Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กระบวนการอนามัยชุมชน: แนวคิดและการปฏิบัติการพยาบาล

กระบวนการอนามัยชุมชน: แนวคิดและการปฏิบัติการพยาบาล

Published by Reading Room, 2020-04-08 23:45:11

Description: โครงการตำราคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Search

Read the Text Version

[141] สาธารณสุขประจาหมู่บ้านให้มีความรู้และทัศนคติท่ีดีต่อการจดั ทาผงนา้ ตาลเกลือแร่ท่ีมีคุณภาพและ แจกจา่ ยในการดแู ลชว่ ยเหลือผ้ทู ี่ประสบปัญหาท้องเสียในชมุ ชน เป็นต้น ทรัพยากร (Resource) หรือแหล่งประโยชน์ในชมุ ชน กาหนดการใช้ทรัพยากรว่ามีส่ิงใดบ้าง เช่น วสั ดุ อปุ กรณ์ บคุ ลากร เงิน งบประมาณ และยานพาหนะ เป็นต้น และพิจารณาผ้รู ับผิดชอบ (Responsible person) ในการแก้ไขปัญหาตามกลวธิ ีทางสาธารณสขุ 6. การประเมินผล (Evaluation) และทบทวน เป็ นการกาหนดรูปแบบและวิธีการประเมินผล แผนงานโครงการท่ีกาหนดไว้ว่าสาเร็จตามที่วางเป้ าหมายไว้หรือไม่ หากไม่บรรลุเป้ าหมายก็อาจมีการ ปรับเปลี่ยนวธิ ีการ หรือเป้ าหมาย โดยการประเมนิ ผลจะจดั ทาเป็นระยะๆ 5.6.1 การจัดทาแผนเพ่อื ดาเนินงานสุขภาพในชุมชน แผน เป็นเครื่องมือที่กาหนดทิศทาง การจดั ทาแผนเพื่อดาเนินงานพฒั นาสขุ ภาพของประชาชนใน ชมุ ชนที่ดีนนั้ ต้องมาจากการมีส่วนร่วมของคนในชมุ ชน มาร่วมคิดร่วมกาหนดแนวทางและกิจกรรมการ พฒั นาของชมุ ชน สาหรับหน่วยงานราชการ องค์กรพฒั นาเอกชนหรือบคุ คลอื่นๆ ที่อย่ภู ายนอกชมุ ชนจะ เป็นผ้สู นบั สนนุ หรือเป็ นพ่ีเลีย้ ง และคอยให้คาปรึกษา วิธีการจดั ทาแผนตาบล สามารถทาได้หลายวิธี เชน่ กระบวนการสมชั ชาสขุ ภาพระดบั ชุมชน สภาสุขภาพ ประชาคมสุขภาพ เป็ นต้น พยาบาลอนามัยชุมชน จะต้องช่วยกระต้นุ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจดั ทาแผน และสนบั สนุนกระบวนการจดั ทาแผน ชุมชนแบบมีส่วนร่วมอย่างจริงจงั เพ่ือให้เกิดความยง่ั ยืนของการทางานตามแผน และเพ่ือการพฒั นาให้ ชมุ ชนเข้มแข็งตอ่ ไป แผนท่ีพยาบาลอนามยั ชมุ ชนควรต้องทาความรู้จกั และเข้าใจ ขอกล่าวถึง แผนพฒั นา สขุ ภาพตาบล แผนแมบ่ ทชมุ ชน แผนแมบ่ ท และแผนงานยอ่ ยหรือโครงการ 1) แผนพัฒนาสุขภาพตาบล แผนพฒั นาสขุ ภาพตาบล หรือเรียกวา่ แผนตาบล เป็ นกลไกสาคญั ที่ทาให้องค์กรหลกั ในพืน้ ที่มาทางานร่วมกนั องค์กรหลกั ได้แก่ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น หนว่ ยบริการสขุ ภาพในพืน้ ที่ และองค์กร ชมุ ชนและประชาชน โดยเน้นการร่วมคดิ ร่วมทาร่วมกาหนดทิศทางการดแู ลสขุ ภาพชมุ ชน โดยไมม่ ีใครหรือ องค์กรใดได้ประโยชน์ฝ่ ายเดียว การมีแผนตาบลจะช่วยให้ทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้องมีโอกาส ใช้ข้อมูลชุด เดียวกนั ในการทางาน และแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั ในการปฏิบตั ิการ (ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) แผนพฒั นา สขุ ภาพตาบลมีช่ือเรียกอีกหลายช่ือ เชน่ แผนชมุ ชน แผนชมุ ชนพง่ึ ตนเอง แผนแมบ่ ทชมุ ชน เป็นต้น แผนตาบลมีลกั ษณะที่สาคญั ดงั นี ้(ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[142] 1. ใช้ข้อมลู ของพืน้ ท่ีเป็ นฐานสาคญั ในการทาแผน ข้อมลู ท่ีแสดงปัญหาในพืน้ ที่อาจมาจาก หนว่ ยงานหรือองคก์ รในพืน้ ที่ หรือมาจากการประชมุ ประชาคมในหมบู่ ้าน 2. ใช้ความต้องการในการแก้ปัญหาของพืน้ ท่ีและนโยบายของประเทศเป็ นเป้ าหมายของ แผน หากเจ้าภาพหลักเป็ นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แผนตาบลมักต้องตอบสนองกับนโยบายของ ประเทศ หากภาคประชาชนเป็นเจ้าภาพหลกั เชน่ การทาแผนแมบ่ ทชมุ ชน แผนมกั เป็ นไปตามแนวทางการ แก้ปัญหาของพืน้ ที่หลัก และหากหน่วยบริการสุขภาพเป็ นผู้ผลกั ดันให้เกิดการจดั ทาแผนก็จะเน้นเร่ือง สขุ ภาพกบั ความครอบคลมุ ของการบริการสขุ ภาพ เป็นต้น 3. เป็ นปฏิบตั ิการจดั ทาแผนแบบมีส่วนร่วม จากภาคประชาชนและองค์กรอื่นท่ีเกี่ยวข้อง โดยอาศยั การมีสว่ นร่วมท่ีสาคญั ใน 3 ขนั้ ตอน ได้แก่ (1) การค้นหาปัญหาของคนในชมุ ชนและสาเหตหุ รือ ปัจจยั ที่เกี่ยวข้องที่กอ่ ให้เกิดปัญหา และร่วมทาความเข้าใจข้อมลู ที่แสดงปัญหาและศยั ภาพของชมุ ชนตาม ประเดน็ ที่ต้องการจดั การ (2) ร่วมกนั ค้นหาทางออกในทางแก้ปัญหาหรือแนวทางการพฒั นา ซึง่ อาจได้จาก ประสบการณ์ในพืน้ ท่ี การเรียนรู้จากการศึกษา การศกึ ษาดงู านในพืน้ ท่ีอ่ืน หรือจากเวทีแลกเปลี่ยนตา่ งๆ และ (3) ร่วมปฏิบตั กิ ารและสรุปบทเรียนจากการปฏิบตั กิ ารร่วมกนั ในสองขนั้ ตอนแรกจะเป็ นฐานท่ีสาคญั ให้กบั ขนั้ ตอนท่ีสามซงึ่ ต้องมีการจดั สรรภารกิจและบทบาทหน้าท่ีของผ้มู ีสว่ นร่วมทงั้ หมด จึงจะสามารถนา แผนไปสกู่ ารปฏิบตั ไิ ด้ 4. ต้องมีระบบสนบั สนนุ ในระดบั พืน้ ท่ี ได้แก่ งบประมาณ ผ้นู าหรือบคุ ลากรที่เป็ นคนหลกั ใน การนาการจดั ทาแผน การนาแผนไปปฏิบตั กิ าร และการสรุปบทเรียนประเมินแผนในแตล่ ะรอบ (ทรัพยากร บคุ คลหรือทนุ ทางสงั คม) และเคร่ืองมือ สถานท่ี ความพร้อมทางกายภาพ เช่น ศนู ย์ฟื น้ ฟสู ขุ ภาพผ้สู งู อายุ ในตาบล ศนู ย์เรียนรู้เรื่องการเกษตรอินทรีย์ ห้องประชมุ อบต. หน่วยบริการสขุ ภาพในชมุ ชน หอกระจาย ข่าวหรือสถานีวิทยุชมุ ชน ศาลาอเนกประสงค์ เป็ นต้น ในส่วนนีส้ ามารถเกิดขึน้ ได้จากปัจจยั ความพร้อม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัจจยั ด้านทุนทางสงั คมของชุมชน ส่วนการสนบั สนนุ ด้านวิชาการ อาจได้มาจากหนว่ ยงานทงั้ ภาครัฐ และองค์กรเอกชนในพืน้ ที่ องคป์ ระกอบของแผนตาบลมี ดงั นี ้(ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) 1. ปัญหาของคนในชมุ ชน สาเหตหุ รือปัจจยั ที่เก่ียวข้องท่ีก่อให้เกิดปัญหาตา่ งๆ ของชมุ ชน 2. เป้ าหมายในการแก้ปัญหา 3. ทางออกในการแก้ปัญหาหรือแนวทางการแก้ปัญหา กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[143] 4. กิจกรรมบริการสขุ ภาพ ที่เป็นองค์ประกอบของทางออกในการแก้ปัญหา 5. ทรัพยากรในการแก้ปัญหา ได้แก่ คนท่ีเกี่ยวข้อง คนที่ได้รับผลกระทบ คนท่ีดาเนินการ เงินในการดาเนนิ การ เป็นต้น ตวั อย่าง การจดั ทาแผนสุขภาวะของตาบลท่าข้าม อาเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา (พงค์เทพ สธุ ี วุฒิ, 2554) ซ่ึงแผนสุขภาวะ หมายถึง แผนชุมชนที่มุ่งเน้นเพ่ิมมิติด้านสร้ างสุขภาพ มีกระบวนการ วางเป้ าหมายและหาแนวทางหรือวิธีการบรรลุผลการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม เพ่ือนาไปสู่สุขภาวะ ครอบคลมุ ทัง้ มิติทางกาย ใจ สงั คม และปัญญา โดยมีปัจจยั ข้อมูลต่างๆ ด้านสุขภาพ ที่ครบถ้วนนามา กาหนดเป็ นแนวทาง และมีแผนปฏิบตั ิการรองรับ ในการจดั ทาแผนสุขภาวะนี ้มีวิธีการดาเนินการสรุปได้ ดงั นี ้(1) การระดมความคิดเห็น สร้างความเข้าใจร่วมกนั ของคนในชมุ ชน ภาคีเครือข่ายที่เก่ียวข้องด้าน สขุ ภาพ (2) สารวจข้อมลู สขุ ภาพโดยคนในชมุ ชน ได้แก่ แกนนาสขุ ภาพ ผ้นู าชุมชน (3) ตรวจสอบข้อมลู วิเคราะห์ (4) วางเป้ าหมาย แนวทาง วิสยั ทศั น์ ยทุ ธศาสตร์ (5) จดั ทาแผนปฏิบตั ิการ (6) จดั เวทีรับฟัง ความคิดเห็น ทาประชาพิจารณ์ในชมุ ชน (7) ปฏิบตั กิ ารกิจกรรมตามแผน (8) จดั ทาเอกสารรูปเล่ม แผน สขุ ภาพท่ีผ่านขนั้ ตอนกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และนาเสนอเข้าส่แู ผนงบประมาณของ อบต. และ (9) สรุปบทเรียนความสาเร็จการทาแผนสขุ ภาพ สรุป การจดั ทาแผนพฒั นาสขุ ภาพตาบล เป็ นกระบวนการแบบมีสว่ นร่วม ที่เน้นให้ผ้มู ีส่วนร่วมเกิด ความเข้าใจที่ตรงกนั จากการที่ได้วิเคราะห์และใช้ข้อมลู ชมุ ชนชดุ เดียวกนั มองเห็นบทบาทหน้าท่ีและวิธีการ ทางานของแตล่ ะส่วนและสามารถปฏิบตั กิ ารร่วมกนั ได้ เพื่อนาไปสสู่ ขุ ภาวะของชมุ ชน (ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) 2) แผนแม่บทชุมชน แผนแมบ่ ทชุมชน เป็ นแผนที่ดาเนินการในระดบั ตาบล เพื่อนาไปส่กู ารพึ่งพาอาศยั กนั และ การพง่ึ พาตนเองในการจดั การคน ทรัพยากร การผลิต ผลผลิต จดั การทนุ ทงั้ หมด รวมทงั้ ทนุ ทางสงั คมของ หมบู่ ้าน และการประสานเครือขา่ ยกบั หมบู่ ้านอ่ืนในตาบลเดยี วกนั เพื่อความเข้มแขง็ แนวคิดกระบวนการจดั ทาแผนแม่บทชมุ ชน จะเน้นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกนั ในทกุ เร่ืองท่ี เกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิตของประชาชนในชุมชน ผ่านการจดั เวทีการเรียนรู้ในเรื่องตา่ งๆ เพ่ือก่อให้เกิด ความรู้ที่ลึกในเรื่องเก่ียวกบั ทนุ ทางสงั คม มีการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองมากท่ีสดุ และการ พฒั นาให้ชมุ ชนเข้มแขง็ (ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[144] ลกั ษณะสาคญั ของการดาเนนิ การทาแผนแมบ่ ทชมุ ชน มีดงั นี ้(ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, 2551) 1. ต้นทนุ ต้องมาจากชุมชนเอง ชมุ ชนต้องค้นหาทนุ ของตวั เองว่าชุมชนมีทุนอะไรบ้าง ทุน จากภายนอก จากหนว่ ยงานใดๆ ต้องมาเสริมทนุ ที่มีอยู่ 2. ชมุ ชนต้องรู้เรื่องราวของตนเอง รู้ปัญหา รู้จักทุน จุดอ่อน จุดแข็ง รายรับรายจ่ายของ ตวั เอง ความรู้มาจากชมุ ชนเอง ถ้าไมม่ ีความรู้ก็ต้องรู้ว่าควรจะรู้เรื่องอะไรเป็ นส่ิงสาคญั และจะเอาความรู้ นนั้ มาจากท่ีไหน 3. การกระจายผลผลิตที่สาคญั ท่ีสุด คือ ระหว่างกล่มุ คนในชุมชนและเครือญาติพ่ีน้อง เพราะเป็นการเพ่ิมทนุ ทางสงั คมให้มากขนึ ้ และตอ่ เน่ือง 3) การวางแผนแม่บท (Master plan) การวางแผนแม่บทหรือแผนงานหลกั (Master plan) ถือเป็ นแผนหลกั ที่มีความครอบคลมุ ปัญหาทงั้ หมดของชุมชนก่อนจะนาไปสู่แผนย่อยหรือแผนระดบั โครงการ เป็ นขนั้ ตอนการกาหนดปัญหา วิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุ เป้ าหมาย กลวิธีและวิธีการแก้ไขปัญหาที่ทาให้บรรลุวัตถุประสงค์และ เป้ าหมาย ซงึ่ อาจมีมากกวา่ หนง่ึ วิธี แตเ่ ลือกวธิ ีที่ดีท่ีสดุ เพื่อนามาเขียนรายละเอียดของกิจกรรม และวิธีการ แก้ไขปัญหา เพ่ือให้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์และเป้ าหมายท่ีกาหนด ในการวางแผนแม่บท เป็ นกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วมและเป็ นกระบวนการทาง ความคดิ โดยสามารถใช้เทคนคิ ตา่ งๆ ในกระบวนการทางานกบั ชมุ ชนเพื่อสร้างการมีสว่ นร่วม ได้แก่ (1) เทคนิค SWOT (Strength/ Weakness/Opportunity/Threat: SWOT Analysis) เป็ น การวิเคราะห์ปัจจยั ภายในองค์กร ท่ีเป็ นจดุ แข็ง จดุ อ่อน เชน่ โครงสร้างองค์กร บคุ ลากร งบประมาณ วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ิงแวดล้อมในองค์กร เป็ นต้น และปัจจัยภายนอกองค์กร ท่ีเป็ นโอกาส และภาวะคุกคาม เช่น ประชากร สงั คมและวฒั นธรรม เศรษฐกิจ การเมือง คแู่ ข่งขนั เทคโนโลยี ข้อมลู การเปล่ียนแปลงตา่ งๆ ใน อนาคต เป็นต้น (2) กระบวนการ A.I.C (Appreciation-Influence-Control: AIC) เป็ นวิธีการและเทคนิคใน การนาคนที่จะทางานร่วมกนั ทงั้ หมดในชมุ ชนมาประชมุ เชิงปฏิบตั กิ ารโดยมีความเข้าใจ มีปฏิสมั พันธ์และ แลกเปล่ียนความคดิ ประสบการณ์ ตลอดจนยอมรับและร่วมกนั ทางาน (3) การเสริมสร้างพลงั (Empowerment) กระบวนการสร้างพลงั เพ่ือสร้างความเข้มแข็ง ให้กบั ชมุ ชน เพ่ือเปลี่ยนแปลงวถิ ีการดาเนินชีวติ และสงิ่ แวดล้อมให้เอือ้ ตอ่ สขุ ภาพ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[145] (4) การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory learning) การจดั การเรียนรู้ด้วยการเสริมพลงั ให้มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ และเลือกตดั สนิ ใจเองได้ (5) กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้ างอนาคตร่วมกัน (Future search conference: F.S.C) เป็นเทคนคิ การประชมุ แบบมีสว่ นร่วม (6) การวิเคราะห์/ประเมนิ ชมุ ชนแบบมีสว่ นร่วม (Participatory rural appraisal: PRA) (7) การจดั สนทนากลมุ่ (Focus group discussion: FGD) (8) เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกนั ในการปฏิบตั ิ (Interactive learning to action) สาหรับการ เรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติเป็ นวิธีคิดในการจัดการเพ่ือการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (ประเวศ วะสี, มปป.) โดยบคุ คลและองคก์ รตา่ งๆ ต้องเข้ามาเก่ียวข้องสมั พนั ธ์ตามความสมคั รใจโดยการเรียนรู้ร่วมกนั ใน การปฏิบตั ิ ซง่ึ การเรียนรู้ร่วมกนั ในการปฏิบตั ิจะเกิดขนึ ้ ได้นนั้ ทกุ คนต้องเปล่ียนความคดิ ใหม่ตอ่ คนอื่น ลด อคตติ า่ งๆ มีความเอือ้ อาทร เปิ ดเผย จริงใจตอ่ กนั แลกเปล่ียนมมุ มองกบั คนอ่ืนและมองเห็นคณุ คา่ ของคน ทกุ คน จะทาให้เกิดความสขุ ในตนเอง และเกิดความไว้วางใจกนั และเกิดพลงั ในองค์กรที่จะขบั เคล่ือนการ พฒั นาสขุ ภาวะชมุ ชน องค์ประกอบของแผนแม่บท แผนแมบ่ ทมีองคป์ ระกอบของแผนดงั นี ้(ขนษิ ฐา นนั ทบตุ ร, 2551) 1. ปัญหาและข้อมลู สนบั สนนุ ท่ีเป็นสาเหตทุ าให้เกิดปัญหานนั้ 2. วตั ถปุ ระสงค์ 3. แนวทางแก้ไขปัญหา 4. กิจกรรม 5. การประเมนิ ผล ระบวุ ธิ ีการ และเกณฑ์การประเมินผล กระบวนการวางแผนท่ีให้ผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) มีส่วนร่วมในการวางแผน และให้ แนวทางเพื่อพัฒนาชุมชน ที่นิยมใช้ในชุมชน ขอกล่าวถึง กระบวนการเทคนิค A.I.C (Appreciation- Influence-Control) โดย A หมายถงึ การเข้าใจ เห็นคณุ คา่ ความพงึ พอใจที่จะทางาน I หมายถึง ผลกระทบจากผลผลติ ส่ิงนาเข้าทงั้ หมด มีอทิ ธิพลตอ่ งาน C หมายถึง การร่วมกนั ทางาน การควบคมุ ได้ การประเมินผล กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[146] ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง A-I-C ต้องมีความเชื่อมโยงกนั อย่างดีเพ่ือการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้ กระบวนการเทคนิค A.I.C. เป็ นกระบวนการท่ีมีศกั ยภาพในการสร้างพลังและกระต้นุ การยอมรับของ ชาวบ้านให้ร่วมพฒั นาชมุ ชนและมีศกั ยภาพท่ีจะขยายผลออกในวงกว้าง หลกั ของวิธีการประชมุ แบบ A.I.C ตงั้ อยบู่ นพืน้ ฐานของความพงึ พอใจและมีจดุ มงุ่ หมายเดยี วกนั ในอนั ที่จะสร้างสรรค์และจดั การร่วมกนั วิธีการของ A.I.C มีดงั นี ้(พีรธร บณุ ยรัตพนั ธ์ุ บญุ สง่ กวยเงิน และพฒั นศกั ดิ์ กระตา่ ยน้อย, 2552) 1. กาหนดวิสยั ทศั น์ร่วมกนั 2. วางแผนร่วมกนั และร่วมระดมทรัพยากร 3. แบ่งบทบาทหน้าท่ี ประกอบด้วย 1) แผนหรือกิจกรรมที่องค์กร/ชุมชนทาเองได้ 2) แผนหรือ กิจกรรมท่ีองค์กร/ชมุ ชนทาเองบางส่วนและขอความช่วยเหลือจากภายนอก 3) แผนหรือกิจกรรมท่ีต้อง ขอให้ผ้อู ื่นทาให้ ขนั้ ตอนของ A.I.C มีดงั นี ้(พีรธร บณุ ยรัตพนั ธ์ุ และคณะ, 2552) ขนั้ ตอนที่ 1 เข้าใจสภาพ/ สถานการณ์ท่ีแท้จริง โดยให้ผ้เู ข้าร่วมประชุมทกุ คนได้แสดงข้อคดิ เห็น รับฟัง และหาข้อสรุปร่วมกนั อย่างเป็ นประชาธิปไตย อาจใช้การวาดรูป ข้อเขียน คาพดู เป็ นส่ือในการแสดง ข้อคิดเห็น เกี่ยวกบั สถานการณ์ของชมุ ชนท่ีผา่ นมา และปัจจุบนั เพื่อทาความเข้าใจสถานการณ์ท่ีแท้จริง เช่น ปัญหาสขุ ภาพของประชาชนในชุมชน สถานการณ์สิ่งแวดล้อมท่ีกระทบต่อสขุ ภาพ ทรัพยากรที่ใช้ใน การดแู ลด้านสขุ ภาพมีข้อจากดั หรือไมอ่ ยา่ งไร ขนั้ ตอนที่ 2 สร้างวิสยั ทศั น์ สภาพที่คาดหวงั ในอนาคต เป็ นมิติท่ีทกุ คนเข้าใจความเป็ นมาและ กาหนดความคาดหวงั ความประสงค์ร่วมกนั เช่น การกาหนดอนาคตของชมุ ชนร่วมกนั ว่าต้องการให้เกิด การพฒั นาในทิศทางใด ซ่ึงอาจใช้การวาดภาพอนาคตของชุมชน แล้วให้เจ้าของภาพนนั้ อธิบาย แล้วให้ สมาชกิ ซกั ถามด้วยความสร้างสรรค์ เพื่อร่วมสร้างสง่ิ ท่ีคาดหวงั ในอนาคตร่วมกนั ทกุ คนเกิดความพงึ พอใจ ขนั้ ตอนท่ี 3 คิดค้น หากลวิธี โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมแสดงพลงั ข้อคิดเห็นและประสบการณ์ หาก ความคดิ เหน็ ของตนได้รับการยอมรับก็จะเกิดความภมู ิใจ หากความคดิ ของผ้อู ่ืนดี มีเหตผุ ลก็ยอมรับด้วย ขนั้ ตอนที่ 4 กาหนดแผนปฏิบตั กิ าร จดั ความสาคญั จาแนกกิจกรรม จดั ทาแผน โดยทกุ คนได้แสดง ข้อคดิ เห็นและประสบการณ์ให้ผ้อู ่ืนได้เลือกใช้ประโยชน์ โดยใช้กิจกรรมเป็ นส่ิงควบคมุ ความสาเร็จ ในชว่ ง การจดั ลาดบั ความสาคญั โดยพจิ ารณาเลือกวิธีการสาคญั ร่วมกนั สมาชิกกลมุ่ ผ้เู ข้าประชมุ จะมีปฏิสมั พนั ธ์ กนั สงู หรือมีการอภิปราย โต้แย้งเพื่อให้ได้ทางเลือกที่เหน็ วา่ ดที ่ีสดุ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[147] ขนั้ ตอนที่ 5 ดาเนินการตามแผน วางแผนหาผ้รู ับผิดชอบทงั้ ผ้รู ับผิดชอบหลกั และผ้รู ับผิดชอบรอง ทกุ คนวเิ คราะห์ตนเอง แสดงพลงั ความสามารถและรับภารกิจท่ีจะร่วมทางานในเรื่องที่ตนเองเลือก ขนั้ ตอนที่ 6 กากบั และประเมินผล เปิ ดโอกาสให้ทกุ คนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กาหนดวิธีการ ปฏิบตั ิ ลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ เพ่ือนาไปสคู่ วามสาเร็จตามที่คาดหวงั ขนั้ ตอนที่ 7 ทบทวนงานและปรับปรุงกลวิธี เพื่อขจดั กบั อปุ สรรคท่ีทาไมส่ าเร็จ เร่ืองใดที่ตนเองทา ไมไ่ ด้ จะมีวธิ ีการร่วมมือกบั คนอื่นอยา่ งไร หรือเร่ืองใดที่ต้องให้คนอ่ืนทา ขัน้ ตอนท่ี 8 ดาเนินการต่อ กิจกรรมใดที่สาเร็จแล้วก็ต้องพัฒนา คิดกิจกรรมใหม่ๆ เพราะ ความสาเร็จเรื่องใดเรื่องหนงึ่ จะมีปัญหาใหมต่ ามมาให้แก้ไข ในกระบวนการวางแผนหรือขัน้ ตอนการวางแผนสามารถสรุปได้ 3 สว่ นใหญ่ๆ คือ การจดั ทาแผน (Planned formulation) การปฏิบตั ิตามแผน (Planned implementation) และการประเมินแผน (Planned evaluation) สาหรับการวางแผนกลยทุ ธ์ท่ีใช้ปฏิบตั ิงานในชมุ ชน พยาบาลอนามยั ชมุ ชนมีบทบาทที่สาคญั หลายอย่างในการร่วมจัดทาแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ เช่น เป็ นผู้พยากรณ์คาดการณ์การ เปล่ียนแปลงที่เป็นอยแู่ ละอนาคต ผ้รู ิเร่ิมจดั ทาแผนและผู้ให้ความรู้แก่บคุ ลากร เพื่อนร่วมงานได้เข้าใจและ เห็นประโยชน์ ผ้สู นบั สนนุ การวิเคราะห์ข้อมลู ด้านคณุ ภาพการพยาบาล การบริการสขุ ภาพ และการเงิน ผู้ จดั กระบวนการประชมุ (Conductor) และกระต้นุ ให้ผ้รู ่วมประชุมแสดงความคดิ เห็นอย่างกว้างขวาง เป็ นผู้ ถ่ายทอดแผนกลยุทธ์ส่กู ารปฏิบตั ิ ผ้ตู รวจสอบ และผู้คอยดแู ล ว่าการจดั ทาแผนกลยทุ ธ์ การปฏิบตั ิตาม แผนนนั้ มีความสอดคล้องกบั วิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ ความต้องการ และสถานการณ์ 4) การวางแผนงานย่อยหรือโครงการ (Sub plan) เม่ือดาเนินการวางแผนงานหลกั แล้ว จะสามารถบอกได้ว่าจะใช้กลวิธีทางสาธารณสุขใน การแก้ปัญหาอยา่ งไรบ้าง ขนั้ ตอนตอ่ ไปจะเป็ นการวางแผนงานย่อยหรือการเขียนโครงการ เพ่ือนาไปส่กู าร ปฏิบตั ิหรือแก้ไขปัญหาย่อยที่ได้ลาดับไว้ การเขียนแผนงานย่อยหรือโครงการย่อยจะต้องมีการกาหนด เป้ าหมายการดาเนนิ กิจกรรม (Goal) และระยะเวลา กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[148] ภาพ 7 ตวั อยา่ งขนั้ ตอนการวางแผนในชมุ ชน ขัน้ ตอน/กจิ กรรม ผ้ ูมีส่ วนร่ วม บทบาทหน้าท่ี 1. จดั ทาแผน ผู้บริหารริเริ่มจัดทาแผน บุคลากรทุกคนเก็บรวบรวม 1.1 รวบรวมข้อมลู ปัญหา ความต้องการ ผ้บู ริหาร ข้อมลู วเิ คราะห์เพ่อื แยกแยะปัญหา บคุ ลากรทกุ คนร่วมวเิ คราะห์ ผ้บู ริหารตดั สนิ ใจ และวิเคราะห์ข้อมลู บคุ ลากรทกุ คน บคุ ลากรทกุ คนพิจารณาปัญหาทต่ี ้องวางแผนแก้ไข ผ้บู ริหารกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ เป้ าหมาย 1.2 วเิ คราะห์สถานการณ์ บคุ ลากรทกุ คน ผ้บู ริหารกาหนดจดุ หมายปลายทางทต่ี ้องการบรรลุ 1.3 พิจารณาปัญหา บคุ ลากรทกุ คน ผ้บู ริหาร เขียนรายละเอียดของแผนปฏิบตั ิการ กาหนด ผ้รู ับผดิ ชอบ 1.4 กาหนดวตั ถปุ ระสงค์และเป้ าหมาย ผ้บู ริหาร บคุ ลากรทกุ คนปฏบิ ตั ิตามแผน และควบคมุ กากบั งาน ผ้บู ริหารประเมนิ ผลแผนงานทก่ี าหนดเป็ นระยะ 1.5 กาหนดทางเลอื กในการแก้ไขปัญหา ผ้บู ริหาร บคุ ลากรทกุ คน 1.6 จดั ทาแผนและแผนประจาปี หวั หน้างาน/ ผ้บู ริหาร 2. ปฏบิ ตั ติ ามแผน และควบคมุ กากบั บคุ ลากรทกุ คน 3. ประเมนิ ผลแผน ผ้บู ริหาร 5.7 กระบวนการวางแผนโครงการ การวางแผนโครงการ เป็ นการกาหนดขนั้ ตอนตา่ งๆ ทงั้ หมดของโครงการ เร่ิมตงั้ แตก่ ารคดิ ท่ีจะทา โครงการจนกระทง่ั เสร็จสิน้ โครงการรวมถึงติดตามการประเมินผล กระบวนการวางแผนโครงการมีดงั นี ้ (พายพั พยอมยนต์, 2551) 1. ขนั้ ตอนการศกึ ษาและกาหนดโครงการ 2. ขนั้ ตอนการจดั เตรียมโครงการ 3. ขนั้ ตอนการประเมนิ และอนมุ ตั โิ ครงการ 4. ขนั้ ตอนการดาเนนิ งานและตดิ ตามโครงการ 5. ขนั้ ตอนการประเมินผลโครงการ กระบวนการวางแผนโครงการ สามารถสรุปเป็ น 3 ขนั้ ตอนใหญ่ๆ คือ ขนั้ การวางแผนโครงการ ขนั้ การปฏิบตั แิ ละดาเนนิ งานตามโครงการ และขนั้ การประเมนิ ผลและตดิ ตามผลโครงการ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[149] 5.8 การพัฒนาโครงการ 5.8.1 ความหมาย เยาวดี รางชยั กลุ วบิ ลู ย์ศรี (2556) ให้ความหมายโครงการ (Project) คอื งานหรือสว่ นหน่งึ ของงาน ท่ีต้องกระทาให้สาเร็จตามเป้ าหมายภายในระยะเวลาและวงเงินงบประมาณท่ีกาหนดไว้ โดยสอดคล้องกบั ข้อกาหนดอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องด้วย สมคิด พรมจุ้ย (2552) ให้ความหมายโครงการ (Project) คือ หน่วยของแผนงาน หรือกล่มุ ของ กิจกรรมท่ีมีความสมั พนั ธ์เก่ียวข้องกนั แตล่ ะกิจกรรมมีเป้ าหมายเดยี วกนั มีเวลาเร่ิมต้นและสิน้ สดุ ที่แน่นอน และมกั เป็ นงานพิเศษที่แตกต่างไปจากงานประจา โครงการจะประกอบด้วยงาน (Task) และกิจกรรม (Activity) สรุปโครงการ (Project) หมายถึง งานท่ีเฉพาะเจาะจง มีลกั ษณะของงานท่ีมิใชง่ านประจา แตจ่ ะ เป็ นงานสาคญั ที่เกิดขึน้ ตามความจาเป็ นของสถานการณ์ปัญหา โดยจะต้องดาเนินการให้เป็ นบรรลุตาม วตั ถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ ภายในระยะเวลาที่กาหนดและงบประมาณที่ระบไุ ว้ เม่ืองานนนั้ ๆได้ดาเนินการ เสร็จสิน้ แล้ว ก็ถือวา่ โครงการนนั้ ๆ ได้สิน้ สดุ ลง ยกเว้นแตว่ า่ มีการขยายงานประเภทนนั้ ให้ตอ่ เนื่องออกไป 5.8.2 องค์ประกอบของการเขียนโครงการ การเขียนโครงการ อาจมีรายละเอียดของหวั ข้อสาคญั ท่ีแตกตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะของหนว่ ยงาน และโครงการ โดยทวั่ ไปองคป์ ระกอบของโครงการมีดงั นี ้(เยาวดี รางชยั กลุ วิบลู ย์ศรี, 2556; สมคดิ พรมจ้ยุ , 2552) 1) ชื่อโครงการ เป็ นส่วนท่ีบอกว่าเป็ นโครงการประเภทใด ทาอะไร มีใครเก่ียวข้องกบั การทางาน บ้าง ช่ือโครงการควรเป็ นข้อความสัน้ ๆ ชัดเจน เข้าใจง่าย ที่สะท้อนสาระของโครงการ เช่น โครงการ ประชาชนร่วมใจออกกาลังกายลดพุง ตาบลบ้านขาม โครงการอาหารกลางวันสาหรับเด็กนักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษา 2) ผู้รับผิดชอบโครงการ เป็ นการระบุช่ือบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็ นเจ้าของโครงการหรือเป็ น ผ้รู ับผิดชอบโครงการ กรณีท่ีผ้เู สนอโครงการเป็ นคนละคนกบั ผ้รู ับผิดชอบโครงการ ให้ระบผุ ้เู สนอโครงการ ไว้ด้วย เช่น คณะกรรมการหม่บู ้าน อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพ ตาบล และองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[150] 3) หลกั การและเหตุผล หรือ ความเป็ นมาของโครงการหรือความสาคญั ของโครงการ เป็ นส่วน เร่ิมต้นท่ีทาให้ผ้อู ่านหรือผ้ใู ช้โครงการได้เข้าใจท่ีมาของการทาโครงการดงั กล่าวและความสาคญั ที่ชดั เจน ข้อความในส่วนนีจ้ ะต้องชีใ้ ห้เห็นว่าปัญหาคืออะไร ทาไมจึงต้องจดั ทาโครงการขึน้ มาใหม่ หรือต้องการ ปรับปรุงโครงการท่ีมีอยแู่ ล้วให้ดีขนึ ้ อยา่ งไร พร้อมกบั ชีใ้ ห้เห็นว่าสิ่งท่ีโครงการเสนอนนั้ จะช่วยแก้ไขปัญหา ดงั กลา่ วอยา่ งไร โดยอาศยั ข้อมลู จากสภาพปัญหา นโยบายและแผน ผลการศกึ ษาวิจยั สถิตติ า่ งๆเป็ นสิ่ง สนบั สนนุ เชน่ ร้อยละ อตั ราป่ วย อตั ราตาย เป็นต้น 4) วตั ถปุ ระสงค์และเป้ าหมายของโครงการ เป็ นส่วนท่ีมีความสาคญั มากที่สดุ ในการระบวุ ตั ถปุ ระ สงค์ของโครงการจะต้องเฉพาะเจาะจง สามารถตอบคาถามได้ว่าส่ิงที่ต้องการทาให้เกิดขนึ ้ ในโครงการคือ อะไร ต้องการผลผลิตอะไร การเขียนวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการสามารถเขียนเป็ นวตั ถปุ ระสงค์ทวั่ ไปซ่ึงเป็ น ข้อความกว้างๆ และวตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะซงึ่ เป็นข้อความท่ีแสดงให้เหน็ พฤตกิ รรมที่ชดั เจน เช่น บอก อธิบาย ระบุ ยกตวั อยา่ ง สร้างเสริม จาแนกแยกแยะ กาหนดรูปแบบ แก้ปัญหา ประเมิน เป็นต้น ตวั อย่างการเขียนวตั ถุประสงค์โครงการ เช่น โครงการอบรมให้ความรู้เพ่ือป้ องกันโรค ความดนั โลหิตสงู แกป่ ระชาชน หมบู่ ้านวงั ยาง เพ่ือให้ประชาชนบอกสาเหตขุ องโรคความดนั โลหิตสงู ได้อยา่ งถกู ต้อง เพ่ือให้ประชาชนปฏิบตั กิ ิจกรรมออกกาลงั กายอยา่ งตอ่ เนื่องเพื่อป้ องกนั โรคความดนั โลหิต สงู ภายใน 1 เดอื น เป้ าหมาย เป็ นส่ิงท่ีบ่งบอกถึงความต้องการให้เกิดขึน้ ภายหลงั สิน้ สุดโครงการ สามารถระบเุ ป็ น เป้ าหมายเชิงปริมาณ ว่าจะทากับใคร ต้องการให้เกิดอะไร จานวนของผลการดาเนินงานเม่ือสิน้ สุด โครงการและเป้ าหมายเชิงคุณภาพ ซึ่งเป็ นรายละเอียดที่แสดงถึงคุณค่าของผลผลิตท่ีได้รับท่ีชีถ้ ึง ประสทิ ธิภาพ การกาหนดผลงานอาจกาหนดเป็นร้อยละ ตวั อยา่ งการเขียนวตั ถปุ ระสงค์ที่มีการกาหนดเป้ าหมายร่วมด้วย เม่ือสิน้ สุดโครงการ ประชาชน ร้ อยละ 80 สามารถบอกวิธีการป้ องกันโรคความดนั โลหิตสูงได้ ถกู ต้อง เม่ือสนิ ้ สดุ โครงการ ประชาชน มีความรู้เก่ียวกบั การป้ องกนั โรคความดนั โลหิตสงู เพิ่มขนึ ้ จากร้อยละ 40 เป็น ร้อยละ 60 กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[151] 5) วธิ ีดาเนนิ การ เป็นสว่ นท่ีบอกถงึ รายละเอียดขนั้ ตอน แนวทาง กลยทุ ธ์ และวิธีการท่ีจะทาในการ ปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ตงั้ แต่เร่ิมต้นจนสิน้ สุดโครงการ เพื่อกากับให้งานบรรลจุ ดุ ม่งุ หมาย โดยจะต้องเขียน เป็ นแผนระบุกิจกรรมว่าจะทาอะไรบ้าง เรียงลาดบั ก่อน-หลงั ให้ชดั เจน รูปแบบการเขียนสามารถจดั ทาได้ ในหลายลกั ษณะ เช่น ตารางการทางาน (Work table) ปฏิทินปฏิบตั ิงาน (Calendar) แผนควบคมุ การ ดาเนนิ งานตามกิจกรรมยอ่ ยท่ีกาหนด หรือแผนภมู ิแกนท์ (Gantt chart) เป็นต้น 6) ขอบเขตของโครงการ เป็ นการระบขุ อบเขตของโครงการ 3 อย่าง ได้แก่ 1) ขอบเขตเร่ืองเวลาใน การดาเนนิ โครงการ 2) ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ซ่งึ บอกถึงพืน้ ที่ท่ีกาหนดหรือสถานที่ในการทากิจกรรมตาม โครงการ และ 3) ขอบเขตด้านเนือ้ หา ซ่ึงเกี่ยวกับการคะเนหรือประมาณการไว้เกี่ยวกบั เนือ้ หาสาระท่ี โครงการจะต้องดาเนินการเพ่ือให้บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ของโครงการ ทาให้ทราบว่าขอบเขตเนือ้ หาของ โครงการมีอะไรบ้าง 7) ระยะเวลาในการดาเนินการ เป็ นการระบรุ ะยะเวลาการดาเนินงานตงั้ แต่เร่ิมต้นโครงการจน เสร็จสิน้ โครงการ โดยจะระบุวันเดือนปี ท่ีเริ่มต้นและเสร็จสิน้ เช่น ระหว่างวันท่ี 3 มีนาคม 2559-2 พฤษภาคม 2559 เป็ นต้น การระบจุ านวน ความยาวของโครงการ เช่น ระบวุ ่า 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี โดยไม่ ระบรุ ะยะเวลาเริ่มต้นและสนิ ้ สดุ ถือวา่ การกาหนดระยะเวลายงั ไมส่ มบรู ณ์ 8) สถานท่ีดาเนินการ เป็ นการระบุสถานท่ีที่จะใช้ปฏิบัติงานตามโครงการ เช่น อาคาร อเนกประสงค์ของหมบู่ ้าน เป็นต้น 9) งบประมาณและทรัพยากร เป็ นการแสดงรายละเอียดของงบประมาณท่ีใช้ทงั้ หมด หากงบ ประมาณที่ได้รับมาจากหลายแหลง่ ให้แยกระบแุ หลง่ ที่มาให้ชดั เจน การเขียนงบประมาณให้ประมาณการ คา่ ใช้จา่ ยให้ละเอียดชดั เจนและใกล้เคียงกบั ความเป็ นจริงให้มากท่ีสดุ แยกหมวดงบประมาณท่ีต้องการใช้ การระบุยอดงบประมาณควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย เช่น เบิกจากงบประมาณรายได้ ปี งบประมาณ 2560 หรือได้รับการสนบั สนนุ งบประมาณจากโครงการหลกั ประกันสุขภาพถ้วนหน้า งบ ส่งเสริมและป้ องกนั โรค เป็ นต้น อีกทงั้ ควรระบแุ หลง่ ทรัพยากรอ่ืนๆ ที่ต้องการ เช่น คน วสั ดุ อุปกรณ์ เป็ น ต้น การแยกหมวดเงินของงบประมาณ โดยทว่ั ไปจาแนกหมวดเงิน ดงั นี ้ (1) หมวดคา่ ตอบแทน เช่น ค่าวิทยากรบรรยาย ค่าตอบแทนผู้เก็บข้อมูล ค่าจ้างพิมพ์ เอกสาร คา่ เบยี ้ เลีย้ งผ้ทู างาน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[152] (2) หมวดคา่ ใช้สอย เชน่ คา่ ใช้จ่ายในการเดนิ ทาง คา่ เช่ารถ คา่ นา้ มนั รถ คา่ โทรศพั ท์ คา่ สง่ ไปรษณีย์ (3) หมวดค่าวัสดุครุภัณฑ์ เช่น ค่าอุปกรณ์ตรวจร่างกาย อุปกรณ์การตรวจทาง ห้องปฏิบตั กิ าร อปุ กรณ์เคร่ืองเขียน ยาและเวชภณั ฑ์ และหมวดคา่ ใช้จา่ ยอ่ืนๆ เป็นต้น 10) การติดตามและประเมินโครงการ เป็ นส่วนท่ีระบุรายละเอียดเก่ียวกับการติดตาม ความก้าวหน้าของโครงการ ประเมินผลระหวา่ งการดาเนินงานและเม่ือสิน้ สดุ โครงการ ซ่ึงต้องระบุวิธีการ หรือกระบวนการท่ีใช้ในการประเมินผลด้วยวา่ ใครเป็ นผ้ปู ระเมิน ประเมินอยา่ งไร ประเมินเม่ือไร และต้อง พิจารณาประเมนิ ตามวตั ถปุ ระสงค์หรือเป้ าหมายของโครงการ 11) ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รับหรือผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็ นส่วนที่บอกถึงผลพลอยได้ท่ีเกิดจาก การดาเนินโครงการที่คาดว่าจะได้รับนอกเหนือจากวตั ถปุ ระสงค์ เป็ นผลกระทบในทางท่ีดีท่ีคาดว่าจะเกิด จากโครงการมิใชผ่ ลโดยตรงที่ได้จากวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ ควรเขียนทงั้ ผลประโยชน์โดยตรงและโดย อ้อม ทงั้ ระยะสนั้ และระยะยาว 5.8.3 คุณลักษณะของวัตถุประสงค์ท่ดี ี วตั ถุประสงค์เป็ นเครื่องบง่ ชีแ้ นวทางในการดาเนินงานของโครงการ ซ่ึงต้องระบุไว้อย่างชัดเจน นกั วชิ าการได้อธิบายคณุ ลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงค์ท่ีดี ซง่ึ มีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี ้ แมคมาฮอน บาธอนและพิอ็อต (McMahon et al., 1992: 290) อธิบายคุณลักษณะของ วตั ถปุ ระสงคท์ ี่ดีมีลกั ษณะ “FROM” ซง่ึ เป็นการนาตวั อกั ษรตวั แรกของลกั ษณะ 4 อยา่ งมารวมกนั ดงั นี ้ 1) มีความเป็ นไปได้ (Feasibility) วัตถุประสงค์นัน้ มีความเป็ นไปได้ท่ีจะบรรลุเมื่อสิน้ สุดการ ดาเนินการหรือโครงการ 2) มีความเก่ียวโยง (Relevant) วตั ถปุ ระสงค์นนั้ ต้องมีความเกี่ยวโยงโดยบง่ บอกสภาพของปัญหา สขุ ภาพท่ีต้องการแก้ไขหรือลดความรุนแรง หรือวตั ถปุ ระสงค์นนั้ เก่ียวโยงกบั นโยบายในการแก้ปัญหา 3) สงั เกตได้ (Observable) วตั ถปุ ระสงค์นนั้ สามารถสงั เกตผลที่เกิดขึน้ ได้ชดั เจนภายหลงั สิน้ สุด การดาเนินงาน 4) วดั ได้ (Measurable) วตั ถุประสงค์นนั้ สามารถวดั จานวนได้ซ่ึงเป็ นส่ิงสาคญั ได้ เช่น วดั ความ เจบ็ ป่ วยได้จากอตั ราการป่ วยด้วยโรคท่ีเป็นสาเหตุ เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[153] ทองหล่อ เดชไทย และรุ่งศิริ เข้มตระกูล (2557: 35) แสดงทศั นะเกี่ยวกับคุณลักษณะของ วตั ถปุ ระสงค์ท่ีดีคล้ายกบั แมคมาฮอนและคณะ และได้เพิ่มเรื่องการกาหนดเวลาท่ีชดั เจนในวตั ถปุ ระสงค์ และกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ด้วย “สมาร์ท” (SMART) ประกอบด้วย มีความเฉพาะเจาะจง (Specific) วดั ได้ (Measurable) บรรลไุ ด้ (Attainable) มีความเกี่ยวโยง (Relevant) และมีเวลากากบั (Timly) สมคดิ พรมจ้ยุ (2552: 26-27) อธิบายลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ดีในการเขียนโครงการ ดงั นี ้ 1. เฉพาะเจาะจง (Specific) มีความชดั เจนในการดาเนินโครงการท่ีเฉพาะเจาะจงสาหรับโครงการ นนั้ ๆ 2. วดั ได้ (Measure) วตั ถปุ ระสงค์นนั้ สามารถวดั และประเมินผลได้ เพื่อใช้เป็ นเกณฑ์สาหรับการ ประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน 3. ระบสุ ง่ิ ท่ีต้องการได้ (Attainable) วตั ถปุ ระสงค์ต้องระบสุ ิ่งท่ีต้องการดาเนินงานอยา่ งชดั เจนและ เฉพาะเจาะจงท่ีสดุ 4. สมเหตสุ มผล (Reasonable) มีความเป็นเหตเุ ป็นผลแสดงถงึ ความเป็นไปได้ในการปฏิบตั งิ าน 5. เวลา (Time) ต้องมีขอบเขตของเวลาที่แน่นอนในการปฏิบตั งิ าน ระบชุ ว่ งเวลาเร่ิมต้นและเวลา สิน้ สดุ ที่ชดั เจน การกาหนดชว่ งเวลาที่แนน่ อนเพ่ือชว่ ยเตอื นให้ทราบวา่ จะต้องทาให้สาเร็จเมื่อใด สรุปจากคณุ ลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงค์ท่ีดี พยาบาลอนามยั ชมุ ชนสามารถนาไปใช้เป็ นแนวทางใน การเขียนวตั ถปุ ระสงค์โดยใช้หลกั FROM หรือ SMART เพ่ือชว่ ยในการวางแผนและประเมนิ ผลโครงการ 5.8.4 ลักษณะของโครงการท่ดี ี ลกั ษณะของโครงการท่ีดี ดงั นี ้(สมคดิ พรมจ้ยุ , 2552) 1) มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ท่ีชดั เจน 2) โครงการมีความเป็ นเอกเทศ ในแตล่ ะโครงการนนั้ จะมีการกาหนดขอบเขตของการดาเนินงาน และความรับผดิ ชอบไว้อยา่ งชดั เจน 3) มีการกาหนดรูปแบบ รายละเอียดการดาเนินงานท่ีสอดคล้องกลมกลืนกนั ตงั้ แตต่ ้นจนสิน้ สดุ โครงการ 4) มีการระบทุ รัพยากรตา่ งๆที่จาเป็นในการดาเนนิ งาน และแหลง่ ทรัพยากรท่ีสนบั สนนุ เชน่ บคุ คล เงิน งบประมาณ แหลง่ ทนุ อปุ กรณ์ตา่ งๆ 5) มีกาหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสนิ ้ สดุ โครงการท่ีแนน่ อน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[154] 6) โครงการนนั้ ต้องสามารถนาไปปฏิบตั ไิ ด้จริง โครงการที่ดีต้องเป็ นโครงการที่สามารถแก้ปัญหาของชุมชนได้ตรงประเด็น ตอบสนองตอ่ ปัญหา และความต้องการของคนในพืน้ ที่ มีรายละเอียด มีเนือ้ หาสาระครบถ้วน ชดั เจน เป็ นแนวทางให้ผ้อู ่ืนอ่าน แล้วเข้าใจ และสามารถดาเนินตามโครงการได้ รายละเอียดแตล่ ะขนั้ ตอน ต้องมีความสอดคล้องกนั ในแต่ ละองค์ประกอบของโครงการ และสามารถตอบคาถามเก่ียวกบั เรื่องตอ่ ไปนี ้ 1) จะทาโครงการอะไร หมายถึง ชื่อโครงการ 2) ทาไมจงึ ต้องทา หมายถึง หลกั การและเหตผุ ล 3) ทาเพื่ออะไร หมายถงึ วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ 4) ทาในปริมาณเทา่ ใด หมายถงึ เป้ าหมาย 5) ทาอยา่ งไร หมายถงึ วธิ ีดาเนินการ 6) จะทาเม่ือไร หมายถึง ระยะเวลาในการดาเนินการ 7) ใช้เงินและทรัพยากรเทา่ ใด หมายถงึ งบประมาณและทรัพยากร 8) ใครเป็นผ้รู ับผิดชอบ หมายถึง บคุ คลหรือหนว่ ยงานที่รับผดิ ชอบโครงการ 9) จะทราบผลการดาเนนิ การได้อยา่ งไร หมายถงึ การตดิ ตามและประเมินผลโครงการ 10) เกิดอะไรขนึ ้ เมื่อสนิ ้ สดุ โครงการ หมายถงึ ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับหรือผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ 11) มีปัญหาและอปุ สรรคหรือไม่ หมายถึง ข้อเสนอแนะ สรุป การวางแผนแก้ไขปัญหาอนามยั ชุมชนท่ีดีจะชว่ ยให้การปฏิบตั ิงานตามแผนนนั้ เป็ นไปตามความ ต้องการและสามารถแก้ไขปัญหาของชุมชนได้ ในบทถดั ไปจะได้กล่าวถึงขนั้ ตอนการปฏิบตั ิการพยาบาล อนามยั ชมุ ชน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[155] คาถามท้ายบท สถานการณ์ใช้ตอบคาถามข้อ 1-3 การสารวจชมุ ชนหมู่ 1 พบว่า ประชาชนอายุ 15 ปี ขนึ ้ ไป ไม่ออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ ร้อยละ 75 ประชาชนมีความรู้เก่ียวกับการออกกาลงั กายท่ีถกู ต้อง ร้อยละ 20 ทศั นคติตอ่ การออกกาลงั กายอยู่ ระดบั ปานกลาง สาเหตทุ ่ีทาให้ไมอ่ อกกาลงั กาย สว่ นใหญ่ไมม่ ีเวลาเพราะต้องทางาน รองลงมา คือ เหนื่อย จากการทางาน ไมม่ ีคนนาออกกาลงั กาย และไมม่ ีสถานที่ออกกาลงั กายในชมุ ชน 1. หากทา่ นจดั ทาโครงการชมุ ชนสดใส ใสใ่ จออกกาลงั กาย เพ่ือกระต้นุ ให้ประชาชนเห็นความสาคญั ของ การออกกาลงั กายและออกกาลงั กายเป็ นประจาเพ่ิมมากขึน้ จงเขียนวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการตามหลกั SMART 2. จงกาหนดวิธีการดาเนนิ การท่ีจะทาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ของโครงการ เพ่ือให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ 3. จงระบงุ บประมาณและทรัพยากรตา่ งๆ ที่ต้องการในการจดั ทาโครงการ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[156] เอกสารอ้างอิง ขนิษฐา นนั ทบตุ ร. (2551). ระบบการดูแลสขุ ภาพชุมชน: แนวคิด เครื่องมือ การออกแบบ. กรุงเทพฯ: อษุ า การพมิ พ์. ขวญั ชยั วิศิษฐานนท์. (2557). หลกั การวางแผนงานสาธารณสขุ . ใน เอกสารการสอนชุดวิชา การบริหาร งานสาธารณสขุ หน่วยที่ 1-8 (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิ ราช. ทองหลอ่ เดชไทย และรุ่งศิริ เข้มตระกลู . (2557). แนวคิดการบริหารงานสาธารณสขุ . ใน เอกสารการสอน ชุดวิชา การบริหารงานสาธารณสุข หน่วยที่ 1-8 (พิมพ์ครัง้ ท่ี 2). นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ประเวศ วะสี. (มปป.). การจดั การใหม่เพือ่ การพฒั นาระบบสขุ ภาพชุมชน. กรุงเทพฯ. สานกั งานกองทนุ สนับสนุนการสร้ างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานักงานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ (สวรส.) พงค์เทพ สธุ ีรวฒุ ิ. (2554). การทาแผนสขุ ภาวะ. ใน ปรีดารัตน์ ศรัทธานนท์กลุ , วินจิ ชมุ นรู ักษ์, และเชภาดร จนั ทร์หอม (บรรณาธิการ), คู่มือการจดั ทาโครงการชมุ ชนสขุ ภาวะ. สงขลา: สถาบนั การจดั การ ระบบสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. พายพั พยอมยนต์. (2551). ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับแผนและโครงการ. ใน เอกสารการสอนชุดวิชา การศึกษาความเป็นไปได้และการวิเคราะห์โครงการ หน่วยที่ 1-7 (พิมพ์ครัง้ ที่ 4). นนทบุรี: สานกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. พีรธร บณุ ยรัตพนั ธ์ุ, บญุ ส่ง กวยเงิน, และพฒั นศกั ด์ิ กระตา่ ยน้อย. (2552). กระบวนการทางานในชุมชน แบบมีส่วนร่วม. พษิ ณโุ ลก: ทิพย์เสนาการพิมพ์. พลู ศกั ดิ์ พมุ่ วเิ ศษ. (2557). ระบบสาธารณสขุ และการวางแผนงานสาธารณสขุ . กรุงเทพฯ: บริษัท จรัลสนิท วงศ์การพิมพ์. พลู สขุ หิงคานนท์. (2554). การพฒั นาอนามยั ชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา การพยาบาลชมุ ชนและ การรักษาพยาบาลเบือ้ งตน้ หน่วยที่ 8-15 (พิมพ์ครัง้ ท่ี 13). นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมมาธิราช. กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[157] เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. (2556). การประเมินโครงการ แนวคิดและแนวปฏิบตั ิ (พิมพ์ครัง้ ที่ 8). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ราชบณั ฑิตยสถาน. (2538). พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 (พิมพ์ครัง้ ที่ 5). กรุงเทพฯ: บริษทั อกั ษรเจริญ. วสนั ต์ ศิลปะสวุ รรณ. (2554). การวางแผนและกลยทุ ธ์การทางานชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา การ ทางานชุมชนด้านสาธารณสุข หน่วยที่ 9-15 (พิมพ์ครัง้ ที่ 11). กรุงเทพฯ: ห้างห้นุ สว่ นจากัด อรุณการพมิ พ์. สมคดิ พรมจ้ยุ . (2552). เทคนิคการประเมินโครงการ (พิมพ์ครัง้ ท่ี 6). นนทบรุ ี: จตพุ ร ดีไซน์. Anderson, E. T., & McFarlane, J. (2015). Planning a community health program. In E. T. Anderson, & J. McFarlane, Community as partner: Theory and practice in nursing (7th ed.). Philadelphia, PA: Wolters Kluwer. Allender, J., & Spradley, B. (2005). Planning, intervention, and evaluation of health care in communities. In J. A. Allender, & B. W. Spradley, Community health nursing: Promoting and protecting the public’s health (6th ed.). Philadelphia, PA: Lippincott Williams & Wilkins. McMahon, R., Barton, E., & Piot, M. (1992). On being in charge: A guide management in primary health care (2nd ed.). Geneva: World Health Organization. Schermerhorn, J. R. (2008). Management. Hoboken, N.J.: John Wiley & Sons. กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[158] บทท่ี 6 การปฏิบัตกิ ารพยาบาลอนามัยชุมชนเพ่อื แก้ไขปัญหาสุขภาพ แนวคิด การปฏิบตั กิ ารพยาบาลอนามยั ชมุ ชนเพื่อแก้ไขปัญหาสขุ ภาพอนามยั เป็นการนาแผนงานยอ่ ยหรือ โครงการที่กาหนดไว้มาดาเนินการโดยชุมชนมีส่วนร่วม อีกทัง้ พยาบาลอนามัยชุมชนต้องช่วยติดต่อ ประสานงานและความร่วมมือกบั ประชาชนในพืน้ ท่ี แกนนา และองค์กรชมุ ชน เพื่อให้การดาเนินการเป็ นไป ตามแผนโครงการที่กาหนดไว้ ขณะดาเนินโครงการจาเป็ นต้องมีการกากับติดตามงานเป็ นระยะๆ ทุก ขนั้ ตอนของการดาเนนิ โครงการ เพื่อจะได้ทราบถึงความก้าวหน้าของการดาเนินงาน และควบคมุ กากบั ให้ การดาเนินงานเป็ นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการ ผลการกากับติดตามจะเป็ นข้อมูล ประกอบการตดั สินใจปรับปรุงงาน การเขียนบนั ทกึ รายงานซ่ึงเป็ นสว่ นหน่งึ ของการปฏิบตั ิงานที่จะแสดงว่า การปฏิบัติงานได้ผลเป็ นอย่างไร มีความก้าวหน้าของงานมากน้อยเพียงใดและข้อมูลจากการบันทึก รายงานสามารถใช้เป็นหลกั ฐาน วัตถปุ ระสงค์ ภายหลงั ศกึ ษาบทนีแ้ ล้วผ้อู า่ นสามารถ 1. อธิบายการเตรียมการ และการดาเนินการตามโครงการแก้ไขปัญหาสขุ ภาพชมุ ชนได้ 2. อธิบายความสาคญั ของการติดตามกากบั การดาเนินโครงการได้ 3. อธิบายจดุ มงุ่ หมายของการตดิ ตามกากบั การดาเนนิ โครงการได้ 4. ประยกุ ต์ใช้เคร่ืองมือในการตดิ ตามกากบั การดาเนินโครงการได้ 5. อธิบายปัญหาและอปุ สรรคที่พบในการตดิ ตามกากบั การปฏิบตั พิ ยาบาลอนามยั ชมุ ชนได้ 6. อธิบายแนวทางในการเขียนบนั ทกึ รายงานการปฏิบตั ิการพยาบาลอนามยั ชมุ ชนได้ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[159] 6.1 การปฏบิ ัตกิ ารพยาบาลอนามัยชุมชนเพ่อื แก้ปัญหาสุขภาพชุมชน เป็ นขัน้ ตอนการนาแผนงานลงสู่การปฏิบตั ิเพ่ือแก้ไขปัญหาสุขภาพ (Implementation) ซึ่งเป็ น ขนั้ ตอนหนง่ึ ในกระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน ในขนั้ ตอนนีพ้ ยาบาลอนามยั ชมุ ชนยงั ต้องอาศยั การมี ส่วนร่วมจากชุมชนในการดาเนินการ และช่วยประสานความร่วมมือกับประชาชนในพืน้ ท่ี แกนนา ผู้นา ชมุ ชน บคุ ลากรวิชาชีพอื่นๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือม่งุ ให้เกิดการเปล่ียนแปลงด้านสขุ ภาพในชมุ ชน (Allender & Spradley, 2005) 6.2 ขัน้ ตอนการปฏิบัตกิ ารพยาบาลอนามัยชุมชนตามแผนโครงการ การปฏิบตั กิ ารพยาบาลอนามยั ชมุ ชนตามแผนโครงการ ประกอบด้วยขนั้ ตอนการเตรียมการ การ ดาเนินงานตามแผนโครงการ และการประเมินผลตามแผนโครงการ (Allender & Spradley, 2005) ซ่ึงจะ ขอกลา่ วถึงขนั้ ตอนการเตรียมการและการดาเนนิ งานตามแผนโครงการ ดงั นี ้ 6.2.1 การเตรียมการ (Preparation) เป็นเตรียมการตา่ งๆ กอ่ นลงมือดาเนินการ มีดงั นี ้ 1) การประชมุ ร่วมกนั การทาความเข้าใจในแผนงานและโครงการท่ีได้จดั ทาขนึ ้ และวตั ถปุ ระสงค์ ของโครงการ กิจกรรม ระยะเวลาเริ่มต้นและสนิ ้ สดุ โครงการ เพื่อให้ทกุ คนเข้าใจตรงกนั 2) การมอบหมายงานและแบง่ หน้าที่ความรับผิดชอบในกิจกรรมของกลมุ่ โดยกาหนดตวั บุคคล ผ้รู ับผดิ ชอบงานให้ชดั เจน และป้ องกนั การทางานซา้ ซ้อน การกาหนดตวั บคุ คลในการทางานต้องพิจารณา ตามความเหมาะสมกบั บทบาทหน้าที่และความสามารถของแตล่ ะบคุ คล 3) เตรียมประสานงานกบั หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือขอความร่วมมือ เชน่ อบต. โรงพยาบาล 4) เตรียมและตรวจสอบเครื่องมืออปุ กรณ์ตา่ งๆให้มีความพร้อมในการปฏิบตั งิ าน เชน่ เคร่ืองเสียง 5) ประชาสมั พนั ธ์โครงการให้ประชาชนในชมุ ชนรับทราบถงึ วนั เวลา สถานที่ และวตั ถปุ ระสงค์ของ โครงการ และเข้าร่วมโครงการตามกาหนดการท่ีระบไุ ว้ 6) การวางแผนที่ดีต้องมีการจดั การร่วมด้วย (Management) ซ่ึงอาจมีเหตกุ ารณ์บางอย่างไม่ คาดคิดเข้ามากะทันหัน เช่น จัดทาโครงการท่ีกลุ่มเป้ าหมายหลักเป็ นผู้สูงอายุ ซ่ึงอาจมีปัญหาในการ เดินทางมาร่วมงาน และระยะเข้าร่วมโครงการ ดงั นัน้ ต้องมีการจัดการท่ีดีเกี่ยวกับรถรับส่งผู้เข้าร่วม โครงการ เช่น จดั เตรียมรถบสั สารองไว้รับส่ง จดั เตรียมอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บ้านช่วยขบั รถ รับสง่ หรือจดั การเวลาให้เสร็จทนั ตามกาหนดการ เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[160] 6.2.2 การดาเนินงานการตามแผนโครงการ เป็นการปฏิบตั ติ ามแผนหรือโครงการท่ีกาหนดไว้ โดยดาเนินการให้สอดคล้องกบั สิ่งที่ได้จดั เตรียม การดาเนินงานจะต้องอาศยั การทางานเป็ นทีม ลกั ษณะของการทางานเป็ นทีมมี 4 อย่าง ได้แก่ ทาให้ผล งานสาเร็จตามเป้ าหมาย สามารถบริหารจดั การกันได้ในทีม มีการพฒั นาประสิทธิภาพของทีมงานอย่าง ตอ่ เน่ือง และสมาชกิ ทกุ คนมีสว่ นร่วม ผ้ดู าเนนิ งานควรยดึ แนวคดิ การปฏิบตั ิงานวา่ ปัญหาอนามยั ชมุ ชนจะ ได้รับการแก้ไขด้วยดีต้องอาศัยความร่วมมือในการทางาน เข้าใจในงาน มีความรักและพร้ อมที่จะ ปฏิบตั งิ านสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ (สมใจ วินิจกลุ , 2552) ระหว่างดาเนินการจะต้องมีการตดิ ตามกากบั เป็ นระยะๆ เพื่อจะได้ตรวจสอบความผิดปกติท่ีอาจเกิดขนึ ้ ได้ทนั เวลา หากพบปัญหาอปุ สรรคทาให้งานไม่ เป็นไปตามแผนจะต้องปรับเปลี่ยน แก้ไขให้การดาเนนิ งานเป็นไปตามแผน 6.3 การตดิ ตามกากับ (Monitoring) การตดิ ตามกากบั (Monitoring) เป็นการตดิ ตามการดาเนินงานตามโครงการอยา่ งเป็ นระบบและมี ความตอ่ เนื่อง เพ่ือชว่ ยผลกั ดนั ให้มีการดาเนินงานเป็ นไปตามแผนที่กาหนดไว้ เน่ืองจากในการดาเนินการ โครงการใดๆ มกั จะพบว่าโครงการไม่สามารถเสร็จสิน้ ตามระยะเวลาท่ีกาหนด ผลท่ีได้ไม่ตรงกบั แผนที่วาง ไว้ หรือผลกระทบที่เกิดขึน้ คาดเคลื่อนจากที่คาดไว้ ปัญหาต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นอาจลดลง หากมีการ ติดตามผลการดาเนินงานระหว่างเริ่มต้นและระหว่างดาเนินโครงการ ดงั นนั้ การติดตามโครงการจะมีทงั้ ส่วนของการติดตามผลการดาเนินงานและการกากับงานให้เป็ นไปตามแผนที่กาหนดไว้ (สวุ รรณา นาค วบิ ลู ย์วงศ,์ 2557) ผลจากการติดตามและกากบั งานจะสามารถใช้เป็ นข้อมลู ในตดั สินใจแก้ไขหรือปรับปรุง กระบวนการการทางานให้มีประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลตามเป้ าหมายที่กาหนดไว้ การตดิ ตามกากบั (Monitoring) และประเมินผล (Evaluation) มกั จะใช้ควบคกู่ นั แตม่ ีความหมาย ที่แตกต่างกัน ในการดาเนินงานหรือกิจกรรมโครงการนัน้ ทัง้ การติดตามกากับและประเมินผลมี ความสมั พนั ธ์อยา่ งใกล้ชิดกนั ซง่ึ การตดิ ตามกากบั มีความแตกตา่ งจากการประเมินผล สรุปได้ดงั นี ้(วนสั รา เชาวน์นิยม, 2557; สวุ รรณา นาควบิ ลู ย์วงศ์, 2557) 1. การติดตามกากับ เป็ นการติดตามการปฏิบตั ิงานตามแผนท่ีกาหนดเป็ นประจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบ ควบคมุ กากบั การปฏิบตั ิงานของโครงการให้เป็ นไปตามแผนที่กาหนด สว่ นการประเมินผล เป็นการตรวจสอบผลของโครงการเป็นระยะๆ เพ่ือนาผลมาใช้ในการเพ่ิมคณุ ภาพและประสิทธิภาพของการ ดาเนินโครงการ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[161] 2. การติดตามกากบั จะเกิดขึน้ ในขณะดาเนินโครงการในแตล่ ะขนั้ ตอน สาหรับการประเมินผล สามารถเกิดขึน้ ในทุกขัน้ ตอนของโครงการ ทัง้ ก่อนตดั สินใจทาโครงการ ในขณะดาเนินงาน เม่ือสิน้ สุด โครงการแล้ว หรือประเมนิ ผลกระทบที่เกิดขนึ ้ จากการดาเนนิ โครงการ 3. ผลท่ีเกิดจากการติดตามกากับจะได้ข้อมูลท่ีสามารถบอกถึงขนั้ ตอนต่างๆของโครงการว่าได้ ดาเนินการไปถึงไหน อย่างไร และยังได้ข้ อมูลย้อนกลับของการทางานทัง้ ด้านปัจจัยนาเข้ า ด้าน กระบวนการดาเนินงาน และด้านผลผลิต (McMahon et al., 1992) เพื่อปรับปรุงและแก้ไข สาหรับการ ประเมินผลจะมีขอบเขตที่กว้าง ขนึ ้ อย่กู บั ผ้ปู ระเมินว่าจะประเมินในขนั้ ตอนใดบ้างของโครงการ เชน่ ขณะ ดาเนินโครงการ เชน่ ทกุ 3 เดือน ทกุ 6 เดือน ทกุ 1 ปี หรือเมื่อโครงการเสร็จสิน้ ในการประเมินจะวิเคราะห์ การเปล่ียนแปลงเกิดขนึ ้ ทงั้ ท่ีวางแผนไว้หรือไมไ่ ด้วางแผน รวมทงั้ ค้นหาสาเหตทุ ี่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 6.3.1 ความสาคัญของการตดิ ตามกากับ การติดตามกากับ เป็ นกระบวนการเพ่ือตรวจวดั ความผิดปกติหรือส่ิงที่เบ่ียงเบนไปที่อาจเกิดขึน้ ของโครงการ/แผนงาน การดาเนินงาน และผลการดาเนินงานโครงการเมื่อเปรียบเทียบกบั มาตรฐานหรือ เกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ ดงั นนั้ การตดิ ตามกากบั จงึ มีความสาคญั สรุปได้ดงั นี ้(นิรัตน์ อมิ ามี, 2554) 1) ความสาคญั ต่อผู้บริหารงานหรือผู้ท่ีรับผิดชอบโครงการ ทาให้ทราบความผิดปกติหรือส่ิงท่ี เบ่ียงเบนที่เกิดขึน้ ซึ่งจะนาไปส่กู ารปรับปรุงแก้ไข โดยผ้ทู ่ีรับผิดชอบโดยตรงรายงานให้ผ้ทู ี่เก่ียวข้องได้รับ ทราบตอ่ ไป สว่ นความผดิ ปกตทิ ี่เกิดขนึ ้ จะนาไปสกู่ ารวิเคราะห์หาสาเหตุ ปัจจยั ของความผิดปกตไิ ด้ตรงจดุ อีกทงั้ ผลจากการตดิ ตามกากบั จะใช้เป็นข้อมลู สาคญั ในการกาหนดแนวทางการวางแผนนเิ ทศงานในชมุ ชน 2) ความสาคญั ตอ่ ผ้ดู าเนินงานโครงการ ข้อมลู ที่ได้จากการติดตามผลการดาเนินงานเป็ นระยะๆ จะทาให้ผ้ปู ฏิบตั ิงาน หรือผ้ดู าเนินงานโครงการสามารถคาดการณ์หรือให้ความสนใจในการติดตามการ ทางานอยา่ งตอ่ เนื่อง และวางแผนป้ องกนั ไมใ่ ห้เกิดความผิดปกตจิ ากการดาเนินงานโครงการในชว่ งตอ่ ไป 3) ความสาคญั ตอ่ กลมุ่ เป้ าหมายหลกั ของการดาเนินงานโครงการและชมุ ชนโดยรวม เนื่องจากผล การติดตามกากบั จะได้ข้อมูลสามารถนาไปใช้ ในการแก้ไขปรับปรุงการดาเนินงานตามความเหมาะสม กระบวนการดังกล่าวจะมีผลกระทบโดยตรงต่อผลการดาเนินงานโครงการซ่ึงก็จะเป็ นประโยชน์ต่อ กลมุ่ เป้ าหมายหลกั รวมถึงชมุ ชนด้วย เช่น การควบคมุ และกาจดั แหล่งเพาะพนั ธ์ุลกู นา้ ยุงลายในครัวเรือน และสิง่ แวดล้อมในชมุ ชนมีผลทาให้กลมุ่ เสี่ยงโดยเฉพาะกลมุ่ วยั เดก็ ลดความเสี่ยงตอ่ การถกู ยงุ ลายกดั และ ลดอตั ราป่ วยด้วยไข้เลือดออกของเดก็ ในชมุ ชน เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[162] 6.3.2 จุดมุ่งหมายของการตดิ ตามกากับ การตดิ ตามกากบั เป็นสว่ นหนึ่งของการประเมิน ซ่งึ เป็ นส่วนหนงึ่ ของการบริหารโครงการ/แผนงาน ที่ควรปฏิบตั อิ ยา่ งตอ่ เน่ือง เพ่ือควบคมุ กากบั กาหนดผลงานให้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ของแผน/โครงการ ผล ที่ได้จากการดาเนินงานเพ่ือสร้างข้อมลู ย้อนกลบั ส่งกลบั ไปยงั ผ้ปู ฏิบตั งิ านใช้ในการดาเนินโครงการตาม แผนตอ่ ไป การติดตามกากบั เป็ นกระบวนการที่มีความตอ่ เน่ืองและส่งผลซงึ่ กนั และกนั ซึ่งจดุ ม่งุ หมายของ การตดิ ตามกากบั มีดงั นี ้(วนสั รา เชาวน์นิยม, 2557) 1) เพื่อสนบั สนนุ หรือยกเลกิ โครงการ การตดิ ตามกากบั หากพบวา่ โครงการนนั้ บรรลผุ ลสาเร็จตาม วตั ถปุ ระสงค์ เป้ าหมาย และระยะเวลาที่กาหนดไว้ ก็ควรที่จะดาเนินการตอ่ ไป แตห่ ากพบวา่ โครงการนนั้ มี ปัญหาหรือมีผลกระทบเชิงลบมากกวา่ ควรพจิ ารณาปรับปรุงให้เหมาะสม หรือยกเลิกโครงการ 2) เพ่ือทราบถึงความก้าวหน้าของการดาเนนิ งานตามโครงการ วา่ โครงการนนั้ เป็ นไปตามที่กาหนด วตั ถปุ ระสงค์และเป้ าหมาย หรือกฎเกณฑ์ หรือมาตรฐานที่กาหนดไว้มากน้อยเพียงใด 3) เพื่อนาข้อมลู มาใช้ในการปรับปรุงงาน โดยพิจารณาวา่ ในระหว่างดาเนินการตามโครงการนนั้ มี ปัญหาอปุ สรรคอะไรบ้าง เชน่ ขาดความร่วมมือของประชาชน ประชาสมั พนั ธ์ไม่ทวั่ ถึง ผลของการติดตาม กากบั จะสามารถนามาใช้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาให้ตรงประเดน็ มากขนึ ้ 4) เพื่อศกึ ษาทางเลือก การตดิ ตามกากบั จะเป็ นการเปรียบเทียบทางเลือก ก่อนที่จะตดั สินใจเลือก ทางเลือกใดทางเลือกหนงึ่ เพื่อลดความเส่ียงให้น้อยลง สวุ รรณา นาควบิ ลู ย์วงศ์ (2557) ได้สรุปจดุ มงุ่ หมายของการตดิ ตามกากบั โครงการไว้ดงั นี ้ 1. เพื่อใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่ ค้มุ ค่า เกิดประโยชน์อนั เป็ นการประหยดั ทรัพยากรต่างๆ ของ โครงการ 2. เพื่อทราบถึงปัญหาตา่ งๆ ที่เกิดขนึ ้ ในระหวา่ งการดาเนินโครงการได้เป็นระยะ 3. เพื่อหาแนวทางการแก้ไข ปรับปรุง ปัจจยั นาเข้า กิจกรรม และขนั้ ตอนตา่ งๆ ของโครงการ 4. เพื่อให้การดาเนนิ โครงการเป็นไปตามแผนที่กาหนดไว้ นอกจากนีก้ ารตดิ ตามกากบั ชว่ ยตรวจสอบความก้าวหน้าในการดาเนินงาน ผลการปฏิบตั ิงานของ บคุ ลากร (Staff performance) และความสาเร็จของการดาเนินงาน (McMahon et al., 1992) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[163] 6.3.3 เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการตดิ ตามกากับการดาเนินงาน เพื่อให้การดาเนินการของแตล่ ะกิจกรรมในโครงการไปตามวตั ถปุ ระสงค์และบรรลุเป้ าหมาย การ ติดตามกากบั งานมกั จะกาหนดแผนควบคมุ การดาเนินงานตามกิจกรรมที่กาหนด ที่สาคญั ได้แก่ แผนภูมิ แกนท์ (Gantt chart) และเทคนคิ การทบทวนและประเมนิ ผลแผนงานโครงการ (PERT) ดงั นี ้ 1) แผนภูมิแกนท์ (Gantt chart) แผนภูมินีพ้ ฒั นาโดยเฮ็นรี่ แกนท์ (Henry Gantt) เพ่ือใช้ควบคมุ กากับกิจกรรมหรือกระบวนการปฏิบตั ิงานให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ หรือเป้ าหมายท่ีกาหนด โดยจดั ทาในรูป ตารางท่ีประกอบด้วย เหตกุ ารณ์ (Event) หรือกิจกรรมหลกั ท่ีจะปฏิบตั ิ กาหนดระยะเวลา (Time) ตงั้ แตเ่ ร่ิม และสนิ ้ สดุ ซง่ึ แสดงเป็นเส้นทบึ ตามลาดบั ของแตล่ ะกิจกรรมท่ีต้องปฏิบตั ิ และกาหนดผ้รู ับผิดชอบในแตล่ ะ กิจกรรม (Maurer & Smith, 2013) การกาหนดแผนงานตามชว่ งเวลาท่ีกาหนด อาจจะแสดงเป็ นนาที วนั สปั ดาห์ เดือน หรือปี ตามความเหมาะสมของแตล่ ะกิจกรรม การนาแผนภูมิแกนท์ไปใช้จะเกิดประโยชน์ หลายอย่าง คือ ทาให้ทราบว่าต้องดาเนินกิจกรรมอะไรบ้าง เป็ นการจัดลาดบั กิจกรรมท่ีต้องปฏิบตั ิ ใช้ ติดตามและประเมินผลการปฏิบตั งิ าน ความคืบหน้าของการดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ และช่วยลดโอกาสเกิด ความล้มเหลวในการดาเนินงาน ดังนัน้ หากพยาบาลอนามัยชุมชนนาแผนภูมิแกนท์ไปใช้อย่างมี ประสทิ ธิภาพแล้วก็จะเป็นแนวทางในการกากบั ตดิ ตามงานและมองเห็นความก้าวหน้าของแตล่ ะกิจกรรม 2) เทคนิคการทบทวนและประเมินผลแผนงานโครงการ (The Program Evaluation and Review Technique หรือ PERT) พฒั นาขึน้ โดยกองทพั เรือของสหรัฐอเมริกา เพ่ือนามาใช้ในการวางแผนและ ควบคุมงาน นิยมใช้เพ่ือกากับการดาเนินการหรือโครงการที่มีขนาดใหญ่ หรือในลกั ษณะโครงการท่ีเป็ น เครือข่ายมากกว่ากิจกรรมท่ีแยกจากกนั เชน่ โครงการทางด้านธุรกิจ และอตุ สาหกรรม เป็ นต้น PERT เป็ น เคร่ืองมือท่ีมีความซบั ซ้อนกว่าแผนภูมิแกนท์แต่ก็อาศยั แนวคิดเดียวกัน จะแสดงออกมาในรูปโฟลชาร์ท (Flow chart) คือ การระบเุ กี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ (Events) หรือกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจง (Activities) และระบุ ช่วงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจน นอกจากนีต้ ้องประเมินระยะเวลาให้ชัดเจนในภาพรวมของ ความสาเร็จของโครงการด้วย ได้แก่ ระยะเวลาที่สนั้ ที่สุดที่เป็ นไปได้ที่จะบรรลุความสาเร็จ (Optimistic) หรือระยะเวลาท่ีนานที่สุดท่ีแต่ละกิจกรรมนัน้ จะประสบความสาเร็จ (Pessimistic) ซ่ึงการกาหนด เหตกุ ารณ์หรือกิจกรรม ให้แสดงเป็นสญั ลกั ษณ์ เชน่ รูปวงกลม รูปวงรี รูปส่ีเหลี่ยม หรือรูปสามเหลี่ยม ส่วน ระยะเวลา ให้แสดงเป็น เส้น หรือลกู ศร (Maurer & Smith, 2013) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[164] ภาพ 8 ตวั อยา่ งแผนภมู กิ ารปฏิบตั งิ านโครงการป้ องกนั ไข้เลือดออกในชมุ ชน (Gantt chart) ผู้รับ หมาย เหตุ ขัน้ ตอน/ กิจกรรม ระยะเวลาปฏบิ ตั ิงาน ผิด ทรัพยากร ชอบ มค. กพ. มีค. เมย พค. 1. ประชมุ วางแผนและประสานงานผ้ทู เ่ี ก่ียวข้อง นิสติ 2. จดั ทาแบบสารวจครัวเรือนในชมุ ชน เพ่อื สารวจสภาพ นิสติ กระดาษA4 ปัญหา ความต้องการ แผนท่ีบ้าน 3. ทดลองใช้และปรับปรุงแก้ไขแบบสารวจ นิสติ แบบสารวจ 4. ประชมุ ชีแ้ จงวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู นสิ ติ 5. สารวจชมุ ชนเพือ่ เก็บรวบรวมข้อมลู ค้นหาปัญหา นิสติ แบบสารวจ 6. วเิ คราะห์ข้อมลู นิสติ 7. ตรวจสอบข้อมลู ร่วมกาหนดความต้องการจดั ลาดบั นิสติ 8. นาเสนอปัญหาให้ชมุ ชนทราบ นิสติ ฟลปิ ชาร์ท 9. นาปัญหามาจดั ทาโครงการ นสิ ติ 10. นาเสนอโครงการตอ่ ชมุ ชน นิสติ 11. ดาเนนิ โครงการ นสิ ติ ขัน้ เตรียม - ติดตอ่ ผ้นู าชมุ ชน แกนนา - ประสานงาน ประชาสมั พนั ธ์ให้ชมุ ชนทราบ - ประชมุ ชีแ้ จงกรรมการหมบู่ ้านทร่ี ่วมให้คะแนน ขัน้ ดาเนินการ - ชีแ้ จงโครงการแกช่ มุ ชน - ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกบั โรคไข้เลอื ดออก - รณรงค์ชมุ ชนคว่ากะลา กาจดั ลกู นา้ ยงุ ลาย - กิจกรรมให้คาแนะนาเสยี งตามสาย สปั ดาห์ละ 3 วนั เวลา 7.00-7.30 น. 12. ประเมนิ ผลการดาเนินการ นิสติ 13. สรุปผลการดาเนินงานและนาเสนอตอ่ ชมุ ชน นสิ ติ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[165] ภาพ 9 ตวั อยา่ งตารางแผนปฏิบตั งิ านตามโครงการจาแนกรายสปั ดาห์ ช่ือโครงการ………………………………….. กจิ กรรม วนั / เดอื น/ ปี ผู้รับผิดชอบ 1. สารวจชมุ ชนเพือ่ รวบรวมข้อมลู ชมุ ชน สัปดาห์ท่ี 1 สปั ดาห์ท่ี 2 สปั ดาห์ท่ี 3 สปั ดาห์ท่ี 4 โครงการ 2. ตรวจสอบข้อมลู วเิ คราะห์ปัญหา นสิ ติ นสิ ติ 3. นาเสนอปั ญหาให้ ชุมชนทราบโดย นสิ ติ ประชาคม นิสติ นิสติ 4. นาปัญหามาจดั ทาโครงการ นิสติ นิสติ 5. นาเสนอโครงการตอ่ ชมุ ชน นิสติ 6. ตดิ ตอ่ ประสานงาน ประชาสมั พนั ธ์ นสิ ติ 7. ดาเนนิ โครงการ นสิ ติ ขัน้ เตรียม 1)…………………… 2)…………………… ขัน้ ดาเนินการ 1)…………………… 2)………………….. 8. ประเมินผลโครงการ 9. สรุปผลการดาเนินงานและนาเสนอต่อ ชมุ ชน 10. รวบรวมรายงานฉบบั สมบรู ณ์ 6.3.4 ปัญหาอุปสรรคการตดิ ตามกากับในการดาเนินงาน ปัญหาและอุปสรรคในการติดตามกากับในการดาเนินงานโครงการท่ีสาคญั นนั้ มกั เก่ียวข้องกับ กระบวนการติดตามงาน เครื่องมือที่ใช้ในการควบคมุ ติดตามกากบั และผ้รู ับผิดชอบในการติดตามกากับ (นิรัตน์ อิมามี, 2554) ดงั นี ้(1) ปัญหาและอปุ สรรคด้านกระบวนการติดตามงาน สว่ นใหญ่จะเก่ียวข้องกบั การไม่ได้ กาหนดส่ิง ท่ีจ ะติดตามไ ว้ ล่วง หน้ าแล ะไ ม่มี แผ นการติดตาม งานท่ีชัดเ จนทาให้ ไ ม่ส าม ารถ ตรวจสอบความผิดปกตไิ ด้ทนั เวลา (2) ด้านเคร่ืองมือที่ใช้ติดตามกากบั เนื่องจากไม่มีการกาหนดเครื่องมือ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[166] ในการติดตามและควบคมุ กากบั การทางานไว้อย่างชดั เจน เช่น ไม่ได้จดั ทาแผนภูมิแกนท์ในการติดตาม กากับการทางาน และ (3) ด้านผ้รู ับผิดชอบในการตดิ ตามกากับการทางาน เนื่องจากไม่มีการมอบหมาย หน้าที่การตดิ ตามงานโดยเฉพาะ ทาให้ผ้ดู าเนนิ งานขาดความสนใจในการตดิ ตามงานได้ 6.4 การบันทกึ การบันทึกรายงานเป็ นส่วนหน่ึงของการปฏิบัติงานตามแผนงานโครงการและมีความสาคัญ เน่ืองจากข้อมูลจากการบนั ทึกจะเป็ นหลักฐานและเป็ นการประเมินความก้าวหน้าของงาน การบนั ทึก รายงานอาจมีการกาหนดแบบฟอร์มในการลงรายงานตามท่ีหน่วยงานกาหนด กรณีที่ไม่มีแบบฟอร์ม กาหนดนนั้ พยาบาลอนามยั ชุมชนสามารถเขียนบนั ทึกรายงานโดยประยกุ ต์ใช้หลกั D-I-E (Wilkinson, 1996 อ้างใน พลู สขุ หิงคานนท์, 2554: 128) ประกอบด้วย D (Date) เป็นการลงบนั ทกึ วนั เวลาที่ไปดาเนินการปฏิบตั ิงานตามแผน เพื่อให้ทราบว่างานเป็ นไป ตามเวลาท่ีกาหนดหรือไม่ I (Intervention) เป็ นการลงบนั ทึกสิ่งท่ีได้ปฏิบตั ิหรือทากิจกรรมให้กับผู้ใช้บริการในวันท่ีไป ปฏิบตั งิ านวา่ ปฏิบตั หิ รือทากิจกรรมอะไรบ้าง กิจกรรมท่ีปฏิบตั นิ นั้ เป็นไปตามท่ีกาหนดไว้หรือไม่ อยา่ งไร E (Evaluation) เป็ นการประเมินผลที่ได้จากการปฏิบตั ิว่าเป็ นอย่างไร ผลที่ได้เป็ นไปตามส่ิงท่ี คาดหวงั หรือไม่ ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจและตอบสนองต่อกิจกรรมนนั้ อย่างไร เพ่ือนาข้อมูลที่ได้ไป ปรับปรุงแผนตอ่ ไป การเขียนบนั ทึกต้องบนั ทึกตามความเป็ นจริงจากการสงั เกต สอบถามหรือจากการบอกเล่าที่ได้ โดยเขียนให้ชดั เจนด้วยลายมือท่ีอา่ นได้งา่ ย ถกู ต้องตามหลกั ไวยากรณ์ การสะกดการันต์ ใช้สญั ลกั ษณ์ ตวั ยอ่ ตา่ งๆ ที่เป็นสากลและลงช่ือผ้เู ขียนบนั ทกึ ด้วยทกุ ครัง้ (พลู สขุ หิงคานนท์, 2554) สรุป ในการปฏิบตั กิ ารพยาบาลอนามยั ชมุ ชนเพ่ือแก้ไขปัญหาอนามยั ชมุ ชน พยาบาลอนามยั ชมุ ชนต้อง ประสานความร่วมมือกับคนในชุมชน องค์กรชุมชน และบุคลากรวิชาชีพอ่ืนๆที่เก่ียวข้อง ตัง้ แต่การ เตรียมการ ดาเนินการตามแผนโครงการ และการกากบั ตดิ ตามการดาเนินงานตามโครงการอยา่ งเป็ นระบบ เพ่ือให้บรรลุผลตามแผนโครงการที่กาหนดไว้ ผลการติดตามกากับงานจะสามารถใช้เป็ นข้อมลู ตดั สินใจ แก้ไขหรือปรับปรุงกระบวนการทางานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเป้ าหมายท่ีกาหนดไว้ และ บันทึกผลการปฏิบตั ิงานภายหลังการปฏิบตั ิงานเพื่อรายงานความก้าวหน้าของการดาเนินงานอย่าง กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[167] ตอ่ เน่ืองและเก็บเป็ นหลักฐาน เมื่อสิน้ สุดโครงการจึงจะเป็ นขนั้ ตอนการประเมินผลซ่ึงจะได้กล่าวในบท ถดั ไป คาถามท้ายบท สถานการณ์ใช้ตอบคาถามข้อ 1-3 ท่านและคณะกรรมการหมู่บ้าน และแกนนาอาสาสมคั รชุมชนจดั ทาโครงการชุมชนสดใส ใส่ใจ ออกกาลงั กายให้กบั ประชาชนอายุ 15 ปี ขนึ ้ ไป จานวน 50 คน กิจกรรมประกอบด้วย การตรวจวดั ความดนั โลหิต ชีพจร อตั ราการหายใจ ชงั่ นา้ หนกั การให้ความรู้เก่ียวกบั การออกกาลงั กาย ประโยชน์ และวิธีการ ออกกาลงั กาย สอนราไม้พลอง ฝึ กราไม้พลองเป็ นกลมุ่ สปั ดาห์ละ 3 วนั จดั ประกวดการราไม้พลอง และ ตดิ ตามประเมินผลเป็นระยะ ระยะเวลา ตงั้ แต่ 15 มกราคม 2559 ถึง 14 เมษายน 2559 สถานท่ีดาเนินการ คือ ลานบริเวณหน้าปะปาหมบู่ ้าน 1. จงเขียนขนั้ ตอนการดาเนนิ โครงการดงั กลา่ ว 2. จงเขียนแผนภมู ิกากบั การปฏิบตั งิ านของโครงการดงั กลา่ ว (Gantt chart) 3. ภายหลงั สิน้ สดุ โครงการ ทา่ นจะต้องบนั ทกึ ผลการปฏิบตั งิ านอยา่ งไรโดยประยกุ ตใ์ ช้หลกั D-I-E กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[168] เอกสารอ้างอิง นิรัตน์ อิมามี. (2554). การนิเทศ การติดตาม และประเมินผลการทางานในชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา การทางานชุมชนด้านสาธารณสขุ หน่วยที่ 9-15 (พิมพ์ครัง้ ท่ี 11). นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. พลู สขุ หิงคานนท์. (2554). การพฒั นาอนามยั ชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชุดวิชา การพยาบาลชมุ ชนและ การรักษาพยาบาลเบือ้ งต้น หน่วยที่ 8-15 (พิมพ์ครัง้ ที่ 13). นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. วนสั รา เชาวน์นยิ ม. (2557). การนเิ ทศ ตดิ ตามกากบั และประเมินผลงานสาธารณสขุ . ใน เอกสารการสอน ชุดวิชา การบริหารงานสาธารณสุข หน่วยที่ 9-15 (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. สมใจ วนิ ิจกลุ . (2552). อนามยั ชมุ ชน กระบวนการวินิจฉยั และการแก้ปัญหา (ปรับปรุงครัง้ ท่ี 2) (พิมพ์ครัง้ ที่ 4). กรุงเทพฯ: บริษทั บพิธการพมิ พ์. สวุ รรณา นาควิบลู ย์วงศ์. (2557). การติดตามและประเมินผลโครงการ: แนวคิดสู่การปฏิบตั ิ (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ ชนสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. Allender, J., & Spradley, B. (2005). Planning, intervention, and evaluation of health care in communities. In J. A. Allender, & B. W. Spradley, Community health nursing: Promoting and protecting the public’s health (6th ed.). Philadelphia, PA: Lippincott Williams & Wilkins. Maurer, F. A., & Smith, C. M. (2013). Community diagnosis, planning and intervention. In F. A. Maurer, & C. M. Smith (Eds.), Community/public health nursing practice: Health for families and populations (5th ed.). St. Louis, MO: Saunders. McMahon, R., Barton, E., & Piot, M. (1992). On being in charge: A guide management in primary health care (2nd ed.). Geneva: World Health Organization. กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[169] บทท่ี 7 การประเมินผลการปฏบิ ัตกิ ารพยาบาลในชุมชน แนวคดิ การประเมินผลการปฏิบตั ิการพยาบาลในชุมชน เป็ นขนั้ ตอนสุดท้ายของกระบวนการพยาบาล อนามยั ชุมชน เกิดขึน้ ภายหลังการปฏิบตั ิงานตามแผนงานโครงการเสร็จสิน้ การประเมินผลโครงการ อนามยั ชุมชนจะทาให้พยาบาลอนามัยชุมชน ได้ข้อมูลสารสนเทศท่ีเป็ นประโยชน์ รับรู้ถึงปัญหา ข้อดี ข้อจากดั และอปุ สรรคตา่ งๆท่ีเกิดขนึ ้ ในการดาเนินโครงการ เพื่อนาไปใช้วางแผนและตดั สินใจปรับปรุงและ พฒั นาโครงการใหมๆ่ ให้มีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผลมากยงิ่ ขนึ ้ การประเมินผลจึงสามารถประเมินได้ทงั้ ก่อนการดาเนินการ ระหว่างดาเนินการ และเมื่อสิน้ สุดโครงการ เม่ือทาการประเมินผลโครงการพัฒนา สุขภาพประชาชนในชุมชน ควรพิจารณาองค์ประกอบต่อไปนี ้ ความเก่ียวเน่ืองสัมพันธ์ ความก้าวหน้า ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบ และความยงั่ ยืนของโครงการ กระบวนการประเมินผลแผนงานหรือ โครงการมีลักษณะคล้ายการทาวิจัย มีหลายขนั้ ตอน เริ่มตงั้ แต่การกาหนดโครงการและเป้ าหมายการ ประเมิน กาหนดวิธีการประเมิน การดาเนินการประเมิน วิเคราะห์ข้อมูล รายงานผลและการนาผลไปใช้ หรือการประเมินผลแบบซิปป์ เป็ นการประเมินผลการปฏิบตั ิงานในลักษณะเป็ นระบบ ประกอบด้วย สภาพแวดล้อม/บริบท (Context) ปัจจยั นาเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Product) วัตถุประสงค์ ภายหลงั ศกึ ษาบทนีแ้ ล้วผ้อู า่ นสามารถ 1. อธิบายความหมายของการประเมนิ ผลได้ 2. อธิบายความสาคญั ของการประเมนิ ผลได้ 3. อธิบายองค์ประกอบของการประเมินผลโครงการในชมุ ชนได้ 4. อธิบายประเภทของการประเมินผลได้ 5. อธิบายกระบวนการประเมนิ ผลโครงการพฒั นาสขุ ภาพชมุ ชนได้ 6. นาแบบจาลองซปิ ป์ ไปใช้ในการประเมินผลโครงการได้ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[170] 7.1 ความหมายของการประเมินผล นกั วชิ าการให้ความหมายของการประเมินผล (Evaluation) ไว้หลากหลาย สามารถสรุปได้ดงั นี ้ แอลเล็นเดอร์และสแปดเรย์ (Allender & Spradley, 2005) ให้ความหมายของ การประเมินผล หมายถึง การวดั และการตดั สินเกี่ยวกบั คณุ คา่ ในรูปของประสิทธิภาพของการบรรลเุ ป้ าหมายของโครงการ ที่ดาเนินไปแล้ว โดยการประเมินผลนนั้ ต้องมีการเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ มาตรฐาน หรือผลลพั ธ์ท่ีตงั้ ไว้ แมคมาฮอน และคณะ (McMahon et al., 1992) ให้ความหมายของ การประเมินผล หมายถึง การ ตดั สินให้คณุ คา่ ที่เหมาะสมของงาน ซึง่ ขนึ ้ อย่กู บั วิธีการตรวจสอบ (Examine) หรือการวดั (Measure) หรือ การประเมิน (Assess) ท่ีทาเพื่อให้ได้ข้อมลู ขา่ วสารที่เป็นประโยชน์ในการตดั สินใจในอนาคต สแตนฮ็อฟ (Stanhope, 2014) ให้ความหมายของ การประเมินผล หมายถึง วิธีการที่ใช้ตดั สิน คณุ คา่ ของกิจกรรมบริการสขุ ภาพหรือโครงการเก่ียวกบั ผลการดาเนินการ ประสทิ ธิผล ประสิทธิภาพ พลู สุข หิงคานนท์ (2554) ให้ความหมายของ การประเมินผล หมายถึง กระบวนการและการ แสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน โครงการท่ีได้ปฏิบัติงานไปแล้วว่าบรรลุวัตถุประสงค์ท่ี กาหนดไว้หรือไมเ่ พียงใด สรุปความหมายของการประเมินผลคือ กระบวนการตดั สินว่าแผนงานหรือโครงการนนั้ ดาเนินงาน ไปแล้วบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์หรือไม่ หรือผลลพั ธ์ที่เกิดขึน้ เป็ นไปตามที่คาดหวงั อย่างไร โดยเปรียบเทียบกับ เกณฑ์ที่กาหนดไว้หรือผลลพั ธ์ที่หวงั ไว้ จากความหมายสะท้อนให้เห็นความสาคญั ของการประเมนิ ผลด้วย 7.2 ความสาคัญของการประเมนิ ผล ผลการประเมินการปฏิบตั ิการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน หรือการดาเนินโครงการ จะทาให้พยาบาล อนามยั ชมุ ชน ผ้บู ริหารโครงการ หรือผ้รู ับผดิ ชอบโครงการ ได้ข้อมลู สารสนเทศท่ีเป็ นประโยชน์ ทาให้รับรู้ถึง ปัญหา ข้อดี ข้อเสีย ข้อจากัด อุปสรรคต่างๆ ท่ีเกิดขึน้ ในการดาเนินโครงการ เพ่ือนาไปใช้ วางแผนและ ตดั สินใจปรับปรุงและพฒั นาโครงการใหม่ๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสอดคล้องกบั ความต้องการ ของชมุ ชน การประเมินผลจึงมีความสาคญั สามารถสรุปได้ดงั นี ้(วนสั รา เชาวน์นิยม, 2557; Smith & Maurer, 2013) 1. ชว่ ยสร้างความชดั เจนในธรรมชาติของระบบการทางาน เป้ าหมาย นโยบาย ลาดบั ความสาคญั และทาให้เกิดการเรียนรู้ถึงความเป็ นไปได้ของการบรรลุความสาเร็จตามเป้ าหมาย และความจาเป็ น เร่งดว่ นในการปรับปรุงการดาเนินงาน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[171] 2. สนบั สนนุ และสง่ เสริมคณุ ภาพงานให้ดีขนึ ้ เป็นระยะๆ 3. ชว่ ยกากบั ให้มีการปรับปรุงแก้ไขกิจกรรม/การทางานให้ได้ตามมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่กาหนด 4. สนบั สนนุ การพจิ ารณาขยายขอบเขตงานอย่างมีคณุ ภาพแม้ในสภาวะที่ถกู จากดั ด้วยทรัพยากร ตา่ งๆ 5. ชว่ ยปรับปรุงพฒั นากิจกรรมตา่ งๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกบั สถานการณ์การเปลี่ยนแปลง 6. เป็นแรงจงู ใจให้ผ้ปู ฏิบตั งิ านได้รับสารสนเทศเกี่ยวกบั ผลการดาเนินงานและนาสารสนเทศมาใช้ ในการปรับปรุงผลการดาเนินงานและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทัง้ ยังผู้บริหาร/ผู้รับผิดชอบ โครงการจะได้มีข้อมลู ประกอบการตดั สนิ ใจวา่ จะดาเนินการขยายหรือยตุ แิ ผนงาน 7.3 องค์ประกอบของการประเมินผลโครงการ ในการประเมนิ ผลแผนงานหรือโครงการการพฒั นาสขุ ภาพประชาชนจะต้องพิจารณาให้ครอบคลมุ ตามองคป์ ระกอบสาคญั สามารถสรุปได้ดงั นี ้(Stanhope, 2014: 284-285) 1) ประเมนิ ความเกี่ยวเน่ือง (Relevance) การประเมินผลในสว่ นนีจ้ ะนาไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของ การวางแผนของการบริหารงาน ทาให้มองภาพเป็ นระบบวา่ สว่ นใดมีความสมั พนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั โครงการ ใดบ้างมีความเกี่ยวเนื่องเอือ้ ประโยชน์ตอ่ กนั หรือลกั ษณะการดาเนินงานมีความสมั พนั ธ์กัน รวมถึงการใช้ ทรัพยากรร่วมกนั เช่น ใช้ทรัพยากรบคุ คล สิ่งอานวยความสะดวก มีการดาเนินการท่ีม่งุ ตอบสนองร่วมกนั ซ่ึงจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประสิทธิภาพของโครงการในการลดค่าใช้จ่ายของแผนงานโครงการพฒั นา สขุ ภาพประชาชน หากพจิ ารณาบนพืน้ ฐานของความต้องการของประชาชนในชมุ ชนโครงการนนั้ มีเหตผุ ลที่ บง่ บอกถงึ ความจาเป็นเพียงใด 2) ความก้าวหน้า (Progress) เป็ นการประเมินผลความก้าวหน้าของแผนงานวา่ เป็ นไปตามเวลา หรือเป้ าหมายที่กาหนดไว้เพียงใด ประเมินในลกั ษณะเปรียบเทียบกิจกรรมที่ทาได้กบั กิจกรรมท่ีกาหนดไว้ ในแผนงาน รวมถึงประเมินเก่ียวกบั ปัญหา อปุ สรรคขดั ขวางที่ทาให้แผนงานโครงการไมป่ ระสบผลสาเร็จ การประเมินความก้าวหน้านีจ้ ะดาเนินภายหลงั จากดาเนนิ งานไปชว่ งเวลาหนงึ่ สามารถประเมินเป็ นรายวนั รายสปั ดาห์ หรือรายเดือน เพื่อนาผลท่ีได้ไปปรับปรุงแผนงานให้เกิดความก้าวหน้าท่ีจะต้องทาต่อไป เช่น การประเมนิ จานวนผ้ใู ช้บริการท่ีได้รับการเย่ียมบ้าน ประเมินจานวนกิจกรรมสร้างเสริมสขุ ภาพแก่ประชากร กลมุ่ เป้ าหมายในชมุ ชน เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[172] 3) ประสิทธิภาพ (Efficiency) เป็ นการประเมินผลเพื่อเปรียบเทียบผลท่ีได้รับกบั ทรัพยากรที่ใช้ไป หรือเปรียบเทียบผลงานที่ได้รับจากโครงการกบั ความพยายามท่ีจะทาให้งานสาเร็จ การวดั ประสิทธิภาพมี จดุ มงุ่ หมายเพื่อที่จะปรับปรุงการปฏิบตั งิ าน และทบทวนความก้าวหน้าของงาน โดยพิจารณาถึงผลที่ได้รับ กบั ความเหมาะสมของแผนปฏิบตั ิการ กิจกรรม วิธีปฏิบตั ิ กาลงั คน เวลา และทรัพยากร นอกจากนีก้ าร ประเมินประสิทธิภาพจะมีประโยชน์ตอ่ ผ้บู ริหารท่ีต้องตดั สินใจภายใต้เงื่อนไขทรัพยากรที่มีอย่อู ย่างจากดั เชน่ มีงบประมาณจากดั มีบคุ ลากรจากดั หรือเวลาท่ีจากดั แตจ่ าเป็ นต้องเลือกทากิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึง โดยไม่สามารถจดั ทาทกุ กิจกรรมได้พร้อมกนั เป็ นต้น เชน่ พิจารณาว่าวิธีการปฏิบตั ิใช้แก้ไขปัญหาสขุ ภาพ อนามยั ชมุ ชนได้หรือไม่ งบประมาณที่ใช้ค้มุ คา่ ค้มุ ทนุ หรือไม่ คา่ ใช้จา่ ยตอ่ หนว่ ย = คา่ ใช้จา่ ยทงั้ หมดของกิจกรรม จานวนกิจกรรมท่ีทาได้ 4) ประสทิ ธิผล (Effectiveness) เป็นการประเมนิ สภาพการทางานที่ได้ผลตามวตั ถปุ ระสงค์ รวมถึง ความพึงพอใจทงั้ ของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการหรือประชาชนต่อการให้บริการตามโครงการ โดยการ ประเมนิ ประสิทธิผลนนั้ อาจจะใช้การวิเคราะห์อตั ราสว่ น (นิรัตน์ อิมามี, 2554) เชน่ เปรียบเทียบอตั ราส่วน ระหว่างผลงานที่ทาได้จริงกับเป้ าหมายท่ีกาหนดไว้ หรืออัตราส่วนระหว่างวตั ถปุ ระสงค์หรือเป้ าหมายท่ี บรรลุกับวตั ถุประสงค์หรือเป้ าหมายที่วางแผนไว้ หรือกิจกรรมที่ทาได้กับกิจกรรมท่ีกาหนดไว้ นอกจากนี ้ การวเิ คราะห์อตั ราสว่ นยงั ใช้ในการพิจารณาประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพของงานได้ด้วย ดงั ตวั อยา่ ง การตดิ ตามงานโดยพิจารณาความก้าวหน้าของแผนงานโครงการ อตั ราสว่ นระหว่างกิจกรรมท่ีทาได้กบั กิจกรรมท่ีกาหนด = กิจกรรมที่ทาได้ x 100 กิจกรรมท่ีกาหนด การตดิ ตามงานโดยพจิ ารณาประสิทธิผล อตั ราสว่ นระหว่างวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ทาได้กบั วตั ถปุ ระสงคท์ ี่กาหนด = วตั ถปุ ระสงค์ที่ทาได้ x 100 วตั ถปุ ระสงค์ที่กาหนด กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[173] การตดิ ตามงานโดยพจิ ารณาประสิทธิภาพของแผนงานโครงการ อตั ราสว่ นระหว่างทรัพยากรที่ใช้ไปกบั ทรัพยากรท่ีกาหนด = ทรัพยากรที่ใช้ไป x 100 ทรัพยากรท่ีกาหนด การตดิ ตามงานโดยพจิ ารณาประสทิ ธิภาพของแผนงานโครงการ = วตั ถปุ ระสงคห์ รือเป้ าหมายท่ีบรรลุ / ทรัพยากรที่ใช้ไปจริง = กิจกรรมของโครงการที่ทาไปจริง / ทรัพยากรท่ีใช้ไปจริง การตดิ ตามงานโดยพิจารณาประสทิ ธิผลของแผนงานโครงการ = วตั ถปุ ระสงคห์ รือเป้ าหมายที่บรรลุ / กิจกรรมท่ีทาไปจริง 5) ผลกระทบ (Impact) เป็ นการประเมินผลกระทบจากโครงการเม่ือโครงการได้ทาเสร็จสิน้ แล้ว ตามแผนทงั้ ผลดีและผลเสียท่ีอาจเกิดขึน้ มีผลกระทบใดเกิดขึน้ บ้างในระยะสนั้ และระยะยาว ซึ่งอาจ กระทบตอ่ ตวั บคุ คล ระบบสงิ่ แวดล้อม ระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจและสงั คม คณุ ภาพชีวิต เป็ นต้น การ ประเมินผลกระทบนีต้ ้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานจึงจะเห็นความเปล่ียนแปลงที่เกิดขึน้ จากการจัดทา โครงการแก้ไขปัญหาสุขภาพอนามยั เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ อตั ราการเจ็บป่ วย อตั ราการตาย คณุ ภาพชีวิตโดยรวม เป็นต้น 6) ความยง่ั ยืน (Sustainability) การประเมินความยงั่ ยืนของโครงการมีความสาคญั มาก โครงการ นัน้ จะมีความยั่งยืนอย่างไร มีทรัพยากรหรือแหล่งประโยชน์จากหน่วยงานภายนอกสนับสนุนเพ่ือให้ โครงการดาเนนิ การอยา่ งตอ่ เนื่องมากน้อยเพียงใด 7.4 ประเภทของการประเมนิ การประเมินผลหากจาแนกตามช่วงระยะเวลาของโครงการ แบง่ ประเภทของการประเมินได้ดงั นี ้ (พลู ศกั ด์ิ พมุ่ วิเศษ, 2557; พลู สขุ หงิ คานนท์, 2554) 1) การประเมนิ ผลกอ่ นการดาเนินโครงการ (Pre-evaluation) การประเมินผลนีเ้ พ่ือคาดหวงั ผลงาน วา่ เมื่อได้ดาเนนิ ตามแผนงานหรือโครงการนนั้ แล้ว จะเกิดประโยชน์และมีความสาเร็จเพียงใด การประเมิน ก่อนดาเนินโครงการ ได้แก่ การประเมินความจาเป็ น/ความต้องการ (Needs assessment) จากการ รวบรวมข้อมลู สารสนเทศวา่ บคุ คล ครอบครัว กลมุ่ คนและชมุ ชนมีความจาเป็ นต้องการให้ดาเนินโครงการ แก้ไขปัญหาสขุ ภาพอนามยั หรือกิจกรรมหรือไม่ เพ่ือตดั สินใจว่าจะดาเนินโครงการหรือกิจกรรมใดจึงจะ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[174] เหมาะสม (Stanhope, 2014) และการประเมินความเป็ นไปได้ (Feasibility) ของโครงการ เพื่อพิจารณาว่า โครงการนนั้ จะดาเนินการให้ประสบความสาเร็จตามท่ีตงั้ วตั ถปุ ระสงค์ไว้หรือไม่ โดยพิจารณาจากปัจจยั ที่ จาเป็ นตอ่ ความสาเร็จ ได้แก่ ทรัพยากร บุคลากร งบประมาณ เทคโนโลยี การบริหารจดั การ การยอมรับ ของสงั คม เป็นต้น 2) การประเมินผลระหว่างปฏิบตั ิงาน/ระหว่างดาเนินโครงการ (On-going evaluation) การ ประเมินผลเมื่อได้ดาเนินการตามแผนงานหรือโครงการไประยะหนง่ึ เพื่อประเมินผลท่ีเกิดขนึ ้ จริงว่าเป็ นไป ตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการหรือที่คาดหวงั หรือไม่ มีปัญหาอปุ สรรคอย่างไง การประเมินในลกั ษณะนีเ้รียก อีกอยา่ งวา่ การประเมินความก้าวหน้าของโครงการ (Formative evaluation) ซึ่งผลท่ีได้สามารถนามาใช้ ปรับปรุงการดาเนนิ การที่เหลือให้ได้ผลผลติ เป็นไปตามต้องการ 3) การประเมินผลเมื่อสิน้ สดุ โครงการ (Post-evaluation) เป็ นการประเมินเม่ือโครงการสิน้ สดุ แล้ว เพื่อตดั สินวา่ การดาเนนิ โครงการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์และเป้ าหมายตามทิศทางที่กาหนดไว้เพียงใด มีปัญหา อุปสรรคอย่างไร และควรจะดาเนินการอย่างไร ผลการประเมินจะช่วยในการตดั สินใจสาหรับโครงการ ใหมๆ่ ซงึ่ มีลกั ษณะเหมือนหรือใกล้เคยี งกนั หรือเรียกวา่ การประเมินผลสรุป (Summative evaluation) 7.5 กระบวนการประเมนิ ผล กระบวนการประเมินผลแผนงานหรือโครงการการพฒั นาสขุ ภาพประชาชนนนั้ เพื่อนาผลท่ีได้จาก การประเมินไปใช้ในการควบคมุ กากบั และปรับแผนงานโครงการ จดั ทาแผนงานโครงการใหม่ และสรุปผลท่ี เกี่ยวกบั ประสทิ ธิผลของแผนงานโครงการ กระบวนการประเมินผลแผนงานโครงการ ประกอบด้วยขนั้ ตอน สาคญั สามารถสรุปได้ดงั นี ้(พลู สขุ หงิ คานนท์, 2554) 1) กาหนดโครงการและเป้ าหมายการประเมิน ผ้ปู ระเมินต้องกาหนดเป้ าหมายที่ชดั เจนว่าจะประ เมินผลกิจกรรมหรือโครงการอะไร โดยสอดคล้องกับแผนงาน ทัง้ วตั ถุประสงค์ เป้ าหมาย กระบวนการ ดาเนินงาน และผลลพั ธ์ที่กาหนดไว้ในโครงการ 2) กาหนดวิธีการประเมิน เครื่องมือ และกิจกรรมการประเมิน ผ้ปู ระเมินกาหนดวิธีการ/กิจกรรมที่ ใช้ในการประเมิน เคร่ืองมือใดบ้างเพื่อใช้ รวบรวมข้อมูล วิธีการได้มาซ่ึงข้อมูลจะทาอย่างไร เช่น แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การสงั เกต การเข้าไปมีส่วนร่วม รายงานผลโครงการ รายงานการประชุม สถิตขิ ้อมลู ท่ีเกี่ยวข้อง เป็นต้น กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[175] 3) การดาเนินการประเมิน ผู้ประเมินดาเนินการประเมินตามแผนและวิธีท่ีกาหนดไว้รวมถึง เคร่ืองมือที่จะใช้ในการรวบรวมข้อมลู นอกจากนีจ้ าเป็ นต้องศกึ ษาและทาความเข้าใจเก่ียวกบั บริบทของสิ่ง ที่จะประเมินด้วย เมื่อประเมินแล้วควรลงบนั ทึกผลการประเมินโดยผ้ปู ระเมินต้องระมดั ระวงั การตดั สินใจ ที่มาจากความคดิ เห็นสว่ นตวั ผ้เู ดยี ว ไมต่ ดั สินใจด้วยคา่ นยิ ม 4) วเิ คราะห์ข้อมลู นาข้อมลู ท่ีรวบรวมได้จากการประเมินมาทาการวิเคราะห์ข้อมลู ทางสถิติอาจใช้ โปรแกรมสาเร็จรูป แสดงผลการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบกบั เป้ าหมายท่ีกาหนดไว้ เชน่ การวิเคราะห์ข้อมลู ด้วยการแจกแจงความถ่ี ร้อยละ คา่ เฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การใช้สถิติทดสอบคา่ ที (t-test) การ วิเคราะห์ความแปรปรวน เป็ นต้น ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมลู สามารถทาได้ทงั้ เชิงปริมาณ หรือเชิงคณุ ภาพ ก็ ขนึ ้ อยกู่ บั เป้ าหมายของการประเมนิ ท่ีกาหนดไว้ 5) รายงานและการนาผลไปใช้ นาผลการวิเคราะห์ข้อมูลมาสรุปและให้ข้อเสนอแนะจากผลสรุป การประเมินโครงการว่ามีคุณค่ามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด หากจัดทาโครงการต่อจะดาเนินการใน ลกั ษณะอยา่ งไร มีแนวทางการพฒั นาหรือปรับปรุงโครงการอย่างไร เพ่ือจะได้นาไปใช้ปรับปรุงโครงการใน ครัง้ ตอ่ ไป 7.6 กรอบแนวคิดในการประเมินผลโครงการ 7.6.1 ประเมนิ ผลแบบซปิ ป์ โมเดล (CIPP model) กรอบแนวคิดท่ีมีผ้นู ิยมใช้แพร่หลายมากในการประเมินผลแผนงานหรือโครงการตา่ งๆ คือ การ ประเมนิ ผลแบบซิปป์ โมเดล หรือ CIPP Model เนื่องจากเป็ นการประเมินผลอย่างเป็ นระบบ มีกระบวนการ ตอ่ เนื่อง มกั ใช้ควบคกู่ บั การบริหารโครงการ เพื่อประโยชน์ในการตดั สนิ ใจปรับปรุงเร่ืองตา่ งๆ ทงั้ ระบบ สตฟั เฟิ ลบมิ และชินฟิ ว (Stufflebeam & Shinkfield, 2007) แบง่ การประเมินผลตามองค์ประกอบ ของแบบจาลองซิปป์ ไว้ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การประเมินสภาพแวดล้อม/บริบท (Context evaluations) การประเมินปัจจยั นาเข้า (Input evaluations) การประเมินกระบวนการ (Process evaluations) และการ ประเมนิ ผลผลติ (Product evaluations) มีรายละเอียดการประเมินแตล่ ะองคป์ ระกอบดงั นี ้ การประเมินสภาพแวดล้อม/บริบท (Context: C) เป็ นการประเมินสภาพแวดล้อม/บริบท นโยบายของรัฐ หน่วยงาน/องค์กร วิชาชีพ ความคิดเห็นของสังคมว่ามีความพร้ อมหรือเหมาะสมที่จะ ดาเนินโครงการหรือไม่ เช่น โครงการนนั้ ตอบสนองปัญหาความต้องการที่แท้จริงหรือไม่ สอดคล้องกับ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[176] นโยบายของหน่วยงาน องค์กร หรือรัฐบาลหรือไม่ การประเมินด้านนีเ้ พื่อประโยชน์ในการตดั สินใจที่จะ กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการให้สอดคล้องกบั แผนการดาเนนิ งาน และลาดบั ความสาคญั การประเมินปัจจยั นาเข้า (Input: I) เป็ นการประเมินปัจจยั เบือ้ งต้น หรือปัจจยั นาเข้าสู่ โครงการ โดยพิจารณาถึงคณุ ภาพ ความเหมาะสม ความเพียงพอ การนามาใช้ประโยชน์ของปัจจยั นาเข้า ได้แก่ บุคคล เงินและงบประมาณ ทรัพยากรตา่ งๆ เป็ นต้น การประเมินปัจจยั นาเข้าเพ่ือประโยชน์ในการ ตดั สินใจกาหนดโครงสร้ างของโครงการหรือแหล่งสนบั สนุน เลือกใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้เกิด ประโยชน์สงู สดุ สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ การประเมินกระบวนการ (Process: P) เป็ นการประเมินกระบวนการทางาน เพื่อศกึ ษา ข้อดี ข้อบกพร่อง ปัญหา อปุ สรรคตา่ งๆ หรือข้อจากดั และการแก้ไขปัญหาของการดาเนินการตามขนั้ ตอน ที่กาหนดไว้ การประเมินกระบวนการเพ่ือประโยชน์ในการตดั สินใจปรับปรุงแผนงานหรือกระบวนการ ปฏิบตั งิ าน การประเมนิ ผลผลติ (Product: P) เป็นการประเมนิ ผลผลิตที่ได้จากโครงการวา่ เป็ นไปตาม วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการหรือไม่ คณุ ภาพของผลลพั ธ์เป็ นอย่างไร เกิดผลกระทบอื่นใดบ้างหรือไม่ การ ประเมินผลผลติ จะเป็นประโยชน์ในการตดั สนิ ใจเพ่ือทบทวนโครงการท่ีจะนาไปใช้ในครัง้ ถดั ไป 7.6.2 การใช้ลักษณะผลของโครงการท่ตี ้องการประเมนิ กาหนดส่งิ ท่จี ะประเมิน เป็ นการประเมินผลผลิตท่ีเกิดจากการดาเนินโครงการ ผลผลิตของแผนงานโครงการสามารถ ประเมินได้จาก ผลงานของบคุ ลากร และผลผลิตท่ีเกิดขนึ ้ กบั เป้ าหมาย มีดงั นี ้ (นิรัตน์ อิมามี, 2554; Smith & Maurer, 2013) 1. ผลงานของบคุ ลากรหรือผ้ใู ห้บริการ (Performance) ส่ิงท่ีจะประเมินตามผลงานท่ีเกิดขนึ ้ นีจ้ ะ พิจารณาในมิตทิ ี่แตกตา่ งกนั ดงั นี ้1) การประเมินความก้าวหน้าของโครงการ (Progress evaluation) โดย พิจารณาการประเมินผลการดาเนินงานในตวั กิจกรรมที่ได้ทาไปในช่วงเวลาที่กาหนด ผลการดาเนินงานที่ ครอบคลมุ เป้ าหมายท่ีกาหนดไว้และอาจรวมการประเมินการใช้ทรัพยากรในแตล่ ะช่วงด้วย 2) การประเมิน ความครอบคลมุ กลมุ่ เป้ าหมาย (Coverage) พิจารณาผลการดาเนินงานที่ได้กระทากบั กล่มุ เป้ าหมายหลกั ว่าทาไปมากน้อยเพียงใด เม่ือเปรียบเทียบกบั เป้ าหมายท่ีกาหนดไว้ในแผนงานโครงการ และ 3) การ ประเมินความเพียงพอของผลการดาเนินงาน (Adequacy) พิจารณาผลการดาเนินงานได้ดาเนินงานไป กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[177] แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกบั ปริมาณของเป้ าหมายท่ีมีอยจู่ ริงทงั้ หมด ในบางกรณีมิตคิ วามครอบคลมุ และความ เพียงพออาจจะเป็นมติ เิ ดียวกนั หากเป้ าหมายท่ีกาหนดกบั เป้ าหมายท่ีมีอยจู่ ริงเป็นเป้ าหมายเดยี วกนั 2. ผลผลิตที่เกิดขึน้ กับเป้ าหมาย เป้ าหมายอาจจะเป็ นได้ทงั้ ระดบั บุคคล กลุ่มคน หน่วยงาน องค์กร ส่ิงที่จะประเมินตามผลผลิตท่ีเกิดขนึ ้ กบั เป้ าหมาย ได้แก่ 1) การประเมินประสิทธิผลของโครงการ (Program effectiveness)เป็ นการประเมินสดั ส่วนระหว่างผลที่กิดขึน้ จริงในช่วงระยะเวลาที่กาหนดกับ วตั ถปุ ระสงค์หลกั ที่กาหนดไว้ในแผน หากพยาบาลอนามยั ชมุ ชนจะจดั ทาแผนงานโครงงานควรต้องกาหนด วัตถุประสงค์หลักของแผนงานโครงการให้ชัดเจน แม้ว่าในโครงการจะมีวัตถุประสงค์หลายๆข้อ 2) ประเมินผลกระทบ (Program impact) เป็ นการประเมินผลการดาเนินการท่ีเกิดขึน้ ภายหลงั ซ่ึงต้องใช้ ระยะเวลาจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึน้ และ 3) ประเมินประสิทธิภาพของโครงการ โดยการ เปรียบเทียบระหว่างผลที่เกิดจากการดาเนินงานกับปัจจยั นาเข้าทงั้ หมดท่ีใช้ไป แตเ่ น่ืองจากความยงุ่ ยาก ในการเปลี่ยนคา่ ของผลและปัจจยั นาเข้าเป็ นค่าของจานวนเงิน การประเมินประสิทธิภาพของโครงการจึง นิยมประเมินจากการเปรี ยบเทียบประสิ ทธิ ภาพระหว่างโครงการด้ วยกันหรื อภายในโครงการเดียวกัน เรียกว่า การประเมิน Cost effectiveness (นิรัตน์ อิมามี, 2554) ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง โครงการนัน้ นอกจากจะพิจารณาจากปัจจัยนาเข้าแล้วยังพิจารณาได้จากกลวิธีการดาเนินงานและ ระยะเวลาดาเนินงาน ผลการประเมินประสิทธิผลและประสิทธิภาพของโครงการ โดยเฉพาะประสิทธิภาพ ในแง่ของ Cost effectiveness ของโครงการ จะช่วยการตดั สินใจปรับเปลี่ยนปัจจยั นาเข้า กิจกรรมการ ดาเนินงาน ปรับปรุงแผนโครงการ หรือล้มเลิกโครงการ การประเมินผลโครงการหรือการประเมินผลการดาเนินการนนั้ มีหลายส่ิงที่จะต้องถกู ประเมิน ซ่ึง ในการประเมินผลนนั้ ๆ มกั จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของแผนงานโครงการหรือการดาเนินงานทงั้ สิน้ พยาบาลอนามยั ชมุ ชนหรือผ้ทู ี่ทาหน้าที่ประเมินผลโครงการจงึ จาเป็นต้องทราบวา่ จะทาการประเมินเร่ืองใด เป็นหลกั เพื่อได้ข้อมลู ประกอบการตดั สนิ ใจปรับปรุงแผนโครงการ หรือล้มเลิกโครงการ สรุป การประเมินผลการปฏิบตั ิการพยาบาลในชุมชน/โครงการ เป็ นขนั้ ตอนสุดท้ายของกระบวนการ พยาบาลอนามัยชุมชน ซ่ึงการประเมินผลโครงการมีหลายองค์ประกอบที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ความ เก่ียวเน่ือง ความก้าวหน้า ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบ และความยั่งยืนของโครงการ ผลการ ประเมินโครงการอย่างตอ่ เน่ืองจะทาให้มีข้อมลู ในการรายงานความก้าวหน้าของโครงการและการรายงาน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[178] ผลโครงการ ข้อมูลท่ีได้จากผลการประเมินโครงการจะใช้ประกอบการตดั สินใจ ปรับเปลี่ยนแผนงาน โครงการ หรือล้มเลิกโครงการบนพืน้ ฐานของประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลของโครงการ คาถามท้ายบท 1. ทา่ นทาการศกึ ษาความจาเป็นของโครงการหนง่ึ และค้นหากลวธิ ี กิจกรรมท่ีจะทาให้โครงการดาเนินไป ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีต้องการ การดาเนนิ การดงั กลา่ วเป็นการประเมนิ ผลโครงการในชว่ งระยะเวลาใด 2. โครงการรณรงค์การได้รับภูมิค้มุ กันสาหรับเด็กอายตุ ่ากว่า 1 ปี วตั ถุประสงค์กาหนดว่า ภายในระยะ เวลา 1 ปี เดก็ อายตุ า่ กวา่ 1 ปี ได้รับวคั ซีนป้ องกนั โรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยกั ร้อยละ 90 หากหม่บู ้านเอ มี เด็กอายตุ ่ากวา่ 1 ปี จานวน 20 คน เมื่อดาเนินกิจกรรมครบ 1 ปี พบวา่ มีเดก็ ได้รับวคั ซีนดงั กลา่ วจานวน 10 คน จงคานวณหาประสิทธิผลของกิจกรรม 3. วตั ถปุ ระสงค์กาหนดว่า เดก็ แรกเกิด ได้กินนมแม่อย่างเดียวอยา่ งน้อย 6 เดือนแรกตดิ ตอ่ กนั ร้อยละ 80 เม่ือดาเนินการครบ 1 ปี ทาการสารวจพบวา่ เด็กกล่มุ นีไ้ ด้กินนมแมอ่ ย่างเดียว ร้อยละ 50 จงคานวณหา ประสิทธิผลของวตั ถปุ ระสงค์ 4. โครงการเต้นแอโรบคิ ของประชาชนหมู่ 4 มีคา่ ใช้จ่ายทงั้ หมดของกิจกรรม 1,800 บาท มีประชาชนเข้า มา ร่วมกิจกรรม 40 คนจากกลุ่มเป้ าหมายท่ีกาหนดไว้ 60 คน จงคานวณหาค่าใช้จ่ายตอ่ หน่วยของ กิจกรรมภายหลงั สิน้ สดุ โครงการ 5. จงอธิบายองคป์ ระกอบสาคญั ของแบบจาลองซิปป์ ท่ีใช้ในการประเมนิ ผลโครงการ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[179] เอกสารอ้างองิ นริ ัตน์ อมิ ามี. (2554). การนเิ ทศ การตดิ ตาม และประเมินผลการทางานชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา การทางานชุมชนด้านสาธารณสุข หน่วยที่ 9-15 (พิมพ์ครัง้ ที่ 11). นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. พลู ศกั ดิ์ พมุ่ วิเศษ. (2557). ระบบสาธารณสขุ และการวางแผนงานสาธารณสขุ . กรุงเทพฯ: บริษัท จรัลสนิท วงศก์ ารพิมพ์. พลู สขุ หิงคานนท์. (2554). การพฒั นาอนามยั ชมุ ชน. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา การพยาบาลชุมชนและ การรักษาพยาบาลเบือ้ งตน้ หน่วยที่ 8-15 (พิมพ์ครัง้ ท่ี13). นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. วนสั รา เชาวน์นยิ ม. (2557). การนิเทศ ตดิ ตามกากบั และประเมินผลงานสาธารณสขุ . ใน เอกสารการสอน ชุดวิชา การบริหารงานสาธารณสุข หน่วยที่ 9-15 (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. Allender, J., & Spradley, B. (2005). Planning, intervention, and evaluation of health care in communities. In J. A. Allender, & B. W. Spradley, Community health nursing: Promoting and protecting the public’s health (6th ed.). Philadelphia, PA: Lippincott Williams & Wilkins. McMahon, R., Barton, E., & Piot, M. (1992). On being in charge: A guide management in primary health care (2nd ed.). Geneva: World Health Organization. Smith, C. M., & Maurer, F. A. (2013).Evaluation of nursing care with communities. In F. A. Maurer, & C. M. Smith (Eds.), Community/public health nursing practice: Health for families and populations (5th ed.). St. Louis, MO: Saunders. Stanhope, M. (2014). Program management. In M. Stanhope, & J. Lancaster (Eds.), Foundations of nursing in the community: Community-oriented practice (4th ed.). St. Louis, MO: Mosby. Stufflebeam, D. L., & Shinkfield, A. J. (2007). Evaluation theory, models, and applications. San Francisco, CA: Jossey-Bass. กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[180] ภาคผนวก กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[181] ภาคผนวกท่ี 1 ตวั อย่างความจาเป็ นพนื้ ฐาน (จปฐ.) ปี 2560-264 ผลการจัดเกบ็ ข้อมลู ดัชนีชีว้ ดั จปฐ. 2560 2561 2562 2563 2564 หมวดท่ี 1 สุขภาพ มี 7 ตวั ชีว้ ดั 1. เด็กแรกเกดิ มนี า้ หนกั 2,500 กรัม ขนึ ้ ไป 2. เด็กแรกเกิดได้กินนมแมอ่ ยา่ งเดยี วอยา่ งน้อย 6 เดือนแรกตดิ ตอ่ กนั 3. เดก็ แรกเกิดถงึ 12 ปี ได้รับวคั ซีนป้ องกนั โรคครบตามตารางสร้างเสริม ภมู คิ ้มุ กนั โรค 4. ครัวเรือนกินอาหารถกู สขุ ลกั ษณะ ปลอดภยั และได้มาตรฐาน 5. ครัวเรือนมกี ารใช้ยาเพอื่ บาบดั บรรเทาอาการเจ็บป่ วยเบอื ้ งต้นอยา่ ง เหมาะสม 6. คนอายุ 35 ปี ขนึ ้ ไป ได้รับการตรวจสขุ ภาพประจาปี 7. คนอายุ 6 ปี ขนึ ้ ไป ออกกาลงั กายอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ 3 วนั ๆ ละ 30 นาที หมวดท่ี 2 สภาพแวดล้อม มี 7 ตวั ชวี ้ ดั 8. ครัวเรือนมคี วามมน่ั คงในทอ่ี ยอู่ าศยั และบ้านมสี ภาพคงทนถาวร 9. ครัวเรือนมนี า้ สะอาดสาหรับดมื่ และบริโภคเพียงพอตลอดปี อยา่ งน้อยคนละ 5 ลติ ร 10. ครัวเรือนมีนา้ ใช้เพยี งพอตลอดปี อยา่ งน้อยคนละ 45 ลติ รตอ่ ปี (ประมาณ 2 ปี๊ บ) 11. ครัวเรือนมีการจดั บ้านเรือนเป็ นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และถกู สขุ ลกั ษณะ 12. ครัวเรือนไมถ่ กู รบกวนจากมลพิษ 13. ครัวเรือนมกี ารป้ องกนั อบุ ตั ภิ ยั และภยั ธรรมชาตอิ ยา่ งถกู วิธี 14. ครัวเรือนมีความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สนิ หมวดท่ี 3 การศกึ ษา มี 5 ตวั ชีว้ ดั 15. เดก็ อายุ 3-5 ปี ได้รับบริการเลยี ้ งดเู ตรียมความพร้อมกอ่ นวยั เรียน 16. เดก็ อายุ 6-14 ปี ได้รับการศกึ ษาภาคบงั คบั 9 ปี 17. เดก็ จบชนั้ ม.3 ได้เรียนตอ่ ชนั้ ม.4 หรือเทียบเทา่ กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[182] ผลการจดั เก็บข้อมูล ดัชนีชีว้ ดั จปฐ. 2560 2561 2562 2563 2564 18. คนในครัวเรือนทจ่ี บการศกึ ษาภาคบงั คบั 9 ปี ทไ่ี มไ่ ด้เรียนตอ่ และยงั ไมม่ ี งานทา ได้รับการฝึกอบรมด้านอาชีพ 19. คนอายุ 15-60 ปี อา่ น เขยี น ภาษาไทยและคิดเลขอยา่ งงา่ ยได้ หมวดท่ี 4 การมงี านทาและรายได้ มี 4 ตวั ชีว้ ดั 20. คนอายุ 15-59 ปี มีอาชีพและรายได้ 21. คนอายุ 60 ปี ขนึ ้ ไป มอี าชีพและรายได้ 22. รายได้เฉลยี่ ของคนในครัวเรือนตอ่ ปี 23. ครัวเรือนมกี ารเก็บออมเงิน หมวดท่ี 5 ค่านิยม มี 8 ตวั ชีว้ ดั 24. คนในครัวเรือนไมด่ มื่ สรุ า 25. คนในครัวเรือนไมส่ บู บหุ รี่ 26. คนอายุ 6 ปี ขนึ ้ ไป ปฏิบตั กิ ิจกรรมทางศาสนาอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ 1 ครัง้ 27. ผ้สู งู อายุ ได้รับการดแู ลจากครอบครัว ชมุ ชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน 28. ผ้พู กิ าร ได้รับการดแู ลจากครอบครัว ชมุ ชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน 29. ผ้ปู ่ วยโรคเรือ้ รงั ได้รับการดแู ลจากครอบครัว ชมุ ชน ภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน 30. ครัวเรือนมีสว่ นร่วมทากิจกรรมสาธารณะเพือ่ ประโยชน์ของชมุ ชนหรือ ท้องถ่ิน 31. ครอบครัวมีความอบอนุ่ หมายเหตุ ทาเครื่องหมาย √ ในกรณีทข่ี ้อนนั้ ผา่ นเกณฑ์ (ไมม่ ีปัญหา) ทาเครื่องหมาย X ในกรณีที่ข้อนนั้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ (ต้องแก้ไข) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[183] ภาคผนวกท่ี 2 ตัวอย่างแบบสอบถามครอบครัว แบบสอบถามครอบครัว ชุมชน…………..…….หมู่ท่ี………….ตาบล….……อาเภอ…….…จังหวัด………. ผู้ให้ข้อมูล…………………………………………..บ้านเลขท่ี...………………………………… เบอร์ โทร………………………………………………………………………………................. ผู้เก็บข้อมูล………………………………………………………………………………………… ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป ข้อมูลสมาชิกในครอบครัวท่อี าศัยอย่ปู ัจจุบัน ช่ือ-สกุล ความ โรค เพศ อายุ สถาน อาชีพ การ ศาสนา เก่ยี วข้อง ราย ภาพ ศกึ ษา กบั หวั หน้า ได้ ประจาตัว ครอบครัว ผงั เครือญาติ ข้อมูลสุขภาพตามกลุ่มอายุ 1. เดก็ อายุ 0-5 ปี 1.1 ครอบครัวของทา่ นมีเดก็ อายุ 0-5 ปี หรือไม่ ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปข้อ 2) 1.2 เดก็ อายไุ มเ่ กิน 1 ปี มีนา้ หนกั แรกเกิด ไมน่ ้อยกวา่ 2500 กรัม ทกุ คน หรือไม่ ( ) ทกุ คน ( ) น้อยกวา่ …….คน 1.3 เดก็ กินนมแมอ่ ยา่ งเดียว ตงั้ แตแ่ รกเกิดเป็นเวลาตดิ ตอ่ กนั 6 เดือน ทกุ คนหรือไม่ ( ) ทกุ คน ( ) ไมไ่ ด้กิน…….คน กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[184] 1.4 เดก็ ได้รับวคั ซีนป้ องกนั โรคครบตามตารางเสริมสร้างภมู คิ ้มุ กนั โรค ทกุ คนหรือไม่ ( ) ทกุ คน ( ) ไมไ่ ด้รับ…….คน 1.5 เดก็ มีพฒั นาตามวยั ครบทกุ คนหรือไม่ ( ) ทกุ คน ( ) ผิดปกต…ิ ….คน 2. เดก็ อายุ 6-14 ปี 2.1 ครอบครัวของทา่ นมีเดก็ อายุ 6-14 ปี หรือไม่ ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปข้อ 3) 2.2 เดก็ ได้รับวคั ซีนป้ องกนั โรคตามตารางเสริมสร้างภมู ิค้มุ กนั โรค ทกุ คนหรือไม่ ( ) ทกุ คน ( ) ไมไ่ ด้รับ…….คน 2.3 เดก็ มีภาวะโภชนาการ ตามเกณฑ์ ทกุ คนหรือไม่ ( ) ตามเกณฑ์ทกุ คน ( ) ไมต่ ามเกณฑ์…….คน 2.4 เดก็ มีภาวะพร่องทางการรับรู้และสตปิ ัญญา หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี…….คน 2.5 เดก็ มีพฤตกิ รรมหนีเรียน ตดิ เกมส์ เที่ยวกลางคนื หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี…….คน 2.6 เดก็ มีปัญหาทะเลาะกบั สมาชิกในครอบครัว หรือไม่ ( ) มี่ ( ) มี ระบปุ ัญหา……… 3. คนอายุ 15-59 ปี 3.1 ครอบครัวทา่ นมีสมาชกิ อายุ 15-59 ปี ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปข้อ 4) 3.2 ในชว่ ง 1 ปี ท่ีผา่ นมา ครอบครัวทา่ นมีหญิงอายุ 15-59 ปี ตงั้ ครรภ์และคลอดหรือไม่ ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี 3.3 ในชว่ ง 1 ปี ที่ผา่ นมา สมาชกิ ในครอบครัว อายุ 15-59 ปี ดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี 3.4 ในชว่ ง 1 ปี ท่ีผา่ นมา สมาชิกในครอบครัว อายุ 15-59 ปี สบู บหุ ร่ี หรือไม่ ( ) มี จานวน…….คน ( ) ไมม่ ี กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[185] 3.5 สตรีอายุ 35 ปี ขนึ ้ ไป ตรวจเต้านมด้วยตนเอง หรือไม่ ( ) ตรวจ ( ) ไมไ่ ด้ตรวจ 3.6 สตรีอายุ 35 ปี ขนึ ้ ไป ได้รับการตรวจคดั กรองมะเร็งเต้านม หรือไม่ ( ) ตรวจ ( ) ไมไ่ ด้ตรวจ 3.7 สตรีอายุ 35 ปี ขนึ ้ ไป ได้รับการตรวจคดั กรองมะเร็งปากมดลกู หรือไม่ ( ) ตรวจ ( ) ไมไ่ ด้ตรวจ 3.8 สมาชกิ ในครอบครัวอายตุ งั้ แต่ 35 ปี ขนึ ้ ไป ได้รับการตรวจคดั กรองโรคเบาหวาน หรือไม่ ( ) ได้รับการตรวจ ( ) ไมไ่ ด้ตรวจ 3.9 สมาชิกในครอบครัวอายตุ งั้ แต่ 35 ปี ขนึ ้ ไป ได้รับการตรวจคดั กรองโรคความดนั โลหติ สงู หรือไม่ ( ) ได้รับการตรวจ ( ) ไมไ่ ด้ตรวจ 4. คนอายุ 60 ปี ขนึ้ ไป 4.1 ครอบครัวทา่ นมีสมาชิกอายุ 60 ปี ขนึ ้ ไป หรือไม่ ( ) มี……..คน ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปข้อ 5) 4.2 สมาชิกในครอบครัวท่ีอายุ 60 ปี ขนึ ้ ไป สามารถชว่ ยเหลือตนเองได้หรือไม่ ( ) ได้ ( ) ไมไ่ ด้…….คน 5. ผู้พกิ าร (หมายถึง บคุ คลที่มีความพิการทางการมองเห็น การได้ยินหรือส่ือความหมาย การเคลื่อนไหว หรือพิการทางร่างกาย จิตใจหรือพฤติกรรม และความพิการทางสติปัญญาหรือการเรียนรู้ เช่น ตาบอด หู หนวก พิการแขนขาซงึ่ อาจมีสาเหตมุ าจากภาวะเจบ็ ป่ วยเรือ้ รัง ออทสิ ตกิ ) 5.1 ครอบครัว มีผ้พู กิ ารหรือไม่ ( ) มี……คน ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปสว่ นท่ี 2) 5.2 ผ้พู กิ ารมีบตั รประจาตวั ผ้พู ิการ หรือไม่ ( ) มี ( ) ไมม่ ี 5.3 ผ้พู ิการได้รับการดแู ลเอาใจใสใ่ นชีวิตความเป็ นอยู่ และได้รับการดแู ลเม่ือเจบ็ ป่ วย หรือไม่ ( ) ได้รับ ( ) ไมไ่ ด้รับ 5.4 ผ้ดู แู ลผ้พู กิ ารในครัวเรือนนี ้ ( ) มี ระบใุ คร…….. ( ) ไมม่ ี ส่วนท่ี 2 ข้อมูลเก่ียวกับพฤตกิ รรมสุขภาพ 1. พฤตกิ รรมด้านการบริโภค 1.1 สมาชิกในครอบครัวบริโภคอาหารสว่ นใหญ่ มาจากท่ีใด (ตอบได้มากกวา่ 1 ข้อ) กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[186] ( ) ซือ้ จากตลาด หาบเร่ แผงลอย ( ) ปรุงเอง ( ) ไปกินที่ร้าน ( ) อ่ืนๆ………… 1.2 สมาชิกในครอบครัวสว่ นใหญ่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาตอิ ย่างไร ( ) เคม็ ( ) หวาน ( ) เผด็ ( ) เปรีย้ ว ( ) รสไมจ่ ดั 1.3 สมาชกิ ในครอบครัวรับประทานผกั ผลไม้ มีสดั สว่ นเป็นครึ่งหนงึ่ ของอาหารแตล่ ะมือ้ หรือไม่ ( ) ใช่ ( ) ไมใ่ ช่ 1.4 สมาชกิ ในครอบครัวดื่มนา้ อดั ลม / นา้ หวาน หรือไม่ ( ) ด่มื ระบุ ความถ่ี………. ( ) ไมด่ ืม่ 2. พฤตกิ รรมด้านการออกกาลังกาย 2.1 สมาชิกในครัวเรือนออกกาลงั กาย ทกุ คนหรือไม่ ( ) ทาทกุ คน ( ) ไมท่ า……. คน 2.2 สมาชิกในครัวเรือน ออกกาลงั กายอยา่ งน้อย สปั ดาห์ละ 3 วนั ครัง้ ละ 30 นาที หรือไม่ ( ) ทาทกุ คน ( ) ไมท่ า……. คน ส่วนท่ี 3 ข้อมูลเก่ียวกับพฤตกิ รรมสุขภาพครอบครัว 1. ชว่ ง 1 ปี ท่ีผา่ นมา มีบคุ คลในครอบครัวเจ็บป่ วยหรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบ…ุ …… 2. บคุ คลในครอบครัวมีการเจบ็ ป่ วยด้วยโรคเรือ้ รัง (เบาหวาน ความดนั ไขมนั หวั ใจ) หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบโุ รค…………………….จานวน…....คน 3. ชว่ ง 1 ปี ที่ผา่ นมา มีบคุ คลในครอบครัวได้รับบาดเจ็บจากอบุ ตั เิ หตุ หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบปุ ระเภทอบุ ตั เิ หต…ุ ………………. 4. สมาชิกในครอบครัวได้ตรวจสขุ ภาพประจาปี หรือไม่ ( ) ไมเ่ คยตรวจ ( ) เคยตรวจ…..คน 5. เมื่อมีการเจ็บป่ วยเกิดขนึ ้ กบั สมาชกิ ในครอบครัว ทา่ นมีการปฏิบตั อิ ยา่ งไร ( ) ซือ้ ยารับประทานเอง ( ) ไปสถานีอนามยั ( ) ไปโรงพยาบาล ( ) หาหมอกลางบ้าน ( ) ใช้ยาสมนุ ไพร ( ) ปลอ่ ยให้หายเอง ( ) อื่นๆ…. 6. การไปใช้บริการสถานีอนามยั หรือรพ.สต. ( ) เม่ือเจ็บป่ วยไมส่ ขุ สบายทกุ ครัง้ ( ) จะไปรักษาเม่ือรักษาด้วยตนเองไมห่ าย ( ) เม่ือเจ็บป่ วยฉกุ เฉินร้ายแรง กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[187] 7. สมาชกิ ในครัวเรือนเข้าร่วมกิจกรรมทาบญุ วนั สาคญั ทางศาสนา อยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ 1 ครัง้ ( ) เข้าร่วม ( ) ไมไ่ ด้เข้าร่วม 8. สมาชิกในครัวเรือนเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ เชน่ การพฒั นาชมุ ชน พฒั นาหมบู่ ้าน ( ) เข้าร่วม ( ) ไมไ่ ด้เข้าร่วม พฤตกิ รรมสุขภาพด้านอาหารและยา 9. ในครอบครัว มียาที่ใช้เป็นประจา หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบ…ุ ………………. 10. สมาชกิ ในครอบครัว รับประทานอาหารเสริม หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี….คน ชนิดอาหารเสริม……………………. 11. สมาชิกในครอบครัว ตดิ ยาเสพตดิ หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี….คน ประเภทของยาเสพตดิ ……………… 12. เมื่อทา่ นซือ้ สินค้า อาหารสาเร็จรูป ทา่ นดเู คร่ืองหมาย อย. และวนั หมดอายุ หรือไม่ ( ) ไมด่ ู ( ) ดู ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคม ของบุคคล ครอบครัว 13. ครอบครัวทา่ นมีรายได้เพียงพอตอ่ การใช้จา่ ย หรือไม่ ( ) เพียงพอ เหลือเก็บ ( ) พอเพียง ไมเ่ หลือเก็บ ( ) ไมเ่ พียงพอ 14. ภายในครอบครัวมีการเก็บออมเงิน หรือไม่ ( ) มีการเก็บออม ( ) ไมม่ ีการเก็บออม 15. ครอบครัวทา่ นมีหนีส้ ิน หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบ…ุ ……………บาท 16. สมาชิกในครอบครัวที่จบ ชนั้ ม.3 ที่ยงั ไมป่ ระกอบอาชีพ ได้รับการฝึกอบรมด้านอาชีพ หรือไม่ ( ) ได้รับ ( ) ไมไ่ ด้รับ 17. เคร่ืองใช้ไฟฟ้ าและสง่ิ อานวยความสะดวกในครอบครัว ( ) พดั ลม ( ) ต้เู ยน็ ( ) โทรทศั น์ ( ) โทรศพั ท์ ( ) เคร่ืองซกั ผ้า ( ) เคร่ืองปรับอากาศ ( ) เคร่ืองเสียง ( ) อื่นๆ………………………. กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[188] ข้อมูลด้านสุขาภบิ าล/ นา้ / ส่งิ แวดล้อม 18. ลกั ษณะชมุ ชนที่อาศยั ( ) ชมุ ชนเมือง ( ) ชมุ ชนแออดั ( ) ชมุ ชนชนบท ( ) ชมุ ชนกึ่งเมืองก่ึงชนบท 19. สภาพบ้านที่อาศยั ( ) สภาพบ้านชารุด ไมป่ ลอดภยั ( ) สภาพบ้านมนั่ คง ปลอดภยั ( ) สภาพบ้านเกา่ แตม่ ีความมน่ั คง ปลอดภยั ( ) อ่ืนๆ……………… 20. การถา่ ยเทอากาศภายในบ้าน (ใช้การสงั เกต) ( ) ดี ( ) ไมด่ ี 21. สภาพแวดล้อมท่ีอยอู่ าศยั ( ) บ้านสะอาดเป็นระเบียบ ( ) บ้านไมส่ ะอาด ไมเ่ ป็ นระเบยี บ 22. การเลีย้ งสตั ว์ภายในบ้าน ( ) ไมม่ ี ( ) มี ชนิดสตั ว์เลีย้ ง……….. 23. นา้ ด่มื ท่ีใช้ ( ) นา้ ประปา ( ) นา้ ฝน ( ) นา้ กรอง ( ) นา้ ดมื่ บรรจขุ วด ( ) นา้ ต้ม ( ) อ่ืนๆ ระบ…ุ ……….. 24. ภาชนะท่ีเก็บนา้ ดื่ม ( ) โอง่ มีฝาปิดมิดชิด ( ) โอง่ ไมม่ ีฝาปิ ด ( ) ถงั นา้ ( ) แท้งก์นา้ ( ) อ่ืนๆ…………… 25. นา้ ใช้ท่ีใช้ ( ) นา้ ประปา ( ) นา้ ฝน ( ) นา้ กรอง ( ) นา้ บาดาล ( ) นา้ ดื่มบรรจขุ วด ( ) นา้ ต้ม 26. การกาจดั นา้ ทงิ ้ ภายในบ้าน ( ) ไมม่ ีการกาจดั ( ) มีการกาจดั โดยวธิ ี…………… 27. การปรับปรุงคณุ ภาพนา้ ( ) ไมม่ ี ( ) มี โดยวิธี ( ) ต้ม ( ) กรอง ( ) แกวง่ สารส้ม กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคิดและการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[189] 28. บริเวณบ้านมีแหลง่ นา้ ขงั (ใช้การสงั เกต) ( ) มี ( ) ไมม่ ี 29. การใช้ส้วม ( ) ไมม่ ี ( ) มี ลกั ษณะส้วม ( ) ส้วมนง่ั ยอง ( ) ส้วมที่นง่ั บนฝาครอบชกั โครก 30. การกาจดั ขยะ ( ) ไมไ่ ด้กาจดั ขยะ ( ) มีการกาจดั ขยะ โดยวิธี ( ) เผา ( ) ขดุ หลมุ ฝัง ( ) ทงิ ้ ลงถงั ขยะ ( ) อ่ืนๆ…………. 31. การกาจดั สตั ว์นาโรค ยงุ ( ) ไมม่ ีการกาจดั ( ) มีการกาจดั โดยวธิ ี…………… แมลงวนั ( ) ไมม่ ีการกาจดั ( ) มีการกาจดั โดยวธิ ี…………… หนู ( ) ไมม่ ีการกาจดั ( ) มีการกาจดั โดยวธิ ี…………… 32. การได้รับวคั ซีนป้ องกนั โรคในสตั ว์เลีย้ ง เชน่ สนุ ขั แมว เป็นต้น ( ) ไมไ่ ด้รับ ( ) ได้รับภายใน 1 ปี ท่ีผา่ นมา ( ) ได้รับนานกว่า 1 ปี 33. สมาชกิ ในครอบครัวที่ปฏิบตั งิ านเกี่ยวข้องกบั สารเคมี ในการประกอบอาชีพการเกษตร หรือไม่ ( ) ไมม่ ี (ข้ามไปข้อ 35) ( ) มี 34. ถ้ามี สมาชกิ ในครอบครัวมีการใช้อปุ กรณ์ป้ องกนั สารเคมี หรือไม่ ( ) ไมใ่ ช้ ( ) ใช้ 35. ชมุ ชนที่ทา่ นอาศยั มีเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภยั หรือจดุ ตรวจตราของหมบู่ ้าน หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี 36. ชมุ ชนของทา่ นมีอบุ ตั เิ หตกุ ารจราจร เกิดขนึ ้ บอ่ ยหรือไม่ ( ) บอ่ ย ( ) ไมบ่ อ่ ย กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล

[190] ภาคผนวกท่ี 3 ตัวอย่างแบบคัดกรองผู้มีภาวะเส่ียงโรคความดันโลหติ สูง ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป ช่ือ-สกุล……………………………………………….. เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง อายุ ( ) 31-40 ปี ( ) 41-50 ปี ( ) 51-60 ปี ( ) 61-70 ปี ( ) 71-80 ปี ( ) 80 ปี ขนึ ้ ไป อาชีพ ( ) รับจ้างทว่ั ไป ( ) รับราชการ ( ) เกษตรกรรม ( ) ธรุ กิจสว่ นตวั ( ) ลกู จ้างบริษัท/ห้างร้าน โรงงาน ( ) ไมไ่ ด้ทางาน ( ) อื่นๆ……………… นา้ หนัก……………..กิโลกรัม ส่วนสูง……………เซนตเิ มตร ดชั นีมวลกาย ( ) < 18.5 ( ) 18.5-24.9 ( ) 25.0-29.9 ( ) >30 kg/m2 รอบเอว ………………….เซนตเิ มตร ระดับความดนั โลหติ ……………….mmHg. ส่วนท่ี 2 ปัจจยั เส่ียง ปัจจัยเส่ียง ใช่ ไม่ใช่ 1. มอี ายุ 35 ปี ขนึ ้ ไป 2. มปี ระวตั ใิ นครอบครวั หรือญาติสายตรงเป็ นโรคความดนั โลหิต 3. มภี าวะอ้วน โดยมดี ชั นมี วลกาย ≥ 25 หรือ รอบเอวชาย ≥90 เซนติเมตร (36 นวิ ้ ขนึ ้ ไป) หญิง ≥80 เซนติเมตร (32 นวิ ้ ขนึ ้ ไป) 4. มีภาวะไขมนั ในเลอื ดผิดปกติ (ไตรกลเี ซอไรด์) มากกวา่ 250 mg/dl หรือ HDL Cholesterol น้อยกวา่ 35 mg/dl (ถ้าไมท่ ราบ ข้าม) 5. มีความดนั โลหติ สงู คือ ≥140/90 mmHg. 6. สบู บหุ รี่ (ถ้าไมส่ บู เลกิ เกิน 6 เดอื น) 7. ด่มื แอลกอฮอล์ 8. รับประทานอาหารท่ีมีไขมนั เป็นประจา 9. รับประทานอาหารรสเคม็ จดั 10. ไมอ่ อกกาลงั กายเป็ นประจา รวม กระบวนการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน: แนวคดิ และการปฏิบตั กิ ารพยาบาล