Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาประถม ป.1-6 2565

หลักสูตรสถานศึกษาประถม ป.1-6 2565

Published by netnapit89, 2022-07-21 01:17:32

Description: หลักสูตรสถานศึกษาประถม ป.1-6 2565

Search

Read the Text Version



๒ หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนวดั บ้านโป่ง “สามัคคีคณุ ูปถัมภ”์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖ สำนักงานศึกษาธิการจังหวดั ราชบุรี สงั กดั สำนักงานคณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษาเอกชน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



๔ คำนำ หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” เป็นหลักสูตรระดับสถานศึกษาท่ีพัฒนาจาก หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมในสาระภูมิศาสตร์ โดยมี สาระและมาตรฐานเป็นกรอบ และทิศทางในการพัฒนาเป็นหลักสูตรสถานศึกษาที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พนั ธกิจ เป้าหมาย นโยบายและจุดเน้นของสถานศึกษา ตอบสนองความต้องการของชมุ ชนและท้องถ่ิน เพื่อใช้ ในการจัดการศึกษามุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความประพฤติดี ความรู้ดี ความสามารถดี สามารถดำรงชีวิต ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขบนพ้ืนฐานคุณธรรมและความเป็นไทย นอกจากน้ีโรงเรียนได้กำหนดจุดเน้นใน การพัฒนาตามแนวโรงเรียนวิถีพุทธและโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา โดยจัดรายวิชาเพิ่มเติม ท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรมของผู้เรียน และการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ท่ีสำคัญของผู้เรียน ดา้ นคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และคอมพิวเตอร์ มีการบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การจัดทำหลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” ฉบับนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้บริหาร และคณะครู โรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” ซ่ึงเป็นผู้มีความรู้ และประสบการณ์ในการดำเนินการจัดทำและ พิจารณาหลักสูตรให้เกิดความถูกต้อง สมบูรณ์สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) นำไปจัดการเรียนรู้ ให้กบั ผู้เรียนได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ โรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตรโรงเรียนฉบับนี้ จะส่งผลต่อ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิตและสามารถ ดำรงชีวิตในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข โรงเรียนวดั บา้ นโปง่ “สามคั คีคุณปู ถัมภ์” ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕

สารบญั ๕ คำนำ หนา้ บทนำ วิสัยทศั น์ ๑ หลกั การ ๒ จดุ หมาย ๒ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๒ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๓ มาตรฐานการเรียนรู้ ๓ ตัวชีว้ ัด ๔ สาระการเรยี นรู้ ๔ ความสัมพันธข์ องการพฒั นาผู้เรยี น ๖ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ๗ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๘ โครงสร้างเวลาเรียน ๑๓ โครงสร้างหลกั สตู ร ๑๗ การวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑๗ คำอธิบายรายวิชา ๒๗ - ภาษาไทย ๔๗ - คณิตศาสตร์ ๕๕ - วิทยาศาสตร์ ๖๓ - สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๗๓ - สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๑๐๑ - ศลิ ปะ ๑๑๑ - การงานอาชพี ๑๒๐ - ภาษาตา่ งประเทศ ๑๒๖ ภาคผนวก คำสัง่ กระทรวงศึกษาธกิ ารท่ี ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ๑๔๔ คำส่งั กระทรวงศึกษาธกิ ารที่ ๓๐/๒๕๖๑ ๑๔๕ คำส่ังกระทรวงศึกษาธิการท่ี ๙๒๑/๒๕๖๑ ๑๔๖ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ๑๔๘ ประกาศคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ๑๕๒

๑ บทนำ ความหมาย การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพ่ือพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพคนของชาติให้สามารถเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการยกระดับ คุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลสอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ และ โลกในศตวรรษท่ี ๒๑ กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงได้ดำเนินการทบทวน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยนำข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ มาใช้เป็น กรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสตู รให้มีความเหมาะสมชัดเจนย่ิงขึ้น ในระยะสั้นเห็นควรปรับปรุงหลักสูตร ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มี ความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่าง รอบคอบและถ่ีถ้วน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการบูรณาการ กับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมที่นำไปสู่การคิดค้นส่ิงประดิษฐ์ หรือสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การใช้ ทักษะการคิดเชิงคำนวณ ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี และการส่ือสารในการแก้ปัญหาที่ พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะ กระบวนการ และเคร่ืองมือทาง ภูมิศาสตร์ เรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ ท่ีอยูร่ อบตวั อย่างเข้าใจสภาพท่ีเป็นอยู่และการเปลยี่ นแปลง เพือ่ นำไปสู่การจัดการ และปรับใช้ในการดำรงชวี ติ และการประกอบอาชีพอยา่ งสรา้ งสรรค์ ท้ังนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สถานบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) รับผิดชอบในการปรับปรุงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และสาระ เทคโนโลยีในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ซึ่งตอ่ มาไดผ้ นวกรวมอยูใ่ นกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐานรบั ผดิ ชอบปรบั ปรุงสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระ การเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดการเรียนรู้ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับนี้ จัดทำข้ึนเพ่ือให้สถานศึกษาทุกสังกัดท่ีจัดการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน ใช้เป็นกรอบในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเป็นแนวทางให้ ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน และมีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนบรรลุตาม เปา้ หมายที่กำหนดไว้ จากความสำคัญดังกล่าว โรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” จึงได้จัดทำเอกสารหลักสูตร โรงเรยี นวัดบ้านโป่ง “สามคั คีคณุ ปู ถมั ภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยกำหนดกรอบทิศทางในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาควบคู่การพัฒนาการเรียนรู้ด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จิตใจ สังคม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มี คณุ ภาพและมาตรฐานระดับสากลสอดคล้องกบั ประเทศไทย ๔.๐ และโลกในศตวรรษที่ ๒๑

๒ วิสัยทศั นข์ องหลักสตู ร หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองท่ีมี คณุ ภาพ ตามมาตรฐานการศกึ ษาควบคู่การพัฒนาการเรยี นรู้ดา้ นร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ จิตใจ สังคม และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยกระดับคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ และโลกในศตวรรษที่ ๒๑ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมไทย และอาเซียนได้อย่างมีความสุข และยั่งยืน บนพืน้ ฐานของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนววถิ พี ุทธ หลักการ หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มหี ลกั การสำคัญ ดังน้ี ๑. เป็นหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา ควบคูก่ ารพัฒนาการเรยี นรู้ด้านรา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ จิตใจ สังคม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๒. เปน็ หลักสูตรสถานศกึ ษาทใี่ หโ้ อกาสเยาวชนทุกคนไดร้ บั การศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคณุ ภาพ ๓. เป็นหลักสูตรสถานศึกษาท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔. เปน็ หลักสตู รสถานศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดยุน่ ดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาเรียนตามบรบิ ทของโรงเรียน และทอ้ งถน่ิ ๕. เป็นหลกั สูตรสถานศึกษาเพอ่ื การดำเนนิ ชีวิตตามวถิ ีพุทธ และหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดหมาย หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นคนดี มีคุณภาพ มีทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดต่อส่ือสาร กระบวนการ เรียนทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์ และสมดุล ทั้งในด้าน ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและแนววิถีพทุ ธ ดงั นี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนววถิ พี ทุ ธ ๒. มีความรู้ ความสามารถ และทกั ษะชวี ิตเพื่อใช้ในการศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ ๓. มสี ุขภาพกาย สุขภาพจิตทด่ี ี มีนิสัยรกั การออกกำลงั กาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิต และการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจติ สาธารณะทมี่ งุ่ ทำประโยชน์ สรา้ งสิง่ ทดี่ งี ามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอยา่ งมีความสขุ

๓ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มงุ่ พฒั นาผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลด ปัญหาความขดั แย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลอื กใชว้ ธิ ีการส่อื สาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสกู่ ารสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพอื่ การตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และ การเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปญั หา และมกี ารตดั สินใจทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่เี กดิ ขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิง่ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงานและการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรู้จกั หลีกเลยี่ งพฤติกรรม ไม่พงึ ประสงคท์ ี่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อนื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ต้องเหมาะ สม และมีคุณธรรม คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพ่อื ให้สามารถอยูร่ ่วมกับผ้อู น่ื ในสังคมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซ่อื สัตย์สจุ รติ ๓. มวี ินัย ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง ๖. มุง่ ม่นั ในการทำงาน ๗. รักความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ

๔ มาตรฐานการเรยี นรู้ การพฒั นาผู้เรยี นให้เกดิ ความสมดุล ต้องคำนึงถงึ หลกั พัฒนาการทางสมอง และพหุปัญญา หลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน จึงกำหนดใหผ้ ู้เรียนเรยี นรู้ ๘ กลุม่ สาระการเรียนรู้ ดงั น้ี ๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๕. สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชพี ๘. ภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรยี นรู้เปน็ เปา้ หมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน มาตรฐานการเรียนรู้ ระบุส่ิงที่ผู้เรียนพึงรู้ และปฏิบัติได้ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประ สงค์ ท่ีต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียนเม่ือจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นอกจากนั้น มาตรฐานการเรียนรู้ ยังเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาท้ังระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่า ต้องการอะไร ต้องสอนอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพ่ือการประกัน คุณภาพการศึกษา โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายใน และการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึง การทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพ่ือประกันคุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญท่ีชว่ ยสะท้อนภาพการจัด การศึกษาวา่ สามารถพัฒนาผเู้ รยี นให้มีคณุ ภาพตามทมี่ าตรฐานการเรยี นรูก้ ำหนดเพยี งใด ตัวชีว้ ัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้ และปฏิบัติได้ รวมท้ังคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ซ่ึงสะท้อน ถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ในการกำหนดเนื้อหา จัดทำ หนว่ ยการเรียนรู้ จดั การเรยี นการสอน และเกณฑส์ ำคญั สำหรบั การวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรยี น ๑. ตวั ชวี้ ัดชน้ั ปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละปใี นระดับการศกึ ษาภาคบังคับ (ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ถงึ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓) ๒. ตัวช้ีวัดช่วงชัน้ เป็นเปา้ หมายในการพฒั นาผู้เรียนในระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (มธั ยมศึกษา ปที ่ี ๔ – ๖)

๕ หลักสูตรได้มีการกำหนดรหัสกำกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เพื่อความเข้าใจ และใช้ส่ือสาร ตรงกัน ดังนี้

๖ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับข้ันพ้ืนฐานจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้

๗ ความสัมพันธ์ของการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน

๘ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดมาตรฐานการเรยี นรู้ใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน ๓๒ สาระ ๕๗ มาตรฐาน ดังนี้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (๕ สาระ ๕ มาตรฐาน) สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพือ่ นาไปใช้ แก้ปัญหาใน การดำเนิน ชีวติ และมนี ิสัยรกั การอา่ น สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวใน รูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมี ประสิทธิภาพ สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ สาระท่ี ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิ ของชาติ สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ คา่ และนามาประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ (๓ สาระการเรยี นรู้ ๗ มาตรฐานการเรยี นรู้) สาระท่ี ๑ จำนวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของ จำนวน ผลท่ีเกิดขึ้นจากการดำเนินการ สมบตั ิของการดำเนนิ การ และนำไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ นั ลำดับและอนุกรม และนำไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ ิพจน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือช่วยแก้ปัญหาท่ี กำหนดให้ สาระท่ี ๒ การวดั และเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพืน้ ฐานเก่ยี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงที่ต้องการวัดและนำไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ขิ องรปู เรขาคณติ ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนำไปใช้ สาระที่ ๓ สถิติและความน่าจะเปน็ มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ิในการแกป้ ญั หา มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลกั การนบั เบื้องต้น ความนา่ จะเปน็ และนำไปใช้

๙ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๓ สาระ ๑๐ มาตรฐาน) สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธ์ระหว่างสง่ิ ไม่มชี ีวติ กับสิ่งมีชีวิต และความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่งิ มีชวี ิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถา่ ยทอด พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนทใ่ี นระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหา และผลกระทบทมี่ ตี อ่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปญั หาสิ่งแวดล้อม รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมชี ีวติ การลำเลียงสารเขา้ และออก จากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละ มนุษยท์ ที่ ำงานสมั พนั ธก์ นั ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ที่ทำงานสัมพนั ธก์ นั รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมผี ลต่อสิง่ มีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ิต รวมท้ังนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ อง การเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงทกี่ ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะ การเคล่อื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ทีเ่ กยี่ วข้องกับเสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของ เอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสุริยะที่สง่ ผลต่อสิ่งมชี วี ติ และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ และภมู อิ ากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ สิ่งมีชวี ิตและสงิ่ แวดล้อม สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวติ ในสงั คมท่ีมี การเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์ อ่ืน ๆ เพือ่ แก้ปญั หาหรอื พฒั นางานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อ ชวี ติ สังคม และสง่ิ แวดล้อม

๑๐ มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม (๕ สาระ ๑๑ มาตรฐาน) สาระท่ี ๑ ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ทตี่ นนบั ถอื และศาสนาอน่ื มศี รัทธาที่ถกู ต้อง ยดึ มน่ั และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพอื่ อยูร่ ่วมกนั อย่างสันตสิ ขุ มาตรฐาน ส๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนกิ ชนทด่ี ี และธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ สาระที่ ๒ หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและปฏิบัตติ นตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมอื งดี มคี า่ นิยมที่ดงี ามและธำรง รกั ษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทย และ สังคมโลก อย่างสันติสขุ มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยดึ มนั่ ศรทั ธา และธำรงรกั ษาไว้ ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในการผลติ และการบริโภค การใช้ ทรพั ยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเขา้ ใจหลกั การของ เศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือการดำรงชวี ติ อยา่ งมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เขา้ ใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ความสมั พันธ์ทางเศรษฐกจิ และความ จำเป็นของการร่วมมือกนั ทางเศรษฐกจิ ในสังคมโลก สาระท่ี ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรม์ าวิเคราะหเ์ หตุการณต์ ่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถงึ ปจั จุบัน ในดา้ นความสัมพนั ธแ์ ละ การเปลยี่ นแปลงของเหตุการณ์อยา่ งต่อเน่ือง ตระหนักถงึ ความสำคญั และสามารถ วิเคราะห์ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภมู ิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมใิ จ และธำรงความเปน็ ไทย สาระท่ี ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เขา้ ใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธข์ องสรรพส่ิงซง่ึ มี ผลตอ่ กนั ใช้ แผนที่และเครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมลู ตาม กระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ ูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างมนุษย์กับส่งิ แวดล้อมทางกายภาพท่กี ่อให้เกิดการสรา้ ง สรรคว์ ิถีการดำเนนิ ชีวติ มจี ติ สำนึกและมีสว่ นร่วมในการจัดการทรัพยากร และ ส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพฒั นาท่ยี ่งั ยืน

๑๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (๕ สาระ ๖ มาตรฐาน) สาระที่ ๑ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนุษย์ สาระท่ี ๒ ชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทกั ษะในการดำเนินชีวติ สาระที่ ๓ การเคลอ่ื นไหว การออกกาลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เขา้ ใจ มที ักษะในการเคล่ือนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกกำลงั กาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ัติเปน็ ประจำอย่าง สม่ำเสมอ มวี นิ ยั เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มจี ิตวญิ ญาณในการแข่งขนั และชื่นชมในสนุ ทรยี ภาพของการกีฬา สาระท่ี ๔ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คุณคา่ และมีทักษะในการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกนั โรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวติ มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกันและหลกี เลยี่ งปจั จยั เสย่ี ง พฤตกิ รรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบตั เิ หตุ การใชย้ าสาร เสพติด และความรนุ แรง สาระการเรยี นรู้ศิลปะ (๓ สาระ ๖ มาตรฐาน) สาระที่ ๑ ทศั นศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์ตามจนิ ตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคา่ งานทัศนศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศลิ ปะอยา่ งอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งทัศนศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ ค่างาน ทศั นศลิ ป์ท่ีเปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภูมิปัญญาไทยและสากล สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ยา่ งสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วิจารณ์คุณคา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดต่อดนตรอี ย่างอสิ ระ ชื่นชม และประยุกตใ์ ช้ใน ชีวิตประจำวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คุณค่าของ ดนตรที เี่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณค์ ณุ ค่านาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคดิ อย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และ ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรม เห็นคณุ ค่าของ นาฏศลิ ป์ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น ภมู ิปญั ญาไทยและสากล

๑๒ กลุม่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ (๔ สาระ ๔ มาตรฐาน) สาระท่ี ๑ การดำรงชวี ติ และครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข้าใจการทำงาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทางานร่วมกัน และทกั ษะ การแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทำงาน มจี ติ สำนกึ ในการใช้ พลงั งาน ทรัพยากร และสงิ่ แวดล้อม เพื่อการดำรงชวี ิตและครอบครัว สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี มาตรฐาน ง ๒.๑ เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งสง่ิ ของเคร่ืองใช้ หรอื วธิ กี ารตามกระบวนการเทคโนโลยอี ย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชวี ติ สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม และมีสว่ นรว่ มในการจดั การ เทคโนโลยที ยี่ ่ังยืน สาระท่ี ๓ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร มาตรฐาน ง ๓.๑ เขา้ ใจ เหน็ คณุ คา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศในการสืบค้น ข้อมูลการเรียนรู้ การสอื่ สาร การแก้ปญั หา การทางาน และอาชีพอยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม สาระที่ ๔ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๔.๑ เข้าใจ มีทกั ษะทีจ่ ำเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยเี พ่อื พัฒนาอาชพี มีคุณธรรม และมเี จตคตทิ ด่ี ีตอ่ อาชีพ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (๔ สาระ ๘ มาตรฐาน) สาระที่ ๑ ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เขา้ ใจและตีความเร่ืองทีฟ่ งั และอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมเี หตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ นำเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งต่าง ๆ โดย การพูดและการเขียน สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สาระที่ ๓ ภาษากบั ความสมั พันธ์กับกลุม่ สาระการเรียนรอู้ นื่ มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชื่อมโยงความรูก้ บั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ น่ื และเป็น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสมั พนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปล่ียนเรียนรู้กับสังคมโลก

๑๓ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ ให้ผู้เรยี นได้ พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัยปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำ ประโยชน์เพ่ือสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ใช้องค์ความรู้ ทักษะและเจตคติจากการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิดความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ เกดิ ทกั ษะการทำงาน และอยู่รว่ มกบั ผู้อ่ืนในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนหลักสูตรโรงเรียนวัดบ้านโป่ง “สามัคคีคุณูปถัมภ์” พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)เน้นให้มีความสมดุล ในการจัดกิจกรรมรายบุคคลและกิจกรรมกลมุ่ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมทงั้ ในและนอกสถานศึกษา ไดแ้ ก่ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กิจกรรมนักเรียน ประกอบดว้ ย ๒.๑ ลกู เสือ-เนตรนารี ๒.๒ ชุมนุม ชมรม ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะ ดงั นี้ ๑. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าใน ตนเองและผู้อื่น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ รวมท้ังการดำรงชีวิตและสังคม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขท้ังนี้นักเรียน ทุกคนต้อง เขา้ ร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ชวั่ โมงตอ่ ปีการศึกษา แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว ๑) สำรวจสภาพปญั หา ความต้องการ ความสนใจและธรรมชาตขิ องผเู้ รียนเพื่อเป็นข้อมูลใน การกำหนดแนวทาง และแผนการปฏิบตั ิกิจกรรมแนะแนว ๒) ศึกษาวสิ ยั ทัศน์ของสถานศึกษา และวิเคราะหข์ ้อมลู ของผู้เรียนท่ีได้จากการสำรวจ ๓) กำหนดสัดส่วนสาระของกจิ กรรมในแต่ละด้าน ๔) กำหนดสัดส่วนสารของกิจกรรมในแตล่ ะดา้ น ๕) จดั ทำรายละเอียดของแต่ละกิจกรรม ขอบขา่ ยการจดั กจิ กรรมแนะแนว ๑) ดา้ นการศกึ ษา ให้ผ้เู รยี นได้พฒั นาตนเองในดา้ นการเรียนอย่างเตม็ ศักยภาพ รู้จักแสวงหาและ ใชข้ อ้ มูลประกอบการวางแผนการเรยี นหรอื การศกึ ษาต่อไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ มนี สิ ัยใฝ่รู้ ใฝ่เรยี น มีวิธีการเรยี นรูแ้ ละสามารถวางแผนการเรียนหรือการศึกษาตอ่ ได้อย่างเหมาะสม

๑๔ ๒) ด้านการงานและอาชพี ให้ผเู้ รยี นได้รูจ้ กั ตนเองในทุกด้าน รู้และเขา้ ใจโลกของงานอาชีพอยา่ ง หลากหลาย มีเจตคติท่ีดีต่ออาชีพสุจริต มีการเตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพ่ือปะรกอบ อาชีพตามที่ตนเองมีความถนัดและสนใจ ๓) ด้านชีวิตและสงั คม ให้ผเู้ รียนร้จู กั และเข้าใจตนเอง รกั และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ นื่ รกั ษ์ ส่ิงแวดล้อม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อการมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ มีทักษะและสามารถ ปรับตัวให้ดารงชวี ิตอยู่ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ ๒. กจิ กรรมนักเรยี น เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมตามความถนัด และความสนใจ โดยเน้นเรอื่ งคุณธรรม จริยธรรม ความมรี ะเบยี บวินัยไม่เห็นแกต่ ัว มีความเป็นผูน้ ำ ผู้ตามทีด่ ี มีความรบั ผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้ออาทรและ สมานฉันท์ การจดั กจิ กรรม ดำเนินการดงั น้ี ๑) จดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสามารถ และความสนใจของผู้เรียน ๒) เนน้ ใหผ้ ้เู รียนไดป้ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองในทกุ ขั้นตอน ๓) เน้นการทำงานรว่ มกันเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั วุฒภิ าวะของผูเ้ รยี น ตลอดจนบรบิ ทของสถานศึกษาและท้องถนิ่ กจิ กรรมนกั เรียนประกอบด้วย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี/ ยวุ กาชาด ๔๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศกึ ษา แนวการจดั กจิ กรรมลูกเสือ/เนตรนาร/ี ยุวกาชาด กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี เป็นกิจกรรท่ีมุ่งปลูกฝังระเบียบ วินัย และกฎเกณฑ์เพื่อการอยู่ร่วมกันให้ รจู้ ักการเสียสละ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและวิถีชีวิตในระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ รวมทั้งให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยกำหนดหลักสตู รเปน็ ๓ ประเภท ดังนี้ ๑) ลูกเสือสำรอง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓ ๒) ลูกเสือสามญั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔-๖ ๓) ลูกเสอื สามญั รุ่นใหญ่ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ ๒.๒ กิจกรรมชุมนมุ ชมรม เป็นกจิ กรรมท่ีผูเ้ รียนรวมกล่มุ กันจัดข้ึนตามความสามารถ ความถนัด และ ความสนใจของผู้เรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติเพ่ือพัฒนาตนเองตาม ศักยภาพ ทง้ั นีน้ ักเรียนทุกคนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมชุมนุม ๒๐ ช่ัวโมงต่อปกี ารศกึ ษา แนวการจดั กิจกรรมชมุ นุม กิจกรรมชุมนุม ชมรม เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนรวมกลุ่มกันจัดขึ้นตามความสามารถ ความถนัด และ ความสนใจของผู้เรียน เพื่อเติมความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ ทักษะเจตคติเพ่ือพัฒนาตนเองตาม ศกั ยภาพ ซึง่ นกั เรยี นสามารถเลือกเขา้ ชมรม ชุมนมุ ไดด้ ังน้ี ๑. ชุมนมุ ดนตรี นาฏศลิ ป์ ๒. ชมุ นมุ กฬี าและนนั ทนาการ ๓. ชุมนมุ ธนาคารขยะ ๔. ชมุ นุมสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ๕. ชุมนุมคอมพิวเตอร์ ๖. ชมุ นมุ ศลิ ปะ

๑๕ ๗. ชุมนมุ เกษตรตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๘. ชมุ นมุ ออมทรัพย์ ๙. ชุมนมุ ความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ ๑๐. อื่น ๆ ตามทคี่ ณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวิชาการเหน็ ว่าเหมาะสม ๓. กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้นักเรียนทำ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นความมุ่งหวังที่จะสร้าง “จิตสาธารณะ” หรือ “ความรับผิดชอบ ต่อสงั คม” และคุณลักษณะแฝงอน่ื ๆ อกี มากมาย ทงั้ น้นี กั เรียนทกุ คนตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ๒๐ ช่วั โมงตอ่ ปกี ารศึกษา แนวการจัดกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ มแี นวทางดังนี้ ๑) สง่ เสริมให้เด็กมคี วามสามารถในการดูแลรักษาบ้าน และรบั ผดิ ชอบงานบ้าน ถอื เป็นงาน สาธารณะท่ีใกล้ตัวท่ีสุด โดยมีพฤติกรรมท่ีเป็นรูปธรรม เช่น ตื่นนอนแต่เช้า กวาดบ้าน-ถูบ้าน จดั ระเบยี บ กวาดบริเวณบ้าน ๒) ส่งเสริมให้เดก็ ร่วมรบั ผดิ ชอบในการดแู ลรกั ษา ซอย หมู่บา้ นทอี่ ยอู่ าศัย โรงเรียน วัด ทสี่ าธารณประโยชน์ โดยมีพฤตกิ รรมท่ีเป็นรูปธรรม เช่น ปลูกต้นไม้ (ไม้ดอก ไม้ประดับ) หน้าบ้าน บริเวณโรงเรยี น วัด พร้อมดูแลรักษา กวาด ทำความสะอาดถนนหรอื ทสี่ าธารณะ รอบบา้ นในรัศมี ๕ เมตร เป็นกรรมการฝ่ายเยาวชนเพอ่ื การดแู ลรักษา ซอย หม่บู ้านทีอ่ ยอู่ าศยั เป็นตน้ ๓) สถานศึกษาเป็นแกนนำในการพฒั นาชมุ ชนในรัศมีท่ีเป็นท่ตี งั้ ของสถานศกึ ษา เช่น รบั ผิดชอบ ดูแลในรัศมี ๑ กิโลเมตร รอบสถานศึกษา โดยร่วมกับชุมชนอย่างจริงจังในการพัฒนาบรรยากาศ ส่ิงแวดล้อมของชุมชน ทั้งนี้ อาจปฏิบัติการผ่านกิจกรรมชุมนุมท่ีมีอยู่ในโรงเรียน และเน้นให้ นักเรียนมีบทบาทหลักในการร่วมวางแผนพัฒนา การปฏิบัติการเช่นนี้ เสมือน “การใช้ชุมชนท่ี เป็นที่ตง้ั ของสถานศึกษา เปน็ ห้องปฏิบัติการทดลองประสบการณ์ชีวติ ต่าง ๆ แกผ่ ู้เรียน” ท้ังนี้เชื่อ ว่า หากนักเรียนมองเห็นแนวทางการพัฒนาชุมชนที่เป็นรูปธรรม ๑ ชุมชน นักเรียนเหล่านั้น จะสามารถนาประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในชุมชนที่อยู่อาศัยของตนเองได้ในอนาคต อีกท้ัง โรงเรยี นเองกจ็ ะเปน็ ท่รี ักใคร่ เป็นท่ีพอใจของชมุ ชนทเ่ี ป็นท่ีตั้งของโรงเรียนเป็นโรงเรยี นของชุมชน อย่างแท้จริง (อน่ึงชุมชน อาจให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ใน สว่ นน้ี) ๔) ประสานงานกับผู้ปกครอง หรือเครือข่ายผู้ปกครอง ให้ร่วมกันวางแผนเพ่ือทำกิจกรรม สาธารณประโยชน์ร่วมกันเป็นวงศ์ตระกูล โดยวางแผนเป็นรายปี พร้อมแจ้งแผนงานให้โรงเรียน ทราบต้ังแต่ต้นปี การกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงเรียนในการส่งเสริม ให้นักเรียนจัดทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และส่งเสริมให้ครอบครัวไทย “มจี ติ สาธารณะไปในตวั ดว้ ย” ๕) สง่ เสริมใหน้ กั เรียนใช้ทรัพยากรอย่างคมุ้ คา่ เช่น ร้จู กั ปดิ น้ำ ปดิ ไฟ เม่ือเลกิ ใช้ ท้ิงขยะในถงั ขยะ ช่วยดูแลสาธารณสมบัติ ช่วยดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมทั้งในโรงเรียน หมบู่ ้าน ชมุ ชน เปน็ ตน้

๑๖ กิจกรรมลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลารู้ การลดเวลาเรียน หมายถึง การลดเวลาเรียนภาควิชาการ และการลดเวลาของการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้ เช่น การบรรยาย การสาธิต การศึกษาใบความรู้ ให้น้อยลง และการเพิ่ม เวลารู้ หมายถึง การเพ่ิมเวลาและโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง มีประสบการณ์ตรง คิดวิเคราะห์ ทำงาน เป็นทมี และเรยี นรู้ดว้ ยตนเองอย่างมีความสขุ จากกิจกรรมสร้างสรรค์ทหี่ ลากหลายมากขน้ึ แนวการจัดกจิ กรรมลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ มแี นวทางดงั น้ี ๑) จดั กิจกรรมเปน็ ฐานการเรยี นรู้ตามความตอ้ งการของผเู้ รียน ผปู้ กครอง และชมุ ชน ๒) จัดกิจกรรมฐานการเรียนรู้โดยแบ่งเป็น ๔ ฐาน และเชอ่ื มโยงหลกั การจัดกจิ จกรรมแบบ ๔ H ๓) ส่งเสริมการจัดกจิ กรรมทีบ่ รู ณาการกิจกรรมในรปู แบบ STEM ระดับการศกึ ษา  ระดบั ประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๖) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษาภาคบังคับ มุ่งเน้นทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพ้ืนฐาน การติดต่อสื่อสาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพ้ืนฐานความเป็น มนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์ และสมดุลทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และ วัฒนธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ การจัดเวลาเรยี น  ระดับประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๖) จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมเี วลาเรียนวนั ละไม่เกิน ๕ ช่วั โมง

๑๗ โครงสรา้ งเวลาเรียน ระดับประถมศึกษา เวลาเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม ระดบั ประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖  กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วทิ ยาศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ * วทิ ยาศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ * วทิ ยาการคำนวณ - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ * ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ * ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม * หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และ การดำเนินชวี ติ ในสังคม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ * เศรษฐศาสตร์ * ภูมิศาสตร์ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศลิ ปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ภาษาตา่ งประเทศ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ รวมเวลาเรียน (พ้ืนฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ รายวชิ า/กิจกรรมท่ี ๔๐ ช่ัวโมง/ปี สถานศึกษาจัดเพิม่ เตมิ ตามความพร้อมและจดุ เน้น  กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ * กจิ กรรมแนะแนว * กจิ กรรมนักเรียน - ลกู เสอื เนตรนารี - ชมรม ชุมนุม * กจิ กรรมเพ่อื สังคมและ สาธารณประโยชน์ รวมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด ๑,๐๔๐ ชั่วโมง/ปี

๑๘ โครงสรา้ งหลกั สูตร โครงสร้างหลกั สตู ร ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ รหัสวิชา รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น น้ำหนัก รายวชิ าพ้นื ฐาน ๕ ๕ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑ ๑ ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๑ ๑ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑ ๑ ส๑๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๔๐ ๕ - ส๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๑ - ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ - ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๔๐ - - อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๒๐๐ - - รวมเวลาเรียนวชิ าพื้นฐาน ๘๔๐ - รายวิชาเพม่ิ เติม ส๑๑๒๓๑ หน้าท่ีพลเมอื ง ๔๐ จ๑๑๒๐๑ ภาษาจนี ๔๐ รวมเวลาเรียนวิชาเพิม่ เตมิ ๘๐ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น -  กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ -  กิจกรรมชุมนมุ สง่ เสริมการอ่าน ๔๐ -  กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี ๓๐ -  กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรยี นกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ รวมเวลาเรียน ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วชิ าหนา้ ท่พี ลเมอื ง ทจุ รติ ศึกษา และทอ้ งถน่ิ บูรณาการร่วมกับการจดั กจิ กรรมของโรงเรียน และรายวิชาเรยี น  รายวิชาเพิ่มเติม เปล่ยี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบริบทของโรงเรียน

โครงสร้างหลักสตู ร ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๑๙ รหัสวชิ า รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น น้ำหนัก รายวิชาพนื้ ฐาน ๕ ๕ ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑ ๑ ค๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๑ ๑ ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔๐ ๑ ๑ ส๑๒๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๔๐ ๕ - ส๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๑ - ศ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๔๐ - ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ - - อ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๒๐๐ - - รวมเวลาเรยี นวิชาพืน้ ฐาน ๘๔๐ - รายวิชาเพม่ิ เตมิ ส๑๒๒๓๒ หน้าทพ่ี ลเมือง ๔๐ จ๑๒๒๐๑ ภาษาจนี ๔๐ รวมเวลาเรียนวชิ าเพ่ิมเติม ๘๐ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน -  กิจกรรมแนะแนว ๔๐ -  กจิ กรรมชมุ นมุ ส่งเสรมิ การอา่ น ๔๐ -  กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ๓๐ -  กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรียนกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๑๒๐ รวมเวลาเรยี น ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วิชาหนา้ ท่ีพลเมือง ทจุ ริตศกึ ษา และทอ้ งถนิ่ บรู ณาการรว่ มกับการจดั กจิ กรรมของโรงเรียน และรายวิชาเรยี น  รายวชิ าเพ่ิมเติม เปล่ยี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบริบทของโรงเรยี น

โครงสรา้ งหลักสตู ร ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๒๐ รหัสวชิ า รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน น้ำหนัก รายวชิ าพนื้ ฐาน ๕ ๕ ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑ ๑ ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๑ ๑ ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔๐ ๑ ๑ ส๑๓๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ๔๐ ๕ - ส๑๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๑ - ศ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ - ง๑๓๑๐๑ การงานอาชพี ๔๐ - - อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๒๐๐ - - รวมเวลาเรยี นวชิ าพนื้ ฐาน ๘๔๐ - รายวิชาเพม่ิ เตมิ ส๑๓๒๓๓ หน้าท่ีพลเมือง ๔๐ จ๑๓๒๐๑ ภาษาจนี ๔๐ รวมเวลาเรียนวิชาเพ่มิ เตมิ ๘๐ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน -  กิจกรรมแนะแนว ๔๐ -  กจิ กรรมชุมนมุ สง่ เสริมการอา่ น ๔๐ -  กจิ กรรมลูกเสอื -เนตรนารี ๓๐ -  กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ รวมเวลาเรยี น ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วิชาหน้าท่ีพลเมือง ทจุ ริตศกึ ษา และทอ้ งถนิ่ บูรณาการรว่ มกบั การจดั กจิ กรรมของโรงเรยี น และรายวิชาเรยี น  รายวชิ าเพ่ิมเติม เปล่ียนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบริบทของโรงเรยี น

โครงสรา้ งหลกั สูตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๒๑ รหัสวชิ า รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น น้ำหนกั รายวชิ าพ้ืนฐาน ๕ ๕ ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๒ ๑ ค๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๖๐ ๒ ๑ ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๒ ๒ ว๑๔๑๐๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ๔๐ ๑ ๒ ส๑๔๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๘๐ - ส๑๔๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ ๑ พ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๘๐ - ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - - ง๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔๐ - - อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๘๐ - - รวมเวลาเรยี นวชิ าพืน้ ฐาน ๘๔๐ รายวิชาเพม่ิ เติม ส๑๔๒๓๔ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ๔๐ จ๑๔๒๐๑ ภาษาจนี ๔๐ รวมเวลาเรียนวิชาเพิ่มเตมิ ๘๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น -  กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ -  กจิ กรรมชุมนุมส่งเสรมิ ทักษะวชิ าการ ๔๐ -  กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี ๓๐ -  กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรยี นกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๑๒๐ รวมเวลาเรยี น ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วิชาหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ทจุ รติ ศกึ ษา และท้องถน่ิ บูรณาการรว่ มกับการจัดกจิ กรรมของโรงเรียน และรายวชิ าเรียน  รายวชิ าเพม่ิ เติม เปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบริบทของโรงเรียน

โครงสร้างหลกั สูตร ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ๒๒ รหสั วชิ า รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น น้ำหนกั รายวชิ าพ้ืนฐาน ๕ ๕ ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๒ ๑ ค๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๖๐ ๒ ๑ ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๒ ๒ ว๑๕๑๐๒ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ๔๐ ๑ ๒ ส๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๘๐ - ส๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ ๑ พ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๘๐ - ศ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - - ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ - - อ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๘๐ - - รวมเวลาเรียนวชิ าพื้นฐาน ๘๔๐ รายวิชาเพม่ิ เติม ส๑๕๒๓๕ หนา้ ท่ีพลเมอื ง ๔๐ จ๑๕๒๐๑ ภาษาจนี ๔๐ รวมเวลาเรียนวชิ าเพิ่มเตมิ ๘๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น -  กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ -  กจิ กรรมชุมนุมส่งเสริมทกั ษะวชิ าการ ๔๐ -  กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ๓๐ -  กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรยี นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑๒๐ รวมเวลาเรียน ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วิชาหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ทุจรติ ศกึ ษา และทอ้ งถน่ิ บูรณาการร่วมกบั การจดั กจิ กรรมของโรงเรียน และรายวชิ าเรยี น  รายวชิ าเพิ่มเติม เปลย่ี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบรบิ ทของโรงเรียน

โครงสรา้ งหลักสตู ร ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๓ รหัสวิชา รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น น้ำหนกั รายวิชาพื้นฐาน ๕ ๕ ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๒ ๑ ค๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ๒ ๑ ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๒ ๒ ว๑๖๑๐๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ๔๐ ๑ ๒ ส๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ๘๐ - ส๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ ๑ พ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๘๐ - ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ - - ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ - - อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๘๐ - - รวมเวลาเรียนวชิ าพืน้ ฐาน ๘๔๐ รายวชิ าเพ่มิ เติม ส๑๖๒๓๖ หนา้ ที่พลเมือง ๔๐ จ๑๖๒๐๑ ภาษาจีน ๔๐ รวมเวลาเรียนวชิ าเพมิ่ เติม ๘๐ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น -  กิจกรรมแนะแนว ๔๐ -  กิจกรรมชมุ นุมส่งเสรมิ ทกั ษะวิชาการ ๔๐ -  กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี ๓๐ -  กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลาเรยี นกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ รวมเวลาเรยี น ๑,๐๔๐ หมายเหตุ  วิชาหนา้ ท่พี ลเมือง ทุจริตศึกษา และท้องถน่ิ บรู ณาการร่วมกบั การจัดกจิ กรรมของโรงเรยี น และรายวชิ าเรยี น  รายวชิ าเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม และบริบทของโรงเรยี น

๒๔ รายวชิ าพ้นื ฐานและรายวิชาเพิ่มเติม ระดบั ประถมศึกษา รายวิชาพ้ืนฐาน กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๒๐๐ ช่ัวโมง ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๒๐๐ ชัว่ โมง ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๑๖๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑๖๐ ชั่วโมง รายวิชาพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ค๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ค๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ จำนวน ๒๐๐ ช่ัวโมง ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๒๐๐ ชัว่ โมง ค๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ จำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง ค๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ จำนวน ๑๖๐ ชั่วโมง ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จำนวน ๑๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑๖๐ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพน้ื ฐาน จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ว๑๔๑๐๒ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง ว๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ว๑๕๑๐๒ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ว๑๖๑๐๒ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

๒๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ าพื้นฐาน จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ส๑๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ส๑๒๑๐๑ สงั คมศกึ ษา จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๓๑๐๑ สงั คมศกึ ษา จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ส๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา จำนวน ๘๐ ชั่วโมง ส๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษา จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง ส๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา รายวชิ าพืน้ ฐาน จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง ส๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ส๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ส๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง ส๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ รายวชิ าเพิม่ เติม จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ส๑๑๒๓๑ หนา้ ที่พลเมือง จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๒๒๓๒ หนา้ ทพี่ ลเมอื ง จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๓๒๓๓ หน้าทพี่ ลเมือง จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๔๒๓๔ หน้าทีพ่ ลเมือง จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๕๒๓๕ หน้าท่ีพลเมอื ง จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง ส๑๖๒๓๖ หนา้ ที่พลเมอื ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา รายวชิ าพน้ื ฐาน พ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา จำนวน ๔๐ ชั่วโมง พ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง พ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา จำนวน ๔๐ ชั่วโมง พ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา จำนวน ๘๐ ชั่วโมง พ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง พ๑๖๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง

๒๖ รายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ศ๑๒๑๐๑ ศิลปะ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ศ๑๓๑๐๑ ศิลปะ จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ศ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ จำนวน ๘๐ ชั่วโมง ศ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง จำนวน ๘๐ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ รายวชิ าพ้ืนฐาน จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ง๑๓๑๐๑ การงานอาชพี จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ง๑๔๑๐๑ การงานอาชพี จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ รายวชิ าพื้นฐาน อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง อ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชวั่ โมง อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง อ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๘๐ ช่วั โมง อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๘๐ ชั่วโมง รายวชิ าเพ่มิ เติม จำนวน ๔๐ ชั่วโมง จ๑๑๒๐๑ ภาษาจีน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง จ๑๒๒๐๑ ภาษาจีน จำนวน ๔๐ ชั่วโมง จ๑๓๒๐๑ ภาษาจีน จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง จ๑๔๒๐๑ ภาษาจนี จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง จ๑๕๒๐๑ ภาษาจีน จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง จ๑๖๒๐๑ ภาษาจีน

๒๗ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็น กระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัดของหลักสูตร นำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรยี นรู้และใช้เป็นข้อมูลสำหรับ การตัดสินผลการเรียน สถานศึกษาต้องมีกระบวนการจัดการท่ีเป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินการ วัดและ ประเมินผลการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพความรู้ ความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน ถูกต้องตามหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้งสามารถรองรับ การประเมินภายในและการประเมินภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาจึงควร กำหนดหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้เพ่ือเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล การเรยี นรู้ของสถานศึกษา ดงั นี้ ๑. สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายท่ี เกี่ยวขอ้ งมีสว่ นรว่ ม ๒. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ัดตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีกำหนดในหลักสูตรและจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตลอดจนกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๓. การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของ แตล่ ะระดบั และรปู แบบการศึกษา ๔. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนการสอน ต้อง ดำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพ่ือให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้านท้ังด้าน ความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับส่ิงท่ีต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และ ระดบั ช้นั ของผ้เู รียน โดยต้ังอยบู่ นพ้นื ฐานความเที่ยงตรง ยุตธิ รรม และเชอ่ื ถอื ได้ ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรงุ พัฒนาผู้เรยี น พัฒนาการจดั การเรยี นรู้และ ตัดสินผลการเรียน ๖. เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกย่ี วข้องตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ ๗. ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่าง ๆ ๘. ให้สถานศึกษาจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษา เพ่ือเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรยี น แสดงวฒุ ิการศกึ ษาและรับรองผลการเรยี นของผู้เรียน

๒๘ องค์ประกอบของการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดจุดหมาย สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียน และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดที่กำหนดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ มีความสามารถด้านการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการวัดและ ประเมินผลการเรียนรมู้ อี งค์ประกอบตา่ ง ๆ ดังแผนภาพท่ี ๒.๑ มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด การอา่ น การเรียนรู้ คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ใน ๘ กลุม่ สาระ ๘ กลุม่ สาระ คุณภาพผู้เรียน คณุ ลักษณะ กิจกรรม อันพงึ ประสงค์ พฒั นาผ้เู รยี น แผนภาพท่ี ๒.๑ แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ ผู้สอนทำการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวช้ีวัดที่กำหนดในหน่วย การเรยี นรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่แี ท้จริงของผู้เรียน โดยทำการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ การสังเกตพัฒนาการและความ ประพฤติของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบ ซ่ึงผู้สอนต้องนำ นวัตกรรมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การประเมินสภาพจริง การประเมิน การปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงานและการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ไปใช้ในการประเมินผล การเรียนรู้ควบคู่ไปกับการใช้แบบทดสอบแบบต่าง ๆ และต้องให้ความสำคัญกับการประเมินระหว่างปี/ภาค มากกวา่ การประเมินปลายปี/ภาค ดงั แผนภาพท่ี ๒.๒

๒๙ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วัดและประเมนิ การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี ฯ วิทยาศาสตร์ ด้วยวิธีการทีห่ ลากหลาย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ บูรณาการในการเรียนการสอน สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สงั คมศกึ ษาฯ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ ภาษาต่างประเทศ แผนภาพท่ี ๒.๒ แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูต้ ามกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๒. การประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน การฟัง การดูและการรับรู้ จากหนังสือ เอกสารและส่ือต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแล้วนำมาคิดวิเคราะห์เน้ือหา สาระท่ีนำไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์สร้างสรรค์ในเรื่องต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วย การเขียนซ่ึงสะท้อนถึงสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและ สร้างสรรค์จินตนาการอย่างเหมาะสมและมีคุณค่าแก่ตนเอง สังคมและประเทศชาติ พร้อมด้วยประสบการณ์ และทักษะในการเขยี นท่ีมีสำนวนภาษาถกู ต้อง มเี หตผุ ลและลำดบั ข้นั ตอนในการนำเสนอ สามารถสร้างความ เข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละระดับชั้น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สรุปผลเปน็ รายป/ี รายภาค เพื่อวินิจฉยั และใชเ้ ป็นข้อมูลเพื่อประเมินการเลื่อน ช้ันเรยี นและการจบ การศกึ ษาระดบั ต่าง ๆ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี นเปน็ กระบวนการท่ตี ่อเน่อื ง ดังแผนภาพที่ ๒.๓ อ่าน หนังสือ เอกสาร วิทยุ โทรทัศน์ ส่ือต่าง ๆ ฯลฯ (รับสาร) แลว้ สรุปเปน็ ความรู้ความเขา้ ใจของตนเอง คดิ วเิ คราะห์ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ หาเหตผุ ล แกป้ ัญหา และสร้างสรรค์ เขียน ถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ส่อื สารให้ผู้อ่นื เขา้ (ส่ือสาร)

๓๐ ๓. การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และตามท่ีสถานศึกษากำหนดเพ่ิมเติม เป็นการประเมินรายคุณลักษณะแล้วรวบรวมผลการประเมิน จากผู้ประเมินทุกฝ่ายนำมาพิจารณาสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมิน การเล่ือนช้ันเรียน และการจบการศกึ ษาระดบั ตา่ ง ๆ ดังแผนภาพท่ี ๒.๔ มีจิตสาธารณะ รักชาติ ศาสน์ รักความ กษตั ริย์ เปน็ ไทย คณุ ลกั ษณะ ซ่อื สัตย์ สจุ ริต มุ่งมัน่ ใน อนั พึงประสงค์ มวี ินยั การทำงาน เปน็ อยู่ ใฝเ่ รยี นรู้ พอเพยี ง แผนภาพที่ ๒.๔ แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๔. การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เป็นการประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามจดุ ประสงค์และเวลาใน การเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในแต่ละกิจกรรมและใช้เป็นข้อมูลประเมินการเล่ือน ชั้นเรียนและ การจบการศึกษาระดบั ตา่ ง ๆ ดงั แผนภาพที่ ๒.๕ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน - ลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด กิจกรรมเพื่อสังคมและ ผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์ สาธารณประโยชน์ และนกั ศึกษาวชิ าทหาร - ชุมนุม/ชมรม แผนภาพท่ี ๒.๕ แสดงการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

๓๑ เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. ระดบั ประถมศึกษา ๑.๑ การตัดสินผลการเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดหลักเกณฑ์การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพอ่ื ตัดสนิ ผลการเรียนของผู้เรียน ดังนี้ ๑) ผูเ้ รียนตอ้ งมเี วลาเรยี นไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด ๒) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ตวั ช้ีวดั และผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด ๓) ผูเ้ รียนตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า ๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดใน การอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เพื่อให้การจัดการเรียนรู้บังเกิดผล ผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอในความรู้ ทักษะ คุณลักษณะที่กำหนดในตัวช้ีวัด โดยมีเวลาเรียนที่เพียงพอต่อการพัฒนาด้วย โดยปกติในระดับประถมศึกษา ผู้สอนจะมีเวลาอยู่กับผู้เรียนตลอดปีการศึกษา ประมาณ ๒๐๐ วัน สถานศึกษาจึงควรบริหารจัดการเวลาที่ ไดร้ ับน้ีใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ตอ่ การพฒั นาผ้เู รียนอย่างรอบด้าน และตระหนกั วา่ เวลาเรยี นเป็นทรพั ยากรที่ใช้ หมดไปในแต่ละวัน มากกว่าเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการบริหารหลักสูตร การกำหนดให้ผู้เรียนมีเวลา ผู้เรียน และเติมเต็มศักยภาพของผู้เรียน และเพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ ผู้สอนต้อง ตรวจสอบความรู้ ความสามารถที่แสดงพัฒนาการของผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ือง อีกทั้งต้องสร้างให้ ผู้เรียนรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนด้วยการตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่นกัน ตัวชวี้ ดั ซง่ึ มีความสำคัญในการนำมาใช้ออกแบบหนว่ ยการเรียนรูน้ ั้น ยังเป็นแนวทางสำหรบั ผ้สู อนและ ผู้เรียนใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือยัง การประเมินในชั้นเรียนซ่ึงต้องอาศัยทั้ง การประเมินเพ่ือการพัฒนาและการประเมินเพื่อสรุปการเรียนรู้จะเป็นเคร่ืองมือสำคัญในการตรวจสอบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน สถานศึกษาโดยผู้สอนกำหนดเกณฑ์ที่ยอมรับได้ในการผ่านตัวชี้วัด ทุกตัวให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา กล่าวคือ ให้ท้าทายการเรยี นรู้ไม่ยากหรือง่ายเกินไป เพื่อใช้เป็น เกณฑ์ในการประเมินว่าส่ิงที่ผู้เรียนรู้ เข้าใจ ทำได้น้ัน เป็นท่ีน่าพอใจ บรรลุตามเกณฑ์ที่ยอมรับได้ หากยังไม่ บรรลุ จะต้องหาวิธีการช่วยเหลือ เพ่ือให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสูงสุด การกำหนดเกณฑ์นี้ผู้สอนสามารถให้ ผู้เรียนร่วมกำหนดด้วยได้ เพ่ือให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันและสร้างแรงจูงใจในการเรยี น การประเมินเพ่ือ การพัฒนา ส่วนมากเป็นการประเมินอย่างไม่เป็นทางการ เช่น สังเกต หรือซักถาม หรือการทดสอบย่อยใน การประเมินเพื่อการพัฒนาน้ี ควรให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาจนผ่านเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ผู้เรียนแต่ละคนอาจใช้ เวลาเรียนและวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน ฉะน้ัน ผู้สอนควรนำข้อมูลที่ได้มาใช้ปรับวิธีการสอนเพื่อให้ผู้เรียน ได้รบั การพัฒนาเต็มศักยภาพ อันจะนำไปสู่การบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ในท้ายที่สุดอย่างมีคุณควรนำข้อมูล ท่ีได้มาใช้ปรับวิธีการสอนเพ่ือให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ อันจะนำไปสู่การบรรลุมาตรฐาน การเรียนรู้ในท้ายท่ีสุดอย่างมีคุณภาพ การประเมินเพ่ือการพัฒนา จึงไม่จำเป็นต้องตัดสินให้คะแนนเสมอไป การตัดสินให้คะแนนหรือให้เป็นระดับคุณภาพ ควรดำเนินการโดยใช้การประเมินสรุปผลรวมเมื่อจบหน่วย การเรยี นรแู้ ละจบรายวิชา การตัดสนิ ผลการเรียน ตัดสนิ เป็นรายวิชา โดยใชผ้ ลการประเมินระหว่างปีและปลายปีตามสัดส่วน ที่สถานศึกษากำหนด ทุกรายวิชาตอ้ งได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นตามแนวทางการให้ระดับผลการเรียนตามท่ี สถานศกึ ษากำหนด และผู้เรยี นตอ้ งผา่ นทกุ รายวิชาพ้ืนฐาน

๓๒ ๑.๒ การให้ระดับผลการเรียน สถานศกึ ษาต้องกำหนดเกณฑก์ ารตัดสินผลการเรยี น ซง่ึ สามารถอธบิ ายผลการตัดสนิ ว่าผเู้ รียน ต้องมีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะโดยรวมอยูใ่ นระดบั ใด จึงจะยอมรบั ว่าผา่ นการประเมนิ การตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดับผลการเรียน ๘ ระดับ หรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนเป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละและระบบท่ีใช้ คำสำคัญท่ีสะท้อนมาตรฐาน การตัดสินผลการเรียนในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานใช้ระบบผ่านและไม่ผ่าน โดยกำหนด เกณฑก์ ารตัดสนิ ผ่านแต่ละรายวิชาท่ีรอ้ ยละ ๕๐ จากนั้นจงึ ให้ระดับผลการเรียนที่ผ่านเปน็ ระบบต่าง ๆ ตามที่ สถานศึกษากำหนด ได้แก่ ระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ ระบบท่ีใช้คำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน ตารางขา้ งใตแ้ สดงการให้ระดบั ผลการเรียนดว้ ยระบบตา่ ง ๆ และการเทยี บกันได้ระหว่างระบบ กรณที ่สี ถานศึกษาใหร้ ะดบั ผลการเรียนด้วยระบบต่าง ๆ สามารถเทียบกนั ได้ดังนี้ คะแนนร้อยละ ระบบตัวเลข ระบบตวั อักษร ระบบท่ีใช้คำสำคญั สะท้อนมาตรฐาน ๘๐-๑๐๐ ๔ A ๕ ระดบั ๔ ระดบั ๑ ระดบั ๗๕-๗๙ ๓.๕ B+ ๗๐-๗๔ ๓ B ดเี ยยี่ ม ดีเยยี่ ม ๖๕-๖๙ ๒.๕ C+ ๖๐-๖๔ ๒ C ดี ดี ๕๕-๕๙ ๑.๕ D+ พอใช้ ผ่าน ๕๐-๕๔ ๑ D ๐-๔๙ ๐ F ผา่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ไม่ผา่ น ไมผ่ ่าน การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์นัน้ ให้ระดับผล การประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กรณีทีผ่ า่ นให้ระดับผลการเรยี นเป็นดีเย่ียม ดี และผ่าน

๓๓ สถานศกึ ษาสามารถกำหนดความหมายของผลการประเมินคุณภาพดเี ยี่ยม ดแี ละผ่าน ไดด้ งั น้ี ๑. การประเมนิ อา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น ดีเยย่ี ม หมายถึง สามารถจับใจความสำคญั ได้ครบถ้วน เขยี น วพิ ากษ์วจิ ารณ์ เขยี นสร้างสรรค์ แสดงความคดิ เหน็ ประกอบอยา่ งมเี หตผุ ลไดถ้ กู ต้องและสมบูรณ์ ใช้ภาษาสุภาพและเรียบเรยี งไดส้ ละสลวย ดี หมายถึง สามารถจบั ใจความสำคญั ได้ เขยี น วพิ ากษว์ จิ ารณ์ และเขียนสร้างสรรคไ์ ดโ้ ดยใช้ ภาษาสภุ าพ ผ่าน หมายถงึ สามารถจับใจความสำคญั และเขยี นวพิ ากษว์ ิจารณ์ ไดบ้ า้ ง ๒. การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ดเี ย่ียม หมายถึง ผเู้ รียนมีคณุ ลกั ษณะในการปฏิบัติจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั เพ่ือประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสงั คม ดี หมายถงึ ผเู้ รียนมคี ุณลักษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรับของสังคม ผา่ น หมายถงึ ผ้เู รียนรับร้แู ละปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์และเง่ือนไข ทสี่ ถานศึกษากำหนด การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากำหนดและใหผ้ ลการประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี น ซึง่ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด และผู้บำเพญ็ ประโยชน์ โดยผู้เรยี นเลือกอย่างใดอยา่ ง หน่งึ ๑ กิจกรรม (๒) กิจกรรมชุมนุมหรอื ชมรมอกี ๑ กิจกรรม ๓) กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ช้ตวั อกั ษรแสดงผลการประเมิน ดงั น้ี “ผ” หมายถึง ผ้เู รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและมีผลงาน ตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากำหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏบิ ัติกิจกรรมและมผี ลงาน ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด ในกรณีท่ีผู้เรยี นไดผ้ ลของกิจกรรมเป็น “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมใน ส่วนท่ีผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ียนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ ต้อง ดำเนินการใหเ้ สร็จส้นิ ภายในปกี ารศกึ ษาน้นั ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศกึ ษา

๓๔ ๑.๓ การเลื่อนชน้ั เม่ือส้นิ ปีการศึกษา ผู้เรียนจะไดร้ บั การเลอ่ื นชัน้ เมอื่ มคี ณุ สมบัตติ ามเกณฑด์ ังต่อไปนี้ ๑) ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นตลอดปีการศึกษาไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด ๒) ผูเ้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ชว้ี ัดและผา่ นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากำหนด ๓) ผูเ้ รียนต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า ๔. ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมินและมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น การพิจารณาเลื่อนช้ัน ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงบางตัวช้ีวัด ซ่ึงสถานศึกษาพิจารณา เหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ ก็ให้อย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษาท่ีจะผ่อนผันให้เลื่อนชัน้ ได้ ในกรณีท่ีผู้เรียนมีสติปัญญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรียนรู้ได้เร็วเป็นพิเศษ สถานศึกษาอาจให้โอกาสผู้เรียนเลื่อนชั้นระหว่างปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการของสถานศึกษาและผู้แทนของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือต้นสังกัด ประเมินผู้เรียน และตรวจสอบคุณสมบตั ิให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขท้ัง ๓ ประการ ตอ่ ไปนี้ ๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาท่ีผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีที่กำลังศึกษาอยู่ใน เกณฑด์ เี ยยี่ ม ๒. มีวุฒิภาวะเหมาะสมท่ีจะเรียนในช้ันท่ีสูงข้ึน ๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถของทุกรายวิชาของช้ันปีท่ีเรียนในปัจจุบัน และความรคู้ วามสามารถทกุ รายวิชาในภาคเรียนแรกของชัน้ ปที ี่จะเลอ่ื นข้นึ การอนุมัติให้เล่ือนช้ันกลางปีการศึกษาไปเรียนชั้นสูงได้ ๑ ระดับช้ันน้ี ต้องได้รับ การยินยอมจากผเู้ รียน และผปู้ กครองและตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สร็จส้นิ กอ่ นเปดิ ภาคเรยี นที่ ๒ ของปีการศกึ ษา สำหรับในกรณีที่พบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ ที่มีปัญหาในการเรียนรู้ให้ สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกับสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา/ศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัด/ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา/หนว่ ยงานตน้ สงั กัด โรงเรียนเฉพาะความพกิ าร หาแนวทางการแก้ไขและพัฒนา ๑.๔ การเรยี นซ้ำชัน้ ผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่ สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนเป็นสำคญั ผู้เรียนที่ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การอนุมัติเล่ือนชั้น สถานศึกษาควรให้เรียนซ้ำชั้น ทั้งน้ี สถานศึกษาอาจใชด้ ุลยพนิ ิจให้เลื่อนช้ันได้ หากพิจารณาวา่ ผเู้ รยี นมคี ณุ สมบตั ขิ อ้ ใดข้อหนงึ่ ดังต่อไปน้ี ๑) ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเน่ืองจากสาเหตุจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย แต่มี คุณสมบัติตามเกณฑ์การเล่ือนชัน้ ในขอ้ อ่นื ๆ ครบถ้วน ๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่สถานศึกษา กำหนดในแต่ละรายวิชา และเห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษาน้ัน และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ การเล่ือนช้นั ในขอ้ อนื่ ๆ ครบถ้วน ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมอยรู่ ะดบั ผ่าน ก่อนท่ีจะให้ผู้เรียนซ้ำชั้น สถานศึกษาควรแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของ การเรียนซ้ำช้นั

๓๕ ๑.๕ การสอนซ่อมเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้สถานศึกษาจัดสอน ซอ่ มเสรมิ เพื่อพฒั นาการเรียนร้ขู องผเู้ รียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีท่ีผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ / คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอน ซอ่ มเสริมเป็นกรณีพเิ ศษ นอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกติ เพื่อพัฒนาให้ผเู้ รียนสามารถบรรลุตามมาตรฐาน การเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัดท่ีกำหนดไว้ เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนไดเ้ รียนรู้และพฒั นา โดยจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ๑.๖ การจบระดับประถมศึกษา ๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐานตาม โครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และรายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติมตามท่ี สถานศึกษากำหนด ๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผ่านเกณฑ์การประเมินตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากำหนด ๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด ๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน จะตอ้ งพจิ ารณาทัง้ เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑท์ สี่ ถานศกึ ษากำหนดและให้ผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเปน็ ผ่าน และไมผ่ า่ น กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนกั เรียน ซง่ึ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด และผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร โดย ผเู้ รียนเลือกอยา่ งใดอย่างหนง่ึ (๒) กิจกรรมชุมนมุ หรอื ชมรม ท้ังนี้ ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมทั้งข้อ (๑) และ (๒) สำหรับ ผู้เรยี นระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายสามารถเลือกเขา้ ร่วมกจิ กรรมใดกิจกรรมหนึ่งในข้อ (๑) หรอื (๒) ๓) กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์

๔๑ แผนการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของสถานศกึ ษา หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวดั บ้านโป่ง “สามคั คีคุณูปถัมภ”์ มาตรฐานและตัวชี้วดั การอา่ น คิดวิเคราะห์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กล่มุ สาระ และเขียน ภารกจิ การวดั และประเมินผลการเรียนรโู้ รงเรยี นเลงิ ถอ่ นโนนสมบรู ณ์ กำหนดวิธีการ เครอื่ งมอื ระยะเวลา และเกณฑก์ ารประเมนิ การประเมินกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การประเมิน การประเมิน การประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ประเมนิ ผลการเรียนรู้ ผ่าน ประเมิน ไม่ผ่าน ผา่ น ประเมิน ไม่ผา่ น ประเมนิ ไม่ผา่ น - ประเมินระหว่าง ระห ่วางเ ีรยน ผ่าน ควรกำหนด ัสดส่วนระห ่วาง เรียนมากก ่วาปลาย ีป/ ปลายภาคเรียน การจดั การเรยี น ดเี ยีย่ ม ซอ่ มเสริม ดี ดเี ยี่ยม ซอ่ มเสริม ผา่ น ดี การสอน ผา่ น - ประเมินกลาง- ปลายปี/ปลายภาคเรยี น ประถมฯ ภาคเรียน มัธยมฯ - ระดบั - ระดบั ผลการเรยี น ผลการเรยี น ประเมิน ๘ ระดับ - ระดบั - เง่ือนไข คณุ ภาพ ผลการเรยี น (ส มส) บันทกึ ผลการประเมินในเอกสารหลักฐานการศกึ ษาท่สี ถานศกึ ษากำหนด เลื่อนชน้ั ผา่ น อนุมัติ ประถมศึกษา ไมผ่ ่าน มธั ยมศกึ ษา ซอ่ มเสรมิ ซ่อมเสริม ประเมนิ แก้ 0, ร, มส, มผ ผ่าน ไม่ผา่ น ผ่าน ไมผ่ า่ น ซำ้ ชน้ั เรียนซำ้ รายวชิ า/เรยี นซำ้ ชน้ั แผนภาพที่ ๓.๑ แสดงแผนการวัดและประเมินผลการเรียนรขู้ องสถานศกึ ษา

๓๗ วดั และประเมินผลการเรียนรขู้ องสถานศึกษา เม่ือสถานศึกษาจัดทำหลักสูตรท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและ เหมาะสมกับสภาพบริบทของตนเองแล้ว ภารกิจต่อไปคือวางแผนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับหลักสูตร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการวัดและประเมินผลในระดับชั้นเรียนสำหรับ ผู้สอน โดยในการประเมินความรู้ และทักษะต่าง ๆ นั้นควรยึดบูรณาการไปพร้อม ๆ กับการประเมิน คุณลักษณะอ่ืน ๆ มีรายละเอียดท่สี ถานศึกษาต้องประเมนิ ดงั น้ี ๑. การประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒. การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน ๓. การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๔. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น นอกจากน้ี ส่ิงท่ีสถานศึกษาต้องตรวจสอบเพ่ิมเติมเพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการเรียนรู้และ การประเมินผลการเรียนรู้ท่ีครูผู้สอนดำเนินการน้ัน นำสู่การพัฒนาสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตาม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ๕ ดา้ น ได้แก่ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดยการประเมินสมรรถนะสำคัญทั้ง ๕ ด้านนั้นควรเป็นการประเมินในลักษณะบูรณาการไปพร้อม ๆ กับ การประเมินคณุ ลักษณะอื่น ๆ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรูท้ ัง้ ๘ กลุ่มสาระ เปน็ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ตามตัวชี้วัดในหลักสูตร ซ่ึงจะนำไปสู่การสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้ต่อไป ภารกจิ ของสถานศึกษาในการดำเนินการประเมนิ ผลการเรียนรูต้ ามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้มรี ายละเอียดดังนี้ ๑. กำหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกบั คะแนนปลายปี/ปลายภาค โดยให้ความสำคัญของ คะแนนระหวา่ งเรียนมากกวา่ คะแนนปลายปี / ปลายภาค เช่น ๖๐:๔๐ , ๗๐:๓๐ , ๘๐:๒๐ เป็นต้น ๒. กำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน โดยพิจารณาความเหมาะสมตามระดับชั้นเรียน เช่น ระดับประถมศึกษาอาจกำหนดเป็นระดับผลการเรียน หรือระดับคณุ ภาพการปฏิบัติของผู้เรยี นเป็น ระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละและระบบคณุ ภาพสะท้อนมาตรฐาน สำหรับระดับมัธยมศึกษา กำหนดเป็นระดับผลการเรียน ๘ ระดับ และกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ของผลการเรียน เช่น การประเมินที่ ยังไม่สมบูรณ์ (ได้ ร) การไม่มีสิทธิเข้ารับการสอบ (ได้ มส) เป็นต้น นอกจากน้ีสถานศึกษาอาจกำหนด คณุ ลักษณะของความสำเร็จตามมาตรฐานการศกึ ษาแตล่ ะชั้นปเี ป็นระดบั คณุ ภาพเพิ่มอีกก็ได้ ๓. กำหนดแนวปฏิบัติในการสอนซ่อมเสริม การสอบแก้ตัว กรณีผู้เรียนมีระดับผลการเรียน “๐” และแนวดำเนินการกรณผี ู้เรียนมีผลการเรียนท่ีมเี งือ่ นไข คอื “ ร ” “ มส.” ๔. กำหนดแนวปฏิบตั ิในการอนุมัติผลการเรยี น ๕. กำหนดแนวทางในการรายงานผลการประเมินต่อผู้เก่ยี วข้อง เช่น ผ้ปู กครอง ๖. กำหนดแนวทาง วิธีการในการกำกบั ติดตามการบันทึกผลการประเมินในเอกสารหลักฐาน การศึกษา ทัง้ แบบทห่ี ลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และแบบทสี่ ถานศกึ ษากำหนด

๓๘ การประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ดังนั้นสถานศึกษาต้องวางแผนการพัฒนาความสามารถ ด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ควบคู่ไปกับการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาต่าง ๆ สถานศึกษาอาจกำหนดขั้นตอน ดำเนนิ การ ดงั แผนภาพที่ ๓.๒ ประชุมช้ีแจงแนวการสง่ เสรมิ /พฒั นา กำหนดเกณฑ์ คณะกรรมการพฒั นาและประเมิน การประเมนิ และแนวทางการวัดผลประเมนิ ผล การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ดำเนินการสง่ เสรมิ /พฒั นา ควบคกู่ ับการจัดกิจกรรม ครผู สู้ อน การเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ/โครงการ/กิจกรรมสง่ เสรมิ ครูผสู้ อน ครูทีป่ รกึ ษา/ครูประจำชนั้ วัดผล ประเมนิ ผล บันทึกผล (สรปุ ผล) หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย ประมวลผล สรปุ ผล คณะกรรมการพัฒนาและประเมนิ การ อ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน ไม่ผา่ น ผา่ น ซอ่ มเสริม ดเี ยีย่ ม ดี - ครปู ระจำชน้ั ผ่าน - ครทู ป่ี รกึ ษา บนั ทกึ ผล - นายทะเบยี น แผนภาพที่ ๓.๒ แสดงขน้ั ตอนการพัฒนาและประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นของสถานศกึ ษา

๓๙ แนวดำเนินการพฒั นาและประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน การพัฒนาและประเมินความสามารถการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน สถานศึกษาอาจกำหนด แนวดำเนนิ การ ดงั น้ี ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ของสถานศึกษากำหนด ผลการเรียนรู้ หรือความสามารถ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน จากกลุ่มสาระการเรียนรพู้ ร้อมกำหนด เกณฑ์ตดั สนิ คุณภาพ (ดีเยยี่ ม ดี และ ผ่าน) ให้เหมาะสมกับระดบั การศกึ ษา ๒. ผู้สอนแต่ละกล่มุ สาระออกแบบการประเมิน เพื่อประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ให้เหมาะสมกับผเู้ รียนแต่ละชัน้ ปี และการจดั การเรยี นรู้ในแตล่ ะภาคเรยี น รูปแบบและวธิ กี ารพฒั นาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คณะกรรมการการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น สามารถดำเนินการไดห้ ลายวธิ ีดงั นี้ ๑. ประเมนิ จากผลงานและการเข้าร่วมกจิ กรรม ๑.๑ กรณีท่ีบุคลากรสอนตามเพียงพอ ใช้วิธีการบูรณาการความสามารถ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เข้ากับหน่วยการเรียนรู้ ในรายวิชา ท่ีมีสัดส่วนเพียงพอสามารถเป็นตัวแทนได้ เม่ือนำหน่วยการเรียนรู้ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แต่ละรายวิชาแล้ว มีผลการประเมินของผู้เรียนเป็น ผลงานในหน่วยการเรียนรู้น้ัน ให้นำผลการประเมินน้ันนับเข้าเป็นผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นดว้ ย ๑.๒ กรณีท่ีสถานศึกษามีบุคลากรเพียงพอ นอกจากส่งเสริมและพัฒนาการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในกลุ่มสาระท่ีสอนแล้ว ยังสามารถจัดโครงงาน/กิจกรรมเสริมอีก เช่น โครงการรักการอ่าน การเขียน เป็นต้น การประเมนิ ผลก็ใช้ผลจากการประเมินในกลุ่มสาระและผลจากการเขา้ รว่ มโครงการและ กจิ กรรม ๒. ประเมินจากแบบทดสอบมาตรฐานประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน โดยทดสอบ กับผู้เรียนทุกคน การนำแบบทดสอบมาตรฐานมาใช้ประเมินผลต้องมีความม่ันใจในความเท่ียงตรง (Validity) ความยตุ ิธรรม(Fair) และความเชอื่ ถอื ได้ (Reliability) เกณฑก์ ารตดั สินผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินระดับคุณภาพ ใช้วิธีการที่เหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลซ่ึง ไม่ยงุ่ ยาก ซบั ซ้อน ได้แก่ ฐานนิยม (Mode) แล้วตัดสินผลตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้แกค่ ณะกรรมการ ดำเนินการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน เพื่อดำเนินการส่งเสรมิ พัฒนาต่อไป เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให้กำหนดเป็นระดับคุณภาพดีเย่ียม ดี และผ่าน อย่างไรก็ ตามในกระบวนการพฒั นา สถานศึกษาควรกำหนดให้ผูส้ อนได้ให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนเพ่ือการพฒั นา การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ไดบ้ รรลเุ ป้าหมายของสถานศึกษา การใหข้ อ้ มูลย้อนกลับจะทำไดด้ หี ากมี เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) เป็นแนวทางการกำหนดเกณฑ์การให้คะแนน สถานศึกษาสามารถ ดำเนนิ การได้ดังนี้ ๑. กำหนดระดับคุณภาพตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำหนดไว้ ได้แก่ ดี เยีย่ ม ดี และผ่าน

๔๐ ๒. กำหนดประเดน็ การประเมินใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสามารถทจี่ ะประเมิน เช่น - การนำเสนอเนื้อหา - การใชภ้ าษา ๓. ให้คำอธิบายระดับคณุ ภาพของประเดน็ การประเมนิ ดงั ตัวอยา่ ง ประเดน็ ๓ ระดับคะแนน ๑ การประเมิน - เรยี งลำดบั เรื่องราวได้ ๒ - เรียงลำดับเร่อื งราวได้ การนำเสนอเนอื้ หา เหมาะสม ไม่วกวน แต่มกี ารวกวนบา้ ง - เรยี งลำดบั เรือ่ งราวได้ - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเห็น เหมาะสม ไม่วกวน ประกอบ ประกอบได้อยา่ งมี - แสดงความคดิ เห็น - ขอ้ มูลสนบั สนุน หรอื เหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ ประกอบได้อย่างมี ประเดน็ ยงั ไมช่ ดั เจน - นำเสนอประเดน็ สำคัญ เหตุผล ทีท่ ำใหเ้ ห็นความชัดเจน - นำเสนอข้อมลู ชดั เจน ของเรื่อง แตบ่ างประเด็นไม่ - ประเมนิ สง่ิ ทเ่ี ป็นประโยชน์ ชัดเจน ในการดำเนนิ ชวี ติ ได้ ถกู ต้อง การใชภ้ าษา - เขยี นสะกดคำถูกตอ้ งตาม - เขยี นสะกดคำถูกตอ้ ง - เขียนสะกดคำถูกต้อง ตามอักขรวธิ ี อกั ขรวิธี ตามอักขรวธิ ี - เลอื กใช้คำตรง ความหมาย - เลือกใชค้ ำตรงความหมาย - เลือกใช้คำตรง - ใชภ้ าษาเหมาะสมกับ ความหมาย ระดบั ภาษา - ใชภ้ าษาเหมาะสมกับ - ใชภ้ าษาสอื่ สารตรง ระดับภาษา จุดประสงค์ การประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หมายถึง ลักษณะที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียนอันเป็น คณุ ลักษณะท่ีสังคมตอ้ งการในด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม จิตสำนึก สามารถอย่รู ่วมกบั ผู้อื่นในสังคม ได้อย่างมีความสุข ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กำหนดซึ่ง มีอยู่ ๘ คุณลักษณะ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ นอกจากน้ีสถานศึกษาสามารถกำหนด คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์เพมิ่ เตมิ ให้สอดคล้องกับบรบิ ทและจุดเนน้ ของตนเองได้ การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาจะบรรลุผลได้น้ัน ต้องอาศัยการบริหาร จัดการและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ครูที่ปรึกษา ครูผู้สอน ผู้ปกครองและชุมชนทีต่ ้องมุ่งขัดเกลา บ่มเพาะ ปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใหเ้ กิดขนึ้ แก่ผู้เรยี น

๔๑ ในการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์สามารถกระทำได้โดยนำพฤติกรรมบ่งช้ีหรือพฤติกรรมท่ี แสดงออกของคุณลักษณะแต่ละด้านที่วิเคราะห์ไว้ บูรณาการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้ต่าง ๆ ในกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนและโครงการพิเศษต่าง ๆ ท่ีสถานศึกษาจัดทำขน้ึ เช่น โครงการ วันพ่อ วันแม่แห่งชาติ โครงการลดภาวะโลกร้อน วันรักษ์สิ่งแวดล้อม แห่เทียนพรรษาตามรอยคนดี หรือ กิจกรรมทอี่ งค์กรในทอ้ งถิน่ จดั ขึ้น เป็นต้น สำหรับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น สถานศึกษาควรจัดให้มีการประเมินเป็น ระยะ ๆ โดยอาจประเมินผลเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายภาค รายปีด้วย เพื่อให้มีการส่ังสม และ การพัฒนาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และประเมินผลสรุปเมื่อจบปีสุดท้ายของ แตล่ ะระดับการศึกษา ส่งเสรมิ /พฒั นา ประชุมชีแ้ จงแนวทาง คณะกรรมการพัฒนาและ ผเู้ รยี น การประเมนิ การเกบ็ รวบรวม ประเมินคณุ ลักษณะอัน การรายงานความกา้ วหน้า ไม่ผ่านเกณฑ์ การรายงานผล และสรปุ ผล พงึ ประสงค์ ประเมนิ บันทกึ วเิ คราะห์ แปลผล และ ครูผสู้ อน รายงานผลการประเมิน ครูทป่ี รกึ ษา ครูประจำช้นั หรอื ต่อผู้เกยี่ วขอ้ ง ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย - เกบ็ รวบรวม ทะเบียน-วดั ผล - ประมวลผล - สรุปผล - บนั ทกึ ขอ้ มูลใน ปพ.1 นำข้อมูลที่ไดม้ าวางแผน คณะกรรมการ แผนภาพท่ี ๓.๓ แสดงขั้นตอนการดำเนนิ การวัดและประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของสถานศกึ ษา

๔๒ แนวดำเนนิ การพัฒนาและประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สถานศึกษาควรดำเนินการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นข้ันตอนท่ีชัดเจน สามารถตรวจสอบกลับการดำเนินงานได้ แผนภูมิท่ี ๓.๒ แสดงขั้นตอนการดำเนินการวัดและประเมิน คุณลักษณะอันพงึ ประสงคท์ ่ีสถานศึกษาสามารถนำไปปรับใชต้ ามบรบิ ทของสถานศึกษา โดย ๑) แต่งตั้งคณะกรรมการการพฒั นาและประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของสถานศกึ ษา ๑.๑ กำหนดแนวทางในการพัฒนาและแนวทางการประเมิน เกณฑ์การประเมิน และ แนวทางการปรบั ปรุงแก้ไขปรับพฤติกรรม ๑.๒ พิจารณาตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายปี (ระดับประถมศึกษา) รายภาค (ระดับมัธยมศกึ ษา) และจบการศกึ ษาแต่ละระดับ ๑.๓ จัดระบบการปรบั ปรงุ แก้ไขปรับพฤติกรรมด้วยวิธีการอันเหมาะสมและส่งตอ่ ขอ้ มูลเพื่อ การพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื ง ๒) พิจารณานิยามหรือความหมายของคุณลักษณะแต่ละตัว พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดหรือ พฤติกรรมบ่งชี้หรือพฤติกรรมท่ีแสดงออกของคุณลักษณะแต่ละตัว และหากสถานศึกษาได้กำหนด คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์เพม่ิ เตมิ สถานศึกษาตอ้ งจัดทำนยิ าม พรอ้ มทง้ั ตวั ช้ีวัดเพมิ่ เติมดว้ ย ๓) กำหนดเกณฑ์และแนวทางการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้สอดคล้องกับบริบท และจุดเน้นของสถานศึกษา กำหนดระดับคุณภาพ หรือเกณฑ์ในการประเมินตามที่หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดไว้ ๓ ระดับ คือ ดีเย่ียม ดี และ ผ่าน กำหนดประเด็นการประเมินให้ สอดคลอ้ งกบั ตัวชีว้ ดั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๔) เลอื กใช้วิธีการวเิ คราะหข์ ้อมูลท่ีไม่ยงุ่ ยาก ซบั ซ้อน ไดแ้ ก่ คา่ ฐานนิยม (Mode) แล้วตัดสินผล ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ นำผลการตัดสินให้คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พจิ ารณาเพอ่ื ดำเนินการส่งเสริม พฒั นาตอ่ ไป ๕) ให้ครูผู้สอนแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และผู้ที่ได้รับมอบหมายรับผิดชอบการพัฒนาและ ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกระดับช้ัน เพื่อส่งเสริม พัฒนาความสามารถของตนเองตามความถนัด ความสนใจ ให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวม ของความเป็นมนุษย์ท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม สร้างเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพ่ือสังคมและสามารถบริหาร การจดั การตนเองได้ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน แบ่งเปน็ ๓ ลักษณะ ไดแ้ ก่ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัดและความสนใจ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ด้วยกระบวนการทางจิตวิทยา การแนะแนว ให้สอดคล้องครอบคลุมด้านการศึกษา อาชีพส่วนตัวและสังคม กิจกรรมสำคัญในการพัฒนา ได้แก่ กิจกรรมการรู้จัก เข้าใจและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น กิจกรรมการปรับตัวและดำรงชีวิต กจิ กรรมแสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศ กิจกรรมการตัดสินใจและแก้ปัญหา เป็นต้น

๔๓ ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือ แบ่งปันกัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตาม แผน ประเมนิ และปรับปรงุ การทำงาน เน้นการทำงานร่วมกนั เป็นกลุ่มตามความเหมาะสม และสอดคล้อง กับวุฒิภาวะของผูเ้ รยี น บรบิ ทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถิ่น กิจกรรมนกั เรียนประกอบด้วย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์และนักศึกษาวิชาทหาร เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินยั ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรจู้ ักแกป้ ัญหา การตดั สินใจที่เหมาะสม ความมีเหตผุ ล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การประนีประนอม เพือ่ ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเจรญิ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ทมี่ ีความสมบรู ณ์ พร้อมท้ังด้านร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เป็นตน้ ๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ชมรม เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยเน้นให้ผู้เรียนปฏิบตั ิด้วยตนเอง ต้ังแต่การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม กิจกรรม สำคัญในการพัฒนา ได้แก่ ชุมนุมหรือชมรมต่าง ๆ ท่ีสถานศึกษากำหนดขึ้นตามความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกับวุฒภิ าวะของผู้เรยี นและบรบิ ทของสถานศึกษาและทอ้ งถิน่ ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมทสี่ ง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนได้ทำประโยชน์ ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคม กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดำรงรักษา สืบสานศาสนา ศิลปะ และวัฒนาธรรม กิจกรรมพฒั นานวตั กรรม และเทคโนโลยีเพือ่ สังคม เป็นต้น เวลาเรียนสำหรับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง ในระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ปีละ ๑๒๐ ช่ัวโมง และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔ - ๖ จำนวน ๓๖๐ ช่ัวโมง เป็นเวลาสำหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ในสว่ นกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ให้สถานศึกษาจดั สรรเวลาให้ผู้เรียนดังน้ี ระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๖ รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ช่วั โมง (เฉล่ยี ปลี ะ ๑๐ ชัว่ โมง) ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ รวม ๓ ปี จำนวน ๔๕ ชัว่ โมง (เฉลย่ี ปลี ะ ๑๕ ชั่วโมง) ระดับมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ - ๖ รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉลย่ี ปลี ะ ๒๐ ชัว่ โมง) การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ สามารถนำไปสอดแทรก หรือบูรณา การ ในกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์และนักศึกษาวิชาทหาร ได้ตามความ เหมาะสม ท้ังน้ี การทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ให้ผู้เรียนรายงานแสดงการเข้าร่วม กจิ กรรมและมผี ูร้ ับรองผลการเข้าร่วมกิจกรรมดว้ ย การประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นเง่ือนไขสำคัญประการหน่ึงสำหรับ การเลื่อนชั้นและการจบระดับการศึกษา ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมและปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตลอดจนผ่านการประเมนิ ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด โดยแนวทางการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน มรี ายละเอียดดังแผนภาพที่ ๓.๔

๔๔ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น แนะแนว ลูกเสอื ฯ ผบู้ ำเพ็ญฯ กจิ กรรมเพือ่ สงั คมฯ ชมุ นมุ /ชมรม เกณฑ์การประเมนิ ๑. เวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. การปฏิบตั ิกจิ กรรม ๓. ผลงาน / ชน้ิ งาน ตามเกณฑ์ ประเมิน ไม่ตามเกณฑ์ ไมผ่ า่ น ผ่าน ซ่อมเสริม สง่ ผลการประเมิน แผนภาพท่ี ๓.๔ แสดงข้ันตอนการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน แนวดำเนินการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น สถานศกึ ษาควรมกี ารดำเนนิ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นเปน็ ข้ันตอนทีช่ ัดเจน ๑. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนรายกจิ กรรม มีแนวปฏบิ ัตดิ งั นี้ ๑.๑ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ท่ี สถานศกึ ษากำหนด ด้วยวธิ กี ารท่หี ลากหลาย และใช้การประเมินตามสภาพจริง ๑.๒ ตรวจสอบเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมของผเู้ รยี นวา่ เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนดไวห้ รือไม่ ๑.๓ ในกรณีท่ี กิจกรรมใดต้องใช้เวลาปฏิบัติตลอดปี เม่ือสิ้นภาคเรียนแรก ควรจัดให้มี การประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน เพ่ือสรุปความก้าวหน้า ปรับปรุงแก้ไข และรายงานให้ ผู้ปกครองทราบ (โดยนำผลการประเมินในภาคเรียนแรกไปรวมกับผลการประเมินในภาคเรียนท่ีสอง เพ่ือตัดสินผลการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเม่ือจบปีการศึกษาในระดับประถมศึกษา และเม่ือส้ินภาค เรียนในระดบั มธั ยมศึกษา) ๑.๔ ผู้เรียนท่ีมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ท่ี สถานศึกษากำหนด เป็นผู้ผ่านการประเมินรายกิจกรรมและนำผลการประเมินไปบันทึกในระเบียน แสดงผลการเรยี น ๑.๕ ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม หรือเกณฑ์การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียนหรือทั้งสองเกณฑ์ ถือว่าไม่ผ่านการประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้สอนต้องดำเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผ่าน ท้ังนี้ควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยใหอ้ ยู่ในดลุ พินิจของสถานศกึ ษา

๔๕ ๒. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นเพอื่ เล่ือนชั้นและจบระดับการศึกษา การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อเลื่อนช้ันและจบระดับการศึกษาเป็นการประเมินการผ่านกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เป็นรายปี / รายภาค เพื่อสรุปผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อเลื่อนช้ัน และ ประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่ือการจบแต่ละระดับการศึกษา โดยการดำเนินการดังกล่าวมีแนวปฏิบัติ ดังน้ี ๒.๑ กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียน ทกุ คนตลอดระดบั การศกึ ษา ๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตาม เกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด (เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษากำหนดนั้น ผเู้ รียนจะต้อง ผา่ นกจิ กรรม ๓ กิจกรรมสำคญั ดังน้ี ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซ่ึงได้แก่ (๑) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญ ประโยชน์ และนักศึกษาวชิ าทหาร (๒) กจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม ๓) กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๒.๓ นำเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น เพ่อื ให้ ความเห็นชอบ ๒.๔ เสนอผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านเกณฑ์การจบ แต่ละระดบั การศึกษา ๓. ข้อเสนอแนะ การประเมนิ ผลการเขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนนั้น จะต้องคำนึงถงึ ส่ิงต่อไปน้ี ๓.๑ เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรมของผู้เรียนตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด สถานศึกษาควรกำหนดเวลาไม่ นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ๓.๒ ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด โดยอาจจัด ใหผ้ เู้ รยี นแสดงผลงาน แฟม้ สะสมงานหรือจัดนิทรรศการ ๓.๔ ผู้เรียนทุกคนต้องมีผลการประเมินระดับผ่าน ทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผู้เรียนจึงจะไดผ้ ลการประเมินเป็นผ่าน (ผ) เพอ่ื บันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน ๓.๕ กรณีท่ีผู้เรียนไม่ผ่านกิจกรรม (มผ) ให้เป็นหน้าที่ของครู หรือผู้รับผิดชอบกิจกรรมนั้น ๆ ท่ีจะต้องซ่อมเสริม โดยให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจนครบตามเวลาที่ขาดหรือปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุตาม วัตถุประสงค์ของกิจกรรมน้ัน แล้วจึงประเมินให้ผ่านกิจกรรม เพ่ือบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้รายงานผู้บริหารสถานศึกษาทราบ เพ่ือดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนอย่างเหมาะสม เปน็ รายกรณไี ป ๓.๖ ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หากสถานศึกษามีบุคลากรไม่เพียงพอหรือไม่สามารถจัด กิจกรรมได้อย่างหลากหลาย สถานศึกษาอาจจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการ หรือสอดแทรกใน กิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ เช่นกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมวันสำคัญ กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งสถานศึกษาสามารถดำเนินการประเมินผลการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวและน ำมาเป็นส่วนหนึ่งใน การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook