แต่ส่ ำ�ำ หรับั จังั หวัดั ในภาคใต้ฝ้ั่ง� อ่า่ วไทยจะไม่ม่ ีลี มหนาว เพราะลมหนาวที่่พ� ัดั ผ่า่ นอ่า่ วไทย จะพาความชื้�นจากทะเลไปด้ว้ ย กลายเป็็นลมฝนหรืือพายุุฝนแทน สิ่�งที่่�มาพร้อ้ มกัับลม กสิกิ รรมธรรมชาติิ 140
เมอ่ื ลมพดั ผา นตน ไม และใบของตน ไมจ ะชว ยกรองฝนุ ดดู ซบั กลน่ิ ซบั เสยี ง และชว ยลด แรงลม แตต นไมท่มี ีความสูงระดับเดยี ว ก็จะชว ยลดปญหามลภาวะไดแคใ นระดับความสงู นน้ั ๆ ลมกายสมั ผัส คอื ลมในระยะความสูง 0-3 เมตร ซึง่ เปน ความสูงทคี่ รอบคลุมความสูง ของคน เปนลมทีม่ ผี ลตอตวั คน ท้ังเรอื่ งความเย็น กลิ่น เสยี ง ละอองฝน และฝุน เราจงึ ควรปลูก ตน ไมทีม่ คี วามสงู ครอบคลุมทุกระดบั ต้ังแตไมเลอื้ ยเรีย่ ดนิ พุม เต้ียจนถึงไมใ หญท ่สี ูงถึง 3 เมตร เพอื่ ใหต นไมชวยลดมลพิษตางๆ กอนมาถึงตวั เรา 4. ไฟ (แสงแดด) ในประเทศไทยเราจะเห็นแสงอาทิตยเคล่ือนตัวจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกแบบ ออ มใต8เดือนโดยเฉพาะในชวงฤดูหนาวจะยงิ่ ออมใตมากขึ้นฤดหู นาวดวงอาทติ ยจ ะขนึ้ ชาและ ตกเร็ว ชวงกลางวนั จงึ สนั้ กวาปกตแิ ละแสงแดดรอ นจัดมาก เพราะระยะทางจากดวงอาทิตยก บั พ้นื โลกอยใู กลก นั กวาในฤดูอ่นื การที่ตะวันออ มใตทําใหทิศตะวันตก จะรับแดดรอนจัดแคเพยี ง 3-4 ชว่ั โมงในหนง่ึ วนั แตท ศิ ใตจ ะรอ นตลอดทง้ั วนั ดงั นน้ั การเลอื กตาํ แหนง เพอ่ื วางโครงสรา งใดๆ ไมว าจะเปนบา น คอกสัตว แปลงผกั ฯลฯ ท้งั ตองการรบั แสงหรือเลีย่ งแสง ก็จาํ เปนตองดเู รือ่ ง ทิศเปน หลกั ดวย 5. พืช (การวางผงั เพือ่ ปลกู พชื ใน โคก หนอง นา) 5.1 การเลือกพนั ธุพ ชื ควรเลือกปลูกพันธุไมท อ งถ่นิ โดยสงั เกตจากตน ไมเดมิ ท่มี ีในพ้ืนที่ เนื่องจากตน ไมนัน้ จะมีความสามารถในการตานทานโรคและแมลงสงู เจริญเตบิ โตในสภาพแวดลอ มน้นั ๆไดดี กลา พนั ธมุ รี าคาถกู หางา ย และยงั ถอื เปน การอนรุ กั ษพ นั ธพุ ชื ทอ งถน่ิ อกี ดว ย แตห ากตอ งการปลกู ไม ตางถิ่น ตองศึกษาทําความเขาใจ และเลือกพันธุไมที่เหมาะสมกับภูมิประเทศของพื้นที่ เชน ตน สกั ไมช อบนา้ํ ขงั หากพน้ื ทม่ี นี า้ํ ทว มเปน ประจาํ กค็ วรเลย่ี งการปลกู ตน สกั แตค วรปลกู ไมท นนา้ํ เชน ยางนา มะฮอกกานี เปนตน กสิิกรรมธรรมชาติิ 141
5.2 การกาํ หนดระยะปลูกและตาํ แหนงปลกู การวางผงั ปลกู พชื ในแนวทาง โคก หนอง นา คอื การสรา งปา 3 อยา ง ประโยชน 4 อยา ง และการปลกู ไม 5 ระดับ (+1 คือพืชน้าํ ) ขอ มลู ทค่ี วรทราบกอ นเลอื กพนั ธไุ มม าปลกู เพอ่ื กาํ หนดระยะปลกู ไมใ หต น ไมบ งั แสงกนั และงา ยตอ การดูแลรกั ษา คอื 1. ความสูงของตนไมเมือ่ โตเต็มที่ 2. เสนผานศนู ยกลางทรงพุม ของตนไมเม่อื โตเตม็ ที่ โดยเราจะกาํ หนดตําแหนงปลกู จาก 1. ความตอ งการแสงของตนไม 2. ความตอ งการน้ําของตนไม การกําหนดระยะปลูก ควรเริ่มจากตนไมระดับสูงที่มีขนาดใหญที่สุดกอนแลวคอยไล ระดบั ลงมา สาํ หรบั ไมส งู ควรเวน ระยะหา งแตล ะตน 6-8 เมตรขน้ึ ไป และตอ งไมน อ ยกวา 5 เมตร ระหวา งไมส งู ควรปลกู ไมก ลาง (ไมผ ล) เพอ่ื ใหไ ดร บั แสงจากดา นบน และมที ว่ี า งรอบตน เพยี งพอ ในการตัดแตงกิ่งและเก็บเกี่ยวผลผลิต เพราะไมผลตองตัดแตงกิ่งเสมอเพื่อใหไดผลผลิตที่ดี สวนไมเตี้ย ไมเรี่ยดินและหัวใตดิน ใหเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีแสงและความชื้นเหมาะกับชนิด พืชนั้นๆ เชนชอบรมก็ปลูกใตไมสูง ชอบแดดก็ปลูกกลางแดด สวนไม+1 คือ พวกไมนํ้าตางๆ เชน บวั สาย ผกั บงุ ผกั กระเฉด กสิกิ รรมธรรมชาติิ 142
ในเรื่อ�่ งความต้้องการน้ำ�ำ� ถ้้าเป็น็ พืืชที่่�ชอบน้ำ�ำ�ชื้้น� แฉะควรปลููกข้า้ งๆคลองไส้ไ้ ก่่ ส่ว่ นไม้้ ที่่ไ� ม่่ชอบน้ำ��ำ มีีปััญหารากเน่่าง่า่ ย ก็ค็ วรปลููกบนโคก เป็็นต้้น ทั้้�งนี้้� ไม่แ่ นะนำำ�ให้ป้ ลููกไม้ผ้ ลชิิดริิม หนองน้ำำ��มากเกิินไป เพราะไม่่สะดวกในการตััดแต่่งกิ่�ง่ ก้้าน เก็็บผลผลิิตและจัดั การกัับผลที่่ร� ่่วง เน่า่ เสีีย ซึ่ง่� หากมีผี ลร่่วงลงน้ำ�ำ�มากและทิ้้�งไว้น้ าน ก็อ็ าจทำ�ำ ให้น้ ้ำำ��เน่่าได้้ จึงึ ควรวางตำำ�แหน่่งปลููก ข้า้ งคลองไส้ไ้ ก่จ่ ะดีกี ว่า่ อีกี ประการหนึ่่ง� การปลููกไม้ส้ ููงและไม้ก้ ลางริิมหนองน้ำ��ำ จะทำ�ำ ให้ร้ ากแขนง ของพืืชเจริิญเติิบโตตามแนวนอนได้ไ้ ม่่ดี ี ส่่งผลให้้ต่่อการยึดึ เกาะและทรงตััวของพืืช อาจทำ�ำ ให้้ ต้น้ ไม้เ้ อนหรืือโค่่นล้้มลงน้ำ��ำ ในที่่ส� ุุด ภููมิสิ ังั คมด้า้ นสัังคม 1. ตนเอง หมายถึึงเจ้้าของแปลงหรืือผู้�้ที่จ� ะทำ�ำ โคกหนองนาจะต้อ้ งพิิจารณาความพร้้อมในทุุกๆ ด้า้ นของตนเองก่อ่ น เช่่น พละกำำ�ลััง ข้้อจำ�ำ กัดั ด้้านเวลา แล้้วค่่อยๆทำ�ำ ตามความเหมาะสม ทำ�ำ ตามฐานะและกำำ�ลััง 2. ครอบครัวั เป็น็ กลุ่�มที่่ม� ีอี ิิทธิิพลในการทำ�ำ โคก หนอง นา เป็น็ อย่า่ งมาก ควรพููดคุยุ เพื่อ�่ ทำ�ำ ความเข้า้ ใจ ให้ต้ รงกันั หากครอบครััวไม่เ่ ห็น็ ด้้วย อาจเลี่�ยงการเข้้ามามีสี ่่วนร่่วม แต่่หากต้้องการปรัับให้ค้ ิิด เห็็นในแนวทางเดีียวกััน ควรทำำ�ตามหลัักปฏิิบััติิทั้้�ง 5 ข้้อในพระบาทสมเด็็จพระเจ้้าอยู่่�หััว รัชั กาลที่่� 9 และควรมีีขั้�นตอนในการปรัับทััศนคติิอย่่างค่อ่ ยเป็็นค่่อยไป ไม่่หัักโหม ไม่่บัังคัับฝืืนใจ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 143
3. เพ่ือนบา น จาํ เปน ตองทาํ ความรจู ักและสรางความสมั พนั ธอันดี โดยเฉพาะผทู ่ยี า ยถ่ินไปทํา โคก หนอง นา ในพน้ื ทีใ่ หมซ ึ่งยงั ไมคุนเคย เชน หากตอ งการทาํ รัว้ รอบพืน้ ท่ี ใหเลอื กทําร้ัวกนิ ไดโ ดย ปลูกพชื ตา งๆผสมผสานกนั ใหเกดิ เปน ไม 5 ระดับ เราไดประโยชนใ นสวนของการเปนร้วั และยงั ไดอาหารไรส ารพิษ สวนเพ่ือนบานก็จะไดอ าศยั ใชประโยชนเชนกัน 4. ความเช่อื ศาสนา ควรศกึ ษาและปรับตวั ไมท าํ สง่ิ ทีข่ ัดตอหลกั ความเชื่อและหลักศาสนาประจําทองถน่ิ ซง่ึ บางความเชอ่ื อาจเปน กศุ โลบายเพอ่ื ใหค นใชช วี ติ รว มกบั ธรรมชาติ ไมเ บยี ดเบยี นธรรมชาติ เชน ทางภาคเหนอื มคี วามเชอ่ื วา การสรา งบา นขวางทางนา้ํ มนั จะ “ขด้ึ ” คอื ไมเ ปน มงคล เปน อาถรรพ เสนยี ด เปน สง่ิ ทห่ี า มทาํ ซง่ึ ในความเปน จรงิ การสรา งบา นขวางทางนา้ํ อาจทาํ ใหน า้ํ ทว มขา วของ เสยี หาย บา นโดนกระแสนํ้าพดั ผา นบอ ยๆก็ผุกรอ นพังงาย เปนตน 5. ประเพณี วฒั นธรรม การทาํ ตวั ใหก ลมกลนื เปน สว นหนง่ึ ของสงั คมทเ่ี ขา ไปสรา งโคกหนองนาอยูเชน ทางภาคอสี าน มปี ระเพณี“ฮตี สบิ สองคองสบิ ส”่ี เปน งานบญุ ประเพณที ท่ี าํ สบื ตอ กนั มาชา นานแตล ะเดอื นจะมปี ระเพณี การทาํ บญุ ครบทง้ั 12 เดอื น วา ดว ยการผสมผสานพธิ กี รรมทเ่ี กย่ี วกบั เรอ่ื งผแี ละพธิ กี รรมทางการเกษตร เขา กบั พทุ ธศาสนา เรอ่ื งเหลา นน้ี บั เปน ศาสตรอ ยา งหนง่ึ ซง่ึ จะมคี วามแตกตา งกนั ไปในแตล ะทอ งถน่ิ การสํารวจพน้ื ทีก่ อนการออกแบบ เปนการเตรียมขอมูลและวาดผังพื้นที่ลงบนกระดาษกอนออกสํารวจพื้นที่จริง ควรวาดใหไ ดร ูปรา ง - สดั สวนใกลเคียงกับความเปนจริง ขนั้ ตอนการสาํ รวจพน้ื ที่ 1. วาดรปู รา งของแปลงโดยดจู ากโฉนดของ ตนเองหรือภาพถายทางอากาศวาแปลงมี รูปรางลักษณะอยางไรยังไมตองกังวล เรือ่ งมาตราสว น วาดรูปรางของแปลงใหใกลเคียงความเปน จรงิ มากทส่ี ดุ ใสแ กนทศิ เหนอื ใต ตะวนั ออก หรอื ตะวนั ตกทศิ ทางแสงและทศิ ทางลมหนาว ลมมรสุม หรือตามสภาพความเปน จริง กสิิกรรมธรรมชาติิ 144
2. สำำ�รวจรอบนอกพื้้�นที่่�ว่่าทุุกด้้านติิดกัับ อะไรบ้้าง ตััวอย่่าง ทิิศเหนืือติิดคลอง ธรรมชาติิ หรืือ คลองชลประทาน ทิิศใต้้ ติิดถนน ตะวันั ออกและตะวันั ตกติิดแปลงนา เพื่อ�่ นบ้้าน แล้้วเขีียนข้้อมููลกำำ�กับั ไว้้ 3. สำ�ำ รวจทางน้ำ��ำ ภายนอกพื้้น� ที่่ว� ่า่ ทางน้ำ��ำ ไหล น้ำ��ำ หลาก เข้า้ มาในพื้้น� ที่่เ� ราทางไหน ไหลหลาก มาอย่่างไร เช่่น หลากเข้้ามาทางคููน้ำำ��ฝั่่�ง ติิดถนน และไหลออกไปด้า้ นหลัังแปลงฝั่�ง คลองสาธารณะ โดยลากเส้น้ ทางน้ำ��ำ และ เขียี นกำ�ำ กับั ไว้้จากนั้้น� สำ�ำ รวจความลาดเอียี ง ภายในพื้้น� ที่่� โดยดููจากเส้น้ ทางที่่น� ้ำ��ำ ไหลผ่า่ น เพื่อ�่ ให้รู้้�ว่าตรงไหนเป็น็ พื้้น� ที่่ส� ููง ตรงไหนเป็น็ พื้้�นที่่�ต่ำ��ำ ระดัับความสููงต่ำำ�� เป็็นอย่่างไร เขีียนรายละเอีียดกำ�ำ กัับไว้้ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 145
4. จากขอ มลู พื้นที่จริง สามารถใชวิธีอยา ง งา ยแทนการกาํ หนดมาตราสว น คอื มเี นอ้ื ท่ี เทา กบั กไ่ี ร ใหแ บง พน้ื ทอ่ี อกเปน สว นเทา ๆกนั ตามจาํ นวนไรแ ละใน 1 สว น (ซง่ึ เปน ตวั แทน ของ 1 ไร) อาจแบงยอยลงไปอกี เชน พน้ื ท่ี 3 ไร ใหต เี สน แบง พน้ื ทเ่ี ปน 3 สว นเทา ๆ กนั จะไดสว นละประมาณ 1 ไร และใน 1 สวน ใหตีเปนตารางยอยอีก 4 สวน คือ สว นละ 1 งาน จะทาํ ใหเ ราคาดประมาณเน้อื ทีใ่ น แตล ะสว นและองคป ระกอบตา งๆไดง า ยขน้ึ เชน ขนาดของบานหรอื หนองน้าํ มขี นาด เปนสัดสวนแคไหนของพื้นที่ เราสามารถ แบงชอง (ตีเสนกริด) ใหเล็กลงไปไดอีก เชน ตอี ีกคร่ึงหนึง่ ของ 1 งาน เปนครึง่ งาน ท้ังนี้เพ่ือใหการวาดหรือลงรายละเอียดบนผังพื้นท่ีไดใกลเคียงสัดสวนความเปนจริงมากที่สุด จากนั้น สาํ รวจสภาพปจจบุ นั ภายในพ้ืนทีว่ ามีอาคาร หรอื สิง่ ปลูกสรางอะไร หรอื ตน ไม ที่ตอง การเกบ็ ไวอ ยบู รเิ วณใดบา งในพน้ื ท่ี แลว ระบตุ าํ แหนง ลงไปในผงั และระบเุ สน ทางการเขา ออกพน้ื ทด่ี ว ย ขอ ควรระวงั ไมค วรกาํ หนดทางเขา ออกพน้ื ทอ่ี ยชู ดิ ขอบใดขอบหนง่ึ ของพน้ื ทม่ี ากเกนิ ไป เพื่อความปลอดภัยในการสัญจร โดยธรรมชาติเวลาเราขับรถเขาพื้นที่หากขับรถดวยความเร็ว และตอ งเลย้ี วเขา ถนนในพน้ื ทท่ี ช่ี ดิ ขอบอยา งรวดเรว็ โอกาสเกดิ ความไมป ลอดภยั สงู มาก การวาง ถนนในพน้ื ทเ่ี ทา กบั การแบง สว นพน้ื ทอ่ี อกเปน อยา งนอ ยสองสว น ดงั นน้ั การวางถนนทางเขา พน้ื ท่ี ชิดขอบอาจจะทําใหเกิดเนื้อที่ติดขอบที่เล็กหรือแคบเกินไปจนใชประโยชนไมได และเนื้อที่ อีกดา นหนึ่งอาจจะมาก หรือ ไกลเกินไป จนเกิดความไมสะดวก ขน้ั ตอนการออกแบบ โคก หนอง นา ดวยตนเอง ใชผ ังพน้ื ทที่ ่ีเราสาํ รวจเปนแนวทางในการออกแบบ แลววาดผงั พ้ืนท่ีลงบนกระดาษ 1. วาดรูปรางพืน้ ทใ่ี นกระดาษขนาดใหญ โดยการเทยี บสเกลหรือประมาณสดั สว นใหใกล เคยี งพื้นที่จรงิ มากทีส่ ุด กสิิกรรมธรรมชาติิ 146
2. แบ่ง่ พื้้น� ที่่อ� อกเป็็นส่ว่ นๆ เช่่น ส่่วนละ 1 ไร่่หรืือเล็ก็ กว่่า เพื่�่อให้เ้ ห็็นภาพรายละเอีียดสิ่ง�่ ที่่จ� ะจัดั วางในแต่่ละพื้้�นที่่ไ� ด้้สะดวกขึ้�น ให้้เห็น็ ว่า่ ในพื้้น� ที่่แ� ต่่ละส่ว่ น เราทำำ�อะไรได้้บ้้าง 3. กำำ�หนดเส้้นทางสัญั จรในพื้้�นที่่� โดยควรแบ่่งพื้้น� ที่่เ� ป็็นถนนสำำ�หรับั รถยนต์ ์ ถนนสำำ�หรัับ รถเข็น็ และเส้้นทางสำ�ำ หรัับเดิิน เพื่่�อเชื่�อ่ มต่่อไปยัังพื้้น� ที่่�ส่ว่ นอื่่�นๆในแปลง 4. กำ�ำ หนดความต้อ้ งการต่า่ งๆ เช่่น บ้้าน โรงปุ๋�ย คอกสัตั ว์์ นา หนองน้ำำ�� คลอง 5. วางตำำ�แหน่่งกิิจกรรมต่่างๆให้้เหมาะสมตามธรรมชาติิทั้้�งเรื่่�องแสง ลม และความลาด เอียี งของพื้้�นที่่� เช่่น - ไม่ว่ างคอกสััตว์์ หรืือกิิจกรรมที่่ส� ่ง่ กลิ่่�นไม่พ่ ึึงประสงค์์ไว้้ในทิิศที่่ข� วางทางลม - วางนาหรืือหนองน้ำ�ำ� ไว้้ในทิิศที่่ร� ัับลมฝน - วางบ้า้ นพักั อาศััยให้้หน้า้ บ้า้ นหลบแสงแดดจัดั - วางหนองน้ำ��ำ ไว้ใ้ นตำ�ำ แหน่ง่ ที่่ร� ับั น้ำ��ำ จากภายนอกและดักั น้ำ��ำ ไว้ก้ ่อ่ นปล่อ่ ยออกนอกพื้้น� ที่่� หรืือ เพิ่�่มหนองน้ำ�ำ�ในบริิเวณที่่ต� ่ำ��ำ ที่่�สุดุ ในแปลง เป็น็ ต้้น 6. จิินตนาการการทำ�ำ กิิจกรรมต่า่ งๆในรอบ 1 วัันและ 1 สััปดาห์ ์ ว่่าการวางตำำ�แหน่ง่ ต่่างๆ ในพื้้�นที่่�นั้้�นตอบสนองการใช้้ชีีวิิตหรืือไม่่ มีีความไม่่สะดวกสบายอย่่างไร หรืือมีีปััญหาการใช้้ พื้้�นที่่ต� ่า่ งๆหรืือไม่่ ปััจจัยั ที่่�ควรคำ�ำ นึึงถึงึ ในการออกแบบ การออกแบบ โคก หนอง นา ด้ว้ ยตนเอง สำ�ำ หรับั ผู้�้ที่ย� ังั ไม่เ่ คยทำ�ำ กสิิกรรมมาก่อ่ น หรืือผู้�้ที่ม� ีี ประสบการณ์น์ ้อ้ ย นอกจากจะต้อ้ งทำ�ำ ความเข้า้ ใจหลักั กสิิกรรมธรรมชาติิและความรู้ใ� นศาสตร์ต์ ่า่ งๆแล้ว้ ยังั จำ�ำ เป็น็ จะต้้องอาศัยั จิินตนาการในการวางแผนกิิจกรรมที่่�จะเกิิดขึ้�นใน โคก หนอง นา ด้ว้ ย โดยสามารถเริ่่�มต้้นวางแผนการออกแบบได้้โดยคำำ�นึึงถึึงปััจจััย 2 รููปแบบ คืือ เริ่่�มจากปัจั จัยั ภายนอก หรืือ เริ่่�มจากปัจั จัยั ภายใน การเริ่�มออกแบบจากปััจจััยภายนอก เป็็นการคิิดจากภาพใหญ่่ของธรรมชาติิก่่อน เพราะจะช่ว่ ยทำ�ำ ให้เ้ ห็น็ โอกาสและอุปุ สรรคของพื้้น� ที่่ข� องเราในแต่ล่ ะช่ว่ งฤดููตลอดทั้้ง� ปีี แล้ว้ ค่อ่ ย ออกแบบการใช้้ชีีวิิตให้้สอดคล้อ้ งกัับธรรมชาติินั้้น� ๆ 1. คำ�ำ นึึงถึึงธรรมชาติิของพื้้�นที่่�และสิ่่�งที่่�จะเกิิดขึ้�นในแต่่ละฤดููกาล เช่่น - ห น้า้ แล้้ง ฝนไม่่ตกเป็็นเดืือน พื้้�นที่่�ขาดแคลนน้ำ�ำ� ในการออกแบบก็จ็ ำำ�เป็น็ ต้้องมีีพื้้น� ที่่เ� ก็็บ น้ำ��ำ ที่่�มีีความจุุมากพอสำ�ำ หรับั เก็็บน้ำ��ำ ให้พ้ อใช้ต้ ลอดช่ว่ งหน้้าแล้ง้ - ห น้้าหนาว ลมหนาวพััดผ่า่ นพื้้�นที่่ม� ากทำ�ำ ให้ห้ น้า้ ดิินแห้้งจัดั ก็็ต้อ้ งห่ม่ ดิินให้้หนาขึ้�นและ ใส่่ปุ๋�ยแห้้งชามน้ำำ��ชามเพื่่�อช่่วยรัักษาความชื้ �นให้้ดิิน หากแปลงมีีพื้้�นที่่�กว้้างก็็ควรมีีจุุด เก็บ็ ปุ๋�ยหมัักและน้ำ��ำ หมักั ไว้้ใกล้้ๆ กิิจกรรมที่่ต� ้อ้ งการใช้ปุ้๋�ย - ห น้า้ ฝน มีนี ้ำ�ำ� ท่ว่ มสููงทุุกปีี ควรออกแบบให้้มีีพื้้�นที่่ร� ับั น้ำำ�� ยอมให้น้ ้ำ�ำ�ท่ว่ มได้้แต่ก่ ็ต็ ้อ้ งมีีโคก สููงที่่จ� ะไม่ใ่ ห้้น้ำำ��ท่่วมถึึง สำ�ำ หรัับเป็็นที่่�พััก ที่่จ� อดรถ โรงเก็บ็ ของ คอกสััตว์์ หรืือปลููกต้้นไม้้ กสิิกรรมธรรมชาติิ 147
2. ร่า่ งกิิจกรรมที่่จ� ะทำำ�ในแต่ล่ ะเดืือน หรืือในรอบสััปดาห์์ ซึ่ง�่ อาจจะเป็น็ กิิจกรรมที่่�ไม่่ต้อ้ ง ทำำ�ทุุกวันั เช่น่ การปลููกป่า่ การเผาถ่า่ น การทำำ�น้ำ�ำ� หมััก 3. ลงรายละเอียี ดกิิจกรรมในชีวี ิิตประจำ�ำ วันั ตั้้ง� แต่ต่ ื่น�่ จนถึงึ ก่อ่ นนอน ซึ่ง�่ จะนำ�ำ ไปสู่่�กิิจกรรม ในรายสัปั ดาห์์หรืือรายเดืือนด้า้ นบน เช่น่ - ตอนเช้า้ ตื่น�่ ขึ้�นมาอยากนั่่�งจิิบกาแฟที่่ร� ิิมน้ำำ�� ก็ค็ วรออกแบบให้ม้ ีแี หล่่งน้ำ�ำ�ใกล้บ้ ้้าน - ตอนสายเดิินไปแปลงปลููกผักั ก็ค็ วรวางตำ�ำ แหน่ง่ แปลงผักั ไว้ไ้ ม่ไ่ กลจากบ้า้ นทำ�ำ ถนนทางเดิิน เชื่อ�่ มจากบ้า้ นไปแปลง และที่่เ� ก็บ็ อุปุ กรณ์ป์ ลููกผักั ก็ค็ วรอยู่�ในพื้้น� ที่่ใ� กล้ก้ ันั ไม่ต่ ้อ้ งเดิินอ้อ้ มไปไกล - ตอนกลางวััน หากพักั ทานอาหารที่่�แปลงก็็ควรมีศี าลาหรืือที่่�ร่ม่ ให้้นั่่�งพักั หลบแดด - ตอนบ่่าย ต้้องออกนอกพื้้�นที่่แ� ละกลัับมาในช่่วงเย็็น ควรต้อ้ งคำำ�นึึงถึงึ ที่่�จอดรถ ถนนและ สิ่�ง่ ที่่เ� กี่ย� วข้้องกัับกิิจกรรม เช่่น โรงเก็็บของ โรงเก็็บอุปุ กรณ์์ ควรอยู่�ใกล้ท้ ี่่�จอดรถ เป็็นต้้น การเริ่�มออกแบบจากปััจจััยภายใน เป็็นการจิินตนาการถึึงความต้้องการของตััวเรา เองก่อ่ น แล้ว้ ค่อ่ ยขยายมุมุ มองไปในภาพที่่ใ� หญ่ม่ ากขึ้น� เมื่อ�่ เห็น็ ภาพใหญ่ท่ ั้้ง� สัปั ดาห์ห์ รืือทั้้ง� เดืือน แล้้วค่อ่ ยนำำ�มาประยุกุ ต์์กับั แผนเดิิมที่่ค� ิิดไว้้ แล้ว้ จึงึ ปรับั เปลี่่�ยนตามความเหมาะสม 1. ความชอบส่ว่ นตัวั ของเรา เช่น่ อยากให้้บ้้านหัันหน้้าทางทิิศเหนืือ อยากมีีหนองน้ำ�ำ� อยู่�ใกล้บ้ ้้าน เป็็นต้้น 2. กิิจกรรมใน 1 วันั มีีอะไรบ้้าง อยากให้้มีีอะไรในพื้้�นที่่�ของเราบ้า้ ง เช่น่ ตอนเช้้าอยากนั่่ง� จิิบกาแฟมองแปลงดอกไม้้และทุ่�งนา กลางวันั ไปหมัักปุ๋�ย บ่่ายดููแลคอกสัตั ว์์ เย็็นไปลงแปลง เมื่อ�่ จิินตนาการตามความชอบแล้้วจึึงค่่อยออกแบบเส้้นทางการสัญั จรให้ร้ องรัับ การทำ�ำ กิิจกรรมเหล่า่ นั้้น� ซึ่ง�่ ต้อ้ งคำ�ำ นึงึ ถึงึ รายละเอียี ดตั้ง� แต่ถ่ นนรอบบ้า้ นจนถึงึ ถนนที่่ใ� ช้ส้ ัญั จรในแปลง เพื่อ�่ ทำ�ำ กิิจกรรมต่า่ งๆ โดยอาจแบ่ง่ ขนาดถนนตามการใช้ง้ าน เช่น่ สำ�ำ หรับั รถยนต์ ์ รถเข็น็ ทางเดิิน 3. ทำ�ำ ผังั โดยการวางตำ�ำ แหน่ง่ ของสิ่ง�่ ต่า่ งๆที่่เ� ราอยากให้ม้ ีลี งในกระดาษ โดยคำ�ำ นึงึ ถึงึ เรื่อ� งทิิศ สายลมและแสงแดดเป็น็ สำ�ำ คัญั จะช่ว่ ยทำ�ำ ให้พ้ อเห็น็ ภาพ ว่า่ สามารถจัดั วางความต้อ้ งการทั้้ง� หมด ลงในพื้้�นที่่ไ� ด้ห้ รืือไม่่ 4. เมื่�่อได้ผ้ ังั แบบแล้ว้ ค่อ่ ยมาคำ�ำ นวณพื้้�นที่่เ� ก็บ็ น้ำ��ำ ต่่างๆ อันั ได้้แก่ ่ตุ่�ม หนอง นา คลองไส้้ไก่่ และโคก สามารถเก็็บน้ำำ��ได้้ถึงึ 100% ของปริิมาณน้ำ��ำ ฝนที่่�ตกในพื้้�นที่่ห� รืือไม่่ 5. วางรููปแบบการทำำ�กิิจกรรมของแต่ล่ ะวันั ทั้้ง� สััปดาห์์ ไม่่ให้ซ้ ้ำ��ำ กัันจะมีกี ิิจกรรมครบเกืือบ ทุุกอย่่างที่่�จะทำำ�ในแปลง แล้้วนำำ�มาปรับั กับั ผังั อีีกที ี ว่่ามีคี วามเหมาะสม สััญจรได้้สะดวกหรืือไม่่ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 148
ทิิศ แสงแดด สายลมและตำ�ำ แหน่่งที่่�เหมาะสม ควรลงพื้้น� ที่่�เพื่่�อสัังเกตและจดบันั ทึึก การเปลี่่�ยนแปลงทิิศทางของแสงแดดและสายลมในแต่่ละช่่วงฤดููตลอดรอบปีี เพื่่�อให้้ออกแบบ ได้อ้ ย่า่ งเหมาะสม เข้า้ กัับทุกุ ช่ว่ งฤดููกาล - ทิิศลมหนาว โดยปกติิจะพัดั มาทางทิิศตะวันั ออกเฉียี งเหนืือ ยกเว้น้ จะมีอี าคารสููง ต้น้ ไม้ส้ ููง หรืือภููเขาที่่บ� ังั ทำ�ำ ให้้ลมเปลี่่ย� นทิิศ ลมหนาว พัดั พาความเย็็นมาพร้อ้ มกัับฝุ่�นละออง จึงึ ควรมีีโคกความสููงปานกลาง ปลููก ต้้นไม้้เพื่อ�่ ช่ว่ ยดููดซัับฝุ่�นที่่พ� ัดั มากัับสายลม เมื่่�อเทีียบกัับตำำ�แหน่่งที่่�พัักอาศััย ไม่่ควรตั้้�งคอกสััตว์์ ลานตากข้้าว หรืือที่่�ตั้้�งของ กิิจกรรมใดๆที่่ม� ีกี ลิ่�่นหรืือฝุ่�นมากในทิิศนี้้� นอกจากจะมีีป่่าปลููกบัังไว้้บ้า้ ง - ด้า้ นทิิศตะวัันตกเฉียี งเหนืือ ทิิศเหนืือ ไปถึงึ ตะวันั ออกเฉียี งเหนืือ เป็น็ ทิิศที่่ส� ามารถหัันหน้า้ บ้้านไปได้้ เพราะเป็็นทิิศที่่�รัับแสงแดดน้้อยกว่่าทิิศอื่่น� ๆ - ทิิศใต้้ เป็็นทิิศที่่�รับั แสงแดดรัับความร้้อนยาวนานที่่ส� ุดุ สำำ�หรัับประเทศไทย หากบ้้านหัันหน้้าไปทางทิิศใต้้ ควรปลููกต้น้ ไม้ใ้ ห้ช้ ่ว่ ยบังั แสงจ้้าที่่จ� ะสะท้อ้ นเข้า้ ตัวั บ้้าน - ทิิศตะวัันตกเฉียี งใต้้ เมื่่�อเทีียบกัับตำำ�แหน่่งที่่�พัักอาศััย หากมีีหนองน้ำำ��ในตำำ�แหน่่งนี้้� จะช่่วยทำำ�ให้้บ้้านมีี ความเย็น็ มากขึ้�น จากลมร้อ้ นที่่�พัดั ผ่า่ นหนองและพาความชื้�นจากน้ำ�ำ�มาด้้วย ไม่่ควรเป็็นตำำ�แหน่่งของกิิจกรรมที่่�มีีกลิ่่�นไม่่พึึงประสงค์์ เช่่น โรงเผาถ่่าน คอกสััตว์์ โรงหมัักปุ๋�ย เพราะลมร้อ้ นจะพัดั พากลิ่่น� เข้า้ บ้า้ น ขั้้�นตอนการออกแบบผััง กำำ�หนดความต้้องการและองค์์ประกอบต่่าง ๆ ในพื้้�นที่่�ว่่า เราต้้องการให้ม้ ีอี ะไรบ้า้ ง ตัวั อย่า่ งเช่น่ · บ้า้ น · หนอง คลองไส้้ไก่่ · นา · โรงปุ๋ �ย · เล้า้ เป็ด็ เล้้าไก่่ · สวนผลไม้้ · แปลงผักั · สวนดอกไม้้ นำำ�องค์์ประกอบต่่าง ๆ ลงในผััง โดยเริ่่�มต้้นลำำ�ดัับจากวางโครงสร้้าง ทางน้ำำ�� และ แนวต้้นไม้ ้ ตามรายละเอีียดขั้น� ตอนดัังนี้้� กสิกิ รรมธรรมชาติิ 149
1. กาํ หนดทต่ี ง้ั ของบา นและแนวถนนเขา บา น (กรณไี มม บี า นและถนนเดมิ หรอื ตอ งการแกไ ขถนน) เนื่องจากบานเปนพื้นที่สวนตัว การกําหนดที่ตั้งของบานจึงมีความสําคัญอยางมาก ถาตองการความเปนสวนตัวมาก บานก็ไมควรอยูใกลทางเขา-ออกเกินไป บานควรอยูในที่สูง (บนโคก) สามารถหนั หนา บา นเพอ่ื รบั มมุ มองทเ่ี ปด กวา งภายในแปลงโดยคาํ นงึ ถงึ ทศิ ทางของแสงดว ย ตัวอยาง หนั หนา บา นไปทางทิศตะวันออกเฉยี งใต เพือ่ สะดวกในการมองเห็นคนเขา ออกแปลง และเปดมุมมองภายในแปลงใหก วา งเพยี งพอ ทศิ นีเ้ ปน ทิศที่รับแสงแดดในชว งเชา ถงึ สายๆ หลังจากไดต าํ แหนงบานแลวกก็ ําหนดแนวถนนที่จะเขาถงึ ตัวบาน แนวถนนไมจาํ เปน ตองเปนเสนตรง การวางแนวถนนอาจจะยัง ไมตองตัดสินในขั้นตอนนี้ก็ได อาจจะลองวางใหมี ถนนเขา บานไดหลายเสนทางเผอ่ื เลอื กหลังจากเราวางองคประกอบตา ง ๆ ท่เี หลือลงในผังแลว เพือ่ จะไดแ นวถนนท่เี ปน คําตอบท่ีดที ี่สุด สวยงาม และสะดวกในการเขาถงึ พน้ื ท่ตี า ง ๆ ในแปลง กสิิกรรมธรรมชาติิ 150
2. กาํ หนดตาํ แหนง หนองนา้ํ และคลองไสไ ก โดยดจู ากขอ มลู การสาํ รวจพน้ื ทว่ี า ควรอยใู นตาํ แหนง ใด ในการวางตาํ แหนงหนองนํา้ พจิ ารณาดูวา ทางนาํ้ เขา-ออกอยูตรงไหน และพื้นทตี่ ํา่ สุด อยตู รงไหน ควรออกแบบใหม พี น้ื ที่รับน้าํ เขา และปลอ ยออก ในพนื้ ท่ีท่ตี ํ่าเปน แอง อาจพิจารณา วางหนองไวเก็บนา้ํ ในตวั อยา งกาํ หนดใหม หี นองนา้ํ 2 จดุ และมคี ลองไสไ กเ ชอ่ื มหนองนา้ํ ทง้ั 2 จดุ หนองนา้ํ ใหญ มีคันระบายนํ้าออก สวนหนองนํ้าที่สอง เปนบริเวณพื้นที่ที่คาดวาจะใชนํ้าคอนขางมาก เชน ปลูกไมผ ลหรอื พืชผัก ขอ ควรระวงั ถา ไมท าํ ทางระบายนา้ํ ออก เมอ่ื นา้ํ ลน หนองนา้ํ มโี อกาสทน่ี า้ํ จะลน ทว มพน้ื ท่ี และขอบหนองนํ้าพังได สิ่งสําคัญคือตองปลอยนํ้าออกไปตามทางออกของนํ้าตามธรรมชาติ (ไมควรเปลย่ี นทางน้ําออก) เพอ่ื ไมใ หเพือ่ นบานเดือดรอ น วางคลองไสไกใหสามารถกระจายน้ําและระบายน้ําทว่ั ถงึ และเช่ือมตอ กนั แนวถนนที่ ตัดผานคลองไสไกควรมีระบบฝงทอใตถนนเพื่อใหเปนทางน้ําผานและคลองก็ยังเช่ือมตอกันได (อาจพจิ ารณาทําสะพานตามความเหมาะสม) กสิิกรรมธรรมชาติิ 151
3. กําหนดแปลงนา ตวั อยา งตามแปลนนก้ี าํ หนดใหน าอยใู กลบ า นตามสไตลข องเจา ของทอ่ี ยากชมววิ ทอ งนา ยามพักผอน ที่ตั้งของแปลงนาก็อยูในจุดที่สามารถรับลมมรสุมที่จะพัดเอาฝนและความชุมชื้น มาสนู า นาอยูใ กลถนนเพอ่ื ความสะดวกในการเขาถึง กรณที ่ีแปลงนาอยูใกลท างน้ํา ไมควรใหน้ําระบายเขานาโดยตรง เนื่องจากกิจกรรมใน นามที ง้ั ใชน า้ํ และไมใ ชน า้ํ เราสามารถสรา งเสน ทางของนา้ํ โดยใชว ธิ ที ข่ี ดุ รอ งนา้ํ ในนาใหใ หญแ ละ ลกึ มากขึน้ (เสมือนคลองไสไก) ควรยกหวั คันนาใหสงู และกวางเพอื่ เก็บกักน้าํ และเปน หัวคันนา ทองคาํ ดว ยวิธีนี้แปลงนาจะรองรับน้ําไดเพียงพอในฤดูกาลทํานา ถามพี น้ื ที่มากพอคลองไสไ กค วรแยกจากนาโดยมีหัวคันนาเปนตวั กัน้ กสิิกรรมธรรมชาติิ 152
4. กำำ�หนดโซน ป่า่ 3 อย่า่ งประโยชน์์ 4 อย่า่ ง ในผัังตััวอย่า่ งนี้้�กำ�ำ หนดให้้ ป่่า 3 อย่่างประโยชน์์ 4 อย่่าง อยู่�โซนด้้านเหนืือและทิิศ ตะวัันออกเฉีียงเหนืือ เพื่่�อให้้ลมพััดพาความชื้ �นจากป่่าเข้้ามาในแปลง ลดความแห้้งและหนาว เย็น็ ที่่ม� ากับั ลมหนาว วางแนวคลองไส้้ไก่่ให้ล้ ัดั เลาะเข้า้ ไปในป่่า เพื่่อ� นำำ�พาปุ๋�ยจากป่า่ ออกมากับั น้ำ�ำ� กำ�ำ หนดโซนไม้ผ้ ล ให้้สะดวกต่่อการบำ�ำ รุงุ รักั ษา และเก็บ็ เกี่ย� วผลผลิิต (ไม้ผ้ ลส่ว่ นมาก เป็็นไม้ร้ ะดับั กลางที่่ส� ามารถอยู่�ร่วมกัันกัับป่่า3อย่่างประโยชน์์4อย่่างได้)้ ในผัังตัวั อย่า่ งนี้้เ� จ้า้ ของ ต้้องการให้้มีีสวนผลไม้ห้ ลายหลายชนิิดแยกออกมาจากป่า่ เพื่อ�่ สะดวกต่่อการบำำ�รุุงรัักษาและ เก็บ็ ผลผลิิต แต่ย่ ังั สามารถปลููกไม้ร้ ะดับั อื่น�่ ๆเพิ่ม�่ เติิมในสวนไม้ผ้ ลได้้กลายเป็น็ ป่า่ 3อย่า่ งประโยชน์์ 4 อย่่างที่่ม� ีีไม้้ผลเป็น็ พระเอก กสิิกรรมธรรมชาติิ 153
5. กำ�ำ หนดบริิเวณที่่ต� ั้้ง� เล้า้ เป็็ด เล้้าไก่่ โรงปุ๋๋ย� ควรให้ห้ ่า่ งออกจากตัวั บ้า้ น และคำ�ำ นึงึ ถึงึ ทิิศทางลมไม่ใ่ ห้พ้ ัดั กลิ่น�่ เข้า้ มารบกวน (ไม่ว่ างขวาง ทางลม) ควรคำ�ำ นึึงถึงึ การใช้น้ ้ำ��ำ ของแต่ล่ ะพื้้�นที่่� โดยวางคลองไส้้ไก่ส่ ่่งน้ำำ��ไปให้้ถึึง กสิกิ รรมธรรมชาติิ 154
6. เพิ่่ม� • โรงจอดรถ หน้า้ บ้้าน (อาจระบุไุ ปในขั้�นตอนการวางบ้้าน) • แ ปลงพืืชสวนครััว ประเภทอายุยุ ืืน ควรอยู่�หลังั บ้้าน เพื่่อ� สะดวกต่่อการเก็บ็ เกี่�ยวนำำ�มา ใช้้ปรุุงอาหาร • แปลงผัักบริิเวณหน้้าบ้้าน สามารถปลููกผัักจำำ�พวกผัักกิินใบ อายุุสั้ �นต่่างๆ เพราะผััก ประเภทนี้้เ� มื่�่อเก็็บเกี่ย� วแล้้วควรปรับั สภาพแปลง เช่น่ ยกร่่องขึ้�นแปลงใหม่่ ย่่อยดิิน ผสมปุ๋�ยคอก เพื่่อ� ให้้พร้อ้ มต่อ่ การปลููกครั้ง� ใหม่ ่ จำำ�นวนแปลงผัักยืืดหยุ่�นได้ต้ ามความต้้องการและสภาพพื้้น� ที่่� • เจ้า้ ของแปลงตัวั อย่า่ งต้อ้ งการความสวยงามสดชื่น�่ ของสวนดอกไม้ ้ จึงึ วางแนวสวนดอกไม้้ บริิเวณสองข้้างถนนทางเข้้าจนถึึงตััวบ้้าน นอกจากสวยงามเมื่่�อได้้เห็็นแล้้ว ยัังเป็็นการบริิหาร แมลงในแปลงอีีกด้ว้ ย • ถนนสายรองเชื่่�อมไปยัังสวนผลไม้้และเล้้าเป็็ดเล้้าไก่่ โรงปุ๋�ย เพื่่อ� เพิ่่�มความสะดวกใน การเข้า้ ถึึงพื้้น� ที่่แ� ละกิิจกรรมต่่างๆ • เพิ่ม�่ ความร่ม่ รื่น�่ และร่ม่ เงาให้พ้ ื้้น� ที่่ด� ้ว้ ยต้น้ ไม้ใ้ หญ่บ่ ริิเวณทางแยก ต้น้ ไม้ช้ ่ว่ ยดููดซับั กลิ่น�่ จากโรงปุ๋�ย เล้า้ เป็ด็ เล้้าไก่่และยัังช่ว่ ยพรางสายตาได้ด้ ้้วย กสิิกรรมธรรมชาติิ 155
7. เพิ่่�มทางเชื่่�อมเข้้าพื้น�้ ที่่อ� ีกี ฝั่่�งของทางน้ำ�ำ�ด้้วยสะพานข้้ามไปยังั ส่่วนต่่าง ๆ ในผัังตััวอย่า่ งวางสะพานข้้าม 5 จุุด จุดุ ที่่� 1 ข้้ามคลองไส้้ไก่่ทิิศใต้เ้ พื่อ่� เชื่อ�่ มกัับพื้้น� ที่่ต� ิิดถนน จุดุ ที่่� 2 เชื่อ�่ มจากแปลงสวนครัวั ริิมหนองด้า้ นหลังั บ้า้ นไปยังั พื้้น� ที่่ว� ่า่ งตะวันั ตก ที่่อ� าจจะเพิ่ม�่ เติิม หรืือออกแบบให้้เป็น็ พื้้�นที่่�ปลููกต้้นไม้้ หรืือกิิจกรรมอื่�่นๆได้อ้ ีกี จุดุ ที่่� 3 จากแปลงผักั เชื่�อ่ มต่อ่ กับั โซนป่า่ 3 อย่่าง ประโยชน์์ 4 อย่่าง จุดุ ที่่� 4 จากสวนผลไม้้เชื่่อ� มต่่อกัับป่่า 3 อย่่าง ประโยชน์์ 4 อย่่าง ด้า้ นทิิศตะวันั ออก จุดุ ที่่� 5 เชื่อ�่ มบริิเวณเล้้าเป็ด็ โรงปุ๋�ย ไปยัังพื้้�นที่่ว� ่่างด้า้ นทิิศตะวันั ออก ทางข้า้ มสามารถลด หรืือ เพิ่่ม� ได้้ตามการใช้้งานและความเหมาะสม กสิกิ รรมธรรมชาติิ 156
8. เจ้า้ ของแปลงต้อ้ งการให้ม้ ีกี ิิจกรรมเพิ่่ม� เติมิ ในอนาคต เช่น่ โรงแปรรููป ลานตากผลผลิิต จึงึ เตรียี มพื้้น� ที่่ล� านกิิจกรรมเอนกประสงค์ไ์ ว้ใ้ กล้ส้ วนผลไม้้ กสิิกรรมธรรมชาติิ 157
9. ยังั มีเี นื้อ�้ ที่่ว� ่า่ งริมิ สวนดอกไม้้ เจ้า้ ของแปลงต้อ้ งการเว้น้ ไว้เ้ ป็น็ ลานเอนกประสงค์์ เพื่่อ� รองรับั กิจิ กรรมอื่่�นๆ เช่่น ปลููกต้้นไม้้เพิ่่�ม กสิิกรรมธรรมชาติิ 158
ข้้อแนะนำำ�เพิ่่ม� เติมิ - โรงเก็บ็ ของและโรงเก็็บรถ ควรจะอยู่�ใต้้หลัังคาเดีียวกััน เพื่�่อความสะดวกในการใช้้งาน และประหยััดค่่าก่อ่ สร้า้ ง -การวางตำ�ำ แหน่ง่ สิ่ง�่ ก่อ่ สร้า้ งบางครั้ง� อาจอยู่�ในทิิศที่่ไ� ม่ค่ วร แต่่สามารถใช้ก้ ารออกแบบเข้า้ ช่่วยแก้้ปััญหาได้้ เช่่น วางเล้้าไก่่ในทิิศตะวัันตกเฉีียงใต้้ของบ้้าน ซึ่่�งลมร้้อนอาจพััดพากลิ่่�น ไม่พ่ ึงึ ประสงค์์เข้้าบ้้าน ก็ต็ ้้องออกแบบเล้้าให้ห้ ลัังคายื่น่� ยาวลงไปต่ำ�ำ�ๆเพื่่อ� ไม่่ให้ส้ ่่งกลิ่น�่ ตีีขึ้�นมากัับ ลมมากนััก การสร้้าง โคก หนอง นา ในพื้้�นที่่ท� ี่่�ภูมู ิศิ าสตร์ต์ ่่างกััน พื้น�้ ที่่�ราบลุ่่�ม - โคก สร้า้ งโคกบนพื้้น� ที่่ข� องตนเอง จากการนำำ�ดิินที่่ไ� ด้้จากการขุดุ หนอง นำ�ำ มาถมเป็น็ โคก เพื่่อ� สร้้างที่่อ� ยู่�อาศััย ปลููกผักั เลี้ย� งสััตว์์ รวมทั้้�งปลููกต้น้ ไม้ต้ ามแนวทาง“ป่า่ 3 อย่า่ ง ประโยชน์์ 4 อย่า่ ง” ในขณะที่่�รากจำำ�นวนมากของต้น้ ไม้้จะช่่วยดููดซับั น้ำ��ำ ฝน เพื่อ่� กัักเก็บ็ น้ำ�ำ�ไว้ใ้ ต้โ้ คกเป็น็ น้ำำ��ใต้้ ดิินเพิ่่ม� ความชุ่�มชื้�น - หนอง ขุุดหนอง รููปร่า่ งคดโค้้งอิิสระ ไม่่เป็น็ สี่�เหลี่�ยม เพื่อ�่ เก็็บน้ำ�ำ�ไว้้ใช้้ยามหน้า้ แล้ง้ หรืือ จำำ�เป็็น และสามารถใช้้เป็น็ ที่่�รองรับั น้ำ�ำ� ยามน้ำำ��ท่่วมหลาก และเป็็นแหล่ง่ ที่่�อยู่�อาศัยั ของปลาและ สัตั ว์์น้ำ��ำ อื่น่� ๆ - นา ยกหัวั คันั นาให้ก้ ว้า้ งและสููงอย่า่ งน้อ้ ย 1 เมตร เพื่อ�่ เพิ่ม�่ พื้้น� ที่่ก� ักั เก็บ็ น้ำ��ำ ไว้ใ้ นนา ขุดุ ร่อ่ งน้ำ��ำ ใกล้ห้ ััวคันั นาด้า้ นใน เป็็นที่่�อยู่่�ของสััตว์น์ ้ำำ�� ปลููกต้้นไม้แ้ ละพืืชผักั บนหััวคัันนา ให้้รากยึึดหัวั คันั นา ให้้แข็ง็ แรงขึ้�น และเพิ่�ม่ พื้้�นที่่เ� พาะปลููก - คลองไส้ไ้ ก่่ ขุดุ ให้้มีลี ักั ษณะคดเคี้ย� ว เพื่่�อให้้น้ำ�ำ� ไหลได้้ทั่่ว� ถึงึ ทั้้ง� พื้้น� ที่่� ช่ว่ ยเพิ่่�มความชุ่�มชื้�น ให้้กับั ผืืนดิินและต้น้ ไม้้โดยรอบ และยัังช่ว่ ยระบายน้ำ��ำ ในพื้้น� ที่่�ได้อ้ ีกี ด้ว้ ย - ฝายชะลอน้ำ��ำ ช่ว่ ยชะลอและกักั เก็บ็ น้ำ��ำ ไว้ใ้ นพื้้น� ที่่� เพื่อ�่ ไม่ใ่ ห้น้ ้ำ��ำ หลากลงมาสร้า้ งความเสียี หาย กัับพื้้�นที่่�ลุ่�มด้้านล่่างและช่่วยกัักตะกอนดิินไม่่ให้้ลงมาสะสมในหนอง คลอง บึึง หรืือเขื่่�อน สำ�ำ หรับั พื้้�นที่่ก� ลางน้ำ�ำ� ฝายชะลอน้ำ�ำ�ยังั ช่ว่ ยยกระดัับน้ำ�ำ� เพื่่�อเก็บ็ ความชุ่�มชื้�นไว้ใ้ นพื้้น� ที่่�อีีกด้ว้ ย กสิกิ รรมธรรมชาติิ 159
กสิกิ รรมธรรมชาติิ 160
พ้นื ท่สี งู บนเขา การเปลย่ี นเขาหวั โลน เปน เขาหวั จกุ คอื การประยกุ ตใ ชห ลกั “โคก หนอง นา” ใหเ ขา กบั พน้ื ทภี่ เู ขา ซึง่ จะมีปญ หาและความทา ทายแตกตา งจากพื้นท่ีราบลมุ ภเู ขาซง่ึ เปรยี บเสมอื นโคกตามธรรมชาติ จงึ ไมจ าํ เปน ตอ งสรา งโคกอกี เพราะไมม ปี ญ หา นา้ํ ทว ม อยางไรกด็ ี พ้ืนที่ภูเขานน้ั มกั จะประสบปญ หานํ้าหลาก ดินพงั ทลาย และนาํ้ ไมพอเพียง ในหนาแลง แกปญหาไดดวย การเปลี่ยนจากการทําหนองนํ้าเปนการกั้นฝายในพื้นที่รองเขา หรือในคลองไสไก เพ่อื เกบ็ นํา้ จากตนนํ้าแทน ใชการทํานาขั้นบันไดโดยยกหัวคันนาสูงและกวาง เพื่อเก็บนํ้าฝนที่ตกลงมาบนภูเขา ใหไ ดม ากทส่ี ดุ รวมถงึ สรา งหนองเกบ็ นา้ํ ในพน้ื ทไ่ี วด า นบนเพอ่ื ปลอ ยนา้ํ ผา น คลองไสไ กใ หก ระจาย ไปท่ัวพื้นที่ และปลกู แฝกเพ่อื ปองกันการพังทลายของดิน ปญ หาอกี ดา นของการทาํ เกษตรบนภเู ขา คอื การบกุ รกุ พน้ื ทป่ี า เพอ่ื การทาํ เกษตรเชงิ เดย่ี ว การทํา โคก หนอง นา จึงเปนการเพิ่มพื้นที่ปาแตยังสามารถทํากินในพื้นที่ได ดวยการปลูกปา 3 อยา ง ประโยชน 4 อยาง ซ่ึงรปู แบบนีจ้ ะใชพ ้ืนทเ่ี พียง 10 ไร สามารถใหผ ลผลติ หลากหลาย กวา มากกวา การปลูกพืชเพียงชนดิ เดียว เชน การปลูกขาวโพดทงั้ ภูเขา กสิิกรรมธรรมชาติิ 161
ภาพสรุปุ ขั้้น� ตอนการวาดผังั ในการสำ�ำ รวจพื้น้� ที่่แ� ละการออกแบบผังั กสิกิ รรมธรรมชาติิ 162
กสิกิ รรมธรรมชาติิ 163
กสิกิ รรมธรรมชาติิ 164
ภาพตัวั อย่า่ งการออกแบบ โคก หนอง นา ด้้วยตนเอง กสิกิ รรมธรรมชาติิ 165
ภาพตัวั อย่่างผลงานการออกแบบด้้วยโปรแกรมคอมพิิวเตอร์์ ภาพผลการทดลองปลููกพืืชในพื้้�นที่่�ปกติิและพื้�น้ ที่่ท� ี่่�ออกแบบตามหลักั กสิกิ รรมธรรมชาติิ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 166
ภาพตัวอยา งการเปล่ยี นแปลงของการจัดการพนื้ ท่ใี นรูปแบบ โคก หนอง นา กสิกิ รรมธรรมชาติิ 167
หนงั สอื และแหลง อางองิ - “กสิกรรมธรรมชาติ การแปลงปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสูการปฏบิ ัติแบบคนจน” - “CMS ส.ู .อย.ู .หนี รอดพอดีดวยศาสตรพ ระราชา” - “เอกสารประกอบฐานการเรียนรสู คู วามพอเพียง” - “พอแลวรวย” - “๙ ฐานเรยี นรสู ูความพอเพยี ง คูมือเรารกั ษตน นํา้ ” จากเอไอเอส สานรกั - “ศาสตรพ ระราชากบั การออกแบบวิถีชวี ติ ใหม บนฐานภูมิสงั คมไทย เพอ่ื ปรบั ตวั และ เผชิญกบั การเปลีย่ นแปลงของโลก” - http://www.gotoknow.org - http://www.rdpb.go.th/ - https://ajourneyinspiredbytheking.org/ - https://www.porpeang.org/ - http://km.rdpb.go.th/ - https://mgronline.com/ - http://brpd.ricethailand.go.th/ กสิิกรรมธรรมชาติิ 168
ภาคผนวก ถอดรพหรัสะพมรหะารชานชกนพิ นธ
เราจะครองแผ่น่ ดินิ โดยธรรม เพื่อ่� ประโยชน์์สุขุ แห่่งมหาชน ชาวสยาม ประเด็็นที่จ�่ ะถอดรหััส ๑. เรื่�อ่ งโดยย่อ่ และเปรีียบเทีียบพระราชนิพิ นธ์์ กัับพระชาดก ๒. ถอดรหัสั จากภาพปริศิ นา ๒๒๒๒๒๒๒๒๒.........๘๙๔๑๗๓๒๖๕ กถพกเภโเธมัหกาอาาืรัน้ือร้ารรดพรธงวพานกมริสำิอธิพุีย�ำหะิจีุดใัวไยาทนิใสัทปชิีน้กา่กป่�ทช้าพใูกราชทูยาร้ณรรร้ใงะก์นะณฟแ์ทรืเ์าม้ัลล้�นบั์ราสหยะฟสงพ์.ัู่าัค์ส่กง�ูปัฒช.าใารสนหเนร้ะห.กด้พเาเำมตทปำ�ืุร“ือุแเศระอนงหิะรร่นิิง่เาิยทกคชสาศัทวัจราาสใอีมน่น”่�ทดพีุีทุกีตร่ข�เ่ ะ์ปกี์ัร่่ย�จั าจวชุขบุ น้ั้อินั ิพงนอ๗ธน์ม์ าหปคีาีตชนก กสิกิ รรมธรรมชาติิ 170
ที่�ม่ าของพระราชนิิพนธ์์ มตพ แเั้ส้งล�ะรดตมะะ็่จ็มรว่จทะงหะหอทาเีง่ปดธม่�ี่็ีีรีเ็าน่พผมวนือ่รลงั่�ออันะศ์ยถูเต่พ์ูน�(ูกรว“ศีตีขนแา้.ร้า๒สยธพรดใ๕มานรงม๒ชะทว่ส่บรา๐่่าาารสมิิโ่ช่ิพพรง� กอมใารุลดทุดรหะีายี(าอมงลีเางีผถ)ูค้นคด�ุรท์ึณุี์ทงึ)่ใ�่ขนทภวรึ้าัก้ดัาง�งรดพจรุสปงุานัดจมัชัญโิะับคถิผเ่ิญพปลิน่า็ตรานล็าิกะิ”งเหปเธาล้หสราั้ร็่ัง็านหว่รจมนมดมัาตเังาเ้กทรยนน้ืั่้ออ�่ศ้ข�ทนีงอ่นอพ�่ไกมพาง่รจม่กขรีะาีอาะลมกูรมงกูอหยยสุหื้ัุ้ทาอ�มาังชยแชคเดนนายง็่นกก็จง่ ซพจ“พึึ่พง�่งึรรหระะนะีนรีิมพาไิพปหชรนบะกาธ์บวชร์ใชหาณน้ีทเ้ีก(ยหสฉกมจมบิัิจาะเบั ดะใบ็นชจส็ ราโพมลรดกรลกักุะับุโใ)เมหสจ้ัก้้คังา้ ขครอธมบยู่ปร�หถัั้รวจั้ัวมจนจึุไงึบุกด่ัท้่อนั้ง่รนโ่าดงย”ดยักดัมวี่ีแพ่าปรลหะงราเากนื้ช้ไอ� ดดเ้ำร้ปำ�ื่รอ�่ ริงิวะ่ใา่กนอพบระมหาชนก ๒ป๑๑..ร.ตะ๒๒๒๒คโวกควต้่ป่าา่น้เาวว....่าดล๔๑๒๓ยจราาฉ็งช็นาเนมมบก้ดปขำเนัเอัเำ��เิปันักับบัมูินหรนักู้ท็เืดัิสต้า็ดจือิิศทมมพ็้ะแีวืร้็ดงเีินาือน�ปเยสธิวรงอลี้งาันพาีระง้จวนัยกไ็ตุิใฏาจ็แร์สปดุ้ชินิเม์ุ้นตรหิะ”จยตุคเชเ็่หั้มนฟชน็ดราง่าืนื้าั้ห้ค้้าะน้นรรชง้น�อ�ืขตืิิืวมโแยิมืจิงหฟาปิน่ม์์อชิูว่คีล์์ยาหาตู ชฏีแมง้ะสวภกสโิ้นาุลพกิคกูคานุวม(มวลูมะมวกธวัทร่ิขหิะัยิุ่าริยแาารนทุปมอารหมรคณา่้ทาส้ร่วชรอ้บภาเลิ้นิกกถัิยงหศินูยัยรัยน็ับาูมสนน็ลกครไิิมัลบมปิัจาเพะกชิวัณาหพเนัขิสีใาร่ีาาชยุื่่ีนา๘�มืฤุม�่มอยดเาแวทอเอมษเิ๐สมีกิชรุตทำาเืีขกิุต�ำดัอืลชัมิกงัจล่บััพเดัสทงุาม่ใาภุดานแตอยาลศกทรา์ัีกกหาำน์ัย่(ง้อ�่�ำ๑ส๔ป้ัารกะติบััเร๖ิย“่.ัญานคอ่ภปศิฟเะรูืิดล.หเ้นูาาอ่สขน้�ตึเา่้งคา้ยยิรน�.ฟื่์เิมเ่ใูท่า์ฝร่�อคพหีีปูปึีเ่ง้ียงกึ�่รลร้ก๒ี๔ร็ันออา็กะบัม๒บนงแะเชห้ทรพรปา้อาปาศมีาวลสชยี๕ชัยม่เนุ่สิ๕ปง�ุไถิก็มซิส)น็ลิบโอัภคาตัน)าลิิแษนบาบอังั กฤษ พ ระกเจ้้าาอรยูอ่�่หา่ ัวันภพููมริพิ ะรลาอชดุนุลิิพยนเดธ์ช์พฯระใมห้ห้ไดา้อ้ชรนรกถขรอสงตพ้้อรงะดบูฉู าบมัับสพมเรดะ็็จราชทาน ที่�ม่ ีีรููปภาพประกอบ คุณุ ค่่าของพระราชนิิพนธ์อ์ ยู่�ที่่� “นัยั ยะ” ที่่�แสดงไว้ใ้ นรููปภาพ Cเจิปติ็Oน็ กDไรปEรตมาหรมืทีืพ่อจ่� ิริต“ะรนรักยั ารยชทัะป้้ง�”ระ๘สงท่คา่์์ไนด้ไอ้ ด้ย้บ่า่ รงรลจึกึ ซงึ้ถ้่�ง่าย(แทยอบดคใหา้ส้ยา)มซึา่�ง่ รเถป็็นสื่�่อรสหัาัสร โพธิญิ เาชณ่่น โมพณีธีิิยเมาขลัลยั าวิเชิรืืชอาสำำ�หเภมาายปถูึทู ึงะอเะลไยร์์ เวปา็น็จตา้อน้ ัันมีีปาฏิหิ ารย์์ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 171
๒.ภาพปริศิ นา และจิิตรกร แผนที่�่หน้า้ ๑๒ ๑๓ ( อ.เนติิกร ชินิ โย) บทที่่� ๕ หน้า้ ๑๖ ๑๗ ( อ.ปัญั ญา วิจิ ินิ ธนสาร) บทที่่� ๕ หน้้า ๑๘ ๑๙ ( อ.ปัญั ญา วิจิ ินิ ธนสาร) บทที่่� ๒๓ หน้้า ๘๑ ( อ.พิิชัยั นิิรันั ต์์) บทที่่� ๒๔ หน้า้ ๘๕ ( อ.พิชิ ััย นิิรัันต์์) บทที่่� ๒๗ หน้้า ๙๗ ๑๐๐ ( อ.ประหยัดั พงษ์ค์ ำ�ำ ) บทที่่� ๓๓ หน้้า ๑๒๖ ๑๒๗ ๑๒๘ (อ.ปรีีชา เถาทอง) บทที่�่ ๓๔ หน้้า ๑๓๑ ( อ.ปรีีชา เถาทอง) บทที่่� ๓๕ หน้า้ ๑๓๔ ๑๕ (อ.ปรีีชา เถาทอง) บทที่่� ๓๖ หน้้า ๑๓๘ ๑๓๙ ( อ.ปรีีชา เถาทอง) บทที่่� ๓๗ หน้้า ๑๔๒ ๑๔๓ ๑๔๔ (อ.ปรีีชา เถาทอง) เรืือสำ�ำ เภา เป็น็ สัญั ญาลักั ษณ์ข์ องลัทั ธิิ พาณิชิ ย์น์ ิยิ ม เศรษฐกิจิ แข่ง่ ขันั เสรีี หมายถึงึ ระบบทุนุ นิยิ ม บริโิ ภคนิยิ ม เสรีีนิยิ ม ประชาธิปิ ไตยแบบเลืือกตั้้ง� ระบบทุนุ นิยิ ม ที่ก�่ ำ�ำ ลังั ล่ม่ สลาย มณีีเมขลา หมายถึงึ ดาวเทีียม ๒.๑ พระราชนิพิ นธ์ม์ หาชนก กัับ “การพยากรณ์์เหตุบุ ้้านการณ์์เมืือง” ชื่อ�่ ภาพ “เหตุกุ ารณ์เ์ ผาบ้า้ นเผาเมือื ง” คำ�ำ อธิบิ ายภาพ ๑๕๗ ๑๕๘ ๓๔๕๑๒..... บเรใไัชอมอัน้่้ผาร่งูใู้้ผ้ดู�เ้้ขร้�ึ�ทบ้อ้ห้้ญา้น�นริิิงแสิรสููุแ่้ต่ทุ้��ธอลหำิะำ�น์ะ์สนม�าเอาวดา็จงเ็กปขสี็เีอ(น็ปก็กงเน็ าชชาตรลัราวัเยวแลปืืมบอิ่ร(ถิง่กมิะต็ลิพัอ็ก้้ัาร�งบนั ร)ป(ีคหธีรแื๕าืบอต๓ุ่ง่แุ )กพท้ทวข้ มกอ.เง)พืป่่อ� รแะยช่ง่าชธิิิงปิ ผไตลปยระโยชน์์ ๖. ทหารแตงโม ผู้�หันั หลังั ให้้กับั ชาติิ ศาสนา พระมหากษัตั ริิย์์และประชาชน ๗๘.. นกผสู้�าาเงฒรยค่เใร่าผหาผูาญ้ม�เบ่ด้ศี่ี้ายานนวสัเดักผนธาาาุยุรเมรกบืิะอื ิจนหงรหวะ่อา่ดคังับอสโยอลงกลไัปทั ธไิดใิ ้ห้ทญุุก่่ทีส่ั่�่่น� ยคกลเอวน้้นมพิุิถุทิิลธาศาสผู้น�อายู่ ๙. �เบื้้�องหลััง กสิกิ รรมธรรมชาติิ 172
บทที่่� ๕ หน้้า ๑๖ ๑๗ ดููคำำ�บรรยายเรื่�อ่ งการเผาบ้้านเผาเมือื งหน้้า ๑๗ บทท่\"ี ๕\"หนา ๑๗ ปญ หาภายในประเทศ เสาหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ๙. กษัตรยิ ์ กําลังมีภัยสง ผลกระทบตอ ความมัน่ คง ๗ ชาติ ๑ ๒ ๔๘ ๑.๒ ๑.๑ ๖ ๕๔ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 173
กสิกิ รรมธรรมชาติิ 174
ผู้้�มาปราบยุคุ เข็็ญเป็็นทั้้ง� พระ เป็น็ ทั้้ง� เทพ ใส่เ่ สื้้�อม่่วง นุ่�งกางเกงเขีียว นั่่�งบนพรมแดง กองกำำ�ลังั เสื้้�อสีีน้ำ��ำ เงินิ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 175
๒.๒ โหรา และการพยากรณ์์ การเดิินทางไปสุุวรรณภูมู ิิ การพยากรณ์์ สำ�ำ หรับั ออกเดินิ ทาง จากนครจัมั ปากะ ในวัันที่�่ ๒๐ เมษายน ไปสุุวรรณภูมู ิิ ได้้โดยสวััสดิภิ าพ ๒๔ เมษายน พยากรณ์์ว่่า การเดิินทาง จะบรรลุทุ ี่�่หมาย อัันดีีเลิิศ อย่า่ งไม่่คาดฝััน แม้้จะล่่าช้้า ไปบ้้างและต้้อง ฝ่่าฟัันอัันตราย นานัปั การ วันั ที่�่ ๒ พฤษภาคม จะประสบภััย จากพายุไุ ซโครน ทำำ�ให้้เรืืออังั ปางลง (๒ พ.ค.๒๕๕๑) พายุุไซโคลนนากีีซ ที่�ป่ ระเทศพม่า่ กสิิกรรมธรรมชาติิ 176
๙ พฤษภาคม เป็น็ วัันอุุโบสถหลังั จาก โดนพายุไุ ซโคลน พระมหาชนกว่่ายน้ำ��ำ ตลอดเจ็ด็ วัันเจ็็ดคืืน จนมาพบมณีีเมขลา มณีีเมขลาอุ้้�มพามหาชนก ไปไว้ท้ ี่่อ� ุุทยาน ในมิิถิลิ านคร ที่�่มา ส.ค.ส.๒๕๔๒ บุุคคลเมื่่�อกระทำ�ำ ความเพีียร แม้้จะตายก็ช็ ื่อ�่ ว่า่ ไม่เ่ ป็น็ หนี้้ร� ะหว่า่ ง หมู่่�ญาติเิ ทวดา และบิิดามารดา อนึ่่ง� เมื่อ�่ ทำำ�กิิจอย่า่ ง ลูกู ผู้้�ชายย่อ่ มไม่่ เดืือดร้้อนในภายหลังั มณีีเมขลากล่่าวว่่า “การงานอันั ใดยัังไม่ถ่ ึงึ ที่�ส่ ุุดด้ว้ ยความพยายาม การงานอันั นั้้�น ก็็ไร้้ผล มีีความลำ�ำ บากเกิดิ ขึ้้น� การทำ�ำ ความพยายาม ในฐานะอัันไม่่สมควร ใดๆ จนความตาย ปรากฏขึ้้น� ความพยายาม ในฐานะอัันไม่่สมควร นั้้�นจะมีีประโยชน์์อะไร” กสิกิ รรมธรรมชาติิ 177
ท่า่ นใดถึงึ พร้อ้ ม ด้ว้ ยความพยายาม โดยธรรม ไม่จ่ มลงในห้ว้ ง มหรรณพ ซึ่่�งประมาณมิไิ ด้้ เห็น็ ปานนี้้ด� ้้วยกิิจ คืือ ความเพีียร ของบุุรุษุ ท่า่ นนั้้�น จงไปในสถานที่่� ที่่�ใจของท่า่ นยินิ ดีี นั้้�นเถิิด ๑พพ๒ั.นรั. ะปธปกมริฏิหิจะวิ ักาัตจิชาิกาศนากเกรศพศร๒รึึกษะษรฐเราากื่ิ�อ่ใชิจหงนพมิ่พิ อ่ นเพธี์ีย์ ง ปใจจไ“นดขาา้า้อร้า้ กกฏัิแับคาโิหำอกตพ�ำ่าษา่บกรรัศลิฐณัแิย์่์ข์หา่์ทฑ่อ่มวิ่งิ่างติขโบิ นทพัอ่ังตวา่ธง้คิา้อนญิมวจณง”ีราาใีหหณอเ้ัมา้สนั ขยามีลีธไุปาชุ น หใตส“โัำพ้นถน้�ำง�ึ้กึงธเสา้ิรกายิ ็ถ็จลาา๑ากลนลั๐ิบ้ั้จิัอน�ัย๐นััทันทีก่่มแ�่ค่าาหทวนร้ราจ้”ศึึวงึ กึิทิชจ่ษ่าชะานาใจลหั้งัย้ชื่อ่� ว่่า ๒.๓ พันั ธกิิจ ในพระราชนิพิ นธ์พ์ ระมหาชนก มณีีเมขลาได้ร้ ัับสั่่ง� ไว้ใ้ ห้้ มหาชนกดำ�ำ เนิินการ ดังั นี้้� ๑.ประกาศ และให้้ดำำ�เนิินการเพื่อ�่ ฟื้�้นฟูปู ระเทศโดยใช้้ ระบบเศรษฐกิิจพอเพีียง (ประกาศ ๒๕๔๐ ใช้้ในรััฐธรรมนูญู ๒๕๕๐) ๒.ปฏิิวััติกิ ารศึึกษา โดยใช้้องค์์ความรู้้� ภููมิปิ ััญญา วััฒนธรรมอัันดีีงามที่ย�่ ัังเหลืืออยู่� เพื่่�อฟื้้น� ฟููประเทศ (ตั้้ง� ปููทะเลย์ม์ หาวิชิ ชาลััย) กสิกิ รรมธรรมชาติิ 178
บทที่่� ๓๐ หน้้า ๑๑๓ วาจาอัันมีีปาฏิิหาริยิ ์์ (พระราชดำ�ำ ริิ พระราชดำ�ำ รัสั พระบรมราโชวาท ) “สิ่่�งที่ม�่ ิไิ ด้้คิดิ ไว้จ้ ะมีีก็็ได้้ สิ่่�งที่ค�่ ิิดไว้้จะพินิ าศก็็ได้้” “โภคะทั้้�งหลาย ของหญิงิ ก็ต็ าม ของชายก็็ตาม มิิได้ส้ ำำ�เร็จ็ ด้้วยเพีียงคิดิ เท่่านั้้�น” มีีการนำ�ำ ไปใช้้ ใน ส.ค.ส. พระราชทานปีี ๒๕๔๒ และปีี ๒๕๕๕ ๒.๔ การประยุกุ ต์์ใช้ใ้ น ส.ค.ส.พระราชทาน ปีี๒๕๔๒ ปี๒ี ๕๔๕ ปีี๒๕๔๖ ปี๒ี ๕๔๗ ปี๒ี ๕๕๕ ปีี๒๕๕๘ ปี๒ี ๕๕๙ ส.ค.ส. พระราชทาน ๗ ปีี ที่ท�่ รงเตืือนให้ป้ ฏิวิ ัตั ิกิ ารศึกึ ษา โดยกล่า่ วถึงึ ปูทู ะเลย์์ มหาวิชิ ชาลัยั มิถิ ิลิ า (บ้า้ นเชีียง) สถานอบรมสั่่ง� สอนให้เ้ บ็ด็ เสร็จ็ วัดั พระเชตุพุ น สถาบันั ฤษีีดัดั ตน กสิิกรรมธรรมชาติิ 179
๒.๕ เมืืองอวิิชชา มีีสาเหตุแุ ห่ง่ ความทุกุ ข์์ หรืือ อวิิชชา คืือ ความโลภ โกรธ หลง เป็น็ จุุดเริ่ม� ต้น้ ของหลัักเหตุุผล หรืือ วงจรของการเกิิดทุกุ ข์์ “ปฏิิจจสมุุปบาท” กสิกิ รรมธรรมชาติิ 180
สภาพปัญั หาและสาเหตุุ ของเมือื งอวิชิ ชา ที่่ผ�ู้�คนโง่่ หลงอยู่�ในโมหภูมู ิิ ไม่่รู้�เท่่ากััน จิิต อันั มีีตัณั หา ความโลภ โกรธ หลง เป็น็ พื้้น� ฐาน ส่่งผลกระทบต่อ่ ความมีีระเบีียบเรีียบร้อ้ ย ของบ้้านเมือื ง การขาดคุุณธรรมของผู้้�นำำ�ฯ ในทุกุ ระดัับ จนถึึงเจ้า้ หน้า้ ที่ข่� องรัฐั แม้้กระทั่่�งผู้้�ทรงศีีล ที่ห�่ ลงติดิ เสพในกามคุณุ ไม่่ปฏิิบััติิกิจิ ของสงฆ์์ หลงผิดิ ยอมรับั นำำ�วัฒั นธรรมต่่างชาติิถืือเป็็นสรณะ ดููถููกภููมิปิ ัญั ญาของชาติติ นเอง ผู้�คนเห็็นแก่ป่ ระโยชน์ส์ ่่วนตน ชัักชวนต่่างชาติิมาแย่ง่ ชิงิ ใช้ป้ ระโยชน์์ ในทรััพยากรธรรมชาติิอย่า่ ง ไม่ร่ ะมัดั ระวังั ส่ง่ ผลกระทบต่อ่ สิ่่ง� แวดล้อ้ ม ธรรมชาติิ มีีระบบอุุปถััมภ์์ แพร่ก่ ระจายในทุกุ ระดับั กสิกิ รรมธรรมชาติิ 181
กสิกิ รรมธรรมชาติิ 182
สาเหตุทุ ี่่ท� ำำ�ให้น้ ้ำ�ำ� ท่ว่ มมิถิ ิิลา (กรุุงเทพฯ) และการฟื้�้นฟููด้้วยศรัทั ธาใน เศรษฐกิิจพอเพีียงของภาคประชาชนนื้้ต� ่่างจากภาครัฐั โดยพิิจารณาได้้จากความศรัทั ธาและใช้เ้ ก้้าวิธิ ีีในการฟื้้น� ฟูู กสิิกรรมธรรมชาติิ 183
๒.๖ ถอดรหัสั “ปูทู ะเลย์์” ปูทู ะเลย์ห์ รืือ ทศพิิศราชธรรม ภัยั พิบิ ััติิทั้้ง� หลายจะผ่า่ นพ้้นไปได้้ ด้ว้ ยจะต้อ้ งรู้้�ตััวเอง รู้�เท่่าทัันทุกุ ข์์ และเหตุแุ ห่่งทุกุ ข์์ โดยใช้้ความเพีียรพระมหาชนกทรงมีีปูทู ะเลย์์เป็็นฐาน เพื่อ�่ รองรัับช่่วยค้ำ��ำ จุุนตอนยากลำ�ำ บาก เปรีียบเสมืือนผู้้�นำ�ำ ที่ต�่ ้้องมีี ทศพิิศราชธรรมประกอบด้้วย ทาน ศีีล บริิจาคะ มัทั วะ อาชวะ ตบะ อโกธะ อวิิหิิงสา ขัันติิ อวิโิ รธนะ เป็น็ ฐานรองรัับ จึึงจะได้ร้ ัับการยอมรับั และมีีผู้้�คุ้้�มครอง และค้ำ�ำ�จุุนยามที่่�ประสบปััญหา กสิิกรรมธรรมชาติิ 184
๒.๗ “อริิยสััจสี่�่” ธรรมะของพระพุุทธเจ้า้ ในพระราชนิิพนธ์พ์ ระมหาชนก อริยิ สัจั สี่�่ ในพระมหาชนก ๑.ทุกุ ข์์ ความกลัวั ความโง่่ ความไม่ร่ ู้้�จัก จิติ ที่แ�่ ท้จ้ ริงิ ขาดธรรมะ ( หน้า้ ๑๔๒) ๒.สมุทุ ัยั เหตุแุ ห่ง่ ทุกุ ข์ค์ ืือ กิเิ ลส ตัณั หาได้แ้ ก่ค่ วาม โลภ โกรธ หลง ๓.นิโิ รธ หรืือ นิพิ พาน การแก้ป้ ัญั หา ให้แ้ ก้ท้ ี่เ�่ หตุุ เริ่ม� จากการมีีสติริู้� เท่า่ ทันั จิติ หยุดุ ที่ใ�่ ดที่ห�่ นึ่่ง� ในวงจร ปฏิจิ จสมุปุ บาท (หน้า้ ๑๔๗ ) ๔.มรรค มรรคมีีองค์แ์ ปด มัชั ฌิมิ าปฏิปิ ทา ทางสายกลาง ๙ วิธิ ีี ในการฟื้น�้ ต้น้ มะม่ว่ ง (หน้า้ ๑๔๔) ๕.ผล ของการปฏิบิ ัตั ิติ าม หลักั อริยิ สัจั สี่�่ และการขับั เคลื่อ�่ นเศรษฐกิจิ พอเพีียง กสิกิ รรมธรรมชาติิ 185
ประเทศไทยนี้้�โชคดีี ที่�ม่ ีีในหลวง พระองค์์ ทรงเป็น็ พลังั แผ่น่ ดินิ ทรงเป็น็ ปราชญ์ท์ ี่่� เหนืือปราชญ์ท์ ั้้�งหลาย ทรงใช้ป้ รััชญาพอเพีียง นำำ�ทาง ใช้้ความเพีียร อัันบริิสุุทธิ์์� ปัญั ญาอััน เฉีียบแหลม พละกำ�ำ ลััง อัันสมบููรณ์์ และ นำ�ำ แนวทางการฟื้้�นฟูู ประเทศด้้วยศาสตร์์ พระราชา ทรงได้้จาก การทรงงานอย่า่ งหนััก เพื่่�อขจัดั ทุุกข์บ์ ำ�ำ รุุงสุขุ ให้พ้ สกนิิกรของพระองค์์ ตลอดพระชนม์ช์ ีีพ กสิิกรรมธรรมชาติิ 186
๒.๘คาํ ตอบอยทู ภ่ี าพสดุ ทา ย ภาพสุดทาย แสดงกระบวนการพฒั นาในอดตี ท่ีมีอวชิ ชาเปนพน้ื ฐาน ปจ จบุ ัน จนถึงอนาคต ทีม่ รี ะบบเศรษฐกิจใหมมีคุณธรรมเปนพ้นื ฐาน ๑.ทุกข มถิ ิลาไมสิน้ คนดี ๓.นิโรธ ยคุ เศรษฐกจิ พอเพียง เมืองอริยะ วริ ยิ ะ อวชิ ชา อนรุ กั ษ พฒั นา คณุ ธรรม กคาอื รคพวฒั ามนาไทมผร่ี เูดิ ทพา ลทานั ดกใเิ นลอสดเตี ปทน ม่ี พอี น้ื วฐชิ าชนา ระมหคี ววา างมเกพายี รรอทนาํรุ ใกั หษเ ก แดิ ลคะวกาามรสพมฒั ดลุนา ผลขทอม่ี งคีกณุารธพรฒัรมนเาปตน าพมน้ื ลฐาํ าดนบั ขน้ั ยคุ หลงการพฒั นาเพอ่ื สากล ทม่ี อี วชิ ชาเปน ฐาน ชาวมถิ ลิ า ยคุ เศรษฐกจิ อยเู ยน็ ยคุ ทป่ี ระเทศมคี ณุ ธรรม ยงั ยากจน พอเพยี ง เปน สขุ เปน พน้ื ฐาน เมอื งอารยิ ะ กสิิกรรมธรรมชาติิ 187
๒.๙ เกาวธิ ีในการฟน ฟปู ระเทศ “เกา วธิ ใี นการฟน ฟตู น มะมว งทม่ี ผี ล” มี “นยั ยะ” หมายถงึ เกา วธิ ใี นการฟน ฟปู ระเทศ ทเ่ี คยอดุ มสมบรู ณแ ละอยใู นมอื ของผโู งเ ขลา ทเ่ี อาแตป ระโยชนส ว นตน หรอื มหาอาํ นาจทก่ี าํ ลงั ยดึ ครองประเทศอยู โดย อนั เตวาสกิ ะพราหม เปน ผพู จิ ารณาถอดรหสั และนาํ เสนอเกา วธิ ี ไดแ ก “อนั เตวาสกิ ะพราหม” หมายถงึ นกั วชิ าการทม่ี คี วามรู แมน ทฤษฎี มวี ญิ ญาณ ประสานเซยี น และลงมอื ปฏบิ ตั ไิ ดจ รงิ เกา วธิ ใี นการฟน ฟปู ระเทศ ๑.เพาะเมด็ ตน กลา ของสงั คม หมายถงึ เยาวชนหากแขง็ แรง โดยไดร บั การปลกู ฝง คณุ ธรรมความรู จนเตบิ โตเปน ผใู หญท ด่ี ี กจ็ ะสามารถสง ผา นความดสี รู นุ ตอ ๆไป ๒.ถนอมราก หมายถงึ รากเหงา ความดขี องสงั คม หรอื หมายถงึ การฟน ฟสู งั คม โดยการ รกั ษาประวตั ศิ าสตร วฒั นธรรม ภมู ปิ ญ ญา คณุ คา อนั ดงี ามทต่ี กทอด มาจากบรรพบรุ ษุ ใหค งอยู ๓.ปก ชาํ กง่ิ การคดั เลอื กคนดใี นสงั คมขน้ึ มาควรไดร บั การทาํ นบุ าํ รงุ สง เสรมิ ใหม ี บทบาทในการพฒั นาและบรหิ ารบา นเมอื ง ๔.เสยี บยอด การเสรมิ คนดใี หม อี าํ นาจเหนอื คนโง คนไรป ญ ญา จนสามารถแผ อทิ ธพิ ลคณุ ธรรมปกครองคนโงเ ขลาและเปลย่ี นแปลงขดั เกลาคนโงไ ด ๕.ตอ ตา ความรใู หมๆ โลกทศั น วธิ คี ดิ ใหมๆ ความคดิ ดๆี ทเ่ี ปน ประโยชนม าใหก บั คนทย่ี งั งมงาย คนทย่ี งั อยใู นอบาย ๖.ทาบกง่ิ คอื การประสานเชอ่ื มรอ ยพลงั ของ คนดี เขา ดว ยกนั โดยการเอาเรอ่ื งดๆี มาผกู โยงเขา ดว ยกนั องคก รดๆี คนดๆี เขา มาอยเู ปน เครอื เดยี วกนั ๗.ตอนกง่ิ ใหอ อกราก การสรา งเสรมิ คนดี ใหม คี วามมน่ั คงแขง็ แรงพอ เพอ่ื ทจ่ี ะ สามารถขยบั ขยายไปสรา งรากฐานในทใ่ี หมๆ ไดด ว ยตนเอง ๘.รมควนั การปฏริ ปู อาจมทิ นั การ และคนบางคน กลมุ คนบางกลมุ กช็ อบ ไมเ รยี ว มากกวา ๙. ชวี าณสู งเคราะห การใชส อ่ื สารมวลชน โดย การเรง สรา ง สอ่ื คณุ ธรรม ใหเ ขา มาแทนทส่ี อ่ื โมหจรติ ใหเ รว็ ทส่ี ดุ กสิกิ รรมธรรมชาติิ 188
หน้า ๑๔๔ ความปลอดภัย ภาพของอารยะนคร ศาสตร์พระราชา ความสุข ความเจริญ เป็ นผลทเ�ี กิดขึน� กับสังคม ท�ีใช้เศรษฐกจิ พอเพยี ง รเ๕ปะ็.นกหาพวร่าืน�พงฐกัฒาานนรอทาปนําใรุรหะัก้เเษกท์แิดศลคทะวม�ี กาีคามรุณสพธมฒั รดรนลุ มา เป็ นแนวทางในการ ฟื� นฟูประเทศ สมดลุ สั มมาชีพ อนุรักษ์ พฒั นา การพฒั นาประเทศ การศึกษา ต้องทาํ อย่างเป็ นข�ัน ศาสนา สาธารณสุข เป็ นตอนข้ามข�ันมไิ ด้ การพัฒนาประเทศต้อง พัฒนามนุษย์ให้มคี ณุ ธรรม คาํ นึงถึงประโยชน์ส่วนร่วม ภาพสุดุ ท้า้ ยเป็น็ ภาพที่แ�่ สดงขั้น� ตอน กระบวนการพัฒั นาประเทศภายใต้้ ระบบเศรษฐกิจิ พอเพีียงของในหลวงรัชั กาลที่�่ 9 อย่า่ งเป็น็ องค์ร์ วม โดยเป้า้ หมาย การพัฒั นาเพื่อ�่ ให้เ้ กิดิ สังั คมประเทศชาติทิ ี่ม�่ ีีความปลอดภัยั ความสุขุ ความเจริญิ เป็น็ อารยะนคร ยึดึ หลักั ความสมดุลุ ระหว่า่ งการอนุรุ ักั ษ์แ์ ละการพัฒั นา ควบคู่�กันั ไป กระบวนการพัฒั นาทำ�ำ เป็น็ ขั้น� เป็น็ ตอน ดังั นี้้� - การพัฒั นาประเทศต้อ้ งเริ่ม� ต้น้ จากการพัฒั นามนุษุ ย์จ์ ากฐานรากการสาธารณสุขุ การดูแู ลและโภชนาการที่ด�่ ีีตั้้ง� แต่แ่ รกเกิดิ (เด็ก็ ทารก มีีพยาบาลอยู่�ข้า้ งๆ) เยาวชนเติบิ โตเป็น็ คนดีี มีีคุณุ ธรรมและความกตัญั ญูู - จ นย่า่ งเข้า้ สู่่�วัยเรีียน สู่�ระบบการศึกึ ษาที่เ�่ น้น้ คุณุ ธรรมจริยิ ธรรม และการพัฒั นาจิติ ใจ โดยมีีศาสนาเป็น็ หลักั ยึดึ และหลักั วิชิ าของอาชีีพที่ห�่ ลากหลาย ประกอบขึ้น� เป็น็ สังั คม แห่ง่ สัมั มาอาชีีพ ทุกุ คนประกอบอาชีีพแห่ง่ ตนด้ว้ ยความเที่ย�่ งตรง ซื่อ�่ สัตั ย์์ สุจุ ริติ รับั ผิดิ ชอบ - ขณะเดีียวกันั อารยะนครแห่ง่ นี้้ย� ังั อนุรุ ักั ษ์์ บำ�ำ รุงุ ศาสนาและศิลิ ปะ วัฒั นธรรมอันั ดีีงาม ของปวงประชาที่ป�่ ระกอบด้ว้ ยชนจากหลากหลายเชื้้อ� ชาติิ เผ่า่ พันั ธุ์�ให้เ้ จริญิ งอกงาม - การพัฒั นาทำ�ำ เป็น็ ขั้น� เป็น็ ตอน จากขั้้น� พื้้น� ฐานสู่�ขั้น� ก้า้ วหน้า้ โดยไม่ป่ ฏิเิ สธเทคโนโลยีี กสิกิ รรมธรรมชาติิ 189
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202