Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการปฏิบัติศาสนพิธีเบื้องต้น

คู่มือการปฏิบัติศาสนพิธีเบื้องต้น

Published by จริยา พาศิริ, 2021-08-05 04:01:23

Description: คู่มือการปฏิบัติศาสนพิธีเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

144 ขอ้ กำหนดของกองพระราชพธิ ี ๑) ผู้มีสิทธิได้รับพระราชทานเพลิงศพ ถ้าจะพระราชทานในต่างจังหวัด (นอกเขตรัศมี ๕๐ กม. จากพระบรมมหาราชวัง) ยกเว้นปริมณฑล ใกล้กรุงเทพฯ ทางสำนักพระราชวังจะได้จัด หีบเพลิง ให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับส่งไปพระราชทานเพลิง หรือให้เจ้าภาพศพไปติดต่อขอรับ หีบเพลงิ พระราชทานที่กองพระราชพิธี สำนกั พระราชวัง ๒) กรณีพระราชทานเพลิงศพ ทั้งตามเกณฑ์ท่ีได้รับพระราชทานและกรณีพิเศษท่ีไม่มี เครื่องเกียรติยศประกอบศพในกรุงเทพฯ ทางสำนักพระราชวังจะได้จัดเจ้าพนักงานเชิญ เพลิงหลวงไปพระราชทานโดยรถยนต์หลวง ท้ังนี้ เจ้าภาพไมต่ อ้ งเสยี ค่าใชจ้ ่ายใด ๆ ท้ังส้นิ ยกเว้น กรณีปริมณฑลในรัศมี ๕๐ กิโลเมตร จากพระบรมมหาราชวัง เจ้าภาพจะต้องจัดรถรับ-ส่งให้กับ เจา้ หน้าท่ีเชญิ เพลิงด้วย ๓) สำหรับเคร่ืองประกอบเกียรติยศ ได้แก่ หีบ โกศ ฉัตรตั้ง นั้น ทางสำนักพระราชวัง จะได้เชญิ ไปประกอบ และจะต้ังไว้มกี ำหนดเพียง ๗ วัน เมือ่ พน้ ไปแล้ว เจ้าภาพหรอื ทายาทยังไม่ กำหนดพระราชทานเพลิง ถ้าทางราชการมีความจำเป็น ก็จะถอนส่วนประกอบลองนอกของหีบ หรือโกศไปใชใ้ นราชการตอ่ ไป ๔) ในการพระราชทานเพลิงนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่เชิญเพลิงพระราชทาน หรือเจ้าภาพเชิญ หีบเพลิงไปถึงมณฑลพิธี ในการน้ีห้ามเปิดหรือบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เนื่องจากเป็นการ ไม่เหมาะสม ๕) เจ้าภาพงานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อจะขอรับหมายรับสั่ง ให้ติดต่อขอรับได้ที ่ เจ้าหนา้ ทก่ี องพระราชพิธี โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๔-๔๗๔๗ ตอ่ ๔๕๐๑ ๖) ก่อนงานพระราชทานเพลิงศพ ๑ วัน ให้เจ้าภาพติดต่อยืนยันความถูกต้องกับ เจา้ หน้าทีก่ องพระราชพิธี ที่หมายเลข ๐-๒๒๒๒-๒๗๓๕ (เฉพาะเพลงิ ท่เี ชิญโดยเจา้ หนา้ ท)ี่ ๗) หากมขี ้อสงสยั ประการใด สามารถตดิ ตอ่ สอบถามเพม่ิ เติมไดท้ ี่ โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๑- ๐๘๗๓ คู่มือการปฏิบตั ิศาสนพธิ ีเบือ้ งต้น

145 กองพระราชพธิ ี สำนกั พระราชวงั โทร. ๐-๒๒๒๑-๐๘๗๓, ๐-๒๒๒๑-๗๑๘๒ และ ๐-๒๒๒๒-๒๗๓๕ แนวปฏบิ ตั งิ านในการพระราชทานเพลิงศพ วธิ ีปฏิบัติในการพระราชทานเพลิงศพ ในกรุงเทพมหานคร และรัศมี ๕๐ กโิ ลเมตร เวลา................น. - รถยนต์รับพนักงานพระราชพิธีเชิญเพลิงหลวงพระราชทานออกจากพระบรม มหาราชวัง เวลา................น. - เจา้ ภาพตง้ั แถวรอรับเพลิงหลวงพระราชทานตามความเหมาะสมกบั สถานท ่ี เวลา................น. - พนักงานพระราชพธิ ีเชิญเพลิงหลวงลงจากรถยนต์ และยืนอยกู่ ับท ี่ - พนักงานพระราชพิธีเชญิ เพลิงหลวงพระราชทานขึ้นสู่เมร ุ - เจ้าภาพเดนิ ตาม และหยุดทห่ี น้าบันไดเมร ุ - พนักงานพระราชพธิ ีเชิญเครื่องขมาศพ และเพลงิ หลวงพระราชทานวางท่ีโต๊ะ - พนกั งานพระราชพิธีคำนับศพ แลว้ ลงจากเมร ุ - พนักงานอ่านหมายรับส่ัง อ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อ่านคำประกาศ เกียรตคิ ุณของผู้ท่ไี ดร้ บั พระราชทานเพลิง (ประวัติโดยยอ่ ) จบแลว้ - พิธีกรเชิญผู้มีเกียรติที่มาในงานพระราชทานเพลิงศพ ยืนสงบน่ิงไว้อาลัย ๑ นาที - เจา้ ภาพเชญิ ผู้เป็นประธานในการพระราชทานเพลิงศพขึน้ เมร ุ - ประธานพธิ ที อดผา้ บังสุกุล - (ในกรณีทอดผ้าไตรบังสุกุล ถ้าผ้าไตรบังสุกุลเป็นของหลวงพระราชทาน พระสงฆ์ต้องใช้พดั ยศขึ้นพจิ ารณาผ้าบงั สุกุล แล้วลงจากเมรุ) - ประธานในพิธีฯ หันหนา้ ไปทางทศิ ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ประทบั - ถวายความเคารพ - หยิบกระทงข้าวตอก กระทงดอกไม้จากพนักงานพระราชพิธีวางที่ฐานฟืน หนา้ หีบศพ - แล้วหยิบดอกไม้จันทน์จากพนักงานพระราชพิธี จุดเพลิงพระราชทานจาก โคมไฟท่ีเจ้าพนกั งานถอื ค่มู อื การปฏิบตั ิศาสนพธิ เี บื้องตน้

146 - เชญิ ไฟสอดลงใต้กองฟนื ลงจากเมรุ - พระสงฆ์ขึ้นเมรุเผาศพก่อน แล้วแขกผู้มีเกียรติกับบรรดาญาติมิตรขึ้นเมร ุ ตามลำดับ - พนักงานพระราชพธิ ี สำนักพระราชวงั เดินทางกลบั หมายเหตุ ๑) จัดโตะ๊ ๑ ตวั ปผู ้าขาว ตั้งด้านศรี ษะศพ สำหรบั วางเครือ่ งขมาศพ และวางโคมไฟหลวง ๒) จัดเตรียมโคมไฟสำหรับต่อเล้ียงเพลิงพระราชทานจากพนักงานพระราชพิธีนำไป รักษาไว้ เพอื่ ใชพ้ ระราชทานเพลิงศพเมอ่ื ถึงเวลาเผาจรงิ ๓) ในกรณีทหาร ตำรวจ ท่ีไดก้ องเกยี รติยศ เมื่อประธานวางกระทงขา้ วตอก กระทงดอกไม้ เครอ่ื งขมาแล้ว ให้เปา่ แตรนอน จบแล้ว ๔) เมื่อประธานหยิบธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ ให้บรรเลงเพลงเคารพศพ ต่อไฟ พระราชทานจากโคมไฟแลว้ วางไวใ้ ต้กองฟนื เพอ่ื เป็นการพระราชทานเพลงิ ศพ ๕) เม่ือเจ้าหน้าท่ีเชิญเพลิงพระราชทาน หรือเชิญหีบเพลิงพระราชทานไปถึงมณฑลพิธี ห้ามเปิดหรือบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในการพระราชทานเพลงิ ศพ ๖) กรณีพระราชทานเพลิงศพ โดยการเชิญเพลิงของเจ้าหน้าที่ให้เจ้าภาพติดต่อ เจ้าหนา้ ท่งี านพธิ ีการ เพื่อยนื ยนั ก่อนวันพระราชทานเพลิงศพ ๑ วนั ในการขอพระราชทานเพลิงศพน้ันจะต้องไม่ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว วันเฉลมิ พระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ วันเฉลมิ ฉลองสิรริ าชสมบัติพระราชพธิ ฉี ตั ร (และประเพณนี ิยมไมเ่ ผาศพในวนั ศกุ ร)์ การปฏิบัติเก่ียวกับหีบเพลิงพระราชทาน (ระยะทางห่างจากสำนักพระราชวังเกิน ๕๐ กิโลเมตร) ตามระเบียบที่สำนักพระราชวังได้วางไว้ เมื่อกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าภาพ แล้วแต่กรณี ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานเพลิงศพ หากศพน้ันอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับพระราชทานเพลิงศพ สำนักพระราชวังจะได้มีหนังสือแจ้งให ้ เจ้าภาพศพเพ่ือทราบ จากน้ันเจ้าภาพศพหรือเจ้าหน้าท่ีของจังหวัดแล้วแต่กรณีให้ส่งเจ้าหน้าท ี่ ไปขอรับหบี เพลิงพระราชทานไดท้ ี่ กองพระราชพิธี สำนกั พระราชวัง เมอ่ื ได้รับหบี เพลิงพระราชทาน ไปแลว้ ตอ้ งปฏบิ ัติตามลำดับขั้นตอน ดงั น ี้ ๑) เชิญหีบเพลิงพระราชทานไปวางท่ีศาลากลางจังหวัด อำเภอ หรือหน่วยราชการ ทีส่ ังกัดในทอ้ งถ่ิน หรอื ทบี่ ้านเจา้ ภาพ แล้วแตก่ รณี โดยต้งั ไวใ้ นทีอ่ นั สมควร และควรมพี านรองรบั หีบเพลงิ พระราชทานนัน้ ดว้ ย คมู่ ือการปฏิบัตศิ าสนพิธีเบ้อื งต้น

147 ๒) เม่ือถึงกำหนดวันที่ขอพระราชทานเพลิงศพ ทางจังหวัด อำเภอ หรือเจ้าภาพ แล้วแต่กรณี จะต้องจัดเจ้าหน้าที่ แต่งเคร่ืองแบบปกติขาวไว้ทุกข์ เพ่ือเชิญหีบเพลิงพระราชทาน พรอ้ มด้วยพานรอง (หนงึ่ หบี ตอ่ ๑ คน) ไปยังเมรทุ ่จี ะประกอบพธิ ี และกอ่ นที่จะเชิญขึน้ ไปตัง้ บนเมรนุ ั้น ควรยกศพข้ึนต้ังเมรุให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วจึงเชิญพานหีบเพลิงพระราชทานข้ึนไปตั้งไว้บนโต๊ะ ทางด้านศีรษะศพ (บนโต๊ะที่ตั้งหีบเพลิงพระราชทานนั้นจะต้องมีผ้าปูให้เรียบร้อย และห้ามมิให้ นำส่ิงหนึ่งส่ิงใดวางร่วมอยู่ด้วยเป็นอันขาด เมื่อเชิญพานหีบเพลิงพระราชทานวางเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้เชญิ คำนบั เคารพศพ ๑ คร้งั (แต่ถ้าเป็นศพพระสงฆใ์ ห้ประนมมอื ไหว้) แล้วจึงลงจากเมรุ ๓) ขณะท่ีเชิญพานหีบพระราชทานไปนั้น เจ้าหน้าที่ผู้เชิญจะต้องระมัดระวังกิริยา มารยาท โดยอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยกับผู้ใด และไม่ต้องทำความเคารพผู้ใด และไม่เชิญ หีบเพลงิ พระราชทานเดินตามหลังผหู้ นง่ึ ผู้ใดเป็นอนั ขาด ๔) ผู้ท่ีไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ ท้ังประชาชน ข้าราชการ และพนักงาน ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ ควรแต่งกายไว้ทุกข์ตามประเพณีนิยม ในกรณีลูกหลานหรือญาติ รวมทั้งผู้ท่ี เคารพนับถือผู้วายชนม์ท่ีรับราชการ จะแต่งกายชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ก็จะเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์ และยังนับว่าเปน็ การถวายพระเกยี รติ ๕) ผู้ที่ตั้งแถวรอรับการเชิญหีบเพลิงพระราชทานเดินไปสู่เมรุ ควรเป็นเจ้าภาพงาน การแต่งกาย ควรแต่งเครื่องแบบไว้ทุกข์ตามประเพณีนิยม ในกรณีท่ีเป็นข้าราชการ แต่งกาย เครอ่ื งแบบปกตขิ าว ไวท้ กุ ข ์ ๖) ระหว่างทเ่ี จา้ หน้าทีเ่ ชญิ หีบเพลงิ พระราชทานเดินไปสู่เมรนุ ้ัน ประชาชนทม่ี าร่วมงาน ควรนั่งอยู่ในความสงบโดยมิต้องยืนขึ้น ไม่ต้องทำความเคารพ และไม่มีการบรรเลงเพลงอย่างใด ท้ังส้ิน เพราะยังไม่ถึงข้ันตอนของพิธีการ เจ้าหน้าท่ีผู้เชิญก็มิใช่ผู้แทนพระองค์ เป็นการปฏิบัต ิ หนา้ ทต่ี ามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ๗) เมื่อถึงกำหนดเวลาพระราชทานเพลิง ให้เจ้าภาพเชิญแขกผู้อาวุโสสูงสุดข้ึนเป็น ประธานจุดเทียน ประธานในพิธีจุดเพลิงท่ีอาวุโสสูงสุดน้ัน หมายถึง อาวุโสทั้งด้านคุณวุฒิและด้านวัยวุฒิ ทั้งนี้ หากมีพระราชวงศ์ต้ังแต่ช้ันหม่อมเจ้าขึ้นไป หรือราชสกุลท่ีมีเกียรติในราชการ ซึ่งศพหรือ ทายาทอยู่ใตบ้ ังคับบัญชา หรอื เป็นผู้ท่ีเคารพนบั ถือ สมควรเชิญบคุ คลน้ันเป็นประธาน ๘) ในระยะเวลาก่อนเจ้าภาพเชิญผู้อาวุโสสูงสุดขึ้นเป็นประธานประกอบพิธี พระราชทานเพลิงนั้นให้เจ้าหน้าที่ผู้เชิญหีบเพลิงพระราชทานขึ้นไปรออยู่ ณ โต๊ะวางหีบเพลิง พระราชทานบนเมรุก่อนเม่ือผู้เป็นประธานทอดผ้าไตรบังสุกุล พระภิกษุได้ชักผ้าบังสุกุลแล้ว ให้เจ้าหน้าท่ีผู้เชิญหีบเพลิงพระราชทานแก้ห่อหีบเพลิงพระราชทานออก จากน้ันผู้เป็นประธาน ปฏิบัติตามข้นั ตอนตอ่ ไปน ้ี ค่มู อื การปฏบิ ตั ศิ าสนพธิ ีเบ้อื งต้น

148 (๑) ประธานพิธเี ดินข้นึ ไปบนเมร ุ (๒) ทอดผา้ ไตรบงั สกุ ุล (๓) พระสงฆพ์ ิจารณาผา้ ไตรบงั สุกุล (๔) ประธานพิธหี นั หน้าไปทางทิศท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวประทับ ถวายคำนับ ๑ ครั้ง (๕) หยบิ เทยี นชนวนในหีบเพลิงพระราชทาน มอบใหเ้ จ้าหน้าท่ผี ู้เชิญถือไว ้ (๖) หยิบกลักไม้ขีดในหีบเพลิงพระราชทาน จุดไฟต่อเทียนชนวนท่ีเจ้าหน้าที่ผู้เชิญ ถือไว้รอจนเทียนลุกไหม้ดแี ลว้ (๗) ทำความเคารพ (ไหว้) ๑ คร้ัง ก่อนหยิบธูป ดอกไม้จันทน์ และเทียน พระราชทาน (จำนวน ๑ ชดุ ) ในหบี เพลงิ พระราชทาน (๘) จุดไฟหลวงจากเทียนชนวนแล้ววางไว้กลางฐานที่ตั้งศพ จากนั้นก้าวถอยหลัง ๑ กา้ ว คำนับเคารพศพ ๑ ครง้ั แลว้ ลงจากเมร ุ (๙) เป็นอันเสรจ็ พิธ ี หมายเหตุ ๑) สำหรับศพที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานผ้าไตรทอดถวายพระบังสุกุล ด้วยนั้นผู้เป็นประธาน ต้องทำความเคารพ (ไหว้) ๑ คร้ัง ก่อนหยิบผ้าไตรพระราชทานจาก เจ้าหน้าท่ผี ้เู ชญิ แลว้ ทอดผ้าตามพิธีตอ่ ไป ๒) ในกรณีท่ีเจ้าภาพประสงค์ให้มีการอ่านหมายรับสั่ง เพื่อแสดงถึงการได้รับ พระราชทานเพลิงศพ (ในกรณที ไ่ี ดร้ บั หมายรับส่งั ถ้ายงั ไมไ่ ด้รบั หมายรบั สั่งกไ็ ม่ต้องอ่าน)* การอ่านหมายรับสั่ง ประวัติผู้วายชนม์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนั้นส่วนสำนัก พระราชวังใหแ้ นวทางไว้ ดงั นี้ ๑) หมายรบั สง่ั แสดงถงึ การไดร้ ับพระราชทานเพลงิ ศพ ๒) สำนึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณ ๓) คำประกาศเกยี รติคณุ ของผู้ทีไ่ ดร้ ับพระราชทานเพลงิ (ประวตั โิ ดยย่อ) อน่ึง สำนักพระราชวัง ได้หมายเหตุไว้ว่า การอ่านหมายรับส่ัง ประวัติผู้วายชนม ์ สำนึกพระมหากรุณาธิคุณน้ัน เป็นขั้นตอนท่ีสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามความเหมาะสม ในทีน่ ้ขี อนำเสนอขนั้ ตอนการอ่านหมายรบั ส่ังไวเ้ พื่อประกอบการพิจารณา ดงั น้ ี ๑) หมายรับสั่ง แสดงถึงการได้รบั พระมหากรณุ าธคิ ณุ ที่ไดร้ ับการพระราชทานเพลิงศพ ๒) สำนึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณ ๓) ประวตั ผิ ู้วายชนม์ เพ่ือเป็นการประกาศเกยี รติคุณ แลว้ ยนื ไว้อาลยั ๑ นาที จากนั้น เรียนเชิญประธานพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล และจุดเพลิงพระราชทาน ซ่ึงจะเป็นการปฏิบัติงานพิธี ได้อย่างตอ่ เนอ่ื ง และเรยี บรอ้ ยสวยงาม คมู่ ือการปฏิบตั ศิ าสนพิธีเบอื้ งต้น

149 ประวัติผู้วายชนม์ เพ่ือประกาศเกียรติคุณ และคำสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในงาน พระราชทานเพลิงศพนั้น ให้อ่านเรียงลำดับตามท่ีกล่าวมา ทั้งนี้ หากจะอ่านเพียงอย่างใด อย่างหน่ึงก็ได้ หรือไม่อ่านเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความประสงค์และความสะดวกของเจ้าภาพเป็นสำคัญ ส่วนการลงท้ายคำอ่านสามารถอ่านชื่อบุคคลผู้เป็นทายาทท้ังหมดหรือจะออกชื่อแต่เจ้าภาพก็ย่อม กระทำได้ ในการพระราชทานเพลิงศพหากเจ้าภาพประสงค์จะให้อ่านหมายรับสั่ง คำสำนึก ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ และประวัติผวู้ ายชนม์ ใหอ้ า่ นเรียงลำดับดังกล่าว ตัวอย่างหมายรบั สัง่ (แบบ ค.) หมายรบั สัง่ ท่ี ๔๗๓๘ สำนกั พระราชวงั ๑๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๘ พระราชทานเพลิงศพ พระธรรมปริยัติมุนี (นวน เขมจารี) อดีตเจ้าอาวาส วดั พระธาตุพนม ณ เมรุวัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จงั หวดั นครพนม วันเสาร์ท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. พระราชทานเพลงิ ทองหล่อ/พมิ พ/์ ตรวจ/ทาน วัน หนา้ ท ่ี พนักงานพระราชพธิ ี นำหมายเรียน เจ้าภาพศพ พระธรรมปรยิ ัตมิ ุนี (นวน เขมจารี) เพอื่ ทราบ ตดิ ต่อขอรับหีบเพลิงพระราชทานทก่ี องพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ไปปฏบิ ตั ิ เจา้ ภาพไมต่ ้องเสยี ค่าใชจ้ ่ายอยา่ งใดท้งั ส้ิน ทั้งน้ี ให้จัดการตามหน้าที่และกำหนดวันตามรับสั่งอย่าให้ขาดเหลือ ถ้าสงสัยก็ให้ถาม ผู้รับรับสั่งโดยหนา้ ท่รี าชการ ....................................................... ผรู้ ับรบั ส่งั คู่มือการปฏิบตั ศิ าสนพิธีเบอื้ งตน้

150 สำนกึ ในพระมหากรุณาธิคุณ (สำหรับพระสงฆ)์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดพระราชทานเพลิงศพพระ........................ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และวงศ์ตระกูลอย่างหาท่ีสุด มิได้ หากความทราบโดยญาณวิถีถึงดวงวิญญาณของพระ...................................................ได้ ด้วยประการใดในสัมปรายภพ คงจะมีความปลาบปลื้มซาบซึ้งเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้รับพระราชทานเกยี รติยศอนั สงู ยงิ่ ในวาระสุดท้ายแหง่ ชีวติ คณะสงฆ์วัด................................อำเภอ................................จังหวัด................................. ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ถวายพระพรด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหา ทสี่ ดุ มิได้ และจะเทดิ ทูนไว้เปน็ สรรพสริ ิมงคลแก่คณะสงฆแ์ ละวงศ์ตระกูลของผ้วู ายชนมต์ ลอดไป ขอถวายพระพร คณะสงฆ์วดั ........................................................ สำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคณุ (สำหรบั บคุ คลทัว่ ไป) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน เพลิงศพ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)............................................................ซึ่งนับเป็น พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และวงศ์ตระกูล อย่างหาที่สดุ มไิ ด ้ หากความทราบโดยญาณวิถี ถึงวิญญาณของ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)............... .........................ได้ด้วยประการใดในสัมปรายภพ คงมีความปลาบปล้ืมซาบซ้ึงเป็นล้นพ้น ในพระมหากรณุ าธคิ ุณท่ไี ดร้ บั พระราชทานเกียรติยศอันสูงยง่ิ ในวาระสุดท้ายแห่งชวี ิต ข้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นบุตร ธิดา และหลาน ๆ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส กราบถวายบังคมแทบเบื้องพระยุคคลบาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุด มิได้ และจะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เป็นสรรพสิริมงคลแก่ข้าพระพุทธเจ้าและ วงศต์ ระกลู สืบไป ด้วยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อมขอเดชะ ขา้ พระพทุ ธเจ้า ครอบครัว (นามสกลุ )................................................. คู่มือการปฏิบตั ิศาสนพิธเี บ้อื งตน้

151 แบบอย่างการเขียนประวัติและคำไวอ้ าลยั เรยี น...............................................(ประธานพิธี และท่านผู้มีเกยี รติที่เคารพทกุ ท่าน) ก่อนท่ีจะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)...................... ในวันน้ี เพ่ือเป็นการประกาศเกียรติคุณ และรำลึกถึงเป็นวาระสุดท้าย กระผม (นาย, นาง, นางสาว, ยศ) พิธีกร.............ขอนำประวัติและคำไว้อาลัยของผู้วายชนม์มาเรียนให้ผู้มีเกียรติ ทกุ ท่านเพื่อได้ทราบโดยสงั เขป ดงั น้ี (นาย, นาง, นางสาว, ยศ).................................เป็นบุตรของ.................................. และนาง................................เกดิ เมื่อวันท่.ี .......เดอื น........................พ.ศ. ................ บา้ นเลขท่.ี ...............ตำบล................................อำเภอ..........................จังหวัด................................. มีพน่ี ้องรว่ มบดิ ามารดา รวม............................คน ๑. ......................................................... ๒. ......................................................... (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)...............................สำเร็จการศึกษา......................................... จากโรงเรียน...................................................... เม่ือสำเร็จการศึกษาแล้วได้เข้าทำงานเปน็ ........................................................................ .......................................................................................................................................................... (นาย, นาง, ยศ)..........................................ไดส้ มรสกบั .................................................... (ซ่ึงเปน็ บุตร, บุตรี) ของ....................................................................................มบี ตุ ร...........คน คือ ๑. .............................................................. ๒. ............................................................. ตำแหน่งสุดทา้ ย................................................................................................................ เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ (ถา้ ม)ี ............................................................................................ ตามประวัติการปฏิบัติงาน (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)..............................................เป็น ผู้ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่องานในหน้าท่ีอย่างสูงยิ่ง มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารี รักหมู่คณะ รักพ่ี รักน้อง รักผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นผู้ให้ความเคารพ ต่อผู้บังคับบัญชา เป็นผู้มีความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เป็นผู้มีน้ำใจอันประเสริฐ ตลอดระยะเวลา อันยาวนานท่ีได้ปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบ ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และสติปัญญา ทำงาน เพ่ือสรา้ งคุณประโยชน์ตอ่ ประเทศชาตนิ บั เปน็ อเนกอนนั ต์ ในด้านศาสนาเป็นผู้มีศรัทธาเล่ือมใสในพระพุทธศาสนาได้ให้การอุปถัมภ์บำรุง พระพทุ ธศาสนาอยู่เนืองนิตย ์ คู่มอื การปฏิบัตศิ าสนพิธีเบอ้ื งตน้

152 ในด้านครอบครัวได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นผู้นำครอบครัวอย่างดียิ่ง เป็นคู่ชีวิตที่ดีของ (สาม,ี ภรรยา) ให้ความห่วงใยบุตรธดิ าตลอดเวลา ทำใหค้ รอบครัวมคี วามอบอุ่นและเปน็ ครอบครวั ท่ีมีความสุขเป็นอยา่ งย่งิ เน่อื งจากเป็นผมู้ ีอัธยาศยั รา่ เริง สนุกสนาน และมองโลกในแง่ด ี (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)....................................ได้ล้มป่วยลงด้วยโรค............................. และเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล...........................................และถึงแก่กรรมด้วยอาการ อนั สงบ เมือ่ วนั ที.่ ........เดือน.........................พ.ศ. ..........เวลา.........นาฬกิ า รวมสิริอายไุ ด.้ .......ป ี การจากไปของ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)............................................ในครั้งนี้ สร้าง ความเศรา้ โศกเสียใจแก่ (สามี, ภรรยา) บตุ ร-ธดิ า และญาติมติ รเปน็ อย่างยง่ิ และมใิ ช่แตเ่ ปน็ ความ สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัว (สกุล)......................................เท่าน้ัน แต่นับว่า เป็นการสญู เสยี ทรัพยากรบคุ คลผู้ทรงคณุ คา่ ของประเทศชาตอิ กี ดว้ ย ท่านผู้มีเกียรติท่ีเคารพ ชีวิตและความตายเป็นของคู่กัน ที่ใดมีเกิดท่ีนั่นต้องมีตาย ชีวิตของสัตว์ท้ังหลาย ถูกความเกิด ความเจ็บ ความแก่เบียดเบียน ย่อมเส่ือมส้ินไปตามกาลเวลา คร้ังถึงกาลกำหนดแล้ว ก็ย่อมจะต้องแตกทำลายไป พระพุทธศาสนาจึงสอนให้พุทธศาสนิกชนพึง ประกอบแต่ความดีเป็นนติ ย์ เพ่ือความสงบสขุ ของชวี ติ ในปจั จุบนั และเป็นทพี่ งึ่ พงิ ในโลกเบอ้ื งหนา้ ในสัมปรายภพ ดว้ ยอำนาจแหง่ คณุ พระศรีรัตนตรัย และบญุ กุศลคุณงามความดที ี่ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)........ท่ีไดป้ ฏิบัติบำเพญ็ มา ตลอดถึงบุญกศุ ลที่ (สามี, ภรรยา) บตุ ร ธดิ า และญาตมิ ติ ร ได้รว่ มจติ บำเพ็ญทักษิณานุประทานอุทิศให้ในกาลคร้ังน้ี จงเป็นพลวปัจจัยส่งให้ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ).............................................ได้ไปสถิตเสวยอุดมสุข ในทิพยวิมานสุคติสถาน ในสัมปรายภพ ด้วยเทอญ. --------------------------- ในวาระสดุ ทา้ ยน้ี ขอเรยี นเชญิ ท่านผ้มู เี กียรติทุกท่านได้ร่วมจติ อธิษฐานเพื่ออทุ ศิ ส่วนกุศล ส่งดวงวิญของ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)........................................ให้ไปสู่สุคติในสัมปรายภพ ด้วยการยืนไว้อาลยั ประมาณ ๑ นาที ด้วยความพรอ้ มเพรียงกัน. ขอเรยี นเชิญครบั ---------------------------- บัดน้ี ได้เวลาอันสมควรของพิธีพระราชทานเพลิงศพ (นาย, นาง, นางสาว, ยศ)........ ...................ในวันน้ี กระผมขอเรียนเชิญ (ประธานพิธี)..............................................ได้กรุณาทอด ผา้ บงั สกุ ลุ และเป็นประธานในการประกอบพิธจี ดุ เพลิงพระราชทาน เปน็ ลำดับไป ขอเรยี นเชิญครับ. ------------------------------- คู่มือการปฏบิ ัติศาสนพิธเี บือ้ งต้น

153 ข้ันตอนการปฏิบตั พิ ธิ พี ระราชทานเพลิง (หีบเพลิง) หีบเพลงิ พระราชทาน การวางไฟพระราชทาน ๑) ใกลเ้ วลา เจ้าหน้าทีเ่ ชิญหีบเพลิงพระราชทานมาถึง (เจ้าภาพรอตอ้ นรบั ) นำหีบเพลิง ขนึ้ ต้ังบนเมรุดา้ นศีรษะของศพ ๒) ไดเ้ วลา เจา้ ภาพเชญิ ประธานทอดผ้าบังสกุ ุล (พระสงฆ์บังสกุ ลุ ) ๓) เจ้าหน้าทเ่ี ชญิ หบี เพลิงพระราชทาน ๔) ประธานถวายความเคารพไปทางทศิ ทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ประทบั อยู่ หรอื ถวายบงั คม (ไหว้) ไปท่หี บี เพลิง แลว้ ๕) หยบิ เทียนชนวนในหีบเพลงิ พระราชทานมอบใหเ้ จา้ หน้าทถ่ี อื ไว ้ ๖) หยิบกลักไมข้ ีดไฟ จุดไฟต่อเทียนชนวนใหต้ ิดดี ๗) ถวายบังคม (ไหว)้ ๑ ครัง้ กอ่ นหยิบดอกไมจ้ ันทน์ ธูป เทียน จุดไฟหลวงจากเทยี น ชนวน ๘) วางดอกไม้จนั ทน์ ธปู เทยี นไว้ใตก้ ลางฐานทต่ี ้ังศพ (หรือทท่ี เี่ จ้าภาพจัดไว้) ๙) ถอยหลัง ๑ กา้ ว ทำความเคารพศพ ๑ ครงั้ แลว้ ลงจากเมรุ เป็นเสร็จพิธี (จากนนั้ ผู้มีเกียรติและเจ้าภาพขน้ึ วางดอกไม้จนั ทน์เปน็ ลำดบั ไป) ลำดบั การอ่านประกาศเกียรตยิ ศ ในพธิ ีพระราชทานเพลิงศพ ๑) หมายรบั สง่ั (ถ้ายังไมไ่ ดร้ ับไมต่ ้องอา่ น) ๒) สำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ๓) ประวัตผิ วู้ ายชนม์ ค่มู อื การปฏิบตั ศิ าสนพธิ ีเบื้องต้น

154 หมายเหตุ ๑) จะอา่ นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไมอ่ า่ นเลยกไ็ ด้ ๒) ไมค่ วรใช้คำนำหน้าช่อื ผ้ไู ดร้ บั พระราชทานเพลงิ ศพวา่ คณุ พอ่ ... คุณแม.่ .. ๓) ควรใชว้ ่า นาย... นาง... นางสาว.... หรือยศ นำหน้าช่อื เท่านัน้ การแตง่ กาย ๑) เจ้าหน้าทผ่ี ้เู ชญิ หีบเพลงิ พระราชทาน แตง่ ชดุ ปกติขาวไว้ทุกข์ ๒) ประธาน แต่งชดุ ปกตขิ าวไว้ทุกข์ ชุดสากลไวท้ ุกข์ หรอื ชดุ สุภาพสำหรับงานศพ ๓) เจ้าภาพ ถ้าเป็นข้าราชการควรแต่งชดุ ปกติขาวไว้ทุกข์ ชุดสากลไวท้ ุกข์ หรอื ชดุ สภุ าพ สำหรับงานศพ การขอพระราชทานดินฝังศพ ดนิ ฝังศพพระราชทาน คมู่ อื การปฏบิ ัตศิ าสนพิธเี บือ้ งตน้

155 เกณฑก์ ารขอพระราชทานดนิ ฝังศพ ๑) มีเกณฑ์การขอเชน่ เดยี วกับการขอพระราชทานเพลิงศพ ๒) ขอพระราชทานไดท้ ้ังผ้นู บั ถอื ศาสนาพุทธ ครสิ ต์ และอสิ ลาม ดินฝังศพพระราชทาน ๑) ในหบี ประกอบด้วยดิน ๒๐ กอ้ น ห่อด้วยผา้ ขาว ๑๐ ก้อน หอ่ ดว้ ยผ้าดำ ๑๐ กอ้ น ๒) การหยบิ ดินพระราชทาน ให้หยิบทลี ะคู่ คือสีขาว ๑ ก้อน และสดี ำ ๑ กอ้ น ๓) การวางดินพระราชทาน ให้วางบนหลังหีบศพต้ังแต่ด้านศีรษะศพลงไปจนครบ ท้งั ๑๐ ค ู่ วิธปี ฏบิ ตั ิในพธิ พี ระราชทานดินฝังศพ ๑) ใกล้เวลา เจ้าหน้าที่เชิญหีบดินฝังศพพระราชทานถึงสถานท่ีตั้งศพ (เจ้าภาพ รอตอ้ นรับ) เชญิ หีบดนิ ตง้ั ไว้ด้านศีรษะของศพ ทำความเคารพศพ ๒) เจ้าภาพทำพธิ ีเคารพศพเสร็จแล้ว (ถา้ มีการอ่านประกาศเกยี รติยศ อา่ นในลำดับนี้) ๓) เชิญหบี ศพไปทห่ี ลมุ ฝังศพ ทำพธิ ีเคารพศพเปน็ ครัง้ สุดท้าย ๔) เชญิ หีบศพลงวางในหลุม ๕) เจา้ หน้าทีเ่ ชญิ หีบดนิ พระราชทาน ๖) ประธานถวายความเคารพไปทางทิศท่ีพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ หยิบห่อดิน พระราชทานสีขาว-สีดำ ครั้งละ ๑ คู่ วางเรียงบนหลังหีบศพจากทางด้านศีรษะของศพลงไป จนครบท้งั ๑๐ คู ่ ๗) ทำความเคารพศพ ๑ ครง้ั ๘) ผู้มีเกยี รติ ญาตแิ ละเจา้ ภาพวางดินฝังศพ ๙) เสร็จพิธี การแต่งกาย ๑) เจ้าหน้าท่ีผเู้ ชิญหบี ดินพระราชทาน แต่งชุดปกตขิ าวไว้ทกุ ข ์ ๒) ประธาน แต่งชุดปกติขาวไวท้ กุ ข์ ชดุ สากลไว้ทกุ ข์ หรือชดุ สุภาพสำหรับงานศพ ๓) เจ้าภาพ ถ้าเป็นข้าราชการควรแต่งชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ชุดสากลไว้ทุกข์ หรือ ชุดสภุ าพสำหรับงานศพ คู่มือการปฏิบัติศาสนพิธีเบ้อื งต้น

156 การเตรยี มการและการปฏบิ ัตพิ ธิ งี านศพทวั่ ไป การเตรียมอุปกรณใ์ นพธิ ีงานศพ การเตรียมเคร่ืองใช้สำหรับการน้ี นอกจากเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย และเครื่อง บชู าศพแล้ว จะตอ้ งจดั เตรยี มส่งิ ท่ตี อ้ งใชใ้ นพิธีท่ีเก่ียวข้องกับศพ ดงั น้ี ๑) ภษู าโยง หรอื ดา้ ยสายโยง ๒) เคร่อื งทองน้อย ๓) ตู้พระอภิธรรม ๔) เครื่องกระบะมุก หรือเครอ่ื งบูชาพระธรรม ๕) ส่งิ ของเคร่อื งใชส้ ำหรบั พธิ ีสงฆ ์ การอาบนำ้ ศพ ๑) การอาบนำ้ ศพนี้ ถือเป็นเรอ่ื งภายในครอบครวั ระหว่างญาติมติ รท่สี นิท ไมน่ ิยมเชญิ บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการอาบน้ำชำระร่างกายศพจริง ๆ โดยการอาบน้ำอุ่นก่อนแล้วอาบด้วย น้ำเย็น ฟอกด้วยสบูข่ ดั ถรู ่างกายศพใหส้ ะอาด ๒) เมื่ออาบน้ำศพเสร็จแล้ว ให้เอาน้ำขมิ้นทาตามร่างกายตลอดถึงฝ่าเท้า แล้วประด้วย นำ้ หอม ๓) เม่ืออาบน้ำชำระร่างกายศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แต่งตัวให้ศพตามฐานะของผู้ตาย เช่น เป็นข้าราชการ ก็นิยมแต่งเครื่องแบบ เป็นต้น เคร่ืองแต่งตัวนั้นนิยมใช้เสื้อผ้าท่ีสะอาด และใหม่เท่าท่มี อี ยู่ หลังจากนนั้ นำศพข้นึ นอนบนเตยี งสำหรบั รอพิธรี ดน้ำศพตามประเพณีนยิ ม การรดนำ้ ศพ ๑) นิยมจัดต้งั พระประจำวนั เกิดของผู้วายชนมพ์ รอ้ มจุดธปู เทยี นบชู าไวด้ า้ นศรี ษะศพ ๒) เตยี งท่ีศพนอน เพอื่ รอการรดนำ้ ศพจากผ้มู าร่วมพธิ รี ดนำ้ ศพ ใหต้ ้ังโดยหนั ด้านศรี ษะศพ ไปทางโต๊ะหมู่บชู าพระรัตนตรยั ๓) นิยมต้ังเตียงหันทางด้านมือขวาของศพออกทางด้านกว้าง เพื่อให้ผู้ท่ีเคารพนับถือ รดนำ้ ทมี่ ือขวาได้โดยสะดวก ๔) ห้ามมิให้ผู้ใดเดินผ่านทางด้านศีรษะของศพ เพราะถือว่าเป็นกิริยาอาการท่ีไม่แสดง ความเคารพตอ่ ศพ ๕) จัดรา่ งศพให้นอนหงายเหยยี ดยาว โดยใช้ผา้ หม่ หรือผ้าแพรคลมุ ตลอดร่างศพ เปิดไว้ เฉพาะหน้าและมอื ขวาของศพ และจดั มือขวาให้เหยียดออกคอยรบั การรดนำ้ จากผทู้ ี่เคารพนับถอื ๖) จดั เตรียมขันโตกใส่นำ้ อบ และโรยกลีบดอกไมไ้ ว้ดา้ นขวามือของศพ พร้อมทั้งขนั เล็ก ๆ เพื่อไวใ้ ห้บุตรหลานหรอื ทายาทตักน้ำใหผ้ ู้ท่มี ีความประสงคจ์ ะมารดนำ้ ศพ เพอื่ การขมาศพ คมู่ อื การปฏบิ ัตศิ าสนพธิ เี บอื้ งต้น

157 ๗) จัดเตรียมขนั โตก หรือขนั นำ้ พานรองขนาดใหญต่ ั้งไว้คอยรองรับน้ำที่รดศพ ๘) ก่อนพิธีรดน้ำศพ ควรให้เจ้าภาพจุดเคร่ืองสักการบูชาพระรัตนตรัยก่อน แล้วจึงเร่ิม พธิ รี ดนำ้ ศพ ๙) เม่ือผู้มีเกียรติท่ีมาแสดงความเคารพศพด้วยการรดน้ำศพหมดแล้ว ถ้าได้รับ พระราชทานน้ำอาบศพ ให้เชิญผู้อาวุโสท่ีอยู่ในท่ีน้ัน เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่รดน้ำศพพระราชทาน ซงึ่ ถือเปน็ ลำดบั สุดท้ายของพิธีรดนำ้ ศพ เมอ่ื ทำพิธีรดน้ำศพพระราชทานแลว้ ถอื เป็นเสร็จพิธีรดนำ้ ศพ ไมส่ ามารถใหผ้ ู้หน่งึ ผ้ใู ดรดนำ้ ศพอีก ๑๐) ต่อจากน้ันจะเป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับหน้าที่ดำเนินการนำศพลงหีบ เพื่อกระทำ พิธกี รรมทางศาสนาต่อไป ๑๑) เมื่อนำศพลงโลงหรือโกศแล้ว บางเจ้าภาพจะให้มีการทอดผ้าบังสุกุล (ส่วนใหญ ่ จะเป็นผา้ ไตรจีวรหรือสบงตามฐานะ) เพื่อให้พระสงฆพ์ จิ ารณาผา้ บงั สกุ ุล ซึ่งเรียกว่า บงั สุกุลปากหบี หรือบังสุกุลปากโกศ (ซึ่งจะนมิ นตพ์ ระสงฆเ์ พอื่ การน้เี ทา่ ใดกไ็ ด้ไม่มีกำหนด แตถ่ ้าเป็นพธิ ขี องหลวง มกั จะนิมนตพ์ ระสงฆ์ จำนวน ๑๐ รูป) ๑๒) เม่ือพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลเรียบร้อยแล้ว นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๔ รูป สวดพระอภธิ รรม ต่อจากพธิ บี งั สกุ ลุ ปากหบี หรอื ปากโกศทันที โดยปฏบิ ตั ดิ ังนี้ (๑) เมอื่ พระสงฆ์พจิ ารณาผา้ บงั สุกุลปากหีบ หรอื ปากโกศ ลงจากอาสนส์ งฆแ์ ล้ว (๒) พธิ ีกรตง้ั ตพู้ ระธรรมเบื้องหน้าอาสนสงฆข์ องพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม (๓) แตง่ ตง้ั เครอ่ื งนมสั การพระธรรม (๔) นมิ นตพ์ ระสงฆส์ วดพระอภิธรรม จำนวน ๔ รูป ขน้ึ อาสนสงฆ์ (๕) เชิญเจา้ ภาพหรอื ประธานพธิ ีจุดธูปเทยี นบชู าพระธรรม (๖) พระสงฆ์ จำนวน ๔ รปู สวดพระอภธิ รรม จำนวน ๑ จบ (ถา้ เจ้าภาพประสงค์ จะให้สวดจนครบ ๔ จบ ก็ได้) ในกรณีสวด ๑ จบ เม่ือได้เวลาสวดพระอภิธรรมตามท่ีวัดกำหนด จะสวดต่ออีก ๓ จบ ก็ทำได้ หรอื เจ้าภาพจะใหน้ ิมนต์สวดตามเวลาของวัดก็ย่อมไดเ้ ชน่ กนั การจัดสถานทตี่ ้ังศพ การจัดสถานที่ตั้งศพน้ัน จะต้องประกอบด้วยสถานที่และอุปกรณ์เคร่ืองใช้เก่ียวกับ พธิ ีงานศพ ดงั นี ้ ๑) สถานที่ต้ังโตะ๊ หมูบ่ ชู าพระรตั นตรัย ตง้ั ไวท้ างด้านศีรษะของศพ ๒) สถานท่ีต้ังอาสน์สงฆ์สำหรับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ตั้งไว้ทางด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชา (เว้นไวแ้ ต่สถานทบ่ี งั คบั ไม่อาจจะตั้งอาสน์สงฆ์ไว้ทางด้านซา้ ยของโต๊ะหมู่บชู าได้) ๓) สถานทีต่ งั้ ศพ ใหต้ ้งั หันดา้ นศีรษะของศพไปทางโต๊ะหมบู่ ูชาพระพทุ ธรูป คู่มอื การปฏิบตั ิศาสนพิธีเบื้องต้น

158 ๔) สถานที่ตัง้ เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ นิยมต้งั ไวเ้ บื้องหน้าหีบหรือโกศศพ หรอื หนา้ รูปถา่ ย ของศพโดยการนำโตะ๊ หม่มู าจดั ตงั้ ให้เหมาะสมและสวยงาม ๕) สถานท่ตี ้งั รูปถา่ ย นยิ มตง้ั ไว้ทางดา้ นเทา้ ของผตู้ าย ๖) สถานทีต่ ัง้ หรอื การใช้อุปกรณเ์ ครอื่ งใช้ใหศ้ กึ ษาในพิธงี านอวมงคลตามท่ไี ด้กล่าวไวแ้ ลว้ การบำเพ็ญกุศลสวดพระอภธิ รรมศพประจำคนื การจัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพประจำคืนนั้น นิยมเร่ิมจัดพิธีสวดพระอภิธรรม ต้ังแต่วันตั้งศพเป็นต้นไปทุกคืน จนครบสัตตมวารท่ี ๑ คือ ครบ ๗ วัน แต่จะจัดให้มีการสวด พระอภธิ รรม ๓ คนื หรอื ๕ คืน กไ็ ด้ ตามความสะดวกของผ้เู ป็นเจ้าภาพ การปฏิบัตพิ ิธบี ำเพ็ญกศุ ลสวดพระอภธิ รรมประจำคนื เม่อื ถงึ กำหนดเวลาตามประเพณนี ิยมหรือตามท่วี ดั กำหนด ศาสนพธิ ีกรพึงปฏิบัติ ดังน้ ี ๑) นิมนตพ์ ระสงฆ์ ๔ รูป ขนึ้ นัง่ ยังอาสนสงฆ์ ถวายน้ำรอ้ น-นำ้ เย็น ๒) เชิญเจ้าภาพหรือประธานหรือผู้แทนในพิธีสวดพระอภิธรรมประจำคืน โดยจุดธูป เทียนบูชาพระรัตนตรยั จดุ ธปู เทยี นบูชาพระธรรม และจุดเครื่องทองนอ้ ยหนา้ ศพ ตามลำดับ ๓) ศาสนพธิ กี รอาราธนาศลี ทุกคนรบั ศลี ๔) พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม (ศาสนพิธีกรต้องประสานกับพระสงฆ์ แม้ในปัจจุบัน ไม่นิยมอาราธนาธรรม แต่ยังมีบางท้องถ่ินเมื่อพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม จะต้องมีการ อาราธนาธรรมด้วย) ๕) พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมจบ ครบ ๔ จบ ศาสนพิธีกรนำตู้พระธรรมและ เครอ่ื งสกั การะ ถอยออกมาทางทา้ ยอาสน์สงฆ ์ ๖) นำเครือ่ งไทยธรรม เข้าไปต้งั ณ เบื้องหนา้ พระสงฆ์ ๗) เชญิ เจา้ ภาพ หรอื ประธาน หรือผู้แทน ถวายเคร่ืองไทยธรรม ๘) เม่ือพระสงฆ์รับเคร่ืองไทยธรรมแล้ว ให้นำเคร่ืองไทยธรรมออกมาไว้ด้านท้าย อาสนส์ งฆ์ เพอื่ จะได้ถวายพระสงฆ์ เม่อื เสรจ็ พิธ ี ๙) ศาสนพิธีกรลาดภูษาโยง (เปน็ หนา้ ท่ขี องศาสนพธิ กี ร) ๑๐) เชิญผ้าไตร หรือผ้าสบง ให้เจ้าภาพหรือประธานทอดบนภูษาโยง ในลักษณะขวาง ภูษาโยง ๑๑) พระสงฆพ์ ิจารณาผา้ บังสุกลุ ๑๒) พระสงฆ์อนุโมทนา ๑๓) เจา้ ภาพ หรือประธาน กรวดนำ้ -รบั พร ๑๔) เสร็จพธิ ีบำเพ็ญกศุ ลสวดพระอภิธรรมประจำคนื ค่มู อื การปฏบิ ตั ิศาสนพิธีเบือ้ งต้น

159 พระสงฆส์ วดพระอภิธรรม การบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แกผ่ ู้ทล่ี ่วงลับ ๗ วัน ๕๐ วนั ๑๐๐ วนั พธิ ีบำเพ็ญกศุ ลอุทิศให้แกผ่ ทู้ ล่ี ่วงลบั กจ็ ดั ตามฐานะของเจ้าภาพ ซึ่งเป็นไปตามประเพณีนิยม ทีก่ ระทำเพือ่ เป็นการแสดงความกตัญญกู ตเวทีตอ่ ผู้มีพระคณุ หรอื ผ้มู ีอุปการคณุ ตามประเพณีนยิ ม การนับวนั บำเพญ็ กุศล ครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วนั การนับวันเพอ่ื การบำเพ็ญกุศลอทุ ศิ เน่อื งในวาระ ครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วนั นัน้ ให้ถือว่า เมื่อตายวันไหน ให้ถือเอาวันนั้นเป็นวันสำคัญ คือ เป็นวันอุทิศผล เช่น ตายวันอาทิตย์ ถ้าทำงานเปน็ ๒ วัน ใหส้ วดมนตใ์ นวนั เสาร์ เลยี้ งพระหรือถวายภัตตาหารในวันอาทติ ย์ แล้วจึงอทุ ศิ ผลบุญให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับ แต่ถ้าเป็นการทำงานวันเดียว ต้องจัดให้มีการสวดมนต์และฉันภัตตาหาร ในวนั อาทติ ย์ เน่อื งจากการอทุ ศิ ผลนัน้ นิยมทำลว่ งไปแล้ว ๗ วนั จากวันทต่ี าย จึงไดถ้ อื เอาวันท่ี ๘ เป็นวนั อุทิศผล การบำเพญ็ กศุ ลอุทศิ ครบ ๗ วัน เรยี กวา่ “สัตตมวาร” การบำเพ็ญกุศลอทุ ศิ ครบ ๕๐ วนั เรียกวา่ “ปัญญาสมวาร” การบำเพ็ญกุศลอทุ ศิ ครบ ๑๐๐ วัน เรียกวา่ “สตมวาร” พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศนั้น ต้องแล้วแต่ฐานะของเจ้าภาพ จะทำมากหรือน้อยก็สุดแต่กำลัง ในท่ีนี้จะกล่าวถึงลำดับขั้นตอนของงานท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บำเพ็ญพระราชทาน กุศล ๗ วัน พระราชทานศพ ซึ่งอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพ่ือเป็นแนวทางในการจัดพิธีการ บำเพญ็ กศุ ล ๗ วัน ๕๐ วนั หรือ ๑๐๐ วนั พอสังเขป ดงั น้ี คมู่ ือการปฏบิ ตั ศิ าสนพธิ เี บอ้ื งตน้

160 ลำดับขนั้ ตอนการบำเพญ็ กุศลอทุ ิศใหแ้ กผ่ ทู้ ่ลี ว่ งลบั ครบ ๗ วนั ๕๐ วัน ๑๐๐ วนั การเตรียมการ ๑) จดั เตรยี มสถานที่ (การจัดงานอวมงคล) ๒) การเตรยี มโต๊ะหมู่บูชา พระพทุ ธรปู และเครื่องนมสั การ ๓) ในกรณฌี าปนกิจศพแล้ว ใหจ้ ัดเตรียมโต๊ะหมบู่ ชู า เพ่ือประดษิ ฐานอัฐพิ ร้อมเครื่องบชู า และเครื่องทองน้อย จำนวน ๑ ชุด ถ้าหากยังไม่ได้ทำการฌาปนกิจศพก็ไม่ต้องจัดเตรียม ให้จัดเคร่อื งบูชาท่หี น้าหีบหรอื โกศศพ แล้วแต่กรณี ๔) ธรรมาสนเ์ ทศน์ ในกรณีที่มกี ารแสดงพระธรรมเทศนา (ถ้ามีเทศน์) ๕) เครือ่ งกณั ฑเ์ ทศนส์ ำหรบั ถวายพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา (ถ้ามีเทศน)์ ๖) เทียนส่องธรรม และเครื่องทองน้อย ๒ ชุด สำหรับเจ้าภาพจุดบูชาธรรม ๑ ท ี่ และสำหรับผวู้ ายชนม์บชู าธรรม ๑ ที่ (ถ้ามเี ทศน์) ๗) เตรยี มนมิ นต์พระสงฆ์ จำนวนพระสงฆ์แล้วแตค่ วามเหมาะสม ๘) เครื่องรบั รองพระสงฆ์ ชดุ นำ้ รอ้ น-น้ำเย็น ถวายพระสงฆ์ ๙) อปุ กรณ์เครือ่ งใช้พิธสี งฆ์ในงานอวมงคล (ตามทกี่ ล่าวไว้ในบทท่ี ๒) ๑๐) เคร่อื งจตุปจั จยั ไทยธรรมสำหรบั ถวายพระสงฆ ์ ๑๑) ผา้ ไตร หรอื สบง สำหรบั ทอดถวายพระสงฆ์พจิ ารณาผา้ บงั สุกลุ ๑๒) ภษู าโยง ๑๓) ภตั ตาหาร (ในกรณมี กี ารเลีย้ งภตั ตาหารแด่พระสงฆ)์ ๑๔) ภาชนะท่ีกรวดนำ้ การปฏิบตั ิงานพิธี ๑) เมื่อถงึ เวลาเจา้ ภาพและผูร้ ว่ มงานพร้อมแล้ว นมิ นตพ์ ระสงฆข์ นึ้ นัง่ อาสน์สงฆ ์ ๒) เจา้ ภาพหรือประธานพิธจี ดุ ธปู เทียน บชู าพระรตั นตรัย กราบ ๓ ครง้ั ๓) เจ้าภาพหรอื ประธานพิธีจดุ เครื่องทองนอ้ ยสกั การะศพ (ถา้ มี) ๔) เจ้าหนา้ ทอ่ี าราธนาพระปรติ ร (ในกรณีมีเทศน์ ถา้ ไม่มีเทศนเ์ จ้าหน้าทอี่ าราธนาศลี ก่อน แลว้ จึงอาราธนาพระปรติ ร) ๕) พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต์ จบบท ภทฺเทกรตฺตคาถา (อตีตํ นานวฺ าคเมยฺย................ สนฺโตอาจกิ ฺขเต มุนตี ิ.) ให้พกั ไวก้ ่อน ในกรณีมีเทศน์ ถา้ ไม่มีเทศนพ์ ระสงฆ์จะสวดบทถวายพรพระ ตอ่ ไปจนจบบท ภวตุ สพพฺ มงฺคลํ...) ๖) เจา้ หนา้ ที่นมิ นตพ์ ระสงฆข์ ้นึ ส่ธู รรมาสนเ์ ทศน์ (กรณีมีเทศน์) ๗) ประธานจดุ เทยี นสอ่ งธรรม จดุ เคร่อื งทองนอ้ ยบชู าธรรม (สำหรบั ประธาน) ๘) ประธานหรอื มอบทายาทผู้วายชนมจ์ ดุ เครือ่ งทองนอ้ ยบูชาธรรม (แทนผู้วายชนม์) คู่มอื การปฏิบตั ิศาสนพธิ เี บอ้ื งตน้

161 ๙) เจา้ หนา้ ท่อี าราธนาศีล พระสงฆ์ใหศ้ ลี จบ ๑๐) เจ้าหนา้ ท่ีอาราธนาธรรม ๑๑) พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบ ลงมานง่ั ยังอาสนส์ งฆ์ ณ ท่เี ดมิ ๑๒) พระสงฆ์สวดถวายพรพระ จนจบบท ภวตุ สพพฺ มงฺคล.ํ .. ๑๓) เจ้าหน้าท่ีจัดเตรียมภัตตาหาร เม่ือพระสงฆ์สวดถวายพรพระถึงบท “พาหํุ...” หรือ บท “มหาการณุ ิโก นาโถ...” เพ่ือเตรียมใหเ้ จ้าภาพประเคนพระสงฆ์ ๑๔) เม่ือพระสงฆส์ วดถวายพรพระ จบ เชญิ ประธานหรอื เจา้ ภาพประเคนภตั ตาหาร ๑๕) พระสงฆ์ฉันภตั ตาหารเรียบรอ้ ยแลว้ ๑๖) เจ้าหน้าที่จดั เตรียมเครอ่ื งไทยธรรมวางไว้เบ้ืองหน้าพระสงฆ ์ ๑๗) เจ้าหน้าที่เชิญเครื่องกัณฑ์เทศน์เข้าไปเชิญเจ้าภาพประธานถวายพระสงฆ์ท่ีแสดง พระธรรมเทศนา ๑๘) จากน้ัน เชญิ เจ้าภาพหรอื ประธาน และผรู้ ว่ มงานถวายจตุปจั จัยไทยธรรมแด่พระสงฆ ์ ๑๙) เจ้าหนา้ ทล่ี าดภษู าโยง ๒๐) ประธานหรือเจ้าภาพทอดผา้ ไตร เพื่อพระสงฆ์พจิ ารณาผา้ บังสกุ ลุ ๒๑) พระสงฆ์พจิ ารณาผ้าบงั สกุ ลุ แล้ว ๒๒) พระสงฆ์อนุโมทนา (ขณะพระสงฆ์อนุโมทนาเจ้าหนา้ ท่เี กบ็ ภษู าโยง) ๒๓) ประธานกรวดน้ำ-รับพร ๒๔) เสรจ็ พธิ ีบำเพญ็ กุศล ภาคกลางวนั อน่ึง การบำเพ็ญกุศลอุทิศให้ศพในวาระครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน กลางคืน นิยมมีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม อีก ๔ จบ สำหรับการเตรียมการและการปฏิบัติงานพิธีก็มี ลักษณะเชน่ เดยี วกับการสวดพระอภธิ รรมประจำคนื การบรรจุศพ ๑) การบรรจุศพ ณ ศาลาที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพสวดพระอภิธรรมนั้น นิยมเริ่มประกอบ พิธีบรรจุศพต่อจากที่ได้บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย หรือเริ่มประกอบพิธีบรรจุศพ ตอ่ จากทไี่ ด้บำเพ็ญกศุ ลอทุ ิศ ทำบุญครบ ๗ วนั เมอ่ื ประกอบพิธีบำเพ็ญกศุ ลเสร็จแลว้ ๒) การบรรจุศพ ณ สุสานของวัดท่ีต้ังศพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม นิยมเร่ิม ประกอบพิธีบรรจุศพต่อจากได้บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย หรือนิยมเร่ิมประกอบพิธี บรรจุศพต่อจากได้บำเพ็ญกุศลอุทิศศพ ครบ ๗ วัน เมื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเสร็จแล้ว ใหท้ ำพธิ ีบรรจุตอ่ ไปทันที โดยนมิ นต์พระสงฆน์ ำศพไปยงั สุสานบรรจุศพ ๑ รปู คู่มอื การปฏบิ ตั ิศาสนพิธีเบ้อื งต้น

162 การเตรยี มการ อปุ กรณเ์ คร่อื งใชใ้ นพธิ ีบรรจุศพ ๑) ผา้ ไตร หรือผ้าสบง อย่างนอ้ ย ๑ ผนื ๒) ก้อนดินเล็ก ๆ ห่อด้วยผ้าสีดำ หรือห่อด้วยกระดาษสีดำ มีจำนวนมากเพียงพอกับ ผรู้ ่วมพธิ ี (คนละ ๑ กอ้ น) ๓) ดอกไม้สด ส่วนมากนิยมดอกกหุ ลาบ จำนวนเพยี งพอกบั ผู้รว่ มพธิ ี (คนละ ๑ ดอก) ๔) ธูป นิยมใชธ้ ูปหอม มีจำนวนมากเพยี งพอกับผู้ร่วมพธิ ี (คนละ ๑ ดอก) ๕) กระถางธปู ขนาดใหญ่ จำนวน ๑ ใบ แนวทางการปฏิบตั พิ ิธบี รรจุศพ ๑) อัญเชิญศพเข้าสู่ที่บรรจุศพ (บางสถานท่ีนิยมตั้งศพบำเพ็ญกุศลก่อนแล้วจึงอัญเชิญศพ เข้าสูท่ บ่ี รรจุศพ) ๒) เจ้าภาพมอบก้อนดิน ๑ ก้อน ดอกไม้สด ๑ ดอก และธูปท่ีจุดแล้ว ๑ ดอก ใหแ้ ก่ผู้รว่ มพธิ บี รรจศุ พจนครบทกุ คน ๓) เจ้าภาพเชญิ ผูม้ เี กียรติท่ีมารว่ มพิธแี ละเป็นผู้ท่ีเคารพนบั ถอื เปน็ ประธานบรรจศุ พ ๔) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพทอดผ้าบงั สกุ ุลไว้บนหลงั หีบศพ ๕) พระสงฆพ์ จิ ารณาผ้าบงั สุกุล ๖) ประธานเริ่มพธิ บี รรจุศพดว้ ยการวางกอ้ นดิน และดอกไม้สด ณ สถานทีบ่ รรจุศพนนั้ แล้วถือธูปประนมมือยกข้ึนไหว้ตามฐานะของผู้ตาย ถ้าผู้ตายอายุมากกว่าให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก แต่ถ้าผู้ตายอายุน้อยกว่าให้หัวแม่มือจรดปลายคาง อธิษฐานในใจว่า “ขอจงอยู่ เป็นสุข ๆ เถิด” แล้วปักธปู ไว้ ณ กระถางธปู ทจี่ ดั เตรียมไว้ ๗) เจ้าภาพนิยมนำเงินเหรียญ ๑ บาท หรือเหรียญ ๕ บาท จำนวน ๑ เหรียญ เป็นอย่างน้อย วางลง ณ สถานท่ีบรรจุศพน้ันพร้อมนึกในใจว่า “ข้าแต่ท่านผู้เป็นเจ้าของท่ ี ขา้ พเจา้ ขอมอบเงนิ น้ีเปน็ คา่ ที่อยู่ให้แก่ศพนี”้ เป็นเสรจ็ พธิ ีบรรจุศพ ๘) ในการประกอบพิธีบรรจุศพน้ี บางท้องถ่ินนิยมมีการโปรยทานด้วย เพ่ือเป็นการ บำเพ็ญทาน ซ่งึ ถือเปน็ การกุศลอกี สว่ นหนึ่ง อนั เป็นการส่งเสริมเพ่มิ เตมิ บญุ บารมีของผูท้ ่ลี ่วงลับไป แลว้ ใหม้ ีมากย่งิ ขึ้นในคติวสิ ยั สมั ปรายภพน้นั การจัดพิธฌี าปนกจิ ศพ การจดั งานฌาปนกจิ มีการจัดเปน็ ๒ กรณี คอื ๑) การจดั พธิ ีฌาปนกิจศพหลังจากมกี ารสวดพระอภิธรรมครบวันตามทีเ่ จา้ ภาพกำหนดแล้ว ๒) การจัดพิธีฌาปนกิจศพ โดยการนำศพทบี่ รรจไุ ว้และรอโอกาสทีจ่ ะฌาปนกิจ คมู่ ือการปฏบิ ตั ศิ าสนพธิ เี บ้ืองต้น

163 เม่ือมีความพร้อมหรือได้มีการปรึกษาหารือกันระหว่างญาติเพ่ือจะทำพิธีฌาปนกิจ เม่ือถึงวันท่ีกำหนดจะทำพิธีฌาปนกิจ ให้เจ้าภาพจัดเตรียมเครื่องใช้ต่าง ๆ ตามท่ีกล่าวไว้ในเรื่อง การเตรียมการในพธิ ีงานอวมงคล และดำเนนิ การ ดังน้ ี การเตรียมการ (จดั พธิ ีฌาปนกจิ ศพหลังจากมกี ารสวดพระอภธิ รรมครบวัน) ๑) จัดเตรียมนิมนต์พระสงฆ์ ๑๐ รูป หรอื อยา่ งน้อยไมต่ ำ่ กวา่ ๕ รปู สวดพระพทุ ธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา (พระสวดรับเทศน์ จะมีหรือไม่มีก็ได้) มีการสดับปกรณ์หรือบังสุกุลและ ก่อนท่ีจะเคล่ือนศพจากศาลาหรือสถานท่ีต้ังศพไปยังฌาปนสถานหรือเมรุ มักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน ๑๐ รูป สวดมาติกา-บังสุกุล อีกครั้งหนึ่ง (แต่ในปัจจุบันมักนิยมนิมนต์พระสงฆ์มาติกา- บังสุกุล หลังจากบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์ และพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนำศพขึน้ ต้งั บนเมรุทนั ที เพอื่ ความสะดวกในการท่เี จา้ ภาพจะไดก้ ลับไปเตรยี มตวั และคอยตอ้ นรับ ผู้มเี กยี รติทีม่ าร่วมงานในพิธฌี าปนกิจศพ) ๒) จตุปจั จัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ๓) ผา้ ไตรหรือผา้ สบงทอดถวายพระสงฆ์ ๔) เครื่องกณั ฑ์เทศน์ถวายพระสงฆท์ ี่แสดงพระธรรมเทศนา ๕) ผ้าไตรทจ่ี ะใชบ้ นเมรุกอ่ นทีป่ ระธานพิธีจะจุดไฟฌาปนกิจศพ ๖) รายช่ือผทู้ ี่จะทอดผา้ บงั สกุ ุลบนเมรุ และผทู้ ี่จะเปน็ ประธานในพธิ ี การเตรียมการ (จดั พธิ ีฌาปนกิจ โดยนำศพทบี่ รรจไุ ว้ทำการฌาปนกิจ) ๑) จดั เตรยี มเรอ่ื งสถานทหี่ รือศาลาตั้งศพเพ่ือบำเพ็ญกศุ ลกับทางวดั ๒) นิมนต์พระสงฆ์ ๓) พมิ พ์บตั รเชญิ ผทู้ ่เี คารพนบั ถือมาร่วมงานพธิ ี ๔) อัญเชิญศพจากสสุ านมาตง้ั ยงั พธิ บี ำเพ็ญกุศลฌาปนกิจ ๑ คนื ๕) จตปุ ัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ ์ ๖) ผา้ ไตรบงั สุกลุ ที่จะถวายพระสงฆ์ ๗) เครื่องกัณฑเ์ ทศนเ์ พื่อถวายพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา ๘) ผ้าไตรท่ีจะใชบ้ นเมรกุ ่อนที่ประธานพธิ จี ะจุดไฟฌาปนกจิ ศพ ๙) รายช่อื ผู้ทีจ่ ะทอดผา้ บังสกุ ลุ บนเมรุ และผ้ทู ่จี ะเปน็ ประธานในพิธ ี แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน ๑) เจา้ หนา้ ทนี่ มิ นตพ์ ระสงฆ์ข้นึ น่งั ยงั อาสนส์ งฆ์ ๒) ประธานพิธหี รอื เจ้าภาพจุดธปู เทยี น บชู าพระพทุ ธรปู ณ โตะ๊ หมู่บชู า (กราบ ๓ คร้งั ) ๓) ประธานพิธีจดุ ธปู เทียนท่เี คร่ืองทองนอ้ ยหน้าหบี ศพ ๔) (กรณไี ม่มีการเทศน์) เจ้าหนา้ ทอ่ี าราธนาศีล คู่มอื การปฏิบัตศิ าสนพิธีเบอื้ งตน้

164 ๕) ประธานสงฆ์ให้ศีล ทกุ คนรับศีล ๖) เจ้าหน้าทีอ่ าราธนาพระปริตร ๗) พระสงฆ์สวดพระพทุ ธมนต์ จบ ๘) ถวายภัตตาหารเพลแดพ่ ระสงฆ ์ (กำหนดการเพิ่มเติมในกรณีที่มีการแสดงพระธรรมเทศนา) ๙) กรณีมีเทศน์ เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ ปฏิบัติ เช่นเดยี วกบั การสวดพระพุทธมนต์บำเพ็ญกศุ ลศพ ครบ ๗ วัน ๑๐) นิมนต์พระสงฆ์รปู ทแ่ี สดงพระธรรมเทศนาขนึ้ ธรรมาสนเ์ ทศน์ ๑๑) ประธานหรือเจ้าภาพ จุดเทียนส่องธรรม เจ้าหน้าที่เชิญเทียนส่องธรรมไปต้ังที่ ธรรมาสนเ์ ทศน ์ ๑๒) ประธานหรือเจ้าภาพ จดุ ธูปเทยี นทเ่ี คร่อื งทองนอ้ ยบชู าธรรม ๑๓) ประธานหรือเจ้าภาพ ไปจุดเครื่องทองน้อยบูชาธรรมแทนผู้วายชนม์ที่หน้าหีบศพ (กรณีมี ๒ ชุด คอื ชดุ นอกสำหรบั ทายาทจุดเพอ่ื เคารพศพ และชุดในสำหรบั ศพบูชาธรรม) ๑๔) เจ้าหน้าท่ีอาราธนาศลี พระสงฆ์ให้ศลี ๑๕) เจ้าหนา้ ทอ่ี าราธนาธรรม พระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา ๑๖) เมือ่ พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบ ๑๗) พระสงฆล์ งจากธรรมาสน์ ข้นึ นงั่ ยังอาสนส์ งฆ์แลว้ สวดพระพุทธมนตถ์ วายพรพระ ๑๘) ถวายภัตตาหารเพล เม่ือพระสงฆฉ์ ันภตั ตาหารเสร็จเรียบร้อยแลว้ ๑๙) จัดเตรียมตงั้ เครื่องไทยธรรม ณ เบื้องหนา้ พระสงฆ ์ ๒๐) ประธานหรอื เจา้ ภาพประเคนเคร่ืองไทยธรรมแด่พระสงฆ์ เสร็จแล้ว เก็บเครือ่ งไทยธรรม ไวท้ า้ ยอาสน์สงฆ์ ๒๑) เจ้าหนา้ ที่ลาดภษู าโยง ๒๒) ประธานหรือเจ้าภาพทอดผ้าบังสกุ ุล ๒๓) พระสงฆ์พิจารณาผ้าบงั สุกุล ๒๔) พระสงฆอ์ นโุ มทนา ๒๕) ประธานหรือเจา้ ภาพ กรวดนำ้ -รับพร สำหรับการฌาปนกิจศพท่ัวไป บางท้องถ่ินนิยมมีการแสดงพระธรรมเทศนา และสวด มาติกา บังสุกุลในภาคบ่าย ก่อนท่ีจะเคลื่อนศพไปตั้งท่ีฌาปนกิจหรือเมรุ เม่ือเสร็จพิธีสวดมาติกา บงั สุกลุ จะมีการนำศพเวยี นเมรุ และข้ึนต้ังบนจิตกาธาน คู่มอื การปฏบิ ัติศาสนพิธเี บ้อื งตน้

165 การจดั ขบวนในการเวยี นเมร ุ ๑) พระนำศพ ๑ รปู ๒) หบี ศพ ๓) เครอ่ื งทองนอ้ ย ๔) เครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ ๕) ญาตมิ ติ รผ้รู ว่ มขบวน สำหรับการปฏิบัติในพิธีประชุมเพลิงศพน้ัน เพ่ือให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนท่ี ประธานจะมาถึงในพิธี เจ้าหน้าที่พิธีพึงประสานกับเจ้าภาพเรียนเชิญผู้ที่มาเป็นเกียรติ ท่ีเคารพ นับถือข้ึนทอดผ้าบังสุกุลให้แล้วเสร็จเสียก่อน เม่ือประธานมาถึงเรียนเชิญไปนั่งยังท่ีจัดเตรียมไว้ให้ ประธาน จากน้ันเจ้าหน้าท่ีพิธีพึงอ่านประวัติของผู้วายชนม์ เพ่ือเป็นการประกาศเกียรติคุณความดี จบแล้ว เชญิ ผู้รว่ มพิธฌี าปนกิจศพยนื ไว้อาลัยใหแ้ ก่ผวู้ ายชนม์ เป็นเวลาประมาณ ๑ นาที หลงั จากนน้ั เจา้ หนา้ ท่ีพธิ ีกรพึงปฏิบัติ ดังน้ ี ๑) เรียนเชญิ ประธานข้นึ ทอดผ้าบังสกุ ลุ ทห่ี บี ศพ ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆข์ ึ้นพิจารณาผา้ บงั สกุ ุล ๓) ประธานจดุ ไฟ เพื่อประชุมเพลิงศพ ในการประชุมเพลิง ควรนิมนต์พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม จำนวน ๔ รูป เรียกว่า สวดหน้าไฟ การเกบ็ อฐั ิ ในพิธีการเก็บอัฐินิยมทำตอนเช้าของวันรุ่งข้ึน จากวันฌาปนกิจศพเรียบร้อยแล้ว ส่งิ ทีจ่ ะต้องเตรยี มในพิธเี ก็บอัฐิ การเตรียมการ ๑) โกศสำหรบั ใส่อัฐ ิ ๒) ลุ้ง สำหรบั ใสอ่ ฐั ิ หรืออังคารท่เี หลอื เพื่อนำไปลอยอังคาร ๓) ผา้ ขาว ควรจัดเตรยี มไว้ ๒ ผืน สำหรบั ห่อลงุ้ ทใี่ ส่องั คาร ๔) ผา้ ไตร หรอื ผา้ สบง สำหรับทอดบงั สุกุลกอ่ นเก็บอัฐิ ๕) อาหารคาว-หวาน นิยมจดั ๓ ชุด ทีเ่ รียก พิธสี ามหาบ เพ่ือถวายพระสงฆ์ท่พี จิ ารณา ผ้าบงั สกุ ุล ๖) นิมนตพ์ ระสงฆ์ จำนวน ๓ รปู ๗) เครื่องทองน้อย สำหรับเชิญเจ้าภาพจุดสักการบูชาอัฐิก่อนเก็บอัฐิใส่โกศ และนำอัฐิ ไปยังสถานที่ถวายภตั ตาหาร จำนวน ๓ รปู คู่มอื การปฏบิ ตั ศิ าสนพธิ ีเบ้ืองตน้

166 ๘) ดอกไม้ (นิยมใชก้ ลบี ดอกกหุ ลาบ) สำหรับโปรยเพอื่ เป็นการสกั การะอัฐ ิ ๙) น้ำอบ นำ้ หอม เพอ่ื พรมอฐั ิ ๑๐) เหรียญบาท เพื่อโปรยทาน ซงึ่ ถือเปน็ การบรจิ าคทานแทนผู้วายชนม์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าท่ีพิธีพึงจัดเตรียมสถานท่ี เพ่ือเชิญอัฐิไปตั้งและเรียนเชิญเจ้าภาพ ถวายภัตตาหาร ๓ หาบแด่พระสงฆ์ หลังจากน้ันพระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ำ-รับพร เปน็ เสร็จพธิ ี แนวทางการปฏิบัตงิ าน ๑) ก่อนถึงกำหนดเวลาพิธีเก็บอัฐิ (นิยมจัดพิธีช่วงเช้า) เจ้าหน้าท่ีฌาปนสถานจะทำพิธี แปรธาตุ คือ การนำอัฐิของผู้วายชนม์ออกมาจากเตาเผาแล้ว จัดเป็นโครงร่างของคน โดยหัน ศีรษะไปทางทิศตะวนั ตก ๒) ก่อนทำพธิ นี ิยมให้เจ้าภาพจดุ เคร่ืองทองน้อย เพือ่ สกั การะอัฐิของผู้วายชนม์ ๓) เจ้าหนา้ ทพ่ี ิธนี ำผา้ ขาวคลมุ อฐั ิไว้ ๔) เชิญเจ้าภาพทอดผ้าบังสุกุล ครั้งละ ๑ ไตร และนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นพิจารณา ผ้าบังสกุ ุล คร้งั ละ ๑ รปู จบครบ ๓ รูป ๕) พระสงฆ์พจิ ารณาผา้ บังสกุ ุลแลว้ ลงไปนั่งยังอาสน์สงฆท์ เ่ี จ้าหน้าท่พี ธิ ีไดจ้ ัดเตรยี มไว ้ ๖) เม่ือพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลแล้ว เจ้าหน้าที่พิธีเชิญเจ้าภาพพรมน้ำอบ และ โปรยดอกไม้ทีอ่ ัฐแิ ละอังคาร ๗) เชิญเจ้าภาพเก็บอัฐิใส่โกศตามที่พอแก่ความต้องการ โดยเลือกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้ กระดูกกะโหลกศีรษะ ๑ ชิ้น กระดูกซ่ีโครงหน้าอก ๑ ชิ้น กระดูกแขน ทงั้ สองขา้ ง ๆ ละ ๑ ชน้ิ และกระดกู ขาท้ังสองขา้ ง ๆ ละ ๑ ช้ิน ๘) อัฐิท่ีเหลือรวมท้ังอังคาร (ขี้เถ้า) รวมเก็บห่อผ้าขาวใส่ลุ้ง หีบ หรือกล่อง แล้วนำห่อ ผ้าขาวให้เรยี บร้อย ๙) จากน้ันให้ญาติผู้วายชนม์ เชิญเครื่องทองน้อย ๑ คน เชิญอัฐิ ๑ คน เชิญลุ้งหรือ กล่ององั คาร ลงไปพกั ยงั ศาลาบำเพญ็ กศุ ลพธิ ีเก็บอัฐทิ ี่จัดเตรียมไว้ ๑๐) เชิญอัฐิไปประดิษฐานท่ีโต๊ะหมู่ตัวสูง และเครื่องทองน้อยประดิษฐานบนโต๊ะหมู่ตัวท่ี ตงั้ อยู่ทหี่ น้าอัฐิท่ีไดจ้ ัดเตรยี มไว ้ ๑๑) เชิญเจ้าภาพถวายภัตตาหารสามหาบแด่พระสงฆ์ (เป็นชุดสำรับคาว-หวาน หรือ ปิน่ โตใส่ภัตตาหารคาว-หวาน จำนวน ๓ ชุด) คูม่ ือการปฏบิ ัตศิ าสนพิธเี บือ้ งตน้

167 การแปรอฐั ิ ถวายภตั ตาหารสามหาบ คูม่ อื การปฏบิ ตั ศิ าสนพธิ เี บ้อื งตน้

168 การจัดพิธบี ำเพ็ญกุศลเนื่องในโอกาสครบรอบวันตายของผู้วายชนม ์ ในปัจจุบันมกี ารบำเพญ็ กศุ ลซงึ่ ปรารภถงึ วันครบรอบวนั ตายของบรรพบุรุษทีไ่ ดว้ ายชนม ์ ไปแล้ว มาเป็นที่ต้ังแห่งการบำเพ็ญกุศลเพ่ืออุทิศให้แก่ผู้ท่ีวายชนม์ อันเป็นการแสดงออกถึง ความกตัญญูกตเวทีที่ผู้ปรารภเหตุแห่งการบำเพ็ญกุศลท่ีมีต่อบุพการีชนท้ังหลาย งานน้ีจัดเป็น งานอวมงคล เช่นเดียวกับการบำเพ็ญศพ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน ในส่วนพิธีสงฆ ์ ก็มีการบำเพ็ญกุศลเช่นเดียวกับงานอวมงคลดังกล่าวแล้ว เช่น นิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ และจะมีการแสดงพระธรรมเทศนา อันเป็นการเทศนาเพ่ือปรารภคุณูปการของผู้วายชนม์ท่ีมีต่อ บุคคลหรือประเทศชาตแิ ล้วแต่กรณีดว้ ยก็ได ้ การเตรียมการ ๑) จดั เตรยี มอุปกรณ์เคร่อื งใช้ในงานอมงคล ๒) โตะ๊ หมู่บูชา พระพทุ ธรปู พรอ้ มเครอ่ื งนมสั การ จำนวน ๑ ชุด ๓) โต๊ะหมู่บูชา สำหรับประดิษฐานอัฐิ หรือสิ่งอันเป็นเครื่องหมายแทนผู้วายชนม ์ พรอ้ มเคร่อื งบูชา และเคร่ืองทองนอ้ ย จำนวน ๑ ชดุ ๔) เครือ่ งรบั รองพระสงฆ์ ตามจำนวนพระสงฆ์ทไ่ี ดน้ มิ นต ์ ๕) นิมนตพ์ ระสงฆ์เพ่อื เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ๖) จตปุ จั จัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ๗) ไตรจวี รสำหรบั ถวายพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาและเจริญพระพุทธมนต์ ๘) ภูษาโยง (กรณีผู้วายชนม์เป็นชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป จะต้องมีผ้ารองโยง ซ่ึงเป็นผ้าขาว รองภษู าโยงด้วย) ๙) ธรรมาสน์เทศน์ เทียนส่องธรรม เคร่ืองทองน้อยอีก จำนวน ๒ ชุด (กรณีที่มีการ แสดงพระธรรมเทศนา) ๑๐) ภตั ตาหารสำหรบั ถวายพระสงฆ ์ แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน ๑) เม่ือประธานพธิ ีหรอื เจ้าภาพ และผ้รู ว่ มพิธพี ร้อมกัน ณ สถานที่ประกอบพิธ ี ๒) ประธานหรือเจา้ ภาพ จดุ ธปู เทียนบูชาพระรัตนตรัย (กราบ ๓ คร้งั ) ๓) ประธานหรือเจ้าภาพ จุดเครื่องทองน้อย (กรณีเป็นอัฐิของพระสงฆ์ กราบ ๓ ครั้ง เป็นอฐั ขิ องฆราวาส กราบ ๑ ครงั้ ไมแ่ บมือ) ๔) ถวายพัดรองหรือตาลปัตรทร่ี ะลกึ คู่มือการปฏบิ ัติศาสนพธิ เี บอื้ งตน้

169 ๕) เจ้าหน้าท่ีอาราธนาศีล (กรณีมีการแสดงพระธรรมเทศนาให้อาราธนาศีลเม่ือ พระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนา และไม่ว่ากำหนดการจะให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาก่อน หรือหลงั เจรญิ พระพุทธมนต์ กใ็ ห้มกี ารอาราธนาศลี ไว้ในช่วงแสดงพระธรรมเทศนา เม่อื รับศีลแลว้ เจ้าหน้าทจี่ งึ จะอาราธนาธรรม) ๖) เจา้ หน้าท่อี าราธนาพระปริตร ๗) พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ๘) ประธานหรอื เจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เมอ่ื พระสงฆ์ฉันภตั ตาหารแล้ว ๙) เจา้ หน้าท่ีนำเครื่องไทยธรรมตง้ั ไว้ ณ เบื้องหนา้ พระสงฆท์ กุ รูป ๑๐) เจา้ หน้าทีล่ าดภูษาโยง ๑๑) ประธานหรือเจา้ ภาพทอดผา้ ไตรบังสุกลุ ๑๒) พระสงฆพ์ จิ ารณาผ้าบังสกุ ุล ๑๓) พระสงฆ์อนุโมทนา ๑๔) ประธานหรอื เจา้ ภาพกรวดนำ้ -รับพร ๑๕) เสร็จพธิ ี การประดับพวงมาลาหน้าศพ ทนี่ ่งั สำหรบั ประธาน คมู่ อื การปฏิบตั ิศาสนพิธีเบื้องตน้

170 พระสงฆ์ใหศ้ ลี พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต ์ ถวายภตั ตาหารเพล ประธานทอดผา้ บงั สกุ ลุ ประธานกรวดนำ้ -รบั พร คมู่ อื การปฏิบัติศาสนพธิ ีเบอ้ื งตน้

171 บทท่ี การจัดทานพธิ ี การถวายทาน เป็นการทำบุญหรือทำความดีประการหน่ึง ตามหลักการทำบุญของ พระพุทธศาสนา ๓ ประการ คือ ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน ศีลมัย บุญสำเร็จ ด้วยการรักษาศีล ภาวนามัย บญุ สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา การถวายทาน มี ๒ ประเภท คอื การใหห้ รอื การถวายเครือ่ งอุปโภคบรโิ ภคใหแ้ ก่บคุ คลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง เรียกว่า ปาฏิบุคลิกทาน ประการหนึ่ง และการให้หรือการถวาย โดยให้หรือถวาย โดยผู้ให้หรือผู้ถวาย มีความต้ังใจถวายหรือให้เป็นสาธารณะไม่เจาะจงผู้ใด ไม่ว่าผู้รับจะเป็นพระภิกษุหรือสามเณร ซ่ึงเป็นการถวายอุทิศให้แก่สงฆ์จริง ๆ เรียกว่า สังฆทาน อีกประการหนงึ่ หลกั การเกี่ยวกบั การถวายทานแดพ่ ระสงฆ์ ๑) หลกั สำคญั ของการถวายทานแด่พระภิกษสุ ามเณร ตอ้ งต้งั ใจถวายจรงิ ๆ ๒) จัดเตรียมทานวัตถุท่ีจะถวายให้เสร็จเรียบร้อย ตามศรัทธาและทันถวาย ถ้าเป็น ภัตตาหาร จีวร และคิลานเภสัช ซึ่งเป็นวัตถุยกประเคนได้ ต้องประเคน เว้นแต่ถ้าไม่อยู่ในกาล ท่ีจะประเคน ก็เพียงแต่นำไปต้ังไว้ ณ เบื้องหน้าพระสงฆ์ ดังนั้น ถ้าเป็นการถวายทานท่ีถูกต้อง ต้องจัดถวายทานให้ถูกต้องตามกาลนั้น ๆ ถ้าเป็นเครื่องเสนาสนะ ซ่ึงเป็นส่ิงก่อสร้างกับท่ี และเป็นของใหญใ่ ชต้ ิดท่ี ก็ต้องเตรยี มการตามที่สมควรและถกู ตอ้ งตามประเพณปี ฏบิ ตั ิ ๓) แจ้งความประสงคท์ ี่จะถวายทานใหพ้ ระภิกษสุ งฆ์ทราบ และนดั หมายวัน เวลา และ สถานที่ พรอ้ มทัง้ แจง้ ความประสงค์ในการทจ่ี ะนิมนตพ์ ระสงฆ์รับการถวายทานจำนวนเทา่ ใด ๔) ถ้ามีความประสงค์จะถวายทานร่วมกับพิธีการอ่ืน ๆ ก็ต้องเป็นเร่ืองของงานพิธ ี แตล่ ะอยา่ งไป เมอ่ื ถงึ เวลาจะถวายทานกด็ ำเนินการในส่วนของพธิ ีถวายทาน ๕) ส่ิงทสี่ มควรถวายเปน็ ทานตามพระวนิ ยั (๑) เครอ่ื งนุ่งห่ม ได้แก่ ไตรจวี ร สบง อังสะ หรอื ผ้าเช็ดตวั (๒) บิณฑบาต ไดแ้ ก่ ภัตตาหาร น้ำดื่ม น้ำปานะ (๓) เสนาสนะ ได้แก่ กุฏิ ศาลาบำเพ็ญกศุ ล (๔) คิลานเภสัช หรอื ยารักษาโรค คมู่ อื การปฏิบัตศิ าสนพิธเี บอื้ งตน้

172 ๖) ส่ิงของทค่ี วรถวายเป็นทานตามท่ีปรากฏในพระสูตร (๑) อนั นัง ให้อาหาร (๒) ปานงั ให้น้ำร้อน-น้ำเย็น นำ้ อัฏฐบาน (๓) วตั ถงั ให้ผ้านุง่ ห่ม (๔) ยานงั ใหย้ านพาหนะ (๕) มาลงั ให้ดอกไมท้ ีม่ ีกลิ่นหอม (๖) คันธงั ใหข้ องหอมตา่ ง ๆ (๗) วิเลปะนัง ให้เครอื่ งทาตา่ ง ๆ (๘) เสยยงั ให้ท่นี อนหมอนมุ้ง (๙) วะสะถัง ให้ท่อี ย่อู าศยั (๑๐) ทเี ปยยัง ใหป้ ระทีป หรอื ให้แสงสวา่ ง การถวายสังฆทาน การถวายสังฆทาน คือ การถวายทานที่อุทิศแก่สงฆ์ ซ่ึงต้องเป็นการตั้งใจถวาย แก่สงฆจ์ รงิ ๆ ไมเ่ หน็ แกห่ นา้ พระภกิ ษุรูปใดรูปหนึง่ ไม่วา่ จะเป็นภกิ ษุหรอื สามเณร เป็นพระสงฆ์เถระ หรอื พระสงฆ์อนั ดบั ถ้าเจาะจงจะถวายพระภกิ ษรุ ปู ใดแลว้ กจ็ ะเปน็ เหตุให้มีจติ ใจไขวเ้ ขวเกิดความ ยินดียินร้ายไปตามบุคคลที่รับสังฆทานนั้น จะเป็นภิกษุหรือสามเณร จะเป็นรูปเดียวหรือหลายรูป ก็ถือว่าเป็นการถวายสังฆทานทั้งสิ้น และถือว่าเป็นผลสำเร็จในการถวายสังฆทานแล้ว เน่ืองจาก ผู้รับสังฆทานท่ีถวายถือเป็นการรับในนามสงฆ์ ซึ่งสงฆ์จัดมาหรือเป็นผู้มาถึงเฉพาะหน้าในขณะ ตั้งใจถวายสงฆ์แล้ว ซ่ึงการถวายทานท่ีอุทิศให้เป็นของสงฆ์จริง ๆ น้ี ในครั้งพุทธกาลมีแบบแผน ในการถวายสงั ฆทาน ๗ ประการ คอื ๑) ถวายแก่หมภู่ กิ ษุและภกิ ษณุ ี มพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ ประมุข ๒) ถวายแก่หมูภ่ ิกษุ มพี ระพทุ ธเจา้ เป็นประมุข ๓) ถวายแก่หมภู่ กิ ษณุ ี มีพระพทุ ธเจา้ เปน็ ประมุข ๔) ถวายแกห่ มู่ภกิ ษแุ ละภกิ ษุณี ไม่มีพระพทุ ธเจา้ เปน็ ประมุข ๕) ถวายแกห่ มู่ภิกษุ ไม่มพี ระพุทธเจา้ เปน็ ประมขุ ๖) ถวายแกห่ มูภ่ กิ ษณุ ี ไม่มพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ ประมุข ๗) ร้องขอต่อสงฆ์ให้สง่ ใคร ๆ ไปรบั แล้วถวายแกผ่ นู้ น้ั คมู่ ือการปฏบิ ัตศิ าสนพธิ ีเบ้ืองต้น

173 การเตรยี มการ ๑) จัดเตรียมทานวัตถุที่ต้องการถวายให้เสร็จเรียบร้อย ตามศรัทธาและทันเวลาถวาย เช่น อาหารคาว อาหารหวาน น้ำด่ืม เครื่องกระป๋อง อาหารแห้ง ของใช้ต่าง ๆ ที่พระสงฆ์ใช้ได้ ไมผ่ ิดพระวินัย (ถา้ อยู่ในกาล คือ เช้า ถงึ กอ่ นเวลาเท่ยี งวนั ให้ประเคนได้ แตถ่ า้ อยู่นอกกาลไมต่ อ้ ง ประเคน เพยี งแต่ตัง้ ไว้ ณ เบอื้ งหนา้ พระภกิ ษุ และให้ประเคนได้เฉพาะวัตถทุ ี่ประเคนนอกกาลได้ เท่าน้ัน) ๒) จัดเตรียมดอกไมธ้ ปู เทยี นจดุ บูชาพระรัตนตรยั ๓) แจง้ ความประสงค์ทจี่ ะถวายทานนัน้ ๆ ให้พระสงฆ์ทราบ ๔) เตรยี มนมิ นต์พระสงฆ์ทีจ่ ะรบั สงั ฆทาน ๕) จัดเตรยี มสถานท่ี หรือนดั หมายสถานท่ที จี่ ะถวายสงั ฆทานให้พระสงฆท์ ราบ แนวทางปฏิบัต ิ ๑) พระสงฆ์มาถึงยังสถานที่จะทำพิธีถวายสังฆทาน (ท่ีบ้านหรือที่วัด) ตามท่ีกำหนด และนิมนต์พระสงฆไ์ ว ้ ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆ์นง่ั ยังอาสนสงฆท์ ีจ่ ดั เตรยี มไวต้ ามจำนวนท่ีจะถวายสงั ฆทาน ๓) นำเคร่อื งสังฆทานมาตัง้ เรยี งไว้ ณ เบอ้ื งหนา้ พระสงฆ ์ ๔) จุดธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรัย กราบ ๓ คร้ัง ๕) อาราธนาศีล ดงั น้ ี “มะยงั ภนั เต วสิ ุง วสิ งุ รักขะนตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. ทุตยิ ัมปิ มะยงั ภันเต วสิ ุง วิสุง รกั ขะนตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ. ตะตยิ ัมปิ มะยงั ภนั เต วิสุง วสิ งุ รักขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ.” ๖) พระสงฆ์ใหศ้ ีล ๗) กลา่ วนโม ๓ จบ ดงั น้ี “นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธสั สะ. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พุทธสั สะ.” จบ ๘) กล่าวคำถวายสังฆทาน (ในกรณีถวายสังฆทานเพื่อความสุขความเจริญของตนเอง) ดังน ี้ “อมิ านิ มะยัง ภนั เต, ภัตตานิ สะปะริวาราน,ิ ภิกขุสงั ฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขสุ ังโฆ, อมิ าน,ิ ภตั ตาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ปะฏิคคณั หาต,ุ อัมหากงั , ทีฆะรตั ตงั , หิตายะ, สขุ ายะ.” คู่มอื การปฏิบัตศิ าสนพธิ ีเบือ้ งต้น

174 คำแปล “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวาย, ภัตตาหาร กับทั้ง บริวารเหล่าน้ี, แด่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์โปรดรับภัตตาหาร, กับทั้งบริวารท้ังหลายเหล่าน้ี, ของ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย, เพ่อื ประโยชนแ์ ละความสขุ , แก่ข้าพเจา้ ทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญฯ” ๙) คำกลา่ วถวายสงั ฆทาน (ในกรณเี พอื่ อุทศิ ใหผ้ ู้ตาย) ดังน้ ี “อิมานิ มะยงั ภนั เต, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวาราน,ิ ภกิ ขสุ ังฆัสสะ, โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต, ภิกขสุ ังโฆ, อมิ านิ มะตะกะภัตตาน,ิ สะปะริวารานิ, ปฏคิ คณั หาตุ, อัมหากญั เจวะ, มาตาปติ ,ุ อาทนี ญั จะ, ญาตะกานัง, กาละกะตานัง, ทีฆะรัตตงั , หติ ายะ, สุขายะ.” คำแปล “ข้าแต่ พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวายภัตตาหารเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้ว, พร้อมกับของ บรวิ ารท้งั หลายเหล่าน้,ี แก่พระภิกษสุ งฆ์, ขอพระภิกษสุ งฆ์, โปรดรบั ภัตตาหารเพ่อื ผู้ล่วงลับไปแล้ว, พร้อมกับท้ังของบริวารทั้งหลายเหล่านี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพ่ือประโยชน์, เพื่อความสุข, แก่ข้าพเจ้าท้ังหลายด้วย, แก่ญาติทั้งหลายผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย, มีบิดามารดา เป็นต้น, ตลอดกาลนานเทอญ.” ๑๐) พระสงฆ์รบั “สาธ”ุ ๑๑) ประเคนวัตถุที่จะถวายสังฆทาน (ถ้านอกกาลคอื หลังเที่ยงวนั ใหป้ ระเคนเฉพาะผ้าไตร หรอื เคร่ืองสงั ฆทานที่ไมใ่ ช่อาหาร) ๑๒) พระสงฆอ์ นุโมทนา ๑๓) ผ้ถู วายสังฆทาน กรวดนำ้ -รบั พร ๑๔) เสรจ็ พิธถี วายสังฆทาน การถวายผ้ากฐินหรือการทอดกฐนิ การถวายผา้ กฐินหรือการทอดกฐนิ ถอื เป็นการถวายทานทมี่ กี าลเวลา คือ เป็นการถวายทาน ภายหลังวันออกพรรษา คือ ในระหว่างวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงวันเพ็ญ เดือน ๑๒ (ข้ึน ๑๕ คำ่ เดือน ๑๒) และเพือ่ ใหไ้ ดท้ ราบถึงสาเหตทุ ่ีพระพทุ ธเจ้าไดท้ รงอนญุ าตใหภ้ กิ ษรุ ับกฐิน และตอ่ มาพุทธศาสนิกชนไดถ้ อื เป็นการบำเพ็ญบญุ สืบต่อกันมาตราบเทา่ ทุกวันน้ี ดงั น ้ี คร้ังหนึ่ง ภิกษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๓๐ รูป มีความประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เมืองสาวัตถีจึงพากันเดินทางจากเมืองปาฐาไปเมืองสาวัตถี แต่พอไปถึงเมืองสาเกต ซ่ึงอยู่ใน ระยะทางห่างจากเมืองสาวัตถีประมาณ ๖ ประโยชน์ จึงจะถึงเมืองสาวัตถี ก็เป็นวันซ่ึงพระภิกษุ ต้องเข้าพรรษา ภิกษุเหล่านั้นจะเดินทางต่อไปไม่ได้ จึงจำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต ในระหว่าง พรรษามีความร้อนรนอยากจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พอออกพรรษาก็เดินทางไปเมืองสาวัตถีโดยเร็ว ในเวลานั้น ฝนยังตกมากอยู่ การเดินทางจึงถูกโคลนตมทำให้เปรอะเป้ือน เม่ือถึงเมืองสาวัตถี ภิกษุเหล่านน้ั ไดเ้ ข้าเฝ้าพระพุทธเจา้ พระองค์ทรงทราบความลำบากของภิกษุเหลา่ นนั้ จงึ ทรงอนญุ าต คมู่ อื การปฏิบัตศิ าสนพิธีเบื้องตน้

175 ให้ภิกษุทำพิธีกรานกฐินในระยะเวลาภายหลังออกพรรษาไปแล้ว ๑ เดือน ภิกษุท่ีได้รับกฐินและ กรานกฐินแล้ว ยอ่ มได้อานสิ งส์ ๕ ประการ ตามพระวินยั คอื ๑) เข้าบา้ นโดยไม่ต้องบอกลาภกิ ษุดว้ ยกัน ๒) เดินทางโดยไม่ต้องเอาผ้าไตรจีวรไปครบสำรับ (ผ้าไตร ประกอบด้วย สบง ๑ ผืน จวี ร ๑ ผืน และสงั ฆาฏิ ๑ ผืน) ๓) ฉนั อาหารโดยลอ้ มวงกนั ได ้ ๔) เก็บจีวรที่ยังไมต่ ้องการใช้ไวไ้ ด ้ ๕) ลาภทเ่ี กดิ ขึ้น ใหต้ กเป็นของภิกษทุ ี่จำพรรษาในวดั น้นั ซง่ึ ไดก้ รานกฐินแลว้ การทอดกฐินน้ัน เม่ือผู้มีศรัทธาประสงค์จะนำผ้ากฐินไปทอด ณ วัดใดวัดหนึ่งก็ตาม ผมู้ ีศรทั ธานัน้ จะตอ้ งไปจองไว้กบั เจ้าอาวาส หรอื บอกกล่าวใหพ้ ระสงฆว์ ัดน้ัน ๆ ทราบลว่ งหนา้ ก่อน ว่าในปีนี้จะนำกฐนิ มาทอด ณ วัดนี้ เพอ่ื ทางวดั จะไดป้ ระกาศให้ทายกทายิกาหรือผู้มีศรทั ธารายอื่น ๆ ไดท้ ราบว่า ในพรรษากาลนม้ี ีผจู้ องกฐินมาทอด ณ วดั น้แี ลว้ บางกรณผี ู้ศรทั ธาไม่ไดแ้ จง้ ให้พระสงฆ์ ได้ทราบไวก้ อ่ นลว่ งหนา้ แต่ได้นำกฐินไปทอดในทันทที ไ่ี ปถงึ วัดนั้น จะเรยี กว่า “กฐินจร” การเตรียมการ ๑) จัดเตรียมผ้าไตรกฐนิ จำนวน ๑ ไตร (ถา้ เปน็ วัดสังกดั คณะสงฆ์ธรรมยุต ต้องเตรียม ผา้ ขาว ๑ พับ ยาวประมาณ ๘-๑๐ เมตร วางบนผา้ ไตรกฐนิ ดว้ ย และจัดเตรียมสยี ้อมผ้า (สกี ลกั ) หรอื สตี ามจีวรที่วัดนนั้ ๆ ใช้) ๒) ไตรจีวร สำหรับถวายคูส่ วด ๒ ไตร ๓) ของอืน่ ๆ ทพี่ ระสงฆใ์ ชไ้ ด้ตามความเหมาะสม ซงึ่ ถอื เปน็ บริวารกฐิน ๔) จตุปจั จัยไทยธรรมสำหรับถวายพระสงฆ์อนั ดบั ตามจำนวนพระสงฆส์ ามเณรในวดั นน้ั ๕) ปัจจยั สำหรบั ไวใ้ ช้จา่ ยในการกอ่ สรา้ งหรอื บำรงุ ถาวรวัตถุในอาราม ๖) เทยี นปาตโิ มกข์ จำนวน ๑ ชดุ (เทียนขาว จำนวน ๒๔ เล่ม) ๗) พานแว่นฟา้ สำหรบั วางผา้ ไตรกฐนิ และพานวางเทียนปาติโมกข์ ๘) ดอกไม้ ธปู เทยี น สำหรับถวายพระภิกษสุ ามเณร แนวทางการปฏบิ ตั ิงาน (ก่อนเขา้ สพู่ ิธกี าร) ๑) ถ้าเจ้าภาพมีความประสงค์จะให้มีการฉลององค์กฐิน จัดพิธีเช่นเดียวกับงานมงคล ต่าง ๆ ดังทกี่ ลา่ วไว้แล้วในเร่ืองการดำเนินงานพธิ มี งคล ๒) จัดโต๊ะหมู่หรือโต๊ะผ้าไตรกฐิน และบริวารกฐินเพิ่มขึ้นอีก ๑ ที่ จากการตั้งโต๊ะหมู่ บชู าพระรตั นตรยั ๓) เมื่อถึงวนั ท่ีจะนำกฐินไปทอดยังวัดทไ่ี ดจ้ องไว้ จะให้มกี ารแห่แหนไปยังวัดนน้ั คมู่ ือการปฏบิ ัตศิ าสนพธิ ีเบือ้ งตน้

176 ๔) เมื่อถึงวัดจะให้มีการนำองค์กฐินไปเวียนประทักษิณรอบอุโบสถก่อน ๓ รอบ ก็ได้ หรอื จะนำองค์กฐนิ เขา้ ไปยังอโุ บสถโดยไม่ตอ้ งเวยี นประทกั ษณิ กไ็ ด ้ ๕) เม่ือเขา้ สสู่ ถานท่ีทีถ่ วายผา้ กฐินและบริวารกฐนิ (โบสถ์ วหิ าร ศาลาการเปรียญ หรอื สถานท่ที ี่ทางวัดเห็นว่าเหมาะสม) แลว้ ให้จัดวางผ้ากฐนิ และบรวิ ารกฐินใหเ้ รียบร้อยสวยงาม แนวทางการปฏบิ ตั ิงาน ๑) เมื่อถึงเวลาพระสงฆล์ งสู่อโุ บสถหรอื ศาลาการเปรียญ และนั่งยังอาสน์สงฆ์เรยี บรอ้ ยแลว้ ๒) ประธานพธิ ีหรือเจ้าภาพจุดธูปเทียนบชู าพระรตั นตรัย (กราบ ๓ ครงั้ ) ๓) ประธานพิธีหรอื เจ้าภาพประเคนพดั รองหรอื ตาลปตั รทร่ี ะลึกแด่ประธานสงฆ์ ๔) เจ้าหน้าทพ่ี ิธอี าราธนาศลี ๕) ประธานสงฆ์ใหศ้ ลี ๖) ประธานพิธีหรอื เจ้าภาพ และผ้รู ่วมอนุโมทนาการทอดกฐนิ รบั ศีลพรอ้ มกนั ๗) ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพหยิบผ้าหม่ พระประธานมองใหไ้ วยาวจั กรหรหรอื เจา้ หน้าที่ ๘) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพหยิบผ้าไตรกฐินที่พานแว่นฟ้าข้ึนอุ้มประคองประนมมือ หันหนา้ ไปทางพระประธาน กลา่ ว “นะโม ๓ จบ” “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพทุ ธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพุทธสั สะ.” ๙) หันหน้าไปทางพระสงฆ์ กลา่ วคำถวายผ้ากฐนิ ดังน้ ี แบบที่ ๑ “อมิ ัง ภันเต, สะปะรวิ ารัง, กะฐนิ ะทุสสัง สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินงั อัตถะระต,ุ อมั หากงั ทฆี ะรตั ตัง, หติ ายะ, สขุ ายะ.” “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวายผ้ากฐินกับท้ังบริวารน้ี, แด่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์จงรับ, ผ้ากฐินกับท้ังบริวารนี้, ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, ครั้นรับแล้ว, จงกรานกฐินด้วยผ้าผืนนี้, เพ่ือประโยชน์, และความสุข, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ตลอดกาลนาน เทอญ.” แบบท่ี ๒ “อิมัง, สะปะรวิ ารัง, กะฐนิ ะจวี ะระทสุ สงั , สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ. ทตุ ิยัมป,ิ อมิ งั , สะปะริวารัง, กะฐนิ ะจีวะระทสุ สงั , สงั ฆัสสะ, โอโณชะยามะ. ตะตยิ ัมปิ, อมิ งั , สะปะรวิ ารัง, กะฐินะจีวะระทุสสงั , สังฆสั สะ, โอโณชะยามะ.” คู่มือการปฏบิ ตั ิศาสนพิธเี บ้อื งต้น

177 “ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน, พร้อมกับของบริวารนี้, แด่พระสงฆ์. แม้คร้งั ที่ ๒ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน, พรอ้ มกบั ของบริวารน,้ี แด่พระสงฆ์. แม้คร้ังท่ี ๓ ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน, พร้อมกับของบริวารน้ี, แดพ่ ระสงฆ.์ ” ๑๐) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพวางผ้าไตรบนพานแว่นฟ้า ณ เบื้องหน้าพระสงฆ ์ แล้วยกประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒ (ต้องประสานกับพระสงฆ์ เน่ืองจากวัดบางวัดให้วางไว้ ณ เบื้องหน้าพระสงฆ์ และพระสงฆ์จะประกอบพิธีอปโลกน์กฐิน โดยประธานพิธีหรือเจ้าภาพ ไมต่ ้องประเคนผ้าไตรกฐิน) ๑๑) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพยกเทยี นปาติโมกขป์ ระเคนพระสงฆ์รปู ที่ ๒ ๑๒) พระสงฆ์ประกอบพธิ ีอปโลกน์กฐิน ๑๓) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพประเคนบริวารกฐิน และเครอ่ื งไทยธรรม ๑๔) เจ้าหนา้ ที่ประกาศยอดเงินของกฐิน ๑๕) ประธานพธิ หี รือเจ้าภาพถวายยอดปจั จัยบำรุงวดั แดป่ ระธานสงฆ์ ๑๖) พระสงฆอ์ นโุ มทนา ๑๗) ประธานพิธีหรอื เจา้ ภาพกรวดนำ้ -รบั พร ๑๘) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพกราบพระประธาน (กราบ ๓ ครง้ั ) ๑๙) ประธานพธิ หี รอื เจา้ ภาพกราบลาพระสงฆ ์ ๒๐) เสร็จพธิ ี การถวายผา้ ปา่ (สามัคค)ี การถวายผ้าป่า ไม่ใช่เป็นการถวายทานตามกาลเช่นการทอดกฐิน แล้วแต่ใครมีศรัทธา จะทำเม่ือไร ก็รวบรวมนัดหมายญาตมิ ิตรพรรคพวกทอดถวายเม่อื น้นั ผ้าปา่ ครง้ั พทุ ธกาล เรยี กว่า ผ้าบงั สกุ ลุ จีวร คือ ผ้าเปอ้ื นฝุน่ ท่ไี ม่มีเจา้ ของหวงแหนทง้ิ อย่ตู ามป่าบา้ ง ปา่ ชา้ บา้ ง ตามถนนหนทางบ้าง แขวนห้อยอยู่ตามก่ิงไม้บ้าง ซึ่งคร้ังพุทธกาลทรงอนุญาตให้ภิกษุแสวงหาผ้าบังสุกุล คือ ผ้าเป้ือนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของเขาทิ้งแล้ว หรือผ้าท่ีเขาห่อซากศพท้ิงไว้ตามป่าช้า และเศษผ้าท ่ี ทิ้งอยู่ตามถนนหนทาง นำมาซักฟอกตัดเย็บเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึงที่ต้องการ แล้วใช้นุ่งห่ม พุทธศาสนิกชนผู้นับถือพระพุทธศาสนาส่วนมากในสมัยนั้นเห็นความลำบากของภิกษุในเร่ืองน ี้ มีความประสงฆ์จะบำเพ็ญกุศลซ่ึงไม่ขัดต่อพระพุทธบัญญัติในขณะน้ัน จึงได้จัดหาผ้าที่สมควรแก่ สมณะบรโิ ภคไปทอดทง้ิ ไวต้ ามท่ีตา่ ง ๆ โดยมากเป็นปา่ ช้าที่รวู้ ่าภิกษุผู้แสวงหาเดินไป คมู่ อื การปฏบิ ัตศิ าสนพิธีเบือ้ งต้น

178 การเตรียมการ ๑) จัดโต๊ะหมบู่ ูชาพร้อมเคร่ืองนมัสการ ๒) ต้นผ้าป่าหรือกองผ้าป่าซง่ึ มีผา้ ไตร หรือจวี ร หรอื สบง หรือผา้ เช็ดตัวสีเหลือง พาดไว้ ที่กงิ่ ไม้ ปกั ไว้ในกระถาง หรอื กระปอ๋ ง ซง่ึ บรรจุขา้ วสารและอาหารแห้งตามศรัทธา ๓) ปจั จัยบำรงุ วัดตามศรัทธา ๔) เตรยี มการนิมนตพ์ ระสงฆ ์ ๕) อปุ กรณเ์ ครื่องใชใ้ นงานพธิ ี แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน ๑) เมอ่ื พระสงฆข์ ้นึ นั่งยงั อาสนส์ งฆ ์ ๒) ประธานพิธีหรอื เจา้ ภาพ จดุ ธูปเทยี นบชู าพระรัตนตรยั (กราบ ๓ ครง้ั ) ๓) เจ้าหนา้ ทีอ่ าราธนาศีล ๔) ประธานพธิ ีหรอื เจ้าภาพและผูร้ ่วมพธิ ีรับศลี พรอ้ มกัน ๕) กล่าวรายงาน (กรณีมีการจัดถวายผ้าป่าที่มีวัตถุประสงค์ดำเนินกิจกรรม สาธารณ- ประโยชน์ และมีการกล่าวรายงานเพ่ือต้องการให้ผู้ที่มาร่วมพิธีได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการจัด พิธถี วายผา้ ปา่ ) ๖) ประธานพธิ ีหรือเจ้าภาพประคองผา้ ไตร ๗) ประธานพธิ ีหรือเจ้าภาพ กล่าว “นะโม ๓ จบ” ๘) ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพ กลา่ วคำถวายผา้ ป่า ดังนี ้ “อมิ านิ มะยัง ภันเต, บงั สะกูละจีวะรานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยา มะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขุสงั โฆ, อิมาน,ิ ปังสุกูละจีวะราน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ปะฎคิ คัณหาตุ, อัมหากงั , ทีฆะรตั ตัง, หิตายะ, สุขายะ.” “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวาย, ผ้าบังสุกุลจีวร, กับท้ัง ส่ิงของบริวารเหล่าน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์, จงรับผ้าบังสุกุลจีวร, กับท้ังสิ่งของ บริวารเหลา่ นี,้ เพ่ือประโยชน์, เพ่ือความสุข, แก่ข้าพเจ้าทัง้ หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.” ๙) เมือ่ กล่าวคำถวายจบ นำผ้าไตรจีวรไปวางไว้ทกี่ ่งิ ไม้ หรือพาดยงั ที่ท่จี ัดเตรยี มไว้ ๑๐) นิมนตพ์ ระสงฆ์ลงมาพิจารณาผา้ ป่า (เจา้ หน้าท่ีเตรียมพดั รองหรอื ตาลปตั รใหพ้ ระสงฆ์) ๑๑) ประธานพธิ ีหรอื เจ้าภาพประเคนจตุปัจจยั ไทยธรรมแด่พระสงฆ ์ ๑๒) พระสงฆอ์ นโุ มทนา ๑๓) ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพกรวดนำ้ -รบั พร ๑๔) เสรจ็ พิธี คู่มือการปฏบิ ตั ศิ าสนพิธีเบือ้ งต้น

179 การถวายทานต่าง ๆ การถวายทาน เปน็ ที่นยิ มของพุทธศาสนกิ ชนผ้ทู ม่ี ีศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา เพ่ือเปน็ การ ทำบุญในพระพุทธศาสนา อันเป็นการทำนุบำรุงผู้ทำหน้าท่ีศาสนทายาทในส่วนของพระภิกษุ สามเณร เนื่องจากการถวายทานเป็นส่วนหน่ึงซึ่งนับเข้าในบุญกิริยาวัตถุ โดยถวายเป็นสังฆทานบ้าง ปาฏิบคุ ลกิ ทานบา้ ง ตามเจตนารมณศ์ รัทธาของผ้ทู ีจ่ ะถวายทานนั้น ๆ การเตรียมการ ๑) จัดเตรียมทานวัตถุท่ีต้องการถวายตามท่ีตนเองมีความประสงค์จะถวาย ที่พระสงฆ์ ใชไ้ ด้ไมผ่ ดิ พระวนิ ยั ๒) ดอกไม้ธูปเทยี น เพอื่ จดุ บูชาพระรตั นตรยั และถวายพระสงฆ์ ๓) แจง้ ความประสงคท์ ี่จะถวายทานนั้น ๆ ใหพ้ ระสงฆ์ทราบ ๔) นมิ นต์พระสงฆท์ ีจ่ ะรับทาน ๕) สถานท่ี หรอื นัดหมายสถานท่ีที่จะถวายทานใหพ้ ระสงฆ์ทราบ แนวทางการปฏบิ ตั ิ ๑) พระสงฆ์มาถึงยังสถานท่ีจะทำพิธีถวายทาน (บ้านหรือวัด) ตามท่ีกำหนดและนิมนต์ พระสงฆไ์ ว้ ๒) นมิ นต์พระสงฆ์นง่ั ยงั อาสน์สงฆ์ทจ่ี ัดเตรยี มไว้ตามจำนวนท่จี ะถวายทาน ๓) นำวัตถทุ านมาต้ังวางเรียงไว้ ณ เบอื้ งหน้าพระสงฆ ์ ๔) จดุ ธูปเทยี นบชู าพระรัตนตรัย กราบ ๓ คร้ัง ๕) อาราธนาศีล ดงั นี ้ “มะยงั ภันเต วสิ ุง วิสุง รักขะนัตถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ. ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะติยมั ปิ มะยัง ภนั เต วสิ งุ วสิ งุ รักขะนตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ.” ๖) พระสงฆ์ให้ศีล ๗) กล่าวนะโม ๓ จบ ๘) กล่าวคำถวายทาน ๙) พระสงฆ์รับ “สาธ”ุ คู่มอื การปฏบิ ัติศาสนพิธีเบ้ืองตน้

180 ๑๐) ผู้ถวายทานประเคนวัตถุทานนั้น ๆ (ถ้าเป็นสิ่งของที่ใหญ่หรือเป็นอสังหาริมทรัพย ์ ให้ใช้การประเคนกลมุ่ ดา้ ยสายสิญจนท์ ่เี น่ืองมาจากวัตถุนัน้ ๆ หรือใช้วิธหี ลั่งนำ้ เพือ่ เปน็ การแสดงวา่ ไดถ้ วายสิง่ น้ีหรอื สงิ่ ทีจ่ ะถวายเป็นของสงฆแ์ ลว้ ) ๑๑) พระสงฆ์อนโุ มทนา ๑๒) ผูถ้ วายทาน กรวดน้ำ-รบั พร ๑๓) เสร็จพิธถี วายทาน คูม่ ือการปฏิบตั ศิ าสนพิธีเบื้องตน้

ภาคผนวก

182 คำบูชาพระและคำอาราธนา คำบชู าพระ “อเิ มหิ สกั กาเรหิ พุทธงั อภิปชู ยามิ. อิเมหิ สักกาเรหิ ธมั มัง อภปิ ชู ยาม.ิ อิเมหิ สกั กาเรหิ สังฆงั อภปิ ูชยาม.ิ ข้าพระพุทธเจ้า ขอเคารพบูขาพระพุทธเจ้า ผู้เป็นสรณะท่ีพึ่งที่ระลึกอย่างสูงและ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ด้วยสักการะน้ี ข้าพระพุทธเจ้า ขอเคารพบูชาพระธรรมคือคำสั่งสอนของพระองค์ ซ่ึงเป็นสรณะท่ีพึ่ง ที่ระลึกอย่างสูงและศกั ดิ์สทิ ธ์ิ ด้วยสกั การะนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอเคารพบูชาพระสงฆค์ ือสาวกขององคผ์ ู้เปน็ สรณะที่พงึ่ ทีร่ ะลกึ อย่างสงู และศักดิ์สทิ ธิ์ ดว้ ยสกั การะน”ี้ คำอาราธนาศีล ๕ “มะยงั ภันเต, วสิ ุง วสิ งุ รกั ขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. ทตุ ิยัมปิ มะยงั ภนั เต, วสิ ุง วิสุง รักขะณตั ถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต, วิสุง วสิ ุง รักขะณัตถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ.” คำอาราธนาพระปริตร “วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ ทุกขะ วินาสายะ ปะริตตัง พรถู ะ มงั คะลงั . วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ ภะยะ วินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลงั . วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ โรคะ วินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง.” คำอาราธนาธรรม “พรัห(ม)มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ กัตอัญชะลี, อันธิวะรัง อะยาจะถะ, สันตีธะ สตั ตาปปะระชกั ขะชาตกิ า, เทเสตุ ธมั มัง อนกุ มั ปิมัง ปะชงั .ฯ” คมู่ อื การปฏบิ ัตศิ าสนพธิ เี บ้อื งตน้

183 คำถวายขา้ วพระพุทธ “อิมัง, สูปะพะยญั ชะนะสมั ปันนัง, สาลนี ัง, โภชะนัง, อทุ ะกงั , วะรัง, พุทธัสสะ, ปูเชมิ.” คำลาข้าวพระพุทธ “เสสัง มงั คะลงั ยาจามิ.” คำกรวดน้ำปรารถนาผลส่วนตัว (แบบยอ่ ) “อิทัง เม กะตงั ปุญญัง, นพิ พานะปจั จะโย โหต,ุ อะนาคะเต กาเล. ขอบุญท่ีข้าพเจ้าได้กระทำแล้วนี้ จงเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน ในอนาคตกาล ด้วยเทอญ” คำกรวดน้ำอทุ ศิ (แบบยอ่ ) “อิทัง เม ญาตินงั โหต,ุ สขุ ติ า โหนตุ ญาตะโย. ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติท้ังหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข” คำถวายสกั การะบุรพกษตั รยิ าธริ าช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) กล่าว “นะโม” ๓ จบ และกล่าวคำบชู า ดงั นี ้ “อุกาสะ, ปิยะมะหาราชะ, อิมินา สักกาเรนะ, ปะระมินทะ, มะหาราชะวะรัสสะ, จุฬาลงั กะระณสั สะ, ปูเชม,ิ ปยิ ะมะหาราชานุภาเวนะ, สะทา โสตถี, ภะวนั ตุ เม.ฯ (กราบ ๑ คร้งั ไมแ่ บมอื )” แบบท่ี ๒ (พระบรมรูปหน้าศาลา ๑๐๐ ปี วัดเบญจมบพิตรดุสติ วนาราม) “ปโิ ย เทวะมะนุสสานงั ปิโย พรัห(ม)มานะมุตตะโม ปโิ ย นาคะสปุ ัณณานัง ปิณินทะริยัง นะมามหิ งั ปยิ ะราชานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม.ฯ (กราบ ๑ ครัง้ ไมแ่ บมอื )” คู่มอื การปฏบิ ัตศิ าสนพิธีเบือ้ งตน้

184 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู ัว (รชั กาลที่ ๖) กลา่ ว “นะโม” ๓ จบ และกลา่ วคำบชู า ดังน ี้ “อกุ าสะ, มะหาธรี ะราชะวะรสั สะ, อิมินา สักกาเรนะ, ปูเชมิ, มะหาธีระราชานุภาเวนะ, สะทาโสตถี, ภะวนั ตุ เม.ฯ (กราบ ๑ ครงั้ ไม่แบมอื )” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าว “นะโม” ๓ จบ และกลา่ วคำบชู า ดงั น้ี “อติ ิจติ ตัง, เอหิ เทวะตาห,ิ จะ มะหาเตโช, นะระปชู โิ ต โส ระโส, ปจั จะยา ทิปปะต,ิ นะเร โส จะ มะหาราชา, เมตตา จะ กะโรติ, มะหาลาภงั , สะทา โสตถี ภะวันตุ เม.ฯ” คำถวายคมั ภีรพ์ ระไตรปิฎก “มะยัง ภันเต, อิมัง, สะปะรวิ ารงั เตปฏิ ะกะคันถงั สาตถึง, สพั พะยญั ชะนัง, เกวะละปะ รปิ ุณณัง ปะรสิ ุทธัง, จาตุททสิ สั สะ ภิกขุสังฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, เตปิฏะกะคันถัง สัพพะพัญชะนัง, เกวะละปะริปุณณัง, ปะริสุทธัง, ปะฏิคคัณหาตุ, อมั หากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายซ่ึงคัมภีร์พระไตรปิฎก, อันมีอรรถะและพยัญชนะครบถ้วนกระบวนความ, บริสุทธ์ิบริบูรณ์ส้ินเชิง, กับท้ังบริวารเหล่าน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์, ผู้มีในทิศทั้งสี่, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ, ซึ่งคัมภีร์พระไตรปิฎก, อันมีอรรถะและ พยัญชนะครบถ้วนกระบวนความ, บริสทุ ธบิ์ รบิ ูรณ์สนิ้ เชิง, กบั ท้ังบริวารเหล่าน้ี, ของขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, เพอ่ื ประโยชน์และความสขุ , แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ส้นิ กาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายคมั ภรี พ์ ระธรรม “มะยัง ภันเต, อิมัง, สะปะรวิ ารงั , โปฏฐะกะคนั ถงั , พะหุชะนะหิตายะ, พะหุชะนะสุขายะ, มะหาเถเรห,ิ ยุตตัปปะยุตตงั , ธัมมิกัง, ธัมมะลทั ธงั , จาตุททสิ สั สะ, ภิกขสุ ังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, โปฎฐะกะคันถัง, พะหุชะนะหิตายะ, พะหุชะนะ สขุ ายะ. มะหาเถเรหิ, ยุตตปั ปะยุตตัง, ธมั มิกงั , ธมั มะลัทธงั , ปะฏิคคัณหาตุ, อมั หากัง, ทฆี ะรตั ตัง, หติ ายะ, สขุ ายะ. คมู่ อื การปฏิบัติศาสนพิธีเบ้ืองต้น

185 ข้าแตพ่ ระสงฆ์ผู้เจรญิ , ขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, ขอนอ้ มถวายซง่ึ คมั ภีรธ์ รรม, อนั พระมหาเถระ ทั้งหลาย ชำระสอบทานแล้ว, อันเกิดข้ึนโดยชอบธรรม, อันได้มาโดยธรรม, กับท้ังบริวารนี้, แด่พระภิกษุสงฆ์, ผู้มีในทิศทั้งสี่, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ, ซึ่งคัมภีร์พระธรรม, อันพระมหาเถระ ทั้งหลาย, ชำระสอบแล้ว, อันเกิดข้ึนแล้วโดยชอบธรรม, อันได้มาโดยธรรม, กับท้ังบริวารนี้, ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, เพอื่ ประโยชน์และความสุข, แกข่ า้ พเจา้ ท้ังหลาย, สนิ้ กาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายสลากภัต “เอตานิ มะยัง ภันเต, สะลากะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, อะสุกัฏฐาเน, ฐะปิตานิ, ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขสุ งั โฆ, เอตานิ สะลากะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏคิ คัณหาต,ุ อัมหากัง, ทฆี ะรัตตงั , หติ ายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายสลากภัต, กับทั้งบริวารเหล่านี้, ซึ่งต้ังไว้ ณ ท่ีนั้น, แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จบรับซ่ึงสลากภัต, กับทั้งบริวารเหล่านี้, ของขา้ พเจา้ ท้งั หลาย, เพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าทง้ั หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายขา้ วสาร “อิมานิ มะยงั ภนั เต, ตัณฑุลานิ, สะปะริวารานิ, ภกิ ขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, ตัณฑุลานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายข้าวสาร, กับท้ังบริวารเหล่าน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับข้าวสาร, กับท้ังบริวารเหล่าน้ี, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพอื่ ประโยชน์และความสุข, แก่ขา้ พเจ้าทงั้ หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายอโุ บสถ “มะยงั ภันเต, อมิ ัง อุโปสถาคารัง, สงั ฆัสสะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสงั โฆ, อิมงั , อุโปสถาคารัง, ปะฏคิ คณั หาต,ุ อัมหากงั , ทฆี ะรัตตงั , หติ ายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายซ่ึงอุโบสถหลังนี้แด่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งอุโบสถหลังน,ี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพ่ือประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้า ทั้งหลาย, สิน้ กาลนานเทอญ.ฯ” คมู่ อื การปฏบิ ัติศาสนพธิ ีเบ้ืองต้น

186 คำถวายปราสาทผึ้ง “มะยงั ภนั เต, อิมัง, สะปะริวารงั , มะธุปปุ ผะปาสาทัง, อิมสั มงิ วิหาเร, ภิกขุสงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขุสังโฆ, อมิ งั , สะปะริวารงั , มะธปุ ปุ ผะปาสาทงั , ปะฏิคคณั หาต,ุ อัมหากัง, ทฆี ะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายปราสาทผ้ึงกับทั้งบริวารน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์ในวัดน้ี, ขอพระสงฆ์จงรับปราสาทผึ้งกับท้ังบริวารนี้, ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, เพื่อประโยชน์และความสขุ , แก่ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายยานพาหนะ “มะยัง ภนั เต, อมิ งั , ยานัง, ภกิ ขุสังฆัสสะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสงั โฆ, อิมงั , ยานัง, ปะฏคิ คัณหาต,ุ อัมหากัง, ทีฆะรตั ตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ขา้ แต่พระสงฆผ์ ูเ้ จรญิ , ข้าพเจา้ ทงั้ หลาย, ขอมอบถวายซึง่ ยานพาหนะนี้, แด่พระภิกษสุ งฆ,์ ขอพระสงฆจ์ งรับซ่งึ ยานพาหนะน้ี, ของข้าพเจ้าท้งั หลาย, เพอื่ ประโยชนแ์ ละความสุข, แก่ข้าพเจ้า ท้งั หลาย, สิน้ กาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายสะพาน “มะยัง ภันเต, อิมัง, เสตงุ , มะหาชะนานัง, สาธาระณัตถายะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขุสังโฆ, อิมัสมิง, เสตุมหิ, นิยยาทิเต, สักขิโก โหตุ, อิทัง, เสตุทานัง, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ, สงั วัตตะต.ุ ฯ ข้าแต่พระสงฆผ์ ู้เจรญิ , ข้าพเจา้ ท้งั หลาย, ขอมอบถวายซ่ึงสะพานนี้, เพือ่ ประโยชนท์ วั่ ไป แก่มหาชนท้ังหลาย, ขอพระสงฆ์จงเป็นพยาน, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ในสะพานท่ีข้าพเจ้าท้ังหลาย ได้มอบให้แลว้ นี,้ ขอการถวายสะพานนี,้ จงเปน็ ไปเพื่อประโยชน์และความสุข, แกข่ ้าพเจ้าทง้ั หลาย, สนิ้ กาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายเสนาสะ “มะยัง ภันเต, อิมัง เสนาสะนานิ, อาคะตานาคตัสสะ, จุททิสสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสงั โฆ, อมิ านิ, เสนาสะนามิ, ปะฏคิ คัณหาตุ, อมั หากงั , ทีฆะรตั ตงั , หิตายะ, สขุ าย. คมู่ ือการปฏบิ ัติศาสนพิธเี บือ้ งต้น

187 ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอมอบถวายเสนาสนะเหล่าน้ี, แด่พระภิกษุ สงฆ์ผู้มีในทิศทั้ง ๔, ที่มาแล้วก็ดี, ยังไม่มาก็ดี, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับเสนาสนะเหล่าน้ี, ของข้าพเจ้าทัง้ หลาย, เพอื่ ประโยชน์และความสขุ , แกข่ า้ พเจา้ ท้ังหลาย, ส้ินกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายศาลาโรงธรรม “มะยัง ภันเต, อิมัง สาลัง, ธัมมะสะภายะ, อุททิสสะ, จาตุททิสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขสุ งั โฆ, อมิ ัง สาลงั , ปะฏิคคณั หาตุ, อัมหากงั , ทฆี ะรตั ตัง, หิตายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆผ์ ้เู จรญิ , ขา้ พเจา้ ท้ังหลาย, ขอมอบถวายศาลาหลังนี้, แดพ่ ระภิกษุสงฆ์ผู้มี ในทิศท้ัง ๔, อทุ ิศเพ่อื เปน็ สถานทีแ่ สดงธรรม, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรบั ศาลาหลงั น,้ี ของขา้ พเจา้ ท้งั หลาย, เพอื่ ประโยชนแ์ ละความสุข, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ส้ินกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายเวจกฎุ ี “มะยัง ภันเต, อิมัง, วัจจะกุฏิง, อาคะตานาคะตัสสะ, จาตุททิสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง วัจจะกุฏิง, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายเวจกุฎีหลังนี้, แด่พระภิกษุสงฆ ์ ผูม้ ีในทศิ ทงั้ ๔, ที่มาแลว้ กด็ ี, ยังไม่มากด็ ,ี ขอพระภกิ ษุสงฆ์จงรบั เวจกฎุ ีหลงั น,ี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพ่ือประโยชน์และความสุข, แก่ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” คำถวายผ้าวสั สกิ สาฎก (ผา้ สำหรบั ใชน้ งุ่ เวลาอาบน้ำฝน) “อิมานิ มะยัง ภันเต, วัสสิกะสาฏิกานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, วัสสิกะสาฏิกานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทฆี ะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะฯ. ข้าแตพ่ ระสงฆผ์ ู้เจริญ, ข้าพเจา้ ท้ังหลาย, ขอนอ้ มถวายผา้ อาบน้ำฝน, กับท้ังบรวิ ารเหลา่ น้,ี แด่พระภิกษสุ งฆ,์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ผา้ อาบนำ้ ฝน, กบั ทง้ั บรวิ ารเหล่าน้ี, ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, เพอ่ื ประโยชนแ์ ละความสุข, แกข่ า้ พเจ้าทัง้ หลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” คู่มอื การปฏิบตั ิศาสนพิธเี บอื้ งตน้

188 คำถวายผา้ จำนำพรรษา (ผา้ ที่ถวายแกพ่ ระภกิ ษุผ้อู ยจู่ ำพรรษาครบ ๓ เดือน) “อิมานิ มะยัง ภันเต, วัสสาวาสกิ ะจีวะรานิ, สะปะรวิ ารานิ, ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสังโฆ, อิมานิ, วสั สาวาสกิ ะจวี ะรานิ, สะปะรวิ ารานิ, ปะฏคิ คณั หาตุ, อมั หากัง, ทีฆะรตั ตงั , หิตายะ, สขุ ายะฯ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายผ้าจำนำพรรษา, กับทั้งบริวาร เหล่านี้, แด่พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับผ้าจำนำพรรษา, กับท้ังบริวารเหล่านี้, ของข้าพเจา้ ทง้ั หลาย, เพือ่ ประโยชน์และความสุข, แกข่ า้ พเจ้าทง้ั หลาย, ส้ินกาลนานเทอญฯ.” คำถวายผ้าอัจเจกจีวร (ผ้าจำนำพรรษาทถ่ี วายแกพ่ ระภิกษโุ ดยรีบด่วน) “อิมานิ มะยัง ภันเต, อัจเจกะจีวะรานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, อัจเจกะจีวะรานิ, สะปะริวารานิ, ปฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทฆี ะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะฯ. ข้าแตพ่ ระสงฆผ์ ู้เจรญิ , ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอนอ้ มถวายผ้าอจั เจกจีวร, กับทั้งบรวิ ารเหล่าน,้ี แดพ่ ระภกิ ษุสงฆ,์ ขอพระภิกษสุ งฆจ์ งรับผ้าอัจเจกจวี ร, กับทัง้ บริวารเหลา่ น,้ี ของขา้ พเจ้าทง้ั หลาย, เพอ่ื ประโยชนแ์ ละความสขุ , แกข่ ้าพเจ้าทัง้ หลาย, สนิ้ กาลนานเทอญฯ.” คำถวายธูปเทียนดอกไม้เพอ่ื บูชา “มะยัง ภันเต, อิเมหิ, ทีปะธูปะปุปผะวะเรหิ, ระตะนัตตะยัง, อะภิปูเชมะ, อะยัง, ระตะนัตตะยสั สะ ปชู า, อัมหากัง, ทฆี ะรตั ตัง, หติ ะสุขาวะหา, โหตุ, อาสะวกั ขะยปั ปตั ติยาฯ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอบูชาพระรัตนตรัย, ด้วยธูปเทียน, และดอกไม้อันประเสริฐเหล่านี้, การบูชาพระรัตนตรัยนี้, จงนำมาซ่ึงประโยชน์สุข, เพ่ือบรรล ุ พระนิพพานเปน็ ทีส่ น้ิ ไปแหง่ อาสวกเิ ลส, แกข่ ้าพเจา้ ทงั้ หลาย, ตลอดกาลนานเทอญฯ.” คำถวายธงเพื่อบูชา “มะยัง, อิมนิ า, ธะชะปะฏาเกนะ, ระตะนัตตะยัง, อะภิปเู ชมะ, อะยงั , ธะชะปะฏาเกนะ, ระตะนัตตะยะปชู า, อมั หากงั , ทฆี ะรัตตงั , หติ ายะ, สุขายะ, สงั วัตตะตฯุ . ข้าพเจ้าท้งั หลาย, ขอบูชา, ซึง่ พระรตั นตรยั , ดว้ ยธงแผ่นผ้านี้, กิริยาทีบ่ ชู าพระรตั นตรยั , ด้วยธงแผ่นผ้าน้ี, ขอจงเป็นไป, เพ่ือประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าท้ังหลาย, สิ้นกาลนาน เทอญฯ.” คู่มือการปฏบิ ัติศาสนพธิ เี บื้องต้น

189 ลำดบั พดั ยศสมณศกั ด์ิ ฐานานกุ รม เปรียญ ในงานพระราชพิธ-ี รฐั พิธ ี สมเดจ็ พระราชาคณะ ๑. สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ ๒. สมเดจ็ พระสังฆราช ๓. สมเดจ็ พระราชาคณะ ชนั้ สุพรรณบัฏ พระราชาคณะ ๔. พระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชน้ั หริ ัญบฏั ๕. พระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชนั้ สญั ญาบตั ร ๖. พระราชาคณะ ชั้นธรรม ๗. พระราชาคณะ ชนั้ เทพ ๘. พระราชาคณะ ชั้นราช ๙. พระราชาคณะ ชั้นสามญั ๙.๑ พระราชาคณะ ปลัดขวา-ปลัดซ้าย-ปลัดกลาง ๙.๒ พระราชาคณะ รองเจา้ คณะภาค ๙.๓ พระราชาคณะ เจ้าคณะจงั หวดั ๙.๔ พระราชาคณะ รองเจา้ คณะจงั หวัด ๙.๕ พระราชาคณะ ช้ันสามญั เปรยี ญ ฝา่ ยวิปสั สนาธรุ ะ ๙.๖ พระราชาคณะ ช้ันสามญั เปรยี ญ ป.ธ. ๙-๘-๗-๖-๕-๔-๓ ๙.๗ พระราชาคณะ ช้นั สามญั เทียบเปรียญ ฝา่ ยวิปัสสนาธรุ ะ ๙.๘ พระราชาคณะ ชั้นสามัญเทียบเปรยี ญ ๙.๙ พระราชาคณะ ชัน้ สามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ๙.๑๐ พระราชาคณะ ช้นั สามญั ยก คู่มือการปฏบิ ตั ิศาสนพธิ ีเบอ้ื งตน้

190 พระครสู ัญญาบตั ร พระครฐู านานกุ รม พระเปรยี ญธรรม ๑๐. พระครูสญั ญาบตั ร เจา้ คณะจังหวดั (จจ.) ๑๑. พระครูสัญญาบตั ร รองเจ้าคณะจังหวดั (รจจ.) ๑๒. พระครสู ญั ญาบตั ร เจา้ อาวาสพระอารามหลวง ช้นั เอก (จล.ชอ.) ๑๓. พระครูสญั ญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชน้ั พเิ ศษ (จอ.ชพ.) ๑๔. พระครสู ัญญาบัตร เทียบเจา้ คณะอำเภอ ชั้นพิเศษ (ทจอ.ชพ.) ๑๕. พระครปู ลัดของสมเด็จพระราชาคณะ ๑๖. พระเปรียญธรรม ๙ ประโยค ๑๗. พระครสู ญั ญาบัตร เจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชัน้ โท (จล.ชท.) ๑๘. พระครสู ญั ญาบตั ร เจา้ คณะอำเภอ ช้ันเอก (จอ.ชอ.) ๑๙. พระครูสัญญาบตั ร เทียบเจา้ คณะอำเภอ ชัน้ เอก (ทจอ.ชอ.) ๒๐. พระครูสัญญาบตั ร เจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้ันตรี (จล.ชต.) ๒๑. พระครสู ญั ญาบตั ร เจ้าคณะอำเภอ ช้ันโท (จอ.ชท.) ๒๒. พระครสู ญั ญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้ันเอก (รจล.ชอ.) ๒๓. พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชนั้ โท (รจล.ชท.) ๒๔. พระครูสญั ญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้นั ตรี (รจล.ชต.) ๒๕. พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้ันพิเศษ หรือเทียบเท่า (ผจล.ชพ. หรือ ทผจล.ชพ.) ๒๖. พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้ันเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ หรือเทยี บเทา่ (ผจล.ชอ.วิ หรือ ทผจล.ชอ.วิ.) ๒๗. พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ช้ันเอก หรือเทียบเท่า (ผจล.ชอ. หรอื ทผจล.ชอ.) ๒๘. พระครปู ลัดของพระราชาคณะ เจา้ คณะรอง ช้นั หิรญั บฏั ๒๙. พระครูปลดั ของพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ช้ันสญั ญาบตั ร ๓๐. พระครูฐานานกุ รมชน้ั เอก ของสมเดจ็ พระสงั ฆราช (พระครูปรติ ร) ๓๑. พระเปรียญธรรม ๘ ประโยค ๓๒. พระครูสญั ญาบตั ร ผชู้ ่วยเจา้ อาวาสพระอารามหลวง ชนั้ โท หรือเทยี บเทา่ (ผจล.ชท. หรือ ทผจล.ชท.) ๓๓. พระเปรยี ญธรรม ๗ ประโยค ๓๔. พระครูปลดั ของพระราชาคณะ ชน้ั ธรรม คู่มือการปฏิบตั ิศาสนพธิ เี บ้ืองตน้

191 ๓๕. พระครูฐานานกุ รมช้ันโท ของสมเด็จพระสังฆราช (พระครปู รติ ร) ๓๖. พระครูสัญญาบตั ร รองเจา้ คณะอำเภอ ช้นั เอก (รจอ.ชอ.) ๓๗. พระครสู ัญญาบตั ร รองเจา้ คณะอำเภอ ชน้ั โท (รจอ.ชท.) ๓๘. พระครูสญั ญาบัตร เจา้ คณะตำบล ชั้นเอก ฝา่ ยวิปสั สนาธรุ ะ (จต.ชอ.วิ.) ๓๙. พระครูสญั ญาบัตร เจ้าคณะตำบล ชั้นเอก (จต.ชอ.) ๔๐. พระครูสญั ญาบตั ร เจ้าคณะตำบล ชั้นโท (จต.ชท.) ๔๑. พระครูสญั ญาบัตร เจ้าคณะตำบล ชั้นตรี (จต.ชต.) ๔๒. พระครูสญั ญาบตั ร เจ้าอาวาสวดั ราษฎร์ ชนั้ เอก (จร.ชอ.) ๔๓. พระครูสญั ญาบัตร เจ้าอาวาสวดั ราษฎร์ ชั้นโท ฝา่ ยวปิ ัสสนาธุระ (จร.ชท.ว.ิ ) ๔๔. พระครสู ัญญาบัตร เจา้ อาวาสวัดราษฎร์ ชน้ั โท (จร.ชท.) ๔๕. พระครูสญั ญาบัตร เจา้ อาวาสวดั ราษฎร์ ชนั้ ตรี (จร.ชต.) ๔๖. พระครสู ัญญาบตั ร รองเจา้ อาวาสวัดราษฎร์ (รจร.) ๔๗. พระครสู ญั ญาบตั ร ผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวัดราษฎร์ (ผจร.) ๔๘. พระเปรยี ญธรรม ๖ ประโยค ๔๙. พระเปรยี ญธรรม ๕ ประโยค ๕๐. พระครูปลดั ของพระราชาคณะ ชั้นเทพ ๕๑. พระครปู ลัดของพระราชาคณะ ช้ันราช ๕๒. พระครูวนิ ยั ธร ๕๓. พระครธู รรมธร ๕๔. พระครคู ู่สวด ๕๕. พระเปรียญธรรม ๔ ประโยค ๕๖. พระปลัดของพระราชาคณะ ชั้นสามญั ๕๗. พระเปรียญธรรม ๓ ประโยค ๕๘. พระครูรองคู่สวด ๕๙. พระครสู ังฆรกั ษ์ ๖๐. พระครูสมหุ ์ ๖๑. พระครูใบฎกี า ๖๒. พระสมหุ ์ ๖๓. พระใบฎกี า ๖๔. พระพิธธี รรม (เหลือง-แดง-นำ้ เงนิ -เขียว) คมู่ อื การปฏบิ ตั ิศาสนพธิ เี บอื้ งตน้

192 หมายเหต ุ ๑. การจัดลำดับน้ี เป็นการปรับปรุงใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยความเห็นชอบของมหาเถร สมาคมในการประชมุ ครงั้ ที่ ๖/๒๕๔๑ เมอ่ื วันท่ี ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ ๒. เฉพาะพิธีรับผ้าพระกฐินพระราชทาน เจ้าอาวาสนั่งหน้าพระภิกษุรูปอ่ืน ซึ่งแม้จะมี สมณศกั ดิ์สูงกวา่ ๓. ตั้งแต่พระราชาคณะ ช้ันราชขน้ึ ไป น่งั ตามลำดับอาวโุ สโดยสมณศักด ์ิ คมู่ อื การปฏบิ ตั ิศาสนพิธีเบื้องตน้

193 การใชพ้ ัดยศ การถวายอตเิ รก และการถวายพระพรลา พระดำรัสแหง่ สมเด็จพระมหาสมณะ๓ ใหถ้ วายอตเิ รกในการหลวงการรัฐบาลทว่ั ไป สมเด็จพระมหาสมณะ มีพระดำรัสว่า ธรรมเนียมการถวายอดิเรก แด่สมเด็จพระเจ้า แผน่ ดินแต่กอ่ นมา ถวายเฉพาะในพระที่นงั่ เนื่องดว้ ยที่ประทับ และต่อมาในพระที่น่ังทเี่ คยประทับ ทุกแห่ง สมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะเป็นผู้ถวาย โดยฐานทรงยกย่องเป็นพระเถระ เห็นว่า คำถวายอติเรกน้ัน เป็นคำออกพระนาม หรือกล่าวทางไวยากรณ์แห่งมคธภาษาเป็น ประถมบุรุษ คำกล่าวถึงถวายลับหลังก็ไม่ชัด และการถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินของตน ก็เป็นการแสดงความปรารถนาอันดี ถ้าใช้ในการหลวงการรัฐบาลทั่วไป จัดเป็นการสมควร แต่ติด อยทู่ ่ีหัวเมือง เพราะไมม่ ีพระราชาคณะทกุ แห่ง ได้นำความเรยี นพระราชปฏบิ ัติ บดั น้ี พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้พระครูเจ้าคณะจังหวัด และพระครูเจ้ารองผู้ได้รับพระราชทานพัดแฉก ยอดเป็นเครอ่ื งยศ ถวายอติเรก ได้ดว้ ย ต้งั แต่วันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๒ น้ี ที่เปน็ วนั ตรง สุรทินบรมราชาภิเษกเป็นต้นไป ให้สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ และพระครูเจ้าคณะ จังหวดั ผ้เู ป็นหัวหนา้ แห่งสงฆ์ ผเู้ ขา้ ในการหลวง ทง้ั ในกรุงทง้ั ในหัวเมอื ง หรือในการรฐั บาลในหวั เมือง เช่น ในการถือน้ำ ในการเฉลิมรัชชพรรษา และในการเฉลิมพระชนมพรรษา ถวายอติเรกทุกแห่ง ทั้งในพระท่ีนั่ง ทั้งในที่อื่น ทั้งในเวลาเสด็จออก ท้ังในเวลาไม่เสด็จออก ส่วนการว่า คำถวาย พระพรลา คงใช้ในเวลาเสด็จออกเฉพาะในพระราชวัง ในพระราชฐาน หรือในที่ประทับแห่งอ่ืน เช่น ค่ายหลวง พระครูเจา้ คณะจังหวดั ถวายไดด้ ้วย พระครูเจา้ คณะจงั หวดั เจา้ คณะรอง ผู้ยงั ไมเ่ คยถวาย จงดูคำถวายอดเิ รก และคำถวาย พระพรลา ในแถลงการณค์ ณะสงฆ์ เลม่ ๔ หน้า ๒๖๙ ถึง ๒๗๐ เม่ือถวายจงต้งั พัดยศ มพี ระดำรัสสงั่ ไว้ ณ วนั ท่ี ๓ พฤศจกิ ายน ๒๔๖๒ ๓ สนติ์ แสวงบญุ ป.. ทำเนยี บพัดยศสมณศักด.์ิ กรุงเทพมหานคร, ศรเี มืองการพมิ พ,์ ๒๕๑๕. ค่มู อื การปฏิบัติศาสนพธิ เี บื้องต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook