Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มรายงาน อพ.สธ.63 มทร.ธัญบรี

เล่มรายงาน อพ.สธ.63 มทร.ธัญบรี

Published by WebsiteRMUTT rmutt, 2021-10-25 08:21:38

Description: เล่มรายงาน อพ.สธ.63 มทร.ธัญบรี

Search

Read the Text Version

ประเดน็ ยุทธศำสตร์ 3. ช่ือโครงกำร : โครงกำรกิจกรรมสร้ำงจติ สำนกึ ในกำรอนรุ ักษพ์ นั ธบุ์ วั ไทย 1. ได้รบั จดั สรรงบประมำณ : งบประมาณรายจ่าย ประจาปี 2563 เป็นเงินจานวน 150,000 บาท (หนงึ่ แสนหา้ หม่ืนบาทถว้ น) 2. ประเภทผลผลิต: ผลผลิตผ้สู าเร็จการศกึ ษาด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. ชอ่ื ผูร้ บั ผิดชอบโครงกำร ชอ่ื -สกุ ล ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ทศพร แสงสว่าง คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม เบอรโ์ ทรศัพท์ 089-6994199 4. ควำมสอดคล้องกบั นโยบำยและยุทธศำสตร์ พ.ศ. 2563 - 2580 และแผนปฏิบตั ริ ำชกำร 3 ปี พ.ศ.2563-2565 มทร.ธัญบุรี 4.1 ประเดน็ ยทุ ธศำสตร์  ประเด็นยทุ ธศาสตร์ที่ 1 การเรยี นรู้สูก่ ารเปน็ นวัตกร  ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 การวิจยั เพอ่ื สรา้ งสรรคน์ วัตกรรม  ประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ี่ 3 การบริการวชิ าการและเพิ่มมูลคา่ ดา้ นศลิ ปวัฒนธรรมดว้ ยนวตั กรรม  ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การ 4.2 สอดคล้องกบั คำ่ ใชจ้ ำ่ ยโครงกำรใด (จะเชือ่ มโยงตำมผลผลิตของโครงกำรทเ่ี ก่ียวขอ้ ง) ผลผลิตผลงานการใหบ้ รกิ ารวชิ าการ (เลือกเพยี ง 1 ข้อ)  1. โครงการฝกึ อบรมเพ่ือยกระดับกาลังคน Up skill Re skill New skill เพือ่ ตอบโจทย์ 10 S-Curve และ EEC  2. โครงการบรกิ ารวิชาการด้วยการนาองคค์ วามรู้ เทคโนโลยี หรอื นวัตกรรม มาขบั เคลอ่ื นให้เปน็ ผลติ ภัณฑ์ สินค้า หรอื บรกิ าร ทีเ่ พม่ิ คณุ ค่าหรอื ต่อยอดเชงิ พาณชิ ย์ ร่วมกบั ภาคอตุ สาหกรรม หรอื สถาน ประกอบการ  3. โครงการสง่ เสรมิ เกษตรกรรมดว้ ยนวัตกรรมดา้ นการเกษตร / ระบบ Smart farm  4. โครงการพฒั นานวัตกรรมชมุ ชน วิสาหกิจชุมชน และ Smart SMEs ด้วยงานวจิ ยั นวตั กรรม  5. โครงการยกระดบั คุณภาพชีวิตของชมุ ชนเป้าหมายดว้ ยองค์ความรู้และนวตั กรรม  6. โครงการยกระดบั คณุ ภาพชีวิตของผ้สู ูงอายุ นานวตั กรรมไปใช้ช่วยเหลอื การดารงชวี ติ ของผสู้ งู วัย หรือ สง่ เสริมงานอาชีพหรือกจิ กรรมท่เี หมาะสมกบั ผู้สูงวยั  7. ค่าใช้จา่ ยโครงการพัฒนาโรงเรียนเครือข่ายในพนื้ ท่ี Area based มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบรุ ี (ปทุมธานี นครนายก ปราจนี บรุ ี สระแกว้ และฉะเชิงเทรา) - 197-

ผลผลติ ผลงานทานุบารุงศลิ ปวฒั นธรรม (เลือกเพียง 1 ข้อ)  1. โครงการสง่ เสริมการอนรุ ักษ์ สบื สาน ศลิ ปวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิน่  2. โครงการนาองคค์ วามรู้ เทคโนโลยี หรือ นวตั กรรม ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ มา ขับเคลอื่ น ให้เป็นผลิตภัณฑ์ (สนิ ค้าหรือบรกิ าร) ที่มีคุณค่า มูลค่าเชิงนวัตวถิ หี รอื เชงิ พาณิชยอ์ ย่างย่งั ยืน  3. โครงการเผยแพร่ศลิ ปะ หัตถกรรม การแสดง ดนตรี ในระดบั ชาติ ผลผลติ ผลผลิตผูส้ าเร็จการศกึ ษาดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลผลิตผู้สาเรจ็ การศกึ ษาด้าน สงั คมศาสตร์ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม (เลือกเพยี ง 1 ข้อ)  1. โครงการด้านการพฒั นาหลกั สตู รและยกระดบั หลักสตู รสู่มาตรฐานสากล  2. โครงการดา้ นการพัฒนากระบวนการเรยี นการสอนเพือ่ ผลติ นวัตกร  3. โครงการด้านการพัฒนาสมรรถนะนกั ศึกษาตามคณุ สมบัตบิ ัณฑิตทีพ่ งึ ประสงค์  4. โครงการด้านการพัฒนานักศกึ ษาใหม้ ีความคิดในเชงิ ผปู้ ระกอบการสรา้ งสรรค์นวัตกรรม (Innopreneur , ยวุ สตาร์ทอัพ)  5. โครงการด้านการพฒั นาสมรรถนะนกั ศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานระดบั สากล  6. โครงการพฒั นาสมรรถนะอาจารยด์ ้านวิชาชพี ใหเ้ ปน็ ผู้สรา้ ง นวตั กร ผูป้ ระกอบการ และนักธรุ กิจใหม่  7. โครงการพฒั นาอาจารยด์ า้ นเทคนคิ การสอนและส่งเสริมกระบวนการคดิ ในด้าน Problem Solving, Analysis Thinking, Design Thinking, Innovative Thinking  8. โครงการพัฒนาระบบสง่ เสริมการเรยี นรตู้ ลอดชีวิตและพัฒนาทักษะเพอ่ื อนาคต (Up skill/Re skill/New skill)  9. โครงการพฒั นาระบบส่งเสรมิ การเรยี นร้สู าหรบั ผู้สงู วัย  10. โครงการด้านการพัฒนาอาจารยใ์ ห้เป็นนักวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรมท่ีตอบโจทยป์ ระเทศ  11. โครงการพฒั นาและยกระดับคุณภาพงานวจิ ยั และนวัตกรรม  12. โครงการเผยแพรผ่ ลงานวิจยั และนวตั กรรม  13. โครงการยกระดับการบริหารจดั การเพ่ือการพฒั นาศักยภาพรองรบั การเป็น Innovative University  14. โครงการพฒั นาสมรรถนะบคุ ลากร ตามแผนพัฒนารายบุคคล (IDP)  15. โครงการพฒั นามหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) รองรบั การจัดอันดบั โดย University of Indonesia (UI) 5. ควำมสอดคล้องกบั ประเด็นยทุ ธศำสตร์ชำติ 20 ปี (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1) ดา้ นความมั่นคง ( ) 2) ดา้ นการเสริมสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ( ) 3) ด้านการพฒั นาและเสริมสรา้ งศกั ยภาพคน () 4) ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกนั ทางสังคม ( ) 5) ดา้ นการสรา้ งการเตบิ โตบนคณุ ภาพชวี ิตทเ่ี ปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ( ) 6) ด้านการปรับสมดลุ และพัฒนาระบบการบริหารจดั การภาครฐั - 198-

6. ควำมสอดคลอ้ งกับแผนแมบ่ ทภำยใต้ยุทธศำสตร์ชำติ (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1. ประเดน็ ความม่ันคง ( ) 2. ประเดน็ การต่างประเทศ () 3. ประเดน็ การพัฒนาการเกษตร ( ) 4. ประเดน็ อตุ สาหกรรมและบรกิ ารแหง่ อนาคต ( ) 5. ประเด็น สร้างความหลากหลายดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว ( ) 6. ประเด็น การพัฒนาพ้นื ท่ีและเมอื งน่าอยอู่ จั ฉริยะ ( ) 7. ประเดน็ โครงสรา้ งพื้นฐาน ระบบโลจสิ ติกส์ และดิจิทัล ( ) 8. ประเด็น พัฒนาเศรษฐกจิ บนพ้นื ฐานผู้ประกอบการยุคใหมแ่ ละวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ( ) 9. ประเดน็ เขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออก ( ) 10.ประเด็น การปรบั เปลย่ี นค่านยิ มและวัฒนธรรม ( ) 11. ประเด็น การพัฒนาศักยภาพคนตลอดชว่ งชีวติ ( ) 12. ประเดน็ การพฒั นาการเรียนรู้ ( ) 13. ประเด็น การเสริมสรา้ งใหค้ นไทยมีสขุ ภาวะทด่ี ี ( ) 14. ประเดน็ ศักยภาพการกีฬา ( ) 15. ประเด็น การเสรมิ สรา้ งพลงั ทางสงั คม ( ) 16. ประเด็น การพัฒนาความเสมอภาคและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ( ) 17. ประเด็น การสรา้ งหลกั ประกนั ทางสงั คม ( ) 18. ประเดน็ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยนื ( ) 19. ประเดน็ การบริหารจัดการนา้ ท้ังระบบ ( ) 20. ประเดน็ การพัฒนาบริการประชาชนและการพฒั นาประสิทธิภาพภาครัฐ ( ) 21. ประเด็น การต่อตา้ นการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ ( ) 22. ประเด็น การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยตุ ธิ รรม ( ) 23. ประเด็น การวิจัยและพัฒนานวตั กรรม 7. ควำมสอดคล้องกับแผนปฏิรปู ประเทศ (เลือกเพยี ง 1 ขอ้ ) ( ) 1. ดา้ นการเมอื ง ( ) 2. ด้านการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ( ) 3. ดา้ นกฎหมาย ( ) 4. ด้านกระบวนการยตุ ิธรรม ( ) 5. ดา้ นเศรษฐกจิ () 6. ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ( ) 7. ดา้ นสาธารณสขุ ( ) 8. ด้านสือ่ สารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ( ) 9. ดา้ นสังคม ( ) 10. ดา้ นพลงั งาน ( ) 11. ดา้ นป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต และประพฤตมิ ิชอบ - 199-

8. ควำมสอดคล้องกับแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.2561-2564) ยุทธศำสตร์กำรพฒั นำประเทศ (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1. การเสริมสร้างและพัฒนาศกั ยภาพทุนมนษุ ย์ ( ) 2. การสร้างความเปน็ ธรรมลดความเหลอื่ มลา้ ในสังคม ( ) 3. การสร้างความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจและแข่งขันไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื ( ) 4. การเติบโตที่เป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือการพฒั นาอย่างย่งั ยนื () 5. การเสรมิ สร้างความมัน่ คงแห่งชาตเิ พ่ือการพัฒนาประเทศสู่ความมง่ั ค่ังและยง่ั ยืน ( ) 6. การบรหิ ารจดั การในภาครฐั การป้องกันการทจุ ริตประพฤติมิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย ( ) 7. การพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานและระบบโลจสิ ติกส์ ( ) 8. การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวตั กรรม ( ) 9. การพัฒนาภาค เมือง และพนื้ ทเ่ี ศรษฐกจิ ( ) 10. ความรว่ มมือระหวา่ งประเทศเพ่ือการพฒั นา 9. สถำนท่ดี ำเนนิ กำร พนื้ ที่ Area based จงั หวดั ปทุมธานี ศูนยน์ วัตกรรมและเทคโนโลยีการเรียนรู้ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี จ.ปทุมธานี 10. งบประมำณ ไดร้ บั จัดสรร 150,000 บาท ใช้จ่ายจรงิ 146,962 บาท - คา่ ตอบแทน 32,400 บาท - ค่าอาหาร 58,450 บาท - คา่ อาหารว่างและเคร่ืองด่ืม 56,112 บาท 11. จำนวนผเู้ ข้ำร่วมโครงกำร กลุ่มเป้ำหมำย จำนวนเปำ้ หมำย จำนวนจรงิ ระยะที่ 1 วันท่ี 13-16 100 คน 98 คน มกราคม 2563 นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 100 คน 98 คน ระยะที่ 2 วันท่ี 21-24 มกราคม พ.ศ. 2563 นกั ศกึ ษาปริญญาตรี มทร.ธัญบรุ ี ระยะที่ 3 วันท่ี..10-13 เดอื น 100 คน 98 คน กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2563 บคุ ลากรทางการศึกษาและ 300 คน 294 คน นกั เรยี นระดับประถมศกึ ษา รวมจำนวนท้ังสิ้น - 200-

12. สรุปหลักสตู รกำรอบรม/หวั ข้อกำรบรรยำย ระยะท่ี 1 วันที่ 13-16 มกรำคม 2563 ผ้เู ข้ำอบรมเป็นนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 จำนวน 98 คน ณ หอ้ ง 406 อำคำรศึกษำศำสตร์ 2 คณะครุศำสตรอ์ ุตสำหกรรม ลาดับ หวั ขอ้ รายช่ือ ข้อมลู วทิ ยากร หนว่ ยงาน ที่ ตาแหนง่ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม 1 บรรยาย ความรเู้ กี่ยวกบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหนา้ ศูนย์นวตั กรรม คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม การอนรุ กั ษพ์ ันธ์ุ และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม หัวหนา้ ศนู ย์นวตั กรรม 2 ปฏิบัติ กจิ กรรมสร้าง ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง และเทคโนโลยีการเรียนรู้ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม จิตสานึกในการอนรุ ักษบ์ วั คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม ภาควิชาเทคโนโลยี ไทย และสอ่ื สารการศกึ ษา คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม ภาควิชาเทค ผศ.ดร.เทียมยศ ปะสาวะ โนโลยแี ละสอื่ สารการศกึ ษา หวั หนา้ ศูนยน์ วตั กรรม โน และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ ผศ.ปิยนันท์ ปานนม่ิ หัวหน้าศูนย์นวตั กรรม และเทคโนโลยีการเรยี นรู้ 3 บรรยาย การผลิตหนังสือ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เรื่อง การอนุรักษพ์ นั ธ์ุบวั ไทย 4 ปฏบิ ตั ิการ ผลติ หนงั สือ ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง อิเล็กทรอนิกส์ เร่ืองการอนุรักษพ์ นั ธ์บุ วั ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะ ภาควชิ าเทคโนโลยี โน และสือ่ สารการศึกษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานนิม่ ภาควิชาเทค โนโลยแี ละสอ่ื สารการศึกษา 5 บรรยาย การผลิตแผน่ พบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศูนยน์ วตั กรรม เพอ่ื การประชาสัมพนั ธก์ าร และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ อนรุ ักษ์พนั ธ์บุ ัวไทย จงั หวัด ปทุมธานี 6 ปฏิบตั กิ ารการผลิตแผน่ พบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง หวั หน้าศนู ยน์ วตั กรรม เพื่อการประชาสัมพนั ธก์ าร และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ อนรุ ักษ์พนั ธุบ์ ัวไทย ผศ.ดร.เทียมยศ ปะสาวะ ภาควชิ าเทคโนโลยี โน และสอ่ื สารการศกึ ษา ผศ.ปยิ นนั ท์ ปานน่มิ ภาควิชาเทคโนโลยี และส่ือสารการศึกษา - 201-

ลาดบั หัวข้อ รายชือ่ ขอ้ มูลวทิ ยากร หน่วยงาน ที่ ตาแหนง่ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม 7 บรรยาย การถ่ายทอดเพื่อ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง สรา้ งจติ สานึกการอนุรกั ษ์ หวั หน้าศูนยน์ วตั กรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม และเทคโนโลยีการเรยี นรู้ และห่วงแหน พันธ์บุ ัวไทย 8 ปฏบิ ัติ การแสวงหา ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหน้าศูนยน์ วตั กรรม และเทคโนโลยีการเรียนรู้ มูลค่าเพม่ิ จากผลิตภณั ฑบ์ ัว ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะโน ภาควิชาเทคโนโลยี และสื่อสารการศกึ ษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานนิ่ม ภาควชิ าเทคโนโลยี และส่ือสารการศึกษา ระยะท่ี 2 วนั ที่ 21-24 มกรำคม พ.ศ. 2563 ผเู้ ขำ้ อบรมเป็น นักศึกษำระดบั ปริญญำตรี มหำวิทยำลัยเทคโนโลยรี ำชมงคลธัญบุรี จำนวน 98 คน ณ หอ้ ง 406 อำคำรศกึ ษำศำสตร์ 2 คณะครศุ ำสตรอ์ ตุ สำหกรรม ลาดับ หัวขอ้ รายช่ือ ข้อมลู วิทยากร หนว่ ยงาน ที่ ตาแหนง่ 1 บรรยาย ความรเู้ กี่ยวกับ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหน้าศนู ย์นวตั กรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม การอนรุ กั ษพ์ นั ธุ์ และเทคโนโลยีการเรียนรู้ 2 ปฏบิ ัติ กิจกรรมสรา้ ง ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง หัวหนา้ ศูนย์นวัตกรรม จติ สานึกในการอนรุ ักษบ์ วั และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ ไทย คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะ ภาควชิ าเทคโนโลยี โน และส่ือสารการศึกษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานนิ่ม ภาควิชาเทคโนโลยี และสอ่ื สารการศกึ ษา 3 บรรยาย การผลิตหนงั สือ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศนู ย์นวัตกรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ เรื่อง การอนรุ กั ษ์พันธ์บุ วั ไทย 4 ปฏบิ ัติการ ผลติ หนงั สอื ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศนู ยน์ วตั กรรม อเิ ล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ เรอ่ื งการอนรุ ักษ์พนั ธบุ์ วั ไทย ผศ.ดร.เทียมยศ ปะสาวะ ภาควชิ าเทคโนโลยี คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม โน และสอ่ื สารการศกึ ษา ผศ.ปยิ นันท์ ปานนมิ่ ภาควชิ าเทคโนโลยี และสือ่ สารการศึกษา - 202-

ลาดับ ข้อมลู วทิ ยากร ที่ หวั ข้อ รายชอ่ื ตาแหนง่ หน่วยงาน 5 บรรยาย การผลิตแผน่ พบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศนู ยน์ วัตกรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ เพื่อการประชาสมั พันธ์การ อนุรักษพ์ ันธุบ์ วั ไทย จังหวัด หัวหนา้ ศนู ยน์ วัตกรรม ปทุมธานี และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ 6 ปฏิบตั ิการการผลติ แผน่ พับ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง เพอื่ การประชาสมั พนั ธ์การ อนุรักษ์พนั ธบ์ุ วั ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะโน ภาควชิ าเทค คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม โนโลยแี ละสือ่ สาร การศึกษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานน่ิม ภาควชิ าเทค โนโลยแี ละสอ่ื สาร การศึกษา 7 บรรยาย การถ่ายทอดเพอ่ื ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหน้าศูนย์นวตั กรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ สร้างจิตสานึกการอนรุ ักษ์ และห่วงแหน พันธ์ุบัวไทย 8 ปฏบิ ตั ิ การแสวงหา ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง หวั หนา้ ศูนย์นวตั กรรมและ เทคโนโลยีการเรียนรู้ มลู คา่ เพม่ิ จากผลิตภณั ฑบ์ วั ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะโน ภาควชิ าเทคโนโลยแี ละ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สอ่ื สารการศึกษา ผศ.ปิยนันท์ ปานนม่ิ ภาควิชาเทคโนโลยแี ละ สื่อสารการศึกษา - 203-

ระยะท่ี 3 วนั ท.่ี .10-13 เดือน กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2563 ผเู้ ข้ำอบรมเปน็ บุคลำกรทำงกำรศึกษำและนักเรยี น จำนวน 98 คน ณ โรงเรียนในเขตพนื้ ทสี ำนักงำนกำรประถมศึกษำปทุมธำนี เขต 1 และเขต 2 ลาดับ หัวขอ้ รายชื่อ ข้อมลู วทิ ยากร หน่วยงาน ที่ ตาแหน่ง 1 บรรยาย ความรเู้ กี่ยวกบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสวา่ ง หวั หนา้ ศนู ย์นวตั กรรม คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม การอนุรกั ษพ์ ันธ์ุ และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ 2 ปฏบิ ตั ิ กิจกรรมสร้าง ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หน้าศนู ยน์ วตั กรรม จติ สานึกในการอนรุ กั ษบ์ วั และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะ ภาควชิ าเทคโนโลยี คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม โน และสอ่ื สารการศึกษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานน่ิม ภาควชิ าเทคโนโลยี และสื่อสารการศึกษา 3 บรรยาย การผลิตหนังสือ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศูนย์นวัตกรรม คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และเทคโนโลยีการเรยี นรู้ เรื่อง การอนุรักษพ์ ันธุบ์ ัว ไทย 4 ปฏิบตั กิ าร ผลติ หนงั สอื อ.กติ ิภูมิ วภิ าหสั น์ ภาควชิ าเทคโนโลยี อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และสื่อสารการศกึ ษา เรือ่ งการอนุรักษ์พนั ธบุ์ วั ไทย ผศ.ดร.เมธี พกิ ลุ ทอง ภาควิชาเทคโนโลยี คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม และสอื่ สารการศึกษา นายภาณุวัฒน์ แพลูกอิน ภาควิชาเทคโนโลยี และสื่อสารการศกึ ษา 5 บรรยาย การผลิตแผน่ พับ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศูนยน์ วัตกรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม เพือ่ การประชาสมั พันธ์การ และเทคโนโลยีการเรียนรู้ อนุรักษพ์ ันธุ์บวั ไทย จงั หวัด ปทมุ ธานี 6 ปฏิบัติการการผลิตแผ่นพบั ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหน้าศูนยน์ วัตกรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม เพอ่ื การประชาสัมพนั ธ์การ และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ อนรุ กั ษพ์ ันธุบ์ วั ไทย ผศ.ดร.เทยี มยศ ปะสาวะ ภาควิชาเทคโนโลยี คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม โน และสอ่ื สารการศกึ ษา ผศ.ปิยนนั ท์ ปานนิ่ม ภาควิชาเทคโนโลยี คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม และสื่อสารการศึกษา 7 บรรยาย การถ่ายทอดเพือ่ ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศนู ย์นวตั กรรม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม สร้างจติ สานกึ การอนรุ กั ษ์ และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ และหว่ งแหน พนั ธุบ์ ัวไทย - 204-

ลาดบั หวั ข้อ ขอ้ มลู วิทยากร หน่วยงาน ท่ี รายชอ่ื ตาแหนง่ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม 8 ปฏิบัติ การแสวงหา ผศ.ดร.ทศพร แสงสว่าง หวั หนา้ ศนู ยน์ วตั กรรม และเทคโนโลยกี ารเรยี นรู้ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มูลค่าเพมิ่ จากผลติ ภัณฑบ์ ัว ไทย ผศ.ดร.เทียมยศ ปะสาวะโน ภาควิชาเทคโนโลยี และส่ือสารการศกึ ษา ผศ.ปยิ นันท์ ปานน่มิ ภาควิชาเทคโนโลยี คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม และสอื่ สารการศึกษา 13. ผลกำรดำเนนิ งำนตำมวตั ถุประสงคข์ องโครงกำร 13.1 วตั ถุประสงค์ วัตถปุ ระสงคใ์ นการดาเนินโครงการ ผลการดาเนนิ งาน 1. เพ่ือสนองโครงการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพืชอัน กจิ กรรมสนองพระราชดาริโครงการอนุรักษ์พนั ธกุ รรมพชื อัน เน่อื งมาจากพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เน่ืองมาจากพระราชดารฯิ (อพ.สธ.) ฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) 1 กจิ กรรม 2. เพื่อเปน็ แหล่งเรยี นรู้ ศกึ ษาค้นควา้ วจิ ัย และสร้าง 1. ได้ค่มู ือจดั กิจกรรมสร้างจิตสานกึ ในการอนรุ ักษ์พนั ธ์บวั ไทย นวัตกรรม เกีย่ วกับพนั ธุ์บวั ไทย และการแปรรูป ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ จานวน 1 เลม่ 3. เพือ่ จัดต้ังศูนย์การเรยี นรู้ทั้งภายในอาคารและ 2. หลักสูตรการพฒั นาสอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ กจิ กรรม นอกอาคารท่ีเปน็ พิพธิ ภัณฑ์บัวสิรินธร และทรี่ วมรวม สรา้ งจิตสานึกในการอนรุ ักษพ์ ันธบ์ ัวไทย จานวน 1 โครงการ พันธุ์บวั ไทย และอนรุ กั ษบ์ ัวสายพนั ธบุ์ วั ไทย 13.2 ขนั้ ตอน/วิธีกำรดำเนินงำนโครงกำร 13.2.1 กิจกรรมการดาเนินงาน กำรวำงแผนกำรดำเนินกำร (P_Plan) 1. แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการกิจกรรมสร้างจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์พันธบุ์ ัวไทย 2. วางแผนจัดทาแผนงานพัฒนาโครงการกิจกรรมสรา้ งจติ สานึกในการอนุรักษ์พนั ธบุ์ วั ไทย 3. วางแผนกาหนดรูปโครงการกิจกรรมสรา้ งจติ สานึกในการอนรุ กั ษ์พนั ธุ์บวั ไทย 4. วางแผนการจดั หางบประมาณเพ่ิมเติม เพอื่ จัดโครงการกิจกรรมสร้างจติ สานึกในการอนรุ ักษ์พันธบ์ุ ัวไทย 5. เตรยี มเอกสารและข้อมลู เพ่ือขออนุมัตโิ ครงการกจิ กรรมสร้างจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษ์พันธบุ์ ัวไทย - 205-

6. กาหนดการประชมุ คณะกรรมการโครงการและผเู้ กย่ี วขอ้ งเพือ่ วางแผนดาเนนิ การ 7. กาหนดการจดั กจิ กรรมดาเนินกิจกรรมเรียนรู้พชื พนั ธบุ์ วั สายพันธตุ์ า่ งๆท่ีสนอง โครงการอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)ให้มี ประสทิ ธิภาพ 8. เตรียมร่างจดั ทารายงานการโครงการกจิ กรรมสรา้ งจิตสานึกในการอนุรกั ษ์พันธ์ุบวั ไทย 9. วจิ ยั ประเมนิ การจดั ทาดาเนินกิจกรรมเรียนรู้พืชพันธบุ์ ัวไทย ท่สี นองโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพชื อนั เน่อื งมาจากพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราช มงคลธัญบรุ ี กำรดำเนินงำนตำมแผน (D_Do) 1. แต่งต้งั คณะกรรมการ/เชญิ ผูเ้ ชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคณุ วุฒิเพอื่ จดั ทา โครงการกิจกรรมสรา้ งจติ สานึกในการ อนุรักษ์พนั ธ์ุบวั ไทย 2. จัดประชุมพิจารณากรอบแนวคดิ ทางวิชาการ เทคนิควธิ ีการนาเสนอ กาหนดรูปแบบ โครงการกจิ กรรม สร้างจติ สานกึ ในการอนุรักษ์พันธ์บุ วั ไทย 3. ขออนุมตั ิโครงการกจิ กรรมสรา้ งจิตสานกึ ในการอนุรักษพ์ ันธุ์บวั ไทย 4. ประชุมคณะกรรมการโครงการและผเู้ ก่ยี วขอ้ งเพื่อดาเนนิ การจัดกิจกรรมดาเนนิ กจิ กรรมเรียนรพู้ ชื พนั ธ์ุ บวั ไทย ท่ีสนองโครงการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรม ราชกุมารี (อพ.สธ.)ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ 5. จดั ทา โครงการกจิ กรรมสร้างจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์พนั ธุ์บัวไทย และเชิญผ้ทู ่สี นใจเสนอเขา้ รว่ มโครงการ กิจกรรมสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธ์ุบวั ไทย 6. ดาเนินการก่อสร้างอาคารพพิ ิธภณั ฑบ์ วั สริ ินธร โดยบริษทั ท่ีได้รบั การคัดเลือก 7. จดั ทาแผนงานพฒั นาโดยการเน้นการสรา้ งมูลคา่ เพ่มิ ของบัว และแนวทางการบรหิ ารจัดการโครงการ กิจกรรมสรา้ งจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุบ์ วั ไทย ใหย้ ั่งยนื 8. ดาเนินการจดั หางบประมาณเพิ่มเตมิ เพื่อจดั โครงการกิจกรรมสรา้ งจิตสานกึ ในการอนุรกั ษพ์ นั ธ์บุ ัวไทย ให้สมบรู ณ์ตามแบบที่ได้ออกไว้ทัง้ โครงการ 9. จดั ทาแผนธรุ กิจเพื่อพัฒนาโดยการเนน้ การสรา้ งมลู ค่าเพิ่มของการอนรุ ักษ์พันธุบ์ ัวไทย และแนวทางการ บริหารจัดการ 10. ดาเนนิ การจัดหางบประมาณเพิม่ เตมิ เพ่ือจดั โครงการกิจกรรมสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์พนั ธุ์บวั ไทย ให้ สมบูรณ์ตามแบบทไี่ ด้ออกไวท้ ้ังโครงการ 11. สรา้ งระบบการเผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ ขา่ วสารขอ้ มลู โครงการกจิ กรรมสร้างจติ สานกึ ในการอนุรักษ์พันธุ์ บวั ไทย กำรติดตำมและประเมนิ ผลกำรดำเนินงำน (C_Check) การติดตามตัวช้วี ัดเปา้ หมายผลผลิต (ตวั บ่งช้ี พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจาปี ตามข้อ 14) เคร่ืองมือท่ีใช้ใน การติดตามผล จากแบบสอบถามความคดิ เห็นเก่ียวกับการประเมนิ ผลการดาเนินการโครงการกิจกรรมสร้างจิตสานึก ในการอนรุ ักษ์พนั ธุ์บวั ไทย ตามเกณฑ์การประเมินคณุ ภาพ และสรุปผลและประเมนิ ผลโครงการอยา่ งต่อเน่ือง - 206-

กำรดำเนินงำน (A_Action) 1. จัดนทิ รรศการโครงการกจิ กรรมสรา้ งจติ สานกึ ในการอนุรักษพ์ ันธุ์บัวไทย โครงการอันเนอื่ งมาจาก พระราชดาริโครงการอนรุ ักษ์พนั ธกุ รรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราช กมุ ารี (อพ.สธ.) ใน 7 กิจกรรม ได้แก่ 1) โครงการปทุมธานีเมืองบัว 2) บวั เก่ียวกบั สงั คมและประเพณี 3) บัวกนิ อยู่อยา่ งไทย 4) บัวเก่ียวกับศาสนาและความเชื่อ 5) บัวเกย่ี วกับศิลปะ 6) บัวเกี่ยวกับวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 7) บัวกับเศรษฐกจิ 2. ทาโครงการเกี่ยวกับ ผลติ ภณั ฑท์ ี่ได้จากบัวไทย ไดแ้ ก่ เครอ่ื งสาอาง เครื่องดมื่ จากบวั ไทย และ พัฒนาผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ อยา่ งต่อเนือ่ ง 3. จดั ให้มนี ทิ รรศการในการประชุมวิชาการเกีย่ วกับการอนุรักษพ์ ันธุบ์ ัวไทย พันธ์ุบัวไทย 4. จัดทาหลกั สูตรฝึกอบรมเก่ยี วกับการพัฒนาพันธุ์บวั และการผลติ ภณั ฑ์จากบวั ภายใต้โครงการ กจิ กรรมสร้างจติ สานึกในการอนุรกั ษ์พันธ์ุบัวไทย 13.3 ผลลพั ธ์ทีไ่ ด้ 13.3.1 ประโยชนท์ ่เี กิดข้ึนกับผู้เขา้ รว่ มโครงการ วธิ ีการประเมนิ 1) แบบประเมนิ ความพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมโครงการจดั กจิ กรรมสรา้ งจติ สานึกในการอนรุ กั ษ์พนั ธบ์ วั ไทย 2) ผลงานการการพัฒนาส่อื สรา้ งโครงการจัดกจิ กรรมสร้างจติ สานึกในการอนุรักษพ์ ันธ์บวั ไทย ผลลพั ธ์ท่ีได้ 1) คณะครู-อาจารย์ในสถานศึกษาท่ีห่างไกลได้รับการบริการวิชาการ และความช่วยเหลือให้ความรู้ด้าน ทกั ษะวิชาชีพทม่ี คี ณุ ภาพสามารถนาไปใชไ้ ด้ 2) ชุมชนเขตพ้ืนใกล้เคียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้แก่พ้ืนท่ี อาเภอธัญบุรี อาเภอคลอง หลวง และอาเภอ ลาลูกกาเขตพ้ืนใกล้เคียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้แก่พ้ืนที่ อาเภอธัญบุรี อาเภอคลองหลวง และอาเภอลาลูกกา จังหวัดปทุมธานี ได้รับการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกับ เนอื้ หาในหลักสูตร 3) นักศกึ ษา และอาจารย์คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และคณะวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธญั บรุ ี มีโอกาสให้บริการทางวชิ าการแกส่ งั คม ตลอดจนมปี ระสบการณต์ รงด้านการฝกึ สอน 13.3.2 ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับหน่วยงาน/ชมุ ชน/องค์กร วิธีการประเมนิ 1) แบบประเมนิ ความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมโครงการจัดกจิ กรรมสรา้ งจติ สานกึ ในการอนุรักษ์พันธ์บัวไทย ในการถา่ ยทอดส่ชู ุมชน 2) ผลงานการการพัฒนาส่ือสร้างโครงการจัดกจิ กรรมสรา้ งจิตสานึกในการอนรุ ักษ์พนั ธ์บวั ไทยในการ ถา่ ยทอดสชู่ ุมชน - 207-

ผลลัพธท์ ไ่ี ด้ 1) คณะครู-อาจารย์ในสถานศึกษาที่ห่างไกลได้รับการบริการวิชาการ และความช่วยเหลือให้ความรู้ด้านทักษะ วิชาชีพที่มคี ุณภาพสามารถนาไปใช้ได้ 2) ชุมชนเขตพ้ืนใกล้เคียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้แก่พ้ืนท่ี อาเภอธัญบุรี อาเภอคลองหลวง และอาเภอ ลาลูกกาเขตพ้ืนใกล้เคียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้แก่พื้นที่ อาเภอธัญบุรี อาเภอ คลองหลวง และอาเภอลาลกู กา จงั หวัดปทุมธานี ไดร้ บั การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกับเนื้อหาใน หลักสตู ร 3) นักศึกษา และอาจารย์คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และคณะวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธญั บรุ ี มโี อกาสใหบ้ ริการทางวชิ าการแกส่ ังคม ตลอดจนมีประสบการณ์ตรงด้านการฝึกสอนการถ่ายทอดองค์ความรู้ เกี่ยวกับการสร้างภาพและรวบรวมภาพ เร่ือง ข้าวจังหวัดปทุมธานีเก่ียวกับสังคมและประเพณีเพื่อการผลิต QR CODE กิจกรรมสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธ์บัวไทย เพ่ือการสร้างชื่อเสียงให้กับคณะและมหาวิทยาลัย ฯ ให้ เปน็ ที่รู้จักแก่ครอู าจารยแ์ ละบุคคลทั่วไปในจังหวัดปทุมธานี 13.4 กำรบรู ณำกำร/ควำมรว่ มมือจำกหน่วยงำนภำยนอก ลำดบั ช่ือหน่วยงำน/เอกชนหรือ แนวทำงร่วมดำเนนิ กำร ผลที่ได้รบั ชุมชน 1 โรงเรยี นเครอื ข่ายจานวน 5 ไดร้ ับการพฒั นาคุณภาพ การสรา้ งความรว่ มมือระหว่าง โรงเรียน ไดแ้ ก่ การเรยี นการสอนที่ หน่วยงาน องคห์ รอื หนว่ ยงานที่ 1. โรงเรยี นรว่ มจิตประสาท เหมาะสมกบั เนือ้ หาใน เกี่ยวข้องกับการใช้สอื่ บูรณาการ 2. โรงเรยี นวดั นเิ ทศ หลกั สูตรจัดกจิ กรรมสร้าง ผ่านเทคโนโลยสี ารสนเทศการจดั 3. โรงเรียนวดั โสภณาราม จิตสานกึ ในการอนรุ กั ษ์ กจิ กรรมสรา้ งจติ สานึกในการ 4 .โรงเรียนกลางคลองสิบ พันธบ์ วั ไทย อนุรกั ษ์พันธ์บวั ไทย ให้ครู อาจารย์ 5. โรงเรียนวัดพชื อดุ ม ไดใ้ ช้ในการถ่ายทอดอย่างน้อย 1 หนว่ ยงาน 13.5 กำรนำผลกำรดำเนนิ งำน/ปญั หำอุปสรรคทีพ่ บจำกปที ่ีผำ่ นมำ มำปรับปรุง/พฒั นำในปปี จั จบุ นั 13.5.1 (ระบปุ ัญหา/อุปสรรค/ข้อเสนอแนะจากปีทผี่ า่ นมา) - การปรบั ปรงุ /พฒั นา - 13.5.2 (ระบุปัญหา/อปุ สรรค/ข้อเสนอแนะจากปีทผี่ ่านมา) - การปรบั ปรงุ /พฒั นา - - 208-

14. ผลผลิต – ผลลัพธ์ – ผลกระทบ จำกกำรดำเนนิ โครงกำร เป้ำหมำยเชงิ ผลผลติ (Output) เปำ้ หมำยเชงิ ผลลัพธ์ ผลกระทบ (Impact) (ผลของการดาเนินโครงการที่ (Outcome) (ผลประโยชนท์ ี่ (ผลกระทบจากการดาเนนิ โครงการต่อประชาชน สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ สมารถ เกิดขนึ้ จากการนาผลผลติ ไปใช้ หน่วยงานภาครัฐ หรอื ภาคเอกชนโดยจาแนก วดั ผลไดใ้ นเชิงปรมิ าณ คณุ ภาพ และ ประโยชน์ หรือสร้างคณุ คา่ ทั้ง ออกเปน็ ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นคณุ ภาพชวี ิต ด้านสงั คม เวลา หรืออยา่ งใดอย่างหนึ่ง) ภายในและภายนอกองค์กร ซ่งึ ดา้ นสิง่ แวดล้อม เปน็ ต้น) จะตอ้ งสามารถวดั ผลไดอ้ ยา่ งน้อย ในเชงิ คุณภาพ) 1. ได้คมู่ อื จัดกจิ กรรมสรา้ ง 1. สนองพระราชดารโิ ครงการ 1. คณะครู-อาจารย์ในสถานศึกษาทห่ี ่างไกล จติ สานกึ ในการอนุรักษ์พนั ธ์บัว อนุรักษ์พนั ธุกรรมพืชอัน ไดร้ บั การบริการวิชาการ และความชว่ ยเหลือ ไทยผ่านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เนื่องมาจากพระราชดาริฯ ใหค้ วามรดู้ ้านทักษะวิชาชพี ที่มคี ณุ ภาพ จานวน 1 เล่ม (อพ.สธ.) สามารถนาไปใชไ้ ด้ 2. หลกั สูตรการพัฒนาส่อื 2. จดั กิจกรรมสรา้ งจติ สานกึ ใน 2. ชุมชนเขตพื้นใกล้เคยี งมหาวิทยาลัย เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อ การอนุรักษ์พันธ์บวั ไทยบรู ณา เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ได้แก่พื้นท่ี อาเภอ กจิ กรรมสร้างจิตสานึกในการ การผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ ธัญบุรี อาเภอคลองหลวง และอาเภอ ลา อนุรกั ษ์พนั ธบ์ ัวไทย จานวน 1 ผลิตโดยนกั ศึกษามหาวิทยาลัย ลูกกาเขตพ้นื ใกล้เคียงมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี ราชมงคลธญั บรุ ี ได้แกพ่ น้ื ที่ อาเภอธญั บุรี โครงการ ตลอดถงึ เยาวชน ชุมชนคลอง อาเภอคลองหลวง และอาเภอลาลกู กา หก ในเขตพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งกบั จงั หวดั ปทมุ ธานี ได้รับการพัฒนาคณุ ภาพการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าช เรียนการสอนทเ่ี หมาะสมกบั เนื้อหาใน หลกั สตู ร มงคลธญั บุรี 3. เป็นกจิ กรรมหนึ่งที่สร้างโอกาส 3. ผลติ ส่ือที่ถา่ ยทอดการจดั 3. นักศกึ ษา และอาจารยค์ ณะครุศาสตร์ ให้คณาจารย์และนักศกึ ษาของ กิจกรรมสรา้ งจิตสานึกในการ อตุ สาหกรรม และคณะวิชาชีพ มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และ อนรุ ักษ์พนั ธบ์ วั ไทยบรู ณาการ เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี มโี อกาสใหบ้ ริการ คณะวชิ าชพี ไดน้ าความรู้ ผา่ นเทคโนโลยสี ารสนเทศให้กบั ทางวิชาการแก่สังคม ตลอดจนมปี ระสบการณ์ ความสามารถไปให้บริการทาง นกั เรยี นทกุ ระดบั ชัน้ เพ่ือให้ได้ ตรงด้านการฝึกสอน วิชาการแกส่ ังคมบรู ณาการผา่ น นาความรู้ความสามารถไป 4. สร้างชือ่ เสยี งใหก้ ับคณะและมหาวทิ ยาลัย เทคโนโลยสี ารสนเทศ ร้อยละ 80 ใหบ้ ริการทางวิชาการเผยแพร่ ฯ ใหเ้ ปน็ ท่รี จู้ กั แก่ครูอาจารย์และบุคคลทวั่ ไป จิตสานกึ ในการอนุรักษพ์ ันธบ์ ัว ในจงั หวัดปทมุ ธานี ไทยแกส่ ังคม 4. สร้างความรว่ มมือระหว่าง 4. ความร่วมมือกับหน่วยงานท่ี หน่วยงาน องค์หรือหนว่ ยงานท่ี เกยี่ วขอ้ งในการพฒั นา เกย่ี วข้องกบั การใช้สื่อบรู ณาการ ศกั ยภาพของครู-อาจารย์ใน ผ่านเทคโนโลยสี ารสนเทศการ การใชส้ ่ือผ่านเทคโนโลยี จดั กจิ กรรมสรา้ งจิตสานึกในการ สารสนเทศและจดั กจิ กรรม อนรุ กั ษ์พนั ธ์บวั ไทย ให้ครู สร้างจิตสานึกในการอนุรกั ษ์ อาจารย์ ได้ใชใ้ นการถ่ายทอด พันธ์บัวไทย อย่างน้อย 1 หนว่ ยงาน - 209-

- 210-

ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ทศพร แสงสว่าง หัวหน้าโครงการ - 211-

4. ชอ่ื โครงกำร : โครงกำรสืบสำนศำสตร์พระรำชำตำมปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียงสำนึกรกั ษ์ พันธกุ รรมพชื เพอื่ พฒั นำชุมชนสคู่ วำมม่ันคงและย่ังยืน 1. ไดร้ ับจดั สรรงบประมำณ : งบประมาณรายจ่าย ประจาปี 2563 เป็นเงินจานวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถว้ น) 2. ประเภทผลผลติ : ผลผลติ ผูส้ าเรจ็ การศึกษาดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. ชอื่ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงกำร ช่อื -สกุ ล นายทองมี เหมาะสม คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร เบอร์โทรศัพท์ 062-6016961 4. ควำมสอดคลอ้ งกบั นโยบำยและยุทธศำสตร์ พ.ศ. 2563 - 2580 และแผนปฏิบตั ิรำชกำร 3 ปี พ.ศ.2563-2565 มทร.ธัญบุรี 4.1 ประเด็นยทุ ธศำสตร์  ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 การเรียนรู้สู่การเปน็ นวัตกร  ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 การวิจยั เพือ่ สรา้ งสรรค์นวตั กรรม  ประเดน็ ยุทธศาสตร์ท่ี 3 การบริการวชิ าการและเพมิ่ มลู ค่าด้านศิลปวัฒนธรรมดว้ ยนวตั กรรม  ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 4 นวัตกรรมการบริหารจดั การ 4.2 สอดคลอ้ งกบั คำ่ ใชจ้ ่ำยโครงกำรใด (จะเชอ่ื มโยงตำมผลผลิตของโครงกำรทเ่ี กยี่ วข้อง) ผลผลติ ผลงานการให้บริการวชิ าการ (เลอื กเพยี ง 1 ข้อ)  1. โครงการฝกึ อบรมเพื่อยกระดบั กาลังคน Up skill Re skill New skill เพื่อตอบโจทย์ 10 S-Curve และ EEC  2. โครงการบรกิ ารวชิ าการด้วยการนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี หรอื นวตั กรรม มาขบั เคลือ่ นให้เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ สินคา้ หรือบรกิ าร ท่ีเพิ่มคุณคา่ หรือต่อยอดเชิงพาณชิ ย์ รว่ มกับภาคอุตสาหกรรมหรือสถาน ประกอบการ  3. โครงการส่งเสริมเกษตรกรรมด้วยนวัตกรรมดา้ นการเกษตร / ระบบ Smart farm  4. โครงการพฒั นานวัตกรรมชุมชน วสิ าหกิจชมุ ชน และ Smart SMEs ด้วยงานวจิ ยั นวตั กรรม  5. โครงการยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของชุมชนเป้าหมายด้วยองค์ความรแู้ ละนวตั กรรม  6. โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สงู อายุ นานวตั กรรมไปใช้ช่วยเหลอื การดารงชวี ติ ของผู้สูงวัย หรอื สง่ เสริมงานอาชพี หรอื กิจกรรมทเ่ี หมาะสมกบั ผู้สงู วัย  7. ค่าใช้จา่ ยโครงการพัฒนาโรงเรียนเครือข่ายในพืน้ ที่ Area based มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ธญั บรุ ี (ปทมุ ธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา) - 212-

ผ ลผลิตผลงานทานบุ ารุงศลิ ปวัฒนธรรม (เลือกเพียง 1 ข้อ)  1. โครงการส่งเสรมิ การอนุรกั ษ์ สบื สาน ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน  2. โครงการนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี หรือ นวัตกรรม ดา้ นศลิ ปวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น มา ขับเคลอื่ น ใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑ์ (สินคา้ หรือบรกิ าร) ทมี่ คี ุณคา่ มูลคา่ เชงิ นวัตวิถหี รือเชิงพาณชิ ย์อยา่ งยงั่ ยนื  3. โครงการเผยแพรศ่ ลิ ปะ หัตถกรรม การแสดง ดนตรี ในระดบั ชาติ ผลผลติ ผลผลิตผูส้ าเร็จการศึกษาดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผลผลิตผู้สาเรจ็ การศกึ ษาด้าน สังคมศาสตร์ ผลงานวิจยั และนวัตกรรม (เลือกเพียง 1 ข้อ)  1. โครงการดา้ นการพัฒนาหลกั สตู รและยกระดบั หลักสตู รสู่มาตรฐานสากล  2. โครงการด้านการพัฒนากระบวนการเรยี นการสอนเพื่อผลิตนวตั กร  3. โครงการดา้ นการพัฒนาสมรรถนะนักศกึ ษาตามคุณสมบัตบิ ัณฑิตท่พี ึงประสงค์  4. โครงการดา้ นการพฒั นานักศึกษาใหม้ ีความคิดในเชงิ ผูป้ ระกอบการสรา้ งสรรค์นวัตกรรม (Innopreneur , ยุวสตาร์ทอัพ)  5. โครงการด้านการพัฒนาสมรรถนะนักศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานระดับสากล  6. โครงการพฒั นาสมรรถนะอาจารยด์ ้านวิชาชีพ ใหเ้ ป็นผู้สร้าง นวตั กร ผปู้ ระกอบการ และนักธุรกิจใหม่  7. โครงการพัฒนาอาจารย์ด้านเทคนคิ การสอนและส่งเสริมกระบวนการคดิ ในดา้ น Problem Solving, Analysis Thinking, Design Thinking, Innovative Thinking  8. โครงการพัฒนาระบบส่งเสรมิ การเรยี นรูต้ ลอดชวี ิตและพัฒนาทกั ษะเพอื่ อนาคต (Up skill/ Re skill/New skill)  9. โครงการพฒั นาระบบส่งเสรมิ การเรียนรสู้ าหรบั ผสู้ งู วัย  10. โครงการด้านการพัฒนาอาจารย์ให้เป็นนกั วจิ ัยและพัฒนานวตั กรรมท่ตี อบโจทย์ประเทศ  11. โครงการพฒั นาและยกระดบั คณุ ภาพงานวจิ ยั และนวตั กรรม  12. โครงการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั และนวัตกรรม  13. โครงการยกระดับการบริหารจัดการเพ่ือการพฒั นาศักยภาพรองรบั การเปน็ Innovative University  14. โครงการพฒั นาสมรรถนะบุคลากร ตามแผนพัฒนารายบุคคล (IDP)  15. โครงการพัฒนามหาวทิ ยาลยั สีเขียว (Green University) รองรับการจัดอันดบั โดย University of Indonesia (UI) 5. ควำมสอดคล้องกบั ประเด็นยุทธศำสตรช์ ำติ 20 ปี (เลือกเพียง 1 ขอ้ ) ( ) 1) ด้านความมั่นคง ( ) 2) ดา้ นการเสรมิ สรา้ งความสามารถในการแข่งขัน () 3) ดา้ นการพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพคน ( ) 4) ดา้ นการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกนั ทางสังคม ( ) 5) ด้านการสร้างการเติบโตบนคณุ ภาพชีวิตทเ่ี ป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ( ) 6) ดา้ นการปรับสมดุลและพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครัฐ - 213-

6. ควำมสอดคล้องกับแผนแม่บทภำยใตย้ ุทธศำสตรช์ ำติ (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1. ประเด็น ความม่นั คง ( ) 2. ประเดน็ การต่างประเทศ () 3.ประเดน็ การพัฒนาการเกษตร ( ) 4. ประเด็น อุตสาหกรรมและบรกิ ารแหง่ อนาคต ( ) 5. ประเดน็ สรา้ งความหลากหลายดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว ( ) 6. ประเดน็ การพัฒนาพ้ืนท่ีและเมืองน่าอยู่อจั ฉริยะ ( ) 7. ประเดน็ โครงสร้างพน้ื ฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล ( ) 8. ประเด็น พฒั นาเศรษฐกจิ บนพ้ืนฐานผูป้ ระกอบการยุคใหมแ่ ละวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ( ) 9. ประเดน็ เขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออก ( ) 10.ประเดน็ การปรบั เปลย่ี นค่านยิ มและวฒั นธรรม ( ) 11. ประเด็น การพฒั นาศักยภาพคนตลอดชว่ งชวี ติ ( ) 12. ประเดน็ การพฒั นาการเรียนรู้ ( ) 13. ประเดน็ การเสรมิ สรา้ งให้คนไทยมสี ุขภาวะทด่ี ี ( ) 14. ประเด็น ศกั ยภาพการกีฬา ( ) 15. ประเดน็ การเสริมสรา้ งพลังทางสังคม ( ) 16. ประเด็น การพฒั นาความเสมอภาคและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ( ) 17. ประเดน็ การสร้างหลกั ประกนั ทางสังคม ( ) 18. ประเดน็ การสร้างการเติบโตอย่างยงั่ ยนื ( ) 19. ประเดน็ การบรหิ ารจดั การนา้ ทง้ั ระบบ ( ) 20. ประเดน็ การพฒั นาบรกิ ารประชาชนและการพฒั นาประสิทธิภาพภาครัฐ ( ) 21. ประเด็น การตอ่ ตา้ นการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ ( ) 22. ประเด็น การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยตุ ธิ รรม ( ) 23. ประเด็น การวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรม 7. ควำมสอดคลอ้ งกบั แผนปฏริ ูปประเทศ (เลอื กเพียง 1 ขอ้ ) ( ) 1. ด้านการเมอื ง ( ) 2. ดา้ นการบริหารราชการแผน่ ดิน ( ) 3. ดา้ นกฎหมาย ( ) 4. ดา้ นกระบวนการยตุ ิธรรม ( ) 5. ด้านเศรษฐกจิ () 6. ด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ( ) 7. ดา้ นสาธารณสุข ( ) 8. ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยสี ารสนเทศ ( ) 9. ด้านสงั คม ( ) 10. ดา้ นพลังงาน ( ) 11. ดา้ นป้องกันและปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ - 214-

8. ควำมสอดคล้องกับแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2561-2564) ยุทธศำสตรก์ ำรพัฒนำประเทศ (เลือกเพยี ง 1 ข้อ) () 1. การเสริมสรา้ งและพัฒนาศกั ยภาพทุนมนุษย์ ( ) 2. การสร้างความเปน็ ธรรมลดความเหลอื่ มล้าในสงั คม ( ) 3. การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกจิ และแขง่ ขันไดอ้ ย่างย่ังยืน ( ) 4. การเตบิ โตที่เป็นมติ รกบั ส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน ( ) 5. การเสรมิ สร้างความม่ันคงแหง่ ชาติเพ่ือการพฒั นาประเทศสู่ความม่งั ค่ังและยัง่ ยืน ( ) 6. การบรหิ ารจดั การในภาครัฐ การป้องกันการทจุ ริตประพฤตมิ ิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย ( ) 7. การพฒั นาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจสิ ติกส์ ( ) 8. การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ัย และนวัตกรรม ( ) 9. การพัฒนาภาค เมือง และพื้นท่ีเศรษฐกจิ ( ) 10. ความรว่ มมอื ระหว่างประเทศเพ่ือการพฒั นา 9. สถำนท่ีดำเนนิ กำร รนุ่ ที่ 1 ชุมชนหมทู่ ่ี 11 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี รุ่นท่ี 2 ชมุ ชนหมทู่ ่ี 2 ต.ลาลูกกา อ.ลาลกู กา จ.ปทุมธานี รุน่ ที่ 3 ชมุ ชนหมู่ที่ 1 ต.บึงบา อ.หนองเสอื จ.ปทุมธานี รนุ่ ท่ี 4 ชมุ ชนหม่ทู ี่ 8 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 10. งบประมำณ ไดร้ บั จดั สรร 200,000.- บาท ใช้จา่ ยจรงิ 197,600.- บาท - คา่ ตอบแทน 26,400.- บาท - ค่าใชส้ อย 127,200.- บาท - ค่าวสั ดุ 44,000.- บาท 11. จำนวนผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร กลุ่มเปำ้ หมำย จำนวนเป้ำหมำย จำนวนจรงิ ชมุ ชน/องคก์ ร ระบุ 200 คน 204 คน รวมจำนวนท้ังสนิ้ 200 คน 204 คน - 215-

12. สรุปหลักสูตรกำรอบรม/หัวข้อกำรบรรยำย ลำดบั หัวขอ้ ขอ้ มลู วทิ ยำกร หนว่ ยงำน ที่ รำยชื่อ ตำแหน่ง 1. ศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง นายทองมี เหมาะสม นักวชิ าการเกษตร คณะ การทาการเกษตรตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เทคโนโลยีการเกษตร นา้ หมกั ชีวภาพจากผลไมร้ สเปรีย้ ว การอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพชื ภายในท้องถน่ิ น้ายาอเนกประสงคจ์ ากน้าหมักชวี ภาพ เกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎใี หม่ การปลกู ผกั สวนครวั แบบพอเพยี ง 2. การทาน้าหมกั ชวี ภาพ (สบั ปะรด, มะกรูด) นายทองมี เหมาะสม นกั วชิ าการเกษตร คณะ นา้ ยาอเนกประสงค์ (นา้ ยาล้างจาน, น้ายาซักผา้ ) นางกรุณา ตง้ั ฤทัยวรรณ นักวิชาการศกึ ษา เทคโนโลยกี ารเกษตร การจดบนั ทึกบัญชีครัวเรือน น.ส.ปรยี าณัฐ หงษ์ทอง นกั วิชาการศกึ ษา การเพาะตน้ อ่อน น.ส.อารรี ัตน์ พนั โท นักวิชาการศึกษา การทาสบูเ่ หลวสมนุ ไพร 13. ผลกำรดำเนินงำนตำมวัตถปุ ระสงคข์ องโครงกำร 13.1 วัตถุประสงค์ ผลการดาเนนิ งาน วตั ถุประสงค์ในการดาเนินโครงการ ผู้เขา้ อบรมมคี วามรใู้ นด้านการอนรุ กั ษ์พนั ธกุ รรมพชื หลงั การอบรมเพิ่มขน้ึ ร้อยละ 96.00 1. เพื่อสนองพระราชดาริโครงการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพืช อันเน่ืองมาจากพระราชดารฯิ (อพ.สธ.) ผูเ้ ขา้ อบรมนาความรู้ด้านปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.เพือ่ ให้ผู้ผ่านการอบรมได้รับความรูด้ า้ นปรชั ญา สามารถนาประยุกตใ์ ชใ้ นพัฒนางานหรอื นาไปใช้ เศรษฐกจิ พอเพียง และสามารถนาประยุกต์ใช้ในพฒั นา ประโยชนไ์ ด้ รอ้ ยละ 98.00 งานหรือนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ผเู้ ขา้ อบรมจานวน 204 คน จากจานวน 4 ชมุ ชน ดงั น้ี 3. เพอ่ื สร้างจติ สานึกรักษ์และหวงแหนทรพั ยากรใน 1.ชมุ ชนหมทู่ ี่ 11 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี ชุมชน 2.ชมุ ชนหมทู่ ี่ 2 ต.ลาลกู กา อ.ลาลกู กา จ.ปทมุ ธานี 3.ชมุ ชนหมทู่ ่ี 1 ต.บึงบา อ.หนองเสอื จ.ปทุมธานี 4.ชุมชนหม่ทู ี่ 8 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทมุ ธานี 13.2 ข้นั ตอน/วธิ กี ำรดำเนนิ งำนโครงกำร 13.2.1 การวางแผนการดาเนินงาน (P) กิจกรรมต้นน้า ได้แก่ กิจกรรมการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง การทาการเกษตรตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง น้าหมักชีวภาพจากผลไม้รสเปรี้ยว การอนุรักษ์พันธุกรรม พืชภายในท้องถ่ิน เกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎใี หม่ และการปลกู ผักสวนครัวแบบพอเพียง - 216-

กิจกรรมกลางน้า ได้แก่ การอบรมเชิงปฏิบัติการ การทาน้าหมักชีวภาพจากผลไม้รสเปร้ียว การทาน้าหมัก ชีวภาพ (สับปะรด, มะกรูด) น้ายาอเนกประสงค์ (น้ายาล้างจาน, น้ายาซักผ้า) การเพาะต้นอ่อน การทาสบู่เหลว สมุนไพร กจิ กรรมปลายน้า ได้แก่ การอบรมเรื่อง การจดบันทกึ บัญชคี รวั เรอื นตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือเพิ่ม ภมู ิคุ้มกันใหก้ ับผู้เข้าร่วมอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ในการประยุกต์กิจกรรมในครัวเรือนให้สอดคล้อง ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 13.2.2 การดาเนนิ งานตามแผนงาน (D) การดาเนินงานตามแผนงานที่ได้กาหนดไว้ โดยดาเนินการติดต่อประสานงานกับผู้นา ชุมชนเพ่ือแจ้งกาหนดการเข้าถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชุมชนเป้าหมาย และตรวจติดตาม CSR ตามตัวชี้วัด KPI ของโครงการ 13.2.3 การตดิ ตามและประเมินผลการดาเนนิ งาน (C) 1. การติดตามตวั ชว้ี ดั เป้าหมายผลผลติ (ตวั บ่งชี้ พรบ.งบประมาณรายจา่ ยประจาปี ตามขอ้ 14) - เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการติดตามผล....แบบประเมนิ ความพึงพอใจ.............. - ระยะเวลาในการติดตามผล.....3 สปั ดาห์ 13.2.4 การปรบั ปรุง/พัฒนา/แกไ้ ขจากผลการติดตามและประเมนิ ผล (A) 13.2.4-1 สรปุ ผลการทไ่ี ดจ้ าการตดิ ตามและประเมินผล ผลการดาเนินงานจากผลการดาเนินการฝึกอบรมและได้มีการติดตามผลการดาเนินโครงการ จากแบบ ประเมินความพึงพอใจ พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ก่อน การอบรม อยู่ ในเกณฑ์ปานกลางถึงน้อยมาก โดยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ ซ่ึงผลการประเมินมีค่าเฉลี่ย 3.20 คิดเป็น ร้อยละ 64.00 ระดับความพึงพอใจ ปานกลาง อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมทาให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจเรื่องการอนุรักษ์พันธกุ รรมพืชหลังการอบรม เพมิ่ ขึ้น โดยมีค่าเฉล่ียความพึงพอใจ เท่ากับ 4.80 คิดเป็น ร้อยละ 96.00 ระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมอบรมได้รับความรู้หลัง การอบรมเพิ่มข้ึน นอกจากนี้ พบว่า ผู้เข้าอบรมสามารถนาความรู้ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้ใน พัฒนางานหรือนาไปใช้ประโยชน์ได้ คิดเป็นร้อยละ 98.00 โดยเฉพาะชุมชนหมู่ที่ 1 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ. ปทมุ ธานี ไดร้ วมกล่มุ กนั เปน็ ศูนย์เรยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพียง นาความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมมาประยุกต์ใช้ภายใน กลุ่ม นอกน้ียังสนับสนุนส่งเสริมสมาชิกภายในกลุ่มให้มีจิตสานึกรักษ์ทรัพยากรท้องถ่ิน นามาใช้ให้เกิดประโยชน์ สงู สดุ โดยเฉพาะการใช้ประโยชนจ์ ากนา้ หมักชีวภาพจากผลไม้รสเปรีย้ ว ซึ่งในชมุ ชนมีการปลูกผลไม้รสเปรี้ยว อาทิ เช่น มะนาว มะกรูด มะเฟ่ือง มะยม เป็นต้น ด้วยการนาผลไม้เหล่าน้ันมาหมักตามองค์ความรู้ท่ีได้จากการอบรม โดยหมักไว้ ประมาณ 3 เดือน แล้วนาน้าหมักเหล่าน้ันมาเป็นส่วนผสมให้กับน้ายาล้างจาน และน้ายาซักผ้า ซึ่ง ประสิทธิภาพจากน้าหมักชีวภาพจากผลไม้รสเปรี้ยวช่วยเสริมประสิทธิภาพการทาความสะอาดให้ผลิตภัณฑ์ได้ อย่างดีย่งิ สามารถทาให้ลดรายจา่ ยภายในครัวเรือนไดม้ ากยิง่ ขึน้ นอกจากนี้จากจัดทาบญั ชคี รัวเรอื นยังช่วยให้ผู้เข้า อบรมสามารถรู้รายรับ รายจ่าย ภายในครัวเรือนได้ อันจะส่งผลให้ผู้เข้าอบรมนามาวางแผนการใช้จ่ายภายใน ครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในการส่งเสริมให้ความรู้ด้านเกษตรผสมผสานและเกษตร ทฤษฎีใหม่ ยังไม่ประสบผลเท่าท่ีควรสืบเน่ืองจากผู้เข้าอบรมโดยส่วนใหญ่ยังมีแนวความคิดแบบด้ังเดิม นิยมปลู ก พืชเชิงเด่ียว อาจจะเป็นเพราะมีระบบชลประทานที่ดีก็เป็นได้หรือไม่ก็ผู้เข้าอบรมยังไม่ให้ความสาคัญกับแหล่งน้า สารองภายในพ้ืนท่ีของตน ยังพึ่งพาน้าจากระบบชลประทานและน้าฝน จึงส่งผลให้ผู้เข้าอบรมยังไม่ตระหนักถึง ความสาคญั ของเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎใี หมซ่ ่ึงมีคุณประโยชนอ์ ย่างนานปั การ - 217-

13.2.4-2 พฒั นา/ปรบั ปรงุ ผลการดาเนนิ งานท่ไี ดว้ างแผนไว้ จากผลการดาเนินงานมีส่ิงท่ีต้องพัฒนาและปรับปรุงผลการดาเนินงานท่ีไม่ประสบผลสาเร็จเท่าที่ควรใน ดา้ นการส่งเสริมและสร้างคุณค่าให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักและเห็นคุณค่าในด้านการทาเกษตรผสมผสานและเกษตร ทฤษฎีใหม่ตามศาสตรพ์ ระราชา ซงึ่ จะไดน้ าข้อมูลดงั กล่าวจดั ทาเปน็ แผนเพอ่ื พัฒนางานในครัง้ ถัดไป 13.2.4-3 จดั ทารายงานผลการดาเนนิ งานโครงการ ผลการดาเนินงานจัดทาเล่มรายงานผลการดาเนนิ งานโครงการเพ่ือเสนอผู้บรหิ ารของคณะต่อไป 13.3 ผลลพั ธท์ ่ไี ด้ 12.3.1 ประโยชนท์ เี่ กิดขน้ึ กับผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ วิธีการประเมิน แบบประเมินความพึงพอใจ ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้ - ผลประโยชน์จากการฝึกอบรมเน่ืองจากระยะเวลามีอย่างจากัด จึงส่งผลให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ที่เป็น ประโยชน์และสามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวันไดไ้ ม่มากนกั อย่างไรกต็ ามชุมชนท่ีเข้าร่วมฝึกอบรมยังมีผู้นา ชุมชนของแต่ละกลุ่มท่ีเข้มแข็งเป็นศูนย์กลางของชุมชนให้กับสมาชิกภายในชุมชนได้เข้ามาเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจ พอเพยี งไดเ้ ปน็ อย่างดยี ิ่ง 12.3.2 ผลกระทบทีเ่ กดิ ขึน้ กับหน่วยงาน/ชมุ ชน/องค์กร วธิ ีการประเมิน - ผลลพั ธท์ ่ีได้ - 13.4 กำรบูรณำกำร/ควำมร่วมมอื จำกหน่วยงำนภำยนอก ลำดบั ชอ่ื หน่วยงำน/เอกชนหรือชุมชน แนวทำงร่วมดำเนินกำร ผลทไี่ ด้รบั 1 ศนู ยก์ ารเรียนรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง พัฒนาเปน็ ศูนย์การเรยี นรทู้ ่ีมี เครือข่ายความรว่ มมือ ชมุ ชนหมูท่ ่ี 2 ต.ลาลูกกา อ.ลาลกู กา ความพร้อมและมีศักยภาพเป็น ระหว่างมหาวิทยาลัยกับ จ.ปทมุ ธานี ตน้ แบบใหก้ บั ชมุ ชนอื่น ๆ ได้ ชมุ ชน 13.5 กำรนำผลกำรดำเนนิ งำน/ปญั หำอปุ สรรคทพ่ี บจำกปที ่ีผ่ำนมำ มำปรับปรุง/พัฒนำในปีปจั จบุ ัน 13.5.1 (ระบปุ ัญหา/อุปสรรค/ขอ้ เสนอแนะจากปีทีผ่ า่ นมา) - การปรบั ปรุง/พัฒนา - 13.5.2 (ระบปุ ัญหา/อุปสรรค/ข้อเสนอแนะจากปีท่ผี า่ นมา) - การปรบั ปรงุ /พัฒนา - 218-

14. ผลผลิต – ผลลัพธ์ – ผลกระทบ จำกกำรดำเนินโครงกำร เปำ้ หมำยเชิงผลผลิต (Output) เป้ำหมำยเชิงผลลัพธ์ (Outcome) ผลกระทบ (Impact) (ผลของการดาเนนิ โครงการท่ี (ผลประโยชนท์ เี่ กดิ ข้นึ จากการนา (ผลกระทบจากการดาเนินโครงการ ผลผลติ ไปใชป้ ระโยชน์ หรือสรา้ ง สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ สมารถ คณุ คา่ ทงั้ ภายในและภายนอกองค์กร ตอ่ ประชาชน หนว่ ยงานภาครัฐ วดั ผลได้ในเชงิ ปรมิ าณ คุณภาพ ซึ่งจะต้องสามารถวดั ผลไดอ้ ย่างนอ้ ย หรอื ภาคเอกชนโดยจาแนกออกเป็น และเวลา หรอื อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ) ด้านเศรษฐกิจ ด้านคณุ ภาพชีวติ ในเชิงคุณภาพ) ด้านสังคม ดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม เปน็ ตน้ ) ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความ ผู้เข้าร่วมโครงการ/ชุมชนนาความรู้ ชุมชนมีความเข้มแข็ง พ่ึงพาตนเอง เข้าใจตระหนักและเห็นคุณค่าของ ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับ ได้ มีความพอเพียง พอประมาณ ศาสตร์พระราชา ตนเองและชมุ ชน และมีภูมิคุ้มกัน อันจะส่งผลให้มี ความสุขตามปรัช ญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง 15.ตวั ช้ีวัดเป้ำหมำยผลผลติ แผน/ผล อธบิ ำยสำเหตุ รำยกำรตัวช้ีวัด หน่วย กำรดำเนนิ งำน ทีไ่ มส่ ำมำรถ มทร แผน ผล บรรลุตำมแผน ผลผลติ ทัว่ ไป(ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี, ดำ้ นกำรศึกษำด้ำนวทิ ยำศำสตรส์ ขุ ภำพดำ้ นสังคมศำสตร์, ผลงำนวจิ ยั และนวัตกรรม) เชิงปรมิ ำณ 1. จานวนคร้งั ทีด่ าเนินโครงการ คร้ัง 4 4 2. จานวนผูเ้ ขา้ รว่ ม โครงการ คน 200 204 3. ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ร้อยละ 82 82 98 4. ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ อยใู่ นกระบวนการของการจดั กิจกรรมครบถ้วน ร้อยละ 80 80 100 เชงิ คณุ ภำพ 1. ผู้เข้าร่วมโครงการมคี วามพงึ พอใจในกระบวนการจัดโครงการ ร้อยละ 82 82 95 2. ผเู้ ข้ารว่ มโครงการมีความพงึ พอใจตอ่ ประโยชน์ท่ีได้รับ ร้อยละ 84 84 90 เชงิ เวลำ โครงการ/กิจกรรมทแี่ ล้วเสร็จตามระยะเวลาทก่ี าหนด รอ้ ยละ 90 90 100 วนั /เดอื น/ปี ที่ดำเนินโครงกำร อธิบำยสำเหตทุ ่ีไม่สำมำรถบรรลุตำมแผน แผน เร่ิมต้น วนั ท่ี...17.....เดอื น....มกราคม....พ.ศ..2563..... แล้วเสรจ็ วันที.่ ..27.....เดือน....มกราคม....พ.ศ..2563..... ผล เร่ิมตน้ วนั ท.่ี ..17.....เดือน....มกราคม....พ.ศ..2563..... แล้วเสรจ็ วันที.่ ..27.....เดอื น....มกราคม....พ.ศ..2563..... - 219-

16. ปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินโครงกำร 1. ผเู้ ข้าอบรมมีภารกจิ ค่อนข้างมาก 2. ระยะเวลาฝึกอบรมมีอยา่ งจากดั 3. ความต่อเนื่องของการฝึกอบรม 4. ขอ้ จากดั ของการใชง้ บประมาณ 17. ข้อเสนอแนะ/แนวทำงกำรปรบั ปรุงหรือพัฒนำ 1. นัดหมายกับผนู้ าชมุ ชน/กลุม่ ให้ได้วัน เวลา ที่เหมาะสมสาหรับจัดโครงการ 2. ใชเ้ วลาให้คุ้มคา่ ปรับหลักสตู รฝึกอบรมใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เข้าฝกึ อบรม 3. เลือกชมุ ชนเป้าหมายท่ีมศี ักยภาพและมีความต้องการพฒั นา/ยกระดับคณุ ภาพชีวติ ของชุมชนให้ดขี ้นึ 4. ใชจ้ ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกบั ระเบยี บการเบกิ จ่าย 18. ประสงค์จะนำเสนอโครงกำรนใี้ นรำยงำนประจำปีของมหำวิทยำลยั  ใช่  ไม่ ใช่ - 220-

สรปุ ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจของผ้เู ข้ำรว่ มโครงกำร 1. ข้อมลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมินควำมพึงพอใจ จากการประเมินผลโครงการสืบสานศาสตร์พระราชาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสานึกรักษ์พันธุกรรมพืช เพื่อพัฒนาชุมชนสคู่ วามมั่นคงและย่ังยืน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ รวมท้ังหมด จานวน 204 คน พบว่า มีผู้ตอบแบบ ประเมนิ ทง้ั ส้ิน 204 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้เข้าร่วมโครงการ จากการวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน มี สถานะเป็นผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีเพศหญิง 119 คน คิดเป็นร้อยละ 58.33 และเพศชาย 85 คนคิดเป็นร้อยละ 41.67 ข้อมูลด้านอายุ พบว่า ระหว่าง 36-45 ปี คิดเป็นร้อยละ 33.33 รองลงมามีอายุ 46-55 ปี คิดเป็นร้อยละ 27.45 ดังแสดงในตารางท่ี 1 ตำรำงท่ี 1 แสดงจำนวนและร้อยละเก่ยี วกับสถำนภำพทั่วไปของผูร้ ว่ มตอบแบบประเมิน รำยกำร รวม จำนวน (คน) รอ้ ยละ เพศ รวม 85 41.67 ชาย 119 58.33 หญิง 204 100.00 อำยุ 32 15.69 ตา่ กวา่ 25 ปี 37 18.14 26-35 ปี 68 33.33 36-45 ปี 56 27.45 46-55 ปี 11 5.39 56 ปี ขึน้ ไป 204 100.00 2. ควำมพึงพอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำร จากขอ้ มลู ความพึงพอใจของผเู้ ขา้ ร่วมโครงการสบื สานศาสตร์พระราชาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสานึก รกั ษพ์ ันธกุ รรมพชื เพอ่ื พฒั นาชุมชนสคู่ วามมนั่ คงและยัง่ ยืน พบว่า ผปู้ ระเมนิ มคี วามพึงพอใจมากที่สุดในด้านวิทยากร (การถา่ ยทอดความร้ขู องวทิ ยากรมคี วามชัดเจน ความสามารถในการอธิบายเนอื้ หา การเชื่อมโยงเน้ือหาในการอบรม ใช้ภาษาที่เหมาะสมและเข้าใจง่าย การตอบข้อซักถามได้ชัดเจน) ด้านความรู้ความเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ (ความรู้ ความเข้าใจเรือ่ งการอนุรกั ษ์พันธุกรรมพชื กอ่ น การอบรม หลงั การอบรม สามารถนาความรู้ด้าน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้ในพัฒนางานหรือนาไปใช้ประโยชน์ได้ ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการใน กระบวนการจัดโครงการ) ด้านเนื้อหา (เนื้อหาของการอบรมสร้างความเข้าใจง่าย เน้ือหาของการอบรมเป็น ประโยชน์และสามารถนาไปใช้ได้ ระยะเวลาของการอบรมมีความเหมาะสมกับเนื้อหา) ด้านการดาเนินงาน (ความ เหมาะสมของระยะเวลาการจัดโครงการ ความเหมาะสมของเอกสารประกอบการอบรม มีช่องทางการติดต่อสื่อสาร กอ่ นและหลังเสร็จสิ้นโครงการ ความเหมาะสมของการจัดลาดับขั้นตอนของโครงการ ความเหมาะสมของสถานท่ีจัด อบรม/สมั มนา ความเหมาะสมของอาหารและเคร่อื งดืม่ ) โดยมีค่าเฉล่ียความพึงพอใจ เท่ากับ 4.51 4.60 4.71 4.43 และ 4.70 ตามลาดบั - 221-

เม่ือพิจารณาความพึงพอใจต่อการจัดโครงการโดยภาพรวม พบว่า ผู้ประเมินมีความพึงพอใจในระดับมาก ทีส่ ดุ ค่าเฉลยี่ 4.71 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 94.20 ขอ้ มูลดงั ตารางที่ 2 ควำมพงึ พอใจตอ่ โครงกำร 4.75 4.71 4.70 444...667050 4.55 4.60 4.51 ระดบั ความพงึ พอใจ 44..4505 4.43 44..4305 4.30 4.25 ตอนท่ี 2 ระดับความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การนาไปใช/้ ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้ต่อการเข้ารว่ มโครงการ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยแปลผลความหมายของค่าเฉล่ยี ดงั น้ี ค่าเฉลยี่ 4.51-5.00 ความพึงพอใจมากทีส่ ดุ ค่าเฉลีย่ 3.51-4.50 ความพึงพอใจมาก ค่าเฉลย่ี 2.51-3.50 ความพึงพอใจปานกลาง คา่ เฉล่ีย 1.51-2.50 ความพึงพอใจนอ้ ย คา่ เฉลย่ี 1.00-1.50 ความพึงพอใจนอ้ ยที่สดุ - 222-

ตำรำงที่ 2 แสดงค่าร้อยละและค่าเฉลยี่ ความพงึ พอใจของผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ ตอนที่2 ควำมพึงพอใจต่อโครงกำร ควำมพึงพอใจ ด้ำนเนื้อหำ AV รอ้ ยละ ระดบั 1. เนอื้ หาของการอบรมสร้างความเข้าใจง่าย 4.51 90.20 มำกท่สี ดุ 2. เนือ้ หาของการอบรมเป็นประโยชนแ์ ละสามารถนาไปใชไ้ ด้ 4.50 90.00 มาก 3. ระยะเวลาของการอบรมมีความเหมาะสมกับเน้ือหา 4.38 87.60 มาก ด้ำนกำรดำเนนิ งำน 4.65 93.00 มากทส่ี ุด 1. ความเหมาะสมของระยะเวลาการจดั โครงการ 4.60 92.00 มำกทส่ี ุด 2. ความเหมาะสมของเอกสารประกอบการอบรม 4.76 95.20 มากทสี่ ุด 3. มชี อ่ งทางการติดต่อสือ่ สารก่อนและหลงั เสร็จสนิ้ โครงการ 4.48 89.60 มาก 4. ความเหมาะสมของการจัดลาดับขน้ั ตอนของโครงการ 4.80 96.00 มากทส่ี ดุ 5. ความเหมาะสมของสถานท่ีจดั อบรม/สมั มนา 4.30 86.00 มาก 6. ความเหมาะสมของอาหารและเคร่ืองด่มื 4.55 91.00 มากทีส่ ุด ด้ำนวทิ ยำกร 4.68 93.60 มากที่สุด 1. การถา่ ยทอดความรู้ของวทิ ยากรมีความชดั เจน 4.71 94.20 มากที่สุด 2. ความสามารถในการอธบิ ายเนอื้ หา 4.70 94.00 มากที่สุด 3. การเชอ่ื มโยงเนอ้ื หาในการอบรม 4.64 92.80 มากที่สุด 4. ใช้ภาษาท่ีเหมาะสมและเข้าใจง่าย 4.87 97.40 มากทส่ี ดุ 5. การตอบข้อซักถามได้ชัดเจน 4.58 91.60 มากทส่ี ุด ด้ำนควำมรคู้ วำมเข้ำใจ/กำรนำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์ 4.78 95.60 มากท่สี ดุ 1. ความรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองการอนุรักษ์พันธุกรรมพชื ก่อน การอบรม 4.43 88.20 มำก 2. ความรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพชื หลัง การอบรม 3.20 64.00 ปานกลาง 3. สามารถนาความรู้ดา้ นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งประยุกต์ใช้ในพัฒนางาน 4.80 96.00 มากทสี่ ดุ หรือนาไปใช้ประโยชน์ได้ 4.90 98.00 มากที่สดุ 4. ความพึงพอใจของ ผู้เขา้ ร่วมโครงการในกระบวนการจัดโครงการ 5. ความพงึ พอใจของ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมีความพึงพอใจต่อประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั 4.75 95.00 มากทส่ี ุด ควำมพงึ พอใจต่อกำรจัดโครงกำรโดยภำพรวม 4.50 90.00 มาก 4.70 94.00 มำกทส่ี ดุ - 223-

เอกสำรประกอบกำรบรรยำย นำ้ หมักชีวภำพผลไมร้ สเปรี้ยวนำ้ ยำอเนกประสงค์…ลดรำยจำ่ ยเพ่ิมรำยได้ (ล้ำงจำน ซักผ้ำ) “...คนอื่นจะว่าอย่างไรกช็ ่างเขา จะว่าเมืองไทยลา้ สมยั ว่าเมอื งไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิง่ ที่ สมยั ใหม่ แต่เราอยู่พอมพี อกิน และขอใหท้ ุกคนมีความปรารถนาที่จะใหเ้ มืองไทย พออยู่พอกนิ มคี วาม สงบ และทางานต้งั จิตอธิษฐานต้งั ปณิธาน ในทางน้ ที ีจ่ ะใหเ้ มืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรือง อย่างยอด แต่ว่ามคี วามพออยู่พอกิน มคี วามสงบ เปรียบเทียบกบั ประเทศอืน่ ๆ ถา้ เรารกั ษาความพออยู่ พอกนิ น้ ไี ด้ เราก็จะยอดยิง่ ยวดได.้ ..” พระราชดารสั พระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ทีเ่ ขา้ เฝ้ าฯถวายชยั มงคล เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตรลดาฯ พระราชวงั ดุสิต วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ พระบรมรำโชวำทนี้ ทรงเห็นว่าแนวทางการพัฒนาท่ีเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก แต่ เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปญั หาได้ จงึ ทรงเน้นกำรมพี อกินพอใช้ของประชำชนส่วนใหญ่ในเบ้ืองต้นก่อน เมื่อ มีพนื้ ฐานความมนั่ คงพรอ้ มพอสมควรแลว้ จงึ สร้างความเจรญิ และฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง แทนที่จะ เน้นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมนาการพัฒนาประเทศ ควรที่จะสร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจพื้นฐานก่อน นั่นคือ ทำให้ประชำชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกินก่อน เป็นแนวทางการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ เพ่ือ สรา้ งพนื้ ฐานและความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ก่อนเน้นการพฒั นาในระดบั สงู ขน้ึ ไป ทรงเตอื นเรอื่ งพออยพู่ อกิน ตัง้ แต่ปี 2517 คอื เมอ่ื 30 กว่ำปีทแ่ี ลว้ แต่ทิศทำงกำรพฒั นำมิได้เปลีย่ นแปลง “...เม่ือปี 2517 วันนั้นได้พูดถึงว่า เราควรปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินน้ีก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้า แตล่ ะคนมพี อมีพอกิน กใ็ ชไ้ ด้ ยิ่งถา้ ท้ังประเทศพอมีพอกินก็ย่ิงดี และประเทศไทยเวลาน้ันก็เร่ิมจะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนกม็ มี าก บางคนก็ไม่มเี ลย...” (4 ธันวาคม 2541) พระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดังกล่าวข้างต้นนั้น พระองค์ทรงห่วงใยในชีวิตความ เปน็ อยู่ของพสกนิกรในพระองค์เป็นอย่างย่ิง ทรงมีพระประสงค์ให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ท่ีพอเพียง สามารถพึ่งพา ตนเองได้ ไม่ฟุ้งเฟ้อด้ินรนจนเกินตัว พสกนิกรจึงควรน้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้โดยการหันมา พง่ึ ตนเองมากขึ้น ด้วยการใช้ทรพั ยากรในทอ้ งถน่ิ นามาพัฒนาผลิตผลติ ภัณฑท์ ใ่ี ช้ในครวั เรอื นเป็นประจา เพื่อเป็นการ ลดรายจา่ ยเพมิ่ รายไดใ้ นครัวเรือน ผลิตภณั ฑท์ ่ใี ชต้ ้องเป็นทรัพยากรทอ้ งถิ่นทหี่ าได้งา่ ยในชุมชน การดารงชวี ติ บนเสน้ ทางแห่งเศรษฐกิจพอเพียง การเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของครอบครัวเป็นปัจจัยท่ีสาคัญ โดยเฉพาะรายจา่ ยในการซ้อื สารทาความสะอาด อาทิเชน่ นา้ ซกั ผ้า ล้างจาน สบู่ หรอื สารทาความสะอาดต่าง ๆ เป็น รายจ่ายหรอื รูร่ัวทางการเงนิ ท่สี าคัญ ทาใหแ้ ต่ละครัวเรือนต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจานวนมากในละเดือน การทาน้ายา อเนกประสงค์เปน็ ทางเลอื กทด่ี ีและง่ายเพอ่ื ใช้เอง เพ่ืออดุ รอยรั่วทางการเงนิ ของครอบครัว ด้วยการใช้ทรัพยากรที่หา งา่ ยในท้องถน่ิ จึงถอื เป็นทางเลือกแหง่ วิถีพอเพยี งด้วยการพงึ่ พาตนเองตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำ้ หมักชวี ภำพผลไมร้ สเปรีย้ ว นำ้ หมักชีวภำพผลไมร้ สเปรีย้ ว มรดกทำงภูมิปัญญำของไทย: มีคุณสมบัติเด่น คือ มีควำมเป็นกรดสูงใช้ สำหรบั กำรทำควำมสะอำดในรูปแบบต่ำง ๆ ได้ดี ใช้ได้ท้ังล้ำงจำน ซักผ้ำ ขัดห้องน้ำ ล้ำงรถ ถูบ้ำน ล้ำงเช็ดทำ ควำมสะอำดอุปกรณ์ที่ทำจำกทั้งจำกโลหะหรืออโลหะ ฯลฯ และยังเป็นส่วนผสมหนึ่งของน้ำยำอเนกประสงค์ - 224-

สำมำรถทำใช้ได้ทุกครัวเรือน ข้อดี ก็คือค่อนข้ำงจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพรำะมีจุลินทรีย์ชนิดดีจำกน้ำหมัก ผลไมร้ สเปรย้ี วเปน็ ตัวช่วยยอ่ ยสลำยและขจดั สง่ิ สกปรกทงั้ สีและกลิ่น เช่น ถ้ำนำไปซักผ้ำ จะช่วยป้องกันเช้ือรำ ได้ ขัดห้องน้ำก็จะช่วยกำจัดกล่ินได้ น้ำที่เหลือจำกกำรล้ำงจำน ซักผ้ำ ก็สำมำรถนำไปรดต้นไม้ ช่วยย่อยสลำย สำรอำหำรในดนิ ให้เป็นปยุ๋ ต่อไปได้อีก นอกจำกนี้ ต้นทุนกำรผลิตก็ถือว่ำต่ำมำก สำมำรถทำใช้ได้เองอย่ำงง่ำยๆ รวดเรว็ ผลไม้รสเปรยี้ วทีน่ ยิ มนามาหมัก เชน่ มะเฟื่อง (Star Fruit) สับปะรด (Pineapple) มะยม (Star Gooseberry) มะกรูด (Kaffir lime) มะนาว (Lime) มะขาม (Tamarind) มะขามป้อม (Indian gooseberry) มงั คุด (Mangosteen) มะคาดีควาย (Soap Nut Tree) เสาวรส (Passion Fruit) ส้มป่อย (Acacia concinna) ตะลิงปลงิ (Bilimbing) น้าทีไ่ ด้จากการหมักผลไมร้ สเปร้ยี วนี้จะมีฤทธิ์เป็นกรดจัด มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 3-3.5 กรดท่ีได้น้ีมีคุณสมบัติช่วยสลายไขมันหรือขจัดคราบสกปรกต่างๆได้ดี และจะมีกล่ินหอมของผลไม้หรือกลิ่นน้ามัน หอมระเหยที่อย่ใู นเปลอื กของผลไม้ และยงั มสี รรพคุณอน่ื ๆ ตามชนดิ ของผลไมท้ นี่ ามาหมัก จุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ (EM) ท่ีอยู่ในน้าหมักชีวภาพ จะไปช่วยยับยั้งการทางานของจุลินทรีย์กลุ่มทาลาย ทาให้ช่วยลดปญั หาต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั ทเี่ กดิ จากเชอ้ื โรคไดด้ ้วย แถมประหยดั เงินไมต่ อ้ งซ้ือของใช้ ไม่ต้องเสียค่า - 225-

กาจัดขยะ ประหยัดแรงงานและเวลาในการทาความสะอาด และน้าทิ้งจากการซักล้างต่างๆ จะทาลายสิ่งแวดล้อม นอ้ ยกว่านา้ ทีซ่ ักลา้ งด้วยผลติ ภณั ฑ์ทาความสะอาดทีท่ าจากสารเคมี การหมักผลไม้บางชนิดไม่ต้องใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ก็ได้ เช่น มะเฟืองสุก สับปะรดงอมท้ังเปลือก เปลือก สับปะรด มะกรูด องุ่น เพราะผลไม้จาพวกนี้จะมีจุลินทรีย์ท่ีมีประสิทธิภาพ (EM) อยู่ในตัวเองแล้ว ถ้าไม่มีหัว เชื้อจุลินทรีย์ EM จะใช้นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต (มีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส 1 ขวด) แป้งข้าวหมาก 1 ก้อน หรือน้า ดองผัก-ผลไม้ท่ีกลิ่นดี ½ แก้วแทนได้ หรือหมักกับน้าตาลทราย (ขาว แดง) น้าตาลอ้อย หรือกากน้าตาล หมัก 15 วัน ถึง 3 เดอื น (หมักยิ่งนานยงิ่ ดี) จะได้น้าหมักทีม่ ีจุลนิ ทรยี ท์ ่ดี ี สามารถนามาใช้ในชีวิตประจาวันได้ เช่น ซักผ้า ล้าง จาน ลา้ งรถ เชด็ กระจก ล้างหอ้ งน้า ดบั กล่นิ และสามารถใช้ทาเป็นป๋ยุ บารงุ ต้นไม้ปรับสภาพดิน ไม่เกิดมลพิษต่อโลก เพราะสามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ ประโยชน์ของน้ำหมกั น้าหมักจากผลไม้รสเปรย้ี วสามารถนามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวันได้หลายอยา่ ง เชน่ 1. ใช้ล้างผักผลไม้นาน้าหมักผสมน้า (อัตราส่วน 1 ส่วน ต่อน้าสะอาด 20 ส่วน) ใช้ล้างผักผลไม้ แล้วแช่ไว้ ประมาณ 15 นาที จะช่วยลา้ งสารพษิ ตกค้างในผักผลไม้ ช่วยให้ผักกรอบข้ึน สดขึน้ และยืดอายุการเก็บรักษา (แต่ถ้า แช่นานเกนิ ไป ผกั จะเน่าเร็ว) 2. ใชถ้ พู ้นื นานา้ หมักชีวภาพผสมน้า (อตั ราสว่ น 1 ส่วน ต่อน้าสะอาด 50 ส่วน) ใช้ทาความสะอาดเช็ดถูพื้น จะสลายคราบสกปรกไดด้ ี พ้ืนสะอาด คราบสกปรกจะไมเ่ กาะพืน้ งา่ ย ห้องจะไมม่ ีกลิ่นเหมน็ อับ 3. ใชผ้ สมกบั นา้ เชด็ กระจกนาน้าหมกั ชวี ภาพผสมนา้ (อตั ราส่วน 1 สว่ น ต่อน้าสะอาด 50 ส่วน) ใชท้ าความ สะอาดเช็ดกระจก สลายคราบสกปรกได้ดี กระจกจะใส สะอาดเงางาม ฝุ่นผงไม่เกาะง่าย และการทาความสะอาด กระจกครัง้ ตอ่ ไป จะงา่ ยข้ึน 4. ใช้ผสมกับน้าทาความสะอาดห้องน้าและเครื่องสุขภัณฑ์นาน้าหมักผสมน้า (อัตราส่วน 1 ส่วน ต่อน้า สะอาด 20 ส่วน) จะสลายคราบสกปรกได้ดี เคร่ืองสุขภัณฑ์จะสะอาดเงางาม คราบสกปรกไม่เกาะง่าย และการทา ความสะอาดกระจกคร้ังต่อไป จะง่ายขนึ้ 5. ใช้เป็นสว่ นผสมในนา้ ยาซักผา้ (10%) หรือผสมกับน้ายาซักผ้าโดยตรง (1 ส่วนต่อน้าสะอาด 5 ส่วน) แช่ ผ้าไว้อย่างน้อย 30 นาที ผ้าจะสะอาดขึ้น ถึงแม้ว่าจะแช่ผ้าทิ้งไว้นานข้ามคืน น้าท่ีแช่ผ้าจะไม่มีกล่ินเหม็นเน่า เหมือนกับการใช้ผงซักฟอกท่ัวๆ ไป ผ้าท่ีแห้งแล้วจะไม่มีกล่ินอับ เสื้อผ้าท่ีใส่และจะมีกลิ่นหอมของ น้าหมักชีวภาพ แตกตา่ งกนั ตามแลว้ แตล่ ะชนดิ ของผลไม้รสเปรย้ี ว 6. ใช้ผสมกับน้าสาหรับล้างจานชามท่ีไม่มีคราบไขมัน (อัตราส่วน 1 ส่วน ต่อน้าสะอาด 20 ส่วน) ล้าง ภาชนะให้สะอาดได้ง่ายข้ึน กาจัดเช้ือโรคและเชอื้ รา 7. ใช้เป็นส่วนผสมในน้ายาล้างจาน (10%) จะช่วยสลายคราบสกปรกและไขมันได้ดีขึ้น ล้างภาชนะให้ สะอาดไดง้ า่ ยขึ้น ชว่ ยดับกล่นิ คาว กาจัดเชือ้ โรคและเชอ้ื รา 8. ใช้เป็นส่วนผสมในยาสระผม ครีมนวดผม ใช้น้าหมักผสมในยาสระผมหรือครีมนวดผม (10%) จะทาให้ ผมสะอาด นมุ่ สลวย ช่วยลดหรือยบั ย้ังการเกดิ รังแค 9. ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมในสบเู่ หลวอาบนา้ ใช้น้าหมกั ผสมในสบูเ่ หลวอาบนา้ (3-5%) จะทาให้ผวิ สะอาดชุ่มชื้น ไม่ แหง้ กราน ช่วยลดสิว ลดฝ้า ลดกล่ินตัว ช่วยบาบัดรักษาโรคผิวหนงั บางชนดิ ได้ สรรพคณุ เดน่ ของน้ำหมักผลไม้เปรยี้ วแต่ละชนิด - น้ำหมักเน้ือมะกรูด ใช้สาหรับซักผ้า ล้างจาน ล้างสุขภัณฑ์ ถูพ้ืน เช็ดกระจา ล้างห้องน้า มีคุณสมบัติ สลายไขมันและคราบสกปรก โดยทัว่ ไปได้ดี มีกลิน่ หอมของมะกรดู - 226-

- น้ำหมักมะกรูดท้ังลูก (ท้ังเนื้อทั้งเปลือก) นิยมใช้ผสมในน้ายาสระผม มีคุณสมบัติ สลายไขมันและ คราบสกปรกหนังศรี ษะได้ดีและบารงุ เส้นผมให้เงางาม ลดรงั แค มีกล่ินหอมของมะกรดู มาก - นำ้ หมกั มะเฟอื ง มคี ุณสมบัติเด่น คือ เม่ือใช้ผสมในสบู่หรือหรือผสมน้าสาหรับล้างหน้า อาบน้า คราบ ไคลบนผิวหนังจะอ่อนตัว และหลุดออกง่ายข้ึนจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี ช่วยลดสิว ทาให้ฝ้าจางลง ช่วยกระชับรู ขมุ ขน ลดกลน่ิ ตวั - นำ้ หมักฝักส้มป่อย มีคุณสมบัติเด่นคือ เม่ือใช้ผสมน้าล้างหน้า อาบน้า จะช่วยทาให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น เมื่อ ใชผ้ สมในครมี นวดผม มีคณุ สมบตั ิ บารุงเสน้ ผมใหน้ ุ่มสลวย - น้ำหมักผลมะคำดีควำย มีคุณสมบัติเด่น คือ เม่ือใช้ผสมน้าล้างหน้า อาบน้า จะช่วยลดผดผ่ืนคัน บรรเทากลากเกล้ือน เมื่อผสมในน้ายาสระผม มีคณุ สมบตั ิ ช่วยลดรงั แค รักษาอาการชนั นะตุ ผลมะคาดีควาย สม้ ปอ่ ย นำ้ หมักชีวภำพจำกผลไมร้ สเปรี้ยว วสั ดุอุปกรณ์ 3 กิโลกรมั 1 กโิ ลกรมั 1. ผลไมร้ สเปร้ยี ว 10 ลติ ร 2. นา้ ตาลทรายแดง 3. น้าสะอาด วธิ ที ำนำ้ หมกั ชีวภำพจำกผลไม้รสเปรี้ยว 1. ผลไมร้ สเปรีย้ ว (มะนาว มะกรูด สับปะรด เสาวรส มะเฟือง มะยม ฯลฯ) ท้ังเปลือกที่ไม่เป็นโรค ล้าง น้าใหส้ ะอาดผ่ึงให้สะเดด็ นา้ จำนวน 3 กโิ ลกรัม หัน่ เป็นผลไมต้ ามขวางให้เปน็ ช้นิ เลก็ ๆ 2. ผสมน้าตาลทรายแดง จำนวน 1 กิโลกรัม กับน้าสะอาด จำนวน 10 ลิตร ในถังพลาสติก คนให้ นา้ ตาลละลาย 3. นาชิ้นผลไม้ทีห่ ่นั แล้วลงในถงั ทล่ี ะลายไว้ คนให้เข้ากัน ระดับความสูงของส่วนผสมควรเว้นให้ห่างจาก ปากถงั ประมำณ 1 ฝำมือ แล้วปดิ ฝาถงั ใหส้ นทิ จำกนนั้ 2-3 วัน ของการหมกั ให้เปิดฝาแลว้ คนวนั ละ 2 ครั้ง 4. หลังจากน้ันให้หมักไว้ประมำณ 1-3 เดือน ข้ึนอยู่กับว่าจะนาน้าหมักนั้นมาใช้ประโยชน์แบบใด การ หมกั ในระยะ 1-2 สปั ดำห์ แรกจะเกิดฟองอากาศข้ึนมาจานวนมาก มีฝ้าสีขาวขึ้นท่ีผิวด้านบนน้าหมัก และจะมีกลิ่น หอมคลา้ ยไวน์ นนั้ ถือว่าการหมักได้ผลดี แต่ถ้าผวิ หน้าของน้าหมักมรี าสดี าขึ้น และมีกลิ่นเหม็นเน่า แสดงว่า เกิดการ ปนเป้ือนจากจุลินทรยี ์ตัวร้ายไม่ควรนาไปใชง้ าน นำ้ ยำเอนกประสงค์ลำ้ งจำน /ซักผำ้ - 227-

วัสดอุ ุปกรณ์ 1 กิโลกรมั 1. หัวแชมพู (Texapon N70) 1 กิโลกรมั 2. สารขจัดคราบ (F-24) 1 ขีด 3. ผงฟอง 1.0 กโิ ลกรัม 4. ผงขน้ (Sodium Chloride) 25 กรมั 5. หวั น้าหอม (กล่ินมะนาว ดาวนี่ ไฮยีน ฯลฯ) 2 กรมั 6. สี (เหลอื ง เขยี ว แดง ชมพู) 14 ลิตร 7. นา้ สะอาด 3 ลิตร 8. น้าหมักผลไมร้ สเปร้ยี ว 9. ถังหรอื กะละมงั ก้นเรยี บ 10. ไม้พาย ถ้าหาไมไ่ ด้ให้ใชไ้ ม้หรือทัพพแี ทนได้ 11. ขวดบรรจภุ ณั ฑ์ วธิ ีทำ 1. ละลายผงฟองในน้าสะอาด 14 ลิตร ให้เขา้ กนั แลว้ พักไว้ 2. จากน้ันเทหวั แชมพู N70 และสารขจดั คราบ F-24 อยา่ งละ 1 กโิ ลกรัม ลงในถงั แลว้ กวนสารทั้งสองด้วย ไมพ้ าย จนกลายเปน็ ครีมสขี าวขน้ เหนียว 3. นาน้าสะอาด ในข้อ 1 (ครั้งละ 1 ลิตร) ค่อยๆเทลงในถัง ข้อที่ 2 กวนให้เข้ากันดีแล้ว เทผงข้น พอประมาณ กวนจนเปน็ ของเหลวขน้ (สลบั กันเทน้า แล้วค่อยเติมผงขน้ จนกวา่ น้าและผงข้นหมด) 4. ใส่นา้ หมกั 3 ลติ ร แล้วกวนตอ่ ไปจนให้ของเหลวขน้ 5. ขั้นตอนสุดท้ายเติมสี/เติมกลิ่นท่ีต้องการ หรือไม่เติม เม่ือกวนเสร็จ ด้านบนของน้ายาจะเป็นแผ่นฟอง ขาวขนุ่ ทิ้งไว้ประมาณ 8-10 ชว่ั โมง ฟองจะคอ่ ยๆยุบตวั ลง จนเห็นเป็นนา้ ยาขน้ ใส แล้วบรรจุขวดได้ หมำยเหตุ นา้ ยาเอนกประสงคท์ ีใ่ ชน้ า้ หมักทหี่ มัก 3 เดือนข้ึนไป เป็นส่วนผสมไมต่ ้องใช้สารกันบูด สามารถ เกบ็ ไวใ้ ช้ได้เปน็ เวลานานหลายเดอื น อาจจะมีสเี ข้มขน้ึ บา้ งเลก็ นอ้ ย สตู รนำ้ ยำเอนกประสงคซ์ ักผ้ำ 1 กิโลกรมั 1 กิโลกรัม วสั ดอุ ุปกรณ์ 1 ขีด 1. หัวแชมพู (Texapon N70) 1 กโิ ลกรัม 2. สารขจัดคราบ (F-50) 25 กรมั 3. ผงฟอง 14 ลติ ร 4. ผงข้น (Sodium Chloride) 3 ลิตร 5. หวั น้าหอม (กล่ินเอสเซ็นต์ ดาวนี่ ไฮยีน ฯลฯ) 6. น้าสะอาด 7. น้าหมกั ผลไม้รสเปรี้ยว 8. ถงั หรือกะละมังก้นเรียบ 9. ไม้พาย ถ้าหาไม่ไดใ้ ห้ใช้ไม้หรอื ทัพพีแทนได้ 10. ขวดบรรจภุ ัณฑ์ - 228-

วิธีทำ 1. ละลายผงฟองในน้าสะอาด 14 ลติ ร ให้เข้ากนั แลว้ พกั ไว้ 2. จากน้ันเทหัวแชมพู N70 และสารขจัดคราบ F-50 อยา่ งละ 1 กโิ ลกรมั ลงในถงั แลว้ กวนสารท้ังสองด้วย ไม้พาย จนกลายเป็นครีมสีขาวขน้ เหนียว 3. นาน้าสะอาด ในข้อ 1 (ครั้งละ 1 ลิตร) ค่อยๆเทลงในถัง ข้อที่ 2 กวนให้เข้ากันดีแล้ว เทผงข้น พอประมาณ กวนจนเป็นของเหลวขน้ (สลับกันเทน้า แลว้ ค่อยเติมผงข้น จนกวา่ น้าและผงข้นหมด) 4. ใสน่ ้าหมกั 3 ลิตร แล้วกวนตอ่ ไปจนใหข้ องเหลวขน้ 5. ข้ันตอนสุดท้ายเติมสี/เติมกลิ่นท่ีต้องการ หรือไม่เติม เมื่อกวนเสร็จ ด้านบนของน้ายาจะเป็นแผ่นฟอง ขาวข่นุ ท้งิ ไวป้ ระมาณ 8-10 ชัว่ โมง ฟองจะคอ่ ย ๆ ยุบตวั ลง จนเห็นเปน็ นา้ ยาขน้ ใส แล้วบรรจขุ วดได้ หมำยเหตุ นา้ ยาเอนกประสงคท์ ี่ใช้นา้ หมักท่ีหมัก 3 เดอื นข้ึนไป เป็นส่วนผสมไม่ต้องใชส้ ารกนั บดู สามารถ เก็บไว้ใช้ไดเ้ ป็นเวลานานหลายเดอื น อาจจะมีสเี ข้มข้นึ บ้างเล็กน้อย สตู รสบู่เหลวมะเฟือง/มงั คุด 1/2 กโิ ลกรมั 1. น้าหมกั ชวี ภาพเปลอื กมงั คุด 1/2 กโิ ลกรัม 2. นา้ หมักชีวภาพมะเฟือง 2 ชอ้ นโต๊ะ 3. ขมิ้นผง 1 ถ้วย 4. นา้ ผ้งึ 1 กิโลกรมั 5. เกลือสนิ เธาว์ 2-3 หยด 6. หวั น้าหอม 12 กโิ ลกรมั 7. นา้ สะอาด 1 กิโลกรมั 8. หวั แชมพู (Texapon N70) วธิ ที ำ 1) นำเอ็น 70 จำนวน 1 กโิ ลกรมั ใสถ่ งั พลำสตกิ แลว้ คนอยำ่ งต่อเนื่องในทิศทำงเดียวกันจนกระท่งั เปลี่ยนเปน็ สีขำวขุ่น 2) เตมิ เกลือและนำ้ 1 กิโลกรัม ทลี ะน้อยจนกระทง่ั หมด พร้อมทัง้ คนไปเร่ือยๆ 3) นำน้ำหมกั ชวี ภำพเปลือกมังคดุ และนำ้ หมักชีวภำพมะเฟือง ผสมกับนำ้ 11 กโิ ลกรัม แล้วตกั เติมลง ไปจนหมด และ กวนตอ่ เรอ่ื ยๆ 4) เติมน้ำผง้ึ ขมน้ิ ผงและน้ำหอม กวนต่อไปจนส่วนผสมข้นได้ที่แลว้ พกั ไว้ให้ฟองยุบตวั 5) บรรจุใส่ขวด/ติดฉลำก - 229-

บนั ทึกรำยรับ-รำยจ่ำย ชื่อ...................................................................สกลุ ................................................. ที่อยู่บ้านเลขที่...................หมู่ท่.ี ...................ซอย................................................... ถนน..................................................แขวง/ตาบล................................................... เขต/อาเภอ.......................................จงั หวดั .......................................................... มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าใหข้ าดสงิ่ ของตอ้ งประสงค์ มนี อ้ ยใชน้ อ้ ยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงใหม้ ากจะยากนาน สุนทรภู่ กำรทำบญั ชีครัวเรือน การทาบัญชีครัวเรือนเป็นการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจาวันของครัวเรือน และสามารถนาข้อมูลมาวาง แผนการใช้จ่ายเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสม ทาให้เกิดการออม การใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นการทาบญั ชีชีครวั เรือนมคี วามสาคัญดังนี้ 1. ทำใหต้ นเองและครอบครัวทรำบรำยรับ รำยจำ่ ย หน้สี ิน และเงนิ คงเหลอื ในแต่ละวัน รำยรับ หรือ รายได้ คือ เงิน หรือสินทรัพย์ที่วัดมูลค่าได้ ท่ีได้รับจากการประกอบอาชีพ หรือผลตอบแทนที่ได้รับจาก การให้ผู้อื่นใช้สินทรัพย์ หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น รายได้จากค่าจ้างแรงงาน เงินเดือน ดอกเบี้ยรบั จากเงนิ ฝากธนาคาร หรือ จากเงินให้ก้ยู ืม รายไดจ้ ากการขายสินค้าหรอื บริการ เป็นตน้ รำยจ่ำย หรือ ค่าใช้จ่าย คือ คือ เงิน หรือสินทรัพย์ที่วัดมูลค่าได้ ท่ีจ่ายออกไปเพื่อให้ได้สิ่งตอบแทนกลับมา ส่ิงตอบ แทนอาจเป็นสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้าค่าไฟฟ้า (ค่าสาธารณูปโภค) ค่าน้ามัน ค่าหนังสือตารา เป็นต้น หรือรายจ่าย อาจไม่ได้รับสิ่งตอบแทนคือสินค้าหรือบริการก็ได้ เช่น เงินบริจาคเพ่ือการกุศล เงินทาบุญทอดกฐิน ทอดผา้ ป่า เป็นต้น -230-

หน้ีสิน คือ ภาระผูกพันท่ีต้องชดใช้คืนในอนาคต การชดใช้อาจจ่ายเป็นเงินหรือของมีค่าท่ีครอบครัวหรือตนเองมีอยู่ หน้ีสินเป็น เงินหรือสิ่งของท่ีมีค่าที่ครอบครัวหรือตนเองได้รับมาจากบุคคลหรือแหล่งเงินภายนอก เช่น การกู้ยืมเงิน จากเพ่อื นบา้ น การกู้ยืมเงินจากกองทุนต่างๆ การซื้อสินค้าหรือบริการเป็นเงินเชื่อ การซ้ือสินทรัพย์เป็นเงินผ่อนชาระ หรอื การเช่าซอ้ื เป็นต้น บนั ทึก …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… บันทึกรำยรับ-รำยจ่ำย วัน เดอื น ปี รายการ รายรับ รายจา่ ย คงเหลือ (บาท) (บาท) (บาท) รวม -231-

บนั ทกึ รำยรบั -รำยจ่ำย วนั เดอื น ปี รายการ รายรับ รายจ่าย คงเหลือ (บาท) (บาท) (บาท) รวม -232-

-233-

นายทองมี เหมาะสม หัวหนา้ โครงการ -234-

5. ชอ่ื โครงกำร : โครงกำรพัฒนำผลิตภณั ฑ์จำกฟำงข้ำวเหลอื ทง้ิ และบัวหลวง 1. ได้รบั จัดสรรงบประมำณ : งบประมาณรายจ่าย ประจาปี 2563 เปน็ เงินจานวน 120,000 บาท (หน่ึงแสนสองหมื่นบาทถ้วน) 2. ประเภทผลผลติ : ผลผลติ ผลงานการใหบ้ รกิ ารวชิ าการ 3. ช่ือผ้รู บั ผิดชอบโครงกำร ชอื่ -สกุ ล ดร.ชนากานต์ เรืองณรงค์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ เบอร์โทรศัพท์ 099-293-5365 4. ควำมสอดคล้องกับนโยบำยและยทุ ธศำสตร์ พ.ศ. 2563 - 2580 และแผนปฏิบัตริ ำชกำร 3 ปี พ.ศ.2563-2565 มทร.ธญั บรุ ี 4.1 ประเดน็ ยทุ ธศำสตร์  ประเด็นยทุ ธศาสตร์ที่ 1 การเรยี นรู้สกู่ ารเป็นนวัตกร  ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 การวิจัยเพื่อสร้างสรรคน์ วตั กรรม  ประเด็นยทุ ธศาสตร์ที่ 3 การบรกิ ารวิชาการและเพิม่ มลู ค่าดา้ นศิลปวัฒนธรรมดว้ ยนวตั กรรม  ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 นวตั กรรมการบริหารจัดการ 4.3 สอดคลอ้ งกับค่ำใชจ้ ่ำยโครงกำรใด (จะเชอื่ มโยงตำมผลผลติ ของโครงกำรที่เกี่ยวขอ้ ง) ผลผลติ ผลงานการใหบ้ รกิ ารวิชาการ (เลอื กเพียง 1 ขอ้ )  1. โครงการฝึกอบรมเพื่อยกระดับกาลังคน Up skill Re skill New skill เพ่อื ตอบโจทย์ 10 S-Curve และ EEC  2. โครงการบรกิ ารวชิ าการดว้ ยการนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี หรือ นวตั กรรม มาขบั เคลื่อนใหเ้ ป็นผลติ ภัณฑ์ สนิ คา้ หรอื บรกิ าร ทีเ่ พิ่มคุณค่าหรอื ต่อยอดเชงิ พาณิชย์ ร่วมกบั ภาคอตุ สาหกรรม หรือสถานประกอบการ  3. โครงการส่งเสรมิ เกษตรกรรมด้วยนวัตกรรมดา้ นการเกษตร / ระบบ Smart farm  4. โครงการพฒั นานวตั กรรมชุมชน วสิ าหกิจชมุ ชน และ Smart SMEs ดว้ ยงานวิจยั นวตั กรรม  5. โครงการยกระดับคณุ ภาพชีวติ ของชุมชนเป้าหมายด้วยองคค์ วามรู้และนวัตกรรม  6. โครงการยกระดับคณุ ภาพชวี ติ ของผ้สู งู อายุ นานวตั กรรมไปใช้ชว่ ยเหลือการดารงชวี ิตของผูส้ งู วยั หรอื ส่งเสริมงานอาชพี หรอื กจิ กรรมทเี่ หมาะสมกับผูส้ ูงวัย  7. คา่ ใช้จ่ายโครงการพัฒนาโรงเรียนเครอื ข่ายในพน้ื ท่ี Area based มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี (ปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา) -235-

5. ควำมสอดคลอ้ งกบั ประเด็นยุทธศำสตรช์ ำติ 20 ปี (เลือกเพียง 1 ข้อ) ( ) 1) ด้านความมั่นคง () 2) ดา้ นการเสริมสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั ( ) 3) ด้านการพัฒนาและเสรมิ สร้างศักยภาพคน ( ) 4) ด้านการสรา้ งโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทยี มกันทางสังคม ( ) 5) ด้านการสรา้ งการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ที่เป็นมิตรกบั ส่ิงแวดล้อม ( ) 6) ด้านการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ 6. ควำมสอดคล้องกับแผนแมบ่ ทภำยใต้ยุทธศำสตร์ชำติ (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1. ประเด็น ความม่ันคง ( ) 2. ประเด็น การตา่ งประเทศ ( ) 3. ประเด็น การพฒั นาการเกษตร ( ) 4. ประเด็น อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ( ) 5. ประเดน็ สร้างความหลากหลายดา้ นการท่องเท่ยี ว ( ) 6. ประเด็น การพัฒนาพืน้ ทีแ่ ละเมอื งนา่ อยู่อจั ฉรยิ ะ ( ) 7. ประเด็น โครงสร้างพนื้ ฐาน ระบบโลจสิ ติกส์ และดจิ ทิ ลั () 8. ประเด็น พฒั นาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผ้ปู ระกอบการยุคใหม่และวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ( ) 9. ประเดน็ เขตพฒั นาพิเศษภาคตะวันออก ( ) 10.ประเดน็ การปรบั เปลีย่ นคา่ นิยมและวฒั นธรรม ( ) 11. ประเด็น การพัฒนาศักยภาพคนตลอดชว่ งชีวิต ( ) 12. ประเด็น การพฒั นาการเรยี นรู้ ( ) 13. ประเด็น การเสริมสร้างให้คนไทยมสี ขุ ภาวะท่ดี ี ( ) 14. ประเดน็ ศกั ยภาพการกฬี า ( ) 15. ประเดน็ การเสรมิ สร้างพลังทางสังคม ( ) 16. ประเดน็ การพัฒนาความเสมอภาคและส่งเสริมเศรษฐกจิ ฐานราก ( ) 17. ประเดน็ การสรา้ งหลักประกันทางสังคม ( ) 18. ประเดน็ การสรา้ งการเตบิ โตอยา่ งยงั่ ยนื ( ) 19. ประเด็น การบริหารจัดการน้าท้งั ระบบ ( ) 20. ประเด็น การพฒั นาบริการประชาชนและการพฒั นาประสทิ ธิภาพภาครฐั ( ) 21. ประเด็น การต่อต้านการทุจรติ และประพฤติมิชอบ ( ) 22. ประเด็น การพฒั นากฎหมายและกระบวนการยตุ ิธรรม ( ) 23. ประเดน็ การวิจยั และพัฒนานวตั กรรม 7. ควำมสอดคล้องกับแผนปฏริ ูปประเทศ (เลอื กเพียง 1 ข้อ) ( ) 1. ดา้ นการเมือง ( ) 2. ด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ( ) 3. ด้านกฎหมาย ( ) 4. ด้านกระบวนการยุติธรรม ( ) 5. ดา้ นเศรษฐกิจ ( ) 6. ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม -236-

( ) 7. ด้านสาธารณสขุ () 8. ดา้ นสื่อสารมวลชน เทคโนโลยสี ารสนเทศ ( ) 9. ดา้ นสงั คม ( ) 10. ด้านพลงั งาน ( ) 11. ดา้ นปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมิชอบ 8. ควำมสอดคล้องกบั แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2561-2564) ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำประเทศ (เลอื กเพยี ง 1 ข้อ) ( ) 1. การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ () 2. การสรา้ งความเป็นธรรมลดความเหล่อื มล้าในสังคม ( ) 3. การสรา้ งความเขม้ แข็งทางเศรษฐกจิ และแขง่ ขันได้อย่างยงั่ ยนื ( ) 4. การเติบโตทเ่ี ป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ มเพื่อการพฒั นาอยา่ งยั่งยืน ( ) 5. การเสรมิ สร้างความมนั่ คงแหง่ ชาตเิ พื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมง่ั คงั่ และยัง่ ยืน ( ) 6. การบริหารจัดการในภาครฐั การปอ้ งกันการทจุ รติ ประพฤตมิ ิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย ( ) 7. การพัฒนาโครงสรา้ งพ้นื ฐานและระบบโลจิสตกิ ส์ ( ) 8. การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ัย และนวัตกรรม ( ) 9. การพัฒนาภาค เมือง และพ้นื ท่ีเศรษฐกิจ ( ) 10. ความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศเพ่ือการพฒั นา 9. สถานท่ดี าเนนิ การ 1. กลมุ่ แมบ่ ้านแสงตะวัน ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 2. ชมรมผู้สงู อายุกระแชง ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทมุ ธานี 10. งบประมำณ ไดร้ บั จดั สรร 120,000 บาท ใช้จา่ ยจริง 120,000 บาท - ค่าตอบแทน 29,500 บาท - ค่าใชส้ อย 30,600 บาท - ค่าวสั ดุ 59,900 บาท 11. จานวนผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ จานวนเป้าหมาย จานวนจรงิ คน กล่มุ เปา้ หมาย 5 คน 5 คน 30 คน 35 อาจารย์/นักวชิ าการ ชมุ ชน/องค์กร ระบุ รวมจำนวนทั้งสนิ้ 35 คน 40 คน -237-

12. สรปุ หลักสูตรการอบรม/หวั ขอ้ การบรรยาย กิจกรรมท่ี 1 “งำนศลิ ปประดษิ ฐ์จำกฟำงขำ้ วเหลอื ทิ้งและบัวหลวง” ลาดับ หวั ขอ้ ขอ้ มูลวทิ ยากร ท่ี รายช่อื ตาแหน่ง หนว่ ยงาน ผศ.วนิ ยั ตาระเวช 1. บรรยายเรอ่ื งการ อาจารย์ สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภัณฑง์ าน คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ฝมี อื จากกระดาษฟางข้าว 2. ปฏิบัติการเร่อื งพานพุ่มจาก ผศ.วินัย ตาระเวช อาจารย์ สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ กระดาษฟางข้าว อาจารยว์ ิจิตร สนหอม คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ อาจารยจ์ ุฬาภรณ์ ศรีเมืองไหม ดร.รฐั ชมภพู าน 3. บรรยายเรอื่ งการ ผศ.วินยั ตาระเวช อาจารย์ สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ สรา้ งสรรคผ์ ลิตภณั ฑง์ าน คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ฝมี ือจากกระดาษฟางข้าว 4. ปฏบิ ตั กิ ารเร่อื งพาน ผศ.วินัย ตาระเวช อาจารย์ สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ อปุ ชั ฌาย์จากกระดาษฟาง อาจารย์วจิ ิตร สนหอม คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ ข้าว อาจารย์จุฬาภรณ์ ศรเี มืองไหม ดร.รฐั ชมภูพาน กิจกรรมท่ี 2 “กำรพฒั นำสิ่งทอ และกำรย้อมสีจำกฟำงข้ำวเหลือทิง้ และบวั หลวง” ลาดบั หวั ข้อ ขอ้ มูลวิทยากร ที่ รายชอ่ื ตาแหน่ง หนว่ ยงาน ดร.กิตยิ าพรรณ โพธิ์ลา่ ม 1. บรรยายเรื่องการย้อมสี อาจารย์ สาขาวชิ าสิง่ ทอและเคร่ืองนงุ่ หม่ ผศ.ดร.สาคร ชลสาคร ดร.กิตยิ าพรรณ โพธ์ลิ ่าม คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ดร.ชนากานต์ เรอื งณรงค์ 2. ปฏิบัตเิ รอื่ งเทคนิคการมัด ดร.ณฐั วฒั น์ จตุพฒั น์วโรดม อาจารย์ สาขาวิชาสิ่งทอและเคร่ืองนงุ่ หม่ ยอ้ มแบบต่าง ๆ อาจารยก์ รณทั สุขสวสั ดิ์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ 3. บรรยายเร่อื งรปู แบบต่าง อาจารย์ สาขาวชิ าสิ่งทอและเคร่ืองนุ่งหม่ ๆของผลิตภณั ฑส์ ง่ิ ทอ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ 4. ปฏิบตั เิ รื่องการทาแบบ อาจารย์วราภรณ์ บันเล็งลอย อาจารย์ สาขาวิชาส่ิงทอและเคร่ืองนุ่งหม่ กระเป๋า อาจารย์อุไรวรรณ คาสิงหา คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ อาจารย์กรณัท สขุ สวัสด์ิ อาจารย์ณัฐพงษ์ ปญั ญาธิคุณ -238-

กิจกรรมที่ 3 อภิปรำยเก่ียวกับกำรพัฒนำสิ่งทอ กำรย้อมสี และงำนศลิ ปประดิษฐ์จำกผลผลิตขำ้ ว สจี ำกฟำงข้ำวเหลือทิง้ และบัวหลวง ลาดบั หัวขอ้ ข้อมูลวิทยากร ท่ี รายชอ่ื ตาแหน่ง หนว่ ยงาน 1. บรรยายเรื่องการพฒั นา ดร.ชนากานต์ เรอื งณรงค์ อาจารย์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ ผลิตภัณฑ์ 2. อภปิ รายเกย่ี วกบั การ อาจารย์ณัฐพงษ์ ปัญญาธคิ ุณ อาจารย์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ พัฒนาสิ่งทอและการยอ้ ม อาจารย์จฬุ าภรณ์ ศรเี มืองไหม สีจากขา้ วเหลือท้ิงและบัว อาจารย์พรศริ ิ แสนตมุ้ หลวง อาจารยไ์ ชยสิทธิ์ พนั ธ์ุฟจู นิ ดา 3. อภิปรายเกย่ี วกับงาน อาจารย์ณฐั พงษ์ ปญั ญาธคิ ณุ อาจารย์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ ศิลปะประดษิ ฐจ์ ากฟาง อาจารยจ์ ฬุ าภรณ์ ศรเี มอื ง ข้าวเหลือทิ้งและบัวหลวง ไหม อาจารย์พรศริ ิ แสนตุ้ม อาจารยไ์ ชยสทิ ธ์ิ พนั ธ์ฟุ จู นิ ดา 13. ผลการดาเนินงานตามวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ผลการดาเนนิ งาน 13.1 วัตถุประสงค์ วัตถปุ ระสงคใ์ นการดาเนินโครงการ 1. เพื่อนางานบริการวิชาการบรู ณาการ กับ 1. รอ้ ยละของโครงการบรกิ ารวชิ าการท่ีถูกนาไปใช้บรู ณาการ การเรยี นการสอน การวจิ ยั ทานุบารุงศาสนา เพ่อื พัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย ทานุบารงุ ศาสนา ศลิ ปะ ศลิ ปะ วฒั นธรรม หรอื สงิ่ แวดล้อม วัฒนธรรม หรือส่ิงแวดล้อม 2. เพ่ือนางานบริการวชิ าการบรู ณาการกับ 2. งานวจิ ยั ท่ีบรู ณาการ งานวจิ ัยของคณะฯ 3. พัฒนาผลิตภัณฑ์จากฟางข้าวเหลอื ทิ้ง และ 3. ผลิตภณั ฑ์ทถ่ี ูกพฒั นา บัวหลวงเพื่อชมุ ชน 13.2 ขน้ั ตอน/วิธีการดาเนนิ งานโครงการ 13.2.1 การวางแผนการดาเนินงาน (P) แตง่ ตง้ั คณะกรรมการ ขออนุมตั โิ ครงการ ประชมุ คณะกรรมการโครงการและผเู้ กี่ยวข้องเพื่อวางแผนดาเนินการ 13.2.2 การดาเนนิ งานตามแผนงาน (D) จัดเตรยี มการ ตดิ ต่อวิทยากร สถานที่ เตรียมเอกสาร และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ดาเนนิ การตามตารางกาหนดการ เชน่ บรรยาย ประชมุ กลุ่มอภปิ ราย กรณศี ึกษาและเกม ฝกึ ปฏบิ ัติ -239-

เรอ่ื ง/หวั ข้อการบรรยาย ระบุ - การพัฒนาส่งิ ทอและการย้อมสจี ากฟางข้าวเหลือทิ้งและบัวหลวง - งานศิลปะประดิษฐ์จากฟางขา้ วเหลอื ทิง้ และบัวหลวง - อภิปรายเก่ียวกับการพฒั นาส่ิงทอ การย้อมสีและงานศลิ ปประดษิ ฐจ์ ากฟางข้าวเหลือทิ้ง และบวั หลวง 13.2.3 การตดิ ตามและประเมินผลการดาเนนิ งาน (C) การตดิ ตามประโยชน์ทเ่ี กดิ ขนึ้ กับผเู้ ข้ารว่ มโครงการ - เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการตดิ ตามผล แบบสอบถามการเข้าร่วมโครงการของชุมชน การอภิปรายผลเกยี่ วกบั การพัฒนาผลิตภัณฑ์ - ระยะเวลาในการติดตามผล 1-3 เดอื น การตดิ ตามผลกระทบทีเ่ กดิ ขึ้นกับชมุ ชน/องค์กร - เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการตดิ ตามผล แบบสอบถามการเขา้ รว่ มโครงการของชมุ ชน การอภปิ รายผลเกี่ยวกบั การพัฒนาผลิตภัณฑ์ - ระยะเวลาในการติดตามผล 1-3 เดอื น 13.2.4 การปรับปรุง/พฒั นา/แก้ไขจากผลการตดิ ตามและประเมินผล (A) การติดตามตวั ช้วี ดั เป้าหมายผลผลติ - เครื่องมือทใี่ ช้ในการติดตามผล แบบสอบถามการเขา้ รว่ มโครงการของชมุ ชน การอภปิ รายผลเกี่ยวกบั การพัฒนาผลิตภัณฑ์ - ระยะเวลาในการติดตามผล 1-3 เดอื น 13.3 ผลลพั ธ์ท่ีได้ 13.3.1 ประโยชน์ท่ีเกดิ ขึ้นกับผู้เข้ารว่ มโครงการ วธิ ีการประเมนิ แบบสอบถาม และการ Focus Group ผลลัพธท์ ไี่ ด้ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการไดร้ บั ความรเู้ พิ่มมากข้นึ เนื่องจากเกดิ การซักถามขอ้ สงสยั ต่างๆ 13.3.2 ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ กับหนว่ ยงาน/ชุมชน/องค์กร วธิ ีการประเมิน แบบสอบถาม และการ Focus Group ผลลพั ธท์ ี่ได้ ชมุ ชนเกดิ ความเข้มแข็งมากขึ้น ซ่งึ ได้จากการรวมกลุ่มในการสรา้ งอาชีพ และมีการจา้ งแรงงานในชมุ ชนเป็นสว่ นหนงึ่ ของการดาเนนิ งานใหเ้ กิดความสาเร็จ -240-

13.4 การบรู ณาการ/ความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก ลาดบั ช่ือหน่วยงาน/เอกชนหรือชุมชน แนวทางรว่ มดาเนินการ ผลท่ไี ดร้ ับ 1 กลุ่มแม่บ้านแสงตะวัน ต.กระแชง บูรณาการกับการเรยี นการสอน ผใู้ ห้การอบรมนาผลการ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี กับรายวิชา ดาเนินงานด้านบริการ วิชาการแก่สังคมไปบูรณาการ กับการเรยี นการสอนหรือการ วจิ ยั 2 ชมรมผู้สงู อายกุ ระแชง ต.กระแชง บรู ณาการกบั การเรยี นการสอน ผู้เข้ารบั การอบรมนาความรู้ อ.สามโคก จ.ปทมุ ธานี กับรายวชิ า และทกั ษะงานอาชีพดา้ น คหกรรมศาสตรไ์ ปใช้ 13.5 การนาผลการดาเนินงาน/ปญั หาอุปสรรคที่พบจากปีที่ผ่านมา มาปรบั ปรุง/พฒั นาในปีปัจจุบนั 13.5.1 (ระบุปญั หา/อปุ สรรค/ขอ้ เสนอแนะจากปีทผ่ี า่ นมา) - การปรับปรุง/พฒั นา - 13.5.2 (ระบุปญั หา/อปุ สรรค/ข้อเสนอแนะจากปีท่ีผา่ นมา) - การปรบั ปรงุ /พัฒนา - 14. ผลผลติ – ผลลัพธ์ – ผลกระทบ จากการดาเนินโครงการ เป้าหมายเชงิ ผลผลิต (Output) เป้าหมายเชิงผลลพั ธ์ (Outcome) ผลกระทบ (Impact) (ผลของการดาเนินโครงการท่ี (ผลประโยชน์ทเ่ี กิดข้ึนจากการนา (ผลกระทบจากการดาเนนิ โครงการตอ่ สอดคล้องกบั วัตถุประสงค์ สมารถ ผลผลิตไปใชป้ ระโยชน์ หรอื สร้าง ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ หรอื วดั ผลไดใ้ นเชิงปริมาณ คุณภาพ และ คุณคา่ ท้ังภายในและภายนอก ภาคเอกชนโดยจาแนกออกเป็นด้าน เวลา หรืออย่างใดอย่างหน่งึ ) องค์กร ซึ่งจะต้องสามารถวัดผลได้ เศรษฐกิจ ด้านคุณภาพชีวิต ด้านสังคม อย่างน้อยในเชิงคุณภาพ) ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม เปน็ ต้น) เขา้ รบั บรกิ ารนาความร้ไู ปใช้ ประโยชน์ ผผู้ า่ นการอบรม/พัฒนาทักษะอาชพี ผ้ใู ห้การอบรมนาผลการดาเนินงาน ระยะสั้น สามารถนาความรู้ไปใชใ้ น ด้านบรกิ ารวิชาการแก่สังคมไป การประกอบอาชีพหรือพัฒนางาน บูรณาการกบั การเรียนการสอนหรือ ได้ การวจิ ัย -241-

15.1 ตัวชี้วดั เปำ้ หมำยผลผลิต แผน/ผล อธิบำยสำเหตุ รำยกำรตัวชี้วดั หน่วย กำรดำเนนิ งำน ท่ไี ม่สำมำรถ มทร แผน ผล บรรลุตำมแผน ผลผลติ ท่ัวไป(ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี, ดำ้ นกำรศึกษำด้ำนวทิ ยำศำสตร์สุขภำพดำ้ นสงั คมศำสตร์, ผลงำนวิจัยและนวตั กรรม) เชงิ ปริมำณ 1. จานวนคร้ังท่ีดาเนินโครงการ ครัง้ 1 1 2. จานวนผ้เู ข้ารว่ ม โครงการ คน 35 40 3. ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ร้อยละ 82 82 82 4. ผเู้ ข้ารว่ มโครงการ อย่ใู นกระบวนการของการจดั กิจกรรมครบถ้วน รอ้ ยละ 80 80 100 เชิงคณุ ภำพ 1. ผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจในกระบวนการจดั โครงการ ร้อยละ 82 82 86.56 2. ผู้เขา้ รว่ มโครงการมีความพงึ พอใจต่อประโยชนท์ ี่ได้รบั ร้อยละ 84 84 88.75 เชงิ เวลำ โครงการ/กจิ กรรมทแ่ี ลว้ เสรจ็ ตามระยะเวลาทกี่ าหนด รอ้ ยละ 90 95 100 วัน/เดือน/ปี ท่ดี ำเนนิ โครงกำร อธิบำยสำเหตทุ ีไ่ มส่ ำมำรถบรรลตุ ำมแผน แผน เริ่มต้น วนั ท.่ี ...9....เดอื น.....ตลุ าคม.....พ.ศ..2562... แล้วเสร็จ วนั ท่ี....30....เดอื น...เมษายน...พ.ศ..2563.. ผล เริ่มตน้ วนั ท่ี....9....เดอื น.....ตลุ าคม.....พ.ศ..2562... แลว้ เสร็จ วนั ท่ี....30....เดือน...เมษายน...พ.ศ..2563.. 16. ปญั หำและอปุ สรรคในกำรดำเนินโครงกำร 1. ระยะเวลาในการฝกึ อบรมมีจากดั 2. ติดปัญหาโควคิ 19 ทาใหเ้ ศรษกิจชะลอตวั 3. การติดตามผล เก็บรวบรวมข้อมูล เกดิ ความลาบากเพราะเกิดโควิด 19 17. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงกำรปรับปรงุ หรือพัฒนำ 1. ควรเพิ่มเวลาฝึกอบรม 18. ประสงคจ์ ะนำเสนอโครงกำรนใี้ นรำยงำนประจำปีของมหำวิทยำลัย  ใช่  ไม่ ใช่ -242-

ผลกำรวิเครำะห์ควำมพึงพอใจงำนบรกิ ำรวิชำกำรแกส่ ังคม กจิ กรรมที่ 1 “งำนศิลปประดิษฐจ์ ำกฟำงข้ำวเหลอื ท้ิงและบัวหลวง” ภำยใต้ : กำรพฒั นำผลิตภณั ฑจ์ ำกฟำงขำ้ วเหลือทิง้ และบวั หลวง ประจำปี 2563 ณ กล่มุ แม่บำ้ นแสงตะวนั และชมรมผ้สู ูงอำยกุ ระแชง ต.กระแชง อ.สำมโคก จ.ปทุมธำนี วันท่ี 1-2 กุมภำพันธ์ 2563 ตำรำงที่ 1 ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบประเมนิ ข้อมูลท่ัวไป ควำมถ่ี รอ้ ยละ 1. เพศ 1.1 ชาย 0 0.0 1.2 หญิง 35 100 2. อายุ 2.1 น้อยกว่า 20 ปี 0 0.0 2.2 21 – 30 ปี 0 0.0 2.3 31– 40 ปี 0 0.0 2.4 41 – 50 ปี 2 5.7 2.5 51 ปีข้ึนไป 33 94.3 3. ระดบั การศึกษา 3.1 ต่ากวา่ มธั ยมศึกษา 13 37.1 3.2 มธั ยมศกึ ษา/ปวช. 16 45.7 3.3 ปวส./ อนปุ รญิ ญา 3 8.6 3.4 ปรญิ ญาตรี 3 8.6 3.5 สงู กว่าปรญิ ญาตรี 0 0.0 4. อาชพี 4.1 พอ่ บ้าน/แมบ่ ้าน 24 68.6 4.2 เกษตรกร 0 0.0 4.3 ค้าขาย 2 5.7 4.4 รบั จา้ ง 7 20.0 4.5 ขา้ ราชการ 0 0.0 4.6 รฐั วิสาหกจิ 2 5.7 4.7 อ่ืน ๆ (ระบ.ุ ....................) 0 0.0 5. รายไดต้ ่อเดือน 5.1 น้อยกวา่ 5,000 บาท 17 48.6 5.2 5,001 - 10,000 บาท 11 31.4 5.3 10,001 - 15,000 บาท 5 14.3 5.4 15,001 - 20,000 บาท 2 5.7 5.5 20,001 – 25,000 บาท 0 0.0 5.6 มากกว่า 25,000 บาท 0 0.0 106 -243-

จากตารางท่ี 1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 100 มีอายุ 51 ปีข้ึนไป จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 94.3 มีการศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา/ปวช. จานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 45.7 มีอาชีพพ่อบ้าน/แม่บ้าน จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 68.6 และมีรายได้ต่อเดือนน้อย กว่า 5,000 บาท จานวน 17 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 48.6 ตำรำงที่ 2 ความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ รับการบรกิ าร ค่ำเฉล่ยี ระดับควำมพึงพอใจ รำยกำรประเมนิ 4.49 ± 0.507 มาก ด้ำนวทิ ยำกร 4.57 ± 0.502 มากทส่ี ุด 1. การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร 4.31 ± 0.583 2. มีความครบถ้วนของเนื้อหาในการฝึกอบรม มาก 3. การตอบข้อซกั ถามในการฝกึ อบรม ด้ำนกระบวนกำรใหบ้ ริกำรวิชำกำรฯ 4.17 ± 0.568 มาก 1. สถานที่สะอาดและมีความเหมาะสม 4.40 ± 0.651 มาก 2. ความพรอ้ มของอุปกรณ์และวสั ดทุ ีใ่ ชใ้ นการอบรม 4.34 ± 0.639 มาก 3. ระยะเวลาในการอบรมมีความเหมาะสม 4.40 ± 0.651 มาก 4. ความพงึ พอใจต่อผลการให้บริการโดยภาพรวม ดำ้ นประโยชนท์ ่ีได้รับจำกกำรอบรม 3.23 ± 0.547 ปานกลาง 1. ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนก้ี อ่ นการอบรม 4.40 ± 0.497 มาก 2. ความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองนี้ หลงั การอบรม 3. ความพึงพอใจต่อผลการใช้ประโยชนจ์ ากการ 4.63 ± 0.490 มากทส่ี ดุ อบรมในคร้ังน้ี 4.26 ± 0.701 มาก ดำ้ นกำรนำควำมรไู้ ปใช้ 1. สามารถนาความรูท้ ่ีไดร้ บั ไปพฒั นาและประยุกต์ 4.06 ± 0.591 มาก 4.20 ± 0.677 มาก ใชใ้ นการปฏิบตั ิงานได้ 4.40 ± 0.651 มาก 2. มคี วามมั่นใจและสามารถนาความรูท้ ไ่ี ด้รบั ไปใช้ได้ 4.49 ± 0.507 มาก 3. สามารถนาความรู้ไปเผยแพร/่ ถ่ายทอดได้ 4. สามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ ควำมพงึ พอใจจำกกำรฝกึ อบรมในคร้งั นีโ้ ดยภำพรวม จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามมคี วามพงึ พอใจจากการฝึกอบรมในครั้งน้ีโดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.49 ± 0.507 โดยมีความพึงพอใจด้านวิทยากร ในหัวข้อมีความครบถ้วนของเน้ือหาในการ ฝึกอบรมสูงท่ีสุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.57 ± 0.502 ในด้านกระบวนการให้บริการวิชาการฯ มีความพึงพอใจในหัว ข้อความพร้อมของอุปกรณ์และวัสดุท่ีใช้ในการอบรม และความพึงพอใจต่อผลการให้บริการโดยภาพรวมสูงท่ีสุด มี คา่ เฉล่ยี เทา่ กับ 4.40 ± 0.651 ในดา้ นประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการอบรม มคี วามพึงพอใจในหัวข้อความความพึงพอใจต่อ ผลการใช้ประโยชน์จากการอบรมในครั้งนี้สูงที่สุด มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.63 ± 0.490 และในด้านการนาความรู้ไปใช้ มี ความพึงพอใจในหวั ข้อสามารถนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้สงู ท่สี ดุ มีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั 4.40 ± 0.651 -244-

ผลกำรวิเครำะห์ควำมพงึ พอใจงำนบริกำรวิชำกำรแก่สงั คม กิจกรรมท่ี 2 “กำรพัฒนำส่ิงทอ และกำรย้อมสีจำกฟำงข้ำวเหลือทง้ิ และบัวหลวง” ภำยใต้ : กำรพฒั นำผลิตภณั ฑจ์ ำกฟำงข้ำวเหลือทงิ้ และบวั หลวง ประจำปี 2563 ณ กลมุ่ แม่บำ้ นแสงตะวนั และชมรมผสู้ ูงอำยุกระแชง ต.กระแชง อ.สำมโคก จ.ปทุมธำนี วนั ท่ี 15-16 กุมภำพนั ธ์ 2563 ตำรำงที่ 1 ข้อมลู ทั่วไปของผตู้ อบแบบประเมนิ ขอ้ มูลทั่วไป ควำมถ่ี ร้อยละ 1. เพศ 1.1 ชาย 0 0.0 1.2 หญงิ 35 100.0 2. อายุ 2.1 น้อยกวา่ 20 ปี 0 0.0 2.2 21 – 30 ปี 0 0.0 2.3 31– 40 ปี 0 0.0 2.4 41 – 50 ปี 2 5.7 2.5 51 ปขี ึ้นไป 33 94.3 3. ระดับการศึกษา 3.1 ตา่ กวา่ มธั ยมศึกษา 13 37.1 3.2 มธั ยมศกึ ษา/ปวช. 19 54.3 3.3 ปวส./ อนุปริญญา 0 0.0 3.4 ปริญญาตรี 3 8.6 3.5 สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี 0 0.0 4. อาชีพ 4.1 พ่อบ้าน/แม่บ้าน 19 54.3 4.2 เกษตรกร 3 8.6 4.3 ค้าขาย 3 8.6 4.4 รับจ้าง 7 20.0 4.5 ขา้ ราชการ 0 0.0 4.6 รฐั วิสาหกิจ 3 8.6 4.7 อ่ืนๆ (ระบ.ุ ......................) 0 0.0 5. รายได้ตอ่ เดือน 5.1 น้อยกว่า 5,000 บาท 19 54.3 5.2 5,001 - 10,000 บาท 8 22.9 5.3 10,001 - 15,000 บาท 5 14.3 5.4 15,001 - 20,000 บาท 3 8.6 5.5 20,001 – 25,000 บาท 0 0.0 5.6 มากกวา่ 25,000 บาท 0 0.0 จากตารางท่ี 1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 100 มีอายุ 51 ปีข้ึนไป จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 9141.30 มีการศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา/ปวช. จานวน -245-

19 คน คิดเป็นร้อยละ 54.3 มีอาชีพพ่อบ้าน/แม่บ้าน จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 54.3 และมีรายได้ต่อเดือนน้อย กว่า 5,000 บาท จานวน 19 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 54.3 ตำรำงท่ี 2 ความพึงพอใจของผู้เขา้ รับการบรกิ าร รำยกำรประเมนิ คำ่ เฉล่ีย ระดับควำมพึงพอใจ ด้ำนวิทยำกร 1. การถา่ ยทอดความรู้ของวิทยากร 4.54 ± 0.505 มากทีส่ ุด 2. มีความครบถ้วนของเนื้อหาในการฝกึ อบรม 4.46 ± 0.505 มาก 3. การตอบข้อซกั ถามในการฝึกอบรม 4.46 ± 0.505 มาก ด้ำนกระบวนกำรให้บริกำรวิชำกำรฯ 1. สถานที่สะอาดและมีความเหมาะสม 4.40 ± 0.497 มาก 2. ความพร้อมของอปุ กรณ์และวัสดทุ ่ีใชใ้ นการอบรม 4.49 ± 0.507 มาก 3. ระยะเวลาในการอบรมมีความเหมาะสม 4.37 ± 0.490 มาก 4. ความพึงพอใจต่อผลการให้บริการโดยภาพรวม 4.49 ± 0.507 มาก ด้ำนประโยชน์ที่ได้รบั จำกกำรอบรม 1. ความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องนีก้ อ่ นการอบรม 3.53 ± 0.657 ปานกลาง 2. ความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองน้ี หลงั การอบรม 4.23 ± 0.598 มาก 3. ความพงึ พอใจต่อผลการใช้ประโยชน์จากการ 4.49 ± 0.507 มาก อบรมในครง้ั น้ี ดำ้ นกำรนำควำมรู้ไปใช้ 4.23 ± 0.808 มาก 1. สามารถนาความรูท้ ี่ได้รบั ไปพัฒนาและประยุกต์ 4.26 ± 0.443 มาก ใชใ้ นการปฏิบัตงิ านได้ 4.46 ± 0.657 มาก 2. มีความมน่ั ใจและสามารถนาความรทู้ ไ่ี ดร้ ับไปใช้ได้ 4.49 ± 0.612 มาก 3. สามารถนาความรู้ไปเผยแพร/่ ถา่ ยทอดได้ 4.63 ± 0.490 มากท่ีสุด 4. สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ ควำมพึงพอใจจำกกำรฝึกอบรมในคร้ังน้โี ดยภำพรวม จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจจากการฝึกอบรมในครั้งน้ีโดยภาพรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.63 ± 0.490 โดยมีความพึงพอใจด้านวิทยากร ในหัวข้อการถ่ายทอดความรู้ของ วิทยากรสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ± 0.505 ในด้านกระบวนการให้บริการวิชาการฯ มีความพึงพอใจในหัว ข้อความพร้อมของอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการอบรม และความพึงพอใจต่อผลการให้บริการโดยภาพรวมสูงที่สุด มี คา่ เฉลยี่ เทา่ กบั 4.49 ± 0.507 ในดา้ นประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการอบรม มคี วามพึงพอใจในหัวข้อความความพึงพอใจต่อ ผลการใช้ประโยชน์จากการอบรมในครั้งนี้สูงท่ีสุด มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.49 ± 0.507 และในด้านการนาความรู้ไปใช้ มี ความพึงพอใจในหวั ขอ้ สามารถนาความรูไ้ ปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้สูงท่สี ดุ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.49 ± 0.612 -246-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook