Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2565

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2565

Published by netnapit89, 2022-07-19 07:54:12

Description: หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2565

Search

Read the Text Version

๘๕ ๒. กิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเดก็ ได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มและ จนิ ตนาการ โดยใช้งานศิลปะหรือวิธีการอน่ื ๆ ๓. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กได้ใช้การรับรู้ทางสมองและสั่งร่างกาย เคลื่อนไหวในส่วนต่าง ๆ โดยใช้เสียงเพลง จังหวะและดนตรี นอกจากนี้ยังส่งเสริมจินตนาการและความคิด สรา้ งสรรค์

๘๖ ๔. กจิ กรรมกลุ่มใหญ่ หรือ กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ หรือ กิจกรรมในวงกลม เปน็ กิจกรรมที่มุ่งเน้น ทักษะการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องเป็นกระบวนการพัฒนาภาษา การคิด การแก้ปัญหา เพื่อให้เด็ก สรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง ฝึกการทำงานร่วมกันเปน็ กล่มุ ใหญ่ กลมุ่ ยอ่ ย จำเปน็ ตอ้ งใช้เทคนคิ วิธกี าร รูปแบบ การเรียนการสอนที่หลากหลาย เช่น การสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การเล่านิทาน การสาธิต การทดลอง ปฏิบัติการ การศึกษานอกสถานที่ การเล่นบทบาทสมมติ การใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ ตา่ ง ๆ ๕. กิจกรรมกลางแจง้ เปน็ กจิ กรรมท่ีเด็กไดม้ ีโอกาสไปนอกห้องเรียนเพื่อ ออกกำลงั กายเคลื่อนไหว ร่างกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ อาจเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระ เช่น การวิ่ง เดิน ปีนป่าย การเดินทรงตัว การเล่นกับเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์กีฬา เกมการละเล่นต่าง ๆ หรือ การเล่นน้ำและทราย การเล่นมุมช่างไม้

๘๗ ๖. กจิ กรรมเกมการศึกษา เป็นการเลน่ กับสื่อ / ของเลน่ ท่สี ่งเสรมิ พัฒนาการทางสตปิ ญั ญา มีกฎกติกา งา่ ยๆ ฝึกทักษะการคดิ ตา่ ง ๆ ทักษะทางภาษา คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ การสรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้มีความสำคัญเนื่องจากหลักสูตรกำหนดว่าเด็กจะเรียนรู้ทั้งใน สภาพแวดล้อมห้องเรียนและนอกห้องเรียน สถานศึกษาจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศการเรียนรู้โดยคำนึงถึง ธรรมชาติ ความต้องการ ความสนใจ และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยซึ่งเรียนรู้ผ่านการเล่น เรี ยนรู้จาก ประสบการณ์ตรงซึ่งสถานศึกษาจะต้องแสดงภาพของสภาพแวดล้อมในห้องเรียนและนอกห้องเรียนที่มีท้ัง ด้านจติ ภาพและกายภาพไว้เป็นแนวทางในการปฏิบตั ิอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้การพัฒนาเด็กบรรลุจุดมุ่งหมาย ของหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ มีประเด็นสำคัญดังน้ี เรยี นรผู้ า่ น สะอาด เลน่ อสิ ระ การเล่น ปลอดภัย อยา่ งมวี ินยั ความ บรรยากาศ สะดวกใน เพยี งพอ การเรยี นรู้ การทำกจิ กรรม มีความพร้อม ของสถานท่ี

๘๘ สภาพแวดล้อมในห้องเรยี น บรรยากาศภายในห้องเรยี นดา้ นจิตภาพของเด็กปฐมวัยต้องมีความปลอดภยั ความสะอาด มคี วามเป็น ระเบียบ เด็กมีความเปน็ ตัวของตัวเอง เดก็ รูส้ กึ อบอนุ่ ม่นั ใจ เปน็ มติ ร และเปน็ สขุ สำหรบั บรรยากาศด้านกายภาพประกอบด้วย ๑. พ้นื ท่อี ำนวยความสะดวกเพ่ือเด็กและผู้สอน ๑.๑ ทเี่ ก็บแฟม้ ผลงานของเด็ก อาจจดั ทำเป็นกล่องหรอื จดั ใสแ่ ฟ้มรายบคุ คล ๑.๒ ที่เก็บเครือ่ งใช้ส่วนตวั ของเด็ก อาจทำเป็นช่องตามจำนวนเด็ก ๑.๓ ที่เก็บเคร่ืองใชข้ องผสู้ อน เชน่ อปุ กรณก์ ารสอน ของสว่ นตัวผูส้ อน ฯลฯ ๑.๔ ป้ายนิเทศตามหนว่ ยการสอนหรือสิ่งท่ีเด็กสนใจ ๒. พนื้ ท่ีปฏิบัตกิ ิจกรรมและการเคลื่อนไหว ต้องกำหนดใหช้ ัดเจน ควรมีพน้ื ท่ีทีเ่ ด็กสามารถจะทำงานได้ ด้วยตนเอง และทำกิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจาก กิจกรรมหน่ึงไปยังกจิ กรรมหนึง่ โดยไม่รบกวนผ้อู ื่น ๓. พื้นท่จี ดั มุมเลน่ หรอื มุมประสบการณ์ สามารถจดั ไดต้ ามความเหมาะสมขึ้นอย่กู ับสภาพของห้องเรียน จัดแยกสว่ นท่ใี ช้เสียงดงั และเงียบยออกจากกัน เชน่ มุมบล็อกอยูห่ ่างจากมุมหนงั สือ มมุ บทบาทสมมติอย่ตู ิดกับ มมุ บล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้กับมุมศลิ ปะ ฯลฯ ทสี่ ำคัญจะต้องมีของเลน่ วัสดุอปุ กรณ์ในมุมอย่างเพียงพอ ต่อการเรียนรู้ของเด็ก การเล่นในมุมเล่นอย่างเสรี มักถูกกำหนดไว้ในตารางกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้โอกาส เด็กได้เล่นอย่างเสรีประมาณวันละ ๖๐ นาที การจัดมุมเล่นได้แก่ มุมบล็อก มุมหนังสือ มุมบทบาทสมมติ มุม วทิ ยาศาสตร์ มมุ ศลิ ปะ ผ้สู อนควรคำนึงถึงส่งิ ต่อไปน้ี ๓.๑ ในห้องเรียนควรมมี ุมเลน่ อย่างนอ้ ย ๓ – ๕ มมุ ทง้ั นี้ขน้ึ อยู่กับพนื้ ทข่ี องห้อง ๓.๒ ควรมีการผลัดเปล่ียนส่ือการเลน่ ตามมมุ บา้ ง ตามความสนใจของเดก็ ๓.๓ ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมุมเล่น เช่น เด็กเรียนรู้เรื่องผีเสื้อ ผู้สอนอาจจัดให้มีการเลี้ยงหนอน หรือมีผีเสื้อสต๊าฟใส่กล่องไว้ให้เด็กดูในมุมธรรมชาติศึกษาหรือมุม วทิ ยาศาสตร์ ฯลฯ ๓.๔ ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมเล่น ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็นเจ้าของ อยากรู้ อยากเข้าเล่น ๓.๕ ควรเสริมสร้างวินัยให้กับเด็ก โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าเมื่อเล่นเสร็จแล้วจะต้องจัดเก็บอุปกรณ์ ทุกอย่างเขา้ ท่ใี ห้เรยี บรอ้ ย

๘๙ มมุ บลอ็ ก มมุ หนังสือ

๙๐ มุมวทิ ยาศาสตร์ มมุ ศลิ ปะ

๙๑ สภาพแวดล้อมนอกห้องเรยี น สภาพแวดลอ้ มนอกห้องเรยี น คือ การจัดสภาพแวดลอ้ มภายในอาคารบรเิ วณรอบ ๆ โรงเรยี นรวมท้ังจัด สนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสนาม จัดระวังรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณโรงเรียน และบริเวณรอบ นอกโรงเรียน ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นรอบ ๆ บริเวณสถานศึกษา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นส่วนหนึง่ ที่สง่ ผลตอ่ การเรียนรแู้ ละพัฒนาการของเด็ก บรเิ วณสนามเดก็ เล่น สนามเด็กเล่น ควรมีพื้นผิวหลายประเภท เช่น ดิน ทราย หญ้า พื้นที่สำหรับเล่นของเล่นที่มีล้อ รวมท้ัง ที่ร่ม ที่โล่งแจ้ง พื้นดินสำหรับขุด ที่เล่นน้ำ บ่อทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น เครื่องเล่นสนามสำหรับ ปีนป่าย ทรงตัว ฯลฯ ท้งั นีต้ อ้ งไม่ตดิ กับบรเิ วณทม่ี อี ันตราย ต้องหมน่ั ตรวจตราเครอ่ื งเลน่ ให้อยู่ในสภาพแข็งแรง ปลอดภยั อยู่เสมอ และหมั่นดแู ลเรอื่ งความสะอาด ท่ีน่งั เลน่ พักผอ่ น จดั ทนี่ ่งั เลน่ ไว้ใตต้ ้นไม้มีร่มเงา อาจใช้กิจกรรมกลุม่ ย่อย ๆ หรอื กิจกรรมทตี่ ้องการความ สงบ หรืออาจจดั เปน็ ลานนิทรรศการใหค้ วามรแู้ ก่เดก็ และผปู้ กครอง สนามเด็กเลน่

๙๒ ลานกจิ กรรม สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ส่ือเพ่ือการเรียนรู้สำหรบั เด็กปฐมวยั เปน็ ตวั กลางในการถ่ายทอดเร่ืองราวเน้ือหาจากครูหรือจากท่ีครูจัด เด็กได้ลงมือกระทำ สัมผัส ค้นหา ด้วยตนเองเพื่อทำให้เด็กเกิดความเข้าใจได้เร็วขึ้น อยากเรียนรู้และอยากมา โรงเรียน ซึ่งประเมินได้จากผลลัพธ์การเรียนรู้ที่เกิดกับเด็กปฐมวัย สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็ก ปฐมวยั ทั้งทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ควรมสี ื่อทั้งทเ่ี ป็นประเภท ๒ มติ ิ และ/หรือ ๓ มิติ ที่เป็นสื่อของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก สื่อสะท้อนวัฒนธรรม สื่อที่ปลอดภัยต่อตัวเด็ก สื่อเพื่อ พัฒนาเด็กในด้านต่าง ๆ ให้ครบทุกด้าน สื่อที่เอื้อให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยการจัดการใช้ส่ือ เริ่มต้นจาก สื่อของจริง ภาพถ่าย ภาพโครงร่าง และสัญลักษณ์ ทั้งนี้การใช้สื่อต้องเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจและความต้องการของเด็กที่หลากหลาย โรงเรียนควรนำเสนอที่มีอยู่ หรือจัดหาในหลักสูตรสถานศึกษาทั้งในรูปแบบการบรรยายและภาพถ่าย เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมเสรี/เล่น ตามมุม กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ เกมการศกึ ษา กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ และกจิ กรรมกลางแจง้ ควรเสนอ ทั้งการเลือกสือ่ การจัดหาสื่อ การประเมนิ การใช้สื่อ

๙๓ แหลง่ เรยี นรู้ในโรงเรยี นและในชุมชน แหลง่ เรยี นรูภ้ ายในโรงเรียน เปน็ แหล่งท่ีให้ขอ้ มูลขา่ งสาร ความรู้ ซงึ่ จดั ไวภ้ ายในโรงเรียน เพ่ือให้ผู้เรียน สามารถศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ได้ภายในโรงเรียน ในการจัดและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของแต่ละโรงเรียนมีความ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละโรงเรียน ตัวอย่างแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด โรงเรียน ห้องปฏบิ ัตกิ าร แหลง่ ธรรมชาตใิ นโรงเรยี น สวนต่าง ๆ ในโรงเรียน ฯลฯ แหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียน เป็นสถานที่ บุคคล เรื่องราว วัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่นและวันสำคัญ ทางราชการ ที่มีอยู่ในชุมชน ท้องถิ่น และเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูล ความรู้หลากหลาย ประเภทแหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชน/ท้องถนิ่

๙๔ การประเมินพฒั นาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติที่จัดให้เดก็ ในแต่ละวัน ผลที่ได้จากการสังเกตพัฒนาเด็กต้องนำมาจัดทำสารนิเทศหรือจัดทำข้อมูลหลักฐานหรือเอกสาร อย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานสำหรับเด็กเป็นรายบุคคลทีส่ ามารถบอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่ เด็กได้รับว่าเด็กเกิดการเรียนรู้และมีความก้าวหน้าเพียงใด ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเดก็ มา พิจารณา ปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรม และส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของ หลักสตู รอยา่ งต่อเนือ่ ง การประเมินพฒั นาการควรยดึ หลัก ดงั นี้ ๑. วางแผนการประเมินพฒั นาการอย่างเป็นระบบ ๒. ประเมินพฒั นาการเดก็ ครบทุกดา้ น ตามมาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ตัวบ่งช้ี และสภาพที่พงึ ประสงค์ ๓. ประเมินพฒั นาการเด็กเป็นรายบคุ คลอยา่ งสมำ่ เสมอต่อเนอ่ื งตลอดปี ๔. ประเมนิ พัฒนาการตามสภาพจรงิ จากกจิ กรรมประจำวันดว้ ยเครอื่ งมือและวิธีการทีห่ ลากหลาย ไมค่ วรใช้แบบทดสอบ ๕. สรุปผลการประเมนิ จดั ทำขอ้ มลู และนำผลการประเมนิ ไปใชพ้ ัฒนาเด็ก สำหรับวิธีการประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี ได้แก่ การสังเกต การบันทึก พฤติกรรม การสนทนากับเด็ก การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลงานเด็กที่เก็บอย่างมีระบบ (รายละเอยี ดของเกณฑก์ ารประเมนิ ใหศ้ กึ ษาจากคมู่ ือหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐) การบริหารจัดการหลกั สูตร การนำหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั สู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของหลักสูตรผู้เกี่ยวข้อง กับการบริหารหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ผู้สอน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และชุมชน มีบทบาทสำคัญยิง่ ต่อการพฒั นาคณุ ภาพของเดก็ ๑. บทบาทผบู้ รหิ ารสถานศึกษาปฐมวัย การจัดการสถานศึกษาแก่เด็กปฐมวัยในระบบสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหาร สถานศกึ ษาควรมีบทบาท ดงั น้ี ๑.๑ ศกึ ษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและมวี ิสยั ทัศนด์ ้านการจดั การศึกษาปฐมวัย ๑.๒ สร้างความตระหนักใหแ้ ก่ครู บุคลากรโดยการประชุมชี้แจงความสำคัญและความจำเป็นที่ต้อง ร่วมมอื กันบรหิ ารจดั การหลกั สตู รสถานศึกษา ๑.๓ แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและงานวิชาการโรงเรียน ๑.๔ จัดทำโครงการ งบประมาณเพ่ือปรับปรุงหลกั สูตรสถานศกึ ษา ๑.๕ แต่งตง้ั คณะกรรมการปรงั ปรงุ หลกั สูตรสถานศึกษาเพ่ือดำเนินการ ดงั น้ี ๑) ประเมนิ ผลการใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษาเดมิ

๙๕ ๒) ระดมความคิดเห็น การวิเคราะห์ สภาพ/ปัญหาการจัดการศึกษาที่ผ่านมา ผลการประเมิน พัฒนาการเด็ก ความสำเร็จ จุดเด่น ความทันสมัย การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษา ปฐมวัย สภาพสังคมวัฒนธรรม ความต้องการของโรงเรียนเพื่อนำไปสูก่ ารออกแบบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ของโรงเรียน และร่วมกันกำหนดวสิ ัยทัศน์ของโรงเรยี น ๓) ออกแบบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกับคณะกรรมการจัดทำร่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย โดยครู บุคลากรและชมุ ชนมีส่วนรว่ มมนการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ และสาระการเรยี นรู้ การพจิ ารณานำ ความร้ทู ีเ่ ปน็ ข้อมลู ในชุมชน ทอ้ งถ่ิน ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ มาบรรจุในหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ๑.๖ นำร่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเสนอต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ โรงเรยี นเพอื่ ให้ขอ้ เสนอแนะและปรบั ปรงุ ตามข้อเสนอแนะ ๑.๗ ขออนุมัติต่อกรรมการสถานศึกษา/คณะกรรมการบริหารโรงเรียน (สช.) และประกาศการใช้ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย โดยรายงานการดำเนินการต่อกรรมการสถานศึกษา เปิดโอกาสให้คณะกรรมการ สถานศึกษาได้วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน และเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาหลักสู ตรการศึกษา ปฐมวัย คณะกรรมการสถานศึกษาให้ความเห็นชอบและจดั ทำประกาศการใช้หลักสตู รการสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑.๘ จัดทำข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้เพื่อไปจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษาของโรงเรียนให้สอดคล้องกบั จุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๙ การรับและพฒั นาครู ดำเนนิ การโดยคัดเลือกบุคลากรท่ีทำงานกับเด็ก เช่น ผู้สอน พี่เล้ียงอย่าง เหมาะสม โดยคำนึงถึงคุณสมบัติหลักตามเกณฑ์ และพัฒนาบุคลากรให้พร้อมดำเนินงานตามที่ออกแบบ หลักสูตรไว้ พัฒนาครูประจำการให้สามารถใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้ตามวัตถุประสงค์ และมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ของหลกั สตู ร ๑.๑๐ จัดทำโครงการ/งบประมาณสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อม ตลอดจนสือ่ วัสดุ อปุ กรณ์ท่ีเอื้ออำนวยตอ่ การเรยี นรู้ และกจิ กรรมเสริมหลกั สูตร ๑.๑๑ นิเทศ กำกับ ติดตามการใช้หลักสูตร ซึ่งครูเป็นผู้นำหลักสูตรไปออกแบบหน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั ประสบการณ์/แผนการจัดประสบการณ์ โดยจดั ให้มกี ารนเิ ทศภายในอย่างมรี ะบบ ๑.๑๒ นิเทศ กำกับ ติดตามการประเมินผลการเรียนรู้ และประเมินพัฒนาการเด็กตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึงประสงค์ ตรวจสอบการประเมินผลการเรียนรู้ การรายงานผลการดำเนินการสอนของ ครู รายงานการประเมนิ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยระหว่างการใช้หลักสูตรทุกปีการศึกษา ปรบั ปรุงหลักสูตรให้ มคี วามทนั สมยั สอดคลอ้ งกับการเปลีย่ นแปลงทางนวตั กรรมและเทคโนโลยี ๑.๑๓ กำกับ ติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและนำผลการประเมินไปใช้ใน การปรบั ปรงุ หลกั สตู รเพื่อการพฒั นาคุณภาพเด็ก ๑.๑๔ กำกับ ติดตาม ให้มีการประเมินการนำหลักสูตรไปใช้เมื่อครบรอบปีที่ ๓ เพื่อนำผลจาก การประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสตู รการศึกษาปฐมวัยให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบทสังคมและให้มีความทันสมัย

๙๖ ๒. ผู้สอนระดับปฐมวยั ในบทบาทผ้นู ำหลกั สูตรไปใช้ ผู้สอนร่วมเป็นกรรมการจัดทำหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ศึกษาผลลัพธ์การเรียนรู้ตามมาตรฐาน ร่วมกำหนดสาระการเรียนรู้รายปี สำหรับการวางระบบผู้สอน และกระบวนการจัดการเรียนการสอนคำนึงถึง ความสามารถและความเชีย่ วชาญการพัฒนาคุณภาพเดก็ โดยถือว่าเด็กมคี วามสำคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการ เรียนการสอนสำหรับยุคศตวรรษที่ ๒๑ ต้องส่งเสริมให้เด็กพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคล้องกับพัฒนาการ และเต็มตามศักยภาพ ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก เป็นโค้ช ดังนั้น ผู้สอนจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะทำให้ กระบวนการจัดการเรยี นรดู้ งั กล่าวบรรลุผลอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ผู้สอนจึงควรมีบทบาทหนา้ ท่ี ดงั นี้ ๒.๑ บทบาทของผู้สอนในฐานะผใู้ ชห้ ลักสูตร ๑) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และวิเคราะห์ความสอดคล้องของมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพ ที่พึงประสงค์ กับสาระการเรียนรู้รายปี ๒) จัดทำแผนการจัดประสบการณ์ท่ีเน้นเด็กเป็นสำคัญ หรือแผนการจัดการเรียนรู้ให้เดก็ มีอิสระการเรียนรู้ทั้งกายและใจ จัดประสบการณ์/จัดการเรียนรู้โดยเปิดโอกาสให้เด็กเล่น/ทำงานและเรียนรู้ ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม สอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวัง ทดสอบใช้นวัตกรรมการเรียนการสอน การประเมนิ พัฒนาการทีม่ คี วามทันสมยั ดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามวงจรคณุ ภาพ PDCA ๓) จัดสภาพแวดลอ้ มตลอดจนสือ่ วสั ดุ อปุ กรณท์ เี่ อ้อื อำนวยต่อการเรียนรู้ ๔) จดั กจิ กรรมเสริมหลกั สูตร/กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ๕) ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ และประเมินพัฒนาการเด็กตามมาตรฐาน ตัวบังชี้ และ สภาพที่พึงประสงค์ ตรวจสอบการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ การรายงานผลการดำเนินการสอนของครู ร่วมจัดทำรายงานการประเมินหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยระหว่างการใช้หลักสูตรทุกปีการศึกษา ปรับปรุง หลักสูตรใหม้ ีความทันสมัยสอดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงทางนวตั กรรมและเทคโนโลยี ๖) จัดทำวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนำไปปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ และ พฒั นาสอ่ื การเรียนรู้ ๗) จัดส่งเอกสาร หลักฐานเพื่อจัดทำข้อมูลการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและ นำผลการประเมินไปใชใ้ นการปรับปรุงหลักสูตรเพอื่ การพฒั นาคุณภาพเด็ก ๘) ประเมินการนำหลักสูตรไปใช้เมื่อครบรอบปีที่ ๓ เพื่อนำผลจากการประเมินมา ปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก ชุมชน ท้องถิ่น และใหม้ ีความทันสมยั ๒.๒ บทบาทในฐานะผ้ดู ูแลเดก็ /กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น/เสริมหลักสูตร ๑) สังเกตและสง่ เสรมิ พฒั นาการเด็กทุกด้านทั้งทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคมและ สตปิ ัญญา ๒) ฝกึ ใหเ้ ดก็ ช่วยเหลอื ตนเองในชวี ติ ประจำวนั ๓) ฝึกใหเ้ ด็กมคี วามเช่อื ม่ัน มคี วามภูมใิ จในตนเองและกลา้ แสดงออก ๔) ฝกึ การเรยี นรู้หนา้ ท่ี ความมวี ินัย และการมนี สิ ยั ท่ดี ี

๙๗ ๕) จำแนกพฤตกิ รรมเดก็ และสร้างเสริมลักษณะนิสัยและแกป้ ัญหาเฉพาะบคุ คล ๖) ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพื่อให้เด็กได้พัฒนาเต็ม ตามศักยภาพและมมี าตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ๓. บทบาทของพ่อแม่หรอื ผ้ปู กครองเด็กปฐมวัย การศึกษาระดับปฐมวยั เปน็ การศกึ ษาทีจ่ ดั ให้แก่เด็กท่ีผู้สอนและพ่อแม่หรือผูป้ กครองต้องสื่อสาร กันตลอดเวลา เพื่อความเขา้ ใจตรงกันและพรอ้ มรว่ มมือในการจัดการศกึ ษาให้กับเดก็ พอ่ แม่หรอื ผู้ปกครองควร มบี ทบาทหน้าที่ ดงั นี้ ๓.๑ มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการจัดประสบการณ์การศึกษาปฐมวัยและให้ความเห็นชอบ กำหนดสาระการเรียนรู้รายปี แผนการเรยี นรู้ของเด็กรว่ มกบั ผู้สอนและเด็ก ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของการศึกษาปฐมวัย และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็ก ตามศักยภาพ สนบั สนุนทรัพยากรเพือ่ การศกึ ษาตามความเหมาะสมและจำเปน็ ๓.๓ มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กและในการประเมินการจัดการศึกษาของ การศกึ ษาปฐมวัย ๔. บทบาทชมุ ชน ชุมชนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในการมีส่วนร่วมในการจัดศึกษา โดย การประสานความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ดงั นน้ั ชุมชนจงึ มบี ทบาทในการจัดการศึกษา ปฐมวัย ดังนี้ ๔.๑ มีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม/ ชมรมผปู้ กครอง ๔.๒ มสี ่วนรว่ มในการจดั ทำแผนพัฒนาการศกึ ษาปฐมวยั เพ่ือเปน็ แนวทางในการดำเนนิ การของ สถานศึกษา ๔.๓ เป็นแหล่งเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ให้เด็กได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์จาก สถานการณจ์ ริง ๔.๔ ส่งเสริมให้การระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยาการภายนอกและภูมิปัญญา ท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารีตประเพณี ศิลปะวัฒนธรรมของท้องถ่ิน และของชาติ ๔.๕ ประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพ่ือให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยาการของ ชมุ ชน และมสี ่วนรว่ มในการพฒั นาชุมชนและทอ้ งถ่นิ ๔.๖ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ทำหน้าท่ี เสนอแนะในการพฒั นาการจัดการศกึ ษาปฐมวัย

๙๘ การจดั การศึกษาปฐมวยั (เด็กอายุ ๓ – ๔) สำหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศกึ ษาระดับปฐมวยั สำหรับกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะสามารถนำหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยไปปรับ ใช้ได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ และการประเมินพัฒนาการให้ เหมาะสมกบั สภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภท เพ่ือพัฒนาให้เดก็ มีคุณภาพตาม มาตรฐานคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่หี ลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยกำหนด โดยดำเนนิ การ ดังน้ี ๑. การกำหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่ พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลือกหรือปรับใช้ ตัวบ่งชี้ และสภาพที่ พึงประสงค์ในการพัฒนาเด็ก เพื่อนำไปจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนาการของ เด็กทง้ั ดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา ๒. การประเมินพัฒนาการเด็กจะต้องคำนึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กที่มีความพิการแต่ ละดา้ น อาจตอ้ งมกี ารปรับการประเมินพัฒนาการทีเ่ อื้อต่อสภาพความพิการของเด็ก ทงั้ วธิ ีการและเคร่ืองมือท่ี ใช้ควรใหส้ อดคลอ้ งกบั เด็กกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะดา้ นดังกลา่ ว ๓. สถานศึกษาที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านควรได้รับการสนับสนุนครูพี่เลี้ยงให้การดูแลช่วยเหลือ และส่งเสริมพัฒนาการ กรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตามเป้าหมายควรมี การส่งตอ่ ไปยังสถานพัฒนาเดก็ ท่มี ีความต้องการพเิ ศษเพื่อให้ได้รับการพัฒนาต่อไป การสรา้ งรอยเชือ่ มต่อระหวา่ งการศกึ ษาระดับปฐมวยั กับระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ การสร้างรอยเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี สามารถพัฒนาการ เรียนรู้ได้อย่างราบรื่น การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบ ผลสำเร็จได้ บคุ ลากรทุกฝ่ายทีเ่ กี่ยวขอ้ งต้องดำเนนิ การดังต่อไปน้ี ๑. ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้างรอบเชื่อมต่อระหว่างหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยกบั หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐานในชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยต้องศึกษาหลักสูตร ทั้งสองระดับ เพื่อทำความเข้าใจและจัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการที่จะเอื้อต่อการเชื่อมต่อการศึกษา โดยดำเนนิ การดังน้ี ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษา ร่วมกันสร้างความเข้าใจรอย เชอื่ มต่อของหลกั สูตรทง้ั สองระดบั ให้เปน็ แนวปฏิบัตขิ องสถานศกึ ษา ๑.๒ จดั หาเอกสารหลักสูตรและเอกสารทางวชิ าการของทัง้ สองระดบั มาไวใ้ ห้ผูส้ อนและบุคลากรอ่นื ๆ ได้ศกึ ษาทำความเข้าใจ อย่างสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จดั กจิ กรรมให้ผู้สอนท้ังสองระดบั มโี อกาสแลกเปลีย่ นและเผยแพร่ความรใู้ หมๆ่ ร่วมกนั ๑.๔ จัดหาสอ่ื วัสดอุ ปุ กรณ์ และจดั สภาพแวดล้อมท่ีสง่ เสริมการสรา้ งรอยเช่อื มตอ่

๙๙ ๑.๕ จัดกิจกรรมให้ความรู้ กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ และจัดทำเอกสารเผยแพร่ให้กับพ่อแม่ ผปู้ กครองอย่างสมำ่ เสมอ ในกรณีที่โรงเรียนไม่มีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ในสถานศึกษาของตนเอง ผู้บริหารสถานศึกษาควรทำ โครงการ การเตรียมความพร้อมสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ประสานกับสถานศึกษาที่คาดว่าเด็กจะไปเข้าเรียน เพ่อื มาอธบิ าย เพื่อสรา้ งความเขา้ ใจให้พ่อแม่ ผปู้ กครองในการช่วยเหลือเด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสถานศึกษา ใหมไ่ ด้ ๒. ผสู้ อนระดับปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนใน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ และสรา้ งความเขา้ ใจใหก้ ับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรอ่ืน ๆ รวมทั้งชว่ ยเหลอื เด็กใน การปรับตวั ก่อนเลื่อนขนั้ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ โดยผสู้ อนควรดำเนินการ ดังน้ี ๒.๑ เกบ็ รวบรวมข้อมลู ของตัวเดก็ เพอื่ ส่งต่อผ้สู อนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ที่ดีเพื่อให้เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ในระดับชั้ น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทำความรู้จักกับผู้สอน ตลอดจนการสำรวจสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ ของห้องเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๒.๔ จัดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ หนังสือที่เหมาะสมในช่วง ๑ เดือนปลายปีสุดท้ายให้มีประสบการณ์พื้นฐาน ทสี่ อดคลอ้ งกบั รอยเชือ่ มตอ่ ในการเรยี นระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ๓. ผู้สอนระดบั ประถมศกึ ษา ผู้สอนระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัย และเจตคติที่ดีต่อ การจัดประสบการณ์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการเรียนรู้ในระดับ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ใหต้ ่อเนอ่ื งกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวยั โดยการดำเนินการ ดงั นี้ ๓.๑ จัดกจิ กรรมใหเ้ ด็ก พ่อแม่ และผปู้ กครอง มีโอกาสไดท้ ำความรู้จกั คนุ้ เคยกบั ผู้สอนและหอ้ งเรียน ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ กอ่ นเปิดภาคเรยี น ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ภายใน ห้อง เพ่ือใหเ้ ดก็ ได้มโี อกาสทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ เชน่ มุมหนงั สือ มุมเกมการศึกษา มมุ ของเล่น เพ่ือช่วยให้ เด็กช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ไดป้ รบั ตวั และเรยี นรู้จากการปฏิบัตจิ ริง ๓.๓ จดั กิจกรรมร่วมกันกับเดก็ ในการสรา้ งข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตน ๓.๔ จดั กิจกรรมช่วยเหลอื ส่งเสริมการเรยี นรู้ใหก้ บั เด็กตามความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ๓.๕ เผยแพรข่ ่าวสารด้านการเรยี นรู้และสร้างความสมั พนั ธ์ทีด่ กี บั เด็ก พอ่ แม่ ผปู้ กครองและชุมชน

๑๐๐ ๔. พอ่ แม่ ผปู้ กครอง พ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสรมิ การศึกษาของบุตรหลานและ เพื่อช่วยบตุ รหลานของตนเองในการศึกษาต่อช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ พ่อแม่ ผปู้ กครองควรดำเนนิ การดงั นี้ ๔.๑ ศกึ ษาและทำความเขา้ ใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ ๔.๒ จดั หาหนังสอื อุปกรณ์ทเี่ หมาะสมกบั วัยเดก็ ๔.๓ มปี ฏสิ มั พันธ์ท่ดี ีกับบุตรหลาน ใหค้ วามรกั ความเอาใจใส่ ดูแลบตุ รหลานอยา่ งใกลช้ ดิ ๔.๔ จัดเวลาในการทำกจิ กรรมรว่ มกบั บุตรหลาน เชน่ เล่านทิ าน อา่ นหนังสอื ร่วมกัน สนทนาพูดคุย ซักถามปญั หาในการเรยี น ใหก้ ารเสริมแรงและให้กำลังใจ ๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศกึ ษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลาน เพื่อช่วยให้บุตรหลานของตน ปรับตัวไดด้ ขี ้ึน

๑๐๑ ภาคผนวก

๑๐๒

๑๐๓ โรงเรียนวดั บา้ นโปง่ “สามัคคีคุณปู ถมั ภ”์ WATBANPONG SAMAKKEEKHUNUPATHAM SCHOOL ๑ ถ.ราษฎรร์ ่วมใจ ต.บา้ นโปง่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ๗๐๑๑๐ Tel : ๐๓๒๒๑๑๗๐๑ Fax : ๐๓๒๒๐๑๔๘๑ E-mail : [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook