Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

Published by sirichaisompang, 2020-11-18 20:25:07

Description: ไม้ดอกหอม ราชมงคลสุรินทร์

Search

Read the Text Version

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ โครงการอนุรักษ์พนั ธุกรรมพืชอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารี สนองพระราชดาริ โดย มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ ~1~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ผ้เู รียบเรียง ผศ.พชั ราภรณ์ แสงโยจารย์ ท่ีปรึกษา รศ.ดร.สาเนาว์ เสาวกลู รองอธิการบดปี ระจาวทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ ผู้ประสานงาน อาจารย์สรชยั สุขพนั ธ์ ผูช้ ่วยอธกิ ารบดีประจาวทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ ผสู้ ารวจและถา่ ยภาพ ผศ.ดร.วฒุ ชิ ยั สทิ ธวิ งษ์ คณบดีคณะเกษตรศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ออกแบบปก ผศ.ภูวิพฒั น์ เกยี รติสาคเรศ และนายธนภทั ร มนสั ไธสง ภาพวาด ผศ.พัชราภรณ์ แสงโยจารย์ ออกแบบรูปเล่ม นายจกั รนิ ทร์ สนุกแสน พิมพค์ รัง้ ที่ 1 ผศ.พัชราภรณ์ แสงโยจารย์ จานวน ผศ.พชั ราภรณ์ แสงโยจารย์ และนางสาววริศรา เนกขมั จดั พิมพโ์ ดย พ.ศ. 2563 ISBN 100 เลม่ พมิ พ์ท่ี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสรุ ินทร์ 978-974-625-879-1 โรงพิมพร์ งุ่ ธนเกยี รติออฟเซท็ อ.เมอื งสุรินทร์ จ.สรุ นิ ทร์ ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data พัชราภรณ์ แสงโยจารย์. ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร.์ -- สุรินทร์ : มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสุรินทร,์ 2563. 156 หนา้ . 1. ไม้ดอก. I. ชอ่ื เร่อื ง. 582.13 ISBN 978-974-625-879-1 ~2~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ คานา ไม้ดอกหอมหมายถึงพรรณไม้ชนิดต่างๆที่มีต่อมน้าหอมที่ผลิตสารหอมระเหยส่งกล่ิน หอมฟุ้งกระจายไดแ้ ตกตา่ งกนั ไปแต่ละชนดิ อกี ท้งั ระดบั ความหอมมหี อมมาก หอมน้อย และหอม ออ่ นๆ นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาในการส่งกล่ินหอมไม่ตรงกัน บางชนิดส่งกล่ินหอมตลอดวัน บาง ชนิดส่งกล่ินหอมเป็นช่วงเวลา ไม้ดอกหอมมีความสวยงามและสีสันเด่นสะดุดตา ย่ิงเพ่ิมเสน่ห์ ทวีคณู ในตาราไทยไดก้ ล่าวถึงเกสรทงั้ ห้า เกสรทง้ั เจด็ และเกสรท้ังเก้า ซึ่งได้จากเกสรไม้ดอกหอม หลายชนิด ไดแ้ ก่ มะลิ พกิ ลุ สารภี บุนนาค บวั หลวง จาปา กระดังงา ลาดวน และลาเจียก ซ่ึงถือ ไดว้ ่าเปน็ ไมไ้ ทยทม่ี กี าเนิดอยใู่ นประเทศไทยหรอื กระจายพันธมุ์ าจากประเทศใกลเ้ คียง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสุรินทร์ ได้ดาเนนิ โครงการรวบรวมไม้ ดอกหอมหายาก เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้ไม้ดอกหอมให้แก่ประชาชน และนักเรียน นักศึกษาทั่วไป ในพื้นท่ี 7 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวาได้ดาเนินโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมาจนถึง ปจั จบุ ัน รวบรวมไมด้ อกหอมได้ 70 ชนิด โดยปลูกชนิดละ 3 – 10 ตน้ ในพืช 70 ชนิดนี้จัดจาแนก เป็นวงศ์ได้ 30 วงศ์ พบพืชวงศ์กระดังงา ( Annonaceae ) มีจานวนไม้ดอกหอมมากชนิดท่ีสุด จานวน 12 ชนดิ รองลงมาคือวงศต์ ีนเปด็ ( Apocynaceae ) มีจานวนไม้ดอกหอม 10 ชนิด หนึ่ง ในพรรณไม้ดอกหอมที่สร้างความภาคภมู ิใจคือการได้มสี ว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์ต้นรวงผง้ึ “ ตน้ ไม้ประจารัชกาลที่ 10 ” ซึ่งมีต้นพันธุ์ขนาดใหญ่พร้อมทั้งได้ขยายพันธุ์ปลูกเพ่ิมเติมจานวน 50 ตน้ เพือ่ เฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ ัว เมอ่ื วันท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 และไดร้ ับรางวลั ชมเชยจากการประกวดตน้ รวงผึ้ง ของกรมปา่ ไม้ เม่ือปี พ.ศ. 2562 จาก การปลกู รวบรวมไมด้ อกหอมมากกว่า 10 ปี จนทาให้ไม้ดอกหอมเหล่าน้ี ได้ผลิดอกหอมให้ชื่นชม ตอ่ ผพู้ บเห็น เพือ่ เปน็ การเผยแพร่ขอ้ มลู ของพรรณไม้ดอกหอมของวิทยาเขตสุรินทร์ จึงได้รวบรวม เป็นรูปเล่มโดยมีคาบรรยายลักษณะพฤกษศาสตร์ที่เด่นชัด รูปภาพประกอบ ช่วงเวลาออกดอก การส่งกลิน่ หอม และการขยายพันธุ์ ผจู้ ัดทาหวงั อยา่ งยิง่ ว่า หนังสอื “ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์”เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ ตอ่ ผอู้ า่ น และเปน็ แรงบันดาลใจใหเ้ กิดความรักษ์พรรณไม้ดอกหอมเหล่านี้ต่อไป พัชราภรณ์ แสงโยจารย์ ~3~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ กิตตกิ รรมประกาศ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสุรินทร์ สามารถรวบรวมพันธ์ุไม้ดอก หอม เป็นรปู เลม่ ในนามหนังสือ “ ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ ” ได้สาเรจ็ เพ่อื เผยแพร่ให้ความรู้ แก่ผู้สนใจทวั่ ไป ขอขอบคุณโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ( อพ.สธ. ) ท่ีอนุมัติงบประมาณในการดาเนิน โครงการสวนไม้ดอกหอมหายาก และงบประมาณในการพมิ พ์รูปเล่มเพ่ือการเผยแพร่ ขอขอบคุณ คุณขจรศักดิ์ วรประทีป หัวหน้าฝ่ายระดับ 7 ที่กรุณาตรวจสอบเน้ือหาทางวิชาการด้าน พฤกษศาสตร์ของหนงั สอื เลม่ นี้ ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ รองอธิการบดี ประจาวิทยาเขตสรุ ินทร์ ผู้ชว่ ยอธกิ ารบดีประจาวิทยาเขตสุรินทร์ และคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ และเทคโนโลยี ทใี่ ห้คาปรกึ ษาและให้กาลังใจในการจัดทาหนังสอื เลม่ นี้ ขอขอบคุณเอกสารอ้างอิง ทุกๆเล่ม ~4~

คานา ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ หน้า กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบญั 3 กรรณิการ์ 4 กระดงั งาไทย ~5~ 5 กระดังงาสงขลา 8 กระทงิ 10 กันเกรา 12 14 การเวก 16 กาสะลอง กาแฟ 18 กุหลาบมอญ 20 กุหลาบหนู 22 เกล็ดกะโห้ด่าง 24 แก้ว 26 แก้วมุกดา 28 ขา้ วหลาม 30 เขม็ ขาว 32 34 เขยี้ วกระแต 36 ไข่ดาว คามอกหลวง 38 จันดง 40 จันทร์กระพอ้ เลือ้ ย 42 จาปา 44 จาปี 46 48 50

จาปีแขก ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ หน้า ช่อทองคา ชามะนาด สารบัญ 52 ทิวาราตรี 54 นมหนู ~6~ 56 นมแมว 58 นางแย้ม 60 โนรา 62 64 บัวหลวง 66 บานบุรีซ้อน บานบุรีมว่ ง 68 บุหงาสาหร่ี 70 บุหงาแตง่ งาน 72 บุนนาค 74 ประยงค์ 76 พะยอม 78 พลับพลึงตนี เป็ด 80 พวงชมพู 82 84 พกิ ลุ 86 พุดซ้อน พุดตะแคง 88 พดุ สวนใบด่าง 90 พุดสามสี 92 พดุ แตรงอน 94 มว่ งมณีรัตน์ 96 98 100

มหาพรหม ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ หนา้ มะลิลา มะลิซอ้ น สารบัญ 102 มะลุลี 104 มะลิหลวง ~7~ 106 108 โมก 110 ย่ีโถ แยม้ ปนี ัง 112 รวงผง้ึ 114 รสสคุ นธ์ขาว 116 ราชาวดี 118 ลาดวน 120 ลาดวนแดง 122 ลีลาวดี 124 ล้นิ มงั กร 126 128 เล็บมือนาง 130 วาสนา ว่านงาชา้ ง 132 สายน้าผ้งึ 134 สายหยุด 136 สา่ เหลา้ ปัตตานี 138 หอมหมื่นล้ี 140 หิรัญญิการ์ 142 บรรณานุกรม 144 ดชั นีชอื่ ไทย 146 148 150

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ กรรณกิ าร์ ~8~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กรรณกิ าร์ ช่อื อื่น กณิการ์ กรณกิ าร์ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Nyctanthes arbor – tristis L. ช่อื วงศ์ OLEACEAE ไม้พุ่ม ขนาดกลาง ความสงู ต้นประมาณ 3 - 5 เมตร เปลอื กลาตน้ ขรุขระ สนี า้ ตาล ใบ เดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ลักษณะใบรูปไข่ ใบกว้าง 2.5 - 5 เซนติเมตร ยาว 5 - 10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา หลังใบมีขนแข็งสากมือ ก้านใบ ยาว 0.5 - 1 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นชอ่ ดอก ตามซอกใบ ก้านช่อดอก ยาว 1.2 - 2 เซนติเมตร มีใบประดับรูป คลา้ ยใบเล็กๆ อยู่ 1 คู่ทีก่ ้านช่อดอก ในแตล่ ะช่อดอกจะมีดอกอยู่ 3 - 7 ดอก ดอกเป็นดอกย่อยสี ขาว ไม่มีก้านดอก มกี ลบี ดอก 5 - 8 กลบี กลีบดอกมีลักษณะเรียงเวียนขวา ปลายกลีบดอกเว้า ส่วนโคนกลีบดอกเช่ือมกันเปน็ หลอดแบบสั้นๆมสี แี สด ยาว 1.1 - 1.3 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศ ผ้จู านวน 2 อันตดิ อยภู่ ายในหลอด เกสรเพศเมียมีรงั ไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีลกั ษณะกลม ผล ลักษณะรูปไข่กลับ หรือรปู ทรงกลมค่อนขา้ งแบน ปลายผลมนและมีติ่งแหลม มีเส้น ผ่านศนู ย์กลาง 2 เซนตเิ มตร ผวิ ผลเรยี บ ผลออ่ นมีสีเขียว เมื่อผลแก่จะแตกอ้าออกเป็น 2 ซีก ข้าง ในผลมีเมล็ดซีกละ 1 เมล็ด เมลด็ ลกั ษณะกลมแบนและมสี นี า้ ตาล ฤดูออกดอก ชว่ งเดือนสิงหาคม – เดือนธันวาคม ดอกบานเพยี งวันเดียว บานในช่วงเย็น รว่ งในช่วงเชา้ มีกลน่ิ หอมแรงตอนกลางคนื กลางวนั มีกลนิ่ อ่อนๆ การขยายพันธ์ุ เพาะเมลด็ ตอนก่งิ และปกั ชา ~9~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ กระดังงาไทย ~ 10 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กระดงั งาไทย ช่ืออ่ืน กระดังงาใหญ่ สะบนั งาต้น ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Cananga odorata (Lam.) Hook. f. & Thomson var. odorata ชือ่ วงศ์ ANNONACEAE ไมต้ น้ ไมผ่ ลดั ใบขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ ลาต้นตั้งตรง ใบ เดยี่ ว ออกเรียงสลบั ในลกั ษณะห้อยลง ใบเปน็ รูปรแี กมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือเบ้ยี ว สว่ นขอบใบเป็นคลนื่ ใบกวา้ ง 6 - 9 เซนติเมตร ยาว 14 – 22.5 เซนติเมตร ผิวใบบางเรียบและน่ิม กา้ นใบยาว 1 - 1.5 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นช่อ ในช่อหน่ึงมีดอกประมาณ 2 - 6 ดอก ดอกมีสีเหลืองอมเขียว กลีบ เลี้ยงมี 3 กลบี ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายกลีบเล้ียงกระดกขึ้น กลีบดอกมี 6 กลีบ กลีบ ดอกแบ่งเป็น 2 ชั้น ช้ันละ 3 กลีบดอกชั้นนอกมีลักษณะแคบยาวปลายเรียวแหลม ขอบกลีบ เรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ส่วนกลีบดอกชั้นในมีลักษณะสั้นและแคบกว่า เกสรเพศผู้มีจานวนมาก เบยี ดกันเป็นตมุ้ แปน้ ทรงกลมตรงกึ่งกลางดอก เกสรเพศเมยี มรี งั ไข่จานวนมากอยู่กลางดอก ผล เป็นผลกลุ่ม มปี ระมาณ 4 - 12 ผล ลกั ษณะรูปไข่ ผลเป็นสีเขียวเข้ม เมื่อแก่แล้ว จะเปน็ สดี า ภายในผลมีเมลด็ ลกั ษณะรูปไข่แบน สีนา้ ตาล ประมาณ 2 - 12 เมล็ด ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี มดี อกดกช่วงฤดูแล้งจนถึงต้นฤดูฝน ดอกบาน 2 - 3 วัน ร่วง หอมตลอดวัน หอมแรงขนึ้ ในชว่ งใกลพ้ ลบค่า การขยายพันธุ์ เพาะเมลด็ และตอนกิ่ง ~ 11 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กระดังงาสงขลา ~ 12 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ กระดังงาสงขลา ช่อื อน่ื กระดงั งอ กระดังงาเบา กระดงั งาสาขา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Cananga odorata (Lam.) Hook. f. & Thomson var. fruticosa (Craib) J. Sinclair ชื่อวงศ์ ANNONACEAE ไมพ้ ุ่ม สูงไดป้ ระมาณ 3 เมตร แตกกิง่ จานวนมาก ใบ เด่ียว เรียงสลับ รูปรีหรือรูปขอบขนาน โคนใบเบ้ียวเล็กน้อย เน้ือใบเป็นคล่ืน เลก็ นอ้ ยเนอื้ ใบเรยี บเปน็ มนั ใบกวา้ ง 7 - 9.5 เซนตเิ มตร ยาว 19 - 24 เซนติเมตร ปลายใบแหลม กา้ นใบยาว 1.5 - 2 เซนตเิ มตร ดอก ออกเด่ียว หรือช่อกระจุกส้ันๆตามซอกใบหรือตรงข้ามใบ ก้านดอกยาว 3 - 6 เซนติเมตร กลีบเล้ียง 3 กลีบ สีเขียวอ่อน ปลายกลีบเล้ียงกระดกขึ้น และมีขนละเอียดด้านนอก กลีบดอก 17 - 19 กลีบ เรียงหลายชัน้ กลบี รูปแถบ ยาว 5 - 9 เซนติเมตร ลักษณะกลีบดอกมัก บิดงอ กลีบดอกวงในจะมีขนาดเล็กกว่ากลีบดอกวงนอก เม่ือดอกอ่อนมีสีเขียวอ่อน แล้ว เปลยี่ นเปน็ สเี หลอื ง ผล กลุ่ม ผลย่อยมี 8 - 10 ผล รูปรี ยาวประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร ส่วนมากไม่คอ่ ยพบ ตดิ ผล ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ดกช่วงฤดูฝน ดอกบาน 2 - 3 วันร่วง การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกง่ิ ~ 13 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ กระทิง ~ 14 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรินทร์ กระทงิ ชอื่ อ่ืน ทงิ สารภีทะเล กากระทงิ กากะทงึ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Calophyllum inophyllum L. ชอ่ื วงศ์ CALOPHYLLACEAE ไมต้ ้นขนาดเล็ก สงู 6 - 15 เมตร แตกก่งิ จานวนมาก ทรงพุ่มกลม ใบ เดย่ี ว ออกตรงขา้ ม ใบรูปรีหนาและเหนียวผิวใบเป็นมัน เส้นกลางใบนูนเด่นท้ังสอง ดา้ น ใบกว้าง 5 – 9.5 เซนตเิ มตร ยาว 10.5 – 18.5 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5 – 2 เซนติเมตร ดอก ออกเปน็ ชอ่ ทปี่ ลายกงิ่ และซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ มดี อกยอ่ ย 6 - 11 ดอก กลีบเลี้ยง 4 กลีบ สขี าวลักษณะคลา้ ยกลบี ดอก มีกลบี ดอก 5 - 6 กลีบสีขาว เกสรเพศผู้จานวนมากเห็นอับ เรณูสีเหลอื งจานวนมาก เกสรเพศเมยี มี 1 รงั ไข่เหนือวงกลีบ ผล เดย่ี ว รูปร่างกลมสีเขียว เมื่อแกเ่ ปล่ียนเปน็ สนี ้าตาล เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง ประมาณ 2 เซนติเมตร ภายในผลมี 1 เมล็ดขนาดใหญ่ ฤดูออกดอก ออกดอกเดือนตุลาคม – เดือนมกราคม ดอกบานวันเดียว ร่วง หอมตลอด วนั การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด ~ 15 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ กันเกรา ~ 16 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กันเกรา ช่ืออ่นื ทาเสา ตาเสา มันปลา ชอื่ วิทยาศาสตร์ Fagraea fragrans Roxb. ชอ่ื วงศ์ GENTIANACEAE ไมต้ น้ ขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สงู 10 - 25 เมตร ใบ เดี่ยว ออกตรงขา้ ม ใบรปู รีถงึ รปู ขอบขนาน แผน่ ใบหนาเหนียวและเป็นมัน ปลายใบ มีติ่งเรียวแหลม ใบกว้าง 4 – 5.5 เซนติเมตร ยาว 8 – 12.5 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5 – 2 เซนตเิ มตร ดอก เป็นดอกช่อ สีขาว ออกใกล้ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกท่ีโคนกลีบดอก เชือ่ มเปน็ หลอด มสี ่วนปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบทส่ี ่วนปลายของกลีบพับงอกลับ มีสีครีมจะ เปลีย่ นเปน็ สีเข้มเม่ือใกล้รว่ ง เกสรเพศผู้ 5 อัน ยน่ื ยาวออกมาพ้นดอก เกสรเพศเมีย 1 อัน ส่วน ของก้านเกสรย่ืนยาวออกมาพ้นดอก สงั เกตเห็นยอดเกสรเพศเมียสเี ขยี วออ่ น ผล เด่ียว มีรูปร่างกลม ขนาดเล็ก ขนาด 5 – 6 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียว เมื่อผลแก่ เปลย่ี นเปน็ สม้ แดง ฤดอู อกดอก ออกดอกเดอื นเมษายน – เดือนพฤษภาคม ดอกบานพร้อมกันทั้งช่อ ดอก บาน 1 - 2 วันแล้วโรย ดอกหอมชว่ งกลางวัน หอมแรงช่วงใกล้พลบคา่ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และทาบกง่ิ ~ 17 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ การเวก ~ 18 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ การเวก ชอ่ื อ่ืน กระดังงาจีน สะบนั งาเครอื สะบันงาจีน ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Artabotrys hexapetalus (L.f.) Bhandari ช่อื วงศ์ ANNONACEAE ไมเ้ ถามเี นื้อไมแ้ ขง็ เถายาวได้หลายเมตร ตามลาต้นมหี นามแหลม ใบ เด่ียว เรียงสลับ รูปใบขอบขนาน ใบกว้าง 5.5 - 8 เซนติเมตร ยาว 10.5 - 22 เซนตเิ มตร แผน่ ใบดา้ นล่างมขี นละเอยี ดตามเสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 0.8 - 1 เซนติเมตร ดอก เปน็ ดอกช่อมี 1 - 2 ดอก กา้ นชอ่ ยาวเทา่ ๆก้านดอกหรือสั้นกว่าเล็กน้อย ก้านดอก ยาว 1.5 - 2 เซนตเิ มตร กลบี เล้ยี งรูปไข่ พบั งอกลับ ด้านนอกมีขนละเอยี ด กลีบดอก 6 กลีบ เรียง 2 ชนั้ ชั้นละ 3 กลีบ กลบี ดอกรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก กลีบชน้ั ในขนาดเล็กกวา่ เล็กน้อย โคน กลีบด้านนอกมีขนละเอียด เกสรเพศผู้มีจานวนมาก วงนอกส่วนมากเป็นหมัน หุ้มเกสรเพศเมีย เกสรเพศเมยี มีจานวนมากอย่กู ลางดอก ผล เป็นผลกลมุ่ ผลยอ่ ยมี 7 - 15 ผล รปู รกี วา้ ง ยาว 2.5 - 4 เซนติเมตร ก้านสั้นหรือไร้ กา้ น ปลายมตี ่งิ แหลม เมลด็ ยาว 1.5 - 2 เซนติเมตร ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี แตด่ กชว่ งฤดแู ลง้ จนถึงฤดูฝน ดอกบานวันเดียวร่วง หอม ตลอดวัน หอมแรงในชว่ งพลบคา่ การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด และตอนกง่ิ ~ 19 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ กาสะลอง ~ 20 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ กาสะลอง ชอ่ื อ่ืน ปีบ กาดสะลอง เต็กตองโพ่ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Millingtonia hortensis L. f. ชื่อวงศ์ BIGNONIACEAE ไม้ต้น ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง ลาตน้ ตรง ความสูงตน้ ประมาณ 5 - 10 เมตร เปลือกต้น มีสเี ทาเขม้ แตกร่องลึก ใบ ประกอบแบบขนนก 2 - 3 ชั้น มีความกว้างของใบประกอบ 13 - 20 เซนติเมตร ยาว 16 - 26 เซนติเมตร ก้านใบยาว 3.5 - 6 เซนติเมตร มีใบย่อย 4 - 6 คู่ ลักษณะใบมีรูปร่าง คล้ายรูปหอกแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม ฐานใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบหยักเป็นซี่หยาบๆ เน้ือใบ เกลยี้ งบาง ใบย่อยกวา้ ง 2.5 - 3 เซนติเมตร ยาว 4 – 5 เซนติเมตร ดอก ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนง มีความยาว 10 - 25 เซนติเมตร ดอกย่อยมี กลีบเลี้ยงสีเขียวขนาดเล็กที่ส่วนปลายแยกเป็น 5 แฉกต้ืนๆ กลีบดอกเช่ือมกันเป็นหลอดส่วน ปลาย แยกออกเป็น 5 แฉก มีลกั ษณะคอื 3 แฉกรูปขอบขนาน และอีก 2 แฉกล่างค่อนข้างแหลม มีเกสรเพศผู้ 4 อัน ซ่ึงแบ่งเป็นสองคู่ที่มีความยาวของก้านเกสรเพศผู้ไม่เท่ากัน มีเกสรเพศเมีย จานวน 1 อัน อยเู่ หนอื วงกลีบ ผล แห้งแตกได้ ผลแบนยาวขอบขนาน มเี มล็ดจานวนมาก มแี ผ่นบางๆ ลักษณะเป็นปีก แผอ่ อก ฤดูออกดอก ดอกออกชว่ งเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม ดอกมกี ล่นิ หอม การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด และปักชา ~ 21 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ กาแฟโรบสั ต้า ~ 22 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ กาแฟโรบัสต้า ช่ืออื่น กาแฟใบใหญ่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A. Froehner ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ไมพ้ ุม่ กิง่ กจ็ ะแตกเปน็ ก่ิงแขนง 1, 2 และ 3 สงู 2 - 3 เมตร ใบ เด่ียว ออกตามขอ้ เป็นคตู่ รงขา้ มกัน โคนใบและปลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบหยัก เปน็ คล่ืน ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเปน็ มนั ใบกว้าง 7 – 7.5 เซนติเมตร ยาว 16.5 – 20.5 เซนติเมตร กา้ นใบยาว 0.8 - 1 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อดอก ดอกยอ่ ยมีกลีบดอกประมาณ 4 - 9 กลีบ กลีบเล้ียงมี 4 - 5 กลีบ มีเกสรเพศผู้ 5 อนั และมรี ังไข่ 2 หอ้ ง ดอกจะออกเป็นกลุม่ ๆ บริเวณโคนใบบนข้อของก่ิงแขนงที่ 1, 2 หรือ 3 กลมุ่ ดอกแตล่ ะขอ้ จะมดี อกประมาณ 2 - 20 ดอก ดอกจะออกจากกิ่งแขนงจากข้อท่ี อยใู่ กล้กบั ลาต้นออกไปหาปลายกิ่งแขนง โดยปกติแล้วต้นกาแฟจะออกดอกตามข้อของก่ิง ข้อที่ ออกดอกออกผลแล้วในปีตอ่ ไปก็จะไม่ออกดอกและให้ผลอีก ผล ลกั ษณะเป็นรูปทรงรี ก้านผลสน้ั ผลดบิ เป็นสีเขียว เม่ือสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สี สม้ และสแี ดง แต่ละผลมี 1 เมลด็ ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ ดอกบานพร้อมกัน ดอก บาน 2 - 3 วนั แล้วโรย ส่งกลิ่นหอมออ่ นๆในช่วงกลางวัน หอมแรงชว่ งใกล้พลบค่า การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมล็ด ตอนกง่ิ และปกั ชา ~ 23 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กุหลาบมอญ ~ 24 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ กหุ ลาบมอญ ชอ่ื อน่ื กหุ ลาบออน ยีส่ นุ่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Rosa x damascena Herrm. ชอ่ื วงศ์ ROSACEAE ไม้พุ่ม ลาต้นตรง ความสูงต้นประมาณ 1 - 2 เมตร เปลือกต้นเรียบ มีหนามแหลมตาม กงิ่ และตามลาต้น ใบ ประกอบแบบขนนก ปลายใบคี่ ออกเรยี งสลบั กนั มีใบย่อย 3 - 5 ใบ ลักษณะของใบ ยอ่ ยเป็นรปู ไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเป็นจกั แบบฟนั เลอื่ ยตลอดขอบใบ ใบกว้าง 2 - 4 เซนติเมตร ยาว 3 - 6 เซนตเิ มตร ก้านใบยาว 2 - 3 เซนติเมตร ดอก ออกดอกเป็นช่อ มี 3 - 10 ดอก โดยออกดอกบริเวณปลายยอดดอกย่อยเป็นสี ชมพูและมีกล่ินหอม มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง 8 เซนติเมตร กลีบดอกมีลักษณะค่อนข้างเรียบ ซ้อนกนั เป็นช้ันๆ ปลายกลีบดอกมน หรอื เปน็ หยักตน้ื ๆ กลีบดอกมีประมาณ 20 - 30 กลีบ เกสร เพศผูม้ ีจานวนมากมาย เกสรเพศเมียมีรังไข่จานวนมาก กลีบเลี้ยงมีสีเขียว 5 กลีบ ก้านช่อดอก ยาวได้ถงึ 7 เซนติเมตรและมหี นามเล็กๆ ผล มกั ไม่ตดิ ผล ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ชอ่ ดอกทยอยบานอย่ไู ด้ 2 - 3 วัน ดอกมีกลิ่นหอมตลอด วัน การขยายพันธุ์ ปักชา และตอนกง่ิ ~ 25 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ กหุ ลาบหนู ~ 26 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ชอื่ อ่ืน กหุ ลาบหนู ชื่อวิทยาศาสตร์ ชอื่ วงศ์ - Rosa chinensis Jacq. ROSACEAE ไม้พุม่ ความสงู ต้น 20 - 50 เซนติเมตร ลาต้นมีหนาม ใบ ใบประกอบ มีใบย่อย 5 ใบ เป็นรูปรี ปลายใบโค้งมน หูใบติดกับก้านใบ สีเขียวสด ใบออกเรยี งสลับ ใบยอ่ ยกว้าง 2.5 – 3.5 เซนติเมตร ยาว 4 - 6 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาว 2 – 2.5 เซนติเมตร ดอก ออกเปน็ ดอกเดี่ยวๆที่ปลายยอด มกี ลีบเลย้ี งสีเขียว 5 กลีบ กลีบดอกมีทั้งชั้นเดียว และหลายชน้ั เกสรเพศผู้จานวนมากและเกสรเพศเมียมีรังไข่หลายอัน ดอกมีหลายสี เช่น สีแดง สขี าว สีชมพู และดอกเดยี ว 2 สี ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี หอมตลอดวัน การขยายพนั ธุ์ ปกั ชา ติดตา หน่อ และตอนกงิ่ ~ 27 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ เกลด็ กะโหด้ า่ ง ~ 28 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ เกล็ดกะโหด้ า่ ง ชอ่ื อืน่ เกลด็ กระโห้ดา่ ง ช่อื วิทยาศาสตร์ Clusia rosea Jacq. ชอ่ื วงศ์ CLUSIACEAE ไมพ้ ่มุ ขนาดเล็ก ทุกสว่ นมยี างสเี หลือง เปลือกเรียบ ใบ เด่ยี ว เรียงตรงขา้ ม รปู ไขก่ ลบั ปลายมนกว้าง โคนสอบ แผ่นใบหนา ด้านบนเรียบไม่ เห็นเส้นใบ ด้านล่างเห็นเส้นกลางใบชัด ใบสีเขียวมีด่างสีเหลืองนวล ก้านใบมีรอยบุ๋มที่โคนก้าน เห็นได้ชัด ใบกว้าง 12 – 14.5 เซนติเมตร ยาว 16 – 20 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5 - 2 เซนตเิ มตร ดอก เดี่ยว ออกตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง กิ่งละ 2 - 3 ดอก ใบประดับ 2 - 4 ใบ กลีบ เลย้ี ง 4 - 6 กลีบแยกกัน กลีบดอก 6 - 8 กลีบแยกกัน มีสีขาวหรือชมพูเรื่อ รูปไข่กลับ ดอกแยก เพศ ดอกเพศผมู้ เี กสรเพศผโู้ ดยรอบเรียงกันหลายช้ันเกสรที่สมบูรณ์อยู่ตอนใน และติดกันเป็นรูป ถ้วย ส่วนดอกเพศเมยี มีเกสรเพศผู้ไม่สมบูรณ์ติดกันเป็นรูปถ้วย รังไข่กลม ไม่มีก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมยี แยกเป็น รศั มี 6 - 9 แฉก ผล เด่ยี วกลมคล้ายผลมังคุด มีกลีบเล้ียงเจริญถาวร เม่ือผลแก่เน้ือผลจะแตกออกเป็น ซกี ๆ 7 – 8 ซีก ผลมีสีเขยี วอมนา้ ตาล ภายในสอี ่อนกว่า มเี มลด็ บางๆ ติดอยู่กับแกนกลาง เน้ือนุ่ม มเี ยือ่ สีสม้ เขม้ หมุ้ เมล็ด เมล็ดมจี านวนมาก ฤดอู อกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกบาน 2 - 3 วนั แลว้ โรย สง่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวนั การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ปักชา และตอนกิง่ ~ 29 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ แก้ว ~ 30 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ แก้ว ชอื่ อืน่ แกว้ ลาย แก้วขี้ไก่ แก้วขาว ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Murraya paniculata (L.) Jack ชือ่ วงศ์ RUTACEAE ไม้พ่มุ กงึ่ ไม้ต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก ความสูงต้นประมาณ 5 - 10 เมตร เปลือกต้นเป็นสี เทาแตกเป็นร่องๆ เนื้อไม้เหนยี ว ใบ ประกอบแบบขนนก ปลายใบค่ี ออกเรียงสลบั กัน มใี บยอ่ ย 5 - 9 ใบ ลักษณะของใบ ย่อยเปน็ รปู ไข่กลบั ขอบใบเปน็ คล่นื หรอื หยกั มนเลก็ น้อย ใบยอ่ ยกว้าง 2.5 - 3 เซนตเิ มตร ยาว 4 - 7.5 เซนตเิ มตร หลังใบสีเขยี วเขม้ เปน็ มัน ท้องใบเรยี บสอี อ่ นกว่า เนื้อใบมีต่อมน้ามันเป็น จดุ ๆ กา้ นใบย่อยยาวประมาณ 5 มลิ ลเิ มตร ก้านใบประกอบยาว 2 – 2.5 เซนติเมตร ดอก ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบ ดอกย่อยเป็นสีขาว มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบ ดอกมี 5 - 6 กลีบ เป็นรปู กลมรี หลดุ ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มจี านวน 10 อนั เกสรเพศเมียมี 1 รังไข่ ผล เดีย่ วลักษณะกลมรหี รือรูปไข่ ปลายสอบเลก็ น้อย ขนาดกว้าง 0.5 – 0.8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีแดงอมส้ม ผิวผลมีต่อมน้ามันเห็นได้ ชัดเจน ภายในมเี มลด็ 1 - 2 เมลด็ เมลด็ มลี กั ษณะรหี รือรปู ไข่ ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี บานพร้อมกันเต็มต้น ดอกบานวันเดียวแล้วร่วง ส่งกล่ิน หอมแรงช่วงพลบคา่ การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกง่ิ ~ 31 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ แกว้ มุกดา ~ 32 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ แกว้ มุกดา ชื่ออน่ื โกงกางเขา ตังตดิ นก นางสวรรค์ พวาน้า หว้าน้า ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Fagraea ceilanica Thunb. ชอ่ื วงศ์ GENTIANACEAE ไมพ้ มุ่ สูง 2-3 เมตร ทรงพุม่ แผ่กว้าง ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรหี รอื ไข่กลบั ปลายแหลมมีต่ิง โคนใบสอบ ขอบเรียบ แผ่น ใบหนา ผิวเป็นมัน สีเขียวเข้ม ใบกว้าง 6 - 8 เซนติเมตร ยาว 8.5 - 17 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5 – 2 เซนติเมตร ดอก เป็นดอกช่อ 3 – 5 ดอกออกตามซอกใบหรือปลายก่ิง ดอกสีขาวนวลหรือดอกสี เหลอื งออ่ น มกี ลบี เลี้ยง 5 อันเจรญิ ถาวร กลบี ดอกเช่อื มตดิ กันเป็นรูปปากแตร ปลายแยก 5 แฉก ปลายเว้าม้วนงอออก เกสรเพศผู้ 5 อนั เกสรเพศเมีย 1 รังไข่เหนือวงกลีบ มีก้านเกสรย่ืนออกมา พ้นดอก ยอดเกสรเพศเมยี สีเขียว เสน้ ผ่านศนู ย์กลางดอก 5.5 – 6 เซนติเมตร ผล เป็นผลสด รูปร่างกลมรี ปลายผลมลี กั ษณะทู่ ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนธันวาคม ดอกมีกล่ินหอมอ่อนๆ ส่ง กล่ินหอมตลอดวนั ดอกหอมนานมากถงึ แม้ดอกจะรว่ งโรยไป การขยายพันธุ์ เพาะเมลด็ และตอนก่ิง ~ 33 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ข้าวหลาม ~ 34 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ ข้าวหลาม ช่อื อ่ืน จาปหี นิ นมงวั ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Goniothalamus marcanii Craib ชอ่ื วงศ์ ANNONACEAE ไม้ต้นขนาดเล็ก สงู 4 - 8 เมตร เรือนยอดเปน็ พุม่ โปรง่ เปลือกหนาสีเทาอมดา ใบ เดี่ยว เรียงสลับสองข้างกิ่งในระนาบเดียวกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายเรยี วแหลม โคนใบสอบ ใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า เส้นใบเด่นชัด ใบ กว้าง 3.5 – 6.2 เซนตเิ มตร ยาว 13.5 – 28.5 เซนตเิ มตร กา้ นใบยาว 0.5 – 1 เซนตเิ มตร ดอก เดี่ยว หรือออกเปน็ กระจกุ 2 - 5 ดอกตามลาต้น กิ่ง และตามง่ามใบ กลีบดอกรูป ไขแ่ กมรูปหอกสเี หลืองนวลถึงสีสม้ อ่อนๆ กลีบดอกมี 6 กลีบเรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบ ดอกช้ันในจะส้ันประกบเป็นรูปโดมอยู่ในดอก เกสรเพศผู้จานวนมาก และเกสรเพศเมียจานวน มาก กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบสเี ขยี ว ผล เป็นผลกลุ่ม มีผลยอ่ ย 6 - 12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล ผลแก่สี เขียวอมเหลือง เมล็ดมวี ุ้นหุม้ ฤดูออกดอก ออกดอกช่วง เดอื นพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม ดอกเริ่มแย้มและบานได้ 2 - 3 วัน จึงโรย สง่ กล่ินหอมอ่อนๆในเวลากลางวนั หอมแรงข้ึนชว่ งพลบคา่ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และทาบกง่ิ ~ 35 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ เขม็ ขาว ~ 36 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ เขม็ ขาว ชอื่ อ่ืน เขม็ พวงขาว เขม็ หนู ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Ixora finlaysoniana Wall. ex G. Don ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ไม้พมุ่ ขนาดเล็กถงึ กลาง ลาต้นสงู 1 - 3 เมตร เปลอื กสดี าหรือมว่ งเข้ม ใบ เดยี่ ว ออกตรงขา้ มกนั ใบเปน็ รปู ไข่หรือรปู รีขอบขนาน ปลายใบมน แหลม หรือเรียว แหลม ขอบใบเรยี บ ผิวใบค่อนข้างหนา ใบกว้าง 6 - 8 เซนติเมตร ยาว 12 – 16.5 เซนติเมตร กา้ นใบยาว 0.5 – 1 เซนตเิ มตร ดอก ออกเปน็ ช่อคลา้ ยแบบซีร่ ม่ ขนาดใหญ่แน่นทึบ ก้านดอกยาวกว่าดอกเข็มชนิดอ่ืนๆ ดอกยอ่ ย มีกลบี เล้ียงเล็ก 5 กลบี และมกี ลบี ดอกเปน็ รปู หลอดปลายแยกออกเป็นกลีบ 4 - 5 กลีบ ดอกเป็นสขี าว เกสรเพศผู้ 4 อนั อย่รู ะหว่างกลีบดอก เกสรเพศเมีย 1 อัน ผล ลักษณะผลเป็นรูปรี มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 เซนติเมตร มีเนื้อนุ่ม ผลอ่อนเป็นสี เขียว ผลแก่เป็นสีดาออกเป็นกลุ่ม 6 - 12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล ผลแก่สี เขียวอมเหลือง เมล็ดมวี นุ้ หุม้ ฤดูออกดอก ออกดอกตลอดปี ดอกบานพร้อมกันท้ังช่อ ส่งกลน่ิ หอมอ่อนๆตลอดวัน การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด ปักชา และตอนก่ิง ~ 37 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรินทร์ เข้ยี วกระแต ~ 38 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ เข้ยี วกระแต ชื่ออืน่ - ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Coffea benghalensis B. Heyne ex Schult. ช่อื วงศ์ RUBIACEAE ไมพ้ ่มุ ขนาดเล็ก สงู ประมาณ 1 เมตร แตกลาต้นท่ีโคนจานวนมาก ใบ เดี่ยวออกตรงขา้ ม ใบรปู รีแกมรูปไข่ แผน่ ใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 3 – 5 เซนติเมตร ยาว 5 - 8 เซนตเิ มตร กา้ นใบยาว 0.3 – 0.5 เซนตเิ มตร ดอก เดี่ยว ออกที่ซอกใบเกือบท่ัวทั้งก่ิง มีกลีบเลี้ยงสีเขียวรูปถ้วย โคนกลีบดอกเช่ือม ตดิ กันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอกสีขาว 5 – 6 กลีบ เกสรเพศผู้ มี 4 – 6 อัน เกสรเพศ เมยี 1 รังไข่ ผล เด่ยี วลกั ษณะกลมแบนดเู ปน็ 2 พู สว่ นใหญไ่ ม่คอ่ ยพบการติดผล ฤดูออกดอก ออกดอกได้ตลอดถ้าดูแลดี ดอกจะดกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เวลาบานจะ บานพรอ้ มกนั ทั้งตน้ บานไดว้ ันเดยี วแล้วร่วง ส่งกล่ินหอมแรงมากตอนเยน็ หอมอ่อนๆช่วงกลางวนั การขยายพันธ์ุ ตอนก่งิ ~ 39 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ ินทร์ ไข่ดาว ~ 40 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ ชอื่ อื่น ไขด่ าว ช่อื วทิ ยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ - Oncoba spinosa Forssk. SALICACEAE ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 1 - 3 เมตร ผิวต้นเรียบ เปลือกลาต้นสีเทา แตกก่ิง จานวนมาก มีหนามจานวนมาก หนามยาว 5 – 7 เซนติเมตร ใบ เดยี่ ว เรียงสลับ รปู รหี รอื รปู ไข่ ใบกวา้ ง 2.5 - 5 เซนตเิ มตร ยาว 7 – 14 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ แผ่นใบเกลี้ยง ขอบใบจักซ่ีฟันเล่ือย ก้านใบยาว 0.6 - 1 เซนติเมตร ใบออ่ นมีสนี า้ ตาลแดง ตามซอกใบมหี นาม 1 อนั ดอก เดีย่ วออกตามซอกใบทีป่ ลายกิง่ ดอกมีขนาดใหญ่ สีขาว ดอกบานเต็มท่ีมีเส้นผ่าน ศนู ยก์ ลาง 6 - 8 เซนตเิ มตร กลบี เลี้ยงมี 4 กลีบ รูปไข่ กลีบดอกมี 8 - 12 กลีบ รูปไข่กลับขนาด ไม่เท่ากนั หลุดร่วงง่าย มีเกสรเพศผู้เป็นกระจุกสเี หลอื งจานวนมาก ทาให้ดูคล้ายไข่ดาว รังไข่อยู่ เหนือวงกลีบเหน็ ยอดเกสรเพศเมียสีเขยี วยืน่ พน้ ดอกออกมา ผล เป็นผลที่มีเนอื้ ผลแก่สีน้าตาลแดง เปลือกแข็ง มีสันตื้นๆ ประมาณ 8 สัน มีเมล็ด จานวนมาก รูปเมล็ดเป็นรูปไข่ สนี ้าตาลดาเกลี้ยง ฤดูออกดอก ทยอยออกดอกตลอดปี ดอกดกชว่ งตน้ ฤดูฝน การขยายพนั ธ์ุ ตอนกงิ่ ~ 41 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ คามอกหลวง ~ 42 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ คามอกหลวง ชอ่ื อน่ื ไข่เนา่ คามอกชา้ ง หอมไก๋ แสลงหอมไก๋ ผา่ ด้าม ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Gardenia sootepensis Hutch. ชอ่ื วงศ์ RUBIACEAE ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 7 - 15 เมตร มีน้ายางเหลืองที่ปลายยอด ก่ิงอ่อนมีขนปกคลุม ผลดั ใบช่วงสัน้ ๆ เวลาออกดอก ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปวงรีขอบขนานหรือแกมรูปไข่กลับ ใบกว้าง 12 - 18 เซนติเมตร ยาว 22 - 30 เซนติเมตร ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบมน ขอบใบเรียบ มีหูใบเป็น ปลอกที่บริเวณรอบกิ่ง หลดุ ร่วงง่ายเห็นรอยแผลชัดเจน กา้ นใบยาว 0.8 - 1 เซนตเิ มตร ดอก เดยี่ ว ออกทป่ี ลายยอดหรอื ตามซอกใบ ดอกมเี ส้นผ่านศูนย์กลาง 5 - 7 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเหลืองเข้ม มีกลีบเลี้ยงเล็ก 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ โคนกลีบดอกเช่ือมติดกันเป็น หลอด ดอกมเี กสรเพศผู้ 5 อนั ไมม่ ีก้านชู เกสรเพศเมียมี 1 อนั ยอดเกสรเพศเมยี แยกเปน็ 2 แฉก ผล สด มเี นอื้ ลกั ษณะผลเปน็ รูปทรงรี รปู ไข่ ผลสีเขียวเขม้ เมือ่ แก่จะเปลย่ี นเป็นสีดาที่ผิว มีปุ่มหูด ขนาดกว้าง 1.8 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 2 - 2.4 เซนติเมตร ภายในผลมีเน้ือและเมล็ด จานวนมาก ฤดูออกดอก ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน ดอกทยอยบานจนเต็มต้นใน เวลาใกลเ้ คยี งกนั กลิ่นหอมอ่อนๆตลอดวัน หอมแรงใกลพ้ ลบคา่ การขยายพันธุ์ เพาะเมลด็ และทาบกงิ่ ~ 43 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จันดง ~ 44 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จนั ดง ชื่ออืน่ จันเขา ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Diospyros dasyphylla Kurz ชอ่ื วงศ์ EBENACEAE ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 8 - 12 เมตร เปลือกค่อนข้างเรียบสีน้าตาลอมดา แตกกิ่งจานวน มาก จันดงเป็นพชื แยกเพศ คอื แยกเปน็ ต้นเพศผู้และตน้ เพศเมยี ใบ เด่ียว เวียนสลับ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ใบกว้าง 4 – 6 เซนติเมตร ยาว 12 - 16 เซนตเิ มตร โคนใบมน ปลายใบเรียวแหลมและเปน็ ต่งิ ผิวใบสเี ขียวเปน็ มันทัง้ สองด้าน เส้นกลางใบ ดา้ นบนเปน็ รอ่ งเลก็ น้อย ด้านลา่ งนูนเด่น แผ่นใบหนาและเหนียว ใบแก่แขง็ กรอบ ส่วนกา้ นใบยาว 0.3 – 0.5 เซนตเิ มตร ดอก ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นกับต้นเพศผู้และเพศเมีย ดอกเพศผู้ออกเป็นกระจุกไม่มี กา้ นดอก มีกลีบเลยี้ ง 4 กลบี แฉกลึกจรดโคน กลีบดอกสีครีม โคนเช่ือมเป็นหลอดส่วนปลายแยก เปน็ กลีบ 4 กลบี มีเกสรเพศผู้ 12 – 16 อัน รังไข่ไม่เจริญ ส่วนดอกเพศเมียออกเดี่ยวๆ ก้านดอก ส้ันๆ มกี ลบี เล้ียงถาวรแยกแฉกลึกจรดโคน กลีบเล้ียงพับงอออกด้านนอก 4 กลีบ ส่วนกลีบดอก โคนเชื่อมแยกเป็นกลีบดอก 4 กลีบ สขี าวมีลายประสีดา มรี งั ไข่ทรงกลม 1 รงั ไข่ ผล เป็นผลเดี่ยว รปู รา่ งกลม มีกลบี เลีย้ งเจริญถาวรติดที่ขว้ั ผล กา้ นผลหนาแข็งแรงมีขน กามะหยีสีน้าตาลหนาแน่น แต่ละผลมีหลายเมล็ดมีลักษณะแบนๆเมื่อผลสุกมีสีเหลืองจน เปลยี่ นเป็นสดี า ฤดูออกดอก ออกดอก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม ดอกบานพร้อมกันทั้งช่อ ภายในต้นเดียวกันจะมดี อกบานและโรยภายใน 1 สปั ดาห์ ส่งกลนิ่ หอมแรงมากในช่วงสายๆ การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด ~ 45 ~

ไม้ดอกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จันทรก์ ระพ้อเลื้อย ~ 46 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสรุ นิ ทร์ จันทร์กระพอ้ เลื้อย ชอื่ อน่ื ชามะนาดเลก็ หญ้าช้างน้อย ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Vallaris solanacea (Roth) Kuntze ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ไม้เล้อื ยเนอื้ แขง็ ขนาดเล็ก เล้ือยได้ไกล 1 - 4 เมตร ทใ่ี บและลาตน้ มนี ้ายางสขี าว ใบ เด่ยี ว ออกตรงข้าม รูปรี ใบกว้าง 3 – 5 เซนติเมตร ยาว 4 - 9 เซนติเมตรปลายใบ แหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขยี ว มีขนปกคลมุ กา้ นใบยาว 1 - 1.5 เซนตเิ มตร ดอก เป็นช่อกระจะตามซอกใบและปลายก่ิง ดอกย่อยจานวนมาก ดอกบานรูประฆัง กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนต้ังตรงสามเหลี่ยมขนาดเล็ก 5 อัน กลีบดอกสีขาวปนเหลืองอ่อนปนเขียว อ่อนโคนกลีบดอกเช่ือมเป็นหลอด ส่วนปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบเกยซ้อนกัน ดอกเส้นผ่าน ศนู ยก์ ลาง 0.5 - 1 เซนติเมตร ขอบกลบี เป็นคล่นื เกสรเพศผู้ 5 อัน หุม้ ยอดเกสรเพศเมีย ผล ออกเป็นฝกั คู่ เม่ือแก่จะแตก มเี มลด็ รปู รแี บนขนาดเลก็ มีปุยขนทป่ี ลายช่วยให้ปลิว ไปตามลม ฤดูออกดอก กล่ินหอมแรงตลอดวนั ดอกบานวนั เดียว การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมลด็ และตอนกงิ่ ~ 47 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จาปา ~ 48 ~

ไมด้ อกหอมราชมงคลสุรนิ ทร์ จาปา ชอ่ื อน่ื จาปาเขา จาปาทอง จาปาป่า จาปากอ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Magnolia champaca (L.) Baill. ex Pierre var champaca ช่อื วงศ์ MAGNOLIACEAE ไมต้ ้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 15 - 30 เมตร ลักษณะเป็นทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวยคว่า ค่อนขา้ งโปรง่ เปลือกสีเทาอมขาว ใบ เด่ียว ลักษณะใบรูปรีแกมขอบขนาน ใบกว้าง 8 - 13 เซนติเมตร ยาว 20 – 36.5 เซนตเิ มตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ใบใหญ่สีเขียวเข้มเป็นมัน เน้ือใบบาง ใบอ่อนจะมีขนส่วน ใบแก่จะเกลี้ยง กา้ นใบยาว 2.5 - 4 เซนติเมตร โคนก้านใบป่อง ดอก เดี่ยวสีเหลืองอมแสด ดอกมีกลิ่นหอมแรง ออกดอกตามซอกใบ ดอกตูมเป็นรูป กระสวย มีแผ่นสีเขียวคลุมอยู่และจะหลุดไปเม่ือดอกบาน กลีบดอกและกลีบเล้ียงมีลักษณะ เหมือนกัน มจี านวน 12 - 15 กลีบ แต่ละกลีบรูปยาวรีแกมรูปหอกกวา้ ง 1 - 1.5 เซนติเมตร ยาว 5 - 7 เซนติเมตร เกสรเพศผ้มู จี านวนมากล้อมรอบรงั ไขห่ ลายอันที่เป็นช่อต้งั ขนึ้ ผล เป็นผลกลุม่ ท่ีมผี ลย่อยติดท่ีแกนช่อยาว 9 - 15 เซนติเมตร ผลย่อยค่อนข้างกลม มี เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร สามารถติดผลได้ดี เมื่อแก่ผลแก่จะแห้งและแตกได้ มีเมล็ดสีดา หลายเมลด็ เมลด็ กลม มเี ปลือกหุ้มสีแดงแสด ขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 0.5 เซนตเิ มตร ฤดูออกดอก ออกดอกชว่ งเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ – เดอื นสิงหาคม ดอกบานวันเดียว แล้วโรย ส่งกลน่ิ หอมตัง้ แต่พลบคา่ จนถงึ กลางวัน การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด ตอนก่งิ และทาบกง่ิ ~ 49 ~


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook