oใครค่ รวญเก่ียวกบั มนุษย์ __________________________________________ ทรงกรุณาย่ิง พระราชวังอันย่ิงใหญ่และการอภัยโทษน้ันกว้างขวาง ฉันจึง กล่าววา่ ฉันไมเ่ คยได้ยนิ คำ�พดู เชน่ นี้ นอกจากครั้งนัน้ คร้ังเดียว” (อาบูอัล-ฟา รอจ หนงั สอื อัฮวาล อลั -กุบรู หน้า 155) N99
การใคร่ครวญอัลกุรอาน แท้จริง อัลกุรอานอันทรงเกียรติคือประตูอัน ย่ิงใหญ่ที่ถูกประทานและเปิดให้แก่สำ�หรับผู้ศรัทธา บรรดาผู้ซ่ึงใบหน้าและหัวใจของเขามุ่งหมายไปยังการ รับรู้อย่างลึกซ้ึงถึงการใคร่ครวญในดุนยา อัลกุรอานน้ี คอื ทรี่ วบรวมแนวความคดิ อนั กวา้ งขวาง คอื คำ�พดู แหง่ แผ่นดินและฟากฟ้า คือคลังแห่งความรู้และการรู้แจ้ง ซึ่งเปน็ การแตกแขนงแหง่ วทิ ยปญั ญาต่าง ๆ อย่างไมม่ ี หมดสน้ิ อนั เปน็ ทตี่ อ้ งการสำ�หรบั จติ วญิ ญาณ และเปน็ ถอ้ ยแถลงอนั มหศั จรรย์ ทถ่ี กู ประทานใหแ้ กม่ นษุ ยชาติ หนงั สอื นบั พนั นบั หมน่ื เล่ม ที่ถูกเรยี บเรียงมาตลอดพัน สร่ี อ้ ยกวา่ ปี ลว้ นกลบั มาอา้ งอิงคัมภีรเ์ ล่มน้ี ดว้ ยเหตนุ ้ี จึงเป็นวาระสำ�คัญยิ่งที่เราจะต้องทำ�ความเข้าใจคัมภีร์ เล่มน้ี รว่ มกันพิจารณาอย่างลกึ ซึง้ พร้อมกบั แนะนำ�แก่ มนุษยชาตถิ งึ คุณค่าอนั แทจ้ รงิ
การใคร่ครวญอัลกรุ อาน โดยธรรมชาติมนุษย์มีการโน้มเอียงสู่การพินิจพิจารณาอยู่แล้ว แต่ เราจำ�ต้องอาศัยการช้ีนำ�เสมือนบังเหียนท่ีควบคุมจิตใจให้ปลอดจากเส้น ทางอันคับแคบจากอัตตาและผินหน้าไปสู่สัจธรรมและความดีงาม เคร่ือง มือชี้นำ�ท่ีจำ�เป็นอย่างยิ่งคืออัลกุรอานอันทรงเกียรติ อันเป็นคำ�ดำ�รัสของ ผู้ทรงสูงส่ง รวมถึงท่ีรวบรวมและคำ�อธิบายท่ีเป็นรูปธรรม น่ันก็คือท่าน รอซูล ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลยั ฮิ วะซัลลัม (ขอการประสาทพรจากอัลลอฮแฺ ละ สนั ติมีแดท่ า่ น) ในหัวใจของผู้ศรัทธา อัลกุรอานคือประตูอัศจรรย์ที่จะนำ�ไปสู่เบ้ือง ลึกของอาณาจักรแหง่ การใครค่ รวญ สู่ขอบฟา้ อันกวา้ งไกลแหง่ การน้อมรับ มันคือภาษาแห่งช้ันฟ้าและแผ่นดิน อุดมด้วยถ้อยคำ�แห่งวิทยปัญญา เป็น อาหารหนงึ่ เดียวของจติ วิญญาณ เป็นขุมสมบัติแหง่ แรงบันดาลใจอันไม่มีท่ี สิน้ สุด เป็นสำ�นวนโวหารอนั มหัศจรรยท์ ส่ี ุดที่เคยมีมาใหแ้ กม่ วลมนษุ ยชาติ คัมภีร์อัลกุรอานคือคัมภีร์ที่จะชี้แจงถึงมนุษย์และจักรวาล จักรวาล มนุษย์และอัลกุรอานคือสามเขตแดนที่เชื่อมโยงถึงกัน เพ่ือท่ีจะฉายแสง แห่งความสมบูรณ์แก่กันและกัน บุคคลที่ดื่มดำ่ �กับอัลกุรอานสามารถที่จะ สัมผัสถึงความโปรดปรานจากเบ้ืองบนท่ีมีอยู่ในตัวของเขาและในจักรวาล และสามารถที่จะพลิกหน้าคัมภีร์แห่งวิทยปัญญา ความอัศจรรย์แห่งชั้น ฟ้าจะถูกเปิดเผยแก่เขา หน้าต่างมากมายจะถูกเปิดข้ึนในหัวใจและขยาย ขอบเขตอันกว้างไกลส่ผู สู้ รา้ ง โอสถในการเยียวยารักษาความปราถนาแห่งอัตตา ที่ผลักดันความ เป็นมนุษ์ท้ังหลายไปสู่หนทางแห่งความหายนะน้ันล้วนมีอยู่ใน อัลกุรอาน Nมันจะเยียวยารักษาศีลธรรมท่ีตำ่ �กว่ามาตรฐานท่ีทำ�ให้มนุษย์แปรสภาพไป 103
o การคิดใคร่ครวญ เป็นสัตว์ร้าย และเป็นมาตรวัดท่ีจะป้องกันความรู้สึกรักในความยุติธรรม ให้ผันแปรไปสู่ความอยุติธรรมอันมิทางยอมรับได้ สำ�หรับมาตรฐานต่าง ๆ ที่จำ�เป็นเพื่อทจี่ ะดำ�รงอยู่ได้ด้วยกับความเป็นมนุษย์ ทุก ๆ บรบิ ทนัน้ ลว้ น มอี ยูใ่ นอลั กุรอานเพยี งแหลง่ เดยี วเท่าน้ัน อัลลอฮเฺ ป็นผทู้ รงสอนอลั กรุ อาน คัมภีร์อัลกุรอานเป็นของขวัญอันย่ิงใหญ่ที่สุดที่มอบให้แก่มวล มนุษยชาติ เปน็ ของขวัญของพระองค์ผูท้ รงสงู สง่ พระองค์ทรงกลา่ วว่า “พระผู้ทรงกรณุ าปรานี พระองค์ทรงสอนอัลกรุ อาน พระองค์ทรง สรา้ งมนุษย์ พระองคท์ รงสอนเขาใหเ้ ปล่งเสียงพูด” (อรั -เราะหฺมาน, 1-4) การสอนอัลกุรอานเป็นการแสดงถึงความกรุณาอันหาท่ีสุดมิได้ของ พระองค์ ด้วยการดังกล่าว อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงจัดเตรียมให้มนุษยชาติ เข้าถึงวิทยปัญญาสูงส่งและเป็นการตอบคำ�ถามมากมายอันน่าพิศวง ด้วย เหตุนั้นมนุษย์จึงมีความจำ�เป็นท่ีต้องศึกษาอัลกุรอาน และเริ่มต้นด้วยกับ การพัฒนาโลกที่อยู่ภายใน จากน้ันจึงพยายามต่อไปที่จะนำ�อัลกุรอานมาสู่ ความเปน็ จรงิ ในชวี ติ ด้วยกับการกระทำ� ดว้ ยกบั พฤตกิ รรม และท้ายที่สุด พยายามอย่างจริงจังท่ีจะนำ�สาสน์ไปสู่มวลมนุษยชาติอ่ืน ๆ ด้วยกับุคคลิก ภาพทีส่ ง่ ผลมากทีส่ ุด หนังสอื ทกุ เลม่ เพ่อื อลั กรุ อานเลม่ เดียว หนงั สอื หลายพนั เลม่ ทถ่ี กู เขยี นขนึ้ ในโลกอสิ ลามตลอดพนั สรี่ อ้ ยกวา่ ปี ทผี่ ่านมา ล้วนแลว้ แต่มจี ดุ ม่งุ หมายเพียงประการเดียวนน่ั กค็ อื เพ่อื ทำ�ความ เข้าใจและเป็นเคร่ืองมือในการเข้าถึงคัมภีร์เพียงเล่มเดียว และเพ่ือท่ีจะ ทำ�ความใกล้ชิดในทุกรายละเอียดชีวิตของชายเพียงผู้เดียว เพ่ือที่จะทำ�ให้ N104 อัตตาในตนเองลดลง แต่มีความคล้ายชายผู้นั้นมากขึ้น หากต้นไม้ท้ังหมด
oการใคร่ครวญอลั กุรอาน ___________________________________________ ในโลกนี้ถูกนำ�มาเป็นปากกาและนำ้ �ทะเลแทนหยดหมึก ก็ยังคงเป็นไปไม่ ได้ทจ่ี ะสาธยายวทิ ยปญั ญาและสัจธรรมทง้ั หมดที่มอี ยใู่ นคมั ภรี ์อลั กรุ อาน14 ในคัมภีร์เล่มนี้บรรจุด้วยแหล่งกำ�เนิดของความรู้และวิทยปัญญา ท้ังหมด เช่นเดียวกับที่เป็นกุญแจนำ�ไปสู่ความผาสุกในชีวิตทั้งในโลกน้ีและ โลกหนา้ อัลกุรอานคือคัมภีร์แห่งการชี้นำ�ทางอยู่เสมอ ขณะท่ีวิทยาศาสตร์ ติดตามทางที่ชี้ไป ทุกการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เป็นการยืนยันและฉาย แสงแห่งสัจธรรมแหง่ อลั กุรอาน อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรสั วา่ “เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอัน ไกลโพ้นและ ในตัวของพวกเขาเอง จนกระทั่งจะเป็นประจักษ์แก่พวก เขาว่า อลั กุรอานน้นั เป็นความจรงิ ยงั ไม่พอเพียงอีกหรอื ที่พระเจ้าของ เจ้าน้ันทรงเปน็ พยานต่อทุกสิ่ง” (ฟุศศิลัต, 53) การวิจัยค้นหาส่ิงท่ีมีอยู่ในอัลกุรอานอย่างต่อเน่ือง จะยังคงแสดงถึง ปาฏิหารย์ที่ซ่อนอยู่ทุกเมื่อ ที่จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้แจ้งแก่เราว่าบรรดาผู้รู้ท่ีแท้จริงไม่สามารถที่จะมีความพอเพียงต่อการ อา่ นอลั กรุ อาน เนอื่ งจากมนั ไมเ่ คยทจี่ ะสญู เสยี ความสดชน่ื ทมี่ อี ยู่ แตก่ ลบั ยงั คงสาธยายอยา่ งต่อเนือ่ งและแง่มมุ ตา่ ง ๆ (ทีค่ น้ พบ) กจ็ ะทำ�ใหม้ นุษย์ลดลง ความช่นื ชมอันไรค้ ำ�พดู ไมม่ วี ันจบสิ้น15 การอ่านอลั กุรอานอยา่ งใครค่ รวญ บรรดาปวงปราชญม์ สุ ลมิ ลว้ นระบเุ ปา้ หมายในการอา่ นอลั กรุ อานตรง กนั นน้ั คอื เพอื่ ทจ่ี ะทำ�การใครค่ รวญความหมาย คน้ หา วทิ ยปญั ญาทซ่ี อ่ นอยู่ ข้างใน และปฏิบัติตามใหส้ อดคลอ้ งกับส่ิงทอ่ี ัลกรุ อานต้องการ 14 ซเู ราะฮลฺ ุกมาน อายะฮฺท่ี 27 N105 15 อัตติรมีซียฺ, ฟะฎออลิ ุ้ล-กุรอาน, 14; อดั ดารมิ ยี ,ฺ ฟะฎออิลุล้ -กรุ อาน, 1.
o การคดิ ใคร่ครวญ ในการกระตุ้นใหเ้ กดิ การครนุ่ คิด ยอ่ มไม่มีออะไรที่จะดีไปกว่าการอ่า นอัลกุรอาน เน่ืองด้วยเป็นคำ�พูดของอัลลอฮฺ ตะอาลา ผู้ซึ่งไร้ขีดจำ�กัดใน ความรอบรู้ถึงสภาวะความเป็นมนุษย์ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง เสมือนว่าคัมภีร์ อลั กรุ อานเปน็ กระจกสอ่ งสำ�หรบั มนษุ ญแ์ ต่ละผูค้ น ทำ�ให้เขารจู้ ักตนเองใน หนทางทเี่ ขาควรจะเป็น ดงั นนั้ มสุ ลมิ ทกุ คนจำ�เปน็ ตอ้ งอา่ นอลั กรุ อานอยอู่ ยา่ งสม่ำ�เสมอ และ สะทอ้ นภาพถงึ สงิ่ ท่อี ลั ลอฮฺ ตะอาลา ประสงคใ์ หเ้ ขาเปน็ และปฏิบัติตามใน แต่ละอายะฮฺ เนื่องด้วยเพราะแต่ละถ้อยคำ�ในอัลกุรอานประกอบด้วยคุณค่าอันไม่ สามารถประเมินคา่ ได้ การอ่านอย่างใคร่ครวญแมเ้ พยี งหนงึ่ อายะฮฺดว้ ยกบั การอ่านลักษณะเช่นนี้ ย่อมดีกว่าการอ่านอัลกุรอานท้ังเล่มโดยปราศจาก การใส่ใจ มีเพียงหัวใจที่ได้รับการขัดเกลาและจิตวิญญาณอันสงบเท่านั้นท่ี จะได้รับประโยชน์จากการใคร่ครวญอย่างละเอียดอ่อน คุณธรรมอันสูงส่ง และการกระทำ�ความดี จะเป็นเคร่ืองการันตใี นการเข้าถึงความจริงข้อน้ี อลั ลอฮฺ ซบุ หานะฮู วะตะอาลา ทรงตรัสวา่ “นคี่ อื ซเู ราะฮห์ นง่ึ ทเ่ี ราไดป้ ระทานมนั ลงมา และเราไดก้ ำ�หนดเปน็ ขอ้ บงั คบั ส่งิ ทีม่ อี ยู่ในมนั และเราได้ประทานโองการตา่ ง ๆ ทมี่ ีอยูใ่ นนนั้ ใหเ้ ปน็ บทบญั ญตั อิ นั ชดั แจง้ เพอ่ื พวกเจา้ จกั ไดร้ ำ�ลกึ ใครค่ รวญ” (อนั นรู , 1) “คมั ภรี ์ (อลั กรุ อาน) เราไดป้ ระทานลงมาใหแ้ กเ่ จา้ ซงึ่ มคี วามจำ�เรญิ เพอื่ พวกเขาจะไดพ้ นิ จิ พจิ ารณาอายาตตา่ ง ๆ ของอลั กรุ อานและเพอื่ ปวง ผู้มีสติปญั ญาจะได้ใคร่ครวญ” (ศ็อด, 29) “พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ แต่ว่าบน หวั ใจของพวกเขามกี ญุ แจหลายดอกลัน่ อยู่” (มุฮมั หมัด, 24) ครงั้ หนงึ่ ทา่ นรอซลู ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั ถกู ถามถงึ การอา่ น N106 ทด่ี ที ่ีสุดและมารยาทท่เี หมาะสมในการอ่านอลั กุรอาน (กิรออะฮ)ฺ ทา่ นตอบ
oการใครค่ รวญอัลกุรอาน ___________________________________________ วา่ “คอื การอา่ นทเ่ี มอ่ื ทา่ นไดฟ้ งั น�้ำ เสยี งของเขาแลว้ มนั ท�ำ ใหท้ า่ นเกดิ ความ รสู้ ึกเกรงกลวั ตอ่ อลั ลอฮฺ” (อดั -ดาริมยี ,ฺ ฟะฏอลิ ลุ้ -กุรอาน, 34) การอ่านอัลกุรอานคือกิจกรรมท่ีสำ�คัญที่สุดที่จะป้องกันเสียงกระซิบ กระซาบจากชัยฏอน สำ�หรับคนหน่ึงที่จะอ่านกุรอานและได้รับผลสะท้อน จากคำ�สัญญา คำ�ตกั เตอื น สญั ญาณอนั ชดั เจน และถ้อยแถลงแห่งการเชญิ ชวนใหก้ ระทำ�การดดี ว้ ยการกระตนุ้ เรง่ เรา้ อยา่ งยงิ่ ยวด เขาจะพยายามอยา่ ง ยง่ิ ยวดในการออกหา่ งจากคำ�สง่ั หา้ มและข้อคลมุ เครอื ตา่ ง ๆ เนอ่ื งดว้ ยการ อ่านอัลกุรอานถือเป็นการกระทำ�ดีในลำ�ดับต้นของการงานที่ดีท้ังหลาย ชยั ฏอนจะพยายามกระทำ�ทกุ วถิ ที างเพอ่ื ใหม้ นษุ ยห์ า่ งไกลจากพระดำ�รสั ขอ งอลั ลอฮฺ ตะอาลา จงึ เปน็ เหตใุ หเ้ ราถกู สงั่ ใชใ้ หข้ อความคมุ้ ครองจากพระองค์ กอ่ นทจี่ ะทำ�การอา่ นอลั กรุ อานโดยกลา่ ววา่ (ฉนั ขอความคมุ้ ครองตอ่ อลั ลอฮฺ ใหพ้ ้นจากมารร้ายที่ถกู สาปแช่ง) “ดงั นนั้ เมอื่ เจา้ อา่ นอลั กรอุ าน กจ็ งขอความคมุ้ ครองตอ่ อลั ลอฮใ์ ห้ พ้นจากชัยฏอนท่ีถกู สาปแชง่ ” (อัน-นะฮลฺ ุ, 98) ท่านรอซลู ลลุ ลอฮอฺ า่ นอัลกุรอานอยา่ งไร ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จะอ่านอัลกุรอานอย่างช้า ๆ พร้อมกับการใคร่ครวญ ท่านจะพนิ ิจพิาจณาความหมายในแตล่ ะอายะฮฺ และนอ้ มรับนำ�มาปฏบิ ตั ิอยา่ งทนั ทที ันใดในคำ�สัง่ ใชต้ า่ ง ๆ เม่ือทา่ นอ่านมา ถงึ อายะฮทฺ ส่ี งั่ ใชใ้ หท้ ำ�การสดดุ อี ลั ลอฮฺ (ตสั บหี )ฺ ทา่ นจะกลา่ ว ซบุ ฮานลั ลอฮฺ เป็นการปฏิเสธข้อบกพร่องใด ๆ ทั้งหมดของพระผู้สร้าง เมอ่ื ถึงอายะฮฺท่สี ัง่ ใชใ้ หท้ ำ�การวิงวอน ทา่ นก็จะวอนขอตอ่ อัลลอฮฺ และเมอ่ื ทา่ นอ่านถงึ อายะฮฺ ทสี่ งั่ ใชใ้ หข้ อความคมุ้ ครองตอ่ อลั ลอฮฺ ทา่ นกจ็ ะปฏบิ ตั ติ ามเชน่ นนั้ 16 บางครง้ั ทา่ นมงุ่ ตรงเพยี งหนง่ึ อายะฮอฺ ยา่ งตง้ั ใจ ซงึ่ ทา่ นอา่ นและใครค่ รวญจนกระทง่ั ถึงเวลาศบุ หฺ (รุ่งอรณุ ) 16 มสุ ลมิ , มซุ าฟิรีน, 203; นะซาอีย,ฺ กยิ ามลุ ลยั ล,ฺ 25/1662 N107
o การคดิ ใคร่ครวญ อบูซัรรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า “คร้ังหน่ึงท่านรอซูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เคยยืนอ่านอายะฮฺน้ีในละหมาดยามคำ่ �คืน จนกระท่งั รุง่ เช้า” “หากพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาแท้จริงพวกเขาก็คือบ่าวของ พระองค์และหากพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงพระองค์ ท่านคือ ผ้ทู รงเดชานุภาพ ผูท้ รงปรีชาญาณ” (อลั มาอดิ ะฮ,ฺ 118) (นะซาอียฺ, อิฟ ติตาห,ฺ 79; อะหฺหมัด เล่ม 5 หนา้ 156) ทา่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั หลงั จากทอ่ี า่ นอายะฮดฺ งั กลา่ ว ครั้งหนงึ่ ท่านเคยกลา่ วต่อมาว่า “โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงพวกมันได้ทำ�ให้มนุษย์ส่วน ใหญ่หลงทาง ดงั น้ันผู้ใดปฏิบัติตามขา้ พระองค์ แทจ้ ริงเขาเป็นพวกของ ข้าพระองค์ และผู้ใดฝ่าฝืนข้าพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผทู้ รงเมตตา” (อิบรอฮมี , 36) หลังจากกล่าวดังน้ัน ท่านจะยกมือขึ้นสูงและเริ่มขอดุอาอฺท้ังน้ำ�ตา ความว่า “โอ้อลั ลอฮฺ อมุ มะฮขฺ องฉนั อุมมะฮฺของฉัน” อลั ลอฮฺ ซูบฮานะ ฮวู ะตะอาลา จึงทรงส่ังญิบรลี อะลัยฮิสสลาม “เจา้ จงไปและถามมุฮัมหมดั วา่ ทำ�ไมถึงรอ้ งไห้ เพื่อทีม่ นษุ ย์จะได้รถู้ งึ เหตผุ ล แนน่ อน พระผอู้ ภบิ าลของ เจ้าย่อมรูถ้ ึงเหตุผลเหลา่ นัน้ เป็นอย่างด”ี ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม กลับมาและได้รายงานถึงเหตุผลท่ีรอซูลของ พระองคร์ ำ่ �ไห้ในความหว่ งใยประชาชาตขิ องท่าน อลั ลอฮฺ ซุบฮานะฮวู ะตะ อาลา จงึ สง่ั ให้ญิบรีล หวั หนา้ ของเหลา่ เทวฑตู อกี คร้ังหนึ่ง “จงไปหามฮุ มั หมดั และบอกเขาถงึ กระแสแหง่ ความปลมื้ ปติ ขิ องเราวา่ เราจะเมตตาเขาและประชาชาตขิ องเขา และเราจะไมท่ �ำ ให้เขาเสียใจ” (หะ ดีษบันทกึ โดยมสุ ลมิ , อีหม่าน, 346) ด้วยกบั ความหว่ งใยและเอาใจใส่ของท่านนบี ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะ N108 ซลั ลัม ต่อประชาชาติของทา่ น จ�ำเปน็ อย่างยง่ิ ทีเ่ ราจะตอ้ งตระหนกั ถงึ เรอื่ ง
oการใคร่ครวญอัลกุรอาน ___________________________________________ ราวขา้ งบนอย่างแท้จริง และพิจารณาถงึ ระดบั ของความรักของเราท่ีมตี อ่ ทา่ นนบี ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม และการที่เราปฏบิ ัตติ ามสนุ นะฮฺ ของทา่ นนบไี ด้มากนอ้ ยแคไ่ หน ประหนงึ่ เปน็ เคร่อื งยืนยนั ความรกั ของเรา (ตอ่ ทา่ นนบ)ี อับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอูด รอฏยิ ลั ลอฮุอันฮุ รายงานวา่ วนั หนง่ึ ท่านรอ ซลู ลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลัม ถามฉันวา่ “เจ้าอ่านกรุ อานให้ฉัน ฟงั หนอ่ ยได้หรอื ไม่” ฉนั ตอบวา่ “ฉันจะอา่ นกรุ อานใหท้ า่ นฟงั ได้อย่างไร ใน เม่ืออัลกุรอานถูกประทานลงมายงั ท่าน” ทา่ นตอบวา่ “ฉันชอบทจ่ี ะฟังอลั กุ รอานจากผอู้ นื่ เชน่ กนั ” เมอ่ื ทา่ นรอซลู ลุ ลอฮกฺ ลา่ วเชน่ นนั้ ฉนั จงึ เรมิ่ การอา่ น ด้วยซเู ราะฮฺ อนั -นิสาอฺ เม่อื ฉนั อ่านมาถึงอายะฮฺที่กลา่ วว่า “แลว้ อยา่ งไรเลา่ เมอ่ื เรานำ�พยานคนหนง่ึ จากแตล่ ะประชาชาตมิ า และเราได้นำ�เจา้ มาเป็นพยานตอ่ ชนเหลา่ น”ี้ (อนั -นสิ าอฺ, 41) ท่านกล่าวว่า “น่ันเป็นการเพียงพอแล้วสำ�หรับตอนนี้” เม่ือฉันมอง ไปทที่ า่ นรอซลู ลุ ลอฮฺ ฉนั มองเหน็ นำ้ �ตาไหลออกมาจากสองดวงตาของทา่ น” (หะดษี บันทึกโดย บคุ อรียฺ, ตัฟซรี , 4/9; มุสลมิ , มุซาฟริ นี , 247) ท่านหญงิ อาอิชะฮฺ รอฎยิ ลั ลฮุอนั ฮา ได้รายงานถงึ ชว่ งเวลาขณะหนงึ่ ของชวี ติ ทา่ นรอซลู ลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั ทแ่ี สดงออกถงึ ความ ละเอียดออ่ นของหัวใจและการใครค่ รวญอยา่ งลึกซึ้ง คนื หนง่ึ ทา่ นรอซูลลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั กลา่ วแก่ฉนั วา่ “โออ้ าอชิ ะฮฺ หากเธอไมว่ า่ กระไร ฉนั ขอใชเ้ วลายามค่ำ�คนื ทำ�การอบิ าดะฮฺ ตอ่ พระเจา้ ของฉนั ” “แนน่ อน ฉนั รกั ทจี่ ะอยใู่ กลช้ ดิ ทา่ น” ฉนั กลา่ ว “แตฉ่ นั รกั มากกวา่ สง่ิ อื่นใดหากจะทำ�ให้ทา่ นมีความสขุ ” ทา่ นรอซลู ลุ ลอฮฺ จงึ ลกุ ขน้ึ และอาบนำ้ �ละหมาด และทา่ นกเ็ รมิ่ ทำ�การ ละหมาดยามคำ่ �คนื ท่านเร่มิ ท่จี ะร้องไห้ เสอื้ ผ้าและเคราของท่านเปยี กโชก Nไปดว้ ยน้ำ�ตา แมก้ ระทง่ั บรเิ วณทที่ า่ นทำ�การสญุ ดู ทา่ นยงั คงสภาพอยเู่ ชน่ นน้ั 109
o การคิดใคร่ครวญ จนกระท่งั บิลาลมาเชิญทา่ นไปทำ�การละหมาดฟะญรั (ศบุ หฺ) เม่ือบิลาลเห็น สภาพที่ทา่ นเปียกชมุ่ ไปด้วยน้ำ�ตา จงึ ถามดว้ ยความฉงนวา่ “โอ้รอซูลุลลอฮฺ ทำ�ไมท่านถึงรอ้ งไห้ ในเม่ืออลั ลอฮกฺ ท็ รงอภยั โทษให้ แก่ท่านแล้วท้ังความผิดในอดีตและอนาคต” ท่านรอซูลตอบว่า “จะไม่ให้ ฉันเป็นบ่าวท่ีขอบคุณกระนั้นหรือ” และท่านรอซูลกล่าวตอบ บิลาลอีกว่า “คำ่ �คนื นไ้ี ดม้ วี วิ รณล์ งมายงั ฉนั หายนะจะประสบแกผ่ ทู้ อี่ า่ นโดยมไิ ดท้ ำ�การ ใครค่ รวญมัน ทา่ นจงึ อา่ นอายะฮฺท่ีกลา่ วว่า “แทจ้ ริงในการสร้างบรรดาชัน้ ฟา้ และแผ่นดิน และการที่กลางวัน และกลางคืนตามหลงั กันนน้ั แนน่ อนมหี ลายสญั ญาณสำ�หรับผ้มู ีปัญญา คอื บรรดาผทู้ รี่ ำ�ลกึ ถงึ อลั ลอฮ์ ทง้ั ในสภาพยนื และนงั่ และในสภาพทน่ี อน ตะแคง และพวกเขาพนิ จิ พจิ ารณากนั ในการสรา้ งบรรดาชนั้ ฟา้ และแผน่ ดนิ (โดยกลา่ ววา่ ) โอพ้ ระเจา้ ของพวกขา้ พระองค์ พระองคม์ ไิ ดท้ รงสรา้ ง สงิ่ นมี้ าโดยไรส้ าระ มหาบรสิ ทุ ธแิ์ ดพ่ ระองคท์ า่ น โปรดทรงคมุ้ ครองพวกขา้ พระองคใ์ หพ้ น้ จากการลงโทษแหง่ ไฟนรกดว้ ยเถดิ ” (อาละอมิ รอน, 190-191) (หะดีษบนั ทึกโดยอิบนหุ ิบบาน, ศอฮีหฺ เล่ม 2 หนา้ 386; รูหุ้ล-มะอานียฺ เลม่ 4 หน้า 157) ในคำ่ �คืนที่อายะฮฺเหล่านี้ถูกประทานลงมา ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ร้องไห้จนกระทั่งถึงยามฟ้าสาง ประหน่ึง จะทำ�ให้บรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าเกิดความอิจฉา นำ้ �ตาที่หลั่งออกมาจาก บรรดาผู้ศรัทธาอันเกิดจากการใคร่ครวญถึงความยิ่งใหญ่และสวยงามแห่ง ฟากฟ้าท่ีปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดด้วยกับความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ตะอาลา อันประดับประดาคำ่ �คืนท่ีกำ�ลังจะผ่านไป ความมืดยามคำ่ �คืนได้ แผข่ ยายพน้ ไปพรอ้ มกบั การปรากฎอกี ครง้ั ของหยาดน้ำ�คา้ งแหง่ สวนสวรรค์ ในการแสดงถงึ ความสำ�คญั และผลรางวลั ของการอา่ นอลั กรุ อานดว้ ย กับบุคลิกภาพแหง่ การครุ่นคดิ และใครค่ รวญ ทา่ นนบี ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮิ N110 วะซัลลัม กลา่ วว่า
oการใคร่ครวญอัลกรุ อาน ___________________________________________ “เม่ือผู้คนได้ทำ�การรวมตัวกันในบ้านหลังหนึ่ง ท่ามกลางบ้านขอ งอลั ลอฮฺ อา่ นคมั ภรี ข์ องอลั ลอฮฺ และท�ำ การสนทนาระหวา่ งพวกเขาเกย่ี วกบั มนั ความจำ�เริญจะลงบนยงั พวกเขา พวกเขาจะไดร้ บั การชน้ี ำ�ด้วยกบั ความ เมตตา และได้รับการหอ้ มล้อมดว้ ยปกี แห่งบรรดามลาอิกะฮฺ และอลั ลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา จะทรงกล่าวถึงพวกเขาเหล่านั้น ณ ที่พระองค์” (หะดษี บนั ทกึ โดยมสุ ลมิ , ซกิ ร,ฺ 38; อบดู าวดู , วติ ร,ฺ 14/1455; ตริ มซิ ยี ,ฺ กริ ออะฮ,ฺ 10/2945) “ผู้ท่ีอ่านอัลกุรอานจบท้ังเล่มภายในเวลาน้อยกว่าสามวัน ย่อมไม่ สามารถทจ่ี ะทำ�ความเข้าใจและใครค่ รวญกุรอานได้อย่างเหมาะสม” (หะดษี บันทกึ โดยอบู ดาวดู , วิตร,ฺ 8/1390; ตริ มซิ ยี ,ฺ กริ ออะฮฺ, 11/2949; ดารมิ ยี ฺ, ศอลาฮฺ, 173) “จงอ่านอัลกรุ อานในหนทางทีจ่ ะน�ำ เจ้าออกจากความชวั่ หากมันไม่ สามารถทจ่ี ะหกั หา้ มทา่ นจากความชวั่ ได้ ดงั นนั้ เจา้ กย็ งั ไมไ่ ดอ้ า่ นมนั จรงิ ๆ” (อะหฺหมัด, ซฮุ ดฺ, 401/1649) การอ่านอลั กุรอานของบรรดาศอฮาบะฮฺ บรรดาศอฮาบะฮตฺ า่ งพงุ่ ความสนใจไปทก่ี ารพจิ ารณาใครค่ รวญในการ ทจ่ี ะทำ�ความเขา้ ใจคมั ภีรอ์ ลั กุรอาน และจดจ่ออยู่กับพระดำ�รัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา พวกเขาอ่านมันด้วยแนวทางทจ่ี ะนำ�ไปใชป้ ฏบิ ัตติ วั อยา่ งที่ดีย่งิ คอื คำ�กล่าวของทา่ นอมุ รั รอฎยิ ัลลอฮอุ ันฮุ “ฉันศึกษาซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺเป็นเวลา 12 ปี และในการน้ัน ฉนั เชอื ดอฐู หนงึ่ ตวั เป็นพลีทานเพอ่ื การขอบคณุ ” (กุรฏบู ีย,ฺ เล่ม 1,หน้า 40) เชน่ เดยี วกบั ทา่ นอบั ดลุ ลอฮฺ อบิ นุ อมุ รั รอฎยิ ลั ลอฮอุ นั ฮมุ า ไดร้ ายงาน ว่าเขาใชเ้ วลาศกึ ษาซเู ราะฮอฺ ลั บะเกาะเราะฮทฺ ้งั หมดเป็นเวลา 8 ปี เพอื่ ท่ีจะ นำ�คำ�ส่งั ใช้ท้ังหลายไปปฏบิ ัติ (มวุ ัฏฏออ,ฺ กรุ อาน, หน้า 11) พวกเขาอ่านอัลกุรอานเพ่ือที่จะเรียนรู้คำ�ส่ังใช้และคำ�สั่งห้ามต่าง ๆ Nเพอื่ ทจ่ี ะนำ�ไปปฏบิ ตั ิ การใครค่ รวญอยา่ งลกึ ซงึ้ ในแตล่ ะโองการของอลั กรุ อา 111
o การคดิ ใครค่ รวญ นทำ�ใหก้ ระบวนการในการนำ�ไปใชเ้ ปน็ ไปไดใ้ นทางปฏบิ ตั ิ (คอ็ ฏฏอน,ี อตั -ทะรา ทบิ , เลม่ 2, หนา้ 191) มชี ายคนหน่ึงได้ไปหาทา่ นเซด บนิ ษาบติ รอฎยิ ลั ลอฮุอนั ฮุ แล้วถาม เขาถึงความเห็นของเขาในการอ่านอัลกุรอานจบภายในหนึ่งสัปดาห์ “น่ัน เป็นการดีทีเดียว” เซด บิน ษาบิตตอบแล้วกล่าวต่อไปว่า “แต่ฉันมีความ สขุ มากยง่ิ กว่าหากจะอา่ นกุรอานจบภายในเวลา 15 วันหรือแม้แต่ 20 วัน หากเจ้าถามว่าทำ�ไม นั่นเป็นเพราะมันเป็นการดีกว่าในการใคร่ครวญอัลกุ รอานและทำ�ความเข้าใจความหมายได้ดีย่ิงกว่า” (มุวัฏฏออฺ, กุรอาน, 4; อิบนุ อับดุลบัรรฺ, อสิ ตซิ การ, เบรุต, 2000, เล่ม 2, หนา้ 477) ทา่ นอบั ดลุ ลอฮฺ อบิ นิ มสั อดู รอฎยิ ลั ลอฮอุ นั ฮุ กลา่ ววา่ “ใครทต่ี อ้ งการ ความรู้ สมควรยง่ิ ในการใครค่ รวญความหมายของอลั กรุ อาน เพง่ ความสนใจ ไปทกี่ ารสื่อสารความหมายและติดตามการอ่าน เพราะ อลั กรุ อานบรรจไุ ป ด้วยความรู้ทง้ั ในอดีตและอนาคต” (อัล-ฮยั ตามยี ,ฺ เล่ม 7, หนา้ 165; อลั -บยั ฮากียฺ, ชุอบุล-อีมาน, เล่ม 2, หน้า 331) รายงานจากสะอีด บิน มันศรู จากอัล-มุฏฏอลิบ บนิ อบั ดุลลอฮฺ บิน หนั ฏอบ ทา่ นรอซลู ลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั เคยอา่ น อลั กรุ อาน ในทชี่ มุ นมุ และในทนี่ ้นั มชี าวเบดอู นิ นง่ั รว่ มอยู่ด้วย “ดงั นน้ั ผ้ใู ดกระทำ�ความดีหนักเทา่ ละอองธลุ ี เขากจ็ ะเห็นมนั ส่วน ผใู้ ดกระทำ�ความชว่ั หนกั เทา่ ละอองธลุ ี เขากจ็ ะเหน็ มนั ” (อลั -ซลั ซะละฮ,ฺ 7-8) “โอท้ า่ นรอซลู ลุ ลอฮฺ นำ้ �หนกั เทา่ ละอองธลุ กี ระนนั้ หรอื ” ทา่ นตอบวา่ “ใช่” ชาวเบดูอินคนน้ันถึงกับหน้าถอดสีแล้วร้องคร่ำ�ครวญหลายต่อหลาย ครั้งว่า “ช่างน่าอายเสียจริง สำ�หรับความผิดของฉัน” (เขายังคงกล่าวอา ยะฮอฺ ัลกุรอานซำ้ �ไปมาอยู่หลายครัง้ จนกระท่ังเดนิ ออกไป) เมื่อชายคนนั้น ไปแล้ว ทา่ นรอซูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซลั ลมั จงึ กล่าวว่า “แน่แท้ ความศรทั ธาไดเ้ ข้าสหู่ วั ใจของชายผ้นู ้นั แลว้ !!!” (อสั สะยูฏีย,ฺ อดั -ดรุ รฺ อลั -มนั ซรู , N112 เลม่ 8, หนา้ 595)
oการใคร่ครวญอลั กุรอาน ___________________________________________ การอา่ นอัลกุรอานของบรรดาคนดีผทู้ ีอ่ ัลลอฮทฺ รงรกั ท่านฟุฎอยลฺ บิน อิยาฎ รอหิมะฮุลลอฮฺ เคยกล่าวว่า “แท้จริงอัล กุรอานถูกประทานลงมาเพื่อการปฏิบัติ แต่ผู้คนพากันเอาแต่การอ่านมา เปน็ การปฏบิ ตั ”ิ ทา่ นจงึ ถกู ถามวา่ “เราจะน�ำ อลั กรุ อานมาปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งไร” “คอื การท�ำ ใหส้ ง่ิ ทอี่ ลั กรุ อานอนมุ ตั ิ (หะลา้ ล) เปน็ ทอี่ นมุ ตั ิ และการท�ำ ใหส้ ง่ิ ท่ีอัลกุรอานห้าม เป็นสิ่งต้องห้าม และคือการปฏิบัติตามสิ่งท่ีอัลกุรอานสั่ง ใช้ และการออกห่างจากสิ่งที่อัลกุรอานสั่งห้าม และหยุดนิ่งเพื่อใคร่ครวญ ความอัศจรรย์แห่งอัลกุรอาน” (อัล-คอฏีบ อัล-บัฆดาดียฺ, อัล-อิกติฎออฺ อัล-อิลมฺ อัล-อะมลั , หนา้ 87) อิมามอัช-ชาฟิอยี ฺ รอหมิ ะฮลุ ลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวถงึ การมีอย่ขู อง ความหมายอันมากมายสำ�หรับเป้าประสงค์ในทกุ ๆ อายะฮขฺ อง อลั กุรอาน โดยท่านกลา่ ววา่ “หากมนุษย์ท�ำ การคิดใครค่ รวญซเู ราะฮฺอัล-อัศรฺ ก็เป็นที่ เพียงพอแลว้ ” (อบิ นกุ ะษีร,อลั -อัศร)ฺ ท่านอัศ-มะอียฺ ปราชญ์ผูย้ ง่ิ ใหญ่ของอสิ ลาม ไดก้ ลา่ วถงึ เรอื่ งราวของ การใคร่ครวญอัลกรุ อานอนั ทรงเกียรติ โดยท่านเล่าวา่ ชายคนหนึง่ ได้มาหา ทา่ นคอลีฟะฮฺแหง่ ราชวงศ์อุมะวยี ์ ฮิชาม บิน อบั ดลุ มาลกิ ท่านคอลีฟะฮจฺ ึง กลา่ วแกช่ ายผนู้ นั้ วา่ “โปรดใหค้ �ำ แนะน�ำ แกฉ่ นั ดว้ ย” ชายผนู้ น้ั จงึ แนะนำ�ให้ ทา่ นคอลฟี ะฮนฺ กึ ถงึ การชน้ี ำ�จากอลั กรุ อาน โดยกลา่ ววา่ “เพยี งพอแลว้ ทอี่ ลั กรุ อานจะเปน็ ผแู้ นะนำ� ฉนั ขอความคมุ้ ครองตอ่ อลั ลอฮจฺ ากชยั ฏอนมารรา้ ย ทถ่ี ูกสาปแชง่ ด้วยพระนามแหง่ อลั ลอฮฺ ผทู้ รงกรณุ า ปราณีเสมอ” “ความหายนะจงประสบแด่บรรดาผู้ทำ�ให้พร่อง (ในการตวงและ การช่ัง) คือบรรดาผู้ท่ีเมื่อพวกเขาตวงเอาจากคนอ่ืนก็ตวงเอาเต็ม และ เม่ือพวกเขาตวงหรือช่ังให้คนอื่นก็ทำ�ให้พร่อง ชนเหล่าน้ันมิได้คิดบ้าง หรือว่าพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ สำ�หรับวันอันย่ิงใหญ่ วันท่ีมนุษย์จะ ยืนตอ่ หน้าพระเจ้าแหง่ สากลโลก” (อลั -มฏุ อฟฟฺ ฟิ นี , 1-6) N113
o การคดิ ใครค่ รวญ ชาวเบดูอินจึงกล่าวต่อไปว่า “โอ้ท่านผู้นำ�แห่งศรัทธาชน น่ีเป็นการ ตอบแทนส�ำ หรบั ผทู้ บี่ กพรอ่ งในการชงั่ ตวงแกผ่ อู้ นื่ ทา่ นคดิ จะจดั การอยา่ งไร กบั ผู้ทย่ี ึดเอาทรพั ย์สนิ ของผู้อน่ื ” (มุฮัมหมดั ซอฟูต, ญมุ ฮเิ ราะฮฺ เคาะเฏาะบ้ลุ -อรบั , เล่ม 3 หนา้ 243) ทา่ นมฮุ มั หมัด คอดิมียฺ หนง่ึ ในอุละมาอผฺ ู้มีช่อื เสยี งแห่ง อศุ มานียะฮฺ กล่าวว่า “แท้จริงเส้นทางหน่ึงเดียวในการรอดพ้นจากสารพันปัญหา การ ทดสอบ คราวเคราะห์ และวกิ ฤตกิ ารณต์ ่าง ๆ นนั่ คือการยดึ มัน่ อัลกุรอาน และทำ�ให้มันเป็นจริงในชีวิต ดังนั้นจงสมำ่ �เสมอในการทำ� อิบาดะฮฺ โดย เฉพาะอย่างย่ิงการอ่านอัลกุรอานอย่างช้า ๆ ด้วยกับการใคร่ครวญ การมี มารยาท และการอ่านเปน็ จังหวะทด่ี ี และการอ่าน อัลกุรอานเช่นน้ีคือการ อา่ นทเ่ี สมอื นประหนงึ่ วา่ เรากำ�ลงั สนทนาอยกู่ บั อลั ลอฮฺ ตะอาลา” (ด:ู อลั -คอดิ มีย,ฺ มัจมอู ะฮฺ อัร-รอซาอิล, หน้า 112, 194, 200) ตัวอย่างของการใคร่ครวญทมี่ ีอยู่ในอัลกรุ อาน การใครค่ รวญถงึ ความรอบรขู้ องอลั ลอฮฺ ตะอาลา บรรดาอายาตในอลั กรุ อานจำ�นวนมาก ไดเ้ รยี กรอ้ งใหม้ นษุ ยใ์ ครค่ รวญถงึ ความรรู้ อบของอลั ลอฮฺ ตะอาลา อัลลฮฺ ทรงกล่าวไวใ้ นอายะฮฺอันมีเกยี รตนิ ้ีวา่ “และท่ีพระองค์น้ันมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ โดยที่ไม่มี ใครรูก้ ุญแจเหลา่ นน้ั นอกจากพระองค์เทา่ นน้ั และพระองค์ทรงรสู้ ่ิงท่อี ยู่ ในแผน่ ดนิ และในทะเล และไมม่ ีใบไมใ้ ด ร่วงหล่นลงนอกจากพระองค์ จะทรงรู้มัน และไม่มีเมล็ดพืชใด ซึ่งอยู่ในบรรดาความมืดของแผ่นดิน และไม่มีสิ่งท่ีอ่อนนุ่มใด และสิ่งท่ีแห้งใด นอกจากจะอยู่ในบันทึกอันชัด แจ้ง” (อัล-อนั อาม, 59) คราใดก็ตามที่ผู้ศรัทธาได้อ่านอายะฮฺอันทรงเกียรตินี้ จำ�เป็นสำ�หรับ เขาที่จะต้องหยุดคิดสักนิด เพ่ือท่ีจะทำ�การใคร่ครวญ มุสลิมทุกคนก็จะมี ความเชื่ออยา่ งหนกั แนน่ ว่า ณ ทพี่ ระองค์แต่เพยี งพระองค์เดยี วเท่านั้นทมี่ ี N114 บรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ คือคลังสมบัติท่ีมิเคยได้รับการเปิดเผย ซึ่ง
oการใครค่ รวญอัลกุรอาน ___________________________________________ อัลลอฮฺ ตะอาลาเป็นผู้ทรงรอบรู้ในทุกส่วนใหญ่ท้ังหมด และทุกส่วนย่อย ทั้งหมด ล้วนอยู่ในการครอบครองของพระองค์โดยแท้จริง และสิ่งที่เรา รู้ก็คือเราไม่มีความสามารถท่ีจะบรรลุถึงความรู้ของพระองค์เป็นอันขาด เพราะอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงรถู้ ึงสงิ่ ทีอ่ ยู่ในผืนแผ่นดิน ไดแ้ ก่ บรรดาพืชผล สตั ว์เล้ือยคลานตา่ ง ๆ ดงั นน้ั ณ อัลลอฮฺแตเ่ พียงผูเ้ ดียวทมี่ กี ุญแจแหง่ ความ เร้นลับน้ี และไม่มีผใู้ ดเข้าถงึ ไดเ้ วน้ แตซ่ ุบฮานะฮู วะตะอาลา17 อุสตาซ สัยยิด กุฏบฺ เป็นอีกผู้หน่ึงที่ได้ทำ�การอธิบายความรอบรู้ ของอัลลอฮตฺ ะอาลา ด้วยกับอายะฮฺน้ี โดยทา่ นกลา่ ววา่ “อายะฮฺอันสั้นน้ี ได้กระตุ้นเร่งเร้าให้จินตภาพของมนุษย์ใคร่สู่ความ เป็นจริงในการพยายามสำ�รวจขอบเขตในส่ิงท่ีเรารู้และสิ่งท่ีอยู่เบื้องหลังค วามรู้ของเรา เราพยายามท่ีจะนึกภาพถึงความรู้อันไร้ขีดจำ�กัดของอัลลอฮฺ ที่ล้อมรอบท่ัวท้ังจักรวาล และไปไกลกว่าส่ิงท่ีเรารู้เก่ียวกับจักรวาล เราอยู่ ในยุคท่ีมีความรู้ระดับสูงเท่าท่ีเราเคยรู้มา เราได้รับภาพแล้วภาพเล่าในทุก ทศิ ทางในการพยายามทจ่ี ะเลกิ มา่ นของสงิ่ ทถี่ กู ปกปดิ อยู่ ไมว่ า่ จะเปน็ ในอดตี ปจั จบุ นั หรอื ในอนาคต นเ่ี ปน็ โลกอนั สมบรู ณท์ อี่ ยเู่ หนอื ขอบเขตมโนภาพของ เรา แต่ทว่ากญุ แจไขสู่ทกุ ส่งิ น้ันอยู่ ณ ที่อัลลอฮแฺ ละพระองคเ์ ปน็ ผรู้ ้แู ต่เพยี ง ผู้เดียว จิตใจของเราอาจจะพยายามค้นหาสิ่งที่เราไม่รู้ทั้งบนบกและทะเล พงึ ตระหนักเถิดอัลลอฮฺทรงรอบร้อู ยา่ งสมบรู ณ์ถงึ ทกุ สง่ิ ทีอ่ ยใู่ นน้ัน เราลอง จินตนาการถึงใบไม้ท่ีร่วงหล่นจากต้นซ่ึงมิอาจทราบจำ�นวนได้ แต่ทว่าทุก ๆ ใบที่อย่ใู นจำ�นวนน้นั ไมว่ า่ มันจะร่วงหล่น ณ ทใ่ี ดก็ตาม ย่อมอยูใ่ นการรู้ เห็นของพระองค์ แม้กระท่ังเมล็ดข้าวแต่ละเม็ดที่ฝังอยู่ในความลึกของผืน ดิน ล้วนอยู่ในการดูแลของพระองค์ผู้มองเห็นทุกสรรพส่ิง ไม่ว่าจะเป็นส่ิง แห้งหรือเปียก ตายหรือมีชีวิต ทุกพื้นที่ในจักรวาล ไม่สามารถท่ีจะหนีพ้น จากความรอบรู้ของพระองค์ 17 มุฮัมหมัด ฮมั ดี ยาซิร, Hak Dini, เล่ม 3, 1947; อบู หัยยาน, ตฟั ซีร อลั บะหรฺ อลั มฮุ ีฏ, ตฟั ซรี ซเู ราะฮฺ อัล-อันอาม อายะฮท่ี 59 N115
o การคิดใคร่ครวญ สติปัญญาของมนุษย์จะคงเหลือไว้แต่ความเขลา หลังจากที่เขาได้ ใคร่ครวญมโนภาพของอายะฮฺนี้ ซงึ่ สาธยายความรอบร้ขู องอลั ลอฮฺ ในเส้น ท่ีไร้ขอบเขต ยืดขยายไปในจักรวาลและกาลเวลา ท่ามกลางส่ิงที่มองเห็น และไม่สามารถมองเห็น การขยายอย่างไร้ที่สุดนี้เกินกว่าท่ีสติปัญญาจะ จินตนาการไปถึง มันได้ถูกแต่งแต้มด้วยกับความแม่นยำ�อันไร้ที่ติด้วยคำ� เพียงไม่ก่ีคำ� พึงทราบเถิดว่าสิ่งน้ีคือมุอฺญิซาต (สิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถกระทำ�ได้) (สยั ยิด กุฏบ,ฺ ฟซี ิลาลิ้ลกุรอาน, เล่ม 2, หนา้ 1111 - 1113) ในการนี้ แท้จริงหากมนุษย์ได้ทำ�การใคร่ครวญอัลกุรอานอันทรง เกยี รตแิ ละจกั รวาลดว้ ยกบั คณุ ลกั ษณะดงั กลา่ ว เขาจะตระหนกั วา่ ทกุ ๆ อณู จะเปน็ การบง่ ชถี้ งึ ความรอบรแู้ ละพลงั อำ�นาจของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ไมว่ า่ สง่ิ นน้ั จะเล็กนอ้ ยแคไ่ หน ขณะทบ่ี รรดาผ้ซู ่งึ หา่ งไกลจากการใครค่ รวญ แท้จริง เขาเหลา่ นนั้ ไดจ้ มปลกั อยใู่ นอารมณใ์ ครใ่ ฝต่ ่ำ�แหง่ ชวี ติ ดนุ ยา ซง่ึ จะถกู หกั หา้ ม จากความลบั แหง่ ชน้ั ฟ้าและวทิ ยปญั ญาแห่งพระผู้เป็นเจา้ ท่านสะอฺดียฺ อชั -ชยั รอซยี ฺ กล่าววา่ “ใบไมเ้ ขียวสดใบหนึ่งในสายตา ของบรรดาผู้ใช้สติปัญญา คือหนังสือหนึ่งเล่มสำ�หรับการรู้จัก อัลลอฮฺ ตะอาลา แต่สำ�หรับบรรดาผู้เพิกเฉย ละเลยต่อให้นำ�มาซ่ึงต้นไม้ทั้งป่าใน สายตาของพวกเขา คงดไู ม่ตา่ งอนั ใดกับใบไมเ้ พียงใบเดียว” อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรสั ไว้ในอกี อายะฮฺหน่งึ ว่า “พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งท่ีเข้าไปอยู่ในแผ่นดิน และส่ิงที่ออกมา จากมนั และส่ิงทล่ี งมาจากฟากฟ้า และส่งิ ทีข่ น้ึ ไปสู่ในนั้น และพระองค์ เปน็ ผทู้ รงเมตตา ผูท้ รงอภัยเสมอ” (สะบะอฺ, 2) แม้แตก่ ารบ่งช้ีและคิดคำ�นวณสว่ นตา่ ง ๆ ของปรากฏการณ์ที่ระบุไว้ ขา้ งตน้ ซ่ึงเกนิ กวา่ จะคาดคดิ แม้นวา่ มนษุ ยชาติทง้ั หมดตา่ งเขา้ ร่วมภารกจิ ครั้งนี้และอุทิศเวลา ตลอดทั้งชีวิตเพ่ือให้งานสำ�เร็จ ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะ พบกับความท้อแท้และจะยกเลิกไปหมดหนทางในการท่ีจะนับจำ�นวนสิ่งท่ี N116 ขนึ้ ไปบนทอ้ งฟา้ และส่ิงทีฝ่ ังลงไปในผืนดนิ ณ ช่วั ขณะหน่ึง
oการใคร่ครวญอัลกรุ อาน ___________________________________________ สง่ิ ทเี่ ขา้ ไปในผนื ดนิ เหลา่ นนั้ มอี ะไรบา้ ง มเี มลด็ พนั ธชุ์ นดิ ใดบา้ งทอี่ ยใู่ น ผนื ดิน มากมายกีส่ ายพันธุ์ของแมง แมลงและสตั ว์ท่อี าศยั อยูใ่ นใตน้ ั้น ใคร บ้างที่ทราบปริมาณของนำ้ � โมเลกุลของแก๊ส และกัมมันตรังสีที่สอดแทรก อยู่ในผนื ดินอนั ดูเหมือนลึกแทบจะไร้ทีส่ ิน้ สุด แนแ่ ท้ทกุ สรรพสงิ่ ทคี่ ืบคลาน อยูใ่ ตผ้ นื แผน่ ดนิ นั้นลว้ นอยู่ในอำ�นาจและการกำ�หนดของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในทางกลบั กนั มกี ส่ี รรพสง่ิ ทอ่ี อกมาจากใตผ้ นื แผน่ ดนิ กมี่ ากนอ้ ยของ พืชพรรณทเ่ี จริญเติบโตออกมา อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรสั วา่ “พวกเขามิได้มองไปยังแผ่นดินดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วท่ีเราได้ ใหม้ ันงอกเงยออกมาจากทุกชนดิ ทด่ี ีมีประโยชน์” (อัช-ชูอะรออ,ฺ 7) “แล้วเราได้แยกแผ่นดินออกไป และเราได้ให้เมล็ดพืชงอกเงยขึ้น จากในแผ่นดนิ และองุ่นและพชื ผัก และมะกอกและอนิ ทผลัม และเรือก สวนที่หนาทึบ และผลไม้และทุ่งหญ้า ท้ังนี้เพ่ือเป็นประโยชน์แก่พวก เจ้าและสตั ว์เลยี้ งของพวกเจา้ ...” (อะบะสะ, 25-32; ในทำ�นองเดียวกัน กอ็ ฟฺ อา ยะฮที่ 7-11) เช่นเดียวกัน ส่ิงเหล่าน้ีมิได้ออกมาในจำ�นวนมากมายเหลือคณานับ กระนัน้ หรอื กี่มากนอ้ ยของจำ�นวนภูเขาทปี่ ะทแุ ละพ่นลาวาออกมาจำ�นวน เท่าไหร่ของแก๊สท่ีพวยพุ่งออกมา แมลงกี่ล้านตัวท่ีออกมาจากรังท่ีซ่อนอยู่ ในผืนดิน ไม่สามารถท่ีจะนับได้ของสิ่งท่ีต้องการความปลอดภัยขณะอยู่ใน ผนื ดนิ โดยการปกปอ้ งจากพระผทู้ รงอภบิ าล มนั จงึ สามารถดำ�รงอยไู่ ดอ้ ยา่ ง ปลอดภยั เปน็ สปั ดาหห์ รอื หลายเดอื น อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงทำ�ใหผ้ นื แผน่ ดนิ มีสภาพที่เหมาะสมสำ�หรบั เปน็ แหลง่ กำ�เนิดของสง่ิ มีชิตเหล่านนั้ แมก้ ระทง่ั ในสภาพทหี่ มิ ะละลาย เราไมเ่ คยเหน็ ซากของแมลงเหลา่ นนั้ มนั หาทางทจ่ี ะ ออกมาส่ผู นื ดินเสมอื นไม่มอี ะไรเกดิ ขึน้ และยงั คงดำ�รงชวี ติ อยูไ่ ดต้ ่อเสมือน ที่มนั เปน็ อย่กู ่อนหน้านี้ หากเราหยุดพิจารณาอีกสักคร้ัง และพยายามครุ่นคิดถึงส่ิงท่ีดำ�รง Nอยู่ในโลกของมลาอิกะฮฺและจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับเสียงของคำ�วิงวอน 117
o การคิดใคร่ครวญ และการขอพรที่ขึ้นสู่ฟากฟ้า สรรพสิ่งมากหลาย ท่ีเราสามารถรับรู้และไม่ สามารถรับรู้ได้ มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต มนุษย์มีความรู้เพียงเล็กน้อยมาก ซึ่ง เป็นการยำ้ �เตือนถึงข้อจำ�กัดของความรู้ของมนุษย์ เรารู้สึกอัศจรรย์ใจบ้าง หรือไม่เมื่อพิจารณาถึงส่ิงที่ลงมาจากฟากฟ้า เม็ดฝน ดาวตก แสงอาทิตย์ และรังสตี ่าง ๆ ในทำ�นองเดยี วกนั ท้ังหมดเหล่าน้ีเกิดข้ึนเพียงช่ัวพริบตา แล้วมนุษย์สามารถทำ�ความ เข้าใจกับสิ่งท่ีเกิดขึ้นท่ัวโลกเพียงเสี้ยววินาทีหรือไม่ หากช่วงเวลาของชีวิต ถูกทำ�ให้ยืดขยายออกไปก็คงยังไม่เพียงพอต่อการคิดคำ�นวณส่ิงท่ีเกิดขึ้น ดงั นน้ั ความรอบรขู้ องอลั ลอฮฺ ตะอาลา จงึ ไมส่ ามารถทจี่ ะทำ�การวดั ไดซ้ ง่ึ อยู่ เหนอื การรบั รขู้ องมนษุ ย์ เพราะพระองคท์ รงรอบรอู้ ยา่ งถว้ นทว่ั ทงั้ หมดของ ปรากฏการณ์ทเ่ี กิดขน้ึ ไมว่ ่ามนั จะเกิดขึ้นเมอ่ื ใดและท่ไี หนก็ตาม และอกี สง่ิ หนงึ่ ทีเ่ ราจำ�เป็นจะต้องไต่ตรองอยเู่ สมอวา่ ทกุ ๆ จังหวะการเตน้ ของหวั ใจ หรือแม้แต่เจตนาท่ีซ่อนเร้นอยู่ภายใน ล้วนอยู่ในสายพระเนตรของอัลลอฮฺ ตะอาลา และพระองค์ คือผทู้ อ่ี ยู่ ณ ส่งิ เร้นลับและการอภัย และพระองค์ คือผู้ทรงเมตตาและให้อภัยอย่างมากมาย (สยั ยดิ กฏุ บฺ, ฟซี ิลาลลิ้ -กรุ อาน, เลม่ 5 หน้า 2891-2892….ซเู ราะฮสฺ ะบะอฺ อายะฮที่ 2-3) มคี วามจำ�เปน็ อยา่ งยงิ่ ในการท่จี ะตอ้ งพินิจพิจารณาในทกุ ๆ ซูเราะฮฺ และทกุ ๆ อายะฮทฺ อี่ ยใู่ นอลั กรุ อานอนั ทรงเกยี รติ ดว้ ยกบั การใครค่ รวญอยา่ ง ลกึ ซง้ึ แต่ ณ ทนี่ เ้ี ราจะทำ�การยกตวั อยา่ งวธิ กี ารดงั กลา่ ว ดว้ ยกบั บางสว่ นอา ยะฮฺต่างๆ ที่อยู่ในซูเราะฮฺอลั -วากิอะฮฺ อนั -นะหลฺ ุ และอัร-รมู ซูเราะฮฺ อลั -วากิอะฮฺ อัลลอฮฺตะอาลา ทรงเริ่มต้นซูเราะฮฺอัล-วากิอะฮฺด้วยการย้ำ�เตือนถึง เหตกุ ารณอ์ นั ยงิ่ ใหญแ่ ละความนา่ กลวั ของวนั กยิ ามะฮฺ และพระองคท์ รงแจง้ แกเ่ ราวา่ ในวนั นนั้ พระองคจ์ ะทรงยกสถานะของคนบางกลมุ่ และจะทรงทำ�ให้ บางกลุ่มต่ำ�ต้อย และพระองค์ยังได้ทรงช้ีแจงว่าหลังจากที่มวลมนุษยชาติ N118 ไดถ้ ูกเรยี กสู่การคดิ บัญชีแลว้ มนุษย์จะถกู แบ่งออกเปน็ 3 จำ�พวก จากนัน้
oการใครค่ รวญอลั กุรอาน ___________________________________________ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทรงฉายภาพอันวิจิตรด้วยสำ�นวนอันสวยงามกับ ความโปรดปรานท่ีพระองค์ทรงประทานให้แก่ปวงบ่าว ผู้ซึ่งดำ�เนินชีวิตใน แนวทางบนความถูกต้อง และบรรดาผู้กระทำ�ดี ผู้ซึ่งได้รับบันทึกการกระ ทำ�จากทางด้านขวา ซึ่งตามมาด้วยภาพอันน่าเศร้าและการลงโทษอันเจ็บ ปวดสำ�หรบั ผทู้ ไี่ ดร้ บั บนั ทกึ ทางดา้ นซา้ ย ดว้ ยภาพการทรมานอยา่ งเจบ็ ปวด รวดร้าวซึ่งเป็นการสำ�ทับเตือนปวงบ่าวในการท่ีจะกระทำ�ความผิด เพ่ือให้ รอดพน้ อยา่ งแทจ้ รงิ จากสถานการณอ์ นั นา่ เศรา้ พระองคจ์ งึ ทรงเชอ้ื เชญิ ปวง บ่าวของพระองค์ส่กู ารใคร่ครวญ ดว้ ยอายาตเหลา่ น้ี การสร้างมนุษย์ อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรัสไว้ความวา่ “เรานั้นได้สร้างพวกเจ้าข้นึ มา ไฉนเลา่ พวกเจ้าจงึ ไม่เชือ่ พวกเจา้ เห็นส่ิงที่พวกเจ้าหลั่งออกมา (อสุจิ) แล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าสร้างมันขึ้น มา หรือวา่ เราเปน็ ผูส้ ร้าง” (อัลวากอิ ะฮฺ, 57-59) ช่างเป็นการสร้างอันย่ิงใหญ่แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ได้ทรงสร้าง มนุษยจ์ ากน้ำ�อันตำ่ �ตอ้ ยไรค้ า่ แต่ทรงทำ�ให้มันมีบทบาทสำ�คญั ในระบบการ สรา้ งนี้ อนั เปน็ สว่ นหน่งึ ของระบบท่ีมีความแม่นยำ�และความสมดุล จนเป็น ร่างกายของมนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์ขนึ้ มา ความตายและการฟืน้ คืนชีพ อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรัสไวค้ วามว่า “เรานน้ั เปน็ ผกู้ ำ�หนดความตายขน้ึ ในระหวา่ งพวกเจา้ และเรากจ็ ะ ไมถ่ กู ขดั ขวางในการทเี่ ราจะเปลย่ี นบคุ คลเยยี่ งพวกเจา้ และเราจะใหพ้ วก เจา้ เกดิ ขน้ึ มาอกี ในสงิ่ ท่พี วกเจา้ ไม่ร”ู้ (อลั -วากอิ ะฮ,ฺ 60-61) N119
o การคดิ ใคร่ครวญ ความตายเป็นความจริงแท้ประการหน่ึง ไม่มีผู้ใดท่ีจะหลีกหนีจาก ความตายได้ หากอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงประสงค์ พระองคท์ รงสามารถท่ีจะ ทำ�ลายบรรดาผูป้ ฏิเสธท้งั หมดได้ในครั้งเดยี ว และนำ�มาซึ่งชนอกี กล่มุ หน่งึ “และโดยแน่นอน พวกเจ้าได้รมู้ าแล้วถึงการเกดิ ครัง้ แรก แล้วไฉน เล่าพวกเจ้าจงึ ไมใ่ คร่ครวญ” (อลั -วากอิ ะฮฺ, 62) แทจ้ รงิ พระองคไ์ ดท้ รงสรา้ งมนษุ ยโ์ ดยสมบรู ณม์ าแลว้ ครงั้ หนง่ึ ไมต่ อ้ ง สงสยั เลยวา่ พระองค์ทรงมคี วามสามารถที่จะสร้างอีกคร้งั หนงึ่ จำ�เป็นอย่าง ย่ิงยวดท่ีเราจะต้องตระหนักถึงความจริงข้อน้ีและเตรียมตัวสำ�หรับการฟ้ืน คืนชีพ การเกิดใหมอ่ กี ครั้งอนั ไมส่ ามารถที่จะหลกี หนพี น้ ไปได้ เมลด็ พนั ธแ์ุ ละพชื ผล “พวกเจา้ เหน็ สงิ่ ทพี่ วกเจา้ หวา่ นมาแลว้ มใิ ชห่ รอื พวกเจา้ ทำ�ใหม้ นั งอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำ�ให้มันงอกเงยข้ึนมา หากเราประสงค์ ทำ�ให้มันหกั เปน็ ชิ้น ๆ แล้ว แนน่ อนเราก็ย่อมทำ�มนั ได้ แล้วพวกเจ้าคง ประหลาดใจ (พวกเจ้าจะกล่าวขึ้นว่า) แท้จริงเราได้รับความหายนะ แล้ว ไม่เพียงแต่เท่าน้ัน เรายังขาดแคลนปัจจัยเพาะปลูกอีกด้วย” (อัล- วากิอะฮ,ฺ 63-67) จำ�เป็นอย่างย่ิงที่เราจะต้องมองด้วยสายตาท่ีพินิจพิจารณาไปยัง เมล็ดพันธุ์ ต้นไม้และพืชผักต่าง ๆ ซึ่งรายล้อมอยู่รอบตัวเรา และเราจะ ต้องประจักษ์ด้วยกับความประหลาดและอัศจรรย์ใจต่อภาพอันวิจิตรแห่ง การสรา้ ง อนั แสดงถึงความเมตตาของอัลลอฮฺ ตะอาลา หากปราศจากการ ดูแลจากพระผู้ทรงสร้าง มนุษย์จะไม่สามารถปลูกอะไรได้เลยแม้กระท่ัง เมล็ดผกั กาดสักต้น ลองนึกดวู า่ หากความเขียวขจตี า่ ง ๆ ท่รี ายลอ้ มอยรู่ อบตัวเรา พลัน หายไปในบัดดลกลับกลายเป็นความแห้งแล้ง แน่แท้มนุษย์คงจะอยู่อย่าง N120 ส้ินหวงั
oการใครค่ รวญอัลกรุ อาน ___________________________________________ น้ำ�ฝน “พวกเจ้าเห็นนำ้ �ท่พี วกเจา้ ด่มื แล้วมใิ ชห่ รอื พวกเจ้าเปน็ ผ้หู ลงั่ มนั ลงมาจากก้อนเมฆ หรือว่าเราเป็นผู้หล่ังมันลงมา หากเราประสงค์ เรา จะทำ�ใหม้ นั เค็มจดั แลว้ ไฉนเลา่ พวกเจ้าจงึ ไมก่ ตัญญ”ู (อัล-วากอิ ะฮฺ, 68-70) นำ้ �ฝนทีถ่ กู หลง่ั ลงมาจากฟากฟา้ เป็นความโปรดปรานอันใหญ่หลวง จากอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทที่ รงประทานใหแ้ กป่ วงบา่ ว หากนำ้ �จากฟากฟา้ นถี้ กู ทำ�ใหเ้ คม็ จดั แลว้ ใครกนั ทสี่ ามารถดม่ื เพอื่ ดบั กระหายได้ หรอื หากพระองค์ จะทรงทำ�ใหเ้ กิดความแห้งแล้ง แล้วใครกนั เลา่ ที่มีพลังอำ�นาจทีจ่ ะนำ�มาซง่ึ เมฆฝนแลว้ ทำ�ให้เกดิ ฝนอนั หลงั่ ลงมาจากฟากฟา้ ได้ ไฟ “พวกเจ้าเห็นไฟที่พวกเจ้าจุดขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าเป็นผู้ ทำ�ใหต้ น้ ไมข้ องมนั งอกเงยขนึ้ มา หรอื วา่ เราเปน็ ผทู้ ำ�ใหม้ นั งอกขนึ้ มา เรา ไดท้ ำ�ใหม้ นั มขี นึ้ เพอื่ เปน็ การเตอื นสติ และอำ�นวนประโยชนแ์ กผ่ เู้ ดนิ ทาง รอนแรม” (อลั -วากอิ ะฮฺ, 71-73) จำ�เป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องทำ�การพิจารณาถึงผู้ท่ีสร้างไฟ ซึ่งให้คุณ ประโยชน์แก่มนุษย์อย่างมากมายในการใช้ชีวิต และพิจารณาถึงผู้ที่สร้าง บรรดาตน้ ไมท้ เี่ ปน็ เชอ้ื เพลงิ สำ�หรบั ไฟ ลองนกึ ถงึ พลงั อำ�นาจของอลั ลอฮฺ ตะ อาลา ทพ่ี ระองคส์ รา้ งไฟมาจากต้นไม้สีเขียว และลองพจิ ารณาถึงธรรมชาติ แหง่ ไฟทสี่ ามารถสอ่ งไฟและใหค้ วามรอ้ นจากการเผาไหมข้ องมนั ไดอ้ ยา่ งไร คนเดินทางกลางทะเลทรายจำ�เป็นต้องใช้ไฟสำ�หรับป้องกันความ หนาวและความมืดมิดในเวลากลางคืน สำ�หรับพวกเขาไฟเป็นสิ่งท่ีขาดเสีย มิได้ในการให้ความร้อน ประกอบอาหาร และให้แสงสว่าง ไม่เป็นท่ีสงสัย เลยวา่ ไฟเปน็ ปัจจยั ยงั ชีพสำ�หรบั มนุษย์ทัง้ หมด การมีชีวติ อยโู่ ดยปราศจาก ไฟนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เน่ืองจากไฟเป็นสิ่งจำ�เป็นตามที่กล่าวข้าง Nต้นเช่นเดียวกับดิน นำ้ �และอากศ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม 121
o การคิดใคร่ครวญ กล่าววา่ “มุสลมิ มสี ่ิงร่วมกนั สามประการ คอื น้ำ� พชื สเี ขียว และไฟ” (อบู ดาวูด, บูยอู ฺ, 60/3477) การจอ้ งมองกองไฟ อาจจะทำ�ใหเ้ รานกึ ถึงไฟนรก ลองนึกถึงทะเลแม็ กมา่ อนั มหมึ าทอ่ี ยใู่ ตพ้ น้ื โลก ขณะทเ่ี หนอื ศรี ษะเรานน้ั มดี วงอาทติ ยท์ เี่ ปรยี บ เสมือนลูกไฟดวงใหญ่ ขอสรรเสริญในความเมตตาอันหาที่เปรียบมิได้ของ พระเจา้ ของเราทอี่ ำ�นวยใหเ้ รามชี วี ติ ทสี่ ะดวกสบาย เปน็ ไปไดท้ า่ มกลางกอง ไฟอันรอ้ นแรงทัง้ สอง เพื่อเป็นการสำ�นึกในความโปรดปรานอันมากมาย มนุษย์จะต้อง ทำ�การสดดุ ตี ่ออัลลอฮฺ ตะอาลา (ตสั บหี ฺ) อยู่อยา่ งสมำ่ �เสมอ “ดงั น้ัน เจา้ จงสดดุ ดี ้วยพระนามแหง่ พระเจ้าของเจา้ ผ้ทู รงยิง่ ใหญ่ เถดิ ” (อลั -วากอิ ะฮฺ, 74) ลนิ้ ของเราควรจะเปยี กชมุ่ ไปดว้ ยกบั การรำ�ลกึ และการอา่ นอลั กรุ อาน และการเผยแผ่พระดำ�รัสของอัลลอฮฺ จำ�เป็นท่ีหัวใจของเราจะต้องสดุดี ต่อพระองค์ด้วยการขอบคุณและ ด้วยกับความสำ�นึก และร่างกายของเรา จำ�เป็นทจ่ี ะตอ้ งสดุดีดว้ ยกับการยนื หยัดการละหมาด การถอื ศีลอด การทำ� สง่ิ ทเ่ี ป็นขอ้ บังคับและขอ้ ส่งเสริมต่าง ๆ ดวงดาว “ข้า (อัลลอฮฺ) ขอสาบานดว้ ยตำ�แหนง่ ต่าง ๆ ของดวงดาว และ แท้จรงิ มนั เป็นการสาบานอันยง่ิ ใหญ่ หากพวกเจ้าร”ู้ (อัล-วากอิ ะฮฺ, 75-76) ความยิ่งใหญ่แห่งพระผู้เป็นเจ้าอันไร้ขอบเขต ได้ชี้นำ�เราสู่การ ใคร่ครวญในการสร้างของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ สู่ฟากฟ้าอันไร้ขอบเขต ประหนง่ึ มหาสมทุ รทไี่ ม่มที ีส่ ้ินสุด อายะฮฺน้ีได้ฉายภาพให้เรามองเห็นถึงช่วงเวลายามรุ่งอรุณท่ีบรรดา ดวงดาวต่าง ๆ หายลับพ้นไปจากสายตา และภาพของการเคารพภักดีต่อ N122 พระผ้เู ปน็ เจ้าของผูศ้ รัทธาในยามค่ำ�คนื อีกครง้ั หน่งึ ท่กี ารสาบานในอายะฮ
oการใครค่ รวญอลั กุรอาน ___________________________________________ นค้ี อื วะหยฺ ู (ววิ รณ)์ ทใี่ หแ้ กท่ า่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั แตล่ ะครงั้ ทีว่ ะหฺยูลงมายงั ท่านนบบี างคร้งั กห็ น่ึงอายะฮหฺ รอื เป็นกลมุ่ อายะฮฺ หรอื บาง คร้ังลงมาทัง้ ซเู ราะฮ ดว้ ยเหตนุ กี้ ารทวี่ ะหยฺ ูลงมาจากฟากฟ้าในแต่ละคร้งั จงึ ถูกเรยี กวา่ นัจมนั และมุนัจญะมนั (ดาวและกล่มุ ดาว) อลั กุรอานอันทรงเกยี รติ “นัน่ คือ กุรอานอันทรงเกยี รติ ซง่ึ อยู่ในบนั ทกึ ทีถ่ กู พทิ ักษร์ ักษาไว้ ไม่มีผู้ใดจะแตะตอ้ งอัลกรุ อาน นอกจากบรรดาผบู้ ริสุทธเ์ิ ท่านน้ั ” (อัล-วากิ อะฮ,ฺ 77-79) จำ�เปน็ อยา่ งยงิ่ ทเ่ี ราจะตอ้ งใหเ้ กยี รตใิ นการปฏบิ ตั ติ อ่ อลั กรุ อาน ไมเ่ ปน็ ท่ีอนุญาตที่จะมีการสัมผัสอัลกุรอานโดยปราศจากนำ้ �ละหมาด หรือแม้แต่ สำ�หรับผู้ที่มีน้ำ�ละหมาดก็ไม่เหมาะสมที่จะถืออัลกุรอานด้วยกับ... มันเป็น ความเขลาอันน่าเศร้าใจยิ่งท่ีจะมีการประพฤติปฏิบัติอันขาดการเคารพต่อ คัมภรี ์อลั กรุ อาน เพราะคมั ภีรเ์ ล่มนค้ี ือ “ถูกประทานลงมาจากพระเจา้ แห่งสากลโลก และด้วยเรือ่ งน้ี (อัล กรุ อาน) กระนั้นหรือทพ่ี วกเจ้าปฏิเสธเย้ยหยนั และทงั้ ๆ ที่พระองคท์ รง ประทานปจั จยั ยงั ชพี แกพ่ วกเจา้ พวกเจา้ กย็ งั คงปฏเิ สธศรทั ธาตอ่ อลั ลอฮฺ กระนัน้ หรือ” (อัล-วากอิ ะฮฺ, 80-82) ดังน้ันการประทานอัลกุรอานอันทรงเกียรติจึงเป็นความโปรดปราน ประการหนงึ่ จากความโปรดปรานอนั ยง่ิ ใหญม่ ากมายทอ่ี ลั ลอฮทฺ รงประทาน ใหแ้ กเ่ รา และการขอบคุณนอิ ฺมะฮฺ (ความโปรดปราน) อันยง่ิ ใหญ่น้ีกค็ ือการ ตระหนกั รถู้ งึ ความสวยงามแหง่ อลั กรุ อานและการมชี วี ติ ดว้ ยขอ้ กำ�หนดตา่ ง ๆ ทีอ่ ยู่ในน้ัน N123
o การคดิ ใครค่ รวญ ความตาย “และเมื่อวิญญาณได้มาถึงคอหอย (กำ�ลังจะตาย) แล้วพวกเจ้า สามารถจะยับยั้งไว้ได้หรือ และในขณะน้ันพวกเจ้ากำ�ลังมองดูกันอยู่” (อัล-วากิอะฮ,ฺ 83-84) เมื่อวาระนน้ั ไดม้ าถึงดว้ ยกบั คำ�ส่ังของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ความตายได้ มาเยือนมนษุ ยโ์ ดยที่เขาไมส่ ามารถที่จะกระทำ�การยบั ย้ังอันใดได้เลย “และเรานั้นอยู่ใกล้ชิดเขาย่ิงกว่าพวกเจ้าแต่ทว่าพวกเจ้ามองไม่ เห็น หากว่าพวกเจ้ามิได้อยู่ภายใต้อำ�นาจของผู้ใด และไม่มีพระเจา้ เป็น ผมู้ ีอำ�นาจเหนอื พวกเจา้ แล้ว ไฉนเล่า พวกเจ้าจงึ ไม่ให้วิญญาณกลบั มา ส่รู า่ งอีก หากพวกเจ้าพูดจริง” (อัล-วากิอะฮฺ, 85-87) และน่ีแสดงถึงพลังอำ�นาจของอัลลอฮฺ ตะอาลา และความไร้ซึ่ง ความสามารถของมนุษย์ ท่ีสุดแล้วมนุษย์จำ�ต้องยอมจำ�นนและศิโรราบต่อ กำ�หนดการของอัลลอฮฺ ตะอาลา ไม่วา่ จะดว้ ยความเตม็ ใจหรือไมก่ ็ตาม ณ ชั่วขณะแห่งสัจธรรม บรรดาผู้อธรรมอันเย่อหยิ่งผู้ซ่ึงใช้ชีวิตของเขาไปกับ การกบฏต่อคำ�ส่ังใช้แห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่สามารถท่ีจะคิดกระทำ�การอันใด ได้มากนกั เวน้ แตจ่ ะส่งเสยี งรอ้ งออกมา เพ่อื ปลดเปลอื้ งความเจ็บปวดเหลอื คณานับ...ในทา้ ยที่สดุ มนุษย์จะตระหนักไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ สถานะบ้ันปลายของผเู้ สยี ชีวติ 1) สำ�หรบั ผทู้ ่หี ากว่าเขา (ผูต้ าย) เปน็ ผู้ใกลช้ ิดกับอลั ลอฮ ดงั นน้ั ความอม่ิ เอบิ สดชน่ื และสวรรคอ์ นั เปน็ ทโ่ี ปรดปรานจะไดแ้ กเ่ ขา (สำ�หรบั ผใู้ กลช้ ดิ กบั อลั ลอฮ พระองคท์ รงเตรยี มความเอน็ ดเู มตตา ความสขุ สบาย ความปลมื้ ปติ ยิ นิ ดี และปจั จยั อน่ื ๆ อกี มากมาย ตลอดจนความเปน็ อยอู่ นั สุขสำ�ราญ มีความอมิ่ เอบิ สดชื่น และสถานทพี่ ำ�นกั ของพวกเขาในวัน กิ N124 ยามะฮคือสวนสวรรค์แหง่ ความโปรดปราน) (อัล-วากอิ ะฮฺ, 88-89)
oการใครค่ รวญอลั กรุ อาน ___________________________________________ 2) และหากว่าเขาอยู่ในกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วย มอื ขวา) ดงั นัน้ ความปลอดภัยก็เป็นของเจา้ ในฐานะเป็นผอู้ ยู่ (สำ�หรบั ผู้ท่ีได้รับบันทึกการงานด้วยมือขวา ซ่ึงมีตำ�แหน่งรองลงมาจากผู้ใกล้ชิ ดกับอัลลอฮ.นั้นพวกเขาจะได้รับความปลอดภัย และจะอยู่ในความสุข สำ�ราญ )ในกล่มุ ทางขวา (ผไู้ ด้รบั บันทึกดว้ ยมอื ขวา) (อลั -วากิอะฮ,ฺ 90-91) 3) และหากว่าเขาอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธหลงทาง ดังนั้นสิ่งท่ีเตรียมไว้ สำ�หรบั เขากค็ อื น้ำ�รอ้ นทก่ี ำ�ลังเดอื ด และเปลวไฟที่ลุกไหม้ (และสำ�หรบั ผู้ปฏิเสธ ผู้หลงผิดนั้น พวกเขาจะพบกับนำ้ �ร้อนที่กำ�ลังเดือดท่ีถูกจัด เตรยี มไวแ้ ละจะถกู นำ�ตวั เขา้ สนู่ รกทม่ี เี ปลวไฟลกุ ไหม้ เพอ่ื รบั การลงโทษ) (อลั -วากิอะฮฺ, 92-94) อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงปิดทา้ ยซเู ราะฮฺน้ี โดยงทรงตรัสวา่ “แท้จริงนี้แหละคือความจริงที่แน่นอน ดังนั้นเจ้าจงสดุดีด้วย พระนามพระเจ้าของเจ้าผยู้ ่ิงใหญ่เถดิ (สภาพดังกล่าวมาแล้วนัน้ จะเกดิ ขึ้นอย่างแน่นอน และส่ิงที่อัลลอฮ.ประทานลงมาในซูเราะฮ.นี้เป็นความ จริงทุกประการ ดังน้ันเจ้ามุฮัมมัด จงสดุดีด้วยพระนามพระเจ้าของเจ้า ผทู้ รงยง่ิ ใหญ)่ ” (อลั -วากอิ ะฮฺ, 95-96) ซูเราะฮฺ อนั -นมั ลฺ ในซูเราะฮฺน้ีอัลลอฮฺได้ทรงช้ีแจงว่าพระองค์เป็นเจ้าแห่งวิทยปัญญา และความรทู้ งั้ มวลในสรรพสง่ิ พระองคเ์ ปน็ ผทู้ รงประทาน อลั กรุ อานอนั ทรง เกียรติ และซูเราะฮน้ีได้บอกเราถึงความยิ่งใหญ่ในพลังอำ�นาจของอัลลอฮฺ ตะอาลา รวมถงึ ความสงู สง่ และวทิ ยปญั ญา และจากสง่ิ มหศั จรรยท์ พี่ ระองค์ ทรงประทานให้แกรอซูลของพระองค์ ศ็อลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซัลลัม ผแู้ จ้ง ข่าวดีและส่ือสำ�หรับพัฒนาการอันยิ่งใหญ่สำ�หรับมนุษยชาติ และในวาระ Nของคำ�บรรชาที่อยู่ในซูเราะฮฺนี้ ได้ระบุถึงเรื่องราวของบรรดานบีนบีขอ 125
o การคดิ ใคร่ครวญ งอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดแ้ ก่ นบีมูซา ดาวดู สุไลมาน ศอลิหฺ และนบลี ูฏ อะลยั ฮิมสุ สลาม (ขอความสนั ตจิ งมีแด่พวกทา่ น) และเร่ืองราวเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันอันชี้ชัดถึงความยิ่งใหญ่แห่ง พลังอำ�นาจของอัลลอฮฺ ตะอาลา และความสมบูรณ์ของพระองค์ กระน้ัน เมอ่ื เหลา่ บรรดามชุ รกิ นู (ผตู้ ง้ั ภาค)ี ปฏเิ สธบรรดารอซลู เหลา่ นน้ั อลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ทรงทา้ ทายพวกเขาถงึ หลกั ฐานทวั่ ไปอนั มอี ยอู่ ยา่ งมากมาย และ ความสามารถในการเข้าถงึ สัญญาณตา่ ง ๆ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าววา่ “หรือผู้ใดเล่าท่ีสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงหล่ังนำ้ � จากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ งอกเงยอย่างสวยงาม พวกเจ้าก็ไม่สามารถท่ีจะทำ�ให้ต้นไม้งอกเงยข้ึนมาได้จะมีพระเจ้าอื่นคู่ เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ เปล่าดอก! พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี” (อัน- นัมลฺ, 60) ทา่ นรอซลู ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะซลั ลมั เคยอา่ นอายะฮนฺ แี้ ละกลา่ ว ว่า “แตท่ ว่าอลั ลอฮฺ ทรงดีย่ิง ทรงนิรันดร์ ทรงปรชี าญาณย่ิง ทรงเกยี รติยิ่ง ทรงสูงส่งยิ่ง และทรงย่ิงใหญ่เหนือสิ่งที่พวกเขาทำ�การต้ังภาคี” (อัลบัยฮะกี, อัชชะอฺบุ, เล่ม 2 หน้า 372) ในซูเราะฮน้ียังคงเชิญชวนให้ทำ�การพิจารณาอย่างต่อเน่ืองในบรรดา สงิ่ ถูกสร้างตา่ ง ๆ ซงึ่ เป็นสญั ญาณชี้ถงึ พลังอำ�นาจของอัลลอฮฺ ตะอาลา ซูเราะฮฺอรั -รูม อีกครั้งหนึ่งท่ีอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเรียกร้องบ่าวของพระองค์ให้ ทำ�การพินจิ พจิ ารณา พระองคท์ รงตรสั ว่า “พวกเขามไิ ดใ้ ครค่ รวญในตวั ของพวกเขาดอกหรอื วา่ อลั ลอฮมฺ ไิ ด้ ทรงสร้างช้ันฟา้ ทัง้ หลายและแผน่ ดิน และส่ิงท่อี ยรู่ ะหวา่ งทง้ั สอง เพ่ือส่ิง อน่ื ใดเลย เวน้ แต่เพอ่ื ความจรงิ และเวลาทถี่ กู กำ�หนดไว้ และแทจ้ รงิ สว่ น N126 มากของมนุษยเ์ ป็นผู้ปฏิเสธศรทั ธาตอ่ การพบพระผเู้ ปน็ เจา้ ของพวกเขา
oการใครค่ รวญอลั กุรอาน ___________________________________________ พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่า บ้ันปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใด เขาเหล่า นั้นมีพลังที่เข้มแข็งกว่าพวกเขา เขาเหล่าน้ันขุดพรวนดินและก่อสร้าง (เคหสถาน) มากกว่าพวกเขาก่อสร้างมัน และบรรดาร่อซูลของพวก เขาได้มาหาพวกเขาดว้ ยหลักฐานอันชดั แจ้ง ดังนน้ั แน่นอนอัลลอฮฺมไิ ด้ ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเองต่าง หาก” (อรั -รมู , 8-9) และอายตั ถดั จากน้ี พระองคท์ รงแสดงถงึ หลกั ฐานแหง่ ความเปน็ เอกะ พลงั อำ�นาจอันไรข้ อบเขตจำ�กัดของพระองค์ “พระองคท์ รงใหม้ ชี วี ติ หลงั จากการตาย และทรงใหต้ ายหลงั จากมี ชวี ติ และทรงใหแ้ ผน่ ดนิ มชี วี ติ ชวี าขน้ึ หลงั จากการแหง้ แลง้ ของมนั และ เช่นนั้นแหละพวกเจ้าจะถูกนำ�ออกมา และหน่ึงจากสัญญาณทั้งหลาย ของพระองค์คือ ทรงสร้างพวกเจ้าจากดิน แล้วพวกเจ้าเป็นมนุษย์แพร่ กระจายออกไป และหนงึ่ จากสญั ญาณทง้ั หลายของพระองคค์ อื ทรงสรา้ ง พวกเจา้ จากดนิ แลว้ พวกเจา้ เปน็ มนษุ ยแ์ พรก่ ระจายออกไป และหนง่ึ จาก สญั ญาณทง้ั หลายของพระองคค์ อื ทรงสรา้ งคคู่ รองใหแ้ กพ่ วกเจา้ จากตวั ของพวกเจา้ เพ่ือพวกเจ้าจะได้มคี วามสขุ อยู่กบั นาง และ ทรงมคี วามรกั ใคร่และความเมตตาระหวา่ งพวกเจ้า แทจ้ รงิ ในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็น สญั ญาณแก่หมู่ชนผใู้ คร่ครวญ และหน่ึงจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การสร้างช้ันฟ้า ท้ังหลายและแผ่นดิน และการแตกต่างของภาษาของพวกเจ้าและผิว พรรณของพวกเจ้า แท้จริงในการน้ีแน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณสำ�หรับ บรรดาผมู้ คี วามรู้ และหนงึ่ จากสญั ญาณทงั้ หลายของพระองคค์ อื การหลบั นอนของ พวกเจ้าในกลางคนื และกลางวัน และการแสวงหาของพวกเจา้ ซึ่งความ โปรดปรานของพระองค์ แทจ้ รงิ ในการนี้ แน่นอน ย่อมเปน็ สัญญาณแก่ หมู่ชนผู้ฟังเพอ่ื ใคร่ครวญ N127
o การคดิ ใครค่ รวญ และหนงึ่ จากสญั ญาณทง้ั หลายของพระองคค์ อื ทรงใหพ้ วกเจา้ เหน็ สายฟา้ แลบเปน็ ทห่ี วาดกลวั และเปน็ ความหวงั และทรงหลงั่ น้ำ�ลงมาจาก ฟากฟา้ และทรงใหแ้ ผ่นดินมีชีวิตชีวาดว้ ยมนั (นำ้ �ฝน) หลังจากการแหง้ แลง้ ของมนั แทจ้ รงิ ในการนนั้ ยอ่ มเป็นสญั ญาณแก่หมูช่ นผใู้ ชส้ ติปญั ญา และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ช้ันฟ้าและแผ่น ดินม่ันคงอยู่ตามพระบัญชาของพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียก พวกเจ้าอีกคร้ังหน่ึงให้ออกจากแผน่ ดิน เมอื่ นั้นพวกเจา้ ก็จะออกมากนั และผู้ที่อยู่ในช้ันฟ้าท้ังหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธ์ิของ พระองค์ ท้ังมวลเปน็ ผ้จู งรักภักดีตอ่ พระองค์ (อัร-รูม, 19-26) ลักษณะผ้ซู ่ึงผินหลังให้กับบรรดาอายตั ของอลั ลอฮฺ ระหวา่ งทอี่ ลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงกลา่ วถงึ ผทู้ เี่ ปน็ บา่ วของพระองคอ์ ยา่ ง แทจ้ รงิ ในช่วงหนึง่ พระองคท์ รงกลา่ ววา่ “บรรดาผู้ซึ่งเม่ืออายาตของพระผู้อภิบาลถูกรำ�ลึกแก่เขาด้วย กับการตักเตือนหรือการอ่าน เขาจะไม่สามารถคงอยู่โดยปราศจากการ ครนุ่ คดิ ถึงหรอื แสรา้ งทำ�เปน็ มองไม่เห็น เช่นคนหหู นวก ตาบอด แตท่ ว่า เขาจะสดับรับฟังด้วยหูที่สำ�เหนียกและดวงตาทั้งสองที่เอ่อล้น” (อัล-ฟุ รกอน, 73) อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า “แท้จรงิ บรรดาผู้ท่ศี รทั ธานนั้ คอื ผทู้ เี่ ม่ืออัลลอฮฺถกู กล่าวขึน้ แล้ว หวั ใจของพวกเขากห็ วนั่ เกรง และเมอ่ื บรรดาโองการของพระองคถ์ กู อา่ น แก่พวกเขา โองการเหล่านั้นก็เพิ่มพูนความศรัทธาแก่พวกเขา และแด่ พระเจา้ ของพวกเขาน้นั พวกเขามอบหมายกนั ” (อัล-อันฟาล, 2) พระองค์ทรงช้ีให้เห็นในอีกอายะฮฺหน่ึง ถึงบรรดาผู้ท่ีขาดทุนอย่าง แท้จริง บรรดาผู้ซ่ึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงและไม่มีวันบรรลุถึงความอิ่มเอม N128 และความหอมหวานจากอลั กุรอาน และไม่สามารถทจ่ี ะเข้าใจความลบั ตา่ ง
oการใครค่ รวญอัลกุรอาน ___________________________________________ ๆ และไม่สามารถทีจ่ ะหยุดเพื่ออธิบายความหมาย และไม่ได้ยินถึงคำ�ส่งั ใช้ ต่าง ๆ และขอ้ ตกั เตือนตา่ ง ๆ อย่างจรงิ ใจ พระองคท์ รงตรสั วา่ “ขา้ จะหนั เห ออกจากบรรดาโองการของขา้ ซงึ่ บรรดาผทู้ ย่ี ะโสใน แผน่ ดนิ โดยไมบ่ งั ควร และแมว้ า่ พวกเขาจะไดเ้ หน็ สญั ญาณทกุ อยา่ งพวก เขากจ็ ะไมศ่ รทั ธาตอ่ สญั ญาณนนั้ และหากพวกเขาเหน็ ทางแหง่ ความถกู ตอ้ ง พวกเขากจ็ ะไมถ่ อื มนั เปน็ ทาง และหากพวกเขาเหน็ ทางแหง่ ความผดิ พวกเขากย็ ึดถือมันเป็นทาง น่นั ก็เพราะว่าพวกเขาปฏเิ สธบรรดาโองการ ของเราและพวกเขาจงึ ไดเ้ ปน็ ผลู้ ะเลยโองการเหลา่ นน้ั ” (อลั -อะอรฺ อฟ, 146) ดังน้นั ลกั ษณะของบรรดาผูห้ ยิ่งยโสโอหงั สามารถเหน็ ไดจ้ ากใบหนา้ ของพวกเขา รู้สึกว่าพวกเขามีความสูงส่งและมีอำ�นาจ แต่ไม่สามารถที่จะ ได้รับผลสะท้อนจากความหมายแห่งอัลกุรอานด้วยเหตุน้ันพวกเขาจึงไม่มี ส่วนในการได้รับแสงแห่งทางนำ� เน่ืองด้วยอัลลอฮตะอาลา ทรงปิดกั้น หัวใจของพวกเขาจากโอกาสในการได้รับวิทยปัญญาจาก อัลกุรอาน และ ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากววิ รณท์ มี่ าจากฟากฟา้ พวกเขาปฏบิ ตั กิ บั อลั กรุ อานดว้ ย ความไมเ่ หมาะสม ดงั นนั้ จงึ เปน็ การไมบ่ งั ควรตอ่ อลั กรุ อานทเี่ ปยี่ มดว้ ยวทิ ย ปัญญาและความหมายอันศักดิ์สิทธ์ิ จมปลักอยู่ในความโง่เขลาแห่งอวิชชา อัลกรุ อานจะเข้าสหู่ วั ใจของคนดีและเป็นแสงแหง่ ทางนำ�ใหแ้ กพ่ วกเขา เปน็ เรอื่ งเศรา้ ประการหนง่ึ สำ�หรบั ผทู้ มี่ ไิ ดร้ บั สว่ นแบง่ ใด ๆ จากความ ดีงาม อันเนื่องมาจากความด้อยในการพิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานอย่าง เหมาะสม ซ่งึ เปน็ ผลจากการขยายอยา่ งไม่มที ่สี ิ้นสุดของอัตตาของพวกเขา หากพวกเขาเพียงแต่ได้รับผลสะท้อนอย่างมีสติจากอัลกุรอานและติดตาม มนั ไมม่ ที างทพ่ี วกเขาจะตกอยใู่ นสภาพหหู นวกตาบอดจากการเปดิ เผยจาก ฟากฟา้ ในทางตรงกนั ขา้ ม พวกเขาจะยอมรบั ในสจั ธรรมและนอ้ มรบั ในการก ระทำ�ดีและมาตรฐานทางศีลธรรม พวกเขาจะได้รับส่วนแบง่ จากความลบั และวิทยปญั ญาต่าง ๆ ผลกค็ ือ ประตูแหง่ ความผาสุขและความปตี อิ ันนริ นั ดรจ์ ะเปิดกวา้ งสำ�หรับพวกเขา N129
o การคิดใคร่ครวญ หลักฐานจากสิ่งที่ได้กล่าวมาอย่างยืดยาวจากความไม่ใส่ใจต่อการ ใคร่ครวญและผลลัพธ์ท่ีตามมาอัน ส่งผลต่อชีวิตในภายภาคหน้า สำ�หรับ ผู้ศรัทธานั้น ไม่สามารถที่จะประเมินค่าได้ เช่นเดียวกับคำ�ตักเตือนต่อผู้ท่ี ไมใ่ ส่ใจตอ่ คณุ คา่ ของเวลาและสญู เสยี มันไป อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรสั วา่ “ขอสาบานด้วย แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน นอกจาก บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันใน สิง่ ท่ีเปน็ สัจธรรม และตกั เตือนกันและกนั ให้มีความอดทน” (อัล-อัสรฺ, 1-3) สายตาของผู้ศรัทธาท่ีดีจะต้องมองอย่างลึกซ้ึงและการนิ่งเงียบของ เขาจะต้องนำ�ไปสู่การพิจารณาใคร่ครวญ เขาจะต้องได้รับผลสะท้อนอย่าง ลึกซ้ึงต่อการพิจารณาใคร่ครวญสัจธรรมที่มีในอัลกุรอานและพยายาม แสวงหาความรู้ของอัลลอฮฺ และอีกครั้งหนึ่ง ผู้ศรัทธาจะต้องปฏิบัติต่อ อัลกุรอานเสมือนจดหมายที่ส่งมาจากพระผู้อภิบาลแห่งช้ันฟ้ามายังปวง บ่าวของพระองค์ และน้อมรับขุมพลังอันนิรันดร์แห่งความปีติยินดีด้วยกับ ความกระตอื รือร้นแห่งศรทั ธา ใหม้ คี วามใกลช้ ดิ ตอ่ อลั ลอฮฺ ตะอาลา อย่าง สมำ่ �เสมอ (อัล-มุรอกอบะฮ)ฺ อลั -มรุ อกอบะฮฺ คอื การเพง่ ความสนใจไปทโ่ี ลกภายใน โดยการรกั ษา และสอดสอ่ งดแู ลและเพง่ ความสนใจในทกุ ดา้ นทมี่ คี วามหมาย ในทางตะเซา วฟุ ไดอ้ ธบิ ายความหมายของมรุ อกอบะฮวฺ า่ “การรกั ษาหวั ใจใหพ้ น้ จากสง่ิ ท่ี จะท�ำ อนั ตรายตอ่ มนั ” และอกี ความหมายหนง่ึ คอื “อลั ลอฮทฺ รงเหน็ ฉนั ในทกุ เวลา และพระองคท์ รงก�ำ ลงั มองมายงั หวั ใจของฉนั ” ดงั นนั้ อลั -มรุ อกอบะฮฺ จงึ มคี วามหมายในทกุ ๆ มติ แิ หง่ ชวี ติ มนษุ ย์ เชน่ เดยี วกบั การใครค่ รวญ พรอ้ ม กบั การหม่นั ตรวจสอบตนเองอย่เู สมอ เชน่ นจ้ี งึ เปน็ การทห่ี วั ใจตนื่ อยทู่ กุ ขณะ ในการพงุ่ ความสนใจและความ สามารถทจี่ ะไดม้ าซงึ่ สภาวะทจ่ี ติ วญิ ญาณยดึ มนั่ อยกู่ บั อลั ลอฮฺ ตะอาลา และ N130 ใหพ้ ระองคท์ รงเป็นท่พี ึง่ อย่างแทจ้ ริง ทางไปหาอัลลอฮฺท่ีสนั้ ทส่ี ดุ
oการใครค่ รวญอัลกุรอาน ___________________________________________ อาณาจกั รแหง่ หวั ใจ เปน็ ทท่ี เี่ หมาะสมสำ�หรบั การใครค่ รวญและมเี ปา้ หมายอันกว้างไกลเช่นเดียวกับโลกวัตถุภายนอกที่ปรากฏอยู่ท้ังหมด ช่าง สวยงามเสยี จรงิ สำ�หรบั เรอ่ื งราวทเ่ี มาลานา ญาลาลดุ ดนี อรั -ฺ รมู ยี ฺ ไดส้ าธยาย ถงึ ความสำ�คัญของอลั -มรุ อกอบะฮฺ เรื่องมอี ยู่วา่ “วันหน่ึง ชาวศูฟียคฺ นหนึง่ เดินทางไปท่ีสวนอันสวยงาม เพื่อที่จะขัดเกลาจิตวิญญาณ เพื่อท่ีเขาจะได้ ทำ�การใคร่ครวญอย่างลึกซ้ึง เขารู้สึกอิ่มเอิบไปกับสีสรรของพืชนานาพันธ์ุ เขาจงึ หลบั ตา และเรม่ิ ทจ่ี ะทำ�การรำ�ลกึ ถงึ อลั ลอฮฺ “ทำ�ไมทา่ นถงึ นอนหลบั ” เขาถาม “จงเปิดดวงตาของท่าน” ศูฟียผู้น้ันจึงได้กล่าวตอบว่า “บรรดา ผู้ท่ีเพิกเฉยละเลย” “และชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกน้ีนั้น มิใช่อะไรอื่น นอกจากสง่ิ อำ�นวยประโยชนแ์ หง่ การหลอกลวงเทา่ นน้ั ” (อาละอมิ รอน, 185) อลั -มรุ อกอบะฮฺ เปน็ เสน้ ทางทส่ี ำ�คญั ยง่ิ สำ�หรบั การไปยงั อลั ลออฮฺ ตะ อาลา และเป็นการเติมเต็มความรู้ การรู้จัก วทิ ยปัญญา และความลบั ตา่ ง ๆ จนกระท่ัง อลั -มุรอกอบะฮฺ ไดต้ ระเตรียมหนึ่งในเส้นทางอนั หลากหลาย ในการยกระดับความหมายอันแท้จริง ซึ่งเป่ียมด้วยวิทยปัญญาและรัศมีใน การชำ�ระจติ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิ (ตะเซาวฟุ ) ผู้ศรัทธาท่ีกำ�ลังพยายามอยู่บนเส้นทางมุรอกอบะฮฺน้ีจำ�เป็นท่ีจะ ตอ้ งเริม่ ท่หี วั ใจของเขาก่อนเป็นอันดบั แรก ทำ�การนั่งประหน่งึ เขาอย่ใู นการ ละหมาด และทำ�การมุ่งตรงไปยงั พระผอู้ ภบิ าลของเขา N131
จริยธรรมการคิดใครค่ รวญ ทุกส่ิงทุกอย่างบนโลกใบน้ีน้ันเปรียบเสมือน กระจกเงาท่ีสะท้อนถึงการรู้จัก ความเข้าใจ และ การเข้าถึงการมีอยู่และความย่ิงใหญ่ของ อัลลอฮฺ ตะอาลา เปน็ เงาทแ่ี สดงถงึ อำ�นาจและความยง่ิ ใหญท่ ม่ี ี อยเู่ บอ้ื งหนา้ ของบา่ วทม่ี คี วามสำ�นกึ สำ�หรบั ผทู้ จ่ี ะเขา้ ถงึ และมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความลบั และวทิ ยปญั ญา ในกระจกเงาน้ี เงอ่ื นไขสำ�คญั กค็ อื ความใสสะอาดและ ความบรสิ ทุ ธข์ องกระจกหวั ใจในตวั ของเขา
จริยธรรมการคิดใคร่ครวญ การใครค่ รวญ ของบรรดาผู้ทอี่ ลั ลอฮฺ รกั วันหนึ่งท่านอบูบักร อัซซิดดกิ ไดร้ ำ�ลึกถึงวันแหง่ การฟืน้ คนื ชพี ทา่ น ไดน้ งั่ คดิ ใครค่ รวญเกยี่ วกบั สวรรค์ นรก แถวของบรรดามาลาอกี ะห์ (อปุ ทตู ) การพลิกและพบั ของทอ้ งฟ้า ภูเขาท่ถี ูกทำ�ให้แตกแยกออกจากกัน และการ ดับศูนยข์ องดวงอาทติ ย์ บรรดาดวงดาวทงั้ หลายบนทอ้ งฟ้าท่านไดก้ ล่าวว่า “ฉันอยากเป็นหน่งึ ในพชื สีเขยี วที่งอกเงย เมอื่ สัตว์ผา่ นมาเห็นก็ได้กินฉันไป หรอื ไมแ่ ลว้ กอ็ ยา่ ใหฉ้ นั นนั้ ถกู สรา้ งมาเลย” และหลงั จากนน้ั อลั ลอฮฺ กไ็ ดท้ รง ประทานองค์การแกท่ ่านศาสนทตู ศ็อลลลั ลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลมั ความวา่ “และสำ�หรบั ผทู้ ย่ี ำ�เกรง ตอ่ การยนื หนา้ พระพกั ตรแ์ หง่ พระเจา้ ของ เขา (เขาจะได)้ สวนสวรรคส์ องแหง่ ” (อลั -อลซู ี รฮู ฺ อลั มาอานี อรรถาธบิ ายกรุ อาน ซเู ราะฮฺ อรั -เราะหฺมาน, 46) ในอีกเหตุการณห์ นง่ึ ทา่ นซัยดีนา อาบบู กั ร อศั ศดิ ดกิ ไดม้ องนกตัว หน่ึงบนต้นไม้ ท่านได้กล่าวว่า “เจ้าน้ันช่างโชคดีเหลือเกิน โอ้เจ้านกน้อย ด้วยพระนามของอลั ลอฮ ฉนั อยากเป็นเหมือนเจ้าเหลอื เกิน ชวี ิตที่เกาะอยู่ บนตน้ ไม้ กนิ ผลไมแ้ ลว้ กบ็ นิ ไป เจา้ นนั้ ไมต่ อ้ งถกู สอบสวนหรอื การถกู ทรมาน โอ้อัลลอฮฺ ฉนั อยากเป็นตน้ ไมท้ ่อี ยขู่ า้ งทาง ท่ีเม่ืออูฐผ่านมาก็ได้ถอนฉนั นำ� ฉันเข้าไปในปากของมัน เคี้ยวฉัน และก็กลืนฉันลงไปในท้องของมัน และ สุดท้ายก็ถ่ายฉันออกเป็นของเสีย และก็ไม่ได้เป็นมนุษย์” (อิบนุอาบีชัยบะฮฺ อลั -มุซันนัฟ เลม่ 8 หน้า 144) ซัยดีนา อาลี อิบนู อาบีตอลิบ รอดียัลลอฮฮูอันฮู ท่านได้กล่าวว่า N“ปราชญ์ท่ีแท้จริง คือผู้รู้ท่ีไม่ทำ�ให้ผู้อ่ืนหมดความหวังในความเมตตาขอ 135
o การคิดใคร่ครวญ งอลั ลอฮ ตาอาลา ไมเ่ ปน็ ตน้ เหตใุ หผ้ อู้ นื่ ไปสกู่ ารท�ำ สงิ่ ทไ่ี มด่ งี าม และไมเ่ ปน็ ผทู้ ท่ี �ำ ใหผ้ อู้ น่ื นน้ั รสู้ กึ ปลอดภยั จากความเจบ็ ปวดของบทลงโทษของอลั ลอฮ ทั้งหมดนนั้ กเ็ พราะว่าบคุ คลจะไม่ไดร้ ับประโยชน์ใด ๆ ในการท�ำ อบี าดะหท์ ่ี ปราศจากความรแู้ ละความเขา้ ใจ เชน่ เดยี วกนั กบั การไมไ่ ดร้ บั ประโยชนใ์ ด ๆ ในการอา่ นอัลกรุ อานท่ีขาดการใคร่ครวญ” (ซุนนั อดั -ดารมี ี อลั มกุ อดดมิ ะฮฺ 29) ท่านซัยดีนา อาลี อิบนู อาบีตอลิบ ได้กล่าวอีกเช่นกันว่า “จะมี ประโยชน์อันใดเล่าสำ�หรับการละหมาดท่ีไร้ความสงบในหัวใจ (คูชั๊วะ) จะ มีประโยชน์อันใดในการถือศิลอดที่ปลอดจากการปฏิบัติส่ิงท่ีไร้สาระ จะ มีประโยชน์อันใดสำ�หรับการอ่านท่ีไร้การใคร่ครวญ จะมีประโยชน์อันใด สำ�หรับความรู้ท่ีปราศจากการถ่อมตน จะมีประโยชน์อันใดสำ�หรับความ ร�่ำ รวยทป่ี ราศจากการใหท้ านและการกศุ ล จะมปี ระโยชนอ์ นั ใดการมเี พอื่ นท่ี ไรก้ ารดแู ลซงึ่ กนั และกนั จะมปี ระโยชนอ์ นั ใดส�ำ หรบั ความเมตตาทไ่ี มน่ ริ นั ดร และจะมีประโยชน์อันใดสำ�หรบั การขอวิงวร (ดอุ า) ทข่ี าดความบรสิ ุทธ์ิใจ” (อบิ นฮุ าญัร อลั -มุนบั บิฮาต หนา้ 31) ในชว่ งเวลาอนื่ ๆ ท่านซยั ดีนา อาลี รอดยี ลั ลอฮฮูอนั ฮู ไดพ้ ินจิ ไปยงั ส่ิงต่าง ๆ อย่างใคร่ครวญ และท่านมักคิดพิจารณาอย่างลึกซ้ึงเสมอ ท่าน ร้องไห้หนักเหมือนเด็กกำ�พร้าที่ขาดพ่อ และตัวสั่นเหมือนคนท่ีกำ�ลังเจ็บ ปว่ ย เพราะความเกรงกลวั ต่ออัลลอฮฺ ตาอาลา ทา่ นชอบทำ�อบี าดะห์ และ ชอบทจี่ ะบำ�เพญ็ ตน ท่านรับประทานอาหารแตเ่ พยี งเล็กน้อย และทำ�ความ ดใี หม้ าก สำ�หรบั ทา่ นแลว้ ศาสนานน้ั มเี กยี รตแิ ละมคี า่ มากกวา่ สงิ่ อน่ื ใด ทา่ น ได้กลา่ ววา่ “ความดีทง้ั หมดได้รวมอยใู่ น 4 ประการ คอื การเงยี บ การพูด การมอง และการขยับ กลา่ วคอื ทุก ๆ การพดู ทไ่ี ม่ใชเ่ พ่ือการสรรเสรญิ (ซิ กรุลลอฮฺ) นน้ั คอื ส่ิงท่ีไรป้ ระโยชน์ ทกุ ๆ การเงยี บ (ไม่พดู คยุ ) ทไ่ี ม่ใชเ่ พื่อ การคิดทบทวนก็คือการหลงลืม ทุก ๆ การมองท่ีไมใ่ ชเ่ พือ่ ได้รบั บทเรยี นนน้ั คือการไม่ส�ำ นึก และทุก ๆ การขยบั ที่ไม่ใช่เพื่อการทำ�อีบาดะหน์ ั้นคอื ความ ว่างเปลา่ หวังวา่ อัลลอฮฺ ตาอาลา จะทรงรกั ผู้ทค่ี �ำ พูดของเขาน้นั เป็นการซิ N136 กรุลลอฮฺ การเงยี บของเขานน้ั เพือ่ การคดิ ใครค่ รวญ การมองของเขาน้นั เพอ่ื
oจริยธรรมการคดิ ใคร่ครวญ ________________________________________ หวงั ในบทเรยี น และการขยบั ของเขานน้ั เพอื่ การเคารพภกั ดหี รอื อบี าดะหต์ อ่ อัลลอฮฺ และต่อผ้อู ืน่ น้ันเขา้ พยายามรักษาลนิ้ และมือของเขา” (อาบูนัชร อทั ทูซี อลั -ลมู า ฟิ อลั -ตาเซาวฟุ หนา้ 182) ซอหาบะห์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ท่านอับดุลลอฮ อิบนู มัสอูด รอดี ยัลลอฮฮูอันฮู ได้อธิบายถึงบุคคลแห่งอัลกุรอานไว้ดังต่อไปน้ี “บุคคลแห่งอัล กุรอาน เขาจะน่ิงเงียบในขณะที่ผู้อ่ืนกำ�ลังเสวนา บุคคลแห่งอัลกุรอาน สำ�หรับเขาการ หลั่งหยดน้ำ�น้ันคือหน่ึงในความสุข บุคคลแห่งอัลกุรอานคือผู้ท่ีมีเกียรติ เขาจะเป็นผู้ที่คิด ใคร่ครวญและสงบเสง่ียม และเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพและจริยธรรมท่ีม่ันคง” (อาบูนูอัยมฺ อัล-ฮลิ ยะฮฺ เล่ม 1 หนา้ 130) ทา่ นอนู อิบนู อับดลิ ลาฮ อบิ นู อตุ บะฮฺ กลา่ วว่า ฉนั ได้ถามต่อ อุมมู ดัรดะ ว่า “อีบาดะฮฺท่ีมาเป็นลำ�ดับต้นของท่านอาบูดัรดะคืออะไร” และ เธอก็ไดต้ อบว่า “การคิดและการน�ำ เอาบทเรยี นจากมนั ” (วากิ อิบนุ อัล-ญาร ราฮฺ อัซ-ซฮุ ดฺ หน้า 474) ท่านอามิรอบิ นู อบั ดลุ กอยซ์ ตาบีอนี ระดบั สูง ได้กล่าวว่า “ฉันไดย้ ิน จากผคู้ นไมใ่ ชเ่ พยี งคนเดยี ว สองคนหรอื สามคน แตฉ่ นั ไดย้ นิ จาก ศอฮาบะฮฺ ของทา่ นรอซลู หลายทา่ น พวกเขาไดก้ ลา่ ววา่ แทจ้ รงิ แสงหรอื รศั มขี องความ ศรทั ธานนั้ คอื การคดิ ใครค่ รวญ (ดว้ ยหวั ใจทเ่ี ตม็ เปย่ี มดว้ ยความเขา้ ใจ)” (อบิ นุ กาซิร อัต-ตัฟซิร เล่ม 1 บทอัลอมิ รอน 190) มบี คุ คลทา่ นหนง่ึ ไดก้ ลา่ วตอ่ ทา่ นราบอิ ฺ อบิ นุ ไฮซมั “โปรดแนะน�ำ ฉนั ไดร้ จู้ กั บคุ คลทีด่ ีทีส่ ดุ ในหมพู่ วกท่าน” และท่านได้ตอบวา่ “เขาคือบคุ คลท่ี คำ�กลา่ วของเขานั้นคอื การสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ (ซิกรฺ) การนง่ิ เงียบของเขา คือการคิดทบทวน แท้จริงแล้วเขาผู้น้ันดียิ่งกว่าฉัน” (อาบูนุอัยมฺ อัล-ฮิลยะฮฺ เลม่ 2 หน้า 106) อบู สุไลมาน อัดดารานี กล่าวว่า “จงทำ�ความคุ้นชินให้ดวงตาของ ทา่ นดว้ ยกับการร้องไห้ และสรา้ งความคนุ้ เคยแดห่ วั ใจของท่านดว้ ยกบั การ คดิ ใครค่ รวญ” และทา่ นไดก้ ลา่ วอกี วา่ “จงคดิ วา่ ดนุ ยานน้ั เปรยี บเสมอื นมา่ น Nของวนั อาคเี ราะฮฺ (โลกหนา้ ) ส�ำ หรบั บรรดาคนทเ่ี ปน็ ทร่ี กั ยง่ิ ของอลั ลอฮฺ (วา 137
o การคดิ ใครค่ รวญ ลียุลลอฮฺ) เขาจะคดิ วา่ มันคือความขาดทุน จงคดิ ถงึ โลกหน้าใหม้ าก เพราะ นนั่ จะทำ�ให้เราค้นพบกับวิทยปญั ญาและชีวิตชวี าของหัวใจ” (อัล-ฆอซาลี อัล- อฮิ ยฺ า เล่ม 6 หนา้ 45) ในหนงั สอื รตุ บาตลุ ฮายาฮฺ (Rutbatul Hayah) ทา่ นยซู ฟุ อลั -ฮามาดา นี ไดก้ ลา่ ววา่ “ในขณะทก่ี �ำ ลงั ใครค่ รวญ อมี านจะเปลง่ ประกายภายในบคุ คล และจะตามมาดว้ ยกบั การงานทด่ี ี ดว้ ยเหตนุ เ้ี ราจงึ ตอ้ งคดิ ใครค่ รวญไปพรอ้ ม กบั การปฏิบัติความดีในทกุ ๆ สถานการณ์” ท่านฟูไดล์ อบิ นุ อิยาด ได้กล่าววา่ “การคิดน้ันคอื กระจก ท่ีกำ�ลงั จะส่ือถึง ความย่ิงใหญ่และอำ�นาจของอัลลอฮ ซบ. และเขาคือ ผู้ช้ีนำ�ใน แนวทางที่ดีและในแนวทางทไี่ มด่ ีส�ำ หรบี ท่าน.” (al-Ghazli, al-Thya’, jilid 6, halaman 44) มหู ัมหมดั อิบนูอับดลุ ลอฮฺ ไดก้ ลา่ ววา่ “การคิดนัน้ มีห้าประการ คือ ประการที่หน่งึ การคิดเก่ยี วกับ อายัต อลั กุรอาน อลั ลอฮ ตาอาลา จะทรง นำ�มาซึ่งความเข้าใจ ประการที่สอง การคิดเกี่ยวกับความเมตตา อัลลอฮ ตาอาลา จะทรงน�ำ มาซึง่ ความรัก ประการท่ีสาม การคิดเกยี่ วกับค�ำ สญั ญา และผลบุญ อัลลอฮ ตาอาลาจะทรงน�ำ มาซงึ่ กำ�ลงั ใจและแรงจูงใจ ประการ ที่สี่ การคิดเกี่ยวกับบทลงโทษและผลตอบแทน อัลลอฮ ตาอาลา จะทรง นำ�มาซ่ึงความรู้สึกกลัว และประการท่ีห้า การคิดเก่ียวกับการยับยั้งความ ตอ้ งการทางอารมณท์ ีพ่ ระองคท์ รงมอบให้ และอัลลอฮฺ ตาอาลา จะน�ำ มา ซ่งึ ความรู้สึกละอายใจและความเสียใจ” อาบฎู อลบิ อลั -คัดฮิ กล่าววา่ “บทสรุปของความดีน้ันจะไดร้ ับตราบ นานเทา่ ทไี่ ดท้ �ำ การคดิ ทบทวน การเงยี บคอื ความปลอดภยั การกระท�ำ สงิ่ ท่ี มสุ าคือความขาดทุนและเศร้าใจ ในวนั แหง่ การตัดสิน (กียามัต) เขาจะตอ้ ง ประสบเจอกับความเศรา้ สลด เพราะไดม้ องข้ามความจรงิ ของโลกหนา้ แต่ กลบั เอาโลกนเ้ี ปน็ เปา้ หมายหลกั ของชีวิต” (อัล-บยั ฮากี ชู’อับ อัล-อมี าน เลม่ 7 N138 หน้า 417 รายงานที่ 10812)
oจรยิ ธรรมการคิดใครค่ รวญ ________________________________________ จงหล่งั ลำ�ธารแหง่ การคดิ ใคร่ครวญสู่แผน่ ดนิ อนั อดุ ม สมบรู ณ์ อลั ลอฮฺ ตาอาลา ได้ประทานความสามารถในการใชส้ ตปิ ัญญาให้กับ บ่าวของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างลำ�ธารแห่งการคิดท่ีหล่ังไหลอย่างพร่ัง พรูอยู่ภายในมนุษย์ทุกคน ลำ�ธารที่ไม่เคยหยุดน่ิงเพราะต้องไหลหล่ังอยู่ ตลอดเวลา ถ้าหากว่าปล่อยให้ลำ�ธารสายน้ีหลั่งไหลไปเองโดยไร้ผู้ควบคุม แลว้ แนน่ อนลำ�ธารนกี้ จ็ ะหลงทางโดยไมร่ วู้ า่ ควรมงุ่ ไปทางใด ลำ�ธารนอ้ี าจ ไหลไปในทุกที่ซ่ึงอาจเป็นท่ีท่ีถูกและอาจเป็นท่ีที่ผิด บางคร้ังก็ไหลไปอย่าง ไร้ประโยชน์ เช่นเดียวกับอีกคำ�พูดหนึ่งที่ได้กล่าวว่า แน่นอนว่าลำ�ธารจะ ไหลไปยงั พนื้ ทท่ี ไ่ี มร่ จู้ กั เสมอื นกบั กง่ิ ไมท้ ลี่ อ่ งลอยอยบู่ นกระแสนำ้ �ทไี่ หลรนิ ดังนั้นความสมารถท่ีแท้จริงก็คือการควบคุมลำ�ธารแห่งการคิดที่ได้ กลา่ วขา้ งตน้ ไปสดู่ นิ แดนทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณ์ และสง่ ผลใหเ้ กดิ สงิ่ เกบ็ เกย่ี ว ท่มี คี วามเปน็ สิริมงคล อลั ลอฮฺ ตาอาลา ไดต้ ักเตือนบรรดาพวกท่ีไม่ต้องการใช้ความคิดและ การใคร่ครวญในความเมตตาของพระองค์ อัลลอฮฺ ทรงตรสั ว่า “แทจ้ รงิ สตั ว์ ทช่ี วั่ รา้ ยยงิ่ ณ อลั ลอฮนฺ นั้ คอื ทหี่ หู นวก ทเี่ ปน็ ใบ้ ซง่ึ เป็นผูท้ ่ไี ม่ใชป้ ญั ญา” (อลั -อนั ฟาล, 22) อัลลอฮฺ ตาอาลา ได้ทรงตรัสเช่นเดียวกันวา่ “และแน่นอนเราได้บังเกิดสำ�หรับญาฮันนัม ซ่ึงมากมายจากญิน และมนุษย์ โดยที่พวกเขามีหัวใจซึ่งพวกเขาไม่ใช้มันทำ�ความเข้าใจและ พวกเขามีตา ซึ่งพวกเขาไม่ใช้มันมอง และพวกเขามีหู ซึ่งพวกเขาไม่ ใช้มันฟัง ชนเหล่าน้ีแหละประหนึ่งปศุสัตว์ ใช่แต่เทา่ น้ัน พวกเขาเป็นผู้ หลงผดิ ยง่ิ กวา่ ชนเหลา่ นแี้ หละ พวกเขาคอื ผทู้ เ่ี ผลอเรอ” (อลั -อะรอฟ, 179) หัวใจของเราน้นั เปรยี บเสมอื นกระจกเงา กระจกนจี้ ะหมองหม่นหรือ Nสกปรกกเ็ พราะการกระทำ�ทหี่ ลงลมื และปฏเิ สธ กระจกนจี้ ะผอ่ งใสถา้ หากวา่ 139
o การคดิ ใครค่ รวญ มคี วามยดึ มัน่ ในการมอี ย่จู ริงของอัลลอฮฺ ตาอาลา และการเขา้ หาพระองค์ ด้วยความรักที่บริสุทธิ์ มนุษย์จึงต้องคิดทบทวนอย่างสมำ่ �เสมอเกี่ยวกับข้อ คำ�ถามตา่ ง ๆ ดงั เชน่ เหตใุ ดเจา้ ถงึ ถกู สง่ มายงั โลกแหง่ น้ี ผใู้ ดทเ่ี ปน็ ผใู้ หป้ จั จยั ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ า่ ง ๆ แกเ่ รา และเสน้ ทางทเี่ รากำ�ลงั เดนิ ทางนจี้ ะสน้ิ สดุ ทใี่ ด คนท่ีหลงใหลในอารมณ์ใฝ่ต่ำ�ของตนเอง จนเขาน้ันห่างไกลจากสิ่ง ทแ่ี ทจ้ รงิ น้ี ไมเ่ คยคดิ ใครค่ รวญเพอื่ เขา้ ถงึ และเขา้ ใจเกย่ี วกบั อลั ลอฮฺ ตาอาลา และหลักฐานต่าง ๆ ทบ่ี ง่ บอกถงึ การมอี ย่ขู องพระองค์ ดงั นน้ั เขาจะไปสโู่ ลก หนา้ ดว้ ยความรสู้ กึ โศกเศรา้ และเสยี ใจทเี่ ตม็ ไปดว้ ยความขาดทนุ ดว้ ยเหตนุ น้ั เขา้ นน้ั ไมต่ า่ งอะไรจากบรรดาพวกสตั วท์ หี่ ลงทางและหลงลมื เพยี งเพราะเปา้ หมายของพวกมนั นนั้ มเี พยี งการหาของกนิ น้ำ�ดม่ื และการตามอารมณใ์ ฝต่ ่ำ� ตามสัญชาตญิ าณ อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรสั ไวค้ วามวา่ “เจา้ ไมเ่ หน็ ดอกหรอื ผทู้ ย่ี ดึ เอาอารมณต์ ่ำ�ของเขาเปน็ พระเจา้ ของ เขา แลว้ เจ้าจะเป็นผู้คุม้ ครองเขากระน้นั หรอื หรือเจ้าจะคดิ วา่ ส่วนใหญ่ ของพวกเขาจะได้ยินหรอื ใช้สติปัญญา พวกเขามใิ ช่อ่นื ใดดอก นอกจาก เปน็ เชน่ ปศสุ ตั ว์ ยงิ่ ไปกว่านั้น พวกเขายงั จะหลงทางเสยี อกี ” (อัล-ฟรุ กอน, 43-44) บา่ วทอี่ ัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงรักทา่ นหนึ่งไดก้ ล่าววา่ “สำ�หรบั ผูท้ ีม่ ีสติ ปญั ญา โลกนส้ี วยงามเพราะดว้ ยการสรา้ งสรรคข์ องอลั ลอฮฺ ตาอาลา สำ�หรบั ผู้ทโ่ี ง่เขลา โลกนี้เป็นเพียงแค่ท่กี ินและดม่ื เท่าน้ัน” ในอกี ความคดิ เหน็ หนงึ่ การคดิ นน้ั เปน็ ไปตามทไ่ี ดก้ ลา่ วไวก้ อ่ นหนา้ นี้ และเสมอื นดาบสองคมทสี่ ามารถนำ�ไปใชใ้ นแนวทางทดี่ แี ละในแนวทางทเี่ ลว ร้าย ในความคิดนม้ี นษุ ย์สามารถนำ�เอาอารมณใ์ ฝต่ ่ำ�เขา้ ไปในตัวของมัน ใน ขณะเดยี วกนั กส็ ามารถนำ�เอาสงิ่ ทดี่ แี ละบรสิ ทุ ธเิ์ ขา้ ไปไดเ้ ชน่ เดยี วกนั อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงเน้นย้ำ�สำ�หรบั บุคคลท่นี ำ�เอาศักยภาพทางความคดิ ทพี่ ระองค์ N140 ทรงประทานให้ไปใชใ้ นหนทางที่เลวรา้ ยและเสยี หาย ความวา่
oจริยธรรมการคดิ ใคร่ครวญ ________________________________________ “และมเิ คยปรากฏวา่ ชวี ติ ใดจะศรทั ธาเวน้ แตด่ ว้ ยอนมุ ตั ขิ องอลั ลอฮ์ และพระองคจ์ ะทรงลงโทษแกบ่ รรดาผไู้ ม่ใช้สติปัญญา” (ยนู ุส, 100) จารึกและความเสียหายท่ีใหญ่ยิ่งที่สร้างไว้โดยมนุษย์ก็คือโรคความ อกตัญญูและการปฎิเสธ ใครผู้ใดท่ีไม่ทำ�ให้หัวใจของตนเองน้ันทุ่มเทไปกับ การใครค่ รวญและใช้สตปิ ญั ญาต่อบทบญั ญติ หรืออายตั ตา่ ง ๆ ของอลั ลอฮฺ ตาอาลา และเขาไม่คิดทบทวนและทำ�ความเขา้ ใจ ดังน้ันเขากไ็ มส่ ามารถที่ จะออกห่างและหลดุ พน้ จากโรคทกี่ ลา่ วมาข้างต้นได้ สตปิ ญั ญาบรโิ ภคแสงสวา่ งแหง่ ความศรทั ธาและขบั เคลอ่ื นไปโดยทาง นำ�ของการช้นี ำ�จากอลั ลอฮฺ (วะหฺย)ู จะพบเจอกบั แนวทางแหง่ ความเขา้ ใจ และการจำ�นนต่ออัลลอฮ ตาอาลา ในขณะท่สี ติปญั ญาท่ไี มไ่ ด้ปฏบิ ัติตามท่ี ไดก้ ลา่ วมาขา้ งต้นนนั้ จะไมไ่ ดร้ ับความดีงามและความเที่ยงตรงที่แท้จริง นี่ คือการโกหกที่ใหญ่โตซ่ึงเหล่านักปรัชญาต่างมีความเห็นที่ตรงกันว่าบุคคล นัน้ จะพบเจอกบั ความจรงิ ก็ดว้ ยกับการใช้ปัญญา โดยไม่สามารถละทงิ้ ทาง นำ�จากวะหฺยูได้ ที่เป็นเช่นน้ันก็เพราะว่าพวกเขาต่างคิดไปเองว่าสติปัญญา ของพวกเขาที่ช่างห่างไกลจากแสงเทียนแห่งศรัทธาน้ันสามารถท่ีจะนำ�พา พวกเขาใหพ้ บเจอกบั หนทางอันเทยี่ งตรงและดงี าม ในอกี แงม่ มุ หนึ่ง บคุ คลได้ใช้ความเมตตาทไ่ี ดร้ ับประโยชน์จากการใช้ สตปิ ญั ญาในการคดิ ใครค่ รวญไปในหนทางทถ่ี กู ตอ้ ง สตปิ ญั ญาและหวั ใจทไ่ี ม่ ได้ยุ่งไปกับสิง่ ทไ่ี ร้สาระที่ไมไ่ ด้ให้คุณคา่ หรือความหมายใด เพื่อเปน็ ตวั อยา่ ง พระดำ�รสั ของอัลลอฮฺมีดังนี้ “และบรรดาผู้ท่ีพวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้จากเรื่องไร้สาระต่าง ๆ” (อลั -มมุ นี นู , 3) เชน่ เดียวกับทีอ่ ลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรัสไว้วา่ “และบรรดาผไู้ มเ่ ปน็ พยานในการเทจ็ และเมอ่ื พวกเขาผา่ นเรอ่ื งไร้ สาระ พวกเขาผา่ นไปอยา่ งมีเกียรต”ิ (อลั -ฟุรกอน, 72) N141
o การคดิ ใครค่ รวญ ในฮาดษิ ของทา่ นศาสนทตู ศอ็ ลฯ ทา่ นไดก้ ลา่ ววา่ “หนง่ึ ในสญั ลกั ษณ์ ท่ีแทจ้ ริงของอิสลามคอื การทีค่ น ๆ หน่งึ ห่างไกลจากสิ่งทีไ่ รส้ าระ” (อัตตมี ซี ี อัซ-ซุฮฺด 11) ยาท่ีดีที่สุดในการรักษาโรคของอารมณ์ใฝ่ตำ่ �น้ันคือการต้ังไว้ซ่ึงสติ ปญั ญาไวก้ ับสง่ิ ทีม่ ีประโยชน์และหา่ งไกลจากส่งิ ทีไ่ รส้ าระ เม่อื ใดทีค่ ดิ ในสง่ิ ท่ีไรป้ ระโยชน์ น่นั เปรยี บเสมือนประตูท่ีจะนำ�ไปสสู่ ่งิ เลวร้ายและความพาย แพ้ บุคคลที่คิดไปในสิ่งที่ไร้คุณค่าจะทำ�ให้สูญเสียส่ิงสำ�คัญที่ประโยชน์ของ ชีวิตซึ่งเป็นส่งิ จำ�เป็นสำ�หรบั ตวั ของเขาเอง อบิ นุ อลั -เญาซี ไดก้ ลา่ ววา่ “หวั ใจทมี่ งุ่ ไปยงั สงิ่ ทมี่ บุ าฮฺ (หากกระท�ำ สง่ิ น้นั จะไมไ่ ด้รบั ผลบุญใด ๆ เช่นเดยี วกนั หากละเว้นกไ็ มไ่ ดร้ บั การตดั สนิ ใด ๆ เชน่ เดยี วกนั ) ยงั สามารถท�ำ ใหห้ วั ใจเรานนั้ มดื หมน่ ได้ แลว้ จะเปน็ อยา่ งไรกบั หวั ใจทสี่ าละวนอยกู่ บั สงิ่ ทฮ่ี ารอม” ถา้ หากวา่ มนี ำ้ �ทเี่ ปลย่ี นสภาพไปเนอ่ื งจาก น้ำ�หอม นำ้ �นนั้ ยงั ไมส่ ามารถนำ�ไปใชส้ ำ�หรบั วดุ ฮุ ฺ (นำ้ �ละหมาด) ได้ แลว้ จะเปน็ อย่างไรหากปนเปื้อนกับการเลียของสนุ ขั ด้วยเหตุน้อี ูลามะอาวุโสทา่ นหน่งึ ได้กล่าวไว้ว่า “ใครผู้ใดทป่ี ฏบิ ตั สิ ง่ มุบาฮฺจนเปน็ เรอื่ งปรกติ เขาคนนน้ั จะไม่ ไดล้ มิ้ รสความสขุ แหง่ การอภยั โทษจากอลั ลอฮฺ ตาอาลา” “โอ้ อลั ลอฮฺ โปรด ให้ฉันได้เป็นผู้ท่ีอยู่ในกลุ่มคนท่ีได้ล้ิมรสความหอมหวานจากการได้รับการ อภัยโทษจากพระองคด์ ว้ ยเถดิ ” (อลั -บรั ซาวี ตฟั ซรี รฮุ ฺ อลั -บายาน อลั -มมุ ีนนู 51) ถ้าหากมีผู้ใดท่ีสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการคิดใคร่ครวญ การ ตระหนัก การหลงใหล การใฝฝ่ นั หรอื การจินตนาการในส่งิ ท่ดี ีงาม แนน่ อน ชยั ฏอนมารรา้ ยกจ็ ะทำ�หนา้ ทใ่ี นการสง่ เสรมิ ไปสสู่ งิ่ ทชี่ ว่ั รา้ ย ดงั นนั้ มนษุ ยจ์ งึ ไม่เห็นคุณค่าของการคิดใคร่ครวญ และคุณค่าจากการประทานสติปัญญา และหัวใจจากอัลลอฮฺ ตาอาลา เขากลับนำ�สิ่งที่มีค่านี้สู่การสร้างภัยพิบัติ และอันตรายต่อตวั เอง ซ่ึงไม่ใชส่ ่ิงที่เปน็ ประโยชน์ ดังนัน้ ผู้ศรัทธาทุกคนจะ ตอ้ งใชส้ ติปัญญาและความคิดของเขาเพอื่ ความสัจจรงิ และความดีเสมอ ดงั N142 ท่ีได้กลา่ วไวใ้ นอัลกรุ อานและอลั ฮาดิษของท่านศาสนทูต ศ็อลฯ
oจริยธรรมการคิดใคร่ครวญ ________________________________________ การคิดและการกลา่ วคำ�สรรเสรญิ นน้ั ตอ้ งสม่ำ�เสมอ เชคยซู ฟุ อลั -ฮามาดานี ไดก้ ลา่ ววา่ “หวั ใจและการกลา่ วสรรเสรญิ (ซิ กรฺ) น้ันเปรียบเสมือนต้นไม้กับนำ้� ส่วนหัวใจกับการคิดปรียบเสมือนต้นไม้ กบั ผล ตน้ ไม้ไม่อาจชมุ่ ช้นื และเขยี วขจไี ดโ้ ดยปราศจากน�ำ้ และแนน่ อนผล จากต้นไม้ข้างต้นก็ต้องรอการแตกแขนงของกิ้งก้านและดอกไม้ ซึ่งหากเรา พจิ ารณาและหวงั ผลจากตน้ ไมด้ งั กลา่ ว ตน้ ไมน้ น้ั ไมอ่ าจออกผลได้ เนอ่ื งจาก ยังไมถ่ งึ ฤดขู องมัน แต่เป็นช่วงของการใส่ปุ๋ยดแู ลต้นไม้ ซงึ่ ต้องท�ำ การรดน�้ำ และป้องกันพวกสัตว์หรือแมลง รวมไปถึงวัชพืชท่ีอาจยับย้ังการเติบโต ใน ขณะเดียวกันก็ต้องคอยรับแสงจากดวงอาทิตย์ หากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น สามารถจัดเตรียมใหก้ บั ต้นไม้ได้ ตน้ ไม้น้ีกจ็ ะสามารถเติบโตขน้ึ ได้ แผข่ ยาย ก่ิงก้านสาขาและเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว ในขณะท่ีต้นไม้มีความอุดมสมบูร์ นนั่ กห็ มายถงึ เวลาทจี่ ะออกผล และฤดนู กี้ เ็ ปน็ เวลาของการเกบ็ เกยี่ วผลผลติ และผลประโยชน์จากมนั ” (อัล-ฮามาดานี รุตบะฮฺ อลั -ฮายะฮฺ หนา้ 71) ท่านฮาซัน อัล-บัศรี ได้กล่าวว่า “ผู้ท่ีมีสติปัญญาจะใช้ความคิดเพ่ือ การสรรเสรญิ จนเป็นนสิ ัย และเขาก็ใช้การสรรเสริญไปส่คู วามคดิ ซ่งึ ส่งผล ใหห้ วั ใจของเขาเกดิ การสนทนา หวั ใจทสี่ นทนาถงึ ค�ำ กลา่ วทด่ี งี ามทง้ั หลาย” (อลั -ฆอซาลี อัล-อฮิ ยา เลม่ 6 หนา้ 46) คำ�กล่าวสนั้ ๆ มีอยวู่ า่ การกลา่ วคำ�สรรเสรญิ ต่ออลั ลอฮฺ (ซิกร)ฺ กบั การคิดใคร่ครวญน้ันเป็นสิ่งท่ีไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ลักษณะการ สรรเสริญท่ีสำ�คัญที่สุดก็คือการปฏิบัติท่ีเต็มเป่ียมไปด้วยความสำ�นึกและ การคิดใคร่ครวญความหมาย ท่านซัยยิด ควาจา มุฮัมมัด ปารีซา หน่ึงใน บรรดาผู้รู้อาวุโส ได้อธิบายถึงแนวคิดที่ได้กล่าวถึงข้างต้นไว้ว่า “ในขณะท่ี ท่านได้กล่าวคำ�ปฏิญานตน (ชาฮาดะฮฺ) ท่านได้กล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่น ใด” ดังน้ันท่านจึงคิดว่าทุกสรรพส่ิงบนโลกนี้น้ันจะส้ินสุดไป ดังน้ันจากสิ่ง ดงั กลา่ วทา่ นจงึ ตอ้ งทำ�ใหห้ วั ใจนนั้ ปลอดไปจากทกุ สรรพสงิ่ และใหส้ งิ่ อนื่ นนั้ ห่างไกลไปจากหวั ใจและความคิดสติปัญญานอกจากอลั ลอฮฺ หลงั จากนนั้ ก็ Nเตมิ เตม็ หวั ใจไปดว้ ยความสำ�นกึ และความเขา้ ใจทวี่ า่ ทา่ นไมใ่ ชอ่ น่ื ใดนอกจาก 143
o การคิดใครค่ รวญ เปน็ บา่ วของอลั ลอฮฺ ในขณะทกี่ ลา่ วคำ�วา่ \"อลิ ลลั ลอฮ\"ฺ และทา่ นกท็ ำ�การคดิ ใตรต่ รองถงึ การมอี ยขู่ องอลั ลอฮทฺ ม่ี เี พยี งหนงึ่ เดยี วไมใ่ ชส่ องและมอี ยนู่ ริ นั ดร และทา่ นกม็ งุ่ สกู่ ารจำ�นนและมอบความรกั ตอ่ อลั ลอฮฺ ตาอาลา อยา่ งจรงิ แท้ และมนั่ คงภายในหวั ใจ” มุฮัมมัด บาฮา อุดดีน นัคชาบันดี ได้กล่าวว่า “เป้าหมายของการ กล่าวคำ�สรรเสรญิ (ซิกร)ฺ ไม่ใชแ่ คก่ ลา่ วคำ�วา่ “อัลลอฮ” และ “ลาอลี าฮา อิลลลั ลอฮ”ฺ แตท่ า่ นจงม่งุ ไปยังพระองค์ด้วยท้งั ตวั และหวั ใจของทา่ นพรอ้ ม กบั มองไปยงั ความเมตตาท่ีพระองคท์ รงประทานให้” ท่านเมาลานาญาลาลุดดีน อัล-คูนาวี กล่าวว่า “อัลลอฮฺ ตาอาลา ผู้ทรงเอกะและนิรันดร ผู้ทรงไม่มีสิ่งใดเหมือนและไม่มีสอง ได้ทรงตรัสว่า “จงกลา่ วคำ�สรรเสรญิ ตอ่ อลั ลอฮ”ฺ เนอ่ื งจากเมอ่ื พระองคท์ รงมองเราในกอง ไฟ พระองคจ์ ะประทานแสงสวา่ งให้กับเรา ซิกรทฺ กี่ ลา่ วโดยปากและลิ้นโดย ปราศจากการคิดใคร่ครวญน้ันเป็นเพียงแค่การเผลอฝันเท่านั้น ในขณะที่ ซิกรฺท่ีกล่าวขน้ึ โดยจติ วญิ ญาณ หัวใจ และความร้สู ึกจากภายในอนั บรสิ ทุ ธิ์ นัน่ หมายถึงความบริสทุ ธ์ิและอสิ ระจากการเพอ้ ฝนั และคำ�พูดท่ลี ่องลอย ความรกั จะเกดิ ขน้ึ สำ�หรบั บคุ คลทกี่ ลา่ วพระนามของอลั ลอฮไฺ ปพรอ้ ม กับความเข้าใจและการคิดใคร่ครวญความหมายพระนามของพระองค์ เพราะการซิกรุลลอฮฺน้ันไม่ใช่การกล่าวซ้ำ�ไปซ้ำ�มาเท่านั้น แต่คือการเน้น ย้ำ�ความรู้สึกรักต่ออัลลอฮฺให้เกิดขึ้นภายในหัวใจท่ีเปรียบเสมือนศูนย์กลาง ของความสำ�นึก ภาพของการซิกรฺและการคิดนั้นคือการที่มนุษย์สามารถเข้าถึงความ รักต่ออัลลอฮฺ ตาอาลา และในกระบวนการมอบความรักน้ันเขาก็จะไปถึง การรู้จักพระองค์ (มะรีฟาตุลลอฮฺ) และในท้ายท่ีสุดแล้วเขาก็จะได้เป็นผู้ที่ ไดร้ ับการคัดเลอื กจากอลั ลอฮฺ ตาอาลา ให้เปน็ วาลีของพระองค์ ซิกรสฺ ามารถแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ดงั นี้ N144 1. การซกิ รดฺ ้วยลิ้น
oจรยิ ธรรมการคิดใครค่ รวญ ________________________________________ 2. การซิกรฺดว้ ยรา่ งกาย 3. การซิกรฺด้วยหวั ใจ การซกิ รฺดว้ ยลิน้ หมายถึง การกล่าวคำ�สรรเสริญตอ่ อลั ลอฮฺ ดว้ ยกับ พระนามและคณุ ลกั ษณะของพระองคอ์ นั สงู สง่ การสรรเสรญิ และการทำ�ให้ บรสิ ทุ ธ์ิ รวมถงึ การอา่ นคัมภีร์ต่าง ๆ และการวงิ วอนหรอื ดุอาตอ่ พระองค์ การซิกรดฺ ว้ ยร่างกาย หมายถงึ การใชส้ ว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายในการ ปฏิบัติตามคำ�สั่งใช้ของอัลลอฮฺ ตาอาลา และการหลีกห่างหรือละทิ้งในส่ิง ทีพ่ ระองค์ทรงห้าม การซกิ รฺดว้ ยหัวใจ เปน็ ไปตามคำ�อธิบายของ อัล-มาลกี ี ฮัมดี อาฟนั ดี ท่ีกล่าวว่า “ซกิ รฺด้วยหวั ใจ คอื การรำ�ลึกถึงอัลลอฮฺ ตาอาลา ด้วยหวั ใจ” ซกิ รฺนี้สามารถแบ่งออกเปน็ 3 กลุ่มหลัก ดงั นี้ 1. การคิดใครค่ รวญถงึ สัญญาณต่าง ๆ ที่บง่ ชถี้ งึ การมีอยูจ่ รงิ ของอลั ลออฮฺ ตาอาลา และคณุ ลกั ษณะของพระองค์ รวมถงึ การคน้ หาคำ�ตอบทเี่ ปน็ ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกบั พระองคท์ ่ีเกดิ ขึ้นภายในหวั ใจ 2. การคิดใคร่ควรญถึงบทบาทหน้าท่ีของเราที่มีต่ออัลลอฮฺ และ ภารกิจในฐานะบ่าวของพระองค์ โดยคิดใคร่ควรญผา่ นสงิ่ ที่พระองคท์ รงใช้ ใหป้ ฏบิ ตั แิ ละสง่ิ ทที่ รงหา้ มและใหห้ ลกี หา่ ง รวมถงึ หลกั ฐานและวทิ ยปญั ญา ต่าง ๆ ของพระองค์ และเนื่องจากเรานั้นต่างเข้าใจสาระสำ�คัญของการ ศรัทธาและเชอ่ื ฟังคำ�สัง่ ใชข้ องพระองค์ ดังนั้นจึงเป็นเร่ืองงา่ ยในการปฏิบัติ 3. การคิดใคร่ครวญถงึ สรรพสิ่งที่พระองคส์ ร้างไว้ ทง้ั ส่ิงที่เหน็ และสิ่ง ที่เร้นลับ และตระหนักว่าทุกส่ิงและอะตอมที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้นล้วน เป็นกระจกสะท้อนถึงความย่ิงใหญ่ของจักรวาลของพระองค์ กระจกนั้น สามารถสอ่ งแสงจกั วาลทีส่ วยงามและความยงิ่ ใหญด่ งั กล่าว และหัวใจที่นำ� เอาแสงสว่างมาทบทวนด้วยความสำ�นึกจะเป็นเหตุให้เขานั้นไปถึงโลกแห่ง ความสงบสขุ และความมเี กยี รตทิ ีไ่ ดก้ ล่าวไว้ขา้ งตน้ N145
o การคดิ ใครค่ รวญ ดังนั้นไม่มีจุดสิ้นสุดสำ�หรับการคิดใครครวญน้ี และในสถานภาพดัง กล่าวมนุษย์จะหลุดพ้นจากตนเองและจักรวาล ความสำ�นึกทั้งหมดท่ีมีต่อ อัลลอฮฺ ตาอาลา และจะไม่มีร่องรอยหรือสัญลักษณ์ใดจากการใคร่ครวญ นอกจากผู้ที่ได้คิดใคร่ครวญเท่านั้น ส่ิงที่เรารู้จักและสัมผัสได้ คือสำ�หรับผู้ ท่ีรำ�ลึก มีผูค้ นมากมายทพ่ี ดู คุยและกล่าวถงึ ประเดน็ น้ี ทส่ี ว่ นน้อยเทา่ น้ันท่ี สามารถไปถึงจุดน้ัน และจะไม่สามารถพูดถึงตัวเองได้ นอกเสียจากเขาได้ ปฏิบัติและทำ�มันอย่างเป็นปรกติและต่อเนื่อง (อัล-มาลีลี มุฮัมมัด ฮัมดี ยาซีร, ฮกั กนุ ดีนยี ะฮฺ กรุ อาน, อสิ ตนั บูล, 1935, อัลบากอเราะอฺ, 152) การมขี องทรพั สง่ิ คอื กระจกทส่ี ะทอ้ นปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ของอลั ลอฮฺ ตาอาลา ที่มีอยู่ในมือแห่งอำ�นาจของพระองค์ ต่อหน้าผู้ท่ีรับรู้และมีความ ตระหนกั แทจ้ รงิ แลว้ ความเขา้ ใจ วทิ ยปญั ญา และความลบั ทมี่ อี ยใู่ นกระจก น้ีน้นั ผูกมดั กับความบริสุทธแ์ ละความใสสะอาดของกระจกหัวใจของมนุษย์ นน่ั เอง คล่นื ความรกั จากอลั ลอฮฺ ตาอาลา ทีแ่ ผ่ขยายมาจากเบ้ืองบน ไดเ้ ดิน ทางไปสู่หัวใจของผู้ที่มีศรัทธา มนุษย์โดยทั่วไปแล้วเปรียบเสมือนกระจก ของความสวยงามบนโลกใบนี้ มนุษย์น้ันคือเสี้ยวหนึ่งของร่องรอยหยดน้ำ� แห่งอัลลอฮฺท่ีแท้จริง สำ�หรับบุคคลท่ีเข้าถึงส่ิงน้ีและมีความคิดท่ีสมบูรณ์ สำ�หรับเขาแลว้ ศาสนาอสิ ลามคอื ศาสนาทอี่ มตะและนริ ันดร ยามคำ่ �คืนเป็นช่วงเวลาดีท่ีสุดสำ�หรบั การคิดใครค่ รวญ บุคคลท่ีมีความรักเขามักจะพรรณนาถคงคนท่ีเขารักอยู่เสมอ และ บุคลลที่พรรณนาถึงส่ิงใดสิ่งหนึ่งอยู่เสมอก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงระดับ ของความรักของเขาท่ีมีต่อส่ิงนั้น ความย่ิงใหญ่ของความรักของคนหน่ึง คน สามารถวัดได้จากการอุทิศตนของเขาต่อความรักนั้น ด้วยเหตุน้ีการ ละท้ิงเตียงนอนอันแสนนุ่มและผ้าห่มอันอบอุ่นในยามค่ำ�คืน และมุ่งหน้าสู่ การสักการะอัลลอฮฺ ตาอาลา ถือเป็นปรากฏการณ์แห่งรักท่ีเท่ียงแท้และ N146 สวยงามทส่ี ุด
oจริยธรรมการคิดใครค่ รวญ ________________________________________ เราควรคิดใคร่ครวญอยู่เสมอว่าช่วงเวลาคำ่ �คืนนั้นนำ�พาซึ่งความ เมตตา และการให้อภัยจากอัลลอฮฺ ตาอาลา เพราะด้วยความประเสรฐิ ใน เวลาคำ่ �คนื จากความเมตตาของอลั ลอฮฺ ตาอาลา สง่ ผลใหน้ กบางชนดิ สง่ เสยี ง รอ้ งอย่างไพเราะ เช่นเดียวกันท่ีดอกไมห้ ลายชนิดได้แผก่ ลนิ่ เกสรดอกไม้อัน หอมอบอวล ซง่ึ ชา่ งนา่ เศรา้ และขาดทนุ ยง่ิ สำ�หรบั ผทู้ ไ่ี มเ่ หน็ คณุ คา่ และความ ประเสรฐิ ของช่วงเวลาค่ำ�คืนน้ี ในหนง่ึ วนั ชว่ งเวลาทด่ี ที ส่ี ดุ กค็ อื ชว่ งเวลาคำ่ �คนื นน่ั คอื ชว่ งหนงึ่ ในสาม ส่วนสดุ ทา้ ยของเวลาคำ่ �คืน ชว่ งเวลาดงั กลา่ วสมองและความคดิ ของเรานน้ั ห่างไกลจากความวุน่ วายต่าง ๆ หวั ใจของเราน้ันปลอดโปรง่ และใสบริสทุ ธิ์ ความสงบสขุ ไดห้ อ่ หม่ นภาของหวั ใจ คอื ชว่ งเวลาทถี่ กู สง่ มาซง่ึ ความเมตตาจา กอัลลอฮฺ เป็นชว่ งเวลาทีพ่ ระองคใ์ กล้ชดิ กบั บา่ วของพระองคม์ ากท่สี ุด และ ช่วงเวลาสุดท้ายของค่ำ�คืนก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำ�หรับการคิดใคร่ครวญ สำ�หรับผูท้ ีต่ อ้ งการไดร้ ับบทเรียนทีม่ คี ่าทีส่ ดุ ณ เวลาน้ี หัวใจของมนษุ ย์นนั้ มงุ่ หนา้ สอู่ ลั ลอฮอฺ ยา่ งเตม็ เปย่ี ม และชว่ งเวลานยี้ งั เปน็ ชว่ ยเวลาทเี่ ตม็ ไปดว้ ย ไอเดียท่ดี ีงามและความคดิ ท่ีมคี วามประเสริฐมากท่ีสดุ อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรสั ไวค้ วามว่า “โอ้ ผู้คลุมกายอยู่เอ๋ย! จงยืนข้ึน (ละหมาด) เวลากลางคืน เว้น แตเ่ พยี งเล็กน้อย (ไม่ใชต่ ลอดคนื ) ครึ่งหน่งึ ของเวลากลางคนื หรือนอ้ ย กวา่ นน้ั เพยี งเล็กนอ้ ย หรือมากกว่าน้นั และจงอา่ นอัลกรุ อานช้า ๆ เปน็ จังหวะ (ชัดถ้อยชัดคำ�) แท้จริงเราจะประทานวัจนะ (วะฮียฺ) อันหนัก หน่วงแก่เจ้าแท้จริงการต่ืนข้ึนในเวลากลางคืนน้ันเป็นเวลาที่ประทับใจ ย่ิงและเป็นการอ่านที่ชัดเจนย่ิง แท้จริงสำ�หรับเจ้าน้ันในเวลากลางวันมี ภารกจิ มากมาย” (ซูเราะหม์ ูซัมมิล, 1-7) ช่วงเวลากลางวันท่ีตรงข้ามกับช่วงเวลาคำ่ �คืนอันสงบสุขน้ันเป็นช่วง เวลาที่ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการส่งเสียงท่ีดังสน่ัน บุคคลท่ี ไมเ่ หน็ คณุ คา่ ของเวลาคำ่ �คนื ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยบทเรยี นมากมายมหาศาลนนั้ จะไม่ Nสามารถมงุ่ หนา้ สู่อัลลอฮฺ ตาอาลา ในเวลาที่เตม็ ไปดว้ ยความวนุ่ วายในชว่ ง 147
o การคดิ ใคร่ครวญ กลางวนั ได้ รวมถงึ การเข้าถึงจิตวญิ ญาณและรัศมใี นการปฏิบตั ิศาสนกิจใน ชว่ งเวลากลางวันได้อย่างสมบรู ณ์เช่นเดียวกนั เป็นช่วงเวลาส้ัน ๆ เท่าน้ันของช่วงคำ่ �คืนสำ�หรับการคิดใคร่ครวญ และค้นหาบทเรียน โดยเฉพาะการปฏิบัติศาสนกิจหรือการทำ�อิบาดะฮฺต่อ อัลลอฮฺ ในขณะที่กลางวันน้ันก็เป็นความเมตตาจากอัลลอฮฺ ตาอาลา แก่ มนษุ ยส์ ำ�หรบั ชว่ งเวลาในการแสวงหาปจั จยั ยงั ชพี หมายความวา่ ในชว่ งเวลา ค่ำ�คืนผศู้ รทั ธาจะมงุ่ หนา้ ไปสอู่ ลั ลอฮฺท่ามกลางสงั คมหรอื บคุ คลอื่น ๆ ท่ียัง คงหลบั ไหล ดว้ ยเหตนุ ้ที ่านหญิงอาอชี ะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอนั ฮา ไดก้ ลา่ วเก่ียว กับความมุ่งม่ันและใส่ใจของท่านรอซูล ศ็อลฯ ต่อช่วงเวลาอันประเสริฐยิ่ง ดงั กลา่ วว่า ท่านหญิงฯ ไดก้ ล่าววา่ “จงอย่าละท้งิ การกยิ ามลุ ลยั (ละหมาด ยามค่ำ�คืน) เพราะท่านรอซูล ศอ็ ลฯ ไมเ่ คยท่ีจะละทงิ้ มนั ทงั้ ในชว่ งท่ีท่าน ป่วยหรือไม่สามารถท่ีจะลุกข้ึนยืนได้ ซ่ึงท่านก็จะละหมาดด้วยกับท่านั่ง” (อาบูดาวูด, อัตตาเตาวุอ,ฺ 18) ทา่ นรอซลู ศอ็ ลฯ ไดใ้ ชเ้ วลาในชว่ งคำ่ �คนื ไปกบั การคดิ ใครค่ รวญ ทา่ น ได้ทำ�การกิยามุลลัย การก้มกราบหรือละหมาดจนเคราของท่านเปียกชุ่ม เนอื่ งจากหยดนำ้ �ตา และเทา้ ของทา่ นนน้ั บวมเปง่ เนอื่ งจากการยนื ทย่ี าวนาน ผรู้ อู้ าวโุ สทา่ นหนงึ่ กลา่ ววา่ “ไมม่ กี ญุ แจใดทยี่ งิ่ ใหญส่ ำ�หรบั การไขประ ตสู อู่ ลั ลอฮฺ และไขประตทู อ้ งทะเลแหง่ การคดิ ใครค่ รวญดว้ ยกบั การตน่ื ขน้ึ มา ในยามค่ำ�คนื แทจ้ รงิ แลว้ เวลาดงั กลา่ วมนษุ ยห์ า่ งไกลจากการปฏสิ มั พนั ธต์ า่ ง ๆ ร่างกายที่ผ่อนคลายจากการพักผ่อน สมาธิและความคิดท่ีโปร่งใส และ หัวใจท่ีอ่อนโยน กล่าวโดยสรุปว่า เวลาดังกล่าวคือช่วงเวลาที่ดีและเหมาะ สมที่สุดของช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน สายลมแห่งความผาสุขและ นุ่มนวลทพ่ี ดั ผา่ นในช่วงเวลาดงั กล่าว และแสงสว่างกถ็ ูกซ่อนไวใ้ นความมดื N148 อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรัสไวค้ วามวา่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170