Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารวิชาการสารสนเทศและการสื่อสาร

เอกสารวิชาการสารสนเทศและการสื่อสาร

Published by ปัญญา ภู่ขวัญ, 2021-07-24 14:55:41

Description: เอกสารวิชาการสารสนเทศและการสื่อสาร

Search

Read the Text Version

เทคโนโลยีสารสนเทศ เอกสารอ่านคน้ ควา้ เพิม่ เติม วชิ าการฝกึ อบรมสารสนเทศทางการเกษตร

2 บทท1่ี เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.1ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ปจั จุบนั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมีบทบาทมาก เช่น มีการใชค้ อมพิวเตอร์ใน การทางาน ใชอ้ นิ เตอรเ์ นต็ เพ่ือสบื คน้ ข้อมลู หรือรับสง่ ข้อมูลระหวา่ งกนั ตลอดใช่โทรศัพทเ์ คร่ือนท่ี (mobile phone) หรือโทรศัพท์มือถอื ในการติดต่อสอ่ื สารองคก์ รท้ังภาครัฐและเอกชนได้นา เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอ่ื สารเข้ามาใชง้ านในทกุ ระดบั ช้นั ขององค์กร คาว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ( Information Technology: IT )เรียกยอ่ วา่ \"ไอที\" ประกอบด้วยคาวา่ \"เทคโนโลยี\" และคาวา่ \"สารสนเทศ\" นามารว่ นกันเปน็ \"เทคโนโลยีสารสนเทศ\" และคาว่าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ( Information and Communication Technology: ICT ) หรอื เรียกย่อว่า\"ไอซีที\"ประกอบด้วยคาทม่ี คี วามหมายดังนี้ เทคโนโลยี่( Technology ) หมายถึง การนาความมรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ต์ในการ พฒั นาเครอ่ื งมอื เครื่องใช้ อุปกรณ์ วธิ ีการและกระบวนการ

3 สารสนเทศ( Information ) หมายถึง ผลลพั ธ์ท่ีเกดจากการนาข้อมูลมาผ่านกระบวนการ ตา่ งๆ อยา่ งมรี ะบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถงึ การนาความรู้ทางดา้ นวิทยาศาสตรม์ าประยุกต์ใช้เพอื่ สรา้ งหรือจัดการสารสนเทศอยา่ งเป็นระบบและรวดเรว็ โดยอาศยั เทคโนโลยีทางดา้ นคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ตามแผน่ แม่บท เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 หมายถึง เทคโนโลยเี ก่ียวข้องกบั ขา่ วสารข้อมลู และการสือ่ สาร นบั ตั้งแตก่ ารสร้าง การนามาวิเคราะหห์ รือการประมวลผล 1.2 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ เป็นระบบท่ีช่วยเสริมประสทิ ธภิ าพการทางานโดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอ่ื สาร ระบบสารสนเทศประกอบดว้ ย 1.2.1 ฮารด์ แวร์ ( hardware ) หมายถึง ตัวเคร่ืองคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ตอ่ พว่ ง ตา่ งๆ เช่น คยี ์บอร์ด ( keyboand ) เมาส์ ( mouse ) จอภาพ ( monitor ) เปน็ ตน้ รวมท้ังอุปกรณ์ ส่อื สารสาหรบั เชื่อมโยงคอมพิวเตอรเ์ ข้าเปน็ เครือข่าย เช่น โมเดม็ ( modem ) และ สายสัญญาณ

4 1.2.2 ชอฟต์แวร์ ( soflware ) หมายถงึ โปรแกรมหรอื ชุดคาสง่ั ( instruction ) ทใี่ ช่ ควบคมุ การทางานของเคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ชุดคาสั่งจะถูกแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื ซอฟต์แวรร์ ะบบ ( system software ) หมายถึงชุดคาสงั่ ท่ที าหนา้ ที่ควบคมุ การ ทางานของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ต่อพว่ งตา่ งๆ และทาหนา้ ท่ีเป็นตัวกลางระหว่างผใู้ ชก้ บั คอมพิวเตอร์ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบแบง่ ออกเปน็

5 1) ระบบปฏบิ ตั ิการ ( Operating System: OS ) เป็นซอฟต์แวรท์ ่ีทาหน้าท่คี วบคุมการ ทางานของอปุ กรณแ์ ละซอฟตแ์ วรท์ ้ังหมดภายในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างระบบปฏิบตั ิการ เชน่ วนิ โดวส(์ Windowns ) ลินุกซ์ ( Linux ) และ แมคโอเอส ( Mac OS ) 2) โปรแกรมอรรถประโยชน์ ( utilities program ) เปน็ โปรแกรมท่ชี ่วยเสริมการทางาน ของคอมพิวเตอร์ หรือชว่ ยเสริมการทางานอน่ื ๆให้มคี วามสามารถใชว่ านได้สะดวกและรวดเร็ว ยิง่ ข้นึ 3)โปรแกรมขับอุปกรณ์ หรือดีไวซไ์ ดร์ฟเวอร์ ( device driver ) เป็นโปรแกรมที่ช่วย ในการตดิ ต้งั ระบบเพื่อให้คอมพิวเตอรสื ามารถตดิ ตอ่ หรือใช่งานอุปกรณ์ต่างๆ

6 4) โปรแกรมแปลภาษา เป็นโปรแกรมทีท่ าหน้าท่ีแปลโปรแกรมทเี่ ขียนข้ึนด้วย ภาษาคอมพวิ เตอร์ระดับสงู ใหเ้ ปน็ รหัสท่ีอยู่ในรูปแบบทีเ่ คร่อื งคอมพวิ เตอร์สามารถทางานได้ ดังรูป ท่ี 1.9 ตวั อย่างตวั แปลภาษา เชน่ ตัวแปลภาษาจาวา ตัวแปลภาษาซี ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ (application software) หมายถึง ชุดคาสั่งท่ีเขียนข้ึนเพื่อให้ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ทางานตามวตั ถุประสงคเ์ ฉพาะอย่าง ซอฟต์แวร์ประยุกต์อาจเขียนขึ้นโดยใช้ โปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ เชน่ เบสิก (Basic) ปาสคาล (Pascal) โคบอล (Cobol) ซี (C) ซพี ลัสพลัส (C++) และจาวา (Java) ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์แบง่ ตามกลุ่มการใชง้ านได้ดังตารางที่ 1.1

7 1.2.3 ข้อมลู (data) ข้อมลู จะถกู รวบรวมและป้อนเข้าสู่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์โดยผ่าน อปุ กรณ์ของหน่วยรับเขา้ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และสแกนเนอร์ (scanner) ขอ้ มูลตอ้ งมีโครงสรา้ งใน การจัดเกบ็ ทเ่ี ป็นระบบเพือ่ การสบื ค้นท่รี วดเร็วและมีประสิทธิภาพ ขอ้ มูลจะถูกจัดเก็บอยู่ใน หนว่ ยความจา (memory unit) กอ่ นท่จี ะถูกย้ายไปเก็บที่หนว่ ยเก็บขอ้ มลู (storage unit) เช่น ฮาร์ดดิสก์ และแผ่นซีดี (Compact Disc: CD)

8 1.2.4 บุคลากร (people)บุคลากรเปน็ องค์ประกอบทส่ี าคัญทส่ี ดุ ของระบบสารสนเทศ ในที่นี้หมายถึงบุคลากรที่เป็นผู้ใช้ระบบสารสนเทศ ดังรูปที่ 1.11 บคุ ลากรท่เี ป็นผพู้ ฒั นาระบบ สารสนเทศ จะต้องมีความรู้ความสามารถในการพฒั นาระบบสารสนเทศใหม้ ีประสิทธภิ าพให้ สามารถทางานไดต้ ามความตอ้ งการของผู้ใชใ้ ช้งา่ ยและสะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และมคี วามสามารถในการใชง้ านระบบสารสนเทศและการส่อื สารตา่ งๆ ไดอ้ ย่างถูกต้องจึงจะเกดิ สารสนเทศทีเ่ ปน็ ประโยชน์ 1.2.5 ขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ าน (procedure) ระบบสารสนเทศตอ้ งมขี ้นั ตอนการ ปฏบิ ัติงานที่เปน็ ลาดับขัน้ ชัดเจน เพอื่ ให้ผใู้ ช้สามารถเข้าใจไดง้ ่าย และดาเนินงานได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ท้งั ในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉนิ เช่น ขั้นตอนการบนั ทึกข้อมูล ข้นั ตอน การทาสาเนาข้อมูล ข้ันตอนการปฏิบัตเิ มื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย หรอื เมื่อเครื่องคอมพวิ เตอร์

9 และอปุ กรณต์ า่ งๆ เกดิ การชารดุ เสยี หาย ขั้นตอนต่างๆ เหลา่ นีค้ วรได้รับการรวบรวมและจัดทาให้ เป็นรปู เล่ม 1.3 ประโยชน์และตัวอยา่ งของการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร 1.3.1 ด้านการศกึ ษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถกู นามาใชเ้ พอื่ อานวย ความสะดวกในการบริหารด้านการบรหิ ารดา้ นการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบยี น และระบบการ จดั ตารางสอน นอกจากน้ียังใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการเพิ่มโอกาสทางดา้ นการศกึ ษาและเพิม่ ประสิทธิภาพการเรียนการสอน

10 1.3.2 ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถกู นามาใชเ้ รมิ่ ตั้งแตก่ ารทาทะเบยี นคนไข้ การรกั ษาพยาบาลท่วั ไป ตลอดจนการวินิจฉัยและรกั ษา โรคต่างๆได้อย่างรวดเรว็ และแมน่ ยา นอกจากน้ยี งั ใช้ในห้องทดลอง การศกึ ษาและการวจิ ยั ทาง การแพทย์ งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี สามารถคน้ ควา้ ข้อมูลทางการแพทย์ รกั ษาคนไขด้ ้วยระบบ การรกั ษาทางไกลตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการส่ือสาร เคร่ืองเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อเี อม็ ไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถูกนามาถ่ายภาพสมองมนษุ ย์เพื่อตรวจหาความผิดปกตใิ นสมอง 1.3.3 ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม เทตโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารถูก นามาใช้ประโยชน์ในดา้ นเกษตรกรรม เช่น การจดั ทาระบบข้อมลู เพ่ือการเกษตรและพยากรณ์ ผลผลติ ดา้ นการเกษตร นอกจากนีย้ งั ช่วยพฒั นาความก้าวหน้าทางด้านอตุ สาหกรรม การประดิษฐ์ หุ่นยนตเ์ พอ่ื ใช้ทางานบ้าน และหุ่นยนตเ์ พื่องานอุตสาหกรรมที่ต้องเสย่ี งภยั และเปน็ อันตรายต่อ สุขภาพ เฃ่น โรงงานสารเคมี โรงผลติ และการจ่ายไฟฟา้ รวมถึงงานทตี่ ้องทาซ้าๆ

11 1.3.4 ดา้ นการเงินธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารถกู นามาใชใ้ นด้าน การเงนิ และการธนาคาร โดยใช้ชว่ ยด้านการบญั ชี การฝากถอนเงิน โอนเงิน บริการสนิ เชือ่ และ เปล่ยี นเงนิ ตรา บริการขา่ วสารธนาคาร การใช้คอมพิวเตอรด์ ้านการเงนิ การธนาคารท่ีรู้จกั และนยิ ม ใชก้ ันทว่ั ไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การโอนเงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 1.3.5 ดา้ นความมั่นคง มกี ารใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารกันอย่างแพร่หลาย เชน่ ใชใ้ นการควบคมุ ประสานงานวงจรส่อื สารทหาร การแปลรหสั ลบั ในงานจารกรรมระหว่าง ประเทศ การสง่ ดาวเทียมและการคานวณวิถโี คจรของจรวดไปสู่อวกาศ สานกั งานตารวจแห่งชาติ ของประเทศไทยมศี นู ย์ประมวลข่าวสาร มรี ะบบจัดทาทะเบยี นปืน ทะเบียนประวัติอาชญากร ทา ใหเ้ กิดความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพ่อื การสบื สวนคดีต่างๆ

12 1.3.6 ดา้ นการคมนาคม มกี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในส่วนท่ีเกี่ยวกบั การเดินทาง เชน่ การเดนิ ทางโดยรถไฟ มีการเชื่อมโยงข้อมลู การจองทน่ี ง่ั ไปยังทุกสถานี ทาให้ สะดวกตอ่ ผู้โดยสาร การเช็คอินของสายการบนิ ได้จัดทาเครอ่ื งมอื ทีส่ ะดวกต่อลกู คา้ ในรปู แบบ ของการเช็คอนิ ดว้ ยตนเอง 1.3.7 ด้านวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม มีการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่อื สารในการออกแบบ หรือจาลองสภาวการณ์ตา่ งๆ เช่น การรับแรงส่ันสะเทือนของอาคารเมื่อ เกิดแผน่ ดินไหว โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจรงิ 1.3.8 ด้านการพาณชิ ย์ องค์กรในภาคธรุ กิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอื่ สารในการบริหารจัดการ เพื่อชว่ ยเพมิ่ ความยืดหยุ่นให้กบั องค์กรในการทางาน ทาให้ การประสานงานหรือการทากจิ กรรมต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานในองค์กรหรือระหว่างองคก์ รเป็นไป ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น นอกจากน้ียงั สามารถใช้ปรบั ปรุงการใหบ้ รกิ ารกับลกู ค้าทัว่ ไป ส่ิง เหลา่ นีน้ บั เปน็ การสร้างโอกาสความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขันให้กบั องคก์ ร

13 1.4 แนวโนม้ การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร 1.4.1 ดา้ นอปุ กรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร เมอื่ พจิ ารณาเครือขา่ ย การสือ่ สารทว่ั ไปจากอดีตจนถงึ ปัจจุบัน เหน็ ไดช้ ัดวา่ มนษุ ยใ์ ช้อุปกรณก์ ารส่ือสารแบบพกพามาก ขนึ้ เรอื่ ยๆ เริม่ จากวิทยเุ รียกตัว (pager) ซ่งึ เปน็ เครื่องรบั ข้อความ มาเป็นถึงโทรศพั ท์เคลื่อนที่ อปุ กรณส์ ส่ื ารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใชง้ านด้านอืน่ ๆได้ นอกจากการพดู คยุ ธรรมดา โทรศัพทเ์ คลือ่ นทีร่ ุน่ ใหม่สามารถใชถ้ ่ายรูป ฟงั เพลง ฟงั วทิ ยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกข้อมูงสั้นๆ บางรนุ่ มี ลกั ษณะเป็นเคร่ืองช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซง่ึ สามารถเช่อื มต่อ กบั อินเทอรเ์ น็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสมั ผัส ทาให้สะดวกต่อการใชง้ านมากขึ้น บางรุ่นมี อุปกรณ์สไตลัส (stylus)

14 1.4.2 ดา้ นระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ระบบเคร่อื งข่ายคอมพวิ เตอร์ในอดีตมัก เป็นระบบที่ใชค้ อมพิวเตอร์และอปุ กรณ์เชื่อมต่อตรงโดยจุดเดียว (stand alone) ต่อมามีการ เชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอร์เขา้ ดว้ ยกันภายในองค์กร เพ่ือทาให้สามารถใช้ข้อมลู รว่ มกนั หรือใช้ เคร่ืองพมิ พร์ ว่ มกัน จนเกิดเป็นระบบรับและให้บรกิ าร หรือที่เรยี กว่าระบบรับ-ใหบ้ ริการ (client- server system) โดยมเี ครื่องใหบ้ ริการ (server) และเครื่องรับบรกิ าร (client) การให้บรกิ ารบนเวบ็ ก็นาหลักการของระบบรบั -ให้บริการมาใช้ช่วยให้การทางานง่ายขนึ้ สะดวก รวดเร็ว เพราะสามารถ ทางานจากท่ีใดกไ็ ด้โดยผา่ นระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีเว็บเซอร์ฟเวอร์ (web server) เป็นเครือ่ ง ใหบ้ ริการ 1.4.3 ดา้ นเทคโนโลยี ระบบทางานอัตโนมัติที่สามารถตดั สนิ ใจได้เองจะเขา้ มาแทนท่ี มากข้ึน เชน่ ระบบแนวนาเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตาแหน่งของวัตถุ ระบบ ควบคุมความปลอดภยั ภายในอาคาร ระบบท่ีทางานอตั โนมัตเิ ช่นนี้ อาจกลายเป็นระบบหลักใน การดาเนนิ การของหน่วยงานต่างๆ โดยเข้ามาแทนทกี่ ารทางานของมนษุ ย์ มีการเชอ่ื มต่ออย่าง กวา้ งขวางไปยังหน่วยงานทเ่ี กย่ี วข้องมากกว่าทีเ่ ป็นอยู่ในปจั จบุ นั

15 1.5 ความเปลย่ี นแปลงจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความก้าวหน้าของอุปกรณเ์ ทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเรว็ เพ่ือน สนองความต้องการดา้ นต่างๆ ของผูใ้ ชป้ ัจจุบนั ซ่ึงมจี านวนผู้ใชง้ านเทคโนโลยสี ารสรเทศและการ สอ่ื สารท่วั โลกประมาณพนั ล้านคน และเพมิ่ ขึ้นเรือ่ ยๆ ทุกปี ผ้ใู ชส้ ามารถใชง้ านอุปกรณด์ ังกลา่ วได้ ทกุ ที่ ทุกเวลา จึงทาใหเ้ กิดความเปลย่ี นแปลงด้านต่างๆทั้งทีเ้่ กิดประโยชน์และโทษ เช่น 1. ด้านสงั คม สภาพเสมอื นจรงิ การใช้อินเตอร์เน็ตเชอ่ื มโยงการทางานต่างๆ จนเกดิ เปน็ สงั คมทีต่ ิดต่อผ่านทางอนิ เตอร์เน็ต หรือทรี่ ู้จกั กันว่า ไซเบอร์สฺ เปช (cyber space) ซงึ่ มกี ิจกรรม ตา่ งๆ เช่นการพดู การชื้อสินค้า และบรกิ าร การทางานผ่านเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทาให้เกิดสภาพ ทเ่ี สมอื นจรงิ (virtual) เชน่ เกมสเ์ สมือนจริง หอ้ งเรียนเสมอื นจรงิ ซงึ่ ทาใหล้ ดเวลาในการเดินทาง และสามารถใชง้ านได้ทกุ ทที่ ุกเวลา

16 2. ดา้ นเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารสง่ ผลใหเ้ กิดสงั คมโลกาภวิ ตั น์ (globalization) เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศน์ทสี่ ง่ กระจายผา่ นดาวเทียมของประเทศ ต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรบั รู้ขา่ วสารได้ทันที ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการติดตอ่ สื่อสารระหว่างกนั ระบบ เศรษฐกิจซึ่งแตเ่ ดมิ มีขอบเขตจากัดภายในประเทศ กก็ ระจายเปน็ เศรษฐกิจโลก เกิดกระแสการ หมุนเวยี นแลกเปล่ยี นสินคา้ และบรกิ ารอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ระบบเศรษฐกิจของทกุ ประเทศ ในโลกจงึ เชอ่ื มโยงและผกู พันกันมากขึน้ 3. ดา้ นส่งิ แวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร มีประโยชนใ์ นดา้ นธรรมชาติ และและส่งิ แวดล้อม เช่น ระบบป้องกนั การกัดเซาะชายฝั่ง โดยใชภ้ าพถ่ายดาวเทยี ม หรอื ภาพถา่ ย ทางอากาศ ร่วมกับการจัดเก็บรักษาขอ้ มูลระดบั น้าทะเล ความสงู ของคล่นื จากระบบเรดาร์ เปน็ การศึกษาเพื่อหาสาเหตุ และนาข้อมลู มาวางแผนและสร้างระบบเพือ่ ป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ังแต่ ละแหง่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

17 1.6 ตวั อย่างอาชพี ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ตลาดแรงงานต้องการผู้ท่มี คี วามรู้ความเข้าใจงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อย่างแท้จรงิ ซ่งึ งานดา้ นน้ีจะรวมถงึ งานด้านการออกแบบโปรแกรมตา่ งๆ โปรแกรมใชง้ านบนเว็บ งานดา้ นการเขยี นโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอร์ งานด้านฐานข้อมูล งานดา้ นระบบเครือข่ายทงั้ ใน และนอกองค์กร รวมถึงการรักษาความม่นั คงปลอดภยั ในระบบคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย ดังนั้น องค์กรจึงมีความต้องการบุคลากรที่มคี วามรู้ ความสามารถในการบรหิ ารจดั การ และพฒั นา ซอฟต์แวร์ เพอ่ื ใช้งานด้านต่างๆขององคก์ ร ตัวอย่างอาชีพดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สือ่ สาร เชน่ 1. นักเขยี นโปรมแกรมหรอื โปรแกรมเมอร์ (programmer) ทาหน้าท่ีในการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือใช้ในงานด้านต่างๆ เชน่ โปรมแกรมเกี่ยวกับการซื้อ ขายสินค้า โปรแกรมทใี่ ช้กับงานดา้ นบัญชี หรือโปรแกรมท่ีใช้กบั ระบบงานขนาดใหญข่ ององค์กร

18 2. นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) ทาหนา้ ทใี่ นการศกึ ษาวเิ คราะหแ์ ละพฒั นาระบบสารสนเทศ นักวเิ คราะหร์ ะบบจะทาการวิเคราะห์ ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช้งาน ซง่ึ อาจรวมถึงงาน ดา้ นการออกแบบฐานขอ้ มูลด้วย 3. ผดู้ แู ลและบริหารฐานขอ้ มลู (database administrator) ทาหนา้ ที่บริหารและจดั การฐานข้อมลู (database) รวมถึงการออกแบบ บารุงรกั ษาข้อมูล และการ ดแู ลระบบความปลอดภยั ของฐานขอ้ มลู เช่น การกาหนดบญั ชผี ใู้ ช้ การกาหนดสิทธ์ิผู้ใช้

19 4. ผดู้ แู ลและบรหิ ารระบบ(system administrator) ทาหน้าที่บรหิ ารและจดั การระบบคอมพวิ เตอรใ์ นองค์กร โดยดแู ลการติดต้ังและบารุงรักษาระบบ ปฎิบตั ิการ การติดต้งั ฮารด์ แวร์ สร้าง ออกแบบและบารุงรกั ษาบัญชผี ู้ใช้ สาหรับองคก์ รขนาดเล็ก เจา้ หนา้ ที่ความคุมระบบอาจตอ้ งดูแลและบริหารระบบเครือข่ายดว้ ย 5. ผดู้ ูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator) ทาหน้าท่ีบรหิ ารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ และดแู ลรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือขา่ ยขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใชง้ านเครอื ข่ายของพนกั งานและติดตง้ั โปรแกรม ป้องกนั ผู้บุกรุกเครือขา่ ย

20 6. ผู้พัฒนาและบริหารระบบเวบ็ ไซต์ (webmaster) ทาหนา้ ท่ีออกแบบพัฒนา ปรับปรงุ และบารงุ รกั ษาเว็บไซต์ใหม้ ีความทันสมยั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ต้องมีการปรับปรงุ ข้อมูลให้เปน็ ปัจจุบันอยเู่ สมอ 7. เจา้ หน้าท่เี ทคนคิ (technician) ทาหน้าท่ีซ่อมบารงุ รกั ษาเครื่องคอมพวิ เตอร์ ติดตัง้ โปรแกรม หรอื ติดต้งั ฮาร์ดแวร์ต่างๆและแกไ้ ข ปัญหาท่ีอาจเกิดจากการใช้อุปกรณ์คอมพวิ เตอรใ์ นองค์กร

21 8. นกั เขียนเกม (game maker) ทาหนา้ ที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั นี้การเขยี นโปรมแกรมคอมพวิ เตอร์ เปน็ อาชพี ไดร้ ับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย credit http://www.thaigoodview.com/node/70790

22 บทท่ี 2 ขอ้ มูล สารสนเทศ 2.1 ข้อมลู สารสนเทศ และความรู้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยสี ารสนเทศในปัจจุบัน ทาให้ในแต่ละวันมีการผลิตข้อมลู ขึ้นมา จานวนมาก ข้อมลู บางสว่ นจะถูกนามาประมวลผลเพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ช้ในดา้ นต่างๆ ตัวอย่างเชน่ ข้อมูลจากเว็บไซตท์ ่มี จี านวนเพม่ิ ขึน้ อยา่ งรวดเร็วในแตล่ ะวนั ซ่งึ สามารถใช้ประโยชนจ์ ากขอ้ มูล เหล่านไี้ ด้เพยี งค้นหาข้อความ รูปภาพ หรือวดี ิทัศน์ ที่ตรงกบั ความสนใจเท่านั้น แตไ่ มส่ ามารถนา ขอ้ มลู เหลา่ นี้มาประมวลผลและแสดงความร้ทู ีแ่ ฝงอยไู่ ด้อยา่ งมี ประสทิ ธผิ ล ขอ้ มูล (data) คอื ส่งื ที่ใชอ้ ธิบายคณุ ลักษณะของวัตถุ เหตุการณ์ กิจกรรม โดยบันทึกจาการ สังเกต การทดลอง หรือการสารวจดว้ ยการแทนรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง เชน่ บนั ทึกไว้เปน็ ตัวเลข ข้อความ รูปภาพ และสัญลกั ษณ์ ตัวอยา่ งของขอ้ มูลต่างๆ ที่นักเรียนสามารถพบเห็นได้เปน็ ประจา เช่น เกรดที่รักเรียนได้รบั ใน แต่ละวชิ า ราคาของสินค้าชนิดต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า รปู ภาพและขอ้ ความต่างๆ ท่ีปรากฏในเว็บไซต์ ดงั รูปท่ี 2.1 รูปท่ี2.1ตัวอย่างข้อมูลท่ีพบเห็นในชีวิตประจาวัน (http://pirun.ku.ac.th/~g4986065/MyJournal/Image/0806255001.PNG)

23 สารสนเทศ (information) คอื ผลลัพธท์ ีไ่ ดจ้ ากการนาข้อมลู มาประมวลผล เพื่อใหไ้ ด้สง่ิ ท่ี เปน็ ประโยชน์ในการนาไปใช้งานมากขนึ้ เช่น สว่ นสูงนักเรยี นหญิงนักเรียนชายแต่ละคนในชน้ั เรียน เป็นข้อมลู จะสามารถสร้างสารสนเทศจากข้อมูลเหลา่ นี้ได้หลายแบบ เพื่อนาไปใชใ้ นจุดประสงค์ท่ี แตกต่างกัน ตัวอยา่ งเช่น การนาขอ้ มูลเหล่านเ้ี รยี งตามลาดับจากมากไปน้อย หรือการหาค่าเฉล่ีย ของส่วนสงู ของนักเรยี น เพอ่ื ให้นกั เรียนไดเ้ หน็ ความแตกต่างของข้อมูลและสารสนเทศอยา่ งชัดเจนมากขึน้ จึงได้ แสดงตวั อย่างของการเปลี่ยนขอ้ มลู มาเป็นสารสนเทศอย่างง่าย ไวใ้ นตัวอย่างท่ี 2.1 ตัวอย่างที่ 2.1 ถา้ เราต้องการทราบการเปล่ียนแปลงหรือการเจรญิ เตบิ โตของต้นถ่วั เพอ่ื เฟ รียบ เทียบส่วนสูงกนั ว่ามีการเปลย่ี นแปลงอย่างไรดังรปู ที่ 2.2 รูปท่ี 2.2 แสดงตวั อย่างการเจริญเติบโตของต้นถวั่ ( https://fj6tgw.blu.livefilestore.com/.jpg) จากตัวอย่างขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ การสร้างสารสนเทศ ซงึ่ ในทีน่ ้ีคือ สว่ นสูงเฉล่ยี ของนกั เรยี น ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะสามารถถูกนาไปใชเ้ พื่อวิเคราะห์และตอบคาถามว่า สว่ นสูงของ นักเรยี นมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่าไงรตลอด 20 ปีทผี่ า่ นมาซึ่งสารสนเทศเหลา่ น้จี ะถูกนาไปใชเ้ พอ่ื สนบั สนนุ การตัดสินใจอ่ืนๆ เชน่ การตดั สินใจด้านโภชนาการ หรือการจัดหลักสตู รวิชาพลานามยั

24 เพื่อใหเ้ หมาะสมกับนักเรียนในปัจจบุ นั ดังรปู ท่ี 2.3 รปู ที่ 2.3 การนาขอ้ มูลมาประมวลผลเพ่ือประกอบการตัดสินใจ (http://www.thaiwbi.com/course/ICT/Techno1.gif) ขอ้ มลู เหลา่ นจ้ี ะตอ้ งถูกส่งเข้ากระบวนการตา่ งๆ ตามความเหมาะสม เพื่อเปล่ยี นให้ ข้อมูลกลายเปน็ สิ่งทีส่ ามารถนามาใชเ้ พอ่ื สนับสนนุ การตัดสนิ ใจตา่ งๆ ได้ ตัวอย่างดังรปู ที่ 2.3 ความรู้ (knowledge) เปน็ คาทมี่ ีความหมายกวา้ ง และใช้กนั โดยทัว่ ไป ในด้านวิทยาการ คอมพวิ เตอร์หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอรก์ ลา่ วถึงความรู้ไว้ในหลาย แง่มุม แต่ความหมายในแงม่ มุ หน่งึ ทีส่ อดคล้องกับข้อมลู และสารสนเทศ ความรู้ คอื สิง่ ที่ประกอบด้วยข้อมลู และสารสนเทศทถ่ี ูก จดั รปู แบบและประมวลผลเพอ่ื นาไป ประยกุ ต์ใช้ในปญั หาทตี่ ้องการนาข้อมูลและสารสนเทศ เหลา่ นีไ้ ปแก้ไข นอกจากนยี้ ังมนี ยิ ามของความรู้อีกด้านหนง่ึ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเรือ่ งของ ข้อมลู และ สารสนเทศคอื ความรูท้ ่แี ฝงอยูใ่ นข้อมูล เป็นสื่งท่สี ามารถสกดั จากสารสนเทศท่ีมรี ูปแบบน่าสนใจ เป็นจรงิ สาหรับขอ้ มูลใหมห่ รือขอ้ มลู ทไี่ ม่เคยเห็นมาก่อน เป็นรูปแบบใหมท่ ม่ี นษุ ยไ์ มเ่ คยเห็นกนั มา ก่อน ซ่งึ ผลลัพธ์สุดท้ายจาการวิเคราะห์สารสนเทศจะไดเ้ ป็นความรู้ทีเ่ ป้นประโยชน์ต่อผู้ใชไ้ ด้ เราเรียกกระบวนการทส่ี ามารถสกัดความรู้จากข้อมลู ที่ถกู เก็บรวบรวมไวเ้ ป็น อย่างดีใน ฐานขอ้ มลู ว่า การค้นพบความรู้ในฐานข้อมลู (knowledge discovery in databases) ดังรูปที่ 2.4 ซง่ึ ตวั อย่างของการค้นพบความรนู้ ้ี แสดงไว้ในตัวอย่างท่ี 2.2

25 รปู ที่ 2.4 การคน้ พบความรู้ในฐานข้อมูล (http://www.numsai.com/picture/machine/database.png) ตวั อย่างที่ 2.2 สมมติวา่ เราไม่เคยมีความรู้มากอ่ นเลยว่าเพราะเหตุใดนักเรียนบางคน จงึ สงู กวา่ นักเรยี นคนอื่น เราสามารถนาส่วนสงู ของนักเรียนแตล่ ะคนมาจบั คูก่ ับคณุ สมบตั ิอื่นๆ เชน่ ลกั ษณะนิสบั การรับประทานอาหาร (รับประทานอาหารที่มีประโยชนเ์ ป็นประจาหรือไม่) และความถีใ่ นการออกกาลังกาย ( ทกุ วัน สปั ดาหล์ ะ 3 ครง้ั สัปดาหล์ ะครั้ง เดอื นละครัง้ หรอื น้อย มาก) เม่ือเราใช้กระบวนการค้นพบความร้ใู นบานข้อมลู ชดุ น้ี ความรูท้ ่ีเราอาจจะพบไดจ้ าก ข้อมลู ไดแ้ ก่ รปู แบบความสัมพันธ์บางอย่าง เชน่ 1. นักเรียนที่ออกกาลงั กายทุกวนั และรับประทานอาหารท่เี ปน็ ประโยชน์เป็นประจา จะมสี ่วนสูงสงู กวา่ นกั เรียนที่ออกกาลังกายวนั เว้นวนั แตไ่ ม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นประจา 2. นักเรียนที่ออกกาลังกายน้อยมาก และไม่รับประทานอาหารทเี่ ป็นประโยชนเ์ ป็นประจา จะมี สว่ นสูงนอ้ ยทส่ี ุดในห้อง 2.2 การจดั การความรู้ (knowledge management) ในการบรหิ ารองค์กร สิ่งหนึง่ ทเ่ี กดิ ข้ึนแต่ไม่สามารถประเมินคณุ ค่าเปน็ ตัวเงนิ ได้ คือ

26 ความรูท้ ไ่ี ด้จากการปฎบิ ัตงิ าน เน่อื งจากในการทางาน การแก้ปญั หา การแสวงหาความรู้ การนา ความรู้มาปรับใช้ โดยพนักงานในระดับตา่ งๆ เกดิ ขึน้ อยตู่ ลดิ เวลาในการทางาน พนกั งานท่ี ปฎิบัติงานหนึ่งคนจะตอ้ งใช้ความรู้และทักษะเฉพาะอยา่ ง เพื่อทางานให้ลลุ ว่ งไปได้ ซ่ึงการจาทา ใหพ้ นกั งานหน่ึงคนสามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งราบร่ืนนนั้ จะต้องใชก้ ารอบรมเพอื่ สรา้ งความรู้ รวมถึงทักษะให้กบั พนกั งานเหล่านี้ ซ่ึงความร้ทู ่ถี ่ายทอดให้แกพ่ นักงานน้ี จัดว่าเป้นทุนทางปัญญา (intellectual capital) ซึ่งเป็นส่ืงทค่ี ณุ คา่ อย่างสูงกับองค์กร เพราะความรู้บางอย่างต้องใช้ งบประมาณและเวลาในการสร้างข้ึน ทาอย่างไรจึงจะมามารถจัดการความรู้ในองค์กรเหล่าน้ใี ห้ เกิดประสิทธิภาพสูง สุด ตวั อยา่ งการจัดการความรู้ในองค์กร ดงั รูปที่ 2.5 รปู ท่ี 2.5 ตัวอย่างการจัดการความรใู้ นองค์กร (http://www.thaipr.net/dsppic/dsppic.aspxfilesid) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการความรู้ สามารถชว่ ยองค์กรในการจัดการความรู้เหลา่ นไี้ ด้ โดยระบบนี้จะทางานแตกตา่ งกนั ไปตามจดุ มงุ่ หมายขององค์กร ซึง่ ผู้ใช้ในองค์กรที่อาจ ประกอบด้วยพนักงานท่วั ไป ผบู้ รหิ าร หรือบคุ คลภายนอก จะเปน็ ผ้สู ร้างสารสนเทศเพื่อเก็บไวใ้ น ระบบนี้ โดยระบบจะตอ้ งสามารถจัดหมวดหมู่ ค้นหา รวมถงึ กระจายสารสนเทศเหล่านใี้ ห้กับผู้ใช้ คนอื่นเพอ่ื ใหผ้ ใู้ ช้แตล่ ะคน สามารถนาสารสนเทศไปใชไ้ ดต้ ามสิทธข์ิ องตนเอง ตวั อยา่ งระบบ สารสนเทศเพื่อการจัดการความรู้ ดงั รูปท่ี 2.6

27 รปู ที่ 2.6 ตัวอย่างระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการความรู้ (http://202.44.68.33/files/u9222/2_0.jpg) นอกจากนี้ยงั มศี าสตรท์ เี่ กี่ยวขอ้ งกบั การจัดการความรู้ท่ีน่าสนใจอีกด้าน หน่ึง คอื ความ ฉลาดร่วม (collective intelligence) ซง่ึ เปน็ การสร้างความฉลาดหรือสร้างความรรู้ ่วมกนั ระหว่าง ผใู้ ช้ ตัวอย่างของการสร้างความรู้ในลักษณะนเี้ ชน่ วิกพิ เี ดยี (Wikipedia) ซึ่งผูใ้ ชแ้ ตล่ ะคนสามารถ เพม่ิ เตมิ แก้ไข ข้อมลู ร่วมกันได้ โดยผ้ใู ช้คนอน่ื ๆ ทไี่ ม่ได้มีสว่ นรว่ มในการเพม่ิ เติมหรือแก้ไขขอ้ มูล ก็ สามารถเข้าถึงและใช้ข้อมลู หรือความรูเ้ หลา่ นน้ั ได้ เปน็ ต้น ตัวอยา่ งการสรา้ งความรรู้ ่วมกนั ของวิกิ พเี ดีย ดงั รูปท่ี 2.7 รปู ที่ 2.7 ตวั อยา่ งการสร้างความรู้รว่ มกันของวิกิพเี ดยี (http://www.vcharkarn.com/uploads/110/110392.jpg)

28 2.3 ลกั ษณะของข้อมูลที่ดี มีคากล่าวเก่ียวกับการประมวลผลขอ้ มลู ไว้อย่างน่าฟังว่า ถ้าข้อมูลเข้าเป็นขยะ ส่ืงทอี อกมา ก็จะเปน็ ขยะดว้ ย (Garbage In , Garbage Out) ซ่งึ หมายความวา่ ถ้าข้อมูลท่ีนาไปประมวลผล เป็นขอ้ มูลที่ด้อยคณุ ภาพ ผลลพั ธท์ ่อี อกมาก็ย่อมด้อยคุณภาพไปด้วย ดังนนั้ เราควรจะตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการเก็บขอ้ มูลรวมถงึ การประมวลผลข้อมลู เบ้ืองต้นด้วย 1. ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู เป็นลกั ษณะสาคญั ย่ิงของข้อมูล ถ้าขอ้ มูลไม่ถกู ต้องแล้ว เรา จะไม่สามารถได้ผลลพั ธท์ ถ่ี กู ตอ้ งไดเ้ ลย ซง่ึ ประเด็นนเี้ ปน็ เรอ่ื งสาคญั ที่เกดิ ขึ้นโดยเฉพาะอย่างย่ิง กบั ข้อมูลท่มี ี ขนาดใหญ่ และไม่มีการตรวจสอบ เชน่ ขอ้ มลู ในโลกอินเทอร์เนต็ ซึ่งจาเป็นต้องได้รับ การตรวจสอบก่อนนามาใช้เสมอ นอกจากนขี้ ้อมูลบางประเภท เชน่ ข้อมลู เสียงท่ีเก็บจากไมโครโฟน ดังรปู ที่ 2.8 อาจมี ปัญหาเก่ียวกับสญั ญาณเสยี งรบกวนเกิดขน้ึ ดงั น้ันข้อมูลประเภทน้ี จึงต้องได้รับการปรับปรุง คุณภาพหรอื เรียกว่า กระบวนการลดสัญญาณรบกวน จึงจะสามารถนามาใช้งานได้

29 รูปท่ี 2.8 ขอ้ มูลเสยี งท่ีเกบ็ จากไมโครโฟน (http://www.chontech.ac.th/~electric/e - learn/unit8/pic/l20.gif)(http://www.carabao.net/Images/bio020.jpg) สาหรับข้อมลู ท่ีได้บการบันทึกดว้ ยมนุษยโ์ ดยมากมกั ต้องผา่ นการตรวจสอบก่อน เสมอ ซ่งึ อาจตรวจสอบโดยมนษุ ย์ หรือตรวจสอบโดยระบบ ตวั อย่างเชน่ ข้อมูลทีม่ ีความสาคญั อาจต้อง ป้อนสองครั้ง เพ่ือป้องกันความผดิ พลาดซ่ึงนักเรียนสามารถเหน็ ตัวอย่างของข้อมลู เหลา่ น้ี ไดจ้ าก การป้อนรหสั ผ่านเวลาลงทะเบียนตามเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ ที่นกี เรียนต้องป้อนรหัสหรืออเี มลสองคร้งั เพอ่ื ป้องกันข้อผิดพลาด ดงั รปู ท่ี 2.9 นอกจากนข้ี ้อมลู ท่เี ป็นรหสั ตวั เลขสาคัญ มักจะมีตัวเลขซง่ึ เป็น หลกั ตรวจสอบแฝงไวเ้ สมอ เชน่ ข้อมูลหมายเลขบัตรเครดติ 16 หลัก เมือ่ นามาผ่านกระบวนการ ประมวลผล จะสามารถตรวจสอบได้วา่ หมายเลขบัตรเครดิตนั้นถูกต้องหรอื ไม่ เป็นต้น

30 รปู ท่ี 2.9 แสดงหนา้ จอของเว็บไซตท์ ่ีต้องป้อนข้อมูลสองครั้ง เพื่อป้องกันความผดิ พลาด (จากหน้าตา่ ง http://www.imeem.com) 2. ความสมบูรณค์ รบถว้ นในการนาไปใช้งาน ขอ้ มลู บางประเภทหากไม่ครบถ้วน จดั เป็นข้อมูลท่ีด้อยคณุ ภาพได้เชน่ กัน เช่น ข้อมลู ประวัติคนไข้ หากไมม่ ีหมเู ลอื ดของคนไข้ จะไม่ สามารถใชไ้ ดใ้ นกรณีท่ผี ้รู ้องขอขอ้ มูลต้องการข้อมลู หมูเ่ ลอื ดของคนไข้ หรอื ข้อมลู ท่ีอยู่ของลกู ค้า ท่ี กรอกผ่านแบบฟอร์ม ถา้ มีช่ือและนามสกลุ โดยไมม่ ีขอ้ มูลบา้ นเลขที่ ถนน แขวง/ตาบล เขต/หรือ จังหวดั ข้อมูลเหลา่ นน้ั ก็ไมส่ ามารถนามาใชไ้ ด้เชน่ กนั ตัวอยา่ งข้อมูลทีไ่ มค่ รบถ้วน ดังรปู ท่ี 2.10

31 รปู ท่ี 2.10 ตวั อยา่ งข้อมูลท่ีไม่ครบถ้วน (http://web.pointasia.com/th/forum/upload/userFile/114.jpg) ขอ้ มลู การติดตามตาแหนง่ ของรถยนต์ดว้ ยระบบจีพีเอส ดังแสดงในรูปท่ี 2.11 สาหรบั บรษิ ทั ท่ีต้องทางานติดตามรถยนต์ ขอ้ มูลตาแหน่งรถยนต์ จะต้องไดร้ บั การปรับใหเ้ ป็นจรงิ ตลดิ เวลา หากขอ้ มลู นัน้ ปรับทกุ ๆหนง่ึ ช่ัวโมง จะไม่มีประโยชน์ในการติดตามตาแหน่งของรถยนต์ ดังนั้น ในเร่ืองความถูกตอ้ งตามเวลาของขอ้ มลู จงึ เปน็ เรอื่ งสาคัญประการหนงึ่ ทต่ี ้องนามาพิจารณาเมือ่ ตอ้ งมีการจัดเก็บขอ้ มูลหรอื ประมวลผลขอ้ มูล รูปท่ี 2.11 ระบบติดตามรถยนตด์ ้วยจีพีเอส (http://www.nectec.or.th/rd/electronics/be205-45/images/Resize%20of%2001.jpg) 3. ความถูกต้องตามเวลา ในบางกรณีข้อมูลผูกอยู่กบั เงื่อนไขของเวลา ซึ่งถ้าผดิ จาก เงื่อนไขของเวลาไปแล้ว ข้อมลู นั้นอาจลดคุณภาพลงไป หรอื แม้กระทงั่ ไมส่ ามารถใชไ้ ด้ เชน่ ข้อมลู

32 การให้ยาของคนไขใ้ นโรงพยาบาล ดังรปู ท่ี 2.12 ในทางการแพทย์แลว้ ข้อมลู น้จี ะต้องถูกใสเ่ ข้าไป ในฐานขอ้ มลู ที่คนไข้ไดร้ ับยาเพื่อใหแ้ พทยค์ น อื่นๆ ได้ทราบว่า คนไข้ไดร้ ับยาชนดิ น้ีเข้าไปแล้ว แตข่ ้ แมูลเร่อื งการให้ยาของคนไข้น้ี อาจไมจ่ าเป็นต้องไดร้ บั การปรบั ทันที สาหรับแผนกการเงนิ เพราะ แผนกการเงินจะคดิ เงินก็ต่อเมอื่ ญาติคนไขม้ าตรวจสอบ หรือคนไขก้ าลังออกจากโรงพยาบาล รูปท่ี 2.12 ตวั อยา่ งข้อมลู การให้ยาคนไข้ในโรงพยาบาล (http://www.talkystory.com/imagelib/www.talkystory.com/082009/4ecdc43b6e28249.jpg) 4. ความสอดคล้องกนั ของขอ้ มูล ในกรณท่ขี ้อมลู มาจากหลายแหล่ง จะเกิดปญั หาขค้น ในเรอื่ งของความสอดคล้องกนั ของข้อมลู เชน่ ในบรษิ ัทแห่งหนึ่งซ่งึ เก็บขอ้ มูลที่อย่ลู ูกคา้ หาก ตอ้ งการนาข้อมลู ไปควบรวมกับบริษัทอีกแหง่ หนง่ึ ซ่งึ มขี ้อมูลของลกู คา้ อยู่ เช่นกนั แตข่ ้อมูลในการ จดั ส่งเอกสารของบรษิ ทั แหง่ แรก เปน็ ทีอ่ ยุ่ทีพ่ ักอาศัยของลูกคา้ ในขณะท่ีข้อมลู ในบริษัทท่ีสองเป็น ท่อี ยู่ของสถานที่ทางานลูกค้า ขอ้ มลู จากทัง้ สองบริษทั นเ้ี ป็นขอ้ มูลที่ถูกตอ้ งสอดคล้องตามเวลาทง้ั คู่ แตถ่ า้ ตอ้ งการเก็ยข้อมูลที่อย่ลู กู คา้ เพยี งที่อยเู่ ดียว กจ็ ะเกดิ ปญั หาขึน้ ได้ ตัวอย่างของการไม่ สอดคลอ้ งกันของข้อมูล ดังรูปที่ 2.13

33 รูปที่ 2.13 ตัวอย่างของการไม่สอดคล้องกันของข้อมูล (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/532/34532/images/Econ/pfund/Insider.jp g) 2.4 การจัดเกบ็ ข้อมลู เมอ่ื เห็นความสาคญั ของขอ้ มลู แลว้ ทาอยา่ งไรจงึ จะเก็บรักษาขอ้ มลู เหล่านั้นให้คงอยู่ รวมถงึ ทาให้สามารถประมวลผลข้อมลู นนั้ ไดอ้ ย่างรวดเร็วโดยมากและจะรวมอยู่ใน ระบบฐานขอ้ มลู ซ่งึ นามาใช้ในการจัดเก็บการเข้าถึงและการประมวลผล ข้อดใี นการนาฐานขอ้ มลู เหล่านี้ไปใช้ใน องค์กรหรอื หนว่ ยงาน เชน่ - การจดั เกบ็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถลดภาระการเก็บเอกสารทเ่ี ป้นกระดาษได้ รวมถงึ การทาซ้าเพ่อื สารองข้อมูล สามารถทาไดส้ ะดวกและรวดเรว็ - การตอบสนองตอ่ ความต้องการไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เชน่ ข้อมลู ประวัติการบารุงรกั ษา รถยนต์และขอ้ มลู ประวตั ิคนไข้ ผใู้ ช้ที่ต้องการนาข้อมลู เหล่าน้ไี ปใชง้ าน สามารถเข้าถึงระบบ ฐานขอ้ มูลและนาขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการไปใชไ้ ด้ - การจากดั สทิ ธิใ์ นการเข้าถึงข้อมลู ใหแ้ กผ่ ใู้ ช้ในแตล่ ะระดบั ขององคก์ ร เช่น ผ้บู รหิ าร สามารถเขา้ ถึงข้อมลู ของทุกหนว่ ยงานได้ แตผ่ ู้ใช้ทัว่ ไปในแผนกการเงิน ไม่สามารถเขา้ ถึงขอ้ มลู ประวติ ขิ องฝ่ายบคุ คลได้ เป็นต้น

34 รูปที่ 2.14 ข้อดีในการนาฐานข้อมูลไปใชใ้ นองคก์ ร (http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech04/22/cit/pic/082.jpg) 2.4.1 ลาดับช้ันของข้อมูลในฐานขอ้ มลู ก่อนจะกล่าวถงึ ลาดับชัน้ ของข้อมูลใน ฐานขอ้ มูลสง่ื แรกที่ต้องกลา่ วถงึ กอ่ น คือ ลาดับชน้ั ล่างสดุ ของการแทนข้อมลู นน่ั คือ การแทนข้อมลู ดว้ ยตัวเลขฐานสอง ซงึ่ ประกอบดว้ ยตัวเลขสองตวั คือ ' 0 ' และ '1' ในทางคอมพิวเตอร์ จะเรยี กตวั เลขฐานสองหน่งึ หลกั น้ีว่า 1 บติ (bit) ซง่ึ ถือวา่ เป็นหนว่ ยเลก็ ท่ีสุดของขอ้ มูล และหากนาบติ มาต่อ กันจานวน 8 บติ จะเรียกว่า 1 ไบต์ (byte) ตวั อยา่ งทารแทนขอ้ มูลทางคอมพวิ เตอร์ ดังรปู ท่ี 2.15 รูปที่ 2.15 ตวั อย่างการแทนข้อมูลทางคอมพวิ เตอร์ (http://www.doteenee.com/help/pichelp/help00088.jpg) 1. เขตข้อมลู (field) เม่อื นาข้อมูลระดับบิตมาเรียงตอ่ กนั เพื่อแทนข้อมูลใดๆ ที่ตอ้ งการ เก็บในฐานข้อมลู เราจะจัดข้อมูลท่เี ปน็ บิตนี้มารวมกันเพื่อแทนความหมายบางอย่าง หนว่ ยย่อย ทสี่ ุดท่มี คี วามหมายในฐานข้อมูลนเ้ี รียกว่า เขตขอ้ มลู โดยเขตข้อมูลอาจแทนข้อมูลดงั ตัวอยา่ งต่อไปน้ี

35 - จานวนเต็ม (interger) คอมพวิ เตอร์ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเลขขนาด 32 บติ ซ่งึ ขนาดของ ตวั เลขน้ีอาจเปล่ียนแปลงไปตามเทคโนโลยขี องเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ตัวเลขฐานสองขนาด 32 บติ สามารถแทนตวั เลขจานวนเต็มได้ต้ังแต่ -2,147,483, 648 ถึง 2,147,483,647 แต่ถา้ เป็นเขตข้อมูลท่รี ะบุไว้ว่า เป็นตัวเลขจานวนเต็มไม่ระบเุ ครอื่ งหมาย (unsigned integer) เท่านั้นจะสามารถแทนตัวเลขจานวนเตม็ ได้ตง้ั แต่ 0 ถงึ 4,294,967,295 - จานวนทศนิยม (decimal number) ใรคอมพิวเตอร์ จะเกบ็ ตวั เลขทศนิยม โดยใชร้ ะบบ โฟลททงิ พอยต์ (floating piont) ซ่งึ การเกบ็ ในลกั ษณะน้ี ไมม่ กี ารกาหนดตาแหนง่ ตายตวั สาหรับ ตาแน่งของจดุ โดยทัว่ ไปการเก็บข้อมูลตัวเลขจะมสี องขนาด คอื 32 บติ และ 64 บติ - ข้อความ (text) ในการแทนข้อความน้นั จะตอ้ งเปลย่ี นข้อความใหเ้ ป็นรหัสซงึ่ ใชแ้ ทนตัว อกั ขระแต่ละตัวเสียก่อน ตามมาตรฐานโดยทว่ั ไปจะใชเ้ ป็นรหัสแอสกี (ASCII code) ซงึ่ ต่อมามี การใชร้ หสั แบบยนู ิโคด (Unicode) ทีส่ ามารถแทนภาษไดห้ ลายภาษามากกวา่ รหสั แอสกี ความยาวของเขตข้อมูลประเภทน้ี ขึน้ อยกู่ บั จานวนตัวอักขระในข้อความ - วันเวลา (date/time) ข้อมลู ทเี่ ป็นวันเวลา เชน่ วันทเ่ี รม่ิ ใชง้ าน วันลงทะเบยี น และเวลาที่ ซือ้ สินค้า มีความแตกต่างจากขอ้ มูลประเภทอนื่ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมีชนิดของข้อมลู เป็นวันเวลา เพ่ือ รองรบั เขตข้อมูลท่ีต้องการเก็บขอ้ มลู เป็นวนั เวลา - ไฟล์ (file) เขตข้อมูลบางประเภทใช้เกบ็ ไฟล์รูปภาพหรอื ไฟลอ์ ืน่ ๆซ่ึงเขตข้อมูลประเภทนีจ้ ะ เป็นเขตข้อมูลขนาดใหญ่ โดยปกติแลว้ จะมคี วามยาวมากกว่าเขตข้อมลู ประเภทอน่ื ๆ โดยเขต ขอ้ มูลนี้จะเกบ็ ข้อมลู ในลกั ษณะเปน็ บิตเรยี งต่อกนั 2. ระเบียน (record) คอื กล่มุ ของเขตข้อมูลทม่ี ีความสมั พันธก์ ัน โดยเขตขอ้ มูลแต่ละส่วน อาจจะเป็นข้อมลู ต่างชนดิ กัน ระเบยี นแตล่ ะระเบียนจะประกอบด้วยโครงสรา้ งเขตข้อมลู ที่ เหมอื นกนั ตัวอย่างระเบียน ดังรปู ที่ 2.16

36 รูปที่ 2.16 ตวั อย่างระเบยี น (http://61.7.157.234/pornsak/41201/images/pet.gif) 3. ตาราง (table) คือ กลุ่มของระเบียน ซง่ึ เขตข้อมูลในแต่ละระเบยี นจะเกบ็ ข้อมูลทีม่ ี ความสัมพนั ธ์กัน ในตารางจะเกบ็ ขอ้ มลู หลายๆระเบียน แตล่ ะระเบียนจะมโี ครงสรา้ งเหมือนกันใน ตาราง นอกจากจะเก็บขอ้ มลู หลายระเบียนแลว้ ยงั สามารถอ้างถงี ระเบียนแตล่ ะระเบียนได้อีกด้วย ตวั อยา่ งตารางขอ้ มลู นักเรยี น ดังรูปท่ี 2.17 รปู ที่ 2.17 ตัวอยา่ งข้อมูล นักเรียน http://school.obec.go.th/muangkrabi/webbased/picture/image025.jpg

37 4. ฐานข้อมูล(database)เปน็ ที่รวมของตารางหลายๆ ตารางเขา้ ไว้ดว้ ยกัน ตารางแต่ละ ตารางจะมคี วามสมั พันธก์ ันโดยใชเ้ ขตข้อมลู ทีเ่ กบ็ ข้อมลู ซึ่งเหมือน กันเป็นตัวเชือ่ มโยงระหวา่ งกัน บางตารางอาจเปน็ ตารางท่เี ก็บขอ้ มูลไวเ้ ฉพาะของตนเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับ ตารางอื่น ในขณะที่ บางตาราง อาจต้องเช่ือมโยงกับเขตข้อมูลของตารางอ่นื 2.5 จริยธรรมในโลกของข้อมลู คาวา่ จริยธรรมเปน็ คาที่มีความหมายกวา้ งแม้กระทงั้ ในดา้ นคอมพวิ เตอร์ กม็ กี ารกล่าวถงึ ใน เรือ่ งจริยธรรมเช่นกัน ในทีน่ จ้ี ะกลา่ วถงึ จริยธรรม ในความหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับข้อมูลและ สารสนเทศประเด็นตา่ งๆดงั น้ี รูปท่ี 2.18 การรบกวนความเป็นส่วนตัวโดยใช้ โทรศัพทม์ ือถือ http://www.apecthai.org/apec/upload/virus.jpg 2.5.1 ความเป็นสว่ นตวั เมือ่ ข้อมูลปรากกอยใู่ นโลกออนไลนม์ ากข้ึน ทาให้การรวบรวม ขอ้ มลู การเข้าถงึ การคน้ หา และการแบง่ ปนั ข้อมูลส่วนบุคคลเปน็ เรื่องท่ีสามารถทาได้งา่ ยและเร็ว ขึ้น ทาใหข้ ้อมูลบางประเภทท่มี ีความเป็นส่วนตวั สงู เชน่ เลขประจาตัวประชาชนวนั เดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ขอ้ มูลประวตั ิการรักษา อาจร่วั ไหลไปส่สู าธรณะได้ บางครง้ั ขอ้ มูลสว่ นตัว เหล่าน้ีอาจถกู นาไปใช้โดยผิดวัตถุประสงคข์ องเจ้าของ ข้อมูล เช่น ข้อมลู หมายเลขโทรศัพทม์ ือถือ

38 ซง่ึ ถกู เกบ็ ไว้โดยสถานพยาบาล อาจร่ัวไหลไปสู่บริษทั ทมี่ ีการประชาสมั พนั ธก์ ารขายผ่านโทรศัพทื มอื ถอื อาจทาใหเ้ จา้ ของหมายเลขโทรศัพทน์ ้นั ถูกรบกวนโดยไมไ่ ด้ตง้ั ใจ ดังรูปที่ 2.18 ก่อนจะเเผยแพรข่ ้อมลู ทกุ ครงั้ ตอ้ งคานึงถึงข้อมูลท่ีมีความเป็นสว่ นตัว ผลเสียจากการ เผยแพร่ข้อมลู เหล่าน้ี อาจย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนใหก้ บั ตนเองหรอื ผทู้ ่เี กย่ี วข้องได้ใน อนาคต เช่น นกั เรียนโพสตร์ ูปของตนเองและเพอ่ื นไวใ้ นเวบ็ ไซตเ์ ครือข่ายทางสังคม แตเ่ พือ่ นของ นักเรยี นอาจได้รับผลกระทบจากรูปนั้นกไ็ ด้ รปู ท่ี 2.19 ตัวอย่างการกาหนดสิทธิใ์ นการเขา้ ถงึ ข้อมลู ของผู้ใชแ้ ต่ละ กลมุ่ http://www.scc.ac.th/info/work/comsystem/changepasswd/chgpwd002.jpg ในบางกรณกี ารไมเ่ ปิดเผยข้อมูลอาจเปน็ ประโยชน์ต่อผใู้ ช้ได้ เชน่ ในการปรกึ ษาเกีย่ วกับ การแพทย์ เรื่องความผดิ ปกติทางเพศ หรือการเป็นโรคติดต่อรา้ ยแรง หากต้องเปิดเผยข้อมลู จรงิ เหล่าน้ี การใช้นามแฝงแทนจะเป็นวธิ กี ารทเ่ี หมาะสมท่ีสดุ ในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลแตก่ รณีเหล่านี้ จะไมส่ ามารถทาได้ในเว็บไซตท์ ่ีกาหนดให้กรอกข้อมลู จริง เพอ่ื สมคั รใช้บรกิ าร 2.5.2 สทิ ธ์ใิ นการเข้าถึงข้อมูล เพอื่ เปน็ การรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล ในการเก็บ ขอ้ มูลในฐานข้อมลู จะมกี ารกาหนดสทิ ธิ์ในการเข้าถงึ ข้อมูลของผู้ใช้ แต่ละกลุม่ โดยระบบจะ อนุญาตใหผ้ ใู้ ช้คนหนึ่งเข้าถงึ ข้อมูลต้องมกี ารตรวจสอบว่า จะให้เข้าถงึ ขอ้ มลู ใดได้บา้ ง หรือไม่มี สิทธใ์ิ นการเข้าถึงขอ้ มูลใดบ้าง ตัวอยา่ งเชน่ พนักงานแผนกการเงนิ ซ่ึงสามารถเขา้ ถึงข้อมูล เงนิ เดือน ไม่ควรได้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลประวัตสิ ่วนตัวของพนักงานทวั่ ไปได้ เป็นต้น ตวั อยา่ ง การกาหนดสิทธิ์ในการเข้าถงึ ข้อมูลของผูใ้ ช้แตล่ ะกลมุ่ ดงั รปู ที่ 2.19 หากการเข้าใชร้ ะบบเพือ่ เขา้ ถงึ ข้อมลู เป็นส่วนหนึง่ ของเร่อื งสิทธใ์ิ นการเข้า ถงึ ข้อมูล ดงั น้นั

39 สิทธ์ใิ นการเขา้ ระบบกจ็ ะจดั อย่ใู นเกณฑข์ อ้ นด้ี ว้ ย โดยปกติแลว้ การเข้าถึงระบบใดๆนั้น ผ้ใู ช้จะต้อง ได้รบั การอนุญาตจากผู้ดูแลระบบ (system administrator) ซึง่ มีหนา้ ที่คอยดูแล บารุงรักษา ระบบ ใหส้ ามารถทางานได้เปน็ ปกติ การเขาถึงข้อมูลโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต มีความผิดตาม พระราชบัญญัติวา่ ด้วยการกระทาความผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 ซงึ่ มผี ลบังคบั ใช้ตง้ั แต่ เดอื นกรกฏาคม พ.ศ. 2550เป็นต้นมา มีความผิดทีเ่ ก่ยี วข้องกบั เรื่องของสทิ ธิใ์ นการเข้าถงึ ขอ้ มลู หลายข้อ ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 5 ผใู้ ดเขา้ ถึงโดยมิชอบซงึ่ ระบบคอมพวิ เตอรท์ มี่ มี าตราการป้องกันการเขา้ ถึงโดย เฉพาะและมาตตรการนนั้ มิไดม้ ีไว้สาหรับตนต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดอื น หรือปรับไมเ่ กนิ หน่ึงหมนื่ บาท หรือท้ังจาทัง้ ปรบั มาตรา 7 ผใู้ ดเขา้ ถึงโดยมิชอบซ่ึงขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ทม่ี มี าตราการป้องกนั การเขา้ ถงึ โดยเฉพาะและมาตรการน้นั มไิ ดม้ ีไว้สาหรบั ตน ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสองปหี รือปรบั ไมเ่ กินส่ี หมนื่ บาทหรือทง้ั จาท้ัง ปรับ นอกจากนี้ยงั มีการระบคุ วามผิดท่เี กี่ยวข้องกับการดักรับข้อมลู ซง่ึ เดิน ทางอยู่ในระบบ เครอื ข่ายโดยการดกั รับนไ้ี มไ่ ด้รับอนญุ าต กม็ ีความผดิ เช่นกนั มาตรา 8 ผู้ใดกระทาดว้ ยประการใดโดยมชิ อบด้วยวิธกี ารทางอิเลก็ ทรอนิกส์เพ่ือดกั รบั ไว้ ซึง่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ของผอู้ ื่นทอ่ี ยูร่ ะหวา่ งการสง่ ในระบบคอมพวิ เตอร์ และข้อมลู คอมพิวเตอร์นัน้ มไิ ดม้ ไี ว้เพ่อื ประโยชน์สาธารณะหรือเพ่อื ให้บุคคล ท้ัวไปใชป้ ระโยชน์ได้ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน สามปีหรือปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรอื ทงั้ จาทั้งปรบั จะเห็นได้ว่า จากตวั อย่างของพระราชบัญญติว่าด้วยการกระทาผิดเกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 นน้ั การเข้าถึงระบบคอมพวิ เตอร์ของผู้อนื่ โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต มีความผิดท้งั จาคุกและ ปรับ ดังนน้ั ทุกคนต้องพงึ ระวงั การใช้คอมพวิ เตอร์และการเขา้ ใช้งานเครือข่าย แมว้ า่ การกระทา บางอย่างอาจไมใ่ ช่ความผิดข้ันร้ายแรงถงึ กับมโี ทษจาคุกหรอื ปรบั เงิน แต่การกระทาการใดๆ บน เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของเรานั้น อาจกอ่ ความราคาญหรอื รบกวนการใช้คอมพิวเตอร์ของผอู้ นื่ ได้ เช่นกนั 2.5.3 ทรัพยส์ ินทางปัญญา ในกระบวนการผลิตโปรแกรม ระบบปฎิบัติการ รูปภาพ เพลง หรอื หนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์ จาเป็นต้องใช้ตน้ ทุนสงู และใชเ้ วลาในการผลิตยาวนาน แตเ่ ม่ือสิ่ง เหลา่ นี้ปรากฎอย่ใู นรปู แบบของข้อมลู ดจิ ิทัล ผู้ใช้คนอื่นๆสามารถทาซ้าและนาไปใช้โดยไมไ่ ด้ จา่ ยเงนิ ให้กบั ผู้ผลิต ก่อใหเ้ กิดความเสียหายทางธุรกิจกับเจา้ ของขอ้ มูล ผู้ใช้จงึ ต้องพจิ ารณาขอบเขตของสทิ ธท์ิ ีต่ นเอง

40 ได้รบั ในข้อมลู ดังกล่าว และเป็นการสมควรหรือไม่ท่ีจะดาวนโ์ หลดและแจกจา่ ยข้อมลู ดจิ ิทลั เหลา่ น้ี นอกจากน้กี ารนาข้อความหรือรูปภาพจากสอ่ื อนิ เทอรเ์ น็ตมาใช้ จะต้องมีการอ้างอิง แหล่งข้อมูลใหถ้ ูกต้อง ยกตวั อยา่ งเช่น การคัดลอกข้อความหรือรปู ภาพจากเวบ็ ประกอบในการทา รายงาน โดยไมอ่ า้ งอิงแหล่งที่มา ดงั รูปท่ี 2.20 ถอื วา่ เปน็ การกระทาทร่ี นุ แรงตามหลักจริยธรรม สากลของการนาข้อมลู ไปใช้ รปู ท่ี 2.20 ตวั อยา่ งการคัดลอกข้อความ หรือภาพประกอบการทารายงานโดยไมอ่ า้ งอิงแหล่งท่ีมา http://www.junjaowka.com /verse/3.3.50/01.jpg credit: http://www.thaigoodview.com/node/82883

41 บทท3ี่ คอมพิวเตอรส์ ่วนบุคคล 3.1 องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ (computer) เป็นอปุ กรณท์ ปี่ ระกอบด้วยวงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์และไอซี (Integrated Circuit : IC) ตา่ งๆ มากมาย ซึง่ สามารถจดจา ประมวลผลข้อมลู เปรยี บเทียบ ตัดสนิ ใจทางตรรกศาสตร์คานวณทางคณิตศาสตร์ สามารถใชช้ ่วยในการออกแบบและสร้างงาน กราฟกิ ได้ อีกท้งั ยังตอบสนองความต้องการดา้ นอืน่ ๆ ได้อย่างหลากหลาย คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบพน้ื ฐาน 5 หน่วย ได้แก่ หน่วยรับเขา้ (input unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หนว่ ยความจา (memory unit) หน่วย ส่งออก (output unit) และหนว่ ยเก็บข้อมูล (storage unit) แต่ละหนว่ ยทาหนา้ ท่ปี ระสานกนั รปู ที่3.1 องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ 3.2 หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ การทางานของคอมพวิ เตอร์จะเร่มิ จากผใู้ ชป้ ้อนข้อมลู ผา่ นทางอุปกรณข์ องหน่วยรับเข้า (input device) เช่น คียบ์ อร์ด เมาส์ ข้อมูลจะถูกเปล่ยี นใหเ้ ป็นสัญญาณดจิ ิทลั ซ่ึงประกอบด้วย 0 และ 1 แล้วสง่ ตอ่ ไปยงั หนว่ ยประมวลผลกลาง เพ่อื ประมวลผลตามคาส่งั ในระหวา่ งการ ประมวลผล หากมีคาสัง่ ให้นาผลลัพธ์จากการประมวลผลไปจดั เกบ็ ในหนว่ ยความจา ขอ้ มูล ดงั กลา่ วจะถูกส่งไปยังแรม (Random Access Memory : Ram) ซึ่งทาหนา้ ทีเ่ ก็บข้อมูลจากการ

42 ประมวลผลเปน็ การชวั่ คราว ขณะเดียวกัน อาจมีคาสง่ั ให้นาผลลพั ธจ์ ากการประมวลผลดงั กลา่ ว ไปแสดงผลผ่านทางอปุ กรณ์ของหน่วยสง่ ออก เช่น จอภาพ หรือเคร่อื งพิมพ์ นอกจากน้ีเราสามารถ บนั ทกึ ข้อมูลที่อยู่ในแรมลงในอุปกรณ์ของหน่วยเก็บข้อมูล เชน่ แผ่นบันทึก แผ่นซดี ี เพือ่ นาข้อมูล ดังกล่าวกลบั มาใช้อกี ในอนาคต โดยการอา่ นข้อมลู ที่บันทึกในส่ือดงั กล่าวผ่านทางเคร่ืองขับหรือ ไดร์ฟ (drive) การส่งผ่านข้อมูลไปยงั หน่วยต่างๆ ภายในระบบคอมพวิ เตอรผ์ า่ นทางระบบบสั (bus) รูปท่ี3.2 การทางานของคอมพิวเตอร์ 3.2.1 ซพี ียู และการประมวลผลขอ้ มูล ซีพียู (Central Processing Unit : CPU) มีลกั ษณะเป็นชปิ (chip) ท่ีติดตง้ั อยู่ บนเมนบอรด์ ภายในเครื่องคอมพวิ เตอร์ ซงึ่ ชิปดงั กลา่ วเป็นสารกึง่ ตัวนาขนาดเลก็ ภายในบรรจุ วงจรอเิ ล็กรอนกิ ส์ตา่ งๆ ไว้มากมาย โดยวงจรจะประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กเป็นจานวน มาก บางคร้งั จงึ เรยี กชิปต่างๆ วา่ ไอซี

43 รูปท่ี3.3 ตัวอย่างของซีพียู ในอดีติซีพียูจะมีขนาดใหญ่ แต่ในปจั จบุ นั เม่ือนาสารก่งึ ตวั นามาใช้กท็ าให้ซพี ียูถกู พฒั นาให้ มขี นาดเลก็ ลง โดยรวมวงจรต่างๆ ไวใ้ นชิปเพยี งตัวเดยี วเรยี กวา่ ไมโครโพรเซสเซอร์ (microprocessor) ซ่งึ กลา่ วไดว้ ่าคอมพวิ เตอรใ์ นปัจจุบันมีไมโครโพรเซสเซอร์เป็นซพี ียู ภายในไม โครโพรเซสเซอรป์ ระกอบด้วยส่วนประกอบที่สาคญั สองส่วนคือ หน่วยควบคมุ และหน่วยคานวณ ตรรกะ หรอื ที่เรียกสัน้ ๆวา่ เอแอลยู วงรอบการทางานของคาส่ัง (machine cycle)

44 การทางานของคอมพวิ เตอรจ์ ะต้องทาตามโปรแกรมทกี่ าหนดไวใ้ นหน่วยความจา โดย โปรแกรมเกดิ จากการนาคาส่ังมาต่อเรียงกัน เม่ือคอมพิวเตอร์ทางาน หน่วยควบคมุ ทาการอ่าน คาสัง่ ตา่ งๆ เข้ามาประมวลผลในซีพียู โดยวงรอบของการทาคาสั่งของซีพยี ูประกอบด้วยขน้ั ตอน การทางานพื้นฐาน 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี 1. ข้นั ตอนการรับเข้าข้อมลู (fetch) เรม่ิ แรกหนว่ ยควบคุมรับรหัสคาสัง่ และข้อมลู ทจ่ี ะ ประมวลผลจากหน่วยความจา 2. ข้นั ตอนการถอดรหัส (decode) เมอ่ื รหสั คาส่ังเขา้ มาอยู่ในซพี ียูแล้ว หน่วยควบคมุ จะ ถอดรหสั คาส่งั แล้วส่งคาสง่ั และข้อมูลไปยงั หน่วยคานวณและตรรกะ 3. ขน้ั ตอนการทางาน (execute) หนว่ ยคานวณและตรรกะทาการคานวณโดยใช้ขอ้ มลู ที่ ได้รบั มาถอดรหสั คาสงั่ และทราบแลว้ วา่ ต้องทาอะไร ซพี ียูกจ็ ะทาตามคาส่งั นัน้ 4. ข้ันตอนการเกบ็ (store) หลังจากทาคาส่ังกจ็ ะเกบ็ ผลลพั ธท์ ่ีได้ไวใ้ นหน่วยความจา ซพี ยี ยู ุคเกา่ การทาคาส่งั แตล่ ะคาสั่งจะตอ้ งทาวงรอบคาสัง่ ใหจ้ บกอ่ น จากน้ันจึงทาวงรอบ คาสั่งของคาสั่งต่อไป สาหรับซีพียูในยคุ ปัจจบุ นั ได้มีการพัฒนาใหท้ างานไดเ้ ร็วข้นึ โดยมกี ารแบง่ วงรอบคาส่ังน้ีเป็นวงรอบย่อยๆ อีก มกี ารนาเทคนคิ การทางานแบบสายท่อ (pipeline) มาใช้ โดย ขณะทท่ี าวงรอบคาสงั่ แรกอยู่ ก็มีการอ่านรหัสคาสัง่ ของคาส่งั ถัดไปเข้ามาด้วย ซึง่ จะทาให้การ ทางานโดยรวมของซีพียเู รว็ ขึ้นมาก หนว่ ยควบคุม (control unit) เปน็ หน่วยทีท่ าหน้าทป่ี ระสานงาน และควบคุมการทางาน ของคอมพิวเตอร์ ควบคมุ ให้อุปกรณร์ บั ข้อมูล สง่ ข้อมลู ไปท่หี น่วยความจา ตดิ ต่อกับอปุ กรณ์ แสดงผลเพ่ือสั่งให้นาข้อมลู จากหน่วยความจาไปยงั อปุ กรณแ์ สดงผล โดยหนว่ ยควบคุมของ คอมพิวเตอร์จะแปลความหมายของคาสั่งในโปรแกรมของผุใ้ ช้ และควบคมุ ให้อุปกรณ์ตา่ งๆ ทางานตามคาส่งั นั้นๆ หนว่ ยคานวณและตรรกะ หรอื เอแอลยู (Arithmetic-Logic Unit : ALU) เป็นหนว่ ยท่ี ทาหน้าท่ีในการคานวณต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ การบวก ลบ คณู หาร และเปรียบเทยี บทาง ตรรกะ เพื่อทาการตัดสนิ ใจ เช่น การเปรียบเทยี บขอ้ มูล การเปรยี บเทยี บว่าจรงิ หรือเท็จ การทางานของเอแอลยู จะรบั ข้อมูลจากหน่วยความจามาไวใ้ นท่ีเกบ็ ชั่วคราวของเอแอลยูที่ เรียกวา่ เรจสิ เตอร์ (register) เพื่อทาการคานวณแล้วสง่ ผลลพั ธก์ ลับไปยงั หนว่ ยความจา

45 รูปที่3.4 หน่วยความจาแบบแฟลซทอี่ ยบู่ นเมนบอรด์ 3.2.2 หนว่ ยความจา และการจดั เกบ็ ขอ้ มลู หนว่ ยความจา (memory unit) เป็นส่วนประกอบท่ีสาคัญบนเมนบอร์ดท่ที างาน ร่วมกับซพี ยี โู ดยตรง หน่วยความจาแบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คอื 1) หน่วยความจาแบบไมส่ ามารถลบเลอื นได้ (non volatile memory) เป็น หนว่ ยความจาท่สี ามารถเก็บข้อมลุ ได้ แม้ว่าไมม่ ีกระแสไฟฟา้ หลอ่ เลีย้ ง ตัวอยา่ งของ หนว่ ยความจาชนิดนี้ เช่ีน รอม และหนว่ ยความจาแบบแฟรซ - รอม (Read Only Memory : ROM) เป็นหนว่ ยความจาแบบอา่ นไดอ้ ย่างเดียวไม่ สามารถลบและเขยี นข้อมลู ใหม่ได้ - หน่วยความจาแบบแฟรซ (flash memory) เป็นหน่วยความจาท่ีสามารถลบและเขยี น ข้อมลู ใหมไ่ ด้ ในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์มกี ารใชร้ อมในการเก็บไบออส (Basic Input Output System : BIOS) ไบออสทาหน้าทเี่ ก็บข้อมูล โปรแกรมและคาสง่ั พ้นื ฐานทีส่ าคัญในการเร่ิมต้นกระบวนการ บูต (boot) ของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ แต่ในปจั จุบนั ได้เปลย่ี นมาใช้หน่วยความจาแบบแฟรซในการ

46 เกบ็ ไบออสแทน 2) หนว่ ยความจาแบบลบเลอื นได้ (volatile memory) เป็นหนว่ ยความจาที่ตอ้ งใช้ กระแสไฟฟ้าหล่อเล้ยี งเพ่อื เก็บข้อมูล หากเกิดไฟฟา้ ดับ ข้อมูลและโปรแกรมคาส่งั จะสูญหายไป หนว่ ยความจาชนิดนี้ เชน่ แรม แรม (Random Access Memory : RAM) สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สแตติกแรม หรือเอสแรม (Static RAM : SRAM) มักพบในตวั ซีพยี ทู าหน้าทเ่ี ปน็ หน่วยความจาภายในซพี ยี ูท่ีเรียกว่าหนว่ ยความจาแคช ซึ่งจะมีความเรว็ สูงกวา่ ไดนามิกแรม 2. ไดนามกิ แรม หรอื ดีแรม (Dynamic RAM : DRAM) เป็นหน่วยความจาทีใ่ ช้ในการจดจา ข้อมลู และโปรแกรมตา่ งๆ ที่อยูร่ ะหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เป็นหนว่ ยความจาทีม่ ีอยู่ ในเคร่อื งคอมพิวเตอรส์ ่วนบุคคล หรือพซี ีมากทสี่ ุด เนือ่ งจากราคาไม่แพงและมีความจสุ งู รูปที่3.5 ก เอสแรม รปู ที่3.5 ข ดแี รม ในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เช่น ถ้าต้องการใหค้ อมพิวเตอรแ์ สดงผลการบวกตวั เลข สองจานวน ซีพียูจะต้องติดต่อกับแรมท่ใี ช้เก็บชุดคาส่งั และข้อมูลต่างๆ ไว้

47 รูปท่ี3.6 แสดงผลชดุ คาสงั่ ทผี่ า่ นการประมวลผลจากซพี ียู 3.2.3 ระบบบัสกับการทางานรว่ มกันของคอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์ต่างๆ ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์น้ัน มเี มนบอร์ดท่ีสามารถตดิ ต้งั อปุ กรณต์ ่างๆ เชน่ ซีพยี ู หนว่ ยความจาและฮารด์ ดสิ ก์ โดยการสง่ ข้อมลู และคาสง่ั ระหวา่ งอปุ กรณ์ จะอยู่ในรูปของ สัญญาณไฟฟา้ ทถี่ กู สง่ ผา่ นระบบสง่ ถ่ายข้อมูลที่เรียกวา่ บัส (bus)

48 รูปท่ี3.7 ระบบบัส ขนาดของบสั (bus width) กาหนดโดยจานวนบติ ท่ีคอมพิวเตอร์สามารถถ่ายโอนขอ้ มูลได้ ในหน่งึ ครั้ง ตัวอยา่ งเช่น บัส 32 บิต สามารถรับสง่ ข้อมลู ไดค้ รง้ั ละ 32 บติ บัสขนาด 64 บิต สามารถรับส่งขอ้ มูลได้คร้งั ละ 64 บิต เป็นตน้ บัสทมี่ จี านวนบิตมากจะทาใหก้ ารรับสง่ ข้อมูลของ ระบบคอมพิวเตอร์ทาไดเ้ รว็ ข้ึน การบอกความเร็วบัสมกั วัดเป็นจานวนคร้งั ทรี่ ับสง่ ข้อมูลได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ซึ่งมีหน่วยเป็น เฮิรตซ์ (Hz) เชน่ บัสทีม่ ีความเรว็ 1 MHz หมายความวา่ บัสนี้สามารถรับส่งข้อมูลได้หน่งึ ล้านคร้ัง ตอ่ วินาที เครื่องคอมพิวเตอร์ทพ่ี บในปจั จุบันจะมคี ่าความเรว็ บัสเป็น 667,800,1066 หรอื 1333 MHz ถา้ ความเร็วบัสมีคา่ มากหมายความว่าสามารถรบั ส่งข้อมูลได้เรว็ กจ็ ะทาใหเ้ วลาการทางาน ของโปรแกรมเร็วข้ึนไปด้วย 3.3 การเลือกซอื้ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ใหเ้ หมาะสมกบั งาน เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ในปจั จบุ นั ได้พฒั นาเทคโนโลยีให้สามารถประมวลผลไดเ้ ร็วข้ึน แต่ราคา ถูกลงกวา่ แต่ก่อนมาก การเลอื กซ้ือเคร่ืองคอมพิวเตอร์มาใชง้ านทาไดง้ ่าย มใี หเ้ ลอื กหลายรุน่ ตาม รา้ นคา้ ท่วั ไป แตผ่ ูใ้ ช้งานควรพจิ ารณาว่าจะนาคอมพวิ เตอรม์ าใช้เพ่ือทางานด้านใด เนอื่ งจาก เคร่ืองคอมพิวเตอรม์ ีทง้ั แบบที่ใชไ้ ดก้ บั งานทกุ ประเภท หรือใช้งานเฉพาะด้าน แม้ว่าราคาเคร่ือง และอปุ กรณต์ ่างๆ จะถกู ลง แตผ่ ุ้ใช้ควรเลอื กเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทีเ่ หมาะสมกับการใช้งานเพ่อื ให้

49 คมุ้ ค่ากบั จานวนเงนิ ตัวอยา่ งของการเลือกซอ้ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ตามลกั ษณะของงานแตล่ ะ ประเภท เชน่ - งานเอกสาร หรืองานในสานกั งาน เปน็ การใชค้ อมพวิ เตอร์สาหรบั จัดการด้านเอกสาร รายงาน ตกแต่งภาพ ทาการ์ดอเิ ล็กทรอนิกส์ ดูภาพยนตร์หรอื ส่อื ทางการศกึ ษา ติดต่อส่อื สาร ค้นหาข้อมูลผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต ใชซ้ อฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ เชน่ ซอฟต์แวร์ประมวลคา และซอฟต์แวร์ ตารางทางาน เครือ่ งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานประเภทนไี้ มจ่ าเป็นต้องใช้ซีพยี ทู ี่มีความเร็วสงู คือ ประมาณ 1GHz ขึ้นไป แต่ควรมีแรมอย่างน้อย 1GB และอาจเลอื กใชจ้ อภาพแบบแอลซดี ขี นาด ใหญ่ 17-19 นว้ิ เพือ่ ถนอมสายตา เน่อื งจากลักษณะงานต้องจอ้ งมองจอภาพตลอดเวลา - งานกราฟิก เปน็ การใช้คอมพิวเตอร์สาหรับการตกแต่งและออกแบบภาพ และมีการเรียน ใช้งานกราฟกิ หลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกนั ใชซ้ อฟต์แวร์กราฟิกในการสร้างชนิ้ งาน เชน่ งาน ส่ิงพิมพ์ งานนาเสนอแบบมัลติมเี ดยี สรา้ งเวบ็ ไซต์ ตดิ ต่อส่ือสารผ่านอินเทอรเ์ น็ต โดยมีการรบั -ส่ง ข้อมูลจานวนมาก ท่ีมีทั้งภาพ เสยี ง ภาพเคล่ือนไหว เคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีใชใ้ นงานประเภทน้ี จาเป็นต้องมซี พี ียทู ่ีมคี วามเร็วอยู่ในระดับปานกลางถงึ ค่อนข้างสงู ประมาณ 2 GHz ข้ึนไป ใช้แรม อย่างน้อย 2 GB ขนึ้ ไป และมฮี ารด์ ดิสก์ทมี่ ีความจสุ ูงเพื่อใชใ้ นการเก็บข้อมลู จานวนมาก - งานออกแบบท่ตี อ้ งแสดงผลเปน็ 3 มติ ิ เปน็ การใช้คอมพิวเตอรใ์ นการออกแบบภาพ 3 มติ ิ สรา้ งภาพยนตร์ สร้างการ์ตนู แอนเิ มช่ัน (animation) ตดั ต่อวีดิทัศน์ ตัดต่อเพลง เลน่ เกมท่ีมี ภาพกราฟฟกิ สูง และงานประเภทน้ีตอ้ งการเครื่องคอมพวิ เตอร์ที่มคี วามสามารถในการคานวณ และแสดงภาพความละเอียดสงู สุดได้ ดังน้นั ควรเลือกซพี ยี ทู ี่มีความเร็วสูงไมน่ อ้ ยกว่า 2 GHz มี แรมอยา่ งน้อย 4 GB การด์ จอแสดงผลทส่ี ามารถแสดงภาพทีม่ คี วามละเอียดสงู ได้ดี ควรใช้ จอภาพขนาดไมต่ ่ากว่า 24 น้ิว และควรมีเคร่ืองสารองไฟเนื่องจากการทางานประเภทน้ี คอมพวิ เตอรจ์ ะต้องใชเ้ วลาในการประมวลผลนาน ถ้าหากไฟดบั หรือไฟกระตกุ จะไม่สะดวกในการ เริม่ งานใหม่ 3.4 การเลือกซ้อเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์ สาหรับผู้เริม่ ใช้คอมพิวเตอร์ ไมค่ วรซื้ออุปกรณ์มาประกอบเครื่องคอมพวิ เตอร์เอง ควรเลือก เครื่องคอมพวิ เตอรท์ ่จี ัดขายเป็นชุดให้แลว้ และเลือกซอ้ื จากบริษัทท่ีเชื่อถือได้ เนือ่ งจากผผู้ ลติ ได้ เลือกอุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมาะสมมาประกอบเปน็ เครื่องคอมพิวเตอร์อย่แู ล้ว

50 รูปที่3.8 ตัวอย่างชดุ เซ็ตคอมพิวเตอร์ สาหรบั ผ้ใู ชท้ ่ีต้องการเลอื กซอื้ ชิ้นสว่ นต่างๆ มาประกอบเปน็ เครื่องคอมพวิ เตอร์ตามที่ ตอ้ งการหรอื เพื่อปรับปรงุ อปุ กรณ์บางอยา่ ง เชน่ ซพี ยี ู เมนบอร์ด และแรม อุปกรณ์เหล่านม้ี กี าร ปรบั เปลย่ี นเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว หลักในการพิจารณาเลือกซื้ออปุ กรณแ์ ตล่ ะชนิดมีดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook