เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑป์ ระเมินด้าน K รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถระบุ นักเรียนสามารถระบุปัจจัย นักเรียนระบุปัจจัยที่จำเป็น นักเรียนระบุปัจจัยที่ ปัจจัยที่จำเป็นในการ ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ ในการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ จำเป็นในการสังเคราะห์ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ ด้วยแสงได้ อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- ด้วยแสงได้ เพียงส่วนน้อย แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8- 7คะแนน) (ต่ำกวา่ 5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ข้นึ ไป เกณฑ์การตัดสินระดบั คณุ ภาพด้านคณุ ลักษณะ (K) 8-10 คะแนน อยู่ในระดบั 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อย่ใู นระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง เกณฑป์ ระเมินดา้ น P รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถวาด นักเรียนสามารถวาดภาพ น ั ก เ ร ี ย น ว า ด ภ า พ น ั ก เ ร ี ย น ว า ด ภ า พ ภ า พ ก ร ะ บ ว น ก า ร กระบวนการสงั เคราะห์แสง กระบวนการสังเคราะห์แสง กระบวนการสังเคราะห์ สังเคราะหแ์ สงได้ ไดถ้ ูกต้องและครบถว้ น ( 8- ไดถ้ กู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ( 5-7 แสงได้เพียงส่วนน้อย (ต่ำ 10 คะแนน) คะแนน) กวา่ 5 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ข้นึ ไป เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคุณภาพดา้ นคุณลักษณะ (P) 8-10 คะแนน อยูใ่ นระดับ 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อยู่ในระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมีวนิ ัยในการเรยี น เวลาทกุ ครงั้ (4คะแนน) เวลาบางครง้ั (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั 2 ขึ้นไป เกณฑก์ ารตัดสินระดับคณุ ภาพดา้ นคณุ ลักษณะ (A) 4 คะแนน อย่ใู นระดับ 3 หมายถงึ ดี 2-3 คะแนน อยูใ่ นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กว่า2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมิน นักเรยี นทงั้ หมด………………คน ดา้ น (K) นกั เรยี นสามารถระบุปจั จยั ทีจ่ ำเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดบั ดี จำนวน……………….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (P) นักเรยี นสามารถวาดภาพกระบวนการสงั เคราะหแ์ สงได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอย่ใู นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (A) นกั เรียนใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน และมวี ินยั ในการเรยี น ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดบั พอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. รายชอ่ื นกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ สาเหตุ-ปญั หา แนวทางแก้ไข ลำดบั ช่ือ-สกุล ลงชอ่ื ...............................................(ผ้สู อน) (..............................................)
ใบงาน เรอ่ื งปัจจัยในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ชอ่ื ..............................................................................................สกลุ ......................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ ........ คำชีแ้ จง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง 1. จากภาพเซลล์ เซลล์ชนดิ ใดเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง เพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ 2. จากการทดลองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช โดยนำพืชที่มีใบที่มีสีเขียวขอบใบ และสีขาว บริเวณกลางใบ ไปวางไว้ในที่มืด 2-3 วัน จัดชุดการ ทดลองดังภาพ รดน้ำแล้วนำไปวางกลางแดดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง จากภาพ บริเวณ A B C และ D บริเวณใดที่ขาด ปัจจัยและปัจจัยน้ันคอื สิง่ ใด ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................... .......................................................................... ................................................................................................................................... 3. การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชมผี ลตอ่ ชุมชนและชีวติ ของนักเรียนหรอื ไม่ อย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................................................... ........................................................................
4. การตัดไม้ทำลายปา่ จะสง่ ผลต่อสง่ิ มีชวี ติ และสิง่ แวดล้อมอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................... ......................................................................... 5. ปจั จยั ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชมีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................... ......................................................................... 6. พืชสามารถใชแ้ สงจากแหล่งอ่นื ท่ีไมใ่ ช่ดวงอาทติ ย์ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้หรือไม่ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................... ......................................................................... 7. ถ้าขาดปจั จัยในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ปัจจยั ใดปจั จยั หน่ึง พืชจะสามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้หรือไม่ ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. .................................................................................................
8. นกั เรยี นวาดภาพกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง
เฉลยใบงาน คำชแี้ จง : จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง 1. จากภาพเซลล์ เซลลช์ นดิ ใดเกิดการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เพราะเหตุใด เซลล์ที่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ คือ เซลล์คุมบริเวณใบ เพราะในเซลล์มีคลอโรพลาสต์ซึ่งมี คลอโรฟิลล์ที่เป็นปัจจยั ในการสังเคราะห์ด้วยแสง ส่วนเซลล์ขนรากและเซลลเ์ ยื่อหอมไม่มีคลอโรพลาสต์จงึ ไม่ สามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ 2. จากการทดลองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช โดยนำพืชที่มีใบที่มีสีเขียวขอบใบ และสีขาว บริเวณกลางใบ ไปวางไว้ในที่มืด 2-3 วัน จัดชุดการ ทดลองดังภาพ รดน้ำแล้วนำไปวางกลางแดดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง จากภาพ บริเวณ A B C และ D บริเวณใดที่ขาด ปจั จัยและปัจจัยนัน้ คอื สง่ิ ใด บริเวณที่ขาดปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงเพียง 1 ปัจจัย คือ บริเวณ B ขาดคลอโรฟิลล์ และ บริเวณ C ขาดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนบริเวณ A ได้รับปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงครบ ส่วนบริเวณ D ขาด 2 ปจั จัย คือ คลอโรฟลิ ลแ์ ละแกส๊ คารืบอนไดออกไซด์ 3. การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชมีผลต่อชมุ ชนและชวี ติ ของนกั เรยี นหรือไม่ อย่างไร การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื มีผลตอ่ ชุมชนและชวี ติ ของนักเรียน เพราะการสงั เคราะห์ด้วยแสงทำให้ มีอาหาร และมีแก๊สออกซิเจนสำหรับทุกคน รวมถึงทำให้ปริมาณของแก๊สออกซิเจนและแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ท่ีเป็นสว่ นประกอบของอากาศภายในชมุ ชนมีความสมดุล
4. การตดั ไม้ทำลายปา่ จะสง่ ผลตอ่ สิ่งมีชีวติ และสง่ิ แวดล้อมอยา่ งไร ถ้าป่าไม้ลดลงจะมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม สิ่งมีชีวิตจะขาดแคลนอาหาร สัตว์ป่าขาดท่ี อยู่อาศัย ทำให้องค์ประกอบในสิง่ แวดลอ้ มเปลีย่ นไป รวมทั้งปริมาณแก๊สต่างๆ ในอากาศเปลีย่ นไป ซึ่งจะมีผล ต่อการดำรงชีวติ ของส่ิงมีชีวิต 5. ปจั จัยในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชมีอะไรบา้ ง แสง คลอโรฟลิ ล์ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และน้ำ 6. พืชสามารถใช้แสงจากแหลง่ อืน่ ท่ีไมใ่ ช่ดวงอาทติ ย์ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงไดห้ รือไม่ พชื สามารถใชแ้ สงจากแหล่งอ่ืนทีไ่ มใ่ ชด่ วงอาทติ ย์ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ เช่น แสงจากหลอดไฟ 7. ถา้ ขาดปจั จยั ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ปัจจยั ใดปจั จัยหนง่ึ พืชจะสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้หรอื ไม่ ถ้าขาดปจั จยั ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ปัจจัยใดปจั จัยหน่ึง พืชจะไม่สามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้
8. นกั เรยี นวาดภาพกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 30 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 การดำรงชวี ติ ของพืช เวลา 2 ชัว่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้เรอื่ ง ปจั จัยในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ผ้สู อนนางสาวจันจริ า ธนันชัย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ีของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พนั ธก์ นั รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวัด ระบุปัจจยั ท่ีจำเปน็ ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง และผลผลติ ท่เี กดิ ขนึ้ จากการสังเคราะห์ด้วย ว 1.2 ม.1/6 แสงโดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ 3. สาระสำคญั กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดขึ้นในคลอโรพลาสต์จำเป็นต้องใช้แสง แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ และน้ำ ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ น้ำตาล และแก๊ส ออกซิเจน 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (1) นกั เรียนสามารถระบปุ ัจจัยท่ีจำเปน็ ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ (K) (2) นกั เรียนสามารถทำการทดลองเกยี่ วกับการสงั เคราะห์แสงได้ (P) (3) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน และมีวินยั ในการเรียน (A) 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (1) ความสามารถในการสอ่ื สาร - การอธิบาย การเขยี น การตอบคำถาม (2) ความสามารถในการคดิ - การสงั เกต การสำรวจ การคดิ วิเคราะห์ การสร้างคำอธิบาย การอภิปราย การส่อื ความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบค้นโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแก้ไขปัญหา - สามารถแกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มีวนิ ยั - มุง่ มน่ั ในการทำงาน - ใฝเ่ รียนรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (PHOTOSYNTHESIS) เป็น กระบวนการสร้างอาหารของพืชสีเขียว โดยมีคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ดูดพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์แล้วเปลี่ยนสารวัตถุดิบคือน้ำและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็น น้ำตาลกลูโคส น้ำ และ แก๊สออกซิเจน กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื น้ำตาลเป็นสารชนิดแรกที่พืชสร้างขึ้นได้เองก่อนที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็นแป้งและสารประกอบอื่นๆ ต่อไปกระบวนการสร้างน้ำตาลของพืชเราเรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) ซึ่งพืช ต้องอาศยั ปัจจัยหลายอยา่ งในกระบวนการนี้ ปจั จยั สำคัญท่ีพชื จำเปน็ ต้องนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ไดแ้ ก่ 1) คลอโรฟิลล์ มีอยู่ในคลอโรพลาสต์ เป็นออรแ์ กเนล์ท่ีพบได้ในเซลลพ์ ืช 2) แสง คลอโรฟิลล์จะดูดซับพลังงานแสงเข้ามาในใบพืช เพื่อเป็นตัวกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา สงั เคราะห์แสง 3) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ พชื จะรับเขา้ มาทางปากใบทเ่ี ปดิ ในเวลากลางวนั เพอื่ เป็นสารตง้ั ต้นในการ ผลติ นำ้ ตาล 4) น้ำ รากพืชจะดูดน้ำขึ้นมาแล้วลำเลียงต่อไปยังใบโดยผ่านทางท่อลำเลียงที่มีอยู่ในรากและลำต้น จนถึงใบ องคป์ ระกอบและสมการ การเปลีย่ นรูปพลงั งานและการเปล่ียนแปลงของผลติ ภณั ฑ์ท่เี กิดจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 1. พลังงานแสงจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานเคมีสะสมอยู่ในผลิตภัณฑ์คือ น้ำตาลกลูโคส น้ำ และแก๊ส ออกซเิ จน 2. น้ำตาลกลูโคสจะถูกเปลี่ยนไปเป็นแป้งทันที และสะสมไว้ในเซลล์สีและแป้งจะเปลี่ยนกลับเป็น นำ้ ตาลกลูโคสอีกครงั้ เม่อื พืชต้องการสลายนำ้ ตาลกลโู คสเป็นพลังงาน 3. พชื คายนำ้ และแก๊สออกซเิ จนจะถูกพืชคายออกมาทางปากใบกลับคืนสู่สิง่ แวดล้อม
ความสำคญั ของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชทมี่ ตี ่อสิ่งมชี ีวิตและส่ิงแวดล้อม 1. เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เนื่องจากพืชสีเขียวได้รับน้ำ แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงานแสง จากดวงอาทิตย์ ไปสร้างสารอาหารพวกน้ำตาลและสารอาหารนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารอาหารอื่น ๆ ได้ เช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน ซึ่งสิ่งมีชีวิตได้นำไปใช้ประโยชน์ใน กระบวนการตา่ ง ๆ ของชีวติ จึงถอื วา่ สารอาหารเหลา่ น้เี ปน็ แหลง่ พลังงานท่ีสำคัญของสง่ิ มีชวี ิตทกุ ชนิด 2. เป็นแหล่งผลิตแก๊สออกซิเจนที่สำคัญของระบบนิเวศ โดยแก๊สออกซิเจน เป็นผลที่เกิดจาก กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ซึ่งแก๊สออกซิเจน เป็นแก๊สที่สิ่งมีชีวิตใช้ในการสลายอาหาร เพื่อสร้าง พลังงานหรือใช้ในกระบวนการหายใจน่ันเอง 3. ช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพราะพืชต้องใช้แก๊สนี้เป็นวัตถุดิบในการ สังเคราะหด์ ้วยแสง โดยปกติแกส๊ ชนิดนี้เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีอยู่ในบรรยากาศประมาณ 0.03% เท่านนั้ แต่เนื่องจากในปัจจุบันการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์มีมากขึ้น จึงทำให้มีแก๊ส ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นสัดส่วนของอากาศที่หายใจจึงเสียไป ทำให้ได้รับแก๊สออกซิเจนน้อยลง จึงเกิดอาการ ออ่ นเพลยี สง่ ผลทำให้โลกของเรามีอุณหภูมิสูงข้ึนเร่ือย ๆ เรียกว่า \" ปรากฏการณ์เรือนกระจก (green house effect) \" เนื่องจาก คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นเสมือนกระจกที่ปิดกั้นการกระจายความร้อนออก จากผิวโลกดังนั้นจึงควรช่วยกันปลูกพืช และรักษาพื้นที่ป่า เพื่อดูดซับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศให้น้อยลง 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ใชร้ ปู แบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาที) (1) กระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยครูให้นักเรียนดูภาพเซลล์ที่มีคลอโรพลาส แล้วใช้ คำถามวา่ - เพราะเหตุใดคลอโรพลาสต์จึงเป็นโครงสร้างที่ที่มีหน้าที่สร้างอาหารของพืช (แนว คำตอบ นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ) - การสร้างอาหารของพืชต้องใช้อะไร (แนวคำตอบ คลอโรฟิลล์ แสงสว่าง แก๊สคาร์บอน ไดอ้ อกไซด์ และ นำ้ ) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (85 นาท)ี (1) นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม แล้วศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมโดยศึกษาวัตถุประสงค์ ตง้ั สมมติฐานการทดลอง และการศึกษาตัวแปรในกจิ กรรมการทดลอง (2) นักเรยี นรับใบกจิ กรรม เรอื่ งปจั จัยในการสรา้ งอาหารของพชื มีอะไรบ้างจากครู และลงมือ ทำกิจกรรมตามข้ันตอนในใบกิจกรรม (3) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลองจากกิจกรรม และแต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอผลการทดลอง 8.3 ขนั้ อภิปรายและลงข้อสรปุ (Explain) (5 นาที) (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ดังนี้ (แสงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้าง อาหารของพืช โดยส่วนสีเขียวของพืชเป็นส่วนที่มีการสร้างอาหารของพืช เรียกว่า คลอโรฟิลล์ ปัจจัยอื่น นอกจากแสงแล้วยังมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และสิ่งที่สามารถระบุได้ว่ามีการสังเคราะห์ด้วยแสงเกิดขึ้นคือ การมแี ป้งในใบพชื )
8.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) (1) ครูเพิม่ เติมความรใู้ หน้ ักเรียนโดยเปิดวีดโี อ เรือ่ งปจั จัยและผลผลิตของการสังเคราะห์ด้วย แสง จาก https://www.youtube.com/watch?v=J7RGs6CA-NQ ใหน้ ักเรยี นฟงั 8.5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) (1) นกั เรียนและครูร่วมกันเฉลยใบกิจกรรม (2) ครูต้งั คำถามเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน (3) นักเรยี นถามในส่งิ ที่สงสยั และยงั ไมร่ แู้ ละครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ 9. สอ่ื การเรียนรู้ (1) สอื่ การสอน PowerPoint (2) หนงั สือวทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ม.1 เลม่ 1 (สสวท) (3) ใบกิจกรรม เรื่องปัจจยั ในการสรา้ งอาหารของพชื มีอะไรบา้ ง (4) วีดโี อ เรอ่ื งปัจจัยและผลผลิตของการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
10. การวดั ผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ผ้ปู ระเมนิ ครผู ูส้ อน 1.ด้านความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบงาน ผู้เรยี นผ่านเกณฑ์ ครูผสู้ อน ระดบั พอใชข้ นึ้ ไป นักเรียนสามารถระบุ คำตอบในใบงาน ครูผสู้ อน ผู้เรียนผา่ นเกณฑ์ ปัจจัยที่จำเป็นในการ ระดับพอใช้ขึ้นไป สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดูทักษะการ ท ำ ก า ร แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) ทดลองเกี่ยวกับการ การทำการทดลอง นักเรียนสามารถทำการ สงั เคราะหแ์ สง เกี่ยวกับการ ทดลองเกี่ยวกับการ สงั เคราะหแ์ สง สงั เคราะห์แสงได้ 3.ด้านคณุ ลกั ษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผู้เรยี นผ่านเกณฑ์ ระดบั พอใช้ข้ึนไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ช้ี ในการทำงาน และมีวินัย ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรยี น ตอ่ เวลาในการสง่ งาน ประสงค์
เกณฑ์การประเมนิ เกณฑป์ ระเมนิ ดา้ น K รายการประเมิน ดี (3) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถระบุ นักเรียนสามารถระบุปัจจัย นักเรียนระบุปัจจัยที่จำเป็น นักเรียนระบุปัจจัยที่ ปัจจัยที่จำเป็นในการ ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ ในการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ จำเป็นในการสังเคราะห์ สังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ ด้วยแสงได้ อย่างถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- ด้วยแสงได้ เพียงส่วนน้อย แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8- 7คะแนน) (ตำ่ กวา่ 5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั 2 ขึ้นไป เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั คุณภาพด้านคณุ ลักษณะ (K) 8-10 คะแนน อยใู่ นระดบั 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อยูใ่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรงุ เกณฑ์ประเมนิ ด้าน P รายการประเมิน ดี (3) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถทำ นักเรียนสามารถทำการ นักเรียนทำการทดลอง นักเรียนทำการทดลอง การทดลองเกี่ยวกับ ท ด ล อ ง เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ก า ร เกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง เกีย่ วกบั การสงั เคราะห์แสง การสงั เคราะห์แสงได้ สังเคราะห์แสงได้ถูกต้อง ไดถ้ ูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ( 5-7 ได้เพียงส่วนน้อย (ต่ำกว่า แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8 - 1 0 คะแนน) 5 คะแนน) คะแนน) *หมายเหตุ นักเรยี นตอ้ งผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขนึ้ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดบั คุณภาพดา้ นคณุ ลกั ษณะ (P) 8-10 คะแนน อย่ใู นระดบั 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อย่ใู นระดับ 2 หมายถงึ พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อยใู่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมีวนิ ัยในการเรยี น เวลาทกุ ครงั้ (4คะแนน) เวลาบางครง้ั (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั 2 ขึ้นไป เกณฑก์ ารตัดสินระดับคณุ ภาพดา้ นคณุ ลักษณะ (A) 4 คะแนน อย่ใู นระดับ 3 หมายถงึ ดี 2-3 คะแนน อยูใ่ นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กว่า2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมิน นักเรยี นทั้งหมด………………คน ดา้ น (K) นักเรยี นสามารถระบุปัจจัยทจี่ ำเปน็ ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับดี จำนวน……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ด้าน (P) นักเรยี นสามารถทำการทดลองเกี่ยวกับการสังเคราะห์แสงได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอย่ใู นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. ด้าน (A) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุง่ มั่นในการทำงาน และมวี นิ ัยในการเรียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเป็นรอ้ ยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. รายชอ่ื นักเรยี นที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมิน สาเหตุ-ปญั หา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชื่อ-สกุล ลงชอื่ ...............................................(ผู้สอน) (..............................................)
ใบกจิ กรรม เรอ่ื งปจั จยั ในการสร้างอาหารของพชื มีอะไรบ้าง สมาชกิ กลุ่มท่ี………….. 1..........................................................................................................เลขท.่ี ..... 2...........................................................................................................เลขท.ี่ ..... 3...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 4...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 5...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 6...........................................................................................................เลขท.ี่ ..... จุดประสงค์ ทดลอง สงั เกต และระบปุ ัจจยั ในการสร้างอาหารของพชื วัสดุอุปกรณ์ 1. ต้นผกั บ้งุ 7. ทีจ่ บั หลอดทดลอง 13. กระป๋องทราย 2. ใบชบาดา่ ง 8. ทวี่ างหลอดทดลอง 14. สารละลายไอโอดีน 3. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 9. ปากคบี 15. เอทานอล 4. หลอดทดลอง 10. จานเพาะเชอื้ 16. น้ำเปลา่ 5. บกี เกอร์ขนาด 250 cm3 11. กระดาษทบึ แสงสีดำ 6. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 12. ไม้ขีดไฟ วธิ ีการดำเนนิ กิจกรรม ตอนท่ี 1 1. เพาะเมล็ดผักบงุ้ ในกระถา่ ง ให้ต้นผักบุ้งสงู ประมาณ 20 เซนตเิ มตร จากน้นั นำตน้ ผักบุ้งไปวางในที่มืด เปน็ เวลา 2 วัน 2. นำกระดาษทบึ แสงสดี ำมาห้มุ ใบผักบุง้ ทั้งใบ จำนวน 1 ใบ 3. นำกระถางต้นผกั บุง้ ไปวางกลางแดด 3 ชั่วโมง 4. เดด็ ใบผกั บุ้งที่ห้มุ และไมไ่ ดห้ ้มุ ดว้ ยกระดาษทบึ แสงสีดำมาทำเครื่องหมายแล้วนำมาต้มสกัดคลอโรฟิลล์ และทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีนด้วยวธิ ีการดงั น้ี 4.1 ใส่นำ้ เปล่าลงในบกี เกอรค์ ร่ึงบีกเกอร์ตม้ น้ำบนชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์จุดเดือด 4.2 ต้มใบผกั บุ้งทง้ั 2 ใบในน้ำเดอื ด 5 นาที 4.3 คลิปใบผักบุ้งที่ต้มแล้วทั้ง 2 ใบใส่หลอดทดลองขนาดใหญ่เติมเอทานอลจนท่วมใบผักบุ้งแล้วนำ หลอดทดลองแชใ่ นบกี เกอร์ทม่ี ีนำ้ ร้อนอยู่ต้มต่อไปจนใบผักบงุ้ ซดี ขาว 4.4 คลิปใบผักบุ้งทั้ง 2 ใบออกจากหลอดทดลองนำไปล้างน้ำวางบนจานเพาะเชื้อ คลี่ใบออกหยด สารละลายไอโอดนี ลงบนใบท้ัง 2 ใบให้ทว่ั สังเกตและบันทกึ ผลในการวาดภาพหรอื ถ่ายภาพ
ตารางบันทกึ ผลการทดลอง ใบผกั บุง้ ทไ่ี มไ่ ดห้ ุ้มด้วยกระดาษทึบแสง ใบผักบุ้งทีห่ ุ้มด้วยกระดาษทึบแสง สรปุ ผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................................... ........................................................ คำถามท้ายกิจกรรม 1. การทดลองนี้ใบผกั บุ้งใดท่ีมีแป้ง และใบใดไม่มแี ปง้ ทราบได้อยา่ งไร และเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนน้ั ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ...................................................................................................... .......................................................... 2. เพราะเหตุใด ต้องนำต้นผกั บุ้งไปไวใ้ นท่ีมดื ก่อน 2 วัน ................................................................................................................................................ ................ ................................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 3. เพราะเหตุใด ต้องนำต้นผกั บงุ้ ไปไว้กลางแดด ......................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
วิธีการดำเนนิ กิจกรรมตอนที่ 2 1. สังเกตใบชบาด่างและบนั ทึกลกั ษณะของใบชบาดา่ งโดยการวาดภาพหรือถา่ ยภาพ 2. ทดสอบใบชบาดา่ งด้วยสารละลายไอโอดนี โดยใช้วิธกี ารเดียวกบั ใบผักบุ้งในตอนท่ี 1 สังเกตและบันทึก ผลในการวาดภาพหรือถ่ายภาพ ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ใบชบาดา่ งก่อนต้ม ใบชบาด่างหลังต้ม สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................................... .......................................................
เฉลยใบกจิ กรรม จดุ ประสงค์ ทดลอง สงั เกต และระบุปัจจยั ในการสร้างอาหารของพืช วัสดุอุปกรณ์ 1. ตน้ ผกั บุ้ง 7. ทจ่ี ับหลอดทดลอง 13. กระป๋องทราย 2. ใบชบาดา่ ง 8. ท่วี างหลอดทดลอง 14. สารละลายไอโอดนี 3. ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 9. ปากคบี 15. เอทานอล 4. หลอดทดลอง 10. จานเพาะเชื้อ 16. นำ้ เปลา่ 5. บกี เกอร์ขนาด 250 cm3 11. กระดาษทึบแสงสีดำ 6. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 12. ไมข้ ีดไฟ วิธีการดำเนินกิจกรรม ตอนท่ี 1 1. เพาะเมล็ดผักบุง้ ในกระถา่ ง ใหต้ ้นผกั บุ้งสูงประมาณ 20 เซนตเิ มตร จากนั้นนำตน้ ผักบุ้งไปวางในท่ีมืด เป็นเวลา 2 วัน 2. นำกระดาษทบึ แสงสีดำมาหุ้มใบผกั บุ้งทั้งใบ จำนวน 1 ใบ 3. นำกระถางตน้ ผกั บุ้งไปวางกลางแดด 3 ชัว่ โมง 4. เดด็ ใบผกั บุ้งท่หี ้มุ และไม่ไดห้ ุ้มด้วยกระดาษทบึ แสงสีดำมาทำเคร่ืองหมายแลว้ นำมาต้มสกดั คลอโรฟิลล์ และทดสอบดว้ ยสารละลายไอโอดนี ด้วยวธิ กี ารดังนี้ 4.1 ใสน่ ำ้ เปลา่ ลงในบกี เกอรค์ รึ่งบีกเกอรต์ ้มนำ้ บนชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์จดุ เดือด 4.2 ตม้ ใบผกั บ้งุ ทัง้ 2 ใบในนำ้ เดือด 5 นาที 4.3 คลิปใบผักบุ้งที่ต้มแล้วทั้ง 2 ใบใส่หลอดทดลองขนาดใหญ่เติมเอทานอลจนท่วมใบผักบุ้งแล้วนำ หลอดทดลองแชใ่ นบกี เกอรท์ ี่มนี ำ้ ร้อนอยู่ต้มต่อไปจนใบผักบุ้งซีดขาว 4.4 คลิปใบผักบุ้งทั้ง 2 ใบออกจากหลอดทดลองนำไปล้างน้ำวางบนจานเพาะเชื้อ คลี่ใบออกหยด สารละลายไอโอดนี ลงบนใบทั้ง 2 ใบใหท้ วั่ สงั เกตและบนั ทกึ ผลในการวาดภาพหรอื ถ่ายภาพ
ตารางบันทกึ ผลการทดลอง ใบผกั บ้งุ ท่ีไม่ได้หุ้มด้วยกระดาษทึบแสง ใบผักบุ้งทหี่ ุ้มดว้ ยกระดาษทึบแสง สรุปผลการทดลอง เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนบนผักบุ้งที่ไม่ได้หุ้มด้วยกระดาษทึบแสงสีดำ สีของสารละลายไอโอดีน เปลีย่ นจากสีนำ้ ตาลเป็นสนี ้ำเงินเข้มถึงดำ สว่ นใบผกั บงุ้ ท่ีหุ้มด้วยกระดาษทบึ แสง สีของสารละลายไอโอดีนไม่มี การเปลย่ี นแปลง แสงจงึ เปน็ ปัจจยั ท่ีสำคญั ในการสรา้ งอาหารของพชื คำถามทา้ ยกจิ กรรม 1. การทดลองน้ีใบผกั บ้งุ ใดทมี่ ีแป้ง และใบใดไมม่ ีแปง้ ทราบได้อย่างไร และเหตุใดจงึ เป็นเชน่ น้นั ใบผักบุ้งที่ไม่ได้หุ้มด้วยกระดาษทึบแสงมีแป้ง ทราบได้จากการเปลี่ยนสีของสารละลายไอโอดีนเม่ือ หยดลงบนใบ สว่ นใบผกั บุง้ ท่ีหุม้ ดว้ ยกระดาษทึบแสงไมม่ ีแป้ง เพราะสีของสารละลายไอโอดีนบนใบไม่ มกี ารเปลีย่ นแปลง เหตุท่ีเป็นเชน่ นเี้ พราะแสงเป็นสิ่งที่ทำใหพ้ ชื สงั เคราะหน์ ำ้ ตาลขนึ้ จากนั้นน้ำตาลจะ เปล่ียนไปเปน็ แปง้ เมอ่ื ไม่ได้รบั แสงจงึ ไมม่ กี ารสร้างนำ้ ตาล 2. เพราะเหตใุ ด ต้องนำต้นผกั บุ้งไปไว้ในท่ีมดื กอ่ น 2 วนั เพราะไม่ต้องการใหพ้ ชื มีการสรา้ งอาหารก่อนนำมาทำกิจกรรม 3. เพราะเหตุใด ต้องนำต้นผกั บุ้งไปไว้กลางแดด เพอื่ ใหผ้ ักบุ้งได้รบั แสงและทำใหม้ กี ารสรา้ งอาหาร
วธิ ีการดำเนินกจิ กรรมตอนที่ 2 1. สงั เกตใบชบาดา่ งและบนั ทกึ ลักษณะของใบชบาดา่ งโดยการวาดภาพหรอื ถ่ายภาพ 2. ทดสอบใบชบาด่างด้วยสารละลายไอโอดีนโดยใชว้ ธิ กี ารเดยี วกบั ใบผักบุ้งในตอนท่ี 1 สงั เกตและบันทึก ผลในการวาดภาพหรอื ถา่ ยภาพ ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ใบชบาดา่ งก่อนตม้ ใบชบาด่างหลังต้ม สรปุ ผลการทดลอง เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบชบาด่าง ส่งนของใบชบาด่างที่เคยเป็นสีเขียวจะมีการ เปลี่ยนแปลงสีของสารละลายไอโอดนี จากสนี ำ้ ตาลเป็นสนี ้ำเงินเข้มถึงสดี ำ และตรงส่วนที่เคยเป็นสีขาวของใบ ชบาดา่ งจะเหน็ สขี องสารละลายไอโอดีนจะไมม่ ีการเปล่ียนแปลง สเี ขียวของพืชจำเป็นตอ่ การสรา้ งอาหาร
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 31 ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การดำรงชวี ติ ของพชื เวลา 2 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นร้เู รอื่ ง ผลผลิตในการสังเคราะห์แสง 1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ผ้สู อนนางสาวจันจิรา ธนันชัย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สัมพนั ธ์กนั รวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ระบุปัจจยั ทจ่ี ำเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสง และผลผลติ ทีเ่ กิดขนึ้ จากการสังเคราะห์ด้วย ว 1.2 ม.1/6 แสงโดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ 3. สาระสำคญั การสงั เคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการท่ีสำคัญต่อส่ิงมชี วี ติ เพราะเป็นกระบวนการเดียวท่ีสามารถนำ พลังงานแสงมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูปสารประกอบอินทรีย์และเก็บสะสมในรูปแบบต่างๆในโครงสร้างของ พืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวติ อื่นนอกจากนีก้ ระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยงั เป็นกระบวนการหลกั ในการสร้างแกส๊ ออกซเิ จนให้กับบรรยากาศเพ่ือให้สิ่งมชี วี ิตอน่ื ใช้ในกระบวนการหายใจ 4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) นักเรียนสามารถอธบิ ายเกีย่ วกับกระบวนการสังเคราะหแ์ สงได้ (K) (2) นักเรียนสามารถวาดภาพกระบวนการสังเคราะห์แสงได้ (P) (3) นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน และมวี นิ ัยในการเรยี น (A) 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (1) ความสามารถในการสอ่ื สาร - การอธิบาย การเขยี น การตอบคำถาม (2) ความสามารถในการคดิ - การสังเกต การสำรวจ การคดิ วิเคราะห์ การสร้างคำอธบิ าย การอภิปราย การส่ือความหมาย การทำกิจกรรมโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบคน้ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแก้ไขปญั หา - สามารถแกป้ ัญหาท่ีเกดิ ขึ้นได้อย่างเหมาะสม
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีวินยั - มุง่ ม่ันในการทำงาน - ใฝเ่ รยี นรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (PHOTOSYNTHESIS) เป็น กระบวนการสร้างอาหารของพืชสีเขียว โดยมีคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ดูดพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์แล้วเปลี่ยนสารวัตถุดิบคือน้ำและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็น น้ำตาลกลูโคส น้ำ และ แก๊สออกซิเจน กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช น้ำตาลเป็นสารชนิดแรกที่พืชสร้างขึ้นได้เองก่อนที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็นแป้งและสารประกอบอื่นๆ ต่อไปกระบวนการสร้างน้ำตาลของพืชเราเรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) ซึ่งพืช ต้องอาศยั ปจั จัยหลายอย่างในกระบวนการนี้ ภาพถา่ ยจากกลอ้ งจลุ ทรรศน์ แสดงใหเ้ ห็นคลอโรพลาสตใ์ นเซลลพ์ ชื ซึง่ บรรจคุ ลอโรฟิลลท์ ี่มีบทบาท ต่อกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงเอาไว้ ปจั จยั สำคัญท่ีพืชจำเปน็ ตอ้ งนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ 1) คลอโรฟลิ ล์ มอี ยใู่ นคลอโรพลาสต์ เป็นออร์แกเนล์ทีพ่ บได้ในเซลล์พชื 2) แสง คลอโรฟิลล์จะดูดซับพลังงานแสงเข้ามาในใบพืช เพื่อเป็นตัวกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา สังเคราะห์แสง 3) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ พชื จะรบั เขา้ มาทางปากใบทเ่ี ปดิ ในเวลากลางวัน เพอื่ เป็นสารตงั้ ต้นในการ ผลติ น้ำตาล 4) น้ำ รากพืชจะดูดน้ำขึ้นมาแล้วลำเลียงต่อไปยังใบโดยผ่านทางท่อลำเลียงที่มีอยู่ในรากและลำต้น จนถงึ ใบ
องคป์ ระกอบและสมการ การเปลีย่ นรปู พลงั งานและการเปลีย่ นแปลงของผลติ ภณั ฑท์ ่ีเกดิ จากกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 1. พลังงานแสงจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานเคมีสะสมอยู่ในผลิตภัณฑ์คือ น้ำตาลกลูโคส น้ำ และแก๊ส ออกซเิ จน 2. น้ำตาลกลูโคสจะถูกเปลี่ยนไปเป็นแป้งทันที และสะสมไว้ในเซลล์สีและแป้งจะเปลี่ยนกลับเป็น น้ำตาลกลโู คสอีกคร้ัง เม่ือพชื ต้องการสลายน้ำตาลกลโู คสเป็นพลงั งาน 3. พชื คายน้ำและแกส๊ ออกซเิ จนจะถูกพชื คายออกมาทางปากใบกลับคนื สู่สิ่งแวดลอ้ ม ความสำคญั ของกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชทมี่ ตี ่อสิง่ มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 1. เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เนื่องจากพืชสีเขียวได้รับน้ำ แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงานแสง จากดวงอาทิตย์ ไปสร้างสารอาหารพวกน้ำตาลและสารอาหารนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารอาหารอื่น ๆ ได้ เช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน ซึ่งสิ่งมีชีวิตได้นำไปใช้ประโยชน์ใน กระบวนการต่าง ๆ ของชวี ติ จึงถือวา่ สารอาหารเหล่านี้เปน็ แหลง่ พลังงานทส่ี ำคญั ของส่ิงมชี วี ิตทกุ ชนดิ 2. เป็นแหล่งผลิตแก๊สออกซิเจนที่สำคัญของระบบนิเวศ โดยแก๊สออกซิเจน เป็นผลที่เกิดจาก กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ซึ่งแก๊สออกซิเจน เป็นแก๊สที่สิง่ มีชีวิตใช้ในการสลายอาหาร เพื่อสร้าง พลงั งานหรอื ใช้ในกระบวนการหายใจน่นั เอง 3. ช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพราะพืชต้องใช้แก๊สนี้เป็นวัตถุดิบในการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง โดยปกติแกส๊ ชนิดนี้เป็นแก๊สท่ีไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีอยู่ในบรรยากาศประมาณ 0.03% เท่าน้นั แต่เนื่องจากในปัจจุบันการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์มีมากขึ้น จึงทำให้มีแก๊ส ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นสัดส่วนของอากาศที่หายใจจึงเสียไป ทำให้ได้รับแก๊สออกซิเจนน้อยลง จึงเกิดอาการ อ่อนเพลยี ส่งผลทำใหโ้ ลกของเรามีอณุ หภูมสิ ูงขึ้นเร่ือย ๆ เรียกว่า \" ปรากฏการณ์เรือนกระจก (green house effect) \" เนื่องจาก คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นเสมือนกระจกที่ปิดกั้นการกระจายความร้อนออก จากผิวโลกดังนั้นจึงควรช่วยกันปลูกพืช และรักษาพื้นที่ป่า เพื่อดูดซับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศให้นอ้ ยลง 8. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ (ใชร้ ูปแบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาที) (1) กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนโดยการตง้ั คำถามใหน้ ักเรยี นดงั ต่อไปน้ี - พชื สามารถใชแ้ สงจากแหลง่ อ่ืนทไ่ี มใ่ ชด่ วงอาทติ ยใ์ นการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงไดห้ รือไม่ (แนว คำตอบ ได้ เชน่ แสงจากหลอดไฟ) - ถ้าขาดปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง พืชจะสามารถสังเคราะห์ด้วย แสงได้หรือไม่ (แนวคำตอบ ถ้าขาดปจั จยั ใดปัจจยั หน่งึ พชื จะไม่สามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้)
- ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงคืออะไร และสมการการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็น อยา่ งไร (แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) (2) ครูชีแ้ จงให้นกั เรยี นว่า วนั นีค้ รจู ะสอนเกย่ี วกบั การสงั เคราะห์ด้วยแสง 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (75 นาท)ี (1) ครูอธิบายความรู้เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงให้นักเรียนฟัง โดยใช้สื่อการสอน PowerPoint และให้ศกึ ษาเน้ือหาความรูเ้ พิม่ เตมิ ในหนังสือเรียนหน้า (2) นักเรียนรบั ใบงาน เรอื่ งปัจจยั ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจากครู และลงมอื ทำใบงาน 8.3 ข้ันอภปิ รายและลงขอ้ สรุป (Explain) (10 นาที) (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ดังนี้ (การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการที่ สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตเพราะเป็นกระบวนการเดียวที่สามารถนำพลังงานแสงมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูป สารประกอบอินทรีย์และเก็บสะสมในรูปแบบต่างๆในโครงสร้างของพืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานท่ี สำคัญของสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากนี้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยังเป็นกระบวนการหลักในการสร้างแก๊ส ออกซเิ จนให้กับบรรยากาศเพ่ือใหส้ ิ่งมชี ีวติ อนื่ ใช้ในกระบวนการหายใจ และผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช คือ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรือน้ำตาลกลูโคส และแก๊สออกซิเจน สมการการสังเคราะห์ด้วยแสงมี ดงั นี้) 8.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) (1) ครูเพิ่มเติมความรู้ให้นักเรียนโดยเปิดวีดีโอ เรื่องผลผลิตของการสังเคราะห์ด้วยแสงจาก https://www.youtube.com/watch?v=J7RGs6CA-NQ ใหน้ กั เรยี นฟัง 8.5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (15 นาท)ี (1) นักเรยี นและครูรว่ มกนั เฉลยใบงาน (2) ครูตงั้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น (3) นักเรยี นถามในสิง่ ทส่ี งสยั และยงั ไม่รูแ้ ละครอู ธิบายเพ่ิมเติม 9. สือ่ การเรยี นรู้ (1) ส่อื การสอน PowerPoint (2) หนงั สือวทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน ม.1 เล่ม 1 (สสวท) (3) ใบงาน เรื่องปจั จัยในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (4) วดี โี อ เร่อื งผลผลติ ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
10. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน ผู้ประเมิน ครูผสู้ อน 1.ดา้ นความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบงาน ผเู้ รยี นผา่ นเกณฑ์ ครผู ู้สอน ระดบั พอใช้ขึ้นไป นักเรียนสามารถอธิบาย คำตอบในใบงาน ครผู ู้สอน ผเู้ รียนผา่ นเกณฑ์ เกี่ยวกับกระบวนการ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป สงั เคราะหแ์ สงได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดูทักษะการวาดภาพ แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) กระบวนการสังเคราะห์ ก า ร ว า ด ภ า พ นักเรียนสามารถวาด แสงในใบงาน กระบวนการ ภาพกระบวนการ สังเคราะห์แสงในใบ สงั เคราะห์แสงได้ งาน 3.ดา้ นคุณลักษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผเู้ รยี นผา่ นเกณฑ์ ระดับพอใชข้ ้นึ ไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ช้ี ในการทำงาน และมีวินัย ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรียน ต่อเวลาในการส่งงาน ประสงค์
เกณฑ์การประเมิน เกณฑป์ ระเมนิ ด้าน K รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ นักเรียนสามารถอธิบาย นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ อ ธ ิ บ า ย เ ก ี ่ ย ว กั บ เกี่ยว กับกระบว นการ กระบวนการสังเคราะห์แสง กระบวนการสังเคราะห์ ก ร ะ บ ว น ก า ร สังเคราะห์แสงได้ อย่าง ได้ ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่(5- แสงได้ เพียงส่วนน้อย(ต่ำ สงั เคราะห์แสงได้ ถูกต้องและครบถ้วน(8- 7คะแนน) กวา่ 5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั 2 ขึ้นไป เกณฑก์ ารตัดสินระดบั คณุ ภาพด้านคณุ ลกั ษณะ (K) 8-10 คะแนน อยใู่ นระดบั 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อยใู่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรุง เกณฑป์ ระเมินดา้ น P รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถวาด นักเรียนสามารถวาดภาพ น ั ก เ ร ี ย น ว า ด ภ า พ น ั ก เ ร ี ย น ว า ด ภ า พ ภ า พ ก ร ะ บ ว น ก า ร กระบวนการสงั เคราะห์แสง กระบวนการสังเคราะห์แสง กระบวนการสังเคราะห์ สงั เคราะหแ์ สงได้ ไดถ้ ูกตอ้ งและครบถ้วน ( 8- ไดถ้ กู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ( 5-7 แสงได้เพียงส่วนน้อย (ต่ำ 10 คะแนน) คะแนน) กว่า 5 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมินระดับ 2 ขึน้ ไป เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคุณภาพด้านคุณลักษณะ (P) 8-10 คะแนน อยูใ่ นระดับ 3 หมายถงึ ดี 5-7 คะแนน อยูใ่ นระดับ 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 คะแนน อยใู่ นระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรุง
เกณฑป์ ระเมนิ ด้าน A รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมีวนิ ยั ในการเรยี น เวลาทกุ คร้ัง(4คะแนน) เวลาบางคร้ัง (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั 2 ขนึ้ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดับคณุ ภาพด้านคุณลกั ษณะ (A) 4 คะแนน อยูใ่ นระดับ 3 หมายถงึ ดี 2-3 คะแนน อยูใ่ นระดบั 2 หมายถึง พอใช้ ตำ่ กว่า2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมนิ นกั เรยี นทัง้ หมด………………คน ด้าน (K) นักเรียนสามารถอธิบายเก่ยี วกบั กระบวนการสังเคราะหแ์ สงได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยใู่ นระดับดี จำนวน……………….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. ด้าน (P) นักเรียนสามารถวาดภาพกระบวนการสังเคราะห์แสงได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยใู่ นระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเป็นรอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอย่ใู นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเป็นร้อยละ…………….. ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เป็นร้อยละ……………. ด้าน (A) นักเรียนใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน และมวี ินยั ในการเรียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยใู่ นระดับดี จำนวน……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ุณภาพอยใู่ นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. รายช่อื นกั เรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน สาเหตุ-ปัญหา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชอื่ -สกลุ ลงชือ่ ...............................................(ผู้สอน) (..............................................)
ใบงาน เร่อื ง ผลผลติ ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ชือ่ ...................................................................................................ชั้น..............เลขท่.ี ............. จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง 1. ผลผลิตจากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมีอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. นำ้ ตาลและแกส๊ ออกซเิ จนท่ีเกดิ จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงมคี วามสำคัญต่อมนษุ ย์อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ถา้ ไมม่ ีการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะสง่ ผลตอ่ สงิ่ มชี ีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ให้นกั เรียนวาดภาพกระบวนการสงั เคราะหแ์ สงพรอ้ มผลผลติ ทไ่ี ด้จากการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
เฉลยใบงาน 1. ผลผลติ จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงมีอะไรบา้ ง แกส๊ ออกซเิ จน น้ำตาล 2. นำ้ ตาลและแก๊สออกซเิ จนทีเ่ กดิ จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมคี วามสำคญั ต่อมนุษย์อยา่ งไร น้ำตาลรวมถงึ สารอนิ ทรีย์ตา่ งๆ ท่ีเกิดจากการเปลยี่ นแปลงของนำ้ ตาล เป็นอาหารของมนษุ ย์ สว่ น แก๊สออกซิเจนเปน็ แกส๊ ท่ีมนษุ ยใ์ ช้ในการหายใจ 3. ถ้าไม่มีการสังเคราะหด์ ้วยแสงจะสง่ ผลต่อสิง่ มีชวี ติ และส่ิงแวดล้อมอย่างไร ถ้าไม่มีการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงจะส่งผลใหส้ ่ิงมชี วี ิตขาดแคลนอาหาร และแกส๊ ออกซเิ จนทใ่ี ชใ้ นการ หายใจ ทำให้ปรมิ าณแก๊สคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละแกส๊ ออกซเิ จนในอากาศไมส่ มดุล ทำให้ส่ิงแวดล้อมมีการ เปลี่ยนแปลง สง่ ผลใหส้ ิ่งมชี วี ิตดำรงชวี ิตอย่ไู ม่ได้ 4. ให้นักเรียนวาดภาพกระบวนการสงั เคราะหแ์ สงพร้อมผลผลิตทไี่ ด้จากการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 32 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การดำรงชวี ิตของพืช เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรเู้ รื่อง ผลผลติ ในการสังเคราะหแ์ สง 2 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ผู้สอนนางสาวจนั จิรา ธนนั ชัย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สัมพันธ์กนั รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัด ระบุปจั จัยท่จี ำเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสง และผลผลติ ที่เกดิ ขน้ึ จากการสังเคราะห์ด้วย ว 1.2 ม.1/6 แสงโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ 3. สาระสำคัญ การสังเคราะห์ด้วยแสงเปน็ กระบวนการทีส่ ำคัญต่อส่ิงมชี วี ิตเพราะเปน็ กระบวนการเดียวที่สามารถนำ พลังงานแสงมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูปสารประกอบอินทรีย์และเก็บสะสมในรูปแบบต่างๆในโครงสร้างของ พืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวติ อื่นนอกจากนีก้ ระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยัง เปน็ กระบวนการหลกั ในการสร้างแกส๊ ออกซเิ จนใหก้ ับบรรยากาศเพื่อใหส้ ง่ิ มชี ีวิตอน่ื ใช้ในกระบวนการหายใจ 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (1) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายผลผลิตที่เกิดข้นึ จากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ (K) (2) นกั เรยี นสามารถทำการทดลองเกย่ี วกับการสงั เคราะห์แสงได้ (P) (3) นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทำงาน และมวี นิ ัยในการเรยี น (A) 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (1) ความสามารถในการสอื่ สาร - การอธบิ าย การเขียน การตอบคำถาม (2) ความสามารถในการคิด - การสงั เกต การสำรวจ การคิดวิเคราะห์ การสร้างคำอธบิ าย การอภปิ ราย การสื่อความหมาย การทำกจิ กรรมโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื ค้นโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (3) ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา - สามารถแกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - มุง่ ม่ันในการทำงาน - ใฝเ่ รียนรู้ 7. สาระการเรยี นรู้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (PHOTOSYNTHESIS) เป็น กระบวนการสร้างอาหารของพืชสีเขียว โดยมีคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ดูดพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์แล้วเปลี่ยนสารวัตถุดิบคือน้ำและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็น น้ำตาลกลูโคส น้ำ และ แก๊สออกซิเจน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดข้นึ ในคลอโรพลาสต์ เปน็ กระบวนการที่นำพลังงานแสงมา เปลี่ยน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์และน้ำใหเ้ ป็นน้ำตาล พืชจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นสารประกอบอินทรีย์อื่น ๆและ เก็บสะสมในโครงสร้าง ต่าง ๆ ของพืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น นอกจากนี้การสังเคราะห์ด้วยแสงยังเป็น กระบวนการผลิตแก๊สออกซิเจนออกสู่บรรยากาศ เพื่อให้สิ่งมีชีวิต ชนิดอืน่ นำไปใช้ในกระบวนการหายใจ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช น้ำตาลเป็นสารชนิดแรกที่พืชสร้างขึ้นได้เองก่อนที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็นแป้งและสารประกอบอื่นๆ ต่อไปกระบวนการสร้างน้ำตาลของพืชเราเรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) ซึ่งพืช ต้องอาศัยปัจจัยหลายอยา่ งในกระบวนการนี้ ภาพถา่ ยจากกลอ้ งจุลทรรศน์ แสดงใหเ้ ห็นคลอโรพลาสตใ์ นเซลล์พชื ซง่ึ บรรจุคลอโรฟลิ ล์ท่ีมีบทบาท ต่อกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงเอาไว้ ปัจจยั สำคญั ท่ีพชื จำเปน็ ตอ้ งนำไปใชใ้ นกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ได้แก่ 1) คลอโรฟิลล์ มีอยูใ่ นคลอโรพลาสต์ เปน็ ออรแ์ กเนล์ทพ่ี บไดใ้ นเซลลพ์ ชื 2) แสง คลอโรฟิลล์จะดูดซับพลังงานแสงเข้ามาในใบพืช เพื่อเป็นตัวกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา สงั เคราะห์แสง 3) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ พชื จะรบั เขา้ มาทางปากใบทเ่ี ปดิ ในเวลากลางวัน เพื่อเปน็ สารตั้งตน้ ในการ ผลติ น้ำตาล 4) น้ำ รากพืชจะดูดน้ำขึ้นมาแล้วลำเลียงต่อไปยังใบโดยผ่านทางท่อลำเลียงที่มีอยู่ในรากและลำต้น จนถงึ ใบ
องคป์ ระกอบและสมการ การเปล่ียนรูปพลังงานและการเปลยี่ นแปลงของผลิตภัณฑ์ท่เี กดิ จากกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 1. พลังงานแสงจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานเคมีสะสมอยู่ในผลิตภัณฑ์คือ น้ำตาลกลูโคส น้ำ และแก๊ส ออกซเิ จน 2. น้ำตาลกลูโคสจะถูกเปลี่ยนไปเป็นแป้งทันที และสะสมไว้ในเซลล์สีและแป้งจะเปลี่ยนกลับเป็น น้ำตาลกลโู คสอีกครั้ง เมอ่ื พชื ตอ้ งการสลายน้ำตาลกลูโคสเป็นพลงั งาน 3. พชื คายนำ้ และแกส๊ ออกซิเจนจะถกู พชื คายออกมาทางปากใบกลับคืนส่สู ง่ิ แวดล้อม ความสำคญั ของกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ทมี่ ีต่อสงิ่ มชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม 1. เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพลังงานที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เนื่องจากพืชสีเขียวได้รับน้ำ แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงานแสง จากดวงอาทิตย์ ไปสร้างสารอาหารพวกน้ำตาลและสารอาหารนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารอาหารอื่น ๆ ได้ เช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน ซึ่งสิ่งมีชีวิตได้นำไปใช้ประโยชน์ใน กระบวนการต่าง ๆ ของชวี ิต จงึ ถอื ว่าสารอาหารเหล่าน้ีเปน็ แหลง่ พลังงานท่ีสำคญั ของสิง่ มชี วี ิตทกุ ชนิด 2. เป็นแหล่งผลิตแก๊สออกซิเจนที่สำคัญของระบบนิเวศ โดยแก๊สออกซิเจน เป็นผลที่เกิดจาก กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ซึ่งแก๊สออกซิเจน เป็นแก๊สที่สิง่ มีชีวิตใช้ในการสลายอาหาร เพื่อสร้าง พลงั งานหรือใช้ในกระบวนการหายใจนั่นเอง 3. ช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพราะพืชต้องใช้แก๊สนี้เป็นวัตถุดิบในการ สังเคราะหด์ ้วยแสง โดยปกติแก๊สชนิดนี้เป็นแก๊สที่ไมม่ ีสี ไม่มีกลิ่น มีอยู่ในบรรยากาศประมาณ 0.03% เท่าน้ัน แต่เนื่องจากในปัจจุบันการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์มีมากขึ้น จึงทำให้มีแก๊ส ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นสัดส่วนของอากาศที่หายใจจึงเสียไป ทำให้ได้รับแก๊สออกซิเจนน้อยลง จึงเกิดอาการ ออ่ นเพลีย สง่ ผลทำให้โลกของเรามีอุณหภูมิสูงข้ึนเรื่อย ๆ เรียกวา่ \" ปรากฏการณ์เรือนกระจก (green house effect) \" เนื่องจาก คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นเสมือนกระจกที่ปิดกั้นการกระจายความร้อนออก จากผิวโลกดังนั้นจึงควรช่วยกันปลูกพืช และรักษาพื้นที่ป่า เพื่อดูดซับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศให้น้อยลง 8. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ (ใชร้ ปู แบบการสอนสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (5Es) 8.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาที) (1) กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนโดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี - สมมติฐานของการทดลองนี้ คืออะไร (แนวคำตอบ ถ้าแสงเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการ สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช ดังน้นั สาหรา่ ยหางกระรอกท่ีไดร้ ับแสงจะมีแก๊สออกซิเจนเกดิ ขน้ึ ) - ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุมของการทดลองนี้คืออะไร (แนวคำตอบ การ ไดร้ บั แสงของสาหรา่ ยหางกระรอก การเกิดแก๊สออกซเิ จน และความยาวของสาหร่ายหางกระรอกตามลำดับ) (2) ครูช้แี จงใหน้ กั เรยี นว่า วันนค้ี รจู ะใหท้ ำการทดลองเก่ียวกับการสังเคราะหด์ ้วยแสง
8.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (75 นาท)ี (1) นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม แล้วศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ 4.5 โดยศึกษา วัตถุประสงค์ของกิจกรรม ตั้งสมมติฐาน และการกำหนดตัวแปร (2) นกั เรียนรับใบกิจกรรม เรอ่ื งการสงั เคราะห์ด้วยแสงไดผ้ ลผลิตใดบ้างจากครู และลงมือทำ กิจกรรมตามขั้นตอนในใบกจิ กรรม (3) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลองจากกิจกรรม และแต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอผลการทดลอง 8.3 ขัน้ อภิปรายและลงข้อสรปุ (Explain) (10 นาท)ี (1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรปุ ความรู้ดังน้ี (พืชเป็นสง่ิ มีชีวติ ที่สร้างอาหารได้เอง และเกบ็ สะสมไว้ตามสว่ นตา่ งๆของพืชอาหารทีพ่ ชื สะสมไว้น้ี จึงเปน็ อาหารใหก้ ับส่ิงมีชีวติ ชนดิ อ่นื ๆรวมทัง้ แก๊ส ออกซิเจนที่เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ก็มีความจำเป็นสำหรับการหายใจของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นอกจากนี้การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศ ทำให้ปริมาณแก๊สที่เป็น ส่วนประกอบของอากาศมีความสมดุลพืชสร้างอาหารได้โดยการ สังเคราะห์ด้วยแสง เป็นการนำพลังงานแสงมาเปลี่ยนแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ เป็นน้ำตาลและแก๊ส ออกซิเจน น้ำตาลรวมถึงสารอินทรีย์ต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำตาล เป็นอาหารของมนุษย์ส่วน แกส๊ ออกซิเจนเปน็ แกส๊ ทม่ี นุษย์ใชใ้ นการหายใจ) 8.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) (1) ครูเพิ่มเติมความรู้ให้นักเรียนโดยเปิดวีดีโอ เรื่องผลผลิตจากการสังเคราะห์ด้วยแสงจาก https://www.youtube.com/watch?v=kP0mzOhTX_M ใหน้ ักเรียนฟัง 8.5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (15 นาที) (1) นักเรียนและครรู ่วมกนั เฉลยใบกิจกรรม (2) ครตู ้ังคำถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน (3) นกั เรียนถามในส่ิงทีส่ งสยั และยงั ไม่รแู้ ละครูอธิบายเพ่ิมเติม 9. สื่อการเรียนรู้ (1) หนงั สือวทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน ม.1 เลม่ 1 (สสวท) (2) ใบกจิ กรรม เร่ืองการสงั เคราะห์ด้วยแสงไดผ้ ลผลิตใดบ้าง (3) วดี ีโอ เรอื่ งผลผลิตจากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
10. การวัดผลและประเมินผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัดผล เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน ผ้ปู ระเมนิ ครูผูส้ อน 1.ด้านความรู้ (K) ค ว า ม ถ ู ก ต ้ อ ง ข อ ง ใบกิจกรรม ผ้เู รยี นผา่ นเกณฑ์ ครูผสู้ อน ระดับพอใช้ขน้ึ ไป นักเรียนสามารถอธิบาย คำตอบในใบกจิ กรรม ครผู ู้สอน ผ้เู รยี นผ่านเกณฑ์ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการ ระดบั พอใชข้ ึ้นไป สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ 2.ด ้ า น ท ั ก ษ ะ / ดูทักษะการ ท ำ ก า ร แบบประเมินทักษะ กระบวนการ (P) ทดลองเกี่ยวกับการ การทำการทดลอง นักเรียนสามารถทำการ สังเคราะหแ์ สง เกี่ยวกับการ ทดลองเกี่ยวกับการ สังเคราะห์แสง สงั เคราะหแ์ สงได้ 3.ด้านคณุ ลกั ษณะ(A) ประเมินความตั้งใจ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผู้เรยี นผ่านเกณฑ์ ระดบั พอใชข้ ้ึนไป นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ัน เรียน ตั้งใจ ในการ พ ฤ ต ิ ก ร ร ม บ ่ ง ชี้ ในการทำงาน และมีวินยั ทำงาน และความตรง คุณลักษณะอัน พึ ง ในการเรยี น ต่อเวลาในการสง่ งาน ประสงค์
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์ประเมนิ ด้าน K รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ นักเรียนสามารถอธิบาย นักเรียนอธิบายผลผลิตที่ นักเรียนอธิบายผลผลิตที่ อ ธ ิ บ า ย ผ ล ผ ล ิ ต ท่ี ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการ เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ เ ก ิ ด ข ึ ้ น จ า ก ก า ร สังเคราะห์ด้วยแสงได้อย่าง ด้วยแสงได้ถูกต้องเป็นส่วน ด้วยแสงได้เพียงส่วนน้อย สังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ ถูกต้องและครบถ้วน(8- ใหญ่(5-7คะแนน) (ตำ่ กวา่ 5คะแนน) 10คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรยี นต้องผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับ 2 ข้นึ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดับคณุ ภาพด้านคณุ ลกั ษณะ (K) 8-10 คะแนน อยูใ่ นระดบั 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยใู่ นระดับ 2 หมายถงึ พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อย่ใู นระดับ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง เกณฑป์ ระเมินด้าน P รายการประเมิน ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนสามารถทำ นักเรียนสามารถทำการ นักเรียนทำการทดลอง นักเรียนทำการทดลอง การทดลองเกี่ยวกับ ท ด ล อ ง เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ก า ร เกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง เกีย่ วกบั การสังเคราะห์แสง การสงั เคราะหแ์ สงได้ สังเคราะห์แสงได้ถูกต้อง ไดถ้ ูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ( 5-7 ได้เพียงส่วนน้อย (ต่ำกว่า แ ล ะ ค ร บ ถ ้ ว น ( 8 - 1 0 คะแนน) 5 คะแนน) คะแนน) *หมายเหตุ นกั เรยี นตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมินระดับ 2 ขนึ้ ไป เกณฑ์การตัดสินระดบั คณุ ภาพด้านคุณลกั ษณะ (P) 8-10 คะแนน อยู่ในระดับ 3 หมายถึง ดี 5-7 คะแนน อยู่ในระดับ 2 หมายถงึ พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน อยูใ่ นระดบั 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ประเมนิ ด้าน A รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน มีความตั้งใจเรียน ตั้งใจใน ไม่มีความตั้งใจเรียน ไม่ มุ่งมั่นในการทำงาน การทำงาน และส่งงานตรง การทำงาน และส่งงานตรง ตั้งใจในการทำงาน และส่ง และมวี นิ ัยในการเรยี น เวลาทกุ คร้ัง(4คะแนน) เวลาบางครั้ง (2-3 คะแนน) งานไม่ตรงเวลา(ต่ำกว่า2 คะแนน) *หมายเหตุ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ 2 ขึน้ ไป เกณฑ์การตดั สนิ ระดับคณุ ภาพดา้ นคุณลักษณะ (A) 4 คะแนน อยใู่ นระดบั 3 หมายถึง ดี 2-3 คะแนน อยู่ในระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ ต่ำกวา่ 2 คะแนน อยู่ในระดับ 1 หมายถึง ปรับปรงุ
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ……………… เรื่อง ……………………………………………………………….. แผนการเรียนรทู้ ี่ ………………… เรือ่ ง ……………………………………………………………….. รายวิชา……………………………….. ช้นั …………………………. รหัสวชิ า ……………………………………. ครูผสู้ อน …………………………………………….. ตำแหนง่ …………………………………… เวลาที่ใช้ ……… ชวั่ โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ไข ทีม่ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของ ผเู้ รยี น ลงชอื่ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั ) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย
11. ผลการประเมนิ นักเรียนท้งั หมด………………คน ด้าน (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศของพืชดอกได้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ุณภาพอยใู่ นระดบั พอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จำนวน………...........คน คิดเปน็ ร้อยละ……………. ดา้ น (P) นักเรียนสามารถทำการทดลองเกีย่ วกับการสังเคราะห์แสงได้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเป็นรอ้ ยละ……………. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คดิ เปน็ ร้อยละ…………….. ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คิดเป็นร้อยละ……………. ด้าน (A) นักเรยี นใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน และมวี นิ ัยในการเรียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยู่ในระดับดี จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ…………… ผ่านเกณฑก์ ารประเมินมคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับพอใช้ จำนวน……………….คน คิดเปน็ ร้อยละ…………….. ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน จำนวน………...........คน คดิ เปน็ ร้อยละ……………. รายชื่อนกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมิน สาเหตุ-ปญั หา แนวทางแก้ไข ลำดบั ชื่อ-สกลุ ลงช่อื ...............................................(ผสู้ อน) (..............................................)
ใบกจิ กรรม เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ผลผลติ ใดบา้ ง สมาชิกท…ี่ ……………. 1..........................................................................................................เลขท.ี่ ..... 2...........................................................................................................เลขท.ี่ ..... 3...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 4...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 5...........................................................................................................เลขท.่ี ..... 6...........................................................................................................เลขท.่ี ..... จดุ ประสงค์ ทดลอง และระบุผลผลติ ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสง วสั ดุและอุปกรณ์ 1.สาหรา่ ยหางกระรอก 4.หลอดทดลอง 7.ธปู 2.บกี เกอร์ขนาด 1000 ������������3 5.ชอ้ นเบอร์ 1 8.ไม้ขดี ไฟ 3.กรวยแก้ว 6.กระป๋องทราย 9.ผงฟู วิธีการดำเนนิ กิจกรรม 1.นำสาหร่ายหางกระรอกบรรจุในกรวยแก้ว คว่ำกรวยแก้วลงในบีกเกอร์ เติมน้ำลงในบีกเกอร์จนมิด ปลายด้านกรวยแกว้ 2.ใสน่ ้ำในหลอดทดลองทม่ี ีขนาดใหญ่กวา่ กา้ นกรวยแก้วจนเตม็ แล้วควำ่ หลอดทดลองครอบก้านกรวย แกว้ โดยไม่ใหม้ ีอากาศเหลอื บริเวณก้นหลอดทดลอง 3.จัดชุดการทดลองตาม ข้อ 1 – 2 จำนวน 2 ชุด ชุดหนึ่งนำไปวางกลางแดดจัด อีกชุดหนึ่งนำไปวาง ในกล่องทึบแสง 4.ใส่ผงฟู 1 ชอ้ นเบอร์ 1 ลงในบกี เกอร์ ของชดุ การทดลองทัง้ 2 ชดุ 5.สงั เกตและบนั ทึกส่ิงท่ีเกดิ ข้ึนในหลอดทดลองท้ัง 2 ชดุ ทุก 30 นาที เป็นเวลา 90 นาที 6.เมื่อครบ 90 นาที ยกหลอดทดลองออกจากก้านกรวยแก้วโดยใช้นิ้วหัวแม่มือปิดปากหลอดการ ทดลองใหส้ นทิ ขณะท่ีปลายหลอดทดลองยงั จมอยู่ในน้ำ แล้วยกหลอดทดลองขึ้น 7.แหย่ธูปท่ตี ิดไฟแต่ไมม่ ีเปลวไฟลงในหลอดทดลองอยา่ งรวดเร็ว สงั เกตปลายธปู ทต่ี ิดไฟ บันทกึ ผล
ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ตาราง ผลการสงั เกตการเปล่ียนแปลงในหลอดทดลอง ผลการทดลอง ชดุ การทดลอง ชุดการทดลองที่วางกลางแจง้ ชดุ การทดลองทว่ี างไว้ในกลอ่ งทึบแสง ตาราง ผลการสงั เกตการแหยธ่ ูปทต่ี ิดไฟแต่ไม่มีเปลวไฟลงในหลอดทดลอง ชุดการทดลอง ผลการทดลอง ชุดการทดลองท่ีวางกลางแจ้ง ชดุ การทดลองท่ีวางไวใ้ นกล่องทบึ แสง ภาพ แสดงฟองแก๊สท่เี กดิ ขึ้นในหลอดทดลองของชดุ การทดลองที่วางกลางแดดจดั สรปุ ผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................ .....................................................................................
คำถามทา้ ยกิจกรรม 1. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งใส่ผงฟูในบกี เกอร์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ชดุ การทดลองทว่ี างไว้กลางแดดจดั มีการเปล่ยี นแปลงหรือไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ชุดการทดลองท่ีวางไว้ในกล่องทึบแสงมีการเปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. สาหรา่ ยหางกระรอกในชดุ ทดลองที่ไดร้ บั แสง มกี ารสงั เคราะห์ดว้ ยแสงหรือไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. สิ่งท่ีเกดิ ขึน้ จากการสังเคราะหด์ ้วยแสงในกจิ กรรมนีค้ ืออะไร ทราบได้อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลยใบงาน ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง ตาราง ผลการสงั เกตการเปล่ียนแปลงในหลอดทดลอง ชดุ การทดลอง ผลการทดลอง ชุดการทดลองท่วี างกลางแจง้ เกิดฟองแก๊สลอยขน้ึ มาสะสมทกี่ น้ หลอดทดลอง ชดุ การทดลองท่วี างไว้ในกล่องทึบแสง ไม่มีฟองแกส๊ เกดิ ขึน้ ในหลอดการทดลอง ตาราง ผลการสังเกตการแหยธ่ ูปที่ติดไฟแตไ่ มม่ ีเปลวไฟลงในหลอดทดลอง ชุดการทดลอง ผลการทดลอง ชุดการทดลองท่วี างกลางแจง้ ปลายธปู สว่างวาบขึ้น ชดุ การทดลองท่ีวางไวใ้ นกล่องทบึ แสง ปลายธปู ไมม่ ีการเปล่ียนแปลง ภาพ แสดงฟองแกส๊ ท่เี กิดข้ึนในหลอดทดลองของชดุ การทดลองท่วี างกลางแดดจัด
สรปุ ผลการทดลอง ผลผลติ จากการสังเคราะห์แสง คือ แก๊สออกซเิ จน คำถามท้ายกิจกรรม 1. เพราะเหตุใดจึงต้องใสผ่ งฟใู นบีกเกอร์ เพื่อเป็นการเพ่ิมแก๊สคาร์บอนได้ออกไซดใ์ นน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปฏิกริ ยิ าการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ใหส้ ูงขนึ้ 2. ชดุ การทดลองท่วี างไว้กลางแดดจัดมกี ารเปล่ยี นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร คำตอบข้นึ อยู่กับผลการทดลองของนักเรยี น เชน่ ชดุ ทดลองที่วางไว้กลางแดดจัดเกิดการเปลี่ยนแปลง คอื จะมฟี องแกส๊ ผุดข้นึ ในหลอกทดลอง 3. ชดุ การทดลองทวี่ างไว้ในกล่องทบึ แสงมกี ารเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร คำตอบขึ้นอยู่กับผลการทดลองของนักเรียน เช่น ชุดทดลองที่วางไว้ในกล่องทึบแสงไม่เกิดการฟอง แกส๊ ในหลอดทดลอง 4. สาหร่ายหางกระรอกในชุดทดลองท่ไี ดร้ ับแสง มีการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ อยา่ งไร ชดุ การทดลองทไ่ี ดร้ บั มีการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ทราบได้จากการเกิดฟองแกส๊ เกิดขนึ้ ในหลอดทดลอง 5. ส่งิ ทเี่ กดิ ข้นึ จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงในกิจกรรมนค้ี อื อะไร ทราบไดอ้ ย่างไร สิ่งที่เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงในกิจกรรมนี้ คือ แก๊สออกซิเจน ทราบได้จากการที่แก๊สที่ได้จาก การทดลองทำใหป้ ลายกา้ นธปู ที่ตดิ ไฟแต่ไม่มีเปลวไฟ สว่างวาบข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154