Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้-คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

แผนจัดการเรียนรู้-คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

Published by Kru IT Krakk, 2021-07-09 07:53:21

Description: แผนจัดการเรียนรู้-คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

Search

Read the Text Version

แผนจดั การเรียนรูแ้ บบสมรรถนะอาชีพ รหสั 2001-2001 วิชา คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 จดั ทำโดย นายนติ ิโรจน์ มีพวงผล วุฒิ เทคโนโลยบี ัณฑติ (เทคโนโลยคี อมพิวเตอร)์

คำนำ แผนจัดการเรยี นรู้วิชา การคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี รหสั วิชา 2001-2001 จัดทำข้นึ โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปน็ แนวทางในการจดั การเรยี นการสอนในรายวิชาดังกลา่ ว ตาม หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556 โดยจดั แบง่ หนว่ ยการเรยี นออกเปน็ 9 หน่วย ใช้ เวลาการเรียนการสอนทง้ั สิ้น 54 คาบ แตล่ ะหน่วยไดก้ ำหนดหัวขอ้ การเรียนรู้ วตั ถปุ ระสงค์การเรยี น สมรรถนะในการเรยี นรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใชก้ ารบรรยายประกอบการสาธิต และการ แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมตามงานท่มี อบหมาย เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนรว่ มในการเรียนท้ังในดา้ นการแสดง ความคิดเหน็ การนำเสนอ และการทำงานรว่ มกัน ผจู้ ัดทำหวังว่าแผนการสอนนี้ จะเปน็ ประโยชน์ต่อการจดั การเรยี นการสอน และก่อใหเ้ กิด ผลสัมฤทธิ์ที่ดตี อ่ การเรยี นของนักเรียน-นกั ศกึ ษา รวมท้งั เปน็ แนวทางนำไปปรบั ปรงุ การเรียนการสอน ใหด้ ีขึ้นในโอกาสต่อไป นายนิตโิ รจน์ มีพวงผล

สารบญั หนา้ ชื่อหน่วย คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ ระบบปฏบิ ตั กิ าร การใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ต โปรแกรมประมวลผลคำ เครอ่ื งมือช่วยงานใน Microsoft Word โปรแกรมตารางงาน การใช้ฟังกช์ ันและการสรา้ งแผนภมู ิ การใช้โปรแกรมนำเสนองาน จริยธรรมและความรบั ผดิ ชอบในการใชง้ านคอมพิวเตอร์

แผนการสอน/แผนจัดการเรียนรู้ หลกั สูตร ประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556 รหสั วชิ า 2001-2001 ชือ่ วชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี จำนวน 2 หน่วยกติ เวลาเรยี น 3 คาบ/สัปดาห์ ระยะเวลา 18 สปั ดาห์ จำนวนคาบเรยี นรวม 54 คาบ จุดประสงค์รายวชิ า 1. เข้าใจหลกั การและกระบวนการดา้ นคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่องาน อาชีพการใช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ และการสอื่ สารขอ้ มลู สารสนเทศใน งานอาชีพ 2. สามารถสบื คน้ และสอ่ื สารข้อมลู โดยใชอ้ ินเทอร์เนต็ ใช้ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมสำเรจ็ รปู ตามลกั ษณะงานอาชีพ 3. มีคุณธรรม จรยิ ธรรมและความรับผิดชอบในการใชค้ อมพวิ เตอร์กับระบบสารสนเทศ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลกั การและกระบวนการใชค้ อมพวิ เตอร์ ระบบสารสนเทศ ระบบปฏบิ ตั ิการ โปรแกรมสำเรจ็ รปู และอนิ เทอรเ์ น็ตเพอ่ื งานอาชีพ 2. ใช้ระบบปฏบิ ตั ิการในการจดั สภาพแวดลอ้ มและจัดสรรทรพั ยากรตา่ ง ๆ บนเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 3. ใช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู ในงานอาชีพตามลักษณะงาน 4. สบื ค้นขอ้ มลู สารสนเทศในงานอาชีพโดยใช้อินเทอรเ์ นต็ 5. ส่อื สารขอ้ มลู สารสนเทศโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็ คำอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัตเิ ก่ียวกับการใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี การใช้ ระบบปฏบิ ัตกิ าร (Windows หรอื Mac OS) การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคำเพ่อื จัดทำเอกสารในงาน อาชีพ การใช้โปรแกรมตารางทำการเพื่อการคำนวณในงานอาชพี การใชโ้ ปรแกรมการนำเสนอผลงาน หรอื การใช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู อ่นื ๆตามลักษณะงานอาชีพ การใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ สบื ค้นข้อมูลเพอ่ื งาน อาชีพและการส่อื สารข้อมลู สารสนเทศ ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ จรยิ ธรรมและ ความรับผดิ ชอบในการใช้คอมพิวเตอรก์ บั ระบบสารสนเทศและงานอาชีพ

แผนการสอน/แผนจัดการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 1 สปั ดาหท์ ี่ 1 วชิ า 2001-2001 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ ชื่อหน่วย คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ รวม 3 คาบ ชอ่ื เร่ือง สาระสำคญั คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ประกอบขึ้นจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดย สามารถนำข้อมลู มาประมวลผลเพ่ือให้ได้ผลลพั ธ์ที่ตอ้ งการอย่างรวดเรว็ และเปน็ อัตโนมัติ โดยทำงาน ตามขั้นตอนของโปรแกรมสั่งงานที่กำหนดไว้ลว่ งหน้า ส่วนสารสนเทศ คือข้อมูลสรุปที่เกิดจากการ ประมวลผลของคอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ หัวข้อการเรยี นรู้ 1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ 2. ประเภทของคอมพิวเตอร์ 3. ปัจจัยในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ 4. ความรู้พน้ื ฐานในการใชค้ อมพวิ เตอร์ 5. เทคโนโลยีสารสนเทศ สมรรถนะอาชีพทพ่ี งึ ประสงค์ มีความรู้เกย่ี วกบั คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ทว่ั ไป เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในด้าน ความหมาย การแบง่ ประเภท และความรู้พ้ืนฐานตา่ งๆในการใช้งานและบำรุงรักษาคอมพวิ เตอร์ จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. บอกความหมายของคอมพวิ เตอร์ได้ 2. บอกลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์แตล่ ะประเภทได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. บอกปจั จยั ตา่ งๆในการใช้คอมพวิ เตอรไ์ ด้ 4. แสดงความรู้พนื้ ฐานในการใช้คอมพิวเตอร์ 5. บอกความแตกตา่ งระหวา่ งข้อมูลกับสารสนเทศได้

การบรู ณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 1) ความพอประมาณ : ตรวจความพรอ้ มของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์กอ่ นเรียน และปดิ เคร่อื ง เก็บเก้าอี้นง่ั ให้เรยี บร้อยหลงั เลกิ เรยี น เพอ่ื ความเรยี บรอ้ ยและประหยัด 2) การมีเหตผุ ล : รบั ฟงั ความคิดเหน็ และวิเคราะห์ วิจารณ์อย่างมเี หตผุ ล 3) การมีภูมคิ ุม้ กนั ในตวั เอง : ฝกึ การค้นคว้าหาความรจู้ ากเพ่อื น และระบบอนิ เทอร์เน็ต เพ่อื แก้ปญั หาในแบบฝึกปฏบิ ัติ และใบงาน

สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ 1.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ 1.2 ขบวนการทำงานของคอมพวิ เตอร์ 2. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 2.1 Supercomputer 2.2 Mainframe 2.3 Minicomputer 2.4 Microcomputer 1) Desktop 2) Notebook 3) Tablet 4) Smartphone 3. ปัจจัยในการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ 3.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware) 1) อปุ กรณ์ภายในตวั เคร่อื ง (System Unit) 2) อปุ กรณร์ ับข้อมลู (Input Device) 3) อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) 4) อุปกรณบ์ ันทกึ ขอ้ มูล (Storage Device) 3.2 ซอฟต์แวร์ (Software) 1) ซอฟตแ์ วร์ระบบ (System Software) 2) ซอฟตแ์ วรใ์ ช้งาน (Applications) 3.3 พีเพิลแวร์ (People ware) 1) นักวิเคราะหร์ ะบบ 2) โปรแกรมเมอร์ 3) ผ้ดู ูแลระบบ 4) ผ้ใู ช้งาน 4. ความรู้พนื้ ฐานในการใช้คอมพวิ เตอร์ 4.1 การตดิ ตัง้ เครอื่ ง 4.2 การบำรงุ รกั ษาเครอื่ ง 4.3 ช่องต่ออปุ กรณ์ภายนอก (Port)

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ 5.1 ความหมายของสารสนเทศ 5.2 ตวั อยา่ งสารสนเทศ 5.3 ขอ้ มูลทจ่ี ัดเกบ็ เปน็ สารสนเทศ 5.4 เทคโนโลยีด้านการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ 1. ใบงาน 2. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 3. เคร่ืองฉายภาพ 4. ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ 5. ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ ภายในห้องเรียน 6. หนังสือและเอกสารความรู้ในห้องเรียน กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ใหน้ ักเรียนจดั กลุ่มเปน็ กลุม่ ย่อย กลุ่มละ 3-4 คน โดยชว่ ยเหลือและทำกจิ กรรมร่วมกัน 2. แบง่ ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ศึกษาเนื้อหาจากหนังสอื ประกอบการเรยี นและอนิ เทอรเ์ นต็ จากนั้นทำการตงั้ คำถามและใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเปน็ คนตอบตามหัวขอ้ ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย แล้วทำการสรปุ ความรู้ในแตล่ ะหัวขอ้ 3. ให้นักเรียนทุกคนทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ในหนงั สือ จากน้นั นำมาสรุปผลร่วมกัน หลกั ฐานการเรยี นรู้ 1. ขอ้ มลู การทำกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. คะแนนทไี่ ด้จากการทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ - สังเกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น - ใช้คำถามตรวจสอบความรู้ - การทำกิจกรรมการเรยี นรู้ทา้ ยบทเรยี น

กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น เอกสารอ้างอิง หนังสือประกอบการเรยี น วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัส 2001-2001 เรยี บเรียงโดย โกมล ศิรสิ มบูรณเ์ วช สำนักพิมพศ์ นู ยส์ ง่ เสริมอาชวี ะ

ใบความรู้หน่วยท่ี 1 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ หมายถงึ อุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสท์ ีท่ ำงานตามชดุ คำสั่งอยา่ งอตั โนมัติ โดยจะทำการ คำนวณ เปรยี บเทยี บทางตรรกะกบั ขอ้ มลู และใหผ้ ลลัพธ์ออกมาตามต้องการลกั ษณะทสี่ ำคญั หรือคณุ สมบตั เิ ฉพาะทที่ ำใหเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ เปน็ ทร่ี จู้ กั มีดังน้ี 1.ความเร็ว (Speed) เครอ่ื งคอมพิวเตอรส์ ามารถทำงานไดด้ ้วยความเรว็ มากต้ังแตก่ ารนำขอ้ มลู เขา้ สู่ หนว่ ยความจำ การคำนวณการจดั พมิ พ์และการทำงานตา่ งๆหนว่ ยทใี่ ชว้ ดั ความเรว็ ดังนี้ Millisecond ซ่ึงเทา่ กับ 1/1000 หรือ 1/103 วินาที Microsecond ซงึ่ เท่ากบั 1/1,000,000 หรอื 1/106 วนิ าที Nanosecond ซงึ่ เท่ากบั 1/1,000,000,000 หรอื 1/109 วินาที Picosecond ซง่ึ เท่ากบั 1/1,000,000,000,000 หรือ 1/1012 วินาที 2. หน่วยความจำ (Memory) คอมพิวเตอรม์ ีหน่วยความจำซ่งึ สามารถเก็บข้อมูลบนั ทกึ ข้อมูล(Data) คำสงั่ ต่างๆได้ ไม่วา่ ขอ้ มูลและคำสง่ั นน้ั มคี วามหมาย หรือสลบั ซบั ซอ้ นเพียงใดกต็ าม เมอ่ื คำสงั่ และ ขอ้ มูลถกู ส่งเขา้ ไปในเครอื่ งคอมพวิ เตอรจ์ ะปฏิบัตงิ านตามคำสง่ั ตั้งแตต่ น้ จนจบและยงั มีความสามารถ เปรียบเทียบข้อมลู ตา่ งๆ ท่ีทำการเปรยี บเทียบ แล้วสามารถทำการประมวลผลซ้ำๆกนั หลายรอบได้ 3. ทำงานดว้ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic & Automatic)คอมพิวเตอรส์ ามารถทำงานไดโ้ ดย อัตโนมตั ิ อยา่ งเชน่ เมื่อได้รบั คำส่งั ในรูปแบบโปรแกรมท่ีเราปอ้ นข้อมลู และโปรแกรมเข้าไปใน หนว่ ยความจำ เคร่ืองคอมพวิ เตอรจ์ ะทำงานทกุ อย่างเอง เช่นการจดจำข้อมลู การคำนวณข้อมูลเปน็ ตอ้ น 4. การเกบ็ รักษาขอ้ มลู หรอื โปรแกรม (Retenion) คอมพิวเตอร์สามารถเก็บและค้นหาไฟล์ข้อมลู และ โปรแกรมได้โดยท่ีข้อมลู และโปรแกรมน้ันจะไมส่ ูญหายหรอื เปลี่ยนค่าแต่อยา่ งใด 5. ความถูกตอ้ งและความเช่อื ถือได้ (Accuracy & Reliability) การท่ีคอมพิวเตอรจ์ ะมคี วามเที่ยงตรง และถกู ตอ้ งน้นั จะขน้ึ อยู่กบั ขอ้ มลู ทปี่ ้อนเข้าไปในเครอ่ื ง และโปรแกรมท่ีใช้งาน องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) คอื องคป์ ระกอบทท่ี ำใหค้ อมพิวเตอรส์ ามารถ ทำงานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ถา้ ขาดองคป์ ระกอบ สว่ นใดสว่ นหนง่ึ แลว้ เครอ่ื งคอมพิวเตอรก์ ็ไมส่ ามารถทำงานได้ ระบบของคอมพิวเตอร์นี้ประกอบไป ดว้ ยองคป์ ระกอบหลกั สำคญั 4 สว่ น คอื 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คืออุปกรณห์ รอื ช้นิ ส่วนของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ท่มี ีวงจรไฟฟา้ อยภู่ ายในเปน็ สว่ นใหญ่ เช่น ตวั เครื่อง คอมพิวเตอร์ ตัวซีพยี ู จอภาพ เมาส์

แปน้ พิมพ์ เป็นต้น 2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) คือโปรแกรมหรอื ชุดคำสั่ง ท่ีจะสง่ั และควบคมุ ใหฮ้ าร์ดแวร์คอมพวิ เตอรท์ ำงาน โปรแกรมนจ้ี ะถูก จดั เกบ็ อยู่ในสอ่ื ทใี่ ชใ้ นการบนั ทึกขอ้ มลู เชน่ แผน่ ดิสก์ ฮาร์ดดสิ ก์ ซีดีรอม ดีวดี ี แฟลชไดรฟ์ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ถกู แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื ซอฟตแ์ วร์ควบคมุ ระบบ System Software ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ Application Software 3. พเี พลิ แวร์ (Peopleware) คอื บคุ คลทีม่ ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งกับการทำงานของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ บุคลากรด้านคอมพิวเตอรจ์ ะ เป็นผู้จดั การหรอื ผดู้ ำเนินงานใหร้ ะบบ คอมพิวเตอร์ดำเนนิ ตอ่ ไปได้ เราสามารถแยกประเภทของบคุ ลากร ไดด้ งั นี้ • ผู้ใชง้ าน • นักวเิ คราะหร์ ะบบงาน • โปรแกรมเมอร์ • ผบู้ รหิ ารระบบงาน • วิศวกรระบบ • พนักงานปฏิบัติการ 4. ข้อมูล (Data) คือ รายละเอยี ดข้อเทจ็ จรงิ ตา่ งๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั บุคคล สิ่งของ สถานท่ี หรือเหตกุ ารณ์ใดๆ ท่ี สนใจศึกษา และนำเขา้ สรู่ ะบบการประมวลผลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตอ่ ไป ประเภทของคอมพิวเตอร์ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ แบ่งออกเปน็ หลายประเภทขึ้นอยกู่ บั จดุ ประสงคแ์ ละความตอ้ งการในการ ใช้งาน สามารถแบ่งตามลกั ษณะการใช้งานได้ดังน้ี 1. แบง่ ตามขนาด 2. แบ่งตามลกั ษณะข้อมูลทใ่ี ช้ 3. แบ่งตามวตั ถุประสงค์การใช้

1.แบ่งตามขนาด • ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พซี ี (personal computer หรอื PC ) • มนิ คิ อมพวิ เตอร์ (minicomputer) • เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (mainframe computer) • ซเู ปอร์คอมพวิ เตอร์ (supercomputer) 2. แบ่งตามลกั ษณะขอ้ มลู ทใ่ี ช้ • อนาลอ็ กคอมพิวเตอร์ (Analog Computer) • ดจิ ติ อลคอมพวิ เตอร์ (Digital Computer) • ไฮบรดคอมพวิ เตอร์ (Hybrid Computer) การทำงานของคอมพิวเตอร์ เร่มิ จากการป้อนข้อมูลเขา้ ทางหนว่ ยปอ้ นข้อมลู ผา่ นไปยังหนว่ ยประมวลผลขอ้ มลู โดยหน่วย ประมวลผลขอ้ มลู กลางจะทำงานร่วมกบั หนว่ ยความจำ เมอ่ื ได้ผลลพั ธท์ ต่ี ้องการจะสง่ ข้อมลู ออกไปยัง หน่วยแสดงผล หนว่ ยรับขอ้ มูล ทำหนา้ ท่รี บั ขอ้ มลู และสง่ ไปยังหน่วยประมวลผล เพ่อื ทำการประมวลผลตอ่ ไป รูปแบบการสง่ ขอ้ มลู จากอุปกรณร์ บั ข้อมลู จะอยใู่ นรปู ของการสง่ สญั ญาณเปน็ รหัสดจิ ิตอล หนว่ ยประมวลผล หนว่ ยประมวลผลกลางแบ่งออกเป็น 2 หน่วย ได้แก่ หนว่ ยควบคุม กับหนว่ ยคำนวณและตรรกะ หนว่ ยความจำ อปุ กรณเ์ ก็บสถานะข้อมลู และชดุ คำส่ัง เพอื่ การประมวลผลของคอมพวิ เตอร์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ หน่วยความจำชว่ั คราวและหน่วยความจำถาวร หน่วยแสดงผล เป็นหนว่ ยทีแ่ สดงผลลัพธท์ มี่ าจากการประมวลผลข้อมลู ของส่วนประมวลผลข้อมลู การ แสดงผล มอี ยู่ 2 แบบ ดว้ ยกันคอื แบบทส่ี ามารถเกบ็ ไว้ดภู ายหลงั ได้ และแบบท่ีไมม่ สี ำเนาเกบ็ ไว้ ขอ้ มูล(DATA) ขอ้ มูลเปน็ องคป์ ระกอบทสี่ ำคัญอย่างหนง่ึ ในระบบคอมพวิ เตอร์ เปน็ ส่งิ ทต่ี อ้ งปอ้ นข้อมลู ไปใน คอมพิวเตอร์ พร้อมกบั โปรแกรมที่ นกั คอมพวิ เตอร์ผลิตขึ้นเพือ่ ผลติ ผลลพั ธ์ท่ตี ้องการออกมา ข้อมูลทส่ี ามารถนำมาใช้กบั คอมพิวเตอรไ์ ด้ มี 5 ประเภท คือ ขอ้ มูลตัวเลข Numeric Data) ข้อมลู ตัวอักษร (Text Data) ข้อมลู เสียง (Audio Data) ข้อมลู ภาพ (Images Data) และขอ้ มลู

ภาพเคล่ือนไหว (Video Data) ในการนำขอ้ มลู ไปใชน้ ้ัน เรามีระดับโครงสร้างของขอ้ มูลดงั น้ี โครงสร้างข้อมลู (DATA STRUCTURE) บิต(Bit) ขอ้ มูลทีม่ ีขนาดเลก็ ท่ีสุด เป็นข้อมลู ทเ่ี คร่อื งคอมพิวเตอร์สามารถเขา้ ใจ และนำไปใชง้ านได้ ซ่ึง ไดแ้ ก่ เลข 0 หรอื เลข 1 เท่านน้ั ไบต(์ Byte) ไดแ้ ก่ ตวั เลข หรอื ตวั อักษร หรอื สญั ลักษณ์พิเศษ1 ตวั เช่น 0, 1, …, 9, A, B, …, Z และเครอ่ื งหมาย ตา่ งๆ ซง่ึ 1 ไบต์จะเทา่ กบั 8 บิต หรือ ตวั อักขระ 1 ตัว ฟิลด์(Field) ได้แก่ ไบต์ หรืออกั ขระตงั้ แต่ 1 ตวั ขึน้ ไปรวมกนั เปน็ ฟลิ ด์ เชน่ เลขประจำตวั ชอ่ื พนกั งาน เรคคอรด์ (Record) ได้แก่ ฟลิ ด์ต้งั แต่ 1 ฟิลด์ ขน้ึ ไป ทมี่ ีความสัมพันธ์เก่ียวข้องรวมกันเปน็ เรคคอร์ด ไฟล์ (Files) ไดแ้ ก่ เรคคอรด์ หลายๆ เรคคอร์ดรวมกัน ซง่ึ เป็นเรื่องเดยี วกนั เชน่ ข้อมูลของประวตั พิ นักงานแตล่ ะ คนรวมกันท้ังหมด ฐานขอ้ มูล (Database) คอื การเกบ็ รวบรวมไฟลข์ ้อมูลหลายๆ ไฟล์ทเี่ ก่ยี วข้องกนั มารวมเข้าด้วยกนั เชน่ ไฟลข์ ้อมลู ของแผนกต่างๆ มารวมกันเปน็ ฐานข้อมลู ของบรษิ ทั การวดั ขนาดข้อมลู 8 BIT (บิต) = 1 Byte (ไบต)์ = 1 ตัวอักษร 1,024 Byte = 1 KB (กโิ ลไบต)์ = 1,024 ตวั อักษร 1,024 KB = 1 MB (เมกะไบต)์ = 1,048,576 ตัวอักษร 1,024 MB = 1 GB (กกิ ะไบต์) = 1,073,741,824 ตัวอักษร 1,024 GB = 1 TB (เทระไบต์) = 1,099,511,627 ตวั อักษร ขอ้ มูลและสารสนเทศ ข้อมูล (Data) ขอ้ เท็จจรงิ หรอื สาระต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั งานทป่ี ฏิบตั ิ อาจเป็นตวั เลขหรือข้อความทเี่ กดิ ขึน้ จาก การดำเนินงาน หรอื ทไ่ี ดจ้ ากหนว่ ยงานอื่น ๆ สารสนเทศ (Information)

ข้อมูลทไ่ี ดผ้ า่ นกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใชว้ ิธีงา่ ยๆ เช่น หาคา่ เฉลย่ี หรอื ใชเ้ ทคนิคขน้ั สงู เช่นการวิจัยดำเนนิ งาน คุณสมบตั ขิ องข้อมลู 1. ความถกู ตอ้ ง 2. ความรวดเร็วและเปน็ ปจั จบุ ัน 3. ความสมบรู ณ์ 4. ความชดั เจนและกะทัดรดั 5. ความสอดคลอ้ ง การทำขอ้ มลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศ 1. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล 1.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 1.2 การตรวจสอบขอ้ มลู 2. การดำเนนิ การประมวลผลข้อมลู ใหก้ ลายเปน็ สารสนเทศ 2.1 การจดั แบง่ ข้อมลู 2.2 การจดั เรยี งข้อมลู 2.3 การสรปุ ผล 2.4 การคำนวณ 3. การดแู ลรกั ษาสารสนเทศเพอ่ื การใชง้ าน 3.1 การเกบ็ รักษาข้อมลู 3.2 การค้นหาข้อมูล 3.3 การทำสำเนาข้อมลู 3.4 การสื่อสาร ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศในองค์กร 1. ระบบประมวลผลรายการ 2. ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ 3. ระบบสนับสนุนการตัดสิน 4. ระบบสารสนเทศสำนักงาน

1. ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing System : TPS) บางครงั้ เรยี กวา่ ระบบประมวลผลข้อมลู (DP : Data Processing Systems) ซึง่ เป็นการนำ คอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการจดั การขอ้ มลู เบ้ืองตน้ เป็นการประมวลข้อมลู ทีเ่ ปน็ การดำเนนิ งานประจำวนั ภายในองค์ การประมวลข้อมลู ในยุคก่อนท่จี ะมีการนำเครื่องคอมพวิ เตอร์มาใช้น้ัน จะเปน็ การ ประมวลผลทก่ี ระทำด้วยมือหรอื ใช้เครอ่ื งคำนวณช่วยต่อมามีการนำคอมพวิ เตอรม์ าใช้ในการ ประมวลผลโดยเฉพาะในระบบธรุ กิจเพื่อชว่ ยงานประจำ เชน่ การส่งั ซ้อื สนิ คา้ การจัดระบบสินค้าคง คลงั การทำบญั ชตี า่ ง ๆ การทำใบเสรจ็ รับเงิน 2. ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ (Management Information System: MIS) เป็นระบบที่ช่วยในการเตรียมรายงานเพ่อื ให้ผบู้ รหิ ารระดบั ตา่ ง ๆ ใชใ้ นการควบคุมการปฏิบตั งิ าน ผู้บรหิ ารสามารถใช้สารสนเทศทไี่ ดจ้ ัดการกบั ปญั หาแบบโครงสรา้ ง เชน่ ใชใ้ นการวิเคราะห์ความ ผดิ พลาด ความก้าวหน้า หรอื ขอ้ บกพรอ่ งในการทำงานรายงานสว่ นใหญจ่ ะอย่ใู นรปู ของรายงานสรปุ (Summary Report) จากการปฏิบัติงานประจำ เป็นงานทไ่ี ดร้ บั การสง่ ตอ่ จากงาน TPS คอื เป็นการ ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลเพ่ือกล่ันกรองขอ้ มลู ทม่ี อี ยู่ในระบบให้ สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้เพ่ือเสนอ ต่อผ้บู รหิ ารในระดบั ต่อไป คำว่า MIS บางคร้งั จะใช้คำว่า IRS(Information Reporting Systems) หรือ MRS (Management Reporting Systems)แทนความแตกตา่ งระหว่าง ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจัดการ (MIS)และระบบประมวลผลรายการ (TPS) มหี ลายประการTPS ใชแ้ ฟ้มข้อมูลแยกกัน เนือ่ งจากการทำงานแยกกันในแต่ละฝ่าย เช่น ทำหนา้ ที่ เกีย่ วกบั การรบั ใบสง่ั สินค้าจากลูกค้า ประมวลรายการสนิ ค้าบันทึกรายการขาย ดูแลการสง่ สนิ ค้า ควบคุมคลงั สินค้า และการบญั ชีMIS จะ ใช้ฐานขอ้ มูลรว่ มกันและมกี ารรวบรวมข้อมลู จากหลาย ๆ ฝา่ ย 3. ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (Decision Support Systems: DSS) เปน็ ระบบที่เป็นการทำงานแบบกง่ึ โครงสร้าง มกี ารเปล่ยี นแปลงทร่ี วดเร็วและมเี อกลักษณเ์ ฉพาะตัว ทำหนา้ ที่ในการอำนวยความสะดวกในการจดั รูปแบบขอ้ มลู การนำมาใชแ้ ละการรายงานขอ้ มลู เพือ่ ทจี่ ะใชป้ ระโยชนใ์ นการตัดสินใจ ของผบู้ ริหารระดบั ตา่ ง ๆ (ประสงค์ ประณตี พลกรงั และคณะ. 2541 ; 16)ในระดับนจี้ ำเปน็ ตอ้ งอาศยั สารสนเทศจาก TPS และ MIS แบบสรปุ มาใช้ประกอบการ ตัดสนิ ใจ DSS แตกต่างจากระบบอน่ื ๆ คอื เป็นระบบที่มคี วามยดื หยุ่นต่อการตัดสนิ ใจ และมีการ ตอบสนองอยา่ งรวดเรว็ ต่อสถานการณต์ า่ ง ๆ เป็นระบบทสี่ นบั สนุนความต้องการเฉพาะของผบู้ รหิ าร แต่ละคนข้อแตกตา่ งระหว่าง DSS กบั MIS มีดังนี้

MIS สามารถใหส้ ารสนเทศไดเ้ ฉพาะสารสนเทศทมี่ อี ยู่แลว้ ไมส่ ามารถจดั สารสนเทศใหม่ทนั ทที นั ใด MIS ใช้กับปัญหาแบบมโี ครงสร้าง เชน่ ในระบบสนิ คา้ คงคลงั เม่ือไรจงึ จะสัง่ วตั ถุเพมิ่ และตอ้ งสงั่ เทา่ ไร ซึ่งเปน็ ลกั ษณะของปญั หาท่ีเกิดประจำในระดบั ปฏบิ ัติการ การตัดสินในจะข้นึ อย่กู บั ความต้องการใน การผลิต ราคาต้นทุนวตั ถุดิบและตวั แปรอน่ื ๆ ทตี่ ้องใช้ในระบบสินค้าคงคลงั DSS ไดถ้ ูกออกแบบเพอื่ สนบั สนุนการตัดสนิ ใจ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ปัญหาแบบก่ึงโครงสรา้ งปญั หาแบบไมม่ ี โครงสร้าง ปัญหาแบบกง่ึ โครงสรา้ งซึ่งเป็นปัญหาทสี่ ว่ นเป็นแบบมีโครงสร้าง และส่วนหนึง่ เปน็ แบบไม่ มโี ครงสรา้ ง เช่น ความตอ้ งการปรบั ปรงุ คุณภาพการสง่ สนิ คา้ ของพอ่ ค้า ปัญหาแบบมีโครงสรา้ งได้แก่ การเปรียบเทยี บสารสนเทศในการส่งของอยา่ งตรงเวลาของพอ่ คา้ 4. ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information Systems: OIS) เป็นระบบการจดั การสารสนเทศในสำนกั งานโดยใชอ้ ปุ กรณต์ ่าง ๆ ในสำนักงาน เชน่ อปุ กรณท์ างดา้ น คอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอรเ์ น็ต Internet) การสง่ ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส(์ E-mail)ซึง่ ประกอบดว้ ย อปุ กรณ์ โมเด็ม Modem)โทรศพั ท์ เคร่ืองโทรสาร เครอื่ งถา่ ยเอกสาร เป็นตน้ เพ่ือใช้เกยี่ วกบั งาน ประมวลผลคำ งานพิมพ์ตงั้ โตะ๊ งานส่งขา่ วสารข้อมลู และอ่นื ๆ เป็นระบบเกี่ยวกับการผลติ เอกสาร การติดตอ่ ประสานงาน โดยเก่ยี วขอ้ งกับระบบ TPS และ MIS เพอ่ื นำขอ้ มลู มาใชป้ ระโยชน์ในงาน บรหิ ารในสำนักงานเพ่ือเป็นประโยชนใ์ นการทำงาน

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… บูรณาการคณุ ธรรมจรยิ ธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ด้านความรู้ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ดา้ นกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น (C) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ปญั หาอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… (ลงชือ่ ) ……………………………………………………ผสู้ อน ( นายนิติโรจน์ มีพวงผล ) ตำแหน่ง ครูผสู้ อน วนั ท.่ี ...........................................

ความคิดเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา หรอื ผทู้ ี่เก่ียวข้อง (....) ไดต้ รวจสอบแล้วเหน็ วา่ มีความเหมาะสม และเหน็ ควรใหน้ ำไปใช้สอนได้ (....) ควรปรับปรงุ คอื ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ (ลงช่ือ.................................................... . ( นายวรี ะ แถมกระโทก) ตำแหนง่ รองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ วันท่ี............................................ (....) ได้ตรวจสอบแลว้ เห็นวา่ มีความเหมาะสม และเห็นควรใหน้ ำไปใช้สอนได้ (....) ควรปรับปรงุ คือ ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. (ลงชอื่ ) ..................................................... ( ดร.สรุ ศักดิ์ จนั พลา ) ผอู้ ำนวยการวิทยาลัยอาชีวศกึ ษาจุลมณสี รุ นารี ขามสะแกแสง วันท่.ี ...............................................

แผนการสอน/แผนจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 สปั ดาหท์ ี่ 2-3 วิชา 2001-2001 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ ช่ือหนว่ ย ระบบปฏบิ ัติการ รวม 6 คาบ ช่อื เร่ือง สาระสำคัญ ระบบปฏิบตั กิ าร(Operating System) หรือเรียกย่อๆว่า โอเอส(OS) คอื ซอฟต์แวร์ระบบ(System Software)ที่ต้องติดตัง้ ไวภ้ ายในเคร่อื งเสมอเพอื่ ให้เครือ่ งสามารถทำงานได้ โดยเปน็ สว่ นเชือ่ มตอ่ ระหวา่ งผู้ใชก้ บั อปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ตา่ งๆ และเป็นฐานใหโ้ ปรแกรมใชง้ านมาทำงาน รวมทง้ั จดั การ เกยี่ วกบั ไฟล์และสภาพแวดล้อมตา่ งๆในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ หัวข้อการเรยี นรู้ 6. ความรเู้ กี่ยวกับระบบปฏบิ ัตกิ าร 7. ระบบปฏบิ ตั กิ ารไมโครซอฟตว์ นิ โดวส์ 8. หนา้ จอหลกั ระบบปฏบิ ตั ิการวินโดวส์ 7 9. การปรบั แต่งสภาพแวดล้อมในวนิ โดวส์ 7 สมรรถนะอาชพี ทพ่ี งึ ประสงค์ ปรบั แตง่ สภาพแวดลอ้ มในการใชง้ านบนวินโดวส์ 7 ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงคท์ ่วั ไป เพื่อใหม้ คี วามรู้เกยี่ วกับระบบปฏิบตั กิ าร และสามารถปรับแต่งและใช้งานระบบปฏบิ ตั ิการวนิ โดวส์ 7 ไดอ้ ย่างถูกต้อง จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 6. บอกความหมายและหน้าทขี่ องระบบปฏบิ ัติการได้อยา่ งถูกตอ้ ง 7. บอกชอื่ และเวอรช์ ันตา่ งๆของระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส์ต่างๆได้ 8. บอกสว่ นประกอบบนหนา้ จอหลกั ของระบบปฏิบัติการวนิ โดวส์ 7 ได้ 9. ปรับแตง่ สภาพแวดลอ้ มตา่ งๆในวนิ โดวส์ 7 ได้ การบูรณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 4) ความพอประมาณ : ตรวจความพร้อมของเครอื่ งคอมพิวเตอร์กอ่ นเรียน และปิดเคร่ือง เกบ็ เกา้ อน้ี ง่ั ใหเ้ รียบรอ้ ยหลงั เลกิ เรยี น เพอื่ ความเรียบรอ้ ยและประหยดั 5) การมีเหตผุ ล : รบั ฟงั ความคดิ เหน็ และวเิ คราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตผุ ล

6) การมีภมู คิ ้มุ กันในตวั เอง : ฝึกการคน้ ควา้ หาความรจู้ ากเพ่อื น และระบบอินเทอรเ์ น็ต เพ่ือแก้ปญั หาในแบบฝกึ ปฏบิ ัติ และใบงาน สาระการเรยี นรู้ 6. ความรูเ้ ก่ียวกบั ระบบปฏบิ ัติการ 1.3 ระบบปฏบิ ัตกิ ารคืออะไร 1.4 ทำไมต้องมรี ะบบปฏบิ ตั ิการ 1.5 ระบบปฏิบัตกิ ารมอี ะไรบ้าง 7. ระบบปฏิบตั กิ ารไมโครซอฟตว์ นิ โดวส์ 2.5 Windows 7 รนุ่ ต่างๆ 2.6 ฮารด์ แวร์ทเ่ี หมาะสมกับการใชง้ าน Windows 7 8. องค์ประกอบหนา้ จอหลกั ของระบบปฏบิ ตั ิการ Windows 7 9. การปรับแต่งสภาพแวดล้อมใน Windows 7 4.4 การปรับแต่งหนา้ จอภาพ 4.5 การตรวจสอบรายละเอยี ดของเคร่อื งท่ใี ชง้ าน 4.6 การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ 4.7 การค้นหาข้อมลู 4.8 การสรา้ ง Shortcut บนหน้าจอภาพ 4.9 การปรบั แต่งวนั -เวลาและระดบั เสียง 4.10 รายการเมนบู นป่มุ Start และการปิดเครอ่ื ง สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ 7. หนงั สือประกอบการเรียน วิชาคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี สำนกั พมิ พศ์ นู ยส์ ง่ เสริมอาชวี ะ 8. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 9. เคร่ืองฉายภาพ 10. ระบบอินเทอรเ์ น็ตภายในหอ้ งเรยี น 11. หนงั สอื และเอกสารความรใู้ นห้องเรียน กิจกรรมการเรยี นรู้ 4. แบ่งเนอ้ื หาจากหนงั สือประกอบการเรยี น ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ศกึ ษา แล้วมาสาธติ ให้เพื่อนๆ โดยครเู ปน็ ผสู้ รปุ และอธิบายเพมิ่ เตมิ 5. ใหน้ กั เรียนทุกคนทำกิจกรรมการเรียนรทู้ า้ ยบทเรียน จากนน้ั ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ผล

หลักฐานการเรียนรู้ 3. ข้อมูลการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ 4. คะแนนทไี่ ด้จากการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - สังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน - ใช้คำถามตรวจสอบความรู้ - การทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ทา้ ยบทเรียน กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย ให้นักเรียนทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน เอกสารอ้างองิ หนังสอื ประกอบการเรียน วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี รหสั 2001-2001 เรยี บ เรียงโดย โกมล ศิรสิ มบูรณเ์ วช สำนักพมิ พ์ศนู ย์สง่ เสรมิ อาชีวะ

หน่วยที่ 2 ช่ือหน่วย ระบบปฏิบัติการ การตดิ ตัง้ Window XP การติดตง้ั ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคอื การตดิ ตัง้ โดย การอพั เกรดจาก Windows ตวั เดิม หรอื ทำการตดิ ตัง้ ใหมเ่ ลยทงั้ หมด วธิ กี ารตดิ ตงั้ Windows XP แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 แบบดงั น้ี 1.ตดิ ตง้ั แบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลอื กติดตั้งจาก CDได้เลย 2.ติดตง้ั โดยการบตู เครอื่ งใหมจ่ าก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตงั้ 3.ตดิ ตง้ั จากฮารด์ ดสิ ก์ โดย Copy ไฟล์ ท้ังหมดจาก CD ไปเก็บไวใ้ นฮารด์ สิ ก์ก่อนทำการตดิ ตง้ั การติดตง้ั Windows 7 สามารถติดต้งั ได้งา่ ยเช่นเดียวกับ Windows Vista ส่วนการใช้งาน ภาษาไทยน้นั Windows 7 สามารถรองรบั ภาษาไทยไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ การติดตัง้ Window 8 1.กระบวนการติดต้งั Window 8 *ESD วิธกี ารติดต้งั ทเ่ี ข้าถึงเว็บไซต์ Microsoft Upgrade สามารถเข้าถงึ ไซตผ์ ่านอินเทอรเ์ นต็ และ บันทึกซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ DVD/USBเพื่อตดิ ตง้ั ในภายหลงั *DVD เป็นการตดิ ตัง้ Windows 8 แบบตดิ ต้งั โดยใช้ DVD ทซ่ี ือ้ จากเว็บไซต์ Microsoft Upgrade 2.ความตอ้ งการระบบWindow 8 ✵โปรเซสเซอร์ 1 GHz ขนึ้ ไป ✵ หนว่ ยความจำ 1 GB(32 บิต)/2 GB(64 บิต) ✵ พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์16 GB(32 บิต)/20 GB(64 บติ ) เปน็ อย่างนอ้ ย ✵ อะแดป็ เตอรก์ ราฟกิ ที่สนบั สนุน Microsoft DirectX 9 ข้นึ ไป ✵ความต้องการอ่ืนๆ

1.สำหรบั การใชม้ ัลติทัช ต้องการจอภาพหรอื แทบ็ เลต็ ทส่ี นบั สนุนมลั ติทัช 2.ข้ันต่ำความละเอียดหนา้ จอ 1024*768 3.ในการใช้โหมดสแนปในหนา้ เรม่ิ ตน้ ตอ้ งมีความละเอยี ดหน้าจอข้นั ต่ำ 1366*768 4.ในการอพั เดท Windows และการเช่ือมโยงบญั ชี Microsoft จะตอ้ งมกี ารเชือ่ มต่อ อนิ เทอร์เนต็ 3.Windows 8 Consumer Preview Windows 8 Consumer Preview เปน็ ระบบปฏบิ ตั กิ ารทพี่ ัฒนาขึ้น การบตู เครื่องรวดเร็ว ส่วน ติดตอ่ ผใู้ ชส้ วยงามและทส่ี ำคญั ในสว่ นของ Windows Store เช่ือมต่อกับ Windows Live ID หอื บัญชี Hotmail แลว้ ก็เขา้ ไปดาวนโ์ หลดและติดตง้ั Apps แบบอัตโนมตั ิผา่ นระบบออนไลน์ การตดิ ตงั้ Windows มีหลักๆ อยู่ 3 แบบ ดงั นี้ 1. ติดตั้งแบบล้างเครอ่ื งใหม่หมดจนเลย เรยี กวา่ Clean Install 2. ตดิ ตงั้ แบบ Upgrade คือ ระบบจะอัพเกรดจากวินโดวส์รนุ่ เก่ามาเปน็ รุ่นใหม่ให้โดยอัตโนมัตโิ ดยไม่ ตอ้ ง Format เครอื่ งและสามารถเกบ็ ไฟลส์ ำคัญหรอื ไฟลส์ ่วนตวั ท่เี ราเคยใชเ้ อาไว้ได้ 3. ตดิ ตั้งแบบใชง้ านสองปฏิบัตกิ ารในเคร่ืองเดียว เชน่ ใช้ท้ัง Windows 7 และ Windows 8 ใน เครือ่ งเดียวกนั ซึ่งเวลาบูตเคร่อื งทุกครง้ั ระบบกจ็ ะถามว่าจะให้รนั Windows ตัวไหนแตม่ ีขอ้ แมว้ ่าใน ขนั้ ตอนของการตดิ ตงั้ น้นั จำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งใช้ Partition แยกกันหรอื หา้ มลงใน Drive เดียวกนั เดด็ ขาด

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ บรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… บรู ณาการคุณธรรมจริยธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ดา้ นความรู้ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ด้านกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… สมรรถนะสำคญั ผเู้ รียน (C) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ปัญหาอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… (ลงชื่อ) ……………………………………………………ผสู้ อน ( นายนิตโิ รจน์ มพี วงผล ) ตำแหนง่ ครผู ู้สอน วนั ท่ี............................................

ความคิดเหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา หรอื ผทู้ ่เี กย่ี วขอ้ ง (....) ได้ตรวจสอบแลว้ เห็นว่ามคี วามเหมาะสม และเห็นควรให้นำไปใชส้ อนได้ (....) ควรปรบั ปรงุ คือ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... (ลงชือ่ ..................................................... ( นายวีระ แถมกระโทก) ตำแหนง่ รองผอู้ ำนวยการฝา่ ยวิชาการ วนั ท่ี............................................ (....) ไดต้ รวจสอบแลว้ เห็นวา่ มคี วามเหมาะสม และเห็นควรใหน้ ำไปใช้สอนได้ (....) ควรปรับปรงุ คือ ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. (ลงชอ่ื ) ..................................................... (ดร.สุรศกั ด์ิ จันพลา ) ผูอ้ ำนวยการวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาจุลมณสี ุรนารี ขามสะแกแสง วนั ท่ี................................................

แผนการสอน/แผนจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 3 สัปดาหท์ ่ี 4-5 วชิ า 2001-2001 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี ช่อื หน่วย การใชง้ านอินเทอร์เนต็ รวม 6 คาบ ชอ่ื เรือ่ ง สาระสำคญั อนิ เทอร์เน็ต(Internet) คอื ระบบเครือข่ายที่เชือ่ มโยงถงึ กันท่ัวโลก ทำใหเ้ คร่อื งคอมพิวเตอรท์ ุกเคร่ือง สามารถเผยแพรแ่ ลกเปล่ียนขอ้ มลู และสอื่ สารถึงกนั ไดต้ ลอดเวลาดว้ ยความรวดเรว็ และมบี รกิ ารตา่ งๆ ให้ผู้ใชส้ ามารถนำไปใช้ไดอ้ ยา่ งมากมาย ซึ่งมปี ระโยชน์ต่อการค้นคว้าหาขอ้ มูลและการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ระหวา่ งกัน หวั ขอ้ การเรยี นรู้ 10. ความรทู้ ั่วไปเกี่ยวกบั อินเทอรเ์ นต็ 11. บริการตา่ งๆในระบบอินเทอร์เนต็ 12. การคน้ หาข้อมลู ในอินเทอรเ์ นต็ 13. การใชง้ านไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ด้ 14. โปรแกรมใชง้ านและติดต่อสอ่ื สารในอนิ เทอรเ์ นต็ สมรรถนะอาชีพที่พงึ ประสงค์ คน้ หาข้อมูลในงานอาชีพในอนิ เทอรเ์ นต็ และใช้งานไปรษณยี ์เล็กทรอนกิ ส์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ จดุ ประสงค์ท่วั ไป เพื่อใหม้ ีความรู้เกี่ยวกับระบบอนิ เทอรเ์ นต็ และสามารถคน้ หาข้อมูลและใช้ไปรษณยี ์อเิ ลก็ ทรอนกิ สบ์ น อินเทอร์เน็ตได้ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 10. แสดงความรเู้ กี่ยวกับอินเทอรเ์ นต็ 11. บอกชือ่ บรกิ ารตา่ งๆบนอินเทอรเ์ นต็ ได้ 12. สามารถคน้ หาข้อมูลในอินเทอรเ์ นต็ ได้ 13. สามารถใช้งานไปรษณียอ์ ิเล็กทรอนกิ สไ์ ด้ 14. บอกช่อื และลักษณะของโปรแกรมติดต่อสอื่ สารในอินเทอรเ์ นต็ ได้ การบูรณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 7) ความพอประมาณ : ตรวจความพรอ้ มของเครอื่ งคอมพิวเตอร์กอ่ นเรยี น และปิดเครอื่ ง เกบ็ เกา้ อ้ีนงั่ ให้เรียบรอ้ ยหลงั เลกิ เรยี น เพอ่ื ความเรยี บรอ้ ยและประหยัด 8) การมเี หตุผล : รบั ฟงั ความคดิ เหน็ และวิเคราะห์ วจิ ารณ์อยา่ งมเี หตผุ ล

9) การมีภมู คิ มุ้ กนั ในตัวเอง : ฝกึ การคน้ คว้าหาความรจู้ ากเพ่อื น และระบบอินเทอรเ์ น็ต เพอื่ แกป้ ญั หาในแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ และใบงาน สาระการเรยี นรู้ 10. ความร้เู กีย่ วกบั ระบบอินเทอรเ์ น็ต 1.6 อินเทอรเ์ นต็ คอื อะไร 1.7 โปรโตคอลการตดิ ตอ่ ในระบบอินเทอรเ์ นต็ 1.8 โดเมนเนม 1.9 ลกั ษณะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 11. บรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ต 2.7 บรกิ ารเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารด้วย (WWW) 2.8 บริการไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-Mail) 2.9 บรกิ ารโอนยา้ ยขอ้ มลู (FTP) 2.10 บริการกระดานข่าวสาร (Web Board) 2.11 บริการสนทนาออนไลน์ (Chat) 12. การคน้ หาขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ น็ต 4.11 บรกิ ารคน้ หาข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ น็ต 4.12 เว็บไซด์ที่ใหบ้ รกิ ารคน้ ขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ น็ต 13. การใชง้ านไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ 4.1 การสมัครสมาชกิ 4.2 การใชง้ านอีเมล์ 14. โปรแกรมใชง้ านและตดิ ตอ่ สอื่ สารในอนิ เทอรเ์ นต็ 5.1 Facebook 5.2 Line ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 12. หนงั สอื ประกอบการเรยี น วชิ าคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ สำนักพมิ พศ์ นู ย์ส่งเสรมิ อาชวี ะ 13. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 14. เคร่ืองฉายภาพ 15. ระบบอนิ เทอรเ์ น็ตภายในห้องเรยี น 16. หนงั สอื และเอกสารความรใู้ นหอ้ งเรียน

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6. แบ่งเนือ้ หาจากหนงั สอื ประกอบการเรียน ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษา 7. ครตู ง้ั คำถามใหน้ ักศกึ ษาตอบ 8. ครูสาธติ วิธคี ้นข้อมูล และการใช้งานไปรษณยี อ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ รวมท้งั โปรแกรมส่ือสาร 9. ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ้ายบทเรยี น หลักฐานการเรยี นรู้ 5. ข้อมูลการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ 6. คะแนนที่ได้จากการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - สงั เกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียน - ใช้คำถามตรวจสอบความรู้ - การทำกจิ กรรมการเรียนรทู้ ้ายบทเรียน กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน เอกสารอ้างอิง หนังสอื ประกอบการเรียน วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี รหสั 2001-2001 เรียบ เรยี งโดย โกมล ศริ ิสมบรู ณเ์ วช สำนกั พิมพ์ศูนย์สง่ เสรมิ อาชวี ะ

บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… บูรณาการคณุ ธรรมจรยิ ธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ด้านความรู้ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ดา้ นกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น (C) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ปญั หาอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… (ลงชื่อ) ……………………………………………………ผสู้ อน ( นายนติ ิโรจน์ มพี วงผล ) ตำแหน่ง ครูผสู้ อน วนั ท่.ี ...........................................

ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา หรอื ผทู้ ่เี กีย่ วขอ้ ง (....) ไดต้ รวจสอบแลว้ เหน็ วา่ มีความเหมาะสม และเหน็ ควรให้นำไปใชส้ อนได้ (....) ควรปรับปรงุ คอื .............................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................ ................................................ (ลงชื่อ..................................................... ( นายวรี ะ แถมกระโทก) ตำแหนง่ รองผูอ้ ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ วันที่............................................ (....) ไดต้ รวจสอบแลว้ เห็นว่ามคี วามเหมาะสม และเหน็ ควรใหน้ ำไปใชส้ อนได้ (....) ควรปรบั ปรงุ คือ ............................................................................................................................. ................... ............................................................................................................................................................... (ลงชอ่ื ) ..................................................... ( ดร.สรุ ศกั ดิ์ จันพลา ) ผ้อู ำนวยการวิทยาลยั อาชวี ศึกษาจุลมณสี ุรนารี ขามสะแกแสง วันที.่ ...............................................

แผนการสอน/แผนจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 4 วชิ า 2001-2001 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี สัปดาหท์ ี่ 6-7 ชอื่ หน่วย โปรแกรมประมวลผลคำ รวม 6 คาบ ชือ่ เร่อื ง สาระสำคญั โปรแกรมประมวลผลคำ(Word Processor) คอื โปรแกรมทใ่ี ช้งานสร้างงานเอกสารแทนเครอื่ งพิมพ์ ดีด นอกจากน้ยี งั มีคุณสมบตั เิ ด่นๆ อกี หลายประการ เช่น สามารถพมิ พต์ ัวอักษรในรปู แบบตา่ งๆ สามารถสร้างตาราง แทรกรปู ภาพลงในเอกสาร นอกจากน้ียงั มคี วามสามารถในการการตัดคำ หรอื ตรวจสอบคำผดิ รวมทัง้ มเี ครอื่ งมือชว่ ยในการสร้างเอกสารแบบตา่ งๆ จงึ ทำใหเ้ ราสามารถสร้าง เอกสารไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ หวั ข้อการเรียนรู้ 15. โปรแกรมประมวลผลคำ Microsoft Word 16. การพิมพเ์ นือ้ หาเอกสาร 17. การพิมพเ์ อกสารแบบลำดบั หวั ข้อ 18. การพิมพเ์ อกสารท่ีเปน็ ตาราง สมรรถนะอาชพี ทพ่ี งึ ประสงค์ ใช้โปรแกรม Microsoft Word ในการสรา้ งเอกสารรายงาน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ จุดประสงค์ทั่วไป เพอ่ื ใหม้ ีความรู้เกี่ยวกบั โปรแกรมประมวลผลคำ และใช้โปรแกรมประมวลผลคำ Microsoft Word ใน การสรา้ งเอกสารรายงาน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 15. แสดงความรเู้ ก่ียวกบั โปรแกรมประมวลผลคำและ Microsoft Word 16. สามารถพมิ พเ์ นอ้ื หาเอกสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 17. สามารถพมิ พ์เอกสารทมี่ ลี ักษณะลำดับหวั ขอ้ ได้ 18. สามารถพมิ พ์เอกสารทมี่ ลี ักษณะเปน็ ตารางได้ การบูรณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 10) ความพอประมาณ : ตรวจความพรอ้ มของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์กอ่ นเรียน และปดิ เครอ่ื ง เก็บเก้าอีน้ ง่ั ให้เรียบรอ้ ยหลงั เลกิ เรยี น เพอื่ ความเรียบรอ้ ยและประหยดั 11) การมเี หตุผล : รบั ฟงั ความคดิ เห็น และวิเคราะห์ วจิ ารณอ์ ย่างมเี หตผุ ล 12) การมภี มู ิคุม้ กนั ในตวั เอง : ฝกึ การคน้ ควา้ หาความรจู้ ากเพือ่ น และระบบอินเทอร์เนต็ เพื่อแก้ปญั หาในแบบฝึกปฏบิ ัติ และใบงาน

สาระการเรยี นรู้ 15. โปรแกรมประมวลผลคำ 1.10โปรแกรมประมวลผลคำคืออะไร 1.11สว่ นประกอบบนหนา้ จอของโปรแกรม 1.12การปรบั แตง่ ก่อนใชง้ าน 1.13แถบริบบอนตา่ งๆในโปรแกรม 1.14ทักษะในการใชง้ านโปรแกรม 16. การพิมพเ์ นื้อหาเอกสาร 2.12 การสร้างแฟม้ งานใหม่ 2.13 การตั้งคา่ หน้ากระดาษ 2.14 การพิมพห์ ัวข้อเร่ืองและเนอื้ หาแตล่ ะย่อหนา้ 2.15 การปรบั แต่งรูปแบบและลักษณะตัวอกั ษร 2.16 การบันทกึ แฟ้มงาน 17. การพมิ พเ์ อกสารแบบลำดบั หวั ข้อ 4.13 การพมิ พ์แบบลำดบั เลข 4.14 การเปล่ียนรูปแบบจากลำดบั เลขเป็นสญั ลกั ษณ์ 18. การพิมพเ์ อกสารท่เี ปน็ ตาราง 4.3 การสรา้ งตาราง 4.4 การปรบั แตง่ ตาราง ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้ 17. หนังสือประกอบการเรียน วิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี สำนกั พิมพ์ศูนยส์ ่งเสริมอาชีวะ 18. เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 19. เคร่อื งฉายภาพ 20. ระบบอินเทอรเ์ น็ตภายในห้องเรยี น 21. หนังสือและเอกสารความรู้ในห้องเรยี น กิจกรรมการเรียนรู้ 10. ครูอธิบายความร้เู ก่ียวกับโปรแกรมประมวลผลคำ และสาธิตวธิ ีการใชง้ านโปรแกรม Microsoft Word ในการสร้างงานในลักษณะตา่ งๆ 11. ให้นกั เรียนฝกึ ปฏบิ ัตติ ามทีละขัน้ ตอน 12. จากนนั้ ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ้ายบทเรยี น ตามแต่ละหัวข้อการเรยี นรู้ 13. ครูทำการประเมนิ ผลงานของนกั เรียนแตล่ ะคน พรอ้ มทงั้ ใหค้ ำเสนอแนะ

หลักฐานการเรียนรู้ 7. ข้อมูลการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ 8. คะแนนทไี่ ด้จากการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - สังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน - ใช้คำถามตรวจสอบความรู้ - การทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ทา้ ยบทเรียน กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย ให้นักเรียนทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน เอกสารอ้างองิ หนังสอื ประกอบการเรียน วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี รหสั 2001-2001 เรยี บ เรียงโดย โกมล ศิรสิ มบูรณเ์ วช สำนักพมิ พ์ศนู ย์สง่ เสรมิ อาชีวะ

ใบความรู้ หน่วย ที่ 4 โปรแกรมประมวลผลคำ ความรเู้ บื้องต้นเกี่ยวกบั โปรแกรมประมวลผลคำ 1.ความร้เู บอ้ื งต้นเกีย่ วกับโปรแกรมประมวลผลคำ โปรแกรม Microsoft Word 2019 ในชุด Microsoft Office 2019 เปน็ โปรแกรมงานสำนักงานของ บรษิ ัท Microsoft ที่มีความสามารถในการจัดการ ตกแตง่ เอกสารท่หี ลากหลาย หลงั จากติดตง้ั โปรแกรมแล้ว เรยี กใช้โปรแกรมได้จากคำสั่ง start/all program/ Microsoft Office/ Microsoft Word 2019 จะปรากฏหนา้ ตา่ งโปรแกรมทม่ี สี ว่ นประกอบต่างๆ ดังนี้ 1) Files Tab แท็บคำสงั่ ในกลมุ่ ของการจัดการไฟล์ 2) Quick Access toolbar รวมคำส่งั ท่ใี ช้งานบ่อย สามารถเพิ่มเตมิ ได้ 3) Ribbon รายการคำสง่ั ท่ีอยใู่ นแถบต่างๆ 4) Title Bar เป็นส่วนแสดงชือ่ ของโปรแกรมและชื่อไฟลเ์ อกสารท่กี ำลังทำงานอยู่อาจจะปรากฏเป็น ชอ่ื documents 1,2,3… 5) Control button เปน็ ปมุ่ ควบคุมหนา้ ตา่ งโปรแกรมมีอยู่ 3 กลมุ่ คอื ปุ่ม Minimize เป็นปมุ่ สำหรบั การยอ่ หน้าต่างโปรแกรมไปเก็บไวท้ ่ี Taskbar ปุ่ม restore หรอื Maximize สำหรบั ยอ่ หรอื ขยายหน้าตา่ งโปรแกรมใหเ้ ตม็ จอภาพ ปุ่ม Close หรอื หรือ หรือปรุงตัวXใช้ปิดหนา้ ต่างโปรแกรมหรือเอกสารทก่ี ำลังทำงานอยู่ 6) Navigation Pane หนา้ ตา่ งแสดงหัวข้อในเอกสาร ช่วยในการจัดลำดับและค้นหาหวั ขอ้ ใน เอกสาร 7) Cersor ตำแหน่งพมิ พอ์ ักษรหรอื แทรก 8) documents Windows พ้ืนทท่ี ำงาน พ้นื ที่ทำงานเป็นพ้ืนทสี่ ำหรบั พมิ พเ์ อกสารโปรแกรมจะ แสดงออกมาในลกั ษณะเหมือนกบั หนา้ กระดาษ 9) Status Bar เป็นสว่ นแสดงสถานการณท์ ำงานของโปรแกรม

10) documents Map ใชแ้ สดงหนา้ เอกสารในรูปแบบตา่ งๆ 11) Zoom ใช้ย่อขยายเอกสาร ริบบอน(Ribbon) ถกู พฒั นาขน้ึ มาแทนคำสง่ั ประกอบด้วยแถบที่มีคำสั่งตามกลมุ่ การใชง้ าน สามารถทำงานได้ทนั ทดี ังนี้ 1) File แอพทร่ี วมคำสง่ั ทใี่ ชจ้ ดั การไฟล์ ms Word 2007 เช่นคำส่ังบันทกึ เปดิ ไฟล์ ปิดไฟล์ สรา้ ง เอกสารใหม่ หรอื ออกจากโปรแกรม เป็นตน้ 2) Home เป็นแท็บทร่ี วมริบบอนทีใ่ ช้งานบอ่ ยๆเอาไวเ้ ช่นการจัดการหน้าของเอกสารรปู แบบ ตวั อักษร 3) insert เปน็ แทบ็ ที่เก่ยี วกับการแทรกรปู ภาพหรือเลขหน้าลงในเอกสาร chart หรอื สญั ลกั ษณ์ พิเศษ 4) Page layout เป็นแถบสำหรบั จัดรปู แบบโครงสร้างหนา้ เอกสารเช่นการกำหนดขนาดการวางแนว กระดาษ ระยะขอบของเอกสารและการใสส่ พี ้นื 5) Referances เปน็ แท็บเกย่ี วกบั การจดั หนา้ สารบญั การแทรก Footnote ของเอกสาร 6) Mailings เป็นแถบคำสัง่ เกี่ยวกบั การสรา้ งจดหมายเวยี น ( Mail Merge)และLabel 7) Review เป็นแถบทมี่ ีคำสัง่ เกี่ยวกบั การตรวจสอบเอกสารเช่นการตรวจสอบคำผิดหรือการใส่ หมายเหตุของเอกสารการนับคำและแปลความหมาย 8) views แปล เป็นแถบคำสั่งแสดงผลของโปรแกรมเช่นการตั้งคา่ มุมมองของเอกสาร การขยายเอก สารการแสดงไมบ้ รรทดั Gridines ยอ่ ขยาย 1.1 การสรา้ งเอกสารใหม่ 1.1.1 การสร้างไฟล์ใหม่กอ่ นเปิดโปรแกรมสามารถสรา้ งไฟลเ์ อกสารใหมไ่ ด้โดยคลิกขวาใหป้ รากฏ เมนลู ดั เลอื ก New เลอื กคำส่ัง Microsoft Word Document จะไดไ้ ฟล์เอกสารใหม่ช่อื วา่ New Microsoft Word Document ใน Folder ทส่ี ร้างน้นั

1.1.2 การเปดิ โปรแกรมและไฟลเ์ อกสารใหม่ใหเ้ ปดิ โปรแกรม Microsoft Word จากเมนู start/ All Program/Microsoft Office/Microsoft Office Word 2010 หรือดับเบล้ิ คลิกปุม่ ไอคอนโปรแกรม Microsoft Word 2010 โปรแกรมจะเปิดพรอ้ มกบั ไฟลเ์ อกสารใหม่ในช่ือ documents1 1.1.3 การเปิดไฟลเ์ อกสารใหมห่ ลงั จากเปิดใชง้ านในแฟม้ อนื่ แลว้ ในขณะทท่ี ำงานกบั แฟ้มเอกสารอยู่ และตอ้ งการทจ่ี ะเปดิ แฟ้มเอกสารใหม่ข้นึ มาทำงานดว้ ยให้คลกิ แทบ็ ไฟล์คดิ คำสง่ั New จากน้นั คลกิ เลอื ก Blank Document และคลกิ Createจะได้เอกสารเปลา่ ชื่อ Document 2 และทำซ้ำแบบเดมิ อกี ก็จะได้เอกสารเปล่าชอ่ื Document3 Document4ไปเรือ่ ยๆ ถ้าต้องการเปิดเอกสารจาก template ใหเ้ ลือกคลกิ แทบ็ ฝ่ายคิดคำสั่งนิว้ จากน้ันคลกิ เลือก Sample template จะปรากฏตวั อย่าง template ให้เลือกรปู แบบทต่ี ้องการและคลกิ Create 1.2 การบนั ทึกเอกสาร(Save) เมื่อเปดิ โปรแกรมและพมิ พ์งานเอกสารหากมีความประสงค์ที่จะบนั ทกึ เก็บไวใ้ นสอ่ื เก็บข้อมูลต่างๆ สามารถปฏบิ ัติไดด้ ังตอ่ ไปนี้ 1.2.1 การบันทึกไฟลเ์ ปิดใหมใ่ นการเปดิ โปรแกรมพมิ พ์งานใหม่จะได้ชือ่ ไฟล์ว่า Document 1 และ เม่ือตอ้ งการบนั ทึกไฟลใ์ หค้ ลกิ แทบ็ file เลอื กคำสง่ั save หรอื setup หรอื ใหค้ ลิกปุ่มบนั ทึกท่ีเปน็ รูปแบบแผ่นดสิ กท์ ่แี ถบเครอื่ งมอื ด่วนก็ไดจ้ ะปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ 18 ข้ึนมาให้เลือกตำแหนง่ ท่ี ต้องการบันทึกแล้วตง้ั ชอ่ื ไฟลใ์ นชอ่ ง file name เลอื กชนิดเอกสารในช่อง save as type โดยปกตจิ ะ เป็นชนดิ Word documents ทมี่ ีนามสกุลเปน็ (*.doc) ให้เลือกชนดิ ของไฟลเ์ ป็น Word 97-2003 Document 1.2.2 การบันทกึ ไฟลเ์ ก่าเมอ่ื เปดิ งานเก่าขึ้นมาพิมพง์ านแลว้ ตอ้ งการทจ่ี ะบันทกึ ไฟล์สามารถ ดำเนนิ การได้ 4 รปู แบบดงั นี้ 1) การบนั ทึกไฟลเ์ กา่ ในทอี่ ยแู่ ละชอ่ื เดิมใหค้ ลกิ แทบ็ ฟรีคกิ คำสั่ง save หรือคลิกปมุ่ บันทึกท่ี เป็นรปู แผน่ ดสิ กท์ ่แี ถบเครือ่ งมอื ดว่ นก็ได้ 2) การบนั ทกึ ไฟล์เกา่ ในท่ีอยู่ใหม่แตช่ ่อื เดมิ ใหค้ ดิ คลับฟรายคลกิ คำส่งั save as ปรากฏ ไดอะล็อกบ็อกซ์ save as ข้นึ มาให้ไปตำแหน่งท่ีอยทู่ ่ีตอ้ งการบนั ทกึ แลว้ คลิกปมุ่ save

3) การบนั ทกึ ไฟล์เก่าในที่อยเู่ ดมิ แต่ชอ่ื ใหมใ่ หค้ ลกิ แท็บ File คลกิ คำสงั่ save as จะปรากฏ ไดอะลอ็ กบ็อกซ์ save as ขึน้ มาใหเ้ ปลีย่ นช่ือไฟลใ์ นชอ่ งช่ือแฟม้ แลว้ คลกิ ปุ่ม save 4) การบันทกึ ไฟลเ์ กา่ ในทอ่ี ยใู่ หม่ในชือ่ ใหมใ่ หค้ ลิกคลบั ฟรายคิดคำสงั่ save asจะปรากฏ ไดอะล็อกบ็อกซ์ save as ขน้ึ มาให้ไปตำแหน่งทอ่ี ยู่ท่ีตอ้ งการบันทกึ แลว้ เปล่ียนชือ่ ไฟลใ์ นช่องชอ่ื แฟม้ เสร็จแล้วคลกิ ปมุ่ save 1.3 การเปิดเอกสารเกา่ (Open) การเปดิ ไฟลเ์ อกสารเก่าเพือ่ นำมาแกไ้ ข/ Microsoft ข้นึ มาก่อนจะขน้ึ มาใหค้ ลกิ เลือกตำแหนง่ ท่อี ยู่ ของไฟล์เอกสารและ ขึ้นมาใหค้ ลกิ เลอื กตำแหนง่ ที่อยขู่ องไฟลเ์ อกสารและคดิ เลอื กไฟลเ์ อกสารท่ี ต้องการถา้ ถ้ายังมโี ฟลเดอร์ย่อยต่อไปอกี ใหด้ บั เบลิ คลกิ ทีโ่ ฟลเดอรย์ ่อยน้ันเพ่ือแสดงไฟลท์ ่ตี ้องการ การเปดิ ไฟลเ์ อกสารที่เคยใชง้ านครง้ั ลา่ สดุ อย่างรวดเร็วทำไดโ้ ดยคลกิ แทบ็ file คดิ คำสง่ั recent แลว้ คลกิ เลอื กรายชอ่ื ไฟลเ์ อกสารเก่าทป่ี รากฏทางด้านขวาของเมนูให้คลิกเลือกเปิดไฟล์ไดท้ ันที 1.4 การเปิดการ( Close ) การปดิ เฉพาะไฟล์ที่เปดิ ขน้ึ ใชง้ านทำไดด้ ้วยการคดิ คิดคำสง่ั Closeถ้าไม่ได้บนั ทกึ โปรแกรมจะเปิด กลอ่ งโตต้ อบเตือนว่าต้องการบนั ทกึ กอ่ นปดิ หรอื ไม่หากบันทกึ ใหค้ ลกิ ปมุ่ save ถา้ ไม่ตอ้ งการบนั ทึกให้ คลิกปุ่ม Don't save แต่ถา้ ต้องการกลบั ไปใช้งานตอ่ ให้คลกิ ปมุ่ Cancel 1.5 การออกจากโปรแกรม (Exit) เมอ่ื ตอ้ งการออกจากโปรแกรมหรอื เลอื กทำงานควรบนั ทกึ งานทุกครง้ั แต่ถ้าลืมบันทกึ และออกจาก โปรแกรมจะมคี ำเตือนใหบ้ นั ทกึ เชน่ เดยี วกบั การปิดไฟลก์ ารออกจากโปรแกรม Microsoft Word ทำ ไดโ้ ดยคลิกแถบ file คลกิ คำสง่ั Exit หรือปุ่ม X (Close) ที่ Control button

ความหมายของโปรแกรมประมวลผลคำ โปรแกรมการประมวลผลคำ (Word Processing) เปน็ การนำหลายๆคำมาเรียงกนั ใหอ้ ยู่ ในรปู แบบทก่ี ำหนด ซง่ึ เราสารารถกำหนดไดว้ ่าจะมกี ตี ัวอกั ษรตอ่ หนงึ่ บรรทัด หรอื หนา้ ละกบ่ี รรทดั กั้นระยะหนา้ หลงั เทา่ ไร และสามารถแกไ้ ขเพิม่ เตมิ ได้สะดวกจนกว่าจะพอใจแลว้ จงึ สัง่ พิมพเ์ อกสารนนั้ ๆ ออกมากชี่ ุดกไ็ ด้ ซงึ่ เอกสารทีไ่ ดจ้ ะเหมอื่ นกันทุกปรการโปรแกรมหรอื ชุดคำส่งั ที่เราสามารถทำงานเอกสารและสั่งงานตา่ งๆน้ีได้มชี ่อื เรียกวา่ โปรแกรมเวริ ด์ โพรเซสเซอร์ (Word Processor Program) โปรแกรมประมวลผลคำ เปน็ โปรแกรมท่ีชว่ ยสร้างเอกสารประเภทต่าง ๆ ได้อยา่ งสะดวกและรวดเรว็ อาทเิ ชน่ จดหมาย บนั ทึกขอ้ ความ ใบปะหน้าโทรสาร แบบฟอรม์ ต่าง ๆ เปน็ ต้น โดยเก็บในสอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์แทนกระดาษ ผูใ้ ช้สามารถเพิ่มเติมหรอื แก้ไขข้อมูลทเ่ี กบ็ ไดโ้ ดยทไ่ี ม่ต้องพมิ พ์ใหม่ ทงั้ หมด 1.2 วิวัฒนาการของโปรแกรมประมวลผลคำ โปรแกรมประมวลผลคำยคุ แรก ๆ ใช้โปรแกรมของตา่ งๆประเทศ เช่น โปรแกรม WORD STAR ของ บรษิ ัทไมโครโปร จำกัด ซ่งึ สามารถพิมพข์ ้อความไดเ้ ฉพาะภาษาอังกฤษเทา่ นั้น จงึ ทำใหไ้ ม่ไดร้ บั ความ นยิ มจากผู้ใชช้ าวไทยนัก ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 นายแพทยช์ ุษณะ มากรสาร ไดพ้ ัฒนาโปรแกรม ประมวลผลคำทมี่ ชี ือวา่ \"ราชวถิ ีเวริ ์ดพซั ี (Rajavithi Word PC)\" ซงึ่ โปรแกรมน้เี ขยี นข้นึ ดว้ ยภาษา Assembly ทงั้ หมด การใทชง้ านเหมอื นโปรแกรม WORDSTAR สามารถพมิ พข์ ้อความไดท้ ้ัง

ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ และมกี ารปรบั ปรงุ พฒั นามาเรื่อย ๆ จงึ่ ได้รบั ความนยิ มจากผใู้ ชอ้ ย่าง สงู สุดในเวลาต่อมา ในปี 2532 สถาบันบรกิ ารคอมพวิ เตอร์ และภาควิชาวิศรกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณห์ มาลยั ได้รวมมอื กนั พัฒนา โปรแกรมจดั พมิ พเ์ อกสารภ์ าษาไทยและอังกฤษ โดยออกแบบใหง้ า่ ยต่อการใช้งานและมี ความสามารถได้ในการใชง้ านและมีความสามารถใชง้ านเช่นเดียวกบั โปรแกรมโปรมวลผลตา่ งๆ โดย ต้งั ช่ือว่า \"ซยี ูไรด์เตอร\"์ มลี ักษณะการทำงานเหมอื น WORDSTAR และประกาศให้ใช้เป็นโปรแกรม สาธารณะ (Public Domain) โปรแกรมประมวลผลคำในปจั จบุ ันจะใชซ้ ดุ ซอฟตแ์ วรซ์ ึ่งเปน็ โปรแกรม สำเรจ็ รูป (Package) ชดุ ซอฟต์แวรน์ ีเ้ รียกว่า \"โปรแกรมชุดสำนักงาน (Office Program)\" โดยบรษิ ัท ไมโครซอฟต์คอร์เปอร์เรชั้น ได้ผลติ โปรแกรมชุดไมโครซอฟตอ์ อฟฟิศ ออกสูต่ ลาดครั้งแรกชอื ว่า \"ไม่ โครซอฟตอ์ อฟฟิศ รนุ่ 4.3\" ซึ่งประกอบด้วย 1 word 2 Excel 3 Access 4 Database Software 5 Power Point 6 Presentation Software ซ่งึ มีการพัฒนามาเรอื่ ยๆ 2.0 และ 6.0 เปน็ โปรแกรมทที่ ำงานบนระบบ windows ของบรษิ ัทไมโครซอฟตแ์ ละเปน็ ซอฟต์แวร์ที่ มีลิขสทิ ธ์ิ (License) และพัฒนาปรบั ปรุงเป็นไมโครซอฟออฟฟศิ 2007 ปจั จบุ นั ได้พัฒนาปรับปรงุ เป็น ไมโครซอฟออฟฟิศ 2010 1.3 คณุ ลกั ษณะของโปรแกรมประมวลผลคำท่ดี ี 1.3.1 มีระบบขอความชว่ ยเหลอื (Help) โปรแกรมประมวลผลคำที่ดตี ้องมรี ะบบขอความชว่ ยเหลอื ทีค่ ่อยช่วยใหน้ ำแนนนำช่วยแหลอื ให้ ผใู้ ช้สามารถทำงานได้อยา่ งสะดวกและรวจเร็ว เช่น หากเกดิ ปญั หากบั การใช้งานหรือสงสยั เกยี วกับ วิธกี ารใชง้ านแทนทจี ะต้องเปดิ หาในหนังสอื คมู้ ือการใช้งานของโปรแกรมกส็ ามารถขอความชว่ ยเหลอื จากโปรแกรมไดท้ นั ที 1.3.2 มีระบบอตั โิ นมตั ิ โปรแกรมประมวลผลคำท่ีดคี วรจะมรี ะบบอัติโนมตั ิ ทจ่ี ะชว่ ยใหผ้ ้ใู ช้สามารถทำงานกบั เอกสาร ได้ อยา่ งสะดวกสะบายมากขึน้ เชน่ การตรวจสอบอตั โิ นมตั ิ (Auto Format) การแก้ไขอัตโิ นมตั ิ (Auto Correct) มรี ะบบใสข่ ้อความอัตโนมตั ิ ตรวจสอบการสะกดคำผดิ ได้ทัง้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเปน็ ต้น

1.3.3 การใชข้ ้อมลู ร่วมกันกบั โปรแกรมอ่ืน ๆ ได้ โปรแกรมประมวลผลคำท่ีดคี วรมคี วามสามารถในการทำงานทสี่ รา้ งด้วยโปรแกรมอนื้ ไดม้ าใช้ งานร่วมกบั โปรแกรมได้ เชน่ การแทรก ภาพอะกษร สัญลกั ษร์ เปฯ้ ตน้ นอกจากนี้ ครวมีความสามารถในการดงึ โปรแกรมเอกสารจาก โปรแกรม Word Processing อ่นื ๆ มาใชง้ านโปรแกรมได้ 1.3.4 เรยี นรู้การใชง้ านไดง้ า่ ย โปรแกรมประมวลผลคำที่ดีไมค่ วรใชเ้ วลานานเกินไปสำหรับการเรยี นรู้โปรแกรมครวมี บทเรียน สอนหรือสาธติ เกียวกบั ขนี้ ตอนต่าง ๆ ในการใช้งานโปรแกรม เพอื ใหส้ ามารถเรยี นรู้การใชง้ านได้ อย่างรวจเร็ว 1.3.5 มรี ะบบค้นหาและแทนทีค่ ำ โปรแกรมประมวลผลคำที่ดีควรมีระบบการแทนทคี่ ำใหช้ ่วยจัดการรูปแบบค้นหาคำเพือการ แกไ้ ขหรือการแทนคำได้สะดวกรวจเร็ว 1.3.6 จัดรปู แบบเอกสารได้สะดวก โปรแกรมประมวลผลคำทีด่ ีควรจะมเี คร่อื งมือทชี่ ว่ ยรปู แบบจัดการเ้ อกสารได้สะดวก และซ่ึงครว มีความสามารถจัดเอกสารรปู แบบได้รวจเรว็ มีข้นั ตอนการจดั รปู แบบที่ไมย่ งุ ยาก 1.3.7 กำหนรูปแบบอกั ษรไดห้ ลากหลายขนาด โปรแกรมประมวลผลคำทด่ี คี วรมีคุณสมบัติในการเปลยี นแปลงและกำหนดรปู แบบของอักษร ของขนาดตวั อักษรไดห้ ลากหลายรปู แบบ ทง้ั ตวั อกั ษรพเิ ศษต่างๆ โดยที่ไมม่ ีในแป้นพมิ พ์ดว้ ย 1.4 ความสำคัญของโปรแกรมประมวลผล ปันจุบันสำนักงานทงั้ ภาครัฐและเอกชน ได้มกี ารนำโปรแกรมประมวลผลคำมาใชใ้ นการพมิ พ์ เอกสารและรายงานตา่ ง ๆ แทนเครื่องพิมพ์ดดี มากขน้ึ ท้ังน้เี นอื่ งจากความก้าวหนา้ ของเทลโนโลยี คอมพเิ ตอร์โดยเฉพาะอย่าวยิง่ การพฒั นาความสามารถควั ประมวลผลและการเก็บข้อมลู ของหน่วย เก็บขอมวลสำของต่างๆ มคี วามจสงู ข้ึน รวมถึงการผลดิ เครอื่ งพมิ พ์ ความเรว็ สงู ประกอบกับราคา

เคร่อื งถกู มาก ทำใหส้ ำนักงานต่างๆ หนั มาใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาชว่ ยในการประมวลผลข้อมลู โดย สามารถแลือกแบบ อักษรแก้ไข เพม่ิ เติม ปรบั ปรงุ แทรกขอ้ ความ รวมขอ้ ความหรอื เอกสาร จัด ขอบเขตหนา้ กระดาษและตรวจดเู อกสารกอ่ นทจี่ ะพมิ พ์ออกมา นอกจากน้ียัง สามารถบนั ทกึ เอกสาร ต่าง ๆ ตลอดจนเรียกใชง้ านแฟม้ ข้อมลู ท่ีได้เกบ็ บนั ทึกไวข้ นึ้ มาใชง้ านภายหลังได้ 1.5 ประโยชนข์ องโปรแกรมประมวลผลคำ 1.5.1 การเกบ็ เอกสาร การจดั เก้บเอกสารทพี่ มิ พข์ ้ึนดว้ ยการดาษน้นั อาจจะสญู เสียหายหรอื ฉกี ขาดได้แต่การจัดเกบ็ เอกสารในรปู แบบ ไฟลน์ ้ันจะอยคู่ รบถ้วยตราบท่สี ือใชใ้ นการเกบ็ บันทึกขอ้ มลู เช่น แผน่ ซีดี ฮารด์ ิก อยู ในสภาพดีและสำบรู ณ์ 1.5.2 การคน้ หาและเรยี กใชง้ านข้อมูล โปรแกรมประมวลผลคำจะมีความสามารถใชค้ น้ หาขอ้ ความหรือคำทเ่ี ราต้องการหรือแทนทีคำ หรอื ขอ้ ความด้วยคำใหม่โดยอันตโิ นมตั ตลอดการเรยี กใช้ข้อมลู กท็ ำโดยงายและสะดวกเพียงแตท่ ราบ ชอ่ื ของไฟล์ จะไม่ยงุ่ ยาก เหนอื นกบั การเก็บเอกสาร และเรยี กใช้เอกสาร 1.5.3 การทำสำเนา การทำสำเนาเอกสารดว้ ยเครื่องพพิ มด์ ีดจะตอ้ งใชก้ ระดาษคารบ์ อน และสามารถทำสำเนาได้ เพยี งครง้ั ละ่ 3 - 4 แผ่น ในขณะคอมพิวเตอรส์ ามารถทำไดไ้ ม่จำกดั และทกุ สำเนามีความชดั เจนเท่า เทียมกัน 1.5.4 การเปลียนแปลงแกไ้ ขเ้ อกสาร การพิมพ์เอกสารดว้ ยเครอื่ งพิมพด์ ีดจะมกี ารพมิ พผ์ ดิ อยเู่ สมอ ๆ ทำใหเ้ สยี เวลาคอ่ นข้างมาก นอกจากนเี้ คร่ืองพิมพ์ดีดเทา่ ท่ีครวและจะปรากฎรอยการแก้ไขขดู ลบ แตค่ อมพวิ เตอรจ์ ะแก้ไขเ้ อกสาร ในการลบในไฟล์ ซง่ึ ช่วยใหป้ ระหยดั เวลาและค่าใช้จ่าย

1.5.5 การจดั รปู แบบเอกสาร โปรแกรมประมวลผลคำมีความสามารถในการจดั ทำแบบเอกสารได้อยา่ งดแี ละมีประสิทธิภาพ เช่น การกัน้ ระยะหา่ งหนา้ และ หลงั การใส่ขอ้ ความหวั กระดาษและทา้ ยกระดาษ การจัดเอกสารหลาย คอลัมน์ การจดั รปู แบบอัติโนมัต ชว่ ยให้เกิดความสะดวกในการทำงานเหนือกวา่ การทำงานแบบ เอกสารธรรมดา

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… บรู ณาการคุณธรรมจรยิ ธรรม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ด้านความรู้ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ด้านกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น (C) …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ปญั หาอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… (ลงชื่อ) ……………………………………………………ผสู้ อน ( นายนติ ิโรจน์ มีพวงผล ) ตำแหน่ง ครูผ้สู อน วันที.่ ...........................................

ความคิดเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา หรอื ผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ ง (....) ไดต้ รวจสอบแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม และเห็นควรให้นำไปใช้สอนได้ (....) ควรปรบั ปรงุ คอื ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ (ลงชื่อ..................................................... ( นายวีระ แถมกระโทก) ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ วนั ท.่ี ........................................... (....) ได้ตรวจสอบแล้วเหน็ ว่ามคี วามเหมาะสม และเหน็ ควรให้นำไปใชส้ อนได้ (....) ควรปรับปรงุ คอื ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. (ลงชอ่ื ) ..................................................... ( ดร.สรุ ศกั ดิ์ จันพลา ) ผอู้ ำนวยการวทิ ยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณสี รุ นารี ขามสะแกแสง วนั ที่................................................

แผนการสอน/แผนจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 5 วชิ า 2001-2001 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ สัปดาหท์ ่ี 8-9 ชือ่ หน่วย เครอื่ งมือช่วยงานใน Microsoft Word รวม 6 คาบ ชอื่ เรื่อง สาระสำคัญ โปรแกรม Microsoft Word มเี คร่อื งมอื ช่วยในการสรา้ งงานเอกสารอยา่ งมากมาย ทง้ั ในสว่ นของการ ปรับแตง่ ใหเ้ อกสารมคี วามสวยงาม และเคร่อื งมือทีช่ ว่ ยลดเวลาในการทำงานด้านเอกสารเช่น จดหมายเวียน เป็นตน้ หัวขอ้ การเรียนรู้ 19. การสรา้ งหนา้ ปก 20. การแทรกและปรบั แต่งรปู ภาพ 21. การใช้งาน Word Art และ Smart Art 22. การสรา้ งจดหมายเวยี น สมรรถนะอาชีพทีพ่ งึ ประสงค์ มีความรู้และทักษะในการใช้เครือ่ งมอื ในโปรแกรม Microsoft Word มาช่วยในการสรา้ งงานเอกสาร จุดประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ัว่ ไป เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้และทกั ษะในการนำเครื่องมอื ใน Microsoft Word มาชว่ ยสรา้ งงานเอกสารในรปู แบบ ตา่ งๆ จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 19. สามารถสรา้ งหน้าปกเอกสารด้วย Microsoft Word ได้ 20. สามารถแทรกและปรบั แตง่ รปู ภาพใน Microsoft Word ได้ 21. สามารถใชง้ าน Word Art และ Smart Art ได้ถูกตอ้ ง 22. สามารถสรา้ งจดหมายเวยี นใน Microsoft Word ได้ การบรู ณาการตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 13) ความพอประมาณ : ตรวจความพร้อมของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์กอ่ นเรียน และปดิ เครอ่ื ง เก็บเก้าอี้นง่ั ใหเ้ รียบรอ้ ยหลงั เลกิ เรยี น เพอ่ื ความเรยี บรอ้ ยและประหยดั 14) การมเี หตุผล : รับฟงั ความคิดเห็น และวเิ คราะห์ วิจารณ์อยา่ งมีเหตุผล 15) การมีภูมิคมุ้ กันในตัวเอง : ฝกึ การค้นควา้ หาความรจู้ ากเพือ่ น และระบบอนิ เทอร์เนต็ เพือ่ แกป้ ญั หาในแบบฝึกปฏบิ ัติ และใบงาน

สาระการเรยี นรู้ 19. การสรา้ งหนา้ ปกรายงาน 1.15การสรา้ งขอบหน้าปก 1.16การแทรกลายนำ้ บนปกรายงาน 20. การแทรกและปรบั แต่งรปู ภาพ 2.17 การแทรกรปู ภาพในเอกสาร 2.18 การแทรกรปู ร่างในเอกสาร 21. การใช้งาน Word Art และ Smart Art 4.15 การใชง้ าน Word Art 4.16 การใชง้ าน Smart Art 22. การสร้างจดหมายเวยี น 4.5 การสร้างไฟล์ขอ้ มูลในจดหมายเวียน 4.6 การพมิ พเ์ อกสารตัวจดหมาย 4.7 การผนวกไฟล์ข้อมลู เข้ากบั ตวั จดหมาย 4.8 การแสดงผลลัพธ์ สื่อและแหลง่ เรียนรู้ 22. หนังสอื ประกอบการเรียน วชิ าคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ สำนักพมิ พศ์ ูนย์ส่งเสริมอาชีวะ 23. เครื่องคอมพิวเตอร์ 24. เคร่ืองฉายภาพ 25. ระบบอินเทอรเ์ น็ตภายในห้องเรียน 26. หนงั สอื และเอกสารความรใู้ นห้องเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ 14. ครูสาธิตวิธีสร้างงานดว้ ยเคร่ืองมือตา่ งๆในโปรแกรม Microsoft Word 15. นกั เรียนฝกึ ปฏบิ ัติตามทลี ะขน้ั ตอน 16. นักเรียนทำกิจกรรมการเรยี นรทู้ า้ ยบทเรียน ตามหัวขอ้ การเรยี นรู้ 17. ครูประเมินผลงานของนกั เรียน พรอ้ มให้ข้อเสนะแนะ

หลักฐานการเรียนรู้ 9. ข้อมูลการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ 10. คะแนนทไี่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรมการเรียนรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ - สงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน - ใช้คำถามตรวจสอบความรู้ - การทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ทา้ ยบทเรียน กิจกรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย ให้นักเรียนทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน เอกสารอา้ งองิ หนังสอื ประกอบการเรยี น วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี รหสั 2001-2001 เรยี บ เรียงโดย โกมล ศริ สิ มบรู ณเ์ วช สำนักพมิ พ์ศนู ย์สง่ เสรมิ อาชีวะ

ใบความรู้ ท่ี 5 หนว่ ย เครือ่ งมือช่วยงานใน Microsoft Word ส่วนประกอบของหนา้ ต่างโปรแกรม Microsoft Word สว่ นประกอบของหน้าตา่ งโปรแกรม Microsoft Word 1. เมอ่ื เปิดใชโ้ ปรมแกรม Microsoft Word ข้นึ มาแรว้ จะปรากฏหน้าตา่ งของโปรแกรม ซงึ่ มี สว่ นประกอบดงั นี้ 1. ตวั ควบคุมหน้าตา่ งโปรแกรม (Program Window Control) เปน็ สว่ นของจดั การกบั หนา้ ตา่ ง โปรแกรมทเ่ี ปิดใชง้ านอยู่ เชน่ ซอ่ นหนา้ ตา่ ง (Minimize) ยอ่ ขนาดหนา้ ตา่ ง (Restore Down) หรอื ขยายขนาดหน้าตา่ ง (Maximize) และปดิ หนา้ ต่างโปรแกรม (Close) 2. แถบเคร่ืองมอื ด่วน (Quick Access Toolbar) เปน็ สว่ นท่ีแสดงคำสง่ั ของโปรแกรมที่ใชง้ าน บอ่ ยๆ โดยแสดงในรปู ของปมุ่ รปู ภาพหรือไอคอน เช่น ปุม่ สรา้ ง ปุ่มเปิด ปมุ่ บันทกึ ปมุ่ พมิ พ์ เป็นต้น 3. ป่มุ เครอื่ งมอื ด่วนเอง เป็นป่มุ เครอื่ งมือทส่ี ามารถกำหนดเองไดซ้ ่ึงมชี ุดคำสง่ั ทเี่ ป็นอสิ ระ จากแท็บบน Ribbon ซ่ึงกำลังแสดงอยสู่ ามารถยา้ ยปุ่มเคร่ืองมือดว่ นจากตำแหน่งท่ตี ง้ั ันใดอันหนง่ึ จา สองตำแหนง่ ท่ตี งั้ ท่เี ปน็ ไปได้รวมทงั้ สามารถเพ่ิมปุ่มที่แทนคำส่ังต่างๆ ลงในแถบเครือ่ งมอื ดว่ นได้ 4. แถบชอ่ื เร่อื ง (Title Bar) เป็นส่วนที่แสดงชอื่ ไฟลเ์ อกสารทเี่ ปิดใชอ้ ยู่ ถ้าเป็นการเปดิ โปรแกรมคร้งั แรกหรือการสร้างเอกสารใหม่ จะชอ่ื ว่า Document1, Document2, Document3,…. และแสดงชอื่ ของโปรแกรม

5. ป่มุ ควบคุมหนา้ ตา่ งโปรแกรม (Control Menu) เปน็ ปมุ่ จัดการกบั ตา่ งโปรแกรมทเี่ ปดิ ใช้งนอยู่ ประกอบดว้ ยปมุ่ ซอ่ นหน้าตา่ ง (Minimize) ป่มุ ยอ่ ขนาดหนา้ ตา่ ง (Restore Down) หรือปมุ่ ขยาย ขนาดหนา้ ต่า (Maximize) และปมุ่ ปิดหนา้ ต่างโปรแกรม (Close) 6. แท็บแฟ้ม (File Tab) เปน็ สว่ นทแ่ี สดงคำส่ังสรา้ ง เปิด บนั ทกึ แสดงตังอย่างและพมิ พ์เอกสารจกั เตรียมเอกสารสำหรบั การกระจาย ส่งสำเนาเอกสารให้กับผอู้ ื่น กระจายเอกสารไปยงั บคุ คลอืน่ สามารถกำหนดค่าพืน้ ฐานต่างๆ ของตวั เลือกของโปรแกรม และปดิ โปรแกรม 7. แทบ็ เมนู (Menu Tab) เปน็ ส่วนที่แสดงคำสัง่ ทเ่ี ป็นรายการระเอยี ดทตี่ อ้ งเปิดใชง้ าน ประกอบด้วยทบ็ หน้าแรก (Home) แท็บแทรก (Insert) แทบ็ โครงหนา้ กระดาษ (Page Layout) แทบ็ การอา้ งองิ (References) แท็บการสง่ จดหมาย (Mailings) แทบ็ ตรวจทาน (Review) แท็บมมุ มอง (View) แทบ็ สว่ น Acrobat เกดิ จากการตดิ ตั้งโ)รแกรม Adobe Acrobat Professional 1) แท็บหน้าแรก (Home) เปน็ แท็บเครือ่ งมอื ทร่ี วบรวมกลมุ่ คำสงั่ ท่ใี ชใ้ นการจดั รปู แบบของเอกสาร ความในเอกสารประกอบด้วยครปิ บอร์ดแบบอกั ษรย่อหนา้ ลกั ษณะและการแกไ้ ข 2) แท็บแทรก (Insert) เปน็ แทบ็ เครือ่ งมอื ทรี่ วบรวมกลุม่ คำสง่ั ที่ใช้ในการแทรกวัตถตุ ่างๆ ได้แก่หนา้ ตาราง ภาพประกอบการเชือ่ มโยง หัวกระดาษและท้ายกระดาษขอ้ ความและสญั ลกั ษณ์ 3) แท็บเคา้ โครงหนา้ กระดาษ (Page Layout) เปน็ แทบ็ เครอื่ งมอื ทร่ี วบรวมกล่มุ คำสงั่ ทีใ่ ช้ในการ กำหนด เคา้ โครงหนา้ กระดาษประกอบด้วยชดุ รูปแบบตัง้ คา่ หน้ากระดาษพนื้ หลังของหนา้ ย่อหนา้ และ จัดเรียง 4) แทบ็ การอา้ งอิง (References) เปน็ แทบ็ เครอ่ื งมือทร่ี วบรวมกล่มุ คำสั่งทใ่ี ช้ในการสร้างการอ้างองิ ไดแ้ ก่สารบญั เชงิ อรรถ ข้อมูลอ้างอิงและอ้างองิ และบรรณานกุ รม คำอธบิ ายภาพและดัชนี

5) แท็บการสง่ จดหมาย (Maillings) เป็นแทบ็ เครอื่ งมอื ท่รี วบรวมกลุ่มคำสัง่ ทีใ่ ช้ในการสร้างจดหมาย เวียนและส่วนประกอบตา่ งๆของจดหมายเวียนประกอบดว้ ยสรา้ งเรมิ่ จดหมายเวียนเขียนและแทรก เขตข้อมลู แสดงตวั อยา่ งผลลพั ธ์และเสรจ็ ส้ิน 6) แท็บตรวจทาน (Review) เป็นแทบ็ เครอ่ื งมือทรี่ วบรวมกลุ่มคำสง่ั ท่ใี ช้ในการตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ของเอกสารและแทรกคำอธิบายหรอื ขอ้ คดิ เห็น ประกอบดว้ ยการพสิ ูจน์อกั ษร ขอ้ คิดเห็นการติดตาม การเปล่ียนเปรียบเทียบ และปอ้ งกนั 7) แทบ็ มมุ มอง (View) เปน็ แท็บเครือ่ งมือท่รี วบรวมกล่มุ คำสงั่ ที่ใช้ในการแสดงรูปแบบของเอกสาร และสว่ นประกอบตา่ งๆ ของหนา้ ตา่ งโปรแกรม ประกอบด้วยมุมมองเอกสารแสดง/ซอ่ นยอ่ /ขยาย หน้าตา่ งและแมโคร นอกจากน้ยี ังมีแทบ็ แทรกเมนูชนดิ หนง่ึ ซงึ่ จะไมแ่ สดงผลตลอดเวลาเหมือนกบั แท็บเมนทู ัว่ ไป แตเ่ กิด จากการแทรกตาราง รปู ภาพ รปู วาด SmartArt หรอื แผนภมู ลิ งในเอกสาร โดยจะแสดงแท็บเมนู เฉพาะ (Contextual Tab) แถบ Ribbon ซึง่ จะเปลีย่ นไปตามวัตถหุ รอื รูปภาพท่ีแรก