Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การคิดใคร่ครวญ ATTAFAKKUR โดย โอสมาน นูรี

การคิดใคร่ครวญ ATTAFAKKUR โดย โอสมาน นูรี

Published by Ismail Rao, 2021-06-11 11:38:51

Description: คำสอนของอัลกุรอานที่มีลักษณะการคิดใคร่ครวญ ให้มนุษย์แสวงหาความรู้ ศึกษาถึงเรื่องธรรมชาติ และกระตุ้นให้มนุษย์ใช้ความคิดใคร่ครวญและได้รบเร้าครั้งแล้วครั้งเล่าให้มนุษย์ใช้เหตุผล ได้ปลุกความสามารถในการคิดใคร่ครวญและการใช้ความคิดอย่างอิสระ และนี่คือสิ่งที่อธิบายได้ว่าอิสลามได้ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมป่าเถื่อนของชาวอาหรับยุคก่อนอิสลาม (เรียกกันว่ายุคอนารยชน-ญาฮิลิยยะห์) จนสามารถสร้างอารยธรรมขึ้นในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร
ผู้แปล: มูฮัมหมัดอาฟิฟี อัชซอลีฮีย์
คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
เกรียงศักดิ์ พุ่มประดิษฐ์ สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยฟาฏอนี

Search

Read the Text Version

oใครค่ รวญจักรวาล ________________________________________________ นอกจากสิ่งถกู สร้างอืน่ ๆ บนโลกใบน้ีแล้ว ลมก็เชน่ เดยี วกันทเี่ คารพ ภกั ดตี อ่ ระบบตา่ ง ๆ ทถ่ี กู กำ�หนด รวมถงึ การเคารพเชอ่ื ฟงั ตอ่ ความสามารถ และอำ�นาจของอลั ลอฮฺ ตาอาลา ลมทำ�หนา้ ทใ่ี นฐานะความดงี ามและความ เมตตาจากอลั ลอฮตฺ อ่ โลกใบน้ี เชน่ เดยี วกนั กบั การทำ�หนา้ ทใี่ นการสรา้ งความ เสยี หายใหแ้ กโ่ ลกใบนเ้ี มอ่ื ถกู สง่ั ใชจ้ ากอลั ลอฮฺ ความหายนะของชนชาวอา๊ ด ซงึ่ เกดิ จากลมแรงถอื เปน็ ตวั อยา่ งทชี่ ดั แจง้ ทแ่ี สดงถงึ การทำ�หนา้ ทขี่ องลมตาม คำ�บัญชาของอัลลอฮฺ ตาอาลา พระองคท์ รงตรสั ไว้ความว่า “แท้จริงเราได้ส่งลมพายุที่หนาวเหน็บไปยังพวกเขา ในวันแห่ง ความหายนะที่ติดต่อกัน ลมได้พัดกระชากผู้คนคล้ายกับว่าพวกเขา เปน็ ตน้ อนิ ทผลมั ท่ีถกู ถอนออกจากราก (พวกอ๊าดได้ปฏเิ สธศรัทธาตอ่ ร่อ ซูลของพวกเขาคือนะบีฮู๊ด พวกเขาได้กล่าวว่า จงนำ�มาให้เราสิ่งท่ีท่าน สัญญาไว้แก่เรา หากท่านเป็นผู้สัตย์จริง ดังนั้นอัลลอฮฺ ตะอาลา จึงส่ง ลมพายทุ หี่ นาวเหนบ็ มเี สยี งดงั กกึ กอ้ งเปน็ วนั แหง่ ความหายนะทตี่ ดิ ตอ่ กนั เป็นเวลาถงึ 7 คนื กบั 8 วัน ลมพายนุ ั้นไดพ้ ัดกระชากผคู้ นท่ีพากนั หลบ หนีไปอยูใ่ นหลุมโพลง โดยทีพ่ วกเขามีร่างกายสูงใหญ่ ดงั นัน้ สภาพการ ตายของพวกเขาจงึ คลา้ ยตน้ อนิ ทผาลมั ทถี่ กู พดั ลม้ ลง)” (อลั เกาะมรั , 19-20) คุณค่าของลม นอกจากความสามารถในการต้านทานนำ้ �ปริมาณมหาศาลแล้ว ลม ยังสามารถอุ้มเหล่าบรรดาเคร่ืองบินลำ�ใหญ่อีกจำ�นวนมาก รวมถึงการแผ่ กระจายแสงสวา่ งและความรอ้ นไปพรอ้ มกนั ลมยงั ชว่ ยนำ�พาคลนื่ เสยี งมาถงึ หขู องเรา โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทหี่ รอื สญั ญาณโทรศพั ทท์ เี่ ราตดิ ตอ่ สอื่ สารถอื เปน็ ตวั อย่างที่ชัดเจนสำ�หรับคณุ ค่าของลมตอ่ การสอื่ สารของมนุษย์ ในด้านอ่ืน ๆ ลมยงั นำ�พากลน่ิ ตา่ ง ๆ มาสจู่ มกู ของเรา หากปราศจากลมและบรรยากาศ แน่นอนเราก็จะไม่สามารถได้ยินเสียงของคนท่ีอยู่รอบข้างเม่ือเขาพูดคุยกัน แสงสวา่ งจะไมส่ ามารถแผข่ ยายไปไดอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ ละกลางวนั กจ็ ะไมม่ แี สง Nทเ่ี จดิ จา้ ทส่ี อ่ งสวา่ งไปถงึ ผนื ดนิ ทสี่ ำ�คญั ไปกวา่ นนั้ ลมและอากาศยงั เกยี่ วขอ้ ง 49

o การคิดใคร่ครวญ โดยตรงกบั การดำ�รงชวี ติ ของสง่ิ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะมนษุ ย์ เพราะมนษุ ย์ ตอ้ งใชอ้ ากาศในการหายใจ การเคลอ่ื นไหวของรา่ งกาย รวมถงึ การไหลเวยี น ของเลือดล้วนแล้วต้องใช้อากาศในผลักดันอย่างเป็นระบบ ด้วยเหตุผลท่ี กลา่ วไว้ทง้ั หมดข้างตน้ ลมจงึ เป็นสง่ิ ยำ้ �เตือนสำ�หรับการคดิ ใครค่ รวญของผู้ ศรทั ธาในพลงั อำ�นาจและความยง่ิ ใหญข่ องอลั ลอฮฺ ตาอาลา รวมไปถงึ ความ เมตตาทกี่ วา้ งใหญม่ หาศาลของพระองคท์ ม่ี ใี หแ้ กม่ นษุ ยอ์ ยา่ งไมเ่ คยหมดสน้ิ ฟิลเตอร์ของอัลลอฮฺ ช้ันบรรยากาศท่ีอยู่เหนือถัดจากช้ันโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) คือช้ันสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) ซ่ึงสูงจากระดับพื้นดินที่ 12-50 กิโลเมตร เป็นชั้นทีม่ ไี อน้ำ�เลก็ นอ้ ย ไมม่ เี มฆ อากาศมกี ารเคลอ่ื นตวั อย่างชา้ ๆ จึงเหมาะกับการเดินทางอากาศ สิ่งสำ�คัญในชนั้ น้ี คอื แกส๊ โอโซน ซงึ่ เปน็ สารที่ประกอบดว้ ยออกซิเจนสามโมเลกุล (O3) ทำ�หน้าทใ่ี นการกรองรงั สที ี่ เปน็ อนั ตรายจากดวงอาทติ ย์ และชว่ ยดดู ซบั รงั สี UV จากดวงอาทติ ย์ ซง่ึ หาก ไมม่ กี ารกรองรงั สดี งั กลา่ วแลว้ กจ็ ะสง่ ผลตอ่ ระบบการสงั เคราะหแ์ สงของพชื โดยทำ�ใหพ้ ชื ไมส่ ามารถเจรญิ เตบิ โตไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ หรอื สามารถเปน็ สาเหตุ ของการเกดิ มะเรง็ ผวิ หนงั ของมนษุ ย์ การเปน็ อนั ตรายตอ่ สายตารวมถงึ โรค อืน่ ๆ อกี หลายชนิด ช้นั สตราโตสเฟยี รจ์ งึ เป็นช้นั ท่ีทำ�หนา้ ทีส่ ำ�คญั ในการก รองแสง หรอื เปน็ ฟิลเตอรข์ องอัลลอฮใฺ นการกรองแสงจากดวงอาทติ ย์ และ เปลีย่ นออกซเิ จนในชนั้ โอโซนใหเ้ กดิ ความสมดุลได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในความเป็นจริงแล้วโอโซนเปรียบเสมือนก๊าซที่เป็นยาพิษและ อันตรายอย่างยิ่ง โอโซนเพียง 0.005 กรัม หากเข้าไปในร่างกายมนุษย์ก็ สามารถเปน็ อนั ตรายถงึ ชวี ติ ได้ แตด่ ว้ ยความรกั และความเมตตาจากอลั ลอฮฺ ตาอาลา พระองคท์ รงทำ�ใหช้ น้ั บรรยากาศสามารถกรองโอโซนทเ่ี ปน็ อนั ตราย อย่างยิ่งน้ีได้ ดังน้ันช้ันบรรยากาศนี้จึงเป็นอีกหน่ึงระบบท่ีอัศจรรย์ยิ่งท่ีถูก N50 กำ�หนดมาเพือ่ สรา้ งความสมดลุ ใหแ้ กช่ ัน้ บรรยากาศของโลกใบน้ี

oใคร่ครวญจกั รวาล ________________________________________________ เพดาน (Canopy) แห่งร่มเงา ชัน้ มีโซสเฟยี ร์ (Mesosphere) มคี วามสงู จากพนื้ ดนิ ทีร่ ะยะ 50-80 กิโลเมตร ซึ่งเปรียบเสมือนส่วนกลางของช้ันบรรยากาศ โดยเป็นช้ันท่ีมี อากาศเบาบางมาก แต่กม็ ากพอท่จี ะทำ�ใหด้ าวตกเกิดการเผาไหม้ และเป็น ชั้นทีช่ ่วยดดู ซับรงั สี UV จากดวงอาทิตย์ อณุ หภูมิในชั้นนส้ี ามารถลดลงมา อยทู่ ่ี -120 องศาเซลเซยี ส ดาวตกซงึ่ ถกู ดงึ โดยแรงดงึ ดดู ของโลกจะตอ้ งผา่ น ชน้ั บรรยากาศนแี้ ละจะถกู ชน้ั บรรยากาศนท้ี ำ�ลายจนกลายเปน็ ผยุ ผงกอ่ นท่ี จะตกสู่พืน้ ดนิ ของโลก สามารถกล่าวได้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีชั้นเพดานที่เบาบาง หากไม่แล้ว ดาวตกหรือสะเก็ดดาวตกจำ�นวนหลายล้านช้ินก็จะสามารถตกไปสู่พ้ืนดิน ได้ ซ่งึ สามารถเผาไหมแ้ ละเป็นหลมุ่ บอ่ ท่สี ร้างความเสยี หายต่อพ้นื ดินที่เรา อาศัยเสมือนกับพื้นผิวของดวงจันทร์ ด้วยเหตุน้ีการเปล่ียนแปลงของก้อน ดาวขนาดใหญ่หรือสะเก็ดดาวที่ตกจากฟากฟ้าไปเป็นผงดินและฝุ่นก่อนท่ี จะตกสู่ผืนดิน และตกลงบนหัวของเรา ถือเป็นสัญญาณหน่ึงของความรัก และความเมตตาจากอัลลอฮฺ ตาอาลา ทไ่ี มม่ จี ดุ ท่ีส้ินสดุ นอกจากการทำ�หน้าท่ีของชั้นบรรยากาศในการเปลี่ยนแปลงสะเก็ด ดาวต่าง ๆ ให้เป็นฝุ่นผงแล้ว ช้ันบรรยากาศยังเป็นพ้ืนที่ของหยดน้ำ�และ ก้อนเมฆ เมฆเกิดจากผลของการควบแน่นของไอนำ้ �ในอากาศ รวมตัวกัน ด้วยอณูเล็กๆ เช่น ฝุ่น ละอองท่ีลอยอยู่ในอากาศ เป็นต้น เป็นตัวช่วยให้ เกดิ การรวมตวั กนั ของไอน้ำ�เพม่ิ มากยง่ิ ขน้ึ จนกลายเปน็ กอ้ นเมฆขนาดใหญ่ บ้างเลก็ บา้ ง เมฆมีอย่มู ากมายหลายชนดิ ด้วยกัน ซึง่ แต่ละชนดิ ก็มรี ูปรา่ งท่ี แตกต่างกันออกไป กลุม่ กอ้ นเมฆจะสง่ ผลใหเ้ กดิ หยดนำ้ �เล็ก ๆ หรอื เรยี กว่า “ฝน” ตามหลักการฟสิ กิ ส์และการจดั วางทเ่ี ปน็ ระบบ หลังจากนน้ั หยดน้ำ� ดงั กลา่ วก็จะตกลงสพู่ ้ืนดิน ก่อนท่มี นษุ ย์จะมีความรู้เกี่ยวกับช้ันบรรยากาศ เมฆ และฝน อลั ลอฮฺ ตาอาลา ไดท้ รงตรสั ไว้กอ่ นหนา้ แลว้ ในประเดน็ น้คี วามว่า N51

o การคิดใคร่ครวญ “และเราไดท้ ำ�ใหช้ น้ั ฟา้ เปน็ หลงั คา ถกู รกั ษาไวไ้ มใ่ หห้ ลน่ ลงมา และ พวกเขาก็ยังผนิ หลังใหส้ ัญญาณต่าง ๆ ของมัน” (อัล-อัมบยี าอ,ฺ 32) คลืน่ วทิ ยุและแสง ชนั้ บรรยากาศทม่ี คี วามสงู ระดบั 500 - 1,000 กโิ ลเมตร มชี อ่ื วา่ ชนั้ ไอ โอโนสเฟยี ร์ (Ionosphere) เปน็ ชนั้ ทมี่ อี ากาศเบาบางมากกวา่ ชน้ั มโี ซสเฟยี ร์ แตเ่ ป็นช้นั หลักท่ชี ว่ ยดดู ซับรงั สี UV จากดวงอาทติ ย์ ทำ�ใหม้ อี ณุ หภูมใิ นช้ัน น้ีมากถงึ 2,000 องศาเซลเซียส ท่รี ะดับความสูง 700 กม. อนุภาคในชั้นน้ี เป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าท่ีเรียกว่า “อิออน” ที่เกิดจากการแตกตัว เม่ือ อนภุ าคในสภาวะปกตถิ ูกกระตนุ้ ด้วยรังสี UV จากดวงอาทติ ย์ ออิ อนเหล่า น้ีจะมีคุณสมบัติสะท้อนคลื่นวิทยุได้ จึงเป็นช้ันท่ีใช้ส่งสัญญาณวิทยุสื่อสาร รวมถงึ การเกิดแสงเหนอื และแสงใต้ หรือ “ออโรรา” อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงสรา้ งโลกนใ้ี หอ้ ยลู่ อยทา่ มกลางจกั รวาลอนั มดื มดิ และหนาวเย็น สำ�หรับการดำ�รงชีวิตของมนุษยพ์ ระองคท์ รงประทานความ ร้อนที่เหมาะสมท่ีสุดสำ�หรับมนุษย์ในการอยู่บนโลกใบนี้ ความลงตัวและ ความเหมาะสมท่ีสุดนี้เกิดจากการกำ�หนดและวิทยปัญญาในความเมตตา ของพระองค์ แท้จริงแล้วฝ่นุ ละอองเลก็ ๆ ที่ลอ่ งลอยอยู่บนพืน้ แผน่ ดนิ อาจ ไมใ่ หป้ ระโยชนใ์ ด ๆ เชน่ เดยี วกบั ใบไมท้ อี่ าจตกหลน่ บนพนื้ ดว้ ยตวั ของมนั เอง ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สิ่งท่ีเล็กท่ีสุดไปจนถึงจักรวาลที่ย่ิงใหญ่เปรียบเสมือน การปูพรมแห่งความสวยงามที่บ่งชี้ถึงอำ�นาจและความย่ิงใหญ่ของอัลลอฮฺ ตาอาลา และพระองคท์ รงตรสั ว่า “พวกเจา้ มเิ หน็ ดอกหรอื วา่ แทจ้ รงิ อลั ลอฮทฺ รงอำ�นวยความสะดวก ให้แก่พวกเจ้าส่ิงท่ีมีอยู่ในช้ันฟ้าท้ังหลายและสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน และ พระองคไ์ ดท้ รงประทานความ โปรดปรานมากมายของพระองคอ์ ยา่ งครบ ครนั แกพ่ วกเจา้ ทงั้ ทเ่ี ปดิ เผยและทซี่ อ่ นเรน้ และในหมมู่ นษุ ยม์ ผี โู้ ตเ้ ถยี งใน เรอ่ื งของอลั ลอฮโฺ ดยปราศจากความรแู้ ละปราศจากแนวทางทถี่ กู ตอ้ งและ N52 ปราศจากคมั ภีร์ท่ใี ห้ความสวา่ ง (แก่พวกเขา)” (ลกุ มาน, 20)

oใคร่ครวญจกั รวาล ________________________________________________ ช่างเป็นความสุขเหลือเกินสำ�หรับบุคคลที่พิจารณาอย่างใคร่ครวญ ต่อส่ิงถูกสร้างท้ังมวลที่เต็มไปด้วยวิทยปัญญา ความชัดแจ้ง และมีอยู่จริง ไปพรอ้ มดว้ ยกบั การทำ�ความเขา้ ใจความลบั และคำ�สง่ั สอนทม่ี อี ยใู่ นจกั รวาล แหง่ นี้ ก้อนเมฆ หยาดฝน และหิมะ หากเราใคร่ครวญถึงเมฆที่ล่องลอย มันเสมือนดังท้องทะเลท่ีย่ิงใหญ่ ไพศาลในบรรยากาศ และส่วนหนึง่ ในหน้าทีข่ องมนั คอื ป้องกันรกั ษาความ ร้อนระอุต่อผืนแผ่นดิน เมื่อใดท่ีความร้อนระอุมากข้ึน นำ้ �ก็จะระเหยและ สร้างปฏิกิริยาก่อตัวข้ึนจนกลายเป็นก้อนเมฆเมื่อน้ัน และในเวลาเดียวกัน ก้อนเมฆก็จะสะท้อนย้อนแสงจากดวงอาทิตย์ เสมอเหมือนกระจกสะท้อน แสง จนทำ�ใหค้ วามร้อนของผืนแผน่ ดินมีความสมดลุ กัน แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺ ตาอาลา ผู้ทรงเมตตาได้ทรงส่งสายลมพัดพา มาเป็นสัญญาณดีเพื่อให้เกิดหยาดฝน จากนั้นสายลมจะโอบอุ้มก้อนเมฆ ที่เหมือนด่ังภูเขา เพื่อขับเคล่ือนตัวไปยังภูมิภาคใดภูมิภาคหน่ึง ด้วยความ ประสงค์ของอัลลอฮฺ ตาอาลา พระองค์ทรงส่งเมฆให้ลอยอยู่บนฟ้าตาม แต่พระองค์ประสงค์ และทรงส่งหยดหยาดฝนหลั่งลงมาจากมัน จนทำ�ให้ พืชผลนานาชนิดงอกเงยข้ึน และพระองค์ทรงยำ้ �เตือนเช่นกัน ว่าพระองค์ ทรงทำ�ใหส้ ิ่งที่ไมม่ ชี วี ิตเกิดมามีชวี ติ ใหม่ดว้ ยวิธีเดียวกนั ท้งั นี้ พระองคท์ รง ปรารถนาใหม้ นุษย์ได้พิจารณาใคร่ครวญกับจติ รกรรม (ศิลปะการสร้างของ พระองค์) อนั แสนยอดเยีย่ มนี้ แทจ้ รงิ อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงมอบความเมตตาของแกบ่ า่ วของพระองค์ ตามแต่พระองค์ทรงประสงค์ โดยเฉพาะกับผู้คนที่ประสบภัยแล้งเมื่อน้ัน พวกเขาจะสุขเกษมกบั ความโปรดปรานของพระองค์ ทำ�ให้พวกเขามีความ หวงั หลงั จากเกดิ ความสิ้นหวงั เพราะพระองค์ทรงตรสั วา่ N53

o การคิดใคร่ครวญ “และพระองค์คือผู้ทรงหลั่งน้ำ�ฝนลงมาหลังจากท่ีพวกเขาหมด หวังกันแล้ว และพระองค์ทรงแผ่กระจายพระเมตตาของพระองค์ และ พระองค์เป็นผูท้ รงคุ้มครอง ผทู้ รงได้รบั การสรรเสรญิ ” (อซั ซรู อ, 28) บางคร้ังพระองค์ทรงสั่งสอนบ่าวท่ีกระทำ�ผิดบาปด้วยภัยแล้ง และ บางครง้ั ด้วยพายุฝน บางคร้งั กด็ ้วยความหนาวเหน็บ ดังนนั้ พระองคจ์ ะทรง ทรมานตามแตก่ บั ผทู้ พี่ ระองคท์ รงประสงค์ และทรงดแู ลเอาใจตามแตก่ บั ผทู้ ี่ พระองคท์ รงประสงค์ พระองค์ทรงตรัสไวใ้ นคมั ภีร์ของพระองคว์ ่า “เจา้ มไิ ดเ้ ห็นหรอกหรือว่า แท้จริงอลั ลอฮน์ ้นั ทรงใหเ้ มฆลอย แล้ว ทรงทำ�ให้ประสานตัวกันแล้วทรงทำ�ให้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าก็ เห็นฝนโปรยลงมาจากกลุ่มเมฆน้ัน และพระองค์ทรงให้มันตกลงมาจาก ฟากฟา้ มีขนาดเท่าภเู ขา ในนนั้ มลี ูกเห็บ แลว้ พระองค์จะทรงให้มนั หลน่ ลงมาโดนผู้ทพี่ ระองคท์ รงประสงค์ และพระองค์จะทรงใหม้ ันผ่านพน้ ไป จากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แสงประกายของสายฟา้ แลบเกือบจะเฉี่ยว สายตาผมู้ อง” (อนั นูรฺ, 43) อลั ลอฮฺ ตาอาลา หากแตท่ รงประสงคแ์ ลว้ อลั ลอฮจฺ ะทรงทำ�ใหท้ อ้ งฟา้ และผนื ดนิ และสงิ่ ทอ่ี ยู่ระหวา่ งทัง้ สองกำ�เนิดเกิดข้ึนส่ิงใดบางอย่าง ก็ขึน้ อยู่ กับพฤตกิ รรมการงานและภาวะจิตใจของมนุษย์ และอลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงส่งหยาดฝนมาในรูปของน้ำ�หยดที่บางส่วน ของมันไมไ่ ดเ้ ชือ่ มตอ่ กัน และไม่ไดร้ วมตวั กันเลยแม้แตน่ อ้ ย ทุกหยดของนำ้ � ฝนจะคล้อยไปตามเสน้ ทางท่ถี กู ขดี เขียนไว้โดยไมเ่ ฉไฉ มันจะไมล่ า้ ชา้ และ มาไม่เร็วเกินไป มาดแม้นว่ามนุษย์และญินรวมตัวกันเพื่อสร้างหนึ่งเม็ดฝน หรือร้อยพันหยดฝนที่หล่ังลงสู่หมู่บ้าน แน่นอนว่า พวกเขาสามารถสร้าง มันข้ึนมาได้ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทราบจำ�นวนของเม็ดฝนได้ นอกจา กอลั ลอฮเฺ ทา่ น้นั ที่สร้างมนั มา กระนั้นการใคร่ครวญไม่สามารถคณานับได้กับความเย็นที่แข็งตัว ที่ N54 เดิมท่ีมาจากน้ำ�จดื และน้นั คอื หิมะท่ีโปรยปรายลงมาเหมอื นเสน้ ใยฝ้าย

oใครค่ รวญจกั รวาล ________________________________________________ ใครเล่าคือผู้สร้างก่ิงก้านสาขาที่เล็กท่ีสุดบนยอดต้นไม้ ท่ีได้รับ ประโยชน์จากหยาดฝนและหิมะท่ีหล่ังลงมาจากฟากฟ้าสู่ผืนแผ่นดิน และ เป็นไปได้อย่างไรที่นำ้ �แผ่ไหลลงบนทุกส่วนใบของต้นไม้โดยปราศจากการ มองเห็นได้ด้วยสายตา และเป็นไปได้อย่างไรท่ีทุกอนุมูลอะตอมของต้นไม้ ได้รับประโยชน์จากมันโดยผ่านเส้นใย และเป็นไปได้อย่างไรท่ีนำ้ � (ระเหย) ดนั ข้นึ ขา้ งบนทง้ั ทีม่ แี รงโน้นถ่วงอยู่ หากวา่ หยาดน้ำ�ฝนหลง่ั ลงมาตามกฏแรงโนม้ ถว่ งของโลกแลว้ แนน่ อน ทกุ อยาดเมด็ มันจะตกลงมาบนพืน้ เหมอื นดงั ลูกกระสนุ และมนั ก็จะทำ�ลาย สงิ่ มชี วี ติ ทง้ั หมดทอ่ี ยใู่ นแผน่ ดนิ ทวา่ มนั ไดห้ ลงั่ ไหลลงมาอยา่ งรวดเรว็ มนั่ คง โดยไม่ได้ทำ�ร้ายผู้ใด หรือไหลถล่มบ้านเรือน หรือทำ�ลายสวนเกษตรแต่ อยา่ งใด ท่ีจิงอนุมูลอะตอมท่ีมีอยู่ในก้อนเมฆมันจะมีรูปลักษ์เฉพาะที่เปล่ียน ปฏกิ ิรยิ ากลายเป็นหยาดน้ำ� จากนั้นมันจะสรา้ งความสมดลุ กับแรงโนม้ ถ่วง ของโลก พร้อมกับสร้างพลังงานในช้ันบรรยากาศจนกระท่ังก่อตัวขึ้นเป็น หยดฝนไหลลงมาอยา่ งรวดเรว็ เป็นการพอเพียงแล้วแก่ผู้ท่ีมองเห็นด้วยสายตา การใคร่ครวญและ พจิ ารณากบั สจั ธรรมน้ี พวกเขาจะรู้ซึง้ ถึงระบบทีว่ ิจติ รพศิ วงของพระเจ้าใน โลกทเี่ ราอาศยั อยู่ และความงดงามเรียงรายอยา่ งพรอ้ มเพรียงกนั แลว้ พวก เขาก็จะรับทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเราที่ไม่มีผู้ใดลำ้ �ลึกย่ิงใน ความรู้ ความปรีชาญาณ และความเฉลยี วฉลาดเสมือนพระองค์ ใคร่ครวญเกยี่ วกับพนื้ ดิน ผู้ศรัทธามักจะไม่ลืมการคิดใคร่ครวญ พวกเขาจะดื่มดำ่ �กับความ สวยงามของดอกไม้ เสียงนกรอ้ ง และตน้ ไมท้ ใ่ี ห้ผลผลติ แก่พวกเขา สะท้อน ให้เห็นถึงชีวิต และจิตวิญญาณของพวกเขาท่ีสูงส่ง พวกเขาชื่นชมดอกไม้ และมอบความเอื้ออาทรต่อต้นไม้ท่ีอุดมไปด้วยผลไม้ ชนเหล่าน้ีคือผู้โชค Nดี พระองค์ได้กล่าวไว้ในในพระคัมภีร์กุรอานว่า พระองค์ได้ประดับพ้ืนผิว 55

o การคดิ ใครค่ รวญ โลกในลักษณะท่ีดีท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทำ�ให้มันเป็นบ้านพักรับรอง สำ�หรับการดำ�รงอยู่ของมนุษย์ พระองค์ทรงวางเส้นทางและได้กระทำ�ให้ พ้นื ดินสงบสุข ดังในอลั กุรอาน อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรสั ไวค้ วามวา่ “คือผู้ทรงให้แผ่นดินเป็นท่ีนอน และฟ้าเป็นอาคาร แก่พวกเจ้า และทรงให้น้ำ�หลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วได้ทรงให้บรรดาผลไม้ออกมา เนื่องด้วยนำ้ �นั้น ทั้งน้ีเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจา้ ดังนั้นพวกเจ้าจง อย่าให้มีผู้เท่าเทียมใด ๆ ข้ึน สำ�หรับอัลลอฮฺ โดยที่พวกเจ้าก็รู้กันอยู่” (อลั บะเกาะเราะฮ,ฺ 22) “เรามิได้ทำ�ใหแ้ ผน่ ดินเปน็ พื้นราบดอกหรอื ” “และมิได้ให้เทอื กเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรอื ” (อันนะบะอ์, 6-7) “พระองค์คือผู้ทรงทำ�แผ่นดินน้ีให้ราบเรียบสำ�หรับพวกเจ้า ดัง น้ันจงสัญจรไปตามขอบเขตของมันและจงบริโภคจากปัจจัยยังชีพของ พระองค์ และยังพระองคเ์ ท่านั้นการฟ้นื คืนชีพ” (อัลมลุ ก์, 15) อัลลอฮฺ ตาอาลา ได้ตรัสเก่ียวกับแผ่นดินในพระคัมภีร์เพื่อให้มนุษย์ สามารถสะท้อนถึงความจริงและภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ในตัวบทว่า เหนือพ้ืน ดนิ เปน็ ทอี่ ยสู่ ำ�หรบั ผทู้ ม่ี ชี วี ติ ในขณะทใี่ ตพ้ น้ื ดนิ มไี วส้ ำ�หรบั คนตาย พระองค์ ทรงตรัสวา่ “และเรามิได้ทำ�ให้แผ่นดินน้ีเป็นจุดรวมดอกหรือ ท้ังคนเป็นและ คนตาย” (มรุ สะลาต, 25-26) เมอื่ เราสงั เกตแผน่ ดนิ ทแี่ หง้ แลง้ ใหด้ จี ะพบวา่ สถานทแี่ หง่ นน้ั เปน็ แผน่ ดนิ ทไี่ รซ้ ง่ึ ชวี ติ ชวี า แตเ่ มอื่ หยดนำ้ �จากทอ้ งฟา้ ตกกระทบลงมา กลบั ทำ�ใหเ้ กดิ ซงึ่ ความชมุ่ ชนื้ และฟนื้ คนื ความเขยี วขจใี หพ้ ชื หลากสไี ดเ้ ตบิ โตอยา่ งสมบรู ณ์ บังเกิดซึ่งสิ่งมีชีวิตต่างๆ ดังนั้นจงรับรู้เถิดว่าพระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจได้เสริม สร้างพื้นดินด้วยภูเขามหึมา ลองคิดดูเถิดว่าพระองค์ทรงเก็บแหล่งน้ำ�ท่ีอยู่ N56 ข้างใต้ไว้อย่างไร พระองค์ทำ�อย่างไรถึงสร้างน้ำ�ให้ประทุออกมาจากแหล่ง

oใคร่ครวญจกั รวาล ________________________________________________ นำ้ � และก่อตัวเป็นแม่น้ำ�ท่ีกว้างใหญ่บนโลก พระองค์ทรงสร้างน้ำ�ที่หอม หวานและบริสุทธิ์จากก้อนหินและโคลนอย่างไร นำ้ �ได้ให้ชีวิตกับสรรพสิ่ง อยา่ งไร ดงั น้นั อัลลอฮฺ ตาอาลา ผทู้ รงสูงสง่ ได้สง่ ผา่ นนำ้ �ไปยังพื้นดนิ ข้าว สาลี อง่นุ ต้นถ่ัว มะกอก อนิ ทผาลัม ทับทมิ และอื่น ๆ อีกนับไมถ่ ว้ นอย่างไร โดยทแี่ ตล่ ะชนดิ มรี ปู รา่ งและสหี รอื แมแ้ ตร่ สชาตทิ แี่ ตกตา่ งกนั ซง่ึ นบั วา่ เปน็ ความแตกตา่ งทง่ี ดงาม บางชนดิ อาจจะมคี ณุ ประโยชนท์ มี่ ากกวา่ แตท่ งั้ หมด ก็ถกู รดนำ้ �จากต้นนำ้ �และโผลอ่ อกมาจากดินชนิดเดยี วกนั พืช เมื่อเมล็ดพันธุ์ตกลงสู่พ้ืนและถูกสัมผัสโดยความช้ืนของดินก็จะเร่ิม เติบโตเปน็ ผลโดยเกดิ จากการแตกออกของเมล็ดพนั ธุ์ สว่ นบนของเมล็ดจะ ทำ�ให้เกิดต้นไม้สูงเหนือพ้ืนดินในขณะที่ส่วนล่างจะสร้างรากแพร่กระจาย ลงลึกไปใตพ้ ื้นดิน นี่คอื ปรากฏการณท์ ี่น่าอศั จรรย์ เพราะถงึ แม้วา่ เมลด็ น้นั จะมเี พยี งเมล็ดเดยี ว แตก่ ลบั สรา้ งสรรค์สิง่ ทยี่ ิง่ ใหญไ่ ด้ เปน็ ทน่ี า่ ประหลาด ใจท่ีส่ิง ๆ เดียวสร้างสององค์ประกอบท่ีมีทิศทางตรงข้ามกัน สิ่งน้ีล้วน เปน็ การกำ�หนดของ พระผ้สู ร้างผู้แสดงออกถงึ ปญั ญาในการกระทำ�ทัง้ มวล ของพระองค์ ส่วนหนึ่งของต้นไม้ที่โผล่ออกมาจากเมล็ดนี้จะกลายเป็นไม้และใบ อีกส่วนหน่ึงจะผลิดอกออกมาในรูปแบบของดอกไม้แล้วเติบโตต่อไปเพ่ือ ให้ได้ผลไม้ท่ีสามารถสร้างประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ผลไม้แต่ละชนิดมี คณุ สมบตั ิท่หี ลากหลาย อาทิเชน่ เมลด็ ขององนุ่ มีลกั ษณะเยน็ และแห้ง ส่วน ทเ่ี ปน็ เนอ้ื ของมนั อบอนุ่ และฉ่ำ� ซงึ่ เปน็ ผลพวงจากการพฒั นาของเมลด็ เปน็ สิ่งหนึง่ ทแี่ สดงให้เหน็ ถงึ การทำ�งานทม่ี หศั จรรย์โดยผสู้ รา้ งทมี่ ปี ระสิทธิภาพ และชาญฉลาด ยิ่งกว่านั้นอัลลอฮ ตาอาลา ทรงสร้างให้พืชบางชนิดมีคุณสมบัติ สำ�หรับใช้ในการรกั ษาโรค พชื บางชนิดเป็นแหล่งของสารอาหาร ในขณะที่ Nบางชนิดอาจเป็นพิษ เม่ือบริโภคแล้วพืชจะกลายเป็นองค์ประกอบอื่น พืช 57

o การคดิ ใคร่ครวญ หลายชนิดสามารถชำ�ระล้างเลือด บางชนิดให้ชีวิตและพลังงาน และยังมี อกี หลายชนดิ ทใี่ หค้ วามสุขสบายและช่วยในการนอนหลบั สิ่งท่ีน่าแปลกใจก็คือพืชน้ำ�และกรดคาร์บอนิกสามารถเปล่ียนเป็น นำ้ �ตาลและออกซิเจนน้ันจะถูกปล่อยออกมาให้ส่ิงมีชีวิตใช้เพ่ือหายใจ ดงั นน้ั จงึ ไมม่ พี ชื ชนดิ ใดทผี่ ดุ ออกมาจากพน้ื ดนิ ทโ่ี ดยปราศจากคณุ ประโยชน์ สำ�หรบั มนุษย์ การจดั กลุ่มความแตกตา่ งของสี กล่นิ รสชาตแิ ละรูปรา่ งของ ใบไม้ ดูเหมือนจะเกิดข้นึ จากความลึกลบั บนโลกใบนี้ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทแ่ี ม้แต่นกั เคมีวทิ ยาทฉี่ ลาดท่ีสดุ ก็ไม่สามารถจำ�ลองข้ึนมาได้ การจัดระเบียบระหว่างการเจริญเติบโตของพืชเป็นการแสดงให้เห็น ถึงความย่ิงใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น ต้นไม้หน่ึงต้นสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์นับ ล้านต่อปี และเพื่อให้เกิดการขยายพันธุ์ เมล็ดเหล่านี้จะปลิวว่อนประหน่ึง สวมรม่ ชูชีพและลมจะพัดพามันไปยงั สถานทท่ี ี่ห่างไกล แตถ่ ้าเมลด็ พนั ธุ์ตน้ ใดจะต้องหยุดเดินทางมันก็จะกลายเป็นต้นไม้ สามารถกล่าวได้ว่าโลกอัน กว้างใหญ่น่าจะเล็กเกินไปสำ�หรับต้นไม้ชนิดเดียว ตัวอย่างน้ีชี้ให้เห็นถึงวง ชวี ติ อื่น ๆ เชน่ กัน ในความเปน็ จรงิ เมอ่ื หลายปกี อ่ นในออสเตรเลยี พวกเขาเรมิ่ ใชส้ ายพนั ธุ์ ของกากิโตะ (KAKITOS) เพ่อื สรา้ งพุ่มไม้ แตเ่ นือ่ งจากมีไมม่ ีแมลงพนื้ เมอื ง ในออสเตรเลียท่เี ปน็ ศตั รูกับพวกมัน ทำ�ใหพ้ ืชเร่ิมแพร่กระจายอยา่ งรวดเรว็ การเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ สง่ ผลใหช้ าวบา้ นสน้ิ หวงั ทเ่ี หน็ การแผข่ ยายของกากิ โตะจนไม่สามารถหยุดมันได้ ซ่ึงครอบคลุมพื้นท่ีขนาดใหญ่เท่ากับประเทศ อังกฤษ มันได้ทำ�ลายล้างดินแดนของพวก จนในที่สุดมันก็ทำ�ให้ชาวเมือง ตอ้ งออกจากถิ่นเดมิ เหลอื ไวเ้ พยี งร่องรอยของเมอื งทร่ี กรา้ ง ทะเลอันกว้างใหญ่ เราตา่ งทราบกนั ดวี า่ สามในสสี่ ว่ นของแผนดนิ ทเี่ ราอาศยั อยนู่ ถี้ กู ลอ้ ม รอบไปด้วยผนื น้ำ� อยา่ งไรก็ตามความเย็นจากนำ้ �แขง็ ของขั้วโลกไม่สามารถ N58 ส่งผลกระทบต่อท้ังโลกใบน้ี และความร้อนจากเส้นศูนย์สูตรก็ไม่ได้ทำ�ให้

oใคร่ครวญจกั รวาล ________________________________________________ เกิดการเผาใหม่พ้ืนที่ท้ังหมดได้ นี่เป็นเพราะส่วนที่มีความร้อนของแผ่นดิน กระจายความร้อนไปสู่พ้ืนดินเสมือนการทำ�หน้าที่ของหม้อนำ้ �รถยนต์ ใน ขณะที่มหาสมุทรดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์อย่างมหาศาลแต่มันร้อน ขน้ึ ทอ่ี ณุ หภมู ิที่ตำ่ �และก็ไม่ไดก้ ลายเป็นความเย็นได้ง่ายเชน่ เดียวกัน มหาสมุทรท่ีกว้างใหญ่มากกว่าผืนแผ่นดินนี้เป็นเสมือนตัวควบคุม อุณหภูมิในระบบอากาศ และมีบทบาทในการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิร้อน ข้ึน ในเวลาเดียวกันก็ถามหน้าท่ีในการระเหยน้ำ�ในทะเลเพ่ือถ่ายเทไปสู่ พ้ืนดิน ส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ และความม่ังคั่งรำ่ �รวยของมหาศาลในท้องทะเลก็ เทียบเท่ากับความม่ังค่ังบนพ้ืนดิน ในทะเลเราสามารถหาไข่มุกอันสวยงาม เช่นเดียวกับอาหารทะเลทีส่ ดใหม่ทีจ่ ำ�เป็นสำ�หรบั การดำ�รงชวี ติ ของมนุษย์ น้ำ� สงิ่ มชี วี ติ บนโลกใบนี้ ลว้ นแลว้ ตอ้ งใชน้ ำ้ �สำ�หรบั การดำ�รงชวี ติ หากโลก นไ้ี มม่ นี ้ำ�หลงเหลอื อยู่ น้ำ�เพยี งหนง่ึ แกว้ กไ็ มส่ ามารถทดแทนดว้ ยสงิ่ อนื่ ๆ ได้ แม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก็ตาม ดังน้ันเมื่อมนุษย์ไม่สามารถ สรา้ งนำ้ �ขนึ้ มาได้ เขากไ็ มส่ ามารถสรา้ งสงิ่ อน่ื ใดเชน่ เดยี วกนั นา่ เศรา้ ใจยงิ่ นกั สำ�หรบั มนษุ ยท์ เ่ี ขานน้ั เหน็ บรรดาเงนิ ทอง และหนิ สวยงามตา่ ง ๆ เปน็ ของที่ มีคุณคา่ แตก่ ลับไมเ่ ห็นคุณค่าของน้ำ�แมเ้ พียงแกว้ เดียวที่อลั ลอฮฺ ตาอาลาม อบให้ และทรงเมตตาแกม่ นุษย์ ในความเป็นจริง มนุษย์น้ันต้องคิดใคร่ควรเก่ียวกับสิ่งต่าง ๆ ท่ี เก่ยี วข้องกับชีวติ ของตนเองอยู่เสมอ โดยไมจ่ ำ�เปน็ ต้องมคี วามรู้ที่กว้างใหญ่ หรอื สตปิ ญั ญาขนั้ สงู เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจสง่ิ ตา่ ง ๆ บนโลกใบนี้ เพอื่ ใหส้ ามารถใชช้ วี ติ อยไู่ ด้ และมนษุ ยก์ ต็ อ้ งตระหนกั อยเู่ สมอวา่ เขานน้ั ใชช้ วี ติ อยบู่ นโลกทเี่ ตม็ ไป ดว้ ยความมหศั จรรย์และความพเิ ศษจากอัลลอฮฺ และมนษุ ย์ก็อยูท่ ่ามกลาง สถานการณ์ท่ีต้องได้รับการสนับสนุนให้ดำ�รงชีวิตไปได้และการสนับสนุน ต่าง ๆ นั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะสร้างด้วยตัวเองได้ หรือมีได้ด้วยตัวเอง Nสำ�หรบั ผ้ทู ่ีมสี ตปิ ญั ญาท่ดี ี สามารถทำ�ความเขา้ ใจ สามารถรับรู้ และยอมรบั 59

o การคิดใครค่ รวญ ในส่ิงทก่ี ลา่ วมาขา้ งต้น เขาจะไม่อาจหนั หลังไปจากอลั ลอฮฺ ตาอาลา ผทู้ รง สรา้ งและผูท้ รงวางกฎเกณฑส์ ำ�หรับโลกใบน้ี คณุ คา่ และความลบั ของสตั ว์ เราควรตระหนักและเข้าใจให้ดียิ่งว่า บรรดาฝูงนกที่กำ�ลังโบยบินอยู่ บนณภา บรรดาสัตว์ตัวเล็กและตัวใหญ่ทั้งเช่ืองและดุร้าย เหล่าฝูงแมลง หลายร้อยล้านตัว ท้ังหมดล้วนซ่อนไว้ซึ่งความลับอันย่ิงใหญ่ที่ทำ�ให้เราน้ัน สัมผัสได้ถึงความย่ิงใหญ่ ความสามารถ และความเป็นผู้สร้างของอัลลอฮฺ ตาอาลา ผูท้ ท่ี รงสรา้ งทุกสรรพส่งิ อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงออกแบบและทรงจัดระเบียบองค์ประกอบ ตา่ ง ๆ ของบรรดาสัตวเ์ หลา่ นนั้ อยา่ งไร พระองค์ทรงทำ�ให้พวกมนั สามารถ เคลอ่ื นไหวและเดินได้อย่างไร ด้วยกบั โครงสร้างทีส่ มบรู ณน์ ้ี ความสวยงาม และความสมดุลของบรรดาสตั ว์ตา่ ง ๆ ท่ีกล่าวถึง ซ่งึ มนษุ ยไ์ ดท้ ำ�การศึกษา และวจิ ยั ล้วนแลว้ อย่เู หนอื ความคาดคดิ และจนิ ตนาการของมนุษย์ หากมนษุ ยไ์ ด้พินจิ พจิ ารณาอยา่ งละเอียดแลว้ สัตวต์ า่ ง ๆ บนโลกน้ี ล้วนมีรูปแบบและลักษณะในตัวของมันที่ชัดเจน มนุษย์จะต้องใคร่ครวญ ถงึ คุณค่าและประโยชนต์ า่ ง ๆ ทบ่ี รรดาสัตวต์ า่ ง ๆ ได้มอบให้แก่มนุษย์ เช่น ขน หนงั นม และเนอ้ื เปน็ ตน้ ดงั นนั้ เขาจะมองเหน็ ความเมตตาจากอลั ลอฮฺ ตาอาลา ความรักจากพระองค์ที่ไม่มีวันหมดสิ้น อัลลอฮฺ ตาอาลา ผู้ทรง สงู ส่ง และทรงสามารถเหนือส่งิ อ่นื ใด ไดม้ อบหนงั สตั ว์เพื่อเปน็ เครื่องนงุ่ หม่ ที่ป้องกนั ความหนาว และสว่ นอ่ืน ๆ ทใ่ี หป้ ระโยชนอ์ ย่างมากมาย เพือ่ ให้ มนษุ ยน์ นั้ สามารถมีชวี ิตไดอ้ ยา่ งมีความสะดวกสบายและมีความสขุ ยกตัวอย่างเช่น เหล่าผีเสอื้ ที่สวยงามซ่ึงโบยบนิ อยู่ตามดอกไม้ ความ สวยงามของมนั ถอื เปน็ หนง่ึ ในความเมตตาจากอลั อลั ลอฮฺ ตาอาลา ซง่ึ มนษุ ย์ ไมอ่ าจจนิ ตนาการและแมแ้ ตจ่ ะบรรยายถงึ ความสวยงามของมนั สง่ิ ทถี่ กู สรา้ ง ข้ึนนี้คือความโปรดปรานท่ีไม่หมดส้ิน เป็นความเมตตาที่สามารถมองเห็น N60 ด้วยตา คิดได้โดยสติปญั ญา และสำ�นึกรู้สกึ ได้ดว้ ยหวั ใจ

oใครค่ รวญจักรวาล ________________________________________________ ในอัลกุรอาน อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงทำ�ให้มนุษย์ได้เห็นและได้คิด ใคร่ครวญในสรรพส่ิงท่ีพระองค์ทรงสร้าง และได้คิดใคร่ครวญว่าสิ่งเหล่านี้ ถูกสรา้ งอยา่ งไร อัลลอฮฺ ทรงตรัสไวค้ วามวา่ พวกเขาไมพ่ จิ ารณาดอู ฐู ดอกหรอื วา่ มนั ถกู บงั เกดิ มาอยา่ งไร และ ยังท้องฟ้าบ้างหรือว่ามันถูกยกให้สูงข้ึนอย่างไร และยังภูเขาบ้างหรือว่า มนั ถกู ปกั ตงั้ ไวอ้ ยา่ งไร และยงั แผน่ ดนิ บา้ งหรอื วา่ มนั ถกู แผล่ าดไวอ้ ยา่ งไร ดงั น้นั จงตักเตือนเถิด เพราะแทจ้ ริงเจา้ เป็นเพยี งผูต้ ักเตือนเทา่ นั้น (อลั -ฆ อชยิ ะฮ,ฺ 17-21) พระดาํ รสั ข้างตน้ ช้ใี หเ้ หน็ วา่ หากเราไดค้ ดิ ใครค่ รวญอยา่ งรอบคอบ เก่ียวกับการสร้างบรรดาสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงโลกอื่น ๆ เราจะได้เห็นถึง สญั ญาณต่าง ๆ ทบ่ี ่งชีถ้ งึ ความย่ิงใหญข่ องอัลลอฮฺ ตาอาลา อัลลอฮฺ ตาอาลาทรงประทานความสวยงามและคุณลักษณะเฉพาะ แก่สิง่ ถูกสร้างตา่ ง ๆ ทเี่ ปี่ยมไปดว้ ยประโยชน์ และคณุ คา่ มากมายทง้ั ปวง ก็ เพอื่ ให้สามารถเตมิ เต็มระหวา่ งกัน เพ่ือให้มคี วามสมบรู ณม์ ากยิง่ ขนึ้ สำ�หรบั การดำ�เนินชีวิต ตวั อยา่ งเชน่ ตน้ หญา้ และตน้ พชื ขนาดเลก็ ถกู สรา้ งมาเพอื่ เปน็ อาหาร ของ แพะ และวัว และสตั วข์ ้างต้น กไ็ ด้ให้ นม และเนอ้ื รวมทง้ั ขนของมัน สำ�หรับนำ�ไปใชป้ ระโยชน์ และถ้าต้นพืชหรือใบไม้ถูกกนิ โดยหนอนผีเสือ้ สงิ่ ทไ่ี ดต้ ามมากค็ อื ผเี สอื้ อนั สวยงาม และถา้ หากดอกไมถ้ กู กนิ โดยผงึ้ แนน่ อนก็ ย่อมสง่ ผลใหม้ กี ล่นิ อนั หอมหวน และใหน้ ำ้ �ผง้ึ ทห่ี อมหวาน ทง้ั หมดนนั้ อยนู่ อกเหนอื เสน้ ทางการรอบรขู้ องมนษุ ย์ ถงึ แมว้ า่ มนษุ ย์ จะเปน็ สง่ิ ท่ีถูกสรา้ งที่สมบรู ณ์ และประเสริฐที่สุดกต็ าม มนษุ ย์ซึง่ ถอื ว่าเปน็ สิง่ ถกู สรา้ งท่ีสมบูรณน์ ัน้ ไม่สามารถสรา้ งสตั ว์ตา่ ง ๆ ทส่ี ามารถใหป้ ระโยชน์ ทัง้ เน้ือ และนม ทีเ่ กดิ จากการกนิ ตน้ ไมใ้ บหญา้ ซง่ึ อลั ลอฮฺ ตาอาลา เป็นผู้ สร้างระบบและสร้างให้มีข้ึนมา ซ่ึงถึงแม้มนุษย์จะเอาต้นไม้ใบหญ้าเป็นต้น Nไปวางไวใ้ นหอ้ งทดลองทมี่ เี ทคโนโลยที ม่ี คี วามทนั สมยั มากทสี่ ดุ กไ็ มส่ ามารถ 61

o การคิดใคร่ครวญ ทจ่ี ะสร้างให้เกดิ เนอื้ หรือนม เพอื่ นำ�ไปรบั ประทานได้แมแ้ ต่เพียงหยดเดียว อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรสั ว่า “และแทจ้ รงิ ในปศสุ ตั ว์ ยอ่ มมบี ทเรยี นอยา่ งแนน่ อนแกพ่ วกเจา้ เรา ให้พวกเจ้าดื่มจากสิ่งที่อยู่ในท้องของมัน จากระหว่างมูลและเลือดเป็น นำ้ �นมบรสิ ทุ ธ์ิ เป็นท่โี อชาแกผ่ ดู้ ืม่ ” (อนั -นะหล์ ฺ, 66) น้ำ�ผึ้ง อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรัสไว้ในอลั กรุ อานความว่า “แลว้ เจา้ (ผงึ้ ) จงกนิ จากผลไมท้ งั้ หลาย แลง้ จงดำ�เนนิ ตามทางของ พระเจ้าของเจ้า โดยสะดวกสบาย มีเครื่องดมื่ ท่มี ีสีสนั ตา่ ง ๆ ออกมาจาก ทอ้ งของมนั ในนนั้ มสี งิ่ บำ�บดั แกป่ วงมนษุ ยแ์ ทจ้ รงิ ในการนนั้ แนน่ อนยอ่ ม เปน็ สญั ญาณแกก่ ลมุ่ ชนผู้ตรึกตรอง” (อนั -นะห์ลฺ, 69) และในฮาดษี ของทา่ นนบี ทา่ นรอซลู ศอ็ ลฯ ไดก้ ลา่ ววา่ “เปรยี บเทยี บ ผศู้ รทั ธาเสมอื นเหลา่ พวกผงึ้ พวกมนั จะรบั ประทานแต่สง่ิ ท่ีดงี ามและให้ ปลอ่ ยออกมากดว้ ยสง่ิ ทดี่ งี าม” (อะหมดั , อลั -มซุ นดั เลม่ 2 หนา้ 99; อลั -ฮากมิ เลม่ 1 หนา้ 147; อลั -บัยฮาก,ี อชั -ชูอบั เลม่ 4 หนา้ 58) ทา่ นรอซลู ศอ็ ลฯ ในฮาดษี ขา้ งตน้ ไดฉ้ ายภาพความคลา้ ยกนั ระหวา่ ง ผู้ศรัทธากับผ้ึง โดยความคล้ายกันคือความฉลาดและสติปัญญาของผึ้ง พฤติกรรมท่ีไม่สร้างความเสียหาย หัวใจท่ีนอบน้อมให้ประโยชน์ความ พยายามและแข่งขันในการทำ�งาน รักความสะอาด และรับประทานแต่สิ่ง ที่ดี ผึ้งที่ไม่เคยเอาผลประโยชน์จากการทำ�งานของผ้ึงตัวอื่น และเคารพ ผู้นำ�อย่างม่ันคง และก็มีสาเหตุบางประการที่ทำ�ให้ผ้ึงไม่สามารถทำ�งานได้ เช่นความมดื เมฆฝน ลมแรง ควัน น้ำ� และไฟ และในอกี ดา้ นหนงึ่ สำ�หรับผู้ ศรทั ธาเขาผนู้ นั้ จะไมส่ ามารถทำ�งานไดเ้ ชน่ เดยี วกนั หากตอ้ งพบกบั สง่ิ รบกวน เชน่ ความมดื แหง่ ความลมุ่ หลงและหลงลมื กลมุ่ เมฆแหง่ ความสงสยั ลมแหง่ N62 ฟติ นะฮฺ ควันทฮ่ี ารอม และไฟแหง่ อารมณ์ใฝต่ ำ่ �

oใครค่ รวญจักรวาล ________________________________________________ ในขณะท่ีท่านรอซูล ศ็อลฯ ได้กล่าวถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของผู้ ศรัทธาในฮาดีษดังกล่าว ท่านยังได้กล่าวถึงความดีงาม และประโยชน์ของ ผึ้งเช่นเดียวกนั ฮูเซ็น อัล – กาซีฟี นักบรรดาธิบายอัลกุรอานท่านหนึ่งได้กล่าวว่า “ใครผใู้ ดทไี่ ดค้ ดิ และใครค่ รวญ เขาจะรบั รถู้ งึ ความรอบรใู้ นทกุ สง่ิ และการมี อำ�นาจเหนอื ส่ิงอ่นื ใดของอลั ลอฮฺ ตาอาลา ซงึ่ พระองค์ทรงสรา้ งผ้งึ (สตั ว์ตวั เลก็ ทไ่ี มไ่ ดม้ อี ำ�นาจมากมาย) แตก่ ลบั มปี ระโยชนม์ ากมายจากตวั ของมนั ผง้ึ สตั วท์ มี่ คี วามถอ่ มตน สตั วท์ ไี่ มเ่ คยออกจากเสน้ ทางการทำ�งาน สตั วท์ บ่ี รโิ ภค แตอ่ าหารที่สะอาด และแมบ้ างครง้ั มนั จะกินอาหารทมี่ ีรสขม แตก่ ไ็ ดใ้ หน้ ำ้ � ผ้ึงท่มี ีแตร่ สหอมหวานเสมอ” ผ้ึงน้ันคือสัตว์ท่ีมีความถ่อมตน และอ่อนน้อม เราต่างได้เรียนรู้จาก ผ้ึง ถึงความมีระเบียบวินัยและการรักในความสะอาด ผ้ึงคือสัตว์ท่ียึดมั่น และปฏบิ ัตติ ามในคำ�สง่ั ใชข้ องอัลลอฮฺ ตาอาลา ซ่ึงผึ้งเปน็ สตั วท์ ี่รกั ท่อี ยขู่ อง มนั รวมถึงน้ำ� และพ้นื ดินที่มนั อย่อู าศัย แมว้ ่ามนั จะบนิ ไปไกลเพยี งใดมันก็ จะกลับมายังรังของมนั และมันคือสิ่งถูกสรา้ งทสี่ ะอาด และไมช่ อบย่งุ เก่ียว กับสิง่ สกปรกโสมม ผ้ึงไม่ว่าจะอยูใ่ นพืน้ ทใ่ี ดบนโลกใบนี้ มันจะมีวัฒนธรรม และการสร้างรูปแบบของรังผึ้งที่มีลักษณะเดียวกัน แน่นอนสัตว์อ่ืน ๆ ไม่ สามารถทจ่ี ะสรา้ งสง่ิ ทกี่ ลา่ วมาไดเ้ หมอื นพวกมนั ดงั ทผ่ี ง้ึ ไดป้ ฏบิ ตั แิ ละแสดง พฤตกิ รรมออกมาได้ และมนั ยงั ใหน้ ำ้ �ผง้ึ ทเ่ี ปน็ ทง้ั อาหารและเปน็ ยารกั ษาโรค ท่ีให้การรกั ษาแมก้ ระท่งั โรคของความโงเ่ ขลา ปาฏิหาริย์ ฟิตเราะหฺ ทา่ นอสิ มาอลี ฟานยี ์ โอรธกุ รลั กไ็ ดฉ้ ายภาพเกยี่ วกบั ชวี ติ การเดนิ ทาง ของสัตว์ตา่ ง ๆ ที่วางอย่บู นระบบอลี าฮยี ฺ (ระบบทพ่ี ระเจ้าสร้าง) ทีเ่ รยี กวา่ “ฟติ เราะหฺ” เขาไดก้ ลา่ ววา่ “โดยฟติ เราะหฺ (ธรรมชาต)ิ และสัญชาตญาณ สัตว์จะรู้ว่า อาหารใดท่ีมีประโยชน์กับมัน รู้ว่าอะไรต้องเก็บไว้หรือกักตุน Nสะสมไว้เป็นเสบียงไว้ใช้ นกจะสร้างรังที่สวยงามในขณะเดียวกันมันก็มี 63

o การคิดใคร่ครวญ การเตรียมพร้อมสำ�หรับฤดูกาลอพยพ ก่อนที่เหย่ือจะตายแมลงบางชนิด จะทำ�ให้เหย่ือของมันอ่อนแอและหมดสภาพแล้วนำ�เหย่ือเหล่านั้นไปเก็บ ไว้กับไข่ของมันเพื่อเป็นอาหารให้กับตัวอ่อนของพวกมัน เม่ือตอนที่มันฝัก ตัวออกมา ตัวอ่อนจะก็กินเหย่ือเหล่าน้ันจนกระท่ังเติบโต ซ่ึงนับว่าเป็น ปรากฏการณ์ท่นี า่ ทึง่ มาก ผ้ึงยังมีความสามารถและศักยภาพท่ีจะระบุเพศของลูกมัน ไม่ว่าจะ เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ด้วยวิธีการเปล่ียนอาหารของตัวอ่อนหรือดักแด้ เม่ือ ใดท่ีรังของผ้ึงขาดราชินีไม่ว่าจากกรณีใด ๆ ผึ้งก็สามารถเลือกดักแด้ตัวใด ตัวหนึ่งเพ่ือเปน็ ราชนิ ขี องรงั นัน้ ๆ นับว่าเป็นอุทาหรณ์และบทเรียนท่ีลำ้ �ค่า สำ�หรับผู้ที่จะนำ�มาเป็นบท เรียน ตัวต่อดินสามารถเอาชนะต๊ักแตนและฝังมันลงในดินโดยท่ีมันไม่ได้ ฆ่ามันให้ตาย มันแต่เพียงทำ�ให้มันสลบจนกระท้ังตั๊กแตนนั้นเป็นเสมือน เน้ือท่ีถูกกักตุนไว้ แม่ของมันอาจจะบินไปไกล แล้วอาจเสียชีวิตระหว่าง เดนิ ทางและอาจไม่สามารถกลับมาพบหน้าลูกน้อยของมนั นจี่ ึงเปน็ เทคนิค และความลับท่ีไม่อาจจะอธิบายได้ ไม่มีการอ้างอิง สัญชาตญาณหรือการ เรียนรู้ในระดับพันธุกรรมแต่นี่คือความเมตตาและอนุเคราะห์ของอัลลอฮฺ ทม่ี ตี ่อพวกมนั ปลาแซลมอนหลงั จากทอ่ี าศัยอยู่เปน็ ปีในทะเลมนั จะกลับคนื สแู่ มน่ ้ำ� ถิน่ ฐานแผน่ ดินเกดิ ของมนั เพื่อกลับไปวางไข่ มนั สามารถกลบั ไปถงึ ถ่ินเดมิ ของมนั ซง่ึ เปน็ สถานทก่ี ำ�เนดิ ของมนั ใครกนั เปน็ ผมู้ อบความรสู้ กึ ดงั้ เดมิ ทจ่ี ะ นำ�พาปลาแซลมอนใหก้ ลบั คนื สถู่ นิ่ ฐานของมนั ถา้ เรานำ�เอาปลาแซลมอนไป ปล่อย ทแี่ มน่ ้ำ�สายอนื่ แน่นอนปลาตวั นัน้ ก็จะร้โู ดยทนั ทีวา่ ตวั เองกำ�ลังเดนิ อยบู่ นเสน้ ทางทผ่ี ดิ และจะรบี หาทางกลบั สแู่ มน่ ้ำ�สายเดมิ ของมนั มนั จะตอ้ ง เดินทางฝ่ากระแสนำ้ �เพ่อื ไปสูแ่ มน่ ำ้ �เดิมท่เี ปน็ ถิ่นกำ�เนิดของมนั ส่ิงท่ีน่าท่ึงกว่านั้นก็คือ ความลับของปลาออร์ (ปลาริบบิ้นหรืปลางู) N64 สงิ่ ถกู สรา้ งชนดิ น้ี เปน็ สง่ิ มชี วี ติ ทนี่ า่ ทงึ่ กค็ อื เมอ่ื ฤดวู างไขม่ าถงึ พวกมนั ทอี่ ยู่

oใคร่ครวญจักรวาล ________________________________________________ กระจดั กระจายตามแหลง่ น้ำ�ตา่ ง ๆ ทวั่ โลก จะกลบั มาวางไข่ แถบเบอรม์ วิ ดา้ ที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก แลว้ หลงั จากน้ันพวกมันก็จะตาย ปลาท่ีอาศัยในทวีปยุโรปได้ว่ายนำ้ �ข้ามทะเลเป็นระยะทางนับพัน กโิ ลเมตรเพอื่ มาถงึ จดุ นดั หมายเดยี วกนั ในขณะทตี่ วั ออ่ นของปลาทเี่ กดิ จาก ไขเ่ หลา่ นนั้ มนษุ ยบ์ างสว่ นคดิ วา่ มนั ไมม่ คี วามรใู้ ด ๆ นอกจากอาศยั อยใู่ นน้ำ� โดยไม่ทราบว่าพวกมันกำ�ลงั เดนิ ทางหวนกลบั ไปหาท่ีเดิมของมัน สถานทที่ ่ี บรรพบรุ ุษของมนั เคยไป และปลาเหล่านีจ้ ะอาศยั ในสถานที่ ๆ บรรพบุรษุ ของมนั เคยอาศัย ทุกวันนี้เรายังไม่พบกับปลาอเมริกาท่ีเป็นปลาชนิดเดียวกันกับปลา ริบบิ้นที่อาศัยอยู่ในยุโรปและที่อ่ืน ๆ มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺ ปลาอเมริกา น้ันมอี ายทุ ย่ี าวกวา่ เม่อื เทยี บกบั ปลาชนิดนใี้ นยโุ รป นนั้ ก็เพราะว่าระยะทาง ท่ีไกลกว่า เราสามารถตั้งข้อสงสัยว่าใครเป็นผู้สอนท้ังหมดแก่ปลาเหล่าน้ัน และกำ�หนดวถิ ชี ีวติ ท่ชี ัดเจนแน่นอนให้กับมนั สิ่งที่เหนือธรรมดาท่ีพบเจอในสัตว์เหล่านั้นเป็นตัวบ่งชี้ท่ีชัดว่า ปรากฏการณ์ทั้งหมดน้ีจะไม่เกิดข้ึนโดยบังเอิญ แน่นอนว่าสัตว์ท้ังหลาย เหลา่ นน้ั ไดเ้ คลอื่ นทไ่ี ปตามกฎเกณฑข์ องผทู้ รงสรา้ ง ผซู้ ง่ึ สรา้ งทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง และหลกั ฐานหนึ่งทีแ่ สดงถงึ การมีอยู่ การมอี ำ�นาจและความเกรยี งไกรของ พระเจ้า คอื การมีธรรมชาติทีส่ ูงส่ง อลั ลอฮไฺ ด้นำ�ปรากฏการณต์ ่าง ๆ เหลา่ น้ีให้มนุษย์ได้เหน็ มนษุ ยบ์ าง ส่วนเม่ือเห็นส่ิงนี้แล้วก็ยอมจำ�นนต่ออัลลอฮฺ แต่มนุษย์อีกส่วนหนึ่งก็ยังคง มืดบอดถึงแม้ว่าจะมีปรากฏการณ์มากมายที่ได้ปรากฏแก่สายตาพวกเขา คนกลมุ่ นกี้ ย็ งั คงปฏเิ สธตอ่ อลั ลอฮแฺ ละสจั ธรรมทชี่ ดั แจง้ ดงั ท่ี อลั ลอฮไฺ ดท้ รง ตรสั ไวใ้ นอลั กุรอานว่า “แทจ้ รงิ อลั ลอฮฺไม่ทรงละอาย ในการทีร่ ะองค์จะทรงยกอทุ าหรณ์ ใด ๆ ข้ึนเปรียบเทียบไม่ว่าจะเป็นริ้นสักตัวหนึ่งแล้วก็ส่ิงที่ย่ิงไปกว่านั้น Nกต็ าม สว่ นบรรดาผทู้ ศ่ี รทั ธานน้ั พวกเขายอ่ มรวู้ า่ แทจ้ รงิ มนั คอื ความจรงิ 65

o การคิดใคร่ครวญ ท่ีมาจากพระเจ้าของพวกเขา และส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธานั้น พวกเขาจะพูดว่า อัลลอฮทฺ รงประสงค์ส่งิ ใดในการยกอุทาหรณ์ดว้ ยสงิ่ นี้ พระองคท์ รงใหค้ นมากมายหลงผดิ ดว้ ยอทุ าหรณน์ นั้ และทรงแนะนำ�ทาง ท่ีถูกต้องแก่คนมากมายด้วยอุทาหรณ์น้ัน และพระองค์จะไม่ทรงให้ใคร หลงผดิ ด้วยอทุ าหรณ์นัน้ นอกจากผทู้ ่ฝี า่ ฝนื เท่านั้น” (อัลบาเกาะเราะห์, 26) การสร้างสรรพสง่ิ ท้ังหลายเป็นคู่ อัลลอฮฺ ตาอาลา ทรงได้สร้างมัคลูก (ส่ิงถูกสร้าง) ท่ีมีอยู่ท้ังหมดใน ลักษณะทีเ่ ป็นคู่ มเี พียงพระองคเ์ ท่าน้ันท่เี ปน็ เอกะ (หน่ึงเดียว) ดงั ทอี่ ัลลอฮฺ ไดต้ รัสว่า “และจากทกุ ๆ ส่งิ น้นั เราไดส้ รา้ ง (มนั ) ขน้ึ เป็นคู่ ๆ เพ่อื พวกเจ้า จะไดใ้ ครค่ รวญ” (อซั ซารียาต,ฺ 49) ในโองการหน่งึ พระองค์ได้ตรสั ว่า “พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยปราศจากเสาท่ีพวกเจ้าจะ มองเห็นมนั ได้ และทรงปักเทือกเขาไว้อย่างมั่นคงในแผ่นดนิ เพ่ือมิให้มัน ส่ันคลอนไปกับพวกเจ้า และทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่หลายในมัน (แผ่น ดนิ ) และเราไดใ้ หน้ ำ้ � (ฝน) หลงั่ ลงมาจากฟากฟา้ และเราไดใ้ หพ้ ชื ทกุ ชนดิ งอกเงยออกมาเป็นคู่ ๆ อยา่ งดีงาม” (ลุกมาน, 10) การสร้างทุกอย่างเป็นคู่นี้ได้ถูกยอมรับและค้นพบโดยวิทยาการสมัย ใหม่ แต่ทว่าสิ่งนี้ถูกบัญญัติในอัลกุรอานมานานถึง 14 ศตวรรษมาท่ีผ่าน มาแล้ว มคั ลูกท้งั หมดไมว่ ่าจะเปน็ มนษุ ย์ สตั ว์ พืช แม้แตอ่ ะตอม จนกระทงั่ สิ่งท่ีเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น อิเล็กตรอนและโปรตรอน ท่ีอยู่ใน อะตอมทง้ั หมดนีเ้ ปน็ ไปตามกฎทีน่ า่ ทง่ึ นน่ั คอื กฎแหง่ การเปน็ คู่ ซึง่ แน่นอน อย่างย่ิงว่าสิ่งน้ีสามารถเปิดจักรวาลแห่งความคิดที่ไม่ธรรมดาและยิ่งใหญ่ N66 สำ�หรบั มนษุ ย์

oใคร่ครวญจกั รวาล ________________________________________________ การนกึ ถงึ ความเมตตาของอัลลอฮฺ ความโปรดปรานทีย่ ง่ิ ใหญ่สำ�หรับมนษุ ย์ คือ การที่อลั ลอฮฺ ตาอาลา ได้สร้างพวกเราให้เป็นมนุษย์และได้ให้เรามีชีวิตอาศัยอยู่บนโลกแห่งนี้ ที่แวดล้อมด้วยอิสลาม นอกจากนี้ในบรรดาความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ก็ คือการท่ีพระองค์ได้ทำ�ให้เราเป็นประชาชาติของท่านศานทูตท่ีมีเกียรติ มฮู มั หมัด ศ็อลฯ ดังทไ่ี ด้ปรากฏในอลั กุรอาน ซ่งึ สำ�หรับเราแลว้ ทา่ นศาสดา คือต้นแบบของอัลกุรอานท่ีฉายภาพบุคลิกภาพและการกระทำ�ของท่าน ท่านได้สอนซง่ึ คมั ภรี ์ วิทยปัญญา และทำ�การขัดเกลาจิตวญิ ญาณและหัวใจ ของพวกเราถ้าหากว่าพวกเราตระหนักถึงความโปรดปรานน้ีอย่างแท้จริง แน่นอนว่าพวกเราคงจะต้องก้มลงกราบสูญูดต่ออัลลอฮฺ ตาอาลา โดยไม่ ลุกขึน้ มาอีกเลย ความโปรดปรานของอลั ลอฮฺ ตาอาลา นนั้ ไม่ไดส้ ิ้นสุดเพียงแตเ่ รือ่ งนี้ เทา่ นน้ั ความโปรดปรานของพระองคท์ ไี่ ดม้ อบใหน้ นั้ มมี ากมาย เปรยี บดงั่ นำ้ � ท่วมท่ีออบล้อมตัวเราไว้ บรรดาบ่าวของพระองค์เกี่ยวกับเรื่องน้ีท่านรอซูล ศอ็ ลฯ ไดก้ ล่าวว่า “อัลลอฮฺ ตาอาลา ได้ทรงตรัสว่า พวกท่านจงอินฟากฺ (ใชจ้ า่ ย/ให้ทาน) แน่นอนฉนั กจ็ ะ อินฟากฺ (มอบให)้ กบั พวกท่าน” ท่าน นบไี ดก้ ลา่ ววา่ “พระหตั ถข์ องอลั ลอฮนฺ น้ั เตม็ ตลอดเวลาและไมเ่ คยพรอ่ งลง เพราะการให้ ยังคงหลั่งไหลตอ่ เน่อื งทงั้ กลางวนั และกลางคืน” และทา่ น นบี ไดก้ ลา่ ววา่ “พวกทา่ นทราบหรอื ไมว่ า่ สงิ่ ทพ่ี ระองคท์ รงประทานตง้ั แต่ การสรา้ งทอ้ งฟา้ และผืนดนิ ส่ิงทอ่ี ยู่ ณ พระหตั ถข์ องพระองคน์ น้ั ไม่ไดล้ ง เลยแม้แต่นอ้ ย บงั ลงั คข์ องพระองคน์ ั้นอยเู่ หนอื น้�ำ และ ณ พระหัตถ์ของ พระองค์น้นั มขี นาดทีเ่ พม่ิ ข้ึนและลดลงอยู่เสมอ” (อลั บุคอรียฺ, อตั เตาฮดี , 22) หนา้ ทข่ี องเราในฐานะทเ่ี ปน็ บา่ วของพระองคท์ มี่ ตี อ่ ความโปรดปราน ทที่ รงประทานให้ คอื การใครค่ รวญตอ่ ความโปรดปรานเหลา่ นั้น และใช้มนั เพื่อตระหนกั รูถ้ ึงการมอี ยขู่ องผู้ทรงสรา้ ง ใครค่ รวญถงึ พลงั อำ�นาจและการ ให้ของพระองค์ตลอดจนขอบคุณในทุกสิ่ง ทา่ อมุ รั บนิ อบั ดลุ อาซีซฺ ไดก้ ล่าว Nว่า “การขยบั ลิน้ เพือ่ กลา่ วร�ำ ลกึ ถึงอลั ลอฮฺ ตาอาลา คือความดี สว่ นการ 67

o การคดิ ใคร่ครวญ ใคร่ครวญต่อความโปรดปรานของพระองค์คือการภักดีที่ดีเลิศ” (อาบู นุ อยั ม,อัลฮดี ายะห์,เล่มที่ 5 ,หนา้ ท่ี 314) ส่วนการกุฟุร (การปฏิเสธ) ต่อความโปรดปราน หมายถึงการไม่ ขอบคณุ ตอ่ นอิ มฺ ตั ทไี่ ดร้ บั และใชค้ วามโปรดปรานทไ่ี ดร้ บั ตามความตอ้ งการ ของอารมณใ์ ฝต่ ำ่ � กระทำ�ในสง่ิ ทท่ี ำ�ใหบ้ า่ วหา่ งไกลจากอลั ลอฮผฺ ซู้ งึ่ ประทาน ความโปรดปรานและความดงี าม การขอบคณุ 3 ประเภท 1) การขอบคุณและสำ�นึกด้วยหัวใจ คือการคิดใคร่ครวญต่อความ โปรดปรานทีไ่ ดร้ บั 2) การขอบคณุ ดว้ ยลน้ิ คอื การกล่าวชื่นชมต่อนิอมฺ ตั (สง่ิ ท่ไี ด้รับ) 3) การขอบคุณด้วยการกระทำ� คือการปฏิบัติหน้าที่ต่อความ โปรดปรานท่ีไดร้ ับ มีผู้ที่มีความเห็นว่า “การขอบคุณต่อความโปรดปรานที่ได้รับน้ัน เป็นความโปรดปรานอย่างหนึ่งเช่นกัน” น้ันก็หมายความว่าเมื่ออัลลอฮฺได้ ประทานแกเ่ รามาซง่ึ ผลตอบแทนใด ๆ เราควรทจี่ ะแบง่ ปนั ความโปรดปราน นัน้ แก่ผู้อน่ื ทีไ่ มไ่ ด้รับ ในเรอ่ื งนอี้ ัลลอฮฺ ตาอาลา ไดต้ รสั ไวใ้ น อัลกุรอา่ นวา่ “และจงแสวงหาส่ิงที่อัลลอฮ์ได้ประทานแก่เจ้าเพื่อปรโลก และ อย่าลืมส่วนของเจ้าแห่งโลกน้ี และจงทำ�ความดี เสมือนกับที่อัลลอฮ์ได้ ทรงทำ�ความดแี กเ่ จ้า และอย่าแสวงหาความเสยี หายในแผ่นดนิ แทจ้ รงิ อัลลอฮไ์ มท่ รงโปรดบรรดาผูบ้ ่อนทำ�ลาย” (อลั -กอศอศ, 77) การใครค่ รวญต่อทุกความโปรดปรานทอ่ี ลั ลอฮฺทรง ประทานให้ ธียาอฺ ปาชา ซ่ึงเป็นนักกวีชาวตุรกีได้กล่าวว่า “ในใบไม้ใบหน่ึงใน ธรรมชาติ มนี บั พนั บทเรยี นเพอื่ รจู้ กั อลั ลอฮฺ โอพ้ ระเจา้ ชา่ งงดงามยง่ิ โรงเรยี น N68 ของพระองค์ โรงเรียนแหง่ จักรวาล”

oใครค่ รวญจกั รวาล ________________________________________________ ในการอธบิ ายเรอื่ งนที้ า่ นซฟุ ยาน บนิ อยุ ยั นะห์ หนง่ึ ในนกั ปราชมสุ ลมิ ได้อา่ นซำ้ � ๆ ซงึ่ บทกวีหนง่ึ ท่วี า่ “หากมนษุ ย์มีความคดิ แนน่ อนวา่ ทกุ ส่ิงมี บทเรียนอยู่เสมอ” ด้วยเหตุนี้ชาวอาหรับจึงมีภาษิตว่า “บทเรียนนั้นมีอยู่ มากมาย แต่นอ้ ยคนนกั จะรบั มันไว”้ ทุกอะตอมต่างสรรเสรญิ และกลา่ วถึงอลั ลอฮฺ หากมนุษย์มีความสามรถที่จะอ่านตำ�ราธรรมชาติและคิดใคร่ครวญ แน่แท้เขาจะพบว่าทุกอณูที่มนุษย์มองเห็น พวกมันต่างบ่งบอกถึงความยิ่ง ใหญ่ของอัลลอฮฺ และจะทำ�ให้พวกเขาเข้าใกล้การรู้จักอัลลอฮฺ ท่านฟุดลูลี อลั บัฆดีดยี ์ ซึ่งเป็นนักกวชี าวตุรกี ไดก้ ลา่ ววา่ “หากว่ามีผู้ใดทีม่ ีความฉลาด สามารถทจ่ี ะรวู้ ะฮยฺ ู แนน่ อนวา่ อะตอมทง้ั หมดในจกั รวาลนคี้ อื ญบิ รลี ทคี่ อย ส่งสารค�ำ บัญชาของอัลลอฮฺให้แกเ่ ขา” อลั ลอฮฺ ตาอาลา ทรงตรสั ว่า “เปล่าเลย ข้าขอสาบานต่อสิ่งท่ีพวกเจ้ามองเห็น และส่ิงที่พวก เจ้ามองไม่เห็นแท้จริงอัลกรุอานน้ันคือคำ�กล่าวของร่อซูลผู้ทรงเกียรติ” (อัลฮาเกาะฮ,ฺ 38-40) หนง่ึ ในวทิ ยปญั ญาจากการสาบานของอลั ลอฮฺ ตาอาลา ใน อลั กรุ อาน คือการดึงความสนใจเพื่อที่จะเรียนรู้บทเรียนอุทาหรณ์ และวิทยปัญญา นอกจากนี้แล้วก็คือการมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตระหนักถึงการสอนและการ ช้ีนำ�ของอัลลอฮฺใหเ้ ห็นถึงความย่ิงใหญข่ องพระองค์ ทว่าส่ิงที่ถูกสร้างท้ังหลายไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นหรือไม่ ล้วนเป็นหลักฐานที่ช้ีถึงความย่ิงใหญ่และความเป็นพระเจ้าของพระองค์ เมื่อใดที่ได้พิจารณาต่อส่ิงท่ีถูกสร้างเหล่านั้นมนุษย์ย่อมได้รับบทเรียนและ วิทยปญั ญาอย่างไม่มีส้ินสุด ความลับ วิทยปัญญา และบทเรียนท่ีเกิดข้ึนจากการใคร่ครวญและ Nพิจารณา รวมทั้งการสัมผัสรสชาติของอัลกุรอานจะเติบโตเปรียบดังต้น 69

o การคิดใคร่ครวญ กลา้ ของตน้ มะเดอื่ ทมี่ ขี นาดเลก็ มาก แตม่ นั จะเตบิ ใหญก่ ลายเปน็ ตน้ ไมใ้ หญ่ เพราะมนั ได้เจริญเติบโตบนพ้นื ดนิ ท่ีอดุ มสมบรู ณ์ อัลลอฮฺ ตาอาลา ไดต้ รสั ว่า “แทจ้ รงิ ในชนั้ ฟา้ ทงั้ หลาย และแผน่ ดนิ นน้ั แนน่ อนยอ่ มมสี ญั ญาณ หลากหลายสำ�หรบั บรรดาผูศ้ รทั ธา และในการบงั เกิดพวกเจา้ และสิ่งท่ี พระองค์ทรงให้สัตว์แต่ละชนิดแพร่สะพัดออกไปนั้นย่อมเป็นสัญญาณ หลากหลายสำ�หรับหมู่ชนผู้เช่ือมั่น และการสับเปลี่ยนของกลางคืนและ กลางวนั และสง่ิ ทอี่ ลั ลอฮทฺ รงหลงั่ ลงมาจากฟากฟา้ เพอ่ื เปน็ ปจั จยั ยงั ชพี น้ัน พระองค์ทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาโดยนำ้ �ฝนหลังจากการแห้งแล้ง ของมนั และการเปลย่ี นทศิ ทางเดนิ ของลมยอ่ มเปน็ สญั ญาณหลากหลาย สำ�หรบั หมู่ชนผใู้ ชส้ ตปิ ัญญา” (อัลญาซยี ะห,์ 3-5) อัลลอฮฺได้อนุเคราะห์หัวใจและสติปัญญาตลอดจนการมองเห็น ตัวอย่างต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการคิดใคร่ครวญที่มีในอัลกุรอาน ที่ซ่ึงจะ นำ�พาบา่ วของพระองคใ์ หอ้ ยใู่ นความยำ�เกรงเฉกเชน่ ทด่ี อกไมต้ อ้ งการอากาศ น้ำ� ดิน และแสงแดด ฉันใด ความตักวากต็ ้องอาศัยการคดิ ใคร่ครวญเพ่ือยก ระดบั ให้อย่ใู นระดบั ทเี่ หมาะสมเช่นเดียวกนั ฉนั น้ัน อัลลอฮฺ ตาอาลา ประสงค์ให้บ่าวของพระองค์เป็นผู้ท่ีมีความ กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา เป็นผู้ท่ีความคิด และเป็นผู้ที่ใคร่ครวญ ด้วยเหตุ นี้ มุสลิมจึงต้องคิดใคร่ครวญเสมือนว่าเขากำ�ลังทำ�ศาสนกิจด้วยการใช้ ทรัพยากรอะไรก็ตามท่เี ขามี รอบิอะห์ ภรรยาของ ท่านอะห์มดั บิน อบี อัล ฮาวารีย์ ได้กล่าวประโยคที่น่าสนใจในสิ่งที่เก่ียวข้องนี้ว่า “ทุกคร้ังท่ีได้ยิน เสียงอาซาน ฉนั นึกถึงการเรียกของวนั กียามะห์ (วนั แห่งการฟ้ืนคืนชีพ) ทุก ครงั้ ทเี่ หน็ หมิ ะตก ฉนั นกึ ถงึ แผน่ ดนิ ทก่ี �ำ ลงั ปลวิ้ วอ่ น และทกุ ครงั้ ทฉี่ นั เหน็ ฝงู ต๊กั แตนฉันนึกถึง วนั แห่งการรวมตัวกนั ณ ท่งุ มัหชัร” มีเรื่องเล่าอยู่ว่าวันหนึ่ง ขณะที่ท่านคอลีฟะห์ ฮารูนอัรรอชีด ได้เข้า N70 ห้องอาบน้ำ� ด้วยความบังเอิญคนรับใช้คนหนึ่งได้ทำ�น้ำ�ร้อนหกโดนตัวท่าน

oใคร่ครวญจักรวาล ________________________________________________ โดยไม่ได้ต้ังใจ ท่านจึงรีบออกจากห้องน้ำ�เพราะความเจ็บปวดจากน้ำ�ร้อน ท่ีโดนตัวทา่ น แล้วทา่ นกท็ ำ�การบรจิ าค เม่อื มีคนถามถงึ สิ่งที่ทา่ นได้กระทำ� ทา่ นจงึ ตอบวา่ ฉนั ไมส่ ามารถทนตอ่ นำ้ �รอ้ นทใี่ ชอ้ าบนำ้ �ไดแ้ ลว้ นบั ประสาอะไร กับความร้อนในวนั กียามะหท์ ี่ฉันต้องเดินผา่ นนรก ญาฮนั นัม ท่านศาสนทูต ศ็อลฯ จะชื่นชมและขอบคุณต่ออัลลอฮฺอยู่อย่าง สม่ำ�เสมอ และทา่ นจะรบั เอาบทเรยี นจากทกุ อยา่ งทีท่ า่ นไดพ้ บเหน็ เราตอ้ ง พยายามอยา่ งจรงิ จงั และสะสมเสบยี งดา้ นจติ วญิ ญาณของเราเพอื่ จะไดร้ ำ�ลกึ ถงึ ความยงิ่ ใหญข่ องอลั ลอฮใฺ นทกุ สงิ่ ทม่ี องเหน็ เมอ่ื ใดทมี่ สุ ลมิ คนหนงึ่ ไดม้ อง ดดู วงจนั ทร์ ดวงอาทติ ย์ ชนั้ บรรยากาศ การสรา้ งรา่ งกายของเขา ลกู ๆ ของ เขา บรรพบุรษุ ของเขา และสิง่ อ่ืน ๆ เขาควรทีจ่ ะพจิ ารณาถึงความลับของผู้ สรา้ งด้วยหวั ใจของเขา เขาควรใคร่ครวญสง่ิ เหลา่ นนั้ ว่าเปน็ อยา่ งไร มาจาก ไหน พวกมนั อาศยั อยไู่ ดอ้ ยา่ งไร ใครเปน็ ผอู้ อกแบบรปู รา่ ง ใครเปน็ ผกู้ ำ�หนด อายุไขของมนั และ ณ ท่แี ห่งหนใดทพี่ วกมันกำ�ลงั เดนิ ทางไปส่เู มอ่ื พวกเขา เสียชีวิตลง เขาควรที่จะคิดว่าชีวิตและจักรวาลท้ังมวลได้ดำ�เนินไปตามกฎ เกณฑ์ท่ีได้กำ�หนดไว้ และไม่มีสิ่งใดท่ีถูกสร้างขึ้น และดำ�เนินอยู่โดยเปล่า ประโยชน์และไร้เหตุผล เขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้ชีวิตของเขาดำ�เนินไป ตามความต้องการทไ่ี มม่ หี ลกั เกณฑแ์ ละการควบคุม เหตุใดทอี่ ลั ลอฮถฺ งึ สร้างจกั รวาล อลั ลอฮฺ ตาอาลา ได้ทรงตรสั ไว้ว่า “และเรามไิ ดส้ รา้ งชนั้ ฟา้ ทงั้ หลาย และแผน่ ดนิ และสงิ่ ทอี่ ยรู่ ะหวา่ ง ท้งั สองอย่าง อยา่ งไรส้ าระ เรามไิ ด้สรา้ งท้ังสอง (ดังกล่าวน้นั ) เพอ่ื อนื่ ใด นอกจากเพอื่ ความจรงิ แตว่ า่ สว่ นมากของพวกเขาไมร่ ู้” (อัดดคุ อน, 38-39) ด้วยเหตุน้ีมนุษย์ผู้ซ่ึงคิดใคร่ครวญต่อการสร้างของอัลลอฮฺ เขาจะ เป็นผู้ซ่ึงเคล่ืนไหวไปตามความต้องการของพระเจ้าของเขา และเขาก็รู้ว่า อลั ลอฮฺ ตาอาลา น้ันได้สร้างทกุ ส่งิ ทกุ อย่างมีเปา้ หมาย พวกเขาจะอุทศิ ตน Nในฐานะบ่าวของอัลลอฮฺ พวกเขาจะใคร่ครวญถึงภาระหน้าที่ของเขาท่ีมี 71

o การคดิ ใครค่ รวญ ต่ออัลลอฮฺ และพยายามปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นบ่าวอย่างสม่ำ�เสมอและ จริงจัง ท้ังนี้ก็เพราะว่าการฝ่าฝืนต่อความโปรดปรานและส่ิงที่อัลลอฮทรง ประทานใหน้ นั้ ชา่ งรา้ ยแรง คอื ความหลงลมื และเปน็ สงิ่ ทไี่ มค่ คู่ วรตอ่ คณุ คา่ ของความเปน็ มนษุ ย์ มนุษย์ไม่อาจท่ีจะทำ�เป็นลืมในสิ่งที่พวกเขาจะถูกสอบสวนต่อความ โปรดปรานทีม่ ากมายทีพ่ วกเขาเคยไดร้ ับ ดั่งทีอ่ ัลลอฮไฺ ด้ตรัสวา่ “แล้วในวันน้ันพวกเจ้าจะถูกสอบถามเก่ียวกับความโปรดปรานท่ี ได้รบั (ในโลกดนุ ยา)” (อตั ตกาซรุ , 8) สรุปได้ว่า ความจริงแล้วพวกเราน้ันต่างติดหน้ี กล่าวคือหน้ีของการ เป็นบ่าว และการขอบคุณที่ไม่อาจสิ้นสุดต่ออัลลอฮฺในส่ิงที่เป็นความโปรด ปรานที่อัลลอฮมฺ อบให้ ไม่วา่ จะเป็นส่งิ ท่ีเรามองเหน็ และมองไมเ่ ห็น ช่างมีความสุขหัวใจที่รู้ถึงหน้าที่อันนี้ ที่มีชีวิตอยู่ในการตระหนักรู้นี้ ตลอดจนไดพ้ ยายามอย่างจรงิ จงั ท่จี ะปฏบิ ตั ใิ หล้ ุลว่ งตอ่ ภารกจิ อนั ย่ิงใหญน่ ี้ N72

ใครค่ รวญเกี่ยวกับมนษุ ย์ มาเถดิ เรามารว่ มกนั ใครค่ รวญเกย่ี วกบั ผนื แผน่ ดนิ ทเ่ี ราเหยยี บยำ่ � พน้ื ดนิ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยรา่ งกายของมนษุ ยท์ ไ่ี ด้ สน้ิ ลมหายใจและเปลย่ี นสภาพกลายเปน็ ผงธลุ ี และกลาย เปน็ ดนิ ทท่ี บั ถมกนั หลายชน้ั และในวนั พรงุ่ นก้ี จ็ ะมาถงึ วนั ของเราทจ่ี ะตอ้ งถกู ฝงั ในพน้ื ดนิ นไ้ี ปพรอ้ มกบั ความดงี าม ของแตล่ ะบคุ คล และรา่ งกายทจ่ี ะสลายไปตามทไ่ี ดก้ ลา่ ว มาขา้ งตน้ และนน้ั กค็ อื จดุ เรม่ิ ตน้ ของการเดนิ ทางครง้ั ใหม่ อนั นริ นั ดร ดงั นน้ั เราจงึ ตอ้ งใครค่ รวญในสง่ิ ทก่ี ำ�ลงั จะเกดิ ขน้ึ ในระยะเวลาอนั ใกลท้ จ่ี ะถงึ น้ี และใครค่ รวญถงึ ความ เมตตาของผสู้ รา้ งทไ่ี ดใ้ หแ้ กเ่ ราในชว่ งทเ่ี รายงั มชี วี ติ อยนู่ ้ี ด้วยกับสติปัญญาของเราเองเพ่อื ให้เวลาท่มี าถึงน้นั ถูก ตอบแทนดว้ ยกบั สง่ิ ทไ่ี มถ่ กู ผลกั ใสจากแนวทางทแ่ี ทจ้ รงิ



ใคร่ครวญเกี่ยวกับมนษุ ย์ ความเร้นลบั แห่งการสร้าง อัลลอฮฺ ซบุ ฮานาฮุ วา ตะอาลา ทรงตรสั ว่า “และในแผน่ ดนิ นมี้ สี ญั ญาณตา่ ง ๆ สำ�หรบั ผศู้ รทั ธาเชอ่ื มน่ั และใน ตัวของพวกเจา้ เอง พวกเจา้ ไม่เหน็ ดอกหรอื ” (อซั ซารยิ าต, 20-21) อลั ลอฮทฺ รงสรา้ งมนษุ ยด์ ว้ ยการสรา้ งทย่ี งิ่ ใหญแ่ ละมเี กยี รติ ดว้ ยความ เจริญก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีแห่งยุคสมัย ทำ�ให้มีการค้นพบ ความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์มากมาย แต่ความรู้เหล่าน้ันก็ยังมิอาจ เข้าถึงแก่นแท้ของวิทยปัญญา (ฮิกมะฮฺ) และความเร้นลับแห่งพระเจ้าใน การสรา้ งชีวติ มนษุ ยไ์ ด้ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรสั ว่า “โอ้มนษุ ยเ์ อย๋ อะไรเล่าที่ลอ่ ลวงเจ้า (ใหห้ ันหา่ ง) จากพระเจา้ ของ เจ้าผู้ทรงเก้ือกูล ผู้ทรงบังเกิดเจ้า แล้วทรงทำ�ให้เจ้าสมบูรณ์ แล้วทรง ทำ�ให้เจ้าสมส่วน ในรูปใดท่ีพระองค์ทรงประสงค์ ก็จะทรงประกอบเจ้า ขึน้ ” (อัลอินฟฏิ อร,ฺ 6-8) จากอายะฮฺข้างต้น อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้บอกให้มนุษย์หวนรำ�ลึกถึง ช่วงเวลาที่ผ่านมา ช่วงเวลาแห่งการสร้างร่างกายและชีวิตมนุษย์ ร่างกาย มนุษย์ได้ถูกสร้างให้สมส่วนและสมบูรณ์แบบถึงแม้ว่าดั้งเดิมนั้นมันมาจาก อสจุ ทิ น่ี า่ รังเกยี จกต็ าม12 12 ดูเพ่มิ เติมในอัลกรุ อานซูเราะฮฺ อาบาซา, 17-22: อัล-รูม, 20: อัล-อินซาน, 21: อลั - กียามะฮ,ฺ 36-38: อัลมุรซาลาต, 20-22: และ ยาซนี , 77 N75

o การคดิ ใครค่ รวญ ดว้ ยความกรณุ าแหง่ อลั ลอฮอฺ นั ยง่ิ ใหญน่ ้ี หากมนษุ ยก์ ลบั หลงลมื และ เนรคุณต่อพระองค์ผู้ทรงรอบรู้และทรงอำ�นาจแล้วไซร้ แน่นอนว่า มนุษย์ กำ�ลังอยู่ในความว่างเปล่าและไม่สมกับสติปัญญาอันชาญฉลาดท่ีได้รับมา เอาเสียเลย วิทยาศาสตร์ได้เข้าถึงกระบวนการปฏิสนธิและพัฒนาการของ มนุษย์ตั้งแต่ในครรภ์เม่ือไม่นานมาน้ี ในขณะที่อัลลอฮฺได้อธิบายเรื่องน้ีไว้ อยา่ งละเอยี ดในอลั กรุ อฺ านตงั้ แตส่ บิ สศ่ี ตวรรตทแ่ี ลว้ 13 (1) พระองคท์ รงตรสั วา่ “และขอสาบานวา่ แนน่ อนเราไดส้ รา้ งมนษุ ยม์ าจากธาตแุ ทข้ องดนิ แล้วเราทำ�ให้เขาเป็นเชื้ออสุจิและอยู่ในที่พักอันม่ันคง (คือมดลูก) แล้ว เราได้ทำ�ใหเ้ ชอ้ื อสุจกิ ลายเปน็ ก้อนเลอื ด แลว้ เราไดท้ ำ�ให้ก้อนเลอื ดกลาย เปน็ กอ้ นเนอื้ แลว้ เราไดท้ ำ�ใหก้ อ้ นเนอื้ กลายเปน็ กระดกู แลว้ เราหมุ้ กระดกู นนั้ ดว้ ยเนอื้ แลว้ เราไดเ้ ปา่ วญิ ญาณใหเ้ ขากลายเปน็ อกี รปู รา่ งหนง่ึ ดงั นนั้ อลั ลอฮทฺ รงจำ�เรญิ ยงิ่ ผทู้ รงเลศิ แหง่ ปวงผสู้ รา้ ง หลงั จากนน้ั แทจ้ รงิ พวก 13 อัลกุรอานซ่ึงถูกประทานลงมา 1400 ปีมาแล้ว ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการ ในสาขาต่าง ๆ ทุก ๆ วัน คัมภีร์อันบริสุทธ์ินี้ถูกประทานลงมาแด่ท่านนบีมุฮัม N76 มัด (ซอ็ ลฯ) ผู้เปน็ อุมมยี ฺ (อ่านไมอ่ อกเขียนไมไ่ ด)้ เพอ่ื ทท่ี ่านนบนี ำ� ไปเผยแพร่ตอ่ มนุษยชาติ หากมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับบทบัญญัติและสภาวการณ์แห่งพระเจ้า ท่ีเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ การค้นพบเหล่านั้นจะสอดคล้องกับอัลกุรฺอานโดยท้ังหมด ไม่มีข้อขัดแย้งแม้เพียงอักษรเดียว ส่ิงเหล่าน้ีเป็นตัวบ่งช้ีที่แน่ชัดว่า อัลกุรฺอานคือ ค�ำววิ รณจ์ ากอลั ลอฮตฺ ่อท่านรอซูล (ซอ็ ลฯ) อยา่ งแท้จรงิ นนั่ หมายรวมไดว้ า่ อลั กุ รอานได้น�ำหน้าความรู้ของมนุษย์ในทุกยุคสมัย และการค้นพบของมนุษย์น้ันเป็น เพยี งแคก่ ารยนื ยนั ถงึ สจั ธรรมแหง่ อลั กรุ อฺ าน กม่ี ากแลว้ ทผ่ี รู้ แู้ หง่ โลกตะวนั ตก ผมู้ ไิ ด้ ตงั้ ตนในลกั ษณะตอ่ ตา้ นอสิ ลาม พวกเขาไดร้ บั ทางนำ� หลงั จากทไี่ ดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ ว กบั โองการตา่ ง ๆ ในอลั กรุ อฺ านซง่ึ ถกู ประทานลงมาตง้ั แต่ 1400 ปมี าแลว้ อยา่ งเชน่ โองการทก่ี ลา่ วถงึ ลำ� ดบั เหตกุ ารณใ์ นการสรา้ งมนษุ ยแ์ ละการพยากรณป์ รากฏการณ์ ท่ีจะเกิดข้ึนในยุคปัจจุบัน หน่ึงในบุคคลเหล่าน้ันคือปราชญ์แห่งประเทศฝรั่งเศส มอร์ริส บลูกายย์ (Maurice Bucaille) เขาได้เข้ารับอิสลามหลังจากที่ได้ศึกษา ปรากฏการณอ์ นั นา่ มหศั จรรยแ์ ละเหนอื ธรรมชาตใิ นอลั กรุ อฺ าน เขาไดเ้ ขยี นหนงั สอื เล่มหน่งึ ในหวั ขอ้ “เตารอต อนิ ญลี อัลกุรอานและวิทยาศาสตร์” ฉันขอเชิญชวน บรรดานักอ่านทง้ั หลายใหล้ องอ่านหนงั สือเลม่ นี้

oใคร่ครวญเก่ยี วกบั มนุษย์ __________________________________________ เจา้ ตอ้ งตายอยา่ งแนน่ อน แลว้ แทจ้ รงิ พวกเจา้ จะถกู ใหฟ้ น้ื คนื ชพี ขนึ้ ในวนั กยิ ามะฮฺ (วนั สิ้นโลก)” (อัลมุอฺมนิ ูน, 12 - 16) เหล่านีค้ อื การสรรสร้างรา่ งกายมนษุ ย์ซง่ึ แนแ่ ท้แลว้ อวยั วะตา่ ง ๆ นน้ั ดว้ ยภาษาของมนั เอง ไดก้ ระตนุ้ ชวนใหม้ นษุ ยไ์ ดใ้ ครค่ รวญ เสมอื นวา่ อวยั วะ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ตา หู มอื เทา้ สมองและหวั ใจ หมายถึงอวยั วะทัง้ รา่ งกาย กำ�ลังบอกกล่าวแก่มนุษย์ว่า เจ้าจงมองต่อร่างกายของเจ้าอย่างใคร่ครวญ เถิด ใคร่ครวญเพ่ือค้นหาคำ�ตอบแห่งสัจธรรมจากความย่ิงใหญ่แห่งการ สร้างสรรค์ของพระเจ้าของเจ้าเถิด...อัลลอฮฺได้ทรงสร้างมนุษย์ซ่ึงประกอบ ขน้ึ จากกลา้ มเนอ้ื เสน้ เลอื ดและสมองไดอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ บบและนา่ มหศั จรรย์ มาได้อย่างไรกัน พระองค์ทรงออกแบบกะโหลกให้มีรูปร่างกลม และทรง กำ�หนดให้ตามร่ายกายมีรูต่าง ๆ เช่น หู ตา จมูกและปาก ทรงออกแบบ แขนขาในลักษณะย่ืนยาวออกมาได้อย่างไร ส่วนปลายของแขนขาทำ�ไม ตอ้ งประกอบไปดว้ ยนวิ้ และสน้ิ สดุ ดว้ ยเลบ็ พระองคท์ รงสรา้ งอวยั วะภายใน รา่ งกาย เชน่ หวั ใจ มา้ ม ตบั ตบั ออ่ น ในรปู ทรงทเ่ี หมาะสมและมกี ารทำ�งาน ประสานกันอย่างลงตัวได้อย่างไรกัน อวัยวะท้ังร่างกายไม่เคยทำ�งานแยก สวนกนั และทกุ อวยั วะทส่ี รา้ งขนึ้ มคี วามสำ�คญั ตอ่ คงวามอยรู่ อดของรา่ งกาย ด้วยกันท้ังสิ้น ทุกอวัยวะถูกออกแบบมาในรูปทรงและหน้าที่การทำ�งานที่ เฉพาะเจาะจงแตกต่างกันไป หากได้ศกึ ษาเชงิ ลกึ ในแต่ละอวัยวะจะพบว่า อวยั วะต่าง ๆ ยงั มีองค์ ประกอบทซ่ี ับซอ้ นในตัวมันเอง เชน่ ภายในตา ประกอบด้วย ชนั้ ต่าง ๆ ซึ่ง มีโครงสร้างและหน้าท่กี ารทำ�งานที่แตกต่างกนั หากมคี วามผิดปกติของชัน้ โครงสรา้ งสกั ชน้ั หนงึ่ หรอื การทำ�งานของชน้ั นนั้ หยดุ ชะงกั ไป แนน่ อนวา่ การ มองเหน็ ของตาก็จะสูญเสียไปดว้ ย กระดกู โครงร่างกระดูกของร่างกายมนุษย์เป็นส่ิงถูกสร้างที่น่ามหัศจรรย์ Nอัลลอฮฺทรงสร้างกระดูกอันแข็งแกร่งน้ีจากนำ้ �อสุจิท่ีอ่อนแอและน่ารังเกียจ 77

o การคดิ ใครค่ รวญ ได้อย่างไร พระองค์ทรงประกอบโครงกระดูกของมนุษย์อย่างม่ันคง แข็ง แรงและทรงออกแบบรูปร่างลักษณะและขนาดของกระดูกที่แตกต่างกัน และมีความสมดุลมาอย่างไร ในร่างกายประกอบด้วยกระดูกท่ีมีลักษณะ แตกต่างกันอย่างมากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ กระดูกท่ีสั้น และยาว มีความหนาและบางแตกต่างกัน ในกระบวนการเคล่ือนไหวของ ร่างกาย อลั ลอฮฺได้ทรงออกแบบโครงร่างกระดกู ให้มขี ้อเปน็ ตวั ต่อและมีมุม การเคลอื่ นไหวทแ่ี ตกตา่ งกนั พระองคท์ รงออกแบบขอ้ กระดกู ใหป้ ระกอบไป ดว้ ยเอน็ และนำ้ �ในขอ้ เพอ่ื งา่ ยตอ่ การเคลอื่ นไหวอยา่ งสมดลุ และนา่ มหศั จรรย์ มาถึงจุดนี้ถ้าเราย้อนกลับมาคิด หากเราจะผลิตเพียงข้อหน่ึงจาก บรรดาข้อตา่ ง ๆ ในร่างกายของเรา แน่นอนวา่ เราจะเกิดคำ�ถามมากมาย และจะพบความเร้นลับแห่งการสร้างสรรค์ท่ีจะเป็นอุปสรรคจนเรายอมแพ้ ในท่ีสดุ หากอลั ลอฮทฺ รงสรา้ งกระดูกให้เกนิ ขนึ้ มาหนงึ่ ชน้ิ ในร่างกาย เราย่อม ประสบกบั ความพกิ ารและเปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ โรคตอ่ รา่ งกายอยา่ งแนน่ อน ใน ขณะเดียวกันหากพระองค์ทรงทำ�ให้กระดูกในร่างกายของเราขาดไปเพียง หนงึ่ ชนิ้ เทา่ นน้ั แนน่ อนวา่ เราจะหาทางรกั ษาความพกิ ารทเ่ี กดิ ขน้ึ แมเ้ ราจะ ใชค้ วามพยายามมากแค่ไหนหรอื นานแค่ไหน เราจะพบวา่ เราไม่มที างทจี่ ะ รักษามนั ให้เปน็ ปกตเิ หมือนมนษุ ยท์ ั่วไปไดอ้ ยา่ งแนน่ อน เราควรที่จะใคร่ครวญและตระหนักว่า หากนิ้วท้ังห้าจากมือข้างใด ขา้ งหนงึ่ ไมส่ ามารถใชก้ ารได้ เราจะพบกบั ความยุ่งยากและความลำ�บากใน การใช้ชวี ิตประจำ�วันและการทำ�งานของเรามากแคไ่ หน ประการเหล่านีค้ อื ส่งิ สำ�คัญอยา่ งยง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งคดิ ใคร่ครวญ นอกจากนี้หากเราสังเกตฟันของเรา ซ่ึงแต่ละซี่มีความแตกต่างใน ลักษณะโครงสร้างและขนาดแต่มันประกอบขึ้นอย่างสมดุลง่ายดายในการ เคย้ี วและใชง้ าน บางซมี่ ลี กั ษณะหนา้ จวั่ คมใชเ้ พอ่ื ตดั และการปอก และในตา ของเรานนั้ พบวา่ ประกอบดว้ ยกลา้ มเนอ้ื หลายสว่ นดว้ ยกนั ซงึ่ หากบางสว่ น N78 ของกล้ามเน้อื เกิดความเสียหายจะทำ�ให้การทำ�งานของตาสญู เสียไปดว้ ย

oใคร่ครวญเก่ยี วกับมนษุ ย์ __________________________________________ ความเรน้ ลบั และความนา่ มหศั จรรยข์ องรา่ งกายมนษุ ยน์ นั้ เกดิ จากการ สรา้ งสรรคแ์ ละอำ�นาจของอลั ลอฮจฺ ากหยดน้ำ�เพยี งหยดเดยี วเทา่ นน้ั หากเรา ไดด้ รู ปู ภาพทจ่ี ติ รกรบรรจงวาดดว้ ยความสวยงาม เราจะรสู้ กึ ทงึ่ ในสตปิ ญั ญา ความฉลาดและความละเอียดของเขา ส่วนจิตรกรผู้นั้นย่อมรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานของเขา ในขณะทีผ่ ลงานทเี่ ขาได้บรรจงวาดออกมาอยา่ งสวยงาม นนั้ ย่อมไม่ใช่มาจากสิง่ ท่ีไมม่ ีมาก่อนอย่างแน่นอน และอปุ กรณท์ ี่เขาใชเ้ พอื่ ใหไ้ ด้ผลงานนั้น เชน่ กระดาษ พกู่ นั และสีเป็นสิง่ ที่มีอยู่แล้ว และเขาไม่ใช่ผู้ สร้างอุปกรณ์เหล่าน้ันเองขึ้นมาเลย ผลงานท่ีเขาสร้างสรรค์ออกมานั้นก็มา จากอารมณ์และแรงบนั ดาลใจจากสรรพสง่ิ ทส่ี รรสรา้ งโดยอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทง้ั สน้ิ ถงึ กระนน้ั เรากย็ งั รสู้ กึ ทงึ่ ในความสามารถของจติ กรขณะทเ่ี ขาบรรจง วาดภาพอันสวยงามนน้ั ด้วยประการที่กล่าวมา ด้วยเหตุผลอันใดเล่าที่เราไม่ยอมใคร่ครวญ เก่ียวกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายและเหตุการณ์ทางพัฒนาการในการ สรา้ งสรรคท์ ส่ี ดุ แหง่ ความสวยงามและนา่ มหศั จรรยย์ งิ่ จติ รกรผทู้ รงออกแบบ และทรงย่งิ ใหญ่ทส่ี ุดเหนืออ่นื ใด! เราถูกสร้างโดยอัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้างทไี่ ม่ได้ รับการถูกสร้างโดยสรรพสิ่งอ่ืนใดและผู้ทรงออกแบบท่ียิ่งใหญ่ผู้ทรงสร้าง มนุษยจ์ ากส่วนประกอบทีม่ ีอยูใ่ นน้ำ�อสุจิเพยี งหยดเดยี ว อวยั วะของรา่ งกาย อวยั วะต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ หู จมกู ล้นิ ซึง่ เป็นอวยั วะออกเสียง ทม่ี คี วามออ่ นพลวิ้ มากทส่ี ดุ ภายในปากทมี่ กี ารประดบั ประดาดว้ ยฟนั ทเ่ี รยี ง กนั ดั่งไข่มุก เปน็ อวยั วะที่กอ่ ใหเ้ กิดเสยี งทแ่ี ตกตา่ งกันในแต่ละคน จนทำ�ให้ คนตาบอดสามารถรู้จักและแบง่ แยกคนได้ด้วยเสยี งพูด เส้นผม ค้ิว ขนตา หัวใจ ไตและเสน้ เลอื ด เหลา่ นคี้ อื อวัยวะท่เี ราตอ้ งคดิ ใครค่ รวญอยา่ งลึกซ้ึง เพราะอวัยวะต่าง ๆ นั้นถูกสร้างมาจากความรอบรู้ ความปรีชาญาณและ ทศั นะแหง่ อลั ลอฮผฺ ทู้ รงสงู สง่ อวยั วะเหลา่ นตี้ า่ งมหี นา้ ทที่ เ่ี ฉพาะเจาะจงของ มนั และมกี ารทำ�งานทป่ี ระสานกันอย่างเป็นระบบ N79

o การคิดใครค่ รวญ ไตเปน็ กอ้ นเนอ้ื ขนาดเลก็ กอ้ นหนง่ึ ในรา่ งกาย แตห่ นา้ ทขี่ องมนั นน้ั ยงิ่ ใหญ่ ไตสามารถแยกแยะสิ่งท่ีเป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นพิษจากบรรดาสิ่ง ต่าง ๆ ท่ีเข้าสูร่ ะบบไหลเวยี นโลหติ ของเรา ทำ�หน้าทใ่ี นการเกบ็ เกย่ี วส่ิงทม่ี ี ประโยชน์ไว้และกำ�จดั ส่ิงทเี่ ป็นพิษออกไปจากร่างกายมนษุ ย์ เราต้องมองไปยังแขนของเราอย่างใคร่ครวญ เหตุใดท่ีมันถูกสร้างให้ ยาวออกมาจากร่างกาย เราสามารถยื่นแขนออกไปเพื่อหยิบสิ่งของที่เรา อยากได้ เหตุใดท่ีมือของเราจึงต้องมีน้ิวทั้งห้า น้ิวบางส่วนถูกแบ่งออกเป็น สามส่วน น้ิวทั้งสี่ถูกจัดเรียงกันและวางกันคนละด้านและอีกนิ้วหน่ึงอยู่อีก ข้างหน่ึง คือน้ิวที่ใหญ่ที่สุด (หัวแม่มือ) ทำ�หน้าที่คอยช่วยเหลือน้ิวอื่น ๆ แมน้ วา่ มนุษยต์ ัง้ แต่อดีต ปัจจุบนั และอนาคตรวมตัวกนั เพ่ือออกแบบน้ิวมือ ท่ดี กี วา่ น้ี แนน่ อนวา่ พวกเขาไม่มคี วามสามารถท่จี ะทำ�มนั ได้ หากคนหน่ึงต้องสูญเสียเล็บมือของน้ิวใดน้ิวหน่ึง เมื่อเขาเกิดอาการ คันและต้องการเกามัน เขาดูจะเป็นมนุษย์ท่ีอ่อนแอซะเหลือเกิน เม่ือเขา ต้องขอช่วยคนอื่นให้ช่วยเกาให้ตรงตำ�แหน่ง เขาต้องอธิบายอย่างละเอียด หรือใหช้ ว่ ยลองเกาจนกวา่ จะตรงจดุ มอื ของแตล่ ะคนสามารถเกาไดถ้ กู ตำ�แหนง่ โดยไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งขอความ ช่วยเหลือจากคนอื่น และไม่เป็นการยากลำ�บากท่ีจะทำ�เช่นน้ัน หนำ�ซ้ำ� เจ้าของมือสามารถใช้มือเการ่างกายของเขาได้ตรงตำ�แหน่งอย่างแม่นยำ� แม้เขากำ�ลังหลับอย่กู ็ตาม ความสามารถในการขยบั เขยอ้ื นนว้ิ และมอื อยา่ งละเอยี ดและงา่ ยดาย นนั้ ตอ้ งอาศยั การทำ�งานทซ่ี บั ซอ้ นและเปน็ ระบบ เราสามารถดตู วั อยา่ งจาก หนุ่ ยนตท์ ส่ี รา้ งขนึ้ ดว้ ยวทิ ยาการทางเทคโนโลยอี นั ล้ำ�สมยั แตม่ อิ าจสามารถ ขยบั เคล่อื นไหวเทียบเคยี งกบั รา่ งกายมนุษยไ์ ด้ บทกลอนอันสวยงามของกวตี ุรกีท่านหนึง่ SYANASI ท่านได้สาธยาย ถงึ ดวงตาทส่ี ามารถมองเหน็ และหทู ส่ี ามารถรบั ฟงั นบั เปน็ สญั ญาณสำ�คญั ท่ี N80 บ่งบอกว่าอัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างและออกแบบที่ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใด ท่านได้

oใคร่ครวญเก่ียวกับมนษุ ย์ __________________________________________ กล่าวว่า “ตัวตนที่ข้ามีบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้ทรงสร้าง มันเป็นหลักฐาน อนั แจง้ ชัดและสงิ่ อื่น ๆ น้ันเปน็ เพยี งหลักฐานเพ่มิ เติม” ความเมตตาปราณีแห่งอัลลอฮฺ จงรำ�ลกึ ถงึ ความเมตตาปราณขี องอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทพี่ ระองคท์ รงยดื เวลาการงอกของฟันในเด็กทารกถึงสองปีหลังจากคลอดออกมา เน่ืองจาก ห้วงเวลาสองปีนี้ส่วนใหญ่แล้วทารกรับประทานเพียงนมจากมารดา ยังไม่ ทานอาหารอย่างอื่นอีก ดังนั้นเด็กยังไม่จำ�เป็นต้องมีฟัน หนำ�ซ้ำ�หากเด็กมี ฟนั ต้ังแตเ่ กิดย่อมเป็นปญั หาตอ่ แมใ่ นหว้ งเวลาแห่งการใหน้ มบุตรเปน็ แน่ เมื่อลูกเติบโตขึ้น ความต้องการสารอาหารมากข้ึนไปด้วย นมแม่ ไม่เป็นท่ีเพียงพอแก่ลูกอีกต่อไป ในช่วงวัยน้ีลูกต้องรับประทานอาหารที่มี ลักษณะแข็งและจำ�เป็นต้องเค้ียวและในช่วงวัยน้ีเองที่ฟันเร่ิมงอกออกมา ฟนั ไมไ่ ด้งอกก่อนเวลาแต่มันงอกออกมาในวันเวลาทีเ่ หมาะสมของมัน และ หากว่าฟันงอกออกมากอ่ นเวลาท่เี หมาะสมแลว้ การให้นมบุตรของแมย่ ่อม พบปัญหาเป็นแน่ ฟันซึ่งมีโครงสร้างที่แข็งแต่กลับงอกออกมาจากเหงือกท่ี นุ่มนับเป็นกระบวนการหน่ึงท่ีน่ามหัศจรรย์ อัลลอฮฺทรงบันดาลความรู้สึก รักและเมตตาต่อลูกน้อยในหัวใจของคนสองคนคือ พ่อและแม่ พระองค์ ทรงสรา้ งทกุ อยา่ งมาดว้ ยวทิ ยปญั ญาแหง่ พระองค์ หากพระองคม์ ทิ รงบงั เกดิ ความรู้สึกรักและเมตตาในหัวใจของพ่อแม่แล้ว ใครเล่าที่จะยอมแบกรับ ภาระอนั หนกั อึง้ ในการดแู ลเล้ียงดูทารก ร่างกายมนุษย์เป็นส่ิงมหัศจรรย์ที่คิดใคร่ครวญ ในหนังสือ อิฮยาอ อูลูมุดดีน ของอีหม่ามอัลฆอซาลี ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า “นี่เป็นส่วนหน่ึงจาก ความมหัศจรรย์ของร่างกายของเจ้าท่ีเจ้าจะไม่สามารถทำ�ความเข้าใจมัน ได้ ในขณะท่ีร่างกายเป็นส่ิงท่ีใกล้ที่สุดกับความคิดของเจ้าและมันเป็นสักขี พยานที่ชัดแจ้งในความย่ิงใหญ่แห่งพระผู้ทรงสร้าง แต่เจ้ากลับหลงลืมมัน เจ้ามัวแตย่ ุ่งอยูก่ ับปากท้องและอวัยวะเพศของเจา้ พวกเจา้ ไมร่ ู้หรอกว่าตัว Nของพวกเจ้าคือใคร เจ้ารู้เพียงแต่เม่ือเจ้าหิวเจ้าก็กิน เม่ือเจ้าอ่ิมสำ�ราญเจ้า 81

o การคิดใครค่ รวญ ก็นอน เมื่อเจ้ามีอารมณ์ใคร่เจ้าก็มีเพศสัมพันธ์ และเมื่อเจ้าโกรธเจ้าก็เข่น ฆา่ กัน (ก่อสงคราม)” “หากเจา้ มชี วี ติ อยเู่ ยยี่ งนี้ การมชี วี ติ ของเจา้ กไ็ มต่ า่ งจากสตั วเ์ ดรจั ฉาน ทง้ั หลาย! ความแตกต่างทางบคุ ลิกภาพระหวา่ งมนุษย์กบั สตั ว์คอื การรู้จกั อลั ลอฮผฺ า่ นการใครค่ รวญการอภบิ าลทอ้ งฟา้ และแผน่ ดนิ ของพระองค์ ความ มหศั จรรยแ์ หง่ สากลจกั รวาลและรา่ งกายมนษุ ย์ หวั ใจทใ่ี กลช้ ดิ พระเจา้ ทผี่ า่ น การขดั เกลาดว้ ยการใครค่ รวญเชน่ นี้ จะท�ำ ใหม้ นษุ ยส์ งู สง่ เทยี บเคยี งลาอกี ะฮฺ ผใู้ กลช้ ดิ อลั ลอฮฺ และถกู บนั ทกึ อยใู่ นหมผู่ ทู้ มี่ เี กยี รตพิ รอ้ มบรรดานบแี ละผมู้ ี สจั จะ สถานะความเปน็ อยทู่ ใ่ี กลช้ ดิ พระเจา้ ผอู้ ภบิ าลแหง่ สากลโลกเชน่ น้ี จะ ท�ำ ใหเ้ ขาปลอดภยั จากสตั วร์ า้ ย ปลอดภยั จากมนษุ ยผ์ หู้ ลงดนุ ยาและมหี วั ใจ ใฝค่ วามใครเ่ ยยี่ งสตั วเ์ ดรจั ฉาน มนษุ ยก์ ลมุ่ หลงั นชี้ า่ งต�่ำ ทรามยงิ่ กวา่ สตั วซ์ ะ อกี เพราะสตั วน์ น้ั ไมม่ สี ตปิ ญั ญาเหมอื นมนษุ ย์ ในขณะทมี่ นษุ ยม์ ี แตพ่ วกเขา กลับละเลย พวกเขาเนรคุณต่อความโปรดปรานแห่งอัลลอฮฺ พวกเขาเหลา่ นนั้ เยยี่ งเดรจั ฉาน ทว่าพวกเขาตำ่�ทรามยิง่ กว่า!” (อัล-ฆอซาล,ี อลั -อิฮยาอฺ, เล่ม ที่ 4 หน้า 58 - 62) ใบหน้าและปลายน้วิ ของมนษุ ย์ ครัง้ หนงึ่ มีชายคนหน่งึ ได้พบกบั ท่านอุมรั ฺ บนิ คอ็ ฏฏอบ พลางกลา่ ว ว่า “ฉันรู้สึกประหลาดใจเก่ียวกับการเล่นหมากรุก ความกว้างยาวของมัน แค่หนึ่งศอก แต่หากใครได้เล่นมันสักหนึ่งล้านครั้ง มันก็จะไม่มีการซ้ำ�กัน ระหว่างการเล่นในสองคร้ัง” อุมัรฺตอบเขาว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าพิศวง ย่ิงกว่านั้น ใบหน้าของคนเรามีความกว้างยาวประมาณหนึ่งคืบ การจัดวา งอวัยตา่ ง ๆ บนมนั เชน่ คิ้วทง้ั สอง ตาทั้งสอง จมูกและปากตา่ งเหมือนกัน หมด แตเ่ จา้ จะไมเ่ คยเหน็ คนทงั้ โลกนท้ี มี่ หี นา้ ตาเหมอื นกนั นค่ี อื สง่ิ ทบี่ ง่ บอก ถึงอำ�นาจและปรีชาญาณแห่งผู้ทรงสร้างให้มีความแตกต่างที่ไม่มีจุดส้ินสุด N82 บนพ้ืนท่เี ลก็ ๆ นี้ (อลั -รอซ,ี อลั -ตฟั ซรี , เลม่ ท่ี 4 หนา้ 179 - 180)

oใคร่ครวญเกย่ี วกับมนุษย์ __________________________________________ นาญิบ ฟัดลิล (NAJIB FADLIL) กวีทา่ นหน่ึงได้กลา่ วว่า “ใครเลา่ คอื จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ผู้วาดใบหน้าเหล่าน้ี ไม่มีใครเลยหรือที่เขาส่องกระจกและ นึกถามถึงเรือ่ งเหล่านี้ ลายนิ้วมือของมนุษย์ถือเป็นส่ิงมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่อีกประการหน่ึง ในปัจจุบันมีการใช้ลายนิ้วมือเป็นรหัสในการเปิดคอมพิวเตอร์และประตู เพราะมนุษย์ทุกคนมีหลายน้ิวมือทีแ่ ตกตา่ งกัน แมก้ ระทงั่ ระหวา่ งน้วิ ในคน หน่ึงคนก็มลี ายนิ้วมอื ทต่ี า่ งกนั ดว้ ย ในชว่ งปลายศตวรรษท่ี 19 มีการค้นพบวา่ มนุษยท์ ุกคนมลี ายนิ้วมือ ท่ีแตกตา่ งกันและเป็นเอกลักษณข์ องแต่ละคน จึงมีการใช้ลายน้ิวมอื ในทาง กฎหมายและการดูแลความปลอดภัยเพื่อระบุตัวตนของบุคคล จนกระท่ัง ปจั จบุ นั มีการศึกษาวิจัยเก่ยี วกบั ลายนิ้วมือโดยเฉพาะ มกี ารเรยี กขานวชิ านี้ วา่ “DACTYLOLOGY (การใชภ้ าษามอื )” อลั ลอฮเฺ ปน็ ผปู้ ระทานคณุ ลกั ษณะ พิเศษและความมหศั จรรยน์ นั้ แก่มนุษย์ และพระองคท์ รงกลา่ วอธิบายไว้ใน คมั ภรี อ์ นั ทรงเกยี รตขิ องพระองค์ นนั่ คอื อลั กรุ อฺ าน ซงึ่ ถกู ประทานลงมาเมอื่ 1,400 ปที ่แี ล้ว อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดช้ แี้ จงถงึ วันแห่งการฟืน้ คนื ชพี วา่ มนุษย์ จะถูกฟ้ืนคืนชีพในวันกียามะฮ ซ่ึงปลายนิ้วมือของเขาก็จะกลับเป็นเหมือน เดมิ พระองค์ไดต้ รัสวา่ “มนุษย์คิดหรือว่า เราจะไม่รวบรวมกระดูกของเขากระนั้นหรือ แน่นอนทีเดียว เราสามารถท่ีจะทำ�ให้ปลายน้ิวมือของเขาอยู่ในสภาพที่ สมบรู ณ”์ (อลั กยี ามะฮ, 3 - 4) เราเหน็ แล้วว่า อัลกรุ อฺ านน้ันนำ�หนา้ ความรขู้ องมนุษยเ์ สมอ ศาสตร์ ตา่ ง ๆ เพง่ิ มกี ารคน้ พบตามมาทหี ลงั เปน็ การยนื ยนั ในสจั ธรรมของอลั กรุ อาน ดังเช่นในเร่ืองของลายนิ้วมือที่มีความแตกต่างกันในแต่ละคน เช่น เดยี วกนั ในกรณีตาทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั กบั คนอื่น ๆ ในยุคหลงั ๆ นมี้ ีการใช้ Nอวยั ตาเพอื่ การระบตุ วั ตนของคนดว้ ย มกี ารพฒั นาเทคโนโลยเี หลา่ นม้ี าใชใ้ น 83

o การคดิ ใคร่ครวญ ชวี ติ ประจำ�วนั พระองคช์ า่ งทรงยงิ่ ใหญอ่ ยา่ งแทจ้ รงิ ทที่ รงสรา้ งใหเ้ กดิ ความ แตกตา่ งกนั อยา่ งไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ เพยี งแคอ่ วยั วะหนงึ่ ทม่ี พี นื้ ทแ่ี คห่ นงึ่ เซนตเิ มตร ความมหัศจรรยข์ องยนี เม่ือไม่นานมานี้วิทยาศาสตรค์ ้นพบว่า มนุษย์แตล่ ะคนนน้ั มรี หัสยนี ที่ เฉพาะเจาะจงซงึ่ เปน็ เหตผุ ลสำ�คญั ทท่ี ำ�ใหม้ นษุ ยแ์ ตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั ส่ิงทเ่ี รยี กว่า ยนี เปน็ สงิ่ ท่มี ีขนาดเล็กมาก หากนำ�ยีนของสิ่งมชี ีวติ ทงั้ โลกมา รวมกนั มาบรรจุลงในปลอกนิ้วตัดเยบ็ ก็ยงั ไมเ่ ต็มเลย ยีนเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมาก กล้องจุลทรรศน์ธรรมดาทั่วไปไม่ สามารถสอ่ งเหน็ ได้ เปน็ สง่ิ ทบี่ รรจอุ ยใู่ นเซลลข์ องสง่ิ มชี วี ติ ยนี เปน็ ตวั กำ�หนด ใหเ้ กดิ ลกั ษณะเฉพาะในมนษุ ย์ พชื และสตั ว์ ปลอกนว้ิ ตดั เยบ็ ทดี่ มู ขี นาดเลก็ แลว้ ทจ่ี ะบรรจคุ ณุ ลกั ษณะอนั เฉพาะเจาะจงของมนษุ ยแ์ ตล่ ะคนทง้ั โลก ซง่ึ มี อย่ปู ระมาณหกล้านคน แต่ดว้ ยการค้นพบเกี่ยวกบั คุณลักษณะของยีนแลว้ มันกย็ งั มิอาจบรรจุให้เตม็ มนั ได้ จากปรากฏการณ์เหล่าน้ี ยีนจะสามารถเก็บข้อมูลทางพันธุกรรม ของส่ิงมีชีวิตอันหลากหลายน้ีได้อย่างไรกัน มันสามารถเก็บคุณลักษณะท่ี เฉพาะเจาะจงทุกรายละเอียดของส่ิงมีชีวิต หนำ�ซ้ำ�ข้อมูลเหล่าน้ียังรวมไป ถงึ บคุ ลกิ ภาพทางจติ วทิ ยาของมนษุ ยแ์ ตล่ ะคน ซง่ึ ถกู เกบ็ ไวใ้ นพน้ื ทท่ี ม่ี ขี นาด เลก็ มาก ๆ ที่ยากต่อการรบั ได้ของสตปิ ัญญามนษุ ย์ ความรู้เก่ียวกับยีนท่ีประกอบไปด้วยอะตอมเป็นล้านอะตอมซ่ึง ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์นี้ เป็นเพียงสมมติฐานทาง วิทยาศาสตร์เท่าน้ัน อัลลอฮฺได้ช้ีแจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเร่ืองนี้ไว้ในคำ�ตรัส ของพระองค์วา่ “และจงรำ�ลกึ ขณะทพี่ ระเจา้ ของเจา้ ไดเ้ อาจากลกู หลานของอาดมั ซงึ่ ลกู ๆ ของพวกเขาจากหลงั ของพวกเขา และใหพ้ วกเขายนื ยนั ตวั ของ N84 พวกเขาเอง (โดยตอบคำ�ถามท่ีวา่ ) ขา้ มิใช่พระเจา้ ของพวกเจ้าดอกหรือ

oใครค่ รวญเกีย่ วกบั มนษุ ย์ __________________________________________ พวกเขากล่าวว่า ใชข่ อรับ พวกข้าพระองคข์ อยืนยัน (มิฉะนั้น) พวกเจา้ จะกล่าวในวันกิยามะฮฺว่า แท้จริงพวกข้าพระองค์ไม่รู้เร่ืองเกี่ยวกับเรื่อง น้”ี (อลั อะรอฟ, 172) แตท่ วา่ ปรากฏการณเ์ หลา่ นเี้ ปน็ ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขน้ึ ดว้ ยอำ�นาจแห่ งอัลลอฮฺ ตะอาลา และมนษุ ย์มอิ าจหยั่งรู้อย่างลกึ ซ้งึ ได้ สดุ ท้ายมนษุ ย์เป็นผู้ ยอมจำ�นนตอ่ พลงั อำ�นาจของพระองค์ นกั กวแี หง่ ศตวรรตที่ 19 ดยี าอ ปสั ยา (DHIYA’ PASYA) จงึ เขียนคำ�กล่าวหน่ึงอันชาญฉลาดว่า มหาบริสทุ ธิ์ยง่ิ แหง่ พระผู้ทรงสรา้ งสรรพสิ่งอันน่าทึ่งนี้ มหาบริสุทธ์ิย่งิ ดว้ ยอำ�นาจของพระองค์ ทำ�ใหผ้ เู้ กง่ กาจและบรรดาอัจฉริยะทั้งลายยอมแพแ้ ละจำ�นน” ใครคือผู้ควบคมุ ดูแลการทำ�งานของร่างกาย มนษุ ยต์ อ้ งคดิ ใครค่ รวญวา่ สงิ่ มชี วี ติ ทงั้ หลายและสรรพสง่ิ ตา่ ง ๆ แหง่ ผนื แผน่ ดนิ และชน้ั ฟา้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ตวั มนษุ ยเ์ องดำ�รงอยดู่ ว้ ยตวั เองไม่ ได้ ทุกสรรพส่ิงต้องการอัลลอฮฺ เราสามารถสังเกตได้จากการดำ�เนินอยู่ได้ อย่างปกตขิ องรา่ งกายเรา ทกุ กระบวนการทด่ี ำ�เนินอยู่ของร่างกายมไิ ด้เกดิ ขึ้นตามต้องการของเราเอง ตัวอย่างเช่น การเต้นของหัวใจและการหายใจ ซง่ึ เปน็ กระบวนการสำ�คญั ยงิ่ ตอ่ การดำ�รงอยขู่ องรา่ งกาย มนั ทำ�งานประสาน กนั ระหวา่ งอวยั วะตา่ ง ๆ และเซลลโ์ ดยอตั โนมตั ิ ในขณะทต่ี วั เราเองไมร่ เู้ รอ่ื ง อะไรเลยดว้ ยซำ้ � มันไม่จำ�เป็นต้องพ่งึ พาความช่วยเหลือจากใครเลย เราลองคิดใคร่ครวญดูว่า หากเราได้รับโอกาสดูแลควบคุมปฏิกิริยา ทางเคมีจำ�นวนร้อยกว่าปฏิกิริยาในเซลล์เพียงหนึ่งเซลล์ ภายในช่วงเวลา เพยี งแคว่ นั เดยี วหรอื เซลลห์ นงึ่ จากบรรดาเซลลข์ องอวยั วะหนง่ึ ของรา่ งกาย ให้มันสามารถทำ�งานอย่างสมดุลตามระบบการทำ�งานที่ถูกวางโดยผู้สร้าง ของมนั แน่นอนว่าเราไมส่ ามารถสะสางมันได้แมเ้ พียงไมก่ ่ีวินาที ตลอดช่วง เวลาทเี่ ราดแู ลมนั นนั้ ยอ่ มเกดิ ความวนุ่ วายแปรปรวน ตา่ ง ๆ มากมายตามมา หากเรามองยอ้ นกลบั มาดรู า่ งกายเรา เราจะพบวา่ มนษุ ยช์ า่ งออ่ นแอ Nและไร้ความสามารถเหลือเกิน เราไม่สามารถที่จะจัดการกับไวรัสซึ่งขนาด 85

o การคดิ ใครค่ รวญ เล็กมากท่ีจู่โจมทำ�อันตรายแก่ร่างกายอันกำ�ยำ�แข็งแรงนี้จนเป็นสาเหตุให้ เราปว่ ยไข้จนตอ้ งนอนติดเตียง เราจงึ สามารถทจี่ ะกลา่ วไดว้ า่ มนษุ ยม์ อิ าจทะนงตนดว้ ยความโออ้ วด เพราะความสามารถและความแข็งแรงท่ีมีล้วนมาจากอัลลอฮทั้งส้ิน เขาไม่ ควรที่จะลืมผู้ประทานความโปรดปรานแด่ชีวิตที่แท้จริง เขาควรที่จะรู้สึก ขอบคุณและกลับเน้ือกลับตัวต่ออัลลอฮฺด้วยความสำ�นึกว่า เขานั้นช่างเล็ก และออ่ นแอเหลอื เกนิ ตอ่ หน้าอำ�นาจแหง่ พระผเู้ ปน็ เจา้ ส่ิงท่ีได้กล่าวมาท้ังหมดนั้น เราได้พูดคุยกันถึงประเด็นคำ�ถามเกี่ยว กับอำ�นาจและวิทยปัญญาแห่งพระเจ้าอันไร้ขอบเขตและพระองค์ทรง แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งแก่มนุษย์ทั้งหลายแล้ว ตอนที่เราใคร่ครวญกันถึง ร่างกายมนุษย์ เราประจักษ์แล้วว่า ในร่างกายมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความ มหัศจรรย์และความเรน้ ลับแห่งการสรา้ งมากมาย เราสามารถทจี่ ะกลา่ วได้ ว่า หากเราจะบรรจงเขียนสาธยายเพียงแค่อะตอมหน่ึงจากร่างกายมนุษย์ เราจะพบว่า ข้อมูลอันมากมายเหล่าน้ันทำ�ให้เราไม่สามารถเขียนบันทึกลง ใหส้ มบรู ณ์ได้เลย เปา้ หมายของการสร้างมนุษย์ อะไรคอื หนา้ ทขี่ องมนษุ ยบ์ นโลกแหง่ น้ี มนษุ ยผ์ ซู้ ง่ึ ถกู สรา้ งโดยอลั ลอฮฺ ดว้ ยรปู รา่ งทส่ี วยงามยง่ิ มเี กยี รตแิ ละเปน็ สญั ลกั ษณส์ ำ�คญั แหง่ การประทาน อันไร้ขอบเขตจากพระเจ้า อะไรคือความคาดหวังท่ีมีต่อพวกเขา (มนุษย์) อะไรคือบทบาทหนา้ ท่ีของพวกเขา อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรสั วา่ “พวกเจา้ คิดวา่ แทจ้ รงิ เราไดใ้ หพ้ วกเจ้าบงั เกิดมาโดยไรป้ ระโยชน์ และแทจ้ ริงพวกเจา้ จะไมก่ ลับไปหาเรากระน้นั หรือ” (อัล-มุมนี ูน, 115) N86 และพระองคท์ รงตรสั อกี ว่า

oใครค่ รวญเกย่ี วกบั มนษุ ย์ __________________________________________ “และข้ามไิ ด้สรา้ งญินและมนษุ ย์เพ่อื อนื่ ใด เวน้ แตเ่ พอื่ เคารพภกั ดี ตอ่ ขา้ ” (อซั -ซารญี าต, 56) แท้จริงแล้วเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ทั้งหลายต้องทำ�หน้าท่ี ก้มกราบ (สุญูด) ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา พวกมันมีหน้าที่ทำ�การขอบคุณ (ชกุ รุ ) จงรกั ภกั ดี (อบิ าดะฮ) จา่ ยทาน (ซอดาเกาะฮ) ตกั เตอื นกนั ในสจั ธรรม และการอดทน (ซอบัร) และประกอบคุณงามความดีเนื่องด้วยทุกความ โปรดปรานจากอลั ลอฮตฺ อ้ งใชป้ ระกอบการงานเพอ่ื แสดงถงึ การขอบคณุ รอซูล (ซ็อลฯ) กลา่ วว่า “อวัยวะทุกส่วนของร่างกายถูกบัญญัติให้จ่ายทานทุกวัน การช่วย เหลือผู้อื่น ช่วยพยุงผู้อ่ืนขึ้นพาหนะหรือช่วยยกของล้วนเป็นการทำ�ทาน (ซอดาเกาะฮ) คำ�กล่าวที่ดี ทกุ ย่างก้าวในการเดินทางไปละหมาด เปน็ การ ทำ�ทาน ช่วยบอกเส้นทางแก่ผู้อ่ืนก็เป็นการทำ�ทาน” (รายงานโดย อัล-บุคอรี บทอลั ญฮิ าด หน้า 72) อกี สายรายงานหน่ึงอนื่ ระบุว่า อบซู รั รายงานวา่ ท่านนบีกลา่ ววา่ “อวยั วะทกุ สว่ นของรา่ งกายเปน็ ทาน การกลา่ วตสั บฮี (ซบุ ฮานลั ลอฮ) เป็นทาน ทกุ การกลา่ วตัฮลีล (ลาอลี าฮาอลิ ลัลลอฮ) เปน็ ทาน ทกุ การกลา่ ว ตักบีรฺ (อัลลอฮุอักบัรฺ) เป็นทาน การส่ังใช้ในความดีงามเป็นทาน การหัก ห้ามการทำ�ช่ัวเป็นทาน ทั้งหมดน้ีสามารถเทียบเท่ากับการละหมาดสองร็ อกอตั ในชว่ งรงุ่ อรนุ (ละหมาดฎฮู า)” (รายงานโดย มสุ ลมิ บทอลั มซุ าฟรี นี หนา้ 84) ในสายรายงานอ่ืนมีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ (รด.) กล่าวว่า ทา่ นรอซูล (ซอ็ ลฯ) เคยกล่าววา่ “การทท่ี า่ นปฏบิ ตั ติ อ่ คนอน่ื ดว้ ยความยตุ ธิ รรมนน้ั ถอื เปน็ ทาน ทกุ ยา่ ง กา้ วทกี่ า้ วไปยงั สถานทล่ี ะหมาดเปน็ ทาน การก�ำ จดั สง่ิ อนั ตรายออกจากถนน เป็นทาน” (รายงานโดย มสุ ลมิ บทอัซ-ซากาฮ หนา้ 56) N87

o การคิดใครค่ รวญ กลา่ วไดว้ า่ การมีชวี ติ อยบู่ นโลกแหง่ นี้ เราต้องมีความพยายามอย่าง เต็มท่ีและตั้งมั่นในอุดมการณ์ในการเป็นบ่าวท่ีดีของอัลลอฮฺ ตะอาลา เรา ต้องเติมเต็มช่วงเวลาแห่งการมีชีวิตทั้งหมดด้วยการจงรักภักดี การเช่ือฟัง พระองคแ์ ละการประกอบคณุ งามความดเี พอ่ื เตรยี มตวั เองสอู่ าคเี ราะฮฺ (โลก แห่งการตอบแทน) อยา่ งเตม็ ที่ความสามารถ ปริศนาแหง่ ความตาย ท่านมุฮมั มัด บนิ กะอับ อลั -ก็อรฺซีเลา่ วา่ “ฉันไดพ้ บกับท่านอุมัร บนิ อบั ดลุ อาซซิ ทเี่ มอื งมาดนี ะฮฺ ตอนนนั้ ทา่ นยงั เยาวว์ ยั หลอ่ และแขง็ แรง ตอ่ มา เมอ่ื ทา่ นไดร้ บั ต�ำ แหนง่ คอลฟี ะฮ (ผนู้ �ำ สงู สดุ แหง่ รฐั อสิ ลาม) ฉนั ไดม้ าหาทา่ น อกี ครง้ั และขออนญุ าตเขา้ พบทา่ น เมอื่ ทา่ นอนญุ าตใหเ้ ขา้ พบ ฉนั ไดจ้ อ้ งหนา้ ท่านอย่างจริงจัง ท่านคอลีฟะฮจึงพูดขึ้นว่า โอ้ท่านอิบนุกะอับ เพราะเหตุ ใดทา่ นถงึ มองมายงั ฉนั เช่นนัน้ เล่า ฉนั จงึ ตอบว่า โอท้ ่านอมรี ุลมุอมีนนี ทีฉ่ นั มองเช่นน้ันเพราะวา่ ฉนั สังเกตเห็นว่า สีผิวของท่านเปล่ียนไป ร่างกายท่าน ซบู ผอมและเสน้ ผมทา่ นดสู งั กะตงั ทา่ นคอลฟี ะฮจงึ ตอบวา่ “โอท้ า่ นอบิ นกุ ะ อบั ทา่ นจะเหน็ ฉนั ในสภาพทแ่ี ยก่ วา่ นเี้ มอ่ื ฉนั ตายและถกู ฝงั ในกบู รุ (หลมุ ฝงั ศพ) เพยี งสามวัน ตอนนัน้ ตาของฉันถกู บรรดามดดงึ ออกมาอยูท่ แ่ี ก้ม จมูก และปากจะมีหนองไหลออกมา ดังนั้นท่านจงอย่าแปลกใจอะไรนักเลยกับ สภาพของฉนั ตอนน”ี้ หลงั จากนนั้ ทา่ นคอลฟี ะฮกฺ ท็ วนกลา่ วซ�ำ้ ถงึ ฮาดษิ หนงึ่ ซง่ึ รายงานโดย อิบนอุ ับบาสจากทา่ นรอซูล (ซอ็ ลฯ) (รายงานโดย อัล-ฮากมิ ) มนุษย์พึงตระหนักถึงชีวิตในโลกอาคีเราะฮฺเป็นสำ�คัญเหนือส่ิงอ่ืนใด ควรตั้งคำ�ถามเหลา่ นีใ้ ห้กบั ตวั เองบอ่ ย ๆ เชน่ ชวี ติ จะจบลงอย่างไร จะเกิด อะไรขนึ้ บา้ งในหลมุ ฝงั ศพ เขาจะถกู จดั อยใู่ นกลมุ่ คนประเภทไหน เหลา่ นเี้ ปน็ คำ�ถามที่เร้นลับซงึ่ มนุษย์มิอาจหย่งั รู้ได้ ดงั นน้ั ตลอดชว่ งชวี ิตของมนษุ ยต์ ้อง ตงั้ มนั่ พยายามอยา่ งเตม็ ทเ่ี พอื่ คน้ หาคำ�ตอบในสจั ธรรมแหง่ ชวี ติ ตง้ั แตช่ วี ติ ใน ผ้าออ้ ม (วนั ทีค่ ลอดออกมา) จนถึงโลงศพ (วนั เวลาแหง่ ความตาย) มนุษย์ N88 ต้องทำ�ความเข้าใจวิทยปัญญาแห่งพระเจ้าที่เขาได้มีชีวิตอยู่บนโลกแห่งน้ี

oใคร่ครวญเกยี่ วกบั มนุษย์ __________________________________________ จนกระท่ังการฟื้นคืนชีพและเดินทางสู่โลกอาคีเราะฮฺ มนุษย์กำ�ลังพยายาม ไขปริศนาแหง่ ความตายและก้าวขา้ มไปยงั ชีวิตอนั นิรนั ดร์ สิ่งแรก มนุษย์ต่างคิดใคร่ครวญถึงชีวิตอันช่ัวคราวนี้ เพราะพวกเขา ตา่ งรดู้ ีวา่ ชวี ติ ต้องจบลงในสักวัน เก่ยี วกบั เร่ืองน้อี ัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสไว้ ในพระดำ�รสั ของพระองคว์ า่ “ทกุ ๆ ส่งิ ทอ่ี ยูบ่ นแผ่นดนิ ยอ่ มแตกดับ” (อรั -เราะฮมาน, 26) สกั วนั วนั ทจ่ี ะไมม่ วี นั พรงุ่ นจี้ ะมาถงึ (วนั สดุ ทา้ ยแหง่ ชวี ติ ) วนั เวลานน้ั เปน็ ส่งิ เร้นลบั หนึง่ ท่ไี มม่ ชี ีวิตไหนหยั่งร้ถู ึงมัน “และอาการมึนงงแห่งความตายได้ปรากฏข้ึนอย่างประจักษ์แจ้ง และนนั่ คอื สงิ่ ทเี่ จา้ จะหลกี เลย่ี งจากมนั ไปไมไ่ ด้ และสงั ขจ์ ะถกู เปา่ ขนึ้ นนั่ คอื วันแหง่ การสญั ญา” (กอฟ, 19-20) มนุษย์ทุกคนท่ีคลอดออกมายังโลกใบน้ีเดินผ่านประตูบานเดียวกัน คือ ปากมดลูกของมารดา แล้วเขาก็ออกเดินทางแห่งชีวิตบนโลกนี้ มัน เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันโหดร้าย เต็มไปด้วยอารมณ์ และความอยากใคร่ที่คอยบดขยี้ลึกถึงจิตวิญญาณ จุดส้ินสุดแห่งการเดิน ทางนี้พวกเขาต้องเดินทางต่อไปยังโลกอันนิรันดร์ผ่านประตูบานเดียวกัน อีกคร้ังคือ หลุมฝังศพ โลกดุนยาแห่งน้ีเสมือนบ้านหลังหน่ึงที่มีประตูสองบาน มนุษย์เข้า มายังที่แห่งนี้ทางประตูหน่ึงและเดินทางออกไปทางประตูอีกบาน ความ เปน็ ไปเช่นนด้ี ำ�เนนิ มาแต่เน่ินนานตัง้ แตน่ บีอาดมั (อล.) ผเู้ ป็นมนษุ ยค์ นแรก จนถงึ ปัจจบุ นั ป่านนี้พวกเขาไปไหนกัน แล้วเรามีเวลาเหลืออกี นานแคไ่ หน พวกเราทกุ คนตา่ งไมม่ ใี ครรู้ แตส่ ง่ิ ทเ่ี รารอู้ ยา่ งมน่ั ใจคอื ความตายจะครา่ ชวี ติ ทุกคนท้ังผู้ที่อธรรมและผู้ถูกอธรรม ผู้ม่ันในการปฏิบัติธรรมหรือผู้จมปลัก ในการทำ�ช่ัว ณ ตอนน้ีทุกคนกำ�ลังเฝ้ารอวันส้ินโลก (วันกิยามะฮ) ซ่ึงเป็น จุดเรม่ิ ตน้ ของโลกอนั นิรนั ดร์ N89

o การคิดใคร่ครวญ มาเถดิ เรามาใครค่ รวญถงึ ผนื ดนิ ทเ่ี รากำ�ลงั ย่ำ�เดนิ อยนู่ ี้ แนแ่ ทแ้ ลว้ มนั ถกู บรรจุไปดว้ ยรา่ งกายมนุษยน์ ับล้านร่างทตี่ ายไป แลว้ มนั กลายเปน็ ผงดนิ เปรียบเสมือนเงาที่ทับซ้อนกันอยู่ พรุ่งนี้เราก็จะกลายเป็นศพที่จะถูกฝ่ังลง ในหลุมพร้อม ๆ กบั การงานท้งั หมดทไ่ี ดท้ ำ�ไว้ รา่ งกายของเราจะกลายเป็น ธลุ ดี นิ ในทส่ี ดุ หลงั จากนไี้ ปเปน็ การเรมิ่ ตน้ ชวี ติ ทไ่ี มม่ จี ดุ สน้ิ สดุ ขอใหเ้ รานงั่ นง่ิ ๆ และคดิ ใครค่ รวญถงึ วนั เวลาเหลา่ น้ี มนั ทรงคณุ คา่ ยง่ิ ตอ่ สตปิ ญั ญาของเรา กบั วนั เวลาของเราในวนั ทจี่ ะถกู แทนทด่ี ว้ ยชว่ งชวี ติ อนั นริ นั ดรแ์ ละไมม่ สี น้ิ สดุ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้บอกแก่เราแล้วถึงชีวิตแห่งโลกดุนยาน้ีว่ามัน แสนส้ันนักเมื่อเทียบกับการมีชีวิตในโลกอาคีเราะฮฺอันนิรันดร์ พระองค์ ทรงตรัสวา่ “วันที่พวกเขาจะเห็นมัน (วันกิยามะฮฺ) ประหน่ึงว่าพวกเขามิได้ พำ�นักอยู่ในโลกน้ี เว้นแต่เพียงช่ัวครู่หน่ึงของยามเย็นและยามเช้าของ มนั เทา่ น้นั ” (อัล-นาซอี าต 46) ทา่ นอาชิก ปัสยา (ASYIQ PASYA) ได้พูดอธบิ ายและสรปุ ในคำ�กล่าว ของทา่ นวา่ “อายขุ ยั ของเรานนั้ แสนสนั้ นกั เพยี งสกั พกั เดยี ว มนั เรมิ่ ตน้ และ ส้นิ สดุ โดยที่เราไม่รตู้ ัว เสมือนนกทีบ่ ินเกาะบนกงิ่ ไม้หนง่ึ แล้วบนิ จากไป” หากอายุขยั แสนสัน้ ย่งิ นัก เพราะเหตใุ ดเล่าทม่ี นษุ ย์ผลาญมนั หมดไป ดว้ ยการงานอันไรป้ ระโยชนแ์ ละไม่มแี กน่ สารเล่า ใคร่ครวญความตาย รอซูลุลลอฮ (ซอ็ ลฯ) ได้ตกั เตอื นและเนน้ ยำ้ �พวกเราให้รำ�ลึกถงึ ความ ตายใหม้ าก ๆ ทา่ นไดก้ ลา่ ววา่ “จงท�ำ การร�ำ ลกึ ใหม้ าก ๆ ถงึ ตวั ท�ำ ลายความ สขุ ” (รายงานโดย ตัรมซี ยี ์ บทอซั -ซุฮดฺ 4) ในฮาดษิ อน่ื ท่านนบีได้กลา่ วว่า “ชา่ งน่าแปลกใจต่อผคู้ นทศ่ี รทั ธาตอ่ โลกแห่งการมีชีวิต แต่พวกเขาดำ�เนินชีวิตมุ่งสู่ดินแดนแห่งการหลอกลวง” N90 (รายงานโดย อัล-บัยฮากีย)์

oใคร่ครวญเก่ยี วกบั มนษุ ย์ __________________________________________ หากมนุษย์ได้คิดและตระหนักถึงชีวิตของเขา ซ่ึงสักวันจะเป็นวัน สุดท้ายบนโลกน้ีและตายจากไป ต่อจากนั้นเขาต้องอยู่ตามลำ�พังพร้อม ๆ กับการงานที่ได้ทำ�ไว้ ซ่ึงอาจเป็นการงานที่ดีหรือชั่วก็ตาม เขาจะสามารถ เห็นทุกอย่างที่เขาเคยทำ�มาบนโลกดุนยา แน่นอนเขาจะพยายามหลีกห่าง จากการงานที่ช่ัว หยุดการงานที่เป็นบาปทั้งหลาย แล้วเขาจะรักและพึง พอใจในการมงุ่ มน่ั ประกอบคณุ งามความดี ในขณะเดยี วกนั เขากจ็ ะใครค่ รวญ ถึงความตาย ทำ�ให้เขาได้รับบทเรียนซ่ึงจะส่งผลให้เขาปฏิบัติการงานท่ีดี อยา่ งสมำ่ �เสมอและพยายามดแู ลชว่ งสดุ ทา้ ยแหง่ ชวี ติ อยา่ งดที ส่ี ดุ เนอื่ งดว้ ย ประการน้ี ทา่ นรอซูลุลลอฮ (ซ็อลฯ) ไดก้ ล่าววา่ “จงรำ�ลึกถึงความตายให้มาก เพราะมันจะช่วยลบล้างบาปและ ทำ�ให้เกิดความรู้สึกรักอาคีเราะฮและเกลียดโลกดุนยา หากเจ้าได้รำ�ลึกถึง ความตายขณะท่ีเจ้ารวย มันจะทำ�ลายความรำ่�รวย และหากเจ้ารำ�ลึกถึง มันขณะท่ีเจ้ายากจนขัดสน มันจะทำ�ให้เจ้ายอมจำ�นนและเพียงพอต่อชีวิต เจ้า” (รายงานโดย อซั -ซูยูฏี) ท่านรอซูลุลลอฮ (ซ็อลฯ) พยายามยำ้ �เตือนให้เราคิดเก่ียวกับความ ตาย ท่านได้กลา่ ววา่ “ฉันเคยห้ามพวกท่านไม่ให้เยี่ยมเยียนกูบุรฺ (สถานที่ฝั่งศพ) แต่ทว่า ตอนน้ีมุฮัมมัดได้รับอนุญาตให้เย่ียมเยียนกูบุรฺมารดาของเขาแล้ว ดังน้ัน พวกท่านจงเยี่ยมเยียนกูบุรฺกันเถิด เพราะการเย่ียมเยียนกูบุรฺนั้นจะทำ�ให้ เกดิ การร�ำ ลกึ ถงึ โลกอาคเี ราะฮ”ฺ (รายงานโดย ทา่ นตริ มซี ยี ์ บทอลั -ญานาอซิ หนา้ 60) ทา่ นนบี (ซอ็ ลฯ) เคยกลา่ วไว้เชน่ กันวา่ “จงละอายต่ออลั ลอฮฺ อยา่ ง แท้จริงเถิด” ดังนนั้ เรา (ซอฮาบะฮ; บรรดาผอู้ ยพู่ รอ้ มทา่ นนบี) ได้ถามท่าน วา่ “โอท้ า่ นรอซลู ลุ ลอฮ เราไดล้ ะอายตอ่ อลั ลออฮแลว้ ” ทา่ นจงึ กลา่ ววา่ “ฉนั มไิ ดห้ มายถงึ เชน่ นนั้ แตก่ ารละอายตอ่ อลั ลอฮอยา่ งแทจ้ รงิ นนั้ คอื การทพ่ี วก ทา่ นดแู ลหวั ของทา่ นและสงิ่ ทมี่ นั คดิ พวกทา่ นไดด้ แู ลทอ้ งและสงิ่ ทอ่ี ยใู่ นนนั้ รำ�ลึกถึงความตายและบททดสอบ และสำ�หรับผู้ท่ีต้องการ (รัก) โลกอาคี Nเราะฮ เขาจะละทิ้งสิง่ ประดบั ประดาแหง่ โลกดนุ ยานี้ ดงั นนั้ ใครทปี่ ฏบิ ัตไิ ด้ 91

o การคิดใคร่ครวญ เช่นน้แี ลว้ เขายอ่ มเปน็ ผู้ทล่ี ะอายตอ่ อัลลอฮอย่างแท้จริง” (รายงานโดย ท่าน ตริ มีซีย์ บทอัล-กยี ามะฮ หนา้ 24) ทา่ นนบไี ดก้ ลา่ ววา่ “จงร�ำ ลกึ ถงึ ความตายใหม้ าก ๆ เพราะบา่ วทหี่ มนั่ รำ�ลึกถึงความตายน้ัน อัลลอฮฺจะทรงทำ�ให้หัวใจเขามีชีวิต (อย่างแท้จริง) และพระองค์จะทรงประทานความง่ายดายขณะท่ีวิญญาณกำ�ลังถูกดึงออก จากรา่ งกาย (การตาย)” (รายงานโดย อลั -ไฮซามยี ์ บทอซั ซาวาอดิ เลม่ 10 หนา้ 325) และท่านได้กล่าวในฮาดิษบทอ่ืนไว้ว่า “ผู้ใดท่ีถ่อมตนเพ่ืออัลลอฮฺ พระองค์จะทรงยกระดับเขา ณ พระองค์ให้สูงข้ึน ผู้ใดที่หย่ิงผยองโอหัง พระองคจ์ ะทรงท�ำ ใหเ้ ขาตกต�ำ่ ผใู้ ดทม่ี คี วามมธั ยสั ถ์ พระองคจ์ ะทรงประทาน ความร�ำ่ รวย และผใู้ ดทห่ี มน่ั ร�ำ ลกึ ถงึ ความตาย พระองคจ์ ะทรงรกั และเมตตา เขา” (รายงานโดยอัล-ไฮซามีย)์ ในอกี สายรายงานหน่งึ มเี ลา่ วา่ มชี ายชาวอนั ซอรฺไดพ้ บกับท่านรอซูลุ ลลอฮ (ซ็อลฯ) และใหส้ ลามแด่ทา่ น แล้วเขาพดู ต่อว่า “โอท้ า่ นรอซูลลุ ลอฮ ผศู้ รทั ธาคนใดทด่ี ที ส่ี ดุ ” ทา่ นนบจี งึ ตอบวา่ “ผทู้ มี่ มี ารยาททงี่ ดงาม” ชาวอนั ซอรฺคนนนั้ จงึ ถามตอ่ วา่ “ผู้ศรัทธาคนใดที่ชาญฉลาดท่สี ุด” ทา่ นจงึ ตอบว่า “ผทู้ มี่ ากดว้ ยการร�ำ ลกึ ถงึ ความตายและมงุ่ มน่ั เตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื โลกอา คีเราะฮฺ พวกเขาเหลา่ น้ันคอื ผู้ท่ีชาญฉลาดท่สี ดุ ” (รายงานโดย ทา่ นอบิ นมุ าญะฮ)ฺ การใคร่ครวญถึงความตายของบรรดาซอฮาบะฮฺ คร้ังหนง่ึ ท่านอบบู กั ร อศั -ศดิ ด๊ีก ไดก้ ลา่ วคุฏบะฮว่า “ไหนเลา่ บรรดาหนมุ่ ทมี่ หี นา้ ตาหลอ่ เหลาทใี่ ชเ้ วลาหนมุ่ ของเขาอยา่ ง นา่ ภมู ใิ จ ไหนเลา่ บรรดากษตั รยิ ท์ ไ่ี ดส้ รา้ งเมอื งหลวงของเขาและสรา้ งก�ำ แพง อนั มนั่ คงแขง็ แรง ไหนเลา่ บรรดาผทู้ ไี่ ดร้ บั ชยั ชนะในสงคราม พวกเขาออ่ นแอ ไปเมอื่ รา่ งกายชราภาพ ในหลมุ ฝงั ศพพวกเขารอ้ งไหอ้ ยา่ งหนกั พลางกลา่ ววา่ N92 ไฟ ไฟ โปรดชว่ ยฉันดว้ ย!” (รายงานโดย อลั -บัยฮากยี )์

oใคร่ครวญเก่ยี วกับมนษุ ย์ __________________________________________ ท่านหญิงอาอีชะฮฺได้เล่าว่า “ขณะที่ฉันกำ�ลังนึกถึงนรก ทำ�ให้ฉัน ร้องไห้ ท่านรอซูลุลลอฮ (ซ็อลฯ) จึงถามฉันว่า อาอีชะฮฺ เกิดอะไรขึ้นกับ เธอหรือ ฉันนึกถึงไฟนรกจึงทำ�ให้ฉันร้องไห้ ในวันกียามะฮฺเราจะคิดถึง คนในครอบครัวเราไหม ท่านรอซูลจึงตอบว่า มีสามสถานการณ์ด้วยกันท่ี ไม่มีมนุษย์คนไหนจะนึกถึงคนอื่น หนึ่ง ตอนท่ีเขารอการช่ังตัดสินการงาน ในวันกิยามะฮฺ สอง ตอนท่ีเขารอรับสมุดบันทึกการงานของเขาและมีเสียง กล่าวว่า จงอ่านสมุดบันทึกของท่าน! จนกระทั่งเขาจะรู้ว่า เขาได้รับสมุด บันทึกด้วยมือขวาหรือซ้าย และทางด้านหน้าหรือด้านหลัง สาม ขณะที่ เขากำ�ลงั ข้ามสะพานซรี อต ท่พี าดเหนอื นรกญะฮันนมั ซ่ึงในน้ันมสี นุ ขั และ หนามอันมากมายถูกเตรียมไว้เพื่อขัดขวางการข้ามไปยังสวรรค์แก่บรรดา คนท่พี ระองค์ทรงประสงค์ จนกว่าเขาจะรวู้ ่า เขาจะสามารถขา้ มไปไดอ้ ยา่ ง ปลอดภยั (รายงานโดยท่านอฮั หมดั และทา่ นอัล-ฮากิม) วิทยปัญญาของการรำ�ลกึ ถงึ ความตาย ฮาดษิ หนง่ึ มคี วามวา่ “เพยี งพอแลว้ กบั การถอื เอาความตายเปน็ สง่ิ ตกั เตอื น” (รายงานโดยทา่ นอัล-ไฮซามีย์ หนังสอื อซั -ซาวาอิด เล่ม 10 หนา้ 308) ความตายเป็นสัจธรรมท่ีเต็มไปด้วยบทเรียนและคำ�ตักเตือนอัน มากมายสำ�หรบั ผทู้ ค่ี ดิ ใครค่ รวญ สาเหตสุ ำ�คญั ของโรคทางจติ เกดิ จากความ รกั ความหลงใหลและการยดึ ตดิ ในเรอื่ งดนุ ยา เชน่ ทรพั ยส์ มบตั ิ ยศตำ�แหนง่ การตอบสนองอารมณ์ใคร่ การรักใคร่ดุนยาจะทำ�ให้มนุษย์เกิดความอิจฉาริษยา หย่ิงยโส โลภ และเป็นยาพิษอันร้ายแรงที่จะก่อให้เกิดมารยาทอันต่ำ�ทรามและโรคทาง จิต ส่งิ เหลา่ นี้จะขดั ขวางการคดิ ใครค่ รวญถึงความตาย หลมุ ฝังศพและโลก อาคีเราะฮฺ เป้าหมายสำ�คัญประการหนึ่งของวิชาตาเซาวุฟคือการขัดเกลาให้ มนุษย์ห่างไกลจากการหยิ่งยโสโอหังที่แพร่ระบาดในหัวใจของมนุษย์ ดัง Nนั้นการใคร่ครวญเก่ียวกับความตายเป็นหลักการสำ�คัญท่ีมีการนำ�มาใช้ 93

o การคดิ ใคร่ครวญ ในกลุ่มซูฟีเป็นส่วนใหญ่ เพื่อบ่มเพาะบุคคลให้ไปถึงคุณลักษณะเหล่านั้น คำ�กลา่ วหลงั ละหมาดจงึ มกี ารกลา่ วถงึ ความตายโดยกลา่ วซ้ำ� ๆ หลาย ๆ ครง้ั ในยุคการปกครองของอาณาจักรอุษมานียะฮมีอนุสรณ์ท่ีสร้างข้ึน มากมายวางไว้ริมฝ่ังซ้าย ฝ่ังขวาของถนน ตลอดจนในบริเวณมัสยิด ส่ิง เหลา่ นไี้ มไ่ ดส้ รา้ งขนึ้ เพอ่ื อนื่ ใดนอกจากเพอื่ เตอื นใหม้ กี ารรำ�ลกึ ถงึ ความตาย ผลพวงจากการรำ�ลึกถึงความตายอย่างสมำ่ �เสมอ สามารถควบคุม อารมณใ์ ครแ่ ละผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การเตรยี มตวั เพอื่ โลกอาคเี ราะฮฺ สามารถทำ�ให้ คน ๆ หนึ่งหลดุ พน้ จากภาวะเศรา้ เสยี ใจอนั ไม่มที ่สี น้ิ สุดได้ อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ บอกเลา่ แกเ่ ราเกยี่ วกบั ความเศรา้ โศกเสยี ใจทมี่ นษุ ยจ์ ะตอ้ งเผชญิ หนา้ กบั มนั เมอื่ เขารู้สึกตัวขนึ้ มาขณะทเ่ี ขากำ�ลงั จะตาย พระองคท์ รงตรัสวา่ “และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อน ที่ความตายจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า แล้วเขาก็กล่าวว่า ข้าแต่ พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้า พระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อยเพ่ือท่ีข้าพระองค์จะได้บริจาค และข้า พระองค์กจ็ ะอยใู่ นหมู่คนดที ้ังหลาย (ผ้ทู รงคณุ ธรรม)” (อัล-มุนาฟกี นู , 10) ดังนั้นเราต้องหม่ันปลูกฝังความตระหนักและความต้ังใจทุกครั้งที่ ตื่นนอนข้ึนมา มีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่ในการเตรียมตัวเพื่อ เผชิญหน้ากับการมีชีวิตอยู่แห่งโลกอาคีเราะฮฺ ซึ่งเป็นชีวิตอันนิรันดร์และ ไม่มีจุดสิ้นสุด เผ่ือว่า เราจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเศร้าโศกเสียใจอัน ขมข่ืนและเจบ็ ปวดทรมาน ครงั้ หนง่ึ ทา่ นอลั -ฮาซนั อลั -บศั รมี าเยยี่ มศพและสงั เกตเหน็ ชายชราคน หนงึ่ ทา่ นกลา่ วแกเ่ ขาวา่ โอช้ ายชรา ดว้ ยพระนามแหง่ พระเจา้ ของเจา้ ฉนั ขอ ถามเจา้ วา่ เจา้ คิดว่าวิญญาณของศพนีอ้ ยากกลบั มาใช้มชี วี ิตบนโลกดุนยาน้ี อกี ครงั้ หรอื ไม่ แลว้ เขาทำ�การตระเตรยี มเสบยี งดว้ ยการงานทด่ี แี ละขออภยั โทษในบาปต่าง ๆ ของเขาท่ผี ่านมา ชายชราจึงตอบวา่ “ใช่” ท่านอัล-ฮา N94 ซันจึงถามต่อว่า แล้วเราจะไม่ต้องเผชิญกับสภาพเช่นเดียวกันกับเขาหรอก

oใคร่ครวญเกยี่ วกับมนุษย์ __________________________________________ หรือ แล้วท่านก็เดินออกไปพลางกล่าวว่า “คำ�ตักเตือนน้ีจะเป็นประโยชน์ หากหวั ใจยงั มชี วี ติ อยู่ แต่โอกาสแห่งการมชี ีวติ อย่ไู ด้หมดไปแล้วสำ�หรบั คน ทที่ ่านกำ�ลังเชญิ ชวนอยู่ (อลั -ฮาซัน อลั -บัศรี) ท่านอัล-ฮาซันได้เล่าอีกว่า มีวนั สองวนั และคนื สองคืนท่ีจะไม่เกิดขนึ้ ซ้ำ�สอง ไดแ้ ก่ คนื แรกของคนตายในหลุมฝังศพ ซึ่งเขาไมเ่ คยรับรคู้ วามเป็น ไปของมนั มากอ่ นเลยและคนื กอ่ นถงึ เชา้ วนั กยี ามะฮฺ สว่ นวนั คอื วนั ทอ่ี ลั ลอฮ จะตดั สนิ คนหนงึ่ วา่ เปน็ ชาวสวรรคห์ รอื นรก และวนั แหง่ การมอบบนั ทกึ การ งานทั้งหมด ซึ่งเปน็ ไปไดว้ ่าเขาจะรับมันดว้ ยมือขวาหรอื อาจรบั ดว้ ยมือซ้าย (อบูอัล-ฟาราจ บนิ อบั ดรุ เราะฮมฺ าน หนังสืออะฮวาล อลั -กอ็ บรฺ หนา้ 154) ความตายเป็นการคาดเดาท่ียิ่งใหญ่และเป็นบททดสอบท่ีหนักย่ิง ของมนุษย์ทุกคน และมันจะเป็นบททดสอบและเป็นความต่ำ�ต้อยท่ีรุนแรง ยิง่ หากเราใช้ชีวิตประหนึง่ ผ้ทู ีล่ ืมความตาย ไมเ่ คยใครค่ รวญถึงมนั และไมม่ ี ความพยายามในการปฏิบัติตนเพื่อค้นหาการยอมรับจากอัลลอฮฺเลย ใน ขณะทม่ี นุษย์ทชี่ าญฉลาดนั้น เขาจะเตรียมพรอ้ มเสมอในการเผชญิ หน้ากบั ความตายและเขาทำ�การขดั เกลาตนเองอยา่ งสม่ำ�เสมอเพอ่ื ใหป้ ลอดพน้ จาก มารยาทอันตำ่ �ทรามและความชวั่ ร้ายทั้งหลาย ทา่ นเชคสะอดฺ ี ชรี อซกี ลา่ ววา่ “โอพ้ นี่ อ้ งของฉนั ทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ พวกเจา้ ทง้ั หลายจะกลายเปน็ ดนิ ดงั นน้ั พวกทา่ นทง้ั หลายจงถอ่ มตนดง่ั ผนื ดนิ กอ่ นท่ี ท่านจะกลายเปน็ ธุลดี นิ เองในสกั วนั ” ทา่ นอมุ ัร บนิ อัล-ค็อฏฏอบเคยกล่าวไวว้ ่า “จงคดิ บญั ชตี ัวเองกอ่ นที่ ท่านถูกคิดบัญชี และจงเตรียมพร้อมในการไปพบกับพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ การคดิ บญั ชใี นวนั กยี ามะฮจฺ ะมคี วามงา่ ยดายหากทา่ นไดค้ ดิ บญั ชตี วั เองเสยี ตง้ั แต่ชีวติ บนโลกดนุ ยานี”้ (รายงานโดยอัต-ติรมีซีย์ อลั -กียามะฮ 25/2459) ขณะทร่ี า่ งกายของเราถกู วางลงในหลมุ ฝงั ศพ แตล่ กู ๆ และทรพั ยส์ นิ Nของเรายงั คงอยบู่ นหนา้ แผน่ ดนิ แลว้ พวกเขากเ็ ดนิ กลบั บา้ นไป เหลอื เพยี งเรา 95

o การคิดใคร่ครวญ ทตี่ อ้ งอยใู่ นหลมุ ฝงั่ ศพพรอ้ มกบั การงานตา่ ง ๆ ทไ่ี ดป้ ระกอบมา รา่ งกายและ ผ้าห่อศพจะกลายเปน็ ธลุ ีดนิ ในที่สุด อลั -อมี าม อลั -ฆอซาลกี ลา่ วไวว้ า่ “ในขณะทม่ี นษุ ยไ์ ดต้ ายลง ทกุ อยา่ ง ถูกตัดขาดจากเขาไปเหลือเพียงสามอย่างเท่าน้ันคือ ส่ิงแรกคือ หัวใจอัน บรสิ ทุ ธิ์จากความชว่ั รา้ ยแห่งดุนยา ดัง่ ทอี่ ลั ลอฮไฺ ด้ตรัสว่า “แน่นอน ผขู้ ัดเกลาชีวิตยอ่ มไดร้ บั ความสำ�เรจ็ ” (อชั -ชัมส,ฺ 9) สอง ความสงบน่ิงในหัวใจจากการรำ�ลึกถึงอัลลอฮฺ ด่ังคำ�ตรัส ของอลั ลอฮฺ ตาอาลา ความว่า “บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำ�ลึกถึง อัลลอฮฺ พึงทราบเถดิ ดว้ ยการรำ�ลกึ ถงึ อลั ลอฮฺเท่านัน้ ทำ�ให้จิตใจสงบ” (อัร-เราะอฺด,ู 28) สาม ความรักท่มี ีตอ่ อลั ลอฮฺ ดัง่ คำ�ตรัสของพระองค์ “จงกลา่ วเถิด (มุฮัมมัด) หากพวกท่านรกั อัลลอฮฺ กจ็ งปฏิบตั ิตาม ฉัน อลั ลอฮฺกจ็ ะทรงรกั พวกทา่ น และจะทรงอภัยให้แกพ่ วกท่านซ่ึงโทษ ทงั้ หลายของพวกทา่ น และอลั ลอฮนฺ นั้ เปน็ ผทู้ รงอภยั ผทู้ รงเมตตาเสมอ” (อาล-อิมรอน 31) ความบริสุทธ์ิของหัวใจไมส่ ามารถเกดิ ขน้ึ ได้นอกจากดว้ ยการหกั หา้ ม อารมณ์ใคร่ต่อโลกดุนยา ความสงบนิ่งของหัวใจไม่สามารถก่อเกิดข้ึนได้ นอกจากด้วยการอ่านและการรำ�ลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย ความรักต่อ อัลลอฮฺจะไม่เกิดขึ้นนอกจากด้วยการรู้จักอัลลอฮฺ (ซบ.) อย่างแท้จริงและ การรจู้ กั อลั ลอฮอฺ ยา่ งแทจ้ รงิ นนั้ จะไมเ่ กดิ ขนึ้ หากปราศจากการคดิ ใครค่ รวญ ทง้ั สามสง่ิ นจี้ ะทำ�ใหม้ นษุ ยร์ อดพน้ และมคี วามสงบสขุ ในการมชี วี ติ อยใู่ นหลมุ ฝั่งศพ (หนังสอื อฮิ -ยาอฺ อลุ ูมุดดีน เลม่ 3 หน้า 387) หากมนษุ ยต์ อ้ งการเตรยี มพรอ้ มตวั เองในการเผชญิ หนา้ กบั ความตาย ประการแรกท่เี ขาต้องทำ�คอื การมคี วามรสู้ ึกว่าความตายนน้ั สวยงาม กล่มุ N96 คนทส่ี ามารถทำ�ไดเ้ ชน่ น้ี พวกเขาจะไมห่ วาดระแวงและกลวั ความตาย บะชรั ฺ

oใคร่ครวญเกยี่ วกับมนุษย์ __________________________________________ บนิ ฮารษิ กลา่ ววา่ “สถานทที่ ดี่ ที สี่ ดุ สำ�หรบั ผทู้ เ่ี ชอื่ ฟงั อลั ลอฮคฺ อื กบุ รุ ฺ (หลมุ ฝงั่ ศพ) (อบูอลั -ฟาราจ อบั ดุลเราะฮมาน อฮั วาลอัลกอ็ บรฺ หน้า 155) คำ�กล่าวของท่านเมาลานา ญาลาลุดดีน อัล-รูมีช่างงดงามย่ิง ท่าน กลา่ วไวว้ า่ โอล้ กู ๆ เอย๋ ความตายทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั มนษุ ยท์ งั้ หลายนน้ั มนั มคี วาม เหมาะสมกับสงิ่ ทีเ่ ขาใฝ่หาและความตอ้ งการของเขาอย่างดี ความตายอาจ เป็นเสมือนศัตรูตัวฉกาจสำ�หรับคนท่ีคัดค้านมัน ทำ�ตัวห่างเหินจากมันและ เกลียดชังมัน โดยที่พวกเขาไม่คิดกันเลยว่า ความตายนั้นเป็นช่วงระหว่าง ของชวี ติ ทน่ี ำ�เขาไปยงั อลั ลอฮฺ ในทางกลบั กนั ความตายเปรยี บเสมอื นเพอื่ น สนิทสำ�หรบั ผทู้ ร่ี ักมนั ” “โอ้ชวี ิตท่ีกำ�ลงั หวนั่ เกรงและกลวั ความตาย หากเจ้าเปน็ ผูท้ ี่ตอ้ งการ สจั ธรรม เจา้ จงอยา่ หวาดกลัวต่อความตาย แตจ่ งระวังตัวของพวกเจ้าเอง” เพราะส่ิงท่ีเจ้ากำ�ลังกลัวและมองเห็นผ่านกระจกแห่งความตาย แท้จริงแล้วยังมันยังไม่ใช่หน้าตาแห่งความตายที่แท้จริง แต่นั่นคือหน้าตา อันแปดเปื้อนและสกปรกของตัวพวกเจ้าเอง วิญญาณเปรียบเสมือนลำ�ต้น สว่ นความตายเสมอื นใบทตี่ ดิ อยกู่ บั มนั แนน่ อนวา่ บรรดาใบทม่ี อี ยบู่ นลำ�ตน้ ทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นชนดิ เดยี วกนั กบั ลำ�ต้นของมนั ” ความตายและชีวิตในหลุมฝังศพท่ียืดยาวไปจนถึงวันกิยามะฮฺ (วัน ส้ินโลก) ถือเป็นการสิ้นสุดของการงานทุกอย่างและการเผชิญหน้าของเรา บนโลกดนุ ยาแหง่นี้ ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ มอี ายะฮอฺ ลั กรุ อานมากมายทบ่ี อกเลา่ ถงึ สจั ธรรมของชวี ติ ในโลกดนุ ยานร้ี วมถงึ ชวี ติ แหง่ โลกอาคเี ราะฮฺ โองการเหลา่ นกี้ ำ�ลงั ย้ำ�เตอื นให้ เราไดใ้ ครค่ รวญและพงึ ตระหนกั เสมอวา่ สกั วนั ชวี ติ จะตอ้ งจบลง ทกุ อยา่ งท่ี เรามีอยู่จะพังทลายและส้ินสุด เราควรห่างไกลจากการล่อลวงแห่งโลกดุน ยา อัลลอฮฺยังทรงเน้นยำ้ �ให้เราได้คิดเสมอว่า วันแล้ววันเล่า ชีวิตแห่งโลก อาคเี ราะฮฺยง่ิ ใกลเ้ ข้ามา มนั เป็นชีวติ ทีน่ ิรนั ดรท์ เ่ี ราควรรักและมีใจโนม้ เอยี ง กับมนั มากกว่าอื่นใด N97

o การคิดใครค่ รวญ ดงั นน้ั กอ่ นทคี่ วามตายจะครา่ ชวี ติ บา่ วคนหนง่ึ ไป เขาควรทจ่ี ะขดั เกลา ตวั เองใหป้ ลอดจากบาปทงั้ หลายดว้ ยการกลบั เนอ้ื กลบั ตวั และขออภยั โทษจา กอลั ลอฮอยา่ งจรงิ จงั เขาควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขในขอ้ บกพรอ่ ง ตา่ ง ๆ ในการเชอ่ื ฟังปฏบิ ัติตามคำ�สง่ั ใชข้ องอัลลอฮฺและหา่ งไกลจากส่งิ ตอ้ งห้ามทง้ั หลาย เขา ควรคืนสทิ ธติ์ ่าง ๆ แก่เจา้ ของ หากเขาเคยกอ่ อธรรม นั่นคอื เขาต้องกล่าว ขอโทษตอ่ ผคู้ นทเี่ ขาเคยกลา่ วรา้ ย หลอกลวงและเหยยี บหยามดถู กู การตบตี การคดิ รา้ ยตอ่ ผอู้ น่ื กอ่ นทเ่ี ราจะตายลง เราควรสะสางสทิ ธติ์ า่ ง ๆ เหลา่ นแี้ ละ ชดใช้หนท้ี ้ังหมดทเี่ ราเคยกอ่ มันข้นึ มา มนุษยผ์ ู้หลงระเรงิ เขาสามารถเสพสขุ จากทรัพยส์ ินเงนิ ทองของผูอ้ ่นื บนโลกดุนยาน้เี ทา่ นนั้ ทวา่ ในวนั ขา้ งหน้า วนั แห่งการสอบสวนและการช่ัง การงานทงั้ หลาย ด้วยความยตุ ิธรรมแห่งอัลลอฮฺ พวกเขาจะกลายเป็นกลุ่ม คนทโ่ี ศกเศรา้ เสยี ใจในที่สดุ ณ ตอนนั้นจะมีเสียงกลา่ วแก่พวกเขาวา่ “พวก เจา้ คือผู้ตำ่ �ต้อย พวกเจา้ มนั ชา่ งอ่อนแอ พวกเจา้ ชา่ งยากจนและขาดทนุ ยง่ิ ณ ทน่ี ี่ไมจ่ ำ�เปน็ อกี แลว้ ท่พี วกเจ้าจะคนื สิทธิแ์ ก่เจ้าของของมัน วนั นไ้ี ม่มใี คร สกั คนที่รบั คืนสทิ ธแ์ิ ละรับคำ�ขอโทษจากพวกท่านอกี แล้ว” ในขณะทที่ า่ นคอลฟี ะฮอฺ บั ดลุ มาลกิ บนิ มรั วานใกลเ้ สยี ชวี ติ ทา่ นเหน็ เจา้ หนา้ ทท่ี ำ�ความสะอาดคนหนง่ึ ทม่ี เี สอื้ ผกู อยทู่ ม่ี อื ของเขา พลางทา่ นกลา่ ว ว่า “หากฉันเปน็ เพยี งแคค่ นท�ำ ความสะอาด ทเ่ี ขาดำ�รงชีวิตอยู่ดว้ ยผลพวง จากการท�ำ งานของเขาและไมต่ อ้ งมายงุ่ กบั ภาระงานดนุ ยาเลยสกั นดิ กค็ งด”ี (อลั -อมี าม อัล-ฆอซาลีย์ หนงั สอื อัล-อิฮยาอฺ เล่ม 4 หนา้ 114) ในขณะท่ีคน ๆ หนงึ่ มกี ารใคร่ครวญและเตรยี มตัวสำ�หรับความตาย การส้ินหวังในความเมตตาของอัลลอฮก็เป็นท่ีต้องห้าม มีรายงานจากท่าน อากอบะฮฺ อลั -บซั ซารฺ ท่านเลา่ ว่า มีอาหรับชนบทคนหนึง่ เม่ือเขาเห็นศพ เขาจงึ กลา่ วแกศ่ พวา่ ขอใหท้ า่ นเดนิ ทางโดยสวสั ดภิ าพ ฉนั จงึ ถามเขาวา่ ทา่ น กลา่ วเชน่ นเ้ี พือ่ อะไรหรอื เขาจงึ ตอบว่า จะไม่ให้ฉนั กลา่ วแก่เขา (ศพ) เชน่ N98 นั้นได้อย่างไร ในเมื่อเขากำ�ลังเดินทางกลับไปหาพระเจ้าผู้ทรงย่ิงใหญ่และ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook