93 แบบประเมนิ การทดลอง ใชเ้ ครอ่ื งมือที่ รายการประเมนิ คะแนนรวม ความคลอ่ งแคล่ว การบนั ทึกและ การนาเสนอผลการ รายชื่อ เหมาะสมในการ ในขณะทาการ สรปุ ผลการทดลอง ทดลอง นกั เรยี น ปฏิบัตกิ ารทดลอง ทดลอง 4321432143214321 ลงชอ่ื ......................................................ผู้ประเมิน (นางสาวพรศิริ พานาเรียง) .........../............./............
94 เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ คาช้ีแจง ให้ผปู้ ระเมินให้ระดบั คะแนนตามเกณฑ์ข้างล่างนตี้ ามความเปน็ จริงในช่องประเมนิ ผล ตัวชว้ี ัดการประเมนิ ผล ทักษะ/กระบวนการ 1. ทักษะการคดิ วิเคราะห์ เกณฑ์การประเมิน ทักษะการ เกณฑ์การให้คะแนน คิดวเิ คราะห์ ดีเยย่ี ม (4) ดี (3) ผา่ น (2) ไมผ่ ่าน (1) การจาแนกแยกแยะ แยกแยะขอ้ มูลปญั หา แยกแยะปญั หา แยกแยะเก่ยี วกบั ดนิ ทงั้ ไม่สามารถ ขอ้ มลู เก่ียวกับดิน ท้งั สาเหตุ เก่ยี วกบั ดินทงั้ สาเหตุ สาเหตุ และผลกระทบได้ แยกแยะเกี่ยวกบั และผลกระทบได้ และผลกระทบได้ บางส่วนไมค่ รบ ดนิ ทงั้ สาเหตุ และ ครบถว้ นถกู ต้อง ถูกตอ้ งแต่ไมค่ รบถว้ น ผลกระทบได้ การเปรยี บเทยี บเพอ่ื แยกข้อเท็จจริงจาก แยกข้อเท็จจรงิ จาก แยกข้อความปะปนกนั ไมส่ ามารถแยก จัดระบบข้อมูล ขอ้ มลู ปัญหาเกย่ี วกับดนิ ขอ้ มลู ปญั หา ระหว่างขอ้ เทจ็ จรงิ จาก ข้อเทจ็ จรงิ จาก และข้อคดิ เห็นได้ชัดเจน เกย่ี วกบั ดินและ ขอ้ มลู ปญั หาเกีย่ วกับดิน ขอ้ มลู ปญั หา ถกู ตอ้ ง ข้อคดิ เห็นได้แตไ่ ม่ กับข้อคดิ เหน็ เกี่ยวกับดนิ และ ครบ ข้อคิดเหน็ ออก จากกันได้ วิธีการแกป้ ัญหา เสนอวธิ ีการ แนว เสนอวธิ กี าร แนว เสนอวธิ ีการ แนว ไม่สามารถ ทางการป้องกนั และ ทางการปอ้ งกนั และ ทางการป้องกนั และ เสนอแนะวิธกี าร แกไ้ ขปญั หาของดิน ได้ แก้ไขปญั หาของดิน แกไ้ ขปญั หาของดนิ แนวทางการ ครอบคลุมและเหมาะสม ไดค้ รอบคลมุ ได้ แตไ่ ม่ครอบคลมุ ป้องกันและแก้ไข ปัญหาของดนิ ได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ คะแนนที่ได้ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน) ระดบั คุณภาพ 10-12 ดเี ย่ยี ม 7-9 ดี 4-6 ผา่ น 1-3 ไม่ผา่ น
95 แบบประเมนิ ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ รายการประเมนิ คะแนนรวม การเปรยี บเทยี บเพอ่ื รายช่อื การจาแนกแยกแยะ วธิ ีการแกป้ ญั หา นักเรียน ข้อมลู จัดระบบขอ้ มูล 4321 4321 4321 ลงชื่อ ......................................................ผ้ปู ระเมิน (นางสาวพรศิริ พานาเรยี ง) .........../............./............
96 เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คาช้ีแจง ให้ผู้ประเมนิ สงั เกตพฤตกิ รรมด้านต่าง ๆ ของนกั เรยี นแตล่ ะคน และเขยี นเครอื่ งหมายลงในชอ่ ง พฤตกิ รรมในการประเมิน 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน รายการประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ดเี ยี่ยม (4) ดี (3) ผ่าน (2) ไม่ผ่าน (1) มีวนิ ัย ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ตรงตอ่ เวลาใน กฎเกณฑ์ ตรงตอ่ เวลา กฎเกณฑ์ ตรงตอ่ เวลาใน กฎเกณฑ์ ครูเป็นผู้ชีแ้ นะ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และรับผดิ ชอบในการ ต่าง ๆ แตต่ ้องมีการ แต่ต้องมีการเตอื นเปน็ ทางานไดด้ ้วยตนเอง เตอื นเป็นบางครัง้ สว่ นใหญ่ ใฝเ่ รยี นรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา ตัง้ ใจ เขา้ เรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา ตัง้ ใจ เข้าเรียนไม่ตรงเวลา ครู เรยี น เอาใจใส่ และมี ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ เรยี น เอาใจใส่ และมี ตอ้ งเป็นผู้ชีแ้ นะในการ ความเพียรพยายามในการ และมคี วามเพยี ร ความเพียรพยายามในการ เรยี น เรยี นทุกครง้ั พยายามในการเรียน เรยี นบางครั้ง บอ่ ยคร้งั มุ่งม่ันในการทางาน ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการ ตัง้ ใจและรับผิดชอบใน ตั้งใจและรับผิดชอบในการ ครูตอ้ งเป็นผ้ชู ้แี นะในการ ปฏบิ ัติหน้าทที่ ไ่ี ดร้ บั การปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ท่ี ปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ี่ได้รบั ปฏิบัตหิ น้าทท่ี ี่ไดร้ ับ มอบหมายให้สาเรจ็ มกี าร ไดร้ ับมอบหมายให้ มอบหมายให้สาเรจ็ มอบหมาย ปรับปรงุ และพัฒนาการ สาเรจ็ มกี ารปรบั ปรงุ ทางานให้ดขี น้ึ การทางานใหด้ ีข้ึน เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยรวม 3 ด้าน ระดบั คุณภาพรวม คะแนนทไ่ี ด้ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน) ดีเยี่ยม 10-12 ดี 7-9 ผา่ น 4-6 ไม่ผา่ น 1-3
97 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์โดยรวม 3 ด้าน รายชอื่ นักเรยี น รายการประเมนิ คะแนนรวม มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มน่ั การทางาน ลงช่อื ......................................................ผู้ประเมิน (นางสาวพรศิริ พานาเรยี ง) .........../............./............
98 แบบบันทกึ หลงั การสอน ด้านความรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ด้านทักษะและกระบวนการ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ดา้ นคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ผลการประเมนิ บรรยากาศในการจดั การเรียนรใู้ นภาพรวม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ความคดิ เหน็ ของครูตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ปญั หาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ...................................................... (นางสาวพรศริ ิ พานาเรยี ง) .........../............./............
99 บนั ทกึ หลังสอน 1. ผลการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ดุ ประสงค์ K P A มกี ารบูรณาการ คุณธรรม / การตา้ นการทุจรติ / หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก .......................................................................... 3. ผลการเรยี นของนกั เรยี น จานวนนักเรียนทผี่ ่านการประเมิน .......................... คน คิดเป็นร้อยละ ................................. จานวนนักเรียนทีไ่ ม่ผ่านการประเมิน ...................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ................................. อื่น ๆ ............................................................................................................................................. 3. ปญั หาและอุปสรรค กจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา มีนักเรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกาหนดเวลา มีนักเรยี นท่ีไม่สนใจเรียน 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ควรนาแผนไปปรับปรุง เร่อื ง ...................................................................................................... ....................................................................................................................................................... แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรยี น ........................................................ ....................................................................................................................................................... ไม่มขี ้อเสนอแนะ ลงช่ือ ........................................... ผู้บันทกึ (นางสาวพรศริ ิ พานาเรียง) ครผู สู้ อน ________________________________________________________________________________ บันทกึ หลงั การสอน ตามแผนการจดั การเรยี นรฉู้ บับน้ี ได้รับการพจิ ารณาจากหัวหนา้ กลุ่มสาระการ เรียนร้แู ละฝา่ ยวิชาการ แลว้ ลงชือ่ ........................................... ลงชื่อ .................................................. (นางสาวนจิ ธรี า คงหว้ ยรอบ) ( นางสาวตอ้ งใจ กรุตประพนั ธ์)ุ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รองผอู้ านวยการฝา่ ยบริหารงานวิชาการ ลงชือ่ ........................................................... (ดร.กุหลาบ หงษท์ อง) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบรรหารแจ่มใสวิทยา 5
100 ใบงานท่ี 1 เรอื่ งการตรวจวัดสมบตั ขิ องดิน จดุ ประสงค์ 1. สงั เกตและตรวจวดั เนอื้ ดนิ ความชน้ื ในดิน ความเป็นกรด-เบสในดนิ ธาตุอาหารในดนิ โดยใช้เครื่องมือ ทเ่ี หมาะสม วัสดแุ ละอุปกรณ์ 1. ตะแกรงร่อนดนิ เบอร์ 10 9. ถาดพลาสตกิ 2. เครอ่ื งชัง่ 3 แขน 10. ชุดตรวจวดั ธาตุอาหารในดิน 3. กระดาษยูนิเวอรซ์ ัลอินดิเคเตอร์ 11. บีกเกอร์ขนาด 100 cm 4. แท่งแก้วคนสาร 12. บีกเกอร์ขนาด 250 cm 5. นาฬกิ าจับเวลา 13. ภาชนะท่มี ีฝาปิดสนิทหรือถงุ พลาสตกิ 6. ไมบ้ รรทัด 14. แก้วน้าพลาสติก 7. ชอ้ นปลกู 15. กระบอกฉดี นา้ พรอ้ มบรรจนุ า้ กลั่น 8. แผ่นพลาสติกหรอื กระดาษสีขาว 16. ยางรดั ของ ตอนที่ 1 การตรวจวดั เน้ือดนิ วิธกี ารดาเนินกจิ กรรม 1. นาดนิ ท่ีแห้งมาร่อนด้วยตะแกรงร่อนดนิ เบอร์ 10 เพอ่ื แยกซากพืชและซากสัตวอ์ อกจากเนือ้ ดิน 2. แบ่งดนิ ออกมา 200 กรมั แลว้ นาไปตรวจวดั เน้ือดินด้วยวิธีสัมผสั ตามแผนผงั ดังภาพ ภาพท่ี 1 การร่อนดิน 3. บนั ทึกเนอ้ื ดนิ ทีต่ รวจวัดได้ จากนน้ั ใหต้ รวจสอบวา่ เนื้อดนิ ที่ตรวจวัดได้จดั อยู่ในกลมุ่ ดินประเภทใด โดยเทียบเนอื้ ดนิ กบั ขอ้ มูลในตาราง 7.3 (ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 2 เลม่ 2 ของ สสวท.) และบนั ทกึ กลมุ่ ดินท่ไี ด้ บันทึกผล ลกั ษณะเน้อื ดนิ ท่สี มั ผัสได้……………………………………………………………….…………………………………… กลุ่มดนิ ประเภท..............................................
101 ตอนท่ี 2 การตรวจวดั ความชื้นในดิน วิธกี ารดาเนินกจิ กรรม 1. นาดินท่ีแบง่ ไวค้ ร่งึ หนงึ่ มาชั่งมวลดินเปยี กพร้อมกับภาชนะท่ีมีฝาปิดท่บี รรจุมวลดินเปยี กไวด้ ้วย เครอื่ งช่ังบนั ทกึ ผล 2. นาดนิ ท่ีอยใู่ นภาชนะเกลย่ี ลงบนถาดพลาสตกิ แล้วนาไปตากแดดใหแ้ หง้ 3. ซ่งึ มวลภาชนะท่ีมฝี าปดิ ใบเดิมด้วยเครอื่ งชัง่ บันทึกผล 4. คานวณหามวลของดินเปยี ก ดังนี้ มวลดินเปยี ก (g) = มวลดินเปยี กและภาชนะ (g) - มวลภาชนะ (g) 5.นาดนิ ทตี่ ากแดดจนแหง้ เปน็ เวลา 20 นาที แล้วไปช่ังมวลอกี คร้ัง ดงั นี้ 5.1 ซึ่งมวลดินแหง้ พรอ้ มกบั ภาชนะใบเดิมทม่ี ีฝาปดิ ทีบ่ รรจุมวลดินแหง้ ไวด้ ้วยเครื่องช่งั บนั ทึกผล 5.2 คานวณหามวลของดินแห้ง ดังนี้ มวลดินแห้ง (g) = มวลดนิ แห้งและภาชนะ (g) – มวลภาชนะ (g) 6. คานวณหาค่าความช้นื ในดนิ ตามสูตรดังนี้ ความชนื้ ในดนิ (g/g) = มวลของดนิ เปียก − มวลของดินแหง้ มวลของดินแห้ง บันทกึ ผล มวลดินเปยี ก = ……………………….. กรัม มวลดนิ แห้ง = ……………………….. กรัม ความชน้ื ในดนิ (g/g) = มวลของดนิ เปยี ก − มวลของดินแห้ง = ……………………….. (g/g) มวลของดนิ แหง้ รอ้ ยละความช้ืนของดนิ = ……………………….. × 100 = ………………………..
102 ตอนที่ 3 การตรวจวัดความเป็นกรด-เบสของดิน วธิ กี ารดาเนินกจิ กรรม 1. นาดินแหง้ ทีเ่ หลอื อกี 300 กรัม มาแบ่งออกจานวน 20 กรัม และใส่ลงในแกว้ น้าพลาสติก จากนั้น เติมน้ากลั่น 20 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร เพอื่ ให้ไดอ้ ตั ราส่วนดนิ ตอ่ นา้ เปน็ 1 ตอ่ 1 ในกรณีดนิ ทนี่ ามา ตรวจวดั เป็นดินเหนียว ให้ใชอ้ ัตราสว่ นดินตอ่ นา้ เป็น 1 ต่อ 5 (นักเรียนจะทราบชนดิ ของเนื้อดินจาก กิจกรรมการตรวจวัดเนอ้ื ดนิ ) 2. ใช้แท่งแก้วคนสารคนของผสมระหวา่ งดนิ และน้ากล่ันให้เขา้ กัน แลว้ พักไว้ 3 นาที ทาซา้ เช่นนี้ ทง้ั หมด 5 คร้งั 3. ต้ังของผสมระหวา่ งดนิ และน้าไว้จนดนิ ตกตะกอน และมีน้าลักษณะใสแยกออกมาอยเู่ หนอื ชน้ั ตะกอนดิน 4. วดั คา่ pH ของนา้ ใสเหนือตะกอนด้วยกระดาษยนู เิ วอรซ์ ลั อินดเิ คเตอร์ ทาซา้ เชน่ นจี้ านวน 3 คร้ัง และหาค่า pH เฉล่ียทต่ี รวจวัดได้ 5. นาคา่ pH ทตี่ รวจวดั ได้ไปเทียบระดบั ความเปน็ กรด-เบส ของดิน ซ่ึงแสดงอยดู่ งั ตาราง 7.4 และ บนั ทึกระดบั ความเปน็ กรด-เบสของดนิ ที่ได้ ตารางบนั ทึกผลกจิ กรรม คา่ pH ท่วี ดั ได้ ค่าเฉลี่ยของ pH ตัวอย่างดิน ครั้งที่ 2 คร้งั ท่ี 1 คร้งั ท่ี 3 หมายเลข 1 หมายเลข 2 หมายเลข 3 อภิปรายผลกจิ กรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
103 ใบงานที่ 2 เรือ่ งปัญหาเกย่ี วกบั ดิน คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนสถานการณ์ต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม นายก่อเกียรติ จันทรพ์ ่ึงสุข ผู้อานวยการสานักงานพัฒนาท่ดี นิ เขต 2 กรมพัฒนาที่ดนิ กล่าวว่า สานกั งานพัฒนาท่ีดนิ เขต 2 รับผดิ ชอบพนื้ ที่ 7 จงั หวัดภาคตะวนั ออก ไดแ้ ก่ จังหวัดฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด สระแกว้ และปราจีนบรุ ี ซึ่งสภาพพน้ื ทข่ี องภาคตะวันออกเป็นเมอื งติดชายทะเลเปน็ ส่วนใหญ่ ทาให้ปัญหาดินส่วนใหญ่ ที่กระทบตอ่ การเพาะปลูกของเกษตรกรของทีน่ ี่ โดยส่วนใหญ่พ้นื ที่ดนิ เป็นกรด ตดิ ชายทะเลนน้ั เกษตรกรจะทานาข้าว เลย้ี งก้งุ และปลา สว่ นพน้ื ท่ีปลูกไม้ผลเมอื งร้อนท่สี าคัญสว่ นใหญ่จะปลกู บรเิ วณพ้ืนท่ตี อนบนของจังหวัด แตด่ ว้ ยมกี าร ปลกู มาอย่างตอ่ เน่อื ง จึงมีปญั หาเรือ่ งความอดุ มสมบรู ณ์คอ่ นขา้ งต่า ประกอบกบั พน้ื ท่มี ีการใช้ ปยุ๋ เคมแี ละ สารเคมีจานวนมาก อีกทง้ั ลักษณะภมู ิประเทศของภาคตะวันออกทีเ่ ป็นพ้ืนที่ลกู คลื่นลอนลาด จึงมักพบปัญหา การชะลา้ งพังทลายของดินค่อนข้างมาก สง่ ผลให้ดินทมี่ ีความอดุ มสมบูรณ์ถูกชะล้างลงสู่ทต่ี ่า เหลอื แตด่ ินกรด ท่ีมปี ัญหากบั พชื ผลทางการเกษตร ที่มา : https://d.dailynews.co.th/agriculture/238861/ 1.ปัญหาดนิ เป็นกรดสง่ ผลต่อเกษตรกรอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2.สาเหตุของปัญหาดนิ เปน็ กรด เป็นเพราะเหตุใด อยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3.จงบอกแนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาดินเปน็ กรด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
104 ใบงานที่ 2 เร่ืองปัญหาเก่ียวกับดิน คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนสถานการณ์ต่อไปน้แี ล้วตอบคาถาม นายสดุ สาคร ภทั รกุลนษิ ฐ์ อธิบดกี รมการข้าว เป็นประธานการประชุม แกไ้ ขปัญหาการเพิ่ม ประสทิ ธิภาพการปลูกขา้ วในพ้ืนที่ดินทม่ี ปี ัญหา จังหวดั เพชรบรุ ี รว่ มกับกรมชลประทาน เกษตรจงั หวดั และ หน่วยงานส่วนท้องถ่ิน เพ่อื หารือร่วมกันถึงการแกไ้ ขปญั หาดิน ในพ้นื ทปี่ ลูกขา้ วของจังหวัดเพชรบุรี รวมถงึ เขื่อนกัน้ นา้ ระหวา่ งนา้ เค็มและน้าจืดท่ีกาลังประสบปัญหานา้ เคม็ หนนุ เขา้ มาปะปนกับน้าจืด ท่ีสง่ ผลกระทบต่อ การทาเกษตรกรรมของชาวบ้านในพ้นื ที่ นายสดุ สาคร กลา่ วว่า ปญั หาเกี่ยวกบั ดนิ ทีม่ ีปรมิ าณของเกลือละลาย อยู่เป็นจานวนมาก ทาให้ดนิ เปน็ ปัญหาสาคญั ท่ีมีผลต่อการปลกู ข้าวมาอย่างต่อเนือ่ ง อีกท้ังยงั สง่ ผลกระทบ รนุ แรงมากขน้ึ ตอ่ ผลผลิตข้าวในหลายพืน้ ที่ของประเทศไทย ทาให้ผลผลิตข้าวลดลงถงึ รอ้ ยละ 50 โดยปญั หา ดนิ ทีม่ ีปริมาณของเกลือละลายอยเู่ ปน็ จานวนมาก น้ันจะส่งผลใหด้ นิ เกาะตัวแนน่ เน่อื งจากเกลอื ท่ีเขา้ ไปลด พน้ื ท่ขี องชอ่ งอากาศภายในดิน ทาให้นา้ ซมึ ลงสู่ดินยาก ทาใหข้ ้าวทห่ี ว่านไมเ่ จริญเตบิ โต จังหวัดเพชรบุรี เป็น อกี หน่ึงจังหวดั ท่ีประสบปัญหา สรา้ งความเดือดร้อนใหก้ ับเกษตรกรในพ้นื ที่โดยเฉพาะการทานาขา้ วเป็นอย่าง มาก ทม่ี า : https://siamrath.co.th/n/157970 1.ปัญหาดินทีเ่ กดิ ขึน้ ส่งผลตอ่ เกษตรกรอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2.สาเหตุของปัญหาของดนิ ทีเ่ กดิ ขึ้นเป็นเพราะเหตุใด อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3.จงบอกแนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาของดินท่เี กดิ ข้นึ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
105 ผลการประเมินแผนการการจดั การเรยี นรู้การพัฒนาทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์และผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เรอ่ื ง ดนิ ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน (PBL) (Index of Item Objective Congruence : IOC) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คาชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชีย่ วชาญไดก้ รุณาแสดงความคดิ เห็นของท่านที่มีต่อแผนการจดั การเรยี นรแู้ บบใชป้ ัญหา เปน็ ฐาน เร่ือง ดิน ของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 โดยใสเ่ ครือ่ งหมาย ✓ ลงในช่องความ คิดเหน็ ของท่าน พรอ้ มเขยี นขอ้ เสนอแนะ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ในการนาไปพจิ ารณาปรับปรงุ ตอ่ ไป 1.เกณฑ์การให้คะแนน +1 หมายถงึ แนใ่ จวา่ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แสดงรายการประเมินนนั้ ออกมาอย่างชดั เจน สมบรู ณ์ และเหมาะสมดมี าก 0 หมายถงึ ไม่แนใ่ จวา่ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แสดงรายการประเมนิ นน้ั ออกมาอย่างชดั เจน สมบูรณ์ และเหมาะสม -1 หมายถงึ แนใ่ จว่าชุดกิจกรรมการเรียนร้แู สดงรายการประเมนิ นั้น ออกมายงั ไม่สมบูรณ์ตอ้ งเพม่ิ ใน บางประเดน็ 2. ตารางที่ 5 ความเหมาะสมสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ดนิ และ เนือ้ หาสาระจากผู้เชย่ี วชาญ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพจาก ขอ้ รายการประเมนิ ผ้เู ชีย่ วชาญ รวม IOC สรปุ ผล คนที่ คนที่ 2 คนที่ 3 1 ด้านการจัดการเรียนรู้ 1 สง่ เสริมใหน้ กั เรยี นได้เรยี นรูจ้ าก 0 +1 +1 +2 0.67 ผา่ น สถานการณ์ปัญหาทีเ่ กดิ ข้นึ จริง 2 สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นได้ฝกึ คิด +1 +1 +1 +3 1.00 ผา่ น วเิ คราะหอ์ ย่างมเี หตุผล 3 ส่งเสรมิ ให้นักเรยี นได้ฝกึ การ +1 +1 +1 +3 1.00 ผา่ น ทางานกลุม่ แลกเปลย่ี นความรู้ และความคดิ เห็นระหว่างเรียน 4 แบบทดสอบ และกจิ กรรมช่วยให้ +1 +1 +1 +3 1.00 ผา่ น เขา้ ใจเนอื้ หาได้ดียง่ิ ขนึ้ ดา้ นบรรยากาศการเรียนรู้
106 ผลการตรวจสอบคุณภาพจาก ขอ้ รายการประเมนิ ผูเ้ ชย่ี วชาญ รวม IOC สรุปผล +3 1.00 ผา่ น 5 นกั เรยี นมอี ิสระในการศกึ ษา คนที่ คนที่ 2 คนท่ี 3 +3 1.00 ผา่ น คน้ คว้า และ แลกเปลี่ยนความ +3 1.00 ผา่ น คดิ เหน็ 1 +3 1.00 ผ่าน 6 นักเรียนมีการช่วยเหลือซ่ึงกนั และ +1 +1 +1 +3 1.00 ผา่ น กันในกลมุ่ +3 1.00 ผา่ น +1 +1 +1 7 เปดิ โอกาสใหม้ ีสว่ นร่วมใน +1 +1 +1 กิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 ดา้ นประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการเรียนรู้ 8 นักเรียนสามารถศกึ ษาหาความรู้ +1 +1 +1 +1 +1 +1 จาก แหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ และ สามารถสื่อสารกับบุคคลอนื่ ได้ดี ข้ึน 9 ชว่ ยให้นักเรียนมีการทางานอยา่ ง เปน็ ระบบตามข้ันตอนการทางาน 10 ช่วยใหน้ กั เรยี นมีทกั ษะในการคิด วิเคราะห์มากขน้ึ
107 คาช้แี จง ขอให้ทา่ นผู้เชยี่ วชาญไดก้ รณุ าแสดงความคิดเห็นของทา่ นท่ีมตี ่อแผนการจัดการเรยี นรู้แบบใช้ปญั หา เป็นฐาน เรือ่ ง ดิน ของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยใส่เคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องความ คิดเห็นของท่าน พรอ้ มเขยี นข้อเสนอแนะ ทเ่ี ป็นประโยชน์ในการนาไปพิจารณาปรบั ปรุงต่อไป 1.เกณฑก์ ารให้คะแนน +1 หมายถึง แน่ใจวา่ ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ สดงรายการประเมนิ นน้ั ออกมาอย่างชดั เจน สมบรู ณ์ และเหมาะสมดมี าก 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จว่าชดุ กิจกรรมการเรียนรูแ้ สดงรายการประเมินนัน้ ออกมาอยา่ งชดั เจน สมบรู ณ์ และเหมาะสม -1 หมายถงึ แนใ่ จว่าชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แสดงรายการประเมนิ นัน้ ออกมายังไม่สมบูรณต์ อ้ งเพ่มิ ใน บางประเด็น 2. ตารางที่ 6 ความเหมาะสมสอดคลอ้ งของแผนการจดั การเรยี นรู้ เร่อื ง ดนิ และ เนอ้ื หาสาระจากผู้เชีย่ วชาญ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพจาก ข้อ รายการประเมนิ ผเู้ ช่ยี วชาญ รวม IOC สรุปผล คนที่ 1 คนท่ี 2 คนที่ 3 ดา้ นการจัดการเรียนรู้ 1 สง่ เสริมใหน้ ักเรียนได้เรียนรจู้ าก +1 +1 +1 3.00 1.00 ผ่าน สถานการณป์ ญั หาที่เกิดขนึ้ จรงิ 2 สง่ เสริมใหน้ กั เรียนไดฝ้ กึ คิด +1 +1 +1 3.00 1.00 ผา่ น วเิ คราะห์อยา่ งมีเหตุผล 3 สง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นได้ฝกึ การ +1 +1 0 2.00 0.67 ผา่ น ทางานกล่มุ แลกเปลย่ี นความรู้ และความคดิ เห็นระหวา่ งเรียน 4 แบบทดสอบ และกิจกรรมชว่ ยให้ +1 +1 +1 3.00 1.00 ผา่ น เขา้ ใจเนอื้ หาได้ดยี งิ่ ข้ึน ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ 5 นกั เรยี นมีอิสระในการศกึ ษา +1 +1 +1 3.00 1.00 ผา่ น ค้นควา้ และ แลกเปลยี่ นความ คดิ เห็น 6 นกั เรียนมีการชว่ ยเหลอื ซ่งึ กนั และ +1 0 +1 2.00 0.67 ผ่าน กันในกลุม่
108 ผลการตรวจสอบคุณภาพจาก ข้อ รายการประเมิน ผ้เู ช่ยี วชาญ รวม IOC สรุปผล 3.00 1.00 ผา่ น คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 3.00 1.00 ผา่ น 7 เปดิ โอกาสให้มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม +1 +1 +1 3.00 1.00 ผ่าน การเรียนรู้ 3.00 1.00 ผ่าน ดา้ นประโยชนท์ ่ีไดร้ บั จากการเรียนรู้ 8 นักเรียนสามารถศกึ ษาหาความรู้ +1 +1 +1 จาก แหล่งขอ้ มูลตา่ ง ๆ และ สามารถสือ่ สารกับบุคคลอื่นไดด้ ขี ้นึ 9 ช่วยใหน้ กั เรยี นมกี ารทางานอยา่ ง +1 +1 +1 เป็นระบบตามขัน้ ตอนการทางาน 10 ชว่ ยใหน้ กั เรียนมีทกั ษะในการคิด +1 +1 +1 วเิ คราะห์มากข้นึ
109 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นรู้ก่อนเรยี น-หลงั เรยี น เรื่อง ดิน ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 3 รหสั วชิ า ว22101 คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งทสี่ ุดเพียงคาตอบเดียว 1. ช้ันหนา้ ตดั ดนิ ช้ันใด เปน็ ชนั้ หนิ แข็งทเี่ ช่อื มตอ่ กันแน่นและยังไมม่ กี ารผพุ ัง (ร้จู า) ก. ชัน้ เอ ข. ชนั้ บี ค. ช้นั โอ ง. ช้นั อาร์ 2. ดนิ เกิดขนึ้ จากกระบวนการใด (รจู้ า) A การสลายของหิน B การสลายของแรธ่ าตุ C การทับถมของจลุ นิ ทรยี ์ในดนิ D การสลายตัวของซากพชื ซากสัตว์ ก. ขอ้ A และ B ข. ขอ้ A B และ C ค. ข้อ A B และ D ง. ถูกทกุ ขอ้ 3. นชิ าตอ้ งการปลกู ตน้ กุหลาบ นชิ าควรเลอื กดนิ ทีร่ ะดบั ความลกึ ในขอ้ ใดมาใช้ในการปลกู (ประยุกต์) ก. ชั้นโอ ช้นั เอ ข. ช้ันเอ ช้นั อี ค. ชน้ั อี ชัน้ บี ง. ชั้นซี ชน้ั อาร์ 4.วธิ กี ารใดจะชว่ ยปอ้ งกนั ให้ชัน้ ดินไม่พังถล่มได้ (ประยกุ ต์) ก. ทาเขื่อนเพ่อื เปน็ ที่กกั เก็บน้าในป่า ข. ปลกู พชื ชว่ ยยึดหน้าดิน ค . ปลกู สิ่งก่อสร้างเพ่ือช่วยยดึ หน้าดิน ง. ตัดไม้เพอื่ สรา้ งทางนา้ ไหล
110 5.ดินมคี วามสาคญั ตอ่ การดารงชีวติ ของมนุษยอ์ ย่างไร (วเิ คราะห)์ ก. ทาการเกษตร ข. เปน็ แหล่งทีอ่ ยู่อาศัย ค. เปน็ แหลง่ เจริญเตบิ โตของพืช ง. ถกู ทุกขอ้ 6.เม่อื ทาการตรวจวัดสมบัติของดินพบวา่ ดินมคี า่ pH เท่ากบั 3.5 หมายความว่าดินมีระดบั ความเป็นกรด-เบส ระดบั ใด (วเิ คราะห์) ก. เบสจัด ข. เบสเล็กนอ้ ย ค. เปน็ กลาง ง. เปน็ กรดรุนแรงมาก 7.มะปรางมักปลูกตน้ พริกชนิดเดียวซา้ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จนวันนึงมีปญั หาเมอื่ ปลกู พริกแล้ว พรกิ ไมส่ ามารถเจรญิ เตบิ โตเหมอื นทุกครงั้ ท่ผี ่านมา เหตุเกิดจากอะไร และควรแกไ้ ขอยา่ งไร(ประยุกต์) ก. ดินเค็ม แกด้ ้วยการใสป่ ยุ๋ ข. ดนิ จดื แก้ด้วยการปลูกพืชชนิดอนื่ ทเ่ี หมาะกบั ดิน ค. ดนิ เปรี้ยว แกด้ ้วยปลกู พชื ชนิดอื่นที่เหมาะกับดิน ง. ดนิ เคม็ ใส่เกลอื เพอ่ื ทาให้ดนิ เป็นกรดน้อยลง 8.ถ้าไรแ่ หง่ หน่ึงตรวจพบวา่ ดนิ มีค่า pH 7.4-8.4 แต่ชาวไร่ตอ้ งการปลูกขา้ ว มันเทศ และ มะเขอื เทศ ชาวไร่ ต้องปรับปรุงดนิ ในลกั ษณะใด (วเิ คราะห)์ ก. เตมิ ปูนขาวกอ่ นไถพรวน ข. เตมิ กามะถนั ก่อนไถพรวน ค. ตากดนิ ใหแ้ หง้ แล้วใส่ป๋ยุ พืชสดก่อนไถพรวน ง. ใสป่ ยุ๋ เคมีทมี่ ีธาตไุ นโตรเจน และโพแทสเซียมเท่าๆกนั 9.นาข้าวแหง่ หนึง่ มดี ินที่มคี วามเป็นกรดมากเกนิ ไป ทาให้ธาตุเหล็กและอลูมิเนยี มละลายออกมาอยู่ในดนิ มาก จนเปน็ อันตรายต่อข้าว ชาวนาควรแก้ปัญหาดินอยา่ งไร (วิเคราะห)์ ก. ใช้น้าชะลา้ งความเปน็ กรดในดนิ และใส่ปนู ขาวผสมคลุกเคล้าในดนิ ข. ไถกลบข้าวและใสป่ ุ๋ยอนิ ทรีย์ เชน่ แกลบ ค. ปลกู พชื ชนิดอ่นื ท่ีเหมาะกับดิน ง. ใสเ่ กลอื เพอ่ื ทาให้ดินเป็นกรดน้อยลง 10.หากนกั เรยี นตอ้ งการปลกู พืชมะมว่ งไวก้ นิ เอง กอ่ นทาการปลูกนักเรยี นควรปรบั ปรงุ ดนิ ให้มสี มบัตอิ ยา่ งไร (เขา้ ใจ) ก. มคี วามเป็นกรดสงู เนื้อละเอยี ด ข. เน้ือดินรว่ น มีสีคล้า ค . เนือ้ ดนิ หยาบ มีธาตุเหล็กปนอยู่มาก ง. มคี วามเป็นเบสสงู เปน็ สแี ดง
111 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครอื่ งมอื ของผเู้ ชีย่ วชาญ การหาค่าดชั นคี วามสอดคล้องระหวา่ งเนอ้ื หาสาระกับการเรยี นรูด้ ้านพุทธิพสิ ยั ของบลมู และคณะ (Index of Item Objective Congruence : IOC) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน +1 หมายถึง เมอื่ แนใ่ จวา่ ขอ้ คาถามนั้นสอดคลอ้ งและตรงตาม ทักษะการคดิ วเิ คราะหท์ ต่ี ้องการวดั 0 หมายถึง เมอ่ื ไม่แนใ่ จว่า ขอ้ คาถามนั้นสอดคล้องและตรงตาม ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ที่ต้องการวัด -1 หมายถงึ เมอ่ื แนใ่ จว่าขอ้ คาถามน้นั สอดคล้องและตรงตาม ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ที่ตอ้ งการวัด 2. ตารางท่ี 7 ผลการประเมินต่อคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ งของระหวา่ งเน้อื หาสาระกับการเรยี นรู้ ดา้ นพุทธพิ ิสยั ของบลูมและคณะ จัดการเรียนร้ดู ว้ ยการเรยี นดว้ ยกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ดิน โดยการจดั การเรียนรแู้ บบใช้ ปญั หาเป็นฐาน ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2/2 ขอ้ ที่ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของผู้เช่ียวชาญ IOC ผลการคัดเลือก คนที่ 1 คนท่ี 2 คนท่ี 3 1 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 2 0 -1 +1 0.00 คดั ออก 3 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 4 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 5 0 +1 0 0.33 คดั ออก 6 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 7 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 8 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 9 0 0 +1 0.33 คดั ออก 10 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 11 +1 0 0 0.33 คดั ออก 12 0 0 0 0.00 คดั ออก 13 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 14 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 15 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ รวม 10.99
112 ตารางท่ี 8 แสดงคะแนนดบิ ของกลุ่มทดลองใช้ (try out) จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น จานวน 10 ข้อ ของ นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3/2 จานวน 30 คน คนที่ ขอ้ 1 ข้อ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ขอ้ 6 ขอ้ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ขอ้ 10 รวม 1111011111 1 9 2110011101 1 7 3010011000 0 3 4101110000 1 5 5100001001 1 4 6110100000 0 3 7110001111 0 6 8000100000 0 1 9111011110 1 8 10 1 1 1 1 0 0 0 0 1 1 6 11 0 0 0 1 0 0 0 0 0 0 1 12 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 8 13 0 0 0 1 1 0 0 0 0 1 3 14 1 0 1 1 1 1 0 0 0 0 5 15 1 0 0 1 1 1 0 0 1 1 6 16 0 0 0 0 1 0 1 0 0 0 2 17 0 0 0 0 0 0 1 0 1 1 3 18 1 0 1 1 1 0 0 0 0 1 5 19 1 0 1 1 0 0 0 1 1 1 6 20 0 0 0 0 0 1 0 0 0 1 2 21 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 8 22 0 0 0 1 1 0 0 0 0 0 2 23 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 2 24 1 0 1 0 1 0 0 0 0 0 3 25 1 0 0 1 1 1 0 1 1 1 7 26 1 0 0 0 0 0 0 1 0 1 3 27 1 1 1 1 0 0 1 0 0 1 6 28 0 0 0 0 1 1 0 0 0 0 2
113 คนท่ี ข้อ 1 ขอ้ 2 ข้อ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ข้อ 6 ขอ้ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 รวม 29 1 0 0 1 1 0 0 1 1 1 6 30 1 0 0 0 0 0 1 1 0 0 3 ตารางท่ี 9 แสดงคะแนนดบิ ของกลุ่มทดลองใชเ้ ก่ง-อ่อน (try out) จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน จานวน 10 ข้อ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/2 จานวน 30 คน คนท่ี ขอ้ 1 ขอ้ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ขอ้ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ขอ้ 9 ข้อ รวม 10 111101111119 911101111018 12 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 8 21 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 8 25 1 0 0 1 1 1 0 1 1 1 7 211001110117 711000111106 10 1 1 1 1 0 0 0 0 1 1 6 15 1 0 0 1 1 1 0 0 1 1 6 19 1 0 1 1 0 0 0 1 1 1 6 27 1 1 1 1 0 0 1 0 0 1 6 29 1 0 0 1 1 0 0 1 1 1 6 410111010016 14 1 0 1 1 1 1 0 0 0 0 5 18 1 0 1 1 1 0 0 0 0 1 5 510000100114 13 0 0 0 1 1 0 0 0 0 1 3 17 0 0 0 0 0 0 1 0 1 1 3 24 1 0 1 0 1 0 0 0 0 0 3 26 1 0 0 0 0 0 0 1 0 1 3
114 คนที่ ขอ้ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ขอ้ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ขอ้ รวม 10 3 30 1 0 0 0 0 0 1 1 0 0 3 30100110000 3 61101000000 2 20 0 0 0 0 0 1 0 0 0 1 2 22 0 0 0 1 1 0 0 0 0 0 2 28 0 0 0 0 1 1 0 0 0 0 2 16 0 0 0 0 1 0 1 0 0 0 2 23 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 1 80001000000 1 11 0 0 0 1 0 0 0 0 0 0 หมายเหตุ : สีเขยี ว คอื กลมุ่ สงู จานวน 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของกลุม่ ทดลองใช้ (30 คน) สีเหลือง คอื กลุ่มตา่ จานวน 50 เปอรเ์ ซ็นต์ ของกลุม่ ทดลองใช้ (30 คน)
115 ค่าความยากและค่าอานาจจาแนก ตารางที่ 10 แสดงผลคา่ ความยากและอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จานวน 10 ขอ้ ของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/2 ขอ้ สอบที่ H L P r วเิ คราะหค์ า่ ทค่ี านวณได้ ผลการคดั เลือก คา่ P คา่ r 1 15 6 0.70 0.60 ค่อนข้างง่าย คอ่ นขา้ งสูง คดั เลอื กไว้ 2 7 2 0.30 0.33 ค่อนข้างยาก ปานกลาง คดั เลือกไว้ 3 10 1 0.37 0.60 ค่อนข้างยาก คอ่ นข้างสงู คดั เลือกไว้ 4 10 6 0.53 0.27 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 5 12 6 0.60 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลอื กไว้ 6 10 4 0.47 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 7 9 3 0.40 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 8 7 2 0.30 0.33 ค่อนขา้ งยาก ปานกลาง คัดเลอื กไว้ 9 10 2 0.40 0.53 ปานกลาง ค่อนขา้ งสูง คดั เลือกไว้ 10 13 5 0.60 0.53 ปานกลาง ค่อนขา้ งสูง คดั เลือกไว้ คา่ ความเชอ่ื มน่ั (reliability) เกณฑ์พจิ ารณาขอ้ สอบ 1. คา่ ความยาก อยู่ระหวา่ ง .30 ถึง .70 2. คา่ อานาจจาแนก อยรู่ ะหวา่ ง .27 ถึง .60 ค่าความเช่ือมั่นทั้งฉบบั ของแบบทดสอบ เรื่อง ดนิ ใช้สูตร KR-20 ������������ − 20 = ������ [1 − ∑���������2���������] ������−1 KR-20 = 0.80
116 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวเิ คราะห์ เรื่อง ดิน ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 รหสั วิชา ว22101 คาช้แี จง : ใช้รูปภาพตอ่ ไปนี้ตอบคาถามข้อ 1 - 3 1. 2. 3. 4. 5. ภาพชั้นหนา้ ตัดดนิ ที่ 1 ภาพชัน้ หน้าตัดดนิ ที่ 2 1. จากภาพของช้นั หน้าตดั ดินท่ี 1 แสดงใหเ้ หน็ วา่ ดินในชน้ั ใดเปน็ ชัน้ วตั ถตุ น้ กาเนิดดิน (จบั ค)ู่ ก. ชั้นท่ี 1 ข. ช้นั ท่ี 3 ค. ชนั้ ที่ 5 ง. ไมม่ ขี ้อถูก 2. จากภาพชน้ั หน้าตัดดนิ ทั้ง 2 พื้นท่ี มลี กั ษณะเหมอื นหรอื แตกต่างกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (การสรปุ หลักเกณฑท์ ่ัวไป) ก. เหมอื นกัน เพราะมีสีของแตล่ ะชนั้ ดนิ ทเ่ี หมือนกนั ข. เหมือนกัน เพราะทัง้ 2 พืน้ ท่มี จี านวน 5 ช้ันดินเท่ากนั ค. ตา่ งกนั เพราะมีเนอ้ื ดนิ จานวนชั้นดนิ และความหนาตา่ งกัน ง. ตา่ งกัน เพราะมีสีของเนื้อดนิ ตา่ งกนั และมพี ชื ที่เจริญในดนิ ตา่ งกัน 3. จากภาพสขี องชนั้ หน้าตัดดนิ ท้ัง 2 พื้นที่ ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง (การสรุปหลักเกณฑเ์ ฉพาะ) ก. ดนิ ชน้ั บนมเี นื้อละเอยี ด มสี ารอนิ ทรยี ม์ าก ข. ดินชน้ั บนมีสีคลา้ เน้ือละเอยี ด มีสารอนิ ทรีย์มาก ค. ดินชั้นลา่ งมเี น้ือหยาบ มีสารอนิ ทรียน์ ้อย ง. ดนิ ช้นั ล่างมเี น้อื ละเอียด มสี ารอินทรยี ์นอ้ ย
117 4. ขอ้ ใดต่อไปนไ้ี ม่ถูกตอ้ ง (วิเคราะหข์ ้อผิดพลาด) ก. ดินท่มี ีระยะเวลาในการเกิดน้อยจะมีลกั ษณะ และสมบัติคล้ายคลึงกับวตั ถุตน้ กาเนดิ มาก ข. ยงิ่ ระยะเวลาในการเกิดดนิ มากข้นึ เท่าใด ความแตกต่างของดนิ จากวตั ถุตน้ กาเนดิ จะมมี ากข้นึ ค. ระยะเวลาในการเกิดดินมีผลต่อจานวนชน้ั ดนิ และความหนาของช้ันดิน ง. ระยะเวลาในการเกิดดินไมม่ ผี ลกับความหนาของชั้นดิน และสมบัติของดนิ 5. เจนน่ขี ุดดนิ ลงไปในระดับความลกึ 2 เมตร เจนนพ่ี บว่าดินมีเน้อื ในแต่ละช้ันทีแ่ ตกต่างกัน สีต่างกนั ความหนาของชัน้ ดนิ ทแี่ ตกตา่ งกัน และยังเจอสัตว์ชนิดตา่ ง ๆ ภายในดนิ เจนนจ่ี ะสามารถใช้เกณฑ์ใด ในการแบ่งดินออกเปน็ ชัน้ บนและช้ันลา่ ง (จดั หมวดหม)ู่ ก. สีของเนอื้ ดินที่แตกตา่ งกนั ข. จานวนสัตวท์ พี่ บภายในดิน ค. ปรมิ าณของอนิ ทรีสาร ง. เนอื้ ดนิ และความหนาของชัน้ ดิน 6. ตัวนาพาและปัจจัยท่ใี ช้ในกระบวนการเกิดดินขอ้ ใด แตกตา่ งจากพวก (จัดหมวดหมู่) ก. ปริมาณนา้ ฝน ข. ความชนื้ ค. อณุ หภูมอิ ากาศ ง. การเกิดปฏิริยาเคมี คาชแ้ี จง : ใช้ขอ้ มูลต่อไปน้ตี อบคาถามขอ้ 7 – 10 ลซิ า่ ได้ทาการศกึ ษาดิน 4 ชนดิ คือ A , B , C, D ได้ขอ้ มูลดังตาราง ตารางแสดงสมบัติของดนิ ท่ีไดท้ าการศึกษา 4 ชนิด สมบัตขิ องดนิ ชนิดของดนิ สี ค่า pH เนื้อดินและ ขนาดของดิน A ขาวมคี ราบเกลอื 8.7 หยาบ ขนาดใหญบ่ า้ งเล็กบ้าง B น้าตาลเขม้ ปนดา 7.0 หยาบเลก็ นอ้ ย ขนาดเลก็ C ขาวปนเหลอื งอ่อน 7.9 นุ่มมือ ขนาดเล็กละเอยี ดมาก D ดาคล้า 6.7 นมุ่ มือและล่ืน ขนาดใหญ่มาก 7. จากขอ้ มลู ดนิ ชนดิ ใดบา้ งท่ีเป็นดินเค็ม (จบั คู่) ก. ดินชนิด A ดนิ ชนิด B ข. ดนิ ชนิด B ดนิ ชนดิ C ค. ดนิ ชนดิ B ดนิ ชนดิ D
118 ง. ดนิ ชนิด A ดนิ ชนดิ C 8. จากขอ้ มลู ดินชนิดใดบ้างทีม่ ีสมบตั ิเหมือนกับดนิ ชนิด B (จดั หมวดหมู่) ก. ดินรว่ น ข. ดินทราย ค. ดนิ โคลน ง. ดนิ เหนียว 9. ขอ้ ใดแสดงการวเิ คราะห์ขอ้ มูลของลิซ่าไดถ้ ูกตอ้ งที่สุด (การสรปุ หลักเกณฑท์ ว่ั ไป) ก. ดินชนิด A เปน็ ดนิ เปรย้ี วเพราะมเี กลือปะปนอยกู่ ับดนิ จานวนมากจนเห็นเป็นคราบ ข. ดินชนดิ B มีชอ่ งวา่ งระหวา่ งเมด็ ดินใหญ่ การระบายนา้ ดเี พราะเมด็ ดินมขี นาดเล็ก ค. ดนิ ชนดิ C มีความอดุ มสมบรู ณ์ต่า มกี ารสะสมของเกลอื เพราะดินมีสขี าว ง. ดนิ ชนดิ D จะมนี า้ ขังนอ้ ย ระบายน้าดเี พราะมชี ่องวา่ งระหวา่ งเม็ดดินมาก 10. จากข้อมูลสามารถสรปุ ไดว้ ่าดนิ ชนิด B เหมาะแก่การนาไปปลูกพชื มากทีส่ ุด นกั เรยี นคดิ วา่ ถกู ต้อง หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (วเิ คราะห์ขอ้ ผิดพลาด) ก. ถกู เพราะ ดินมคี วามเป็นกรดเล็กนอ้ ย และเปน็ ดินทรายสามารถอุ้มน้าไดด้ ี ข. ถกู เพราะ ดนิ มคี วามเป็นกลาง และเป็นดนิ รว่ นทาใหด้ ินอ้มุ น้าและระบายอากาศไดพ้ อเหมาะ ค. ไม่ เพราะ ดนิ มีความเป็นกรดมากเกนิ ไปไมเ่ หมาะแกก่ ารเจริญเติบโตของพืช ง. ไม่ เพราะ ดนิ มคี วามเป็นกลางมากเกนิ ไปจนพชื ขาดแร่ธาตุ 11. ถ้าบลิ้งคต์ ้องการใช้ดินชนดิ D มคี วามช้ืนในดิน 0.5 กรมั /กรัม ในการปลูกต้นทับทมิ บลิง้ ค์มมี วลของ ดนิ เปยี ก 300 กรมั จะต้องผสมกับดนิ อะไร และต้องใช้มวลอีกกก่ี รมั ดินถึงจะมีความช้นื ในดนิ 0.5 กรัม/กรมั (การสรปุ หลักเกณฑเ์ ฉพาะ) ก. มวลของดินแหง้ 200 กรมั ข. มวลของดนิ แห้งกึ่งเปียก 300 กรมั ค. มวลของดินโคลน 400 กรมั ง. มวลของดินรว่ น 500 กรัม คาชแ้ี จง : ใชส้ ถานการณ์ตอ่ ไปนตี้ อบคาถาม ข้อ 16 – 19 โรเซ่มที ด่ี ินอยแู่ หง่ นงึ เธอต้องการจะทาไร่ทเุ รียน แต่เมือ่ เธอปลูกทุเรยี นไดไ้ มน่ านต้นทเุ รียน ของเธอ เกดิ มลี กั ษณะใบเปน็ สเี หลือง ไมเ่ จรญิ เติบโตค่อย ๆ ล้มตาย เธอจงึ ทาการสารวจ เพ่ือ ทาการศกึ ษาคุณภาพของดนิ พบวา่ ดินมธี าตเุ หล็ก และอะลมู เิ นยี มละลายอยใู่ นดินเป็นจานวนมาก ดนิ ชัน้ บนเป็นดินเหนียวสเี ทาเข้มถึงดา และมจี ุดประสีน้าตาลแดง และเม่อื ทาการตรวจวัดความเป็น กรด-เบส พบว่ากระดาษลิตมัสสแี ดงไมเ่ ปล่ยี นสี ส่วนกระดาษลิตมสั ทีน่ า้ เงินเปล่ยี นเป็นสแี ดง
119 12. สาเหตุในขอ้ ใดทาให้ดนิ มีปญั หาแบบสถานการณ์ข้างตน้ (จบั คู่) ก. ใสป่ ูนขาวในดนิ มากเกินไป ข. ปลกู พชื ชนดิ เดมิ ซา้ ๆ ค.การทับถมของตะกอนนา้ กร่อย ง. เกลอื ในดนิ ที่เกดิ ข้นึ เป็นเกลือท่ีละลายน้าไดด้ ี 13. จากการสารวจสมบัติของดิน โรเซ่คิดว่าจะตอ้ งทาการปรับปรงุ ใหด้ ินมีสมบตั ิเหมาะแกก่ ารเจริญเตบิ โต ของทุเรียน โดยโรเซม่ คี วามคิดดังนี้ (การสรปุ หลกั เกณฑ์ทั่วไป) 1. ใชน้ ้าชะลา้ งความเปน็ กรดในดนิ 2. ใส่ปนู ขาว ปูนมารล์ หินปนู บด ผสมคุกกับดิน 3. ใสก่ รดกามะถัน ผสมคกุ กับดิน 4. ใสเ่ กลือ ผสมคุกกบั ดิน จากความคิดเห็นของโรเซข่ ้อใดควรปฎิบัติ ก. ขอ้ ที่ 1 , 2 ข. ขอ้ ท่ี 3 , 4 ค. ข้อที่ 4 , 1 ง. ข้อท่ี 2 , 3 14. จากการศกึ ษาสมบัติของดนิ จะพบวา่ พืน้ ทแี่ ห่งนเ้ี ป็นดนิ เคม็ นกั เรยี นคดิ วา่ ถกู ตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (วิเคราะห์ขอ้ ผดิ พลาด) ก. ถกู เพราะ ดนิ มสี มบัติเปน็ เบส และมีธาตเุ หล็ก และอะลูมเิ นยี มละลายอยูใ่ นดินเปน็ จานวนมาก ข. ถูก เพราะ ดินมีสมบตั ิเป็นกรด และมธี าตเุ หล็ก และอะลมู ิเนยี มละลายอยู่ในดินเป็นจานวนมาก ค. ไม่ เพราะ ดนิ มีสมบตั ิเป็นเบส และมีธาตเุ หลก็ และอะลูมเิ นียมละลายอยู่ในดินเป็นจานวนมาก ง. ไม่ เพราะ ดนิ มีสมบัติเปน็ กรด และมีธาตุเหล็ก และอะลมู เิ นียมละลายอยูใ่ นดินเป็นจานวนมาก 15. จากสถานการณข์ อ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง (การสรุปหลักเกณฑ์เฉพาะ) ก. ดินทน่ี ามาทดสอบมสี มบัติเปน็ กลาง ซึง่ เป็นดินเค็ม ข. ดินทีน่ ามาทดสอบมสี มบัติเปน็ กรด ซึ่งเปน็ ดนิ เปร้ียว ค. ดนิ ทน่ี ามาทดสอบมสี มบตั เิ ป็นเบส ซึง่ เปน็ ดินจดื ง. สรุปแน่นอนไมไ่ ด้
120 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครอ่ื งมือของผู้เชยี่ วชาญ การหาคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ งระหว่างเนอ้ื หาสาระกบั ทักษะการคิดวเิ คราะห์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.เกณฑ์การให้คะแนน +1 หมายถงึ เมื่อแนใ่ จวา่ ข้อคาถามนั้นสอดคลอ้ งและตรงตาม ทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ตอ้ งการวัด 0 หมายถึง เมือ่ ไมแ่ น่ใจว่า ข้อคาถามนั้นสอดคลอ้ งและตรงตาม ทกั ษะการคดิ วิเคราะหท์ ี่ต้องการวัด -1 หมายถึง เมอื่ แน่ใจว่าข้อคาถามน้นั สอดคล้องและตรงตาม ทักษะการคิดวิเคราะห์ทตี่ ้องการวัด 2. ตารางท่ี 11 ผลการประเมินต่อค่าดัชนคี วามสอดคล้องของระหว่างเนอื้ หาสาระกับทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ จดั การเรียนรู้ดว้ ยการเรียนดว้ ยกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ดนิ โดยการจดั การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ของ นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ข้อที่ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของผเู้ ช่ียวชาญ IOC ผลการ คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คัดเลือก 1 0 +1 +1 0.67 คดั เลอื กไว้ 2 +1 +1 +1 1.00 คัดเลอื กไว้ 3 +1 0 +1 0.67 คดั เลือกไว้ 4 -1 0 +1 0.00 คัดออก 5 0 +1 +1 0.67 คดั เลือกไว้ 6 +1 +1 +1 1.00 คดั เลอื กไว้ 7 0 0 +1 0.33 คัดออก 8 +1 0 0 0.33 คดั ออก 9 +1 +1 +1 1.00 คัดเลอื กไว้ 10 -1 -1 0 -0.67 คัดออก 11 +1 0 +1 0.67 คดั เลอื กไว้ 12 +1 +1 +1 1.00 คัดเลือกไว้ 13 +1 +1 +1 1.00 คดั เลอื กไว้ 14 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 15 +1 +1 +1 1.00 คดั เลือกไว้ 16 +1 0 +1 0.67 คดั เลือกไว้ 17 +1 +1 +1 1.00 คัดเลอื กไว้
121 ขอ้ ที่ ผลการตรวจสอบคุณภาพของผูเ้ ช่ยี วชาญ IOC ผลการ คนที่ 1 คนท่ี 2 คนท่ี 3 คัดเลอื ก 18 +1 +1 0 0.67 คดั เลือกไว้ 19 +1 +1 +1 1.00 คัดเลือกไว้ 20 -1 0 0 -0.33 คัดออก
122 ตารางที่ 12 แสดงคะแนนดบิ ของกลุ่มทดลองใช้ (try out) จากการทาแบบทดสอบ จานวน 15 ขอ้ ของ นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3/2 จานวน 30 คน คน ขอ้ ขอ้ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ขอ้ ข้อ รวม ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 11010110010000016 2 1 1 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 12 30101001000100004 41010110101001119 50100010010010015 61011101000000106 71100111000101018 8 0 0 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 11 91010100111011008 10 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 1 5 11 1 1 0 1 0 1 0 1 0 0 1 0 0 1 0 7 12 0 0 1 1 0 1 1 0 1 0 1 1 1 0 0 8 13 1 1 0 0 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 1 11 14 0 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 1 0 1 0 10 15 1 1 1 1 1 0 1 1 0 0 0 1 0 0 1 9 16 0 0 0 0 0 1 1 0 0 1 0 0 0 1 0 4 17 1 0 1 0 1 1 0 1 1 1 1 0 1 0 1 10 18 0 0 1 0 0 0 0 0 1 1 0 0 0 1 0 4 19 1 0 1 1 0 0 0 0 1 0 1 0 0 0 0 5 20 1 1 0 0 1 0 1 1 0 1 1 0 0 0 1 8 21 0 1 1 0 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 11 22 1 0 0 1 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 1 9 23 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 5 24 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 12 25 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 1 1 1 0 0 6 26 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 1 1 6 27 0 0 0 0 0 0 0 0 1 1 0 1 0 0 0 3
123 คน ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ข้อ รวม ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 28 1 1 0 1 0 1 1 1 1 0 1 1 0 0 1 10 29 0 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 1 0 1 7 30 1 0 1 0 1 0 1 0 0 1 0 0 1 0 0 6
124 ตารางที่ 13 แสดงคะแนนดิบของกล่มุ ทดลองใชเ้ ก่ง-อ่อน (try out) จากการทาแบบวดั ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ จานวน 15 ขอ้ ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3/2 จานวน 30 คน คน ข้อ ข้อ ขอ้ ข้อ ขอ้ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ขอ้ ขอ้ ข้อ ขอ้ ขอ้ รวม ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 2 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 13 24 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 13 8 0 0 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 11 13 1 1 0 0 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 1 11 21 0 1 1 0 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 11 14 0 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 11 17 1 0 1 0 1 1 0 1 1 1 1 0 1 1 1 11 28 1 1 0 1 0 1 1 1 1 0 1 1 0 0 1 10 4 1 0 1 1 1 1 0 1 0 1 0 0 1 1 1 10 15 1 1 1 1 1 0 1 1 0 0 0 1 0 0 1 9 22 1 0 0 1 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 1 9 711001110001010 1 8 910101001110110 0 8 12 0 0 1 1 0 1 1 0 1 0 1 1 1 0 0 8 20 1 1 0 0 1 0 1 1 0 1 1 0 0 0 1 8 11 1 1 0 1 0 1 0 1 0 0 1 0 0 1 0 7 29 0 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 1 0 0 6 110101100100000 1 6 610111010000001 0 6 25 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 1 1 1 0 0 6 26 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 1 1 6 30 1 0 1 0 1 0 1 0 0 1 0 0 1 0 0 6 501000100100100 1 5 10 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 1 5 19 1 0 1 1 0 0 0 0 1 0 1 0 0 0 0 5 23 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 1 0 0 0 0 5 301010010001000 0 4
125 คน ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ข้อ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ ข้อ รวม ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 0 0 0 0 0 1 1 0 0 1 0 0 0 1 0 4 18 0 0 1 0 0 0 0 0 1 1 0 0 0 0 0 3 27 0 0 0 0 0 0 0 0 1 1 0 1 0 0 0 3 หมายเหตุ : สเี ขียว คอื กล่มุ สูงจานวน 50 เปอรเ์ ซ็นต์ ของกลุม่ ทดลองใช้ (30 คน) สเี หลือง คอื กลุม่ ตา่ จานวน 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของกลุม่ ทดลองใช้ (30 คน) คา่ ความยากและคา่ อานาจจาแนก ตารางที่ 14 แสดงผลคา่ ความยากและอานาจจาแนกของแบบวัดทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ เร่ือง ดนิ จานวน 15 ขอ้ ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 ข้อสอบท่ี H L P r วเิ คราะหค์ ่าทคี่ านวณได้ ผลการคดั เลอื ก คา่ P ค่า r 1 11 8 0.53 0.20 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 2 9 5 0.50 0.27 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 3 9 6 0.50 0.20 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลือกไว้ 4 9 6 0.47 0.20 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 5 11 5 0.60 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลอื กไว้ 6 10 7 0.57 0.20 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 7 11 7 0.43 0.27 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 8 12 2 0.60 0.67 ปานกลาง สงู คัดเลือกไว้ 9 10 6 0.50 0.27 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 10 10 5 0.50 0.33 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 11 11 5 0.50 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คดั เลอื กไว้ 12 10 4 0.43 0.40 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 13 8 3 0.40 0.33 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 14 8 4 0.40 0.27 ปานกลาง ปานกลาง คัดเลือกไว้ 15 12 4 0.40 0.53 ปานกลาง ค่อนขา้ งสูง คดั เลอื กไว้ คา่ ความเช่อื ม่ัน (reliability) เกณฑพ์ ิจารณาขอ้ สอบ
126 1. ค่าความยาก อยรู่ ะหวา่ ง .40 ถงึ .60 2. คา่ อานาจจาแนก อยูร่ ะหวา่ ง .20 ถึง .67 ค่าความเชือ่ มน่ั ท้งั ฉบบั ของแบบทดสอบ เรือ่ ง ดิน ใช้สูตร KR-20 ������������ − 20 = ������ [1 − ∑���������2���������] ������−1 ������������ − 20 = 0.74
127 แบบประเมินความสอดคลอ้ งความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา (IOC) ของผู้เชี่ยวชาญที่มตี ่อแบบประเมนิ ความพึง พอใจของนักเรยี นต่อการจดั การเรยี นรู้แบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เร่อื ง ดนิ ของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 คาชี้แจง : แบบประเมินความสอดคล้องความเท่ยี งตรงเชงิ เนือ้ หา (IOC) ของเครือ่ งมือการวิจยั เพอ่ื ประเมิน ความคิดเห็นของผู้เช่ยี วชาญที่มตี ่อขอ้ รายการประเมนิ มีความเหมาะสมในการไปใชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมงานวจิ ัย โปรดทาเครอื่ งหมาย ✓ ลงในช่องระดบั ความคดิ เห็นของทา่ น โดยได้กาหนดเกณฑก์ าร พจิ ารณาความเท่ยี งตรง ดงั นี้ +1 หมายถึง แน่ใจว่าคาถามมคี วามเหมาะสม 0 หมายถงึ ไมแ่ น่ใจว่าเนือ้ หามีความสอดคล้อง -1 หมายถงึ แนใ่ จวา่ คาถามไม่มคี วามเหมาะสม ตารางที่ 15 ผลการตรวจสอบความเท่ียงตรงเชงิ เนอ้ื หาของแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นตอ่ การ จดั การเรยี นรูแ้ บบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เร่อื ง ดิน ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น คา่ ดชั นี แปลผล ของ ผู้เชย่ี วชาญ ความ คนที่ คนที่ คนที่ สอดคลอ้ ง 1 2 3 (IOC) ดา้ นการจดั การเรียนรู้ 1. ส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นได้เรียนรู้ +1 0 +1 0.67 สอดคล้อง จากสถานการณ์ปัญหาท่ี เกดิ ขน้ึ จริง 2. สง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นได้ฝึก +1 +1 +1 1.00 สอดคล้อง คิดวิเคราะห์อย่างมเี หตุผล 3. สง่ เสริมใหน้ กั เรียนไดฝ้ กึ +1 +1 +1 1.00 สอดคลอ้ ง การทางานกล่มุ แลกเปลีย่ นความรู้ และ ความคิดเห็นระหว่างเรียน 4. แบบทดสอบ และกจิ กรรม +1 +1 +1 1.00 สอดคลอ้ ง ช่วยให้เขา้ ใจเน้ือหาได้ดี ยิ่งขน้ึ ด้านบรรยากาศการเรยี นรู้ 5. นักเรียนมีอสิ ระใน +1 +1 +1 1.00 สอดคล้อง การศกึ ษาค้นควา้ และ แลกเปลย่ี นความคิดเห็น
128 รายการประเมนิ ระดับความคิดเหน็ ค่าดัชนี แปลผล ของ ผู้เชยี่ วชาญ ความ คนท่ี คนท่ี คนท่ี สอดคลอ้ ง 1 2 3 (IOC) 6. นักเรยี นมีการช่วยเหลือซง่ึ 0 +1 +1 0.67 สอดคลอ้ ง กนั และกันในกลุ่ม 7. เปิดโอกาสให้มีสว่ นรว่ มใน +1 +1 +1 1.00 สอดคล้อง กิจกรรมการเรยี นรู้ ด้านประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการเรียนรู้ 8. นักเรยี นสามารถศึกษาหา +1 +1 +1 1.00 สอดคลอ้ ง ความรจู้ าก แหล่งข้อมูล ต่าง ๆ และสามารถส่อื สาร กับบคุ คลอน่ื ไดด้ ขี ้ึน 9. ชว่ ยใหน้ ักเรยี นมีการ +1 0 +1 0.67 สอดคลอ้ ง ทางานอย่างเปน็ ระบบตาม ขนั้ ตอนการทางาน 10. ชว่ ยให้นกั เรยี นมีทกั ษะใน +1 +1 0 0.67 สอดคล้อง การคดิ วิเคราะห์มากขึน้ นาคะแนนท่ไี ดม้ าวิเคราะห์คา่ ความเช่อื มน่ั โดยใช้สูตรสมั ประสทิ ธ์ิ อัลฟาของ Cronbach จากโปรแกรม สาเร็จรูปไดค้ ่าความเชือ่ มนั่ ของแบบทดสอบทง้ั ฉบับเทา่ กบั 0.95
129 ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะหส์ มมติฐาน 1. ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ก่อนและหลังการเรียนรูแ้ บบใช้ปญั หาเป็น ฐาน เร่ือง ดนิ ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/2 2. ผลการเปรียบเทียบทกั ษะการคิดวิเคราะห์ เร่อื ง ดิน ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2/2 โดยการ จดั การเรยี นรแู้ บบใช้ปญั หาเป็นฐาน 3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนกั เรยี นตอ่ การจดั การเรียนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เรอ่ื ง ดิน ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2
130 ผลการทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น กอ่ นเรยี น – หลังเรียน ว 22102 วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ รอ่ื ง ดนิ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2/2 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565 ตารางที่ 16 บันทกึ ผลการทาแบบทดสอบก่อนและหลังเรยี น เร่ือง ดิน ของนกั เรยี น ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2/2 คะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรียน คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน เลขท่ี คะแนนรวม ระดบั คณุ ภาพ คะแนนรวม ระดับคุณภาพ (ผา่ น/ (10คะแนน) (ผ่าน/ไมผ่ ่าน) (10คะแนน) ไมผ่ ่าน) 1 1 ไม่ผา่ น 7 ผา่ น 2 1 ไมผ่ า่ น 6 ผา่ น 3 3 ไมผ่ ่าน 6 ผา่ น 4 4 ไม่ผ่าน 5 ผา่ น 5 1 ไม่ผา่ น 9 ผา่ น 6 1 ไม่ผ่าน 5 ผา่ น 7 1 ไมผ่ า่ น 7 ผ่าน 8 2 ไมผ่ า่ น 5 ผ่าน 9 3 ไมผ่ า่ น 6 ผ่าน 10 1 ไมผ่ ่าน 5 ผ่าน 11 5 ผา่ น 5 ผ่าน 12 3 ไมผ่ า่ น 9 ผ่าน 13 3 ไม่ผ่าน 8 ผ่าน 14 6 ผ่าน 7 ผา่ น 15 3 ไม่ผ่าน 10 ผา่ น 16 4 ไม่ผ่าน 7 ผา่ น 17 5 ผ่าน 6 ผ่าน 18 2 ไม่ผา่ น 7 ผา่ น 19 5 ผ่าน 8 ผ่าน 20 3 ไม่ผา่ น 6 ผ่าน 21 4 ไม่ผา่ น 7 ผา่ น 22 3 ไมผ่ ่าน 8 ผ่าน 23 4 ไม่ผา่ น 5 ผา่ น 24 8 ผา่ น 9 ผ่าน
131 คะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรยี น คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน เลขท่ี คะแนนรวม ระดบั คณุ ภาพ คะแนนรวม ระดับคุณภาพ (ผา่ น/ (10คะแนน) (ผา่ น/ไม่ผ่าน) (10คะแนน) ไม่ผ่าน) 25 6 ผา่ น 9 ผา่ น 26 6 ผา่ น 7 ผ่าน 27 4 ไมผ่ า่ น 6 ผา่ น 28 2 ไม่ผา่ น 8 ผ่าน 29 6 ผ่าน 6 ผ่าน 30 6 ผา่ น 7 ผา่ น 31 4 ไมผ่ ่าน 9 ผ่าน 32 6 ผ่าน 8 ผา่ น ตาราง 17 ค่าเฉล่ยี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ค่าสถิตทิ ดสอบที และระดับนัยสาคญั ทางสถติ ิ ของการทดสอบเปรียบเทยี บคะแนนสอบก่อนและหลังเรียนของนักเรียน การ S.D. t Sig.(1-tailed) ทดสอบ กอ่ นเรยี น 3.63 1.90 3.34 2.15 8.80* 0.0 หลงั เรยี น 6.97 1.45 จากตารางที่ 17 พบว่า การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี นของนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 มี คะแนนเฉลย่ี เทา่ กับ 3.63 คะแนน และ 6.97 คะแนน ตามลาดบั และเมื่อ เปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบวา่ คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสงู กวา่ กอ่ น เรยี นอย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05
132 ผลการทดสอบทักษะการคิดวิเคราะห์ ว 22102 วชิ า วิทยาศาสตรเ์ ร่อื ง ดนิ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565 ตารางที่ 18 บนั ทกึ ผลการพฒั นาทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ เร่ือง เรื่อง ดนิ ของนักเรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 เลขที่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 คะแนนรวม (15คะแนน) ระดับคุณภาพ 18 ปานกลาง 2 12 ดี 3 13 ดมี าก 4 11 ดี 59 ปานกลาง 68 ปานกลาง 7 10 ดี 8 11 ดี 9 11 ดี 10 12 ดี 11 14 ดมี าก 12 13 ดีมาก 13 8 ปานกลาง 14 10 ดี 15 12 ดี 16 9 ปานกลาง 17 10 ดี 18 11 ดี 19 14 ดมี าก 20 12 ดี 21 10 ดี 22 9 ปานกลาง 23 11 ดี 24 12 ดี 25 14 ดมี าก
133 เลขที่ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 คะแนนรวม (15คะแนน) ระดับคุณภาพ 26 11 ดี 27 9 ปานกลาง 28 8 ปานกลาง 29 12 ดี 30 12 ดี 31 11 ดี 32 9 ปานกลาง คะแนนเฉลี่ย ดี เกณฑก์ ารแปลความหมายของการใหค้ ะแนน เมื่อรวมคะแนนท้งั หมดของแบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวเิ คราะห์มีจานวน 15 ข้อ คะแนนสงู สดุ เทา่ กับ 15 คะแนน และคะเนนต่าสุดเท่ากบั 0 โดยการแปลความหมายตามเกณฑ์ ปรีดาวรรณ ออ่ นนางใย (2555:86) ดงั นี้ การแปลความหมายคะแนนความสามารถทางการคิดวเิ คราะหร์ วมทั้งฉบับ 15 ข้อ คะแนนเฉลย่ี การแปลความหมาย 12.01 - 15.00 มคี วามสามารถทางการคดิ วิเคราะหอ์ ยใู่ นระดับดีมาก 9.01 – 12.00 มคี วามสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์อยู่ในระดับดี 6.01 – 9.00 มคี วามสามารถทางการคิดวิเคราะหอ์ ยใู่ นระดบั ปานกลาง 3.01 – 6.00 มคี วามสามารถทางการคิดวเิ คราะหอ์ ยู่ในระดับค่อนขา้ งต่า 0.00 – 3.00 มีความสามารถทางการคดิ วิเคราะหอ์ ยใู่ นระดับต่า
134 ตารางท่ี 19 บนั ทกึ ผลการพฒั นาทักษะการคิดวิเคราะหร์ ายดา้ น เร่อื ง ดนิ ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2/2 องค์ประกอบ ขอ้ ที่ คะแนนรายข้อ คะแนนเฉลีย่ S.D. ระดับ (3 คะแนน) คุณภาพ จบั คู่ 1 25 2.25 0.43 ดี 7 23 0.44 12 24 0.44 จัดหมวดหมู่ 5 24 2.25 0.44 ดี 6 22 0.46 8 26 0.40 วเิ คราะหข์ ้อผิดพลาด 4 16 1.91 0.51 ปานกลาง 10 23 0.44 14 22 0.46 การสรุปหลักเกณฑ์ทวั่ ไป 2 27 2.25 0.37 ดี 9 24 0.44 13 21 0.49 การสรปุ หลกั เกณฑ์ 3 21 2.13 0.49 ดี เฉพาะ 11 24 0.43 15 23 0.44 การแปลความหมายของคะแนนความสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ ดา้ นการจบั คู่ ด้านการจัดหมวดหมู่ ดา้ น การวเิ คราะห์ข้อผดิ พลาด ด้านการสรปุ เป็นหลกั เกณฑ์ทว่ั ไป และด้านการสรปุ เป็นหลกั เกณฑ์เฉพาะ (ด้าน ละ 3 ข้อ) คะแนนเฉลยี่ การแปลความหมาย 2.50 – 3.00 มคี วามสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ด้านการวเิ คราะห์ขอ้ ผิดพลาด ด้านการสรปุ หลักเกณฑ์ท่วั ไป และด้าน การสรุปเป็นหลักเกณฑ์เฉพาะอยู่ในระดบั ดีมาก 2.00 – 2.49 มคี วามสามารถทางการคิดวเิ คราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ด้านการวเิ คราะห์ข้อผดิ พลาด ด้านการสรุปหลักเกณฑท์ ว่ั ไป และดา้ น การสรปุ เปน็ หลกั เกณฑเ์ ฉพาะอยใู่ นระดบั ดี 1.50 – 1.99 มคี วามสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ด้านการวเิ คราะห์ขอ้ ผดิ พลาด ด้านการสรุปหลกั เกณฑท์ ั่วไป
1.00 – 1.49 135 0.00 – 0.99 และด้าน การสรปุ เปน็ หลกั เกณฑ์เฉพาะอยู่ในระดับปานกลาง มคี วามสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์ ด้านการจับคู่ ดา้ นการจัด หมวดหมู่ ดา้ นการวิเคราะห์ขอ้ ผิดพลาด ด้านการสรปุ หลกั เกณฑ์ท่วั ไป และดา้ น การสรปุ เปน็ หลักเกณฑเ์ ฉพาะอยใู่ นระดบั คอ่ นข้างต่า มคี วามสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจดั หมวดหมู่ ดา้ นการวเิ คราะหข์ ้อผิดพลาด ด้านการสรุปหลักเกณฑท์ ัว่ ไป และด้าน การสรปุ เป็นหลกั เกณฑ์เฉพาะอยใู่ นระดบั ตา่
136 ตารางท่ี 20 แสดงคะแนนจากแบบสอบถามความพงึ พอใจของนกั เรยี นตอ่ การจัดการเรยี นแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เรื่อง ดนิ ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/2 ท่ี ดา้ นการจดั การเรยี นรู้ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ ด้านประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการ เรยี นรู้ 12345 6 7 8 9 10 154555 4 5 4 44 255355 5 5 4 45 355544 4 5 5 54 455555 4 5 4 45 554455 4 5 5 55 655555 4 5 4 45 755555 5 4 4 45 854444 5 5 5 55 944555 4 4 4 45 10 5 5 5 5 4 4 5 5 34 11 5 4 4 4 5 5 4 4 55 12 5 4 4 4 4 4 5 5 55 13 5 5 5 5 5 4 4 4 33 14 4 4 4 5 5 5 5 5 55 15 5 5 4 4 4 4 5 5 55 16 4 4 5 5 4 4 5 4 45 17 5 4 4 4 4 4 4 4 45 18 5 5 5 4 4 4 4 4 44 19 5 4 4 5 5 3 5 5 55 20 5 5 5 4 4 5 5 5 55 21 5 5 5 5 5 5 5 5 55 22 5 4 4 4 4 3 5 5 55 23 5 5 5 5 5 3 4 4 55 24 5 4 4 4 5 5 5 4 45 25 5 5 5 5 4 4 4 5 54 26 5 5 3 5 5 4 4 4 54
137 ท่ี ด้านการจดั การเรยี นรู้ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ ด้านประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จากการ เรียนรู้ 12345 6 7 8 9 10 27 5 5 5 5 5 3 4 5 55 28 5 5 5 5 5 5 5 5 55 29 5 5 4 4 4 5 5 5 55 30 5 4 4 5 5 4 4 4 44 31 4 4 5 5 5 4 4 4 55 32 5 5 5 3 5 5 5 5 44 ตารางที่ 21 ระดบั ความพงึ พอใจของนกั เรยี นตอ่ การจดั การเรยี นแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่อื ง ดนิ ของนกั เรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 รายการประเมิน ������̅ S.D. ระดบั ลาดบั คุณภาพ ด้านการจดั การเรียนรู้ 11. ส่งเสริมใหน้ กั เรียนไดเ้ รยี นรจู้ ากสถานการณ์ปัญหาท่ี 4.88 0.34 มากทีส่ ุด 1 เกดิ ขนึ้ จริง 12. ส่งเสริมให้นักเรยี นได้ฝกึ คิดวเิ คราะห์อย่างมีเหตุผล 4.56 0.50 มากที่สดุ 6 13. ส่งเสริมใหน้ ักเรียนได้ฝึกการทางานกล่มุ แลกเปลี่ยน 4.50 0.62 มากทสี่ ดุ 8 ความรู้ และความคดิ เห็นระหวา่ งเรียน 4.59 0.56 มากที่สดุ 5 14. แบบทดสอบ และกิจกรรมช่วยใหเ้ ข้าใจเนอ้ื หาได้ดียง่ิ ข้นึ รวมดา้ นการจัดการเรียนรู้ 4.63 0.51 มากที่สุด 4.62 0.48 มากท่สี ดุ 4 ด้านบรรยากาศการเรยี นรู้ 15. นกั เรยี นมอี ิสระในการศกึ ษาคน้ คว้า และ แลกเปล่ียน ความคดิ เห็น
138 รายการประเมิน ������̅ S.D. ระดบั ลาดบั คุณภาพ 10 16. นกั เรียนมีการชว่ ยเหลือซ่ึงกันและกนั ในกล่มุ 4.22 3 17. เปดิ โอกาสใหม้ ีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.63 0.66 มาก 4.49 0.49 มากทส่ี ุด 7 รวมดา้ นบรรยากาศการเรียนรู้ 0.54 มากทีส่ ดุ 9 ด้านประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการเรียนรู้ 4.51 2 18. นักเรียนสามารถศึกษาหาความรู้จาก แหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ 0.51 มากที่สดุ และสามารถสื่อสารกบั บุคคลอ่นื ไดด้ ขี ึ้น 19. ช่วยให้นักเรียนมีการทางานอย่างเป็นระบบตามขนั้ ตอน 4.49 0.61 มาก การทางาน 20. ช่วยให้นักเรยี นมีทักษะในการคิดวิเคราะหม์ ากขน้ึ 4.69 0.54 มากท่สี ดุ รวมดา้ นประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการเรยี นรู้ 4.56 0.55 มากทีส่ ดุ เกณฑ์การแปลความหมายของการให้คะแนน ตามเกณฑด์ ังน้ี (ไชยยศ เรืองสวุ รรณ, 2534) ค่าเฉลย่ี 4.50-5.00 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มากทีส่ ดุ ค่าเฉลี่ย 3.50-4.49 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดับมาก ค่าเฉล่ยี 2.50-3.49 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับปานกลาง ค่าเฉลย่ี 1.50-2.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับนอ้ ย ค่าเฉล่ยี 1.00-1.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจอยู่ในระดับน้อยท่ีสดุ
139 ภาคผนวก ง เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย 1.แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่ือง ดนิ 2.แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรกู้ อ่ นเรยี น-หลงั เรยี น 3.แบบทดสอบวัดทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 4.แบบประเมินความพงึ พอใจของนกั เรียนต่อการจัดการเรยี นรู้แบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน
140 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 เรอื่ ง ดนิ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 4 รหัสวิชา ว22102 เวลาเรยี น 3 คาบ ครูผสู้ อน นางสาวพรศิริ พานาเรยี ง ************************************************************************************************** 1. มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณีพิบัตภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลก รวมทง้ั ผล ต่อสง่ิ มีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม ตัวช้ีวัด ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลักษณะของชน้ั หน้าตัดดินและ กระบวนการเกดิ ดนิ จากแบบจาลอง รวมท้งั ระบปุ จั จัยท่ีทาให้ดินมลี ักษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกัน 2.สาระสาคญั ดนิ เกดิ จากหินท่ีผพุ ังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากบั อินทรยี วตั ถุทไี่ ดจ้ ากการเน่าเป่ือยของซากพชื ซากสตั ว์ ทับถมเป็นชนั้ ๆ บนผิวโลก ชนั้ ดินแบง่ ออกเป็นหลายชั้น ผวิ หนา้ ดินแต่ละชัน้ มีลักษณะแตกต่าง กนั เน่อื งจาก สมบตั ทิ างกายภาพ เคมี ชีวภาพ การเรียกช่ือชน้ั ดิน ได้แก่ O, A, E, B, C, R ชั้นหน้าตัดดิน ปจั จัยท่ีทาใหด้ ินแต่ละทอ้ งถ่ินมีลกั ษณะและสมบัติ แตกตา่ งกัน ได้แก่ วัตถตุ ้นกาเนดิ ดิน ภูมิอากาศ สิ่งมีชวี ิตในดิน สภาพภูมปิ ระเทศ และระยะเวลาในการเกดิ ดนิ 3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายลกั ษณะของช้ันหน้าตัดดิน 2. อธิบายกระบวนการเกิดดิน 3. ระบปุ จั จัยท่ีทาให้ดินมลี กั ษณะและสมบัติแตกตา่ งกัน 3.2 ดา้ นทักษะ (P) 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3.3ดา้ นเจตคติ/ คณุ ลกั ษณะ/ คา่ นิยม (A) 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน
141 4.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 5) อยู่อย่างพอเพียง 11)ความสามารถในการส่ือสาร 6) ม่งุ มน่ั ในการทางาน 12)ความสามารถในการคดิ 7) รกั ความเป็นไทย 13)ความสามารถในการแก้ปัญหา 8) มจี ิตสาธารณะ 14)ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 15)ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 3) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2) ซือ่ สัตย์สุจรติ 3) มวี ินยั 4) ใฝ่เรยี นรู้ 6.การบรู ณาการ วิถพี ุทธ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง หลักสูตรภมู ิปัญญาท้องถนิ่ กลมุ่ สาระฯอ่นื ...................................... STEM Education 7.ชิ้นงาน / ภาระงาน 1) แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง ดิน 2) ใบงานท่ี 1 เร่ืองชั้นดิน และชน้ั หนา้ ตัดดิน 3) ใบงานที่ 2 เรอื่ งปญั หาเกี่ยวกบั ชนั้ ดนิ 8.กจิ กรรมการเรยี นการสอน (PBL) - ขั้นกระตุน้ ความสนใจ 1. ครูนาตัวอยา่ งดนิ ทเี่ ตรียมมา จากแหล่งตา่ ง ๆ ในโรงเรียนหรอื ในชมุ ชน มาให้นักเรียนดู และ เปรียบเทียบความแตกต่าง ว่าดินของแต่ละทมี่ ีลกั ษณะทางกายภาพอย่างไร โดยครแู ละนักเรยี นสนทนา ร่วมกนั ดังประเด็นต่อไปน้ี - ดนิ ทีน่ ามาเปน็ ตัวอยา่ งเป็นดินชนดิ ใดบา้ ง (นักเรียนใช้ประสาทสมั ผัสในการตรวจสอบและอภปิ ราย รว่ มกัน)
142 2. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง ดิน จานวน 10 ขอ้ (15 นาที) - ขน้ั นาเสนอสถานการณ์ปัญหา 3. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 6-7 คน 4. ครูนาเสนอสถานการณ์ ดงั น้ี ครูนาดนิ ตัวอยา่ งจากแหล่งต่าง ๆ ภายในโรงเรียนมาให้นักเรียนได้ศกึ ษา โดยดนิ ตรงบริเวณพื้นทีแ่ ถว ต้นสนมีพชื เจรญิ เตบิ โตอยนู่ อ้ ย และดินบริเวณสวนเกษตรหลงั โรงเรยี นมีพชื ทีเ่ จรญิ เติบโตได้ดี ดนิ บรเิ วณสนาม บอล ดินบรเิ วณขา้ งหลงั โรงอาหาร -เหตใุ ดพชื จงึ เจรญิ เติบโตได้น้อยในดินบรเิ วณตน้ สน -เหตุใดพืชจึงเจรญิ เติบโตไดด้ ใี นดินบริเวณสวนเกษตร -ดินชน้ั O ของทงั้ สองพ้ืนทีแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งไร -มีปจั จัยใดบ้างที่ทาใหด้ ินทง้ั สองพืน้ ที่แตกต่างกนั 5. ให้นกั เรยี นร่วมกันต้ังคาถามเกี่ยวกับสิ่งท่ตี อ้ งการรู้ จากเนื้อหาทเี่ กี่ยวกับเร่อื ง ดนิ 6. นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพ่อื เชื่อมโยงไปสู่ การเรียนร้เู รื่อง ช้นั หนา้ ตดั ดินและ กระบวนการเกิดดิน - ขน้ั ระบุและวเิ คราะห์ปัญหา 7. แบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่มละ 6-7 คน ร่วมกัน แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั วเิ คราะหส์ ถานการณ์ปัญหาที่ได้มา ทา ความเข้าใจปญั หา ว่าจะสามารถอธบิ ายขอ้ เทจ็ จริงส่ิงตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับปัญหาได้อย่างเหมาะสมอย่างไร และวเิ คราะหว์ ่าข้อมลู ใด ทสี่ ถานการณ์กาาหนดมาแล้ว และขอ้ มลู ใดท่ยี ังไมก่ าหนดให้ และตอ้ งศกึ ษาเพิ่มเติม 8. นกั เรยี นรว่ มกนั วางแผนเพอ่ื กาหนดแนวทางทจี่ ะดาเนินการศกึ ษา ว่าจะศึกษาเก่ียวกับเรื่องใดบ้าง - ข้ันศึกษาค้นคว้า รวบรวมขอ้ มูล เพอ่ื หาแนวทางแก้ปญั หา 9. แตล่ ะกลุม่ ร่วมกันสืบค้นขอ้ มูลตามแผนทีไ่ ด้วางไว้ - แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสบื คน้ ขอ้ มูล โดยแบง่ หวั ข้อยอ่ ยให้เพอ่ื นสมาชกิ ช่วยกันสืบค้น ศึกษาข้ันตอน การเกดิ ดนิ ช้นั ดนิ และช้ันหน้าตัดดิน จากนั้นบนั ทึกผลการทากจิ กรรมลงในใบงานท่ี 1 เพื่อใหท้ ราบถึงปัญหา ของดนิ และสามารถแกไ้ ขปัญหาของดนิ ทีพ่ บได้อย่างถกู ต้อง - สมาชกิ กลมุ่ แต่ละคน หรอื กลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นขอ้ มลู ตามหัวข้อย่อย ที่ตนเองรบั ผิดชอบ โดยการ สืบค้นจากหนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ และอินเทอร์เนต็ - สมาชกิ กลุ่มนาข้อมูลท่สี ืบคน้ ไดม้ ารายงานใหเ้ พื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทงั้ รว่ มกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่า สมาชกิ ทกุ คนมคี วามรู้ความเข้าใจท่ีตรงกัน - สมาชิกกล่มุ ช่วยกันสรุปความรทู้ ไ่ี ดท้ ั้งหมดเป็นผลงานของกลุม่ 10. นกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มลู ท่ีได้จากกิจกรรม