คู่มือ แนวทางการอบรมผูด้ แู ลผสู้ ูงอายุ หลักสูตร 420 ชั่วโมง
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ คู่มือ แนวทางการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ หลักสูตร 420 ชั่วโมง ISBN 978-616-11-1566-1 จัดพิมพ์โดย สำนักอนามัยผสู้ ูงอายุ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 88/22 ถนนตวิ านนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมอื ง จงั หวดั นนทบุรี 11000 โทร. 0-2590-4000 พ ิมพ์คร้ังท่ี 2 ตุลาคม 2557 จำนวนพิมพ์ 1,000 เล่ม พิมพ์ที่ สำนักงานกจิ การโรงพิมพ์ องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผา่ นศกึ II คู่มอื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผูส้ งู อายรุ ะยะยาว
คำนำ ปรากฎการณ์ใหม่ในศตวรรษที่ 21 ของประเทศไทย คือการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จากข้อมูลพบว่า ขนาดหรือจำนวนของประชากรรวม และประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น มีการคาดการณ์ว่า อีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด ซึ่งหมายถึง มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ 65 ปีข้ึนไป คิดเป็น ร้อยละ 20 ข้ึนไป หรืออาจกล่าวได้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564) ประเทศจะกลายเป็น “สังคมสูงวัย อย่างสมบูรณ์ : Aged Society” และ จากน้ันอีกเพียง 10 ปี ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยระดับ สุดยอด (Super-Aged Society) จากสภาพปัญหาและสถานการณ์ของผู้สูงอายุ ที่มีการเปล่ียนแปลงอย่าง รวดเร็วมาก ส่งผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม โดยรวม การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค ในผู้สูงอายุท่ียังมีสุขภาพดีให้มีสุขภาพแข็งแรง เพ่ือยืดเวลาท่ีจะเกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังออกไปและในผู้สูงอายุ ท่ีเจ็บป่วยให้หายหรือทุเลา จากการเกิดความพิการหรือทุพพลภาพ การยืดเวลาของการเข้าสู่ภาวะทุพพลภาพ ออกไป รวมถึงการเตรียมการเพอื่ รองรับสภาพปญั หาดงั กลา่ ว จึงมีความสำคัญยิ่ง กรมอนามัย โดยสำนักอนามัยผู้สูงอายุ และคณะทำงานพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ จึงได้ดำเนินการจัดทำคู่มือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวข้ึน เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนา ศักยภาพบุคลากร ใหเ้ ป็นผมู้ ีความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถถา่ ยทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี ด้านการดแู ลสขุ ภาพ ผู้สูงอายุระยะยาวแก่บุคลากร และภาคีเครือข่ายท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลท่ีมีคุณภาพ สมศักด์ศิ รี และมคี ณุ ภาพชวี ิตท่ีดี สำนักอนามัยผู้สูงอายุ กรมอนามัย หวังเป็นอย่างย่ิงว่า “คู่มือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอาย ุ ระยะยาว” ฉบับน ี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุระยะยาว และหากมีข้อเสนอแนะให้ คู่มือมีความสมบูรณ์มากยิ่งข้ึน กรุณาส่งข้อเสนอแนะมาท่ีกลุ่มอนามัยผู้สูงอายุ สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามยั เพอ่ื การปรับปรงุ ตอ่ ไป สำนกั อนามยั ผ้สู งู อายุ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ตุลาคม 2557 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ III คู่มือแนวทางการอบรมผดู้ แู ลผู้สูงอายุระยะยาว
สารบญั หนา้ แผนการสอนท่ี 1 ความจำเปน็ ของการดูแลผู้สงู อายุ 1 แผนการสอนที่ 2 แนวคดิ เกยี่ วกับผ้สู ูงอายุ 9 แผนการสอนท่ี 3 โรคที่พบบ่อยในผสู้ ูงอายุ 19 แผนการสอนท่ี 4 ภาวะวิกฤติกบั การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น 33 แผนการสอนที่ 5 การช่วยเหลอื ผสู้ ูงอายุเบอ้ื งต้น 41 แผนการสอนที่ 6 การดูแลชว่ ยเหลอื ผ้สู งู อายุทชี่ ว่ ยเหลือตนเองไมไ่ ดเ้ นื่องจากความชราภาพ 54 แผนการสอนท่ี 7 การใช้ยาในวยั สูงอาย ุ 65 แผนการสอนที่ 8 การส่งเสริมสขุ ภาพผูส้ ูงอายุ 74 • อาหารและโภชนาการสำหรับผู้สูงอาย ุ 74 • การออกกำลงั กายท่ีเหมาะสมกับผู้สูงอาย ุ 87 • การดแู ลสุขภาพชอ่ งปาก แผนการสอนท่ี 9 สุขภาพจติ กับผ้สู ูงอายุ / การดูแลตนเองเพอ่ื คลายเครยี ด 124 • ธรรมชาติและความเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจของวัยสงู อาย ุ 145 • โรคจติ เวชในผู้สงู อายุ 145 • การสือ่ สารทางบวกกบั ผูส้ ูงอาย ุ 149 • โรคอัลไซเมอร์ 150 • ความเครียดของผดู้ ูแลและการผ่อนคลายความเครียด 151 • การเตรยี มตวั ก่อนวาระสุดทา้ ยของชีวิต 164 แผนการสอนที่ 10 การจดั สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสม 172 แผนการสอนท่ี 11 ภูมิปัญญาชาวบ้านกับการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ 179 แผนการสอนที่ 12 สิทธิผูส้ ูงอายุตามรัฐธรรมนญู / กฎหมายแรงงานที่ควรร ู้ 187 แผนการสอนที่ 13 บทบาทและจริยธรรมของผดู้ ูแลผู้สูงอายุ 191 แผนการสอนที่ 14 การจัดกจิ กรรมนันทนาการเพื่อผูส้ งู อายุ 195 แผนการสอนที่ 15 เสรมิ ทกั ษะด้านภาษาองั กฤษ 202 แผนการสอนท่ี 16 เสรมิ ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร ์ 211 แผนการสอนท่ี 17 การฝกึ ปฏบิ ัตงิ าน 225 สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ แผนการสอนท่ี 18 การวัดผลและการประเมนิ ผล 250 ภาคผนวก 251 คำสง่ั แตง่ ตัง้ คณะทำงานพัฒนาหลกั สูตรการฝึกอบรมผู้ดแู ลผ้สู ูงอายุ 255 256 IV คู่มือแนวทางการอบรมผดู้ ูแลผูส้ งู อายุระยะยาว
1 แผนการสอนที่ สำนัก ่สงเสริมสุขภาพ เร่อื ง ความจำเปน็ ของการดแู ลผ้สู ูงอายุ วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ • วัตถปุ ระสงคท์ วั่ ไป เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ สถานะสุขภาพของ ผู้สูงอายุ และตระหนกั ถึงความจำเปน็ ในการดแู ลผู้สงู อายุ • วตั ถปุ ระสงค์เฉพาะ เพื่อให้ผู้เข้ารบั การอบรมสามารถ 1. บอกถึงสถานการณ์ผู้สงู อายขุ องประเทศไทยในปัจจุบัน 2. อธบิ ายถงึ โครงสรา้ งทางประชากรของประเทศไทยได ้ 3. อธบิ ายเกีย่ วกับสถานะสขุ ภาพผู้สงู อายุและเหตผุ ลความจำเปน็ ในการดูแลผู้สงู อายไุ ด ้ เปา้ หมาย ผเู้ ขา้ รับการอบรม มคี วามรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับการเปลีย่ นแปลงสถานการณ์โครงสรา้ งทางประชากร ของประเทศไทย สถานการณ์ผู้สูงอายุ สถานะสุขภาพของผู้สูงอายุ และเหตุผลความจำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุอีกทั้งสร้างความตระหนักให้กับผู้เข้ารับการอบรมในการเตรียมตัวเป็น ผสู้ ูงอายทุ ีด่ ีตอ่ ไป เนือ้ หาวิชา 1. สถานการณ์ผู้สงู อายุในปัจจุบนั 2. โครงสรา้ งประชากรของประเทศไทย 3. สถานะสขุ ภาพผู้สูงอายแุ ละความจำเป็นในการดแู ลผู้สงู อาย ุ ระยะเวลา ทฤษฎี 4 ชว่ั โมง รูปแบบ / วธิ กี ารสอน - การบรรยาย - ถาม – ตอบ คำถามกล่มุ ใหญ่ 1 คมู่ ือแนวทางการอบรมผดู้ ูแลผ้สู ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ข้นั ตอนการดำเนนิ กจิ กรรม 1. วิทยากรนำเข้าสู่บทเรียนด้วยคำถามถึงสถานการณ์ผู้สูงอายุในปัจจุบัน ไฟล์นำเสนอตัวอย่าง ผู้สูงอายุที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชน และอธิบายให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจถึงสถานการณ์ผู้สูงอายุในปัจจุบัน การ เปล่ยี นแปลงโครงสร้างของประชากรท่สี ง่ ผลต่อผ้สู งู อาย ุ 2. แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับการอบรม อภิปราย และ นำเสนอเร่ือง “สถานะสุขภาพผู้สูงอาย”ุ และ “มีความจำเป็นในการดูแลผ้สู งู อายอุ ยา่ งไร” 3. รว่ มกันสรุปผลจากความคิดเห็นของสมาชกิ กลุ่มและเสนอแนะความคดิ เหน็ ของสมาชกิ กล่มุ 4. วิทยากรสรุปพรอ้ มใหข้ อ้ เสนอแนะ สื่อประกอบการเรยี นการสอน / อปุ กรณ์ 1. หนงั สือคูม่ ือแนวทางการอบรมผดู้ แู ลผู้สงู อายรุ ะยะยาว 2. สอื่ การอบรม : ไฟลน์ ำเสนอ โปสเตอร์ แผน่ พับ ขา่ วจากหนงั สือพิมพ ์ 3. กราฟโครงสรา้ งประชากรอดตี ปจั จบุ ัน และอนาคต 4. สถติ สิ ถานะสุขภาพผ้สู ูงอายแุ ละอน่ื ๆ คำแนะนำสำหรับวิทยากร 1. ควรจัดเตรียมข้อมูลข่าวสารท่ีเก่ียวข้องกับผู้สูงอายุที่นำเสนอผ่านส่ือมวลชนแขนงต่างๆ เพ่ือให ้ ผเู้ รยี นสนใจ และจงู ใจเข้าสู่บทเรียน และรว่ มแสดงความคดิ เหน็ 2. กจิ กรรมการเรียนรู้ควรเน้นผู้เข้ารบั การอบรมมสี ่วนร่วมมากท่สี ุด การประเมินผล 1. สงั เกตการมีส่วนรว่ มแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ 2. สงั เกตการมสี ่วนร่วมในการทำกจิ กรรมกลมุ่ 3. ประเมนิ จากการถาม ตอบ 2 ค่มู ือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผูส้ ูงอายุระยะยาว
ใบความรู้ที่ 1.1 สำนัก ่สงเสริมสุขภาพ เร่ือง สถานการณ์ผู้สูงอายุในปัจจุบัน จากความสำเร็จความก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย ทำให้ลดอัตราการเพ่ิม ประชากรได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนและสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว กล่าวคือ สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงข้ึน จนกลายเป็นประเทศของสังคมผู้สูงวัย คือมี ประชากรสูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 อย่างไรก็ตามสังคมไทยได้เร่ิมเตรียมการล่วงหน้ามาบ้างแล้ว เช่น แผน พัฒนาประเทศ แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ และ แผนอ่ืนๆ ให้ความสำคัญและมีเร่ืองของการพัฒนาเพ่ือผู้สูงอายุอยู่ ดว้ ยเสมอมา ประชากรผู้สูงอายุเพ่ิมจากร้อยละ 10.7 ในปี 2550 หรือ 7.0 ล้านคน เป็นร้อยละ 11.7 หรือ 7.5 ล้านคน ในปี 2553 และรอ้ ยละ 20.0 หรือ 14.5 ลา้ นคนในปี 2568 (สำนกั งานสถติ แิ หง่ ชาต,ิ 2551) นับวา่ อัตรา การก้าวสู่ “สังคมผสู้ ูงอาย”ุ เร็วมาก ซงึ่ หมายความว่าประเทศไทยมเี วลาสน้ั มากท่ีจะเตรียมการเพอื่ รองรบั สงั คม ผสู้ ูงอายุทงั้ ในดา้ นสขุ ภาพ สงั คม เศรษฐกิจ องค์การสหประชาชาติ ให้นิยามว่าประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไปเป็นสัดส่วน ร้อยละ 10 หรือ อายุ 65 ปีข้ึนไปเกินร้อยละ 7 ของจำนวนประชากรท้ังหมดของประเทศ ถือว่าประเทศนั้นได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุและจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์เมื่อสัดส่วนประชากรอายุ 60 ป ี ขนึ้ ไปเพ่ิมเป็นรอ้ ยละ 20 หรืออายุ 65 ปขี ้นึ ไปเพมิ่ เปน็ ร้อยละ 14 “การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมไทย” (ออนไลน์ เข้าถึงได้จาก : http://www.agingthai.org/page/1042) เมื่อแบ่งผู้สูงอายุออกเป็น 3 กลุ่มตามช่วงวัยพบว่า มากกวา่ ครงึ่ หนง่ึ (ร้อยละ 57.8) เป็นผ้สู งู อายุวยั ต้น (60-69 ป)ี ร้อยละ 31.7 เปน็ ผู้สูงอายุวยั กลาง (อายุ 70-79 ป)ี และร้อยละ 9.5 เป็นผ้สู งู อายุวยั ปลาย (อายุ 80 ปี ขึ้นไป) ซึง่ ตอ้ งพึ่งพาสูง (สำนกั งานสถติ ิแห่งชาติ, 2551) เอกสารอ้างอิง และแหล่งคน้ คว้าเพิ่มเติม 1. ออนไลนเ์ ขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.agingthai.org/page/1042 2. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ : ธนาเพลส, 2551. 3 คู่มือแนวทางการอบรมผดู้ ูแลผสู้ งู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ใบความรู้ท่ี 1.2 เร่ือง โครงสร้างประชากรของประเทศไทย การเปลีย่ นแปลงโครงสร้างประชากร โครงสร้างอายุประชากรของประเทศไทยในช่วง 60 ปี (พ.ศ. 2513–2573) ซ่ึงเป็น ปิรามิดท่ีเพิ่งเริ่ม โครงการวางแผนครอบครัว มีฐานกว้างมากเนื่องมาจากสัดส่วนของประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) สูง โดยท่ี ประชากรวัยแรงงานซ่ึงอยู่ส่วนกลางของปิรามิด ก็มีจำนวนมากเช่นกัน ในขณะท่ีส่วนบนของปิรามิด จะแคบ เน่อื งมาจากประชากรวยั สงู อายุยงั มีสัดส่วนตำ่ อีก 20 ปี ต่อมา (ปี พ.ศ. 2553) พบวา่ ปิรามดิ มีฐานแคบลงเนอื่ งมาจากสัดสว่ นของประชากรวยั เดก็ ลดลงโดยท่ีประชากรวัยแรงงานซ่ึงอยู่ส่วนกลางของปิรามิดมีจำนวนมากกว่าวัยเด็ก เน่ืองจากประชากรวัยเด็กใน ช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นประชากรวัยแรงงาน ในขณะที่บางส่วนของปิรามิดจะค่อยๆขยายกว้างขึ้นเน่ืองมา จากประชากรวัยสูงอายมุ สี ดั ส่วนเพิ่มขนึ้ เลก็ น้อย อกี 20 ปี ตอ่ มา (ปี พ.ศ. 2553) พบวา่ ปิรามิดมฐี านแคบลงไปอกี เนอ่ื งมาจากสดั สว่ นของประชากร วัยเด็กลดลงไปเร่ือยๆ เน่ืองจากอัตราการเกิดลดลงมาอีก ในขณะท่ีส่วนบนของปิรามิดขยายกว้างขึ้นเร่ือยๆ ประชากรวัยแรงงานซ่ึงอยู่ส่วนกลางของปิรามิดได้เคลื่อนตัวไปสู่ปิรามิดที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันประชากรวัย สงู อายุก็มสี ดั ส่วนทีส่ ูงข้ึนด้วย เนอ่ื งมาจากคนทเี่ กิดหลงั สงครามโลกครัง้ ที่ 2 (ยคุ baby boom) ไดเ้ คลือ่ นเข้าสู่ วัยสงู อายุ ประกอบกับประชากรมีอายยุ ืนยาวขึ้น ในอนาคตอีก 20 ปี (ปี พ.ศ. 2573) ปริ ามิดประชากรจะมีฐานแคบลงไปอกี โดยสัดส่วนของประชากร วัยเด็กและวัยแรงงานลดลง อันเน่ืองมาจากอัตราการเกิดท่ีลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ส่วนบนของปิรามิด จะขยายกว้างมากขึ้นเร่ือยๆ โดยประชากรวัยสูงอายุจะมีสัดส่วนสูงขึ้นถึง 2 เท่าตัวเม่ือเทียบกับปี 2553 เนื่องมาจากคนท่ีเกิดหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ได้มาถึงวัยสูงอายุ และประชากรมีอายุยืนยาวข้ึนอีกสังคมไทยจะ เป็นสงั คมผ้สู งู อายอุ ย่างเต็มรปู แบบ (สถานการณ์ผสู้ งู อายไุ ทย 2550, มูลนธิ ิ มสผส.) ปริ ามิดแสดงประชากรของประเทศไทย 4 ค่มู ือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผ้สู ูงอายรุ ะยะยาว
ใบความรู้ที่ 1.3 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เรื่อง สถานะสุขภาพผู้สูงอายุ และความจำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุ เม่ือมีอายุมากขึ้น การทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกายค่อยๆ เสื่อมถอยลง ส่งผลทำให้มีระดับการ ช่วยเหลือตนเองลดลง และจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุข ทำให้อัตราการตายด้วยโรคติดเช้ือเกือบหมดไป มีอัตราการรอดชีวิตเพิ่มข้ึนและมีอายุยืนยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าผู้รอดชีวิตเหลา่ นน้ั มกั มีความพกิ ารหลงเหลอื นอกจากนี้ ผู้ท่ีเจบ็ ป่วยด้วยโรคไร้เชอ้ื เช่นความดนั โลหติ สงู เบาหวาน หรือไขมันในเลอื ดสูงกลับพบมี จำนวนเพิ่มมากข้ึน รักษาไม่หาย มีภาวะพ่ึงพาต้องการการดูแลแบบต่อเน่ือง และการดูแลระยะยาว จากข้อมูล รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2550 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้สูงอายุ ประเมินภาวะสุขภาพท่ัวๆไปโดยรวมของตนเองในระหว่าง 7 วันก่อนสัมภาษณ์ ร้อยละ 43.0 ของผู้สูงอายุ ประเมนิ ว่าตนเองมสี ขุ ภาพดี รอ้ ยละ 28.9 ประเมินวา่ ตนเองมีสุขภาพปานกลาง รอ้ ยละ 21.5 ประเมินว่าตนเอง มสี ขุ ภาพไม่ดี รอ้ ยละ 2.8 ประเมินว่าตนเองมสี ขุ ภาพไม่ดีมากๆ มีเพยี งร้อยละ 3.8 ทปี่ ระเมินว่าตนเองมสี ขุ ภาพ ดมี าก และในเรอ่ื งของการมองเหน็ พบวา่ มากกวา่ ครึ่งหน่งึ (รอ้ ยละ 53.7) มองเหน็ ไดช้ ัดเจน 1 ใน 4 (ร้อยละ 25.4) ของผู้สูงอายุมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อใส่แว่นหรือเลนส์ตา ร้อยละ 20.5 มองเห็นไม่ชัดเจน และร้อยละ 0.4 มองไม่เหน็ เลย ยิ่งอายุมากขึ้นฟันแท้ก็ย่ิงเหลือน้อยลง ประสิทธิภาพในการบดเค้ียวอาหารข้ึนอยู่กับการดูแลสุขภาพ ในช่องปากของแต่ละคน เกือบครึ่งหน่ึง (ร้อยละ 48.6) ของผู้สูงอายุมีฟันแท้เหลืออยู่น้อยกว่า 20 ซี่ ซ่ึงใน ทางการแพทย์ระบวุ ่าการมีฟนั นอ้ ยกวา่ 20 ซี่ จะทำใหม้ ีความยากลำบากในการบดเคีย้ วอาหาร มโี อกาสสงู ท่ีจะ เปน็ โรคขาดสารอาหารและน้ำหนกั ตวั ตำ่ กวา่ เกณฑ์มาตรฐาน โรคเรอ้ื รังทีพ่ บบ่อยในผู้สงู อายุ จำนวน 6 โรค ไดแ้ ก่ โรคความดนั โลหติ สงู รอ้ ยละ 31.7 โรคเบาหวาน รอ้ ยละ 13.3 โรคหัวใจร้อยละ 7.0 เป็นอมั พาต / อัมพฤกษ์ ร้อยละ 2.5 โรคหลอดเลือดในสมองตบี รอ้ ยละ 1.6 และโรคมะเร็ง ร้อยละ 0.5 กลุ่มผู้สูงอายุวัยกลาง (70-79 ปี) มีสัดส่วนของการเป็น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือดในสมองตีบสูงกว่ากลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น (60-69 ปี) และวัยปลาย (80 ปีข้ึนไป) ในขณะทผ่ี สู้ งู อายุวยั ปลายพบอุบัติการณข์ องโรค อัมพาต / อัมพฤกษ์ การสำรวจในประเทศไทย พบวา่ ร้อยละ 69.3 ประชากรในกลุ่มอายุ 60-69 ปี เป็นโรคเร้อื รังและพบ เพ่ิมข้ึนเม่ืออายุมากขึ้น และเพิ่มเป็นร้อยละ 83.3 ในกลุ่มท่ีมีอายุ 90 ปีข้ึนไป พบว่ามีภาวะเจ็บป่วยด้วยโรค เร้อื รัง 6 โรคพรอ้ มกนั ถึงร้อยละ 70.8 ปญั หาสขุ ภาพสำคญั ของผสู้ งู อายุทพ่ี บคอื ปวดข้อ และปวดหลงั เรอ้ื รงั พบมคี วามชุกถงึ 1 ใน 3 ของ ปัญหาสุขภาพอื่นๆ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเร้ือรังท่ีพบบ่อยได้แก่โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดลม อดุ กัน้ เรอ้ื รงั โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด 5 คูม่ อื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผสู้ งู อายรุ ะยะยาว
ตารางท่ี 10 ร้อยละของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเร้ือรัง จำแนกตามประเภทของโรคท่ีเป็น กลุ่มช่วงวัย และเพศ พ.ศ. 2550 กลมุ่ ชว่ งวยั เพศ โรคเรอ้ื รงั รวม วยั ต้น วยั กลาง วยั ปลาย ชาย หญิง ความดันโลหิตสงู (60-69 ป)ี (70-79 ปี) (80 ปขี น้ึ ไป) เ บาหวาน หัวใจ 31.7 28.9 35.9 34.6 26.7 35.7 อ ัมพาต/อมั พฤกษ ์ หลอดเลือดในสมองตีบ 13.3 13.5 13.9 10.5 9.5 16.4 มะเร็ง ค วามดนั โลหิตสงู & เบาหวาน & หัวใจ 7.0 5.7 9.0 8.4 5.0 8.6 ความดันโลหิตสูง & หลอดเลือดในสมองตีบ ความดนั โลหิตสงู & หลอดเลอื ดในสมองตบี 2.5 1.8 3.1 4.8 2.7 2.3 & อมั พาต/อัมพฤกษ ์ 1.6 1.3 2.0 1.6 1.5 1.6 0.5 0.4 0.5 0.5 0.4 0.6 1.5 1.3 1.7 1.6 1.0 1.9 1.0 0.8 1.4 1.3 0.8 1.2 0.3 0.2 0.4 0.5 0.3 0.3 สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ อุบัติการณ์ภาวะทุพพลภาพของผู้สูงอายุไทย พบ 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพท่ีเป็นเหต ุ ให้ไม่สามารถทำกิจกรรมท่ีเคยทำได้ ทั้งน้ีร้อยละ 18.9 มีปัญหาเหล่าน้ีมานานกว่า 6 เดือน ซ่ึงถือว่ามีปัญหา ทพุ พลภาพระยะยาว อัตราความชกุ เพิ่มขน้ึ เมือ่ อายมุ ากข้ึนและพบในผ้หู ญงิ มากกวา่ ชาย ร้อยละ 7 ของผสู้ งู อายุ ไทย ต้องพง่ึ พาในการปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจำวนั และมกี ารพยากรณว์ า่ ปี พ.ศ. 2553, 2563 และ 2573 จะมีผ้สู ูงอายุ ทอี่ ยใู่ นภาวะพึ่งพา จำนวนถงึ 499,837 คน, 741,766 คน และ 1,103,754 คน ตามลำดบั และรอ้ ยละ 85.2 มี สาเหตกุ ารสูญเสยี ปสี ุขภาวะเนอื่ งจากโรคไมต่ ิดต่อ 6 คมู่ อื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผ้สู งู อายรุ ะยะยาว
แมว้ ่าการชราภาพเป็นสงิ่ ทีห่ ลกี เล่ียงไม่ได้ แตภ่ าวการณ์เจ็บป่วยเร้ือรังท่ีก่อให้เกิดภาวะทพุ พลภาพนั้น สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ สามารถป้องกันหรอื ชะลอใหเ้ กดิ ขึน้ ช้าลงไดด้ ว้ ยทง้ั มาตรการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ตลอดจนมาตรการ ด้านเศรษฐกจิ สงั คม และสิ่งแวดล้อม ไดม้ ีผู้เสนอทฤษฎเี ก่ยี วกบั ผลของอัตราตายที่ลดลงอย่างตอ่ เน่ืองจะมีผลให้ มีจำนวนผู้สูงอายุท่ีอยู่กับภาวะเจ็บป่วยเร้ือรังและพิการเพ่ิมข้ึน (the expansion of morbidity (Gruenber, 1977 ) ) ส่วนทฤษฎีท่ีสองน้ันเชื่อว่าในทิศทางตรงกันข้ามคือ เช่ือว่าการเจ็บป่วยและความพิการในผู้สูงอายุนั้น สามารถป้องกันและชะลอได้ ดังน้ันอายุที่ยืนยาวมากขึ้นจะเป็นจำนวนปีที่มีสุขภาพดี (The Compression of mobility (Fries, 1980, Fries, 1989) ส่วนทฤษฎีท่ีสามน้ันเชื่อในเรื่องหลักของความสมดุล (The dynamic equilibrium (Manton 1982) ท้งั นข้ี ้อมูลจากการศกึ ษาตา่ งๆ พบวา่ เป็นไปไม่ไดท้ ง้ั สามทิศทาง คือ แยล่ ง ดขี น้ึ และไม่เปลยี่ นแปลงเม่ือเวลาเปลีย่ นไป จากแนวคิดของทฤษฎที เ่ี ช่ือว่า จำนวนปีทีย่ ืนยาวมากขน้ึ นั้นสามารถทำใหเ้ ปน็ ปที มี่ ีสุขภาพดีปราศจาก ความพกิ ารได้ และจะมีผลใหภ้ าวะเจ็บป่วยในกลมุ่ ผู้สงู อายุลดลงนนั้ จำเปน็ ต้องมมี าตรการด้านการปอ้ งกันโรคที่ มีประสิทธิผลต่อการลดการเจ็บป่วยมากกว่าลดการตาย โดยการเจ็บป่วยท่ีมีภาวะทุพพลภาพเร้ือรังน้ันมีความ สมั พันธ์กับผลสะสมของพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ดี และมลภาวะแวดล้อมซึ่งสามารถปอ้ งกนั และหลกี เล่ยี งได้ ดังนัน้ ทฤษฎีดงั กล่าวจะเป็นจรงิ ไดจ้ ำเป็นต้องทำให้ วถิ ชี วี ิต พฤติกรรมสขุ ภาพ และปจั จัยแวดลอ้ มทมี่ ีผลตอ่ สุขภาพถูก สุขลักษณะมากขึน้ เน่ืองจากปัญหาของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ เกิดจากภาวะเส่ือมถอยของร่างกาย การเจ็บป่วยเร้ือรังและมี ภาวะทุพพลภาพร่วมด้วย ภาวะดังกล่าวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพียงด้านเดียวโดยเฉพาะในกลุ่มอายุ มากๆ เชน่ เกินกว่า 70 ปี ปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามุมมองสุขภาพเชิงการแพทย์ (biomedicine mode) น้นั แคบเกินไป และต้องการมมุ มองสุขภาพทก่ี ว้างข้นึ ในการอธิบายปัญหาสขุ ภาพของผู้สงู อายุ มุมมอง สุขภาพในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่อการเส่ือมถอยของอวัยวะน้อยลงโดยให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ของ ร่างกายต่อสิ่งแวดล้อมในสังคมมากข้ึน ดังน้ันการเป็นโรคและการเส่ือมถอยของร่างกายในผู้สูงอายุน้ัน อาจหลีก เล้ียงไม่ได้ แต่ภาวะดังกล่าวไม่ได้เกิดจากอายุเพียงลำพัง แต่เกิดจากสภาพแวดล้อม พฤติกรรม และการดำรง ชีวิตท่ีผ่านมาของบุคคลนั้นๆ องค์การอนามัยโลกได้นิยามสุขภาพในมิติที่กว้างข้ึนว่า “ภาวะสมบูรณ์ท้ังด้านกาย สงั คม และจิต” (State of complete physical, Social, and mental Well – being) (WHO, 1985) (“คู่มอื การดูแลผสู้ งู อายรุ ะยะยาว” กรมอนามยั , 2553) จากเหตผุ ลความจำเป็นดังกลา่ วการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายจุ งึ เปน็ ประเดน็ ท่สี ำคญั เอกสารอา้ งอิง และแหล่งค้นควา้ เพม่ิ เตมิ 1. กรมอนามัย. การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย, 2553. 2. The Compression of mobility. Fries, 1980, Fries, 1989. 3. State of complete physical, Social, and mental Well – being. (WHO, 1985) 4. The dynamic equilibrium (Manton 1982) 7 คูม่ ือแนวทางการอบรมผ้ดู ูแลผู้สงู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ใบงานที่ 1.1 คำชี้แจง ให้ผู้เข้ารับการอบรม แบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับการอบรม ไม่ควรเกิน 6-10 คน รว่ มกนั อภปิ รายเรอื่ ง “สถานะสขุ ภาพผสู้ ูงอาย”ุ และ “การดแู ลผสู้ ูงอายมุ ีความจำเป็นอยา่ งไร” ในประเด็น 1. สถานะสขุ ภาพผู้สูงอายไุ ทย เป็นอยา่ งไรในปัจจบุ นั 2. การเจบ็ ป่วยของผ้สู งู อายเุ กย่ี วข้องกบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพเป็นอยา่ งไร 3. การดูแลผูส้ งู อายุมีความจำเป็นอย่างไร 4. สมาชิกกลุ่มเลอื กผู้แทนนำเสนอ 5. วิทยากรใหค้ ำแนะนำ อธิบาย และสรุป 8 ค่มู ือแนวทางการอบรมผูด้ ูแลผูส้ งู อายุระยะยาว
2 แผนการสอนท่ี สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ เรอื่ ง แนวคดิ เกี่ยวกบั ผูส้ ูงอายุ วัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู ้ • วตั ถุประสงคท์ ่วั ไป เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารบั การอบรม มีความรู้ ความเข้าใจในเร่อื งแนวคดิ และทฤษฎผี ูส้ งู อายกุ ระบวนการชราและ การเปลี่ยนแปลงในวัยสงู อาย ุ • วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะ เมอ่ื สิ้นสดุ การอบรมแล้ว ผู้เขา้ รบั การอบรมสามารถ 1. อธิบายถงึ แนวคิดและทฤษฎผี ้สู งู อายไุ ด ้ 2. อธิบายถงึ กระบวนการชราและการเปล่ยี นแปลงในวยั สงู อายไุ ด้ เปา้ หมาย ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในเรอื่ งแนวคดิ และทฤษฎีผสู้ งู อายุ กระบวนการชรา และการ เปล่ียนแปลงในวัยสูงอายุ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานในการดูแลผู้สูงอายุ และสร้างความตระหนักในการดูแลผู้สูงอายุซ่ึงมี ความแตกตา่ งจากกลมุ่ วยั อนื่ ๆ เน้ือหาวชิ า 1. แนวคดิ เก่ยี วกับการสงู อาย ุ 2. ทฤษฎกี ารสงู อายุ : ทฤษฎที างชวี ภาพ ทฤษฎที างจติ วทิ ยา ทฤษฎีการสูงอายทุ างสงั คม 3. กระบวนการชรา การเปลีย่ นแปลงในวัยสงู อายุ : ด้านรา่ งกาย ด้านจติ ใจ และด้านสังคม ระยะเวลา ทฤษฎี 4 ช่วั โมง รปู แบบ / วธิ ีการสอน - การบรรยาย - ถาม – ตอบ คำถามกลมุ่ ใหญ ่ - การแสดงบทบาทสมมติ 9 ค่มู อื แนวทางการอบรมผ้ดู ูแลผสู้ ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ขน้ั ตอนการดำเนินกจิ กรรม 1. วิทยากรนำเข้าสู่บทเรียนด้วยคำถามเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุ ไฟล์นำเสนอแนวคิด เกี่ยวกับการสูงอายุ ทฤษฎีการสูงอายุ การแบ่งประเภทผู้สูงอายุ กระบวนการชราและการเปลี่ยนแปลงในวัย สูงอายุ 2. แบง่ กลุ่มแสดงบทบาทสมมติเปน็ ผสู้ ูงอายกุ ลุ่มตา่ งๆ 3. แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมเป็น 3 กลุ่ม แสดงบทบาทสมมติเป็นผู้สูงอายุกลุ่มต่างๆ และเสนอ แนวความคดิ เห็นของสมาชกิ กลมุ่ 4. วทิ ยากรสรุปพร้อมใหข้ อ้ เสนอแนะ สือ่ ประกอบการเรียนการสอน/อุปกรณ์ 1. หนังสอื คมู่ ือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผสู้ งู อายุระยะยาว 2. สอ่ื การอบรม : ไฟลน์ ำเสนอ โปสเตอร์ แผน่ พับ 3. สอ่ื อปุ กรณอ์ ื่นๆ เชน่ แว่นตา เทปกาว ไม้เท้า ประกอบการแสดงบทบาทสมมติ คำแนะนำสำหรบั วทิ ยากร 1. วิทยากรควรจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆสนับสนุนการแสดงบทบาทสมมติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพ่อื จูงใจให้ผ้เู ข้ารับการอบรมสนใจและร่วมแสดงความคดิ เห็น 2. วทิ ยากรควรเตรียมโจทยต์ ัวอย่าง ผูส้ ูงอายกุ ลุ่มที่ 1 (ตดิ สงั คม) : ผู้สงู อายทุ ี่พงึ่ ตนเองได้ ชว่ ยเหลอื ผู้อ่ืน ชุมชนและสังคมได้ ผู้สูงอายุกลุ่มท่ี 2 (ติดบ้าน) : ดูแลตนเองได้บ้าง ช่วยเหลือตนเองได้บ้าง ผู้สูงอายุ กลมุ่ ที่ 3 (ตดิ เตยี ง) กลุม่ ทพ่ี ่งึ ตนเองไม่ได้ พกิ าร หรอื ทุพพลภาพ การประเมินผล 1. สงั เกตการมีสว่ นร่วมแสดงความคดิ เห็นในกล่มุ 2. สงั เกตการมสี ว่ นรว่ มในการทำกิจกรรมกลุ่ม 3. ประเมนิ จากการถาม ตอบ 10 คมู่ ือแนวทางการอบรมผ้ดู ูแลผูส้ ูงอายรุ ะยะยาว
ใบความรู้ที่ 2.1 สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ เรื่อง แนวคิดเกี่ยวกับการสูงอายุ ความคาดหมายการคงชีพของประชากรจากอายุ 60 ปี สูงข้ึน แม้แต่ในประเทศกำลังพัฒนา ประชากรไม่เพียงแต่อายุยืนข้ึน แต่ยังมีสุขภาพท่ีจะนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ แพทย์ทางชราภาพวิทยาจำแนก ผูส้ ูงอายุไวด้ ังน้ี คือ อายุ 60-70 ปี เรยี กวา่ ผสู้ งู อายวุ ยั ต้น (young old) และ อายุ 70 หรือ 75 ปขี ึ้นไปเรยี กวา่ ผู้สูงอายวุ ัยสูงอายุ (old old) ลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้สูงอายุเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นในอดีต คือมีจำนวนมาก ที่มีระดบั การศึกษาสงู ขึน้ มีสถานะทางเศรษฐกิจดีขึน้ โดยมรี ายได้ (บำนาญ ดอกเบี้ยจากเงนิ สะสวม, ปนั ผลจาก การลงทุน ฯลฯ) เป็นของตนเอง ประสบการณ์การทำงานและวิถีชีวิตแตกต่างจากรุ่นของบิดามารดาตนเอง โครงสร้างทางครอบครวั ก็เปลยี่ นแปลงไป บุตรจะไมอ่ ยภู่ ายใต้การดูแล แนะนำ หรอื ควบคุมของผู้สูงอายุ มักจะ ออกไปหางานทำท่ีเมืองอ่ืน หรือแยกครอบครัวไป ผู้สูงอายุยอมรับแนวคิดใหม่ที่เกษียณอายุ การทำงานหลัง 60 ปี ถอนตัวจากบทบาททางเศรษฐกิจ สังคมและจำกัดการใช้ชีวิตอยู่กับศาสนา ใช้เวลาว่างอย่างมีความสุข ให้เวลาผ่านไป ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องการใช้ชีวิตเพ่ือความสำเร็จของครอบครัวและชุมชน (วิทยาลัย ประชากรศาสตร์ http://www.cps.chula.ac.th) ผู้สูงอายุคือปูชนียบุคคล คือคลังสมอง คือภูมิปัญญาของแผ่นดิน ถึงแม้นว่าผู้สูงอายุจะมีปัญหาด้าน สุขภาพอนามัยและมีความต้องการ การดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและชุมชน แต่ถ้าผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง และมีสขุ ภาพจติ ดี กจ็ ะสามารถช่วยเหลอื สงั คมได้อยา่ งมคี ณุ คา่ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพผู้สูงอายุใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ท่ีดี จึงเป็นประเด็นสำคัญ การพัฒนาสุขภาพผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดี ต้องคำนึงถึงการให้บริการส่งเสริมสุขภาพแบบ องค์รวมอย่างเป็นระบบและบูรณาการ ทั้งด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care: LTC) และการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย จึงได้จัดทำ แนวทางการดูแล สขุ ภาพผสู้ งู อายรุ ะยะยาวและ แนวคิดการดูแลผูส้ ูงอายรุ ะยะยาวดงั นี้ 11 คมู่ อื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผู้สูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ เอกสารอ้างองิ และแหล่งคน้ คว้าเพ่มิ เตมิ 1. กรมอนามัย. การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย, 2553. 2. วทิ ยาลยั ประชากรศาสตร์ http://www.cps.chula.ac.th 12 คมู่ ือแนวทางการอบรมผู้ดแู ลผู้สงู อายรุ ะยะยาว
ใบความรู้ที่ 2.2 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง ทฤษฎีการสูงอาย ุ ความพยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมคนถึงแก่ชรายังคงมีอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใครเอาชนะความชราได้ ก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ทางชีวภาพ จิตวิทยา และสังคมศาสตร์ได้พยายามสรุปสาเหตุของความชราไว ้ 2 ประการคือ 1. พันธกุ รรม และ 2 ส่งิ แวดล้อม ซึ่งพจิ ารณาจากปจั จยั ภายในและปัจจัยภายนอกของสิง่ มีชีวติ และพยายามศึกษามนุษย์ให้ครอบคลุมแบบองค์รวม นักทฤษฎีทั้ง 3 สาขาต่างยอมรับว่าความรู้จากศาสตร ์ สาขาใดสาขาหนึ่ง ก็ยังไม่สามารถอธิบายกระบวนการแก่ชราได้อย่างสมบูรณ ์ จึงเสนอแนวคิดเพ่ือนำมาใช้ อธิบายกระบวนการชราของมนุษย์ให้ชดั เจนที่สดุ ประกอบด้วยทฤษฎี 3 กลุ่ม ได้แก ่ ทฤษฎที างชีววทิ ยา (Biological Theory) ทฤษฎที างจิตวิทยา (Psychological Theory) ทฤษฎีทางสงั คม (Sociological Theory) 1. ทฤษฎีทางชีววิทยา (Biological Theory) อธิบายถึงการเปล่ียนแปลงโครงสร้างของร่างกาย มนษุ ย์ แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ทฤษฎีด้านพนั ธุกรรม ทฤษฎีอวยั วะ ทฤษฎีสรีรวิทยา ทฤษฎดี ้านพันธุกรรม ประกอบด้วย - ทฤษฎีวิวัฒนาการ หรือ ทฤษฎีเซลล์ ร่วมอธิบายว่าส่ิงมีชีวิตต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงและ พฒั นาการตลอดเวลา - ทฤษฎีนาฬิกาชีวิต หรือ ทฤษฎีการถูกกำหนด อธิบายว่าอายุขัยของคนถูกกำหนดไว้แล้วโดย รหสั พนั ธกุ รรม ถ้าบรรพบุรุษมีอายยุ นื ลกู หลานก็จะมีอายยุ ืนยาวตามไปด้วย - ทฤษฎีการกลายพันธ์ เกิดจากการได้รับรังสีทีละเล็กทีละน้อยเป็นประจำ จนเกิดการ เปล่ียนแปลง DNA และเกิดการเปล่ียนแปลงของ Cell หรืออวัยวะในระบบต่างๆทำให้เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ (Mutation) เกิดมีโรคภยั ไข้เจบ็ หรือเกิดมะเรง็ - ทฤษฎีการสะสมความผิดพลาดของเซลล์ หรือทฤษฎีโมเลกุลอธิบายว่าความแก่เกิดจาก นิวเคลยี สของ cell มกี ารถา่ ยทอด DNA ที่ผิดปกติไปจากเดิมทำให้ Cell ใหมท่ ี่ได้แตกต่างไปจาก cell เดมิ ทฤษฎีอวัยวะ อธบิ ายวา่ เม่ืออวัยวะมกี ารใชง้ านย่อมมีการเสอ่ื มเกดิ ขน้ึ เช่น - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม ความแก่เป็นกระบวนการเกิดข้ึนเองเม่ืออวัยวะมีการใช้งานมากย่อม เสอ่ื มได้ง่ายและเร็วขนึ้ เม่ืออายุมากข้ึน - ทฤษฎีระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ เมื่อเข้าสู่วัยชราการทำงานของระบบสมองและประสาท จะลดลง ความจำจะเสอ่ื มลง - ทฤษฎีสะสมของเสีย เมื่อส่ิงมีชีวิตอายุมากขึ้น ของเสียจะถูกสะสม ทำให้ cell เสื่อมและตาย เพ่มิ ขน้ึ สิ่งทพี่ บได้แก่ Lipofuscin ซึ่งเป็นสารสีดำไมล่ ะลายน้ำเป็นสารประกอบจำพวก Lipoprotion 13 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ แู ลผูส้ ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ 2. ทฤษฎที างจิตวทิ ยา (Psychological Theory) ทฤษฎีทางจติ วทิ ยาเชือ่ วา่ การเปลย่ี นแปลงบคุ ลกิ ภาพ และพฤตกิ รรมของผ้สู ูงอายเุ ป็นการปรับตวั เก่ียวกับความนึกคิด ความรู้ ความเข้าใจ แรงจูงใจการเปล่ียนแปลงไปของอวัยวะรับสัมผัสทั้งหลายตลอดจน สังคมท่ีผู้สูงอายุนั้นๆอยู่อาศัยได้แก่ ทฤษฎีบุคลิกภาพ กล่าวว่าผู้สูงอายุจะมีความสุขหรือความทุกข์น้ันข้ึนอยู่กับ ภมู หิ ลังและการพฒั นาจติ ใจของบุคคลนั้น ถา้ พัฒนาด้วยความมนั่ คง อบอ่นุ ถ้อยทถี อ้ ยอาศัย เหน็ ใจผอู้ ืน่ ทำงาน ร่วมกับผู้อ่ืนได้ ก็มักจะเป็นผู้สูงอายุท่ีมีความสุข อยู่ร่วมกับบุตรหลานได้อย่างมีความสุข แต่ในทางตรงข้ามถ้า ชีวิตที่ผ่านมาไม่สามารถทำงานร่วมมือกับใครได้ จิตใจคับแคบ ไม่รู้จักช่วยเหลือ เห็นใจผู้อื่นผู้สูงอายุผู้น้ันก็จะ ประสบปญั หาในบ้นั ปลายของชวี ติ (Erikson, 1963 อา้ งในเกษมและกุลยา ตนั ตผิ ลาชีวะ, 2528) 3. ทฤษฎีทางสงั คม (Psychological Theory) ทฤษฎีทางสังคมเป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงบทบาทสัมพันธภาพและการปรับตัวในสังคมของผู้สูงอาย ุ ซ่ึงพยายามวิเคราะห์สาเหตุท่ีทำให้ผู้สูงอายุต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทางสังคมไป และพยายามท่ีจะช่วย ให้ผูส้ งู อายมุ กี ารดำรงชีวติ อย่ใู นสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ - ทฤษฎีกิจกรรมได้อธิบายถึงสถานภาพทางสังคมของผู้สูงอายุ ซ่ึงเป็นความสัมพันธ์ในทางบวก ระหว่างการปฏิบัติกิจกรรมกับความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุกล่าวคือเมื่อบุคคลมีอายุมากข้ึน สถานภาพ และบทบาททางสังคมจะลดลงแต่บุคลยังมีความต้องการทางสังคมเหมือนบุคลในวัยกลางคน ซ่ึงทฤษฎีน้ีเช่ือว่า ผู้สงู อายมุ คี วามต้องการทจ่ี ะเขา้ รว่ มกิจกรรมเพอื่ ความสขุ และการมีชวี ติ ทีด่ ี - ทฤษฎีการแยกตนเองหรือการถอยห่าง กล่าวถึงผู้สูงอายุเกี่ยวกับการถอยห่างออกจากสังคม ผู้สูงอายุและสังคมจะลดบทบาทซึ่งกัน และกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการของร่างกายและไม่อาจ หลีกเลี่ยงได้ เน่ืองจากยอมรับว่าตนเองมีความสามารถลดลงสุขภาพเสื่อมลงจึงถอยหนีจากสังคมเพ่ือลด ความเครียดและรักษาสังขารพอใจกับการไม่เกี่ยวข้องกับสังคมต่อไปเพื่อถอนสภาพและบทบาทของตนให้แก่ ชนรุ่นหลัง กระบวนการถอยห่างมีลักษณะดังน้ี เป็นกระบวนการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นสิ่งท่ีมิอาจ หลีกเล่ียงได้ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ผู้สูงอายุพึงพอใจ เป็นสากลของทุกสังคม และสิ่งท่ีเกิดข้ึนตาม ธรรมชาติเพอ่ื รักษาสมดุลของธรรมชาติ (http://pirun.ku.ac.th) เอกสารอ้างอิง และแหล่งค้นควา้ เพมิ่ เตมิ http://pirun.ku.ac.th 14 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผู้สงู อายุระยะยาว
ใบความรู้ท่ี 2.3 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง กระบวนการชรา และการเปล่ียนแปลงในวัยสูงอายุ : ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ และด้านสังคม กระบวนการชรา กระบวนการชรา (Aging process) เป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อน และมีความแตกต่างกันใน แต่ละคนซ่งึ จะเก่ียวขอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงทีเ่ กดิ ขน้ึ ภายในร่างกายตงั้ แต่ระดับเซลล์ เน้อื เยอื่ จนถงึ อวยั วะ โดย การเปลี่ยนแปลงน้ันเกิดจากอิทธิพลของปัจจัยภายใน ได้แก่ พันธุกรรม และปัจจัยภายนอก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม วิถีการดำเนินชีวิต ความเครียด เป็นต้น (Matteson, 1997) การเปล่ียนแปลงของร่างกายอันเนื่องมาจาก กระบวนการชราภาพนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติท่ีเราไม่อาจหลีกเล้ียงหรือแก้ไขได้ อย่างไรก็ตาม มักเกิดความเข้าใจผิดบ่อยๆ โดยคิดว่าการเปล่ียนของร่างกายตามกระบวนการชราภาพเป็นการเปลี่ยนแปลง ท่ีเกิดจากพยาธิสภาพของโรค ยกตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุมักเกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายกับการกระแทรกกับส่ิงต่างๆ ซ่ึง เป็นผลจากการมีผิวหนังท่ีบางลงและเส้นเลือดเปาะ แตกง่าย อาการฟกช้ำทีเกิดขึ้นจะแตกต่างจากผู้ป่วยที่มี สภาวะเลือดออกง่ายจากเกร็ดเลือดต่ำ ดังน้ันในการดูแลผู้สูงอายุ จึงมีความจำเป็นอย่างย่ิงที่ผู้ดูแลจะต้องมี ความรู้ เพอื่ ให้สามารถแยกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการชราภาพออกจากการเปลี่ยนแปลงท่เี กดิ พยาธิ สภาพของโรค (กระบวนการชราภาพ : http://phudkrong.exteen.com) การเปลย่ี นแปลงในวยั สูงอาย ุ 1. การเปลยี่ นแปลงด้านรา่ งกาย ผิวหนัง บาง แห้ง เห่ียว ย่น มีอาการคัน มีจ้ำเลือด เซลล์สร้างสีผิวทำงานลดลง สีผิวจางลงแต่ อาจมีจุดด่างขาว สีดำ หรอื สีนำ้ ตาลมากข้นึ เกดิ เปน็ การตกกระ ต่อมเหง่ือ ลดน้อยลง การขับเหงื่อน้อยลง ทำให้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของอากาศ ไมไ่ ด้ดี เกดิ ความรสู้ กึ หนาว ร้อน ไม่คงท่ี ผมและขน ร่วง เปลยี่ นเป็นสขี าว หรือหงอก ทำใหผ้ มบาง หวั ล้าน ขนตามร่างกายหลุดงา่ ย ท่เี ห็น ชัดคอื ขนรกั แร้ ทัง้ นี้ เนอื่ งมาจากรุขมุ ขนทำงานน้อย ตา สายตาจะเปล่ยี นเป็นสายตายาว เลนสห์ รอื กระจกตาข่นุ เกิดตอ้ กระจกกลา้ มเน้ือตาเสือ่ ม การ ปรับสายตาชา้ ความไวในการมองภาพลดลง ทำให้ ปวดเวยี นศีรษะไดง้ ่าย มีน้ำตาลดลง ทำใหต้ าแห้งระคายเคือง ต่อเยอื่ บตุ าได้งา่ ย หู ประสาทรับเสียงเสื่อมไปเกิดหูตึง แต่ได้ยินเสียงต่ำๆได้ชัดกว่าเสียงพูดธรรมดา หรือในระดับ เสียงสูง จมกู ประสาทรบั กลิ่นบกพรอ่ งไป ทำให้การรับร้กู ลนิ่ ลดลง ล้ิน รบั รรู้ สนอ้ ยลง รบั รสหวานสญู เสยี ก่อนรบั รสอน่ื ๆ ฟนั ผุ หักแตกงา่ ย เคลอื บฟันบางลง เหงือกหมุ้ คอฟันรน่ ลงไป 15 คมู่ อื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผสู้ ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ตอ่ มนำ้ ลาย ขบั น้ำลายออกนอ้ ย ทำใหป้ ากแห้ง การเคล่อื นไหวของกระเพาะอาหาร นำ้ ย่อย กรดเกลือในกระเพาะอาหารลดนอ้ ยลงอาหารอยู่ใน กระเพาะอาหารนานขน้ึ ทำใหท้ ้องอดื ง่าย เบือ่ อาหารด้วยภาวะขาดอาหาร และโลหิตจางได้ ตบั และตับออ่ น หน้าทีก่ ารทำงานเสื่อมไป อาจเกิดโรคเบาหวาน การเคล่ือนไหวของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ลดลง ทำให้การขับถ่ายอุจจาระไม่ปกติ ท้องผูก เสมอ ประกอบกับไม่คอ่ ยได้ออกกำลงั กาย กระดูก ปริมาณแคลเซียมลดน้อยลง ทำให้กระดูกบาง เปราะ พรุน หักง่าย มีอาการเจ็บปวด กระดูกบ่อย ข้อเส่อื ม น้ำไขขอ้ ลดลง เกิดเจ็บปวด ขอ้ ยดึ ติดเคลอ่ื นไหวลำบาก พบน้อยคือข้อเข่า ขอ้ สะโพก กลา้ มเนื้อ เหีย่ ว เล็กลง ออ่ นกำลงั ลง ทำใหท้ ำงานออกแรงมากไมไ่ ด้ เพลยี ลา้ เร็ว และทรงตัวไม่ด ี ปอด ความยดื หย่นุ ของเนือ้ ปอดลดลงเปน็ เหตใุ ห้การขยายและยุบตัวไมด่ ี ทำให้เหน่ือยงา่ ย หัวใจ แรงบีบตัวน้อยลงทำให้การหดตัวลดลงปริมาณเลือดออกจากหัวใจลดลง และกล้ามเนื้อ หัวใจไวตอ่ ส่งิ เรา้ ลดลง หลอดเลือด ผนังของหลอดเลือดมีลักษณะหนาและแข็งขึ้นเพราะมีไขมันมาเกาะเป็นสาเหตุของ ความดนั โลหติ สูง การขับถ่ายปัสสาวะ ไต มีหน้าท่ีเส่ือมไป ขับของเสียได้น้อยลง แต่ขับน้ำออกมามาก จึงถ่าย ปสั สาวะมากและบ่อยขึน้ ในเวลากลางคืน กระเพาะปสั สาวะ กลา้ มเน้อื หรู ดู ท่คี วบคุมการถา่ ยปัสสาวะหย่อนไป ทำใหก้ ลั้นปัสสาวะได้ไมด่ ี ในผ้สู ูงอายุชายตอ่ มลูกหมากจะโตขน้ึ ทำใหป้ สั สาวะลำบาก ตอ้ งถ่ายบอ่ ยครง้ั ระบบประสาทและสมอง เสอ่ื มไปตามธรรมชาติ ทำให้ความรสู้ กึ ช้า คามจำถดถอย ความจำเรอ่ื ง ราวในอดีตดี ความจำปัจจบุ ันไมด่ ี การเคลือ่ นไหวช้า ต่อมไรท้ ่อ ผลติ ฮอรโ์ มนต่างๆ ลดลง จงึ ทำใหห้ นา้ ท่ีของฮอร์โมนเหล่านนั้ ลดลงไปดว้ ย ต่อมเพศ ทำงานลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง 2. การเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจ ลักษณะการเปลย่ี นแปลงทีพ่ บในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ได้แก่ 2.1 การรับรู้ ผู้สูงอายุมักยึดติดกับความคิดและเหตุผลของตัวเองจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ยาก เพราะมีความไมม่ ่นั ใจในการปรบั ตวั 2.2 การแสดงออกทางอารมณ์ ลกั ษณะของความท้อแท้ ใจน้อย หงดุ หงดิ งา่ ย โกรธง่ายและซึมเศรา้ 2.3 ความสนใจสิ่งแวดล้อมน้อยลง ผู้สูงอายุจะสนใจเฉพาะ เรื่องท่ีเก่ียวข้องกับตนเองมากกว่า เรือ่ งของผอู้ ืน่ 2.4 การสรา้ งวถิ ีชีวติ ของตนเอง เพอ่ื ไม่ให้เปน็ ภาระกับผ้อู น่ื พึง่ ตนเองได้ในระดบั หนึง่ 2.5 ยอมรับสภาพของการเข้าสู่วัยสูงอายุ จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาปฏิบัติตามคำสอนใน ศาสนา บางคนอยากอยรู่ ว่ มกบั ลูกหลาน บางคนชอบอยู่คนเดียว ฯลฯ 16 คู่มอื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผสู้ ูงอายุระยะยาว
3. การเปลย่ี นแปลงทางสังคม สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ 3.1 ภาระหน้าท่แี ละบทบาททางสงั คมจะลดนอ้ ยลง ทำให้ผู้สูงอายุหา่ งไปจากสังคม 3.2 คนส่วนใหญ่มักมองว่าผู้สูงอายุมีสมรรถภาพและความสามารถน้อยลง จึงไม่ให้ความสำคัญ หรือไมใ่ หค้ วามรบั ผิดชอบ 3.3 จากบทบาทท่ีเคยเป็นผู้นำครอบครัว จะกลายเป็นผู้อาศัยหรือผู้ตามในครอบครัว (คู่มือการ ส่งเสริมสขุ ภาพผู้สงู อาย.ุ กรมอนามยั , 2547) เอกสารอ้างองิ และแหล่งคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ 1. ค่มู อื การสง่ เสรมิ สุขภาพผสู้ งู อาย.ุ กรมอนามยั , 2547 2. กระบวนการชราภาพ : http://phudkrong.exteen.com 17 คมู่ อื แนวทางการอบรมผ้ดู แู ลผู้สงู อายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ใบงานที่ 2.1 คำช้ีแจง ให้ผู้เข้ารับการอบรมแบ่งเป็นกลุ่มแสดงบทบาทสมมุติเป็นผู้สูงอายุ ร่วมกัน อภปิ รายเรอื่ ง 1. กระบวนการชราเป็นอย่างไร 2. การเปลยี่ นแปลงในวัยสงู อายเุ ป็นอยา่ งไร 3. ใหผ้ แู้ ทนกลุ่มนำเสนอ 4. วิทยากรใหค้ ำแนะนำ อธิบาย และสรุป ใบงานที่ 2.2 คำชแ้ี จง ให้ผู้เข้ารบั การอบรมแบ่งกลุ่ม แสดงบทบาทสมมุตแิ ละร่วมกนั อภปิ รายเรื่อง 1. ผู้สูงอายกุ ลุ่มท่ี 1 เป็นอย่างไร ประเมินอยา่ งไร 2. ผสู้ ูงอายุกลุ่มท่ี 2 เป็นอยา่ งไร ประเมนิ อย่างไร 3. ผสู้ ูงอายกุ ลมุ่ ท่ี 3 เปน็ อยา่ งไร ประเมนิ อย่างไร 4. ให้ผ้แู ทนกลุม่ นำเสนอ 5. วิทยากรใหค้ ำแนะนำ อธบิ าย และสรปุ 18 คมู่ อื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผู้สงู อายรุ ะยะยาว
3 แผนการสอนที่ สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ เรอ่ื ง โรคท่ีพบบอ่ ยในผสู้ งู อาย ุ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ • วัตถปุ ระสงคท์ ่ัวไป เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับโรคท่ีพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ อาการ พฤติกรรมเสี่ยง การปอ้ งกนั และการปฏิบตั ติ ัวในการสง่ เสรมิ สุขภาพ • วัตถุประสงคเ์ ฉพาะ เม่ือส้ินสุดการอบรมแล้ว ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับโรคที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ อาการ พฤติกรรมเส่ียง การป้องกันและการปฏิบัติตัวในการส่งเสริมสุขภาพ สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดได้ อย่างถกู ตอ้ ง เน้ือหาวิชา โรคทพ่ี บบอ่ ยในผู้สงู อายุ (ใบความรู้ที่ 3.1) 1. การเปลย่ี นแปลงทางร่างกายและจติ ใจ 2. ความดนั โลหิตสงู 3. เบาหวาน 4. ขอ้ เขา่ เส่อื ม 5. ภาวะสมองเส่อื ม 6. หลอดเลือดหวั ใจตีบ 7. โรคมะเรง็ 8. โรคตา ระยะเวลา ทฤษฎี 7 ชว่ั โมง วิธกี ารสอน - การบรรยาย - การซกั ถาม - การฝกึ ทำแบบประเมนิ /แบบทดสอบและแปรผล 19 คูม่ อื แนวทางการอบรมผ้ดู ูแลผู้สงู อายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ขน้ั ตอนการดำเนนิ กจิ กรรม 1. วิทยากรนำเข้าสู่บทเรียนเร่ืองการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ต่อด้วยความรู้ เรือ่ ง ความดนั โลหติ สงู เบาหวาน ขอ้ เข่าเสื่อม ภาวะสมองเส่ือม หลอดเลือดหวั ใจตบี โรคมะเรง็ และโรคตา 2. แบ่งกล่มุ ผเู้ ข้าอบรมเปน็ 2-3 กลมุ่ เพื่ออภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเหน็ 3. สรปุ บทเรียนจากการเรยี นรู้ภายในกลุ่มและนำเสนอในการอบรมเพอื่ เป็นการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ สือ่ ประกอบการการเรียน / อปุ กรณ ์ สไลด์นำเสนอ แผน่ พบั โปสเตอร์ ภาพพลิก และอปุ กรณอ์ นื่ ๆ คำแนะนำสำหรับวทิ ยากร องค์ความรู้และกิจกรรมควรเน้นการประยุกต์ข้อมูลทฤษฎีท่ีทันสมัยเพื่อนำมาสู่การวางแผนท่ีเหมาะสม ในเร่อื งโรคท่พี บบอ่ ยในผู้สูงอาย ุ การประเมนิ ผล - การสังเกต - การซกั ถาม - การแปรผลจากแบบประเมนิ /แบบทดสอบได้ถกู ตอ้ ง 20 คมู่ อื แนวทางการอบรมผู้ดแู ลผู้สงู อายุระยะยาว
ใบความรู้ท่ี 3.1 เรื่อง โรคท่ีพบบ่อยในผู้สูงอาย ุ โรคเรื้อรงั ....กับผู้สงู อาย ุ โรคท่ีพบบ่อยในผู้สูงอายุ ส่วนหน่ึง การเจ็บป่วยจะสะสมตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงาน แต่ไม่ได้ ดแู ลอยา่ งต่อเนอื่ ง จึงทำให้อาการโรครุนแรงข้ึน ในวัยสงู อายุ หลายโรคเกิดจากการประพฤตปิ ฏบิ ัติทไี่ ม่เหมาะสม ทัง้ การบรโิ ภคอาหาร เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ สบู บหุ รี่ ขาดการออกกำลงั กายและขาดการควบคุมอารมณ์ท่ีด ี 1. ความดันโลหติ สงู ความดันโลหิต เป็นแรงดนั เลือดท่เี กดิ จากหวั ใจสบู ฉีดเลือดไปเลยี้ งทว่ั ร่างกาย ซ่งึ วัดได้ 2 คา่ คือ ความดนั โลหิตคา่ บน คือ แรงดันโลหติ ขณะท่ีหวั ใจบีบตวั ความดนั โลหิตค่าลา่ ง คอื แรงดันโลหิตขณะทหี่ วั ใจคลายตัว ในคนปกติ ความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 130/85 มิลลิเมตรปรอท (จากการประชุมร่วมขององค์การ อนามัยโลก และ International Society of Hypertension ปี 1999) ส่วนความรุนแรงของความดันโลหิตท่ีสูงนั้น ให้พิจารณาจากค่าความดันตัวบนและความดันตัวล่าง ท้ังสองค่า โดยถือระดับความดันโลหิตท่ีสูงกว่าเป็นเกณฑ์ เช่น ความดันโลหิต 150/110 มิลลิเมตรปรอท ความดันตัวบน 150 มิลลิเมตรปรอท จะอยู่ในระดับอ่อน แต่ความดันตัวล่าง 110 มิลลิเมตรปรอท จะอย่ ู ในระดับรุนแรง ดังนนั้ ผปู้ ่วยรายน้กี ็ตอ้ งจัดอยใู่ นกลุม่ ความดันโลหิตสูงระดับรนุ แรง เปน็ ต้น ตาราง แสดงความดันโลหิตสงู ในระดับต่างๆ ซึ่งแบง่ ตามความรุนแรงในผใู้ หญท่ ี่มีอายุต้ังแต่ 18 ปขี ึ้นไป ระดับความดนั โลหติ ความดันตัวบน ความดนั ตัวลา่ ง (มม.ปรอท) (มม.ปรอท) ระดับ 1 ความดันโลหิตสงู อยา่ งออ่ น 140-159 90-99 ระดับ 2 ความดนั โลหติ สูงปานกลาง 160-179 100-109 ระดบั 3 ความดันโลหติ สูงรุนแรง >180 >109 ความดันโลหิตสงู เฉพาะตวั บน >140 <90 สาเหตุของโรคความดนั โลหิตสงู มากกวา่ ร้อยละ 90 ของผู้ป่วยความดันโลหติ สงู จะตรวจไม่พบสาเหตุ เช่ือวา่ เกดิ จาก 2 ปจั จัยใหญ่ คอื 1. กรรมพันธ์ุ ซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ จากหลักฐานทางระบาดวิทยา พบว่าผู้ที่มีบิดาหรือมารดา สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ เป็นความดนั โลหติ สูง มโี อกาสเปน็ ความดันโลหิตสูงได้มากกวา่ ผู้ทีบ่ ดิ ามารดาไม่เปน็ ย่งิ กวา่ น้ัน ผทู้ ีม่ ีท้งั บิดาและ มารดาเป็นความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมากท่ีสุด ผู้สูงอายุก็มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงเมื่ออายุ มากข้ึนๆ 21 คมู่ อื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผ้สู ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ 2. สงิ่ แวดล้อม ซ่ึงเปน็ ปจั จัยทีแ่ กไ้ ขได้ เช่น ภาวะอว้ น เบาหวาน การรบั ประทานอาหารรสเค็ม การ ดืม่ สุรา และการสบู บุหรี่ ภาวะเครียด เป็นต้น ส่วนความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุพบได้น้อยกว่าร้อยละ 10 ผู้ป่วยในกลุ่มน้ีแม้จะพบเป็นจำนวนน้อย แตก่ ็มคี วามสำคัญ เพราะบางโรคอาจรกั ษาให้หายขาดได้ สาเหตุท่ีพบบอ่ ย คอื • โรคไต • หลอดเลอื ดแดงที่ไปเลีย้ งไตตีบ • ยาบางชนดิ เช่น ยาคุมกำเนดิ • หลอดเลอื ดแดงใหญท่ อ่ี อกจากหวั ใจตบี • เนือ้ งอกของต่อมหมวกไต อาการของโรคความดันโลหติ สูง ความดันโลหิตสูงระดับอ่อน หรือปานกลาง มักจะไม่มีอาการอะไร แต่มีการทำลายอวัยวะต่างๆ ไป ทีละน้อยอย่างช้าๆ จนผู้ป่วยเกิดผลแทรกซ้อนในท่ีสุด เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด ไตเส่ือมสมรรถภาพ หรอื อัมพาต อมั พฤกษ์ ความดนั โลหิตโลหิตสงู จึงมกั ได้รบั การขนานนามว่า “ฆาตกรเงียบ” ความดนั โลหิตสงู อย่างรนุ แรง ผ้ปู ว่ ยอาจเกดิ อาการเหล่าน้ีขึน้ ได้ เช่น เลือดกำเดาออก ตามองไม่เหน็ ข้างหนึง่ ชั่วคราว เหน่ือยง่าย เจบ็ หน้าอก เวียนศีรษะ ปวดศีรษะตุบๆ เปน็ ตน้ แตอ่ าการเหล่าน้ไี ม่จำเพาะ เพราะ อาจเกดิ จากสาเหตุอืน่ กไ็ ด้ เชน่ ไข้ เครยี ด ไมเกรน เปน็ ต้น ดงั นน้ั เมอื่ เกดิ อาการผดิ ปกติ จงึ ความปรกึ ษาแพทย์ เพราะถ้าพบความดนั โลหติ สูงมากจะได้รักษาได้ ถูกต้อง และทันทว่ งที ซึ่งเมื่อความดันโลหิตลดลงมาเป็นปกติ อาการดงั กลา่ วก็จะหายไป ผลแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสงู ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นาน และไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดการทำลายของอวัยวะสำคัญ ต่างๆ ในร่างกายได้ เช่น หัวใจ สมอง ไต หลอดเลือด และตา เป็นต้น เพราะความดันโลหิตท่ีสูงท่ีเป็นอยู่นาน จะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวข้ึน และรูเล็กลง ทำให้เลือดที่ไปเล้ียงอวัยวะต่างๆ ลดลง ส่งผลให้อวัยวะ เหล่าน้ีทำงานได้ไม่เป็นปกติ และหากทำลายรุนแรงมากพอ อาจทำให้ถึงแก่กรรมได้ ระยะเวลาท่ีเป็นความดัน โลหิตสงู จนเกิดผลรา้ ยดงั กลา่ ว จะขึน้ อยกู่ บั ระดบั ความดนั โลหติ เช่น ระดบั ออ่ น และปานกลาง จะใช้เวลานาน มากกว่า 10 ปี ระดับรุนแรงจะใช้เวลาส้นั กวา่ น้ี ผลแทรกซอ้ นของโรคความดนั โลหิตสงู มดี งั นี ้ 1. หัวใจ ความดันโลหิตสูง จะมีผลต่อหัวใจ 2 ทาง คือ ทำใหัหัวใจโต และหลอดเลือดหัวใจหนาตัว และ แข็งตัวข้ึน ทำให้เกิดการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลว ทำให้มีอาการเหนื่อยหอบ นอนราบ ไมไ่ ด้ หรอื หวั ใจเตน้ ผดิ ปกติ ทำใหม้ อี าการใจส่ัน 2. สมอง ความดันโลหติ สูง เปน็ สาเหตุของอมั พาต อัมพฤกษ์ ท่พี บบ่อย ซ่ึงมักจะเกดิ จากหลอดเลอื ดเล็กๆ อุดตัน โดยเกลด็ เลือด ซงึ่ พบบ่อย หรอื เกิดจากหลอดเลอื ดในสมองแตก ทำให้เลอื ดออกในสมอง 22 คมู่ ือแนวทางการอบรมผูด้ แู ลผู้สูงอายรุ ะยะยาว
3. ไต สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ เป็นอวัยวะที่มีหลอดเลือดมากท่ีสุดในร่างกาย ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด ความดัน โลหิตสูงก็มีผลต่อหลอดเลือดท่ีไต เช่นเดียวกับหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่พอ มีผลให้ไตเสื่อม สมรรถภาพ จนถึงขั้นไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มแรกของภาวะไตวายเร้ือรัง คือ ปัสสาวะบ่อยตอน กลางคืน ขาบวมตอนสาย หากเปน็ มากจะมีอาการอ่อนเพลีย ไมค่ อ่ ยมแี รงจากภาวะซีด ซึง่ มักพบในผู้ป่วยไตวาย เร้ือรัง และคล่นื ไส้ อาเจียน ซมึ ลง ในผูป้ ่วยไตวายระยะสุดท้าย 4. ตา ความดันโลหิตสูงจะมีผลต่อหลอดเลือดท่ีตา เช่น เลือดออกท่ีจอตา หลอดเลือดเล็กๆ ที่จอตา อุดตัน หรือ ทำให้จอตาหลุดลอกออกได้ ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใดๆ หรือตามัว จนถึงตาบอดได้ เบาหวาน ซ่ึง มกั พบร่วมกบั ความดนั โลหติ สงู จะทำให้เกิดผลแทรกซอ้ นทางตาไดเ้ ร็ว 5. หลอดเลือด ความดันโลหิตสูง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดท่ัวร่างกาย ทำให้หลอดเลือด ตีบแคบ หรือโป่งพอง มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณแขนขา และอวัยวะภายในลดลง ผู้ป่วยเกิดไม่ได้ไกลเพราะ ปวดขาจากการขาดเลอื ด ต้องน่งั พักจงึ จะหาย และเดือนต่อได้ จุดมงุ่ หมายในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง ปัจจุบัน ความดันโลหิตสูง จัดเป็นหน่ึงในกลุ่มของโรคที่ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนของโรคหัวใจและ หลอดเลือด ซึ่งรวมทั้งหลอดเลือดที่สมองและไตด้วย จุดมุ่งหมายของการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง เพ่ือลด อัตราทพุ ลภาพ และอัตราตาย ซึ่งจะเกิดจากภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ และหลอดเลือด การดูแลเฉพาะแต่ความดันโลหิตสูงเท่าน้ัน จะทำให้ได้ผลไม่ดีเท่าท่ีควร ดังนั้น แพทย์ต้องค้นภาวะ อ่ืนๆ ที่อาจพบในตัวผู้ป่วยด้วย เชน่ เบาหวาน ไขมันในเลือดสงู ภาวะอว้ น ผนังหัวใจหอ้ งซ้ายลา่ งหนา โรคเกา๊ ท์ เป็นต้น ซ่ึงแพทย์จะต้องดำเนินการควบคุมและรักษาคู่ไปกับการรักษาความดันโลหิต จึงจะได้ผลดี และม ี ประสิทธิภาพเต็มที ่ การรกั ษาโรคความดนั โลหติ สงู การรักษาผ้ปู ว่ ยความดนั โลหติ สงู ประกอบด้วย 1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา น่ันคือการปรับปรุงเปล่ียนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต เพ่ือลดปัจจัยเสี่ยงต่อ การเกิดโรคหวั ใจ และหลอดเลอื ด ซึง่ จะกล่าวรายละเอียดต่อไป 2. การรกั ษาด้วยยา ซึง่ มีหลายกลุ่ม แพทยส์ ามารถเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ขอ้ แนะนำสำหรบั ผ้ปู ่วยความดนั โลหติ สงู ตอ่ ไปน้ี เปน็ ข้ันตอนท่ีท่านควรปฏบิ ตั เิ พื่อช่วยแพทยข์ องท่านในการควบคมุ ความดนั โลหิต 1. การควบคุมอาหาร • การลดนำ้ หนัก สามารถชว่ ยลดความดนั โลหิตได้ และช่วยควบคมุ ระดบั น้ำตาลในเลือด แม้ทา่ น จะไม่จดั ว่าอว้ น แต่การลดอาหารประเภทไขมันกเ็ ปน็ ส่ิงทด่ี ี 23 คมู่ ือแนวทางการอบรมผดู้ แู ลผ้สู ูงอายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ • หลกี เล่ียง หรอื ลดการใช้เนย ไขมนั และน้ำมนั ในการปรุงอาหาร • หลีกเล่ยี งอาหารทอด ให้รบั ประทานอาหารประเภทอบ น่งึ ต้ม แทน • รับประทานอาหารประเภทผัก ถ่ัว ผลไม้ ให้มากข้ึน • หลกี เลีย่ งการดืม่ สรุ า • ดื่มน้ำ กาแฟทไ่ี ม่มีคาเฟอีน นมพร่องไขมัน และนำ้ ผลไม้ 2. รบั ประทานอาหารท่ไี ม่เค็มจดั • การรับประทานเกลือมาก จะทำให้ความดันโลหิตสูง และไตทำงานหนัก การลดปริมาณเกลือ ในอาหาร ควรปรกึ ษาแพทย์ของทา่ นก่อน • หลกี เล่ยี งอาหารประเภทของดองเคม็ เนอ้ื เค็ม ซุปกระป๋อง • ใช้เคร่อื งเทศแทนเกลือ หรือผงชรู ส • รับประทานแต่อาหารว่างที่มีเคร่ืองหมาย “เกลือต่ำ” (low salt) หรือ “ปราศจากเกลือ” (salt-free) 3. หลกี เลี่ยงไมใ่ ห้เกิดอารมณ์เครยี ด • หากเป็นไปได้ พยายามเปลย่ี นสง่ิ แวดลอ้ มทีจ่ ะทำใหเ้ ครยี ด ทง้ั ท่ที ำงาน และทบ่ี ้าน • พยายามตอบสนองอย่างมีสติ และนุ่มนวลต่อสภาวะเครียด ซ่ึงท่านไม่สามารถเปล่ียนแปลง หรือหลีกเลย่ี งได ้ 4. หยดุ สูบบหุ ร ่ี การสบู บุหรี่ เปน็ สาเหตสุ ำคญั ของการเกดิ มะเร็งในปอด อัมพาต โรคหวั ใจขาดเลอื ด และความดัน โลหิตสูงได้ บุหรี่ ทำให้เกิดการทำลาย และส่งเสริมการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้เพิ่มอัตราเส่ียงต่อการเกิด อมั พาต 5. งด หรือ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ควรงด หรือดืม่ ปริมาณนอ้ ย เช่น ในวันหนง่ึ ๆ ไม่ควรด่มื สุราเกนิ 60 ลบ.ซม เบยี รไ์ มเ่ กิน 720 ลบ.ซม. ไวนไ์ มเ่ กิน 260 ลบ.ซม. 6. ออกกำลงั กายแต่พอประมาณ การเดินวันละ 20-30 นาที จะช่วยท่านลดน้ำหนักได้ ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และป้องกันโรคของหลอดเลือดได้ กอ่ นเร่ิมออกกำลงั กายใดๆ ควรปรึกษาแพทยข์ องท่านก่อน 7. รับประทานยาให้สม่ำเสมอตามแพทยส์ ง่ั • แจ้งใหแ้ พทย์ท่านทราบถงึ ยาต่างๆ ท่ีท่านรบั ประทานอยู่ เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแกป้ วด เป็นตน้ • รบั ประทานยาตามที่แพทยส์ ่งั อย่างเคร่งครดั • หากมียาชนิดใดที่ทำให้ท่านรู้สึไม่สบาย ควรแจ้งให้แพทย์ของท่านทราบทันที เพราะว่าท่าน อาจต้องการยาในขนาดท่ีลดลง หรือเปล่ียนยา • รบั ประทานยาให้สมำ่ เสมอ จนกว่าแพทยข์ องท่านจะบอกให้หยดุ 8. ตรวจวดั ความดันโลหิตสม่ำเสมอ ในกรณีท่านมีเครื่องวัดความดันโลหิตท่ีบ้าน ควรปรึกษาแพทย์ เพ่ือเรียนรู้วิธีวัดความดันโลหิตที่ 24 คู่มอื แนวทางการอบรมผู้ดแู ลผสู้ ูงอายุระยะยาว
ถกู ตอ้ ง อาจทำการวดั ความดันโลหิตสัปดาห์ละคร้งั หรือเม่ือมีอาการเครียด ปวดศรี ษะ ไมจ่ ำเป็นต้องวัดความดนั สำ ันกส่งเสริม ุสขภาพ โลหิตถ่ีเกินความจำเป็น และควรจดบันทึกวัน เวลา ค่าที่วัดได้ทุกคร้ัง ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อแพทย์ของท่าน ในการควบคุมความดันโลหิต 2. เบาหวาน เบาหวานเกิดจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้เผาผลาญน้ำตาลในเลือดไม่ได้ระดับน้ำตาลใน เลอื ดสูงขน้ึ และขบั ออกทางปสั สาวะ เม่ือระดับน้ำตาลในเลอื ดสูงนานๆ จะทำใหห้ ลอดเลอื ดเสื่อมและเสยี หาย อาการเบาหวาน ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก กินเก่ง หิวบ่อย น้ำหนักลด รวมท้ังมีอาการจากร่างกายขาดน้ำ เช่น ออ่ นเพลีย วงิ เวียน มนึ งง ตามัว คอแห้ง และสมรรถภาพทางเพศเสอ่ื ม ขอ้ แนะนำ 1) ต้องรักษาต่อเนื่องยาวนานหรือตลอดชีวิตหารรักษาอย่างจริงจังจึงจะมีชีวิตปกติได้ ถ้ารักษา ไม่จรงิ จงั จะอันตรายจากภาวะแทรกซอ้ นได้มาก 2) ผู้ป่วยที่กินยาหรือฉีดยารักษาเบาหวานอยู่ อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมีอาการใจหวิว ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย เหงือ่ ออก ตัวเยน็ เหมอื นขณะหิวขา้ ว ถา้ น้ำตาลในเลือดตำ่ มากๆ อาจเป็นลมหมดสติ หรอื ชกั ได้ ผู้ป่วยควรระวังดูอาการดังกล่าว และพกพาน้ำตาลหรือของหวานติดตัวประจำ ถ้าเร่ิมมีอาการดังกล่าว ให้ผู้ป่วย รีบกนิ น้ำตาลหรอื ของหวาน 3) อยา่ ซ้ือยาชุดกินเอง 4) แนะนำให้ผู้ท่ีมีอายุมากกว่า 40 ปี และมีญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน หรือ คนอ้วน ควรตรวจหา นำ้ ตาลในปัสสาวะหรือเลอื ดเป็นระยะ หากพบเปน็ เบาหวาน ในระยะเริม่ แรกจะไดร้ กั ษาแต่เนน่ิ ๆ การปฏบิ ตั ติ ัวของผูป้ ว่ ยเบาหวาน 1) พบแพทย์และตรวจปสั สาวะ และตรวจเลือดตามท่แี พทย์นดั 2) กินยาลดน้ำตาล หรือฉีดอินซูลนิ และปฏบิ ตั ิตวั ตามคำแนะนำแพทย์ 3) ควรควบคุมอาหารการกินอย่างเคร่งครัด เช่น กินอาหารให้พอดี ไม่กินจุบจิบ งดเว้นอาหาร หวานๆ อาหารประเภทแป้งและไขมนั โดยเฉพาะไขมนั จากกะท ิ 4) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อยา่ งน้อยสัปดาหล์ ะ 3 ครงั้ 5) พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจใหร้ ่าเริง ไม่เครยี ด ไมว่ ิตกกังวล 6) งดสูบบุหรีแ่ ละเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ 7) หมน่ั ดแู ลรักษาความสะอาดเทา้ ไมส่ วมรองเท้าท่ีคับเกนิ ไป ถา้ มีแผลทเี่ ทา้ ตอ้ งรบี รักษาทันท ี 8) มลี ูกอมหรือน้ำตาลตดิ ตวั ไวเ้ สมอ 9) ควรมีบตั รหรือสญั ลักษณท์ ่แี สดงว่าเป็นผูป้ ่วยเบาหวานติดตัวตลอด 25 คูม่ อื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผสู้ ูงอายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ 3. ข้อเข่าเสอื่ ม ผู้สูงอายุจะเริ่มมีการข้อเสื่อมขึ้นกับการใช้งานข้อและสภาพร่างกายถ้าน้ำหนักมากน้ำหนักจะกด กระแทกข้อ ขอ้ จะเสือ่ มเร็ว ถ้าใช้งานขอ้ มากๆ เช่น เดินมาก ยืนมาก หรอื เดินขึ้นลงบนั ไดมากๆ น่งั ยองๆ มาก ข้อจะเสอ่ื มเร็ว อาการ ปวดขอ้ ในระยะแรกจะปวดเม่อื เดินมาก ยนื มาก หรอื เดนิ ขน้ึ ลงบนั ไดมากๆ อาจมีเสียงดงั กรอ๊ บแกร๊บ ในข้อ ขอ้ แนะนำ • ถา้ ผปู้ ว่ ยมีนำ้ หนักตวั มากใหล้ ดน้ำหนกั โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย • ลดการใช้งานข้อเข่า เช่น หลีกเล่ียงการน่ังยองๆ ควรใช้ส้วมน่ังราบ หลีกเล่ียงการเดินขึ้นลงบันได มากๆ เพอ่ื ป้องกนั ข้อเขา่ เสอ่ื ม • บริหารกลา้ มเน้อื บริเวณรอบๆ ข้อให้แข็งแรง เชน่ บริหารกลา้ มเน้อื หนา้ ขา 2 ข้าง โดยการยกขาขึน้ และเกรง็ ไวส้ ักครู่ ควรทำบ่อยๆ เพ่ือปอ้ งกัน หรือชะลอขอ้ เข่าเสื่อม 4. ภาวะสมองเส่ือม ภาวะท่ีความสามารถทางสติปัญญาลดลง คิดและจำไม่ได้ มักพบในผู้สูงอายุ ทำให้มีอาการหลงลืม การใช้ภาษาผดิ ปกติ พฤติกรรมและอารมณเ์ ปล่ียนแปลงง่าย อาการ อาการเร่ิมแรก จะลืมเร่ืองราวท่ีเกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่นาน ในขณะที่ความจำเร่ืองในอดีตจะยังดีอยู่ ผู้ป่วย อาจถามซ้ำเรื่องท่ีเพ่ิงจะบอกไป หรือพูดซ้ำเร่ืองที่เพิ่งเล่าให้ฟัง อาการอ่ืนๆ เช่น วางของแล้วลืม ทำส่ิงท่ีเคยทำ ประจำไม่ได้ สับสนเรื่องวนั เวลา สถานท่ี นึกคำพดู ไมค่ ่อยออกหรอื ใช้คำผดิ ๆ อารมณ์ พฤตกิ รรมและบุคลิกภาพ เปล่ียนแปลงจากเดิม การตัดสินใจแย่ลง ไม่มีความคิดริเร่ิมใหม่ๆ อาการต่างๆ เหล่าน้ีจะสะสมมากขึ้น จนมีผล ต่อการทำงานและกิจวัตรประจำวัน ซ่ึงการท่ีพบการเปลี่ยนแปลงได้เร็วหรือช้า ข้ึนกับระดับความสามารถเดิม การศึกษาและหน้าท่เี ดมิ ของผู้สูงอายุ รวมถงึ การชา่ งสังเกตและเอาใจใสข่ องญาติดว้ ย ขอ้ แนะนำ ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคน้ี อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวบางอย่าง จะช่วยให้สมองมีความจำ ทด่ี ีได้ ได้แก่ 1) หลีกเลี่ยงยาหรอื สาร ที่ทำอนั ตรายสมอง เช่น ดมื่ เหล้าจดั กนิ ยาโดยไมจ่ ำเปน็ 2) ฝกึ สมอง ไดแ้ ก่ ฝึกให้สมองได้คิดบอ่ ยๆ เชน่ อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ คิดเลข ดเู กมส์ตอบปัญหา ฝึกหดั การใช้อุปกรณ์ใหมๆ่ เป็นตน้ 26 คมู่ อื แนวทางการอบรมผดู้ ูแลผูส้ งู อายรุ ะยะยาว
3) ออกกำลงั กายสมำ่ เสมอ สัปดาหล์ ะ 3–5 คร้งั เช่น เดินเล่น รำมวยจนี เปน็ ตน้ สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ 4) พูดคุยพบปะผู้อ่ืนบอ่ ยๆ เช่น ไปวัดหรือรว่ มกิจกรรมของชมรมผ้สู ูงอายุ เปน็ ตน้ 5) ตรวจสุขภาพประจำปี 6) ระมัดระวังอบุ ตั ิเหตุต่อสมอง ระวังหกล้ม เป็นต้น 7) มสี ติในส่ิงต่างๆ ที่กำลงั ทำ และฝึกสมาธิตลอด 8) ไม่คดิ มาก ไมเ่ ครยี ด ทำกจิ กรรมคลายเครียด 5. หลอดเลอื ดหวั ใจตีบ อาการท่คี วรร ู้ เจบ็ แน่นหนา้ อก มลี กั ษณะจำเพาะ คือ เจ็บตือ้ ๆ แนน่ ๆ หรือหนกั ๆ เจ็บท่กี ลางอก ใตก้ ระดกู หน้าอก หรือทางซา้ ยบรเิ วณหวั ใจ อาจรา้ วไปท่ขี อ้ ศอก หรือ แขน คอ กราม เจบ็ นาน 3-5 นาที ถ้าเจ็บนานเกนิ 30 นาที อาจเกดิ กล้ามเน้ือหัวใจตายเฉยี บพลนั ได้ ซึ่งมอี าการ 1. เหง่ือออก ใจส่ัน หนา้ มดื คล้ายจะเป็นลม 2. เหนื่อย หายใจลำบาก 3. หัวใจวาย หมดสติถงึ แกช่ วี ติ ข้อแนะนำ 1) กินอาหารให้พอดีกบั ความต้องการของร่างกายให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่ควรหลีกเลีย่ งไดแ้ ก่ อาหาร ไขมนั สูง เค็มจดั หวานจดั 2) ออกกำลังกายสมำ่ เสมอ จะช่วยใหห้ วั ใจและหลอดเลอื ดทำงานไดด้ ี 3) ควบคมุ เบาหวาน ความดันโลหติ สงู ให้นำ้ ตาลในเลือดและความดนั โลหิตปกต ิ 4) ทำจิตใจให้รา่ เริง แจ่มใสเสมอ ไมเ่ ครยี ด 5) ตรวจสขุ ภาพประจำป ี 6) ควบคมุ ไขมนั ในเลอื ดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 7) งดบหุ รี่ เหลา้ และสารเสพติดทกุ ชนิด 8) ลดน้ำหนัก ถ้าอ้วนลงพงุ 6. โรคมะเร็ง โรคมะเรง็ ท่พี บบอ่ ยในประเทศไทย ได้แก่ มะเรง็ ปากมดลูก มะเรง็ เต้านม มะเรง็ ตับ มะเรง็ ปอด มะเร็ง ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเรง็ ช่องปาก มะเร็งตอ่ มลูกหมาก มะเรง็ ต่อมนำ้ เหลอื ง และมะเรง็ ผิวหนงั การปอ้ งกันโรคมะเร็ง • หยุดสูบบุหร่ี การสูบบุหร่ีเป็นปัจจัยเสี่ยงท่ีสำคัญ สำหรับโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งช่องปาก โรคมะเร็งโพรงจมูก เปน็ ต้น 27 คมู่ ือแนวทางการอบรมผูด้ ูแลผสู้ งู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก รับประทานผัก และผลไม้เป็นประจำ จำกัดอาหารที่มีไขมันอ่ิมตัวสูงจากเน้ือสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารปรุงสำเร็จ นอกจากนัน้ ควรหลกี เล่ยี งอาหารพวกปงิ้ ยา่ ง รมควัน เน่ืองจากมสี ารกอ่ มะเรง็ ในปริมาณมาก • ลดน้ำหนักในกรณีท่ีอ้วน เน่ืองจากน้ำหนักตัวท่ีเกินเป็นปัจจัยเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไสใ้ หญแ่ ละมะเร็งเยือ่ บุมดลูก • หลีกเลี่ยงการด่ืมแอลกอฮอล์เป็นปริมาณมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเรง็ หลอดอาหาร และมะเรง็ ในชอ่ งปาก • หลีกเล่ียงการอาบแดดหรือถูกแดดจัด เน่ืองจากอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ควรหลีกเล่ียงการถูก แดดช่วง 10.00–16.00 น. ใช้ครีมกนั แดดท่มี ี SPF อย่างนอ้ ย 15 สวมใส่เสื้อผา้ ท่ีรัดกุม และสวมแว่นกนั แดด • ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เน่ืองจากการท่ีไม่ออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเรง็ เตา้ นม อย่างนอ้ ยควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างนอ้ ย 30 นาทตี อ่ ครั้ง สัปดาห์ ละ 3 ครงั้ และพยายามเปล่ียนกิจกกรมท่ที ำอยู่แลว้ เปน็ การออกกำลงั กาย เช่น เดนิ ขนึ้ บันได แทนการใช้ลิฟท์ จอดรถไกลกว่าทจ่ี อดเดิม และใชก้ ารเดินแทน เปน็ ต้น • หลีกเล่ียงจากรังสีและสารเคมีในที่ทำงานและท่ีบ้าน โดยคอยอ่านคำเตือนของเอกสาร ท่ีแนบ มากับผลิตภณั ฑเ์ สมอ • ตรวจร่างกายเป็นประจำทกุ ปี และปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำ ในการตรวจเพม่ิ เตมิ ของแพทย์ เช่น ตรวจ แป๊บสเมียร์ (Pap’s smear) ทุกปีเพื่อหามะเร็งปากมดลูกในระยะแรก ฝึกการตรวจเต้านมด้วยตนเอง เป็น ประจำทกุ เดอื น และตรวจโดยแพทย์ทกุ 1 ปี เป็นตน้ • หลีกเล่ียงจากการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อ่ืน ไม่เท่ียวสำส่อน หรือถ้าไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัย ตรวจเลือดว่ามีภูมคิ ุม้ กันต่อเชอื้ ไวรัสตบั อักเสบบีหรือยัง ถ้ายังไมม่ คี วรฉดี วัคซนี เพ่ือป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เน่ืองจากเป็นสาเหตุ ที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับ ในรายที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรติดตาม ตรวจกบั แพทยเ์ ป็นระยะทุก 6 เดอื น • ในกรณีท่ี เคยรับประทานปลาดิบ อาศัยหรือเคยอาศัยอยู่ในภาคอีสาน หรือในชุมชนที่มีผู้ป่วย มะเร็งท่อน้ำดีตับ หรือมีประวัติมะเร็งท่อน้ำดีในครอบครัว ควรรับการตรวจอุจจาระเพ่ือหาไข่พยาธิใบไม้ในตับ เนือ่ งจากมีโอกาสเสยี่ งตอ่ การเกดิ โรคมะเร็งทอ่ น้ำด ี คอยสังเกตอาการผดิ ปกติของร่างกายและรีบไปพบแพทย์หากมีอาการผดิ ปกติดังต่อไปน้ ี • มีการเปลี่ยนแปลงในการย่อยอาหาร และการขับถ่ายอย่างเรื้อรัง เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ปสั สาวะเป็นเลือด เปน็ ต้น • มเี ลอื ดออกผิดปกติ เช่น ทางชอ่ งคลอด หรอื เลือดกำเดาไหลบอ่ ยๆ • มีแผลเรอื้ รงั ไม่หายใน 3 สปั ดาห ์ • มีกอ้ นที่เต้านมหรือตามตัว ไฝโตขน้ึ หรอื เปลยี่ นส ี • ไอเรอื้ รังหรอื เสยี งแหบ • นำ้ หนักลดโดยไม่ต้งั ใจ • หอู อื้ เรอื้ รัง 28 คมู่ อื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผ้สู งู อายุระยะยาว
7. โรคตาในผู้สูงอายุ สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ ในขณะท่ีคนเรามีอายุมากขึ้น กล้ามเน้ือที่ทำหน้าที่ยืดหดเลนส์ลูกตา จะอ่อนกำลังลงทำให้ลำบากใน การเพ่งดูส่ิงของ โดยเฉพาะอย่างย่ิงวัตถุเล็กๆ โดยสายตาจะยาวออก และคนที่มีประวัติสายตาสั้นเวลามอง สิ่งของใกล้ๆ กลับต้องถอดแว่นตาออก เม่ือสูงอายุ ความเปล่ียนแปลงเช่นน้ีเป็นธรรมดาของร่างกายมากน้อย แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละคน วธิ ีปอ้ งกันไม่ใหส้ ายตาเสอ่ื มเร็ว 1) ไมอ่ ยู่ในท่มี ีแสงสวา่ งมาก เชน่ ถ้าแสงแดดจา้ ควรใส่แวน่ กนั แสง 2) รบั ประทานอาหารตามหลักโภชนาการ การขาดวิตามินเอ ขาดโปรตนี ทำให้ตาเสือ่ มเร็ว 3) ระวังอยา่ ใหแ้ สงแดด หรอื แสงเชอื่ มโลหะเข้าตาต้องใชแ้ ว่นกันแสง 4) การดทู วี ี ต้องนงั่ ระยะหา่ ง 5 เท่า ของขนาดจอโทรทศั น์ จงึ จะไมเ่ กดิ อันตราย เพราะภาพจะตกท่ี จะรบั ภาพพอดีโดยไมต่ ้องเพง่ 5) ผู้สูงอายุควรใช้แว่นตาช่วยสำหรับอ่านหนังสือระยะใกล้ มิฉะน้ันจะมีอาการปวดตา และปวด ศีรษะเพราะเพ่งสายตามาก โรคตาทพี่ บบ่อยในผสู้ ูงอายุ มีดงั น ้ี โรคต้อกระจก โรคตาท่ีเป็นกันมากท่ีสุดในผู้สูงอายุคือ ต้อกระจก เม่ืออายุมากข้ึน แก้วตาจะเปล่ียน จากสใี สๆ เป็นสีนำ้ ตาล หรือสีขาวขนุ่ มาขึ้นเรอื่ ยๆ ทำใหแ้ สงผ่านเขา้ ไปในตาไมไ่ ดม้ ผี ลทำใหต้ ามัวลงๆ อาการ 1) ตามวั ลงเร่อื ยๆ โดยในระยะแรกๆ นัน้ ตาจะมวั เฉพาะเวลาออกแดด พอเขา้ ทส่ี ลัวๆ จะมองเหน็ ได้ ดีกว่า พอเป็นมากขึ้นก็จะมัวทั้งในท่ีสว่างและสลัว จนในที่สุดจะมองเห็นแค่แสงไฟ และสามารถบอกได้แต่ ทิศทางของแสงท่ีส่องเข้าตาเทา่ นน้ั 2) เม่ือตอ้ แก่มากข้นึ รมู า่ นตาซงึ่ เดมิ มสี ีดำสนิทจะคอ่ ยๆ เปลยี่ นเป็นสขี าวขนุ่ หรือสีน้ำตาลข่นุ สาเหตุ 1) โดยท่ัวไปเปน็ การเปลี่ยนแปลงตามอายทุ ่ีเพมิ่ ขน้ึ 2) เกิดจากพิษของยาบางสว่ น เช่น การใช้ยาพวกสเตียรอยดน์ านๆ ยาฆ่าปลวกบางชนดิ 3) การขาดสารบางชนิด เชน่ แคลเซียม 4) โรคบางโรคทำใหเ้ กิดตอ้ กระจกเรว็ ขน้ึ เชน่ เบาหวาน ฯลฯ 29 คูม่ ือแนวทางการอบรมผู้ดแู ลผู้สูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ 5) อบุ ัตหิ ตุ มีการกระแทก หรือมีบาดแผลทะลทุ ่กี ระจกตาดำ 6) เป็นแต่กำเนิด อาจเกิดจากกรรมพันธ์ุ หรือเกิดในเด็กที่มารดาเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก การรักษา โรคตอ้ กระจกน้สี ามารถรกั ษาได้โดยการลอกตอ้ กระจก ซึง่ ทำให้เฉพาะในโรงพยาบาลเทา่ นั้น เมื่อลอก ต้อกระจกออกแล้วใส่แว่นผู้ป่วยจะกลับเห็นชัดได้โดยใช้ยาฉีดเฉพาะท่ีไม่ต้องดมยาสลบ ทำเสร็จแล้วต้องนอน รักษาอยูใ่ นโรงพยาบาลระยะหนึ่ง ข้อควรปฏิบตั ิ ถ้าคิดว่าเป็นต้อกระจกในระยะแรก ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่า สายตาที่มัวลงนั้น เป็นเพราะต้อกระจกจริง ไม่ใช่เกิดจากโรคอ่ืน เช่น ต้อหินเรื้อรัง หรือโรคของจอประสาทตา ถ้าพบว่าต้อกระจก อยู่ในระยะที่สุกแล้ว คือ รูม่านตามีสีขุ่นขาว หรือสีน้ำตาลเข้มแล้วควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการลอกต้อกระจก ออกกอ่ นท่จี ะมีโรคแทรกซ้อน ข้อเสียถ้าปลอ่ ยไวจ้ นสกุ เกนิ ไป 1. ทำใหเ้ กิดตอ้ หนิ ซ่ึงมีอาการปวดตาและทำใหต้ าบอดสนทิ ได้โดยไมม่ ที างแก้ไข 2. ทำให้เป็นโรคมา่ นตาอกั เสบแทรกขึน้ มาได ้ 3. ทำใหก้ ารผา่ ตดั ลอกต้อออกยากขน้ึ มีโอกาสเกิดโรคแทรกซอ้ นหลังผา่ ตัดไดม้ ากขน้ึ หมายเหตุ อันตรายท่ีเกิดจากการรักษาทไ่ี ม่ถูกวิธี ในปัจจุบัน มีหมอชาวบ้านรักษาต้อกระจก โดยใช้เข็มทิ่มแทงให้แก้วตาตกไปอยู่ในลูกตาส่วนหลัง ซึ่ง ผู้ป่วยอาจจะมองเห็นได้ทันที แต่จะตาบอดในเวลาต่อมาภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี นอกจากตาบอดแล้วจะมี อาการปวดร่วมด้วย จงึ ควรแนะนำประชาชนใหท้ ราบเพอ่ื จะไมไ่ ดห้ ลงผดิ ไปรักษาด้วยวธิ ีดังกล่าว โรคต้อหิน คือโรคที่เกิดจากภาวะความดันในลูกตาสูงกว่าปกติ ภายในลูกตาของคนเรา จะมีการผลิต หรือสร้างน้ำใสชนิดหนึ่ง ออกมาอยู่ในช่องหลังม่านตา แล้วไหลผ่านรูม่านตาออกมาอยู่ในช่องหน้าม่านตา ต่อจากนั้นน้ำในน้ีก็จะไหลผ่านรูตะแกรงเล็กๆ เข้าสู่เส้นเลือดดำของลูกตา จึงทำให้ความดันลูกตาคงท่ีอย ู่ ตลอดเวลา ถ้ามีอะไรขัดขวางทางเดินของน้ำในลูกตา จะเกิดการคั่งของน้ำภายในลูกตาทำให้ความดันภายใน ลูกตาสงู เรียกว่า ตอ้ หิน ต้อหนิ มี 2 ชนิด 1. ต้อหินแบบเฉียบพลัน เกิดจากการไหลเวียนของน้ำใสในลูกตาไม่สะดวกที่เกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว ทำให้มีอาการตาแดง รูม่านตาขยาย ปวดตามาก คลื่นไส้ อาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย จะเห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ สายตาจะมัวลงอยา่ งรวดเร็ว ถา้ ไม่ได้รักษาอย่างถูกตอ้ งและทันทว่ งที จะทำใหต้ าบอดได้ภายใน 2-3 วัน 2. ต้อหินชนิดเรื้อรัง เกิดจากความเส่ือมของทางไหลผ่านของน้ำใสภายในลูกตาต้อหินชนิดน้ีไม่มี อาการเจบ็ ปวด เกิดขึน้ ชา้ ๆ โดยไม่รูต้ ัว สายตาจะคอ่ ยๆ มวั ลง จากขอบเขตของการมอง 30 คู่มอื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผ้สู ูงอายุระยะยาว
การปอ้ งกนั สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ ผทู้ ี่มอี ายเุ กิน 40 ปีขึน้ ไป ควรไดร้ บั การตรวจตาจากจกั ษุแพทย์ เพอ่ื ให้แน่ใจว่าความดันภายในลูกตา อยู่ในระดับปกติอย่างน้อยปีละหน่ึงคร้ัง นอกจากนั้นควรถนอมดวงตาให้ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน ต่างๆ เม่ือมีอาการผิดปกติของตาควรพบจักษุแพทย์โดยเร็วท่ีสุด ไม่ควรหยอดตาด้วยยาสเตียรอยด์โดยแพทย์ มิไดส้ ัง่ เพราะยาประเภทน้ที ำใหค้ วามดันภายในลูกตาสูงกวา่ ปกติ การรกั ษา ต้อหินเป็นโรคที่ร้ายแรงทำให้ตาบอดได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงควรพบจักษุแพทย์เพ่ือทำการรักษาโดย เร็วท่ีสุด ถ้าเป็นมากจนประสาทตาเสียไปแล้ว สายตาจะไม่กลับคืนมา นอกจากการรักษาเบาหวานให้หายแล้ว (ในรายที่เป็นเบาหวานร่วมด้วย) จักษุแพทย์จะรักษาด้วยแสงเลเซอร์ เพ่ือช่วยป้องกันให้โรคลุกลามมากข้ึน และ เพอื่ ความแน่นอนและปลอดภัยของดวงตาควรปรึกษาจักษุแพทยเ์ ม่อื มีอาการเหล่าน ี้ 1) เหน็ อะไรลอยไปลอยมาในลูกตา เกิดจากความเส่ือมของนำ้ วุ้นในลูกตา 2) เห็นแสงแวบๆ ในลูกตา แสดงว่ามีอะไรไปกระตุ้นประสาทจอรับภาพ ทำให้เกิดแสงสว่างเป็นการ เตือนวา่ ประสาทตาหลุด 3) การท่ีมีน้ำตาไหลเป็นประจำ เกิดจากมีการระคายเคืองของเน้ือเยื่อหุ้มตา ความดันลูกตาสูง การเสือ่ มของเย่ือหมุ้ ตา และการอดุ ตนั ของท่อทางเดินนำ้ ในตา 4) ตามัว อาจจะเกิดจากโรคเบาหวานซ่ึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาบอด โรคเบาหวาน ถ้าเกิดระยะ เวลายิ่งนาน ยิง่ ทำใหจ้ อรับภาพถกู ทำลายมาก จนในท่ีสุดตาจะบอดสนิท การรักษา 1) ไม่มีการรักษาทสี่ ามารถทำให้การมองเห็นกลับคนื มาเท่าคนปกติ แตส่ ามารถชะลอไม่ให้โรคแย่ลงได้ 2) ในปัจจุบัน โรคต้อหินส่วนใหญ่สามารถรักษาด้วยยา ลดความดันตาเพ่ือป้องกันการทำลายเส้น ประสาทตา โดยผู้ป่วยจะตอ้ งมารบั การรกั ษาอยา่ งสมำ่ เสมอ 3) การรับประทานวิตามินเสริม C, E, Zinc, lutein, zeaxanthin ไม่ช่วยปัองกันในผู้ท่ีไม่เป็นโรค แต่ช่วยชะลอโรคในผทู้ ่เี ป็นโรคแลว้ โรคสายตายาวในผู้สูงอายุ (presbyopia) มักเกิดหลังอายุ 40 ปี เกิดจากเลนส์ตาที่แข็งขึ้น สูญเสียความสามารถในการปรับการมองใกล้ และ ไกลดังนน้ั ผูป้ ว่ ยมักต้องถอื หนงั สอื ไกลขนึ้ จึงจะอ่านได้ชดั โดยอาการจะเกิดข้นึ กับทกุ คน ทัง้ สายตาสั้น ยาว และ ปกติ โดยพบว่าผู้ที่มีสายตายาวอาจเกิดอาการเร็วกว่าปกติ วิธีรักษา ปรึกษาจักษุแพทย์เพ่ือตัดแว่น ตาสำหรับ อ่านหนังสือ โรคตาแห้ง (dry eye) มกั เกิดในผหู้ ญงิ มากกวา่ ผ้ชู าย เรม่ิ เมื่อวัยกลางคน สมั พนั ธก์ ับภาวะเปลอื กตาอักเสบ และโรคทางกาย บางชนิด เกิดจากการผลิตน้ำตาที่น้อยลง ผู้ป่วยจะมีอาการเคืองเหมือนมีฝุ่นผงในตา มักเป็นมากข้ึนเมื่ออยู่ในที่ 31 คู่มือแนวทางการอบรมผดู้ แู ลผู้สงู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ แห้งหรือห้องแอร์ อาจมีข้ีตาเหนียว การมองเห็นไม่ชัดต้องกระพริบตาบ่อยๆ ในผู้ป่วยบางคนอาจเคืองตาแล้วมี นำ้ ตาไหลมากขึน้ ได้ เม่ือมอี าการควรพบจกั ษแุ พทย ์ การรักษา ในระยะเรม่ิ แรกใช้น้ำตาเทยี ม เมื่ออาการเป็นมากขน้ึ ควรปรกึ ษาจกั ษแุ พทย์ การดูแลตัวเอง หลกี เล่ียง ลม ฝุ่น ถ้าอยู่ในห้องแอร์หรืออากาศแห้งอาจหาแก้วใส่น้ำอุ่นวางไว้เพื่อให้มีความชื้นในอากาศ รักษาโรคเปลือก ตาอกั เสบ และโรคทางกายอ่ืนๆ โรคจุดรบั ภาพเสอ่ื มในผู้สงู อายุ (AMD : Age Related Macular Degeneration) เกิดจากการทำลายบริเวณจุดศูนย์กลางของการรับภาพ และสี โดยไม่ทราบสาเหตุการเสื่อมท่ีแน่นอน ปจั จยั เสยี่ ง ที่สำคัญ คือ • ผูส้ ูงอายุ พบว่าอัตราการเกดิ โรคในคนอายุ 75 ปี มถี งึ 30% เม่อื เทียบกับ 2% ในคนอายุ 50 ปี • การสบู บหุ รี ่ • การสัมผสั แสงอาทติ ยแ์ ละแสง UV ปรมิ าณมาก • ความดันโลหติ สูง ไขมันในเลอื ดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ อาการของโรค ได้แก่ ภาพมัว บิดเบี้ยว สีจางลง มีปัญหาในการอ่าน หรือจำหน้าคน เห็นจุดดำอยู่กลางภาพ การ รักษาโรค ไม่มีการรักษาที่หายขาด แต่การรักษาจะช่วยชะลอการเกิดโรคที่มากขึ้น ในระยะแรกอาจให้วิตามิน แตก่ ารดำเนนิ โรคก็อาจเปน็ มากขึน้ ได้ โดยในระยะหลัง อาจรว่ มกับการรักษาดว้ ยเลเซอร์ หรือฉีดยาเขา้ ในลกู ตา การปฏิบัติตัวเพือ่ ปอ้ งกนั โรคตาในผสู้ งู อาย ุ 1) ผู้สูงอายุจึงควรตรวจตาเป็นประจำทุกปี และเม่ือมีการมองเห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว ควรรีบมาพบจักษแุ พทย์ 2) หยุดสบู บหุ ร ่ี 3) สวมแว่นตากันแดด 4) รักษาโรคความดันโลหิตสงู ไขมันในเลอื ด 5) รับประทานผกั ผลไม้ อาหารครบ 5 หมู่ แหล่งข้อมลู : - คู่มือปฏิบัติงานสำหรับ อสม.เพื่อผู้สูงวัย สายใยรักครอบครัว ชุมชน, สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ , พิมพ์ครัง้ ที่ 1 มิถนุ ายน 2552. - ราชวทิ ยาลัยจกั ษุแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย, www.rcopt.org/news-public-70.html รศ.นพ. พรี ะ บรู ณะกิจเจรญิ , ชมรมความดนั โลหิตสงู แหง่ ประเทศไทย. 32 คมู่ ือแนวทางการอบรมผูด้ แู ลผูส้ ูงอายรุ ะยะยาว
4 แผนการสอนที่ สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง ภาวะวกิ ฤตกิ บั การปฐมพยาบาลเบือ้ งต้น วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนร ู้ • วัตถปุ ระสงค์ทว่ั ไป เพ่อื ใหผ้ ดู้ ูแลผู้สงู อายุสามารถสังเกต และให้การดแู ลปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ แก่ผสู้ ูงอายทุ ีม่ ีภาวะวกิ ฤตไิ ด ้ • วัตถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ เพอ่ื ให้ผเู้ ข้ารับการอบรม 1. บอกวิธีการสังเกตอาการและการดูแลช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้สูงอายุท่ีหน้ามืด วิงเวียน เป็นลม หมดสติ 2. สามารถแสดงการห้ามเลอื ดทีถ่ กู วิธีได ้ 3. สามารถบอกวธิ กี ารดแู ลชว่ ยเหลอื ผ้สู ูงอายทุ ่ีหกลม้ กระดูกหัก ข้อเทา้ แพลงได้ 4. สามารถบอกวธิ ีการเคลื่อนย้ายผูป้ ่วยได ้ 5. สามารถบอกวิธีการสังเกตและให้การดูแลชว่ ยเหลอื ผสู้ งู อายุทม่ี ีปญั หาเส้นเลอื ด สมองได้ เปา้ หมาย เพ่ือให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นในภาวะวิกฤติได้อย่างถูกต้องและ ปลอดภัย เนือ้ หาวชิ า 1. หนา้ มดื วิงเวยี น เป็นลม หมดสติ 2. การห้ามเลือด 3. หกลม้ กระดูกหัก ข้อเท้าแพลง 4. การเคลือ่ นยา้ ยผู้ปว่ ย 5. เสน้ เลอื ดสมองแตก ตบี ตัน ระยะเวลา ภาคทฤษฎี 8 ชั่วโมง รูปแบบ / วธิ ีการสอน - การบรรยาย - การซกั ถาม 33 คู่มือแนวทางการอบรมผู้ดแู ลผสู้ ูงอายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ - การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ข้ันตอนการดำเนินกิจกรรม 1. วิทยากรนำเข้าสู่บทเรียน ด้วยสไลด์ สื่อ วีดีทัศน์ หรือส่ือการเรียนการสอนอื่นๆ เพ่ือให้ผู้เรียน เกิดความสนใจ กระตุ้นเข้าสบู่ ทเรยี น 2. วิทยากรบรรยายและเปน็ การมีส่วนรว่ มของผ้เู รยี น 3. แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมตามความเหมาะสม ในการแสดงบทบาทสมมุติ ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการแสดงและแสดงความคิดเห็น 4. ผเู้ ขา้ รับการอบรม นำเสนอผลการประชมุ กลมุ่ หรือสงิ่ ทไ่ี ดจ้ ากการแสดงบทบาทสมมุติ 5. วทิ ยากรสรุปผลเรียน สื่อประกอบการเรยี น / อปุ กรณ์ 1. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ แผน่ พับ โปสเตอร์ ภาพพลกิ 2. สื่อการเรียนการสอนในการแสดงบทบาทสมมุติ ได้แก่ ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น เครื่องมือในการ ทำแผล ไมค้ ำ้ ยัน เปลสำหรับเคลื่อนยา้ ยผูป้ ่วย (เปลสนาม) คำแนะนำสำหรับวิทยากร วิทยากรควรเตรียมสอ่ื อปุ กรณต์ า่ งๆ ให้พรอ้ ม เพ่ือกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนสนใจ และเกิด การเรยี นการสอน แบบมีสว่ นรว่ ม โดยยึดผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลาง การประเมินผล 1. จากการสังเกตในการเข้าร่วมกิจกรรมตา่ งๆ ของผเู้ รยี น 2. การซัก – ถาม 34 คมู่ ือแนวทางการอบรมผ้ดู แู ลผ้สู ูงอายุระยะยาว
ใบความรู้ที่ 4.1 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง การประเมินภาวะวิกฤติ การหมดสติ เป่าปากช่วยหายใจ และนวดหัวใจ การเป็นลม การดูแลในภาวะวิกฤติเป็นการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ประสบภาวะคุกคามถึงชีวิต ทางด้านร่างกาย ผู้ดูแล ผู้สูงอายุมีบทบาทในการดูแลช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติของชีวิตนับว่าเป็นสิ่งที่ ท้าทายอย่างยิ่ง ซ่ึงผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องประเมินผู้สูงอายุในการดูแลช่วยเหลือเพ่ือป้องกันปัญหาหรือแก้ไขปัญหา ท่ีอาจจะเกิดขึ้น หรือเกิดข้ึนแล้ว พร้อมท้ังทำนายปัญหาที่อาจะเกิดขึ้นได้ ภายใต้ความรู้พื้นฐาน ร่วมกับการ ประเมิน แนวทางการประเมนิ ภาวะวิกฤติ 1. ขอ้ มลู ของผ้สู งู อายุ เช่น ขอ้ มลู การเจบ็ ป่วยอดีตและปจั จุบัน การวินจิ ฉยั โรคของแพทย์ สัญญารบั และสถานท่วั ไปของผ้สู งู อายุ 2. ประเมนิ ภาวะวกิ ฤติจากการสงั เกต ด้านการติดต่อสื่อสาร ได้แก่ การมองเห็น การได้ฝัน การรับรู้สัมผัส การพูด การเขียน ความ สามารถ ในการแสดงท่าทาง ด้านการกระตุ้น ได้แก่ อารมณ์และพฤติกรรมท่ีแสดงออก ตามปฏิกิริยาต่อแสงอย่างไร แขนขา มคี วามรู้สกึ ความสามารถในการเคล่อื นไหวอยา่ งไร 3. การหายใจ ได้แก่ การดรู ูปรา่ งของทรวงอกเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งไร เสยี งหายใจ อาการแสดงอ่ืนๆ เชน่ อาการเขยี ว นวิ้ บุ๋ม การใช้กลา้ มเน้อื และคอในการหายใจ การปฐมพยาบาล หมายถึง การให้ความช่วยเหลือต่อผู้บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย ณ สถานที่เกิดเหต ุ โดยใช้อุปกรณ์เทา่ ทห่ี าไดใ้ นขณะนน้ั ก่อนทผ่ี ู้บาดเจบ็ จะไดร้ ับการดแู ลจากบคุ ลากรทางการแพทย์หรอื ก่อนนำตวั ส่งไปรักษาทางโรงพยาบาลต่อไป การปฐมพยาบาลที่ดี ผู้ช่วยเหลือควรได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง รวดเร็ว นุ่มนวล และต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บควรได้รับการปลอบปราโลม และให้กำลังใจ เพื่อ สรา้ งความม่นั ใจและไดร้ ับการดูแลชว่ ยเหลืออยา่ งปลอดภยั การหมดสต ิ การหมดสติ เป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับผู้ที่จะต้องปฐมพยาบาล เพราะการหมดสติจะเป็นอันตราย ต่อชีวิต ซึ่งแบ่งได้ 2 พวก คือ การหมดสติพร้อมกับมีอาการหายใจลำบาก หรืออาจหยุดหายใจ และหมดสต ิ แตย่ งั มกี ารหายใจ เป็นพวกทม่ี อี าการชกั ไดแ้ ก่ ลมบ้าหมู เกดิ จากโลหิตเปน็ พษิ หรอื โรค เช่น อสิ ทเี รีย พวกไม่มี อาการชกั ไดแ้ ก่ ช็อค เปน็ ลม เมาเหลา้ เบาหวาน และเส้นโลหิตในสมองแตก 35 คูม่ ือแนวทางการอบรมผู้ดูแลผสู้ ูงอายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ลักษณะการหมดสติ มี 2 ลักษณะ คือ อาการซึม มึนงง เขย่าตัวอาจต่ืน งัวเงียแล้วหลับ พูดได้บ้าง แต่ฟังไมไ่ ดศ้ ัพท์ และลักษณะอาการหมดความรสู้ ึกทุกอยา่ ง เปน็ การหมดความรสู้ กึ แมแ้ ต่เขยา่ ตวั กไ็ ม่ฟน้ื การปฐมพยาบาลผู้ปว่ ยหมดสติ ให้ดูว่าผู้ป่วยหายใจหรือไม่ ถ้าหยุดหายใจ ชว่ ยฟ้ืนคนื ชพี โดยการนวด หัวใจ ถ้ามีเลือดออกจับให้นอนหงาย เอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปด้านหลัง ลำคอ ซึ่งอุดก้ันทางเดินหายใจ และป้องกันไม่ให้อาเจียนไหลเข้าสู่หลอดลม การจัดท่านอน ถ้าผู้ป่วยหน้าแดง ควรให้นอนศรีษะสูง ถ้าสีหน้าซีดให้นอนหงายเหยียดขาและแขน เพราะอาจมีกระดูกหักได้ หากต้องการ เคล่ือนย้ายต้องระมัดระวังไม่ให้ด่ืมน้ำ หรือรับประทานยาใดๆ ตรวจดูบาดแผลโดยเฉพาะบริเวณศรีษะ หากมี อาการชักให้ใช้ผ้าม้วน ด้ามช้อนใส่เข้าไประหว่างฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้กัดล้ินตนเอง ให้หาสาเหตุท่ีทำให้หมดสติ และประวตั ิการเกดิ อบุ ตั ิเหตุ เพือ่ แจง้ ใหห้ มอทท่ี ำการรกั ษาทราบ (1) เปา่ ปากชว่ ยหายใจและนวดหัวใจ ถ้าผ้สู งู อายหุ มดสตทิ ันที คลำชีพจรท่ีคอไมไ่ ด้และหายใจ ให้ทุบกลางหนา้ อก 1-2 ครง้ั ถา้ ยงั ไมห่ ายใจ และยังคลำชีพจรไม่ได้ ให้เป่าปากช่วยหายใจ และนวดหัวใจด้วย โดยวางสันมือลงบนกระดูกกลางอกเหนือล้ินป่ี 2 นิ้ว โน้มตัวให้ต้ังฉากกับมือทั้งสองท่ีกดหน้าอกเพ่ือทอดน้ำหนักตัวลงบนแขน 2 ข้าง ได้สะดวก (นับจำนวนที่ กดทกุ ครั้ง หนงึ่ สอง สาม สี่ และห้า...) กดลงด้วยน้ำหนักท่ีทำใหก้ ระดกู หน้าอกยุบลงประมาณ 3-5 เซนตเิ มตร ด้วยอัตรา 80 ครั้ง/นาที เป่าลมเขา้ ปอดให้ถูกต้อง 2 ครัง้ สลับกับการกดหนา้ อก 15 คร้งั (กรณผี ้ชู ่วยชีวติ 1 คน) ในกรณีผ้ชู ว่ ยชีวิต 2 คน ผ้ชู ่วยชีวติ คนท่สี องเปา่ ลมเข้าเขา้ ปอด 1 คร้งั หลังจากการกดหน้าอกทกุ ๆ 5 คร้งั โดย ไม่ต้องหยดุ การกดหนา้ อก แล้วรีบพาไปหาหมอ ขณะเดนิ ทางตอ้ งเปา่ ปาก และชว่ ยหายใจไปด้วย เปา่ ปากชว่ ยหายใจ ถ้าหายใจไม่ออก หรือหยุดหายใจ 1. จดั ทา่ ผปู้ ว่ ยใหน้ อนหงาย 2. ใชข้ องหนุนไหล่ใหส้ ูง หรือใช้มือยกคอให้สูงขนึ้ โดยให้ศรี ษะตกหงายไปขา้ งหลัง 3. เปิดช่องปากออก เชด็ นำ้ มกู น้ำลาย และลา้ งเอาสง่ิ อดุ ตันในปากออก 4. ผูช้ ่วยหายใจ หายใจเข้าเต็มปอดของตน 5. ประกอบปากลงไปบนปากของผู้ปว่ ยจนสนิท 6. บบี จมกู ผู้ปว่ ยใหแ้ น่น 7. เป่าลมเข้าไปในปากผู้ปว่ ยให้เต็มท่ี สังเกตดูที่หน้าอกจะขยายขึน้ ตามจังหวะการเป่า 8. ผู้ช่วยหายใจ จงทำซำ้ เริม่ ตงั้ แต่ข้อ 4-8 ใหม่ ประมาณนาทลี ะ 12 ครงั้ การเป็นลม การเป็นลม เป็นอาการท่ีเกิดข้ึนเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอช่ัวคราว ทำให้ผู้ป่วยเป็นลม หมดสตไิ ปชั่วครู่ มกั มีอาการซมึ เวียนศีรษะ และมอี าการตัวซดี เยน็ เฉยี บร่วมด้วย ความรสู้ กึ เช่นน้ีอาจเกดิ ข้ึนโดย ไม่หมดสติก็ได้ การตกใจรุนแรง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจทำให้ความดันโลหิตลดลง และรู้สึกจะเป็นลมได้ การเป็นลมอย่างเดียวโดยไม่มีอาการอื่นแทรกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าวิตก แต่ถ้าเป็นลมบ่อยๆ หรือมีอาการอ่ืนๆ รว่ มดว้ ย จำเปน็ อย่างยิ่งทต่ี อ้ งปรกึ ษาแพทย์ ดังนนั้ ถา้ การเปน็ ลม หมดสตไิ ปชว่ั คราว เปน็ สง่ิ ทไี่ มน่ ่ากงั วล แต่ถา้ 36 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผ้สู ูงอายรุ ะยะยาว
หมดสติไปนานแต่หายใจได้ดี และรสู้ ึกตัวภายใน 2-3 นาที หายใจไม่ดี ไม่สม่ำเสมอ หรือหายใจชา้ ผิดปกติ ต้อง สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ นำส่งโรงพยาบาลทันที และระหว่างทางไปโรงพยาบาล ควรอยู่ในท่านอนกึ่งคว่ำเพ่ือป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจ อดุ ตนั เอกสารและส่อื อ้างอิง ศศิษมา จันทรพงษ์ (2550) คู่มือการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น พิมพ์คร้ังที่ 1 กรุงเทพ : ห้างหุ้นส่วน สามัญ สำนกั พมิ พ์ บุ๊คเพรส และบรษิ ทั ดาวกมลสมยั จำกัด. 37 ค่มู ือแนวทางการอบรมผดู้ ูแลผู้สงู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ใบความรู้ที่ 4.2 เรื่อง การห้ามเลือด การตกเลือด (bleeding) หมายถึง การมีเลือดไหลออกจากเส้นเลือดหรือหลอดเลือดท่ีฉีกขาด ถ้ามีเลือดออกมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการช็อค และอาจถึงแก่ความตายได้ ถ้าไม่ได้รับการปฐมพยาบาลและ แกไ้ ม่ทันท่วงที การตกเลือดแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คือ 1. การตกเลือดภายนอก เราสามารถมองเห็นเลือดท่ีออกมาได้ เช่น ท่ีบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะ บาดแผลท่ี ศีรษะ และลำตวั 2. การตกเลือดภายใน หรือเลือดตกใน ไม่สามารถเห็นได้จากภายนอก เกิดจากบาดแผลในร่างกาย ได้แก่ อวยั วะภายในช่องท้อง เชน่ ตบั ม้าม ฯ เลอื ดออกในสมองเปน็ ตน้ จะมอี าการแสดงออกของการทมี่ ีเลอื ด ตกในให้มาเหน็ หรอื เราสามารถทราบได้ อาการแสดงของการตกเลือด 1. มีอาการซีดลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้ท่ีผิวหนังทั่วๆ ไป เล็บ ริมฝีปาก ฝ่ามือ และที่สามารถ เหน็ ได้ชัดเจน คอื เปลอื กตาด้านใน โดยเปิดเปลือกตาลา่ งดู จะเห็นว่ามสี ซี ดี ชดั เจน 2. เวยี นศรี ษะ หน้ามดื ตาลาย หอู อ้ื ใจสน่ั และออ่ นเพลีย 3. มเี หงอื่ ออกทวั่ ตวั มอื เทา้ เยน็ ซดี และหนาวส่นั 4. หวั ใจเตน้ เรว็ ถา้ จับชีพจรดู จะพบว่าเตน้ เรว็ แต่เบากว่าปกต ิ 5. หายใจเรว็ ถ่ี ตื่นและหอบ 6. กระหายนำ้ กระสบั กระส่าย 7. สลบ และหมดสติ ถ้ายังไม่สามารถห้ามเลือด หรือแก้ไขทดแทนเลือดท่ีสูญเสียไปได้ ผู้ป่วยจะ ถงึ แกค่ วามตายในท่ีสดุ หลกั การปฐมพยาบาล 1. ให้นอนนิ่งๆ และให้ศีรษะอยู่ในแนวราบหรือต่ำ ยกปลายขาท้ังสองข้างให้สูง เพื่อให้เลือดไปเล้ียง สมองไดม้ ากทีส่ ุด 2. ทำการห้ามเลอื ดโดยเร็วทส่ี ุด โดยวธิ ใี ด วิธหี นงึ่ 3. ถ้าไม่รูส้ กึ ตัว ใหร้ ะวังเรอ่ื งทางเดนิ หายใจ อยา่ ให้อดุ ตนั ถา้ ไมห่ ายใจให้ทำการผายปอดทันท ี 4. ให้การปฐมพยาบาลส่วนอืน่ ๆ เท่าท่จี ำเป็นและตอ้ งทำ ดว้ ยความรวดเร็ว 5. สังเกตอาการ นบั ชพี จร และการหายใจอยูต่ ลอดเวลา 6. นำตัวสง่ โรงพยาบาลโดยเรว็ ทีส่ ุด 38 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผูส้ งู อายรุ ะยะยาว
การปฐมพยาบาลการตกเลือด (หา้ มเลือด) ภายนอก สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ 1. กดลงบนแผลหรือตำแหน่งท่ีมีเลือดออก โดยใช้นิ้วมือ หรือผ้าสะอาด ควรให้ผู้ป่วยนอนและยก ส่วนแขนหรือขาที่มีเลือดออกให้อยู่สูงเท่าหน้าอกหรือหัวใจเพราะจะทำให้เลือดไหลสู่บริเวณบาดแผลน้อยลง ทำให้เลือดหยุดได้งา่ ย 2. กดเส้นเลือดใหญ่ท่ีมาสู่บริเวณบาดแผลน้ัน ใช้ในกรณีที่เลือดออกมากเพ่ือไม่ให้เลือดไหลมาสู่แผล เลอื ดทอ่ี อกมากอ่ นจะได้มโี อกาสแข็งตัวของมนั เอง ทำใหเ้ ป็นการหา้ มเลอื ดไปในตวั 3. การขันชะเนาะ หรอื เรยี กว่า “การใชท้ นู เิ กต์” เปน็ การใชเ้ คร่ืองรดี เพอื่ ไมใ่ ห้มเี ลอื ดไหลไปสูบ่ รเิ วณ บาดแผลท่ีมีเลือดออกน้ัน ใช้ได้ในกรณีการห้ามเลือดที่แขนและขาที่มีเลือดออกมาก และไม่สามารถทำการห้าม เลอื ดได้ดังสองวธิ ีทีไ่ ด้กล่าวมาแล้ว เชน่ แผลแหวะหวะกว้างใหญ่ หรือมกี ระดกู หกั ร่วมดว้ ย เอกสารและส่ิงอ้างองิ ธีรวัฒน์ กุลทมันน์ พิมพ์คร้ังท่ี 3 (2542) การปฐมพยาบาลเน่ืองจากการบาดเจ็บจากการกีฬา บริษทั โรงพมิ พ์ไทยวฒั นาพานชิ จำกดั กรุงเทพมหานคร 2542. 39 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ แู ลผสู้ งู อายุระยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ใบความรู้ที่ 4.3 เร่ือง หกล้ม กระดูกหัก ข้อเท้าแพลง การหกลม้ ความสำคัญของการป้องกนั ภาวการณห์ กล้มในผู้สูงอายุ อัตราการหกล้มแตกต่างกันขึ้นกับลักษณะของชุมชน โดยอัตราการหกล้มจะต่ำสุดในผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป ที่มีสุขภาพดีในชุมชน เฉล่ียแล้วผู้สูงอายุไทยจะหกล้มประมาณร้อยละ 20 สิ่งแวดล้อมท่ีผู้สูงอายุหกล้ม สว่ นใหญ่มกั เกดิ ในเวลากลางวัน เกดิ ภายนอกบริเวณสวน รอ้ ยละ 58 รองลงมาเป็นภายในบ้าน ร้อยละ 27 มกั หกล้ม ขณะเดินลงบันไดมากกวา่ การเดินขึน้ บันได สว่ นภาวะการหกลม้ ในบ้าน คนชรามักเกดิ ในสัปดาหแ์ รกท่ีเข้าไปอยู่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ในด้านผลแทรกซ้อนหลังหกล้ม พบว่าผู้สูงอายุที่อยู่ในชุมชนที่หกล้มประมาณร้อยละ 5-10 มีการ บาดเจ็บท่ีรุนแรง เช่น ภาวะกระดูกหัก การบาดเจ็บของสมอง หรือท่ีผิวหนังอย่างรุนแรง โดยท่ีร้อยละ 3.5-6 ของภาวะหกล้ม ทำให้มีภาวะกระดูกหักในด้านผลระยะยาว สำหรับผู้ที่หกล้ม และมีกระดูกข้อสะโพกหัก จะมี อัตราการเสียชีวิต ถึงร้อยละ 20-30 เม่ือติดตามกลุ่มนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี และมีถึงร้อยละ 25-75 ที่สูญเสีย ความสามารถในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน ผลทางด้านจิตใจ เกิดภาวะซึมเศร้า ตลอดจนสูญเสียความมั่นใจ ในการเดนิ ผู้สงู อายุที่มีประวัติหกล้มมาภายใน 6 เดอื น จึงมีคุณภาพชีวติ ท่ไี มด่ ี (ประเสริฐ อัสสันตชยั (2554) ปัญหา สขุ ภาพท่พี บบอ่ ยในผสู้ งู อายุและการปอ้ งกนั , พมิ พค์ รัง้ ท่ี 2 บริษทั ยเู นย่ี น ครเี อช่นั จำกัด กรงุ เทพมหานคร 2554) การป้องกันภาวะหกล้ม 1. ส่งเสริมสุขภาพและคงไว้ซึ่งสุขภาพดี รวมทั้งดูแลแนะนำให้ผู้สูงอายุมีการปรับเปล่ียนพฤติกรรม และส่งิ แวดลอ้ มเพ่ือป้องกนั อุบัตเิ หตทุ ่ีอาจจะเกิดขึ้นได้ 2. ป้องกันภาวะหกล้มในผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มจะหกล้มได้ง่าย โดยแนะนำให้ตรวจสุขภาพเพ่ือ แพรก่ ระจายได้ ใหก้ ารดูแลรักษาทั้งปัจจัยเส่ยี ง และปัจจัยกระตุน้ ต่อการหกลม้ 3. การป้องกันภาวะแทรกซ้อนและความพิการหลังภาวะหกล้ม เช่น ภาวะกระดูกหัก หรือภาวะท่ี กระทบต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวนั ทั้งปอ้ งกันภาวะการหกลม้ ซำ้ ซอ้ น กระดกู หกั ภาวะฉุกเฉินของกระดูกและข้อ หลังเกิดอุบัติเหตุต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะมีการหักของกระดูกรูปยาว แต่ถ้ามีการบาดเจ็บท่ีทำให้กระดูกเชิงกรานหัก ก็อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จากการบาดเจ็บ อวัยวะภายใน หรือเสียเลือดมาจากกระดูกหักเอง นอกจากนี้ทำให้เกิดการสูญเสียหน้าท่ีถาวร เนื่องจากเส้นเลือด เส้นประสาท ท่อี ยู่สว่ นปลายถกู กด เอกสารและส่ิงอ้างองิ สุดาพรรณ ธัญจิรา, วนิดา ออประเสริฐศักด์ิ พิมพ์ครั้งที่ 3 (2546) “การพยาบาลฉุกเฉินและ อุบตั ภิ ัยหม”ู่ สมช ที่ บรษิ ัท สามเจรญิ พาณิชย์ (กรงุ เทพ) จำกดั , กรุงเทพมหานคร 40 คมู่ อื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผสู้ ูงอายรุ ะยะยาว
5 แผนการสอนที่ สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง การชว่ ยเหลือผสู้ ูงอายุเบือ้ งตน้ วัตถุประสงคก์ ารเรียนร้ ู • วัตถุประสงคท์ ว่ั ไป เพอ่ื ให้ผเู้ ข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการดแู ลช่วยเหลอื ผสู้ งู อายุเบอ้ื งต้น • วัตถปุ ระสงค์เฉพาะ เม่ือส้ินสุดการอบรมแล้ว ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุเบ้ืองต้น สามารถดแู ลชว่ ยเหลอื ผสู้ งู อายไุ ด้อย่างถกู ตอ้ ง มปี ระสิทธภิ าพ เนอ้ื หาวิชา การช่วยเหลือผู้สงู อายุเบือ้ งต้น 1. การประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน (Barthel Activities of Daily Living: ADL) ซ่งึ ประยุกตโ์ ดยกรมอนามยั : ใบความรู้ที่ 5.1 2. การตรวจร่างกายเบ้ืองต้น (การตรวจชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิร่างกาย และการนับ หายใจ) : ใบความรู้ท่ี 5.2 3. อาการเจบ็ ป่วยที่พบบ่อยในผสู้ ูงอายุและการปฐมพยาบาลเบอื้ งต้น : ใบความรทู้ ่ี 5.3 1) อาการหนา้ มดื -วิงเวียน-เปน็ ลม 2) อาการลมชัก 3) อาการทอ้ งร่วง/ทอ้ งเสีย อาหารเป็นพษิ และโรคกระเพาะอาหาร 4) อาการเปน็ ลม หมดสต ิ 5) อาการบาดเจ็บ มีบาดแผล 6) การดูแลผูส้ ูงอายุท่ีมอี าการปวดศรี ษะ/เวยี นหัว เปน็ หวดั และภมู แิ พ้ ระยะเวลา ทฤษฎี 10 ชวั่ โมง ปฏบิ ตั ิ 14 ช่ัวโมง วธิ ีการสอน - การบรรยาย - การซักถาม - การแสดงบทบาทสมมติ/การฝกึ ปฏิบตั ิ 41 คู่มอื แนวทางการอบรมผูด้ ูแลผสู้ ูงอายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ ขัน้ ตอนการดำเนินกิจกรรม 1. วิทยากรนำเข้าสู่บทเรียนเร่ืองการประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน (Barthel Activities of Daily Living : ADL) ซง่ึ ประยกุ ตโ์ ดยกรมอนามยั การตรวจรา่ งกายเบือ้ งตน้ และอาการ เจบ็ ป่วยที่พบบ่อยในผสู้ ูงอายุและการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ (ตามใบความรทู้ ี่ 5.1, 5.2, 5.3) 2. แบ่งกลุ่มผู้เข้าอบรมเป็น 2-3 กลุ่ม เพ่ือสาธิตโดยการแสดงบทบาทสมมติและฝึกปฏิบัติ ในเรื่อง การตรวจร่างกายเบื้องตน้ แสดงบทบาทเป็นผูส้ งู อายทุ ่ีเจบ็ ป่วยและการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ 3. สรุปกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ บทเรียนจากการเรียนรู้ภายในกลุ่มและนำเสนอในการอบรมเพื่อ เปน็ การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการการเรียน / อปุ กรณ์ ไฟล์นำเสนอ แผน่ พับ โปสเตอร์ ภาพพลกิ และอปุ กรณอ์ ื่นๆ คำแนะนำสำหรับวทิ ยากร (ถา้ มี) องค์ความรู้และกิจกรรมควรเน้นการประยุกต์ข้อมูลทฤษฎีท่ีทันสมัยเพ่ือนำมาสู่การวางแผนที่เหมาะ สมในการช่วยเหลือผู้สงู อายุเบือ้ งต้น การประเมินผล - ทดสอบความรู้ - การสงั เกต การซกั ถาม - ผลจากการทำกจิ กรรมและฝึกปฏบิ ัต ิ 42 คมู่ อื แนวทางการอบรมผู้ดูแลผู้สงู อายรุ ะยะยาว
ใบความรู้ท่ี 5.1 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง การประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน (Barthel Activities of Daily Living : ADL) ซ่ึงประยุกต์โดยกรมอนามัย การดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายรุ ะยะยาว (Long Term Care) นิยาม : เป็นกิจกรรมท่ีผู้ดูแล อาจเป็นบุคลากรวิชาชีพทางด้านสุขภาพ สวัสดิการและอื่นๆ หรือ ประชาชนท่ัวไป ทั้งครอบครัว เพ่ือน และเพ่ือนบ้าน ด้วยการจัดการและการปฏิบัติต่อบุคคลที่ไม่สามารถดูแล ตนเองได้ ให้สามารถประกอบกิจวัตรประจำวัน (Activity of daily living : ADL) และอยู่ในสังคมได้โดยมี คุณภาพชวี ิตดีท่ีสดุ เทา่ ทจ่ี ะเป็นไปได้ โดยคำนึงถงึ ความเปน็ ตวั ของตวั เอง ความเป็นอสิ ระและศักด์ศิ รีความเป็นมนุษย์ การประเมนิ Barthel Activities of Daily Living : ADL 10 ข้อ 1. Feeding (รับประทานอาหารเม่ือเตรียมสำรับไวใ้ ห้เรียบร้อยตอ่ หนา้ ) 0. ไม่สามารถตักอาหารเข้าปากได้ ตอ้ งมีคนปอ้ นให ้ 1. ตักอาหารเองได้แต่ต้องมคี นช่วย เชน่ ชว่ ยใชช้ ้อนตกั เตรียมไวใ้ หห้ รือตดั เปน็ เล็กๆไวล้ ่วงหนา้ 2. ตักอาหารและช่วยตวั เองไดเ้ ปน็ ปกต ิ 2. Grooming (ล้างหนา้ หวผี ม แปรงฟัน โกนหนวด ในระยะเวลา 24 - 28 ช่ัวโมงทผ่ี ่านมา) 0. ต้องการความช่วยเหลอื 1. ทำเองได้ (รวมทัง้ ทีท่ ำได้เองถา้ เตรยี มอุปกรณไ์ ว้ให้) 3. Transfer (ลกุ นงั่ จากที่นอน หรือจากเตียงไปยงั เก้าอี)้ 0. ไมส่ ามารถนงั่ ได้ (น่ังแล้วจะล้มเสมอ) หรอื ต้องใชค้ นสองคนช่วยกันยกขน้ึ 1. ต้องการความชว่ ยเหลืออย่างมากจึงจะน่งั ได้ เชน่ ต้องใชค้ นท่ีแข็งแรงหรอื มที กั ษะ 1 คน หรอื ใช้คนทั่วไป 2 คนพยุงหรือดันขน้ึ มาจึงจะน่ังอยู่ได้ 2. ตอ้ งการความชว่ ยเหลือบา้ ง เช่น บอกใหท้ ำตาม หรือช่วยพยงุ เลก็ นอ้ ย หรือต้องมคี นดูแลเพอื่ ความปลอดภัย 3. ทำไดเ้ อง 4. Toilet use (ใช้หอ้ งนำ้ ) 0. ช่วยตวั เองไมไ่ ด ้ 1. ทำเองไดบ้ ้าง (อย่างน้อยทำความสะอาดตัวเองไดห้ ลังจากเสร็จธรุ ะ) แต่ต้องการความชว่ ยเหลือ ในบางสิ่ง 2. ช่วยตัวเองได้ดี (ขึ้นน่ังและลงจากโถส้วมเองได้ ทำความสะอาดได้เรียบร้อยหลังจากเสร็จธุระ ถอดใสเ่ สอ้ื ผา้ ได้เรยี บรอ้ ย) 5. Mobility (การเคลอ่ื นท่ีภายในห้องหรือบ้าน) 0. เคล่อื นทไ่ี ปไหนไมไ่ ด้ 1. ต้องใชร้ ถเขน็ ชว่ ยตัวเองให้เคล่อื นท่ีได้เอง (ไม่ต้องมีคนเขน็ ให)้ และจะต้องเขา้ ออกมมุ ห้องหรอื ประตไู ด ้ 43 คู่มอื แนวทางการอบรมผดู้ แู ลผ้สู งู อายรุ ะยะยาว
สำนกั สง่ เสรมิ สุขภาพ 2. เดินหรือเคลื่อนท่ีโดยมีคนช่วย เช่น พยุง หรือบอกให้ทำตาม หรือต้องให้ความสนใจดูแลเพื่อ ความปลอดภยั 3. เดินหรือเคล่อื นทไ่ี ดเ้ อง 6. Dressing (การสวมใส่เสอ้ื ผ้า) 0. ต้องมีคนสวมใส่ให้ ช่วยตวั เองแทบไมไ่ ดห้ รอื ได้น้อย 1. ช่วยตัวเองไดป้ ระมาณร้อยละ 50 ท่ีเหลือต้องมคี นชว่ ย 2. ช่วยตวั เองไดด้ ี (รวมทัง้ การติดกระดมุ รูดซิบ หรือใชเ้ สอื้ ผ้าที่ดัดแปลงให้เหมาะสมก็ได้) 7. Stairs (การขึ้นลงบนั ได 1 ช้ัน) 0. ไม่สามารถทำได ้ 1. ตอ้ งการคนชว่ ย 2. ขนึ้ ลงได้เอง (ถา้ ตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งช่วยเดนิ เชน่ walker จะต้องเอาขนึ้ ลงไดด้ ้วย) 8. Bathing (การอาบน้ำ) 0. ต้องมคี นช่วยหรอื ทำให ้ 1. อาบนำ้ เองได ้ 9. Bowels (การกล้ันการถ่ายอจุ จาระในระยะ 1 สัปดาหท์ ีผ่ ่านมา) 0. กลนั้ ไม่ได้ หรือตอ้ งการการสวนอจุ จาระอยู่เสมอ 1. กลั้นไมไ่ ด้บางครง้ั (เป็นน้อยกวา่ 1 ครัง้ ต่อสัปดาห์) 2. กลั้นได้เปน็ ปกติ 10. Bladder (การกลั้นปสั สาวะในระยะ 1 สัปดาห์ที่ผา่ นมา) 0. กลั้นไม่ได้ หรอื ใส่สายสวนปัสสาวะแตไ่ มส่ ามารถดแู ลเองได ้ 1. กลัน้ ไม่ไดบ้ างครั้ง (เปน็ นอ้ ยกว่าวันละ 1 ครง้ั ) 2. กลน้ั ไดเ้ ปน็ ปกต ิ เกณฑ์การประเมนิ Barthel Activities of Daily Living : ADL การจำแนกกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินงานดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มศักยภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ประยุกต์จากเกณฑ์การ ประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน ดัชนีบาร์เธลเอดีแอล (Barthel ADL index) ซ่ึงมี คะแนนเตม็ 20 คะแนน ดงั น ้ี ผ้สู ูงอายุกลุ่มที่ 1 ผู้สงู อายุท่ีพ่ึงตนเองได้ ชว่ ยเหลือผู้อนื่ ชมุ ชนและสังคมได้ (กลุม่ ตดิ สงั คม) มีผลรวม คะแนน ADL ตัง้ แต่ 12 คะแนนข้ึนไป ผ้สู ูงอายุกล่มุ ที่ 2 ผู้สูงอายุที่ดูแลตนเองได้บ้าง ช่วยเหลือตนเองได้บ้าง (กลุ่มติดบ้าน) มีผลรวม คะแนน ADL อยู่ในชว่ ง 5 - 11 คะแนน ผสู้ งู อายุกลุ่มท่ี 3 ผู้สูงอายุกลุ่มที่พ่ึงตนเองไม่ได้ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พิการ หรือทุพพลภาพ (กลมุ่ ตดิ เตียง) มผี ลรวมคะแนน ADL อยูใ่ นชว่ ง 0 - 4 คะแนน 44 คมู่ ือแนวทางการอบรมผู้ดแู ลผู้สูงอายุระยะยาว
ใบความรู้ที่ 5.2 สำ ันก ่สงเสริม ุสขภาพ เร่ือง การตรวจร่างกายเบื้องต้น (การตรวจชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิร่างกาย และการนับหายใจ) การตรวจวดั ชพี จร ชีพจรเป็นแรงสะเทือนของกระแสเลือด ซ่ึงเกิดจากการบีบตัวของหัวใจห้องล่างด้านซ้าย ทำให้ผนัง ของหลอดเลือดแดงขยายออกเป็นจังหวะ เป็นผลให้สามารถจับชีพจรได้ตลอดเวลา ในผู้ใหญ่และผู้สูงอาย ุ อัตราการเตน้ ของชีพจร 60-100 (เฉลย่ี 80 คร้ัง/นาที) ภาวะอตั ราการเต้นของชพี จรผดิ ปกติ คือ ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 คร้งั /นาที หรอื ภาวะทีอ่ ัตราการเต้นของหวั ใจน้อยกวา่ 60 ครงั้ /นาท ี ตำแหน่งชีพจร 1) อยู่ข้อมือด้านในบริเวณกระดูกปลายแขนด้านนอกหรือด้านหัวแม่มือ เป็นตำแหน่งท่ีนิยมจับชีพจร มากทส่ี ุด เพราะเป็นท่ีท่จี ับไดง้ ่ายและไม่รบกวนผปู้ ่วย 2) อยู่บริเวณขาหนบี 3) อยบู่ ริเวณขอ้ พบั เข่า อยตู่ รงกลางข้อพบั เข่า, หาคอ่ นข้างยาก แตถ่ า้ งอเขา่ ก็สามารถคลำไดง้ า่ ยขึ้น ขอ้ ควรจำในการวดั ชีพจร 1) ไม่ใช้น้ิวหัวแม่มือคลำชีพจร เพราะหลอดเลือดท่ีน้ิวหัวแม่มือเต้นแรงอาจทำให้สับสนกับชีพจรของ ตนเอง 2) ไมค่ วรวดั ชพี จรหลงั ผปู้ ว่ ยมกี ิจกรรม ควรให้พัก 5-10 นาท ี 3) อธิบายผปู้ ว่ ยวา่ ไมค่ วรพดู ขณะวดั ชีพจร เพราะจะรบกวนการได้ยินเสียงชีพจรและอาจทำใหส้ ับสน การวดั ความดนั โลหิต 1. ค่าความดันโลหิตปกติของผู้สูงอายุ โดยท่ัวไป ถือว่าค่าความดันตัวบนไม่เกิน 140 มิลลิเมตร ปรอท และค่าความดนั ตวั ลา่ งไมเ่ กนิ 90 มิลลเิ มตรปรอท 2. ความดนั โลหติ ที่ “อยูใ่ นเกณฑป์ กติ” คอื ตำ่ กวา่ 130/85 มม.ปรอท ความดนั โลหิตสูงเลก็ น้อย แตย่ งั อยูใ่ นเกณฑป์ กติ คือ 130-139/85-89 มม.ปรอท ความดันโลหติ สงู เมือ่ ความดันโลหิตตัวบนมากกว่า (หรอื เท่ากับ) 140 และตวั ลา่ งมากกว่า (หรอื เทา่ กับ) 90 มม.ปรอท 3. ก่อนที่จะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูง แพทย์จะต้องวัดซ้ำหลายๆ คร้ัง หลังจากให้ผู้ป่วย พักแล้ว วัดซ้ำจนกวา่ จะแนใ่ จว่าสงู จริง และเทคนิคการวดั ความดนั โลหิตต้องกระทำให้ถูกต้องครบถว้ น 45 คู่มือแนวทางการอบรมผดู้ แู ลผสู้ ูงอายุระยะยาว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264