OCED, “Economic and Social Benefits of Internet Openness,” the background report for Panel 1.1 “Economic and Social Benefits of Internet Openness” of the OECD Ministerial Meeting on the Digital Economy, June 21-23, 2016, Cancún (Mexico), https://www.oecd.org/official documents/publicdisplaydocumentpdf/?cote=DSTI/ICCP(2015)17/ FINAL&docLanguage=En. 3 ทีม่ าภาพประกอบ Deloitte, “Values of Connectivity: Economic and social benefits of expanding internet access,” February 2014, London, UK: Deloitte, https://www2.deloitte.com/content/dam/Deloitte/ie/ Documents/TechnologyMediaCommunications/2014_uk_tmt_value _of_connectivity_deloitte_ireland.pdf. 4 James Manyika and Charles Roxburgh, “The Great Transformer: The Impact of the Internet on Economic Growth and Prosperity,” Report McKinsey Global Institute, October 2011, https://www.mckinsey.com/~/ media/McKinsey/Industries/High%20Tech/Our%20Insights/The%20 great%20transformer/MGI_Impact_of_Internet_on_economic_growth. ashx. 5 ส�านักยุทธศาสตร์ ส�านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ), รายงานผลการส�ารวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2560 (กรงุ เทพฯ: สา� นักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส,์ 2560). 6 Samuel Edward, “9 Tips to Make Your Ecommerce Business Wildly Successful,” Entrepreneur, May 15, 2015, https://www.entrepreneur. com/article/246223.

7 ภาณุพันธ์ วีรวภูษิต, “เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery: ซีฟู้ดสดๆ ส่งตรงถึงหน้า บ้านคุณ,” a day online, มีนาคม 7, 2559, https://www.adaymagazine. com/interviews/founder-2. และ Oops Hardcore, “สัมภาษณ์พิเศษ ‘คุณ โอ๋ เจคิว ปูม้านึ่ง’ ขายปูออนไลน์ร้อนล้าน,” MarketingOops!, ธันวาคม 13, 2559, https://www.marketingoops.com/exclusive/interview-exclusive/ interview-jq-crap-100lan/. 8 Manyika and Roxburgh, “The Great Transformer.” 9 เวบ็ ไซต์ อี-เอสโตเนยี , https://e-estonia.com. 10 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค), ถอด บทเรียน SMART PHUKET: เส้นทางสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (กรุงเทพฯ: เนคเทค, 2560). 11 เข้าถึงได้ที่ Open Knowledge Foundation, Open Data Handbook (ฉบับภาษาไทย), แปลโดย ฝ่ายนวัตกรรม ส�านักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (กรุงเทพฯ: ส�านักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์, 2558). https://ega.or.th/th/ content/890/877. 12 Tanja Aitamurto and Helene E. Landemore, “Five Design Principles for Crowdsourced Policymaking: Assessing the case of crowdsourced off-road traffic law in Finland,” Journal of Social Media for Organizations 2, 1 (2015): 1-19. 13 เว็บไซต์ Challenge.gov, https://www.challenge.gov/list. 14 เว็บไซต์ Change.org, https://www.change.org/. 15 อ้างอิงจาก Dhawal Shah, “By The Numbers: MOOCS in 2016,” Class Central, December 25, 2016. https://www.class-central.com/ report/mooc-stats-2016/. 16 อิสรยิ ะ สตั กลุ พบิ ูลย์, “จุดจบของมหาวทิ ยาลยั ? MOOC กบั ความท้าทาย ใหม่ในโลกการศึกษา.” the101world, มีนาคม 21, 2560, https://www. the101.world/thoughts/the-end-of-university-as-we-know-it/.

6 ความทา้ ทายแหง่ ศตวรรษท ี่ 21 170

มานูเอล คาสเทลส์ นักสังคมวิทยาชื่อดังผู้บุกเบิกงานศึกษาเกี่ยวกับสังคม ยุคสารสนเทศ เคยเขียนถึงพลังของอินเทอร์เน็ตไว้ว่า “โอกาสในยุคสารสนเทศ จะปลดปล่อยขีดความสามารถในการสร้างสรรค์อย่างท่ีไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย พลงั แห่งความคดิ … ฉนั คดิ ดังนนั้ ฉันจงึ สรรค์สร้าง” แต่เขาก็กงั วลว่า “เศรษฐกิจ สงั คม และวัฒนธรรมของเราพัฒนาขน้ึ บนฐานของผลประโยชน์ คณุ ค่า สถาบัน และระบบตวั แทนซ่ึงจ�ากัดความสร้างสรรคร์ วมหมู่ ยึดกุมดอกผลจากเทคโนโลยี สารสนเทศ และหนั เหพลงั งานของเราไปสูก่ ารเผชิญหน้าท่ที า� ลายตวั เอง”1 แม้อินเทอร์เน็ตจะเป็นเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยท่ีมอบโอกาสมากมายให้กับ พลเมืองในการพัฒนาตนเองและสังคมร่วมกัน เป็นหน่ึงในจ๊ิกซอว์ท่ีหลายคน เช่ือว่าจะน�าพาเราเข้าสู่สังคมที่ดีในอุดมคติ แต่พลังของอินเทอร์เน็ตจะถูกใช้ไป อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่ก�ากับควบคุม ศกั ยภาพของเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ดว้ ยเช่นกัน อนิ เทอรเ์ นต็ จะสรา้ งโอกาสอนั เทา่ เทยี มใหก้ บั คนทกุ คนหรอื เปน็ ตวั การทา� ให้ ความเหลื่อมล้�าถ่างกว้างข้ึน? มันจะช่วยสร้างพื้นที่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม สา� หรับคนทกุ คนหรอื เปน็ พื้นทที่ ี่ถูกยดึ กมุ โดยอา� นาจทุนใหญเ่ ทา่ น้ัน? มนั จะช่วย สง่ เสรมิ วฒั นธรรมเสรที ี่คนทกุ คนเข้าถึง แบง่ ปนั และตอ่ ยอดความรู้ได้ หรือเป็น พื้นท่ีท่ีถูกอ�านาจทางกฎหมายมาก�ากับอิสรภาพแห่งความรู้และการสร้างสรรค์? 171

มันจะเป็นพื้นท่ีส�าหรับแลกเปลี่ยนพูดคุยและฟังเสียงท่ีแตกต่างตามแนวทาง ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ หรือจะเป็นเพียงโลกแคบๆ ที่ทุกคนสนใจแต่ เสียงทส่ี อดรบั กบั ความเหน็ ของตน? ในบทสุดท้ายนี้เราจะชวนสนทนาทิ้งท้ายถึงความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเก่ียวพันกับเทคโนโลยีดิจิทัล และชวนขบคิดว่าพลเมืองอย่างเราจะรับมือกับ ความทา้ ทายเหลา่ นอ้ี ยา่ งไรหากตอ้ งการใหอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เปน็ พลงั สรา้ งสรรคส์ งั คม ทเี่ ราปรารถนา ช่องวา่ งดิจิทัล อนิ เทอรเ์ น็ตมอบโอกาสมากมายทงั้ ในแงข่ องการทา� ธรุ กิจ การเข้าถึงความรู้ และการมีส่วนร่วมทางการเมือง ทว่าโอกาสเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นเลยหากคน บางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ รวมถึงขาดทักษะและความรู้ในการ ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต ความเหลื่อมล้�าในการเข้าถึงและสร้างโอกาสจาก เทคโนโลยีดจิ ิทลั รู้จักกันในช่อื “ช่องวา่ งดจิ ิทลั ” (digital divide) ช่องว่างดิจิทัลหมายถึงความเหล่ือมล้�าในการเข้าถึงและการใช้เครื่องมือ ดิจิทัลในการสร้างโอกาสและท�ากิจกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นผลพวงจากความไม่ เทา่ เทยี มทางสงั คมและเศรษฐกจิ ชอ่ งวา่ งดจิ ทิ ลั เกดิ ขนึ้ ไดใ้ นหลายระดบั และหลาก มิติ เช่น ช่องว่างระหว่างประเทศหรือภายในประเทศ ช่องว่างระหว่างคนเมือง กับชนบท ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ช่องว่างระหว่างผู้สูงวัยกับเยาวชน 172

ช่องวา่ งระหว่างชายกับหญิง ช่องวา่ งระหว่างคนชายขอบกบั คนชั้นกลางในเมอื ง รายงานของธนาคารโลก2 ช้ีให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตถือเป็นเทคโนโลยีที่มี การแพร่กระจายไปท่ัวโลกรวดเร็วกว่านวัตกรรมทางเทคโนโลยีใดๆ ที่เคยมีมา อินโดนีเซียมีโอกาสใช้ประโยชน์จากเรือจักรไอน�้าหลังมีการประดิษฐ์ขึ้นมาแล้ว เกือบ 160 ปี เคนยามไี ฟฟ้าใช้ครงั้ แรกหลังถูกคิดค้นขนึ้ มาตั้งแต่ 60 ปกี ่อน และ กว่าเวียดนามจะเริ่มน�าคอมพิวเตอร์มาใช้หลังจากมีการใช้ครั้งแรกก็ปาเข้าไป 15 ปี แต่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือใช้เวลาเพียงไม่ก่ีปีในการ แพร่กระจายไปท่ัวโลก ถึงกระนั้นก็ยังห่างไกลจากค�าว่า “ท่ัวถึง” (universal) มากนกั โดยเฉพาะการเขา้ ถึงอินเทอรเ์ นต็ รายงานฉบบั เดยี วกนั นร้ี ะบวุ า่ แมป้ ระชากรในประเทศกา� ลงั พฒั นา 8 ใน 10 คนจะมโี ทรศพั ทม์ อื ถอื ใชแ้ ลว้ ในปี 2014 จนเรยี กไดว้ า่ ครวั เรอื นทเี่ ขา้ ถงึ มอื ถอื นนั้ มจี �านวนมากกว่าครัวเรือนทีเ่ ขา้ ถึงไฟฟ้าเสียอีก แตป่ ระชากรในโลกกา� ลังพฒั นา ที่มีอินเทอร์เน็ตใช้กลับมีน้อยกว่ามาก คือ 31 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเม่ือเทียบกับ ตัวเลข 80 เปอร์เซ็นต์ในประเทศที่มีรายได้สูง เรียกได้ว่าประชากรส่วนมาก ในโลกยังไมส่ ามารถใช้ประโยชนจ์ ากการปฏิวตั ดิ จิ ิทัลไดเ้ ตม็ ที่ นอกจากประเด็นเร่ืองการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในมิติทางเทคโนโลยี ช่องว่าง ดจิ ิทลั ยงั พดู ถึงชอ่ งว่างดา้ นคณุ ภาพของอินเทอร์เนต็ ซ่งึ กลายเปน็ ประเด็นความ เหล่ือมล้�าท่ีส�าคัญเม่ือบริการออนไลน์สมัยใหม่เรียกร้องการใช้แบนด์วิดธ์มาก ข้ึน ตัวอย่างเช่น เด็กชนบทที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคุณภาพต�่าได้เฉพาะ ในโรงเรียนหรือห้องสมุดย่อมได้รับโอกาสในโลกออนไลน์น้อยกว่าเด็กในเมือง ทสี่ ามารถจา่ ยเงนิ เพอ่ื เขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ คณุ ภาพสงู ผา่ นมอื ถอื ไดต้ ลอดเวลา สถติ ิ ปี 2016 เน้นย้�าให้เห็นว่ามีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกท่ีสามารถ เขา้ ถงึ และจา่ ยเงินเพอื่ ใชบ้ รกิ ารอนิ เทอรเ์ น็ตบรอดแบนด์ (ความเร็วสูง) ได้ 173

ช่องว่างดิจิทัลที่ส�าคัญอีกประการหนึ่งคือ ช่องว่างด้านทักษะและความรู้ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลของคนกลุ่มต่างๆ เพราะต่อให้เข้าถึง อนิ เทอรเ์ นต็ ไดเ้ ทา่ เทยี มกนั มากขน้ึ ความเหลอ่ื มลา้� ดา้ นทกั ษะและความรยู้ อ่ มนา� ไปสคู่ วามเหลอ่ื มลา�้ ในการใชป้ ระโยชนจ์ ากอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งแนน่ อน ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ทเ่ี คยเรยี นรกู้ ารเขยี นโคด้ คอมพวิ เตอรย์ อ่ มไดป้ ระโยชนจ์ ากการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ มากกว่าเด็กท่ีไม่เคยเรียน หรือประชาชนท่ีมีการศึกษาสามารถใช้ประโยชน์จาก บริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐมากกว่า ข้อเท็จจริงที่แย่กว่านั้นคือ ในโลกที่ ประชากรราว 1 ใน 5 ไมส่ ามารถอา่ นออกเขียนได้ คนกล่มุ น้ีจะใช้ประโยชน์จาก การเขา้ ถงึ อินเทอร์เนต็ ตามทคี่ วรจะเปน็ ได้อยา่ งไร ชอ่ งวา่ งดจิ ทิ ลั ยงั สะทอ้ นถงึ ความเหลอ่ื มลา�้ ของขอ้ มลู ในโลกออนไลน์ ขอ้ มลู สว่ นมากอยใู่ นรปู ภาษาองั กฤษ ซงึ่ ผทู้ ไ่ี มเ่ ขา้ ใจภาษาองั กฤษยอ่ มไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ความรไู้ ด้ ตวั อยา่ งเชน่ คอรส์ เรยี นฟรจี า� นวนมากจากมหาวทิ ยาลยั ชน้ั นา� ของโลก สอนด้วยภาษาอังกฤษ ดังนั้นต่อให้เราเข้าถึงคอร์สได้ฟรี แต่ถ้าขาดความรู้ด้าน ภาษาก็ไม่สามารถเรียนได้อยู่ดี นอกจากนั้น ข้อมูลส่วนมากในโลกออนไลน์ยัง สะท้อนความเหลอื่ มลา้� ทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่างเชน่ 85 เปอร์เซน็ ต์ ของเนื้อหาที่ผลิตโดยผู้ใช้ (user-generated content) มาจากสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป หรือเกาะเล็กๆ อย่างฮ่องกงกลับมีส่วนร่วมผลิตเน้ือหาใน วกิ พิ เี ดยี มากกวา่ ทกุ ประเทศในแอฟรกิ ารวมกนั ทง้ั ทแี่ อฟรกิ ามปี ระชากรมากกวา่ ฮ่องกงถึง 50 เท่า3 ในประเทศไทยเอง การลดช่องว่างดิจิทัลประสบความส�าเร็จในส่วนของ โทรศัพทเ์ คล่ือนที่ สถิตปิ ี 2559 แสดงใหเ้ หน็ ว่า อตั ราการเขา้ ถึงโทรศัพทม์ ือถอื เพิม่ ข้ึนแบบกา้ วกระโดดโดยอยู่ท่ี 140 เปอร์เซ็นต์ (หมายความว่ามเี บอรม์ ือถอื 174

ทล่ี งทะเบยี นมากกวา่ จา� นวนประชากรทง้ั หมด) และความครอบคลมุ ของสญั ญาณ มือถือ (3G) ในเชิงพ้ืนที่ของผู้ให้บริการหลัก คือ เอไอเอส ทรูมูฟ และดีแทค อยทู่ ่ี 97.59 เปอรเ์ ซน็ ต์ 65.57 เปอรเ์ ซน็ ต์ และ 75.55 เปอรเ์ ซน็ ตต์ ามลา� ดบั เรยี ก ไดว้ า่ การเขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ ไรส้ ายในประเทศไทยนนั้ ประสบความสา� เรจ็ อยา่ งไร ก็ดี การเขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ น็ตในระดับครวั เรอื นยังนอ้ ยอยู่ คอื แค่ 33.5 เปอรเ์ ซ็นต์ เทา่ นน้ั อกี ทงั้ ราคากย็ งั คอ่ นขา้ งแพงเมอื่ เทยี บกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ นอยา่ งสงิ คโปร์ หรอื เวยี ดนาม4 รัฐบาลไทยต้ังเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้อินเทอร์เน็ตความเร็ว สูงของไทยมีคุณภาพและครอบคลุมท่ัวประเทศ ทุกหมู่บ้าน ทุกเทศบาลเมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ทุกโรงเรียน โรงพยาบาล และศูนย์ดิจิทัลชุมชน รวมถึงให้ มีราคาค่าบริการอินเทอร์เน็ตไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชาติต่อหัว โดยโครงการหัวหอกของรัฐบาล คือโครงการเน็ตประชารัฐของกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสงั คม และโครงการเน็ตชายขอบของสา� นกั งานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กจิ การโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมแหง่ ชาติ (กสทช.) ซึ่งต้ังเป้าสนับสนุนให้มีการน�าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าไปในหมู่บ้านมากกว่า 29,000 แหง่ หากรัฐบาลประสบความส�าเร็จในการน�าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าไปใน ทุกพื้นท่ี และมีการน�าคล่ืนความถี่กลับมาจัดสรรใหม่เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพและ ความครอบคลุมในการให้บริการโทรศัพท์เคล่ือนท่ี ปัญหาช่องว่างในมิติของการ เขา้ ถงึ ทางเทคโนโลยกี น็ า่ จะบรรเทาลง แนวโนม้ ตอ่ ไปทป่ี ระเทศไทยตอ้ งใหค้ วาม ส�าคัญคือการลดช่องว่างในมิติเชิงคุณภาพและมิติเชิงความรู้ในการใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั 175

ความเปน็ กลางของเครอื ข่าย ความเป็นกลางของเครือขา่ ย หรอื net neutrality (บางครง้ั ถูกเรียกแทนดว้ ย ค�าว่า อินเทอร์เน็ตเปิด หรือ open internet) หมายถึงหลักการท่ีบังคับให้ผู้ให้ บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ปฏิบัติต่อเนื้อหาและบริการต่างๆ บนเครือข่าย ของตนอยา่ งเทา่ เทียม พดู อีกอยา่ งคือ หลกั การนีห้ า้ มไม่ใหไ้ อเอสพีใชเ้ ทคโนโลยี จดั การกบั ขอ้ มลู ทไ่ี หลเวยี นอยบู่ นอนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ จา้ ของเครอื ขา่ ย ใชอ้ า� นาจในฐานะผคู้ วบคมุ การไหลเวยี นของขอ้ มลู (gatekeeper) เลอื กปฏบิ ตั กิ บั ผ้ใู ห้บรกิ ารเน้อื หา แอปพลเิ คชนั่ หรอื บรกิ ารออนไลน์บางราย รวมถึงการกา� หนด วา่ ผใู้ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งเราจะสามารถเขา้ ถงึ เนอ้ื หาหรอื บรกิ ารไหนไดเ้ รว็ ชา้ หรอื กระท่งั ไมไ่ ด้เลย กฎเหลก็ 3 ประการของความเป็นกลางของเครอื ข่ายมดี ังนี้ 1) ห้ามบลอ็ ก (no blocking) คือไอเอสพีไม่สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ ถูกกฎหมายได้ 2) ห้ามลดความเร็ว (no throttling) คือไอเอสพีไม่สามารถลด ความเร็วในการเชื่อมตอ่ เวบ็ ไซตห์ รือบริการใดเป็นการเฉพาะได้ และ 3) ห้ามให้ สิทธิพิเศษด้วยการจ่ายเงิน (no paid prioritization) คือไอเอสพีไม่สามารถรับ เงนิ จากเว็บไซต์หรอื แอปพลเิ คชนั่ เพ่อื ให้บรกิ ารเร็วขน้ึ 176

ในช่วงทศวรรษ 1990 การเข้าควบคมุ การจราจรของขอ้ มลู บนอนิ เทอรเ์ น็ต น้ันเป็นไปไม่ได้ในเชิงเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเหมือนเครือข่ายซ่ือบ้ือ (dumb network) ทเี่ ชอ่ื มจากจดุ หนง่ึ ไปยงั อกี จดุ หนงึ่ (end-to-end) โดยไอเอสพี ไมส่ ามารถแทรกแซงการไหลเวยี นของขอ้ มลู ได้ ทวา่ ในปี 2003 บรษิ ทั เนต็ สกรนี เทคโนโลจีส์ได้คิดค้นเทคโนโลยีที่ใช้จัดการการจราจรในอินเทอร์เน็ตท่ีเรียกว่า deep packet inspection หรอื เครอื่ งมอื ตรวจสอบขอ้ มลู อนิ เทอรเ์ นต็ ซงึ่ สามารถ แยกแยะประเภทของข้อมลู และจัดการกับขอ้ มลู ต่างๆ ไดท้ นั ที ส่งผลใหไ้ อเอสพี สามารถเลือกปฏบิ ัติกับขอ้ มูลและบริการต่างๆ ได้ แล้วการมีหรือไม่มีความเป็นกลางของเครือข่าย มันส�าคัญกับเราอย่างไร? ตอบได้ว่าส�าคัญมาก เพราะมันส่งผลกระทบกับสิ่งท่ีเราคุ้นเคยในโลกออนไลน์ เกอื บทง้ั หมด เราอาจจะพบวา่ การดวู ดิ โี อสตรมี มง่ิ ผา่ นยทู บู หรอื เนต็ ฟลกิ ซท์ า� ไมไ่ ด้ อีกต่อไป ถ้าผู้ให้บริการเหล่าน้ันไม่จ่ายเงินให้กับไอเอสพีท่ีเราเลือกใช้บริการ เราอาจไมส่ ามารถใชโ้ ปรแกรมแชรไ์ ฟลเ์ พอื่ ดาวนโ์ หลดไฟลข์ นาดใหญไ่ ดอ้ กี ตอ่ ไป หรอื กระทงั่ เราอาจไมส่ ามารถเขา้ ถงึ เนอื้ หาทางการเมอื งบางอยา่ งไดห้ ากไอเอสพี มีสิทธิตดั สนิ ว่าจะบลอ็ กหรือไมบ่ ล็อกเนอื้ หานัน้ ตัวอยา่ งเช่น เวอไรซอน บริษทั โทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกา เคยบล็อกข้อความของกลุ่มสนับสนุนการท�าแท้ง ที่ส่งผ่านมือถือ โดยเวอไรซอนอ้างว่าตนมีอ�านาจในการบล็อกข้อความซึ่งเป็นท่ี โตเ้ ถียงในเชงิ จริยธรรม 177

ไอเอสพีมีแรงจูงใจมากมายในการแทรกแซงความเป็นกลางของเครือข่าย ไม่ว่าเพ่ือควบคุมการจราจรในกรณีท่ีมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจ�านวนมากและขีดความ สามารถในการรองรบั การใชบ้ รกิ ารของเครอื ขา่ ยไมเ่ พยี งพอ เพอ่ื หากา� ไรเพม่ิ เตมิ จากการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มกับผู้ให้บริการเว็บไซต์หรือแอปพลิเคช่ันท่ีต้องการให้ บรกิ ารของตนสง่ ผา่ นขอ้ มลู ไดเ้ รว็ กวา่ หรอื เพอื่ กดี กนั คแู่ ขง่ ทใี่ หบ้ รกิ ารคลา้ ยๆ กบั บรกิ ารอนื่ ของตน เชน่ บรษิ ทั เคเบลิ ทใี่ หบ้ รกิ ารโทรทศั นบ์ อกรบั สมาชกิ อาจกดี กนั การใชบ้ ริการทีวสี ตรีมมง่ิ อยา่ งเน็ตฟลกิ ซ์ การถกเถียงเร่ืองความเป็นกลางของเครือข่ายร้อนแรงมากในโลกตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา กรณีโด่งดังที่ท�าให้คนหันมาสนใจถึงแนวคิดความ เปน็ กลางของเครอื ขา่ ยเกดิ ขน้ึ เมอ่ื คอมแคสต์ บรษิ ทั ไอเอสพแี ละเคเบลิ ถกู กลา่ วหา วา่ แอบลดความเรว็ ในการอปั โหลดไฟลจ์ ากบติ ทอรเ์ รนต์ ซงึ่ เปน็ โปรแกรมแชรไ์ ฟล์ ร่วมกัน (peer-to-peer file sharing) และท�าให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของคอมแคสต์ ไม่สามารถใช้บิตทอร์เรนต์เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ หรือกรณีท่ีออเรนจ์ บรษิ ทั โทรคมนาคมในฝรง่ั เศสทา� ขอ้ ตกลงกบั กเู กลิ เพอื่ เกบ็ คา่ บรกิ ารเพม่ิ เตมิ จาก กูเกิล เนื่องจากการจราจรในเครือข่ายของออเรนจ์เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์มาจาก ยทู บู และกเู กลิ รวมถงึ กรณที เี่ นต็ ฟลกิ ซท์ า� ขอ้ ตกลงกบั คอมแคสตใ์ นปี 2014 เพอื่ ใหค้ ุณภาพบรกิ ารของเนต็ ฟลิกซผ์ า่ นคอมแคสต์ดีขนึ้ อีกรูปแบบหน่ึงท่ีละเมิดความเป็นกลางของเครือข่ายและก�าลังได้รับความ นิยมโดยเฉพาะในประเทศก�าลังพัฒนาคือ ซีโร่เรตต้ิง (zero rating) หรือการที่ 178

ไอเอสพีเลือกปฏิบัติโดยไม่นับการใช้บริการบางอย่างเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการมือถือบางรายอาจท�าข้อตกลงพิเศษกับแอปพลิเคชั่น ฟังเพลงเพ่ือให้ลูกค้าใช้บริการได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเน็ตจะหมด หรือกรณีของ เฟสบุค๊ ซีโร่, กเู กิลฟรโี ซน หรือวิกิพีเดยี ซโี ร่ ที่ผู้ให้บรกิ ารอยา่ งเฟสบ๊คุ กเู กิล และ วกิ พิ เี ดีย ไปท�าขอ้ ตกลงซีโร่เรตติง้ กับไอเอสพีดว้ ยเหตผุ ลวา่ ตอ้ งการขยายโอกาส ในการเขา้ ถึงบรกิ ารใหก้ บั ประชาชนในโลกกา� ลงั พัฒนา แตผ่ ู้คดั ค้านเห็นวา่ มนั ขดั กับหลกั ความเปน็ กลางของเครือข่าย และทา� ใหบ้ ริการเหล่านนั้ ได้เปรียบคูแ่ ขง่ เหตุผลหลกั ท่ใี ช้สนับสนนุ ความเป็นกลางของเครือข่ายมดี งั นี้ ความเป็นกลางของเครือข่ายช่วยส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและ ทา� ให้การแขง่ ขันเท่าเทียม: อินเทอร์เน็ตเปิดพืน้ ท่ีให้นักพัฒนานวตั กรรมสามารถ สรา้ งสรรคแ์ ละเผยแพรบ่ ริการใหมๆ่ ใหก้ บั ผ้ทู ส่ี นใจได้โดยไม่ต้องจา่ ยเงนิ เพือ่ ให้ บรกิ ารบนเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ในกตกิ าของเกมนี้ ผนู้ า� เสนอนวตั กรรมทเ่ี จง๋ ทส่ี ดุ จะเป็นผู้ชนะ ทว่าหากกติกาเปล่ียนโดยไอเอสพีสามารถเก็บค่าเข้าถึงเครือข่าย เป็นล�าดับข้ัน (เปรียบได้กับการให้บริการบนถนนท่ีจ�ากัดความเร็วต่างกัน) คือ ยิ่งจ่ายมากก็ย่ิงให้บริการได้เร็วขึ้น หรือถ้าไม่จ่ายก็ไม่สามารถให้บริการได้เลย อา� นาจในการกา� หนดผชู้ นะหรอื แพใ้ นเกมนจี้ ะเปลยี่ นไปอยใู่ นมอื ของไอเอสพแี ทน สถานการณ์เช่นนี้จะท�าให้นักพัฒนานวัตกรรมหน้าใหม่เสียเปรียบและบ่ันทอน นวัตกรรมในโลกอนิ เทอรเ์ น็ตอยา่ งแน่นอน 179

ความเปน็ กลางของเครอื ขา่ ยชว่ ยปกปอ้ งเสรภี าพในการแสดงออก: ความ เป็นกลางของเครอื ขา่ ย ชว่ ยประกนั สทิ ธเิ สรภี าพในการแสดงออกในอนิ เทอร์เนต็ ด้วย เพราะหลกั การนี้ห้ามไมใ่ ห้ไอเอสพีเลอื กปฏิบตั กิ บั เนื้อหาท่สี ่งผ่านเครือข่าย ของตน (เหมือนกรณีของเวอไรซอนข้างต้น) และช่วยการันตีว่าใครก็สามารถ นา� เสนอและเขา้ ถงึ เนอื้ หาไดอ้ ยา่ งเทา่ เทยี มโดยไมต่ อ้ งจา่ ยเงนิ เพอ่ื การแสดงออก การปลอ่ ยใหไ้ อเอสพมี อี า� นาจควบคมุ การแสดงออกยอ่ มสง่ ผลตอ่ ความหลากหลาย ของแหลง่ ขา่ วอสิ ระและการสรา้ งสรรคเ์ นอ้ื หาอนั แปลกใหมบ่ นเวบ็ ไซต์ รวมถงึ อาจ ส่งผลกระทบต่อขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในศตวรรษใหม่ที่ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นช่องทางในการตอ่ ตา้ นเผดจ็ การและความอยุติธรรมในสังคม ความเป็นกลางในอินเทอร์เน็ตช่วยการันตีการเข้าถึงเนื้อหาอย่าง เทา่ เทยี ม และปอ้ งกนั การคดิ ราคาแบบเลอื กปฏบิ ตั :ิ ถา้ มองจากฝง่ั ผใู้ ช้ ความเปน็ กลางในอนิ เทอรเ์ น็ตจะชว่ ยการนั ตีว่าเราสามารถเขา้ ถึงเนอื้ หาและบรกิ าร (ทีถ่ กู กฎหมาย) อะไรก็ได้ท่ีเราต้องการโดยไอเอสพีไม่มีสิทธิบล็อกหรือทา� ให้การเข้า ถงึ บริการใดชา้ ลงเปน็ การเฉพาะ นอกจากนน้ั หากปราศจากความเป็นกลางของ เครอื ขา่ ย ไอเอสพจี ะสามารถกา� หนดแพก็ เกจบรกิ ารอนิ เทอรเ์ นต็ ทม่ี หี นา้ ตาเหมอื น แพก็ เกจบรกิ ารเคเบลิ ทวี ี โดยเราจะไมไ่ ดจ้ า่ ยเงนิ เปน็ คา่ บรกิ ารรายเดอื นเพอื่ เขา้ ถงึ บรกิ ารอะไรกไ็ ด้ แตต่ อ้ งจา่ ยเงนิ ตามแพก็ เกจเนอื้ หาและบรกิ ารทเี่ ราเลอื กใชแ้ ทน ตัวอย่างเช่น ทุกวันน้ีเราอาจจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต 500 บาทต่อเดือนเพ่ือเข้าถึง บริการอะไรก็ได้ แต่ต่อไปเราอาจต้องจ่าย 100 บาทเพ่ือใช้บริการอีเมล 200 บาทสา� หรบั บริการโซเชียลมเี ดีย และ 300 บาทสา� หรับบรกิ ารวิดีโอ 180

ภาพที่ 1: เปรยี บเทยี บแพก็ เกจบรกิ ารอนิ เทอร์เนต็ แบบทีม่ ีความเปน็ กลางของเครอื ขา่ ยกับแบบทไ่ี มม่ ี5 ส่วนผู้ต่อต้านหลักการความเป็นกลางของเครือข่ายก็มีเหตุผลหลักดังน้ี 1) ไอเอสพคี วรมสี ทิ ธจิ ดั การกบั การจราจรบนเครอื ขา่ ยของตน โดยเฉพาะชว่ งเวลาทม่ี ี การใชบ้ รกิ ารมาก เพอื่ ใหท้ กุ คนไดป้ ระโยชนจ์ ากการใชเ้ ครอื ขา่ ยรว่ มกนั 2) ไอเอสพี ต้องลงทุนพัฒนาเครือข่ายเพ่ือรองรับบริการอย่างยูทูบ เน็ตฟลิกซ์ หรือเฟสบุ๊ค ซ่ึงสามารถหาประโยชน์บนเครอื ขา่ ยโดยไม่ต้องเสียค่าใชจ้ ่ายใดๆ ดังนั้นไอเอสพี 181

ควรมสี ทิ ธิเกบ็ คา่ ใช้จ่ายกบั ผใู้ ห้บรกิ ารเวบ็ ไซต์หรอื แอปพลิเคชัน่ เพื่อนา� รายไดม้ า ลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของโครงข่ายส�าหรับรองรับความต้องการใช้งานที่ เพ่ิมมากขึ้น และ 3) หากไอเอสพีไม่สามารถเก็บเงินเพิ่มได้ ก็จะขาดแรงจูงใจ ในการลงทนุ พฒั นาเครอื ขา่ ย ซงึ่ ยอ่ มกระทบตอ่ การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ในภาพรวม วินต์ เซริ ฟ์ ผรู้ ่วมคดิ คน้ อนิ เทอร์เนต็ โปรโตคอล เคยกล่าวไว้ว่า อนิ เทอรเ์ น็ต ถูกออกแบบมาโดยไม่มีผู้มีอ�านาจใดๆ จะมาควบคุมการเข้าถึงเน้ือหาและ บริการใหม่ๆ ได้ หากเราปล่อยให้ไอเอสพีควบคุมส่ิงที่ประชาชนเห็นและท�าใน โลกออนไลน์ได้ ศักยภาพของอินเทอร์เน็ตในฐานะเทคโนโลยีแห่งโอกาสก็จะถูก บ่นั ทอนลงทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมอื ง และวัฒนธรรม ในประเทศไทยเอง ประเดน็ เรอื่ งความเปน็ กลางของเครอื ขา่ ยยงั ไมถ่ กู หยบิ ยก ขึ้นมาพดู ถงึ มากนกั แม้จะมขี ่าวคราวการควบคุมการจราจรของไอเอสพีบางราย และการนา� เสนอแพ็กเกจซีโร่เรตตง้ิ ในบางบรกิ ารของผู้ใหบ้ รกิ ารมือถือ แตใ่ นอกี ไมน่ าน ความเปน็ กลางของเครอื ขา่ ยจะกลายเปน็ ประเดน็ ทมี่ คี วามสา� คญั มากขน้ึ ในสงั คมไทยอยา่ งแนน่ อน และถอื เปน็ ความทา้ ทายสา� คญั ทพ่ี ลเมอื งดจิ ทิ ลั จะตอ้ ง รว่ มกา� หนดอนาคตของโครงสร้างอินเทอร์เน็ตรว่ มกัน ระบอบลิขสิทธก์ิ ับวัฒนธรรมเสรี ลิขสิทธิ์หมายถึงกฎหมายท่ีใช้คุ้มครองผลงานของผู้สร้างสรรค์ โดยผู้ที่จะ ทา� ซา�้ แบง่ ปนั หรอื นา� ผลงานไปใช้ ตอ้ งขออนญุ าตจากเจา้ ของผลงานกอ่ น ระบอบ 182

ลขิ สิทธ์ินัน้ มวี ิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี การเกดิ ขึ้นของสือ่ ชนิดใหม่ ตัง้ แตส่ ่อื สงิ่ พมิ พ์ ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทศั น์ มาจนถึงอินเทอร์เน็ต ลว้ นสง่ ผลตอ่ การจดั การลขิ สทิ ธซ์ิ ง่ึ มงุ่ รกั ษาสมดลุ ระหวา่ งสทิ ธขิ องผสู้ รา้ งสรรคง์ านกบั ประโยชน์ สาธารณะ ในกรณีของอินเทอร์เน็ตนั้น เทคโนโลยีดิจิทัลเอ้ือให้ผู้ใช้สามารถท�าส�าเนา แบง่ ปนั เผยแพร่ และสรา้ งสรรคผ์ ลงานขน้ึ ใหมไ่ ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย เชน่ บติ ทอรเ์ รนต์ ช่วยให้การแชร์ไฟล์ระหว่างคนหมู่มากท�าได้อย่างง่ายดาย หรือยูทูบท�าให้ใครก็ สามารถเผยแพรส่ อ่ื วดิ โี อของตนเองได้ สว่ นทางดา้ นเจา้ ของลขิ สทิ ธก์ิ ม็ เี ทคโนโลยี ในการคมุ้ ครองและตรวจสอบการใช้งานลิขสิทธท์ิ ่ที รงพลงั ยิ่งข้ึน เชน่ เทคโนโลยี จัดการสิทธดิ จิ ิทลั (digital rights management) ท่คี วบคมุ ไม่ให้มกี ารคัดลอก เพ่ือใช้ในสื่ออ่ืน จ�ากัดจ�านวนผู้ใช้ หรือกระท่ังจ�ากัดเวลาในการใช้ส่ือนั้น ส่งผล ให้เรือ่ งลิขสทิ ธ์ิกลายเปน็ ประเด็นร้อนแรงในการกา� กับดแู ลอินเทอรเ์ น็ต ในชว่ งทศวรรษทผ่ี า่ นมา เจา้ ของลขิ สทิ ธซ์ิ ง่ึ มกั เปน็ บรษิ ทั สอ่ื ยกั ษใ์ หญข่ า้ มชาติ ในสหรฐั อเมรกิ า วง่ิ เตน้ อยา่ งหนกั ทงั้ ระดบั ประเทศและระหวา่ งประเทศเพอื่ ทา� ให้ การคุ้มครองลิขสิทธิ์เข้มข้นมากข้ึนจนอาจส่งผลต่อวัฒนธรรมเสรีในอินเทอร์เน็ต เชน่ ในสหรฐั อเมรกิ า มกี ารบงั คบั ใชร้ ฐั บญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธสิ์ หสั วรรษดจิ ทิ ลั (US Digital Millennium Copyright Act หรือ DMCA) หรอื ในระดบั ระหวา่ งประเทศก็มสี นธิ สัญญาลขิ สทิ ธ์ขิ ององค์การทรพั ย์สนิ ทางปัญญาโลก (WIPO Copyright Treaty) และขอ้ ตกลงทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ (Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights หรือ TRIPS) ขององค์การการคา้ โลก ซง่ึ บังคบั ให้ประเทศที่ลงนามในข้อตกลงต้องออกกฎหมายท่ีนิยามการละเมิดลิขสิทธ์ิให้ 183

ครอบคลมุ ไมเ่ พยี งแตก่ ารคดั ลอกโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตเพอื่ ผลประโยชนเ์ ชงิ พาณชิ ย์ เทา่ นัน้ แต่รวมถึงการท�าส�าเนาโดยไม่ได้รับอนุญาตทีแ่ ม้ไมไ่ ดม้ ่งุ ผลประโยชน์เชิง พาณชิ ยแ์ ตอ่ าจสง่ ผลเสยี หายเชงิ พาณชิ ยด์ ว้ ย6 เชน่ การแชรไ์ ฟลห์ รอื การอปั โหลด สื่อเพอื่ ใชเ้ ป็นการส่วนตัวในอนิ เทอร์เน็ต ในปี 2011 บรษิ ทั สอ่ื ยกั ษใ์ หญพ่ ยายามผลกั ดนั การออกรา่ งรฐั บญั ญตั หิ ยดุ ยง้ั การละเมดิ ลิขสทิ ธอิ์ อนไลน์ หรือโซปา (Stop Online Piracy Act หรอื SOPA) ซึ่งให้อ�านาจอัยการสูงสุดสามารถบังคับไอเอสพีให้บล็อกโดเมนเนมของเว็บไซต์ ท่ีถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการละเมิดลิขสิทธ์ิ ห้ามไม่ให้เสิร์ชเอ็นจ้ินแสดงผลการ ค้นหาท่ีเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ดังกล่าว และส่ังให้ผู้โฆษณาและผู้ให้บริการด้าน การเงินออนไลน์อย่าง PayPal หยุดด�าเนินธุรกิจกับเว็บไซต์เหล่านั้น ขณะที่ ผู้สนับสนุนกฎหมายฉบับน้ีเห็นว่าโซปาจะช่วยจัดการกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ทต่ี งั้ อยใู่ นประเทศอนื่ ผตู้ อ่ ตา้ นเหน็ วา่ โซปาจะถกู ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื คกุ คามเสรภี าพ ในการแสดงออก บน่ั ทอนความมน่ั คงไซเบอร์ และทา� ลายนวตั กรรมและการเตบิ โต ทางเศรษฐกิจ สุดทา้ ยความพยายามในการผลกั ดันโซปากห็ ยดุ ลงหลงั จากมกี าร ตอ่ ตา้ นจากเหลา่ บรษิ ทั เทคโนโลยี นกั วชิ าการ และภาคประชาสงั คม เชน่ วกิ พิ เี ดยี ซึ่งต่อต้านด้วยการหยุดให้บริการ 1 วัน เพ่ือชักชวนให้คนจินตนาการถึงโลก ที่ปราศจากเสรีภาพในการเข้าถงึ ความรู้ 184

ภาพท่ี 2: วกิ ิพเี ดียหยุดให้บรกิ าร 1 วันเพ่ือตอ่ ต้านกฎหมายโซปา แมร้ ะบอบลขิ สทิ ธจิ์ ะมขี นึ้ เพอื่ ปกปอ้ งสทิ ธผิ สู้ รา้ งสรรคง์ านและสรา้ งแรงจงู ใจ ในการคิดค้นอะไรใหม่ๆ การบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธ์ิที่เข้มงวดเกินไปในโลก ออนไลน์อาจส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะการเข้าถึงความรู้ และการสรา้ งสรรค์ เชน่ การปดิ เวบ็ ไซตส์ า� หรับแชรไ์ ฟลอ์ ย่าง The Pirate Bay อาจบั่นทอนศักยภาพของอินเทอร์เน็ตในฐานะเครื่องมือในการเข้าถึงความรู้ของ คนจากประเทศก�าลังพัฒนา หรือการตีความการคุ้มครองผลงานสร้างสรรค์ท่ี เข้มงวดเกินไปอาจส่งผลต่อการใช้อินเทอร์เน็ตเพ่ือต่อยอดความสร้างสรรค์ เช่น กรณกี ารโพสต์วดิ โี อเด็กทารกเตน้ กระจาย (Dancing Baby Lawsuit) 185

คดีทารกเต้นกระจาย ในปี 2007 ครอบครัวเลนซ์โพสต์วิดีโอท่ีลูกชายวัย 13 เดือน เต้นอย่างสนุกสนานตามเสียงเพลง Let’s Go Crazy ของพรินซ์ ลงในยทู บู เพอ่ื แบง่ ปนั ชว่ งเวลาดๆี ใหก้ บั ครอบครวั และเพอื่ นฝงู ปรากฏ ว่าหลังจากนั้น 4 เดอื น บริษทั ยูนิเวอรแ์ ซลมวิ สกิ กร๊ปุ ซ่ึงดูแลลิขสิทธ์ิ ของศิลปินพรินซ์ ส่งจดหมายหายูทูบ ให้น�าวิดีโอซ่ึงมีการใช้เพลง ของพรินซ์ออก ท้ังที่เสียงเพลงในวิดีโอที่มาจากเคร่ืองเสียงด้านหลัง ไมช่ ดั หรอื ฟงั แทบไมร่ เู้ รอ่ื ง (คอื ไมม่ ใี ครคดิ จะเปดิ วดิ โี อนเี้ พอื่ ฟงั เพลง จนกระทบยอดขายของค่ายเพลงแน่ๆ) และไม่ได้เป็นการท�าเพ่ือ ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทนายจากยูนิเวอร์แซลเตือนว่าผู้โพสต์วิดีโอนี้ อาจโดนคา่ ปรับสงู สุด 150,000 เหรยี ญสหรฐั ! ครอบครับเลนซ์ไม่เข้าใจว่าท�าไมการโพสต์วิดีโอเด็กทารกถึง กลายเป็นความผดิ ได้ จงึ ตดิ ตอ่ มูลนิธิพรมแดนอเิ ล็กทรอนิกส์ (EEF) ใหเ้ ป็นตัวแทนฟ้องยนู เิ วอร์แซล ข้อหาบดิ เบือนกฎหมายลขิ สิทธแิ์ ละ ละเมดิ หลักการการใช้อยา่ งเปน็ ธรรม (fair use) ศาลอทุ ธรณต์ ัดสนิ ให้ครอบครัวเลนซ์ชนะ และแจ้งเจ้าของลิขสิทธ์ิอย่างยูนิเวอร์แซลให้ คา� นงึ ถงึ หลกั การการใชอ้ ยา่ งเปน็ ธรรมกอ่ นสง่ คา� รอ้ งใหน้ า� เนอื้ หาออก แมคเชอรี ผู้อ�านวยการดา้ นกฎหมายของ EFF กล่าวถึงคดีน้ีว่า “การตัดสินวันน้ีส่งข้อความอย่างชัดแจ้งว่า กฎหมายลิขสิทธ์ิไม่ได้ ให้อ�านาจกับการเซ็นเซอร์การแสดงออกท่ีชอบด้วยกฎหมาย … การ เพิกเฉยต่อสิทธิการใช้อย่างเป็นธรรมท�าให้เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องรับผิด กบั ผลเสียทเ่ี กิดขนึ้ ”7

ลอรเ์ รนซ์ เลสสกิ อาจารยด์ า้ นกฎหมายจากมหาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ ผยู้ นื หยดั ตอ่ สเู้ พอื่ วฒั นธรรมเสรใี นอนิ เทอรเ์ นต็ กงั วลวา่ กฎหมายลขิ สทิ ธทิ์ ถ่ี กู ทา� ใหเ้ ขม้ งวด ขน้ึ ตลอดช่วงหลายทศวรรษท่ีผา่ นมากา� ลังท�าลายความสรา้ งสรรค์ในสงั คม และ บั่นทอนวัฒนธรรม “เขยี น/อา่ น” (Read/Write หมายถงึ วฒั นธรรมทเี่ ราเปน็ ท้ังผู้ บรโิ ภคสอื่ และผสู้ รา้ งสรรคส์ อื่ ดว้ ยตนเอง) ใหก้ ลายเปน็ วฒั นธรรม “อา่ น/เทา่ นนั้ ” (Read/Only คอื การบรโิ ภคอยา่ งเดยี ว) ทกุ วนั นี้ กฎหมายลขิ สทิ ธคิ์ รอบคลมุ ไปถงึ การท�าส�าเนาเพ่ือใช้ส่วนตัว (ด้วยเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ต การฟังเพลงหรือ เล่นวิดีโอออนไลน์คือการท�าส�าเนาจากเซิร์ฟเวอร์หน่ึงมาบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ของเราอยแู่ ลว้ ) ซงึ่ ไมไ่ ดก้ า� กบั แค่ “มอื อาชพี ” (professional) แตค่ รอบคลมุ มาถงึ “มือสมัครเล่น” (amateur) ด้วย8 กล่าวคือกฎหมายลิขสิทธ์ิก�าลังบั่นทอนความ สรา้ งสรรคข์ องวฒั นธรรมผสมผสาน (remix culture) โดยคนธรรมดาทัว่ ไป ซึ่ง เครื่องมือดิจิทัลอนุญาตให้เราผสมผสานสื่ออันหลากหลายและรังสรรค์ผลงาน ข้ึนมาใหม่ ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการผสมผสานคลิปข่าวและเพลงบางส่วน เพื่อใช้ในการล้อเลียนทางการเมือง ก็อาจมีการใช้กฎหมายลิขสิทธิ์มาควบคุม ความเหน็ ทางการเมอื งของเรา การรักษาผลประโยชน์ของผู้สร้างสรรค์ผลงานโดยไม่บั่นทอนศักยภาพของ อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงความรู้และรังสรรค์ต่อยอดจากผลงานของผู้อื่นถือเป็น ความท้าทายส�าคัญในยุคดิจิทัล เลสสิกเสนอการปรับเปลี่ยนกฎหมายลิขสิทธ์ิ โดยให้ 1) เลิกก�ากับ “ความสร้างสรรค์ของมือสมัครเล่น” ที่ใช้เครื่องมือดิจิทัล ผสมผสานผลงานข้ึนมาใหม่โดยไม่มีวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ 2) หยุดก�ากับ “การคัดลอก” ในอินเทอร์เน็ต เพราะการใช้ผลงานสร้างสรรค์ออนไลน์คือการ คัดลอกเสมอ ดังนั้นจึงไม่ต่างจากการก�ากับการหายใจของมนุษย์ แต่ควรหันไป ก�ากับท่ีการใช้ เช่น การเผยแพร่ผลงานลิขสิทธ์ิเพ่ือประโยชน์เชิงพาณิชย์ และ 3) หยุดท�าให้เด็กทุกคนกลายเป็นอาชญากร เราควรหาวิธีใหม่ๆ ในการชดเชย ผลประโยชน์ให้กบั เจ้าของลขิ สิทธโ์ิ ดยไมต่ ้องไล่ฟ้องเดก็ ทกุ คนที่แชร์ไฟล์ 187

การเซ็นเซอรเ์ นื้อหาและการรับผดิ ของตัวกลาง อินเทอร์เน็ตเคยถูกมองว่าเป็น “เทคโนโลยีแห่งเสรีภาพ” ที่ไร้ซ่ึงการก�ากับ ดูแลจากภาครัฐ ทว่าทุกวันน้ีอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็น “เทคโนโลยีแห่งการ ควบคุม” ไปเสียแล้ว รายงานของ Freedom on the Net 9 ชใ้ี ห้เห็นว่า เสรภี าพใน อนิ เทอร์เน็ตทั่วโลกเสอื่ มถอยลงตอ่ เนื่องมาตลอด 7 ปี (2011-2017) ประชากร กว่าสองในสามของโลกอาศัยอยู่ในประเทศท่ีมีการเซ็นเซอร์เน้ือหาท่ีวิจารณ์ รฐั บาล ชนชัน้ ปกครอง และหนว่ ยงานความม่ันคง รวมถงึ รฐั บาลเรม่ิ เขา้ มากา� กับ ช่องทางการส่ือสารใหม่ๆ อย่างโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชั่นท่ีใช้ส่งข้อความ เชน่ WhatsApp, อินสตาแกรม และสไกป์มากขนึ้ เร่ือยๆ การทผี่ คู้ นหนั มาใชโ้ ซเชยี ลมเี ดยี มากขนึ้ ทา� ใหม้ นั ตกเปน็ เปา้ ของการเซน็ เซอร์ มากข้นึ เรอื่ ยๆ นอกเหนอื จากการบล็อกการเขา้ ถึงโซเชยี ลมีเดียแล้ว ผู้ใชโ้ ซเชียล มเี ดยี ยงั ตอ้ งเผชญิ กบั บทลงโทษในระดบั ทไี่ มเ่ คยเกดิ ขน้ึ มากอ่ น ตวั อยา่ งเชน่ มกี าร จับกุมคนท่ีเผยแพร่แนวคิดอเทวนิยมหรือการไม่เช่ือในพระเจ้าในซาอุดีอาระเบีย และถกู ตดั สนิ ใหจ้ า� คุก 10 ปี รายงาน Freedom on the Net แสดงให้เห็นวา่ ในปี 2016 27 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกอาศัยอยู่ในประเทศที่ จับกุมคนที่โพสต์ แชร์ หรือกระทั่งแค่กดถูกใจเน้ือหาในเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นตัวเลข ทเ่ี พ่ิมจากปี 2013 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ 188

นอกจากน้ัน รัฐบาลท่ัวโลกยังขยายการเซ็นเซอร์ไปครอบคลุมเน้ือหาท่ี หลากหลายมากขน้ึ อาทเิ ชน่ เวบ็ ไซตท์ จ่ี ดั ทา� ขน้ึ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนลงชอ่ื ในคา� รอ้ ง หรอื เรียกร้องให้มกี ารประท้วงต่อตา้ นรฐั บาล (เชน่ ในคาซคั สถาน นักกจิ กรรมสองคน ถกู จบั จากการใชโ้ ซเชยี ลมเี ดยี วางแผนเขา้ รว่ มประทว้ งเพอื่ เรยี กรอ้ งใหม้ กี ารปฏริ ปู ท่ีดิน) เว็บไซต์ข่าวที่สนับสนุนแนวคิดต่อต้านอ�านาจทางการเมือง เว็บไซต์ท่ีมี เนื้อหาสนับสนุนความแตกต่างหลากหลายทางเพศ (เช่นในอินโดนีเซีย รัฐบาล ขอใหไ้ ลนน์ า� สตกิ เกอรท์ เ่ี กย่ี วกบั เกยห์ รอื เลสเบยี้ นออกจากรา้ นคา้ ของไลน)์ รวมถงึ เน้ือหาประชดเสียดสี (เช่นในพม่า กวีที่โพสต์กลอนเสียดสีผู้น�าทางการเมืองถูก ตดั สนิ จา� คกุ ) ถ้ามองในแง่วิวัฒนาการของการก�ากับดูแลเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตจะพบว่า ช่วงแรก (ก่อนปี 2000) รัฐแทบไม่เข้ามาแทรกแซงเน้ือหาในพื้นที่ไซเบอร์เลย การกา� กับดแู ลจะอยู่ในรปู ของการก�ากับดแู ลกนั เองเป็นหลัก เช่น การจดั การกับ สแปมผา่ นการลสิ ตร์ ายชอ่ื และการกรองขอ้ ความทไ่ี มต่ อ้ งการผา่ นระบบของอเี มล พอช่วงตน้ ของศตวรรษท่ี 21 รัฐบาลบางประเทศไดใ้ ชร้ ะบบฟิลเตอรเ์ พ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้ประชาชนเข้าถึงเน้ือหาบางประเภท โดยมีจีนเป็นประเทศผู้น�าที่เอาจริง เอาจังกับเร่ืองน้ีมาก และต่อมาประเทศอ่ืนๆ ก็เข้ามาก�ากับดูแลเน้ือหามากขึ้น บนฐานความชอบธรรมว่าต้องการคุ้มครองคุณค่าอื่นๆ อาทิเช่น ประเด็นความ ปลอดภยั และมนั่ คง (เชน่ การกอ่ การรา้ ย) การคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชนจากเนอื้ หา ท่อี ันตราย ประทษุ วาจา รวมถึงประเดน็ ทางเศรษฐกจิ (เชน่ การละเมิดลิขสิทธ์ิ การพนัน) อย่างไรก็ดี การเซ็นเซอร์ได้ครอบคลุมไปถึงเน้ือหาที่ชอบธรรมด้วย ในหลายประเทศ เชน่ การวิพากษร์ ฐั บาล 189

วธิ กี ารกา� กบั ดแู ลเนอื้ หาในอนิ เทอรเ์ นต็ นนั้ มหี ลากหลายรปู แบบ ตวั อยา่ งเชน่ การก�ากับเนื้อหาที่จุดก�าเนิดหรือตัวผู้ผลิตและเผยแพร่เน้ือหา โดยวิธีนี้จะท�าได้ ไม่ยากนักหากเนื้อหาถูกฝากไว้ในเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศหรือบริษัทท่ีรับฝาก เนอ้ื หาจดทะเบยี นบรษิ ทั ไวใ้ นประเทศ เชน่ บรษิ ทั คอมพวิ เซริ ฟ์ ของสหรฐั อเมรกิ า ซ่ึงมีบริษัทอยู่ท่ีประเทศเยอรมนีด้วย ถูกฟ้องให้น�าภาพอนาจารและภาพการ ทารณุ เดก็ ซง่ึ ผดิ กฎหมายเยอรมนอี อก แตห่ ากเนอ้ื หาอยใู่ นเซริ ฟ์ เวอรต์ า่ งประเทศ รัฐบาลจะไม่สามารถท�าอะไรได้มากนักนอกจากการขอความร่วมมือกับเจ้าของ เซิร์ฟเวอรใ์ ห้นา� เนือ้ หาออกหรอื ร่วมมอื กบั ประเทศทเี่ น้ือหาถกู ฝากไว้ ด้วยเหตนุ ้ี การใชเ้ ครอื่ งมอื ในการฟลิ เตอรเ์ นอ้ื หาผา่ นตวั กลางอยา่ งไอเอสพี เพอื่ ปอ้ งกนั การ เข้าถงึ แทนทจี่ ะจัดการกับผูผ้ ลิตเน้อื หาโดยตรงจงึ ไดร้ บั ความนิยมมากขน้ึ การก�ากับดูแลเนื้อหาในโลกไซเบอร์สเปซผ่านตัวกลางได้รับความนิยม มากข้ึนเรื่อยๆ ซึ่งเป็นโอกาสให้รัฐบาลมุ่งเป้าการก�ากับดูแลเน้ือหาไปท่ีตัวกลาง ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน เช่น ไอเอสพีต้องฟิลเตอร์หรือบล็อกการเข้าถึงเนื้อหาท่ี มีปัญหาในต่างประเทศ หรือกูเกิลต้องฟิลเตอร์ผลการค้นหาตามกฎหมายของ แต่ละประเทศ เป็นต้น การกระท�าเช่นนี้สร้างประเด็นข้อถกเถียงในเรื่องความ โปรง่ ใสและความรบั ผดิ รบั ชอบในการจดั การกบั เนอ้ื หาออนไลนข์ องบรษิ ทั เอกชน ซึ่งไม่ได้มีพันธกิจสาธารณะ และอาจมีแนวโน้มว่าบริษัทเอกชนจะบล็อกเนื้อหา มากเกนิ ควรเพอื่ หลกี เลยี่ งความรบั ผดิ ชอบทางกฎหมายหรอื แรงกดดนั จากภาครฐั โดยอาจไม่ได้คา� นงึ ถงึ สิทธิเสรีภาพของผใู้ ช้มากเทา่ ท่คี วร แมห้ ลกั การเรอ่ื งการแจง้ เตอื นและเอาออก (notice-and-take-down regime) จะช่วยป้องกันไม่ให้ไอเอสพีต้องรับผิดตามกฎหมายจากเน้ือหาท่ีบุคคลอ่ืน 190

สร้างข้ึน ตราบเท่าท่ีไอเอสพีน�าเนื้อหาน้ันออกอย่างรวดเร็วเม่ือได้รับแจ้งเตือน แต่ในกรณีน้ีก็อาจจะสร้างแรงจูงใจให้ตัวกลางอย่างไอเอสพีน�าเน้ือหาออกทันที ที่ได้รับการแจ้งเตือนโดยไม่ได้พิสูจน์ว่าเนื้อหาดังกล่าวผิดกฎหมายจริงหรือไม่ เพราะไอเอสพีไม่อยากเส่ียงรับผิดทางกฎหมายและเสียทรัพยากรไปกับการ ตรวจสอบเนอ้ื หา ตามหลักการสากลแล้ว กฎหมายควรระบุถึงสิทธิของประชาชนผู้โพสต์ เนอ้ื หาดว้ ย เชน่ เจา้ ของเนอ้ื หามสี ทิ ธไิ ดร้ บั การแจง้ จากตวั กลางและมสี ทิ ธปิ กปอ้ ง การใช้เน้ือหาของตนก่อนมีการปิดก้ันหรือลบเนื้อหา หรือมีสิทธิในการรับรู้ถึง กระบวนการตรวจสอบความถูกกฎหมายของเน้ือหา นอกจากน้ันอาจพิจารณา นา� ระบบ “แจง้ เตือนและแจง้ เตือน” (Notice and Notice) มาใช้กับตัวกลางแทน ดงั เชน่ กรณกี ารจดั การกบั เนอื้ หาทต่ี ดิ ลขิ สทิ ธใิ์ นแคนาดา10 กลา่ วคอื เมอ่ื ตวั กลาง ได้รับการแจ้งเตือนถึงเนื้อหาที่มีปัญหา ตัวกลางจะมีหน้าที่แจ้งเตือนต่อไปยัง เจ้าของเน้ือหา และการตัดสินใจว่าจะน�าเนื้อหาออกหรือไม่ถือเป็นสิทธิของ เจ้าของเอง หากเจ้าของเน้ือหาตัดสนิ ใจไมเ่ อาเนือ้ หาออก ก็จะเข้าสกู่ ระบวนการ ฟ้องร้องระหว่างรัฐกับประชาชนผู้นั้นต่อไป กรณีน้ีถือว่าตัวกลางท�าหน้าที่เป็น ตวั กลางอย่างแท้จรงิ และไม่ต้องทา� หน้าที่เซน็ เซอร์เนื้อหาแทนรัฐ การรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนกับ บทบาทหนา้ ทขี่ องรฐั ในการรกั ษาผลประโยชนส์ าธารณะผา่ นการเซน็ เซอรเ์ นอื้ หา บางอย่าง ถอื เปน็ ความท้าทายสา� คญั ในการก�ากับดแู ลอนิ เทอร์เน็ต และผมู้ สี ว่ น ได้เสียทุกภาคส่วนของสังคมควรมีส่วนร่วมในการก�าหนดให้อินเทอร์เน็ตเป็น “เทคโนโลยีแห่งเสรภี าพ” ภายใต้ขอ้ จา� กดั ท่ีเหมาะสมพอควร 191

ฟลิ เตอรบ์ บั เบิลและข่าวลวง: อนั ตรายต่อประชาธปิ ไตย? ในศตวรรษท่ี 19 เทคโนโลยีการพิมพ์ท่ีมีราคาถูกลงส่งผลให้เกิดการแพร่ กระจายของหนังสือพิมพ์ท่ีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซ่ึงท�าลายอ�านาจของส่ือสิ่งพิมพ์ ในฐานะกลไกตรวจสอบผมู้ อี า� นาจ ในศตวรรษที่ 20 การเกดิ ขน้ึ ของวทิ ยแุ ละโทรทศั น์ ในฐานะสอ่ื หลกั ทค่ี รอบงา� สงั คมทา� ใหค้ นบางกลมุ่ กงั วลวา่ การถกเถยี งทางการเมอื ง จะถูกลดรูปเหลือเพียงแค่การน�าเสนอภาพนักการเมืองท่ีมีเสน่ห์และข้ึนกล้อง ส่วนคนท่ีมีความรู้ความสามารถในการน�าพาประเทศแต่อาจดูไม่ดีหรือมีเสน่ห์ จะไม่ได้พืน้ ที่ในการนา� เสนอความคดิ พอถงึ ปลายศตวรรษท่ี 20 หลายคนเชอื่ วา่ เทคโนโลยอี นิ เทอรเ์ นต็ ซงึ่ สรา้ งพนื้ ทไ่ี รพ้ รมแดนในการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งพลเมอื ง ทง้ั ในระดบั ประเทศและในระดบั โลก จะชว่ ยสง่ เสรมิ การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ความรู้ และ ความเห็นอันแตกต่างหลากหลาย รวมถึงเป็นพื้นที่ในการพูดคุยแลกเปล่ียนเพ่ือ เรียนรคู้ วามแตกต่างและหาจุดรว่ มทีเ่ ปน็ ประโยชน์กบั สังคมโดยรวมอยา่ งแทจ้ ริง อย่างไรก็ดี คนที่เหน็ ต่างเชอื่ วา่ อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ เทคโนโลยที ่ีไม่เพยี งช่วยให้ ตัวเราเองเลือกรับรู้เฉพาะข้อมูลและความเห็นที่สอดคล้องกับความเชื่อที่ยึดถือ มาก่อน แต่อัลกอริธึมของเสิร์ชเอ็นจ้ินและโซเชียลมีเดียซ่ึงเลือกแสดงเว็บไซต์ หรือโพสต์ที่ตรงกับความสนใจของเราเป็นหลัก (เช่น พ้ืนที่ท่ีเราอยู่ พฤติกรรม การคลิกท่ีผ่านมา หรือประวัติการค้นหา) จะท�าให้เราอยู่ในโลกท่ีได้ยินแต่เสียง สะท้อนท่ีตรงกับความเชื่อของเรา (echo chamber) หรืออยูใ่ นโลกท่หี อ่ หุม้ ดว้ ย ฟองสบู่ (filter bubble หรอื ฟลิ เตอรบ์ บั เบลิ ) ซง่ึ อลั กอรธิ มึ สรา้ งขน้ึ ซา�้ รา้ ยกวา่ นนั้ อนิ เทอรเ์ นต็ ซง่ึ ใครกส็ ามารถสรา้ งและเผยแพรส่ อ่ื โดยไมต่ อ้ งมกี ลไกในการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงอย่างทีมบรรณาธิการ ยังเป็นพ้ืนที่บ่มเพาะ “ข่าวลวง” (fake news) 192

ท้ังหมดนี้ท�าให้คนต้ังข้อสงสัยว่าอินเทอร์เน็ตก�าลังท�าลายประชาธิปไตยหรือไม่ ดงั กรณโี ดง่ ดงั ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั การเลอื กตง้ั ประธานาธบิ ดใี นสหรฐั อเมรกิ าปี 2016 ซง่ึ ผู้คนเสพขา่ วลวงและสร้างฟองสบู่ที่กีดกันข้อมลู และความเหน็ ท่ีแตกตา่ งออกไป อไี ล พารเิ ซอร์ ผเู้ ขยี นหนงั สอื เกย่ี วกบั ปรากฏการณฟ์ ลิ เตอรบ์ บั เบลิ 11 อธบิ ายวา่ บริการออนไลน์มากมายทุกวันน้ีมีอัลกอริธึมท่ีคอยเลือกและปรับบริการให้ ตรงกบั ความตอ้ งการสว่ นบคุ คล (personalization) เชน่ เฟสบคุ๊ กเู กลิ เนต็ ฟลกิ ซ์ แอมะซอน หรือกระท่ังส�านักข่าวต่างๆ ท่ีเลือกแสดงเนื้อหาที่สอดรับกับความ สนใจของเรา อัลกอริธึมของบริการออนไลน์เหล่าน้ีท�าตัวเป็น “นายทวารเฝ้า ประตขู อ้ มูล” คอยคิดแทนว่าเราตอ้ งการเหน็ อะไรโดยไมเ่ คยถามไถเ่ รา ตัวอยา่ ง เช่น ถ้าเรายึดมั่นความเช่ือแบบเสรีนิยม เราก็มักจะมีเพ่ือนในเฟสบุ๊คและกด ถกู ใจความเหน็ ของเพอื่ นทเ่ี ชอ่ื แบบเดยี วกนั อลั กอรธิ มึ กจ็ ะกรองโพสตข์ องเพอ่ื น อนรุ กั ษนยิ มออกไปจากหนา้ เฟสบคุ๊ ของเรา หรอื ถา้ คณุ ใชก้ เู กลิ เพอ่ื คน้ หาคา� บางคา� อัลกอริธึมของกูเกิลก็จะเลือกแสดงผลการค้นหาที่แตกต่างโดยอิงจากข้อมูล และพฤติกรรมของเรา (เช่น เราใช้คอมพิวเตอร์อะไร เราใช้บราวเซอร์แบบไหน เราเคยค้นหาค�าวา่ อะไร) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยกล่าวไว้ว่า “กระรอกท่ีตายหน้าบ้านคุณอาจจะ สอดคลอ้ งกบั ความสนใจของคณุ ตอนนมี้ ากกวา่ ประชาชนทเี่ สยี ชวี ติ ในแอฟรกิ า”12 แน่นอนว่าเฟสบุ๊คอาจหวังดีอยากให้เราเข้าถึงเฉพาะโพสต์ท่ีเก่ียวข้องกับตัวเรา ในโลกทขี่ อ้ มลู ทว่ มทน้ หรอื กแ็ คอ่ ยากดงึ การมสี ว่ นรว่ มของเราผา่ นสง่ิ ทอี่ ลั กอรธิ มึ เชอ่ื วา่ เราสนใจ ทวา่ คา� ถามสา� คญั คอื เราอยากสรา้ งฟองสบอู่ อนไลนท์ ที่ กุ สง่ิ ทเ่ี รา รบั รเู้ ปน็ เรอื่ งเกย่ี วกบั ตวั เราเทา่ นนั้ หรอื เปลา่ เราตอ้ งการพบปะกบั คนใหมๆ่ แนวคดิ ใหมๆ่ มมุ มองใหมๆ่ หรือไม่ เราตอ้ งการข้อมลู และความเหน็ ท่ีสอดคลอ้ งกับสิง่ ที่เราเชื่อเท่าน้ันจริงหรือ แล้วความเห็นที่แตกต่าง ท้าทาย หรือตั้งค�าถามกับ ความเช่ือที่เราคุ้นเคย ไม่ส�าคญั หรอื ไร 193

ปรากฏการณ์ฟิลเตอร์บับเบิลท�าให้นักวิจารณ์มากมายโทษอัลกอริธึมของ ผใู้ หบ้ รกิ ารวา่ กา� ลงั บนั่ ทอนประชาธปิ ไตย แทนทจ่ี ะสง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตยผา่ นการ เข้าถึงและมีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูล แนวคิด และความเห็นอันหลากหลาย แต่เรา สามารถโยนความผดิ ให้เทคโนโลยีทัง้ หมดจรงิ หรอื เปลา่ งานศึกษาของเฟสบ๊คุ 13 พบว่ามีปัจจัยส�าคัญ 3 ประการที่ท�าให้ผู้ใช้ที่ยึดถือความเช่ือต่างกัน (ระหว่าง เสรนี ยิ มและอนรุ กั ษนยิ ม) เหน็ ขา่ วทตี่ รงขา้ มกบั สงิ่ ทเี่ รายดึ มนั่ คอื 1) ใครคอื เพอ่ื น ของเราในเฟสบคุ๊ และข่าวทเี่ พ่อื นแชร์ 2) ในบรรดาข่าวทีเ่ พือ่ นแชร์ ขา่ วไหนที่ถูก แสดงโดยอัลกอริธึมของเฟสบุ๊ค และ 3) เราคลิกดูข่าวแบบไหนท่ีแสดงในหน้า เฟสบคุ๊ ของเรา ผลการศกึ ษาปรากฏวา่ ปจั จยั ทีห่ นึ่ง (เพ่ือนสว่ นมากไมแ่ ชร์ขา่ วที่ ตรงขา้ มกบั ความเชอื่ ) และปจั จยั ทสี่ าม (ตวั ผใู้ ชไ้ มค่ ลกิ ดขู า่ วทตี่ รงขา้ มกบั ความเชอื่ ) มคี วามสา� คัญต่อการสร้างฟลิ เตอร์บบั เบิลมากกว่าปจั จยั ท่สี อง (อัลกอริธมึ เลือก หรอื ไมเ่ ลอื กแสดงโพสตท์ ตี่ รงขา้ มกบั ความเชอ่ื ) ดงั นน้ั ขอ้ สรปุ ในรายงานจงึ บง่ ชว้ี า่ ตัวเราเองต่างหากท่ีเป็นปัจจัยส�าคัญในการเจาะฟองสบู่ออกไปเจอกับความเห็น ท่ีหลากหลาย สว่ นประเดน็ เรอ่ื งขา่ วลวงกบั ผลตอ่ ประชาธปิ ไตยนนั้ ถกู จดุ กระแสขน้ึ จากการ เลอื กตงั้ ประธานาธบิ ดสี หรฐั ฯ ปี 2016 ซงึ่ มขี า่ วลวงแพรก่ ระจายในโซเชยี ลมเี ดยี เยอะเปน็ ปรากฏการณ์ และมขี อ้ กลา่ วหาวา่ รสั เซยี เขา้ แทรกแซงการเมอื งอเมรกิ า ด้วยการซ้ือโฆษณาเพ่ือปลอ่ ยขา่ วลวงในเฟสบ๊คุ (นอกจากการเลอื กตงั้ ในสหรฐั ฯ รายงาน Freedom on the Net ปี 2017 ชี้ว่า การบดิ เบือนข้อมูลและการปล่อย ข่าวลวงเพื่อปั่นป่วนการเลือกตั้ง เกิดขึ้นในอย่างน้อย 17 ประเทศ) งานศึกษา เก่ยี วกบั ข่าวลวงกบั การเลือกต้งั สหรัฐฯ14 แสดงใหเ้ หน็ ว่า 1) ผู้ใหญ่ชาวอเมรกิ ัน จา� นวนมากถึง 62 เปอรเ์ ซน็ ตเ์ สพข่าวบนโซเชยี ลมีเดยี 2) ขา่ วลวงทีไ่ ดร้ ับความ นิยมในเฟสบุ๊คนั้นมีการแชร์มากยิ่งกว่าข่าวท่ีผลิตโดยส่ือกระแสหลักเสียอีก 3) คนจ�านวนมากท่ีมีโอกาสเห็นข่าวลวงยังเชื่อเน้ือหาท่ีปรากฏในข่าวด้วย และ 4) ขา่ วลวงสว่ นมากมแี นวโนม้ ทจ่ี ะเขา้ ขา้ งโดนลั ด์ ทรมั ป์ มากกวา่ ฮลิ ลารี คลนิ ตนั หลักฐานทั้งหมดน�าไปสู่ข้อสรุปของคนบางกลุ่มว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่ชนะ การเลอื กตง้ั หากไมเ่ ปน็ เพราะผลกระทบของขา่ วลวง กลา่ วคอื ขา่ วลวงมพี ลงั มาก ถงึ ขัน้ พลกิ ผลการเลือกต้งั เลยทเี ดียว 194

ข่าวลวงแพร่หลายและได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียมากขนาดน้ีเพราะ 1) อนิ เทอรเ์ นต็ ทา� ใหใ้ ครเปน็ สอื่ กไ็ ด้ การจดั ทา� เวบ็ ไซตแ์ ละหารายไดจ้ ากขา่ วลวง ผ่านแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ก็ท�าได้ง่าย อีกทั้งสื่อสมัครเล่นเหล่านี้ไม่มี ต้นทุนด้านช่ือเสียงท่ีต้องรักษาไว้ แค่หวังประโยชน์ระยะส้ันทั้งในเชิงรายได้และ เชิงอุดมการณ์จากข่าวลวง ซึ่งแตกต่างจากสื่อกระแสหลัก 2) ส่ือโซเชียลถูก ออกแบบมาเพอ่ื การแชร์ และโซเชยี ลมเี ดยี อยา่ งเฟสบคุ๊ หรอื ทวติ เตอรก์ ก็ ลายเปน็ แพลตฟอร์มที่มีคนใชม้ ากขนึ้ ทุกปี (จา� นวนผใู้ ช้โซเชยี ลมเี ดียในปี 2018 คอื เกอื บ 3.2 พันล้านคน หรอื คดิ เป็น 42 เปอรเ์ ซ็นต์ของประชากรโลก15) 3) ความไวใ้ จ ในสื่อกระแสหลักนั้นเส่ือมคลายลงอย่างต่อเน่ือง ท�าให้ประชาชนหันไปเชื่อถือ ส่ือจากแพลตฟอร์มอ่ืนๆ มากขึ้น และ 4) การแบ่งขั้วทางการเมืองท่ีเกิดข้ึนใน หลายประเทศส่งผลให้คนท่ียึดถือความเชื่อแตกต่างกันอย่างสุดขั้วมีจ�านวนมาก ขนึ้ คนเหลา่ นพี้ รอ้ มจะเชอื่ ขา่ วทโี่ จมตฝี า่ ยตรงขา้ ม แมจ้ ะดไู มม่ มี ลู ความจรงิ กต็ าม ผลกระทบเชงิ ลบทเี่ กดิ ขน้ึ กบั สงั คมจากการทขี่ า่ วลอื แพรก่ ระจายนนั้ มหี ลาย มติ ิ ตวั อยา่ งเช่น ผทู้ ห่ี ลงเช่ือในข่าวลวงย่อมมีความเช่ือที่ไม่ถกู ต้องและสง่ ผลตอ่ การใชเ้ หตผุ ลเพอื่ การถกเถยี งแลกเปลย่ี น อนั เปน็ เงอื่ นไขจา� เปน็ สา� หรบั การสรา้ ง สงั คมประชาธปิ ไตยทด่ี ี การทผี่ บู้ รโิ ภคตอ้ งเผชญิ กบั ขา่ วลวงมากๆ ทา� ใหเ้ กดิ ความ กงั ขากระทง่ั กบั สอ่ื ทผ่ี ลติ ขา่ วดๆี สง่ ผลใหไ้ มส่ ามารถแยกระหวา่ งขา่ วคณุ ภาพกบั ขา่ วลวงได้ รวมถงึ การทข่ี า่ วลวงไดร้ บั ความสนใจมากขน้ึ อาจไปลดแรงจงู ใจในการ ลงทุนผลิตขา่ วท่ถี กู ตอ้ งและมคี วามเป็นมืออาชพี ได้ ข้อเสนอในการรับมือกับข่าวลวงน้ันมีหลากหลาย ตั้งแต่การเรียกร้องให้ ผใู้ หบ้ รกิ ารอยา่ งเฟสบคุ๊ และกเู กลิ ใชเ้ ทคโนโลยตี รวจสอบและกรองขา่ วลวงออกไป จากแพลตฟอร์มของตน ส่งเสริมให้เกิดการผลิตข่าวที่น่าเชื่อถือโดยสื่อมืออาชีพ จัดตั้งหน่วยงานในการรับแจ้ง ตรวจสอบ และแก้ไขข่าวลวง ไปจนถึงข้อเสนอ ด้านการศึกษาโดยการเสริมสร้างความรู้เท่าทันส่ือและสารสนเทศให้กับพลเมือง เช่น การตรวจสอบทม่ี าและความนา่ เช่อื ถือของแหล่งขอ้ มลู การเสพข่าวอยา่ งมี วิจารณญาณ การไม่แชร์หรือส่งต่อข่าวลวงเพียงเพราะมันดูน่าต่ืนเต้น น่าสนใจ หรือสอดรับกบั ความเชอ่ื ของตนเองเทา่ น้นั 195

Facebook กบั การจดั การข่าวลวง เฟสบุ๊คตกเป็นเป้าการโจมตีว่าเป็นแหล่งเผยแพร่ข่าวลวงในช่วง เลือกตง้ั ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 และเพือ่ จัดการกบั ขา่ วลวง เฟสบุ๊คประกาศว่าจะด�าเนินมาตรการเพ่ือลดการแพร่กระจายของ ขา่ วลวงในบรกิ ารของตน เชน่ การเปดิ ใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถรายงานโพสตท์ ่ี สงสยั วา่ เขา้ ขา่ ยขา่ วลวง การใชซ้ อฟทแ์ วรเ์ พอื่ ระบโุ พสตท์ เี่ ปน็ ขา่ วลวง หรือการตดั ช่องทางหารายได้ของผู้ผลิตขา่ วลวง หนง่ึ ในมาตรการจดั การกบั ขา่ วลวงคอื การสรา้ งระบบตรวจสอบ ข้อเท็จจริงผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกอย่างส�านักข่าว เอพ,ี เอบซี นี วิ ส์ และ FactCheck.org หากโพสตไ์ หนทผี่ ใู้ ชส้ งสยั วา่ เปน็ ข่าวลวงและรายงานมายังเฟสบุ๊ค หน่วยงานดังกล่าวก็จะตรวจสอบ ขอ้ เทจ็ จรงิ หากพบวา่ เปน็ ขา่ วลวงกจ็ ะมกี ารตดิ ปา้ ยเพอื่ เตอื นใหผ้ ใู้ ชร้ ู้ วา่ ควรเชอื่ และแชรโ์ พสตน์ น้ั หรอื เปลา่ รวมถงึ โอกาสในการถกู เหน็ ของ ข่าวทถ่ี ูกติดปา้ ยบนเฟสบุ๊คก็จะลดไปเกอื บ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ อีกมาตรการหน่งึ ที่เฟสบคุ๊ ออกมาประกาศเมือ่ ตน้ ปี 2018 คือ การปรับอัลกอริธึมให้แสดงโพสต์ของเพื่อนและครอบครัวเป็นหลัก ขณะทีล่ ดการแสดงโพสต์ในระดบั องค์กรหรอื หน่วยงาน เชน่ องคก์ ร ส่ือที่ใช้เฟสบุ๊คเป็นพ้ืนท่ีในการเผยแพร่ข่าว โดยเฟสบุ๊คให้เหตุผลว่า อลั กอรธิ มึ ใหมน่ จี้ ะชว่ ยใหเ้ ฟสบคุ๊ รกั ษาความเปน็ พนื้ ทสี่ า� หรบั ปฏสิ มั พนั ธ์ กบั คนใกลช้ ดิ อยา่ งมคี วามหมาย และลดโอกาสทผ่ี ใู้ ชจ้ ะเจอกบั ขา่ วลวง ท่ถี ูกเผยแพร่โดยองค์กรหรือสถาบนั ต่างๆ อย่างไรก็ดี บทความของ นิวยอรก์ ไทมส์ 16 วิเคราะหว์ ่า คนเรา มักเลือกแชร์ข่าวท่ีหวือหวาอย่างข่าวลวงมากกว่าข่าวคุณภาพที่ผ่าน การตรวจสอบข้อเท็จจริง การปรับอัลกอริธึมให้ผู้ใช้เฟสบุ๊คเห็นข่าว ที่แชร์จากเพ่ือนหรือครอบครัวมากขึ้น ขณะที่เห็นข่าวจากส�านักข่าว นอ้ ยลง อาจจะสง่ ผลตรงกนั ขา้ ม นน่ั คอื ขา่ วลวงจะแพรก่ ระจายมากขนึ้ และโอกาสท่ีคนจะเห็นข่าวท่ีผ่านการตรวจสอบแก้ไขข้อเท็จจริงก็จะ ย่งิ ลดลง

บทสรุป ทิม เบอรเ์ นริ ์ส-ลี ผ้คู ิดคน้ เวลิ ์ดไวด์เว็บ เคยกลา่ วไวว้ า่ “ผมยังไมเ่ ห็นเวบ็ ใน แบบที่ผมจินตนาการถงึ อนาคตของมนั จะย่งิ ใหญ่กว่าสิง่ ท่ีเป็นมาในอดีต” ไม่ว่าเว็บหรืออินเทอร์เน็ตที่ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี จินตนาการถึงจะหน้าตาเป็น อย่างไรในอนาคต จะสอดคล้องกับความฝันของหลายคนท่ีอยากเห็นเทคโนโลยี ดจิ ทิ ลั ชว่ ยสรา้ งสงั คมทด่ี แี หง่ ศตวรรษที่ 21 สงั คมทพ่ี ลเมอื งมอี สิ รภาพสว่ นบคุ คล มโี อกาสในการเขา้ ถึงความรู้ทไี่ ร้พรมแดน มีความเทา่ เทยี มทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม รวมถงึ มโี อกาสดา� รงชวี ติ อยา่ งสรา้ งสรรคผ์ า่ นทางเลอื กทม่ี มี ากขน้ึ หรือไมอ่ ย่างไร แตส่ ิ่งที่แน่นอนคอื ความทา้ ทายใหม่ๆ ในยุคดิจิทลั กา� ลงั บ่นั ทอน ศักยภาพของอนิ เทอร์เน็ตในการสร้างสงั คมทดี่ ี พลเมืองดิจิทัลไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจแนวคิดพลเมืองที่สอดคล้องกับยุคสมัย สรา้ งทกั ษะและความรดู้ จิ ทิ ลั อยา่ งรอบดา้ น ปกปอ้ งตนเองจากภยั คกุ คามออนไลน์ ตระหนกั ถงึ สทิ ธแิ ละความรบั ผดิ ชอบในยคุ ดจิ ทิ ลั และมองหาโอกาสดา้ นตา่ งๆ ท่ี อินเทอร์เน็ตช่วยสร้างข้ึน แต่ยังต้องเข้าใจประเด็นท้าทายใหม่ๆ และมีส่วนร่วม ในการกา� หนดเงื่อนไขท่ชี ่วยใหอ้ นิ เทอร์เน็ตสง่ เสรมิ สังคมทเ่ี ราอยากเห็น อนาคตของอินเทอร์เน็ตจะเป็นอย่างไร มันจะช่วยสร้างสังคมท่ีเต็มไปด้วย โอกาสหรือความเส่ยี ง พลเมืองดจิ ิทัลอย่างเราล้วนมีสว่ นในการกา� หนดมัน 197

อ้างอิง 1 Manuel Castells, End of Millennium (Oxford & Massachusetts: Blackwell, 1998/2000). 2 World Bank, World Development Report 2016: Digital dividends (Washington, DC: World Bank, 2016). 3 World Bank, World Development Report 2016. 4 สุพจน์ เธยี รวุฒิ, “Digital Access: Bridging the Digital Divide,” เอกสาร น�าเสนอในงานสัมมนาหัวขอ้ “Digital Transformation: โอกาสและความท้าทาย สา� หรับประเทศไทย,” กรุงเทพฯ, กันยายน 9, 2560. 5 ทวติ เตอร์ของ Ro Khanna (2017), อา้ งใน Sheheryar Khan, “Debate Against and For Net Neutrality,” PureVPN, February 23, 2018, https:// www.purevpn.com/blog/arguments-against-net-neutrality/. 6 โจวาน เคอรบ์ าลิจา, เปดิ ประตูส่กู ารอภิบาลอินเทอรเ์ นต็ , แปลโดย พิภพ อุดมอิทธิพงศ์ (กรุงเทพฯ: เครอื ข่ายพลเมืองเน็ต, 2558). 7 Electronic Frontier Foundation, “Important Win for Fair Use in ‘Dancing Baby’ Lawsuit,” September 14, 2015, https://www.eff.org/ press/releases/important-win-fair-use-dancing-baby-lawsuit. 8 Lawrence Lessig, Remix: Making art and commerce thrive in the hybrid economy (Bloomsbury Academic, 2008). 9 ดรู ายงานได้ทเ่ี วบ็ ไซต์ Freedom House, https://freedomhouse.org/.

10 อ้างองิ จาก Office of Consumer Affairs, “Notice and Notice Regime,” Innovation, Science and Economic Development Canada, last modified January 20, 2015, https://www.ic.gc.ca/eic/site/oca-bc.nsf/eng/ ca02920.html. 11 Eli Pariser, The Filter Bubble: How the new personalized web is changing what we read and how we think (New York: Penguin Books, 2012). 12 อ้างอิงจาก Eli Pariser, “When the Internet Thinks It Knows You,” The New York Times, May 22, 2011, https://www.nytimes. com/2011/05/23/opinion/23pariser.html. 13 Eytan Bakshy, Solomon Messing and Lada A. Adamic, “Exposure to Ideologically Diverse News and Opinion on Facebook,” Science 348, 6239 (2015): 1130-1132. 14 Hunt Allcott and Matthew Gentzkow, “Social Media and Fake News in the 2016 Election,” Journal of Economic Perspectives 31, 2 (2017): 211-236. 15 อ้างองิ จากเวบ็ ไซตข์ อง Hootsuite, https://hootsuite.com. 16 Sheera Frenkel, Nicholas Casey and Paul Mozur, “In Some Countries, Facebook’s Fiddling Has Magnified Fake News,” The New York Times, January 14, 2018, https://www.nytimes.com/2018/01/14/technology/ facebook-news-feed-changes.html.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook