Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรปฐมวัย 65

หลักสูตรปฐมวัย 65

Published by สุปราณี รอดศรี, 2022-08-30 06:00:36

Description: หลักสูตรปฐมวัย 65

Search

Read the Text Version

สาระการเรียนรูร้ ายปี ๕๙ ประสบการณ์สำคญั สาระทค่ี วรเรยี นรู้ งคม รใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ รเลน่ หรอื ทาํ กิจกรรมร่วมกับกลมุ่ เพอื่ น ติปญั ญา รฟังเพลง นทิ าน คําคล้องจอง บทร้อยกรอง องราวตา่ งๆ รแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผ่านภาษา ท่าทาง ลอื่ นไหวและศิลปะ

มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคติท่ีดตี อ่ การเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ไดเ้ ห สภาพท่พี งึ ประสงค์ ตวั บ่งชี้ ชน้ั อ.๑ ชนั้ อ.๒ ชน้ั อ.๓ (๓ – ๔ ปี) (๔ - ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) ๑๒.๑ มีเจตคตทิ ี่ดี ต่อการเรียนรู้ ๑๒.๑.๑ สนใจฟงั ๑๒.๑.๑ สนใจ ๑๒.๑.๑ สนใจหยิบ ด้านส หรอื อ่านหนงั สอื ซกั ถามเกย่ี วกับ หนังสือมาอา่ นและเขียน ๑. ก ด้วยตนเอง สญั ลักษณ์หรอื ๒. ก ส่อื ความคิด ตวั หนังสือที่พบ ๓. ก เหน็ ดว้ ยตนเองเป็น ๔. ก ๕. ก ประจำอยา่ งตอ่ เนื่อง การส ต่อเนอ่ื ง ๖. ก ๗. ก โดยม ๘. ก ๙. ก ๑๐. ๑๑. อยา่ งอ ด้านอ ๑. ก ดา้ นส ๑. ก ๒. ก ๓. กา

๖๐ หมาะสมกับวัย สาระการเรยี นรู้รายปี ประสบการณส์ ำคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้ สตปิ ญั ญา สิ่งต่างๆ รอบตวั เดก็ การสาํ รวจส่งิ ต่างๆ และแหล่งเรยี นรู้รอบตัว ๑. เรียนรู้เกยี่ วกับการใชภ้ าษาเพือ่ การพูดแสดงความคิด ความรู้สึกและความต้องการ สอื่ ความหมายในชีวิตประจำวัน การต้ังคําถามในเร่ืองท่ีสนใจ การสืบเสาะหาความรู้เพ่ือค้นหาคําตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ ความรพู้ ้นื ฐานเกี่ยวกบั การใชห้ นังสือ การมสี ่วนร่วมในการรวบรวมขอ้ มูลและนาํ เสนอข้อมูลจาก และตัวหนังสือ สบื เสาะหาความรู้ในรูปแบบตา่ งๆ และแผนภูมิอย่างง่าย การอ่านหนงั สือภาพ นทิ านหลากหลายประเภท/รปู แบบ การอ่านอย่างอิสระตามลําพงั การอ่านร่วมกนั การอ่าน มีผู้ช้ีแนะ การเห็นแบบอย่างของการเขียนทถ่ี กู ต้อง การเขียนร่วมกนั ตามโอกาส และการเขียนอสิ ระ การเขียนคาํ ทมี่ ีความหมายกับตวั เด็ก/คําคนุ้ เคย การคิดสะกดคําและเขยี นเพอ่ื ส่ือความหมายดว้ ยตนเอง อสิ ระ อารมณ์และจิตใจ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ตามความสามารถของตนเอง สงั คม การใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆ การร่วมสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ารเล่นและการทำงานร่วมกับผ้อู ื่น

สภาพทพี่ ึงประสงค์ ตวั บง่ ช้ี ชน้ั อ.๑ ชนั้ อ.๒ ช้ัน อ.๓ (๓ – ๔ ปี) (๔ - ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) ๑๒.๑ มเี จตคติที่ดี ตอ่ การเรียนรู้ (ตอ่ ) ๑๒.๑.๒ กระตือ ๑๒.๑.๒ กระตอื ๑๒.๑.๒ กระตือรือร้น ด้านอ รอื รน้ ในการเขา้ รอื ร้นในการเข้า ในการเข้ารว่ มกิจกรรม ๑. ให รว่ มกิจกรรม รว่ มกจิ กรรม ต้ังแต่ตน้ จนจบ ด้านส ๑. ก ๒. ก ๓. กา ๑๒.๒ มีความ ๑๒.๒.๑ คน้ หา ๑๒.๒.๑ ค้นหา ๑๒.๒.๑ ค้นหาคำตอบ ด้านส สามารถในการ คำตอบของขอ้ คำตอบของข้อ ของขอ้ สงสยั ตา่ งๆ โดย ๑. ก แสวงหาความรู้ สงสัยต่างๆ ตาม สงสยั ต่างๆ ตาม ๒. ก วิธีการเมือ่ มผี ู้ วธิ ีการของตนเอง ใชว้ ธิ ีการทีห่ ลากหลาย ๓. ก ชแี้ นะ ด้วยตนเอง ๔ กา การส ดา้ นส ๑. ก ๒. ก ๓. ก

๖๑ สาระการเรยี นรู้รายปี ประสบการณส์ ำคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้ อารมณ์และจิตใจ ตวั เด็ก ห้ความสนใจและเขา้ รว่ มกจิ กรรมต่างๆ ๑. การตระหนักรู้เกยี่ วกับตนเอง สังคม การใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ๒. การสะทอ้ นการรบั รู้อารมณแ์ ละ ความรู้สึกของตนเองและผอู้ ื่น การร่วมสนทนาและแลกเปลีย่ นความคดิ เห็น ารเลน่ และการทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น สติปญั ญา ตวั เด็ก การสำรวจสิ่งต่างๆ และแหลง่ เรยี นรูร้ อบตัว ๑. การตระหนักรู้เกย่ี วกับตนเอง การต้ังคำถามในเร่ืองที่สนใจ ๒. การสะท้อนการรับรอู้ ารมณแ์ ละ การสืบเสาะหาความร้เู พอื่ ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ ความรู้สกึ ของตนเองและผอู้ น่ื ารมีส่วนร่วมในการรวบรวมขอ้ มูลและนำเสนอขอ้ มลู จาก ๓. การรู้จกั แสดงความคดิ เหน็ ของ สืบเสาะหาความรู้ในรปู แบบต่างๆ และแผนภมู ิอย่างง่าย ตนเองและรบั ฟงั ความคดิ เห็นของ สงั คม ผู้อนื่ การใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ งๆ การรว่ มสนทนาและแลกเปลย่ี นความคิดเห็น การเล่นและการทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน

สภาพทีพ่ ึงประสงค์ ตัวบง่ ชี้ ชน้ั อ.๑ ชนั้ อ.๒ ชนั้ อ.๓ (๓ – ๔ ป)ี (๔ - ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) ๑๒.๒ มีความ ๑๒.๒.๒ ใช้ ๑๒.๒.๒ ใช้ ๑๒.๒.๒ ใช้ ดา้ นสตปิ สามารถในการ ประโยคคำถามว่า ประโยคคำถามว่า ประโยคคำถามว่า ๑. การส แสวงหาความรู้ (ต่อ) “ใคร” “อะไร” “ทีไ่ หน” “ทำไม” “เมอื่ ไร”“อยา่ งไร” ๒. การพ ในการคน้ หา ในการค้นหา ในการคน้ หา ต้องการ ๓. การต คำตอบ คำตอบ คำตอบ ๔. การส ข้อสงสัยต

๖๒ สาระการเรียนรรู้ ายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้ ปญั ญา ตัวเด็ก สาํ รวจสงิ่ ต่างๆ และแหล่งเรียนรู้รอบตวั พูดแสดงความคิด ความรู้สึก และความ ๑. การตระหนักรู้เกยี่ วกบั ตนเอง ร ๒. การสะท้อนการรบั รู้อารมณ์และความรู้สกึ ตั้งคาํ ถามในเร่อื งทส่ี นใจ ของตนเองและผอู้ น่ื สืบเสาะหาความรู้เพ่อื ค้นหาคําตอบของ ตา่ งๆ

๖๓ หน่วยการจดั ประสบการณ์ ชั้นอนบุ าลปีท่ี ๑ (อายุ ๓ - ๔ ป)ี สปั ดาหท์ ี่ ช่อื หน่วย สาระการเรียนรู้ ๑ ปฐมนิเทศ/โควดิ 19/บูรณา 1. แนะนำหอ้ งเรยี น ชื่อคุณครูประจำชั้น ชือ่ เพอ่ื นและ การหลกั สูตรต้านทุจริตฯ สัญลกั ษณ์ประจำตวั ๒ 2. การปฏิบัติตนเมอื่ อย่ใู นห้องเรียน ๓ (เรือ่ งพลเมืองกับความรบั ผิดชอบ 3. สถานทีต่ ่าง ๆ ในโรงเรยี น ๔ ต่อสงั คม) 4. ความรเู้ บอื้ งตน้ และการตดิ ต่อของโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) ๕ ตัวเรา 5. วธิ ีป้องกนั ตนเองและผู้อื่นใหป้ ลอดภัยจากโรคไวรัสโคโร ๖ นา (COVID-19) ขณะอยทู่ ่บี ้าน/ที่โรงเรยี น/ภายนอกบา้ น ประสาทสมั ผสั /วนั เฉลิมพระ ๑. หน้าทีข่ องอวัยวะ ตา หู จมูก ปาก มือ เท้า ชนมพรรษาพระราชินีฯ ร.๑๐ ๒. การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ตา หู จมกู ปาก มอื เท้า ๓. การปอ้ งกันและรกั ษาโรคตาแดง หนทู ำได้/บรู ณาการหลักสูตร ๔. การปอ้ งกันและรกั ษาโรคทีเ่ กิดกับหู จมกู ต้านทุจริตฯ (เรอ่ื งการคดิ ๕. การป้องกันและดูแลรักษา มอื เทา้ ปาก ๑. การมองเห็น แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วน ๒. การดมกลิน่ และการชมิ รส ตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และ ๓. การไดย้ ิน ความละอายและความไมท่ นต่อ ๔. การสัมผัส การทุจริต) ๕. พระราชกรณียกจิ สมเดจ็ พระราชนิ ฯี ๑. ของใชส้ ว่ นตวั เด็ก ปลอดภัยไว้กอ่ น/บรู ณาการ ๒. สัญลักษณ์ประจำตวั หลักสูตรต้านทจุ ริตฯ (เร่ืองการ ๓. การเก็บของเข้าท่ี เก็บวัสดุอปุ กรณ์ ๔. การปฏบิ ตั ิตนในการใช้หอ้ งน้ำอยา่ งถกู วิธี คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ ๕. การปฏิบัติตนตามขอ้ ตกลงของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม) ๑. ความปลอดภยั ในการเล่น อาหารดมี ีประโยชน์/บูรณา ๒. ความปลอดภัยในการใช้เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าและของมีคม การหลกั สตู รต้านทุจรติ ฯ ๓. ความปลอดภยั ในการใชย้ า ๔. ความปลอดภยั บนทอ้ งถนน (เรือ่ งความละอายและความไมท่ น ๕. ความปลอดภัยของตนเองจากผูอ้ ืน่ ต่อการทุจรติ ) ๑. อาหารดีมีประโยชน์ ๒. ความสำคัญและประโยชนข์ องการรับประทานอาหาร ๓. การล้างมอื อย่างถกู วิธี ๔. การแปรงฟนั และการทำความสะอาดร่างกาย ๕. สขุ นิสยั ในการขบั ถา่ ย

สัปดาห์ท่ี ชอ่ื หน่วย ๖๔ ๗ ครอบครวั ของฉัน/ ๘ บูรณาการหลกั สูตรตา้ น สาระการเรียนรู้ ๙ ทจุ ริตฯ (เรอ่ื งพลเมอื งกบั ๑. ความสมั พันธ์ของบคุ คลในครอบครวั ๑๐ ๒. หน้าที่ของบคุ คลภายในครอบครัว ความรับผิดชอบต่อสงั คม) ๓. การปฏบิ ตั ิตนท่ีดีต่อบุคคลในครอบครวั ๑๑ ๔. การมีส่วนรว่ มของบุคคลในครอบครัว ๑๒ บ้านของฉนั /บรู ณาการ ๕. สิง่ ท่จี ำเปน็ ตอ่ บุคคลในครอบครัว หลักสูตรต้านทุจริตฯ ๑. ความหมายและประโยชน์ของบา้ น ๒. พน้ื ทแี่ ละบรเิ วณรอบบ้าน (เรื่องพลเมอื งกบั ความ ๓. ประเภทและสว่ นประกอบของบา้ น รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม) ๔. ห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน ๕. การรกั ษาความสะอาดบ้าน วนั อาสาฬหบูชา / ๑. ประวตั คิ วามเปน็ มาและความสำคญั ของวันอาสาฬหบูชา วนั เขา้ พรรษา ๒. กจิ กรรมท่ีปฏบิ ัติในวนั อาสาฬหบูชา ๓. ประวตั คิ วามเป็นมาและความสำคัญของวนั เข้าพรรษา โรงเรียน/บูรณาการ ๔. กิจกรรมทป่ี ฏิบัติในวนั เข้าพรรษา หลกั สตู รต้านทุจริตฯ ๕. การปฏิบัติตนเปน็ คนดี ๑. ชื่อโรงเรียน ตราสญั ลกั ษณ์ของโรงเรยี นและสถานทต่ี ้ังของ (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ โรงเรยี น รับผิดชอบต่อสงั คม) ๒. อาคารสถานทีใ่ นโรงเรยี น ๓. บุคคลและหน้าท่ีของบคุ คลภายในโรงเรยี น วนั เฉลิมพระ ๔. การปฏบิ ตั ติ น การรว่ มกจิ กรรมภายในโรงเรยี น ชนมพรรษา ๕. การดูแลรักษาสถานท่ีต่าง ๆ ภายในโรงเรียน ร.๑๐ ๑. พระราชประวตั ิ ๒. พระผทู้ รงเป็นจอมทัพไทย อาชีพ ๓. พระผูท้ รงปลกุ จติ สำนึกในการทำความดี ๔. การแสดงความจงรกั ภักดี ๕. การจำแนกเงนิ เหรยี ญ ๑. ชอ่ื อาชพี ๒. หน้าทแ่ี ละการแตง่ กายของแต่ละอาชีพ ๓. สถานที่ใชป้ ฏบิ ัติงาน ๔. เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการประกอบอาชีพ ๕. ความรู้สกึ ทีด่ ีตอ่ อาชพี

สัปดาห์ท่ี ช่อื หนว่ ย ๖๕ ๑๓ วันแม่แหง่ ชาติ สาระการเรียนรู้ ๑. ความหมายและความสำคัญของวนั แม่ ๑๔ เมอื งไทยท่รี ัก ๒. สแี ละสญั ลักษณข์ องวนั แม่ ๑๕ ท่องแดนอาเซยี น ๓. พระราชกรณียกิจสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๖ ชุมชนทรี่ ัก/บูรณาการ ๔. กิจกรรมตา่ ง ๆ ทีท่ ำในวันแม่ หลักสตู รต้านทุจริตฯ ๕. การปฏบิ ัติตนต่อแม่ในวันแม่ ๑. สัญลกั ษณค์ วามเป็นไทย (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ ๒. การแตง่ กาย (ชุดประจำชาติ) รบั ผิดชอบตอ่ สังคม) ๓. การขบั ร้องเพลงชาตไิ ทย ๔. การสอื่ สารด้วยภาษาไทย ๑๗ ทอ้ งถ่นิ นา่ รู้ /บรู ณาการ ๕. การประกอบอาหารไทย หลักสูตรต้านทจุ รติ ฯ ๑. ชื่อประเทศ และธงชาตปิ ระเทศ สมาชกิ อาเซียน ๒. ดอกไม้ประจำชาติประเทศ (เรื่องพลเมืองกบั ความ สมาชกิ อาเซียน รับผิดชอบตอ่ สงั คม) ๓. ตน้ ไมป้ ระจำชาติประเทศสมาชกิ อาเซียน ๔. เพลงอาเซยี น ๑๘ ดนิ หนิ ทราย ๕. ภาษาอาเซียน ๑. ชอ่ื ชุมชน ๒. สถานที่สำคัญในชมุ ชน ๓. การมีสว่ นรว่ มในชุมชน ๔. การใหค้ วามรว่ มมือกบั ชมุ ชน ๕. การดูแลสาธารณะสมบัตทิ ีใ่ ชร้ ว่ มกันในชุมชน ๑. รู้จักชื่อของหลวงปู่เหมอื น นนทฺ สร (อดตี เจ้าอาวาสวัดนาวง) ๒. สถานท่ีสำคญั ในท้องถิ่น ๓. การมสี ่วนร่วมในท้องถนิ่ ๔. เทศกาลประจำปี ๕. การดูแลสาธารณะสมบัตทิ ีใ่ ช้ร่วมกันในทอ้ งถ่นิ ๑. ลกั ษณะของดนิ ๒. ลักษณะของ หิน ๓. ลกั ษณะของ ทราย ๔. ประโยชนข์ องดิน หิน ทราย ๕. เครือ่ งใช้ท่ีทำจากดิน หิน ทราย

๖๖ สัปดาหท์ ี่ ช่ือหนว่ ย สาระการเรียนรู้ ๑๙ อากาศ 20 ๑. อากาศอยูร่ อบ ๆ ตวั เรา ฤดหู รรษา ๒. ความหมายของอากาศ ๒1 ๓. อากาศตอ้ งการทีอ่ ยู่ ๒2 ประเมินพัฒนาการ ๔. ลักษณะของอากาศ ๒3 ๕. อากาศมีประโยชน์ ๒4 ตน้ ไมท้ ีร่ ัก ๒5 ๑. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ (ชือ่ ฤดูกาล) วนั ลอยกระทง/บูรณา การหลกั สตู รต้านทจุ รติ ๒. ฤดูร้อน ฯ (เรือ่ ง STRONG / จิต ๓. ฤดฝู น พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ) ๔. ฤดูหนาว ดอกไมแ้ สนสวย ๕. การปฏิบัตติ นใหเ้ หมาะสมกับฤดูกาล ผักสดสะอาด ทบทวนความร้ทู ไี่ ด้การเรยี นรขู้ องเดก็ - ประเมนิ พัฒนาการดา้ นร่างกาย - ประเมินพัฒนาการด้านอารมณแ์ ละจติ ใจ - ประเมนิ พฒั นาการด้านสังคม - ประเมินพัฒนาการดา้ นสตปิ ญั ญา ๑. รปู รา่ งลกั ษณะของต้นไม้ ๒. การการขยายพนั ธุ์/การเจริญเติบโตของต้นไม้ ๓. การอนุรักษ์และการดแู ลรักษาตน้ ไม้ ๔. ประโยชนแ์ ละโทษของต้นไม้ ๕. การปลกู ต้นไม้ ๑. ประวัติของวันลอยกระทง ๒. ความสำคัญของวันลอยกระทง ๓. วสั ดุทีใ่ ชท้ ำกระทง ๔. การประดิษฐก์ ระทงจากวสั ดธุ รรมชาติ ๕. การดแู ลตนเองในการทำกจิ กรรมลอยกระทง ๑. ชอื่ ของดอกไม้ชนดิ ตา่ ง ๆ ๒. สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอกไม้ ๓. ลกั ษณะและสขี องดอกไม้ ๔. ประโยชน์และโทษของดอกไม้ ๕. สถานที่ที่มีดอกไม้ ๑. ชือ่ ของผักชนดิ ตา่ ง ๆ ๒. รปู รา่ ง ลกั ษณะและสีของผกั ชนิดตา่ ง ๆ ๓. วิธกี ารรบั ประทานผกั และรสชาติของผกั ชนิดต่าง ๆ ๔. ประโยชนข์ องผักชนดิ ต่าง ๆ ๕. ผลิตภัณฑแ์ ละอาหารที่มีผักเปน็ ส่วนประกอบ

๖๗ สปั ดาหท์ ่ี ชอื่ หนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ๑. รูปรา่ งลักษณะของตน้ ไม้ ๒6 ผลไม้ ๒. การการขยายพันธ์ุ/การเจริญเตบิ โตของต้นไม้ ๓. การอนรุ ักษ์และการดูแลรกั ษาตน้ ไม้ ๒7 วันพ่อแหง่ ชาติ/วัน ๔. ประโยชน์และโทษของต้นไม้ รฐั ธรรมนญู ๕. การปลูกตน้ ไม้ ๒8 กลางวนั กลางคืน ๑. ความหมายและความสำคญั ของวนั พอ่ ๒. สแี ละสัญลกั ษณ์ของวันพอ่ ๒9 เวลา ๓. พระราชกรณยี กิจสำคญั ๔. กจิ กรรมท่ที ำในวนั พอ่ 30 วันขึ้นปใี หม่ ๕. ความสำคัญของวันรฐั ธรรมนญู ๓1 ข้าว ๑. ความหมายของกลางวนั กลางคนื ๒. ลักษณะของกลางวนั ๓. การปฏิบตั ติ นในเวลากลางวัน ๔. ลกั ษณะของกลางคืน ๕. การปฏบิ ตั ิตนในเวลากลางคืน ๑. ใน ๑ สปั ดาห์มี ๗ วนั และสีของแต่ละวัน ๒. รู้จกั ลักษณะและสว่ นประกอบของนาฬกิ า ๓. ความหมายของคำว่าวนั นี้ ๔. ความหมายของคำว่าพรุ่งนี้ ๕. ความหมายของคำวา่ เมื่อวาน ๑. ความหมายและความสำคญั ของวนั ปใี หม่ ๒. กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในวันปีใหม่ ๓. เพลงทีใ่ ช้ในวันปใี หม่ ๔. สถานท่ีท่ีจะไปเทย่ี วในวันปใี หม่ ๕. อาหารทน่ี ำมาเล้ียงฉลองในวันปใี หม่ ๑. ชนดิ ของข้าว ๒. รูปร่างลักษณะของต้นข้าว ๓. ขัน้ ตอนการปลกู ข้าว ๔. ประโยชน์ของข้าว ๕. การดูแลและการเก็บรกั ษาขา้ ว

๖๘ สัปดาหท์ ี่ ชอ่ื หนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ๓2 ๓3 วนั เด็ก วันครู ๑. ความหมายและความสำคัญของวันเด็ก ๓4 ๓5 ๒. กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในวันเดก็ ๓6 ๓. ความหมายและความสำคญั ของวนั ครู ๓7 ๔. สัญลักษณข์ องวนั ครู ๕. กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในวันครู สตั ว์โลกน่ารกั ๑. ประเภทของสตั ว์ ๒. รูปร่างลกั ษณะของสัตว์ประเภทต่าง ๆ ๓. อาหารของสตั วแ์ ต่ละประเภท ๔. ทอ่ี ยู่อาศยั ของสัตวแ์ ตล่ ะประเภท ๕. ประโยชน์ โทษและการดูแลสัตวแ์ ต่ละประเภท ผเี ส้ือแสนสวย ๑. วงจรชีวติ ของผเี ส้อื ๒. ส่วนประกอบของผีเส้ือ ๓. ประเภทของผเี สื้อ (กลางวันและกลางคืน) ๔. ที่อย่อู าศยั ของผีเส้ือ ๕. ประโยชนข์ องผเี ส้ือ วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ / ๑. วัตถุสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ของเล่นทอ่ี ยู่รอบตวั การเปรียบเทยี บ ทดลองวทิ ยาศาสตร์ ของส่งิ ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน โครงการบ้านวิทยาศาสตร์ ๒. การทดลองการจม การลอยของส่งิ ต่าง ๆ การใชเ้ ครอื่ งมอื วทิ ยาศาสตร์ในการสังเกต (ชัง่ ตวง วดั ) นอ้ ย แห่งประเทศไทย ๓. สำรวจตรวจสอบแรงแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงต่าง ๆ ๔. สำรวจการใช้พลงั งานใกล้ตัวและบอกวิธกี ารใช้รวมทัง้ ประโยชน์และโทษอย่างเหมาะสมกับวยั (แหลง่ กำเนดิ เสียง) ๕. การสังเกตและบอกความแตกตา่ งของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ ดวงดาว ของเล่น ของใช้/บูรณา ๑. ของใชส้ ว่ นตัวของเดก็ การหลักสตู รต้านทุจริตฯ ๒. ของใช้ทเ่ี ด็กใชร้ ่วมกันในหอ้ งเรียน ๓. อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในการเรยี น (เร่อื งการคิดแยกแยะระหวา่ ง ๔. รู้จกั หอ้ งเรยี นและมมุ ตา่ ง ๆ ในห้องเรียน ผลประโยชนส์ ่วนตนและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม) ๕. สนามเด็กเล่นและขอ้ ตกลงในการเล่นสนาม อยู่อย่างพอเพียง/บูรณา ๑. ความพอประมาณ การหลักสูตรต้านทจุ ริตฯ ๒. ความมีเหตุผล ๓. ความรอบรู้ (เร่อื ง STRONG / จิต พอเพียงตอ่ ต้านการทุจริต) ๔. มีภมู ิคุม้ กนั ทด่ี ี ๕. คณุ ธรรมความดี

สปั ดาหท์ ่ี ช่อื หน่วย ๖๙ ๓8 คณิตคดิ สนุก สาระการเรยี นรู้ ๓9 การส่ือสาร ๑. เรยี นรู้เร่อื งจำนวน ๑-5 ๒. การวัด เปรยี บเทียบส่งิ ของ 2 ส่งิ 40 วันมาฆบชู า/บูรณาการ ๓. เรขาคณติ (สร้างผลงานจากรูปทรงเรขาคณิต) หลกั สตู รต้านทุจรติ ฯ ๔. พชี คณิต (แบบรปู ของรปู ทมี่ รี ูปรา่ ง) ๕. ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (การให้เหตผุ ล) (เร่อื งพลเมอื งกับความ ๑. ความหมายของการสือ่ สาร รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม) ๒. อปุ กรณส์ ำหรับการส่ือสาร ๓. การติดต่อสือ่ สารดว้ ยอปุ กรณต์ ่าง ๆ ๔1 การคมนาคม/บูรณาการ ๔. ประโยชนข์ องการสือ่ สาร หลักสตู รต้านทุจรติ ฯ ๕. ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร 1. ความหมายของวนั มาฆบูชา (เรือ่ งพลเมืองกับความ 2. ความสำคัญของวนั มาฆบูชา รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม) 3. เหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในวันมาฆบูชา 4. กิจกรรมท่ีปฏิบตั ิในวนั มาฆบชู า ๕. การปฏิบตั ติ นเป็นคนดี ๑. ความสำคัญของยานพาหนะ ๒. การแยกประเภทของยานพาหนะ ๓. การใช้ยานพาหนะทถี่ กู วิธี ๔. อนั ตรายจากยานพาหนะ ๕. การปฏบิ ัตติ ามกฎจราจร

๗๐ หน่วยการจดั ประสบการณ์ ชน้ั อนบุ าลปีท่ี ๒ (อายุ ๔ - ๕ ปี) สปั ดาห์ที่ ชื่อหนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ๑ ปฐมนเิ ทศ/โควดิ 19/บูรณา 1. แนะนำห้องเรยี น ช่ือคุณครูประจำชั้น ชือ่ เพอ่ื นและ การหลักสูตรต้านทจุ ริตฯ สญั ลักษณ์ประจำตัว ๒ 2. การปฏบิ ตั ิตนเม่อื อยใู่ นหอ้ งเรียน ๓ (เรือ่ งพลเมืองกบั ความรับผิดชอบ 3. สถานทีต่ ่าง ๆ ในโรงเรียน ๔ ตอ่ สังคม) 4. ความร้เู บ้อื งต้นและการติดตอ่ ของโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) ๕ ตวั เรา 5. วิธปี อ้ งกันตนเองและผ้อู ื่นใหป้ ลอดภัยจากโรคไวรสั โคโร ๖ นา (COVID-19) ขณะอยทู่ ่บี ้าน/ทโี่ รงเรยี น/ภายนอกบา้ น ประสาทสัมผัส/วนั เฉลมิ พระ ๑. หน้าท่ีของอวัยวะ ตา หู จมูก ปาก มือ เท้า ชนมพรรษาพระราชนิ ฯี ร.๑๐ ๒. การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ตา หู จมกู ปาก มอื เท้า ๓. การป้องกันและรักษาโรคตาแดง หนูทำได้/บรู ณาการหลักสูตร ๔. การปอ้ งกนั และรกั ษาโรคที่เกดิ กับหู จมกู ตา้ นทจุ รติ ฯ (เรอ่ื งการคิด ๕. การป้องกันและดูแลรกั ษา มอื เท้า ปาก ๑. การมองเหน็ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ น ๒. การดมกลิน่ และการชมิ รส ตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และ ๓. การได้ยิน ความละอายและความไมท่ นต่อ ๔. การสมั ผัส การทุจริต) ๕. พระราชกรณยี กจิ สมเด็จพระราชินฯี ๑. ของใชส้ ่วนตวั เด็ก ปลอดภัยไวก้ ่อน/บูรณาการ ๒. สัญลักษณป์ ระจำตัว หลกั สตู รต้านทุจรติ ฯ (เร่อื งการ ๓. การเก็บของเขา้ ที่ เกบ็ วัสดุอุปกรณ์ ๔. การปฏบิ ัตติ นในการใช้หอ้ งนำ้ อย่างถกู วิธี คิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ ๕. การปฏบิ ตั ิตนตามขอ้ ตกลงของห้องเรียน โรงเรยี น ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม) ๑. ความปลอดภยั ในการเล่น อาหารดมี ปี ระโยชน์/บูรณา ๒. ความปลอดภัยในการใช้เครื่องใช้ไฟฟา้ และของมคี ม การหลกั สูตรต้านทุจรติ ฯ ๓. ความปลอดภยั ในการใช้ยา ๔. ความปลอดภัยบนท้องถนน (เร่อื งความละอายและความไมท่ น ๕. ความปลอดภยั ของตนเองจากผู้อน่ื ต่อการทจุ รติ ) ๑. อาหารดีมีประโยชน์ ๒. ความสำคญั และประโยชน์ของการรับประทานอาหาร ๓. การล้างมอื อยา่ งถูกวิธี ๔. การแปรงฟันและการทำความสะอาดร่างกาย ๕. สุขนิสัยในการขบั ถ่าย

สัปดาห์ที่ ช่ือหน่วย ๗๑ ๗ ครอบครัวของฉนั / ๘ บรู ณาการหลักสูตรตา้ น สาระการเรยี นรู้ ๙ ทจุ ริตฯ (เรือ่ งพลเมืองกบั ๑. ความสัมพันธข์ องบคุ คลในครอบครวั ๑๐ ๒. หน้าที่ของบคุ คลภายในครอบครวั ความรับผิดชอบต่อสงั คม) ๓. การปฏิบตั ิตนท่ดี ีตอ่ บคุ คลในครอบครวั ๑๑ ๔. การมสี ่วนรว่ มของบคุ คลในครอบครัว ๑๒ บ้านของฉัน/บรู ณาการ ๕. สง่ิ ทจ่ี ำเปน็ ตอ่ บคุ คลในครอบครัว หลักสูตรต้านทุจรติ ฯ ๑. ความหมายและประโยชนข์ องบ้าน ๒. พ้ืนท่ีและบรเิ วณรอบบ้าน (เรื่องพลเมอื งกับความ ๓. ประเภทและสว่ นประกอบของบ้าน รับผิดชอบต่อสังคม) ๔. หอ้ งตา่ ง ๆ ภายในบา้ น ๕. การรักษาความสะอาดบ้าน วนั อาสาฬหบูชา / ๑. ประวัติความเป็นมาและความสำคญั ของวันอาสาฬหบูชา วันเขา้ พรรษา ๒. กจิ กรรมท่ปี ฏบิ ัตใิ นวันอาสาฬหบูชา ๓. ประวัตคิ วามเป็นมาและความสำคัญของวันเขา้ พรรษา โรงเรียน/บรู ณาการ ๔. กิจกรรมทป่ี ฏิบัตใิ นวนั เขา้ พรรษา หลกั สตู รต้านทจุ รติ ฯ ๕. การปฏบิ ัตติ นเปน็ คนดี ๑. ชอ่ื โรงเรียน ตราสัญลกั ษณ์ของโรงเรียนและสถานที่ต้ังของ (เร่อื งพลเมืองกับความ โรงเรียน รบั ผิดชอบต่อสังคม) ๒. อาคารสถานที่ในโรงเรียน ๓. บคุ คลและหน้าท่ีของบุคคลภายในโรงเรยี น วนั เฉลิมพระ ๔. การปฏบิ ัติตน การรว่ มกจิ กรรมภายในโรงเรียน ชนมพรรษา ๕. การดูแลรกั ษาสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน ร.๑๐ ๑. พระราชประวตั ิ ๒. พระผู้ทรงเปน็ จอมทพั ไทย อาชีพ ๓. พระผทู้ รงปลกุ จติ สำนกึ ในการทำความดี ๔. การแสดงความจงรักภักดี ๕. การจำแนกเงินเหรียญ ๑. ชื่ออาชีพ ๒. หน้าท่ีและการแตง่ กายของแต่ละอาชีพ ๓. สถานท่ีใชป้ ฏบิ ัติงาน ๔. เครื่องมือทีใ่ ช้ในการประกอบอาชพี ๕. ความรู้สกึ ทดี่ ีต่ออาชีพ

สัปดาห์ท่ี ช่อื หนว่ ย ๗๒ ๑๓ วันแม่แหง่ ชาติ สาระการเรียนรู้ ๑. ความหมายและความสำคัญของวนั แม่ ๑๔ เมอื งไทยท่รี ัก ๒. สแี ละสัญลักษณข์ องวนั แม่ ๑๕ ท่องแดนอาเซยี น ๓. พระราชกรณียกิจสมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๖ ชุมชนทรี่ ัก/บูรณาการ ๔. กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในวันแม่ หลักสตู รต้านทุจริตฯ ๕. การปฏบิ ัติตนต่อแมใ่ นวันแม่ ๑. สญั ลักษณ์ความเป็นไทย (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ ๒. การแต่งกาย (ชุดประจำชาติ) รบั ผิดชอบตอ่ สังคม) ๓. การขบั ร้องเพลงชาตไิ ทย ๔. การส่ือสารดว้ ยภาษาไทย ๑๗ ทอ้ งถ่นิ นา่ รู้ /บรู ณาการ ๕. การประกอบอาหารไทย หลักสูตรต้านทจุ รติ ฯ ๑. ชื่อประเทศ และธงชาตปิ ระเทศ สมาชิกอาเซียน ๒. ดอกไมป้ ระจำชาตปิ ระเทศ (เรื่องพลเมืองกบั ความ สมาชิกอาเซยี น รับผิดชอบตอ่ สงั คม) ๓. ตน้ ไม้ประจำชาตปิ ระเทศสมาชกิ อาเซียน ๔. เพลงอาเซียน ๑๘ ดนิ หนิ ทราย ๕. ภาษาอาเซียน ๑. ชื่อชมุ ชน ๒. สถานท่ีสำคัญในชุมชน ๓. การมสี ว่ นร่วมในชุมชน ๔. การใหค้ วามร่วมมือกบั ชมุ ชน ๕. การดแู ลสาธารณะสมบัตทิ ีใ่ ช้รว่ มกันในชุมชน ๑. รู้จักช่ือของหลวงปู่เหมอื น นนทฺ สร (อดตี เจ้าอาวาสวัดนาวง) ๒. สถานท่ีสำคญั ในท้องถิ่น ๓. การมีสว่ นรว่ มในท้องถิ่น ๔. เทศกาลประจำปี ๕. การดูแลสาธารณะสมบัตทิ ่ีใชร้ ่วมกันในทอ้ งถ่นิ ๑. ลกั ษณะของดนิ ๒. ลักษณะของ หนิ ๓. ลกั ษณะของ ทราย ๔. ประโยชนข์ องดิน หิน ทราย ๕. เครอื่ งใช้ที่ทำจากดิน หิน ทราย

๗๓ สัปดาห์ท่ี ชอ่ื หน่วย สาระการเรยี นรู้ ๑๙ อากาศ 20 ๑. อากาศอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ฤดหู รรษา ๒. ความหมายของอากาศ ๒1 ๓. อากาศตอ้ งการที่อยู่ ๒2 ประเมนิ พัฒนาการ ๔. ลกั ษณะของอากาศ ๒3 ๕. อากาศมปี ระโยชน์ ๒4 ตน้ ไมท้ ี่รกั ๒5 ๑. ปรากฏการณธ์ รรมชาติ (ช่ือฤดกู าล) วนั ลอยกระทง/บูรณา การหลักสูตรต้านทจุ ริต ๒. ฤดูร้อน ฯ (เร่ือง STRONG / จิต ๓. ฤดฝู น พอเพยี งต่อต้านการทุจริต) ๔. ฤดูหนาว ดอกไม้แสนสวย ๕. การปฏบิ ัตติ นใหเ้ หมาะสมกบั ฤดกู าล ผกั สดสะอาด ทบทวนความร้ทู ี่ไดก้ ารเรยี นรขู้ องเดก็ - ประเมนิ พัฒนาการดา้ นร่างกาย - ประเมินพฒั นาการด้านอารมณแ์ ละจิตใจ - ประเมินพัฒนาการดา้ นสังคม - ประเมินพฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา ๑. รปู รา่ งลกั ษณะของต้นไม้ ๒. การการขยายพันธุ์/การเจริญเตบิ โตของตน้ ไม้ ๓. การอนุรักษแ์ ละการดูแลรกั ษาต้นไม้ ๔. ประโยชน์และโทษของตน้ ไม้ ๕. การปลูกตน้ ไม้ ๑. ประวัตขิ องวันลอยกระทง ๒. ความสำคัญของวนั ลอยกระทง ๓. วัสดุทใ่ี ช้ทำกระทง ๔. การประดษิ ฐ์กระทงจากวัสดธุ รรมชาติ ๕. การดูแลตนเองในการทำกิจกรรมลอยกระทง ๑. ช่ือของดอกไมช้ นิดตา่ ง ๆ ๒. ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอกไม้ ๓. ลักษณะและสขี องดอกไม้ ๔. ประโยชนแ์ ละโทษของดอกไม้ ๕. สถานท่ีทม่ี ดี อกไม้ ๑. ช่ือของผักชนดิ ต่าง ๆ ๒. รูปรา่ ง ลักษณะและสีของผักชนิดตา่ ง ๆ ๓. วธิ กี ารรับประทานผักและรสชาติของผักชนดิ ต่าง ๆ ๔. ประโยชนข์ องผกั ชนิดต่าง ๆ ๕. ผลติ ภัณฑแ์ ละอาหารท่มี ผี ักเปน็ สว่ นประกอบ

๗๔ สัปดาหท์ ่ี ชอ่ื หน่วย สาระการเรยี นรู้ ๑. รูปรา่ งลกั ษณะของตน้ ไม้ ๒6 ผลไม้ ๒. การการขยายพนั ธ/์ุ การเจรญิ เตบิ โตของต้นไม้ ๓. การอนุรกั ษ์และการดูแลรกั ษาตน้ ไม้ ๒7 วันพอ่ แหง่ ชาติ/วนั ๔. ประโยชนแ์ ละโทษของต้นไม้ รฐั ธรรมนูญ ๕. การปลูกตน้ ไม้ ๒8 กลางวนั กลางคืน ๑. ความหมายและความสำคญั ของวันพอ่ ๒. สีและสญั ลกั ษณข์ องวันพ่อ ๒9 เวลา ๓. พระราชกรณยี กิจสำคญั ๔. กิจกรรมท่ีทำในวนั พ่อ 30 วนั ข้ึนปีใหม่ ๕. ความสำคัญของวนั รฐั ธรรมนญู ๓1 ข้าว ๑. ความหมายของกลางวัน กลางคนื ๒. ลักษณะของกลางวัน ๓. การปฏิบตั ิตนในเวลากลางวนั ๔. ลกั ษณะของกลางคืน ๕. การปฏบิ ตั ิตนในเวลากลางคนื ๑. ใน ๑ สปั ดาห์มี ๗ วนั และสขี องแต่ละวัน ๒. รจู้ กั ลักษณะและสว่ นประกอบของนาฬกิ า ๓. ความหมายของคำวา่ วันนี้ ๔. ความหมายของคำวา่ พรุ่งน้ี ๕. ความหมายของคำวา่ เมื่อวาน ๑. ความหมายและความสำคญั ของวนั ปใี หม่ ๒. กจิ กรรมต่าง ๆ ทที่ ำในวันปใี หม่ ๓. เพลงทีใ่ ช้ในวันปีใหม่ ๔. สถานท่ีทีจ่ ะไปเทยี่ วในวันปีใหม่ ๕. อาหารทน่ี ำมาเลี้ยงฉลองในวันปใี หม่ ๑. ชนิดของข้าว ๒. รปู รา่ งลกั ษณะของต้นข้าว ๓. ข้นั ตอนการปลกู ข้าว ๔. ประโยชน์ของข้าว ๕. การดูแลและการเก็บรกั ษาขา้ ว

๗๕ สัปดาหท์ ี่ ชอ่ื หนว่ ย สาระการเรียนรู้ ๓2 ๓3 วนั เดก็ วนั ครู ๑. ความหมายและความสำคัญของวนั เดก็ ๓4 ๓5 ๒. กิจกรรมต่าง ๆ ทีท่ ำในวนั เดก็ ๓6 ๓. ความหมายและความสำคัญของวันครู ๓7 ๔. สญั ลกั ษณข์ องวันครู ๕. กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทีท่ ำในวันครู สัตวโ์ ลกน่ารัก ๑. ประเภทของสตั ว์ ๒. รปู ร่างลักษณะของสัตว์ประเภทต่าง ๆ ๓. อาหารของสัตวแ์ ต่ละประเภท ๔. ทอ่ี ยู่อาศัยของสัตวแ์ ตล่ ะประเภท ๕. ประโยชน์ โทษและการดแู ลสัตวแ์ ต่ละประเภท ผีเส้ือแสนสวย ๑. วงจรชวี ิตของผเี ส้อื ๒. สว่ นประกอบของผเี สื้อ ๓. ประเภทของผีเสื้อ (กลางวนั และกลางคืน) ๔. ทีอ่ ยอู่ าศยั ของผีเส้อื ๕. ประโยชน์ของผเี สอ้ื วิทยาศาสตรน์ ่ารู้ / ๑. วตั ถุสิ่งของเครอ่ื งใช้ของเล่นทอ่ี ยู่รอบตวั การเปรียบเทียบ ทดลองวิทยาศาสตร์ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน โครงการบา้ นวทิ ยาศาสตร์ ๒. การทดลองการจม การลอยของสิ่งตา่ ง ๆ การใชเ้ ครือ่ งมอื วทิ ยาศาสตร์ในการสังเกต (ชง่ั ตวง วัด) นอ้ ย แหง่ ประเทศไทย ๓. สำรวจตรวจสอบแรงแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงตา่ ง ๆ ๔. สำรวจการใชพ้ ลังงานใกลต้ ัวและบอกวิธกี ารใช้รวมทงั้ ประโยชน์และโทษอยา่ งเหมาะสมกับวยั (แหล่งกำเนดิ เสียง) ๕. การสงั เกตและบอกความแตกต่างของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ของเล่น ของใช้/บูรณา ๑. ของใช้ส่วนตัวของเดก็ การหลักสตู รต้านทุจริตฯ ๒. ของใช้ทเ่ี ด็กใชร้ ่วมกนั ในห้องเรียน ๓. อปุ กรณท์ ี่ใช้ในการเรียน (เรือ่ งการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ๔. รจู้ กั ห้องเรียนและมมุ ตา่ ง ๆ ในหอ้ งเรียน ผลประโยชน์สว่ นตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม) ๕. สนามเดก็ เล่นและข้อตกลงในการเล่นสนาม อยู่อย่างพอเพียง/บรู ณา ๑. ความพอประมาณ การหลกั สูตรต้านทุจรติ ฯ ๒. ความมเี หตุผล ๓. ความรอบรู้ (เรอื่ ง STRONG / จิต พอเพยี งตอ่ ต้านการทุจริต) ๔. มีภูมิค้มุ กนั ทด่ี ี ๕. คุณธรรมความดี

สปั ดาหท์ ่ี ชอื่ หน่วย ๗๖ ๓8 คณติ คดิ สนุก สาระการเรียนรู้ ๓9 การส่อื สาร ๑. เรยี นรเู้ ร่ืองจำนวน ๑-๑๐ ๒. การวดั เปรียบเทยี บสิง่ ของ 2 สิง่ 40 วันมาฆบูชา/บูรณาการ ๓. เรขาคณิต (สรา้ งผลงานจากรูปทรงเรขาคณิต) หลกั สตู รต้านทจุ ริตฯ ๔. พชี คณติ (แบบรปู ของรปู ทีม่ รี ปู รา่ ง) ๕. ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (การให้เหตผุ ล) (เรือ่ งพลเมืองกับความ ๑. ความหมายของการส่ือสาร รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม) ๒. อปุ กรณส์ ำหรับการส่อื สาร ๓. การติดต่อส่อื สารด้วยอปุ กรณต์ ่าง ๆ ๔1 การคมนาคม/บูรณาการ ๔. ประโยชน์ของการสือ่ สาร หลักสตู รต้านทุจริตฯ ๕. ภาษาที่ใช้ในการส่ือสาร 1. ความหมายของวนั มาฆบชู า (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ 2. ความสำคญั ของวนั มาฆบูชา รบั ผิดชอบต่อสงั คม) 3. เหตุการณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนในวันมาฆบูชา 4. กิจกรรมท่ีปฏบิ ตั ิในวนั มาฆบูชา ๕. การปฏบิ ตั ิตนเป็นคนดี ๑. ความสำคัญของยานพาหนะ ๒. การแยกประเภทของยานพาหนะ ๓. การใช้ยานพาหนะทถ่ี ูกวธิ ี ๔. อนั ตรายจากยานพาหนะ ๕. การปฏบิ ัติตามกฎจราจร

๗๗ หนว่ ยการจดั ประสบการณ์ ชนั้ อนุบาลปีที่ ๓ (อายุ ๕ - ๖ ปี) สัปดาห์ท่ี ชื่อหนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ๑ ปฐมนเิ ทศ/โควดิ 19/บรู ณา 1. แนะนำหอ้ งเรียน ช่ือคุณครปู ระจำชนั้ ชือ่ เพอ่ื นและ การหลักสตู รต้านทจุ รติ ฯ สญั ลักษณ์ประจำตวั ๒ 2. การปฏิบัตติ นเม่ืออยู่ในห้องเรียน ๓ (เรอ่ื งพลเมืองกับความรบั ผิดชอบ 3. สถานท่ตี ่าง ๆ ในโรงเรยี น ๔ ต่อสงั คม) 4. ความรเู้ บอ้ื งต้นและการติดตอ่ ของโรคไวรสั โคโรนา (COVID-19) ๕ รา่ งกายของเรา 5. วธิ ปี ้องกนั ตนเองและผอู้ น่ื ใหป้ ลอดภัยจากโรคไวรัสโคโร ๖ นา (COVID-19) ขณะอยทู่ บี่ ้าน/ทโี่ รงเรียน/ภายนอกบ้าน ประสาทสมั ผัส/วนั เฉลมิ พระ ๑. หน้าท่ขี องอวยั วะ ตา หู จมูก ปาก มือ เท้า ชนมพรรษาพระราชนิ ีฯ ร.๑๐ ๒. การดแู ลรักษาอวัยวะ ตา หู จมูก ปาก มอื เทา้ ๓. การปอ้ งกันและรักษาโรคตาแดง หนูทำได้/บูรณาการหลักสูตร ๔. การปอ้ งกันและรกั ษาโรคทเี่ กิดกับหู จมกู ตา้ นทจุ ริตฯ (เรอ่ื งการคดิ ๕. การป้องกันและดแู ล รักษาโรคมอื เท้า ปาก ๑. การมองเห็น แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ น ๒. การดมกล่นิ และการชมิ รส ตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และ ๓. การได้ยนิ ความละอายและความไมท่ นต่อ ๔. การสมั ผัส การทจุ ริต) ๕. พระราชกรณียกิจสมเดจ็ พระราชินฯี ๑. ของใชส้ ว่ นตวั เดก็ ปลอดภัยไว้กอ่ น/บูรณาการ ๒. สัญลักษณป์ ระจำตัว หลกั สตู รต้านทจุ รติ ฯ (เรอื่ งการ ๓. การเกบ็ ของเขา้ ท่ี เกบ็ วัสดุอุปกรณ์ ๔. การปฏบิ ัตติ นในการใช้ห้องนำ้ อยา่ งถกู วิธี คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ ๕. การปฏบิ ตั ติ นตามขอ้ ตกลงของห้องเรียน โรงเรยี น ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม) ๑. ความปลอดภยั ในการเล่น อาหารดีมปี ระโยชน์/บูรณา ๒. ความปลอดภัยในการใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าและของมคี ม การหลักสูตรต้านทุจรติ ฯ ๓. ความปลอดภยั ในการใชย้ า ๔. ความปลอดภัยบนทอ้ งถนน (เรื่องความละอายและความไมท่ น ๕. ความปลอดภยั ของตนเองจากผู้อนื่ ต่อการทจุ ริต) ๑. อาหารดมี ีประโยชน์ ๒. ความสำคัญและประโยชน์ของการรับประทานอาหาร ๓. การล้างมอื อยา่ งถกู วิธี ๔. การแปรงฟันและการทำความสะอาดรา่ งกาย ๕. สขุ นิสยั ในการขับถ่าย

สัปดาหท์ ่ี ชอื่ หนว่ ย ๗๘ ๗ ครอบครวั ของฉัน/ ๘ บรู ณาการหลกั สตู รต้าน สาระการเรียนรู้ ๙ ทุจรติ ฯ (เร่ืองพลเมอื งกับ ๑. ความสัมพันธข์ องบุคคลในครอบครวั ๑๐ ๒. หนา้ ที่ของบุคคลภายในครอบครัว ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม) ๓. การปฏิบตั ิตนทดี่ ีต่อบุคคลในครอบครวั ๑๑ ๔. การมสี ว่ นร่วมของบุคคลในครอบครัว ๑๒ บ้านของฉัน/บรู ณาการ ๕. สิง่ ทีจ่ ำเปน็ ตอ่ บุคคลในครอบครัว หลกั สตู รต้านทุจรติ ฯ ๑. ความหมายและประโยชน์ของบ้าน ๒. พน้ื ท่ีและบริเวณรอบบา้ น (เรอื่ งพลเมืองกบั ความ ๓. ประเภทและสว่ นประกอบของบ้าน รบั ผิดชอบต่อสงั คม) ๔. หอ้ งตา่ ง ๆ ภายในบา้ น ๕. การรกั ษาความสะอาดบ้าน วันอาสาฬหบูชา / ๑. ประวัตคิ วามเป็นมาและความสำคญั ของวันอาสาฬหบูชา วนั เขา้ พรรษา ๒. กจิ กรรมทีป่ ฏิบัตใิ นวันอาสาฬหบชู า ๓. ประวัติความเปน็ มาและความสำคัญของวันเข้าพรรษา โรงเรยี น/บรู ณาการ ๔. กิจกรรมที่ปฏบิ ตั ิในวนั เขา้ พรรษา หลักสตู รต้านทุจริตฯ ๕. การปฏิบตั ิตนเป็นคนดี ๑. ชื่อโรงเรียน ตราสัญลกั ษณ์ของโรงเรียนและสถานทต่ี ้ังของ (เรอ่ื งพลเมืองกับความ โรงเรียน รับผิดชอบตอ่ สงั คม) ๒. อาคารสถานท่ีในโรงเรียน ๓. บคุ คลและหนา้ ที่ของบุคคลภายในโรงเรยี น วนั เฉลิมพระ ๔. การปฏบิ ตั ิตน การร่วมกจิ กรรมภายในโรงเรยี น ชนมพรรษา ๕. การดแู ลรักษาสถานท่ีต่าง ๆ ภายในโรงเรียน ร.๑๐ ๑. พระราชประวตั ิ ๒. พระผ้ทู รงเป็นจอมทัพไทย อาชีพ ๓. พระผทู้ รงปลกุ จิตสำนกึ ในการทำความดี ๔. การแสดงความจงรกั ภักดี ๕. การจำแนกเงนิ เหรยี ญ ๑. ชอ่ื อาชพี ๒. หน้าท่แี ละการแต่งกายของแตล่ ะอาชีพ ๓. สถานที่ใช้ปฏบิ ัติงาน ๔. เครื่องมือทใี่ ช้ในการประกอบอาชพี ๕. ความรสู้ กึ ทด่ี ีต่ออาชีพ

สัปดาห์ท่ี ช่อื หนว่ ย ๗๙ ๑๓ วันแม่แหง่ ชาติ สาระการเรียนรู้ ๑. ความหมายและความสำคัญของวันแม่ ๑๔ เมอื งไทยท่รี ัก ๒. สแี ละสญั ลักษณข์ องวันแม่ ๑๕ ท่องแดนอาเซยี น ๓. พระราชกรณียกจิ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง ๑๖ ชุมชนทรี่ ัก/บูรณาการ ๔. กิจกรรมตา่ ง ๆ ทีท่ ำในวนั แม่ หลักสตู รต้านทุจรติ ฯ ๕. การปฏิบัตติ นต่อแมใ่ นวนั แม่ ๑. สญั ลกั ษณ์ความเปน็ ไทย (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ ๒. การแต่งกาย (ชุดประจำชาต)ิ รบั ผิดชอบตอ่ สังคม) ๓. การขบั รอ้ งเพลงชาตไิ ทย ๔. การส่ือสารด้วยภาษาไทย ๑๗ ทอ้ งถ่นิ นา่ รู้ /บรู ณาการ ๕. การประกอบอาหารไทย หลักสูตรต้านทุจริตฯ ๑. ชื่อประเทศ และธงชาตปิ ระเทศ สมาชิกอาเซยี น ๒. ดอกไม้ประจำชาติประเทศ (เรื่องพลเมืองกบั ความ สมาชิกอาเซียน รับผิดชอบตอ่ สงั คม) ๓. ตน้ ไมป้ ระจำชาตปิ ระเทศสมาชกิ อาเซยี น ๔. เพลงอาเซียน ๑๘ ดนิ หนิ ทราย ๕. ภาษาอาเซียน ๑. ช่อื ชุมชน ๒. สถานที่สำคญั ในชมุ ชน ๓. การมสี ่วนรว่ มในชุมชน ๔. การให้ความรว่ มมือกบั ชุมชน ๕. การดแู ลสาธารณะสมบัตทิ ่ใี ช้ร่วมกันในชมุ ชน ๑. ร้จู ักชอื่ ของหลวงปเู่ หมือน นนทฺ สร (อดตี เจ้าอาวาสวัดนาวง) ๒. สถานที่สำคัญในท้องถน่ิ ๓. การมีส่วนรว่ มในทอ้ งถนิ่ ๔. เทศกาลประจำปี ๕. การดูแลสาธารณะสมบัตทิ ี่ใช้ร่วมกนั ในทอ้ งถิน่ ๑. ลกั ษณะของดิน ๒. ลักษณะของ หนิ ๓. ลักษณะของ ทราย ๔. ประโยชนข์ องดนิ หิน ทราย ๕. เครื่องใชท้ ี่ทำจากดิน หนิ ทราย

๘๐ สัปดาหท์ ี่ ช่ือหนว่ ย สาระการเรียนรู้ ๑๙ อากาศ 20 ๑. อากาศอยรู่ อบ ๆ ตัวเรา ฤดูหรรษา ๒. ความหมายของอากาศ ๒1 ๓. อากาศตอ้ งการที่อยู่ ๒2 ประเมินพัฒนาการ ๔. ลักษณะของอากาศ ๒3 ๕. อากาศมีประโยชน์ ๒4 ต้นไมท้ ีร่ ัก ๒5 ๑. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ (ชือ่ ฤดกู าล) วันลอยกระทง/บูรณา การหลักสตู รต้านทจุ รติ ๒. ฤดูรอ้ น ฯ (เรื่อง STRONG / จิต ๓. ฤดฝู น พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ) ๔. ฤดูหนาว ดอกไมแ้ สนสวย ๕. การปฏิบตั ติ นใหเ้ หมาะสมกับฤดกู าล ผักสดสะอาด ทบทวนความรทู้ ี่ได้การเรยี นรขู้ องเดก็ - ประเมนิ พฒั นาการด้านร่างกาย - ประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ - ประเมนิ พัฒนาการดา้ นสังคม - ประเมินพัฒนาการด้านสตปิ ญั ญา ๑. รปู ร่างลกั ษณะของต้นไม้ ๒. การการขยายพันธุ์/การเจริญเติบโตของตน้ ไม้ ๓. การอนุรกั ษแ์ ละการดูแลรกั ษาต้นไม้ ๔. ประโยชน์และโทษของต้นไม้ ๕. การปลกู ต้นไม้ ๑. ประวัติของวนั ลอยกระทง ๒. ความสำคญั ของวนั ลอยกระทง ๓. วสั ดุท่ีใช้ทำกระทง ๔. การประดิษฐ์กระทงจากวสั ดธุ รรมชาติ ๕. การดแู ลตนเองในการทำกจิ กรรมลอยกระทง ๑. ชอ่ื ของดอกไมช้ นิดตา่ ง ๆ ๒. สว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอกไม้ ๓. ลักษณะและสขี องดอกไม้ ๔. ประโยชน์และโทษของดอกไม้ ๕. สถานท่ีทม่ี ดี อกไม้ ๑. ชอ่ื ของผักชนิดตา่ ง ๆ ๒. รูปรา่ ง ลักษณะและสีของผักชนิดตา่ ง ๆ ๓. วิธกี ารรับประทานผกั และรสชาติของผักชนดิ ต่าง ๆ ๔. ประโยชนข์ องผักชนิดต่าง ๆ ๕. ผลิตภัณฑ์และอาหารท่มี ีผักเปน็ ส่วนประกอบ

๘๑ สัปดาหท์ ่ี ชือ่ หนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ๑. รูปรา่ งลกั ษณะของต้นไม้ ๒6 ผลไม้ ๒. การการขยายพันธ์ุ/การเจรญิ เตบิ โตของต้นไม้ ๓. การอนุรกั ษ์และการดูแลรกั ษาตน้ ไม้ ๒7 วันพ่อแหง่ ชาติ/วัน ๔. ประโยชน์และโทษของต้นไม้ รฐั ธรรมนญู ๕. การปลูกตน้ ไม้ ๒8 กลางวนั กลางคืน ๑. ความหมายและความสำคัญของวันพอ่ ๒. สแี ละสญั ลกั ษณ์ของวันพ่อ ๒9 เวลา ๓. พระราชกรณยี กจิ สำคญั ๔. กจิ กรรมท่ที ำในวนั พอ่ 30 วันข้ึนปใี หม่ ๕. ความสำคัญของวนั รฐั ธรรมนญู ๓1 ข้าว ๑. ความหมายของกลางวัน กลางคนื ๒. ลักษณะของกลางวนั ๓. การปฏบิ ตั ิตนในเวลากลางวนั ๔. ลกั ษณะของกลางคืน ๕. การปฏบิ ัติตนในเวลากลางคนื ๑. ใน ๑ สปั ดาห์มี ๗ วนั และสีของแต่ละวัน ๒. รู้จกั ลักษณะและสว่ นประกอบของนาฬกิ า ๓. ความหมายของคำว่าวนั นี้ ๔. ความหมายของคำว่าพรุง่ น้ี ๕. ความหมายของคำวา่ เม่ือวาน ๑. ความหมายและความสำคัญของวันปใี หม่ ๒. กิจกรรมตา่ ง ๆ ที่ทำในวันปีใหม่ ๓. เพลงทีใ่ ช้ในวันปใี หม่ ๔. สถานท่ีที่จะไปเทย่ี วในวนั ปีใหม่ ๕. อาหารทน่ี ำมาเลีย้ งฉลองในวันปใี หม่ ๑. ชนิดของข้าว ๒. รปู รา่ งลกั ษณะของต้นข้าว ๓. ขัน้ ตอนการปลกู ข้าว ๔. ประโยชน์ของข้าว ๕. การดูแลและการเก็บรักษาขา้ ว

๘๒ สัปดาหท์ ี่ ชอ่ื หนว่ ย สาระการเรียนรู้ ๓2 ๓3 วนั เดก็ วนั ครู ๑. ความหมายและความสำคญั ของวนั เดก็ ๓4 ๓5 ๒. กจิ กรรมต่าง ๆ ทที่ ำในวนั เดก็ ๓6 ๓. ความหมายและความสำคัญของวันครู ๓7 ๔. สญั ลกั ษณข์ องวันครู ๕. กจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่ที ำในวันครู สัตวโ์ ลกน่ารัก ๑. ประเภทของสตั ว์ ๒. รปู ร่างลกั ษณะของสัตว์ประเภทต่าง ๆ ๓. อาหารของสัตวแ์ ต่ละประเภท ๔. ทอ่ี ยูอ่ าศัยของสัตวแ์ ตล่ ะประเภท ๕. ประโยชน์ โทษและการดแู ลสัตว์แต่ละประเภท ผีเสื้อแสนสวย ๑. วงจรชวี ิตของผเี ส้อื ๒. สว่ นประกอบของผเี สื้อ ๓. ประเภทของผีเสื้อ (กลางวันและกลางคืน) ๔. ทอี่ ยอู่ าศยั ของผีเสอ้ื ๕. ประโยชน์ของผเี ส้อื วิทยาศาสตร์น่ารู้ / ๑. วตั ถสุ ิ่งของเครอ่ื งใชข้ องเล่นทอ่ี ยู่รอบตวั การเปรียบเทียบ ทดลองวิทยาศาสตร์ ของส่งิ ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน โครงการบ้านวทิ ยาศาสตร์ ๒. การทดลองการจม การลอยของสงิ่ ตา่ ง ๆ การใชเ้ ครือ่ งมอื วทิ ยาศาสตร์ในการสังเกต (ชง่ั ตวง วัด) นอ้ ย แหง่ ประเทศไทย ๓. สำรวจตรวจสอบแรงแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงตา่ ง ๆ ๔. สำรวจการใชพ้ ลังงานใกลต้ ัวและบอกวิธกี ารใช้รวมทงั้ ประโยชนแ์ ละโทษอยา่ งเหมาะสมกับวยั (แหล่งกำเนดิ เสียง) ๕. การสงั เกตและบอกความแตกตา่ งของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ ดวงดาว ของเล่น ของใช้/บูรณา ๑. ของใช้สว่ นตวั ของเด็ก การหลักสตู รต้านทุจริตฯ ๒. ของใช้ท่ีเด็กใชร้ ่วมกนั ในห้องเรยี น ๓. อปุ กรณ์ที่ใช้ในการเรียน (เรือ่ งการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ๔. รจู้ กั ห้องเรยี นและมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน ผลประโยชน์สว่ นตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม) ๕. สนามเด็กเล่นและขอ้ ตกลงในการเลน่ สนาม อยู่อย่างพอเพียง/บรู ณา ๑. ความพอประมาณ การหลกั สูตรต้านทุจรติ ฯ ๒. ความมเี หตุผล ๓. ความรอบรู้ (เรอื่ ง STRONG / จิต พอเพยี งตอ่ ต้านการทุจริต) ๔. มภี ูมคิ ้มุ กนั ทีด่ ี ๕. คณุ ธรรมความดี

สปั ดาหท์ ่ี ชอ่ื หน่วย ๘๓ ๓8 คณติ คดิ สนุก สาระการเรียนรู้ ๓9 การส่อื สาร ๑. เรยี นรเู้ ร่ืองจำนวน ๑-2๐ ๒. การวดั เปรียบเทยี บสิง่ ของ ๓ สิง่ 40 วันมาฆบูชา/บรู ณาการ ๓. เรขาคณิต (สรา้ งผลงานจากรูปทรงเรขาคณิต) หลกั สตู รต้านทจุ ริตฯ ๔. พีชคณติ (แบบรปู ของรปู ทมี่ ีรปู รา่ ง) ๕. ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (การให้เหตผุ ล) (เรือ่ งพลเมืองกับความ ๑. ความหมายของการส่ือสาร รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม) ๒. อปุ กรณส์ ำหรับการส่อื สาร ๓. การตดิ ต่อสื่อสารด้วยอปุ กรณต์ ่าง ๆ ๔1 การคมนาคม/บูรณาการ ๔. ประโยชน์ของการสือ่ สาร หลักสตู รต้านทจุ ริตฯ ๕. ภาษาที่ใชใ้ นการส่ือสาร 1. ความหมายของวนั มาฆบชู า (เรือ่ งพลเมอื งกบั ความ 2. ความสำคญั ของวนั มาฆบชู า รบั ผิดชอบต่อสังคม) 3. เหตกุ ารณ์ท่เี กดิ ข้ึนในวันมาฆบูชา 4. กิจกรรมที่ปฏบิ ตั ิในวนั มาฆบูชา ๕. การปฏิบตั ิตนเป็นคนดี ๑. ความสำคัญของยานพาหนะ ๒. การแยกประเภทของยานพาหนะ ๓. การใชย้ านพาหนะทถ่ี ูกวิธี ๔. อันตรายจากยานพาหนะ ๕. การปฏบิ ัตติ ามกฎจราจร

๘๔ การจดั ประสบการณ์ โรงเรยี นวดั นาวงจดั ประสบการณใ์ ห้เด็กโดยบรู ณาการผา่ นการเลน่ เปน็ การบูรณาการทั้งทาง ด้าน เนื้อหาสาระ และทักษะกระบวนการ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เรียนรู้จากการลงมือกระทำ เพี่อพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ดังนั้น จึงจัดประสบการณ์ ที่ เหมาะสมให้เด็ก เพื่อกระตนุ้ ให้เกิดพัฒนาการเต็มตามศักยภาพของเดก็ แต่ละคน โดยยดึ หลักการ จัด ประสบการณต์ ามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ เป็นสำคญั ดงั นี้ หลักการจัดประสบการณ์ ๑. จดั ประสบการณก์ ารเล่นและการเรียนรู้หลากหลาย เพอื่ พฒั นาเดก็ โดยองค์รวมอย่างต่อเนือ่ ง ๒. เนน้ เดก็ เป็นสำคัญ สนองความตอ้ งการ ความสนใจ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและบริบท ของสังคมท่เี ด็กอาศัยอยู่ ๓. จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสำคัญทั้งด้านกระบวนการเรียนรู้และผลผลิตของ การเรยี นรู้ ๔. จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเน่ือง และเป็นส่วนหน่ึงของการ จดั ประสบการณ์ พร้อมทงั้ นำผลการประเมนิ มาพัฒนาเด็กอยา่ งต่อเน่อื ง ๕. ให้พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กในการ จดั ประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวยั โรงเรียนวัดนาวงมแี นวทางดำเนนิ การจัดประสบการณด์ ังนี้ แนวทางการจดั ประสบการณ์ ๑. จดั ประสบการณใ์ ห้สอดคลอ้ งกบั จิตวิทยาพัฒนาการและการทำงานของสมอง ท่เี หมาะสมกับ อายุ วุฒิภาวะ และระดบั พัฒนาการ เพอื่ ให้เด็กทกุ คนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ ๒. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทำ เรียนรู้ผ่าน ประสาทสมั ผสั ท้ังหา้ ได้เคลอื่ นไหว สำรวจ เล่น สงั เกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปญั หาดว้ ยตนเอง ๓. จดั ประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทง้ั กิจกรรม ทักษะ และสาระการเรยี นรู้ ๔. จัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเริ่มวางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำและนำเสนอความคิด โดยผ้สู อน หรือผู้จัดประสบการณ์เปน็ ผู้สนับสนนุ อำนวยความสะดวก และเรียนรูร้ ่วมกบั เดก็ ๕. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การเรยี นร้ใู นบรรยากาศท่อี บอ่นุ มคี วามสขุ และเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลกั ษณะตา่ งๆ ๖. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย และอยู่ใน วถิ ชี วี ติ ของเด็ก สอดคลอ้ งกับบริบท สังคม และวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมเด็ก ๗. จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน ตามแนวทาง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และการมวี ินัย ให้เป็นส่วนหน่ึงของ การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ๘. จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดข้ึนในสภาพจริง โดยไมไ่ ด้คาดการณ์ไว้ ๙. จัดทำสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น รายบคุ คล นำมาไตร่ตรองเพือ่ ใชป้ ระโยชนใ์ นการพัฒนาเด็กและการวิจยั ในชน้ั เรยี น

๑๐. จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชมุ ชนมสี ่วนร่วม ทงั้ การวางแผน ๘๕ สนับสนุนสอื่ แหล่งเรียนรู้ การเขา้ ร่วมกจิ กรรม และการประเมนิ พฒั นาการ การ การจัดกิจกรรมประจำวัน โรงเรยี นวดั นาวงได้กำหนดกิจกรรมประจำวันสำหรับเด็กปฐมวัยให้ครอบคลมุ พฒั นาการทุกด้าน เพื่อส่งเสริมทกั ษะพื้นฐานในชีวิตประจำวนั ของเดก็ โดยจัดใหม้ กี ิจกรรมพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ดังนี้ ๑. กจิ กรรมพัฒนากลา้ มเน้อื ใหญ่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มีร่างกายแขง็ แรง มีการทรงตัวทด่ี ี มีการยดื หยนุ่ และความคล่องแคลว่ ในการใชอ้ วัยวะต่าง ๆ ตามจงั หวะการเคล่ือนไหวและการประสานสมั พันธก์ ัน ๒. กจิ กรรมการเล่นอิสระ เพ่ือให้เด็กเลือก ตัดสินใจ คิดแก้ปญั หา คิดสรา้ งสรรค์ โดยกำหนดให้ ในแต่ละวัน เดก็ มโี อกาสเล่นอิสระกลางแจง้ อย่างน้อย ๑ ช่วั โมง : วัน ๓. กิจกรรมส่งเสริมการคดิ และความคดิ สร้างสรรค์ เพื่อให้เดก็ เกดิ ความคดิ รวยยอด การคิดเชิง เหตุผล มคี วามสามารถในการแก้ปัญหาและตัดสินใจ มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ๔. กิจกรรมพฒั นาทกั ษะทางสงั คม เพือ่ ใหเ้ ด็กได้พัฒนาลกั ษณะนสิ ัยทดี่ ี แสดงออกอยา่ ง เหมาะสม มีปฏิสัมพันธ์และอยู่ร่วมกบั ผู้อน่ื ได้อยา่ งมคี วามสขุ เดก็ ท่อี ายุนอ้ ยยงั ยึดตวั เองเป็นศูนยก์ ลาง ๕. กจิ กรรมท่ีมีการวางแผนโดยครูผู้สอน ใหค้ ดิ รวบยอดโดยครผู ู้สอน เพอื่ ให้เดก็ เกิดทกั ษะหรือ ความคดิ รวบยอดในเรอ่ื งใดเร่ืองหนง่ึ ตามสาระการเรียนรู้ทีก่ ำหนดไว้ในหลกั สูตร โรงเรียนวดั นาวงกำหนดสดั ส่วนเวลาในการพฒั นาเดก็ แต่ละวัน และตารางกจิ กรรมประจำวนั ไวด้ งั นี้ สัดสว่ นเวลาในการพัฒนาเดก็ การพฒั นา อายุ ๓ – ๔ ปี อายุ ๔ – ๕ ปี อายุ ๕ – ๖ ปี ชวั่ โมง : วนั ชัว่ โมง : วัน ชั่วโมง : วัน ๑. การพัฒนาทกั ษะพื้นฐานในชีวติ ประจำวนั (ประมาณ) (ประมาณ) (ประมาณ) ๒. การเล่นตามมุมประสบการณ/์ มุมเลน่ ๓. การคดิ และความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ ๓ ๒ ๑/๒ ๒ ๑/๔ ๔. กจิ กรรมดา้ นสังคม ๑ ๑ ๑ ๕. กิจกรรมพัฒนากลา้ มเน้ือใหญ่ ๑ ๑ ๑ ๖. กิจกรรมท่ีมกี ารวางแผนโดยผสู้ อน ๑/๒ ๓/๔ ๑ ๓/๔ ๓/๔ ๓/๔ รวม ๓/๔ ๑ ๑ ๗ ๗ ๗

วนั 08.00 – ตารางกจิ กรรมปร จันทร์ 08.30 น. อังคาร 08.30 – 09.00 – 09.30 – 10.00 พุธ โฮมรูม/เลา่ 9.00 น. 09.30 น. 10.00 น. 10.30 พฤหัสบดี เหตุการณ์ ศกุ ร์ ประจำวัน กจิ กรรม กจิ กรรม กจิ กรรม กจิ กรรม เคลอ่ื นไหว เสรมิ สรา้ งสรรค์ โฮมรมู /เลา่ และจังหวะ ประสบการณ์ เหตุการณ์ ประจำวนั กิจกรรม กจิ กรรม กิจกรรม กจิ กรรม เคลื่อนไหว เสริม สร้างสรรค์ โฮมรมู /เลา่ และจงั หวะ ประสบการณ์ เหตกุ ารณ์ ประจำวนั กจิ กรรม กจิ กรรม กิจกรรม กจิ กรรม เคลอ่ื นไหว เสรมิ สร้างสรรค์ โฮมรูม/เลา่ และจงั หวะ ประสบการณ์ เหตกุ ารณ์ ประจำวนั กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรม เคลือ่ นไหว เสรมิ สร้างสรรค์ โฮมรมู /เลา่ และจังหวะ ประสบการณ์ เหตกุ ารณ์ ประจำวัน กจิ กรรม กิจกรรม กิจกรรม กจิ กรรม เคลื่อนไหว เสริม สรา้ งสรรค์ และจังหวะ ประสบการณ์ หมายเหตุ อาจมีการปรบั เปล่ียนไดต้ ามความเหมาะสมกบั สถานการณ์ และมชี ั่วโมงเรยี

๘๖ ระจำวนั ระดบั ปฐมวัย 0– 10.30 – 11.00 – 12.00 – 14.00 – 14.30 – 15.00 น. 0 น. 11.00 น. 12.00 น. 14.00 น. 14.30 น. มเสรี กจิ กรรม กิจกรรมเกม กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร กลางแจง้ การศึกษา ต้านทจุ ริตศึกษา มเสรี กจิ กรรม กจิ กรรมเกม กิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร กลางแจง้ การศกึ ษา ต้านทจุ รติ ศึกษา มเสรี กิจกรรม พกั กจิ กรรมเกม กจิ กรรมเสริมโครงการ กลางแจ้ง รับประทาน การศึกษา บา้ นนักวิทยาศาสตร์ นอนพกั อาหาร กลางวัน นอ้ ย ประเทศไทย มเสรี กิจกรรม กิจกรรมเกม กิจกรรมเสรมิ โครงการ การศกึ ษา บ้านนักวทิ ยาศาสตร์ กลางแจง้ นอ้ ย ประเทศไทย มเสรี กิจกรรม กลางแจง้ กิจกรรมเกม กิจกรรมเสรมิ โครงการ การศกึ ษา ปลกู พลังบวกเพ่ือสรา้ ง จิตสำนึกภูมคิ ุม้ กันปจั จยั เสยี่ ง เหล้า บุหรี่ ยนภาษาองั กฤษกับครตู า่ งชาติ 1 ช่ัวโมง

๘๗ วิธกี ารจัดประสบการณ์ โรงเรียนวัดนาวงบูรณาการการเรียนรู้โดยคำนึงถึงตัวเด็กเปน็ สำคัญ เด็กแต่ละคนมีความสนใจ แตกต่างกัน จึงมีกิจกรรมการเรียนรู้ทีห่ ลากหลาย มีทั้งกิจกรรมที่ใหเ้ ด็กทำเปน็ รายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่ม ใหญ่ กิจกรรมสงบและกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว เปิดโอกาสให้เด็กริเริ่มกิจกรรม ได้มีโอกาสเลือกและปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตนเองตามความเหมาะสมกับวัย ตรงกับความสนใจและความต้องการของเด็ก ระยะเวลาจัด กิจกรรมเหมาะสมกับวัย ยืดหยุ่นได้ เน้นให้มีสื่อของจริง ให้เด็กได้มีโอกาสสังเกต สำรวจ ค้นคว้า ทดลอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นๆ และผู้ใหญ่ โดยบูรณาการการเรียนรู้ผ่านการจัด ประสบการณ์ทีส่ ำคัญ ดงั น้ี ๑. การจดั กจิ กรรมหลัก ๖ กิจกรรม ๒. การจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning 3. การจัดการเรยี นรูโ้ ดยโครงงาน (Project Approach) 4. การจัดการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ตามโครงการบา้ นนกั วิทยาศาสตร์- น้อย ประเทศไทย 5. การจัดการเรยี นรู้โดยใช้การสอนแบบ STEM 6. การจัดการเรยี นรู้โดยใชก้ ารสอนแบบ EF (Executive Functions) 7. หลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา (Anti - Corruption Education) 8. การจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้ชดุ กิจกรรมปลูกพลงั บวก เพอื่ สร้างจติ สำนกึ ภูมิคุ้มกันปัจจัยเส่ียง สำหรับเด็กปฐมวัย กิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม การจดั ประสบการณส์ ำหรับเดก็ ปฐมวัย โรงเรยี นวดั นาวงจดั กิจกรรมบูรณาการการเรียนรู้ ผ่านกจิ กรรมหลัก ๖ กจิ กรรม เพอื่ ให้เด็กไดร้ ับการพฒั นาอย่างสมดุลท้งั ๔ ด้าน คอื ร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปญั ญา ประกอบดว้ ย ๑. กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ๒. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ ๓. กิจกรรมเสรี/การเล่นตามมมุ ๔. กิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ๕. กจิ กรรมกลางแจ้ง ๖. กจิ กรรมเกมการศกึ ษา ๑. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ เปน็ กจิ กรรมท่ีจัดใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ตามจังหวะอย่างอิสระ โดยใช้เสียงเพลง คำคลอ้ งจอง เครื่องเคาะจังหวะ และอปุ กรณ์อนื่ ๆ ประกอบการ เคลื่อนไหว เพือ่ ส่งเสริมให้เดก็ เกิดจนิ ตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รู้จงั หวะและควบคมุ การเคล่อื นไหวของ ตนเองได้ จุดประสงค์ ๑. เพ่ือพัฒนาอวัยวะทุกสว่ นให้มีความสัมพันธ์กนั ในขณะเคลอื่ นไหว ๒. เพื่อให้เกดิ ความซาบซงึ้ และสนุ ทรียภาพ ๓. เพ่อื ใหก้ ล้าแสดงออก มีความเช่อื มั่นในตนเอง และมคี วามคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์

๘๘ ๔. เพ่ือฝกึ ทกั ษะในการฟังดนตรี หรือจงั หวะตา่ งๆ ๕. เพอ่ื พัฒนาด้านสังคม การปรบั ตัว การทำกิจกรรมและความร่วมมอื ในกล่มุ ๖. เพื่อฝึกการเป็นผนู้ ำและผู้ตามที่ดี ๗. เพอื่ ฝึกทกั ษะภาษา ฝึกฟงั คำสง่ั และข้อตกลง ๘. เพอื่ ใหเ้ กิดความสนกุ สนาน ผอ่ นคลายความตึงเครียดทงั้ ร่างกายและจิตใจ วสั ดอุ ุปกรณ์ ๑. เครอ่ื งประกอบจงั หวะ เช่น รำมะนา กลอง กรับ ฉิง่ ฯลฯ ๒. แถบบันทกึ เสยี งเพลง เคร่อื งเลน่ เทป ๓. อปุ กรณ์ประกอบการเคลื่อนไหว เชน่ หว่ งยาง แถบผ้า ฯลฯ แนวการจดั กิจกรรม ๑. รอ้ งเพลง ท่องคำกลอน / คำคล้องจอง และเคลอ่ื นไหวตามบทเพลง คำกลอน คำคลอ้ งจอง ๒. เคล่ือนไหวพน้ื ฐาน โดยแบ่งเปน็ ๒ ประเภท คือ เคลื่อนไหวอยู่กับท่ี และเคลอ่ื นไหว เคลื่อนที่ ๓. เล่นเคร่ืองเล่นดนตรีงา่ ยๆ ประเภท เคาะ เช่น กรับ รำมะนา กลอง ฯลฯ และเคลอ่ื นไหว ประกอบเคร่อื งดนตรี ๔. การฝึกจังหวะ โดยการใช้สว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย การทำจงั หวะด้วยเปลง่ เสยี ง ๕. ใหเ้ ด็กเคลอ่ื นไหวตามความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้อุปกรณป์ ระกอบในการเคล่อื นไหว เช่น ห่วง แถบผา้ ฯลฯ ๒. กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ เป็นกิจกรรมท่ีมงุ่ เน้นให้เด็กไดพ้ ัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกการ ทำงาน และอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มท้งั กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ เน้นใหเ้ ด็กได้รับประสบการณ์ตรงและมีโอกาสค้นพบ ด้วยตนเองให้มากที่สุด ใช้คำถามปลายเปิดที่ชวนให้เด็กคิด ช่วงระยะเวลาท่ีจัดกิจกรรมยืดหยุ่นตามความ เหมาะสมท้งั นี้คำนึงถงึ ความสนใจของเด็กและความเหมาะสมของกจิ กรรม จุดประสงค์ ๑. เพื่อใหเ้ ด็กเข้าใจเนื้อหาและเร่ืองราวในหน่วยการจดั ประสบการณ์ ๒. เพ่ือฝกึ การใชภ้ าษาในการฟัง พดู และการถ่ายทอดเร่ืองราว ๓. เพอ่ื ฝึกมารยาทในการฟัง การพูด ๔. เพ่อื ฝกึ ความมีระเบียบวนิ ัย ๕. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เรยี นรูผ้ า่ นการสงั เกต เปรียบเทียบ ๖. เพื่อส่งเสรมิ ความสามารถในการคิดรวบยอด การคดิ แกป้ ญั หาและตัดสินใจ ๗. เพ่อื ส่งเสรมิ การเรียนรูว้ ิธีแสวงหาความรู้ เกดิ การเรียนรู้จากการค้นพบด้วยตนเอง ๘. เพ่ือฝกึ ใหก้ ล้าแสดงความคดิ เห็น รว่ มแสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตุผลและยอมรับฟังความ คดิ เห็นของผอู้ ่นื ๙. เพื่อฝกึ ใหม้ ีลกั ษณะนสิ ัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ๑๐. เพ่ือฝกึ ลักษณะนสิ ยั ใหม้ ีคณุ ธรรม จริยธรรม

๘๙ แนวการจดั กิจกรรม ๑. การสนทนาหรือการอภปิ ราย เปน็ การพูดคยุ ซักถามระหวา่ งเด็กกับครู หรือเด็กกบั เดก็ เป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาด้านการพูดและการฟัง โดยการกำหนดประเด็นในการสนทนาหรือ อภิปรายเด็กจะได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ครูหรือผู้สอนเปิดโอกาสให้เด็ก ซักถาม โดยใช้คำถามกระตุ้นหรือเล่าประสบการณ์ที่แปลกใหม่ นาเสนอปัญหาท่ี ท้าทายความคิด การยกตัวอย่าง การใช้สื่อประกอบการสนทนาหรือการอภิปรายด้วยสื่อของจริง ของจำลอง รูปภาพหรือ สถานการณ์จำลอง ๒. การเล่านิทาน และการอ่านนทิ าน เป็นกจิ กรรมท่ีครหู รือผู้สอนเล่าหรืออา่ นเร่ืองราวจาก นิทาน โดยการใช้น้ำเสียงประกอบการเล่าแตกต่างตามบุคลิกของตัวละคร เลือกสาระของนิทานให้เหมาะสม กับวัย สื่อที่ใช้ได้แก่ หนังสือนิทาน หนังสือภาพ แผ่นภาพ หุ่นมือ หุ่นนิ้วมือ หรือการแสดงท่าทางประกอบ การเลา่ เรอ่ื ง โดยครูใชค้ ำถามเพื่อกระต้นุ การเรยี นรู้ ๓. การสาธติ เป็นกิจกรรมท่ีเด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยแสดงหรือทำสงิ่ ท่ีตอ้ งการ ให้เด็กได้สังเกตและเรียนรู้ตามขั้นตอนของกิจกรรมน้ันๆ และเด็กได้อภิปรายและร่วมกันสรุปการเรียนรู้ การสาธติ ใหเ้ ด็กอาสาสมัครเป็นผสู้ าธิตร่วมกบั ครูหรอื ผู้สอน เพ่อื นำไปส่กู ารปฏบิ ตั จิ ริงด้วยตนเอง เชน่ การเพาะเมล็ดพชื การประกอบอาหาร การเป่าลูกโป่ง การเลน่ เกมการศึกษา ๔. การทดลอง/ปฏิบตั กิ าร เป็นกจิ กรรมท่ีจดั ให้เด็กไดร้ ับประสบการณ์ตรง จากการลงมอื ปฏิบัติทดลอง การคิดแก้ปัญหา มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะคณิตศาสตร์ ทักษะภาษา ส่งเสริมให้เด็กเกิดข้อสงสัย สืบค้นคำตอบด้วยตนเอง ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างง่าย สรุปผล การทดลอง อภิปรายผลการทดลอง และสรปุ การเรียนรู้ โดยกจิ กรรมการทดลองวทิ ยาศาสตร์งา่ ย ๆ ๕. การประกอบอาหาร เป็นกิจกรรมที่จัดให้เดก็ ไดเ้ รยี นรูผ้ ่านการทดลองโดยเปิดโอกาสให้เดก็ ได้ลงมือทดสอบและปฏิบัติการด้วยตนเองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผัก เน้ือสัตว์ ผลไม้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ต้ม นึ่ง ผัด ทอด หรือการรับประทานสด เด็กจะได้รับประสบการณ์จากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ อาหาร การรับรรู้ สชาติและกล่นิ ของอาหาร ดว้ ยการใช้ประสาทสัมผัสและการทำงานร่วมกนั ๖. การเพาะปลกู เปน็ กิจกรรมท่เี นน้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ ซ่ึงเด็กจะ ได้เรียนรู้การบูรณาการจะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์โดยทำความเข้าใจความต้องการของสิ่งมีชีวิตในโลก และช่วยให้เด็กเข้าใจความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัวโดยการสังเกต เปรียบเทียบ และการคิดอย่าง มเี หตผุ ลซ่ึงเปน็ การเปดิ โอกาสให้เด็กได้คน้ พบและเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ๗. การศกึ ษานอกสถานท่ี เปน็ การจดั กิจกรรมทศั นศกึ ษาท่ีให้เดก็ ไดเ้ รยี นรสู้ ภาพความเปน็ จริง นอกห้องเรียน จากแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา หรือ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน เช่น ห้องสมุด สวนสมุนไพร วัด ไปรษณีย์ พิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์แก่เด็ก โดยครูและเด็กร่วมกันวางแผนศึกษาสิ่งท่ี ตอ้ งการเรียนรู้การเดนิ ทาง และสรุปผลการเรียนร้ทู ่ีไดจ้ ากการไปศึกษานอกสถานท่ี ๘. การเล่นบทบาทสมมติ เปน็ กจิ กรรมให้เด็กสมมติตนเองเปน็ ตัวละคร และแสดงบทบาท ต่างๆตามเน้ือเรื่องในนทิ าน เรื่องราวหรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ความรู้สกึ ของเด็กในการแสดง เพื่อให้เดก็ เขา้ ใจเรื่องราว ความรสู้ ึกและพฤติกรรมของตนเองและผู้อ่นื ๆ โดยใชส้ ื่อประกอบการเล่นสมมติ เช่น หุ่นสวม ศีรษะทค่ี าดศีรษะรปู คนและสัตว์รปู แบบตา่ งๆ เครอื่ งแต่งกาย และอุปกรณ์ของจริงชนิดตา่ ง ๆ ๙. การรอ้ งเพลง ทอ่ งคำคลอ้ งจอง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เดก็ ได้เรียนรูเ้ กี่ยวกับภาษา จังหวะ และการแสดงท่าทางให้สัมพันธ์กับเนื้อหาของเพลงหรือคำคล้องจอง ครูหรือผู้สอนควรเลือกให้เหมาะกับวัย ของเด็ก

๙๐ ๑๐. การเล่นเกม เป็นกิจกรรมที่นำเกมการเรยี นรเู้ พ่อื ฝกึ ทักษะการคดิ การแก้ปัญหาและ การทำงานเป็นกล่มุ เกมทน่ี ำมาเลน่ ไม่เนน้ การแข่งขัน ๑๑. การแสดงละคร เป็น กจิ กรรมทเี่ ดก็ จะได้เรียนรู้เกีย่ วกบั การลำดับเร่อื งราว การเรยี งลำดบั เหตกุ ารณ์ หรอื เร่อื งราวจากนิทาน การใช้ภาษาในการสือ่ สารของตัวละคร เพ่ือให้เด็กได้เรียนรู้ และทำความเขา้ ใจบุคลิกลักษณะของตัวละครทเี่ ด็กสวมบทบาท ๑๒. การใช้สถานการณจ์ ำลอง เป็นกิจกรรมท่เี ด็กไดเ้ รียนรู้แนวทางการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ใน สถานการณ์ทค่ี รูหรือผสู้ อนกำหนด เพ่ือให้เด็กไดฝ้ กึ การแกป้ ญั หา เชน่ น้ำทว่ ม โรคระบาด พบคนแปลกหน้า ๓. กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ เป็นกิจกรรมทชี่ ่วยใหเ้ ด็กไดแ้ สดงออกทางอารมณ์ ความรสู้ ึก ความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์และจินตนาการ โดยใช้ศิลปะ เช่น การวาดภาพระบายสี การปั้น การฉีก ตดั ปะ การพิมพ์ภาพ หรือ วิธีการอื่นๆ ที่เด็กได้ คิดสร้างสรรค์และเหมาะสมกับพัฒนาการ เช่น การเล่น พลาสติก สร้างสรรค์ จดุ ประสงค์ ๑. เพื่อพัฒนากล้ามเน้ือมอื และตาให้ประสานสัมพันธก์ ัน ๒. เพ่ือใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลิน ชนื่ ชมในส่งิ ท่ีสวยงาม ๓. เพอ่ื ส่งเสริมการปรบั ตวั ในการทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื ๔. เพื่อสง่ เสริมการแสดงออกและความมั่นใจในตนเอง ๕. เพื่อสง่ เสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรม และทกั ษะทางสังคม ๖. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษา ๗. เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะการสังเกต และการแก้ปัญหา ๘. เพื่อสง่ เสริมความคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ และจินตนาการ แนวการจดั กิจกรรม ๑. เตรียมจัดโต๊ะและอปุ กรณ์ใหพ้ ร้อม และเพยี งพอก่อนทำกจิ กรรม โดยจดั ไว้หลายๆ กิจกรรมและอย่างนอ้ ย ๓–๕ กจิ กรรม เพือ่ ใหเ้ ดก็ มีอิสระในการเลือกทำกจิ กรรมที่สนใจ ๒. สร้างข้อตกลงในการทำกจิ กรรม เพ่ือฝึกให้เดก็ มีวินยั ในการอยู่ร่วมกนั ๓. การจดั ให้เด็กทำกิจกรรม ใหเ้ ดก็ เลอื กทำกิจกรรมอยา่ งมรี ะเบียบ และทยอยเข้า ทำกจิ กรรมโดยจัดโต๊ะละ ๕–๖ คน ๔. การเปล่ียนและหมนุ เวยี นทำกจิ กรรม ต้องสรา้ งข้อตกลงกบั เดก็ ให้ชัดเจน เช่น หาก กิจกรรมใดมเี พ่อื นครบจำนวนท่ีกำหนดแลว้ ใหค้ อยจนกว่าจะมีที่วา่ ง หรอื ใหท้ ำกจิ กรรรมอ่ืนกอ่ น ๕. กจิ กรรมใดเปน็ กิจกรรมใหม่ หรอื การใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ใหม่ ครจู ะต้องอธิบายวิธกี ารทำ วิธีการใช้ วิธีการทำความสะอาด และการเก็บของเข้าท่ี ๖. เมอื่ ทำงานเสรจ็ หรือหมดเวลา ควรเตอื นให้เดก็ เกบ็ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้เข้าที่ และชว่ ยกนั ดแู ลห้องใหส้ ะอาด

๙๑ ๔. กิจกรรมเสรี / เล่นตามมุม กจิ กรรมเสรี เปน็ กิจกรรมท่เี ปิดโอกาสใหเ้ ดก็ เล่นอิสระตามมมุ ประสบการณ์ทีจ่ ดั ไว้ เช่น มมุ บลอ็ ก มมุ หนงั สือ มมุ ร้านค้า มมุ บ้าน มมุ วทิ ยาศาสตร์ เป็นตน้ มมุ ประสบการณ์ตา่ งๆ เหลา่ นีเ้ ด็กมีโอกาส เลอื กเล่น ได้อยา่ งเสรี ตามความสนใจ และความต้องการของเด็กทงั้ เป็นรายบุคคลและเปน็ กลุ่มยอ่ ย ให้เด็กมี โอกาสคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง การจัดกิจกรรมให้เด็กเลือกทำกิจกรรมอย่างอิสระ โดยเลือกทำกิจกรรม สร้างสรรค์อย่างน้อย ๑–๒ อย่าง ในแต่ละวัน สังเกตพฤติกรรมของเด็กและดูแลอย่างใกล้ชิดขณะเด็กเล่น สับเปลยี่ นหรือเพมิ่ เติมสื่อเคร่อื งเล่นในแต่ละมุมประสบการณ์เป็นระยะ จุดประสงค์ ๑. เพ่ือส่งเสรมิ พัฒนาการดา้ นกล้ามเน้ือใหญ่ กล้ามเนอ้ื เลก็ และการประสานสัมพันธร์ ะหว่าง มอื กบั ตา ๒. เพอื่ ส่งเสรมิ ให้รจู้ ักปรบั ตัวอยู่รว่ มกบั ผอู้ ื่น มวี ินยั เชงิ บวก รู้จักการรอคอย เอือ้ เฟื้อเผ่ือแผ่ และใหอ้ ภยั ๓. เพื่อสง่ เสริมให้เดก็ มีโอกาสปฏิสัมพนั ธก์ บั เพื่อน ครู และสิ่งแวดล้อม ๔. เพื่อสง่ เสริมใหเ้ ด็กพัฒนาการทางด้านภาษา ๕. เพื่อส่งเสริมใหเ้ ดก็ มีนิสยั รกั การอ่าน ๖. เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้เด็กเกดิ การเรียนรู้ด้วยตนเองจากการสำรวจ การสงั เกต และการทดลอง ๗. เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้เดก็ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจนิ ตนาการ ๘. เพ่ือสง่ เสริมการคิดแก้ปัญหา การคดิ อย่างมเี หตผุ ลเหมาะสมกับวัย ๙. เพ่ือสง่ เสริมให้เด็กฝกึ คิด วางแผน และตดั สินในการทำกจิ กรรม ๑๐. เพื่อส่งเสริมใหเ้ ดก็ มที กั ษะพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ ๑๑. เพือ่ ฝกึ การทำงานร่วมกัน ความรบั ผิดชอบ และระเบยี บวินยั แนวการจัดกิจกรรม ๑. แนะนำมุมเลน่ ใหม่ เสนอแนะวิธใี ช้ การเล่นของเลน่ บางชนิด ๒. เดก็ และครรู ว่ มกันสรา้ งข้อตกลงเกย่ี วกบั การเล่น ๓. ครูเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ คดิ วางแผน ตัดสินใจเลือกเล่นอยา่ งอสิ ระ เลอื กทำกจิ กรรมท่ีจัดขน้ึ ตามความสนใจของเดก็ แต่ละคน ๔. ขณะเด็กเล่น/ทำงาน ครอู าจช้ีแนะ หรือมีส่วนรว่ มในการเล่นกับเดก็ ได้ ๕. เดก็ ตอ้ งการความช่วยเหลือและคอยสังเกตพฤตกิ รรมการเลน่ ของเด็กพร้อมทั้งจดบันทกึ พฤติกรรมที่น่าสนใจ ๖. เตือนให้เดก็ ทราบลว่ งหนา้ กอ่ นหมดเวลาเล่น ประมาณ ๓–๕ นาที ๗. ใหเ้ ดก็ เกบ็ ของเลน่ เขา้ ที่ใหเ้ รียบร้อยทุกคร้งั เม่ือเสรจ็ สิ้นกิจกรรม ๕. กจิ กรรมกลางแจ้ง กิจกรรมกลางแจง้ เป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เด็กมโี อกาสออกไปนอกห้อง เพื่อออกกำลังเคลือ่ นไหว รา่ งกาย และแสดงออกอยา่ งอสิ ระ โดยยดึ ความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็นหลกั ใหโ้ อกาส เด็กเลือกเลน่ กลางแจ้งอย่างอิสระทกุ วัน โดยครคู อยดแู ลอยา่ งใกล้ชดิ หม่นั ตรวจเครื่องเลน่ สนามและอปุ กรณ์ ตา่ งๆ ใหอ้ ยู่ในสภาพทป่ี ลอดภยั และใช้การไดด้ ีอยู่เสมอ หลังเลิกกจิ กรรมใหเ้ ด็กไดพ้ กั ผ่อนหรอื นั่งพกั

๙๒ กจิ กรรมกลางแจง้ ท่ีจดั ให้เดก็ ในแต่ละวัน ได้แก่ ๑. การเล่นเคร่ืองเล่นสนาม ๒. การเล่นทราย ๓. การเล่นน้ำ ๔. การเล่นสมมตุ ใิ นบา้ นจำลอง ๕. การเลน่ ในศูนย์ชา่ งไม้ ๖. การเลน่ กับอุปกรณ์กีฬา ๗. การเลน่ เกมการละเลน่ จดุ ประสงค์ ๑. เพือ่ พฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญ่ กลา้ มเน้ือเลก็ และการประสานสมั พนั ธ์ของอวัยวะตา่ ง ๆ ๒. เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ๓. เพ่ือสง่ เสริมให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียด ๔. เพอ่ื ปรบั ตวั เล่นและทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น ๕. เพื่อเรียนรู้การระมัดระวัง รักษาความปลอดภยั ทัง้ ของตนเองและผู้อ่ืน ๖. เพ่ือฝึกการตดั สินใจ และแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง ๗. เพ่อื ส่งเสริมให้มีความอยากรอู้ ยากเหน็ ส่ิงต่างๆ ทแี่ วดล้อมรอบตัว ๘. เพื่อพฒั นาทักษะการเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น การสังเกต การเปรียบเทียบ การจำแนก ฯลฯ แนวการจัดกิจกรรม ๑. เดก็ และครูร่วมกันสรา้ งขอ้ ตกลง ๒. จดั เตรียมวัสดุอปุ กรณ์ประกอบการเล่นให้พร้อม ๓. สาธติ การเลน่ เครื่องเล่นสนามบางชนิด ๔. ใหเ้ ด็กเลือกเล่นอิสระตามความสนใจและให้เวลาเล่นนานพอควร ๕. จดั กิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับวัย เช่น การเล่นน้ำ เลน่ ทราย เลน่ บ้านตุ๊กตา เล่นในมุม ช่างไม้ เลน่ บลอ็ กกลวง เครอื่ งเลน่ สนาม เกมการละเล่น เล่นอุปกรณ์กฬี สำหรับเดก็ เลน่ เครื่องเล่นประเภท ลอ้ เลอ่ื น เลน่ ของเลน่ พนื้ บ้าน ๖. ขณะเดก็ เล่นต้องคอยดแู ลความปลอดภยั และสังเกตพฤติกรรมการเลน่ การอยรู่ ่วมกัน กับเพอื่ นของเดก็ อยา่ งใกล้ชดิ ๗. เม่อื หมดเวลาควรใหเ้ ดก็ เก็บของใช้หรอื ของเล่นใหเ้ รยี บร้อย ๘. ให้เดก็ ทำความสะอาดรา่ งกายและดแู ลเคร่อื งแตง่ กายใหเ้ รยี บรอ้ ยหลงั เล่น ๖. กจิ กรรมเกมการศึกษา เกมการศกึ ษา เป็นเกมการเล่นท่ีช่วยพฒั นาสตปิ ญั ญา มกี ฎเกณฑก์ ติกาง่ายๆ สามารถเลน่ คนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้ ช่วยให้เด็กรู้จักสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกับสี รูปร่าง จำนวน ฯลฯ การเล่นเกมการศึกษาในระยะแรกเรม่ิ ใช้ของจรงิ การเล่นเกมในแต่ละวนั ให้เด็กได้เล่นท้ังเกมชุด ใหม่และชดุ เกา่ จัดใหเ้ ด็กหมนุ เวยี นเล่นเกมตามความเหมาะสม การเลน่ เกมเมอ่ื เลิกเลน่ แล้วจัดเก็บรวมไว้เป็น ชดุ ๆ

๙๓ จุดประสงค์ ๑. เพื่อฝกึ ทกั ษะการสังเกต จำแนกและเปรียบเทียบ ๒. เพอื่ ฝึกการแยกประเภท การจัดหมวดหมู่ ๓. เพอื่ สง่ เสริมการคิดหาเหตุผล และตดั สินใจแก้ปัญหา ๔. เพ่ือสง่ เสริมให้เด็กเกดิ ความคดิ รวบยอดเกยี่ วกับสิ่งทไี่ ดเ้ รยี นรู้ ๕. เพ่ือสง่ เสรมิ การประสานสมั พนั ธ์ระหว่างมือกับตา ๖. เพ่ือปลูกฝงั คุณธรรมและจรยิ ธรรมต่างๆ เชน่ ความรับผิดชอบ ความเอ้อื เฟ้ือเผอ่ื แผ่ แนวการจดั กจิ กรรม ๑. แนะนำกจิ กรรมใหม่ ๒. สาธิต / อธบิ าย วิธเี ล่นเกมอย่างเป็นขนั้ ตอนตามประเภทของเกม ๓. ใหเ้ ดก็ หมนุ เวียนเขา้ มาเลน่ เปน็ กลุ่ม หรือรายบุคคล ๔. ขณะทเี่ ดก็ เลน่ เกม ครูเปน็ เพยี งผแู้ นะนำ ๕. เม่อื เดก็ เลน่ เกมแต่ละชุดเสร็จเรียบร้อย ควรให้เดก็ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งด้วยตนเอง หรือร่วมกนั ตรวจกับเพอื่ น หรือครเู ปน็ ผู้ชว่ ยตรวจ ๖. ใหเ้ ดก็ นำเกมท่ีเล่นแล้วเก็บใสก่ ลอ่ ง เข้าท่ีใหเ้ รียบร้อยทกุ ครง้ั ก่อนเลน่ เกมชดุ อ่นื การจดั การเรียนรู้แบบ Active Learning โรงเรียนวัดนาวงจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการเรียน การสอนที่เนน้ ให้เด็กมีส่วนร่วม และมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติทีห่ ลากหลายรูปแบบ เชน่ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ การระดมสมอง การแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ และการทำกรณศี กึ ษา เปน็ ตน้ โดยกจิ กรรมทนี่ ำมาใช้ควรช่วยพฒั นาทกั ษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ การสอื่ สาร/นำเสนอ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสม บทบาทของเด็กนอกจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว ข้างตน้ แลว้ ยงั ตอ้ งมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับครูและเดก็ กับเด็กด้วยกันดว้ ย ครูควรลดบทบาทในการถา่ ยทอดความรู้แก่ เด็กในลักษณะการบรรยายลง และเพม่ิ บทบาทในการกระตนุ้ ให้เด็กมีความกระตือรือรน้ ทจ่ี ะทำกิจกรรมต่างๆ รวมถงึ การจัดเตรยี มสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมในการเรียนรู้ ลกั ษณะของการเรียนรู้แบบ Active Learning 1. เปน็ การพัฒนาศกั ยภาพการคดิ การแก้ปัญหาและการนำความร้ไู ปประยุกต์ใช้ 2. เด็กมีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ โดยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันใน รปู แบบของความร่วมมอื มากกว่าการแข่งขัน 3. เปดิ โอกาสให้เดก็ มสี ว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรู้สูงสุด 4. เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศสู่ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะหแ์ ละประเมินค่า 5. เดก็ ได้เรียนรู้ความมวี นิ ัยในการทำงานรว่ มกบั คนอื่น 6. ความรเู้ กิดจากประสบการณแ์ ละการสรุปของเดก็ 7. ครูเปน็ ผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้เพ่ือให้เด็กเป็นผ้ปู ฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง

๙๔ การจดั การเรียนรู้โดยโครงการ (Project Approach) โรงเรียนวดั นาวงจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยนำรปู แบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยโครงการ (Project Approach) เพื่อส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ที่สนใจ ให้โอกาสเด็กได้ค้นพบ และ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงกับเร่ืองราว สิ่งของ บุคคล สถานที่หรือชุมชนที่แวดล้อมตัวเด็ก ตามวิธีการของ ตนเอง กล้าคิด กล้าแสดงออก โดยครูเป็นผู้สนับสนุน ช่วยเหลือและจัดเตรียมสภาพแวดล้อมรวมท้ังสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ท้ังนี้กำหนดให้ครูผู้สอนช้ันอนุบาลปีที่ ๑ ,๒ และ ๓ จัดการเรียนรู้โดยโครงการ ปีการศึกษาละ ๑ โครงการ โดยมกี ระบวนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยโครงการ ๓ ระยะ ดังน้ี ระยะที่ ๑ ทบทวนความรู้และความสนใจ เด็กและครูใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอภิปรายเพื่อเลือกและปรับหัวเรื่องที่จะทําการสืบค้น หัวเร่ืองอาจเสนอโดยเด็ก ครู หรอื ครูและเดก็ รว่ มกัน โดยใช้หลักในการเลอื กหัวเร่อื ง ดังน้ี ๑. เลือกหวั เรือ่ งทีเ่ กี่ยวกับประสบการณ์ทเ่ี ดก็ มอี ยู่ทุกวัน อย่างน้อยเดก็ ประมาณ ๒–๓ คน ควรจะคุ้นเคยกับหัวเรือ่ ง และจะช่วยในการตงั้ ประเดน็ คาํ ถามเก่ียวกับหวั เรื่อง ๒. เลือกหัวเรื่องที่มีคุณค่าสําหรับการเรียนรู้ของเด็ก และมีแหล่งข้อมูลในท้องถิ่น เพยี งพอที่จะใหเ้ ดก็ ทําโครงการ ๓. ทักษะพื้นฐานทางการรู้หนังสือและจํานวน ควรบูรณาการอยูในหัวเรื่องที่ทําโครงการ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และภาษา เช่น การถามคําถาม การนับ การทํากราฟ การสังเกต การเขียนภาพ การสงั เกตด้วยการวาดภาพ การสร้าง การป้นั การประดิษฐ์ ๔. หัวเรื่องที่เลือกควรใช้เวลาทําโครงการได้อยางน้อย ๑ สัปดาห์และเหมาะที่จะทํา การสํารวจ ค้นคว้าที่โรงเรียนมากกวาดที่บ้าน เมื่อได้หัวเรื่องแล้วครูควรเริ่มทําแผนท่ีทางความคิด (mind map) หรือใยแมงมุม (Web) เพื่อระดมความคิดร่วมกับเด็กในหัวเรื่องน้ี และจัดแสดงแผนที่ทาง ความคิดที่ทําไว้ภายในชั้นเรียน ข้อมูลต่างๆที่ได้สามารถใช้ในการสรุป อภิปรายระหว่างทําโครงการ และยัง สามารถเชื่อมโยง ไปยังหัวเร่ือง ย่อยได้อีก นอกจากนี้ในช่วงอภิปรายระดมความคิดครูจะทราบว่าเด็กมี ประสบการณใ์ นหวั เรือ่ ง เพยี งใด ตามความเหมาะสมของวัย เช่น เด็กปฐมวัยอาจใชก้ ารเขยี นภาพ เลน่ บทบาท สมมติ ฯลฯ ครู จะเป็นผู้ช่วยให้เด็กเสนอคําถามที่ต้องการสืบค้นหาคําตอบ จดหมายเกี่ยวกับหัวเรื่องที่จะ สืบค้นถูกส่งไปยังบ้านของเด็ก ครูจะเป็นผู้กระตุ้นให้พ่อแม่พูดกับเด็กเก่ียวกับหัวเรื่อง เพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ครูจะชี้แนะวิธีสืบค้นเพื่อให้เด็กแต่ละคนได้ทํางานตามศักยภาพโดยใช้ทักษะพื้นฐาน ทางการ สรา้ ง การวาดภาพ ดนตรี และบทบาทสมมติ ระยะท่ี ๒ คน้ ควา้ และมปี ระสบการณ์ใหม่ เปน็ งานในภาคสนาม ประกอบด้วยการสบื ค้นตามแหล่งข้อมลู ต่างๆ ระยะนี้ถอื เปน็ หัวใจของ โครงการ ครูจะเป็นผู้จัดหา จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น ไม่ว่าจะเป็นของจริง หนังสือ วัสดุ อุปกรณ์ ต่างๆ หรือแม้แต่การออกไปศึกษานอกสถานที่หรือนัดหมายผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรท้องถิ่น เพื่อให้เด็กทําการ สืบค้นสังเกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกสิ่งที่พบเห็นอาจมีการเขียนภาพที่เกิดจากการ สังเกต จัดทํากราฟ แผนภมู ิ ไดอะแกรม หรอื สรา้ งแบบตา่ งๆ สาํ รวจ คาดคะเน มีการอภิปราย เล่นบทบาทสมมติ เพ่อื แสดงความ เขา้ ใจในความรูใ้ หม่ที่ได้ (Katz,1994) ระยะที่ ๓ ประเมิน สะท้อนกลับ และแลกเปลย่ี นงานโครงการ เป็นระยะสรุปเหตุการณ์ รวมถึงการเตรียมการเสนอรายงานและผลที่ได้ในรูปของ การจัดแสดง การค้นพบ และจัดทําสิ่งต่างๆ สนทนา เล่นบทบาทสมมติ หรือจัดนําชมสิ่งทีไ่ ด้จากการก่อสรา้ ง ครูจะจัดให้เด็กได้แลกเปล่ียนสิ่งที่ตนเรียนรู้กับผู้อ่ืน เด็กสามารถช่วยกันเล่าเรื่องการทํา โครงการให้ผู้อื่นฟงั โดยจัดแสดงส่ิงท่ีเปน็ จุดเด่นใหเ้ พื่อนในชั้นเรียนอื่น ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง และ ผู้บริหารได้เห็น ครูจะช่วยเด็ก

๙๕ เลือกวัสดุอุปกรณ์ท่ีจะนํามาแสดง ซึ่งการทําเช่นนี้เท่ากับช่วยให้เด็ก ทบทวนและประเมินโครงการทั้งหมด ครูอาจเสนอให้เด็กได้จนิ ตนาการความรู้ใหม่ท่ีได้ ผ่านทาง ศิลปะ ทางละคร สุดท้ายครูนําความคดิ และความ สนใจของเดก็ ไปสู่การสรปุ โครงการและอาจ นําไปสู่หัวเรื่องใหมข่ องโครงการตอ่ ไป (Katz,1994) การสอนแบบโครงการ เป็นการสอนวิธีหนึ่งในหลายๆวิธีที่มีอยู่ ทําให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ช่วยบูรณาการความรู้ ทักษะ และนาํ เสนออย่างเปน็ ทางการในห้องเรียน เดก็ ไดป้ ระยกุ ต์และใช้ส่ิงท่ีตนเรียนรู้ แกป้ ญั หา และเปลย่ี นส่ิงท่ีทราบ พฒั นาทกั ษะการทํางานร่วมกับผอู้ น่ื และท้าทายใหเ้ ด็กคิด เปน็ การสนับสนุน พัฒนาการเด็กทางด้านสมอง เด็กมักจะมีคําถามของตนเองและสนใจที่จะเรียนรู้ใช้ แหล่งข้อมูลต่างๆ รวมทั้งตัวครูในการหาคําตอบ ครูควรจะรบั ฟังสิง่ ทีเ่ ดก็ พูดและส่ิงท่ีเด็กถามอย่าง จริงใจ ผลสําเร็จของการทาํ โครงการจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิม สิ่งแวดล้อม ความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของเด็กเป็นอย่าง มาก การสอนแบบโครงการน่าจะเป็นหนทางหนึง่ สําหรับครู ที่จะสนับสนุนใหเ้ ด็กได้เรียนรู้อย่างกระตือรือรน้ อยา่ งมคี วามหมายต่อเดก็ และนาํ ครไู ปสูก่ ารสอนที่มปี ระสิทธิภาพได้ทางหน่งึ การจัดการเรียนรู้โดยใชก้ ารสอนแบบ STEM โรงเรียนวัดนาวงจัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยนำรปู แบบการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้แบบ STEM ระดับปฐมวัย หมายถึง การจัดสภาพการณ์ให้เด็กปฐมวัย เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง (Active Learning) ซึ่งใช้การบูรณาการสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ในกระบวน การจดั การเรียนรู้ มลี กั ษณะการจัดการเรียนรู้ ๕ ประการ ได้แก่ ๑. จัดการเรยี นรทู้ ่ีเนน้ การบูรณาการ ๒. เช่อื มโยงระหวา่ งเนื้อหาทัง้ ๔ กับชวี ิตประจำวันและการทำอาชพี ๓. พฒั นาทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ๔. จัดกจิ กรรมให้ท้าทา้ ยความคิดของเดก็ ปฐมวัย ๕. เปิดโอกาสให้เด็กได้สืบค้น นำเสนอผลงาน แสดงความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจท่ี สอดคล้องกับเนื้อหาเป็นการสร้างประสบการณ์ ผ่านการเล่นและการปฏิบัติให้เห็นจริงควบคู่กับการพัฒนา ทักษะการคิด ตั้งคำถาม การสืบค้น การรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆและเด็กต้องการโอกาส นำเสนอผลงานท่ีผา่ นการคดิ ท่ีเหมาะสมกบั ระดบั พฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย องคป์ ระกอบของ STEM ทเ่ี หมาะสมกับเดก็ ปฐมวยั การจัดการเรียรู้แบบสะเต็ม(STEM) เร่ิมต้ังแต่ระดับการศึกษาปฐมวัย เมื่อพิจารณจาก ประสบการณ์ของเด็กปฐมวยั มรี ายละเอียดที่เกี่ยวข้อง สาขาวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และ วศิ วกรรมศาสตร์ ดงั นี้ วิทยาศาสตร์ เด็กปฐมวัยให้ความสนใจกับวิทยาศาสตร์โดยธรรมชาติของเด็กปฐมวัยเป็นนกั สำรวจ สนใจธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมต่างๆรอบตัว สังเกตและตั้งคำถาม อะไร ทำไม อย่างไร เกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์กายภาพ อาทิ ลักษณะของวัตถุที่มีน้ำหนัก รูปร่าง ขนาด พื้นผิว สี รูปทรง อุณหภูมิ โดยใช้ ประสาทสัมผัส การเคล่ือนท่แี ละแรงจากการผลัก การเป่าและการยก เด็กปฐมวยั เรียนรู้ชีวิตของพืชและสตั ว์ ในระบบนิเวศ คณิตศาสตร์ สำหรับความสนใจด้านคณิตศาสตร์ในเด็กปฐมวัยเกี่ยวขอ้ งกับเรื่อง การจำแนก รปู รา่ ง รูปทรง(พ้ืนฐานเรขาคณติ ) การเปรียบเทียบและการวัด การจดั ลำดบั การนับจำนวน และการใช้ตัวเลข การรวมเขา้ ด้วยกนั การหยิบออก และการแบ่งส่ิงของให้เพื่อน การเรียนรคู้ ณิตศาสตรส์ ่วนใหญ่เรียนรู้ผ่านการ เลน่ สำหรบั พีชคณิตในระดับปฐมวยั เรียนรู้จากการจำแนก และการแบง่ ประเภทหรอื เรยี กว่าการจัดหมวดหมู่ ของวัตถุ ส่วนเรือ่ งเรขาคณิตน้ันเดก็ ปฐมวัยเรยี นรู้เกยี่ วกบั มติ ิ ตำแหน่ง ผ่านการเลน่ บล็อกและการเล่นอืน่ ๆ

๙๖ เทคโนโลยี เด็กปฐมวัยเรียนรู้ผ่านเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันและของเล่นต่างๆเช่น รถยนต์ เครอ่ื งบิน เรอื ยนต์ การมีประสบการณ์จากส่ิงของเคร่อื งใช้ที่เปน็ เทคโนโลยี เชน่ การถา่ ยภาพ การบันทกึ วีดีโอ การใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน การใช้อุปกรณ์เครื่องครัว สำหรับการเรียนรู้ผ่านการใช้ เทคโนโลยีในชน้ั เรียนและจากอุปกรณ์ประกอบการทดลองง่ายๆ เช่น แว่นขยาย หลอดหยด ฯลฯ วิศวกรรมศาสตร์ เด็กปฐมวัยมีประสบการณ์ผ่านงานทางวิศวกรรมศาสตร์ในชีวิตประจำวัน จากส่ิงแวดลอ้ มรอบตัว เชน่ การสร้างสะพาน การทำพ้ืนให้เอยี ง การทำถนนที่มีความโค้ง การสร้างลิฟต์ ฯลฯ กระบวนการจดั การเรยี นร้แู บบสะเต็มระดบั การศกึ ษาปฐมวยั กระบวนการจัดการเรียนรู้มีหลายรูปแบบ สามารถจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการเกี่ยวข้อง สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ครูปฐมวัยสามารถเลือกนำมาใช้ให้ เหมาะสมกับหัวเรอื่ งทเี่ ด็กสนใจ ความพร้อมของครู และบริบทของโรงเรียน ๑. กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based) ๒. การบวนการเรียนร้แู บบโครงการเป็นฐาน (Project Based) ๓. กระบวนการเรียนรเู้ ชงิ วิศวกรรม ๔. การสำรวจแบบสะเต็ม ๕. การจดั การเรียนรู้ทศั นศึกษาแบบสะเต็ม ๖. การจดั การเรยี นรู้แบบสะเต็มกลางแจ้ง ๗. การจดั การเรยี นรู้แบบสะเตม็ อยา่ งงา่ ย ๘. การจัดศูนย์การเรยี นแบบสะเต็ม ๙. การจดั การเรียนรู้แบบสะเต็มในกิจกรรมทำอาหาร ๑๐. การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มในการเล่นตอ่ บลอ็ ก ๑๑. การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มในกจิ กรรมศิลปะ ๑๒. การจัดการเรียนรู้แบบสะเตม็ ในกิจกรรมดนตรี การจดั การเรียนการสอนแบบ STEM เป็นการบรู ณาการการเรียน วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม เน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การพัฒนากระบวนการหรือ ผลผลิตใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวติ และการทำงาน เด็กสามารถสร้างความเชื่อมโยงที่ไม่เน้นเพียง การท่องจำ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจผ่านการปฏิบัติให้เห็นจริง ควบคู่การพัฒนาทักษะการคิด ตั้งคำถาม แก้ปัญหาและการหาข้อมูล วิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ พร้อมทั้งสามารถนำข้อคน้ พบนัน้ ไปใช้หรอื บูรณาการกับ ชวี ิตประจำวนั ได้ การจัดการเรียนรู้โดยใชก้ ารสอนแบบ EF (Executive Functions) โรงเรียนวัดนาวงจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยนำรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EF ในระดับปฐมวัย เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวกับทักษะการคิดเพื่อให้ชีวิตสำเร็จ ประกอบด้วย ๙ ด้าน โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา เชน่ การยับยง้ั ความคดิ การแก้ปัญหา การ วางเป้าหมาย การวางแผน รวมถึงการปฏิบตั ติ ามคำสั่งที่ซำ้ ซ้อน กระบวนการทางปัญญาเหลา่ น้สี ามารถพัฒนา ได้ในวยั เด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมทีต่ ้องใชท้ ักษะด้านสงั คม อารมณ์ และร่างกายเพื่อส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่น การเล่นดนตรี องคป์ ระกอบ 9 ดา้ น EF ๑. ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (working Memory) คือ ทักษะจำหรือเก็บข้อมูลจาก ประสบการณท์ ผี่ ่านมา และดงึ มาใช้ประโยชน์ตามสถานการณท์ ่พี บเจอ

๙๗ ๒. ทักษะการยับยั้งชั่งใจ-คิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) คือความสามารถในการควบคุม ความต้องการใหอ้ ย่ใู นระดบั ทเี่ หมาะสม เดก็ ทข่ี าดความยบั ยง้ั ชัง่ ใจจะเหมือนรถท่ีขาดเบรก อาจทำสิ่งใดโดยไม่ คิดมปี ฏิกิรยิ าในทางที่กอ่ ให้เกดิ ปญั หาได้ ๓. ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive Flexibility) คือความสามารถในการยืดหยุ่น หรอื ปรับเปลยี่ นใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ทเ่ี กิดข้ึนได้ ไมย่ ึดตายตวั ๔. ทกั ษะการใส่ใจจดจอ่ (Focus/Attention) คอื ความสามารถในการใส่ใจจดจ่อ มุ่งความสนใจ อยกู่ ับสิง่ ที่ทำอย่างตอ่ เนอ่ื งในช่วงเวลาหนง่ึ ๕. การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control) คือความสามารถในการควบคุม แสดงออกทาง อารมณ์ตวั เองไม่ได้ มักเป็นคนโกรธเกร้ยี ว ฉนุ เฉยี ว และอาจมีอาการซึมเศร้า ๖. การประเมินตัวเอง (Self Monitoring) คือการสะท้อนการกระทำของตนเอง รู้จักตนเอง รวมถงึ การประเมนิ การงานเพื่อหาข้อบกพร่อง ๗. การริเริ่มและลงมือกระทำ (Initiatiog) คือความสามารถในการริเริ่มลงมือทำตามที่คิด ไม่กลวั ความลม้ เหลว ไมผ่ ดั วันประกนั พรงุ่ ๘. การวางแผนและการจดั ระบบดำเนินการ (Planning and Organizing) คือทักษะการทำงาน ต้ังแต่ตั้งเป้าหมาย การวางแผน การมองเห็นภาพรวม ซึ่งเด็กที่ขาดทักษะนี้จะวางแผนไม่เป็น ทำให้งาน มปี ญั หา ๙. การมุ่งเป้าหมาย (Goal Directed Persistence) คือ ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย เม่อื ต้งั ใจและลงมือทำส่ิงใดแล้ว กม็ คี วามมุ่งมั่นอดทน ไม่วา่ จะมีอุปสรรคใดๆ กพ็ รอ้ มฝ่าฟันใหส้ ำเรจ็ การสอนแบบ EF เปน็ ทกั ษะที่พัฒนามนุษย์ให้ คิดเป็น วเิ คราะหเ์ ป็น แก้ปัญหาเป็น อยกู่ ับคนอ่ืน เปน็ และมคี วามสขุ เปน็ ในโลกแหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ ผ่านทักษะ ๙ ด้าน ๓ องค์ประกอบของ EF บนฐานการจัด ประสบการณ์ ในกิจกรรมในชวี ิตประจำวนั และส่งผลเด็กรู้จักบริหาร จดั การ และควบคมุ อารมณ์ของตนเอง ใหแ้ สดงออกมาอยา่ งเหมาะสมควบคกู่ บั ความมีจริยธรรมเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชีวิตต่อไป การจัดการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ตามโครงการบ้านนกั วิทยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย โรงเรียนวัดนาวงได้ใชร้ ูปแบบการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้สังเกต สำรวจ ค้นคว้า ทดลอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง รู้จักคิด มีความคิดสร้างสรรค์ ให้โอกาสเด็กได้ใช้ความคิดของตนเองได้มากที่สุด ผ่าน กิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์ในโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” ซึ่งกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้ประกอบด้วย ๕ ข้ันตอน คือการสร้างความสนใจ (Engagement) การสำรวจและค้นหา (Exploration) การอธิบาย (Explanation) การขยายความรู้ (Elaboration) และการประเมินผล (Evaluation) ทั้งน้ีกจิ กรรมท่ีจะให้นกั เรียนสำรวจตรวจสอบ จะต้องเชื่อมโยงกับความคิดเดิม และนำไปสกู่ ารแสวงหาความรู้ ใหม่และได้ใช้กระบวนการและทักษะตา่ ง ๆ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งโรงเรียนวดั นาวงได้ ประยุกตข์ ้นั ตอนของกระบวนการสืบเสาะหาความรู้เพ่ือให้เหมาะสมกบั สำหรบั เดก็ ปฐมวัย ดังนี้ ขน้ั ที่ ๑ ผเู้ รียนมสี ่วนรว่ มในการต้ังคำถามเชงิ วทิ ยาศาสตร์อย่างง่ายๆ ขนั้ ที่ ๒ ผ้เู รียนทำการสำรวจตรวจสอบเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสงั เกต สำรวจ สืบคน้ หรอื ทดลอง และ บนั ทกึ ผลการสำรวจตรวจสอบด้วยวิธีทเี่ หมาะสมกับวัย ขนั้ ท่ี ๓ ผเู้ รยี นตอบคำถามท่ีตงั้ ข้นึ โดยใช้ผลจากการสำรวจตรวจสอบมาสร้างคำอธบิ าย ที่มีเหตุผล

๙๘ ขั้นท่ี ๔ การนำเสนอผลการสำรวจตรวจสอบใหก้ บั ผอู้ ่นื ดว้ ยวิธีทเี่ หมาะสมกับวยั และ ความสามารถ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education) โรงเรียนวัดนาวงได้ใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมและป้องกันการทุจริตให้แก่เด็ก เป็นการสร้างพลเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ ประเทศชาติ และเพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซง่ึ เนอื้ หาของหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา “การป้องกันการทุจริต” ประกอบด้วย ๔ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ๑. การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เด็กมีความรู้ความ เข้าใจสามารถคิดแยกแยะ ตระหนักและเห็นความสำคัญในการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม เชน่ บอกความหมายของของใช้สว่ นตัวและของใช้สว่ นรวมได้ จำแนกของใช้ส่วนตัวและ ของใช้ส่วนรวมได้ และปฏิบตั ติ นในการใช้ของใช้ส่วนตัวและของใช้สว่ นรวมได้ถูกต้อง เปน็ ต้น ๒. ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต เด็กมีความรู้ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติตน ตระหนักและมีความละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เช่น บอกความหมายของความละอายและ ความไม่ทนต่อการทุจริตได้ บอกวธิ ีในการเก็บของเลน่ ให้เปน็ ระเบียบเรียบร้อยเป็นตวั อย่างให้แก่บุคคลอื่นได้ บอกโทษของการนำของผู้อ่นื มาเป็นของตนโดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต เป็นต้น ๓. Strong : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต ประกอบไปดว้ ย S (Sufficient) : ความพอเพียง T (Transparent) : ความโปรง่ ใส R (Realize) : ความต่ืนรู้ O (Onward) : มุ่งไปขา้ งหน้า N (Knowledge) : ความรู้ G (Generosity) : ความเอ้อื อาธร เดก็ มคี วามรู้ความเข้าใจ ปฏิบัตติ นเป็น Strong : จิตพอเพียงต้านทุจริต ตระหนักและเห็นความสำคัญของ Strong และมีจิตพอเพียงต้านทุจริตทุกรูปแบบ เช่น บอกความหมายของความพอเพียง ความโปร่งใส บอกวิธีการรับประทานอาหารอย่างพอเพียง แบ่งปัน และเคารพกตกิ าข้อตกลงของการรับประทานอาหาร บอกวธิ ีการใช้กระดาษอย่างประหยัดได้ เป็นต้น ๔. พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม เด็กมีความรู้ความเข้าใจ ปฏิบัติตน ตระหนักและเหน็ ความสำคัญของการเป็นพลเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการปอ้ งกันการทุจริต เช่น แต่งกายได้ ดว้ ยตนเอง บอกข้อควรปฏบิ ตั ิในการเรยี นในหอ้ งเรียน บอกประโยชน์ของการต้ังใจเรียน เป็นต้น การจดั การเรียนรู้โดยใชช้ ุดกิจกรรมปลูกพลังบวก เพ่อื สรา้ งจิตสำนึก ภมู คิ ุ้มกนั ปัจจัยเส่ียงสำหรับ เดก็ ปฐมวัย โรงเรยี นวัดนาวงไดใ้ ช้ชุดกิจกรรมปลูกพลังบวก เพื่อสร้างจิตสำนึก ภูมิคุ้มกันปัจจัยเส่ียงสำหรบั เด็กปฐมวัย เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยการป้องกันให้เด็ก เยาวชน ไม่มีปัจจัยเสี่ยง เรื่องสุราและบุหรี่ โดย พฒั นาเด็กใหม้ ีสุขภาพดี มีทักษะชีวติ มที กั ษะการคิด มเี หตผุ ล รเู้ ทา่ ทนั ปจั จัยเสีย่ งและสามารถแยกแยะสิ่งท่ีดี กับสิ่งไม่ดี รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดี มีสติรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง แสดงอารมณ์อย่างถูกต้องตามกาลเทศะ ตลอดจนสามารถและจัดการกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นโดยใช้ปัญญาในการดำรงชวี ิต ซึ่งการลดพฤติกรรม เสี่ยงตอ้ งเรม่ิ ต้ังแตช่ ว่ งปฐมวัยและหลกั การสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว การใชห้ ลักศาสนาเปน็ เคร่ืองหล่อ หลอมการทำดี เป็นต้นแบบที่ดีต่อสมาชิกในครอบครัว ชุมชนและสังคม ซึ่งการเสริมสร้างความตระหนักรู้ ชใี้ ห้เห็นโทษ พิษภยั ของเหลา้ บุหรี่ เปน็ การเน้นยำ้ ด้วยทักษะวิธีของครูผ้สู อนซึง่ เป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิบตั ิ

๙๙ การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรยี นรู้ โรงเรียนวัดนาวงตระหนักและเห็นความสำคัญของการจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมบรรยากาศการ เรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นอยา่ งยิ่ง เนื่องจากธรรมชาติของเด็กในวัยนี้สนใจที่จะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และ ต้องการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตวั ดังน้ัน การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความต้องการของ เด็ก จึงมีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่เป็น ประสบการณ์ตรงท่ีเกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า จึงจำเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้ สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการ เพื่อสง่ ผลใหบ้ รรลุจุดหมายในการพฒั นาเด็ก การจัดสภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศการเรยี นรู้ของเด็กปฐมวัย โรงเรยี นวดั นาวง คำนึงถงึ สิ่งต่อไปนี้ ๑. ความสะอาด ความปลอดภัย ๒. ความมอี ิสระอย่างมีขอบเขตในการเล่น ๓. ความสะดวกในการทำ กิจกรรม ๔. ความพรอ้ มของอาคารสถานท่ี เชน่ หอ้ งเรยี น หอ้ งนํ้าหอ้ งสว้ ม สนามเดก็ เล่น ฯลฯ ๕. ความเพียงพอเหมาะสมในเรื่องขนาด นา้ํ หนกั จำนวน สีของส่อื และเคร่อื งเลน่ ๖. บรรยากาศในการเรียนรู้ การจัดทเ่ี ลน่ และมุมประสบการณ์ต่าง ๆ โรงเรียนวดั นาวงจึงกำหนดหลักการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนรู้ภายในและภายนอก หอ้ งเรียนไว้ ดังนี้ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนรู้ภายในหอ้ งเรียน จัดบรรยากาศที่เน้นความเป็นระเบียบ สะอาด สวยงาม ปลอดภัย มีมุมประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้เอือ้ ต่อการพัฒนาการและการจัดการเรียนรู้ของเด็ก จัดให้มีที่ว่างให้เด็กๆ สามารถทำกิจกรรมได้อยา่ ง สะดวก เน้นให้ห้องเรียนมีแสงสว่างและสีสันสบายตา มีตู้สำหรับเก็บของใช้ส่วนตวั ของเด็กแต่คนเพ่ือปลกู ฝัง ความมีวินัย ความเป็นระเบียบ และการรู้จักเก็บรักษาของใช้ของตนเอง ซึ่งจัดแบ่งพื้นท่ีให้เหมาะสมกับการ ประกอบกจิ กรรมตามหลักสตู ร ดังนี้ ๑. พ้ืนท่ีอำนวยความสะดวกเพื่อเด็กและผู้สอน ๑.๑ ที่แสดงผลงานของเด็ก จัดเป็นแผ่นป้าย หรือทีแ่ ขวนผลงาน ๑.๒ ทเี่ ก็บแฟ้มผลงานของเดก็ จัดทำเปน็ กลอ่ งหรือจดั ใส่แฟ้มรายบุคคล ๑.๓ ที่เก็บเคร่อื งใช้ส่วนตวั ของเด็ก ทำเปน็ ช่องตามจำนวนเด็ก ๑.๔ ท่ีเกบ็ เครื่องใชข้ องผู้สอน เช่น อุปกรณ์การสอน ของส่วนตัวผู้สอน ฯลฯ ๑.๕ ป้ายนิเทศตามหน่วยการสอนหรือสง่ิ ทเี่ ด็กสนใจ ๒. พื้นทป่ี ฏิบตั ิกิจกรรมและการเคล่ือนไหว จดั พ้นื ท่ที เี่ ดก็ สามารถจะทำงานไดด้ ้วยตนเอง และทำกิจกรรมดว้ ยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุม่ ใหญ่ เด็กสามารถเคลอ่ื นไหวได้อยา่ งอิสระจากกจิ กรรม หนึ่งไปยังกิจกรรมหนงึ่ โดยไมร่ บกวนผู้อ่ืน ๓. พื้นที่จดั มมุ เล่นหรือมุมประสบการณ์ จดั แยกส่วนทีใ่ ชเ้ สียงดงั และเงียบออกจากกัน เช่น มุมบล็อกอยู่ห่างจากมุมหนังสือ มมุ บทบาทสมมติอยตู่ ิดกับมมุ บล็อก มมุ วิทยาศาสตรอ์ ยู่ใกล้มมุ ศิลปะ ฯลฯ จดั ใหม้ ีของเล่น วัสดุอุปกรณใ์ นมุมอยา่ งเพียงพอต่อการเรยี นรู้ของเด็ก

๑๐๐ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรยี นรภู้ ายนอกห้องเรียน จัดสภาพภายนอกห้องเรียนตามแนวโรงเรียนน่าดู น่าอยู่ น่ามอง มีการจัดสวนหย่อมประเภท สวนผักสวนครัวเพื่อเปน็ ตัวอย่างแก่เด็กและชุมชน มีแปลงเกษตรพชื สมุนไพร มีต้นไมก้ ารเรียนรู้ ฝาผนังพูดได้ มีมุมบ้านหลังน้อย สนามเด็กเล่นเพื่อสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้อยู่กลางธรรมชาติ เรียนรู้อย่างมีความสุข สอดคลอ้ งกับพัฒนาการตามวัย ซงึ่ จดั แบง่ พ้ืนทใ่ี หเ้ หมาะสมกบั การประกอบกิจกรรมตามหลกั สูตร ดังน้ี ๑. บรเิ วณสนามเด็กเลน่ จัดพน้ื ผิวของสนามท่ีไม่เปน็ อันตรายต่อเด็ก มีพ้นื ท่สี ำหรบั เลน่ ของ เล่นท่ีมีล้อ รวมทั้งท่ีร่ม ที่โล่งแจ้ง พื้นดินสำหรับขุด ที่เล่นนํ้า บ่อทรายพร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น เคร่อื งเล่นสนามสำหรับปนี ปา่ ย ทรงตัว ฯลฯ ทั้งนไ้ี ม่ตดิ กบั บรเิ วณท่ีมอี ันตราย และหมน่ั ตรวจตราเคร่ืองเล่นให้ อยใู่ นสภาพแขง็ แรง ปลอดภยั อยเู่ สมอ และหม่นั ดูแลเร่ืองความสะอาด ๒. ทนี่ ่ังเลน่ พักผ่อน จดั ทนี่ งั่ ไว้ใต้ตน้ ไม้มีรม่ เงา สำหรับใช้จดั กิจกรรมกลุ่มยอ่ ย ๆ หรอื กจิ กรรม ทีต่ ้องการความสงบ หรือจัดเปน็ ลานนทิ รรศการใหค้ วามรู้แก่เดก็ และผปู้ กครอง ๓. บรเิ วณธรรมชาติ ปลูกไมด้ อก ไม้ประดับ และพชื ผักสวนครัว สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ส่ือพฒั นาการเรียนรู้ โรงเรียนวัดนาวงจัดให้มีส่ือเพื่อสนับสนุนและส่งเสรมิ การเรียนรู้ของเดก็ สื่อประกอบการจัดกิจกรรม เพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยท้งั ทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา โดยจดั ใหม้ สี ื่อท้งั ท่ีเป็นประเภท ๒ มิติ และ ๓ มิติ ท่เี ปน็ ส่ือของจรงิ สื่อธรรมชาติ ส่อื ที่อยใู่ กล้ตัวเด็ก ส่ือสะทอ้ นวัฒนธรรม สื่อที่ปลอดภัยต่อ ตัวเด็ก สอ่ื เพ่ือพัฒนาเด็กในด้านต่างๆให้ครบทุกด้าน ส่ือทเี่ ออื้ ใหเ้ ด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า โดยการ จัดการใช้สื่อเริ่มต้นจาก สื่อของจริง ภาพถ่าย ภาพโครงร่าง และ สัญลักษณ์ ใช้สื่อเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจและความต้องการของเด็กที่หลากหลาย โรงเรียนวัดนาวงมุ่งเน้นให้ เด็กๆได้เรียนรู้จากสือ่ ท่ีมีความหลากหลายและได้เรยี นรู้ทัง้ ในและนอกห้องเรียนและในชุมชน เพื่อเน้นให้เด็ก สร้างองคค์ วามรทู้ ีเ่ กดิ จากการได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ ทัง้ น้ี โรงเรยี นได้จัดส่ือสำหรบั เด็กปฐมวัย ดงั น้ี ๑. สื่อที่ได้จากการจัดซื้อ จดั หา เช่น หนังสือนิทาน เกมการศกึ ษา ของเลน่ เครือ่ งดนตรี เคร่ืองกฬี า ๒. สอ่ื ประเภทท่ีครูผู้สอนจัดทำ เชน่ สอ่ื ประจำหน่วยการเรยี นรู้ ๓. สอ่ื ท่ไี ด้รับการบริจาคจากผ้ปู กครอง เช่นต๊กุ ตา เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ เส้อื ผ้า ท่ีเป็นของจริง ๔. สื่อวสั ดุธรรมชาติจากชุมชน ๕. ส่ือประเภทเทคโนโลยี อาทิ เครื่องเลน่ เทป วีดิทศั น์ คอมพิวเตอร์ ๖. สือ่ ท่ีเปน็ ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ในการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้สำหรบั เดก็ ปฐมวยั โรงเรยี นวัดนาวงกำหนดใหม้ กี าร ใชส้ ือ่ ในกิจกรรมและมุมประสบการณต์ ่างๆ ดงั น้ี กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ สอ่ื มดี ังน้ี ๑. เคร่ืองเคาะจงั หวะ เช่น ฉง่ิ เหล็กสามเหลีย่ ม กรับ รำมะนา กลอง ฯลฯ ๒. อุปกรณ์ประกอบการเคล่ือนไหว เช่น หนังสือพมิ พ์ รบิ บนิ้ หว่ ง หวาย ถงุ ทราย ฯลฯ กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ /กจิ กรรมในวงกลม สือ่ มีดงั น้ี ๑. ส่ือของจรงิ ท่ีอยูใ่ กลต้ วั และสอื่ จากธรรมชาติหรือวัสดุท้องถนิ่ เช่น ตน้ ไม้ ใบไม้ เปลือกหอย เส้ือผ้า ฯลฯ

๑๐๑ ๒. สื่อท่ีจำ ลองขนึ้ เช่น ลกู โลก ตุ๊กตาสตั ว์ ฯลฯ ๓. สอ่ื ประเภทภาพ เช่น ภาพพลิก ภาพโปสเตอร์ หนงั สือภาพ ฯลฯ ๔. สอื่ เทคโนโลยี เช่น วิทยุ เครื่องบนั ทึกเสียง เครื่องขยายเสียง โทรศัพท์ ฯลฯ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ มวี ัสดุ อุปกรณ์ ดงั น้ี ๑. การวาดภาพและระบายสี - สเี ทยี นแท่งใหญ่ สีไม้ สีชอล์ก สนี ้าํ - พ่กู ันขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒) - กระดาษ - เสือ้ คลุม หรือผา้ กนั เป้ือน ๒. การเล่นกบั สี - การเป่าสี มี กระดาษ หลอดกาแฟ สีนํา้ - การหยดสี มี กระดาษ หลอดกาแฟ พู่กัน สีนํา้ - การพบั สี มี กระดาษ สีนํ้า พู่กัน - การเทสี มี กระดาษ สนี ้ํา - การละเลงสี มี กระดาษ สนี ้ํา แป้งเปียก ๓. การพมิ พ์ภาพ - แมพ่ มิ พต์ ่าง ๆ จากของจริง เช่น นิ้วมอื ใบไม้ ก้านกลว้ ย ฯลฯ - แมพ่ มิ พ์จากวสั ดอุ ื่น ๆ เชน่ เชอื ก เสน้ ด้าย ตรายาง ฯลฯ - กระดาษ ผา้ เชด็ มอื สีโปสเตอร์ (สีน้ํา สีฝนุ่ ฯลฯ) ๔. การป้นั เช่น ดินนาํ้ มนั ดนิ เหนยี ว แปง้ โดว์ แผ่นรองปน้ั แมพ่ ิมพร์ ูปตา่ ง ๆ ไมน้ วดแป้ง ๕. การพับ ฉกี ตดั ปะ เช่น กระดาษ หรือวสั ดุอ่ืนๆที่จะใช้พบั ฉกี ตดั ปะ กรรไกรขนาดเลก็ ปลายมน กาวน้ําหรอื แป้งเปียก ผา้ เชด็ มอื ๖. การประดิษฐ์เศษวสั ดุ เช่น เศษวสั ดตุ ่าง ๆ มกี ล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผา้ เศษไหม กาว กรรไกร สี ผา้ เช็ดมือ ๗. การรอ้ ย เช่น ลูกปดั หลอดกาแฟ หลอดด้าย ฯลฯ ๘. การสาน เชน่ กระดาษ ใบตอง ใบมะพรา้ ว ฯลฯ ๙. การเล่นพลาสตกิ สร้างสรรค์ พลาสติกชิ้นเล็ก ๆ รปู ทรงต่าง ๆ สามารถนำมาต่อเป็น รปู แบบต่าง ๆ ตามความต้องการ ๑๐. การสร้างรูป เช่น จากกระดานปกั หมุด จากแปน้ ตะปทู ่ีใชห้ นังยางหรอื เชือกผกู ดงึ ให้เป็น รูปรา่ งตา่ ง ๆ กิจกรรมกลางแจ้ง สอื่ มีดงั น้ี ๑. เครื่องเล่นสนาม เช่น เครอื่ งเลน่ สำหรบั ปีนป่าย เคร่ืองเล่นประเภทล้อเลื่อน ฯลฯ ๒. ที่เลน่ ทราย มที รายละเอยี ด เครอ่ื งเล่นทราย เครอ่ื งตวง ฯลฯ ๓. ท่เี ล่นน้ํา มีภาชนะใส่นา้ํ หรืออ่างน้าํ วางบนขาตั้งทม่ี ั่นคง ความสูงพอทเ่ี ด็กจะยืนไดพ้ อดี เสื้อคลุมหรอื ผ้ากนั เป้อื นพลาสตกิ อปุ กรณ์เลน่ น้ํา เช่น ถ้วยตวง ขวดต่างๆสายยาง กรวยกรอกน้าํ ต๊กุ ตายาง เกมการศึกษา สื่อประเภทเกมการศกึ ษามีดงั นี้ ๑. เกมจบั คู่ - จบั ครู่ ปู ร่างท่ีเหมอื นกนั - จับคภู่ าพเงา - จบั คู่ภาพท่ีซ่อนอยู่ในภาพหลกั - จบั คู่สิง่ ทมี่ คี วามสัมพันธก์ นั ส่งิ ท่ีใชค้ กู่ ัน

๑๐๒ - จบั คภู่ าพส่วนเต็มกบั สว่ นย่อย - จบั ค่ภู าพกับโครงรา่ ง - จบั คู่ภาพช้นิ ส่วนที่หายไป - จบั คูภาพทเ่ี ปน็ ประเภทเดียวกนั - จบั คภู่ าพทีซ่ ่อนกนั - จบั คูภ่ าพสัมพนั ธแ์ บบตรงกันขา้ ม - จับคภู่ าพท่ีสมมาตรกนั - จับคู่แบบอุปมาอุปไมย - จบั คู่แบบอนุกรม ๒. เกมภาพตดั ต่อ - ภาพตัดตอ่ ทส่ี มั พันธก์ บั หน่วยการเรยี นตา่ ง ๆ เช่น ผลไม้ ผัก ฯลฯ ๓. เกมจัดหมวดหมู่ - ภาพสงิ่ ตา่ ง ๆ ที่นำมาจัดเป็นพวก ๆ - ภาพเก่ยี วกับประเภทของใช้ในชวี ติ ประจำวนั - ภาพจัดหมวดหมู่ตามรปู รา่ ง สี ขนาด รปู ทรงเรขาคณิต ๔. เกมวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) - โดมโิ นภาพเหมือน - โดมโิ นภาพสมั พนั ธ์ ๕. เกมเรยี งลำดับ - เรียงลำดบั ภาพเหตุการณ์ตอ่ เนอ่ื ง - เรยี งลำดับขนาด ๖. เกมศึกษารายละเอียดของภาพ (ลอตโต) ๗. เกมจบั คแู่ บบตารางสัมพนั ธ์ (เมตริกเกม) ๘. เกมพ้นื ฐานการบวก กจิ กรรมเสรี /การเล่นตามมุม มีสอื่ ประกอบการเรยี นรูใ้ นมุมประสบการณ์ ประกอบดว้ ย ๑. มมุ บทบาทสมมติ จัดเปน็ มมุ เล่น ดังน้ี ๑.๑ มมุ บ้าน - ของเลน่ เครอ่ื งใช้ในครัวขนาดเลก็ หรอื ของจำลอง เช่น เตา กะทะ ครก กาน้ํา เขยี ง มีดพลาสตกิ หมอ้ จาน ชอ้ น ถ้วยชาม กะละมัง ฯลฯ - เครือ่ งเล่นตกุ๊ ตา เสือ้ ผ้าตุ๊กตา เตยี ง เปลเดก็ ตกุ๊ ตา - เครอ่ื งแต่งบ้านจำลอง เช่น ชุดรบั แขก โต๊ะเคร่ืองแปง้ หมอนองิ กระจกขนาด เหน็ เต็มตวั หวี ตลับแปง้ ฯลฯ - เครื่องแตง่ กายบคุ คลอาชีพต่าง ๆ ทใ่ี ชแ้ ล้ว เช่น ชุดเคร่ืองแบบทหาร ตำรวจ ชุดเส้อื ผา้ ผใู้ หญช่ ายและหญงิ รองเท้า กระเปา๋ ถือที่ไม่ใชแ้ ลว้ ฯลฯ - โทรศพั ท์ เตารีดจำลอง ทีร่ ดี ผ้าจำลอง - ภาพถ่ายและรายการอาหาร ๑.๒ มุมหมอ - เคร่ืองเล่นจำลองแบบเครอื่ งมือแพทย์และอุปกรณ์การรกั ษาผู้ป่วย เช่น หฟู ัง เสื้อคลุมหมอ ฯลฯ - อุปกรณส์ ำหรับเลยี นแบบการบันทึกข้อมูลผปู้ ว่ ย เช่น กระดาษ ดินสอ ฯลฯ ๑.๓ มุมร้านค้า - กล่องและขวดผลิตภัณฑ์ต่างๆท่ีใช้แลว้ - อุปกรณป์ ระกอบการเลน่ เชน่ เครื่องคิดเลข ลกู คิด ธนบัตรจำลอง ฯลฯ

๑๐๓ ๒. มุมบลอ็ ก - ไม้บลอ็ กหรือแท่งไมท้ ี่มขี นาดและรปู ทรงต่างๆกนั จำนวนตั้งแต่ ๕๐ ชิน้ ขึน้ ไป - ของเล่นจำลอง เชน่ รถยนต์ เคร่อื งบนิ รถไฟ คน สตั ว์ ต้นไม้ ฯลฯ - ภาพถา่ ยต่างๆ - ทีจ่ ัดเกบ็ ไม้บล็อกหรอื แท่งไม้อาจเป็นชนั้ ลังไมห้ รือพลาสติก แยกตามรูปทรง ขนาด ๓. มมุ หนังสือ - หนังสอื ภาพนิทาน สมดุ ภาพ หนังสือภาพที่มีคำ และประโยคส้ัน ๆพร้อมภาพ - ชนั้ /ท่วี างหนังสอื - อุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ใี ช้ในการสรา้ งบรรยากาศการอา่ น เชน่ เสอื่ พรม หมอน ฯลฯ - สมุดเซ็นยืมหนังสือกลับบ้าน - อุปกรณ์สำหรับการเขียน - อุปกรณ์เสรมิ เชน่ เครือ่ งเลน่ เทป ตลบั เทปนิทานพรอ้ มหนังสือนิทาน หูฟัง ฯลฯ ๔. มุมวทิ ยาศาสตร์ หรือมุมธรรมชาติศึกษา - วัสดุต่าง ๆ จากธรรมชาติ เช่น เมล็ดพืชต่าง ๆ เปลือกหอย ดิน หนิ แร่ ฯลฯ - เครื่องมอื เครื่องใชใ้ นการสำรวจ สงั เกต ทดลอง เชน่ แว่นขยาย แมเ่ หลก็ เขม็ ทิศ เคร่ืองชัง่ ฯลฯ แหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย โรงเรียนวัดนาวงจัดแหล่งเรยี นร้เู พือ่ ส่งเสรมิ การเรยี นร้สู ำหรับเด็กปฐมวัย แบ่งเป็นแหล่งเรยี นร้ภู ายใน โรงเรียน และแหล่งเรยี นรู้ภายนอกโรงเรยี น ซ่ึงประกอบดว้ ยบคุ คลและสถานท่ี โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ แหล่งเรียนรู้ ในชมุ ชนและภูมิปญั ญาท้องถิน่ โดยโรงเรียนมีวตั ถุประสงคใ์ นการใช้แหล่งเรียนร้สู ำหรบั เด็กปฐมวยั ดังนี้ ๑. เพื่อขยายความคดิ ในการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ให้กวา้ งขวางขน้ึ ๒. เพื่อสนับสนนุ ให้จดั ประสบการณ์การเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกับหลักสตู รและเปน็ การจัดการ เรียนรูต้ ามแนวปฏิรูปการเรียนรู้ 3. เพอ่ื สนับสนนุ การใชแ้ หล่งเรียนรทู้ ่มี ีอยู่แล้วใหเ้ กดิ คณุ ค่าต่อการเรยี นรู้ของผเู้ รียนอย่างแทจ้ รงิ ๔. เพอ่ื กระตนุ้ และพัฒนาการจดั ประสบการณ์การเรียนรทู้ ่ีสอดคล้องกบั ท้องถนิ่ และเปน็ ระบบมากขึ้น ๕. เพอ่ื ส่งเสรมิ ความสัมพันธ์ทด่ี ีระหว่างโรงเรยี นและชุมชน แหล่งเรียนรสู้ ำคัญที่โรงเรียนใช้จัดประสบการณ์การเรยี นร้สู ำหรบั เด็กปฐมวัย มดี งั น้ี แหลง่ เรียนรภู้ ายในโรงเรยี น ๑. วัดนาวง ๒. รา้ นคา้ สหกรณ์ 3. หอ้ งวิทยาศาสตร์ ๔. หอ้ ง ICT ๕. หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพวิ เตอร์ ๑ ๖. หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ ๒ ๗. ห้องปฏบิ ัติการทางภาษา ๘. หอ้ งดนตรี

๑๐๔ ๙. หอ้ งนาฎศิลป์ ๑๐. หอ้ งสมุด แหลง่ เรียนรภู้ ายนอกโรงเรยี น 1. ตลาดนำ้ นครรังสิต 2. พิพธิ ภัณฑ์การเกษตรเฉลมิ พระเกียรติฯ นวนคร จ.ปทุมธานี 3. เมอื งทองธานี 4. มหาวิทยาลัยรังสติ 5. สวนสนุกดรีมเวิลด์ 6. เกาะรตั นโกสินทร์ 7. สวนสัตวด์ สุ ติ จ.กรุงเทพมหานคร 8. ซาฟารีเวลิ ล์ 9. พิพิธภัณฑ์กองทพั อากาศ 10. อนุสรณส์ ถานแหง่ ชาติ 11. ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ทอ้ งฟ้าจำลองรงั สิต 12. พพิ ธิ ภัณฑธ์ รณวี ิทยา การประเมินพัฒนาการ โรงเรียนวัดนาวงถือว่าการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนการต่อเนื่องและเป็นส่วนหนง่ึ ของกิจกรรมปกติตามตารางกิจกรรมประจำวันและครอบคลุมพัฒนาการของเดก็ ทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา เพ่ือนำผลมาใช้ในการจัดกิจกรรมหรอื ประสบการณ์พัฒนาเด็กให้เต็มตาม ศักยภาพของแต่ละคน โดยยึดหลักการและข้ันตอนการประเมินพัฒนาการตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซ่งึ มีรายละเอียด ดังนี้ หลักการประเมนิ พฒั นาการ ๑. ประเมินพัฒนาการของเด็กครบทุกด้านและนำผลมาพัฒนาเดก็ ๒. ประเมินเป็นรายบคุ คลอย่างสม่ําเสมอตอ่ เนื่องตลอดปี ๓. สภาพการประเมินควรมลี ักษณะเช่นเดียวกับการปฏิบัติกจิ กรรมประจำวัน ๔. ประเมนิ อย่างเป็นระบบ มีการวางแผน เลอื กใชเ้ ครอ่ื งมือและจดบันทกึ ไว้เป็นหลกั ฐาน ๕. ประเมินตามสภาพจรงิ ดว้ ยวิธีการหลากหลายเหมาะกบั เด็ก รวมทง้ั ใช้แหล่งข้อมลู หลายๆ ด้าน ไมใ่ ชก่ ารทดสอบ ขัน้ ตอนการประเมินพฒั นาการ การประเมนิ พัฒนาการเด็กปฐมวัย มีขัน้ ตอนตา่ งๆ ดงั ต่อไปนี้ ๑. ศึกษาและทำความเขา้ ใจพัฒนาการของเด็กในแตล่ ะชว่ งอายุทกุ ดา้ น ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และ สติปญั ญา ๒. วางแผนเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือทเ่ี หมาะสมสำหรับใช้บันทกึ และประเมนิ พัฒนาการ ๓. ดำเนินการประเมินและบนั ทกึ พัฒนาการ ๔. ประเมนิ และสรุป ๕. รายงานผล ๖. ใหผ้ ู้ปกครองมีส่วนรว่ มในการประเมนิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook