Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัยเล่มเต็ม 6220601025

รายงานวิจัยเล่มเต็ม 6220601025

Published by pornsiri.oloy, 2023-07-05 15:44:34

Description: รายงานวิจัยเล่มเต็ม 6220601025

Search

Read the Text Version

43 กลมุ่ ทเ่ี รียนแบบปกติ ผลการวจิ ยั พบวา่ กลุ่มทีเ่ รยี นแบบใช้ปญั หาเปน็ หลัก ตอ้ งการใชข้ ้อมลู จากแหล่งวิชาการ ต่าง ๆ มากกวา่ กลุม่ ที่เรยี นแบบปกตกิ ลุ่มท่ีเรียนแบบ ใชป้ ัญหาเปน็ หลกั มีแนวโน้มจะเลอื กแหล่งวิชาการต่าง ๆ ด้วยตนเองกลุ่มท่ีเรียนแบบปกติ จะใช้การฟังคาแนะนาจากผู้สอนและกลุ่มท่ีเรียนแบบปัญหาเป็นหลักจะใช้ บริการหอ้ งสมุด และฐานข้อมลู มากกวา่ กลมุ่ ท่ีเรียนแบบปกติ


44 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนินการ การวิจัยน้ีเป็นการวิจัยการพฒั นาทักษะการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรอื่ ง ดนิ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) ซ่ึงผู้รายงานได้ดาเนินการวิจัยตาม ขั้นตอนดังน้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 1.1 ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 138 คน จาก 4 ห้องเรียน โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 5 สงั กดั เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 ปีการศึกษา 2565 1.2 กลุ่มตัวอยา่ ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2/2 จานวน 32 คน จาก 1 ห้องเรียน โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 5 สังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 ปีการศึกษา 2565 ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง ซึ่งเป็น ห้องเรยี นที่ผู้วจิ ยั เป็นผูส้ อน 2. เครือ่ งมือที่ใช้ในการวจิ ยั เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 2.1 แผนการจดั การเรยี นรูข้ องนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2/2 เรอื่ ง ดนิ โดยการจัดการเรยี นรู้แบบใช้ปัญหา เปน็ ฐาน 2.2 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่อง ดนิ จานวน 10 ข้อ เปน็ แบบ ปรนัยชนดิ 4 ตัวเลือก 2.3 แบบทดสอบวดั ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ เรื่อง ดนิ จานวน 15 ข้อ เปน็ แบบ ปรนัยชนดิ 4 ตัวเลือก 2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง ดิน ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 2.1 แผนการจดั การเรยี นร้ขู องนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 เรื่อง ดิน โดยการจัดการเรียนรแู้ บบใช้ ปญั หาเป็นฐาน ผู้วจิ ยั ได้ดาเนนิ งานตามข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) มาตรฐานการ เรียนรู้ ค่มู อื ครู หนังสือแบบเรยี น เรอื่ ง ดนิ เพ่ือกาหนดขอบเขตด้านเน้ือหาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา


45 2.1.2 ศึกษาหลักการสรา้ งกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้แบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน เพ่ือเปน็ แนวทางในการวางโครงสร้างและพฒั นาต่อไป 2.1.3 จัดทากิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ซึ่งประกอบ ไปด้วย 1) ขนั้ กาหนดปัญหา ผู้สอนสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นผู้เรียน โดยอาจเป็นการแนะนาแนวทาง ยกตัวอย่างสถานการณ์ หรือถามคาถามที่ให้คิดต่อ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและ มองเห็นปัญหา มีโอกาสเลือกเฟ้นและเสนอปัญหาท่ีหลากหลาย และสามารถแบ่งกลุ่ม ตามความสนใจ ซ่ึงก่อนที่จะกาหนดปัญหานั้น ครูผู้สอนควรทดสอบความรู้พ้ืนฐานของ ผู้เรียนเสียก่อน เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการกาหนดปัญหา ซ่ึงตอ้ งเหมาะสมกบั ความรู้พ้นื ฐาน ท่ผี เู้ รยี นมี 2) ขนั้ ทาความเข้าใจปญั หา ผู้สอนจะกระตุ้นผู้เรยี นด้วยคาถามหรือการเสริมแรง เพื่อให้ผู้เรียนทาความเข้าใจกับ ปัญหาท่อี ยากรู้ โดยเนน้ ใหเ้ กดิ การระดมสมอง เพ่ือหาแนวทางและวิธีการในการ หา คาตอบ โดยมคี รูผสู้ อนคอยดูแลตรวจสอบเพ่ือให้เกิดความถูกตอ้ ง 3) ขน้ั ดาเนินการศกึ ษาคน้ คว้า ผเู้ รยี นจะต้องดาเนนิ การศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งเปน็ ระบบรว่ มกัน โดยมกี ารกาหนดกติกา วางเป้าหมาย และดาเนินกจิ กรรมตามระยะเวลาทก่ี าหนด โดยมีครูผ้สู อนคอยใหค้ าช้ีแนะ และอานวยความสะดวก 4) ขั้นสงั เคราะห์ความรู้ ผู้เรียนแต่ละคนสังเคราะห์ความรู้ที่ได้จากการค้นคว้า โดยมีการนาเสนอกันภายใน กลุ่ม เพื่อหาข้อสรุป ทบทวนและตรวจสอบความถูกต้อง โดยมีครูผู้สอนถามคาถามโดย กระต้นุ ใหผ้ เู้ รียนมกี ารแลกเปล่ียนความคิดเหน็ และเกดิ ความคิดรวบยอด 5) ขนั้ สรปุ และประเมนิ ค่าของคาตอบ ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาข้อสรุปทไ่ี ดม้ าสรา้ งเปน็ องค์ความรใู้ หม่ และเลือกวธิ ที จี่ ะนาเสนอ สู่ภายนอก โดยผ่านความเห็นชอบจากครูผู้สอนในการตรวจสอบความถูกต้อง และความ เหมาะสมในการนาเสนอ 6) ข้นั นาเสนอและประเมินผลงาน ผ้เู รียนแต่ละกลุ่มนาองค์ความรู้ทีไ่ ดไ้ ปนาเสนอตามวธิ ีการที่ไดก้ าหนดไว้ เพอ่ื เผยแพร่ ออกสู่สาธารณะ โดยครผู สู้ อนประเมินผลการเรยี นร้จู ากการดาเนนิ งานของผเู้ รียน ตาม สภาพจรงิ


46 ตารางที่ 3.1 ตารางวิเคราะห์องค์ประกอบเนอื้ หาเรื่อง ดิน ชุดกจิ กรรม ตัวชี้วดั องคป์ ระกอบเนือ้ หา เวลา(คาบ) 3 แผนการ ว 3.2 ม.2/6 อธบิ ายลักษณะ ดินเกดิ จากหนิ ที่ผพุ ังตามธรรมชาตผิ สมคลกุ เคล้ากบั 3 จัดการเรียนรู้ ของชั้นหน้าตัดดินและ อินทรียวัตถุทไ่ี ด้จากการเน่าเปอ่ื ยของซากพชื ซากสตั ว์ เร่ือง ดนิ 1 กระบวนการเกดิ ดนิ จาก ทับถมเป็นชนั้ ๆ บนผวิ โลก ช้นั ดินแบ่งออกเปน็ หลาย แบบจาลอง รวมท้ังระบุปจั จยั ท่ี ชน้ั ผวิ หนา้ ดนิ แต่ละชัน้ มีลักษณะแตกต่างกนั เนื่องจาก ทาใหด้ นิ มีลกั ษณะและสมบัติ สมบตั ิทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ การเรียกชอ่ื ช้นั ดิน แตกต่างกัน ได้แก่ O, A, E, B, C, R ชน้ั หน้าตดั ดิน ปจั จยั ที่ทาให้ ดนิ แต่ละทอ้ งถ่ินมีลักษณะและสมบัติ แตกต่างกัน ได้แก่ วัตถุตน้ กาเนิดดนิ ภูมิอากาศ สิ่งมชี ีวติ ในดนิ สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกิดดิน แผนการ ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวัดสมบัติ สมบัติบางประการของดิน เชน่ เนือ้ ดนิ ความช้นื ดิน คา่ จดั การเรยี นรู้ บางประการของดนิ โดยใช้ ความเปน็ กรดเบส ธาตุอาหารในดิน สามารถ นาไปใช้ เรื่อง ดนิ 2 เคร่อื งมอื ทเี่ หมาะสมและ ในการตดั สนิ ใจถงึ แนวทางการใช้ประโยชน์ ทีด่ ินโดย นาเสนอแนวทาง การใช้ อาจนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตร หรืออื่น ๆ ซ่ึงดนิ ประโยชนด์ นิ จากข้อมลู สมบัติ ทไ่ี มเ่ หมาะสมตอ่ การทาการเกษตร เชน่ ดนิ จืด ดิน ของดนิ เปร้ยี ว ดนิ เคม็ และดนิ ดาน อาจเกดิ จาก สภาพดินตาม ธรรมชาตหิ รอื การใชป้ ระโยชน์จะตอ้ ง ปรับปรุงให้มี สภาพเหมาะสมเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ 2.2.4 นากิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดิน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 เสนอผู้เช่ียวชาญ จานวน 3 ท่าน เพ่ือตรวจความถูกต้องและเหมาะสมด้านผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง เนื้อหา กิจกรรมการ เรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณท์ ่ใี ช้ และการวดั และการประเมนิ ผล ดงั รายนามต่อไปน้ี 1. อาจารยค์ ณัสนันท์ ฉา่ สดใส ตาแหนง่ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นบรรหารแจ่มใสวทิ ยา 5 2. อาจารย์ทศมาศ จริ วงศ์รุง่ เรือง ตาแหน่งครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นบรรหารแจม่ ใสวิทยา 5 3. อาจารยน์ จิ ธรี า คงหว้ ยรอบ ตาแหนง่ ครูระดบั ปฏบิ ัตกิ าร โรงเรยี นบรรหารแจ่มใสวิทยา 5


47 โดยหาค่าดัชนีความสอดคลอ้ ง IOC และพจิ ารณาคา่ ดชั นีความสอดคล้อง 0.97 และทาการปรับปรุงแก้ไข ทง้ั หมดตามคาแนะนาของผเู้ ชยี่ วชาญ แสดงรายละเอยี ดในภาคผนวก ข 2.1 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรอ่ื ง ดนิ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ การสรา้ งแบบทดสอบมีข้นั ตอน ดงั นี้ 2.1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) มาตรฐานการ เรยี นรู้ หลกั สูตร คมู่ ือครู หนงั สอื แบบเรยี น เรอื่ ง ดนิ เพอ่ื กาหนดขอบเขตดา้ นเนอื้ หา และ ศึกษาวิธกี ารสร้างแบบทดสอบจากหนงั สือวิจัยทางการวิจัยและสถิติวิจยั ของ บญุ ชม ศรสี ะอาด (2548 : 50) 2.1.2 สรา้ งแบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น เร่ือง ดินซึง่ ประกอบด้วย ข้อคาถามจานวน 10 ข้อ โดยให้ครอบคลุมกับเนื้อหา และผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั โดยใช้ คาถามแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนน คือ ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผดิ ได้ 0 คะแนน จานวน 10 ข้อ มีคะแนนเต็ม 10 คะแนน 2.1.3 นาแบบทดสอบไปให้ผเู้ ช่ียวชาญจานวน 3 ท่าน ตรวจสอบค่าดัชนี ความสอดคล้อง IOC ของแบบทดสอบ เปน็ 1.00 และปรบั ปรงุ แบบทดสอบตามคาแนะนา ของผู้เชีย่ วชาญ 2.1.4 นาแบบทดสอบที่ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 5 ปีการศึกษา 2565 จานวน 30 คน แล้วนาผลมา วิเคราะห์หาค่าดัชนีความยากง่าย (p) และค่าดัชนีอานาจจาแนก (r) เป็นรายข้อ โดย เลือกใช้ข้อสอบท่ีมีดัชนีความยากง่ายระหว่าง.0.30 – 0.70 และค่าดัชนีอานาจจาแนก ต้ังแต่ 0.27 – 0.60 และหาความเชื่อมั่น (reliability) ของแบบทดสอบท้ังฉบับโดยใช้ สูตร KR-20 ของ Kuder-Richardson เท่ากับ 0.80 แสดงรายละเอียดในภาคผนวก ข 2.2 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวเิ คราะห์ของนกั เรียน เรือ่ ง ดิน โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี การสร้างแบบทดสอบมีขนั้ ตอน ดงั นี้ 2.2.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) มาตรฐานการ เรยี นรู้ หลักสูตร คู่มือครู หนังสือแบบเรียน เรื่อง ดินเพื่อกาหนดขอบเขตด้านเน้ือหา และศึกษานิยาม แนวคิดของ มาร์นาโซ เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง และศึกษาวิธีการสร้าง แบบทดสอบ เพ่ือตรวจสอบคุณภาพของ แบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ตามแนวคิดของมาร์ซาโน (Marzano’s Taxonomy) และ ศกึ ษางานวจิ ยั การสรา้ งแบบทดสอบวดั ความสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ของปรีดาวรรณ ออ่ นนางใย


48 2.2.2 สรา้ งแบบทดสอบวดั ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน เรื่อง ดนิ ตามแนวคดิ ของมารซ์ าโน ของปรีดาวรรณ อ่อนนางใย (2555) ซึ่งประกอบด้วยข้อคาถาม จานวน 15 ข้อ ใช้คาถามแบบปรนัยชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนน คือ ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน จานวน 15 ขอ้ มีคะแนนเตม็ 15 คะแนน โดยใหค้ รอบคลุม กบั เนือ้ หา ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั และนาขอบเขตความรู้ตาม แนวคิดของมาร์ซาโน ด้านข้อมูล และกระบวนการคิด เพื่อนามาสร้างข้อคาถามการคิดวิเคราะห์ตามแนวคดิ มาร์ซาโน 5 ด้านคือ ด้านการจับคู่ (Matching) ด้านการจัดหมวดหมู่ (Classification) ด้านการวิเคราะห์ ข้อผิดพลาด (Error Analysis) ด้านการ สรุปหลักเกณฑ์ทั่วไป (Generalizing) ด้านการสรุปหลักเกณฑเ์ ฉพาะ (Specifying) โดยยดึ ตามจานวนขอ้ ให้ ครอบคลุมทฤษฎี 2.3 นาแบบทดสอบไปให้ผู้เช่ียวชาญจานวน 3 ท่าน ตรวจสอบค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC ของ แบบทดสอบ เป็น 0.89 และปรับปรงุ แบบทดสอบตามคาแนะนาของผู้เชย่ี วชาญ 2.4 นาแบบทดสอบท่ีไปทดลองใช้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/2 โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 5 ปีการศึกษา 2565 จานวน 30 คน แล้วนาผลมาวิเคราะห์หาค่าดัชนีความยากง่าย (p) และค่าดัชนี อานาจจาแนก (r) เป็นรายข้อ โดยเลือกใช้ข้อสอบที่มีดัชนีความยากง่ายระหว่าง 0.40 – 0.60 และ คา่ ดชั นอี านาจจาแนกต้ังแต่ 0.20 – 0.67 และหาความเชื่อมัน่ (reliability) ของแบบทดสอบท้ังฉบับ โดยใชส้ ตู ร KR-20 ของ Kuder-Richardson เทา่ กบั 0.74 แสดงรายละเอียดในภาคผนวก ข 2.5 แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนตอ่ การจดั การเรียนแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน เร่ือง ดนิ ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 การสรา้ งแบบสอบถามความพึงพอใจมีลาดับขัน้ ตอน ดังต่อไปนี้ 2.5.1 ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจเพือ่ เป็นกรอบในการสร้างคาถาม 2.5.2 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจโดยใช้ข้อคาถามแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (rating scale) 5 ระดบั จานวน 10 ข้อคาถาม ซงึ่ ประกอบด้วยความคิดเห็นเกย่ี วกบั การ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอุปกรณก์ ารเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ความเหมาะสมทั้งทางดา้ นเนอ้ื หาและเวลา และภาพรวมของการเรยี น 2.5.3 นาแบบสอบถามความพึงพอใจเสนอผ้เู ชยี่ วชาญจานวน 3 ทา่ น เพ่ือตรวจความถูกต้องและ เหมาะสมของแบบสอบถาม ตรวจสอบค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC ของแบบสอบถาม เป็น 0.87 แล้วปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะท่ีได้จากผู้เช่ียวชาญ และหาความเช่ือมั่น (reliability) ของแบบทดสอบท้งั ฉบับโดยใช้สูตร การหาสมั ประสิทธแ์ิ อลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) เปน็ 0.95 แสดงรายละเอยี ดในภาคผนวก ข


49 3. รปู แบบการวจิ ัย การวจิ ัยในคร้งั นี้เป็นการวจิ ัยกอ่ นมกี ารวจิ ัยเชงิ ทดลอง รูปแบบท่ีใช้วจิ ยั คอื รปู แบบทใี่ ช้วจิ ยั การวจิ ยั กอ่ นมีแบบการวจิ ัยก่อนทดลองแบบกลมุ่ เดียววดั ผลก่อนและหลงั (one-group pretest-posttest design) G T1 X T2 G แทน กลุม่ ตัวอย่าง T1 แทน การทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นและทักษะการคดิ วิเคราะห์เรอ่ื ง ดนิ กอ่ นเรยี น T2 แทน การทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์เรื่อง ดนิ หลังเรียน X แทน การจัดการเรยี นรู้เรือ่ งดนิ โดยการจัดการเรียนรแู้ บบใช้ปญั หาเป็นฐาน ของนักเรียนชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 4. กระบวนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้รายงานได้ดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ดงั นี้ 4.1 นาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ทผี่ วู้ ิจัยได้พฒั นาขึน้ เร่ือง ดนิ จานวน 10 ขอ้ ใช้ เวลา 10 นาทีทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) เพื่อทดสอบความรู้ความเขา้ ใจเรอ่ื ง 4.2 จัดการเรียนรู้ เร่ือง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ใช้เวลาในการดาเนนิ การ ท้ังสิ้น 300 ช่ัวโมง โดยทาการจัดการเรียนสัปดาห์ละ 3 คาบเรยี น เปน็ เวลา 2 สปั ดาห์ ในภาคเรียน ที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2565 4.3 หลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน ผู้วิจัยทาการทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น เรื่อง ดนิ จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที โดยใช้แบบทดสอบชดุ เดียวกบั แบบทดสอบก่อนเรียน และให้ทา แบบทดสอบทักษะการคิดวิเคราะห์คาถามจานวน 15 ข้อ ใช้คาถามแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตวั เลือก ใชเ้ วลา 20 นาที 4.4 สารวจความพึงพอใจของนักเรียนเก่ียวกับการจัดการเรียนรู้เร่ือง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปญั หาเป็นฐาน ใช้เวลาในทาแบบสารวจความพึงพอใจ ทัง้ สน้ิ 10 นาที 5. การวิเคราะห์ขอ้ มูล การวเิ คราะหข์ ้อมลู ผู้วจิ ยั ไดท้ าการวเิ คราะหข์ อ้ มูล โดยแบ่งเป็น 3 สว่ น ดังน้ี 5.1 เปรยี บเทียบทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ของนักเรียนกอ่ นและหลงั การเรียนรู้ เรือ่ ง ดิน โดย การจัดการเรียนรแู้ บบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน ของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2/2 5.2 เปรียบเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนกอ่ นและหลังการเรียนด้วยกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ดนิ โดยการจัดการเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 5.3 ความพงึ พอใจของนกั เรียนต่อการจดั การเรยี นรู้แบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน เร่อื ง ดิน ของ นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2


50 5.1 เปรียบเทยี บทักษะการคดิ วิเคราะห์ของนกั เรียนกอ่ นและหลงั การเรียนรู้ เรือ่ ง ดนิ โดยการจัดการ เรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2/2 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ทางการเรียนของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 เร่อื ง ดนิ จากแบบทดสอบ วดั ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ของนกั เรียน เรอื่ ง ดิน ของกลุ่มตวั อยา่ งวิจัยก่อนและหลงั การเรียนรู้ เร่ือง ดิน โดยการ จัดการเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน โดยการวเิ คราะหเ์ ปน็ ค่าเฉลยี่ และเกณฑก์ ารแปลความหมายของคะแนน เกณฑ์การแปลความหมายของการใหค้ ะแนน เมอ่ื รวมคะแนนทงั้ หมดของแบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวเิ คราะห์มีจานวน 15 ขอ้ คะแนนสูงสุดเท่ากับ 15 คะแนน และคะเนนต่าสุดเท่ากับ 0 โดยการแปลความหมายตามเกณฑ์ ปรดี าวรรณ อ่อนนางใย (2555:86) ดงั น้ี การแปลความหมายคะแนนความสามารถทางการคิดวิเคราะหร์ วมท้ัง ฉบับ 15 ขอ้ คะแนนเฉล่ยี การแปลความหมาย 12.01 - 15.00 มีความสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์อยใู่ นระดับดีมาก 9.01 – 12.00 มคี วามสามารถทางการคิดวเิ คราะหอ์ ยใู่ นระดับดี 6.01 – 9.00 มคี วามสามารถทางการคิดวเิ คราะหอ์ ยู่ในระดับปานกลาง 3.01 – 6.00 มคี วามสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์อยูใ่ นระดับค่อนขา้ งตา่ 0.00 – 3.00 มคี วามสามารถทางการคิดวิเคราะห์อยใู่ นระดับต่า การแปลความหมายของคะแนนความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ด้านการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ด้าน การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด ด้านการสรุปเป็นหลักเกณฑ์ท่ัวไป และด้านการสรุปเป็น หลักเกณฑ์เฉพาะ (ด้าน ละ 3 ข้อ) คะแนนเฉลยี่ การแปลความหมาย 2.50 – 3.00 มคี วามสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ดา้ นการวเิ คราะห์ข้อผดิ พลาด ด้านการสรุปหลักเกณฑท์ วั่ ไป และดา้ น การสรุปเป็นหลักเกณฑ์เฉพาะอยใู่ นระดบั ดีมาก 2.00 – 2.49 มคี วามสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ดา้ นการจับคู่ ดา้ นการจดั หมวดหมู่ ด้านการวิเคราะห์ขอ้ ผิดพลาด ด้านการสรุปหลักเกณฑท์ ่วั ไป และดา้ น การสรปุ เปน็ หลกั เกณฑเ์ ฉพาะอยใู่ นระดบั ดี 1.50 – 1.99 มีความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ด้านการจับคู่ ดา้ นการจดั หมวดหมู่ ดา้ นการวิเคราะห์ข้อผิดพลาด ด้านการสรปุ หลกั เกณฑ์ท่ัวไป และดา้ น การสรุปเปน็ หลกั เกณฑ์เฉพาะอยใู่ นระดับปานกลาง 1.00 – 1.49 มีความสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ ด้านการจับคู่ ดา้ นการจดั หมวดหมู่ ดา้ นการวิเคราะห์ขอ้ ผดิ พลาด ด้านการสรุปหลกั เกณฑ์ทั่วไป และดา้ น การสรุปเป็นหลกั เกณฑ์เฉพาะอยู่ในระดับค่อนข้างต่า


51 0.00 – 0.99 มคี วามสามารถทางการคิดวเิ คราะห์ ดา้ นการจับคู่ ด้านการจัด หมวดหมู่ ด้านการวเิ คราะหข์ อ้ ผดิ พลาด ด้านการสรปุ หลกั เกณฑ์ท่ัวไป และด้าน การสรุปเปน็ หลกั เกณฑ์เฉพาะอยู่ในระดบั ตา่ 5.2 เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังการเรยี นดว้ ยกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ดนิ โดยการ จัดการเรียนรแู้ บบใชป้ ญั หาเป็นฐาน ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2/2 เร่ือง ดิน จากแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น เร่ือง ดนิ เรื่อง ดิน โดยการจัดการเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน นามาวิเคราะห์เพื่อนาเสนอใน รูป คา่ เฉลีย่ และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และนามาเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลงั เรยี น โดยการวเิ คราะห์ ด้วยการทดสอบแบบการทดลองกลุ่มเดียวและมีการวัดผลการทดลอง 2 คร้ังก่อนและหลังการทดลอง (Dependent sample t-test) แบบทางเดียว 5.3 ความพึงพอใจของนกั เรยี นตอ่ การจดั การเรียนรูแ้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เร่ือง ดิน ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 นาขอ้ มูลทไ่ี ด้จากแบบสอบถามความพงึ พอใจ ตามแบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (rating scale) มาเทียบคา่ เฉลยี่ ตามเกณฑ์ ดังนี้ 5 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยมากที่สุด 4 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยคอ่ นขา้ งมาก 3 หมายถงึ เห็นดว้ ยปานกลาง 2 หมายถงึ เห็นด้วยคอ่ นขา้ งนอ้ ย 1 หมายถงึ เห็นด้วยนอ้ ยท่สี ุด จากน้ันนามาวเิ คราะห์เพ่ือหาค่าเฉลีย่ (Mean) และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard deviation) โดย ทาการวิเคราะห์เปน็ รายขอ้ และภาพรวม หลังจากนน้ั นาคา่ เฉลีย่ ที่ได้มาแปลความหมายตามเกณฑ์ดงั น้ี (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2534) ค่าเฉลยี่ 4.50-5.00 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยู่ในระดับมากที่สุด คา่ เฉลย่ี 3.50-4.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับมาก คา่ เฉลยี่ 2.50-3.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจอยู่ในระดบั ปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50-2.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจอยู่ในระดับนอ้ ย ค่าเฉลี่ย 1.00-1.49 หมายถงึ มีความพึงพอใจอย่ใู นระดับนอ้ ยทีส่ ดุ


52 6 สถติ ทิ ่ีใช้ในการวจิ ัย สถิตทิ ี่ใช้ในการวิจัยนป้ี ระกอบด้วย สถติ ทิ ่ีใช้สาหรับตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือและสถิตทิ ่ีใช้ สาหรับวเิ คราะห์ผลศึกษา ดงั น้ี 6.1 สถิติทีใ่ ชต้ รวจสอบคุณภาพเครอื่ งมือ 1) ค่าความเทีย่ งตรงเชิงเนือ้ หา (Validity) หาจากการพิจารณาคา่ ดัชนีความสอดคลอ้ ง (Index Of Congruency: IOC) IOC =  R N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องมคี า่ อย่รู ะหวา่ ง -1 ถึง +1 R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญทัง้ หมด N แทน จานวนผู้เชี่ยวชาญท้งั หมด 2) คา่ ความยากงา่ ยของขอ้ คาถาม P= H+L 2N เม่อื P แทน ค่าความยากของขอ้ สอบ H แทน จานวนคนในกลมุ่ สูงตอบถกู L แทน จานวนคนในกลุม่ ตา่ ตอบถูก N แทน จานวนคนทั้งหมดในกลมุ่ ใดกลุ่มหนึง่ 3) ค่าอานาจจาแนกของข้อคาถาม r= H−L N เมื่อ r แทน ค่าอานาจจาแนกของขอ้ สอบ H แทน จานวนคนในกลุ่มสูงตอบถกู L แทน จานวนคนในกลมุ่ ตา่ ตอบถกู N แทน จานวนคนทง้ั หมดในกล่มุ ใดกลุ่มหนง่ึ 4) ค่าความเช่อื มัน่ (Reliability) ของแบบทดสอบ ใชส้ ตู ร KR-20 ของ Kuder-Richardson rtt= n  − pq − 1  n 1  S2  เมอื่ rtt แทน ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบทัง้ ฉบบั n แทน จานวนขอ้ คาถามของแบบทดสอบทงั้ ฉบับ p แทน สัดสว่ นของผ้เู รียนที่ตอบถูกในข้อนั้นกบั ผูเ้ รียนทัง้ หมด


53 q แทน สัดสว่ นของผ้เู รยี นทตี่ อบผิดในข้อนั้นกับผู้เรียนทงั้ หมด (มคี า่ เท่ากับ1− p ) S 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนทัง้ ฉบับ แบบทดสอบที่มีความเชื่อมัน่ สงู จะมคี า่ เข้าใกล้ 1.00 โดยคา่ ความเชอ่ื มน่ั ของแบบทดสอบที่ เช่อื ถอื ได้ควรจะมคี า่ ตงั้ แต่ 0.60 ขน้ึ ไป 5) คา่ ความเชอื่ มน่ั (Reliability)ของแบบทดสอบสูตรของสมั ประสิทธิแ์ อลฟาของครอนบาค  = ������ {1 − ∑ ���������2��� } ������−1 ���������2��� เม่ือ  คอื ค่าสมั ประสิทธิค์ วามเชอื่ มั่นของแบบทดสอบ k คือ จานวนข้อของแบบทดสอบ S2i คอื ความแปรปรวนของแบบทดสอบรายขอ้ S2t คือ ความแปรปรวนของแบบทดสอบทงั้ ฉบับ 6.2 สถิตทิ ี่ใช้สาหรับวิเคราะห์ขอ้ มูล 1) ค่าร้อยละ (Percentage) ใช้สูตร P = f 100 N เมื่อ P แทน รอ้ ยละ f แทน ความถ่ีท่ีต้องการแปลงเปน็ ร้อยละ N แทน จานวนความถท่ี ัง้ หมด 2) คา่ เฉลี่ย (Arithmetic Mean or Mean) X =X N เมอ่ื  แทน คา่ เฉลีย่ หรือตวั กลางเลขคณิต  X แทน ผลรวมทง้ั หมดของคะแนน N แทน จานวนคนท้งั หมด 3) สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) S= N X 2 − ( X )2 N(N −1) เม่ือ S แทน ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลุ่มตวั อย่าง X แทน คะแนนแต่ละตัวอยา่ ง


54 N แทน จานวนขอ้ มูล หรือขนาดกลุ่มตวั อยา่ ง 4) การทดสอบระหว่างค่าเฉลย่ี ก่อนและหลงั การจดั การเรียนรู้ โดยใช้สตู ร t-test dependent t = D n D2 − ( D)2 (n −1) โดยท่ี df = n −1 เมือ่ D แทน ผลต่างของคะแนนแต่ละคู่ n แทน จานวนค่ขู องตวั อย่าง


55 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เร่ือง ดิน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง ดิน และเพ่ือศึกษาความพึงพอใจของ นักเรียนต่อการจัดการเรยี นแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง ดิน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ซ่ึงผ่านการ ตรวจสอบคุณภาพจากผู้เช่ียวชาญ ไปทดลองใช้ กับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/2 ที่เป็นกลุ่มตัวอยา่ ง โดยได้ทาการทดสอบก่อนเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผน การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ทาการทดสอบหลงั เรียน และทาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ การจัดการเรยี นแบบใช้ปัญหาเป็น ฐาน เรื่อง ดิน ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 หลงั เรยี น เพอ่ื ตอบวตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ผวู้ จิ ัยนาเสนอ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู เปน็ 3 ตอน ตามลาดับดงั นี้ ตอนที่ 1 ผลการเปรยี บเทียบทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ เรื่อง ดิน ของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 โดยการ จดั การเรียนรแู้ บบใช้ปญั หาเป็นฐาน ตอนที่ 2 ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์กอ่ นและหลังการเรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน เรือ่ ง ดิน ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2/2 ตอนท่ี 3 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นตอ่ การจัดการเรียนแบบใช้ปญั หาเป็นฐาน เรอื่ ง ดนิ ของ นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2


56 ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ดนิ ของนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2/2 โดย การจดั การเรียนร้แู บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน ้ผ้วู จิ ัยไดท้ าการเปรยี บเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์หลงั เรยี น ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษา ปที ี่ 2/2 จานวน 32 คน ซึ่งเปน็ นักเรียนกล่มุ ตวั อยา่ ง โดยการจดั การเรยี นการสอนตามแผนการ จดั การเรยี นรู้โดย ใช้ปัญหาเป็นฐาน ทาการทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์หลัง เรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะการคิด วิเคราะห์ เรื่อง ดิน เป็นแบบทดสอบปรนัยจานวน 15 ข้อ ซึ่งวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนตาม องค์ประกอบ 5 ด้าน คือ จับคู่ จัดหมวดหมู่ วิเคราะห์ข้อผิดพลาด การสรุปหลักเกณฑ์ทั่วไป การสรุป หลกั เกณฑ์เฉพาะซ่ึงมรี ายละเอียดแสดงในตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 ผลการเปรยี บเทียบทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2/2 หลังการจัดการ เรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน องคป์ ระกอบ ความสามารถทางการคิดวเิ คราะห์ การแปลความหมาย จานวนข้อ คะแนนเฉลี่ย S.D. จับคู่ 3 2.25 0.44 ดี จัดหมวดหมู่ 3 2.25 0.43 ดี วเิ คราะห์ข้อผิดพลาด 3 1.91 0.47 ปานกลาง การสรปุ หลกั เกณฑท์ ั่วไป 3 การสรปุ หลักเกณฑเ์ ฉพาะ 3 2.25 0.43 ดี 2.13 0.45 ดี รวม 15 2.16 0.44 ดี จากตารางที่ 2 ผลการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนหลังการเรยี นด้วยการจัดการเรยี นรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง ดิน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 พบว่าองค์ประกอบความสามารถทางการคิด วิเคราะห์ท่ีอยู่ในระดับดี ได้แก่ ด้านการจับคู่ (X̅ = 2.25, S.D. = 0.44) ด้านการจัดหมวดหมู่ (X̅ = 2.25, S.D. = 0.43) ด้านการสรุปหลักเกณฑ์ท่ัวไป (X̅ = 2.13, S.D. = 0.45) และด้านการสรุปหลักเกณฑ์เฉพาะ (X̅ = 2.16, S.D. = 0.44 ) องค์ประกอบความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ท่ีอยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านการวเิ คราะหข์ อ้ ผดิ พลาด (X̅ = 1.91, S.D. = 0.47) โดยภาพรวมของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 มี ความสามารถทางการคิดวิเคราะห์อยู่ในระดับดีขึ้น ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อท่ี 1 ผลการพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง ดิน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2/2 อยใู่ นระดบั ดี


57 ตอนท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวทิ ยาศาสตร์ก่อนและหลังการเรยี นร้แู บบใชป้ ัญหา เปน็ ฐาน เรื่อง ดิน ของนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ผู้วิจัยได้ทาการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 2/2 จานวน 32 คน ซ่ึงเป็นนักเรยี นกลุ่มตัวอย่าง โดยการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรยี นร้โู ดย ใช้ปัญหาเป็นฐาน ทาการทดสอบวัดผลการเรียนรู้ ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่อง ดิน เป็น แบบทดสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ ซ่ึงมีรายละเอียดแสดงใน ตารางที่ 3 ตารางท่ี 3 ผลการเปรยี บเทียบผลการเรยี นรู้ เร่อื ง ดนิ ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 ก่อนและหลงั การ จดั การเรียนรโู้ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ผลการ จานวน คะแนนเต็ม คะแนน ส่วน T sig. เรียนรู้ นักเรยี น เฉล่ีย เบี่ยงเบน มาตรฐาน S.D. ก่อนเรยี น 32 10 3.63 1.90 8.80* 0.0000 หลังเรยี น 32 10 6.97 1.45 * นยั สาคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05 จากตารางที่ 3 พบว่า ผลการเรียนรู้ เรื่อง ดิน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 หลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (������ = 6.97, S.D. = 1.45) สูงกว่า ก่อนการจัดการเรียนรู้ (������ = 3.63, S.D. = 1.90) อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดบั .05 ซ่ึงยอมรับ สมมตฐิ านการวจิ ยั ขอ้ ท่ี 2


58 ตอนที่ 3 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เร่ือง ดิน ของนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 การศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากประเมินความพึงพอใจของ นักเรียนต่อการจัดการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง ดิน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 จานวน 32 คน ซึ่งเปน็ นกั เรยี นกล่มุ ตัวอยา่ งโดยใช้รายการประเมนิ จานวน 3 ดา้ น ดังนี้ 1) ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ 2) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) ด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้และทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ������ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน S.D. และการวิเคราะห์เชิงเน้ือหา (Content Analysis) ซ่ึงมีรายละเอยี ด แสดงในตารางท่ี 4 ตารางท่ี 4 สรปุ ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นต่อการจัดการเรียนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เร่ือง ดนิ ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 รายการประเมนิ ������̅ S.D. ระดบั คุณภาพ ลาดบั ดา้ นการจดั การเรยี นรู้ 1. ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรียนไดเ้ รยี นรูจ้ าก 4.88 0.34 มากที่สดุ 1 สถานการณ์ปญั หาที่เกดิ ข้นึ จริง 2. สง่ เสรมิ ให้นักเรียนได้ฝึกคดิ วเิ คราะห์ 4.56 0.50 มากที่สุด 6 อยา่ งมเี หตุผล 3. สง่ เสริมใหน้ กั เรียนได้ฝึกการทางาน 4.50 0.62 มากทีส่ ดุ 8 กลุ่ม แลกเปลีย่ นความรู้ และความ 4.59 คิดเห็นระหว่างเรียน 0.56 มากทสี่ ดุ 5 4. แบบทดสอบ และกิจกรรมชว่ ยให้ เข้าใจเน้อื หาได้ดียิ่งขน้ึ รวมด้านการจดั การเรยี นรู้ 4.63 0.51 มากท่ีสดุ ดา้ นบรรยากาศการเรยี นรู้ 4.62 0.48 มากที่สดุ 4 5. นักเรยี นมอี สิ ระในการศึกษาค้นคว้า 4.22 4.63 0.66 มาก 10 และ แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ 6. นักเรยี นมกี ารช่วยเหลือซง่ึ กนั และกนั 0.49 มากท่ีสดุ 3 ในกลุม่ 7. เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในกจิ กรรม การเรยี นรู้


59 รายการประเมิน ������̅ S.D. ระดับคณุ ภาพ ลาดบั รวมดา้ นบรรยากาศการเรยี นรู้ 4.49 0.54 มากทสี่ ุด ด้านประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการเรยี นรู้ 4.51 8. นกั เรียนสามารถศกึ ษาหาความรจู้ าก 0.51 มากที่สุด 7 แหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ และสามารถ 4.49 สื่อสารกบั บุคคลอื่นได้ดีข้ึน 4.69 0.61 มาก 9 9. ชว่ ยใหน้ กั เรียนมกี ารทางานอยา่ ง 4.56 เปน็ ระบบตามข้นั ตอนการทางาน 4.57 0.54 มากทส่ี ุด 2 10. ช่วยใหน้ ักเรยี นมที กั ษะในการคิด วิเคราะห์มากขน้ึ 0.55 มากที่สุด รวมดา้ นประโยชนท์ ่ไี ด้รับจากการ เรียนรู้ 0.53 มากทส่ี ุด รวมทง้ั 3 ดา้ น จากตารางท่ี 4 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง ดิน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด (������ = 4.57, S.D. = 0.53) ซ่ึงยอมรบั สมมติฐานการวจิ ยั ข้อท่ี 3 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนเห็นด้วยในด้านการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับ มากที่สุด เปน็ ลาดับหน่ึง (������ = 4.63, S.D. = 0.51) รองลงมาคือ เห็นด้วยในดา้ นประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการเรยี นรู้ อยู่ ในระดับมากทส่ี ุด (������ = 4.57, S.D. = 0.53) และเหน็ ดว้ ยในดา้ นบรรยากาศการเรียนรูอ้ ยู่ในระดบั มากท่ีสุด (������ = 4.49, S.D. = 0.54) ตามลาดับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี นเห็นด้วยในประเด็นส่งเสรมิ ให้นักเรียนได้เรียนรู้จาก สถานการณ์ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนจรงิ เป็นลาดับหน่งึ (������ = 4.88, S.D. = 0.34) รองลงมา คือ แบบทดสอบ และกิจกรรมช่วยให้ เข้าใจเน้ือหาได้ดีย่ิงขึ้น (������ = 4.59, S.D. = 0.56) รองลงมา คือส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกคิดวิเคราะห์อย่างมี เหตุผล (������ = 4.56, S.D. = 0.50) และส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการทางานกลุ่ม แลกเปล่ียนความรู้ และ ความคดิ เห็นระหวา่ งเรียน (������ = 4.50, S.D. = 0.62) ตามลาดับ ด้านบรรยากาศการเรยี นรู้ นักเรียนเห็นด้วยในประเด็นมีเปดิ โอกาสให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นลาดับหนึง่ (������ = 4.63, S.D. = 0.49) รองลงมา คอื มนี ักเรียนมอี ิสระในการศึกษาค้นคว้า และ แลกเปลีย่ น


60 ความคิดเห็น (������ = 4.62,S.D. = 0.48) และ มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่ม (������ = 4.22,S.D. = 0.66) ตามลาดับ ด้านประโยชน์ท่ีได้รับจากการเรียนรู้ นักเรียนเห็นด้วยในประเด็นช่วยให้นักเรียนมีทักษะในการคิด วเิ คราะห์มากข้ึนเปน็ ลาดบั หนึ่ง (������ = 4.69, S.D. = 0.54) รองลงมา 1. นักเรียนสามารถศึกษาหา ความรู้จาก แหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ และสามารถส่ือสารกับบุคคลอนื่ ได้ดีขนึ้ (������ = 4.51, S.D. = 0.51) และช่วยให้ นักเรียนมกี ารทางานอยา่ งเป็นระบบตามข้ันตอนการทางาน (������ = 4.49, S.D. = 0.61)


61 บทท่ี 5 สรุปผล อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ดิน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) มีวัตถุประสงค์การวิจัย สรุปผลการวิจัย และอภิปราย ผลการวจิ ัยดังน้ี 1. วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 1.1 เพอื่ พัฒนาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ เรอื่ ง ดิน ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 โดยการจัดการ เรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน 1.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์ก่อนและหลงั การเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเป็น ฐาน เร่ือง ดนิ ของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 1.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่องดิน ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 2. สรุปผลการวจิ ยั 2.1 ผลการพฒั นาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ดิน ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 โดยการ จดั การเรยี นร้แู บบใช้ปัญหาเป็นฐาน อยู่ในระดบั ดี 2.2 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์หลังสูงกวา่ กอ่ นการเรียนรูแ้ บบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เรอ่ื ง ดิน ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 อย่างมีนยั สาคัญ ทางสถิติทร่ี ะดับ .05 2.3 ความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การจดั การเรียนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เรือ่ ง ดิน ของนักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 อยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ 3. อภปิ รายผลการวจิ ัย 3.1 ผลการพัฒนาทักษะการคดิ วิเคราะห์ เรือ่ ง ดนิ ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 โดย การจดั การเรยี นร้แู บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน อยู่ในระดับดี ทง้ั นเ้ี นื่องมาจากการเรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ ปญั หาเปน็ ฐาน จะเนน้ ในเรอื่ งของการวิเคราะห์ปญั หาทีน่ กั เรียนกาลงั เผชญิ อยใู่ นสถานการณ์ที่ครกู าหนด และ นกั เรยี นสามารถหาแนวทางในการแก้ปญั หาโดยการร่วมกนั วเิ คราะหส์ ถานการณ์ ซงึ่ จะนาไปสกู่ ารคดิ วิเคราะห์ อย่างมีเหตุผล สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของบุญเล้ียง ทุมทอง (2556 : 23) ที่กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้ ปญั หาเป็นฐาน ชว่ ยส่งเสริมให้นักเรียนเกิดทกั ษะในการคดิ วิเคราะห์และสังเคราะห์ ฝกึ การคิดสร้างสรรค์ นกั เรยี นมีสว่ นรว่ มและได้ลงมอื ปฏิบตั มิ ากขึน้ ฝึกความรบั ผิดชอบการนาตนเอง เกดิ การเช่ือมโยงความรู้ อกี ท้ัง ยังสอดคล้องกบั กวี โพธสิ ธุ า (2557 : 1194) ทีก่ ล่าวว่า การจัดการเรียนรโู้ ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐานเป็นการจัดการ


62 เรยี นการสอนทีค่ รู ใชป้ ระเดน็ ปัญหาหรอื สถานการณป์ ัญหาจริงกระตนุ้ ให้นกั เรียนวิเคราะห์และค้นหาแนวทาง ในการ แกป้ ญั หาโดยการสืบค้นขอ้ มลู จากแหล่งต่าง ๆ ที่หลากหลายดว้ ยตนเองตามความสามารถและ ความ สนใจ ช่วยให้นกั เรียนพฒั นาทกั ษะในการคดิ วิเคราะห์ เนือ่ งจากนกั เรยี นจะต้องคิดในทกุ มิติ เกี่ยวกับประเด็น ปัญหาหรอื สถานการณ์ปญั หาทค่ี รนู าเสนอ นอกจากนร้ี ปู แบบ การจัดการเรยี นรู้แบบ รว่ มมือยงั เสริมสรา้ งให้ นักเรียนเกดิ ทักษะในการเรียนรรู้ ว่ มกนั ในการฝกึ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และ เน้นใหน้ ักเรียนทางานรว่ มกนั เป็น กลุ่มเหมอื นกับการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมหนง่ึ ซงึ่ การทางานแบบ รว่ มมือจะสรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดีตอ่ กนั เรียนรซู้ ง่ึ กนั และกัน และมกี ารสังเกตสงิ่ ที่อยรู่ อบ ๆ ตัว ยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ น้องนาง ปรอื งาม (2554 : 121- 122) ทไ่ี ด้ ศึกษาการพัฒนาความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ และผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรายวชิ าเคมี เรอื่ ง กรด-เบส ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 โดยการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน พบวา่ นกั เรยี นร้อยละ 76.2 ของจานวนนกั เรยี นทั้งหมด ได้คะแนนความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมีเรือ่ ง กรด-เบส สงู กว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเตม็ มคี ะแนนเฉล่ีย 31.88 สว่ นเบ่ยี งเบน มาตรฐาน 4.52 และนกั เรียน รอ้ ยละ 78.57 ของจานวนนกั เรยี นท้งั หมดได้คะแนนผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนรายวชิ าเคมีเรอ่ื งกรด-เบส สงู กวา่ รอ้ ยละ 70 ของคะแนนเตม็ มีคะแนนเฉล่ีย 29.24 สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 5.96 นอกจากนีส้ อดคลอ้ งกับ ทฤษฎี ทางการคิดวิเคราะหข์ องมาร์นาโซ (2001) กล่าววา่ การคิดวเิ คราะห์ คอื การขยายความคดิ อย่างมีเหตผุ ล เป็น การประยุกตก์ ระบวนการคิดวเิ คราะหร์ ายละเอียดเฉพาะของข้อมูลบนพน้ื ฐานความรคู้ วามเข้าใจในเนือ้ หาเดมิ ท่สี ะสมอยใู่ นความจาระยะสน้ั ในรปู แบบโครงสรา้ งขนาดเลก็ ของสตปิ ญั ญา เพ่ือสร้างข้อมลู ใหม่อย่างอิสระ และสามารถสรปุ ลักษณะเฉพาะทจ่ี าเปน็ และไม่จาเปน็ ของขอ้ มูลได้ และสอดคลอ้ งกบั ของงานวิจยั ของวชิ ดุ า วงศเ์ จรญิ (2561) ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ของนักเรียนหลังไดร้ บั การจัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้ปัญหาเปน็ ฐานรว่ มกบั เทคโนโลยเี สมอื นจริง สงู กวา่ กอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ รี่ ะดบั .01 3.2 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวิทยาศาสตร์หลังสูงกวา่ กอ่ นการเรยี นรูแ้ บบใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรอ่ื ง ดิน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 อย่างมีนัยสาคัญ ทางท่ีระดับ .05 โดยหลังเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนเพ่ิมขน้ึ ซงึ่ เปรยี บเทียบจากค่าคะแนนเฉล่ยี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 3.63 คะแนนและค่า คะแนนเฉลยี่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน 6.97 ทัง้ น้ี เนื่องมาจากการเรยี นโดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เปน็ การ จัดการเรียนร้ทู ี่มุ่งเน้นให้นักเรยี นเกิดความสนใจและตั้งใจเรียน โดยนักเรียนสามารถศึกษาและทดสอบปัจจัย ต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วข้องได้ ทาให้นักเรียนเห็นภาพต่าง ๆ ชัดมากขนึ้ ส่งผลให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ สถานการณ์ เก่ียวกับดินได้และมีความรูค้ วามเข้าใจในเน้อื หาการเรียนสูงขึ้น การจัดการเรียนร้ดู ังกล่าว มุ่งเน้นให้นกั เรียน เรียนรู้จากปัญหาหรือสถานการณ์ที่ เกิดข้ึนจริง สอดคล้องกับผลการวิจัยของ เบญจวรรณ อ่วมมณี (2549 : 114) ที่ศกึ ษา เร่ืองการพฒั นาผลการเรียนร้แู ละความสามารถในการคดิ แก้ปัญหา เรอื่ งการอนรุ กั ษ์แมน่ ้าท่าจีน ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ทจ่ี ัดการเรยี นรโู้ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน ซ่ึงผลการศึกษาพบว่า ผลการ เรียนรู้ เรื่องการอนรุ ักษแ์ ม่น้ าทา่ จนี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ โดยใชป้ ัญหา เปน็ ฐาน แตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .05 โดยคะแนนเฉลย่ี หลงั การ จดั การเรียนร้สู งู กว่าก่อน


63 การจัดการเรียนรู้และสอดคล้องกับผลการวจิ ัยของ ขวัญตา บัวแดง (2553 : 75) ท่ีศึกษาผลการเรียนรู้ เรื่อง วกิ ฤตการณ์สิ่งแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษา ปีที่ 5 ทจี่ ดั การเรียนร้โู ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน ซ่ึงผลการศึกษาพบว่า ผลการเรียนร้เู ร่ือง วิกฤตการณ์ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตขิ องนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ท่ีจดั การเรยี นรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกอ่ น และหลังการจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน แตกตา่ งกนั อย่าง มีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลการเรียนรหู้ ลังการจัดการเรียนรโู้ ดยใช้ปัญหาเป็นฐานสูงกว่ากอ่ นการ จัดการเรยี นรู้โดยใช้ ปญั หาเป็นฐาน 3.3 ความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การจัดการเรยี นแบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน เรอ่ื ง ดนิ ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 อยู่ในระดับมากที่สุด กล่าวคือนักเรียนเห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ ปญั หาเปน็ ฐาน เปน็ การจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีให้โอกาสนักเรยี นได้เรยี นรู้จากสถานการณป์ ัญหาที่เกิดข้ึนจริง ได้ลงมือปฏิบัติจริง มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ สอคล้องกับงานวิจัยของ มณฑนา บรรพสุทธ์ิ (2553 : 105) ซึ่งศึกษาความคิดเห็นของ นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ที่มตี ่อการจดั การเรียนร้แู บบปัญหาเป็น ฐาน พบว่า นักเรียนเห็นด้วย ต่อการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน อยู่ในระดับเห็นด้วยมากทุกด้าน เมื่อพิจารณาเปน็ รายด้าน พบว่า นักเรยี นส่วนใหญ่เห็นดว้ ยมากในดา้ นการจดั การเรียนรู้ เป็นลาดับที่หนึ่ง ทั้งนี้ อาจเนอ่ื งมาจากมกี ารสง่ เสรมิ ให้นักเรียนได้เรียนรู้จากสถานการณ์ปญั หาทเี่ กิดขึ้นจริง สง่ เสริมให้นกั เรียนได้ฝึก คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการทางานกลุ่มแลกเปล่ียนความรู้ และความคิดเห็น ระหว่างเรยี นแบบทดสอบ และกิจกรรมช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดยี ่ิงข้ึน จึงส่งผลทาให้นักเรยี นมีความคิดเห็น ในด้านการจัดการเรยี นรู้ อยู่ในระดับมากเปน็ ลาดบั หน่ึง สอดคล้องกบั แนวคดิ ของ เมอรส์ นั และ แพ ริก (Mierson and Parikh 2000 : 22, อ้างถึงใน มณฑนา บรรพสุทธิ์ 2553 : 105) ท่ีกล่าวว่าการจัดการ เรียนรู้แบบปัญหา เป็นฐานเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนได้ลงมือศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองอย่าง อิสระ จากแหล่งความรู้ท่ีหลากหลาย นักเรียนเรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไม่เครียด และชอบที่ได้แลกเปล่ียน ความคดิ เห็นและชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ภายในกล่มุ ฝกึ การเปน็ ผ้นู าผตู้ ามที่ดี 4.ข้อเสนอแนะทว่ั ไป จากงานวจิ ัยการพัฒนาทกั ษะการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เร่อื ง ดิน ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 2/2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสาหรับการนา ผลการ วิจยั ไปใช้ และขอ้ เสนอแนะสาหรับการวิจัยครง้ั จ่อไปดงั น้ี 4.1 ข้อเสนอแนะสาหรบั การนาผลวิจยั ไปใช้ 1) ความหลากหลายของปัญหาสถานการณ์ท่ีผู้วิจัยนามาใช้ยังมีน้อยไมค่ รอบคลุม ครูผู้สอน สามารถเพมิ่ ปัญหาสถานการณ์ใหเ้ หมาะสมกับเนอ้ื หา ในหนงั สือเรียนได้


64 2) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ีต้องปรับให้เหมาะสมกับนักเรียน เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัย ศึกษาเป็น นักเรียนท่ีมีความหลากหลายมีความถนัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นครูผู้สอนต้องปรับแผนการ จดั การเรยี นรแู้ ละใบกิจกรรมให้เหมาะสมกับนกั เรียน 3) ความพร้อมของอุปกรณ์ท่ีใช้ในการเรียนการสอน เน่ืองจากการเรียนด้วยใช้ใช้ปัญหาเป็น ฐาน ตอ้ งใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งอุปกรณ์ในการทาแลป ดังน้นั ครูผู้สอนตอ้ งมีการสารวจความพร้อมของ อุปกรณ์ 4) จากผลทักษะการคิดวเิ คราะห์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าด้านการวิเคราะห์ข้อผิดพลาด ของ นักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ครูผู้สอนควรเพิ่มตัวอย่างหรือสถานการณ์ท่ีทาให้ นักเรียนได้พัฒนะ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ ด้านการวิเคราะหข์ อ้ ผดิ พลาดใหม้ ากขึ้น 4.2 ข้อเสนอแนะสาหรับการวิจัยคร้ังต่อไป 1) ควรพัฒนาแบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ตามแนวคิดของมาร์ซาโน ให้ ครอบคลุมขอบเขตความรู้ท้ัง 3 ด้าน คือ ด้านข้อมูล ด้านกระบวนการคิดและด้านกระบวนการ ปฏิบัติ 2) ควรมีการวิจัยเก่ียวกับตัวแปรอ่ืน ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เปน็ ฐาน เช่น การคิดแกป้ ญั หา การคิดสรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 3) ควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบอ่ืน ๆ เชน่ การจดั การเรยี นรู้ด้วยเทคนิคการแกป้ ัญหาอนาคต การจัดการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เปน็ ต้น


65 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.โรงพิมพ์ ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2560). ตัวช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพ: โรง พมิ พ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด. กระทรวงศกึ ษาธิการ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2561). หนังสอื เรียนรายวิชา พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เล่ม ๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา ลาดพร้าว. กอบวทิ ย์ พริ ิยะวัฒน์. (2554). \"การศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการ คดิ แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ท่ีได้รับการจดั การเรยี นรโู้ ดย ใช้ญหาเป็น ฐานและการจดั การเรียนรโู้ ดยใชก้ ลวธิ เี มตาคอคนิชันในการแกโ้ จทย์ปัญหา วิทยาศาสตร์\". ปริญญา นิพนธ์ปรญิ ญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาสาขาการมัธยมศึกษา บัณฑิต วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนค รนิ ทรวิโรฒ. ขวัญตา บวั แดง. (2553). \"การศึกษาผลการเรยี นรู้ เร่ือง วกิ ฤตการณส์ ่ิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ของ นกั เรยี น ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ทจี่ ัดการเรียนร้โู ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน\". วิทยานพิ นธป์ รญิ ญาศึกษาศาสตร มหาบัณฑติ สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. จิราวรรณ สอนสวัสดิ.์ (2554). \"การศกึ ษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการ แก้ปญั หาทางวทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทไ่ี ดร้ ับการจดั การเรยี นรู้โดยใช้ ปัญหา เป็นฐานและการจัดการเรยี นร้ดู ้วยชุดกิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์\". วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศกึ ษา มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการมัธยมศึกษา บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ทรงธรรม พลบั พลา. (2553). \"การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนเร่ืองความปลอดภยั ในชีวิตของนักเรยี น ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ทจี่ ัดการเรยี นรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน\". วทิ ยานพิ นธ์ ทิศนา แขมณี. (2544). วทิ ยาการด้านการคิด. กรุงเทพฯ :สถาบนั พัฒนาการคุณภาพวชิ าการ (พว.) ทิศนา แขมณี และคณะ. (2540). ทฤษฎกี ารเรียนรู้เพ่ือพฒั นากระบวนการคดิ . กรุงเทพฯ:สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. ปริญญาศึกษาศาสตร มหาบัณฑติ สาขาวิชาหลกั สูตรและการ นิเทศบัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. ปราณี กองจินดา. (2549: 42). ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน. [ออนไลน์]. 2549, แหลง่ ที่มา : 01.html https://bit.ly/38gQ4tV .


66 บรรณานกุ รม (ตอ่ ) ปรดี าวรรณ ออ่ นนางใย. (2555). การสร้างแบบทดสอบวดั ความสามารถทางการคดิ วิเคราะหส์ าหรบั นักเรียน ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 สานกั การศึกษา กรงุ เทพมหานคร. วทิ ยานิพนธ์ ศษ.ม. .มหาวิทยาลยั ศรนี คริ นทรวิโรฒ. นนั ทห์ ทัย อุดม . (2563). การพัฒนาทักษะการคิดวเิ คราะห์ เรือ่ ง งานและเครอ่ื งกลอย่างง่าย ของนกั เรยี นชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ด้วยการจดั การเรียนรู้ โดยใช้โปรแกรมสถานการณจ์ าลอง. ปริญญาศึกษาศาสตร บณั ฑิต สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพัฒนศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยา เขตกาแพงแสน. น้องนาง ปรอื งาม. (2554). \"การพัฒนาความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา เคมี เรื่อง กรด-เบส ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 โดยการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน\".วทิ ยานิพนธป์ ริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . บุญนา อินทนนท์. (2551). \"การศกึ ษาผลสัมฤทธิทางการเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละความสามารถ ใน การ แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นโยธินบารงุ ที่ ไดร้ บั การจดั การ เรียนรู้โดยใช้ปญั หาเป็นฐานและการจัดการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู\"้ . วทิ ยานพิ นธป์ ริญญา การศึกษามหาบัณฑติ สาขาวิชาการมธั ยมศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. เบญจวรรณ อ่วมมณ.ี (2549). “การพัฒนาผลการเรียนรู้และความสามารถในการคดิ แกป้ ญั หา เรอ่ื ง การ อนุรักษแ์ ม่นา้ ท่าจีน ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ท่ีจัดการเรียนร้โู ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน\". วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าหลกั สูตรและการนเิ ทศบัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. พัชรี นาคผง. (2562). “การพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ท่ีจดั การเรยี นรโู้ ดย ใชป้ ัญหาเปน็ ฐานร่วมกับเทคนคิ STAD”. วิทยานิพนธ์นีเ้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู ร ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าหลกั สูตรและการนเิ ทศ แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญา มหาบณั ฑติ ภาควชิ าหลกั สูตรและวธิ สี อน บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร. พชิ ามญช์ พนั ธ์ุยลุ า. (2554). \"การศึกษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละสมรรถนะทาง วทิ ยาศาสตร์ ด้านแรงจูงใจในการเรยี นวทิ ยาศาสตรข์ องนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ทีไ่ ด้รบั การจดั การเรยี นรูโ้ ดย ใชป้ ญั หาเป็นฐานและการจัดการเรยี นรูแ้ บบวัฏการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7E)\". วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาการศกึ ษา มหาบัณฑติ สาขาวชิ าการมธั ยมศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.


67 บรรณานกุ รม (ตอ่ ) พสิ มัย สาระกลู . (2542). การสรา้ งแบบทดสอบความสามารถทางสมองตามแนวทฤษฎีเชาว์ปญั ญาของ สเตริ ์น เบอร์ก. ปรญิ ญานพิ นธ์ กศ.ม. (การวัดการศึกษา) กรุงเทพฯ :บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาศรนี ครนิ ทรวิ- โรฒ. พชิ ญะ กนั ธยิ ะ. (2559). การพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหโ์ ดยใชก้ ารจดั การเรียนรแู้ บบบันได 5 ขั้น วิชา วิทยาศาสตร์ ของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานพิ นธ์ คษ.บ. (หลกั สูตรและการสอน). มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่. มัทนา ปิดตาระโพธิ.์ (2561). การพฒั นาทกั ษะการคดิ วิเคราะหโ์ ดยใชโ้ ครงงานเป็นฐาน รว่ มกบั แนวคดิ สะ เต็ม ศกึ ษา โรงเรียนแหลมรงั วิทยาคม จงั หวดั พจิ ิตร. สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 41 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานกระทรวงศกึ ษาธกิ าร. วชิ นยี ์ ทศศะ. (2547). \"การเปรยี บเทียบผลการเรียนรู้ เรื่องส่ิงแวดล้อม ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษา ปที ่ี 3 ที่ จัดการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ หลักและแบบสืบเสาะหาความรู้\". วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลกั สูตรและการนิเทศ บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. วชิ ุดา วงศเ์ จริญ. (2561). การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐานรว่ มกับเทคโนโลยีเสมือนจริงเพ่ือพฒั นา ทักษะการคิดวเิ คราะหแ์ ละทกั ษะการคิดแก้ปญั หาสาหรบั นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4.วิทยานพิ นธ์ ศษ.บ. (หลักสูตรและการสอน). มหาวทิ ยาลัยธรุ กิจบณั ฑติ ย์. วภิ าณยี ์ จริ ธรภกั ดี. (2554). “การศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าชวี วทิ ยาและความสามารถในการคดิ วิเคราะหข์ องนักเรียนชนั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ทไ่ี ด้รับการจัดการเรียนรู้โดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน และการ จดั การเรียนรโู้ ดยใช้เทคนคิ การคิดแบบหมวกหกใบ”. วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาการศึกษา มหาบัณฑติ สาขาวิชาการมธั ยมศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. วิไล โพธช์ิ นื่ . (2555). “การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปญั หาคณิตศาสตร์ ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 3 ที่จัดการเรยี นรโู้ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน.” . วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ า หลักสูตรและการนเิ ทศ บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2550). แนวทางการจัดการเรียนรูท้ ่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ 3 การ เรียนรู้ แบบใช้ปญั หาเป็นฐาน. กรุงเทพมหานคร : ชุมนมุ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. สิริกาญจน์ธนวุฒพิ รพนิ ติ . (2553). การพัฒนาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 6. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.บ. (เทคโนโลยกี ารวจิ ัยและพฒั นาหลักสตู ร). มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี.


68 บรรณานกุ รม (ต่อ) สกุ ัญญา พทิ ักษ.์ (2554). “การศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการคดิ อยา่ งมี เหตุผลของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ทไ่ี ดร้ ับการจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน และการ จดั การเรยี นรดู้ ้วยเทคนิค STAD”. วิทยานิพนธป์ รญิ ญาการศกึ ษามหาบญั ฑติ สาขาวิชาการ มัธยมศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. โสภิดา มะลซิ ้อน. (2562). การพฒั นาความสามารถการคิดวเิ คราะหโ์ ดยใชแ้ นวคิดของมารซ์ าโน (Marzano) วิชาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5. วิทยานิพนธป์ ริญญาศึกษาศาสตร มหาบณั ฑิต สาขาวิชาหลกั สูตรและการสอน วิทยาลยั ครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบณั ฑิตย.์ อรรณพ ชุมเพ็งพนั ธ์. (2550). \"การพัฒนาผลการเรยี นรู้เรือ่ งสารในชีวติ ประจาวันของนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ทีจ่ ัดการเเรียนร้โู ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน\". วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตร มหาบณั ฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนเิ ทศ บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. Bandura, A. (1994). Self-efficacy. www.emory.edu/EDUCATION/mfp/BanEncy.html* Bloom, B.S. (1961). Taxonomy of Educational Objectives. New York : David Mckey. Marzano, R. J. (2000). Designing a new taxonomy of educational objectives. Thousand Oaks, CA: Corwin Press. Paris, S.G., Wasik, B.A., & Turner, J.C. (1991). The development of strategic readers. In R. Barr, M. L.Kamil, P. Mosenthal, & P. D. Pearson, (Eds.), Handbook of reading research, vol. 2, (pp. 609-640). New York: Longman. Schoenfeld, A. (1992). Learning to think mathematically: problem solving, metacognition, and sense making in mathematics. In D. A. Grows (Ed.). Handbook of research on mathematics teaching and learning, (pp. 334-370). New York: Macmillan.


69 ภาคผนวก


70 ภาคผนวก ก รายช่อื ผเู้ ช่ยี วชาญตรวจเคร่อื งมือวจิ ยั


71 รายชื่อผูเ้ ชี่ยวชาญตรวจคุณภาพเครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ยั 1.อาจารยค์ ณัสนนั ท์ ฉ่าสดใส ตาแหนง่ ครูชานาญการพิเศษ 2.อาจารย์ทศมาศ จริ วงศร์ งุ่ เรือง โรงเรียนบรรหารแจม่ ใสวทิ ยา 5 3.อาจารยน์ ิจธรี า คงหว้ ยรอบ ตาแหนง่ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นบรรหารแจม่ ใสวทิ ยา 5 ตาแหน่งครูระดับปฏบิ ัติการ โรงเรยี นบรรหารแจม่ ใสวทิ ยา 5


72 ภาคผนวก ข การตรวจสอบคุณภาพของเครอื่ งมือที่ใช้ในการวจิ ยั 1. แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ดิน 1.1 ความเทย่ี งตรงเชิงเนือ้ หา (IOC) 2. แบบทดสอบวดั ผลการเรียนรูเ้ ร่ือง ดิน 2.1 ความเทย่ี งตรงเชงิ เน้ือหา (IOC) 2.2 ความยากงา่ ย (p) และค่าอานาจจาแนก (r) 2.3 ความเชอ่ื มัน่ (KR-20) 3. แบบทดสอบวัดทกั ษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน เรอื่ ง ดิน 3.1 ความเที่ยงตรงเชงิ เนอื้ หา (IOC) 3.2 ความยากงา่ ย (p) และค่าอานาจจาแนก (r) 3.2 ความเช่ือมน่ั (KR-20) 4. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การจัดการเรียนแบบใช้ปญั หาเป็นฐาน เร่อื ง ดนิ 4.1 ความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา (IOC) 4.2 ความเชื่อม่นั (Cronbach’s Alpha Coefficient)


73 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 13 เรื่อง ดิน กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565 รายวิชา วิทยาศาสตร์ 4 รหัสวิชา ว22102 เวลาเรยี น 3 คาบ ครผู ูส้ อน นางสาวพรศิริ พานาเรียง ************************************************************************************************** 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณพี ิบัติภยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทั้งผล ตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม ตัวชีว้ ัด ว 3.2 ม.2/6 อธบิ ายลกั ษณะของช้นั หน้าตัดดนิ และ กระบวนการเกิดดิน จากแบบจาลอง รวมทั้งระบปุ ัจจัยทท่ี าให้ดินมีลกั ษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกนั 2. สาระสาคญั ดนิ เกดิ จากหนิ ทผี่ ุพงั ตามธรรมชาตผิ สมคลุกเคล้ากบั อนิ ทรียวัตถทุ ไ่ี ด้จากการเน่าเป่ือยของซากพชื ซากสัตว์ ทบั ถมเปน็ ชน้ั ๆ บนผวิ โลก ช้ันดินแบ่งออกเปน็ หลายช้นั ผิวหนา้ ดินแตล่ ะช้นั มลี กั ษณะแตกต่าง กันเน่ืองจาก สมบตั ิทางกายภาพ เคมี ชวี ภาพ การเรียกช่อื ชัน้ ดนิ ไดแ้ ก่ O, A, E, B, C, R ชัน้ หน้าตดั ดิน ปัจจยั ท่ีทาใหด้ นิ แตล่ ะท้องถิ่นมลี กั ษณะและสมบัติ แตกตา่ งกัน ได้แก่ วตั ถตุ ้นกาเนดิ ดิน ภูมิอากาศ ส่ิงมีชีวิตในดิน สภาพภูมปิ ระเทศ และระยะเวลาในการเกดิ ดนิ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ (K) 1. อธิบายลกั ษณะของชน้ั หนา้ ตัดดนิ 2. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดนิ 3. ระบปุ ัจจยั ท่ีทาให้ดนิ มีลักษณะและสมบตั ิแตกต่างกนั 3.2 ดา้ นทกั ษะ (P) 1. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3.3ดา้ นเจตคติ/ คุณลักษณะ/ ค่านยิ ม (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ ม่นั ในการทางาน 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน


74  1) ความสามารถในการส่ือสาร  5) อย่อู ย่างพอเพยี ง  2) ความสามารถในการคดิ  6) มุง่ มัน่ ในการทางาน  3) ความสามารถในการแก้ปญั หา  7) รักความเปน็ ไทย  4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต  8) มีจิตสาธารณะ  5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์  1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2) ซ่ือสัตย์สุจรติ  3) มีวินัย  4) ใฝ่เรียนรู้ 6. การบูรณาการ  วถิ พี ทุ ธ  หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  หลกั สูตรภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ  กลมุ่ สาระฯอน่ื ......................................  STEM Education 7. ชิน้ งาน / ภาระงาน 1) แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง ดิน 2) ใบงานท่ี 1 เรอื่ งช้ันดิน และช้นั หน้าตัดดนิ 3) ใบงานที่ 2 เรื่องปญั หาเกย่ี วกับช้นั ดนิ 8. กจิ กรรมการเรียนการสอน (PBL) - ข้ันกระตุ้นความสนใจ 1. ครูนาตวั อยา่ งดนิ ที่เตรยี มมา จากแหล่งต่าง ๆ ในโรงเรียนหรือในชมุ ชน มาให้นกั เรียนดู และ เปรียบเทียบความแตกต่าง วา่ ดนิ ของแต่ละทมี่ ีลักษณะทางกายภาพอย่างไร โดยครูและนกั เรยี นสนทนา ร่วมกันดงั ประเดน็ ต่อไปนี้ - ดนิ ที่นามาเป็นตวั อยา่ งเป็นดนิ ชนดิ ใดบ้าง (นกั เรียนใช้ประสาทสมั ผัสในการตรวจสอบและอภปิ ราย ร่วมกัน) 2. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ดิน จานวน 10 ขอ้ (15 นาที)


75 - ข้นั นาเสนอสถานการณป์ ัญหา 3. แบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6-7 คน 4. ครูนาเสนอสถานการณ์ ดังนี้ ครนู าดินตัวอยา่ งจากแหล่งต่าง ๆ ภายในโรงเรยี นมาใหน้ กั เรียนไดศ้ ึกษา โดยดนิ ตรงบรเิ วณพน้ื ที่แถว ต้นสนมพี ชื เจรญิ เติบโตอยูน่ ้อย และดนิ บรเิ วณสวนเกษตรหลังโรงเรยี นมพี ืชทีเ่ จริญเติบโตได้ดี ดนิ บรเิ วณสนาม บอล ดนิ บริเวณขา้ งหลังโรงอาหาร -เหตใุ ดพืชจึงเจรญิ เติบโตได้นอ้ ยในดินบริเวณตน้ สน -เหตใุ ดพชื จึงเจรญิ เตบิ โตได้ดใี นดินบริเวณสวนเกษตร -ดนิ ชน้ั O ของท้ังสองพ้นื ทีแ่ ตกต่างกนั อย่างไร -มีปัจจยั ใดบ้างท่ีทาใหด้ นิ ท้ังสองพ้นื ท่แี ตกต่างกนั 5. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันตั้งคาถามเก่ียวกับสิ่งทตี่ อ้ งการรู้ จากเน้อื หาที่เกย่ี วกับเร่ือง ดนิ 6. นกั เรียนรว่ มกนั ตอบคาถามและแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับคาตอบของคาถาม เพ่อื เชอื่ มโยงไปสู่ การเรยี นร้เู ร่ือง ชั้นหนา้ ตัดดินและ กระบวนการเกิดดนิ - ข้นั ระบแุ ละวิเคราะห์ปญั หา 7. แบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ ละ 6-7 คน ร่วมกัน แต่ละกลุ่มช่วยกนั วเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหาที่ไดม้ า ทา ความเข้าใจปัญหา ว่าจะสามารถอธิบายข้อเทจ็ จริงส่ิงต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับปัญหาได้อย่างเหมาะสมอย่างไร และวเิ คราะห์ว่าขอ้ มลู ใด ทสี่ ถานการณ์กาาหนดมาแลว้ และขอ้ มูลใดทีย่ ังไมก่ าหนดให้ และตอ้ งศกึ ษาเพ่มิ เตมิ 8. นกั เรยี นร่วมกนั วางแผนเพือ่ กาหนดแนวทางทจี่ ะดาเนนิ การศกึ ษา ว่าจะศึกษาเก่ียวกับเรอ่ื งใดบ้าง - ขน้ั ศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมข้อมลู เพ่ือหาแนวทางแก้ปญั หา 9. แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สืบคน้ ขอ้ มูลตามแผนทีไ่ ด้วางไว้ - แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสบื ค้นขอ้ มูล โดยแบ่งหวั ข้อยอ่ ยให้เพื่อนสมาชกิ ช่วยกันสืบคน้ ศึกษาขั้นตอน การเกดิ ดนิ ชัน้ ดนิ และช้นั หนา้ ตัดดนิ จากนัน้ บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมลงในใบงานท่ี 1 เพือ่ ใหท้ ราบถึงปญั หา ของดนิ และสามารถแก้ไขปัญหาของดนิ ทพี่ บได้อย่างถกู ตอ้ ง - สมาชกิ กลมุ่ แต่ละคน หรอื กลุ่มย่อยชว่ ยกันสบื ค้นขอ้ มูลตามหวั ข้อย่อย ที่ตนเองรบั ผดิ ชอบ โดยการ สบื คน้ จากหนงั สอื วารสารวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ และอนิ เทอร์เน็ต - สมาชิกกลมุ่ นาขอ้ มูลทีส่ ืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชกิ ในกลุ่มฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภปิ ราย ซักถามจนคาดว่า สมาชิกทกุ คนมีความรู้ความเข้าใจทตี่ รงกัน - สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ความรู้ที่ได้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลมุ่ 10. นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากกิจกรรม - ขั้นอภปิ รายสรุปร่วมกัน และเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หา


76 11. นักเรียนแต่ละคนสังเคราะหค์ วามรู้ทไี่ ด้จากการคน้ ควา้ โดยมกี ารนาเสนอกันภายในกล่มุ เพอื่ หา ข้อสรปุ ทบทวนและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง มาสรปุ และตอบคาถาม ตามกรอบปัญหาที่กาหนดไว้ 12. สมาชิกในกลุ่มร่วมกันแลกเปลยี่ นเรียนรู้ เลือกนาความรูใ้ หม่ท่ีได้กบั ความรู้เดมิ ทีม่ อี ยมู่ าเช่ือมโยง กนั และรว่ มกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม 13. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อทเ่ี รยี นมา มจี ุดใดบ้าง ที่ยงั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถา้ มีครูชว่ ยอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ 14. นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข อยา่ งไรบา้ ง -ขนั้ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 15. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบ การสรุปผลการดาเนนิ การศึกษาค้นควา้ ของกลุ่ม เพอ่ื นาเสนอหน้าชนั้ เรียนตามรูปแบบท่ีนักเรียนสนใจ 16. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอข้อสรปุ ในการแก้ไขปัญหา โดยนักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันประเมนิ สามารถท่ีจะตัง้ คาถามแสดงความคิดเหน็ โดยครูผูส้ อนประเมนิ ผลการเรยี นรู้จากการดาเนินงานของผ้เู รียนตามสภาพจริงให้ 17. ครูและนักเรียนสรุปองค์ความรู้เร่ืองทไี่ ด้ในการทากิจกรรม 9.การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ อธิบายลักษณะของชนั้ ตรวจใบงานท่ี 1 เรื่องชนั้ ดนิ แบบประเมินชน้ิ งาน/ คะแนนรวม 6 คะแนน หนา้ ตัดดินและ และชั้นหนา้ ตดั ดนิ ภาระงาน ขึน้ ไป ผา่ นเกณฑ์ กระบวนการเกดิ ดนิ รวมทง้ั ระบุปจั จยั ทีท่ า ใหด้ นิ มีลกั ษณะและ สมบัตแิ ตกต่างกัน ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ตรวจใบงานท่ี 2 เร่อื ง แบบประเมินช้ินงาน/ คะแนนรวม 6 คะแนน ปญั หาเกี่ยวกับชนั้ ดนิ ภาระงาน ข้ึนไป ผ่านเกณฑ์ คุณลกั ษณะอนั พงึ สังเกตมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมนิ คะแนนรวม 7 คะแนน ประสงค์ มุ่งมั่นการทางาน คณุ ลักษณะอันพงึ ขึน้ ไป ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ 10.สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 เล่ม 2 ของ สสวท. 2. แบบจาลองของช้นั ดนิ


77 เกณฑ์การประเมนิ ใบงาน คาช้ีแจง ให้ผปู้ ระเมินใหร้ ะดับคะแนนตามเกณฑ์ข้างล่างนี้ตามความเปน็ จริงในชอ่ งประเมินผล ตัวช้ีวัดการประเมินผล ความรู้ 1. อธิบายลักษณะของชั้นหนา้ ตัดดินและ กระบวนการเกิดดนิ 2. ระบปุ จั จัยทท่ี าใหด้ นิ มลี กั ษณะและสมบัตแิ ตกต่างกัน เกณฑ์การประเมิน รายการประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ดเี ยี่ยม (4) ดี (3) ผา่ น (2) ไมผ่ ่าน (1) อธบิ ายลักษณะของช้นั หน้าตัดดนิ อธิบายลกั ษณะ อธิบายลักษณะ อธิบายลกั ษณะของ ไม่สามารถอธิบาย และ กระบวนการเกิดดนิ ของชัน้ หน้าตดั ของชนั้ หน้าตดั ช้นั หนา้ ตัดดนิ และ ลักษณะของชน้ั หน้า ดนิ และ ดินและ กระบวนการเกดิ ดนิ ตัดดนิ และ กระบวนการเกดิ กระบวนการเกดิ ได้ แตไ่ ม่ถูกตอ้ ง กระบวนการเกดิ ดิน ดนิ ได้ครบถ้วน ดนิ ได้ได้ แต่ตอ้ งมี ทัง้ หมด แมม้ ี ได้ แมม้ อี าจารย์หรือ และ สมบูรณ์ อาจารย์ หรือ อาจารยห์ รือเพอ่ื น เพอื่ นชแ้ี นะ เพอื่ นช้แี นะ ช้ีแนะ ระบปุ จั จัยท่ที าให้ดนิ มลี ักษณะ ระบปุ ัจจัยท่ีทาให้ ระบุปัจจัยทที่ า ระบปุ ัจจยั ท่ที าใหด้ นิ ไม่สามารถระบปุ ัจจยั และสมบตั ิแตกต่างกัน ดนิ มลี ักษณะและ ใหด้ นิ มลี ักษณะ มีลักษณะและสมบัติ ท่ีทาใหด้ ินมลี ักษณะ สมบตั แิ ตกต่างกัน และสมบตั ิได้ แตกตา่ งกันได้ แต่ไม่ และสมบตั แิ ตกต่าง ไดค้ รบถ้วน และ แตกตา่ งกัน แต่ ถูกต้องทั้งหมด แมม้ ี กันได้ แม้มีอาจารย์ สมบรู ณ์ ตอ้ งมีอาจารย์ อาจารย์หรือเพอื่ น หรือเพ่อื นช้ีแนะ หรือเพื่อนช้แี นะ ชีแ้ นะ เกณฑ์การประเมินใบงาน คะแนนทไ่ี ด้ (คะแนนเตม็ 8 คะแนน) ระดบั คุณภาพ 7-8 ดีเยีย่ ม 5-6 ดี 3-4 ผ่าน 1-2 ไม่ผ่าน


78 แบบประเมนิ ใบงาน รายการประเมิน คะแนนรวม รายชอื่ อธิบายลักษณะของช้ันหน้าตดั ดนิ และ ระบุปัจจัยที่ทาใหด้ ินมลี ักษณะและ นกั เรียน กระบวนการเกดิ ดิน สมบตั แิ ตกต่างกัน 4321 4321 ลงชอื่ ......................................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวพรศริ ิ พานาเรียง) .........../............./............


79 เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ คาช้ีแจง ให้ผู้ประเมินใหร้ ะดบั คะแนนตามเกณฑ์ขา้ งล่างนต้ี ามความเปน็ จริงในชอ่ งประเมนิ ผล ตวั ช้ีวัดการประเมินผล 1. ทักษะการคดิ วิเคราะห์ เกณฑก์ ารประเมิน รายการประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดเี ยยี่ ม (4) ดี (3) ผ่าน (2) ไมผ่ ่าน (1) การจาแนก แยกแยะขอ้ มลู แยกแยะปัญหาเกยี่ วกบั แยกแยะเกี่ยวกบั ดินทง้ั ไมส่ ามารถแยกแยะ แยกแยะขอ้ มลู ปญั หาเกีย่ วกบั ดิน ดนิ ทัง้ สาเหตุ และ สาเหตุ และผลกระทบ เกีย่ วกับดินทั้งสาเหตุ ท้งั สาเหตุ และ ผลกระทบไดถ้ กู ต้องแต่ ไดบ้ างส่วนไมค่ รบ และผลกระทบได้ ผลกระทบได้ ไมค่ รบถว้ น ครบถ้วนถกู ต้อง การเปรียบเทยี บ แยกข้อเทจ็ จริงจาก แยกข้อเทจ็ จริงจาก แยกขอ้ ความปะปนกนั ไม่สามารถแยก เพ่ือจัดระบบ ขอ้ มลู ปัญหา ขอ้ มลู ปญั หาเก่ยี วกับดนิ ระหว่างข้อเทจ็ จรงิ จาก ขอ้ เท็จจรงิ จากขอ้ มูล ขอ้ มูล เก่ียวกบั ดนิ และ และข้อคดิ เหน็ ไดแ้ ต่ไม่ ขอ้ มลู ปญั หาเกี่ยวกับ ปัญหาเก่ยี วกับดนิ ข้อคดิ เห็นไดช้ ัดเจน ครบ ดินกับข้อคดิ เห็น และข้อคิดเหน็ ออก ถูกตอ้ ง จากกันได้ วธิ กี ารแก้ปญั หา เสนอวิธกี าร แนว เสนอวธิ ีการ แนว เสนอวธิ กี าร แนว ไม่สามารถเสนอแนะ ทางการป้องกันและ ทางการปอ้ งกนั และ ทางการป้องกนั และ วธิ ีการแนวทางการ แกไ้ ขปญั หาของดนิ แก้ไขปญั หาของดิน ได้ แกไ้ ขปญั หาของดิน ป้องกันและแก้ไข ได้ครอบคลมุ และ ครอบคลมุ ได้ แต่ไม่ครอบคลมุ ปัญหาของดินได้ เหมาะสม เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการคิดวิเคราะห์ คะแนนท่ีได้ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน) ระดับคณุ ภาพ 10-12 ดเี ยีย่ ม 7-9 ดี 4-6 ผา่ น 1-3 ไม่ผ่าน


80 แบบประเมินทกั ษะการคิดวิเคราะห์ รายการประเมนิ คะแนนรวม การเปรยี บเทียบเพอื่ การจาแนกแยกแยะขอ้ มูล วิธกี ารแก้ปญั หา รายชือ่ จัดระบบข้อมลู นักเรียน ลงชอ่ื ......................................................ผู้ประเมนิ (นางสาวพรศริ ิ พานาเรยี ง) .........../............./............


81 เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง ให้ผู้ประเมินสังเกตพฤตกิ รรมดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียนแต่ละคน และเขียนเคร่ืองหมายลงในชอ่ ง พฤติกรรมในการประเมนิ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน รายการประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน ดีเยี่ยม (4) ดี (3) ผา่ น (2) ไม่ผ่าน (1) มวี ินยั ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัติตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ไมป่ ฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ตรงต่อเวลาใน กฎเกณฑ์ ตรงต่อ กฎเกณฑ์ ตรงต่อเวลาใน กฎเกณฑ์ ครูเปน็ ผู้ การปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ ง เวลาในการปฏบิ ตั ิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ช้ีแนะในการปฏบิ ตั ิ ๆ และรบั ผดิ ชอบในการ กจิ กรรมตา่ ง ๆ แต่ ๆ แต่ตอ้ งมกี ารเตอื นเป็น กจิ กรรม ทางานได้ดว้ ยตนเอง ตอ้ งมีการเตอื นเปน็ สว่ นใหญ่ บางคร้ัง ใฝ่เรยี นรู้ เขา้ เรยี นตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ตัง้ ใจ เข้าเรียนไม่ตรงเวลา เรียน เอาใจใส่ และมี ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ เรียน เอาใจใส่ และมี ครตู อ้ งเปน็ ผู้ชี้แนะใน ความเพยี รพยายามใน และมคี วามเพยี ร ความเพียรพยายามใน การเรยี น การเรียนทุกครง้ั พยายามในการ การเรยี นบางครง้ั เรียนบ่อยครั้ง มุง่ มั่นในการทางาน ต้ังใจและรบั ผดิ ชอบใน ตง้ั ใจและ ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบใน ครูตอ้ งเป็นผชู้ แ้ี นะใน การปฏบิ ัตหิ น้าท่ีทไี่ ดร้ บั รับผดิ ชอบในการ การปฏิบัตหิ นา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั การปฏบิ ัตหิ น้าที่ท่ี มอบหมายให้สาเร็จ มี ปฏบิ ัติหน้าที่ทไี่ ด้รบั มอบหมายให้สาเรจ็ ไดร้ ับมอบหมาย การปรับปรงุ และ มอบหมายให้สาเร็จ พัฒนาการทางานให้ดขี ้นึ มกี ารปรบั ปรุงการ ทางานใหด้ ขี ึ้น เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์โดยรวม 3 ด้าน คะแนนท่ไี ด้ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน) ระดับคุณภาพรวม 10-12 ดีเยีย่ ม 7-9 ดี 4-6 ผ่าน 1-3 ไมผ่ ่าน


82 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์โดยรวม 3 ด้าน รายชอื่ นักเรยี น รายการประเมนิ คะแนนรวม มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มน่ั การทางาน ลงช่อื ......................................................ผู้ประเมิน (นางสาวพรศิริ พานาเรยี ง) .........../............./............


83 แบบบันทกึ หลังการสอน ดา้ นความรู้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ด้านทกั ษะและกระบวนการ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ผลการประเมนิ บรรยากาศในการจดั การเรยี นรใู้ นภาพรวม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความคดิ เหน็ ของครูตอ่ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ...................................................... (นางสาวพรศริ ิ พานาเรยี ง) .........../............./............


84 บันทกึ หลังสอน 1. ผลการสอน  สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ มีจุดประสงค์ K P A  มกี ารบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทจุ ริต / หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง  สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนอ่ื งจาก .......................................................................... 2. ผลการเรยี นของนักเรยี น  จานวนนักเรียนทผี่ า่ นการประเมิน .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................  จานวนนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ................................. 3. ปัญหาและอุปสรรค  กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา  มีนกั เรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา  มีนกั เรียนทไี่ ม่สนใจเรยี น 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข  ควรนาแผนไปปรบั ปรงุ เรือ่ ง ......................................................................................................  .......................................................................................................................................................  แนวทางแก้ไขนักเรียนทไ่ี มผ่ า่ นการประเมนิ /ไม่สนใจเรยี น ........................................................  .......................................................................................................................................................  ไมม่ ีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ........................................... ผู้บันทึก (นางสาวพรศริ ิ พานาเรียง) ครูผสู้ อน ________________________________________________________________________________ บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ฉบบั น้ี ได้รบั การพิจารณาจากหวั หนา้ กลมุ่ สาระการ เรียนรู้และฝ่ายวิชาการ แลว้ ลงชื่อ ........................................... ลงช่อื .................................................. (นางสาวนจิ ธรี า คงห้วยรอบ) ( นางสาวต้องใจ กรตุ ประพนั ธ)์ุ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รองผูอ้ านวยการฝ่ายบริหารงานวิชาการ ลงช่อื ........................................................... (ดร.กหุ ลาบ หงษ์ทอง) ผอู้ านวยการโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวทิ ยา 5


85 ใบงานที่ 1 เรอื่ งชั้นดิน และช้ันหน้าตัดดนิ คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. กระบวนการเกดิ ดนิ เปน็ อยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. กระบวนการเกิดดินตอ้ งอาศัยตัวนาพาและปัจจยั ใดบา้ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ช้ันหนา้ ดินมีลกั ษณะอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4. ชั้นดนิ แตล่ ะชั้นในพืน้ ทหี่ นึง่ ๆ มลี กั ษณะและสมบัติแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. ชั้นหน้าตดั ดินในแต่ละพ้นื ที่ มลี ักษณะและสมบัติแตกตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 6. ชัน้ หน้าตัดดินทม่ี กี ารพฒั นาอย่างสมบูรณ์จะแบง่ ออกเปน็ กีช่ ั้น ได้แกอ่ ะไรบา้ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 7. ปจั จัยใดบา้ ง ท่ีทาให้ดินมีลกั ษณะและสมบตั แิ ตกต่างกัน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................


86 ใบงานท่ี 2 เรื่องปญั หาเกยี่ วกับช้ันดิน คาชี้แจง : ให้นักเรยี นสถานการณ์ต่อไปนี้แลว้ ตอบคาถาม ครนู าดินตวั อย่างจากแหลง่ ต่าง ๆ ภายในโรงเรยี นมาใหน้ กั เรียนได้ศึกษา โดยดนิ ตรงบรเิ วณพืน้ ท่แี ถว ต้นสนมีพืชเจรญิ เตบิ โตอยนู่ ้อย และดนิ บริเวณสวนเกษตรหลังโรงเรยี นมีพืชทเ่ี จรญิ เตบิ โตไดด้ ี ดินบริเวณสนาม บอล 1. เหตใุ ดพชื จึงเจรญิ เตบิ โตได้น้อยในดินบริเวณต้นสน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2.เหตุใดพชื จึงเจรญิ เติบโตได้ดีในดินบริเวณสวนเกษตร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3.ดินช้ัน O ของทั้งสองพ้นื ทีแ่ ตกตา่ งกันอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4.มีปจั จัยใดบ้างทีท่ าให้ดนิ ทัง้ สองพน้ื ทีแ่ ตกต่างกนั ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................


87 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 14 เรือ่ ง ดิน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 4 รหัสวชิ า ว22102 เวลาเรยี น 3 คาบ ครผู สู้ อน นางสาวพรศิริ พานาเรยี ง ************************************************************************************************** 9. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณพี บิ ัติภยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมทง้ั ผล ตอ่ ส่งิ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม ตัวชว้ี ัด ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวัดสมบัติบางประการของดนิ โดยใชเ้ ครือ่ งมือทเ่ี หมาะสมและนาเสนอ แนวทางการใชป้ ระโยชนด์ ินจากข้อมูลสมบตั ขิ องดิน 10. สาระสาคัญ สมบัติบางประการของดิน เช่น เน้ือดิน ความชนื้ ดิน คา่ ความเปน็ กรดเบส ธาตุอาหารในดนิ สามารถ นาไปใชใ้ นการตัดสินใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ ทดี่ ินโดยอาจนาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร หรอื อื่น ๆ ซึ่งดนิ ทีไ่ มเ่ หมาะสมต่อการทาการเกษตร เช่น ดนิ จดื ดนิ เปร้ียว ดินเคม็ และดนิ ดาน อาจเกิดจาก สภาพดนิ ตามธรรมชาติหรือการใชป้ ระโยชน์จะตอ้ ง ปรับปรงุ ใหม้ สี ภาพเหมาะสมเพอื่ นาไปใชป้ ระโยชน์ 11. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. คานวณหาค่าความชื้นในดนิ และค่ากรด-เบสในดินได้ถูกต้อง 3.2 ด้านทกั ษะ (P) 1. ตรวจวัดสมบัติบางประการของดนิ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม 2. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3.ทักษะการทดลอง 3.3ด้านเจตคต/ิ คุณลกั ษณะ/ คา่ นิยม (A) 1. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของดิน


88 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน  5) อยู่อย่างพอเพียง  6) ความสามารถในการส่ือสาร  6) มงุ่ มั่นในการทางาน  7) ความสามารถในการคิด  7) รกั ความเป็นไทย  8) ความสามารถในการแกป้ ญั หา  8) มจี ิตสาธารณะ  9) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ  10)ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 12. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์  2) รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2) ซื่อสัตย์สจุ ริต  3) มีวินยั  4) ใฝ่เรยี นรู้ 13. การบรู ณาการ  วิถีพทุ ธ  หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  หลักสตู รภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น  กลมุ่ สาระฯอน่ื ......................................  STEM Education 14. ชน้ิ งาน / ภาระงาน 1) ใบงานท่ี 1 เร่อื งการตรวจวัดสมบตั ิของดนิ 2) ใบงานท่ี 2 เรอื่ งปญั หาเก่ียวกับดนิ 15. กิจกรรมการเรยี นการสอน (PBL) - ข้นั กระต้นุ ความสนใจ 1. ครูนาตวั อย่าง ดนิ รว่ น ดนิ ทราย และดินเหนียวมาให้นกั เรยี นไดศ้ ึกษา แลว้ ใหน้ กั เรยี นบอกวา่ ดนิ ชนดิ ใดเหมาะกับการปลกู พชื มากทส่ี ุด (นกั เรยี นตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง) 2. ครถู ามนกั เรียนวา่ หากนักเรยี นตอ้ งการทจ่ี ะใช้ประโยชนด์ ินพน้ื ท่ีนงึ แลว้ นกั เรยี นจะมีวิธกี าร อยา่ งไร ใช้ในการตรวจสอบว่าดินมคี ุณสมบัตดิ ีเพียงพอทจี่ ะนาใชป้ ระโยชน์ได้ (ใช้เครอื่ งมอื ที่เหมาะสม ตรวจวัดสมบตั ิบางประการของดิน)


89 3. ครพู านกั เรียนไปเรยี นรกู้ ารใชเ้ ครอ่ื งมือท่เี หมาะสม ตรวจวัดสมบัติบางประการของดนิ - ข้นั นาเสนอสถานการณป์ ัญหา 4. ครูนาเสนอสถานการณป์ ญั หาเก่ยี วกับดนิ (ใบงานท่ี 2 ) ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม เพ่อื กระตุ้นให้ นกั เรียนได้ศึกษาถงึ ปญั หาและสาเหตุของการเกดิ ปญั หา รวมท้ังหาแนวทางการแก้ปญั หา - ข้นั ระบแุ ละวิเคราะหป์ ญั หา 5. นกั เรยี นในกลุ่มระดมความคิดช่วยกันวเิ คราะหป์ ัญหา สาเหตุ แนวทางปอ้ งกัน และแกไ้ ขปญั หา จากสถานการณป์ ญั หาที่ครูนาเสนอ โดยอาศยั ความร้เู ดมิ ที่ผู้เรยี นมี - ข้ันค้นควา้ รวบรวมขอ้ มลู เพอ่ื หาแนวทางแก้ปญั หา 6. ศกึ ษาขั้นตอนการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ตรวจวดั สมบัติบางประการของดิน จาก ใบงานท่ี 1 จากน้นั บันทกึ ผลการทากิจกรรมลงในใบงานที่ 1 เพ่ือใหท้ ราบถึงปญั หาของดิน และสามารถแกไ้ ขปัญหาของดนิ ท่พี บได้อย่างถกู ต้อง 7. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ดาเนนิ การศกึ ษาค้นคว้าหาข้อมูลสมบัติบางประการของดิน เชน่ เน้ือดิน ความช้นื ดิน ค่าความเป็นกรดเบส ธาตุอาหารในดิน วธิ ีการปรบั ปรงุ ดินให้มสี ภาพเหมาะสมเพื่อนาไปใช้ ประโยชน์จากแหล่งเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร ตารา อินเทอร์เน็ต - ขนั้ อภิปรายสรปุ ร่วมกนั และเสนอวิธีการแกป้ ญั หา 8. นกั เรยี นแต่ละคนสงั เคราะหค์ วามร้ทู ีไ่ ด้จากการศกึ ษา และค้นควา้ โดยมกี ารนาเสนอกันภายในกลุม่ เพ่อื หาข้อสรุป ทบทวนและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ครคู อยกระต้นุ ใหผ้ ูเ้ รียนมีการแลกเปลย่ี นความคิดเห็นและ เกิดความคิดรวบยอด 9. สมาชกิ ในกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เลือกนาความรู้ใหม่ท่ีได้กับความร้เู ดิมที่มอี ยู่มาเชอื่ มโยงกนั เพือ่ ใหไ้ ดแ้ นวทางหรือวิธีการในการแกไ้ ขปญั หา 10. ระบุแนวทางหรอื วิธกี ารแกไ้ ขปัญหาทไี่ ด้ อภิปรายในแต่ละแนวทางในการแกไ้ ขปญั หาที่ระบุไว้ โดย มกี ารให้เหตุผลสนบั สนนุ หรือโต้แยง้ เพอื่ ประเมนิ แนวทางทีเ่ ป็นไปได้ในการนามาใชแ้ ก้ไขปญั หานน้ั โดยเปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนแตล่ ะคนไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ว่ามีความเปน็ ไปไดม้ ากน้อยเพียงใดเหมาะสมหรอื ไม่ โดยอาศยั แนวคดิ และเหตุผลมาสนบั สนนุ หรอื โต้แยง้ 11. ผู้เรยี นร่วมกันประเมินวา่ วิธกี ารแก้ปัญหาใดมคี วามเป็นไปได้ มีความคมุ้ ค่า มีความเหมาะสม ซึ่ง นักเรยี นจะตอ้ งใชเ้ หตผุ ลในการพิจารณาอย่างรอบคอบ -ขั้นประเมนิ ผลการเรียนรู้ 12. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอขอ้ สรุปในการแก้ไขปัญหา โดยนักเรียนทุกกลมุ่ รว่ มกันประเมนิ สามารถที่จะตัง้ คาถามแสดงความคดิ เหน็ โดยครผู ู้สอนประเมินผลการเรียนรูจ้ ากการดาเนนิ งานของผ้เู รียนตามสภาพจริง


90 13. ครูและนักเรียนสรปุ ความรู้ทีไ่ ด้ในการทากจิ กรรม 14. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง ดิน จานวน 10 ขอ้ 9.การวดั และประเมินผล รายการวดั วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน แบบประเมินช้ินงาน/ คะแนนรวม 7 คะแนน ตรวจวดั สมบตั ิบาง ประเมินการทากิจกรรม ภาระงาน ข้ึนไป ผา่ นเกณฑ์ ประการของดิน โดยใช้ ในใบงานท่ี 1 เคร่ืองมือได้อยา่ ง ถกู ตอ้ งและเหมาะสม -ทักษะการคดิ ประเมินการทากจิ กรรม แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ ระดับดขี ึน้ ไปผ่านเกณฑ์ ภาระงาน วิเคราะห์ ในใบงานท่ี 1 -ทักษะการทดลอง ตระหนกั ถึง ตรวจใบงานท่ี 2 เรื่อง แบบประเมนิ คะแนนรวม 7 คะแนน คณุ ลกั ษณะอนั พึง ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ ความสาคญั ของดิน ปญั หาเก่ียวกับดนิ ประสงค์ 10.ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เล่ม 2 ของ สสวท. 2. ใบงานที่ 1 เรอ่ื งการตรวจวัดสมบัติของดนิ 3. ใบงานที่ 2 เรือ่ งปญั หาเกยี่ วกบั ดนิ


91 แบบประเมนิ การทดลอง คาช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินการปฏบิ ัติการของนกั เรียนตามรายการที่กาหนด แล้วขีด ✓ ลงใน ช่องที่ตรง กับระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 ใชเ้ ครื่องมือที่เหมาะสมในการ ปฏิบัตกิ ารทดลอง 2 ความคล่องแคล่วในขณะทาการ ทดลอง 3 การบนั ทกึ และสรุปผลการทดลอง 4 การนาเสนอผลการทดลอง รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน ................./................../..................


92 เกณฑ์การประเมินการทดลอง ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 1.ใช้เครื่องมือท่ี ทาการทดลองตาม ทาการทดลองตาม ต้องให้ความ ช่วยเหลือ ต้องใหค้ วาม เหมาะสมในการ ขนั้ ตอน และใช้ อุปกรณ์ ข้ันตอน และใช้ บา้ งในการทาการทดลอง ชว่ ยเหลืออย่างมาก ปฏบิ ตั ิการทดลอง ได้อยา่ ง ถูกต้อง โดยไม่ อปุ กรณไ์ ด้อย่าง และ การใชอ้ ปุ กรณ์ ในการทาการ ตอ้ ง ได้รบั คาแนะนา ถูกตอ้ ง แต่อาจตอ้ ง ทดลอง และการใช้ 2.ความคลอ่ งแคลว่ ไดร้ ับคาแนะนาบา้ ง ขาดความ คลอ่ งแคล่ว อุปกรณ์ ในขณะทาการทดลอง มีความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคล่องแคล่ว ในขณะ ทาการทดลอง ขาดความ ในขณะทาการทดลอง ในขณะทาการทดลอง ตอ้ ง ได้รบั คาแนะนา คล่องแคลว่ ในขณะ 3.การบนั ทึกและ โดยไมต่ ้องไดร้ ับ แต่ต้องไดร้ ับ ตลอดเวลาจึงจทาการ ทาการทดลองต้อง สรปุ ผลการทดลอง คาแนะนา และทาการ คาแนะนา บา้ ง และ ทดลองเสรจ็ ได้รบั คาแนะนา ทดลองเสร็จทันเวลา ทาการทดลองเสรจ็ ตลอดเวลา และทา 4.การนาเสนอผลการ ทนั เวลา บนั ทกึ และสรปุ ผล การ การทดลองเสรจ็ ไม่ ทดลอง บนั ทกึ และสรุปผล การ ทดลองได้ แต่ต้องได้รับ ทันเวลา ทดลองได้ถกู ต้องรัดกุม บนั ทกึ และสรปุ ผล คาแนะนาตลอดเวลา โดยไมต่ ้องไดร้ ับ การทดลองไดถ้ ูกต้อง บันทกึ และสรปุ ผล คาแนะนา แตต่ อ้ งไดร้ บั นาเสนอผลการทด ลองได้ การทดลองได้ แต่ นาเสนอผลการทดลอง คาแนะนาบา้ ง เสยี งดงั ฟงั ชัดเนอื้ หา ต้องใหค้ วาม ได้เสยี งดังฟงั ชดั เนื้อหา นาเสนอผลการทดลอง ถูกต้องบาง ส่วนและยงั ไม่ ช่วยเหลอื อยา่ งมาก ถกู ต้องชัดเจน เป็น ไดเ้ สยี งดงั ฟังชดั เป็นขน้ั ตอน นาเสนอผลการ ข้นั ตอน เน้อื หา ถูกต้อง แตย่ ัง ทดลองได้ เสียงเบา ไมเ่ ปน็ ข้ันตอน ไม่มน่ั ใจ เนื้อหา บางสว่ น และยงั ไม่ ถูกตอ้ งบางส่วน และ เป็นขัน้ ตอน ยงั ไม่เปน็ ขนั้ ตอน เกณฑก์ ารประเมินการทดลอง ระดบั คณุ ภาพ คะแนนท่ีได้ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน) ดีเยี่ยม ดี 10-12 ผ่าน 7-9 4-6 ไมผ่ ่าน 1-3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook