Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook - การจัดการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19

ebook - การจัดการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19

Published by i love love my book, 2021-06-03 08:06:42

Description: ebook - การจัดการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19

Search

Read the Text Version

๔๓ ชัน้ ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้  ป.๔ 9 ค 1.1 ป.4/9 หำคำ่ ของตัวไม่ทรำบค่ำ  ในประโยคสญั ลกั ษณ์ แสดง   กำรคูณของจำนวนหลำยหลัก  ๒ จำนวน ทีม่ ีผลคูณไมเ่ กนิ   ๖ หลัก และประโยคสัญลักษณ์   แสดงกำรหำรท่ตี วั ต้ังไม่เกนิ  ๖ หลกั ตัวหำรไมเ่ กิน ๒ หลัก 10 ค 1.1 ป.4/10 หำผลลพั ธ์กำรบวก ลบ คูณ หำรระคนของจำนวนนบั และ ๐ 11 ค 1.1 ป.4/11 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทยป์ ญั หำ ๒ ข้ันตอนของจำนวนนับท่ีมำกกว่ำ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ 12 ค 1.1 ป.4/12 สร้ำงโจทย์ปัญหำ ๒ ข้ันตอน ของจำนวนนบั และ ๐ พรอ้ มทั้ง หำคำตอบ 13 ค 1.1 ป.4/13 หำผลบวก ผลลบของเศษสว่ น การบวก การลบเศษส่วน และจำนวนคละทต่ี ัวส่วนตวั หน่ึง - กำรบวก กำรลบเศษส่วนและจำนวนคละ เปน็ พหคุ ูณของอีกตวั หน่งึ - กำรแก้โจทย์ปัญหำกำรบวกและโจทย์ 14 ค 1.1 ป.4/14 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ ปญั หำกำรลบเศษสว่ นและจำนวนคละ กำรบวกและโจทย์ปัญหำกำรลบ เศษส่วนและจำนวนคละท่ีตัวส่วน ตวั หนงึ่ เป็นพหุคณู ของอีกตัวหน่งึ 15 ค 1.1 ป.4/15 หำผลบวก ผลลบของทศนยิ ม การบวก การลบทศนิยม ไมเ่ กนิ ๓ ตำแหน่ง - กำรบวก กำรลบทศนยิ ม 16 ค 1.1 ป.4/16 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ - กำรแก้โจทยป์ ัญหำกำรบวก กำรลบ กำรบวก กำรลบ ๒ ข้นั ตอนของ ทศนยิ มไม่เกิน ๒ ข้ันตอน ทศนิยมไมเ่ กนิ ๓ ตำแหน่ง 17 ค 2.1 ป.4/1 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ เวลา เกีย่ วกบั เวลำ - กำรบอกระยะเวลำเป็นวินำที นำที ช่วั โมงวัน สปั ดำหเ์ ดือน ปี - กำรเปรยี บเทียบระยะเวลำ โดยใช้ ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งหนว่ ยเวลำ - กำรอำ่ นตำรำงเวลำ - กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำเก่ยี วกับเวลำ 18 ค 2.1 ป.4/2 วดั และสรำ้ งมุม โดยใช้โพรแทรกเตอร์ การวดั และสร้างมุม - กำรวดั ขนำดของมุมโดยใชโ้ พรแทรกเตอร์ - กำรสร้ำงมุมเม่ือกำหนดขนำดของมมุ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๔๔ ช้ัน ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๔ 19 ค 2.1 ป.4/3 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ  เก่ียวกบั ควำมยำวรอบรูปและ รปู สีเ่ หล่ียมมุมฉาก  20 ค 2.2 ป.4/1 พ้นื ทีข่ องรูปสเี่ หล่ียมมุมฉำก 7 21 ค 2.2 ป.4/2 - ควำมยำวรอบรปู ของรปู สเี่ หลย่ี มมมุ ฉำก จำแนกชนดิ ของมุม บอกชื่อมุม 22 ค 3.1 ป.4/1 ส่วนประกอบของมุมและเขียน - พน้ื ที่ของรปู สเ่ี หล่ยี มมมุ ฉำก สญั ลกั ษณ์แสดงมุม สร้ำงรูปสี่เหลีย่ มมมุ ฉำก - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเก่ยี วกับควำมยำว เม่ือกำหนดควำมยำวของด้ำน รอบรปู และพน้ื ท่ขี องรูปส่ีเหล่ียมมมุ ฉำก ใช้ขอ้ มลู จำกแผนภูมิแท่ง ตำรำงสองทำงในกำรหำคำตอบ รปู เรขาคณิต  ของโจทยป์ ัญหำ - ระนำบ จดุ เสน้ ตรง รังสี สว่ นของเส้นตรง รวม 22 ตัวชี้วดั และสญั ลกั ษณแ์ สดงเสน้ ตรง รงั สสี ว่ น ของเสน้ ตรง - มุม o ส่วนประกอบของมุม o กำรเรยี กชอ่ื มุม o สญั ลักษณแ์ สดงมุม o ชนดิ ของมุม - ชนดิ และสมบตั ขิ องรูปส่ีเหล่ียมมมุ ฉำก - กำรสรำ้ งรูปส่เี หลี่ยมมมุ ฉำก การนาเสนอข้อมลู  - กำรอ่ำนและกำรเขยี นแผนภมู ิแท่ง (ไมร่ วมกำรย่นระยะ) - กำรอ่ำนตำรำงสองทำง (two - way table) 15 สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๔๕ ช้นั ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๕ 1 ค 1.1 ป.5/1 เขยี นเศษสว่ นที่มีตวั ส่วน ทศนยิ ม  เปน็ ตวั ประกอบของ ๑๐ หรือ - ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงเศษส่วนและ ๑๐๐ หรอื ๑,๐๐๐ในรูปทศนยิ ม ทศนยิ ม - คำ่ ประมำณของทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง เป็นจำนวนเตม็ ทศนิยม ๑ ตำแหน่ง และ ๒ ตำแหน่ง กำรใช้ เครื่องหมำย ≈ 2 ค 1.1 ป.5/2 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ จานวนนับและ ๐ การบวก การลบ  โดยใชบ้ ัญญตั ิไตรยำงศ์ การคูณ และการหาร - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำ โดยใช้ บญั ญัตไิ ตรยำงศ์ 3 ค 1.1 ป.5/3 หำผลบวก ผลลบของเศษส่วนและ เศษส่วน และการบวก การลบ การคณู  จำนวนคละ การหารเศษส่วน 4 ค 1.1 ป.5/4 หำผลคูณ ผลหำรของเศษส่วนและ - กำรเปรียบเทยี บเศษส่วนและจำนวนคละ  - กำรบวก กำรลบของเศษสว่ นและ จำนวนคละ 5 ค 1.1 ป.5/5 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ จำนวนคละ  กำรบวก กำรลบ กำรคณู กำรหำร - กำรคูณ กำรหำรของเศษส่วนและ จำนวนคละ เศษสว่ น ๒ ขั้นตอน - กำรบวก ลบ คูณ หำรระคนของเศษสว่ น และจำนวนคละ - กำรแก้โจทย์ปัญหำเศษสว่ นและ จำนวนคละ 6 ค 1.1 ป.5/6 หำผลคูณของทศนยิ มที่ผลคูณ การคณู การหารทศนิยม  เปน็ ทศนิยมไม่เกนิ ๓ ตำแหน่ง - กำรประมำณผลลัพธ์ของกำรบวก 7 ค 1.1 ป.5/7 หำผลหำรท่ตี ัวตง้ั เปน็ จำนวนนบั กำรลบ กำรคูณ กำรหำรทศนิยม  หรือทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตำแหน่ง - กำรคูณทศนยิ ม และตวั หำรเป็นจำนวนนบั ผลหำร - กำรหำรทศนยิ ม เปน็ ทศนยิ ม ไม่เกิน ๓ ตำแหนง่ - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำเกี่ยวกบั ทศนยิ ม 8 ค 1.1 ป.5/8 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ  กำรบวก กำรลบ กำรคณู กำรหำร ทศนยิ ม ๒ ขนั้ ตอน 9 ค 1.1 ป.5/9 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ รอ้ ยละหรอื เปอร์เซ็นต์  ร้อยละไมเ่ กิน ๒ ขน้ั ตอน - กำรอ่ำนและกำรเขยี นรอ้ ยละหรอื เปอรเ์ ซน็ ต์ - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำร้อยละ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน รว่ มกับ สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๔๖ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๕ 10 ค 2.1 ป.5/1 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ ความยาว  เก่ยี วกบั ควำมยำวท่ีมีกำรเปล่ียนหน่วย - ควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งหน่วยควำมยำว และเขียนในรปู ทศนิยม เซนติเมตรกบั มิลลเิ มตร เมตรกบั เซนตเิ มตรกิโลเมตรกับเมตร โดยใช้ ควำมร้เู รอื่ งทศนิยม - กำรแก้โจทย์ปญั หำเกี่ยวกบั ควำมยำว โดยใชค้ วำมรู้เร่ืองกำรเปลี่ยนหน่วยและ ทศนิยม 11 ค 2.1 ป.5/2 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ นา้ หนัก  เก่ยี วกบั น้ำหนกั ทม่ี ีกำรเปลี่ยนหน่วย - ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งหน่วยน้ำหนกั และเขยี นในรูปทศนยิ ม กโิ ลกรมั กับกรัม โดยใชค้ วำมรเู้ รื่องทศนยิ ม - กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำเกย่ี วกับน้ำหนกั โดยใชค้ วำมร้เู รอ่ื งกำรเปล่ียนหน่วยและ ทศนิยม 12 ค 2.1 ป.5/3 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ ปรมิ าตรและความจุ  เกี่ยวกบั ปริมำตรของทรงส่ีเหล่ยี ม - ปรมิ ำตรของทรงสเ่ี หลีย่ มมุมฉำกและ มมุ ฉำกและควำมจขุ องภำชนะ ควำมจขุ องภำชนะทรงส่ีเหล่ยี มมุมฉำก ทรงส่ีเหลีย่ มมมุ ฉำก - ควำมสัมพันธ์ระหวำ่ ง มลิ ลลิ ิตร ลิตร ลกู บำศกเ์ ซนติเมตร และลกู บำศก์เมตร - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเกีย่ วกับปริมำตรของ ทรงส่ีเหลย่ี มมุมฉำกและควำมจุของ ภำชนะทรงส่ีเหล่ยี มมมุ ฉำก 13 ค 2.1 ป.5/4 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปญั หำ รูปเรขาคณติ สองมติ ิ  เกยี่ วกบั ควำมยำวรอบรปู ของ - ควำมยำวรอบรปู ของรูปส่ีเหลีย่ ม รปู ส่ีเหลย่ี มและพน้ื ท่ขี องรูปสเี่ หล่ียม - พน้ื ทขี่ องรปู สี่เหลีย่ มดำ้ นขนำน ด้ำนขนำนและรูปสเ่ี หล่ียมขนมเปียกปูน และรปู สี่เหลี่ยมขนมเปยี กปูน - กำรแกโ้ จทยป์ ญั หำเกี่ยวกับควำมยำวรอบรปู ของรูปสี่เหลีย่ มและพื้นทข่ี องรูปสีเ่ หล่ียม ดำ้ นขนำนและรปู สเ่ี หล่ียมขนมเปียกปนู 14 ค 2.2 ป.5/1 สรำ้ งเสน้ ตรงหรอื ส่วนของเส้นตรง รปู เรขาคณิต  ใหข้ นำนกับเส้นตรงหรือสว่ นของ - เส้นตั้งฉำกและสัญลักษณ์แสดงกำรตง้ั ฉำก เส้นตรง ที่กำหนดให้ - เส้นขนำนและสญั ลกั ษณ์แสดงกำรขนำน - กำรสรำ้ งเสน้ ขนำน - มมุ แย้ง มุมภำยใน และมุมภำยนอก ทีอ่ ยบู่ นข้ำงเดยี วกันของเส้นตัดขวำง (Transversal) สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔๗ รปู เรขาคณิตสองมติ ิ ต้องรู้ ควรรู้ ป.๕ 15 ค 2.2 ป.5/2 จำแนกรปู สี่เหลี่ยม โดยพิจำรณำ - ชนิดและสมบัตขิ องรปู สเี่ หล่ียม  - กำรสรำ้ งรูปส่เี หลย่ี ม จำกสมบัติของรูป  รปู เรขาคณติ สามมิติ 16 ค 2.2 ป.5/3 สร้ำงรูปสี่เหลี่ยมชนดิ ต่ำง ๆ - ลกั ษณะและสว่ นต่ำง ๆ ของปรซิ มึ  การนาเสนอข้อมลู  เมอ่ื กำหนดควำมยำวของด้ำน - กำรอ่ำนกรำฟเส้น - กำรอ่ำนและกำรเขียนแผนภมู แิ ทง่  และขนำดของมุมหรือเม่ือกำหนด 11 8 ควำมยำวของเส้นทแยงมุม 17 ค 2.2 ป.5/4 บอกลักษณะของปริซึม 18 ค 3.1 ป.5/1 ใช้ขอ้ มลู จำกกรำฟเส้น ในกำรหำ คำตอบของโจทยป์ ญั หำ 19 ค 3.1 ป.5/2 เขียนแผนภูมิแทง่ จำกข้อมลู ทเี่ ป็นจำนวนนับ รวม 19 ตวั ชี้วัด สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำน รว่ มกบั สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๔๘ ชั้น ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๖ 1 ค 1.1 ป.6/1 เปรียบเทียบ เรียงลำดบั เศษส่วน เศษสว่ น  และจำนวนคละ จำกสถำนกำรณ์ - กำรเปรยี บเทียบและเรียงลำดบั เศษส่วน ตำ่ ง ๆ และจำนวนคละโดยใชค้ วำมรู้เรื่อง ค.ร.น. 2 ค 1.1 ป.6/2 เขียนอตั รำส่วนแสดงกำรเปรยี บเทยี บ อตั ราส่วน  ปริมำณ ๒ ปรมิ ำณ จำกข้อควำม - อัตรำสว่ น อัตรำส่วนท่เี ทำ่ กัน หรือสถำนกำรณ์ โดยทป่ี ริมำณ และมำตรำส่วน แตล่ ะปริมำณเปน็ จำนวนนับ 3 ค 1.1 ป.6/3 หำอัตรำส่วนทเ่ี ทำ่ กับอัตรำส่วน  ท่ีกำหนดให้ 4 ค 1.1 ป.6/4 หำ ห.ร.ม. ของจำนวนนับไม่เกนิ จานวนนบั และ ๐  ๓ จำนวน - ตวั ประกอบ จำนวนเฉพำะ ตวั ประกอบ 5 ค 1.1 ป.6/5 หำค.ร.น. ของจำนวนนบั ไม่เกิน เฉพำะและกำรแยกตัวประกอบ  ๓ จำนวน - ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 6 ค 1.1 ป.6/6 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำเกีย่ วกบั ห.ร.ม. และ  โดยใช้ควำมรเู้ ก่ียวกบั ห.ร.ม. ค.ร.น. และ ค.ร.น. 7 ค 1.1 ป.6/7 หำผลลัพธข์ องกำรบวก ลบ คูณ การบวก การลบ การคณู การหาร  หำรระคนของเศษสว่ นและ เศษสว่ น จำนวนคละ - กำรบวก กำรลบเศษสว่ นและจำนวน 8 ค 1.1 ป.6/8 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ คละโดยใชค้ วำมรู้เรื่อง ค.ร.น.  เศษสว่ นและจำนวนคละ - กำรบวก ลบ คณู หำรระคนของเศษสว่ น ๒ -๓ ข้ันตอน และจำนวนคละ - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเศษสว่ นและจำนวนคละ 9 ค 1.1 ป.6/9 หำผลหำรของทศนยิ มท่ตี วั หำร ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู  และผลหำร เป็นทศนยิ มไมเ่ กิน การหาร ๓ ตำแหน่ง - ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเศษสว่ นและ 10 ค 1.1 ป.6/10 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ ทศนยิ ม  ปัญหำกำรบวก กำรลบ กำรคูณ - กำรหำรทศนยิ ม กำรหำรทศนยิ ม ๓ ขั้นตอน - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเกย่ี วกบั ทศนิยม (รวมกำรแลกเงินต่ำงประเทศ) 11 ค 1.1 ป.6/11 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ อัตราส่วนและร้อยละ  อตั รำสว่ น - กำรแก้โจทย์ปญั หำอตั รำส่วน 12 ค 1.1 ป.6/12 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์ปญั หำ และมำตรำส่วน  ร้อยละ ๒ - ๓ ขนั้ ตอน - กำรแกโ้ จทย์ปัญหำร้อยละ 13 ค 1.2 ป.6/1 แสดงวิธคี ิดและหำคำตอบของ แบบรูป  ปัญหำเกี่ยวกับแบบรูป - กำรแก้ปญั หำเกยี่ วกับแบบรูป สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๔๙ ชั้น ท่ี รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๖ 14 ค 2.1 ป.6/1  แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ ปรมิ าตรและความจุ 15 ค 2.1 ป.6/2  16 ค 2.1 ป.6/3 เก่ียวกับปรมิ ำตรของรปู เรขำคณิต - ปริมำตรของรปู เรขำคณิตสำมมิติ  17 ค 2.2 ป.6/1 สำมมติ ทิ ่ีประกอบด้วยทรงส่ีเหล่ียม ทป่ี ระกอบดว้ ยทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉำก  18 ค 2.2 ป.6/2  19 ค 2.2 ป.6/3 มุมฉำก - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำเก่ยี วกบั ปริมำตร 20 ค 2.2 ป.6/4  21 ค 3.1 ป.6/1 ของรูปเรขำคณติ สำมมติ ิที่ประกอบด้วย  ทรงสี่เหลย่ี มมุมฉำก  15 6 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปญั หำ รูปเรขาคณติ สองมิติ เกีย่ วกบั ควำมยำวรอบรปู และ - ควำมยำวรอบรปู และพน้ื ท่ีของรูป พนื้ ท่ขี องรูปหลำยเหล่ยี ม สำมเหลย่ี ม แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์ปญั หำ - มุมภำยในของรปู หลำยเหลี่ยม เก่ยี วกับควำมยำวรอบรูปและ - ควำมยำวรอบรูปและพน้ื ที่ของรปู หลำยเหลี่ยม พ้ืนทข่ี องวงกลม - กำรแกโ้ จทย์ปัญหำเกยี่ วกับควำมยำว รอบรูปและพืน้ ที่ของรปู หลำยเหล่ียม - ควำมยำวรอบรปู และพนื้ ท่ีของวงกลม - กำรแก้โจทย์ปญั หำเกีย่ วกบั ควำมยำว รอบรูปและพน้ื ที่ของวงกลม จำแนกรูปสำมเหลยี่ มโดยพจิ ำรณำ รปู เรขาคณิตสองมิติ จำกสมบตั ขิ องรูป - ชนิดและสมบตั ขิ องรูปสำมเหล่ยี ม สร้ำงรปู สำมเหลีย่ มเม่ือกำหนด - กำรสรำ้ งรปู สำมเหลยี่ ม ควำมยำวของด้ำนและขนำดของมุม - สว่ นต่ำง ๆ ของวงกลม - กำรสร้ำงวงกลม บอกลกั ษณะของรปู เรขำคณิต รูปเรขาคณติ สามมิติ สำมมติ ิชนิดตำ่ ง ๆ - ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย พีระมิด ระบุรูปเรขำคณิตสำมมติ ิ - รูปคลีข่ องทรงกระบอก กรวย ปริซมึ ทปี่ ระกอบจำกรูปคล่ี และระบุ พีระมิด รปู คลี่ของรปู เรขำคณิตสำมมิติ ใช้ขอ้ มลู จำกแผนภูมิรปู วงกลม การนาเสนอข้อมลู ในกำรหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - กำรอำ่ นแผนภูมริ ูปวงกลม รวม 21 ตัวชี้วดั สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๐ ชนั้ ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 ๑ ค 1.1 ม.1/1 เข้ำใจจำนวนตรรกยะและ จานวนตรรกยะ  ควำมสมั พนั ธ์ของจำนวนตรรกยะ - จำนวนเตม็ และใชส้ มบัตขิ องจำนวนตรรกยะ - สมบัตขิ องจำนวนเต็ม ในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตร์และ - ทศนิยมและเศษสว่ น ปญั หำในชีวิตจรงิ - จำนวนตรรกยะและสมบตั ิของ ๒ ค 1.1 ม.1/2 เข้ำใจและใช้สมบตั ขิ องเลขยกกำลัง จำนวนตรรกยะ  ทีม่ ีเลขช้ีกำลงั เปน็ จำนวนเต็มบวก - เลขยกกำลงั ท่ีมเี ลขชกี้ ำลงั ในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตร์และ เปน็ จำนวนเตม็ บวก - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกับจำนวนเต็ม ปญั หำในชีวิตจรงิ จำนวนตรรกยะ และเลขยกกำลังไปใช้ ในกำรแกป้ ัญหำ ๓ ค 1.1 ม.1/3 เข้ำใจและประยุกตใ์ ช้อตั รำสว่ น อัตราสว่ น  สดั สว่ นและร้อยละ ในกำรแกป้ ัญหำ - อตั รำสว่ นของจำนวนหลำย ๆ จำนวน คณติ ศำสตร์และปัญหำในชวี ติ จริง - สัดส่วน - กำรนำควำมรู้เกยี่ วกับอตั รำสว่ น สัดสว่ น และร้อยละไปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ ๔ ค 1.3 ม.1/1 เขำ้ ใจและใชส้ มบัตขิ องกำรเท่ำกัน สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว  และสมบัติของจำนวน เพื่อวิเครำะห์ - สมกำรเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว และแก้ปัญหำโดยใชส้ มกำรเชิงเส้น - กำรแก้สมกำรเชงิ เส้นตัวแปรเดียว ตัวแปรเดียว - กำรนำควำมร้เู กย่ี วกับกำรแกส้ มกำร เชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี วไปใชใ้ นชีวิตจริง ๕ ค 1.3 ม.1/2 เขำ้ ใจและใชค้ วำมรเู้ กีย่ วกบั กรำฟ สมการเชิงเสน้ สองตัวแปร  ในกำรแกป้ ญั หำคณิตศำสตร์และ - กรำฟของควำมสัมพันธ์เชงิ เสน้ ปัญหำในชวี ติ จรงิ - สมกำรเชงิ เสน้ สองตัวแปร ๖ ค 1.3 ม.1/3 เข้ำใจและใช้ควำมรเู้ ก่ยี วกบั - กำรนำควำมรู้เกย่ี วกับสมกำรเชงิ เส้น  ควำมสมั พนั ธ์เชิงเสน้ ในกำรแกป้ ญั หำ สองตวั แปรและกรำฟของควำมสัมพนั ธ์ คณติ ศำสตร์และปัญหำในชีวติ จรงิ เชงิ เส้นไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ๗ ค 2.2 ม.1/1 ใชค้ วำมรู้ทำงเรขำคณิต การสรา้ งทางเรขาคณิต  และเคร่ืองมือ เชน่ วงเวยี น - กำรสรำ้ งพ้ืนฐำนทำงเรขำคณติ และสนั ตรง รวมทงั้ โปรแกรม - กำรสรำ้ งรูปเรขำคณติ สองมิติ The Geometer’s Sketchpad โดยใชก้ ำรสรำ้ งพืน้ ฐำนทำงเรขำคณติ หรือโปรแกรมเรขำคณิตพลวัตอ่ืน ๆ - กำรนำควำมร้เู กยี่ วกับกำรสร้ำงพนื้ ฐำน เพ่ือสรำ้ งรูปเรขำคณติ ตลอดจน ทำงเรขำคณิตไปใช้ในชีวิตจรงิ นำควำมรูเ้ กีย่ วกับกำรสรำ้ งนี้ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ ในชวี ติ จรงิ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน รว่ มกับ สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๑ ช้ัน ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 8 ค 2.2 ม.1/2 เขำ้ ใจและใช้ควำมรทู้ ำงเรขำคณติ มติ สิ มั พนั ธ์ของรูปเรขาคณิต  ในกำรวเิ ครำะห์หำควำมสัมพันธ์ - หน้ำตัดของรปู เรขำคณิตสำมมิติ ระหวำ่ งรปู เรขำคณติ สองมติ ิ - ภำพที่ไดจ้ ำกกำรมองด้ำนหนำ้ และรปู เรขำคณติ สำมมิติ ด้ำนข้ำงดำ้ นบนของรปู เรขำคณิตสำมมติ ิ ท่ีประกอบขนึ้ จำกลกู บำศก์ 9 ค 3.1 ม.1/1 เข้ำใจและใชค้ วำมรทู้ ำงสถติ ิ สถิติ  ในกำรนำเสนอข้อมูลและแปล - กำรตัง้ คำถำมทำงสถติ ิ ควำมหมำยข้อมลู รวมทัง้ นำสถิติ - กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ไปใช้ในชีวิตจรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี - กำรนำเสนอข้อมลู ท่เี หมำะสม o แผนภูมิรปู ภำพ o แผนภมู ิแท่ง o กรำฟเสน้ o แผนภมู ิรปู วงกลม - กำรแปลควำมหมำยข้อมูล - กำรนำสถติ ไิ ปใชใ้ นชีวติ จริง รวม 9 ตัวช้ีวัด 9- สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พื้นฐำน รว่ มกบั สถำบนั สง่ เสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๒ ชัน้ ท่ี รหสั ตัวชี้วดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๒ ๑ ค 1.1 ม.2/1 เขำ้ ใจและใชส้ มบตั ขิ องเลขยกกำลงั จานวนตรรกยะ  ทมี่ เี ลขช้ีกำลงั เปน็ จำนวนเต็ม - เลขยกกำลงั ท่ีมเี ลขชก้ี ำลงั เปน็ จำนวนเตม็ ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์และ - กำรนำควำมรเู้ กย่ี วกับเลขยกกำลงั ไปใช้ ปญั หำในชวี ติ จริง ในกำรแกป้ ัญหำ ๒ ค 1.1 ม.2/2 เขำ้ ใจจำนวนจริงและควำมสัมพนั ธ์ จานวนจริง  ของจำนวนจริง และใชส้ มบัติของ - จำนวนอตรรกยะ จำนวนจรงิ ในกำรแก้ปัญหำ - จำนวนจริง คณติ ศำสตร์และปัญหำในชวี ิตจริง - รำกทีส่ องและรำกที่สำมของจำนวน ตรรกยะ - กำรนำควำมรเู้ กี่ยวกับจำนวนจรงิ ไปใช้ ๓ ค 1.2 ม.2/1 เขำ้ ใจหลักกำรกำรดำเนนิ กำร พหุนาม  ของพหุนำม และใชพ้ หนุ ำม - พหุนำม ในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ - กำรบวก กำรลบ และกำรคูณของพหนุ ำม - กำรหำรพหนุ ำมดว้ ยเอกนำมที่มีผลหำร เป็นพหุนำม ๔ ค 1.2 ม.2/2 เข้ำใจและใชก้ ำรแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบของพหุนาม  ของพหุนำมดีกรสี องในกำรแกป้ ัญหำ - กำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดีกรีสอง คณิตศำสตร์ โดยใช้ o สมบตั กิ ำรแจกแจง o กำลังสองสมบูรณ์ o ผลต่ำงของกำลงั สอง ๕ ค 2.1 ม.2/1 ประยุกต์ใช้ควำมร้เู ร่อื งพ้ืนที่ผิว พน้ื ทผ่ี ิว  ของปริซึมและทรงกระบอก - กำรหำพืน้ ทีผ่ วิ ของปรซิ มึ และ ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์และ ทรงกระบอก ปญั หำในชีวิตจริง - กำรนำควำมรเู้ กี่ยวกับพนื้ ที่ผวิ ของปริซึม และทรงกระบอกไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ ๖ ค 2.1 ม.2/2 ประยุกต์ใช้ควำมรู้เรอ่ื งปรมิ ำตร ปริมาตร  ของปรซิ ึมและทรงกระบอก - กำรหำปรมิ ำตรของปรซิ ึมและ ในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตร์และ ทรงกระบอก ปัญหำในชวี ติ จริง - กำรนำควำมร้เู ก่ียวกับปรมิ ำตรของปริซึม และทรงกระบอกไปใช้ในกำรแกป้ ญั หำ ๗ ค 2.2 ม.2/1 ใชค้ วำมรู้ทำงเรขำคณิตและเครอ่ื งมอื การสรา้ งทางเรขาคณติ  เช่น วงเวียนและสันตรง รวมทง้ั - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกบั กำรสรำ้ ง โปรแกรม The Geometer’s ทำงเรขำคณิตไปใชใ้ นชีวติ จรงิ Sketchpad หรือโปรแกรม เรขำคณติ พลวัตอ่ืน ๆ เพอื่ สร้ำง รปู เรขำคณิต ตลอดจนนำควำมรู้ เก่ยี วกบั กำรสรำ้ งน้ีไปประยุกต์ใช้ ในกำรแกป้ ัญหำในชวี ติ จรงิ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๓ ช้นั ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๒ ๘ ค 2.2 ม.2/2 นำควำมรู้เกี่ยวกบั สมบตั ขิ อง เสน้ ขนาน  เส้นขนำน และรูปสำมเหลี่ยม - สมบัตเิ กี่ยวกบั เส้นขนำนและรูปสำมเหลย่ี ม ไปใช้ในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ ๙ ค 2.2 ม.2/3 เข้ำใจและใช้ควำมรู้เก่ียวกบั การแปลงทางเรขาคณติ  กำรแปลงทำงเรขำคณติ - กำรเลอ่ื นขนำน ในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ - กำรสะทอ้ น และปัญหำในชีวิตจรงิ - กำรหมนุ - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกับกำรแปลง ทำงเรขำคณติ ไปใช้ในกำรแก้ปญั หำ ๑๐ ค 2.2 ม.2/4 เข้ำใจและใชส้ มบัติของรปู สำมเหลีย่ ม ความเทา่ กันทกุ ประการ  ที่เทำ่ กันทกุ ประกำรในกำรแก้ปัญหำ - ควำมเท่ำกันทกุ ประกำรของรปู สำมเหลีย่ ม คณติ ศำสตร์และปญั หำในชีวิตจริง - กำรนำควำมร้เู กีย่ วกับควำมเท่ำกนั ทุกประกำรไปใชใ้ นกำรแก้ปัญหำ ๑๑ ค 2.2 ม.2/5 เขำ้ ใจและใช้ทฤษฎีบทพีทำโกรัส ทฤษฎีบทพที าโกรสั  และ บทกลบั ในกำรแก้ปัญหำ - ทฤษฎีบทพีทำโกรสั และบทกลับ คณติ ศำสตร์ และปัญหำในชวี ิตจริง - กำรนำควำมรู้เก่ียวกับทฤษฎีบทพีทำโกรสั และบทกลับไปใช้ในชวี ิตจริง 12 ค 3.1 ม.2/1 เขำ้ ใจและใชค้ วำมรทู้ ำงสถติ ิ สถิติ  ในกำรนำเสนอขอ้ มูลและวเิ ครำะห์ - กำรนำเสนอและวเิ ครำะห์ข้อมูล ข้อมลู จำกแผนภำพจุด แผนภำพ o แผนภำพจดุ ตน้ - ใบ ฮสิ โทแกรม และค่ำกลำง o แผนภำพตน้ – ใบ ของขอ้ มูล และแปลควำมหมำย o ฮิสโทแกรม ผลลพั ธ์ รวมทั้งนำสถติ ไิ ปใช้ o ค่ำกลำงของขอ้ มูล ในชวี ิตจริงโดยใชเ้ ทคโนโลยี - กำรแปลควำมหมำยผลลัพธ์ ท่เี หมำะสม - กำรนำสถติ ิไปใชใ้ นชวี ิตจริง รวม 12 ตัวชว้ี ัด 12 - สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พนื้ ฐำน รว่ มกับ สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๔ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.3 ๑ ค 1.2 ม.3/1 เขำ้ ใจและใช้กำรแยกตวั ประกอบ การแยกตัวประกอบของพหุนาม  ของพหนุ ำมทม่ี ีดีกรีสงู กว่ำสอง - กำรแยกตวั ประกอบของพหุนำม ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์ ดกี รีสงู กว่ำสอง ๒ ค 1.2 ม.3/2 เขำ้ ใจและใช้ควำมรู้เกยี่ วกับฟังกช์ ัน ฟงั กช์ ันกาลังสอง  กำลังสองในกำรแกป้ ญั หำ - กรำฟของฟังก์ชันกำลังสอง คณิตศำสตร์ - กำรนำควำมรเู้ กี่ยวกับฟังกช์ นั กำลงั สอง ไปใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ ๓ ค 1.3 ม.3/1 เข้ำใจและใช้สมบตั ิของกำรไม่เทำ่ กัน อสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว  เพือ่ วเิ ครำะหแ์ ละแก้ปัญหำ โดยใช้ - อสมกำรเชงิ เส้นตวั แปรเดียว อสมกำรเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียว - กำรแก้อสมกำรเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว - กำรนำควำมรู้เกี่ยวกับกำรแก้อสมกำร เชิงเสน้ ตวั แปรเดยี วไปใช้ในกำรแกป้ ัญหำ ๔ ค 1.3 ม.3/2 ประยุกต์ใชส้ มกำรกำลังสอง สมการกาลงั สองตัวแปรเดยี ว  ตวั แปรเดยี วในกำรแก้ปญั หำ - สมกำรกำลงั สองตัวแปรเดยี ว คณิตศำสตร์ - กำรแกส้ มกำรกำลังสองตวั แปรเดยี ว - กำรนำควำมรู้เกยี่ วกับกำรแก้สมกำร กำลงั สองตัวแปรเดยี วไปใช้ ในกำรแก้ปญั หำ ๕ ค 1.3 ม.3/3 ประยุกต์ใช้ระบบสมกำรเชิงเสน้ ระบบสมการ  สองตัวแปรในกำรแกป้ ัญหำ - ระบบสมกำรเชงิ เสน้ สองตวั แปร คณิตศำสตร์ - กำรแก้ระบบสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปร - กำรนำควำมรูเ้ กย่ี วกับกำรแก้ระบบ สมกำรเชิงเสน้ สองตัวแปรไปใช้ ในกำรแกป้ ญั หำ ๖ ค 2.1 ม.3/1 ประยกุ ตใ์ ช้ควำมร้เู รอื่ งพ้นื ที่ผิว พื้นท่ีผวิ  ของพีระมดิ กรวย และทรงกลม - กำรหำพน้ื ท่ีผิวของพีระมิด กรวย และ ในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์และ ทรงกลม ปญั หำในชวี ติ จรงิ - กำรนำควำมรู้เกีย่ วกับพ้นื ที่ผวิ ของ พีระมิดกรวย และทรงกลมไปใช้ ในกำรแกป้ ัญหำ ๗ ค 2.1 ม.3/2 ประยุกตใ์ ช้ควำมรเู้ รอื่ งปรมิ ำตร ปริมาตร  ของพีระมดิ กรวย และทรงกลม - กำรหำปรมิ ำตรของพีระมิด กรวย และ ในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์และ ทรงกลม ปญั หำในชวี ติ จริง - กำรนำควำมรู้เก่ียวกับปริมำตรของ พีระมิดกรวย และทรงกลมไปใช้ ในกำรแกป้ ัญหำ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำน รว่ มกับ สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๕ ช้ัน ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้  ม.3 ๘ ค 2.2 ม.3/1 เข้ำใจและใชส้ มบัติของรปู สำมเหลีย่ ม ความคล้าย  ท่คี ล้ำยกนั ในกำรแกป้ ัญหำ - รปู สำมเหล่ยี มท่ีคล้ำยกนั   คณิตศำสตร์ และปญั หำในชีวิตจรงิ - กำรนำควำมรู้เกีย่ วกับควำมคลำ้ ยไปใช้  ในกำรแกป้ ัญหำ 12 - ๙ ค 2.2 ม.3/2 เขำ้ ใจและใช้ควำมรู้เก่ยี วกับ อัตราสว่ นตรีโกณมติ ิ อัตรำสว่ นตรโี กณมิติ - อัตรำส่วนตรีโกณมติ ิ ในกำรแกป้ ญั หำคณิตศำสตร์ - กำรนำค่ำอัตรำส่วนตรโี กณมิติของมุม และปญั หำในชีวิตจรงิ ๓๐ องศำ ๔๕ องศำ และ ๖๐ องศำ ไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ ๑๐ ค 2.2 ม.3/3 เข้ำใจและใชท้ ฤษฎบี ทเกย่ี วกับ วงกลม วงกลมในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ - วงกลม คอรด์ และเส้นสัมผสั - ทฤษฎีบทเกีย่ วกับวงกลม ๑๑ ค 3.1 ม.3/1 เข้ำใจและใช้ควำมร้ทู ำงสถติ ิ สถิติ ในกำรนำเสนอและวเิ ครำะหข์ ้อมูล - ขอ้ มูลและกำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล จำกแผนภำพกล่องและแปล o แผนภำพกลอ่ ง ควำมหมำยผลลัพธร์ วมทัง้ นำสถติ ิ - กำรแปลควำมหมำยผลลพั ธ์ ไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี - กำรนำสถิตไิ ปใช้ในชีวติ จริง ทีเ่ หมำะสม ๑๒ ค 3.2 ม.3/1 เขำ้ ใจเกย่ี วกบั กำรทดลองส่มุ ความนา่ จะเป็น และนำผลท่ีได้ไปหำควำมนำ่ จะเป็น - เหตุกำรณจ์ ำกกำรทดลองสุ่ม ของเหตุกำรณ์ - ควำมน่ำจะเปน็ - กำรนำควำมรู้เกย่ี วกับควำมนำ่ จะเป็น ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ รวม 12 ตวั ชวี้ ัด สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๖ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๔-๖ 1 ค 1.1 ม.4/1 เขำ้ ใจและใช้ควำมรเู้ ก่ียวกบั เซต เซต  และตรรกศำสตรเ์ บื้องต้น ในกำร - ควำมร้เู บอื้ งต้นและสัญลกั ษณ์พ้ืนฐำน ส่ือสำรและส่ือควำมหมำยทำง เกย่ี วกบั เซต คณิตศำสตร์ - ยูเนยี น อนิ เตอร์เซกชนั และคอมพลีเมนต์ของเซต ตรรกศาสตรเ์ บ้ืองต้น - ประพจนแ์ ละตวั เช่อื ม (นเิ สธ และ หรือถ้ำ...แลว้ ... กต็ ่อเม่ือ) 2 ค 3.2 ม.4/1 เข้ำใจและใช้หลักกำรบวก หลกั การนบั เบอื้ งต้น  และกำรคณู กำรเรยี งสับเปลีย่ น - หลักกำรบวกและกำรคูณ และกำรจดั หมู่ในกำรแกป้ ญั หำ - กำรเรยี งสับเปลีย่ นเชิงเสน้ กรณีท่ีสงิ่ ของแตกต่ำงกนั ท้งั หมด - กำรจดั หมู่กรณีที่สิ่งของแตกตำ่ งกัน ทง้ั หมด 3 ค 3.2 ม.4/2 หำควำมนำ่ จะเปน็ และนำควำมรู้ ความนา่ จะเป็น  เกีย่ วกับควำมน่ำจะเป็นไปใช้ - กำรทดลองสมุ่ และเหตุกำรณ์ - ควำมนำ่ จะเป็นของเหตุกำรณ์ ๔ ค 1.1 ม.5/1 เขำ้ ใจควำมหมำยและใชส้ มบัติ เลขยกกาลัง  เกีย่ วกบั กำรบวก กำรคูณ - รำกที่ n ของจำนวนจรงิ เม่ือ n กำรเทำ่ กัน และกำรไม่เท่ำกนั เป็นจำนวนนับทีม่ ำกกว่ำ ๑ ของจำนวนจรงิ ในรปู กรณฑ์และ - เลขยกกำลังท่ีมเี ลขชีก้ ำลังเปน็ จำนวน จำนวนจรงิ ในรูปเลขยกกำลัง ตรรกยะ ที่มเี ลขชก้ี ำลังเปน็ จำนวนตรรกยะ ๕ ค 1.2 ม.5/1 ใช้ฟังกช์ ันและกรำฟของฟงั ก์ชนั ฟงั ก์ชนั  อธบิ ำยสถำนกำรณ์ท่ีกำหนด - ฟังกช์ ันและกรำฟของฟังก์ชัน (ฟงั กช์ ันเชิงเส้น ฟงั ก์ชันกำลงั สอง ฟังก์ชนั ข้นั บนั ได ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชยี ล) ๖ ค 1.2 ม.5/2 เขำ้ ใจและนำควำมรเู้ ก่ียวกับลำดบั ลาดบั และอนกุ รม  และอนุกรมไปใช้ - ลำดบั เลขคณติ และลำดับเรขำคณิต - อนกุ รมเลขคณติ และอนุกรมเรขำคณิต ๗ ค 1.3 ม.5/1 เขำ้ ใจและใช้ควำมรู้เก่ียวกบั ดอกเบ้ยี ดอกเบ้ียและมูลค่าของเงิน  และมลู ค่ำของเงินในกำรแก้ปัญหำ - ดอกเบีย้ - มูลค่ำของเงิน - ค่ำรำยงวด สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๗ ชน้ั ท่ี รหัสตัวช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๔-๖ ๘ ค 3.1 ม.6/1  เขำ้ ใจและใชค้ วำมรู้ทำงสถิติ สถติ ิ 8- ในกำรนำเสนอขอ้ มลู และแปล - ขอ้ มูล 123 34 ควำมหมำยของคำ่ สถิติ - ตำแหน่งทีข่ องข้อมลู เพ่อื ประกอบกำรตดั สินใจ - คำ่ กลำง (ฐำนนิยม มธั ยฐำน ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต) - ค่ำกำรกระจำย (พสิ ัย ส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน ควำมแปรปรวน) - กำรนำเสนอข้อมลู เชิงคุณภำพ และเชิงปริมำณ - กำรแปลควำมหมำยของคำ่ สถิติ รวม 8 ตัวชวี้ ัด รวมทั้งหมด 157 ตวั ชว้ี ดั สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พนื้ ฐำน รว่ มกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

58 สรุปตัวชี้วัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลางตอ้ งรแู้ ละควรรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั ชัน้ ตัวช้วี ัดทง้ั หมด ตอ้ งรู้ ควรรู้ หมายเหตุ ป.1 15 9 7 ว 1.2 ป.1/1 เปน็ ท้งั ตอ้ งรู้และควรรู้ ป.2 16 11 6 ว 2.1 ป.2/1 เป็นทั้งต้องรแู้ ละควรรู้ ป.3 25 19 7 ว 2.3 ป.3/2 เป็นทั้งต้องรู้และควรรู้ ป.4 21 16 6 ว 2.1 ป.4/1 เป็นท้งั ตอ้ งรูแ้ ละควรรู้ ป.5 32 24 8 ป.6 30 20 11 ว 2.1 ป.6/1 เป็นท้ังตอ้ งรู้และควรรู้ ม.1 52 35 17 ม.2 63 48 15 ม.3 59 41 18 ม.4-6 102 85 18 ว 3.1 ม.6/4 เป็นทั้งต้องร้แู ละควรรู้ รวม 415 308 113 ข้อมูล ณ วนั ที่ 19 พฤษภำคม 2564 สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน รว่ มกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๙ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ชัน้ ท่ี รหัสตวั ชี้วัด ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.1 1 ว 1.1 ป.1/1 ระบชุ ือ่ พชื และสตั วท์ อ่ี ำศยั อยู่ • บริเวณต่ำง ๆ ในทอ้ งถน่ิ เชน่ สนำมหญ้ำ  บริเวณต่ำง ๆ จำกข้อมลู ใตต้ ้นไม้ สวนหยอ่ ม แหล่งน้ำ อำจพบพชื ท่รี วบรวมได้ และสตั ว์หลำยชนดิ อำศยั อยู่ 2 ว 1.1 ป.1/2 บอกสภำพแวดล้อมท่เี หมำะสม • บรเิ วณทแี่ ตกต่ำงกนั อำจพบพชื และสตั ว์  กับกำรดำรงชีวิตของสตั ว์ แตกตำ่ งกันเพรำะสภำพแวดลอ้ ม ในบริเวณทอี่ ำศัยอยู่ ของแตล่ ะบริเวณจะมคี วำมเหมำะสมต่อ กำรดำรงชวี ติ ของพืชและสตั ว์ท่ีอำศยั อยู่ ในแตล่ ะบรเิ วณ เช่น สระน้ำ มีนำ้ เปน็ ที่อยู่ อำศัยของหอย ปลำ สำหรำ่ ย เปน็ ที่หลบภยั และมแี หลง่ อำหำรของหอยและปลำ บริเวณต้นมะม่วงมีตน้ มะม่วงเปน็ แหล่งที่อยู่ และมีอำหำรสำหรับกระรอกและมด • ถำ้ สภำพแวดลอ้ มในบริเวณทพ่ี ชื และสตั ว์ อำศยั อยู่มีกำรเปลย่ี นแปลง จะมีผลตอ่ กำรดำรงชีวิตของพชื และสตั ว์ 3 ว 1.2 ป.1/1 ระบชุ ่ือ บรรยำยลักษณะและ • มนษุ ย์มสี ่วนต่ำง ๆ ทมี่ ลี ักษณะและหนำ้ ท่ี   บอกหนำ้ ทขี่ องส่วนต่ำง ๆ แตกตำ่ งกนั เพ่ือใหเ้ หมำะสมในกำร ของรำ่ งกำยมนุษย์ สัตว์ และพชื ดำรงชวี ติ เช่น ตำมีหนำ้ ที่ไวม้ องดู รวมทงั้ บรรยำยกำรทำหน้ำที่ โดยมหี นงั ตำและขนตำ เพื่อป้องกัน ร่วมกนั ของส่วนตำ่ ง ๆ ของ อันตรำยให้กับตำ หมู ีหน้ำท่รี ับฟงั เสยี ง รำ่ งกำยมนุษยใ์ นกำรทำกจิ กรรม โดยมีใบหูและรหู ู เพ่ือเป็นทำงผำ่ นของเสียง ตำ่ ง ๆ จำกข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ ปำกมีหนำ้ ที่พูด กนิ อำหำร มีชอ่ งปำกและ 4 ว 1.2 ป.1/2 ตระหนักถึงควำมสำคัญของ มีรมิ ฝปี ำกบนลำ่ ง แขนและมือมีหน้ำทีย่ ก  สว่ นตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำยตนเอง หยบิ จับ มที อ่ นแขนและน้ิวมือที่ขยบั ได้ สมองมหี นำ้ ที่ควบคุมกำรทำงำนของ โดยกำรดแู ลส่วนตำ่ ง ๆ อยำ่ งถูกต้อง ให้ปลอดภัย สว่ นต่ำง ๆ ของร่ำงกำยอยู่ในกะโหลกศีรษะ และรกั ษำควำมสะอำดอย่เู สมอ โดยส่วนตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำยจะทำหน้ำที่ รว่ มกนั ในกำรทำกิจกรรมในชีวิตประจำวนั • สัตว์มีหลำยชนดิ แต่ละชนดิ มสี ว่ นตำ่ ง ๆ ทม่ี ลี กั ษณะและหน้ำที่แตกต่ำงกนั เพ่ือให้ เหมำะสมในกำรดำรงชีวติ เช่น ปลำมีครบี เปน็ แผน่ ส่วนกบ เต่ำ แมว มีขำ ๔ ขำ และมเี ท้ำสำหรับใช้ในกำรเคลื่อนที่ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๐ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.1 • พืชมสี ว่ นต่ำง ๆ ทีม่ ีลักษณะและหน้ำที่ แตกตำ่ งกันเพื่อให้เหมำะสมในกำร ดำรงชีวิต โดยทว่ั ไป รำกมลี ักษณะเรียวยำว และแตกแขนงเป็นรำกเล็ก ๆ ทำหน้ำที่ ดูดน้ำ ลำตน้ มลี กั ษณะเปน็ ทรงกระบอก ตง้ั ตรงและมกี ง่ิ ก้ำน ทำหน้ำท่ีชูกิง่ ก้ำน ใบและดอก ใบมีลกั ษณะเปน็ แผ่นแบน ทำหนำ้ ที่สรำ้ งอำหำร นอกจำกนพ้ี ชื หลำยชนดิ อำจมีดอกทีม่ ีสี รูปร่ำงต่ำง ๆ ทำหน้ำทีส่ บื พันธุ์ รวมท้งั มผี ลที่มเี ปลือก มเี น้อื ห่อห้มุ เมล็ด และมีเมล็ดซึง่ สำมำรถงอก เปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้วัะก • มนุษย์ใชส้ ่วนต่ำง ๆ ของรำ่ งกำย ในกำรทำกจิ กรรมตำ่ ง ๆ เพ่ือกำรดำรงชวี ติ มนุษย์จงึ ควรใช้ส่วนตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำย อย่ำงถูกต้อง ปลอดภยั และรกั ษำควำม สะอำดอยู่เสมอ เชน่ ใชต้ ำมองตัวหนงั สอื ในทที่ ่ีมีแสงสวำ่ งเพียงพอ ดูแลตำ ให้ปลอดภยั จำกอนั ตรำย และรกั ษำ ควำมสะอำดตำอยู่เสมอ 5 ว 2.1 ป.1/1 อธบิ ำยสมบตั ิท่สี ังเกตไดข้ องวัสดุ • วัสดุท่ใี ชท้ ำวตั ถทุ เี่ ป็นของเล่น ของใช้  ทใี่ ชท้ ำวัตถุซึง่ ทำจำกวัสดชุ นิด มหี ลำยชนดิ เช่น ผำ้ แกว้ พลำสติก ยำง เดยี วหรือหลำยชนดิ ประกอบกัน ไม้ อิฐ หิน กระดำษ โลหะ วัสดุแต่ละชนิด โดยใชห้ ลักฐำนเชงิ ประจักษ์ มีสมบตั ิท่สี ังเกตได้ตำ่ ง ๆ เชน่ สี นมุ่ แข็ง 6 ว 2.1 ป.1/2 ระบชุ นดิ ของวสั ดุและจดั กลุ่ม ขรขุ ระ เรยี บ ใส ข่นุ ยืดหดได้ บิดงอได้  วัสดุตำมสมบัติทสี่ ังเกตได้ • สมบัติทสี่ งั เกตไดข้ องวสั ดแุ ตล่ ะชนิด อำจเหมือนกันซึ่งสำมำรถนำมำใช้เปน็ เกณฑ์ ในกำรจัดกลมุ่ วสั ดุได้ • วัสดุบำงอยำ่ งสำมำรถนำมำประกอบกนั เพ่อื ทำเป็นวัตถตุ ่ำง ๆ เช่น ผำ้ และกระดุม ใชท้ ำเส้อื ไมแ้ ละโลหะ ใช้ทำกระทะ 7 ว 2.3 ป.1/1 บรรยำยกำรเกิดเสียงและทิศ • เสยี งเกดิ จำกกำรส่นั ของวตั ถุ วัตถทุ ท่ี ำให้  ทำงกำรเคลอ่ื นท่ีของเสียง เกดิ เสียงเปน็ แหล่งกำเนดิ เสียง จำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ ซง่ึ มีทัง้ แหล่งกำเนิดเสยี งตำมธรรมชำติ และแหล่งกำเนิดเสยี งที่มนุษย์สรำ้ งข้นึ เสียงเคล่อื นท่ีออกจำกแหลง่ กำเนดิ เสียง ทกุ ทิศทำง สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๑ ช้ัน ที่ รหัสตัวชี้วัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.1 8 ว 3.1 ป.1/1 ระบุดำวท่ีปรำกฏบนท้องฟำ้ • บนท้องฟ้ำมีดวงอำทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดำว  ในเวลำกลำงวนั และกลำงคนื ซงึ่ ในเวลำกลำงวนั จะมองเห็นดวงอำทิตย์ จำกข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ และอำจมองเหน็ ดวงจันทรบ์ ำงเวลำ 9 ว 3.1 ป.1/2 อธบิ ำยสำเหตทุ ่ีมองไม่เห็นดำว ในบำงวันแต่ไม่สำมำรถมองเหน็ ดำว  ส่วนใหญใ่ นเวลำกลำงวนั • ในเวลำกลำงวนั มองไม่เห็นดำวสว่ นใหญ่ จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ เนอ่ื งจำกแสงอำทิตยส์ ว่ำงกว่ำจึงกลบแสง ของดำว สว่ นในเวลำกลำงคืนจะมองเหน็ ดำวและมองเห็นดวงจนั ทร์เกือบทกุ คืน 10 ว 3.2 ป.1/1 อธิบำยลกั ษณะภำยนอกของหิน • หนิ ท่ีอย่ใู นธรรมชำตมิ ีลักษณะภำยนอก  จำกลักษณะเฉพำะตวั ท่สี งั เกตได้ เฉพำะตัวท่ีสงั เกตได้ เชน่ สี ลวดลำย นำ้ หนกั ควำมแขง็ และเนื้อหิน 11 ว 4.2 ป.1/1 แกป้ ญั หำอย่ำงงำ่ ย โดยใช้ • กำรแก้ปัญหำให้ประสบควำมสำเรจ็  กำรลองผิดลองถกู กำรเปรียบเทียบ ทำไดโ้ ดยใชข้ นั้ ตอนกำรแกป้ ัญหำ • ปัญหำอย่ำงง่ำย เช่น เกมเขำวงกต เกมหำจุดแตกต่ำงของภำพ กำรจัดหนงั สอื ใส่กระเปำ๋ 12 ว 4.2 ป.1/2 แสดงลำดบั ขั้นตอนกำรทำงำน • กำรแสดงขนั้ ตอนกำรแก้ปัญหำ ทำได้โดย  หรือกำรแก้ปัญหำอย่ำงงำ่ ย กำรเขียน บอกเลำ่ วำดภำพ หรอื ใช้ โดยใช้ภำพ สญั ลักษณ์ หรือ สญั ลักษณ์ ข้อควำม • ปญั หำอยำ่ งงำ่ ย เช่น เกมเขำวงกต เกมหำจดุ แตกต่ำงของภำพ กำรจัดหนังสือใส่กระเปำ๋ 13 ว 4.2 ป.1/3 เขยี นโปรแกรมอยำ่ งง่ำย โดยใช้ • กำรเขียนโปรแกรมเปน็ กำรสร้ำงลำดบั ของ  ซอฟตแ์ วร์หรอื สอื่ คำสั่งให้คอมพวิ เตอร์ทำงำน • ตัวอย่ำงโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรม สัง่ ให้ตัวละครยำ้ ยตำแหน่ง ย่อขยำยขนำด เปลีย่ นรูปร่ำง • ซอฟต์แวรห์ รือส่ือท่ีใช้ในกำรเขียนโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคำสั่งแสดงกำรเขียนโปรแกรม, Code.org 14 ว 4.2 ป.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรสรำ้ ง จดั เกบ็ • กำรใชง้ ำนอปุ กรณ์เทคโนโลยเี บือ้ งต้น  เรียกใช้ข้อมูลตำมวัตถปุ ระสงค์ เชน่ กำรใชเ้ มำส์ คียบ์ อรด์ จอสมั ผสั กำรเปดิ -ปิด อุปกรณ์เทคโนโลยี • กำรใชง้ ำนซอฟต์แวร์เบ้ืองต้น เชน่ กำรเขำ้ และออกจำกโปรแกรม กำรสร้ำงไฟล์ กำรจัดเก็บกำรเรยี กใชไ้ ฟล์ ทำได้ในโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกรำฟิก โปรแกรมนำเสนอ • กำรสร้ำงและจัดเกบ็ ไฟลอ์ ย่ำงเปน็ ระบบ จะทำใหเ้ รยี กใช้ คน้ หำข้อมูลได้งำ่ ยและรวดเรว็ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๒ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.1 15 ว 4.2 ป.1/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ • กำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภยั  อยำ่ งปลอดภยั ปฏบิ ตั ิตำม เช่น รูจ้ ักข้อมูลสว่ นตวั อนั ตรำยจำก ข้อตกลงในกำรใชค้ อมพิวเตอร์ กำรเผยแพร่ขอ้ มูลสว่ นตวั และไม่บอก รว่ มกัน ดูแลรกั ษำอปุ กรณ์ ขอ้ มูลสว่ นตวั กบั บคุ คลอน่ื ยกเว้นผปู้ กครอง เบื้องตน้ ใชง้ ำนอยำ่ งเหมำะสม หรอื ครู แจง้ ผเู้ กย่ี วข้องเมือ่ ต้องกำร ควำมช่วยเหลือเกีย่ วกบั กำรใช้งำน • ขอ้ ปฏิบัติในกำรใชง้ ำนและกำรดแู ลรักษำ อปุ กรณ์ เช่น ไม่ขีดเขียนบนอุปกรณ์ ทำควำมสะอำดใช้อุปกรณอ์ ย่ำงถูกวธิ ี • กำรใชง้ ำนอย่ำงเหมำะสม เช่น จัดทำ่ นัง่ ให้ถกู ต้อง กำรพกั สำยตำเมื่อใชอ้ ปุ กรณ์ เปน็ เวลำนำนระมัดระวงั อบุ ตั ิเหตุ จำกกำรใชง้ ำน รวม 15 ตัวชี้วดั 97 หมายเหตุ: ตัวชีว้ ดั ว 1.2 ป.1/1 มีลกั ษณะเฉพำะคอื เปน็ ท้งั ตวั ช้ีวดั ตอ้ งรแู้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังนี้ ต้องรู้ : ลักษณะและหนำ้ ท่ีของสว่ นต่ำง ๆ ของสัตว์และพชื ควรรู้ : ลักษณะและหนำ้ ที่ของสว่ นตำ่ ง ๆ ของมนษุ ย์ สำมำรถบรู ณำกำรกบั วชิ ำสขุ ศึกษำได้ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๓ ชั้น ที่ รหัสตัวชี้วัด ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.2 1 ว 1.2 ป.2/1 ระบวุ ่ำพืชตอ้ งกำรแสงและนำ้ • พืชตอ้ งกำรน้ำ แสง เพื่อกำรเจรญิ เตบิ โต  เพือ่ กำรเจรญิ เตบิ โต โดยใชข้ ้อมลู จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์  2 ว 1.2 ป.2/2 ตระหนกั ถึงควำมจำเป็นท่ีพชื ตอ้ งได้รับน้ำและแสง เพ่ือกำร เจรญิ เติบโต โดยดูแลพชื ให้ได้รับ ส่ิงดงั กลำ่ วอย่ำงเหมำะสม 3 ว 1.2 ป.2/3 สรำ้ งแบบจำลองทบี่ รรยำย • พชื ดอกเม่ือเจรญิ เติบโตและมีดอก  วัฏจักรชวี ติ ของพชื ดอก ดอกจะมีกำรสบื พันธเุ์ ปลย่ี นแปลงไปเป็นผล ภำยในผลมเี มลด็ เมื่อเมลด็ งอก ต้นอ่อน ทอี่ ยูภ่ ำยในเมลด็ จะเจริญเติบโตเปน็ พืช ตน้ ใหม่ พืชต้นใหม่จะเจริญเติบโตออกดอก เพอื่ สืบพนั ธม์ุ ีผลตอ่ ไปได้อกี หมนุ เวียน ตอ่ เนอ่ื งเปน็ วฏั จักรชีวติ ของพืชดอก  4 ว 1.3 ป.2/1 เปรียบเทียบลกั ษณะของสง่ิ มีชวี ิต • ส่ิงท่อี ย่รู อบตัวเรำมีทง้ั ท่ีเป็นส่ิงมีชวี ิต และสง่ิ ไมม่ ีชวี ติ จำกข้อมูล และสิง่ ไม่มีชีวิต สิ่งมชี ีวิตตอ้ งกำรอำหำร ทรี่ วบรวมได้ มีกำรหำยใจเจริญเติบโต ขบั ถ่ำย เคลื่อนไหว ตอบสนองตอ่ สิ่งเรำ้ และสบื พันธไ์ุ ดล้ ูกท่ีมี ลักษณะคล้ำยคลึงกบั พ่อแม่ สว่ นส่งิ ไมม่ ีชีวติ จะไม่มลี ักษณะดังกล่ำว 5 ว 2.1 ป.2/1 เปรยี บเทียบสมบัตกิ ำรดดู ซับน้ำ • วสั ดุแตล่ ะชนิดมสี มบตั ิกำรดูดซับน้ำ  ของวัสดุโดยใช้หลักฐำน แตกต่ำงกันจงึ นำไปทำวตั ถุเพ่ือใช้ เชงิ ประจกั ษ์ และระบุกำรนำ ประโยชนไ์ ด้แตกตำ่ งกนั เชน่ ใช้ผำ้ สมบตั กิ ำรดูดซับน้ำของวัสดุ ทดี่ ดู ซับน้ำไดม้ ำกทำผ้ำเชด็ ตัว ใช้พลำสติก ไปประยุกต์ใช้ในกำรทำวตั ถุ ซ่ึงไม่ดูดซบั น้ำทำร่ม ในชีวิตประจำวนั  6 ว 2.1 ป.2/2 อธบิ ำยสมบัติที่สังเกตไดข้ องวัสดุ • วัสดบุ ำงอยำ่ งสำมำรถนำมำผสมกนั ท่ีเกดิ จำกกำรนำวสั ดมุ ำผสมกัน ซงึ่ ทำให้ได้สมบัติที่เหมำะสม เพื่อนำไปใช้ โดยใชห้ ลักฐำนเชงิ ประจักษ์ ประโยชน์ตำมต้องกำร เช่น แป้งผสม นำ้ ตำลและกะทิ ใช้ทำขนมไทย ปูนปลำสเตอร์ผสมเย่อื กระดำษใช้ทำ กระปุกออมสนิ ปูนผสมหนิ ทรำย และน้ำ ใช้ทำคอนกรตี 7 ว 2.1 ป.2/3 เปรียบเทียบสมบัติท่ีสังเกตได้ • กำรนำวัสดุมำทำเป็นวตั ถุในกำรใช้งำน  ของวัสดุ เพ่ือนำมำทำเปน็ วตั ถุ ตำมวัตถุประสงค์ขนึ้ อยูก่ บั สมบตั ิของวัสดุ ในกำรใช้งำนตำมวตั ถปุ ระสงค์ วัสดทุ ่ใี ช้แล้วอำจนำกลบั มำใช้ใหมไ่ ด้ และอธิบำยกำรนำวัสดทุ ่ีใชแ้ ล้ว เชน่ กระดำษใชแ้ ล้วอำจนำมำทำเป็น กลบั มำใชใ้ หมโ่ ดยใช้หลกั ฐำน จรวดกระดำษ ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ ถุงใสข่ อง เชงิ ประจักษ์ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๔ ชั้น ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.2 8 ว 2.1 ป.2/4 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของกำรนำ  วัสดุทใ่ี ช้แลว้ กลบั มำใชใ้ หม่ โดย กำรนำวัสดุทใ่ี ชแ้ ล้วกลบั มำใช้ใหม่ 9 ว 2.3 ป.2/1 บรรยำยแนวกำรเคลือ่ นท่ขี องแสง • แสงเคลอ่ื นที่จำกแหล่งกำเนดิ แสงทุกทศิ ทำง  จำกแหลง่ กำเนิดแสง และอธิบำย เปน็ แนวตรง เม่ือมีแสงจำกวัตถุมำเข้ำตำ กำรมองเห็นวตั ถุจำกหลักฐำน จะทำให้มองเห็นวตั ถุนน้ั กำรมองเหน็ วตั ถุ เชงิ ประจกั ษ์ ทเ่ี ปน็ แหล่งกำเนิดแสง แสงจำกวตั ถุนัน้ 10 ว 2.3 ป.2/2 ตระหนกั ในคณุ ค่ำของควำมรู้ จะเขำ้ สู่ตำโดยตรง ส่วนกำรมองเห็นวัตถุ  ของกำรมองเห็นโดยเสนอแนะ ทไ่ี มใ่ ชแ่ หล่งกำเนิดแสง ต้องมีแสงจำก แนวทำงกำรป้องกันอนั ตรำยจำก แหล่งกำเนิดแสงไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อน กำรมองวัตถทุ ี่อยใู่ นบรเิ วณที่มี เข้ำตำ ถำ้ มแี สงทส่ี ว่ำงมำก ๆ เขำ้ สู่ตำ แสงสว่ำงไม่เหมำะสม อำจเกดิ อนั ตรำยต่อตำได้ จึงต้องหลีกเลี่ยง กำรมองหรือใช้แผ่นกรองแสงที่มคี ณุ ภำพ เม่ือจำเป็น และต้องจดั ควำมสว่ำง ใหเ้ หมำะสมกับกำรทำกิจกรรมตำ่ ง ๆ เชน่ กำรอ่ำนหนังสอื กำรดจู อโทรทศั น์ กำรใชโ้ ทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ีและแท็บเลต็ 11 ว 3.2 ป.2/1 ระบสุ ่วนประกอบของดนิ และ • ดนิ ประกอบด้วยเศษหิน ซำกพืช ซำกสัตว์  จำแนกชนิดของดนิ โดยใช้ ผสมอย่ใู นเนื้อดนิ มีอำกำศและนำ้ แทรกอยู่ ลกั ษณะเนอ้ื ดนิ และกำรจบั ตัว ตำมชอ่ งวำ่ งในเน้ือดนิ ดนิ จำแนกเปน็ เป็นเกณฑ์ ดนิ ร่วน ดนิ เหนียว และดินทรำย 12 ว 3.2 ป.2/2 อธบิ ำยกำรใชป้ ระโยชน์จำกดิน ตำมลกั ษณะเน้ือดนิ และกำรจับตวั ของดนิ  จำกข้อมูลที่รวบรวมได้ ซึ่งมผี ลตอ่ กำรอุ้มน้ำท่แี ตกตำ่ งกนั • ดินแตล่ ะชนดิ นำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ แตกตำ่ งกันตำมลักษณะและสมบตั ขิ องดิน 13 ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขน้ั ตอนกำรทำงำน • กำรแสดงข้นั ตอนกำรแก้ปญั หำ ทำไดโ้ ดย  หรอื กำรแก้ปัญหำอย่ำงง่ำยโดยใช้ กำรเขียน บอกเล่ำ วำดภำพ หรือใช้ ภำพ สญั ลกั ษณ์ หรือข้อควำม สญั ลกั ษณ์ • ปญั หำอย่ำงงำ่ ย เชน่ เกมตัวตอ่ ๖ - ๑๒ ชิน้ กำรแตง่ ตวั มำโรงเรียน 14 ว 4.2 ป.2/2 เขยี นโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย โดยใช้ • ตวั อย่ำงโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรม  ซอฟตแ์ วร์หรอื สื่อ และตรวจหำ ส่งั ให้ตัวละครทำงำนตำมที่ต้องกำร ข้อผิดพลำดของโปรแกรม และตรวจสอบข้อผิดพลำด ปรบั แกไ้ ข ให้ได้ผลลพั ธ์ตำมทก่ี ำหนด • กำรตรวจหำขอ้ ผดิ พลำด ทำไดโ้ ดย ตรวจสอบคำส่งั ทีแ่ จง้ ขอ้ ผดิ พลำด หรอื หำกผลลพั ธ์ไม่เปน็ ไปตำมท่ีต้องกำร ให้ตรวจสอบกำรทำงำนทีละคำส่ัง • ซอฟตแ์ วร์หรอื สื่อท่ีใชใ้ นกำรเขียน โปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำส่งั แสดง กำรเขยี นโปรแกรม, Code.org สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๕ ชั้น ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.2 15 ว 4.2 ป.2/3 ใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรสรำ้ ง • กำรใชง้ ำนซอฟต์แวรเ์ บ้ืองต้น เชน่ กำรเขำ้  จัดหมวดหมู่ ค้นหำ จดั เก็บ และออกจำกโปรแกรม กำรสรำ้ งไฟล์ เรียกใช้ขอ้ มูลตำมวตั ถุประสงค์ กำรจัดเกบ็ กำรเรียกใชไ้ ฟล์ กำรแกไ้ ข ตกแต่งเอกสำร ทำไดใ้ นโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกรำฟิก โปรแกรมนำเสนอ • กำรสรำ้ ง คดั ลอก ยำ้ ย ลบ เปลี่ยนชือ่ จัดหมวดหมู่ไฟล์ และโฟลเดอรอ์ ย่ำงเปน็ ระบบ จะทำให้เรียกใช้ ค้นหำข้อมูลไดง้ ่ำยและ รวดเรว็ 16 ว 4.2 ป.2/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภยั  อย่ำงปลอดภัย ปฏบิ ัติ เช่น รู้จักข้อมลู สว่ นตวั อันตรำยจำก ตำมข้อตกลงในกำรใช้ กำรเผยแพร่ข้อมลู สว่ นตัว และไม่บอก คอมพิวเตอร์รว่ มกนั ดูแล ขอ้ มูลส่วนตัวกับบุคคลอ่นื ยกเวน้ รักษำอปุ กรณเ์ บื้องต้น ใชง้ ำน ผู้ปกครองหรือครู แจ้งผเู้ ก่ียวขอ้ ง อยำ่ งเหมำะสม เมอ่ื ต้องกำรควำมช่วยเหลอื เกี่ยวกบั กำรใช้งำน • ข้อปฏิบัตใิ นกำรใช้งำนและกำรดูแลรักษำ อุปกรณ์ เช่น ไมข่ ดี เขียนบนอุปกรณ์ ทำควำมสะอำดใช้อปุ กรณ์อย่ำงถูกวธิ ี รวม 16 ตัวชี้วัด 11 6 หมายเหตุ: ตัวช้วี ดั ว 2.1 ป.2/1 มลี กั ษณะเฉพำะคอื เปน็ ทงั้ ตวั ชี้วดั ต้องรู้และควรรู้ รำยละเอยี ดดังนี้ ตอ้ งรู้ : สมบตั กิ ำรดูดซบั นำ้ ควรรู้ : กำรนำสมบตั กิ ำรดูดซับน้ำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวัน เปน็ เนือ้ หำท่ีนักเรยี นสำมำรถ สบื คน้ ข้อมูลหรือศึกษำเพื่อทำควำมเขำ้ ใจไดด้ ้วยตนเอง สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๖ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 1 ว 1.2 ป.3/1 บรรยำยสงิ่ ทีจ่ ำเปน็ ตอ่ กำร • มนุษย์และสตั วต์ ้องกำรอำหำร น้ำ  ดำรงชวี ติ และกำรเจริญเตบิ โต และอำกำศ เพอื่ กำรดำรงชีวติ และ ของมนุษย์และสตั ว์ โดยใช้ข้อมูลท่ี กำรเจริญเติบโต รวบรวมได้ • อำหำรช่วยให้ร่ำงกำยแข็งแรงและ 2 ว 1.2 ป.3/2 ตระหนักถึงประโยชน์ของอำหำร เจริญเตบิ โต นำ้ ช่วยให้ร่ำงกำยทำงำนได้  นำ้ และอำกำศ โดยกำรดูแลตนเอง อย่ำงปกติ อำกำศใช้ในกำรหำยใจ และสตั วใ์ ห้ได้รับสงิ่ เหลำ่ น้ี อย่ำงเหมำะสม 3 ว 1.2 ป.3/3 สรำ้ งแบบจำลองทบี่ รรยำย • สตั วเ์ มอื่ เปน็ ตัวเตม็ วัยจะสบื พนั ธ์มุ ลี กู  วฏั จกั รชวี ติ ของสัตว์และปรียบ เม่อื ลูกเจริญเตบิ โตเป็นตัวเตม็ วัยก็สืบพนั ธ์ุ เทยี บวัฏจักรชีวติ ของสตั ว์บำงชนดิ มลี กู ตอ่ ไปได้อีก หมุนเวียนตอ่ เน่ือง 4 ว 1.2 ป.3/4 ตระหนกั ถึงคณุ คำ่ ของชีวิตสัตว์ เปน็ วัฏจกั รชวี ิตของสัตว์ซงึ่ สัตวแ์ ต่ละชนดิ  โดยไม่ทำใหว้ ฏั จกั รชวี ติ ของสัตว์ เชน่ ผีเสอื้ กบ ไก่ มนุษย์ จะมีวฏั จักรชีวิต ท่ีเฉพำะและแตกต่ำงกัน เปล่ยี นแปลง 5 ว 2.1 ป.3/1 อธบิ ำยว่ำวตั ถปุ ระกอบข้ึนจำก • วตั ถุอำจทำจำกช้ินสว่ นย่อย ๆ ซ่ึงแต่ละช้ิน  ช้นิ สว่ นย่อย ๆ ซ่ึงสำมำรถ มลี ักษณะเหมือนกันมำประกอบเขำ้ ดว้ ยกัน แยกออกจำกกนั ได้และประกอบกนั เมอื่ แยกชน้ิ สว่ นยอ่ ย ๆ แต่ละชนิ้ ของวตั ถุ เป็นวัตถชุ ิน้ ใหม่ได้ โดยใชห้ ลกั ฐำน ออกจำกกนั สำมำรถนำชิน้ ส่วนเหลำ่ น้นั เชิงประจกั ษ์ มำประกอบเป็นวัตถชุ นิ้ ใหมไ่ ด้ เช่น กำแพงบ้ำนมีกอ้ นอฐิ หลำย ๆ ก้อน ประกอบเขำ้ ดว้ ยกนั และสำมำรถนำ ก้อนอฐิ จำกกำแพงบำ้ นมำประกอบเปน็ พ้นื ทำงเดินได้ 6 ว 2.1 ป.3/2 อธบิ ำยกำรเปลีย่ นแปลงของวัสดุ • เมอื่ ใหค้ วำมร้อนหรอื ทำให้วัสดรุ อ้ นขน้ึ  เมือ่ ทำให้รอ้ นขึ้นหรอื ทำให้เย็นลง และเม่ือลดควำมร้อนหรือทำใหว้ สั ดุเย็นลง โดยใช้หลกั ฐำนเชิงประจักษ์ วสั ดุจะเกิดกำรเปลย่ี นแปลงได้ เชน่ สีเปลยี่ น รูปรำ่ งเปล่ยี น 7 ว 2.2 ป.3/1 ระบผุ ลของแรงที่มีต่อ • กำรดึงหรือกำรผลักเป็นกำรออกแรง  กำรเปลยี่ นแปลงกำรเคลือ่ นที่ กระทำต่อวตั ถุ แรงมผี ลต่อกำรเคลื่อนที่ ของวตั ถจุ ำกหลกั ฐำนเชงิ ของวตั ถุ แรงอำจทำให้วัตถุเกิดกำรเคล่ือนที่ ประจักษ์ โดยเปลย่ี นตำแหนง่ จำกท่หี นึง่ ไปยังอีกทีห่ นึ่ง • กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ ไดแ้ ก่ วตั ถุที่อย่นู ิ่งเปล่ยี นเป็นเคลือ่ นท่ี วัตถุทีก่ ำลงั เคลือ่ นท่เี ปลย่ี นเป็นเคลือ่ นท่ี เร็วขนึ้ หรอื ชำ้ ลงหรือหยุดนงิ่ หรือเปล่ียน ทิศทำงกำรเคล่ือนท่ี สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๗ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้  ป.3 8 ว 2.2 ป.3/2 เปรยี บเทียบและยกตัวอยำ่ ง • กำรดึงหรือกำรผลักเป็นกำรออกแรง แรงสมั ผสั และแรงไม่สัมผัส ทเ่ี กดิ จำกวัตถหุ นงึ่ กระทำกับอกี วตั ถหุ น่ึง ทม่ี ผี ลต่อกำรเคลือ่ นทขี่ องวัตถุ โดยวัตถทุ ้ังสองอำจสัมผัสหรอื ไม่ต้อง โดยใช้หลักฐำนเชิงประจกั ษ์ สัมผัสกนั เชน่ กำรออกแรงโดยใช้มอื ดึง หรือกำรผลกั โตะ๊ ใหเ้ คลื่อนท่ี เปน็ กำร ออกแรงที่วัตถุตอ้ งสมั ผัสกนั แรงน้ีจงึ เป็น แรงสัมผัส ส่วนกำรที่แม่เหลก็ ดงึ ดูดหรอื ผลักระหวำ่ งแม่เหลก็ เปน็ แรงทีเ่ กิดขึน้ โดยแมเ่ หล็กไม่จำเปน็ ต้องสัมผสั กัน แรงแม่เหล็กน้จี งึ เป็นแรงไมส่ ัมผัส 9 ว 2.2 ป.3/3 จำแนกวัตถโุ ดยใชก้ ำรดึงดดู กับ • แมเ่ หล็กสำมำรถดึงดดู สำรแม่เหลก็ ได้  แมเ่ หลก็ เปน็ เกณฑจ์ ำกหลักฐำน • แรงแมเ่ หลก็ เปน็ แรงทเ่ี กิดข้ึนระหวำ่ ง เชิงประจักษ์ แมเ่ หลก็ กบั สำรแม่เหล็ก หรอื แมเ่ หล็กกบั 10 ว 2.2 ป.3/4 ระบุขัว้ แม่เหล็กและพยำกรณ์ แมเ่ หล็กแม่เหลก็ มี ๒ ขว้ั คือ ข้วั เหนือ  ผลท่ีเกดิ ขึ้นระหวำ่ งข้ัวแมเ่ หล็ก และขัว้ ใต้ขวั้ แม่เหล็กชนดิ เดียวกนั เมือ่ นำมำเขำ้ ใกลก้ ันจำกหลกั ฐำน จะผลกั กัน ต่ำงชนิดกนั จะดึงดดู กัน เชิงประจกั ษ์ 11 ว 2.3 ป.3/1 ยกตัวอยำ่ งกำรเปล่ียนพลังงำนหน่ึง • พลงั งำนเปน็ ปริมำณท่แี สดงถงึ ควำมสำมำรถ  ไปเป็นอีกพลังงำนหน่ึง ในกำรทำงำน พลังงำนมหี ลำยแบบ เชน่ จำกหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ พลงั งำนกล พลงั งำนไฟฟ้ำ พลังงำนแสง พลังงำนเสยี ง และพลังงำนควำมรอ้ น โดย พลังงำนสำมำรถเปล่ยี นจำกพลงั งำนหนง่ึ ไปเปน็ อีกพลังงำนหนึ่งได้ เชน่ กำรถมู ือ จนรสู้ กึ รอ้ นเปน็ กำรเปลีย่ นพลังงำนกล เป็นพลงั งำนควำมรอ้ น แผงเซลลส์ ุริยะ เปล่ยี นพลังงำนแสงเป็นพลังงำนไฟฟำ้ หรอื เครื่องใชไ้ ฟฟำ้ เปล่ยี นพลังงำนไฟฟ้ำ เป็นพลงั งำนอ่นื 12 ว 2.3 ป.3/2 บรรยำยกำรทำงำนของ • ไฟฟำ้ ผลติ จำกเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้ำ ซ่ึงใช้   เคร่อื งกำเนดิ ไฟฟ้ำและระบุ พลงั งำนจำกแหล่งพลังงำนธรรมชำติ แหลง่ พลังงำนในกำรผลติ ไฟฟ้ำ หลำยแหลง่ เชน่ พลังงำนจำกลม พลังงำน จำกข้อมูลทรี่ วบรวมได้ จำกน้ำ พลังงำนจำกแกส๊ ธรรมชำติ 13 ว 2.3 ป.3/3 ตระหนกั ในประโยชน์และโทษ • พลังงำนไฟฟ้ำมคี วำมสำคญั ต่อชีวติ ประจำวัน  ของไฟฟำ้ โดยนำเสนอวิธีกำรใช้ กำรใชไ้ ฟฟำ้ นอกจำกต้องใช้อย่ำงถูกวิธี ไฟฟ้ำอย่ำงประหยัด และปลอดภยั ประหยดั และคุ้มคำ่ แล้ว ยังต้องคำนงึ ถึง ควำมปลอดภัยด้วย 14 ว 3.1 ป.3/1 อธิบำยแบบรูปเสน้ ทำงกำรข้ึน • คนบนโลกมองเห็นดวงอำทิตยป์ รำกฏขน้ึ  และตกของดวงอำทิตย์ ทำงด้ำนหนึ่งและตกทำงอีกด้ำนหน่ึงทุกวัน โดยใชห้ ลักฐำนเชิงประจักษ์ หมนุ เวียนเปน็ แบบรูปซ้ำ ๆ • โลกกลมและหมนุ รอบตัวเองขณะโคจร รอบดวงอำทติ ย์ ทำให้บรเิ วณของโลก สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๘ ชัน้ ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 15 ว 3.1 ป.3/2 อธิบำยสำเหตกุ ำรเกิด ได้รับแสงอำทติ ยไ์ ม่พร้อมกัน โลกดำ้ นท่ไี ด้รับ  ปรำกฏกำรณ์กำรขนึ้ และตก แสงจำกดวงอำทติ ยจ์ ะเปน็ กลำงวัน ของดวงอำทิตย์ กำรเกิดกลำงวัน ส่วนดำ้ นตรงขำ้ มท่ีไม่ได้รับแสงจะเปน็ กลำงคืนและกำรกำหนดทิศ กลำงคนื นอกจำกนี้คนบนโลกจะมองเหน็ โดยใชแ้ บบจำลอง ดวงอำทิตย์ปรำกฏขึ้นทำงด้ำนหนงึ่ 16 ว 3.1 ป.3/3 ตระหนักถึงควำมสำคัญของ ซง่ึ กำหนดใหเ้ ปน็ ทศิ ตะวนั ออก และ  ดวงอำทติ ย์ โดยบรรยำยประโยชน์ มองเหน็ ดวงอำทติ ย์ตกทำงอีกดำ้ นหนึ่ง ของดวงอำทิตย์ต่อส่ิงมีชีวติ ซึง่ กำหนดใหเ้ ป็นทิศตะวันตกและเมื่อให้ ด้ำนขวำมืออยู่ทำงทิศตะวนั ออก ด้ำนซ้ำยมืออยู่ทำงทิศตะวันตก ด้ำนหน้ำ จะเปน็ ทศิ เหนือ และด้ำนหลงั จะเป็นทศิ ใต้ • ในเวลำกลำงวนั โลกจะได้รบั พลังงำนแสง และพลงั งำนควำมร้อนจำกดวงอำทติ ย์ ทำให้สงิ่ มีชีวติ ดำรงชีวิตอยู่ได้ 17 ว 3.2 ป.3/1 ระบุส่วนประกอบของอำกำศ • อำกำศโดยท่วั ไปไม่มีสี ไม่มีกลน่ิ  บรรยำยควำมสำคัญของอำกำศ ประกอบดว้ ยแกส๊ ไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน และผลกระทบของมลพิษ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์ แก๊สอนื่ ๆ ทำงอำกำศตอ่ ส่ิงมชี วี ิต จำกข้อมลู รวมท้งั ไอนำ้ และฝนุ่ ละออง อำกำศ ที่รวบรวมได้ มคี วำมสำคัญต่อส่ิงมีชวี ติ หำกส่วนประกอบ 18 ว 3.2 ป.3/2 ตระหนักถงึ ควำมสำคญั ของอำกำศ ของอำกำศไม่เหมำะสม เน่ืองจำกมีแก๊ส  โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏบิ ัติ บำงชนดิ หรอื ฝุ่นละอองในปริมำณมำก อำจเปน็ อนั ตรำยตอ่ ส่ิงมชี ีวิตชนดิ ต่ำง ๆ ตนในกำรลดกำรเกดิ มลพษิ จดั เป็นมลพษิ ทำงอำกำศ ทำงอำกำศ • แนวทำงกำรปฏบิ ัติตนเพ่อื ลดกำรปล่อย มลพษิ ทำงอำกำศ เชน่ ใชพ้ ำหนะรว่ มกนั หรอื เลอื กใช้เทคโนโลยที ่ลี ดมลพิษทำงอำกำศ 19 ว 3.2 ป.3/3 อธบิ ำยกำรเกดิ ลม จำกหลกั ฐำน • ลม คอื อำกำศท่เี คลอ่ื นท่ี เกิดจำก  เชงิ ประจกั ษ์ ควำมแตกต่ำงกันของอณุ หภูมิอำกำศบริเวณ ทอี่ ยู่ใกลก้ ัน โดยอำกำศบริเวณที่มีอุณหภมู ิสงู จะลอยตัวสงู ขึ้น และอำกำศบริเวณที่มี อณุ หภูมติ ่ำกว่ำจะเคล่ือนเข้ำไปแทนท่ี 20 ว 3.2 ป.3/4 บรรยำยประโยชน์และโทษของลม • ลมสำมำรถนำมำใช้เป็นแหล่งพลงั งำน  จำกข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ทดแทนในกำรผลิตไฟฟ้ำ และนำไปใช้ ประโยชนใ์ นกำรทำกิจกรรมต่ำง ๆ ของ มนุษย์ หำกลมเคล่ือนท่ีดว้ ยควำมเร็วสูง อำจทำให้เกิดอันตรำยและควำมเสียหำย ต่อชีวิตและทรัพยส์ นิ ได้ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๙ ชั้น ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 21 ว 4.2 ป.3/1 แสดงอัลกอรทิ ึมในกำรทำงำน • อัลกอริทมึ เปน็ ขัน้ ตอนท่ใี ชใ้ นกำรแกป้ ญั หำ  หรือกำรแก้ปัญหำอย่ำงงำ่ ย • กำรแสดงอลั กอริทึม ทำได้โดยกำรเขยี น โดยใช้ภำพ สญั ลักษณ์ หรอื บอกเลำ่ วำดภำพ หรือใช้สัญลกั ษณ์ ข้อควำม • ตัวอย่ำงปัญหำ เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกม Tetris เกม OX กำรเดนิ ไปโรงอำหำร กำรทำควำมสะอำดหอ้ งเรยี น 22 ว 4.2 ป.3/2 เขยี นโปรแกรมอยำ่ งง่ำย โดยใช้ • กำรเขียนโปรแกรมเปน็ กำรสรำ้ งลำดับ  ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่อื และตรวจหำ ของคำส่งั ให้คอมพิวเตอร์ทำงำน ข้อผดิ พลำดของโปรแกรม • ตวั อยำ่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรม ทส่ี ่งั ใหต้ ัวละครทำงำนซำ้ ไม่สิ้นสุด • กำรตรวจหำข้อผิดพลำด ทำไดโ้ ดย ตรวจสอบคำสง่ั ทีแ่ จง้ ข้อผดิ พลำด หรือ หำกผลลพั ธ์ไม่เปน็ ไปตำมท่ีต้องกำร ให้ตรวจสอบกำรทำงำนทีละคำส่ัง • ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่ือทีใ่ ชใ้ นกำรเขียนโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคำสง่ั แสดงกำรเขียนโปรแกรม , Code.org 23 ว 4.2 ป.3/3 ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตค้นหำควำมรู้ • อนิ เทอร์เนต็ เป็นเครือข่ำยขนำดใหญ่  ช่วยใหก้ ำรตดิ ต่อส่ือสำรทำได้สะดวก และรวดเร็วและเปน็ แหลง่ ข้อมลู ควำมรู้ ที่ช่วยในกำรเรียนและกำรดำเนนิ ชีวติ • เวบ็ เบรำวเ์ ซอร์เป็นโปรแกรมสำหรับอำ่ น เอกสำรบนเว็บเพจ • กำรสืบค้นขอ้ มูลบนอินเทอร์เน็ต ทำไดโ้ ดย ใชเ้ ว็บไซตส์ ำหรับสืบคน้ และต้องกำหนด คำคน้ ที่เหมำะสมจึงจะได้ข้อมูลตำมต้องกำร • ข้อมลู ควำมรู้ เชน่ วิธที ำอำหำร วิธีพับ กระดำษเป็นรูปตำ่ ง ๆ ข้อมูลประวตั ศิ ำสตร์ ชำตไิ ทย (อำจเป็นควำมรู้ในวชิ ำอน่ื ๆ หรอื เรื่องที่เปน็ ประเด็นท่สี นใจในชว่ งเวลำน้นั ) • กำรใช้อินเทอร์เน็ตอย่ำงปลอดภยั ควรอยูใ่ นกำรดแู ลของครู หรือผูป้ กครอง 24 ว 4.2 ป.3/4 รวบรวม ประมวลผล และ • กำรรวบรวมข้อมูล ทำไดโ้ ดยกำหนดหวั ข้อ  นำเสนอข้อมูล โดยใช้ ท่ตี อ้ งกำร เตรยี มอปุ กรณ์ในกำรจดบันทกึ ซอฟต์แวร์ตำมวัตถปุ ระสงค์ • กำรประมวลผลอยำ่ งง่ำย เช่น เปรียบเทียบ จดั กลุ่ม เรียงลำดบั • กำรนำเสนอข้อมูลทำได้หลำยลกั ษณะ ตำมควำมเหมำะสม เชน่ กำรบอกเล่ำ กำรทำเอกสำรรำยงำน กำรจัดทำป้ำยประกำศ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๐ ชนั้ ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 • กำรใช้ซอฟต์แวร์ทำงำนตำมวตั ถุประสงค์ เชน่ ใช้ซอฟต์แวรน์ ำเสนอ หรือซอฟตแ์ วร์ กรำฟิก สรำ้ งแผนภมู ริ ปู ภำพ ใชซ้ อฟต์แวร์ ประมวลคำ ทำปำ้ ยประกำศหรือ เอกสำรรำยงำน ใชซ้ อฟตแ์ วร์ตำรำง ทำงำนในกำรประมวลผลขอ้ มูล 25 ว 4.2 ป.3/5 ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอยำ่ งปลอดภยั  อยำ่ งปลอดภยั ปฏิบตั ิตำม เช่น ปกป้องข้อมูลส่วนตวั ข้อตกลงในกำรใช้อนิ เทอร์เน็ต • ขอควำมช่วยเหลือจำกครูหรือผ้ปู กครอง เมอ่ื เกดิ ปัญหำจำกกำรใชง้ ำน เมอ่ื พบ ขอ้ มลู หรือบุคคลทที่ ำให้ไมส่ บำยใจ • กำรปฏิบัติตำมข้อตกลงในกำรใช้ อนิ เทอร์เน็ตจะทำให้ไม่เกิดควำมเสียหำย ต่อตนเองและผู้อ่ืน เช่น ไมใ่ ช้คำหยำบ ล้อเลยี น ด่ำทอ ทำใหผ้ ู้อืน่ เสียหำยหรือ เสยี ใจ • ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ในกำรใช้เทคโนโลยี สำรสนเทศและกำรสือ่ สำร รวม 25 ตัวชี้วัด 19 7 หมายเหตุ: ตวั ชว้ี ดั ว 2.3 ป.3/2 มลี ักษณะเฉพำะคือเป็นท้งั ตัวช้วี ดั ตอ้ งร้แู ละควรรู้ รำยละเอียดดังนี้ ตอ้ งรู้ : กำรทำงำนของเคร่ืองกำเนิดไฟฟำ้ ควรรู้ : แหล่งพลงั งำนในกำรผลติ ไฟฟ้ำ เป็นเน้ือหำท่นี ักเรียนสำมำรถสืบคน้ ข้อมูลหรือศึกษำ เพอ่ื ทำควำมเขำ้ ใจได้ดว้ ยตนเอง และครูอำจช่วยสรปุ ใหภ้ ำยหลัง สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๑ ชั้น ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 1 ว 1.2 ป.4/1 บรรยำยหน้ำท่ีของรำก ลำต้น • สว่ นต่ำง ๆ ของพชื ดอกทำหน้ำทแ่ี ตกต่ำงกัน  ใบ และดอกของพืชดอก โดยใช้ - รำกทำหน้ำท่ีดดู นำ้ และธำตุอำหำรขน้ึ ไปยัง ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ ลำต้น - ลำต้นทำหน้ำทีล่ ำเลียงนำ้ ต่อไปยงั ส่วนต่ำง ๆ ของพชื - ใบทำหน้ำที่สรำ้ งอำหำร อำหำรท่ีพืชสรำ้ งขึ้น คือ นำ้ ตำลซ่ึงจะเปล่ียนเป็นแป้ง - ดอกทำหน้ำทีส่ ืบพันธ์ุ ประกอบดว้ ย สว่ นประกอบตำ่ ง ๆ ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบ ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซง่ึ ส่วนประกอบแต่ละส่วนของดอก ทำหน้ำทีแ่ ตกตำ่ งกัน 2 ว 1.3 ป.4/1 จำแนกสิ่งมชี ีวติ โดยใช้ควำมเหมอื น • สง่ิ มชี ีวติ มหี ลำยชนิด สำมำรถจัดกล่มุ ได้  และควำมแตกตำ่ งของลักษณะ โดยใช้ควำมเหมอื นและควำมแตกตำ่ งของ ของส่งิ มีชีวิตออกเปน็ กลุม่ พืช ลักษณะต่ำง ๆ เชน่ กลมุ่ พชื สร้ำงอำหำรเองได้ กลุ่มสตั ว์ และกลุ่มท่ีไม่ใชพ่ ืชและ และเคล่ือนทด่ี ้วยตนเองไม่ได้ กลมุ่ สตั ว์ สตั ว์ กนิ ส่งิ มชี วี ติ อ่ืนเป็นอำหำรและเคลื่อนทไี่ ด้ กลุ่มทไ่ี มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ เช่น เห็ด รำ จุลินทรยี ์ 3 ว 1.3 ป.4/2 จำแนกพืชออกเปน็ พืชดอก • กำรจำแนกพชื สำมำรถใชก้ ำรมีดอกเป็นเกณฑ์  และพชื ไมม่ ดี อก โดยใช้ ในกำรจำแนกไดเ้ ป็นพชื ดอกและพืชไมม่ ีดอก กำรมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ 4 ว 1.3 ป.4/3 จำแนกสตั วอ์ อกเป็นสตั วม์ ีกระดกู • กำรจำแนกสัตว์ สำมำรถใช้กำรมีกระดกู สันหลัง  สนั หลงั และสตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เปน็ เกณฑใ์ นกำรจำแนกไดเ้ ป็นสัตวม์ ีกระดูก โดยใช้กำรมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ สันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ • สตั ว์มีกระดูกสันหลังมหี ลำยกลุ่ม ไดแ้ ก่ 5 ว 1.3 ป.4/4 บรรยำยลักษณะเฉพำะทส่ี ังเกตได้ กลมุ่ ปลำ กลุ่มสัตวส์ ะเทินน้ำสะเทนิ บก  ของสตั วม์ ีกระดูกสันหลงั กลมุ่ สตั ว์เลือ้ ยคลำน กลุ่มนก และกลุม่ สตั ว์ ในกล่มุ ปลำ กลุ่มสัตวส์ ะเทินน้ำ เลี้ยงลกู ด้วยนำ้ นม ซึ่งแตล่ ะกลมุ่ จะมีลักษณะ สะเทินบก กลมุ่ สัตว์เลอื้ ยคลำน เฉพำะทสี่ ังเกตได้ กลมุ่ นก และกลมุ่ สตั ว์เลยี้ งลกู ดว้ ยนำ้ นม และยกตวั อยำ่ ง สิง่ มีชวี ติ ในแต่ละกลุ่ม สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๒ ช้ัน ที่ รหัสตวั ช้ีวดั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 6 ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทยี บสมบตั ิทำงกำยภำพ • วสั ดุแตล่ ะชนิดมีสมบัตทิ ำงกำยภำพแตกตำ่ งกัน   ดำ้ นควำมแข็ง สภำพยืดหยุ่น วสั ดุที่มีควำมแข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วสั ดทุ ีม่ ี กำรนำควำมร้อน และกำรนำ สภำพยืดหยนุ่ จะเปลยี่ นแปลงรปู ร่ำงเมอื่ มีแรง ไฟฟำ้ ของวัสดุ โดยใชห้ ลกั ฐำน มำกระทำและกลับสภำพเดิมได้ วัสดทุ น่ี ำ เชิงประจกั ษจ์ ำกกำรทดลองและ ควำมร้อน จะร้อนได้เรว็ เมอ่ื ไดร้ บั ควำมร้อน ระบุกำรนำสมบัติเร่อื งควำมแข็ง และวัสดทุ ี่นำไฟฟ้ำได้ จะให้กระแสไฟฟ้ำผำ่ นได้ สภำพยืดหยุ่น กำรนำควำมร้อน ดงั นัน้ จึงอำจนำสมบตั ิต่ำง ๆ มำพิจำรณำ และกำรนำไฟฟำ้ ของวสั ดุไปใช้ เพอ่ื ใช้ในกระบวนกำรออกแบบชิ้นงำน ในชวี ติ ประจำวนั ผ่ำนกระบวนกำร เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำวนั ออกแบบชิ้นงำน 7 ว 2.1 ป.4/2 แลกเปล่ียนควำมคิดกบั ผู้อน่ื  โดยกำรอภปิ รำยเก่ยี วกับสมบัติ ทำงกำยภำพของวัสดุอย่ำงมี เหตผุ ลจำกกำรทดลอง  8 ว 2.1 ป.4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสำร • วัสดุเปน็ สสำรเพรำะมมี วลและตอ้ งกำรท่ีอยู่ ท้ัง ๓ สถำนะ จำกข้อมูลทีไ่ ด้จำก สสำรมสี ถำนะเปน็ ของแขง็ ของเหลว หรอื แก๊ส กำรสงั เกตมวล กำรต้องกำรที่อยู่ ของแขง็ มีปริมำตรและรูปรำ่ งคงท่ี ของเหลวมี รูปรำ่ งและปรมิ ำตรของสสำร ปริมำตรคงท่ี แต่มีรูปรำ่ งเปล่ียนไปตำมภำชนะ  9 ว 2.1 ป.4/4 ใชเ้ คร่ืองมือเพ่อื วดั มวล และ เฉพำะส่วนทบ่ี รรจุของเหลว ส่วนแก๊สมี ปริมำตรของสสำรท้ัง ๓ สถำนะ ปรมิ ำตรและรปู รำ่ งเปล่ยี นไปตำมภำชนะ ท่บี รรจุ 10 ว 2.2 ป.4/1 ระบุผลของแรงโน้มถว่ งที่มตี อ่ วตั ถุ • แรงโนม้ ถ่วงของโลกเปน็ แรงดึงดูดท่โี ลกกระทำ  จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ ต่อวัตถุ มที ิศทำงเข้ำสู่ศนู ย์กลำงโลก และเปน็ 11 ว 2.2 ป.4/2 ใช้เคร่ืองช่งั สปริงในกำรวดั นำ้ หนัก แรงไม่สมั ผัส แรงดึงดดู ทีโ่ ลกกระทำกับวัตถุ  ของวัตถุ หนึง่ ๆทำให้วตั ถตุ กลงสู่พื้นโลก และทำใหว้ ตั ถุ มีนำ้ หนกั วัดนำ้ หนกั ของวัตถุไดจ้ ำกเครื่องช่งั สปริง นำ้ หนักของวตั ถขุ น้ึ กบั มวลของวัตถุ โดยวตั ถทุ ีม่ ีมวลมำกจะมนี ้ำหนกั มำก วตั ถุท่มี ี มวลน้อยจะมีน้ำหนกั น้อย 12 ว 2.2 ป.4/3 บรรยำยมวลของวัตถุทมี่ ีผลต่อ • มวล คือ ปรมิ ำณเน้ือของสสำรทงั้ หมด  กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคล่อื นท่ีของ ทปี่ ระกอบกันเปน็ วัตถุ ซงึ่ มีผลต่อควำมยำกง่ำย วตั ถจุ ำกหลกั ฐำนเชงิ ประจักษ์ ในกำรเปลย่ี นแปลงกำรเคล่ือนทขี่ องวัตถุ วตั ถุท่มี ีมวลมำกจะเปลยี่ นแปลงกำรเคล่ือนที่ ไดย้ ำกกวำ่ วัตถุท่ีมีมวลน้อย ดังน้ันมวลของ วตั ถนุ อกจำกจะหมำยถึงเน้ือทั้งหมดของ วตั ถุนัน้ แลว้ ยังหมำยถึงกำรต้ำนกำรเปลี่ยนแปลง กำรเคล่อื นที่ของวตั ถุนั้นดว้ ย สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พนื้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๓ ชัน้ ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 13 ว 2.3 ป.4/1 จำแนกวตั ถเุ ปน็ ตวั กลำงโปรง่ ใส • เมื่อมองสง่ิ ตำ่ ง ๆ โดยมวี ัตถุตำ่ งชนิดกนั  ตวั กลำงโปร่งแสง และวตั ถทุ ึบแสง มำกัน้ แสงจะทำให้ลักษณะกำรมองเห็นสงิ่ นน้ั ๆ จำกลักษณะกำรมองเห็นสงิ่ ต่ำง ๆ ชัดเจนตำ่ งกนั จงึ จำแนกวตั ถุที่มำกนั้ ออกเปน็ ผ่ำนวัตถนุ ั้นเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ตัวกลำงโปร่งใส ซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งตำ่ ง ๆ ได้ ชัดเจน ตัวกลำงโปรง่ แสงทำให้มองเห็นสิ่งต่ำง ๆ หลักฐำนเชงิ ประจักษ์ ได้ไม่ชัดเจน และวัตถทุ บึ แสงทำใหม้ องไมเ่ หน็ สง่ิ ตำ่ ง ๆ นั้น 14 ว 3.1 ป.4/1 อธบิ ำยแบบรปู เส้นทำงกำรขึ้น • ดวงจันทร์เป็นบรวิ ำรของโลก โดยดวงจันทร์  และตกของดวงจันทร์ โดยใช้ หมนุ รอบตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะทโี่ ลก ก็หมนุ รอบตัวเองดว้ ยเชน่ กัน กำรหมุนรอบตวั เอง หลกั ฐำนเชิงประจักษ์ ของโลกจำกทิศตะวนั ตกไปทิศตะวนั ออกในทิศทำง ทวนเข็มนำฬกิ ำ เมือ่ มองจำกข้ัวโลกเหนอื ทำใหม้ องเหน็ ดวงจันทรป์ รำกฏขน้ึ ทำงดำ้ น ทศิ ตะวนั ออกและตกทำงด้ำนทศิ ตะวนั ตก หมนุ เวยี นเป็นแบบรูปซำ้ ๆ 15 ว 3.1 ป.4/2 สร้ำงแบบจำลองทีอ่ ธบิ ำยแบบรปู • ดวงจันทร์เปน็ วตั ถุทเี่ ปน็ ทรงกลม  กำรเปลีย่ นแปลงรูปรำ่ งปรำกฏ แตร่ ูปรำ่ งของดวงจันทรท์ ่ีมองเห็นหรือรูปรำ่ ง ปรำกฏของดวงจันทร์บนท้องฟ้ำแตกต่ำงกันไป ของดวงจนั ทร์และพยำกรณ์ ในแตล่ ะวัน โดยในแต่ละวนั ดวงจันทรจ์ ะมี รปู ร่ำงปรำกฏของดวงจนั ทร์ รปู รำ่ งปรำกฏเปน็ เส้ียวท่ีมีขนำดเพมิ่ ขน้ึ อยำ่ งต่อเนื่องจนเตม็ ดวงจำกนั้นรูปรำ่ งปรำกฏ ของดวงจนั ทรจ์ ะแหว่งและมีขนำดลดลง อย่ำงต่อเน่อื งจนมองไม่เหน็ ดวงจันทร์ จำกน้นั รูปร่ำงปรำกฏของดวงจนั ทรจ์ ะเปน็ เสย้ี วใหญ่ ข้นึ จนเตม็ ดวงอีกครั้งกำรเปลี่ยนแปลงเชน่ นี้ เป็นแบบรปู ซำ้ กนั ทกุ เดือน 16 ว 3.1 ป.4/3 สรำ้ งแบบจำลองแสดง • ระบบสรุ ยิ ะเป็นระบบทม่ี ดี วงอำทิตย์  องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ เปน็ ศนู ย์กลำงและมีบรวิ ำรประกอบดว้ ย ดำวเครำะห์แปดดวงและบริวำร ซึง่ ดำวเครำะห์ และอธบิ ำยเปรยี บเทียบคำบ กำรโคจรของดำวเครำะหต์ ำ่ ง ๆ แตล่ ะดวงมขี นำดและระยะหำ่ งจำกดวงอำทิตย์ แตกต่ำงกนั และยังประกอบด้วย ดำวเครำะห์ จำกแบบจำลอง แคระ ดำวเครำะหน์ ้อย ดำวหำง และวตั ถุ ขนำดเลก็ อื่น ๆ โคจรอยูร่ อบดวงอำทติ ย์ วัตถุ ขนำดเล็กอน่ื ๆ เมอ่ื เข้ำมำในชน้ั บรรยำกำศ เน่ืองจำกแรงโนม้ ถ่วงของโลกทำให้เกดิ เปน็ ดำวตกหรอื ผีพุ่งไต้และอกุ กำบำต สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๔ ชัน้ ท่ี รหัสตวั ชี้วัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 17 ว 4.2 ป.4/1 ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในกำรแก้ปัญหำ • กำรใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นกำรนำกฎเกณฑ์หรือ  กำรอธบิ ำยกำรทำงำน กำรคำดกำรณ์ เง่ือนไขท่ีครอบคลมุ ทุกกรณีมำใช้พิจำรณำ ในกำรแก้ปัญหำ กำรอธิบำย ผลลพั ธ์ จำกปญั หำอยำ่ งง่ำย กำรทำงำน หรือกำรคำดกำรณ์ผลลพั ธ์ • สถำนะเริม่ ตน้ ของกำรทำงำนทีแ่ ตกต่ำงกนั จะใหผ้ ลลัพธท์ ีแ่ ตกต่ำงกนั • ตัวอย่ำงปัญหำ เช่น เกม OX โปรแกรม ทม่ี ีกำรคำนวณ โปรแกรมทม่ี ีตัวละครหลำยตวั และ มีกำรสัง่ งำนทแี่ ตกต่ำงหรือมกี ำรสอ่ื สำร ระหวำ่ งกนั กำรเดินทำงไปโรงเรยี น โดยวิธกี ำร ตำ่ ง ๆ 18 ว 4.2 ป.4/2 ออกแบบ และเขยี นโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย เชน่  อยำ่ งงำ่ ย โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรอื กำรออกแบบโดยใช้ storyboard หรือกำรออกแบบอัลกอรทิ มึ สอื่ และตรวจหำข้อผิดพลำด • กำรเขยี นโปรแกรมเป็นกำรสร้ำงลำดบั ของ และแก้ไข คำส่ังให้คอมพิวเตอรท์ ำงำน เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ ตำมควำมต้องกำร หำกมีข้อผิดพลำด ใหต้ รวจสอบกำรทำงำนทีละคำสง่ั เมอื่ พบจดุ ทที่ ำใหผ้ ลลัพธไ์ ม่ถูกต้อง ให้ทำกำรแก้ไข จนกว่ำจะได้ผลลพั ธ์ที่ถูกต้อง • ตัวอย่ำงโปรแกรมท่ีมเี รื่องรำว เช่น นิทำนทีม่ ีกำรโตต้ อบกับผใู้ ช้ กำรต์ นู ส้นั เลำ่ กจิ วัตรประจำวนั ภำพเคลื่อนไหว • กำรฝกึ ตรวจหำขอ้ ผิดพลำดจำกโปรแกรมของ ผูอ้ นื่ จะชว่ ยพัฒนำทักษะกำรหำสำเหตุของ ปัญหำไดด้ ยี ่งิ ขน้ึ • ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ในกำรเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, logo  19 ว 4.2 ป.4/3 ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตค้นหำควำมรู้ และ • กำรใช้คำค้นทตี่ รงประเดน็ กระชบั จะทำให้ ประเมนิ ควำมน่ำเช่ือถือของข้อมูล ไดผ้ ลลัพธท์ รี่ วดเรว็ และตรงตำมควำมต้องกำร • กำรประเมินควำมนำ่ เช่ือถือของขอ้ มลู เชน่ พจิ ำรณำประเภทของเว็บไซต์ (หนว่ ยงำน รำชกำร สำนักข่ำว องคก์ ร) ผู้เขียน วนั ที่ เผยแพรข่ ้อมูล กำรอำ้ งอิง • เมือ่ ได้ข้อมลู ทต่ี ้องกำรจำกเว็บไซต์ตำ่ ง ๆ จะตอ้ งนำเน้ือหำมำพิจำรณำ ปรียบเทยี บ แลว้ เลือกข้อมลู ที่มีควำมสอดคล้องและ สัมพันธ์กนั สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๕ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 • กำรทำรำยงำนหรือกำรนำเสนอข้อมูล  รวบรวม ประเมนิ นำเสนอข้อมลู จะตอ้ งนำข้อมลู มำเรยี บเรียง สรุป 20 ว 4.2 ป.4/4 และสำรสนเทศโดยใชซ้ อฟต์แวร์ เปน็ ภำษำของตนเองท่เี หมำะสมกบั  ท่หี ลำกหลำย เพื่อแก้ปัญหำ กลุม่ เปำ้ หมำยและวธิ กี ำรนำเสนอ 21 ว 4.2 ป.4/5 ในชวี ิตประจำวัน (บรู ณำกำรกบั วชิ ำภำษำไทย) • กำรรวบรวมข้อมลู ทำได้โดยกำหนดหัวข้อ ใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ ท่ตี อ้ งกำร เตรยี มอุปกรณใ์ นกำรจดบันทกึ อยำ่ งปลอดภยั เขำ้ ใจสทิ ธแิ ละ • กำรประมวลผลอยำ่ งง่ำย เชน่ เปรยี บเทียบ หน้ำท่ขี องตน เคำรพในสทิ ธิของ จัดกลุ่ม เรยี งลำดับ กำรหำผลรวม ผู้อน่ื แจง้ ผเู้ กย่ี วข้องเมื่อพบข้อมลู • วิเครำะห์ผลและสร้ำงทำงเลือกท่ีเปน็ ไปได้ หรือบุคคลท่ีไม่เหมำะสม ประเมนิ ทำงเลือก (เปรยี บเทียบ ตัดสิน) • กำรนำเสนอข้อมลู ทำไดห้ ลำยลกั ษณะ ตำมควำมเหมำะสม เชน่ กำรบอกเลำ่ เอกสำรรำยงำน โปสเตอร์ โปรแกรม นำเสนอ • กำรใช้ซอฟต์แวรเ์ พื่อแกป้ ัญหำ ในชวี ติ ประจำวนั เช่น กำรสำรวจ เมนูอำหำรกลำงวนั โดยใช้ซอฟต์แวร์ สร้ำงแบบสอบถำมและเก็บข้อมูล ใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ำรำงทำงำน เพอ่ื ประมวลผล ข้อมูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณคำ่ ทำงโภชนำกำรและสร้ำงรำยกำรอำหำร สำหรบั ๕ วัน ใชซ้ อฟต์แวร์นำเสนอ ผลกำรสำรวจรำยกำรอำหำรทีเ่ ปน็ ทำงเลือก และข้อมูลดำ้ นโภชนำกำร • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอยำ่ งปลอดภัย เขำ้ ใจสิทธิและหนำ้ ท่ีของตน เคำรพ ในสทิ ธิของผู้อน่ื เชน่ ไมส่ ร้ำงขอ้ ควำมเท็จ และส่งใหผ้ ู้อน่ื ไมส่ รำ้ งควำมเดือดรอ้ นต่อ ผู้อน่ื โดยกำรสง่ สแปมขอ้ ควำมลูกโซ่ สง่ ตอ่ โพสตท์ ่ีมีข้อมูลสว่ นตัวของผอู้ ่นื สง่ คำเชญิ เลน่ เกม ไม่เข้ำถงึ ข้อมูลส่วนตวั หรือกำรบำ้ นของบุคคลอื่นโดยไมไ่ ด้รบั อนญุ ำต ไม่ใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์/ชือ่ บัญชขี องผู้อืน่ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๖ ชน้ั ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 16 6 • กำรสอื่ สำรอย่ำงมีมำรยำทและร้กู ำลเทศะ • กำรปกป้องข้อมลู สว่ นตัว เชน่ กำรออก จำกระบบเมื่อเลิกใช้งำน ไม่บอกรหัสผ่ำน ไม่บอกเลขประจำตัวประชำชน รวม 21 ตัวชี้วัด หมายเหตุ: ตวั ชี้วัด ว 2.1 ป.4/1 มีลักษณะเฉพำะคอื เป็นท้ังตัวชวี้ ัดตอ้ งรแู้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังนี้ ตอ้ งรู้ : สมบัตขิ องวสั ดดุ ้ำนควำมแขง็ สภำพยดื หยนุ่ กำรนำควำมรอ้ น กำรนำไฟฟ้ำ ควรรู้ : กำรนำสมบตั ขิ องวสั ดุไปใช้ประโยชน์ผำ่ นกระบวนกำรออกแบบชน้ิ งำน เปน็ เนื้อหำที่ประยุกต์ใช้ควำมรู้จำกที่เรียนมำแลว้ ไปแกป้ ัญหำ ครูอำจจัดเปน็ กิจกรรมเสริม เพ่อื ให้นกั เรียนไดน้ ำควำมรู้ที่เรียนมำแล้วมำใช้ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๗ ชน้ั ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 1 ว 1.1 ป.5/1 บรรยำยโครงสรำ้ งและลักษณะ • สง่ิ มีชีวิตท้งั พชื และสัตวม์ โี ครงสร้ำงและ  ของสิง่ มีชีวิตท่เี หมำะสมกบั ลกั ษณะที่เหมำะสมในแตล่ ะแหล่งที่อยู่ กำรดำรงชีวติ ซึ่งเป็นผลมำจำก ซึง่ เปน็ ผลมำจำกกำรปรับตัวของสิง่ มีชวี ติ กำรปรบั ตวั ของสิ่งมชี วี ติ ในแต่ละ เพือ่ ให้ดำรงชวี ิตและอยูร่ อดไดใ้ นแต่ละ แหล่งที่อยู่ แหลง่ ทีอ่ ยู่ เช่น ผักตบชวำมชี อ่ งอำกำศ ในก้ำนใบ ชว่ ยให้ลอยน้ำได้ ต้นโกงกำง ทข่ี น้ึ อยู่ในปำ่ ชำยเลนมีรำกค้ำจุนทำให้ ลำตน้ ไมล่ ้ม ปลำมีครีบช่วยในกำรเคล่ือนท่ี ในน้ำ 2 ว 1.1 ป.5/2 อธิบำยควำมสัมพันธร์ ะหว่ำง • ในแหลง่ ท่ีอยหู่ นงึ่ ๆ ส่ิงมีชวี ิตจะมี  สงิ่ มชี ีวิตกบั ส่ิงมชี วี ิต และ ควำมสัมพนั ธ์ซ่ึงกันและกันและสัมพันธ์กับ ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงสิง่ มีชีวิต สิ่งไม่มีชวี ติ เพื่อประโยชน์ต่อกำรดำรงชวี ิต กบั สิง่ ไม่มชี ีวติ เพือ่ ประโยชน์ เช่น ควำมสัมพนั ธก์ นั ดำ้ นกำรกนิ กนั ต่อกำรดำรงชีวิต เปน็ อำหำร เป็นแหล่งท่ีอยู่อำศัยหลบภัย 3 ว 1.1 ป.5/3 เขยี นโซอ่ ำหำรและระบบุ ทบำท และเลี้ยงดลู กู อ่อน ใช้อำกำศในกำรหำยใจ  หน้ำทขี่ องสง่ิ มีชีวติ ท่เี ป็นผ้ผู ลติ • สิ่งมชี ีวิตมกี ำรกินกันเป็นอำหำร โดยกนิ ต่อกัน และผู้บริโภคในโซอ่ ำหำร เป็นทอด ๆ ในรูปแบบของโซ่อำหำร 4 ว 1.1 ป.5/4 ตระหนกั ในคุณคำ่ ของสิ่งแวดล้อม ทำให้สำมำรถระบบุ ทบำทหน้ำท่ีของ  ท่มี ีต่อกำรดำรงชวี ิตของส่งิ มชี ีวติ สงิ่ มีชวี ติ เป็นผผู้ ลิตและผู้บรโิ ภค โดยมสี ่วนร่วมในกำรดแู ลรักษำ ส่งิ แวดลอ้ ม 5 ว 1.3 ป.5/1 อธิบำยลักษณะทำงพันธุกรรม • สิง่ มชี ีวติ ทั้งพชื สัตว์ และมนษุ ย์ เมอ่ื โตเตม็ ท่ี  ท่มี กี ำรถำ่ ยทอดจำกพ่อแม่สูล่ ูก จะมกี ำรสืบพนั ธุเ์ พื่อเพมิ่ จำนวนและ ของพืช สตั ว์ และมนุษย์ ดำรงพนั ธุ์ โดยลกู ทีเ่ กิดมำจะไดร้ ับกำร 6 ว 1.3 ป.5/2 แสดงควำมอยำกรู้อยำกเหน็ ถำ่ ยทอดลักษณะทำงพนั ธุกรรมจำกพ่อแม่  โดยกำรถำมคำถำมเกีย่ วกบั ทำใหม้ ีลกั ษณะทำงพนั ธกุ รรมท่เี ฉพำะ ลกั ษณะท่ีคล้ำยคลึงกนั ของ แตกต่ำงจำกสง่ิ มชี วี ิตชนิดอืน่ ตนเองกับพ่อแม่ • พืชมีกำรถำ่ ยทอดลักษณะทำงพันธกุ รรม เชน่ ลักษณะของใบ สดี อก • สัตว์มกี ำรถ่ำยทอดลกั ษณะทำงพนั ธกุ รรม เช่น สีขน ลักษณะของขน ลกั ษณะของหู • มนษุ ย์มีกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพนั ธุกรรม เช่น เชิงผมทหี่ น้ำผำก ลกั ยิ้ม ลกั ษณะหนัง ตำ กำรห่อลิน้ ลักษณะของตง่ิ หู สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๘ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 7 ว 2.1 ป.5/1 อธบิ ำยกำรเปล่ียนสถำนะของ • กำรเปลี่ยนสถำนะของสสำรเป็นกำร  สสำร เมอ่ื ทำใหส้ สำรร้อนขนึ้ หรอื เปลย่ี นแปลงทำงกำยภำพ เมื่อเพิ่มควำมรอ้ น ให้กับสสำรถงึ ระดับหน่ึงจะทำใหส้ สำร เยน็ ลง โดยใชห้ ลักฐำน ทเ่ี ป็นของแข็งเปล่ียนสถำนะเป็นของเหลว เชิงประจกั ษ์ เรยี กวำ่ กำรหลอมเหลว และเมอ่ื เพิ่ม ควำมรอ้ นต่อไปจนถึงอกี ระดับหนึง่ ของเหลวจะเปลีย่ นเปน็ แกส๊ เรียกวำ่ กำรกลำยเป็นไอ แต่เม่อื ลดควำมร้อนลง ถึงระดบั หน่ึงแกส๊ จะเปล่ยี นสถำนะ เปน็ ของเหลว เรียกวำ่ กำรควบแน่น และ ถ้ำลดควำมร้อนตอ่ ไปอีกจนถึงระดบั หนึ่ง ของเหลวจะเปลีย่ นสถำนะเป็นของแข็ง เรยี กวำ่ กำรแข็งตวั สสำรบำงชนดิ สำมำรถ เปลย่ี นสถำนะจำกของแข็งเป็นแกส๊ โดยไม่ผำ่ นกำรเป็นของเหลว เรียกวำ่ กำรระเหิด ส่วนแก๊สบำงชนดิ สำมำรถ เปลยี่ นสถำนะเปน็ ของแขง็ โดยไมผ่ ำ่ น กำรเปน็ ของเหลว เรยี กว่ำ กำรระเหดิ กลบั 8 ว 2.1 ป.5/2 อธบิ ำยกำรละลำยของสำรในนำ้ • เมือ่ ใสส่ ำรลงในนำ้ แล้วสำรนั้นรวมเปน็  เนื้อเดียวกันกับนำ้ ทั่วทุกสว่ น แสดงว่ำ โดยใช้หลักฐำนเชงิ ประจกั ษ์ สำรเกิดกำรละลำย เรยี กสำรผสมทไ่ี ด้ วำ่ สำรละลำย 9 ว 2.1 ป.5/3 วิเครำะหก์ ำรเปลยี่ นแปลงของ • เมื่อผสมสำร ๒ ชนดิ ข้ึนไปแล้วมีสำรใหม่  สำรเมือ่ เกิดกำรเปล่ยี นแปลง เกิดข้นึ ซง่ึ มสี มบตั ิตำ่ งจำกสำรเดิมหรอื เม่ือสำรชนิดเดยี วเกดิ กำรเปล่ียนแปลง ทำงเคมี โดยใชห้ ลักฐำน แลว้ มีสำรใหม่เกดิ ขึน้ กำรเปลี่ยนแปลงนี้ เชิงประจักษ์ เรยี กว่ำ กำรเปลี่ยนแปลงทำงเคมี ซึ่งสงั เกตได้จำกมสี ีหรอื กลิน่ ต่ำงจำกสำรเดมิ หรอื มีฟองแก๊ส หรอื มีตะกอนเกิดข้นึ หรือ มกี ำรเพ่มิ ขน้ึ หรือลดลงของอุณหภูมิ 10 ว 2.1 ป.5/4 วเิ ครำะห์และระบกุ ำรเปลย่ี นแปลง • เมอื่ สำรเกิดกำรเปล่ยี นแปลงแลว้  ท่ผี ันกลับไดแ้ ละกำรเปลยี่ นแปลง สำรสำมำรถเปล่ียนกลบั เป็นสำรเดมิ ได้ เปน็ กำรเปลี่ยนแปลงทผี่ นั กลบั ได้ ที่ผันกลับไม่ได้ เชน่ กำรหลอมเหลว กำรกลำยเป็นไอ กำรละลำย แต่สำรบำงอยำ่ งเกดิ กำร เปล่ียนแปลงแลว้ ไมส่ ำมำรถเปลี่ยนกลบั เปน็ สำรเดมิ ได้เปน็ กำรเปลี่ยนแปลง ท่ีผนั กลับไม่ได้ เช่น กำรเผำไหม้ กำรเกดิ สนมิ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๙ ชน้ั ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 11 ว 2.2 ป.5/1 อธิบำยวิธีกำรหำแรงลัพธ์ของ • แรงลพั ธเ์ ปน็ ผลรวมของแรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ  แรงหลำยแรงในแนวเดยี วกนั โดยแรงลพั ธ์ของแรง 2 แรงท่ีกระทำต่อ ทก่ี ระทำต่อวตั ถใุ นกรณที ว่ี ตั ถุ วัตถเุ ดยี วกนั จะมีขนำดเท่ำกับผลรวมของ อยูน่ ิ่งจำกหลักฐำนเชงิ ประจกั ษ์ แรงทงั้ สองเม่ือแรงท้ังสองอยู่ในแนว 12 ว 2.2 ป.5/2 เขียนแผนภำพแสดงแรงที่กระทำ เดียวกนั แต่มีทิศทำงตรงขำ้ มกัน สำหรับ  ตอ่ วตั ถทุ ี่อยู่ในแนวเดียวกนั และ วัตถุทีอ่ ยู่น่งิ แรงลัพธท์ ่ีกระทำตอ่ วตั ถุ มีค่ำเปน็ ศนู ย์ แรงลพั ธ์ที่กระทำต่อวตั ถุ 13 ว 2.2 ป.5/3 ใชเ้ คร่ืองช่งั สปรงิ ในกำรวดั แรง • กำรเขียนแผนภำพของแรงท่กี ระทำต่อวตั ถุ  สำมำรถเขียนไดโ้ ดยใชล้ ูกศร โดยหวั ลกู ศร ท่กี ระทำต่อวตั ถุ แสดงทศิ ทำงของแรง และควำมยำวของ ลกู ศรแสดงขนำดของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุ 14 ว 2.2 ป.5/4 ระบผุ ลของแรงเสียดทำนทม่ี ตี ่อ • แรงเสยี ดทำนเปน็ แรงทเี่ กิดขนึ้ ระหว่ำง  กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคลือ่ นที่ของ ผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้ำนกำรเคลอื่ นท่ี วตั ถุจำกหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ ของวัตถนุ ัน้ โดยถ้ำออกแรงกระทำต่อวัตถุ 15 ว 2.2 ป.5/5 เขียนแผนภำพแสดงแรงเสียดทำน ที่อยู่น่งิ บนพืน้ ผวิ หนง่ึ ใหเ้ คล่ือนที่  และแรงท่ีอยูใ่ นแนวเดียวกนั แรงเสยี ดทำนจำกพนื้ ผิวนั้นก็จะต้ำน ที่กระทำต่อวัตถุ กำรเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ แต่ถ้ำวัตถกุ ำลัง เคลื่อนที่ แรงเสยี ดทำนก็จะทำใหว้ ตั ถนุ ้ัน เคล่ือนที่ช้ำลงหรือหยดุ นิง่ 16 ว 2.3 ป.5/1 อธบิ ำยกำรได้ยินเสยี ง • กำรได้ยินเสียงต้องอำศัยตัวกลำง  ผ่ำนตัวกลำงจำกหลกั ฐำน โดยอำจเป็นของแข็ง ของเหลว หรือ เชงิ ประจกั ษ์ อำกำศ เสียงจะส่งผ่ำนตวั กลำงมำยงั หู 17 ว 2.3 ป.5/2 ระบตุ ัวแปร ทดลอง และอธิบำย • เสียงท่ไี ดย้ ินมีระดับสูงต่ำของเสยี งต่ำงกัน  ลกั ษณะและกำรเกิดเสียงสูง ขึ้นกับควำมถี่ของกำรสน่ั ของแหล่งกำเนิดเสียง เสยี งต่ำ โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงส่นั ด้วยควำมถีต่ ำ่ 18 ว 2.3 ป.5/3 ออกแบบกำรทดลองและอธิบำย จะเกดิ เสยี งต่ำ แตถ่ ำ้ สน่ั ดว้ ยควำมถ่สี ูง  จะเกิดเสยี งสูง ส่วนเสียงดงั ค่อยทไ่ี ด้ยิน ลักษณะและกำรเกิดเสียงดงั เสียงค่อย ข้นึ กับพลังงำนกำรสัน่ ของแหลง่ กำเนิดเสียง 19 ว 2.3 ป.5/4 วดั ระดับเสยี งโดยใช้เครือ่ งมอื โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสยี งสั่นด้วยพลงั งำนมำก  จะเกิดเสยี งดัง แต่ถำ้ แหล่งกำเนิดเสยี ง วัดระดบั เสยี ง 20 ว 2.3 ป.5/5 ตระหนกั ในคุณค่ำของควำมรู้ สั่นด้วยพลงั งำนนอ้ ยจะเกดิ เสียงค่อย เรือ่ งระดับเสยี ง โดยเสนอแนะ • เสียงดังมำก ๆ เป็นอนั ตรำยต่อกำรไดย้ นิ  แนวทำงในกำรหลีกเลยี่ ง และเสียงที่ก่อใหเ้ กดิ ควำมรำคำญ และลดมลพิษทำงเสียง เปน็ มลพษิ ทำงเสยี ง เดซเิ บลเป็นหน่วย ทีบ่ อกถงึ ควำมดังของเสียง สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๐ ชนั้ ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 21 ว 3.1 ป.5/1 เปรยี บเทียบควำมแตกต่ำง ของดำวเครำะห์และดำวฤกษ์ • ดำวทมี่ องเหน็ บนท้องฟำ้ อยู่ในอวกำศ  22 ว 3.1 ป.5/2 จำกแบบจำลอง ซงึ่ เป็นบริเวณที่อยู่นอกบรรยำกำศของโลก 23 ว 3.2 ป.5/1 ใช้แผนที่ดำวระบุตำแหน่ง และเส้นทำงกำรข้ึนและตก มีท้ังดำวฤกษ์และดำวเครำะห์ ดำวฤกษ์ 24 ว 3.2 ป.5/2 ของกลุม่ ดำวฤกษบ์ นท้องฟำ้ และอธิบำยแบบรูปเส้นทำง เป็นแหล่งกำเนิดแสงจึงสำมำรถมองเห็นได้ กำรข้ึนและตกของกลมุ่ ดำวฤกษ์ บนทอ้ งฟำ้ ในรอบปี สว่ นดำวเครำะห์ไม่ใชแ่ หล่งกำเนิดแสง เปรียบเทยี บปริมำณนำ้ แตส่ ำมำรถมองเห็นได้เนื่องจำกแสงจำก ในแต่ละแหล่ง และระบุ ปริมำณน้ำท่ีมนษุ ยส์ ำมำรถ ดวงอำทติ ย์ตกกระทบดำวเครำะหแ์ ล้ว นำมำใช้ประโยชน์ได้ จำกข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ สะท้อนเขำ้ สู่ตำ ตระหนกั ถึงคุณคำ่ ของนำ้ • กำรมองเหน็ กล่มุ ดำวฤกษ์มีรูปร่ำงต่ำง ๆ  โดยนำเสนอแนวทำงกำรใช้น้ำ อยำ่ งประหยัดและกำรอนรุ ักษ์น้ำ เกิดจำกจินตนำกำรของผูส้ ังเกต กลุ่มดำวฤกษ์ต่ำง ๆ ที่ปรำกฏในท้องฟำ้ แตล่ ะกล่มุ มดี ำวฤกษแ์ ตล่ ะดวงเรียงกนั ทตี่ ำแหน่งคงท่ี และมีเสน้ ทำงกำรขึน้ และ ตกตำมเส้นทำงเดิมทุกคนื ซ่ึงจะปรำกฏ ตำแหนง่ เดิม กำรสังเกตตำแหน่งและ กำรขนึ้ และตกของดำวฤกษแ์ ละกลมุ่ ดำวฤกษส์ ำมำรถทำได้โดยใช้แผนที่ดำว ซ่งึ ระบุมุมทิศและมุมเงยที่กลุ่มดำวนัน้ ปรำกฏ ผู้สงั เกตสำมำรถใช้มอื ในกำร ประมำณคำ่ ของมุมเงยเม่ือสงั เกตดำว ในทอ้ งฟ้ำ • โลกมีท้ังนำ้ จดื และนำ้ เคม็ ซ่ึงอยู่ในแหลง่ น้ำ  ต่ำง ๆ ท่ีมีท้งั แหล่งนำ้ ผิวดนิ เชน่ ทะเล มหำสมทุ ร บงึ แม่น้ำ และแหลง่ น้ำใต้ดนิ เชน่ นำ้ ในดนิ และน้ำบำดำล นำ้ ทงั้ หมด ของโลก แบ่งเป็นน้ำเค็มประมำณรอ้ ยละ 97.5 ซ่ึงอยใู่ นมหำสมุทรและแหลง่ น้ำอ่ืน ๆ และทเ่ี หลอื อีกประมำณร้อยละ 2.5 เปน็ น้ำจดื ถ้ำเรียงลำดบั ปรมิ ำณน้ำจืด จำกมำกไปน้อยจะอย่ทู ่ี ธำรน้ำแข็ง และพดื น้ำแขง็ น้ำใต้ดิน ชน้ั ดินเยือกแข็ง คงตวั และน้ำแข็งใตด้ นิ ทะเลสำบ ควำมช้นื ในดนิ ควำมชื้นในบรรยำกำศ บึง แมน่ ำ้ และนำ้ ในสิ่งมชี วี ิต • น้ำจืดที่มนุษย์นำมำใช้ไดม้ ีปริมำณน้อยมำก  จงึ ควรใช้นำ้ อย่ำงประหยดั และร่วมกัน อนรุ ักษ์น้ำ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๑ ชั้น ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 25 ว 3.2 ป.5/3 สรำ้ งแบบจำลองท่อี ธบิ ำย • วัฏจกั รน้ำ เป็นกำรหมนุ เวียนของนำ้  กำรหมนุ เวียนของน้ำในวฏั จักรน้ำ ที่มีแบบรปู ซ้ำเดิม และตอ่ เนื่องระหวำ่ งน้ำ ในบรรยำกำศ นำ้ ผิวดิน และน้ำใตด้ ิน โดยพฤติกรรมกำรดำรงชีวิตของพืชและ สัตว์ส่งผลตอ่ วัฏจกั รน้ำ 26 ว 3.2 ป.5/4 เปรยี บเทียบกระบวนกำรเกิดเมฆ • ไอน้ำในอำกำศจะควบแนน่ เปน็ ละอองน้ำ  หมอก นำ้ ค้ำง และนำ้ ค้ำงแข็ง เลก็ ๆ โดยมลี ะอองลอย เช่น เกลอื จำกแบบจำลอง ฝุ่นละออง ละอองเรณูของดอกไม้ เปน็ อนภุ ำคแกนกลำง เม่ือละอองน้ำ จำนวนมำกเกำะกลุ่มรวมกนั ลอยอยสู่ งู จำกพื้นดินมำก เรยี กวำ่ เมฆ แต่ละอองนำ้ ท่ีเกำะกลมุ่ รวมกนั อยู่ใกลพ้ ืน้ ดิน เรยี กว่ำ หมอก ส่วนไอนำ้ ท่ีควบแน่นเปน็ ละอองนำ้ เกำะอยบู่ นพ้นื ผวิ วัตถุใกล้พนื้ ดิน เรยี กว่ำ นำ้ คำ้ ง ถำ้ อุณหภมู ใิ กล้พ้ืนดนิ ตำ่ กวำ่ จุด เยือกแขง็ นำ้ ค้ำงก็จะกลำยเป็นนำ้ คำ้ งแข็ง 27 ว 3.2 ป.5/5 เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิดฝน • ฝน หิมะ ลูกเห็บ เปน็ หยำดน้ำฟ้ำซ่ึงเป็นน้ำ  หิมะ และลูกเห็บ จำกข้อมูล ท่มี ีสถำนะต่ำง ๆ ทีต่ กจำกฟ้ำถึงพืน้ ดิน ท่รี วบรวมได้ ฝนเกิดจำกละอองน้ำในเมฆที่รวมตวั กัน จนอำกำศไมส่ ำมำรถพยุงไวไ้ ด้จงึ ตกลงมำ หิมะเกิดจำกไอน้ำในอำกำศระเหดิ กลับ เปน็ ผลึกน้ำแข็ง รวมตัวกันจนมีน้ำหนักมำกข้นึ จนเกินกว่ำอำกำศจะพยุงไวจ้ ึงตกลงมำ ลกู เห็บเกดิ จำกหยดน้ำทีเ่ ปล่ียนสถำนะ เปน็ นำ้ แขง็ แลว้ ถูกพำยุพดั วนซำ้ ไปซ้ำมำ ในเมฆฝนฟ้ำคะนองท่ีมีขนำดใหญ่และอยู่ ในระดับสูงจนเป็นกอ้ นนำ้ แข็งขนำดใหญ่ ขึ้นแลว้ ตกลงมำ 28 ว 4.2 ป.5/1 ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในกำรแก้ปัญหำ • กำรใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะเปน็ กำรนำกฎเกณฑ์  กำรอธิบำย กำรทำงำน กำรคำดกำรณ์ หรือเงอื่ นไขทค่ี รอบคลมุ ทกุ กรณี ผลลัพธ์จำกปญั หำอยำ่ งง่ำย มำใช้พิจำรณำในกำรแกป้ ัญหำ กำรอธิบำย กำรทำงำน หรือกำรคำดกำรณ์ผลลพั ธ์ • สถำนะเริ่มตน้ ของกำรทำงำนทแี่ ตกต่ำงกัน จะให้ผลลัพธ์ทแี่ ตกต่ำงกนั • ตวั อยำ่ งปัญหำ เชน่ เกม Sudoku โปรแกรมทำนำยตัวเลข โปรแกรมสรำ้ ง รปู เรขำคณิตตำมค่ำข้อมลู เข้ำ กำรจัดลำดับ กำรทำงำนบ้ำนในชว่ งวนั หยดุ จัดวำงของ ในครัว สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๒ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 29 ว 4.2 ป.5/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมสำมำรถทำไดโ้ ดย  ที่มกี ำรใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะอยำ่ งงำ่ ย เขยี นเป็นข้อควำมหรือผงั งำน ตรวจหำขอ้ ผดิ พลำดและแกไ้ ข • กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มี กำรตรวจสอบเง่ือนไขท่ีครอบคลุมทุกกรณี เพ่ือให้ได้ผลลัพธท์ ถี่ ูกต้องตำมควำมต้องกำร • หำกมีข้อผดิ พลำดให้ตรวจสอบกำรทำงำน ทลี ะคำสัง่ เมื่อพบจุดท่ีทำให้ผลลพั ธ์ ไมถ่ ูกตอ้ งใหท้ ำกำรแกไ้ ขจนกว่ำจะได้ ผลลพั ธท์ ่ถี กู ต้อง •กำรฝกึ ตรวจหำขอ้ ผิดพลำดจำกโปรแกรม ของผูอ้ ่ืน จะช่วยพัฒนำทักษะกำรหำสำเหตุ ของปญั หำได้ดยี ่ิงขึน้ • ตัวอยำ่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรม ตรวจสอบเลขคเู่ ลขคี่ โปรแกรมรับข้อมูล น้ำหนกั หรอื สว่ นสงู แลว้ แสดงผลควำม สมสว่ นของร่ำงกำย โปรแกรมส่ังให้ตัวละคร ทำตำมเงื่อนไขท่ีกำหนด • ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นกำรเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, Logo 30 ว 4.2 ป.5/3 ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ คน้ หำข้อมูล • กำรค้นหำข้อมลู ในอนิ เทอรเ์ นต็  ติดตอ่ สอื่ สำรและทำงำนร่วมกนั และกำรพิจำรณำผลกำรคน้ หำ ประเมินควำมน่ำเช่ือถือของข้อมลู • กำรตดิ ตอ่ สื่อสำรผำ่ นอนิ เทอร์เน็ต เช่น อเี มล บล็อก โปรแกรมสนทนำ • กำรเขยี นจดหมำย (บรู ณำกำรกับวิชำ ภำษำไทย) • กำรใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในกำรติดตอ่ สอ่ื สำร และทำงำนรว่ มกนั เช่น ใช้นดั หมำย ในกำรประชมุ กลมุ่ ประชำสัมพันธ์ กจิ กรรมในห้องเรยี น กำรแลกเปล่ียน ควำมรู้ ควำมคิดเหน็ ในกำรเรียนภำยใต้ กำรดูแลของครู • กำรประเมนิ ควำมน่ำเชือ่ ถือของข้อมูล เช่น เปรียบเทยี บควำมสอดคลอ้ ง สมบูรณข์ องข้อมูลจำกหลำยแหล่ง แหลง่ ต้นตอของขอ้ มลู ผเู้ ขยี น วนั ท่ี เผยแพร่ข้อมูล • ข้อมลู ท่ดี ีต้องมีรำยละเอยี ดครบทุกดำ้ น เช่น ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ประโยชน์และโทษ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๓ ชั้น ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 31 ว 4.2 ป.5/4 รวบรวม ประเมนิ นำเสนอข้อมูล • กำรรวบรวมข้อมลู ประมวลผล  และสำรสนเทศตำมวัตถปุ ระสงค์ สร้ำงทำงเลือก ประเมินผล จะทำให้ โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือบรกิ ำร ได้สำรสนเทศเพื่อใชใ้ นกำรแก้ปัญหำ บนอนิ เทอร์เนต็ ทหี่ ลำกหลำย หรือกำรตดั สนิ ใจได้อยำ่ งมีประสทิ ธิภำพ เพือ่ แกป้ ัญหำในชีวิตประจำวนั • กำรใชซ้ อฟต์แวร์หรือบริกำรบน อนิ เทอรเ์ น็ตทห่ี ลำกหลำยในกำรรวบรวม ประมวลผล สร้ำงทำงเลอื ก ประเมนิ ผล นำเสนอ จะช่วยให้กำรแกป้ ัญหำทำได้ อย่ำงรวดเรว็ ถูกต้องและแมน่ ยำ • ตวั อยำ่ งปัญหำ เช่น ถ่ำยภำพและสำรวจ แผนที่ในท้องถิน่ เพื่อนำเสนอแนวทำง ในกำรจดั กำรพื้นทว่ี ่ำงใหเ้ กดิ ประโยชน์ ทำแบบสำรวจควำมคดิ เหน็ ออนไลน์ และ วเิ ครำะห์ข้อมูล นำเสนอข้อมูลโดยกำรใช้ blog หรือ web page 32 ว 4.2 ป.5/5 ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ • อนั ตรำยจำกกำรใช้งำนและอำชญำกรรม  อยำ่ งปลอดภยั มมี ำรยำท ทำงอินเทอร์เนต็ เข้ำใจสิทธแิ ละหนำ้ ท่ีของตน • มำรยำทในกำรติดต่อสื่อสำรผ่ำน เคำรพในสิทธขิ องผู้อน่ื อินเทอร์เน็ต (บรู ณำกำรกับวชิ ำท่ีเกี่ยวข้อง) แจ้งผู้เกยี่ วข้องเมื่อพบข้อมูลหรอื บุคคลที่ไม่เหมำะสม รวม 32 ตัวช้ีวดั 24 8 สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๔ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 1 ว 1.2 ป.6/1 ว 1.2 ป.6/2 ระบุสำรอำหำรและบอกประโยชน์ • สำรอำหำรท่ีอยใู่ นอำหำรมี 6 ประเภท  2 ว 1.2 ป.6/3 3 ของสำรอำหำรแต่ละประเภทจำก ได้แก่ คำรโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั ว 1.2 ป.6/4 4 ว 1.2 ป.6/5 อำหำรทตี่ นเองรบั ประทำน เกลอื แร่ วติ ำมิน และนำ้ 5 บอกแนวทำงในกำรเลือก • อำหำรแตล่ ะชนิดประกอบด้วยสำรอำหำร  รับประทำนอำหำร ใหไ้ ด้สำรอำหำร ทแี่ ตกตำ่ งกนั อำหำรบำงอยำ่ งประกอบดว้ ย ครบถ้วน ในสัดส่วนทเี่ หมำะสมกับ สำรอำหำรประเภทเดยี ว อำหำรบำงอย่ำง เพศและวยั รวมท้ังควำมปลอดภัยตอ่ ประกอบดว้ ยสำรอำหำรมำกกวำ่ หนึง่ ประเภท สุขภำพ • สำรอำหำรแต่ละประเภทมีประโยชน์ต่อ ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของ รำ่ งกำยแตกต่ำงกัน โดยคำรโ์ บไฮเดรต  สำรอำหำร โดยกำรเลือก โปรตีน และไขมันเปน็ สำรอำหำรทีใ่ ห้ รบั ประทำนอำหำรท่ีมสี ำรอำหำร พลงั งำนแก่ร่ำงกำย ส่วนเกลอื แร่วิตำมนิ ครบถว้ นในสัดสว่ นท่เี หมำะสม และน้ำ เปน็ สำรอำหำรท่ไี ม่ให้พลังงำน กบั เพศและวยั รวมทง้ั ปลอดภยั ตอ่ แกร่ ่ำงกำย แต่ช่วยให้รำ่ งกำยทำงำน สุขภำพ ไดเ้ ป็นปกติ • กำรรับประทำนอำหำร เพื่อใหร้ ำ่ งกำย เจริญเติบโต มกี ำรเปลีย่ นแปลงของ ร่ำงกำยตำมเพศและวยั และมีสุขภำพดี จำเป็นต้องรับประทำนใหไ้ ด้พลังงำน เพียงพอกบั ควำมต้องกำรของร่ำงกำย และให้ได้สำรอำหำรครบถว้ น ในสดั ส่วน ทเ่ี หมำะสมกับเพศและวัย รวมท้ังต้อง คำนึงถึงชนิดและปริมำณของวตั ถุเจอื ปน ในอำหำรเพื่อควำมปลอดภัยตอ่ สขุ ภำพ สรำ้ งแบบจำลองระบบย่อยอำหำร • ระบบยอ่ ยอำหำรประกอบดว้ ยอวัยวะต่ำง ๆ  และบรรยำยหนำ้ ท่ีของอวัยวะ ไดแ้ ก่ ปำก หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ในระบบย่อยอำหำร รวมท้ัง อธบิ ำยกำรย่อยอำหำรและ ลำไสเ้ ล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวำรหนัก ตบั และ  กำรดูดซมึ สำรอำหำร ตบั อ่อน ซึ่งทำหนำ้ ท่รี ว่ มกันในกำรย่อย และดดู ซมึ สำรอำหำร ตระหนกั ถึงควำมสำคัญของ - ปำกมฟี ันช่วยบดเคยี้ วอำหำรใหม้ ขี นำด ระบบย่อยอำหำรโดยกำรบอก แนวทำงในกำรดแู ลรกั ษำอวยั วะ เล็กลงและมลี ้ินช่วยคลุกเคลำ้ อำหำร ในระบบย่อยอำหำรให้ทำงำน กับนำ้ ลำย ในน้ำลำยมีเอนไซมย์ อ่ ยแป้ง เปน็ ปกติ ใหเ้ ป็นนำ้ ตำล - หลอดอำหำรทำหนำ้ ท่ลี ำเลียงอำหำร จำกปำกไปยงั กระเพำะอำหำร ภำยในกระเพำะอำหำรมกี ำรยอ่ ยโปรตนี โดยกรดและเอนไซม์ท่ีสร้ำงจำก กระเพำะอำหำร สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๕ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 - ลำไส้เลก็ มเี อนไซม์ทีส่ รำ้ งจำก  อธบิ ำยและเปรยี บเทยี บ ผนังลำไสเ้ ลก็ เองและจำกตบั อ่อนที่ช่วย 6 ว 2.1 ป.6/1 กำรแยกสำรผสม โดยกำรหยิบออก ยอ่ ยโปรตีน คำร์โบไฮเดรตและไขมนั กำรรอ่ น กำรใชแ้ มเ่ หล็กดึงดดู โดยโปรตนี คำร์โบไฮเดรต และไขมนั กำรรินออก กำรกรอง และ ทผ่ี ่ำนกำรย่อยจนเปน็ สำรอำหำรขนำด กำรตกตะกอน โดยใชห้ ลกั ฐำน เลก็ พอทจ่ี ะดูดซมึ ได้ รวมถึงน้ำ เกลือแร่ เชงิ ประจักษ์ รวมทั้งระบวุ ิธี และวิตำมินจะถูกดูดซึมทผ่ี นงั ลำไส้เล็ก แกป้ ัญหำในชวี ติ ประจำวัน เขำ้ สกู่ ระแสเลอื ดเพอื่ ลำเลยี งไปยัง เกย่ี วกับกำรแยกสำร ส่วนตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำย ซงึ่ โปรตีน คำร์โบไฮเดรต และไขมนั จะถูกนำไปใช้ เปน็ แหลง่ พลังงำนสำหรับใช้ในกิจกรรม ตำ่ ง ๆ ส่วนน้ำ เกลือแร่ และวิตำมิน จะชว่ ยให้รำ่ งกำยทำงำนได้เป็นปกติ - ตบั สรำ้ งนำ้ ดีแล้วสง่ มำยังลำไส้เล็ก ช่วยใหไ้ ขมันแตกตัว - ลำไส้ใหญท่ ำหนำ้ ท่ีดดู น้ำและเกลือแร่ เปน็ บริเวณทีม่ ีอำหำรท่ยี ่อยไม่ได้ หรอื ย่อยไมห่ มดเปน็ กำกอำหำร ซง่ึ จะถูกกำจัดออกทำงทวำรหนกั • อวยั วะต่ำง ๆ ในระบบย่อยอำหำร มคี วำมสำคัญจึงควรปฏบิ ตั ติ น ดูแลรกั ษำ อวัยวะใหท้ ำงำนเปน็ ปกติ • สำรผสมประกอบดว้ ยสำรตั้งแต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไปผสมกัน เช่น น้ำมันผสมน้ำ ขำ้ วสำรปนกรวดทรำย วธิ ีกำรที่เหมำะสม ในกำรแยกสำรผสมขนึ้ อยู่กบั ลักษณะและ สมบัตขิ องสำรท่ผี สมกนั ถ้ำองคป์ ระกอบ ของสำรผสมเปน็ ของแขง็ กับของแข็ง ทม่ี ขี นำดแตกต่ำงกันอย่ำงชดั เจน อำจใช้ วธิ กี ำรหยบิ ออก หรือกำรรอ่ นผำ่ นวัสดุท่ีมีรู ถำ้ มสี ำรใดสำรหนึ่งเป็นสำรแมเ่ หล็ก อำจใช้วธิ ีกำรใช้แม่เหล็กดึงดดู ถ้ำองค์ประกอบเป็นของแขง็ ที่ไมล่ ะลำย ในของเหลว อำจใชว้ ธิ กี ำรรนิ ออก กำรกรอง หรือกำรตกตะกอน ซึ่งวธิ กี ำรแยกสำร สำมำรถนำไปใช้ประโยชนใ์ นวติ ประจำวนั ได้ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๖ ชั้น ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 7 ว 2.2 ป.6/1 อธิบำยกำรเกิดและผลของ  แรงไฟฟำ้ ซึ่งเกิดจำกวัตถุ • วตั ถุ 2 ชนิด ทผ่ี ำ่ นกำรขัดถูแล้ว 8 ว 2.3 ป.6/1 ทผ่ี ่ำนกำรขัดถู โดยใชห้ ลักฐำน เม่ือนำเข้ำใกล้กันอำจดงึ ดูดหรือผลกั กัน  9 ว 2.3 ป.6/2 เชิงประจกั ษ์ แรงทเ่ี กดิ ข้นึ น้เี ปน็ แรงไฟฟ้ำ ซง่ึ เปน็  แรงไม่สัมผัส เกิดขน้ึ ระหว่ำงวัตถุท่มี ี 10 ว 2.3 ป.6/3 ระบสุ ว่ นประกอบและบรรยำย ประจไุ ฟฟำ้ ซึ่งประจุไฟฟำ้ มี 2 ชนดิ คือ  11 ว 2.3 ป.6/4 หน้ำท่ขี องแต่ละส่วนประกอบของ ประจุไฟฟำ้ บวกและประจุไฟฟำ้ ลบ  12 ว 2.3 ป.6/5 วงจรไฟฟ้ำอยำ่ งง่ำย จำกหลกั ฐำน วัตถุท่มี ปี ระจุไฟฟำ้ ชนดิ เดยี วกนั ผลักกัน 13 ว 2.3 ป.6/6 เชงิ ประจกั ษ์ ชนดิ ตรงข้ำมกันดงึ ดูดกนั  เขยี นแผนภำพและต่อวงจรไฟฟ้ำ  อย่ำงง่ำย • วงจรไฟฟำ้ อยำ่ งง่ำยประกอบด้วย แหล่งกำเนดิ ไฟฟำ้ สำยไฟฟ้ำ และ ออกแบบกำรทดลองและทดลอง เครือ่ งใช้ไฟฟำ้ หรอื อุปกรณ์ไฟฟำ้ ด้วยวธิ ีที่เหมำะสมในกำรอธบิ ำย แหล่งกำเนิดไฟฟำ้ เชน่ ถำ่ นไฟฉำย วิธีกำรและผลของกำรต่อ หรือ แบตเตอร่ี ทำหน้ำที่ให้พลงั งำนไฟฟ้ำ เซลลไ์ ฟฟ้ำแบบอนกุ รม สำยไฟฟำ้ เป็นตัวนำไฟฟ้ำ ทำหนำ้ ท่ี ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องควำมรู้ เชื่อมต่อระหว่ำงแหล่งกำเนิดไฟฟำ้ และ ของกำรต่อเซลลไ์ ฟฟำ้ แบบอนุกรม เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำเขำ้ ด้วยกนั เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ โดยบอกประโยชนแ์ ละกำรประยุกตใ์ ช้ มีหนำ้ ท่เี ปลีย่ นพลงั งำนไฟฟ้ำเป็นพลงั งำนอื่น ในชวี ติ ประจำวัน ออกแบบกำรทดลองและทดลอง • เมื่อนำเซลล์ไฟฟ้ำหลำยเซลล์มำต่อเรียงกัน ดว้ ยวิธีทเ่ี หมำะสมในกำรอธิบำย โดยใหข้ วั้ บวกของเซลลไ์ ฟฟ้ำเซลลห์ นงึ่ กำรต่อหลอดไฟฟ้ำแบบอนกุ รม ต่อกบั ข้วั ลบของอีกเซลลห์ น่งึ เป็นกำรตอ่ และแบบขนำน แบบอนกุ รม ทำใหม้ พี ลังงำนไฟฟำ้ เหมำะสม ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องควำมรู้ กบั เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ซงึ่ กำรต่อเซลลไ์ ฟฟำ้ ของกำรต่อหลอดไฟฟ้ำแบบ แบบอนกุ รมสำมำรถนำไปใชป้ ระโยชน์ อนกุ รมและแบบขนำน ในชีวิตประจำวนั เชน่ กำรตอ่ เซลลไ์ ฟฟำ้ โดยบอกประโยชน์ ข้อจำกัด และ ในไฟฉำย กำรประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั • กำรต่อหลอดไฟฟำ้ แบบอนุกรม เมื่อถอดหลอดไฟฟ้ำดวงใดดวงหน่งึ ออก ทำให้หลอดไฟฟ้ำทเ่ี หลือดับทั้งหมด ส่วนกำรต่อหลอดไฟฟำ้ แบบขนำน เม่อื ถอดหลอดไฟฟ้ำดวงใดดวงหน่งึ ออก หลอดไฟฟำ้ ที่เหลอื กย็ งั สว่ำงได้ กำรตอ่ หลอดไฟฟ้ำแตล่ ะแบบสำมำรถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ กำรตอ่ หลอด ไฟฟำ้ หลำยดวงในบำ้ นจึงต้องตอ่ หลอด ไฟฟ้ำแบบขนำน เพื่อเลอื กใช้หลอดไฟฟำ้ ดวงใดดวงหนง่ึ ได้ตำมต้องกำร สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๗ ช้ัน ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 14 ว 2.3 ป.6/7 อธบิ ำยกำรเกดิ เงำมืดเงำมัว • เม่อื นำวตั ถุทบึ แสงมำกั้นแสงจะเกิดเงำ  จำกหลกั ฐำนเชงิ ประจักษ์ บนฉำกรับแสงท่อี ยดู่ ้ำนหลังวัตถุ  15 ว 2.3 ป.6/8 เขียนแผนภำพรังสีของแสง โดยเงำมรี ูปรำ่ งคล้ำยวตั ถุที่ทำให้เกดิ เงำ  16 ว 3.1 ป.6/1 แสดงกำรเกิดเงำมืดเงำมวั เงำมวั เปน็ บรเิ วณท่ีมีแสงบำงสว่ นตกลง บนฉำก ส่วนเงำมดื เป็นบรเิ วณท่ไี ม่มแี สง  17 ว 3.1 ป.6/2 สรำ้ งแบบจำลองทอ่ี ธบิ ำย ตกลงบนฉำกเลย กำรเกดิ และเปรยี บเทยี บ • เมือ่ โลกและดวงจนั ทร์โคจรมำอยูใ่ น ปรำกฏกำรณส์ รุ ยิ ปุ รำคำ แนวเสน้ ตรงเดยี วกันกับดวงอำทติ ย์ และจนั ทรปุ รำคำ ในระยะทำงทีเ่ หมำะสม ทำให้ดวงจนั ทร์ บงั ดวงอำทิตย์ เงำของดวงจันทร์ทอดมำยงั อธบิ ำยพฒั นำกำรของเทคโนโลยี โลก ผูส้ งั เกตทอี่ ยู่บริเวณเงำจะมองเห็น อวกำศ และยกตวั อย่ำงกำรนำ ดวงอำทติ ย์มดื ไป เกิดปรำกฏกำรณ์ เทคโนโลยีอวกำศมำใช้ประโยชน์ สุรยิ ุปรำคำ ซ่งึ มที ้ังสุริยุปรำคำเตม็ ดวง ในชีวติ ประจำวัน จำกขอ้ มูล สรุ ิยปุ รำคำบำงส่วน และสรุ ยิ ปุ รำคำวงแหวน ท่ีรวบรวมได้ • หำกดวงจนั ทร์และโลกโคจรมำอยใู่ น แนวเสน้ ตรงเดยี วกันกับดวงอำทิตย์ แล้วดวงจนั ทร์เคลื่อนทีผ่ ่ำนเงำของโลก จะมองเห็นดวงจนั ทร์มืดไปเกิด ปรำกฏกำรณจ์ นั ทรปุ รำคำ ซ่ึงมีทงั้ จนั ทรปุ รำคำเต็มดวง และจันทรปุ รำคำ บำงส่วน • เทคโนโลยอี วกำศเร่มิ จำกควำมต้องกำร ของมนษุ ย์ในกำรสำรวจวัตถทุ ้องฟ้ำ โดยใชต้ ำเปลำ่ กล้องโทรทรรศน์ และได้พัฒนำไปสู่กำรขนส่งเพื่อสำรวจ อวกำศ ด้วยจรวดและยำนขนสง่ อวกำศ และยังคงพฒั นำอย่ำงต่อเนื่อง ปัจจบุ นั มีกำรนำเทคโนโลยีอวกำศบำงประเภท มำประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวัน เชน่ กำรใช้ดำวเทยี มเพอ่ื กำรส่อื สำร กำรพยำกรณ์อำกำศ หรือกำรสำรวจ ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรใชอ้ ุปกรณ์วดั ชีพ จรและกำรเตน้ ของหวั ใจ หมวกนริ ภัย ชดุ กฬี ำ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๘ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ชี้วัด ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 18 ว 3.2 ป.6/1  เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิด • หนิ เป็นวัสดแุ ขง็ เกิดขึ้นเองตำมธรรมชำติ หนิ อัคนี หินตะกอน และ ประกอบด้วย แรต่ ้งั แตห่ นง่ึ ชนดิ ขึน้ ไป  หนิ แปร และอธิบำยวฏั จกั รหิน สำมำรถจำแนกหินตำมกระบวนกำรเกดิ จำกแบบจำลอง ได้เปน็ 3 ประเภท ได้แก่ หนิ อัคนี หินตะกอน และหินแปร 19 ว 3.2 ป.6/2 บรรยำยและยกตวั อย่ำง • หนิ อคั นีเกิดจำกกำรเยน็ ตัวของแมกมำ กำรใช้ประโยชน์ของหินและแร่ เนอื้ หินมลี กั ษณะเป็นผลึก ทงั้ ผลกึ ขนำด ในชีวิตประจำวัน จำกขอ้ มลู ใหญ่และขนำดเล็ก บำงชนิดอำจเปน็ ที่รวบรวมได้ เนือ้ แก้วหรือมรี ูพรุน • หนิ ตะกอน เกดิ จำกกำรทบั ถมของตะกอน เม่ือถูกแรงกดทบั และมสี ำรเชื่อมประสำน จงึ เกิดเปน็ หิน เนื้อหนิ กล่มุ น้สี ่วนใหญ่ มลี ักษณะเปน็ เมด็ ตะกอน มที ั้งเนอื้ หยำบ และเน้อื ละเอียด บำงชนดิ เป็นเน้ือผลกึ ทยี่ ึดเกำะกนั เกิดจำกกำรตกผลกึ หรือ ตกตะกอนจำกน้ำโดยเฉพำะน้ำทะเล บำงชนิดมีลักษณะเป็นชน้ั ๆ จึงเรียก อีกชอื่ ว่ำ หินช้นั • หนิ แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพของหินเดิม ซง่ึ อำจเปน็ หินอัคนีหินตะกอน หรอื หินแปร โดยกำรกระทำของควำมรอ้ น ควำมดนั และปฏกิ ิริยำเคมเี นือ้ หนิ ของหนิ แปร บำงชนิดผลกึ ของแรเ่ รยี งตวั ขนำนกนั เป็นแถบ บำงชนดิ แซะออกเป็นแผ่นได้ บำงชนดิ เปน็ เน้อื ผลกึ ที่มคี วำมแขง็ มำก • หินในธรรมชำติทั้ง 3 ประเภท มกี ำรเปลยี่ นแปลงจำกประเภทหนง่ึ ไปเป็นอีกประเภทหน่ึง หรือประเภทเดิมได้ โดยมแี บบรปู กำรเปล่ยี นแปลงคงท่ีและ ต่อเน่ืองเปน็ วัฏจกั ร • หินและแร่แตล่ ะชนดิ มลี ักษณะและสมบัติ แตกตำ่ งกัน มนุษย์ใชป้ ระโยชนจ์ ำกแร่ ในชวี ิตประจำวนั ในลกั ษณะต่ำง ๆ เช่น นำแรม่ ำทำเครือ่ งสำอำง ยำสีฟนั เครือ่ งประดบั อุปกรณ์ทำงกำรแพทย์ และนำหินมำใช้ในงำนก่อสรำ้ งต่ำง ๆ เปน็ ตน้ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๘๙ ชนั้ ท่ี รหัสตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 20 ว 3.2 ป.6/3 สร้ำงแบบจำลองท่ีอธบิ ำย • ซำกดึกดำบรรพเ์ กิดจำกกำรทบั ถม  21 ว 3.2 ป.6/4 หรอื กำรประทับรอยของสิ่งมีชวี ติ ในอดตี 22 ว 3.2 ป.6/5 กำรเกดิ ซำกดึกดำบรรพ์และ จนเกิดเปน็ โครงสรำ้ งของซำกหรอื รอ่ งรอย ของส่ิงมชี ีวิตทป่ี รำกฏอยู่ในหิน คำดคะเนสภำพแวดล้อม ในประเทศไทยพบซำกดึกดำบรรพ์ ในอดตี ของซำกดึกดำบรรพ์ ทห่ี ลำกหลำย เชน่ พืช ปะกำรัง หอย ปลำ เต่ำ ไดโนเสำร์ และรอยตนี สัตว์ • ซำกดึกดำบรรพ์สำมำรถใช้เป็นหลักฐำนหนงึ่ ทชี่ ่วยอธิบำยสภำพแวดล้อมของพ้นื ที่ ในอดตี ขณะเกดิ สิ่งมชี วี ิตนน้ั เช่น หำกพบซำกดึกดำบรรพ์ของหอยนำ้ จดื สภำพแวดล้อมบริเวณน้ันอำจเคยเป็น แหล่งน้ำจดื มำก่อน และหำกพบซำก ดกึ ดำบรรพ์ของพชื สภำพแวดลอ้ มบริเวณ น้ันอำจเคยเปน็ ป่ำมำก่อน นอกจำกนี้ ซำกดกึ ดำบรรพ์ยงั สำมำรถใช้ระบอุ ำยุ ของหิน และเปน็ ข้อมลู ในกำรศกึ ษำ ววิ ัฒนำกำรของสิ่งมชี ีวิต • ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจำกพน้ื ดนิ  เปรียบเทียบกำรเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทง้ั อธบิ ำย และพืน้ นำ้ ร้อนและเย็นไมเ่ ท่ำกันทำให้ ผลทีม่ ีตอ่ สง่ิ มีชวี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม อุณหภูมิอำกำศเหนอื พนื้ ดินและพน้ื น้ำ แตกต่ำงกัน จงึ เกิดกำรเคลื่อนทข่ี อง จำกแบบจำลอง อำกำศจำกบรเิ วณที่มีอณุ หภูมติ ่ำไปยัง บรเิ วณทีม่ อี ุณหภูมสิ งู • ลมบกและลมทะเลเปน็ ลมประจำถน่ิ ทพี่ บบริเวณชำยฝง่ั โดยลมบกเกิดในเวลำ กลำงคืน ทำให้มีลมพดั จำกชำยฝ่งั ไปสู่ ทะเล สว่ นลมทะเลเกิดในเวลำกลำงวัน ทำให้มลี มพดั จำกทะเลเข้ำสชู่ ำยฝัง่ อธบิ ำยผลของมรสุมต่อกำรเกิดฤดู • มรสมุ เป็นลมประจำฤดเู กิดบริเวณเขตรอ้ น  ของโลก ซ่งึ เป็นบริเวณกวำ้ งระดับภูมิภำค ของประเทศไทย จำกข้อมลู ประเทศไทยไดร้ ับผลจำกมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือในชว่ งประมำณ ท่รี วบรวมได้ กลำงเดือนตลุ ำคมจนถงึ เดือนกมุ ภำพันธ์ ทำใหเ้ กิดฤดูหนำว และได้รับผลจำกมรสุม ตะวันตกเฉยี งใต้ในช่วงประมำณ กลำงเดือนพฤษภำคมจนถึงกลำงเดอื น ตุลำคมทำใหเ้ กิดฤดฝู น ส่วนชว่ งประมำณ กลำงเดือนกมุ ภำพนั ธจ์ นถึงกลำงเดอื น พฤษภำคมเปน็ ชว่ งเปลี่ยนมรสุมและ ประเทศไทยอยใู่ กลเ้ ส้นศนู ย์สูตร สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๐ ชัน้ ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 แสงอำทิตย์เกือบตั้งตรงและตั้งตรง 23 ว 3.2 ป.6/6 24 ว 3.2 ป.6/7 ประเทศไทยในเวลำเที่ยงวนั ทำใหไ้ ดร้ บั 25 ว 3.2 ป.6/8 ควำมร้อนจำกดวงอำทิตยอ์ ย่ำงเต็มที่ 26 ว 3.2 ป.6/9 27 ว 4.2 ป.6/1 อำกำศจงึ รอ้ นอบอำ้ วทำใหเ้ กิดฤดูร้อน บรรยำยลกั ษณะและผลกระทบ • นำ้ ท่วม กำรกัดเซำะชำยฝงั่ ดนิ ถลม่  ของน้ำทว่ มกำรกัดเซำะชำยฝง่ั ดนิ แผ่นดนิ ไหวและสึนำมิ มผี ลกระทบต่อชวี ติ   ถล่ม แผ่นดินไหว สนึ ำมิ และสงิ่ แวดล้อมแตกต่ำงกนั  ตระหนักถึงผลกระทบของภัย • มนุษยค์ วรเรียนรู้วธิ ปี ฏิบัตติ นใหป้ ลอดภยั  ธรรมชำติและธรณีพิบตั ภิ ัย เชน่ ติดตำมขำ่ วสำรอย่ำงสม่ำเสมอ โดยนำเสนอแนวทำงในกำร เตรียมถุงยังชีพให้พร้อมใชต้ ลอดเวลำ เฝ้ำระวังและปฏิบัติตนให้ และปฏิบัตติ ำมคำส่งั ของผ้ปู กครอง ปลอดภยั จำกภัยธรรมชำติ และเจ้ำหน้ำท่ีอย่ำงเครง่ ครดั เม่ือเกิดภยั และธรณีพบิ ัติภยั ที่อำจเกิด ธรรมชำตแิ ละธรณีพบิ ัติภยั ในท้องถิ่น สร้ำงแบบจำลองที่อธบิ ำยกำรเกดิ • ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจกเกิดจำก ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก และผล แก๊สเรือนกระจกในช้ันบรรยำกำศของโลก ของปรำกฏกำรณ์เรอื นกระจก กกั เก็บควำมร้อนแล้วคำยควำมรอ้ น ต่อสิง่ มชี ีวติ บำงส่วนกลบั สผู่ ิวโลก ทำใหอ้ ำกำศบนโลก ตระหนกั ถึงผลกระทบของ มีอุณหภมู ิเหมำะสมตอ่ กำรดำรงชวี ิต ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก • หำกปรำกฏกำรณเ์ รอื นกระจกรุนแรงมำกขน้ึ โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏิบตั ติ น จะมีผลตอ่ กำรเปลย่ี นแปลงภูมิอำกำศโลก เพ่ือลดกิจกรรมทกี่ ่อให้เกิดแก๊ส มนุษย์จึงควรร่วมกันลดกิจกรรมที่ก่อใหเ้ กิด แกส๊ เรอื นกระจก เรอื นกระจก ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ • กำรแกป้ ัญหำอย่ำงเปน็ ขนั้ ตอนจะชว่ ยให้ ในกำรอธิบำยและออกแบบวิธกี ำร แกป้ ญั หำได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ แก้ปัญหำที่พบ • กำรใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะเปน็ กำรนำ ในชวี ติ ประจำวัน กฎเกณฑ์ หรือเง่ือนไขทคี่ รอบคลุมทุกกรณี มำใชพ้ จิ ำรณำในกำรแกป้ ัญหำ • แนวคดิ ของกำรทำงำนแบบวนซำ้ และ เงอ่ื นไข • กำรพิจำรณำกระบวนกำรทำงำน ทม่ี ีกำรทำงำนแบบวนซำ้ หรือเงอ่ื นไข เปน็ วธิ ีกำรที่จะชว่ ยให้ออกแบบวิธกี ำร แกป้ ญั หำเปน็ ไปอย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพ • ตวั อย่ำงปญั หำ เช่น กำรคน้ หำเลขหน้ำที่ ต้องกำรใหเ้ ร็วทส่ี ดุ กำรทำยเลข 1 - 1,000,000 โดยตอบใหถ้ กู ภำยใน 20 คำถำม กำรคำนวณเวลำในกำรเดินทำง โดยคำนงึ ถึงระยะทำง เวลำ จดุ หยดุ พัก สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พ้ืนฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๑ ชน้ั ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 28 ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมสำมำรถทำไดโ้ ดย  อยำ่ งง่ำย เพ่อื ใช้แกป้ ญั หำ เขียนเป็นข้อควำมหรือผงั งำน 29 ว 4.2 ป.6/3 ในชวี ติ ประจำวัน ตรวจหำ • กำรออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มีกำรใช้ ข้อผดิ พลำดของโปรแกรมและแกไ้ ข ตัวแปร กำรวนซ้ำ กำรตรวจสอบเง่ือนไข 30 ว 4.2 ป.6/4 • หำกมีข้อผิดพลำดให้ตรวจสอบกำรทำงำน ทีละคำสัง่ เม่ือพบจุดท่ีทำใหผ้ ลลพั ธ์ ไมถ่ ูกต้อง ใหท้ ำกำรแก้ไขจนกว่ำจะได้ ผลลพั ธท์ ถี่ กู ต้อง • กำรฝกึ ตรวจหำข้อผดิ พลำดจำกโปรแกรม ของผู้อ่ืนจะชว่ ยพัฒนำทักษะกำรหำ สำเหตุของปัญหำไดด้ ีย่ิงข้ึน • ตวั อย่ำงโปรแกรม เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหำคำ่ ค.ร.น. เกมฝึกพมิ พ์ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, Logo ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในกำรคน้ หำข้อมลู • กำรคน้ หำอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพ  อยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ เปน็ กำรคน้ หำขอ้ มูลทีไ่ ด้ตรงตำม ควำมตอ้ งกำรในเวลำท่รี วดเร็วจำก แหลง่ ขอ้ มลู ท่ีนำ่ เชื่อถอื หลำยแหล่ง และ ข้อมูลมีควำมสอดคลอ้ งกัน • กำรใชเ้ ทคนิคกำรค้นหำข้นั สูง เช่น กำรใชต้ ัวดำเนนิ กำร กำรระบุรปู แบบ ของข้อมูล หรือชนิดของไฟล์ • กำรจดั ลำดบั ผลลัพธจ์ ำกกำรค้นหำ ของโปรแกรมคน้ หำ • กำรเรยี บเรียง สรุปสำระสำคัญ (บรู ณำกำรกบั วชิ ำภำษำไทย) ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ • อันตรำยจำกกำรใช้งำนและอำชญำกรรม  ทำงำนร่วมกันอยำ่ งปลอดภัย ทำงอินเทอรเ์ นต็ แนวทำงในกำรป้องกนั เข้ำใจสิทธิและหน้ำท่ขี องตน • วธิ กี ำหนดรหสั ผ่ำน เคำรพในสิทธขิ องผู้อ่นื • กำรกำหนดสิทธกิ์ ำรใชง้ ำน (สิทธใิ์ นกำรเขำ้ ถงึ ) แจ้งผูเ้ ก่ยี วขอ้ งเมื่อพบข้อมลู หรอื • แนวทำงกำรตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ บคุ คลที่ไม่เหมำะสม • อนั ตรำยจำกกำรติดต้งั ซอฟตแ์ วร์ ทอ่ี ยู่บนอนิ เทอรเ์ น็ต รวม 30 ตัวชี้วดั 20 11 หมายเหตุ: ตวั ชวี้ ดั ว 2.1 ป.6/1 มีลักษณะเฉพำะคือเป็นท้งั ตวั ชี้วัดต้องรแู้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังน้ี ตอ้ งรู้ : กำรหยิบออก กำรร่อน กำรใชแ้ มเ่ หล็กดึงดูด กำรรินออก กำรกรอง กำรตกตะกอน ควรรู้ : วิธแี ก้ปญั หำในชวี ิตประจำวันเกี่ยวกบั กำรแยกสำร เป็นเนือ้ หำท่ีประยุกตใ์ ช้ควำมรู้จำกทีเ่ รียนมำแลว้ ไปแก้ปัญหำ ครูอำจจัดเป็นกิจกรรมเสรมิ เพื่อให้นักเรียนได้นำควำมรูท้ เ่ี รียนมำแลว้ มำใช้ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๙๒ ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางต้องร้แู ละควรรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 1 ว 1.2 ม.1/1 เปรยี บเทียบรปู ร่าง ลกั ษณะ • เซลลเ์ ป็นหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ ✓ และโครงสรา้ งของเซลล์พชื และ ส่งิ มีชวี ติ บางชนดิ มีเซลล์เพยี งเซลล์เดียว เซลล์สตั ว์ รวมทงั้ บรรยายหนา้ ที่ เช่น อะมบี า พารามเี ซยี ม ยีสต์ บางชนดิ มี ของผนงั เซลล์ เยื่อหมุ้ เซลล์ หลายเซลล์ เชน่ พชื สตั ว์ ไซโทพลาสซึม นวิ เคลียส • โครงสรา้ งพน้ื ฐานที่พบท้งั ในเซลลพ์ ืชและ แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย และ สตั วแ์ ละสามารถสังเกตได้ด้วยกล้อง คลอโรพลาสต์ จุลทรรศนใ์ ชแ้ สง ไดแ้ ก่ เยอื่ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม และนวิ เคลยี ส โครงสรา้ งท่ี 2 ว 1.2 ม.1/2 ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศกึ ษา พบในเซลลพ์ ชื แต่ไม่พบในเซลลส์ ัตว์ ได้แก่ ✓ เซลลแ์ ละโครงสร้างตา่ ง ๆ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์ ภายในเซลล์ • โครงสร้างตา่ ง ๆ ของเซลลม์ ีหน้าท่ี แตกต่างกนั - ผนังเซลล์ ทำหนา้ ทีใ่ ห้ความแข็งแรงแก่ เซลล์ - เย่ือห้มุ เซลล์ ทำหน้าท่หี ่อหุ้มเซลล์และ ควบคมุ การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ - นิวเคลียส ทำหนา้ ทีค่ วบคุมการทำงาน ของเซลล์ - ไซโทพลาสซึม มอี อร์แกเนลล์ที่ทำหน้าที่ แตกต่างกัน - แวควิ โอล ทำหน้าท่ีเก็บน้ำและสารตา่ ง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ทำหนา้ ท่เี กีย่ วกับ การสลายสารอาหารเพ่อื ให้ได้พลังงาน แกเ่ ซลล์ - คลอโรพลาสต์ เป็นแหล่งทเี่ กิด การสังเคราะหด์ ้วยแสง สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook