Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน

แผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน

Published by julasak.mind, 2022-05-27 02:07:51

Description: แผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 10 กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว21102 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 พลังงานความรอ้ น เรอ่ื ง ทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง การคำนวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจําวัน ธรรมชาติของคล่ืนปรากฏการณ์ท่เี ก่ยี วข้อง กบั เสียง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ช้วี ัด ตวั ชีว้ ัด ม.1/1 วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมลู และคำนวณปริมาณความรอ้ นที่ทำให้สสาร เปลย่ี นอุณหภมู ิ และเปลย่ี นสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสาํ คัญ เม่ือสสารได้รบั หรือสูญเสยี ความรอ้ นอาจทำให้สสารเปลีย่ นอณุ หภูมิ เปล่ียนสถานะ หรือเปลี่ยน รูปรา่ งปรมิ าณความรอ้ นที่ทำให้สสารเปล่ียนอุณหภูมิขน้ึ กับมวล ความรอ้ นจำเพาะ และอุณหภมู ิท่ี เปลีย่ นไป ความรอ้ นมีผลต่อการเปล่ียนสถานะของสสาร เมื่อให้ความรอ้ นแก่ของแขง็ อนภุ าคของของแข็ง จะมีพลังงานและอุณหภูมเิ พมิ่ ขึ้นจนถงึ ระดับหนึ่ง ซ่งึ ของแข็งจะใชค้ วามร้อนในการเปล่ียนสถานะเป็น ของเหลว เรยี กความรอ้ นท่ีใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลววา่ ความร้อนแฝงของการ หลอมเหลว และอุณหภูมขิ ณะเปลีย่ นสถานะจะคงที่ เรยี กอุณหภูมินว้ี า่ จดุ หลอมเหลว 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านพทุ ธพิ ิสยั (Cognitive domain) นักเรยี นสามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกย่ี วข้องกับปรมิ าณความร้อนกับการเปลย่ี นแปลงของสสารใน ชวี ิตประจำวันได้ ดา้ นทกั ษะพิสัย (Psychomotor domain) นักเรยี นสามารถจำแนกเหตุการณ์ท่เี ก่ยี วข้องกับปรมิ าณความรอ้ นกับการเปลีย่ นแปลงของสสารใน ชวี ติ ประจำวันได้

ดา้ นจติ พิสยั (Affective domain) นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรอู้ ยใู่ นระดบั ดี 4. คุณลักษณะผเู้ รียน 4.1 คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์  รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  อยอู่ ย่างพอเพียง  ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต  มุง่ มน่ั ในการทำงาน  มีวนิ ยั  รกั ความเป็นไทย  ใฝเ่ รียนรู้  มจี ติ สาธารณะ 5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน  ความสามารถในการคิด : นกั เรียนสามารถอธบิ ายเหตุการณ์ท่ีเกย่ี วข้องกับปริมาณความรอ้ น กบั การเปลี่ยนแปลงของสสารในชวี ิตประจำวนั ได้  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี : นกั เรยี นสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนร้ไู ด้ 6. สาระการเรยี นรู้ การเปลยี่ นสถานะของสารอาจเป็นการเปล่ยี นแปลงประเภทดูดพลังงานหรือคายพลังงาน ตวั อย่างการ เปลี่ยนแปลงสถานะของสารที่พบในชีวิตประจำวนั ได้แก่ น้ำแข็งหลอมเหลวกลายเป็นน้ำและนำ้ ได้รับความร้อน กลายเป็นไอเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน ในทางตรงกันข้ามเมื่อไอน้ำเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็น นำ้ และนำ้ แข็ง เปน็ การเปลยี่ นแปลงประเภทคายความร้อน การคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร สามารถแยกพิจารณาได้ 2 กรณี ดังนี้ กรณที ่ี 1 การคำนวณปรมิ าณความร้อนกบั การเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิ คำนวณได้จาก สมการ Q = mc∆t เม่อื Q คือ ปรมิ าณความร้อนทสี่ ารได้รับ มหี น่วยเปน็ แคลอรี M คือ มวลของสาร มีหนว่ ยเปน็ กรมั c คอื ความร้อนจำเพาะของสาร มีหน่วยเป็น แคลอรีตอ่ กรมั ×องศาเซลเซยี ส ∆t คอื อณุ หภูมิของน้ำที่เปลยี่ นไป มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส กรณที ี่ 2 การคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีกับการเปลีย่ นสถานะ คำนวณได้จาก สมการ Q = mL เม่ือ Q คอื ปรมิ าณความรอ้ น มหี นว่ ยเปน็ แคลอรี M คือ มวลของสาร มหี น่วยเป็นกรัม L คือ ความร้อนแฝงจำเพาะของสาร มีหน่วยเป็นแคลอรตี อ่ กรัม น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรัม หมายความว่า ในการทำน้ำแข็ง 1 กรมั ให้หลอมเหลวเปน็ นำ้ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานความรอ้ น 80 แคลอรี

น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ 540 แคลอรตี ่อกรัม หมายความวา่ ในการทำนำ้ 1 กรัม อุณหภมู ิ 100 องศาเซลเซียส ให้เปลี่ยนเปน็ ไอน้ำ 1 กรัม อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซยี ส ต้องใช้พลังงาน ความร้อน 540 แคลอรี 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ 1) นักเรียนและครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกบั ส่ิงต่าง ๆ ที่อยรู่ อบๆ ตัวของนกั เรยี น เพ่อื นำไปสู่นิยามของคำวา่ สสาร คอื สิง่ ที่อยู่รอบ ๆ ตวั ของนักเรยี น 2) นักเรียนดตู วั อย่างท่ีครูแสดง ไดแ้ ก่ การเปลย่ี นสถานะของน้ำ การเปลีย่ นสถานะของ ช็อกโกแลต เพ่ือใหน้ ักเรยี นเกิดการวิเคราะหว์ ่าตัวอยา่ งที่ครูแสดง เกิดข้นึ เพราะอะไร 3) นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกับคำตอบทนี่ ักเรียนตอบ เพื่อให้ได้ข้อสรปุ วา่ การเปล่ียนอุณหภูมิและสถานะนั้น เกดิ ข้นึ จากปริมาณความร้อน ขัน้ สอน 4) ครูชีแ้ จงการจัดการเรยี นการสอนในหนว่ ย การคำนวณปรมิ าณความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงของสาร โดยการจดั การเรยี นการสอนแบบห้องเรยี นกลบั ด้าน 5) นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง การคำนวณปริมาณความร้อนกบั การ เปลี่ยนแปลงของสาร ขนั้ สรปุ 8 ) นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างและจำแนกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปริมาณความร้อนกับ การเปลี่ยนแปลงของสสารในชวี ิตประจำวัน 8. ชิน้ งาน / ภาระงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง การคำนวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ยี นแปลงของสาร 9. สอ่ื การเรียนรู้ / แหลง่ เรียนรู้ Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630

10. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วิธีการวัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน 1. ดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั (Cognitive domain) นกั เรียนสามารถอธบิ าย การตอบคำถาม ข้อคำถาม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 70 เหตุการณ์ท่เี ก่ียวข้องกบั ในชั้นเรยี น ปริมาณความร้อนกับ การเปลี่ยนแปลงของ สสารในชวี ติ ประจำวันได้ 2. ด้านทักษะพสิ ัย (Psychomotor domain) นักเรยี นสามารถจำแนก การตอบคำถาม ขอ้ คำถาม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องร้อยละ 70 เหตุการณ์ท่ีเกย่ี วข้องกับ ในชั้นเรียน ปริมาณความร้อนกับ การเปลีย่ นแปลงของ สสารในชีวิตประจำวันได้ 3. ด้านจติ พิสัย (Affective domain) นกั เรียนมสี ว่ นร่วม สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม มีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรยี นรู้ ในกิจกรรมการเรียนรู้ การเรียน อยู่ในระดับดี การเรยี น ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70

แบบวิเคราะหก์ ารประเมินผลการเรยี นรู้ (Assessment blueprint) แบบวิเคราะหก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) ประกอบดว้ ย วตั ถปุ ระสงค์ การเรียนรทู้ ีต่ ้องการวดั และความสอดคล้องด้านพุทธพิ ิสัย ทักษะพิสยั และจิตพสิ ัย วัตถุประสงค์ พฤตกิ รรมการประเมนิ เทคนิค ระดบั พฤตกิ รรม (%) การ พุทธพิ สิ ัย จติ พิสยั ประเมนิ ทกั ษะพสิ ัย 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 1. นกั เรยี น แบบประเมนิ สามารถอธบิ าย การตอบ เหตกุ ารณท์ ่ี คำถาม เกีย่ วขอ้ งกบั ปรมิ าณความร้อน 20 40 20 20 100 กับการ เปลย่ี นแปลงของ สสารใน ชีวิตประจำวันได้ 2. นักเรียนสามารถ 40 30 30 แบบประเมิน จำแนกเหตกุ ารณ์ที่ การตอบ เก่ยี วข้องกบั คำถาม ปริมาณความรอ้ น กับการเปลยี่ นแปลง 100 ของสสารใน ชีวติ ประจำวันได้ 20 40 20 แบบสังเกต พฤติกรรม 3. นักเรียนมี ส่วนรว่ มใน 20 100 การเรยี น กจิ กรรมการ เรียนรู้ อยใู่ นระดบั ดี รวม 20 40 20 100 40 30 20 40 100 20 40 20 20 100

**หมายเหตุ : ความหมายของตารางวเิ คราะหก์ ารประเมิน พุทธิพิสยั ทกั ษะพสิ ยั จิตพสิ ัย 1 = ความจำ 1 = การรับรู้ 1 = การรบั รสู้ ิง่ เร้า 2 = เข้าใจ 3 = นำไปใช้ 2 = การตระเตรยี ม 2 = การตอบสนอง 4 = วเิ คราะห์ 5 = ประเมินคา่ 3 = การตอบสนองตามคำช้ีแนะ 3 = การสร้างคณุ ค่า 6 = สรา้ งสรรค์ 4 = การสร้างกลไก 4 = การจดั ระบบคุณค่า 5 = การตอบสนองท่ซี ับซ้อนขึ้น 5 = การสร้างลกั ษณะนสิ ยั 6 = การดดั แปลงให้เหมาะสม 7 = การรเิ ริม่ ใหม่

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ดา้ นพทุ ธิพสิ ัย (Cognitive domain) แบบประเมนิ การตอบคำถาม คำชแี้ จง : ให้ผปู้ ระเมนิ ทำการตอบคำถามของนักเรยี น ตามเกณฑก์ ารประเมินการตอบคำถาม (ความถูกต้อง) ลำดบั ชื่อ - สกุล ระดับคะแนน สรปุ การประเมนิ ที่ 5 4 3 2 1 0 ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จลุ ศกั ด์ิ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์การประเมินการตอบคำถาม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : พจิ ารณาดังตารางต่อไปนี้ ประเด็นที่ 5 4 ระดบั คะแนน 1 0 ประเมนิ 32 คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบ คำตอบ ถกู ต้อง 5 ข้อ ถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง 4 ข้อ ถกู ต้อง 2 ข้อ 1 ขอ้ 3 ขอ้ เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ : นกั เรียนมรี ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ด้านทกั ษะพสิ ัย (Psychomotor domain) แบบประเมินการตอบคำถาม คำชแ้ี จง : ให้ผู้ประเมินทำการประเมนิ แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรยี น ลำดบั ระดับคะแนน สรุปการประเมนิ ท่ี ช่ือ - สกุล 9- 7-8 5-6 3-4 1- 0 ผา่ น ไมผ่ ่าน 10 2 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวธันยาภรณ์ จลุ ศกั ด์)ิ วันท่.ี ............เดอื น.....................พ.ศ เกณฑ์การประเมนิ การตอบคำถาม เกณฑก์ ารให้คะแนน : พจิ ารณาดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ประเดน็ ที่ 5 4 ระดบั คะแนน 1 0 ประเมิน 32 คำตอบ คำตอบถูกตอ้ ง คำตอบ คำตอบ คำตอบ ถูกต้อง 5 ขอ้ ถูกตอ้ ง คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ไม่ถกู ต้อง 4 ข้อ ถูกต้อง 2 ขอ้ 1 ขอ้ 3 ขอ้ เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ : นกั เรียนมรี ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

บนั ทกึ หลังการสอน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 พลงั งานความร้อน...... ... ... แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 10 ทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง การคำนวณปริมาณความรอ้ น กับการเปลย่ี นแปลงของสาร 1. สรุปผลการเรียนการสอน 1. นักเรียนจำนวน............คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู ..........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................... ไม่ผ่านจดุ ประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ.................... ไดแ้ ก.่ .......................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2. สรปุ ผลตามรายจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ดา้ นพุทธพิ สิ ัย (Cognitive domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.2 ดา้ นทกั ษะพิสยั (Psychomotor domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.3 ดา้ นจติ พสิ ยั (Affective domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 3. ข้อเสนอแนะหลงั การจัดการเรยี นการสอน ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................ (นางสาวธันยาภรณ์ จุลศักดิ์) ครผู ูส้ อน

ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ตรวจแผนการจัดการเรยี นรหู้ นว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เร่อื ง พลงั งานความร้อน ในแผนการจดั การ เรยี นรทู้ ี่ 10 เร่ือง ทดสอบก่อนเรียน เร่ือง การคำนวณปรมิ าณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงของสาร เรยี บร้อยแลว้ โดยมคี วามคิดเหน็ ดังนี้ 1. คณุ ภาพของแผนการจัดการเรียนรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคล้อง 3. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้  ได้นำกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั มาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ด้นำกระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี น้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั มาใช้ 4. การใชส้ ่อื การเรยี นรู้  มคี วามเหมาะสมและสง่ เสรมิ การเรยี นรูข้ องผ้เู รียน  ไมส่ ่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน 5. การวัดและการประเมนิ ผล  สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้  ไม่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ 6. การนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้  นำไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................................... ลงช่อื ..................................................... (นางรชั นี หนูน้อย) ตำแหนง่ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วนั ที่ ............ เดือน ........................... พ.ศ. ..............

ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ าร ได้ตรวจแผนการจดั การเรยี นรหู้ นว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่อื ง พลังงานความรอ้ น ในแผนการจัดการ เรียนร้ทู ่ี 10 เรือ่ ง เร่ือง ทดสอบก่อนเรียน เร่ือง การคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสาร เรยี บร้อยแลว้ โดยมีความคดิ เหน็ ดังนี้ 1. คุณภาพของแผนการจดั การเรยี นรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั  สอดคล้อง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้  ได้นำกระบวนการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั มาใช้ได้อย่างเหมาะสม  ไมไ่ ด้นำกระบวนการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั มาใช้ 4. การใชส้ ื่อการเรยี นรู้  มคี วามเหมาะสมและสง่ เสริมการเรยี นร้ขู องผ้เู รยี น  ไมส่ ง่ เสริมการเรียนรู้ของผเู้ รยี น 5. การวดั และการประเมนิ ผล  สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 6. การนำแผนการจดั การเรยี นรไู้ ปใช้  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................................ ............................. ...................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ................................................................................................................................................. ........ ลงชื่อ ..................................................... (นางสมชั ญา ผดุ ผ่อง) ตำแหน่ง รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวังจันทร์วิทยา กลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ วนั ที่ ............ เดอื น ........................... พ.ศ. ..............

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 10 : แบบทดสอบก่อนเรยี น

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 10 : แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอ่ )

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 10 : แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอ่ )

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 10 : แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอ่ )

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 10 : แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอ่ )

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 10 : แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอ่ )

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว21102 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลา 1 คาบเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 พลงั งานความร้อน เรอ่ื ง ความร้อนกับการเปล่ียนอุณหภมู ิของสาร 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาํ วนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวข้อง กับเสียง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้ังนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชว้ี ัด ตัวชว้ี ดั ม.1/1 วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมลู และคำนวณปรมิ าณความร้อนที่ทำให้สสาร เปลี่ยนอณุ หภมู ิ และเปลยี่ นสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสาํ คัญ เม่ือสสารไดร้ บั หรือสญู เสียความรอ้ นอาจทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภมู ิ เปลย่ี นสถานะ หรือเปลย่ี น รปู ร่างปริมาณความรอ้ นที่ทำให้สสารเปล่ียนอุณหภูมขิ ้ึนกับมวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมทิ ่ี เปล่ียนไป 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นพุทธพิ ิสยั (Cognitive domain) นักเรยี นสามารถอธิบายความรู้เกย่ี วกบั ปรมิ าณความร้อนกับการเปล่ียนอุณหภูมขิ องสสารได้ ดา้ นทักษะพิสัย (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถระบุและเปรียบเทยี บปัจจัยทีม่ ผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสารได้ ดา้ นจิตพสิ ัย (Affective domain) นกั เรยี นมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้อยใู่ นระดับดี 4. คณุ ลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์  รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  อย่อู ย่างพอเพยี ง  ซื่อสตั ย์สุจรติ  มุ่งมั่นในการทำงาน  ใฝ่เรียนรู้  มีจติ สาธารณะ  มีวินัย  รักความเปน็ ไทย

5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น  ความสามารถในการคดิ : นักเรียนสามารถอธบิ ายความรเู้ กีย่ วกบั ปริมาณความร้อนกบั การ เปลยี่ นอณุ หภมู ขิ องสสารได้  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี : นักเรยี นสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรยี นรู้ได้ 6. สาระการเรยี นรู้ การเปล่ียนสถานะของสารอาจเปน็ การเปลย่ี นแปลงประเภทดูดพลังงานหรือคายพลังงาน ตัวอย่างการ เปลยี่ นแปลงสถานะของสารท่ีพบในชีวิตประจำวันได้แก่ นำ้ แข็งหลอมเหลวกลายเป็นน้ำและน้ำได้รับความร้อน กลายเป็นไอเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน ในทางตรงกันข้ามเมื่อไอน้ำเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็น น้ำและนำ้ แข็ง เป็นการเปล่ยี นแปลงประเภทคายความรอ้ น การคำนวณปริมาณความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงของสาร สามารถแยกพจิ ารณาได้ 2 กรณี ดงั น้ี กรณที ่ี 1 การคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ คำนวณไดจ้ าก สมการ Q = mc∆t เม่ือ Q คือ ปริมาณความร้อนที่สารไดร้ บั มีหนว่ ยเปน็ แคลอรี M คอื มวลของสาร มีหน่วยเป็นกรัม c คือ ความร้อนจำเพาะของสาร มีหน่วยเปน็ แคลอรีต่อกรมั ×องศาเซลเซยี ส ∆t คอื อุณหภูมขิ องน้ำทเ่ี ปลี่ยนไป มหี นว่ ยเป็นองศาเซลเซยี ส กรณีที่ 2 การคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีกับการเปล่ยี นสถานะ คำนวณได้จาก สมการ Q = mL เมอ่ื Q คอื ปริมาณความรอ้ น มหี น่วยเปน็ แคลอรี M คือ มวลของสาร มหี นว่ ยเป็นกรมั L คอื ความรอ้ นแฝงจำเพาะของสาร มีหน่วยเปน็ แคลอรตี อ่ กรมั น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรัม หมายความว่า ในการทำน้ำแข็ง 1 กรมั ให้หลอมเหลวเป็นน้ำ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานความร้อน 80 แคลอรี นำ้ มีคา่ ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ 540 แคลอรีต่อกรมั หมายความว่า ในการทำนำ้ 1 กรมั อณุ หภมู ิ 100 องศาเซลเซยี ส ให้เปล่ยี นเป็นไอนำ้ 1 กรัม อณุ หภมู ิ 100 องศาเซลเซยี ส ตอ้ งใช้พลังงาน ความร้อน 540 แคลอรี

7. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบหอ้ งเรยี นกลบั ด้าน (Flipped Classroom) 7.1 ข้นั กำหนดยุทธวิธเี พ่ิมพนู ประสบการณ์ (Experiential Engagement) (ในช้ันเรยี น) นักเรียนทบทวนความรเู้ ดมิ เก่ียวกับผลของความรอ้ นกบั การเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ิของสาร ผ่านประเด็นคำถามที่ครตู ัง้ ขนึ้ จากสถานการณ์จำลอง “ท่องเท่ียวในวนั หยุดทชี่ ายทะเล” ดงั นี้ - นักเรยี นคิดว่าเพราะเหตุใดตอนเช้าเวลานักเรยี นเดนิ ท่ีทะเล บรเิ วณชายหาดมีความอุ่นและนำ้ ทะเลกย็ ังอุ่นพอดีๆ แต่เม่ือวานเวลาผ่านไปในช่วงกลางวัน บริเวณชายหาดร้อนไมส่ ามารถเดินดว้ ยเทา้ เปลา่ ไดอ้ ย่างสะดวก แต่น้ำทะเลมีความอุน่ พอดี (แนวคำตอบ แตล่ ะบริเวณมีความรอ้ นจำเพาะของสารไมเ่ ท่ากนั ) - นอกจากสถานการณ์จำลองนี้ นักเรียนเคยพบเห็น หรือมีประสบการณเ์ กีย่ วข้องกับการพลังงาน ความรอ้ นกบั การเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิของสารอยา่ งไรบ้าง (พิจารณาจากความเหมาะสมของคำตอบ) 7.2 ข้ันสืบค้นเพ่ือใหเ้ กิดมโนทศั นร์ วบยอด (Concept Exploration) (ศึกษานอกเวลาเรยี น) นักเรียนสบื ค้นและศกึ ษาวิดโี อ 1 : ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิของสาร เพ่ือตอบคำถาม ในแบบฝกึ หัด หนา้ ท่ี 1 เรื่องความรอ้ นกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของสาร ดังน้ี - สมการการคำนวณปรมิ าณความร้อนกับการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสาร Q = mc∆t เม่ือ Q คอื ปรมิ าณความร้อนท่สี ารไดร้ ับ มีหน่วยเปน็ แคลอรี M คือ มวลของสาร มีหนว่ ยเปน็ กรมั c คือ ความร้อนจำเพาะของสาร มหี น่วยเป็น แคลอรตี ่อกรมั ×องศาเซลเซยี ส ∆t คือ อณุ หภมู ขิ องน้ำทเี่ ปลีย่ นไป มีหนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส - ความร้อนจำเพาะของสาร หมายถึง ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารมวล 1 หน่วย มีอุณหภูมิ เพ่มิ ข้ึน 1 องศาเซลเซยี ส มีหนว่ ยเปน็ แคลอรีตอ่ กรัม องศาเซลเซยี ส ซ่ึงสารแต่ละชนิดจะมคี ่าความร้อนจำเพาะ ของสารไมเ่ ทา่ กนั โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาจากแหลง่ สืบคน้ ข้อมลู ที่ครูไดจ้ ัดเตรยี มไวใ้ ห้ ดังต่อไปน้ี Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details

Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/ 645690419920688 นักเรยี นสรปุ ความคิดสำคัญ เร่อื ง ความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ิของสาร ลงในสมุด 7.3 ขั้นสรา้ งองคค์ วามรอู้ ย่างมีความหมาย (Meaning Making) (ศกึ ษานอกเวลาเรยี น) นักเรยี นสร้างองค์ความรู้ เร่ือง ความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิของสาร ลงในสมุด และให้ นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายคำตอบของแบบฝึกหัดหน้าท่ี 1 ผ่านโพสต์ใน Facebook Group นกั เรียนศึกษาและลงข้อสรุปจากส่งิ ทนี่ ักเรียนศึกษา ให้ได้ถงึ ข้นั ตอนการคำนวณปรมิ าณความร้อน กับการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิของสาร การคำนวณ การหาคำตอบ และการตรวจคำตอบ 7.4 ข้ันสาธติ และประยุกต์ใช้ (Demonstration & Application) (ในชัน้ เรียน) นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายและตอบคำถามในแบบฝกึ หัดหน้าที่ 1 เพ่ือใหไ้ ดค้ ำตอบถงึ สมการ การคำนวณปริมาณความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิ คา่ ความร้อนจำเพาะของสาร และการ เปรียบเทียบค่าความร้อนจำเพาะของสารแตล่ ะชนดิ 8. ช้นิ งาน / ภาระงาน - แบบฝดึ หัด เร่อื ง ปรมิ าณความรอ้ นกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิของสาร 9. สอ่ื การเรยี นรู้ / แหลง่ เรียนรู้ Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630

10. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ วิธกี ารวัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 1. ด้านพทุ ธิพิสยั (Cognitive domain) นักเรียนสามารถอธบิ าย การตอบคำถาม ขอ้ คำถาม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 70 ความรู้เก่ยี วกบั ปริมาณ ในชนั้ เรยี น ความร้อนกับการ เปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิ 2. ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถระบุ การตอบคำถาม ขอ้ คำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้องร้อยละ 70 และเปรียบเทยี บปจั จัยท่ี ในชน้ั เรยี น มผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลง อณุ หภมู ิของสารได้ 3. ดา้ นจิตพสิ ยั (Affective domain) นักเรียนมีส่วนรว่ ม สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม มสี ่วนร่วมในกิจกรรมการเรยี นรู้ ในกิจกรรมการเรียนรู้ การเรยี น อยู่ในระดับดี การเรยี น ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70

แบบวเิ คราะหก์ ารประเมินผลการเรยี นรู้ (Assessment blueprint) แบบวิเคราะห์การประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) ประกอบด้วย วตั ถปุ ระสงค์ การเรยี นรู้ทตี่ ้องการวัด และความสอดคลอ้ งด้านพุทธิพิสัย ทักษะพสิ ยั และจติ พิสยั วัตถุประสงค์ พฤติกรรมการประเมนิ เทคนิค ระดับพฤตกิ รรม (%) การ พุทธพิ ิสัย จิตพสิ ัย ประเมนิ ทักษะพสิ ยั 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 1. นักเรยี น แบบประเมนิ สามารถอธบิ าย การตอบ ความรูเ้ ก่ียวกับ คำถาม ปริมาณความรอ้ น 20 40 20 20 กบั การ 100 เปลยี่ นแปลง อุณหภูมิ 2. นักเรยี นสามารถ แบบประเมิน ระบแุ ละ การตอบ เปรียบเทยี บปจั จยั คำถาม ท่ีมผี ลตอ่ การ เปลีย่ นแปลง 40 30 30 100 อุณหภมู ิของสารได้ 3. นักเรียนมี 20 40 20 แบบสงั เกต สว่ นรว่ มใน พฤติกรรม กจิ กรรมการ เรียนรู้ 20 100 การเรยี น อยูใ่ นระดับดี รวม 20 40 20 100 40 30 20 40 100 20 40 20 20 100

**หมายเหตุ : ความหมายของตารางวเิ คราะหก์ ารประเมิน พุทธิพิสยั ทกั ษะพสิ ยั จิตพสิ ัย 1 = ความจำ 1 = การรับรู้ 1 = การรบั รสู้ ิง่ เร้า 2 = เข้าใจ 3 = นำไปใช้ 2 = การตระเตรยี ม 2 = การตอบสนอง 4 = วเิ คราะห์ 5 = ประเมินคา่ 3 = การตอบสนองตามคำช้ีแนะ 3 = การสร้างคณุ ค่า 6 = สรา้ งสรรค์ 4 = การสร้างกลไก 4 = การจดั ระบบคุณค่า 5 = การตอบสนองท่ซี ับซ้อนขึ้น 5 = การสร้างลกั ษณะนสิ ยั 6 = การดดั แปลงให้เหมาะสม 7 = การรเิ ริม่ ใหม่

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ดา้ นพทุ ธิพสิ ัย (Cognitive domain) แบบประเมนิ การตอบคำถาม คำชแี้ จง : ให้ผปู้ ระเมนิ ทำการตอบคำถามของนักเรยี น ตามเกณฑก์ ารประเมินการตอบคำถาม (ความถูกต้อง) ลำดบั ชื่อ - สกุล ระดับคะแนน สรปุ การประเมนิ ที่ 5 4 3 2 1 0 ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จลุ ศกั ด์ิ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์การประเมินการตอบคำถาม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : พจิ ารณาดังตารางต่อไปนี้ ประเด็นที่ 5 4 ระดบั คะแนน 1 0 ประเมนิ 32 คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบ คำตอบ ถกู ต้อง 5 ข้อ ถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง 4 ข้อ ถกู ต้อง 2 ข้อ 1 ขอ้ 3 ขอ้ เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ : นกั เรียนมรี ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ด้านทกั ษะพสิ ัย (Psychomotor domain) แบบประเมินการตอบคำถาม คำชแ้ี จง : ให้ผู้ประเมินทำการประเมนิ แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรยี น ลำดบั ระดับคะแนน สรุปการประเมนิ ท่ี ช่ือ - สกุล 9- 7-8 5-6 3-4 1- 0 ผา่ น ไมผ่ ่าน 10 2 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวธันยาภรณ์ จลุ ศกั ด์)ิ วันท่.ี ............เดอื น.....................พ.ศ เกณฑ์การประเมนิ การตอบคำถาม เกณฑก์ ารให้คะแนน : พจิ ารณาดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ประเดน็ ที่ 5 4 ระดบั คะแนน 1 0 ประเมิน 32 คำตอบ คำตอบถูกตอ้ ง คำตอบ คำตอบ คำตอบ ถูกต้อง 5 ขอ้ ถูกตอ้ ง คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ไม่ถกู ต้อง 4 ข้อ ถูกต้อง 2 ขอ้ 1 ขอ้ 3 ขอ้ เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ : นกั เรียนมรี ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

บันทึกหลังการสอน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 พลังงานความร้อน...... ... ... แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 11 ปรมิ าณความร้อนกับการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของสาร 1. สรุปผลการเรยี นการสอน 1. นกั เรยี นจำนวน............คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้...........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................... ไมผ่ ่านจุดประสงค.์ ......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................... ไดแ้ ก.่ .......................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2. สรุปผลตามรายจุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 ดา้ นพุทธิพสิ ยั (Cognitive domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.2 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.3 ด้านจติ พสิ ยั (Affective domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 3. ขอ้ เสนอแนะหลงั การจดั การเรยี นการสอน ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................ (นางสาวธันยาภรณ์ จุลศกั ด)์ิ ครูผสู้ อน

ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ตรวจแผนการจดั การเรียนร้หู นว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง พลังงานความร้อน ในแผนการจัดการ เรียนร้ทู ่ี 11 เรอ่ื ง ปริมาณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ขิ องสาร เรียบร้อยแลว้ โดยมคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี 1. คุณภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคล้อง 3. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้  ไดน้ ำกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคญั มาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ไม่ไดน้ ำกระบวนการเรยี นรูท้ เี่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ 4. การใช้ส่ือการเรียนรู้  มคี วามเหมาะสมและส่งเสริมการเรียนรขู้ องผู้เรียน  ไมส่ ่งเสรมิ การเรยี นรู้ของผู้เรียน 5. การวัดและการประเมนิ ผล  สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้  ไมส่ อดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 6. การนำแผนการจดั การเรียนรไู้ ปใช้  นำไปใช้ได้จรงิ  ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้ ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................................... ลงชื่อ ..................................................... (นางรชั นี หนูน้อย) ตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วนั ท่ี ............ เดือน ........................... พ.ศ. ..............

ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร ไดต้ รวจแผนการจดั การเรยี นรูห้ น่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรือ่ ง พลังงานความรอ้ น ในแผนการจดั การ เรยี นรูท้ ี่ 11 เร่อื ง ปริมาณความร้อนกับการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ขิ องสาร เรียบรอ้ ยแล้ว โดยมคี วามคิดเหน็ ดงั นี้ 1. คณุ ภาพของแผนการจดั การเรียนรู้  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชว้ี ดั  สอดคล้อง  ไม่สอดคลอ้ ง 3. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้  ไดน้ ำกระบวนการเรยี นรู้ทเี่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั มาใช้ได้อยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ดน้ ำกระบวนการเรยี นรทู้ ีเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญมาใช้ 4. การใชส้ อ่ื การเรียนรู้  มีความเหมาะสมและส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของผเู้ รยี น  ไมส่ ่งเสรมิ การเรียนรู้ของผ้เู รยี น 5. การวัดและการประเมนิ ผล  สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้  ไม่สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 6. การนำแผนการจดั การเรียนรู้ไปใช้  นำไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้ ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................... ลงช่ือ ..................................................... (นางสมัชญา ผุดผ่อง) ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนวงั จันทรว์ ิทยา กลุ่มบริหารงานวชิ าการ วนั ท่ี ............ เดอื น ........................... พ.ศ. ..............

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 : ส่อื วดี ิทศั น์

ส่อื การเรยี นร้แู ผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 : เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้

ส่อื การเรียนร้แู ผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 11 : เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ตอ่ )

ส่อื การเรียนร้แู ผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 11 : เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ตอ่ )

ส่อื การเรียนร้แู ผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 11 : เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ตอ่ )

ส่อื การเรยี นร้แู ผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 11 : แบบฝกึ หดั

ส่อื การเรยี นรู้แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 : เฉลยแบบฝกึ หดั

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว21102 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เวลา 1 คาบเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 พลงั งานความรอ้ น เรอ่ื ง การคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปลี่ยนอุณหภูมขิ องสาร 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจาํ วนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวข้อง กับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ารวมท้ังนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ัด ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคำนวณปรมิ าณความร้อนที่ทำให้สสาร เปลี่ยนอณุ หภมู ิ และเปล่ยี นสถานะ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสําคัญ เมอื่ สสารได้รบั หรือสูญเสียความรอ้ นอาจทำให้สสารเปลี่ยนอณุ หภูมิ เปล่ียนสถานะ หรอื เปลย่ี น รปู รา่ งปริมาณความร้อนท่ีทำใหส้ สารเปลย่ี นอุณหภมู ขิ ึน้ กบั มวล ความรอ้ นจำเพาะ และอุณหภมู ทิ ี่ เปล่ยี นไป 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นพุทธิพิสยั (Cognitive domain) นักเรียนสามารถอธิบายความร้เู กี่ยวกบั การคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ โดยใช้สมการ Q = mc∆t ได้ ด้านทกั ษะพิสัย (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิโดยใช้สมการ Q = mc∆t ได้ ดา้ นจติ พสิ ัย (Affective domain) นักเรยี นมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรยี นรอู้ ยู่ในระดับดี

4. คุณลกั ษณะผ้เู รยี น 4.1 คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  อยอู่ ย่างพอเพียง  ซื่อสัตยส์ จุ ริต  มุ่งม่นั ในการทำงาน  มีวนิ ัย  รักความเป็นไทย  ใฝเ่ รยี นรู้  มีจติ สาธารณะ 5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน  ความสามารถในการคิด : นักเรยี นสามารถอธบิ ายความรเู้ กยี่ วกับการคำนวณปริมาณความร้อนกับ การเปลยี่ นแปลงอุณหภมู ิ โดยใช้สมการ Q = mc∆t ได้  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี : นักเรียนสามารถใชเ้ ทคโนโลยีในการเรยี นรู้ได้ 6. สาระการเรียนรู้ การเปล่ยี นสถานะของสารอาจเปน็ การเปลย่ี นแปลงประเภทดดู พลังงานหรือคายพลังงาน ตัวอย่างการ เปลยี่ นแปลงสถานะของสารท่ีพบในชีวิตประจำวันได้แก่ นำ้ แขง็ หลอมเหลวกลายเป็นน้ำและนำ้ ได้รับความร้อน กลายเป็นไอเป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน ในทางตรงกันข้ามเมื่อไอน้ำเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็น น้ำและน้ำแข็ง เปน็ การเปลีย่ นแปลงประเภทคายความรอ้ น การคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร สามารถแยกพจิ ารณาได้ 2 กรณี ดังน้ี กรณที ี่ 1 การคำนวณปรมิ าณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิ คำนวณได้จาก สมการ Q = mc∆t เมอื่ Q คอื ปรมิ าณความรอ้ นท่สี ารไดร้ ับ มีหนว่ ยเป็นแคลอรี M คือ มวลของสาร มหี นว่ ยเปน็ กรัม c คือ ความรอ้ นจำเพาะของสาร มีหน่วยเป็น แคลอรตี ่อกรมั ×องศาเซลเซียส ∆t คอื อุณหภูมิของนำ้ ทีเ่ ปลี่ยนไป มีหนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส กรณที ี่ 2 การคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีกบั การเปล่ยี นสถานะ คำนวณไดจ้ าก สมการ Q = mL เม่ือ Q คือ ปรมิ าณความรอ้ น มหี น่วยเป็นแคลอรี M คือ มวลของสาร มหี น่วยเป็นกรัม L คือ ความรอ้ นแฝงจำเพาะของสาร มีหน่วยเปน็ แคลอรีตอ่ กรมั น้ำมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรัม หมายความว่า ในการทำน้ำแข็ง 1 กรมั ใหห้ ลอมเหลวเปน็ นำ้ ตอ้ งใช้พลังงานความรอ้ น 80 แคลอรี นำ้ มคี ่าความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ 540 แคลอรีตอ่ กรมั หมายความวา่ ในการทำนำ้ 1 กรมั อณุ หภมู ิ 100 องศาเซลเซียส ใหเ้ ปลยี่ นเป็นไอน้ำ 1 กรัม อณุ หภมู ิ 100 องศาเซลเซยี ส ต้องใช้พลังงาน ความรอ้ น 540 แคลอรี

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรยี นกลบั ด้าน (Flipped Classroom) 7.1 ขัน้ กำหนดยทุ ธวิธเี พ่มิ พูนประสบการณ์ (Experiential Engagement) (ในช้ันเรยี น) นักเรียนทบทวนความรเู้ ดมิ เก่ียวกับผลของความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิของสาร ผา่ นประเดน็ คำถามทค่ี รูตั้งขึ้นจากสถานการณจ์ ำลอง “บะหมี่ก่ึงสำเรจ็ รปู ถ้วยร้อน” ดังนี้ - นกั เรียนคดิ วา่ เกิดสง่ิ ใดขนึ้ กับนำ้ จากสถานการณน์ บ้ี า้ ง เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ น้ำร้อนขน้ึ จากการไดร้ บั ความรอ้ นจากแหลง่ สร้างความรอ้ น และทำใหบ้ ะหมก่ี ึ่ง สำเรจ็ รูปสุก) - น้ำรอ้ นขึน้ เปน็ การเปล่ียนแปลงประเภทใด เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ เปน็ การเปล่ียนแปลงประเภทดดู ความรอ้ น เนื่องจากน้ำร้อนขึน้ หากตั้งให้ ความร้อนเพิ่มข้ึนอีกน้ำจะมโี อกาสระเหยกลายเป็นไอนำ้ ) - นอกจากสถานการณ์จำลองน้ี นกั เรยี นเคยพบเหน็ หรือมีประสบการณ์เกีย่ วข้องกบั การพลงั งาน ความรอ้ นกับการเปลยี่ นแปลงอุณหภมู ิของสารอยา่ งไรบา้ ง (พิจารณาจากความเหมาะสมของคำตอบ) 7.2 ข้ันสืบค้นเพื่อใหเ้ กิดมโนทัศนร์ วบยอด (Concept Exploration) (ศึกษานอกเวลาเรยี น) นกั เรียนสืบค้นและศกึ ษาวิดีโอ 2 : การคำนวณปรมิ าณความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิของ สาร เพื่อตอบคำถามในตัวอย่างท่ี 1 และ 2 เร่ืองการคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปล่ียนแปลง อุณหภูมิของสาร ดงั นี้ - สมการการคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ิของสาร Q = mc∆t เมอื่ Q คือ ปริมาณความรอ้ นทส่ี ารไดร้ บั มหี น่วยเปน็ แคลอรี M คือ มวลของสาร มหี นว่ ยเป็นกรัม c คอื ความรอ้ นจำเพาะของสาร มหี นว่ ยเปน็ แคลอรีต่อกรมั ×องศาเซลเซยี ส ∆t คอื อณุ หภมู ขิ องนำ้ ทีเ่ ปลี่ยนไป มีหนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส - ขัน้ ตอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาการคำนวณปริมาณความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงของสาร ตามแนวคิดของ Polya (1957) 4 ข้ันตอน ได้แก่

1. ทำความเข้าใจปัญหา 2. วางแผนการแกป้ ัญหา 3. ดำเนนิ การตามแผน 4. ตรวจสอบผลลพั ธ์ โดยให้นักเรียนศึกษาจากแหลง่ สืบคน้ ข้อมลู ท่ีครูไดจ้ ดั เตรยี มไว้ให้ ดังต่อไปน้ี Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630 นักเรียนสรุปความคดิ สำคญั เรอ่ื ง การคำนวณปรมิ าณความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ิของ สาร ลงในสมุด 7.3 ขั้นสรา้ งองค์ความรู้อยา่ งมคี วามหมาย (Meaning Making) (ศึกษานอกเวลาเรยี น) นกั เรยี นสรา้ งองค์ความรู้ เร่ือง การคำนวณปริมาณความร้อนกบั การเปลีย่ นแปลงอณุ หภูมิของสาร ลงในสมดุ และใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายคำตอบของตวั อย่างที่ 1 และ 2 ผ่านโพสต์ใน Facebook Group จากโจทย์การคำนวณ ตวั อย่างท่ี 1 ต้องใหป้ รมิ าณความรอ้ นแกน่ ้ำกแ่ี คลอรี เพอ่ื ทำให้นำ้ ทมี่ ีมวล 100 กรมั มีอุณหภมู ิ เพม่ิ ขนึ้ จาก 20 องศาเซลเซยี สเปน็ 50 องศาเซลเซียส ตัวอยา่ งท่ี 2 ต้องให้ความร้อนแกท่ องก่ีแคลอรี เพอื่ ทำใหท้ องท่ีมีมวล 100 กรมั มีอณุ หภมู ิเพม่ิ ขน้ึ จาก 20 องศาเซลเซียส เป็น 50 องศาเซลเซียส (ความร้อนจำเพาะของทอง เทา่ กับ 0.03 แคลอรี/กรัม องศาเซลเซยี ส) นกั เรียนศกึ ษาและลงข้อสรปุ จากสิง่ ทีน่ ักเรียนศึกษา ใหไ้ ด้ถงึ ข้นั ตอนการคำนวณปรมิ าณความร้อน กบั การเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิของสาร การคำนวณ การหาคำตอบ และการตรวจคำตอบ 7.4 ขั้นสาธติ และประยกุ ต์ใช้ (Demonstration & Application) (ในชนั้ เรียน) ครูสาธติ การแก้โจทย์ปัญหาการคำนวณปริมาณความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมขิ องสาร โดยกระบวนการแกโ้ จทย์ปัญหาโดยใช้กระบวนการของ Polya โดยเรม่ิ จากการอธิบายกระบวนการการแก้

โจทยป์ ญั หาตามแนวคดิ ของ Polya วา่ ประกอบไปด้วย 4 ขัน้ ตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 ทำความเขา้ ใจโจทย์ ปญั หา ขนั้ ท่ี 2 วางแผนแกโ้ จทย์ปญั หา ขนั้ ท่ี 3 ปฏบิ ัตติ ามแผน ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบผลลพั ธ์ พร้อมทง้ั อธบิ าย รายละเอียดในแต่ละขนั้ ตอน ดังนี้ ตัวอยา่ งท่ี 3 เครื่องทำนำ้ อุ่นให้ความร้อนวินาทลี ะ 1,000 แคลอรี เมื่อสง่ น้ำมวล 2,000 กรมั อณุ ภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส เข้าไปในเคร่ืองทำนำ้ อนุ่ เปน็ เวลา 20 วินาที นำ้ ทีอ่ อกจากเคร่ืองทำน้ำอุ่นจะมี อณุ หภูมิเป็นกอ่ี งศา ขัน้ ที่ 1 ทำความเข้าใจโจทย์ปัญหา นักเรียนและครรู ่วมกันวเิ คราะห์ทำความเข้าใจโจทย์ โดยให้ นกั เรยี นรว่ มบอกรายละเอยี ดวา่ โจทย์ปญั หาวา่ เปน็ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั อะไร บอกส่งิ ทโ่ี จทย์กำหนดให้ บอกส่ิง ท่ีโจทย์ถาม ผ่านการตั้งคำถาม ดงั นี้ - โจทย์ปญั หาข้อนเ้ี ป็นเรื่องราวเกยี่ วกับอะไร - โจทย์กำหนดอะไรให้บา้ ง - เคร่อื งทำนำ้ อ่นุ ให้ความรอ้ นวนิ าทีละเท่าไร - ใชเ้ ครอ่ื งทำนำ้ อนุ่ เป็นเวลาเทา่ ไร - โจทยถ์ ามอะไร โดยใหน้ ักเรียนเขยี นสิง่ ทโ่ี จทย์กำหนดให้พร้อมหนว่ ย ดา้ นบทโจทยป์ ัญหา ขน้ั ที่ 2 วางแผนแก้ปญั หา นักเรียนร่วมกันแก้โจทย์ปัญหาโดยใหน้ ักเรยี นบอกขน้ั ตอน วธิ ีการหา คำตอบว่าต้องทำอย่างไร - เคร่ืองทำนำ้ อ่นุ ให้ความรอ้ นวินาทลี ะ 1,000 แคลอรี เม่ือสง่ น้ำมวล 2,000 กรมั อณุ ภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส เข้าไปในเครื่องทำน้ำอุ่นเปน็ เวลา 20 วนิ าที ดงั น้นั จะต้องหาปริมาณความร้อน กอ่ น โดยดำเนินการ นำ 1,000 x 20 = 20,000 แคลอรี ซงึ่ คอื ค่า Q ในสมการ - นำคา่ ที่โจทย์กำหนดใหแ้ ทนลงในสมการ Q = mc∆t เพ่อื หาคำตอบของโจทยป์ ัญหาข้อน้ี ข้ันท่ี 3 ปฏิบตั ิตามแผน นักเรียนและครูลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามแผน โดยคิดคำนวณหาคำตอบและ แสดงวิธที ำ เพื่อคำตอบของโจทยป์ ัญหา ดงั นี้ จากสมการ Q = mc∆t แทนคา่ = 2,000 ������ 1 ������ (������สงู – 25) 20,000 20,000 = 1 ������ (������สงู − 25) 2,000 = 1 ������ (������สงู − 25) 10

10 = (������สงู − 25) 10 + 25 = ������สงู ������สงู = 35 องศาเซลเซยี ส ดังนัน้ น้ำทอ่ี อกจากเครื่องทำน้ำอ่นุ จะมีอุณหภูมเิ ปน็ 35 องศาเซลเซยี ส ขัน้ ท่ี 4 ตรวจสอบผลลัพธ์ นักเรยี นและครูรว่ มกนั พิจารณาความสมเหตุสมผลของคำตอบท่ีได้ รวมถงึ พจิ ารณาวิธกี ารแก้ปัญหาอืน่ ๆ อีกหรอื ไม่ ผา่ นการตัง้ คำถาม ดงั น้ี - จะมีวิธกี ารใดในการแก้โจทยป์ ญั หาอนื่ ๆ อีกหรอื ไม่ อย่างไร - นกั เรียนมีวธิ กี ารตรวจสอบผลลพั ธ์ของตนเองวา่ คำตอบถกู ต้องหรอื ไม่ อยา่ งไร นกั เรียนและครูทำแบบฝึกหดั เร่ือง ความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมิของสาร หนา้ ที่ 3 (ขอ้ ท่ี 1) ครูถามนักเรยี นเปน็ ระยะเพ่ือกระต้นุ และตรวจสอบความเขา้ ใจ แนะนำ ชว่ ยเหลือนักเรยี น และ ตรวจสอบนกั เรียนและให้นักเรียนสง่ แบบฝกึ หัดเพื่อนำมาตรวจสอบการทำงานของนกั เรียนอกี ครั้งหนึ่ง 8. ชนิ้ งาน / ภาระงาน - แบบฝดึ หัด เรอ่ื ง การคำนวณปรมิ าณความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิของสาร 9. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ Google Classroom : https://classroom.google.com/c/MzY4NDU4NDgwMTE1/p/NDQyOTM2MTg3ODQw/details Google sites : https://sites.google.com/wangchan.ac.th/mind-science Facebook Group : https://www.facebook.com/Mind.Julasak.MJ/videos/1002816196965630

10. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธีการวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ 1. ด้านพุทธพิ สิ ยั (Cognitive domain) นักเรยี นสามารถอธบิ าย การตอบคำถาม ขอ้ คำถาม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 70 ความรู้เกยี่ วกบั การ ในชัน้ เรียน คำนวณปรมิ าณความ ร้อนกบั การเปลี่ยนแปลง อณุ หภมู ิ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t ได้ 2. ด้านทกั ษะพิสัย (Psychomotor domain) นกั เรียนสามารถคำนวณ การทำแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ทักษะ ปริมาณความร้อนกับ การคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปลยี่ นแปลง การเปล่ยี นแปลงของสาร อุณหภูมิโดยใชส้ มการ ร้อยละ 70 Q = mc∆t ได้ 3. ด้านจิตพสิ ยั (Affective domain) นักเรียนมสี ่วนรว่ ม สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นรู้ ในกจิ กรรมการเรยี นรู้ อยใู่ นระดับดี การเรียน การเรียน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70

แบบวเิ คราะหก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) แบบวิเคราะห์การประเมินผลการเรยี นรู้ (Assessment blueprint) ประกอบดว้ ย วตั ถุประสงค์ การเรยี นรู้ท่ตี ้องการวัด และความสอดคล้องด้านพุทธพิ ิสัย ทกั ษะพสิ ัย และจิตพสิ ยั วตั ถปุ ระสงค์ พฤตกิ รรมการประเมนิ เทคนคิ ระดบั พฤติกรรม (%) การ พุทธพิ สิ ัย จิตพิสยั ประเมนิ ทักษะพสิ ัย 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม นักเรยี นสามารถ แบบประเมนิ อธิบายความรู้ การตอบ เกย่ี วกบั การ คำถาม คำนวณปรมิ าณ ความร้อนกับการ 20 40 20 20 100 เปลย่ี นแปลง อุณหภมู ิ โดยใช้ สมการ Q = mc∆t 2. นกั เรยี นสามารถ 20 20 20 40 100 แบบประเมนิ คำนวณปริมาณ ทักษะการ ความรอ้ นกับการ แกป้ ญั หา เปลี่ยนแปลง โจทย์การ อณุ หภูมโิ ดยใช้ คำนวณ สมการ Q = mc∆t ปรมิ าณความ ได้ รอ้ นกับการ เปลี่ยนแปลง 3. นักเรยี นมี ของสาร สว่ นรว่ มใน กิจกรรมการ 20 40 20 แบบสงั เกต เรยี นรู้ พฤติกรรม อยใู่ นระดับดี 20 100 การเรียน รวม 20 40 20 100 20 20 20 40 100 20 40 20 20 100

**หมายเหตุ : ความหมายของตารางวเิ คราะหก์ ารประเมิน พุทธิพิสยั ทกั ษะพสิ ยั จิตพสิ ัย 1 = ความจำ 1 = การรับรู้ 1 = การรบั รสู้ ิง่ เร้า 2 = เข้าใจ 3 = นำไปใช้ 2 = การตระเตรยี ม 2 = การตอบสนอง 4 = วเิ คราะห์ 5 = ประเมินคา่ 3 = การตอบสนองตามคำช้ีแนะ 3 = การสร้างคณุ ค่า 6 = สรา้ งสรรค์ 4 = การสร้างกลไก 4 = การจดั ระบบคุณค่า 5 = การตอบสนองท่ซี ับซ้อนขึ้น 5 = การสร้างลกั ษณะนสิ ยั 6 = การดดั แปลงให้เหมาะสม 7 = การรเิ ริม่ ใหม่

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ดา้ นพทุ ธิพสิ ัย (Cognitive domain) แบบประเมนิ การตอบคำถาม คำชแี้ จง : ให้ผปู้ ระเมนิ ทำการตอบคำถามของนักเรยี น ตามเกณฑก์ ารประเมินการตอบคำถาม (ความถูกต้อง) ลำดบั ชื่อ - สกุล ระดับคะแนน สรปุ การประเมนิ ที่ 5 4 3 2 1 0 ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จลุ ศกั ด์ิ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์การประเมินการตอบคำถาม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : พจิ ารณาดังตารางต่อไปนี้ ประเด็นที่ 5 4 ระดบั คะแนน 1 0 ประเมนิ 32 คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบ คำตอบ ถกู ต้อง 5 ข้อ ถกู ตอ้ ง คำตอบ คำตอบถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง 4 ข้อ ถกู ต้อง 2 ข้อ 1 ขอ้ 3 ขอ้ เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ : นกั เรียนมรี ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไป

คำอธบิ ายประกอบการประเมนิ ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor domain) แบบประเมนิ ทักษะการแกป้ ัญหาโจทยก์ ารคำนวณปรมิ าณความรอ้ นกับการเปล่ียนแปลงของสาร คำช้แี จง : ใหผ้ ูป้ ระเมนิ ทำการประเมนิ แบบประเมินทกั ษะการแก้ปัญหาโจทย์การคำนวณ ลำดบั ระดับคะแนน สรปุ การประเมนิ ที่ ชอื่ - สกลุ 9- 7-8 5-6 3-4 1- 0 ผา่ น ไมผ่ ่าน 10 2 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.....................................................ผ้ปู ระเมนิ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จลุ ศักดิ)์ วนั ท.ี่ ............เดือน.....................พ.ศ

เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะการแก้ปัญหาโจทย์การคำนวณปรมิ าณความรอ้ นกับการเปลี่ยนแปลงของสาร เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : พิจารณาดงั ตารางต่อไปนี้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน คะแนน 1. ทำความเข้าใจปญั หา 2 - เขียนสงิ่ ทโ่ี จทยกำหนดให้ และสงิ่ ทโ่ี จทย์ถามได้ถูกตอ้ งครบถ้วน 2 - เขียนสิ่งทโี่ จทยกำหนดให้ และสิ่งท่โี จทยถ์ ามไดถ้ กู ตอ้ งได้บางสว่ น 1 - เขียนสงิ่ ท่ีโจทย์กำหนดใหแ้ ละสง่ิ ที่โจทย์ถามไมถ่ กู ต้อง หรือไมเ่ ขียน 0 2. วางแผนการแกป้ ญั หา 2 - เขียนวธิ ีแก้ปญั หาไดถ้ กู ต้อง 2 - เขยี นวิธีแกป้ ญั หา ซ่งึ อาจจะนำไปสู่คำตอบท่ถี ูกต้อง แตย่ งั มบี างสว่ นผิด 1 - เขยี นวิธีแก้ปญั หาไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่เขยี น 0 3. ดำเนนิ การตามแผน 4 - เขยี นแสดงการคำนวณไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจนและหาคำตอบไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 4 - เขยี นแสดงการคำนวณได้ถกู ต้องชัดเจนและหาคำตอบได้ถูกต้องบางส่วน 3 - เขียนแสดงการคำนวณไดถ้ ูกต้องบางส่วนและหาคำตอบได้ถูกต้องครบถ้วน - เขียนแสดงการคำนวณไดถ้ ูกตอ้ งบางสว่ นและหาคำตอบได้ถูกต้องบางส่วน 2 - เขียนแสดงการคำนวณไดถ้ กู ต้องบางส่วนและหาคำตอบไม่ถกู ต้องหรือ 1 ไมเ่ ขยี น 0 - เขียนแสดงการคำนวณไม่ถกู ต้องหรือไม่เขียนและหาคำตอบได้ถูกต้อง 2 2 บางสว่ น 1 - เขียนแสดงการคำนวณไมถ่ กู ตอ้ งและหาคำตอบไมถ่ กู ตอ้ งหรือไมเ่ ขียน 0 4. ตรวจสอบผลลพั ธ์ - เขยี นแสดงการตรวจคำตอบของปญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง - เขียนแสดงการตรวจคำตอบของปัญหาได้ถูกต้องบางส่วน - เขียนแสดงการตรวจคำตอบของปัญหาไม่ถูกตอ้ ง - ไมเ่ ขียนแสดงการตรวจคำตอบของปัญหา เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน : นักเรียนมี8คะแนนคิดเป็นร้อยละ 70 ข้ึนไป

บนั ทึกหลังการสอน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 พลังงานความร้อน...... ... ... แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 12 การคำนวณปริมาณความรอ้ นกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของสาร 1. สรุปผลการเรยี นการสอน 1. นักเรียนจำนวน............คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้...........คน คิดเปน็ ร้อยละ.................... ไม่ผ่านจุดประสงค.์ ......................คน คิดเป็นร้อยละ.................... ไดแ้ ก.่ .......................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2. สรุปผลตามรายจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ดา้ นพุทธพิ ิสยั (Cognitive domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.2 ด้านทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.3 ด้านจติ พิสัย (Affective domain) ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 3. ข้อเสนอแนะหลังการจดั การเรยี นการสอน ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................ (นางสาวธนั ยาภรณ์ จลุ ศกั ด)ิ์ ครูผ้สู อน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook