บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 198 วิชาศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม ใบงาน คำสงั่ ใหผ้ ้เู รียนศึกษาความรู้ ในบทเรียนออนไลน์ที่ 1 โดยสแกนคิวอาร์โคด้ ที่กำหนดให้ต่อไปนี้ 1. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทเรียนออนไลน์ท่ี 1 เรื่อง ความสำคัญทัศนศลิ ป์ไทย และคุณคา่ ของดนตรไี ทย จำนวน 10 ข้อ 2. ให้ผ้เู รยี นศึกษาความร้จู ากสอ่ื บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 Google site เร่อื ง ความสำคัญทศั นศิลปไ์ ทย และคณุ ค่าของดนตรีไทย 3. ใหผ้ เู้ รยี นบันทกึ ความร้ทู ี่ได้ลงในสมดุ บันทกึ การเรียนรู้ 4. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง ความสำคัญทศั นศิลปไ์ ทยและคุณค่าของดนตรไี ทย จำนวน 10 ขอ้ https://1th.me/uEN0J บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 Google site วิชาศลิ ปศกึ ษา ทช 11003
199 วิชาศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 2 ใบงาน คำส่ัง 1. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นบทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 เรอื่ ง ทศั นศลิ ปพ์ น้ื บ้าน จำนวน 10 ข้อ 2. ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาใบความรบู้ ทเรียนออนไลน์ที่ 2 เรื่องทศั นศิลป์ไทย 3. ใหผ้ เู้ รียนทำกจิ กรรมท่ี 2 เรือ่ งทัศนศิลปพ์ ้นื บ้าน จำนวน 5 ขอ้ 4. ใหผ้ ้เู รียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง ทศั นศลิ ป์พ้ืนบา้ น จำนวน 10 ขอ้ บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 1 Google site วชิ าศิลปศกึ ษา ทช 11003
200 วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 ใบความรู้ ทศั นศิลป์ พืน้ บา้ น ศิลปะพืน้ บา้ น ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีอารยประเทศหนึ่งในโลก บรรพบุรุษของเราได้สร้างสม วิทยาการ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภูมิปัญญาด้านต่างๆ นอกจากเป็นมรดกตกทอดไปสู่ลูกหลาน ด้วยแล้ว ยังเป็นตัวชี้วัดถึงความรู้ ความสามารถ ความเจริญรุ่งเรืองของชนชาติของเรา ตลอดมา ศิลปะเป็นสิ่งที่ตกทอดจากของบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกหลาน เป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่าคู่ควรแก่การเรียนรู้ สืบทอด อนุรักษใ์ ห้คงอย่ตู ลอดไป ดงั น้ี ศิลปะพืน้ บา้ น ลกั ษณะของศิลปะพืน้ บา้ น ศิลปะพ้ืนบ้าน (Folk) หมายถึง ศิลปะที่มีความงามความเรียบง่ายจากฝีมือของชาวบา้ นทั่วๆ ไป สร้างสรรค์ผลงานอันมีคุณค่าทางด้านความงาม และประโยชน์ใช้สอยตามสภาพของท้องถ่ิน ท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้กล่าวว่า หมายถึง “ศิลปะชาวบ้าน” เช่น การร้องรำทำเพลง การวาดเขียน และอื่นๆ ซึ่งมีกำเนิดมาจากชีวิตจิตใจของประชาชน ศิลปะชาวบ้านหรือศิลปะพื้นบ้าน ส่วนใหญ่จะเกิดควบคู่กับการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน ภายใต้อิทธิพลของชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชือ่ และความจำเป็นของสภาพท้องถ่นิ เพ่ือใช้สอยในชีวิตประจำวนั โดยทั่วไปแล้ว “ศิลปะพื้นบ้าน” จะเรียกรวมกับ “หัตถกรรม” เป็น “ศิลปหัตถกรรม” ซึ่ง ศิลปหัตถกรรมนั้นเกิดจากฝีมือของคนในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง การประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นไปตาม เทคนิคและรูปแบบที่ถ่ายทอดกันในครอบครัวโดยตรงจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย โดยจุดประสงค์หลัก คือทำขึ้นเพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวัน งานศิลปหัตถกรรมได้ถ่ายเทและมีอิทธิพลแก่กันและกัน เช่นเดียวกับคติพื้นบ้านแล้วปรับปรุงให้เข้ากับสภาพของท้องถิ่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ตนเอง ศลิ ปะพน้ื บา้ น จะประกอบดว้ ยส่ิงตอ่ ไปนี้ 1. เป็นผลงานของช่างนิรนาม ทำขึ้นเพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชน ความงามท่ี ปรากฏมิได้เกิดจากความประสงค์ส่วนตัวของช่างเพื่อแสดงออกทางศิลปะ แต่มาจากความพยายาม ของชา่ งท่ีฝกึ ฝนและผลิตงานนน้ั สืบตอ่ มาหลายชั่วอายุคน 2. เป็นผลงานที่มีรูปแบบที่เรียบง่าย มีความงามอันเกิดจากวัสดุจากธรรมชาติ และผ่านการใช้สอย มาจากอดตี จนถงึ ปจั จุบัน 3. ผลิตข้ึนเปน็ จำนวนมาก ขายกันราคาปกติ ความงดงามเกดิ จากการฝกึ ฝน และการทำซ้ำๆ กัน 4. มีความเป็นธรรมชาติ ปรากฏอยู่มากกว่าความสละสลวยเนื่องจากศิลปินพื้นบ้านสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะเพ่ือชาวบา้ น ซ่งึ มคี วามงดงามอยา่ งธรรมชาติ 5. แสดงลกั ษณะพิเศษเฉพาะถ่ิน หรอื เอกลกั ษณข์ องถิ่นกำเนดิ
201 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 6. เป็นผลงานทที่ ำข้ึนด้วยมือเปน็ สว่ นมาก ประเภทของศลิ ปะพื้นบ้าน งานศิลปะพื้นบ้านของไทยเรา มปี รากฏตามทอ้ งถ่ินตา่ งๆ อยู่มากมายหลายประเภท สามารถ แบง่ ออกเป็นประเภทตา่ งๆ ไดด้ งั นี้ 1. เครื่องเคลือบดินเผา (Ceramics) คือ ภาชนะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ทำจากดินเผา และ ดินที่เผาแล้วนำไปเผาเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบ ซึ่งทำกันอยู่ทั่วไปเกือบทุกภาคของประเทศไทย จะแสดงลักษณะของท้องถิ่นและความนิยมของแต่ละที่ด้วย เช่น โอ่งมังกร ที่จังหวัดราชบุรี เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาดา่ นเกวียน ทีจ่ ังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น 2. การทอผ้า และการเย็บปักถักร้อย (Textile and Embroidery) การทอผ้าตามท้องถิ่น ต่างๆ เช่น ผ้าทอเกาะยอ ของจังหวัดสงขลา ผ้าทอพุมเรียง ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี การทอธง หรือ ตุงของภาคเหนือและภาคอสี าน เป็นตน้ 3. การแกะสลัก (Carving) คือ การแกะสลักเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยวัสดุของ ท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น การแกะสลักไม้เพื่อทำ เครื่องเรือน ตกแต่งอาคารของภาคเหนอื การแกะสลักหนัง ตะลงุ ของภาคใต้ เปน็ ต้น
202 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 4. งานเครื่องโลหะ (Metal works) คือ งานที่ทำขึ้นด้วยโลหะ เป็นพวกเครื่องใช้ในชีวิต ประจำวัน เช่น การทำเครื่องเงิน เครื่องทอง ที่จังหวัดเชียงใหม่ การทำบาตรพระที่บ้านบาตร กรุงเทพมหานคร การทำมดี อรัญญกิ ที่จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เป็นต้น เคร่ืองทอง เครื่องเงิน 5. งานเครื่องจักสาน (Basketry mat) คืองานที่ทำด้วยวิธี จักสาน และถักเป็นภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ ใช้วัสดุจำพวกไม้ไผ่ หวาย กก เชือก ปอ ป่าน ใบลาน เป็นต้น งานจักสานมีทำกันทั่ว ทุกภาคของ ประเทศไทย เพอื่ ใช้เป็นเครื่องใช้ในการดำรงชพี ของทกุ ชมุ ชน 6. การก่อสร้าง (Architectures) คือ งานสถาปัตยกรรมของพื้นบ้าน ได้แก่ อาคารบ้านเรือน และอาคารทางพุทธศาสนา ซึ่งจะสร้างเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นต่างๆ เช่น เรือนเครื่องสับ เป็นเรือนไทย ภาคกลาง เรือนแบบกาแลของภาคเหนือ เรือนแบบเสาลอยของภาคใต้ เรือนแบบปั้นลมของภาคอีสาน และการก่อสรา้ งอาคารสำคัญทางพระพุทธศาสนา เชน่ โบสถ์ วิหาร เปน็ ต้น
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 203 วิชาศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม 7. การเขียนภาพระบายสีและวาดเส้น (Painting and Drawing) งานเขียนภาพระบายสี ภาพลายเส้นส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ได้แก่ ภาพพระบฏ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพในสมุดข่อย ตลอดจนการเขียนลวดลายลงบนภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ ที่แสดงออกเป็น ลักษณะเฉพาะแต่ละท้องถิ่น เช่น ภาพจิตกรรมฝาผนัง โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญของภาคกลาง การตกแตง่ เรือกอและของภาคใต้ การตกแตง่ เกวยี นหรือระแทะของภาคเหนือ เป็นต้น 8. งานประติมากรรม (Sculpture) คือ การปั้นรูปเคารพต่างๆ เช่น การปั้นพระพุทธรูป และ การปนั้ ลวดลายตา่ งๆ เพอ่ื ประดับอาคารทางพระพุทธศาสนา 9. งานเครื่องกระดาษบางชนิด (Paper mache) คืองานที่ประกอบขึ้นจากกระดาษที่ได้มา จากวัสดุพื้นบ้าน เช่น การทำกระดาษสาของภาคเหนือ งานกระดาษที่ใช้ประดับตกแต่งในเทศกาล ต่างๆ ได้แก่ การตัดกระดาษพันธงร้ัว พวงมาลัย ดอกไม้ต่างๆ การทำหัวโขน และหน้ากากต่างๆ เป็น ตน้
204 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 แบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื งทัศนศิลปพ์ ้ืนบา้ น ชอื่ -นามสกุล...............................................................................รหัสนกั ศึกษา.................................... คำสง่ั ให้นกั ศกึ ษาเลอื กคำตอบที่ถูกที่สดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ (5 คะแนน) 1.การวาดภาพทม่ี กี ารตัดเส้น หรอื วาดเส้น 4. เหตผุ ลขอ้ ใดทสี่ นบั สนนุ คำกล่าวทวี่ ่า นิยมใชก้ ับงานในข้อใด “ผลงานทศั นศลิ ปส์ ามารถสะท้อนวัฒนธรรม” ก. ภาพทิวทัศนเ์ สมอื นจรงิ ไดถ้ ูกต้องทีส่ ดุ ข. ภาพแสดงเหตุการณส์ ำคัญ ก. ผลงานทศั นศิลป์สรา้ งขนึ้ มาจาก ค. ภาพประกอบนทิ าน หรือละคร ความคิดของมนษุ ย์ ง. ภาพทีใ่ ช้เทคนิคต่าง ๆ ผสมกนั ข. มนุษยส์ รา้ งผลงานทศั นศลิ ปเ์ ลียนแบบ 2. ถา้ จะวาดภาพตัวละครให้เป็นทน่ี ิยมของคน ผลงานทัศนศลิ ป์ทม่ี ีอยู่ ท่วั ไปต้องคำนึงถงึ อะไร ค. ศิลปนิ พฒั นาเทคนคิ วิธีการในการ ก. ภาพสอ่ื ให้เห็นถงึ รปู แบบที่เรียบงา่ ย สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ใหส้ อดคลอ้ งกับ มีความเหมือนจรงิ ตามธรรมชาติ วัฒนธรรม ข. ภาพทเ่ี รยี บง่าย สอ่ื สารอารมณ์ ง. วัฒนธรรมเป็นแรงผลักดนั ทำให้เกิดการ ความรสู้ ึก สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ขณะเดยี วกัน ไดด้ ี มบี ุคลกิ ทจี่ ำงา่ ย ผลงานทัศนศลิ ปก์ ถ็ า่ ยทอดเรอ่ื งราวของ ค. ภาพทม่ี เี สน้ คมชดั ใช้สีท่ีเกนิ จริงจาก วัฒนธรรม ธรรมชาติ 5. เมอื่ เราสามารถบรรยายถงึ ความงามท่ีเห็น ง. ภาพลายเส้นเรยี บงา่ ย สอ่ื วิถชี วี ิตใน ว่าเป็นดวงอาทิตย์ใกลล้ บั ขอบฟ้ายามสนธยา สังคม ได้ดี มีดวงโตสีสม้ เหลืองสวยงามแสดงวา่ เรารบั รู้ 3. การออกแบบโปสเตอรท์ ี่ดีและมี ทางการเห็นทเ่ี กดิ จากสิ่งใด ประสิทธภิ าพในการสอ่ื สารควรออกแบบใหม้ ี ก. เกดิ จากความจำท่ดี ี คุณสมบตั ติ ามข้อใด ข. เกดิ จากความประทบั ใจกบั ส่งิ ท่เี หน็ ก. สะดดุ ตาอ่านงา่ ยแตแ่ รกเห็น ค. เกดิ จากความสามารถในการรับรู้ ข. มีความกลมกลนื ไปกับสภาพแวดล้อม ธรรมชาติ ค. ใช้ข้อความยาว ให้ได้รายละเอียดมาก ง. เกิดจากจนิ ตนาการอนั กว้างไกล ง. มแี ต่ภาพ ใช้ตวั อักษรให้น้อยท่สี ดุ
205 วชิ าศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 6. การออกแบบสญั ลักษณ์ ผอู้ อกแบบควร 9. ลักษณะเดน่ ของงานสอื่ ผสมสอดคลอ้ งกบั คำนึงถงึ สิ่งใดมากทีส่ ดุ ขอ้ ใด ก. ความสวยงามของสัญลกั ษณ์ ก. สรา้ งขนึ้ โดยศิลปินทีม่ ีชอื่ เสียง ข. ความโดดเด่นและน่าสนใจ ข. นำวัสดุราคาถูกมาสร้างงานศลิ ป์ ค. เหมาะสมกบั ยคุ สมยั ค. มกี ารใช้เทคโนโลยสี มัยใหมใ่ นการสรา้ ง ง. การสอ่ื ความหมาย งาน 7. งานศิลปะใดทเ่ี หมาะแกก่ ารนำไปใช้ตกแตง่ ง. ใชเ้ ทคนิคและวสั ดุหลากหลายชนดิ มา สวนสาธารณะน้อยท่ีสดุ ผสมผสานกนั ก. สถาปัตยกรรม 10. ข้อใดเป็นตวั อยา่ งของการนำผลงาน ข. เทคนิคผสม ทัศนศิลปม์ าสรา้ งสรรค์ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ น ค. จิตรกรรม ชวี ติ ประจำวัน ง. ประติมากรรม ก. แต่งกายชุดนกั เรียนมาโรงเรียน 8. นารสี ร้างผลงานโดยนำความขดั แย้งมาใช้ ข. เขียนหนังสอื ดว้ ยลายมอื ท่อี ่านงา่ ย ในภาพ นกั เรียนคดิ วา่ ผลงานของนารจี ะเป็น ค. นำภาพวาดมาตกแต่งบา้ นเรอื น อย่างไร ง. ใช้แสงไฟหลากสีในงานรนื่ เริง ก. ผลงานมีความน่าสนใจ ข. ผลงานจะเกิดความแปลกใหม่ ค. ช่วยให้องคป์ ระกอบของผลงานมีความ กลมกลนื ง. ผลงานสามารถกระตุน้ อารมณค์ วามรู้สกึ ของผ้ชู มไดน้ ้อย
บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 206 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียวิชนาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม เรอ่ื งทัศนศิลป์พื้นบา้ น 1. ค 2. ข 3. ก 4. ง 5. ข 6. ง 7. ค 8. ก 9. ง 10. ค
บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 207 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม กิจกรรม/แบบทดสอบท่ี 1 เรอื่ ง ทัศนศลิ ป์พืน้ บ้าน ช่อื -นามสกุล...............................................................................รหสั นกั ศกึ ษา.................................... คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ทัศนศิลป์ คอื ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 2. งานทศั นศิลปแ์ ยกได้ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... 3. องคป์ ระกอบของทัศนศลิ ป์ประกอบด้วยอะไรบ้าง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................ ................ ................................................................................................................... ............................................. 4. เสน้ หมายถงึ ............................................................................................................................. ................................... .............................................................................................................................................................. .. ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 5. รปู รา่ งและรูปทรง หมายถงึ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... .................................................................
บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 208 วิชาศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม เฉลยกจิ กรรม/แบบทดสอบท่ี 1 เร่อื ง ทัศนศิลป์พ้นื บา้ น คำชแ้ี จง จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ตอ้ ง จำนวน 5 ขอ้ (5 คะแนน) 1. ทศั นศลิ ป์ คอื ตอบ ศิลปะทร่ี บั รู้ ไดด้ ้วยการมอง เช่น รปู ภาพทิวทัศน์ รูปภาพคนเหมือนกัน ภาพลอ้ เลียน 2. งานทศั นศลิ ปแ์ ยกไดก้ ่ีประเภท อะไรบา้ ง ตอบ แยกได้ 4 ประเภท คอื 1 จิตรกรรม 2 ประติมากรรม 3 สถาปัตยกรรม 4 ภาพพมิ พ์ 3. องค์ประกอบของทัศนศลิ ปป์ ระกอบดว้ ย 6 องค์ประกอบ ตอบ 1 จดุ 2 เส้น 3 สี 4 พ้ืนผวิ 5 รูปร่าง 6 รูปทรง 4. เสน้ หมายถงึ ตอบ จดุ หลาย ๆ จุดเรียงติดตอ่ กัน เป็นพื้นฐานของโครงสรา้ งทกุ ส่งิ ในจักรวาล เสน้ แสดงความรู้สึกได้ ดว้ ยตวั ของมนั เอง และดว้ ยการสรา้ งเปน็ รปู ทรงต่าง ๆ ขน้ึ เสน้ ทเี่ ปน็ พืน้ ฐานไดแ้ ก่ เสน้ ตรง และเสน้ โค้ง สามารถนํามาสร้างใหเ้ กิดเป็นเส้นใหม่ 5. รปู รา่ งและรปู ทรง หมายถึง ตอบ รปู ร่าง หมายถงึ การนําเส้นมาประกอบกนั ให้เกิดความกวา้ งและความยาวมลี กั ษณะ 2 มติ ิ รปู ทรง หมายถึง การนาํ เส้นมาประกอบกันให้เกิดความกวา้ ง ความยาว ความหนาหรือความลกึ มีลักษณะ 3 มติ ิ มมี วลและปรมิ าตรทช่ี ดั เจน
209 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรียนออนไลน์ที่ 2 แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่องทัศนศิลปพ์ ื้นบา้ น ชื่อ-นามสกลุ ...............................................................................รหัสนักศึกษา.................................... คำส่ัง ใหน้ ักศกึ ษาเลอื กคำตอบท่ถี กู ทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ (5 คะแนน) 1. การวาดภาพทม่ี ีการตดั เส้น หรอื วาดเส้น 4. เหตผุ ลข้อใดท่ีสนับสนุนคำกลา่ วทว่ี า่ นยิ มใชก้ ับงานในขอ้ ใด “ผลงานทัศนศลิ ป์สามารถสะทอ้ นวฒั นธรรม” ก. ภาพทวิ ทศั น์เสมอื นจรงิ ได้ถกู ตอ้ งทสี่ ดุ ข. ภาพแสดงเหตุการณ์สำคัญ ก. ผลงานทศั นศิลปส์ ร้างข้ึนมาจาก ค. ภาพประกอบนทิ าน หรอื ละคร ความคดิ ของมนษุ ย์ ง. ภาพทใี่ ช้เทคนคิ ต่าง ๆ ผสมกัน ข. มนุษย์สรา้ งผลงานทศั นศลิ ปเ์ ลียนแบบ 2. ถา้ จะวาดภาพตัวละครใหเ้ ป็นทีน่ ิยมของคน ผลงานทัศนศิลป์ทีม่ อี ยู่ ทัว่ ไปตอ้ งคำนึงถึงอะไร ค. ศลิ ปินพัฒนาเทคนิค วธิ กี ารในการ ก. ภาพสอื่ ให้เหน็ ถงึ รูปแบบทเ่ี รียบง่าย สรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ให้สอดคล้องกบั มคี วามเหมือนจริงตามธรรมชาติ วฒั นธรรม ข. ภาพท่เี รยี บงา่ ย ส่ือสารอารมณ์ความรสู้ ึก ง. วฒั นธรรมเปน็ แรงผลกั ดนั ทำให้เกิดการ ไดด้ ี มบี ุคลิกทจี่ ำงา่ ย สรา้ งสรรค์ผลงานทศั นศิลป์ ขณะเดยี วกัน ค. ภาพทม่ี ีเส้นคมชดั ใช้สที เ่ี กนิ จรงิ จาก ผลงานทัศนศิลปก์ ถ็ ่ายทอดเรื่องราวของ ธรรมชาติ วัฒนธรรม ง. ภาพลายเสน้ เรยี บงา่ ย สอื่ วิถชี วี ิตในสังคม 5. เมือ่ เราสามารถบรรยายถงึ ความงามที่เหน็ ได้ดี ว่าเปน็ ดวงอาทติ ย์ใกลล้ ับขอบฟา้ ยามสนธยา 3. การออกแบบโปสเตอร์ท่ีดแี ละมี มีดวงโตสีสม้ เหลอื งสวยงามแสดงว่าเรารบั รู้ ประสิทธภิ าพในการสื่อสารควรออกแบบให้มี ทางการเหน็ ที่เกิดจากสงิ่ ใด คณุ สมบตั ิตามขอ้ ใด ก. เกิดจากความจำที่ดี ก. สะดุดตาอ่านงา่ ยแต่แรกเหน็ ข. เกดิ จากความประทบั ใจกบั สิ่งทีเ่ ห็น ข. มีความกลมกลนื ไปกับสภาพแวดลอ้ ม ค. เกิดจากความสามารถในการรับรู้ ค. ใช้ข้อความยาว ให้ไดร้ ายละเอียดมาก ธรรมชาติ ง. มแี ต่ภาพ ใช้ตัวอกั ษรใหน้ ้อยทีส่ ุด ง. เกิดจากจนิ ตนาการอนั กว้างไกล
210 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 6. การออกแบบสญั ลักษณ์ ผอู้ อกแบบควร 9. ลกั ษณะเดน่ ของงานส่อื ผสมสอดคล้องกบั คำนึงถงึ สิ่งใดมากทีส่ ดุ ข้อใด ก. ความสวยงามของสัญลกั ษณ์ ก. สร้างขน้ึ โดยศิลปนิ ทมี่ ชี ่ือเสียง ข. ความโดดเด่นและน่าสนใจ ข. นำวัสดรุ าคาถกู มาสรา้ งงานศิลป์ ค. เหมาะสมกบั ยคุ สมยั ค. มกี ารใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหมใ่ นการสร้าง ง. การสอ่ื ความหมาย งาน 7. งานศิลปะใดทเ่ี หมาะแกก่ ารนำไปใช้ตกแตง่ ง. ใชเ้ ทคนิคและวสั ดหุ ลากหลายชนดิ มา สวนสาธารณะน้อยท่ีสดุ ผสมผสานกนั ก. สถาปัตยกรรม 10. ข้อใดเป็นตวั อยา่ งของการนำผลงาน ข. เทคนิคผสม ทศั นศิลปม์ าสรา้ งสรรค์ให้เกดิ ประโยชน์ใน ค. จิตรกรรม ชีวติ ประจำวัน ง. ประติมากรรม ก. แต่งกายชดุ นักเรียนมาโรงเรียน 8. นารสี ร้างผลงานโดยนำความขดั แย้งมาใช้ ข. เขียนหนงั สอื ดว้ ยลายมอื ทีอ่ ่านง่าย ในภาพ นกั เรียนคดิ วา่ ผลงานของนารจี ะเป็น ค. นำภาพวาดมาตกแต่งบา้ นเรือน อย่างไร ง. ใช้แสงไฟหลากสีในงานรนื่ เริง ก. ผลงานมีความน่าสนใจ ข. ผลงานจะเกิดความแปลกใหม่ ค. ชว่ ยให้องคป์ ระกอบของผลงานมีความ กลมกลนื ง. ผลงานสามารถกระตุน้ อารมณค์ วามรู้สกึ ของผ้ชู มไดน้ ้อย
บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 211 เฉลย แบบทดสอบหลงั เรยี วนิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม เรอ่ื งทัศนศิลป์พื้นบา้ น 1. ค 2. ข 3. ก 4. ง 5. ข 6. ง 7. ค 8. ก 9. ง 10. ค
212 บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม ใบงาน เร่ืองดนตรพี ้ืนบา้ น คำส่งั 1. ใหผ้ ้เู รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 3 เร่ือง ดนตรีพ้ืนบา้ น จำนวน 10 ข้อ 2. ใหผ้ ้เู รยี นศกึ ษาใบความร้บู ทเรียนออนไลน์ท่ี 3 เร่ือง ดนตรีพ้นื บา้ น 3. ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ ง ดนตรีพ้นื บ้าน จำนวน 5 ขอ้ 4. ให้ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง ดนตรีพื้นบา้ น จำนวน 10 ข้อ สแกนคิวอารโ์ คด้ บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 3 เรอ่ื ง ดนตรีไทย
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 213 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื งดนตรพี นื้ บ้าน ช่ือ-นามสกลุ ...............................................................................รหัสนักศกึ ษา.................................... คำสั่ง ให้นกั ศกึ ษาเลอื กคำตอบท่ถี กู ทส่ี ุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ (5 คะแนน) 1. ดนตรพี นื้ บา้ นมลี ักษณะอย่างไร 6. อรรถรสในการรบั รู้ดนตรมี กี ป่ี ระเภท ก. ใช้เคร่อื งดนตรสี ากล ก. 1 ประเภท ข. ใช้เคร่ืองดนตรพี น้ื บ้าน ข. 2 ประเภท ค. ชาวตา่ งชาตเิ ปน็ คนร้องนำ ค. 4 ประเภท ง. เนอ้ื เร่ืองเปน็ ภาษาอังกฤษ ง. 5 ประเภท 2. ขอ้ ใด ไม่เป็น การอนรุ ักษด์ นตรีพน้ื เมือง 7. ขอ้ ใดคือคณุ คา่ ของเพลงพ้ืนบ้าน ก. ฟังเพลงดนตรีพนื้ เมอื ง ก. ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดมกี ำลังกายแข็งแรง ข. ศกึ ษาประวัตดิ นตรที อ้ งถนิ่ ข. ใหค้ วามเพลดิ เพลินหรือฟังเพ่ือผอ่ น ค. ชมการแสดงของวงดนตรีพ้ืนเมอื ง คลายอารมณ์ ง. นำเครอื่ งดนตรพี ้นื เมอื งตา่ งๆไปขาย ค. ช่วยเพ่มิ รสชาติ สีสนั และอรรถรสในการ 3. ระนาดเอกเปน็ เครือ่ งดนตรที ี่ใชใ้ นวงใด ฟังดนตรี ก. วงปพี่ าทย์ ง. ใหค้ วามสนกุ สนานก่อใหเ้ กดิ ความรกั ข. วงโปงลาง และความสามคั คกี ัน ค. วงซอพนื้ เมอื ง 8. เพลงกลอ่ มเด็กของภาคใตเ้ รยี กวา่ อะไร ง. วงกาหลอ ก. เพลงรอ่ งเรือ 4. วงโปงลางเป็นดนตรพี นื้ บา้ นทางภาคใด ข. เพลงอือ่ ก. ภาคใต้ ค. เพลงกลอ่ ม ข. ภาคเหนอื ง. เพลงสาเดอ ค. ภาคอสี าน 9. รรี ขี า้ วสาร ในเพลงพนื้ บ้าน มคี วามหมาย ง. ภาคกลาง ว่าอย่างไร 5. การแสดงพน้ื เมอื งในแต่ละภาคตา่ งกัน ก. เป็นการสอนให้มกี ริ ิยามารยาท ไม่คด เพราะเหตุใด ข้าวใหห้ กเลอะเทอะ ก. วฒั นธรรมตา่ งกัน ข. เป็นการบอกให้รวู้ า่ ขา้ วเปลอื ก 2 ข. อุปนสิ ัยใจคอตา่ งกัน ทะนาน จะไดข้ ้าวสาร 1 ทะนาน ค. ภาษาพูดต่างกัน ค. บอกใหร้ ถู้ งึ สภาพสังคม และวัฒนธรรม ง. การแตง่ กายตา่ งกัน ว่าแตก่ อ่ นเราไมม่ กี ระดาษอยา่ งปัจจุบัน ง. เปน็ การสอนใหร้ จู้ ักแยกแยะความ แตกต่างระหว่างขา้ วสารกับส่ิงอ่ืนๆทป่ี ะปนมา เช่น กรวด ทราย
214 บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม 10. นกั รอ้ งทน่ี ำเพลงพ้นื บา้ นมาขับรอ้ งให้ เหมาะสมและทนั สมยั ในปัจจุบัน คอื ผ้ใู ด ก. ยอดรกั สลักใจ ข. สันติ ดวงสว่าง ค. เอกชยั ศรวี ิชยั ง. ย่งิ ยง ยอดบัวงาม
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 215 วชิ าศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื งดนตรีพนื้ บ้าน 1. ข 2. ง 3. ก 4. ค 5. ก 6. ง 7. ค 8. ก 9. ง 10. ค
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 216 วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม ใบความรู้ เรอื่ ง ลักษณะและประเภทของเคร่ืองดนตรีพน้ื บา้ นประเภทตา่ ง ๆ ดนตรีพ้นื บา้ นของไทย สามารถแบง่ ออกตามภูมิภาคตา่ ง ๆ ของไทยดังน้ี 1. ดนตรีพื้นบ้านภาคกลาง ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่า โดยเครื่องดีด ได้แก่ จะเข้และจ้องหน่อง เครื่องสี ได้แก่ ซอด้วงและซออู้ เครื่องตี ได้แก่ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดทอง ระนาดท้มุ เล็ก ฆอ้ ง โหมง่ ฉิ่ง ฉาบ และกรบั เครอื่ งเป่า ได้แก่ ขลุ่ยและป่ี ลักษณะเด่นของ ดนตรีพื้นบ้าน ภาคกลาง คือ วงปี่พาทย์ของภาคกลางจะมีการพัฒนาในลักษณะผสมผสานกับดนตรี หลวง โดยมีการ พัฒนาจากดนตรีปี่และกลองเป็นหลักมาเป็นระนาดและฆ้องวงพร้อมทั้งเพิ่มเครื่อง ดนตรี มากขึ้นจนเป็น วงดนตรีที่มีขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีการขับร้องท่ีคล้ายคลึงกับปี่พาทย์ของหลวง ซ่งึ เป็นผลมาจากการถ่าย โอนโยงทางวฒั นธรรม ระหวา่ งวัฒนธรรมราษฎร์และหลวง 2. ดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ ในยุคแรกจะเป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด ได้แก่ ท่อนไม้กลวงที่ ใช้ประกอบพิธกี รรมในเรื่องภูตผีปีศาจและเจา้ ป่า เจ้าเขา จากนั้นได้มีการพัฒนาโดยนําหนังสัตว์มาขงึ ท่ี ปากท่อนไม้กลวงไว้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่ากลอง ต่อมามีการพัฒนารูปแบบของกลองให้ แตกต่างออกไป เช่น กลองที่ขึงปิดด้วยหนังสัตว์เพียงหน้าเดียว ได้แก่ กลองรํามะนา กลองยาว กลองแอว และกลองที่ขึงด้วยหนังสัตว์ทั้งสองหน้า ได้แก่ กลองมองเซิง กลองสองหน้า และตะโพน มอญ นอกจากนี้ยังมีเครื่องตีที่ทําด้วยโลหะ เช่น ฆ้อง ฉิ่ง ฉาบ ส่วนเครื่องดนตรีประเภทเป่า ได้แก่ ขลุ่ย ย่ะเอ้ ปี่แน ปี่มอญ ปี่สุรไน และเครื่องสี ได้แก่ สะล้อลูก 5 สะล้อลูก 4 และสะล้อ 3 สาย และ เครื่องดีด ได้แก่ พิณเปี๊ยะ และซึง 3 ขนาด คือซึงน้อย ซึงกลาง และซึงใหญ่ สําหรับลักษณะเด่นของ ดนตรีพื้นบ้าน ภาคเหนือ คือมีการนําเครื่องดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่า มาผสมวงกันให้มีความ สมบูรณ์และไพเราะ โดยเฉพาะในด้านสําเนียงและทํานองที่พลิ้วไหวตามบรรยากาศ ความนุ่มนวล อ่อนละมุนของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการผสมทางวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ และยังเชื่อมโยงกับ วัฒนธรรมในราชสํานักทํา ให้เกิดการถ่ายโยง และการบรรเลงดนตรีได้ทั้งในแบบราชสํานักของ คุ้มและวงั และแบบพืน้ บา้ นมเี อกลักษณ์เฉพาะถิ่น 3. ดนตรพี ้ืนบ้านภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (อสี าน) มีววิ ฒั นาการมายาวนานนับพันปี เร่ิมจาก ในระยะต้น มีการใช้วัสดุท้องถิ่นมาทําเลียนเสียงจากธรรมชาติป่าเขา เสียงลมพัด ใบไม้ไหว เสียงน้ำตก เสียงฝนตก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสียงสั้นไม่ก้อง ในระยะต่อมาได้ใช้วัสดุพื้นเมืองจาก ธรรมชาติมาเป่า เช่น ใบไม้ ผิวไม้ ต้นหญ้าปล้องไม้ไผ่ ทําให้เสียงมีความพลิ้วยาวขึ้น จนในระยะที่ 3 ได้นําหนังสัตว์ และเครื่องหนังมาใช้เป็นวัสดุเครื่องดนตรีที่มีความไพเราะและรูปร่างสวยงามขึ้น เช่น กรับ เกราะ ระนาด ฆ้อง กลอง โปง โหวด ปี่ พิณ โปงลาง แคน เป็นต้น โดยนํามาผสมผสานเป็น วงดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน ที่มีลักษณะเฉพาะตามพื้นที่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอีสานเหนือ และอีสานกลาง จะนิยมดนตรีหมอลําที่มีการเป่า แคนและดีดพิณประสานเสียงร่วมกับการขับร้อง ส่วนกลุ่มอีสานใต้
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 217 วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม จะนิยมดนตรีซึ่งเป็นดนตรีบรรเลงที่ ไพเราะของชาวอีสานใต้ที่มีเชื้อสายเขมร นอกจากนี้ยังมีวงพิณ พาทย์และวงมโหรีด้วย ชาวบ้านแตล่ ะกลมุ่ กจ็ ะบรรเลงดนตรีเหลา่ นีก้ นั เพื่อ ความสนกุ สนานครืน้ เครง ใช้ประกอบการละเล่น การแสดงและ พิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ลําผีฟ้าที่ใช้แคนเป่าในการรักษาโรค และ งานศพแบบอีสานที่ใช้วงตุ้มโมงบรรเลง นับเป็นลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านอีสานที่แตกต่างจาก ภาคอน่ื ๆ 4. ดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ มีลักษณะเรียบง่ายมีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีจากวัสดุใกล้ตัวซึ่ง สันนิษฐานว่าดนตรีพื้นบ้านดั้งเดิมของภาคใต้น่าจะมาจากพวกเงาะซาไกที่ใช้ไม้ไผ่ลําขนาดต่าง ๆ กัน ตัดออกมาเป็นท่อนสั้นบ้างยาวบ้าง แล้วตัดปากของกระบอกไม้ไผ่ให้ตรงหรือเฉียงพร้อมกับหุ้มด้วย ใบไมห้ รอื กาบของตน้ พืช ใช้ตีประกอบการขบั ร้องและเต้นรํา จากนน้ั ก็ได้มกี ารพัฒนาเป็นเครื่องดนตรี แตร กรับ กลองชนิดต่าง ๆ เช่น รํามะนา ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมลายู กลองชาตรีหรือกลองตุ๊กท่ี ใช้ บรรเลงประกอบการแสดงมโนรา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียตลอดจนเครื่องเป่า เครื่องสี รวมทั้งความ เจริญทางศิลปะการแสดงและดนตรีของเมืองนครศรีธรรมราช จนได้ชื่อว่าละครในสมัย กรุงธนบุรีนั้น ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากภาคกลาง นอกจากนี้ยังมีการบรรเลงดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ ประกอบการละเลน่ แสดงตา่ ง ๆ เช่น ดนตรโี นรา ดนตรหี นงั ตะลงุ ที่มีเครือ่ งดนตรีหลกั คือ กลองโหม่ง ฉิ่ง และเครื่องดนตรีประกอบผสมอื่น ๆ ดนตรีลิเกป่าที่ใช้เครื่องดนตรีรํามะนา โหม่ง ฉิ่ง กรับ ปี่ และ ดนตรีรองเง็งที่ได้รับ แบบอย่างมาจากการเต้นรําของชาวสเปนหรือโปรตุเกสมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีการบรรเลงดนตรีที่ ประกอบด้วย ไวโอลิน รํามะนา ฆ้อง หรือบางคณะก็เพิ่มกีต้าร์เข้าไปด้วย ซึ่งดนตรีรองเง็งนี้เป็นที่นิยม ในหมู่ชาวไทยมุสลิมตามจังหวัดชายแดน ไทย – มาเลเซีย ดังนั้น ลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านภาคใต้จะได้รับอิทธิพลมาจากดินแดนใกล้เคียงหลายเชื้อชาติ จนเกิด การผสมผสานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเน้นจังหวะและ ลีลาท่ีเร่งเรา้ หนักแนน่ และคึกคัก เป็นต้น
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 218 วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม กจิ กรรม/แบบทดสอบท่ี 2 เร่อื ง ดนตรพี นื้ บ้าน ช่ือ-นามสกุล...............................................................................รหสั นกั ศึกษา.................................... คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง จำนวน 5 ขอ้ (5 คะแนน) 1. ดนตรีพื้นเมอื งของภาคเหนือมลี ักษณะอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 2. ปจั จยั ใดบา้ งท่ีทำให้เกดิ ดนตรพี ืน้ เมือง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 3. บทเพลงพ้ืนบ้านของภาคใดทม่ี ภี าษาตา่ งประเทศปนอยู่ด้วย .................................................................................................................... ............................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 4. การแสดงดนตรพี น้ื บา้ นของภาคกลางส่วนใหญเ่ กิดจากปัจจัยใดบ้าง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ................................... 5. นักเรียนมีแนวทางในการอนรุ ักษ์ดนตรีพืน้ บา้ นใหค้ งอยู่อย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................. ..............
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 3 219 วิชาศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม เฉลยกจิ กรรม/แบบทดสอบที่ 2 เรือ่ ง ดนตรีพ้ืนบ้าน คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1.ดนตรีพ้ืนเมืองของภาคเหนือมลี กั ษณะอยา่ งไร ตอบ ดนตรีพื้นเมืองเหนือเป็นดนตรีที่มีความเรียบง่าย ทำนองเพลงชวนฟัง เย็นสบาย เพลงแต่ละ เพลงมีความยาวไมม่ ากนกั นยิ มบรรเลงในงานเทศกาลพธิ กี รรมของชาวเหนือ 2.ปัจจัยใดบา้ งท่ที ำให้เกิดดนตรพี นื้ เมือง ตอบ ดนตรีพื้นเมือง สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยหลายปัจจัย เช่น ภูมิภาค ภูมิอากาศ การประกอบ สัมมาอาชพี วถิ ีชีวติ วัฒนธรรม ของคนในแต่ละภมู ภิ าค 3.บทเพลงพนื้ บ้านของภาคใดท่ีมภี าษาต่างประเทศปนอยดู่ ้วย ตอบ ภาคใต้ คือ ภาษายาวี 4.การแสดงดนตรีพนื้ บา้ นของภาคกลางสว่ นใหญ่เกิดจากปัจจัยใดบ้าง ตอบ การประกอบสมั มาอาชีพและวิถชี วี ติ ความเปน็ อยู่ 5.นักเรยี นมีแนวทางในการอนุรักษด์ นตรีพ้นื บ้านให้คงอยู่อยา่ งไร ตอบ ผตู้ อบสามารถตอบได้ตามแนวคิดของตนเองทั้งนีใ้ ห้อยู่ในการพิจารณาของครู เชน่ หนั มาฟัง เพลงพ้ืนบ้าน ศึกษาเพลงพืน้ บ้าน หดั เล่นเพลงพน้ื บา้ น สง่ เสริมใหม้ กี ารจัดการแสดงบ่อยๆ เป็นตน้
บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 3 220 วชิ าศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม กิจกรรม/แบบทดสอบท่ี 2 เรอ่ื ง ดนตรีพ้ืนบ้าน ชอื่ -นามสกลุ ...............................................................................รหัสนกั ศึกษา.................................... คำสง่ั ให้นักเรยี นแยกประเภทเครื่องดนตรีตอ่ ไปน้ี ประเภท ดดี สี ตี เปา่ 1. ซอดว้ ง ประเภท……………………………………… 2. จะเข้ ประเภท……………………………………… 3. กลอง ประเภท……………………………………… 4. ขลุ่ย ประเภท……………………………………… 5. ระนาด ประเภท……………………………………… 6. ฆอ้ ง ประเภท……………………………………… 7. ฉงิ่ ประเภท……………………………………… 8. กรบั ประเภท……………………………………… 9. ซงึ ประเภท……………………………………… 10.แคน ประเภท………………………………………
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 221 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม เฉลยกิจกรรม/แบบทดสอบท่ี 2 เรอ่ื ง ดนตรีพ้นื บ้าน 1. สี 2. ดดี 3. ตี 4. เป่า 5. ตี 6. ตี 7. ตี 8. ตี 9. ดดี 10. เป่า
222 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ งดนตรพี น้ื บ้าน ชอื่ -นามสกุล...............................................................................รหัสนกั ศกึ ษา.................................... คำสง่ั ให้นกั ศกึ ษาเลอื กคำตอบทีถ่ ูกทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 10 ข้อ (5 คะแนน) 1. ดนตรพี ื้นบา้ นมีลกั ษณะอย่างไร ข. 2 ประเภท ก. ใช้เครอ่ื งดนตรีสากล ค. 4 ประเภท ข. ใช้เครอื่ งดนตรพี นื้ บา้ น ง. 5 ประเภท ค. ชาวต่างชาตเิ ป็นคนร้องนำ 7. ขอ้ ใดคอื คณุ ค่าของเพลงพนื้ บา้ น ง. เนื้อเร่ืองเป็นภาษาอังกฤษ ก. ส่งเสรมิ ให้เกดิ มกี ำลังกายแข็งแรง 2. ขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ การอนรุ กั ษด์ นตรีพื้นเมือง ข. ใหค้ วามเพลิดเพลนิ หรือฟงั เพอ่ื ผอ่ น ก. ฟังเพลงดนตรพี ื้นเมอื ง คลายอารมณ์ ข. ศกึ ษาประวตั ดิ นตรีท้องถ่ิน ค. ช่วยเพมิ่ รสชาติ สีสันและอรรถรสในการ ค. ชมการแสดงของวงดนตรีพน้ื เมอื ง ฟังดนตรี ง. นำเครอ่ื งดนตรีพน้ื เมอื งต่างๆไปขาย ง. ให้ความสนกุ สนานก่อใหเ้ กดิ ความรกั 3. ระนาดเอกเปน็ เครื่องดนตรีทีใ่ ชใ้ นวงใด และความสามคั คกี นั ก. วงปี่พาทย์ 8. เพลงกล่อมเด็กของภาคใต้เรียกว่าอะไร ข. วงโปงลาง ก. เพลงรอ่ งเรอื ค. วงซอพืน้ เมือง ข. เพลงอ่ือ ง. วงกาหลอ ค. เพลงกลอ่ ม 4. วงโปงลางเป็นดนตรพี ้นื บ้านทางภาคใด ง. เพลงสาเดอ ก. ภาคใต้ 9. รรี ขี ้าวสาร ในเพลงพนื้ บ้าน มคี วามหมาย ข. ภาคเหนือ วา่ อย่างไร ค. ภาคอสี าน ก. เป็นการสอนให้มีกิริยามารยาท ไม่คด ง. ภาคกลาง ขา้ วใหห้ กเลอะเทอะ 5. การแสดงพื้นเมอื งในแตล่ ะภาคตา่ งกัน ข. เป็นการบอกให้ร้วู ่าขา้ วเปลือก 2 เพราะเหตุใด ทะนาน จะไดข้ า้ วสาร 1 ทะนาน ก. วฒั นธรรมตา่ งกนั ค. บอกใหร้ ู้ถึงสภาพสังคม และวัฒนธรรม ข. อุปนสิ ัยใจคอตา่ งกนั ว่าแต่ก่อนเราไม่มีกระดาษอยา่ งปัจจบุ ัน ค. ภาษาพูดต่างกนั ง. เป็นการสอนให้รู้จกั แยกแยะความ ง. การแตง่ กายต่างกัน แตกตา่ งระหว่างขา้ วสารกบั สิ่งอนื่ ๆทป่ี ะปนมา เช่น กรวด ทราย 6. อรรถรสในการรับรูด้ นตรีมีกี่ประเภท ก. 1 ประเภท
223 บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม 10. นักร้องทน่ี ำเพลงพืน้ บ้านมาขับรอ้ งให้ เหมาะสมและทนั สมยั ในปจั จุบนั คือ ผ้ใู ด ก. ยอดรัก สลกั ใจ ข. สนั ติ ดวงสวา่ ง ค. เอกชัย ศรวี ชิ ัย ง. ย่งิ ยง ยอดบวั งาม
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 224 วิชาศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม เฉลย แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ดนตรีพื้นบ้าน 1. ข 2. ง 3. ก 4. ค 5. ก 6. ง 7. ค 8. ก 9. ง 10. ค
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 225 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม ใบงาน คำส่งั 1. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทเรียนออนไลน์ท่ี 4 เรอ่ื ง นาฏศลิ ป์พน้ื บา้ น จำนวน 10 ข้อ 2. ใหผ้ ูเ้ รียนศกึ ษาใบความรบู้ ทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 เรื่องนาฏศิลปพ์ น้ื บ้าน 3. ให้ผเู้ รยี นทำกจิ กรรมที่ 4 เรือ่ งนาฏศลิ ปพ์ น้ื บ้าน จำนวน 3 ข้อ 4. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง นาฏศลิ ปพ์ นื้ บา้ น จำนวน 5 ข้อ สแกนควิ อาร์โค้ด บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 เร่อื ง นาฏศลิ ป์พื้นบ้าน
226 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลน์ท่ี 4 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง นาฏศิลป์พืน้ บ้าน ชอ่ื -นามสกุล...............................................................................รหัสนักศกึ ษา.................................... คำสัง่ ให้นักศกึ ษาเลือกคำตอบทถี่ ูกท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ (5 คะแนน) 1. นาฏศิลป์ไทยมที ี่มาและเกดิ ข้ึนจากสาเหตุ 5. การแสดงทีเ่ ปน็ เอกลกั ษณข์ องทอ้ งถ่ินด้าน ตามแนวคิดอะไร การแต่งกาย คนตรปี ระกอบการแสดง และ ก. เกดิ จากการสรา้ งสรรค์ของมนษุ ย์ ท่าทางรา่ ยรำ คือการแสดงนาฏศิลปป์ ระเภทใด ข. เกิดจากธรรมชาติกำหนดข้ึนมาเอง ก. โขน ค. เกดิ จากเหตกุ ารณ์ท่สี ำคัญท่ตี อ้ งการ ข. ละคร จารึกไว้ ค. ระบำรำฟ้อน ง. เกิดจากความร้สู กึ กระทบกระเทือนทาง ง. การแสดงพื้นเมือง อารมณ์ 6. ขอ้ ใดคอื การแสดงนาฏศิลปพ์ ื้นเมืองของ 2. นาฎศิลป์ คอื อะไร ภาคเหนอื ก. การร่ายรำที่มนุษยเ์ ลียนแบบมาจากสตั ว์ ก. ฟอ้ นเจงิ ข. การร่ายรำที่เกดิ จากการคิดขน้ึ เองของ ข. ฟ้อนรกั มนุษย์ ค. ฟอ้ นภไู ท ค. การรา่ ยรำของมนษุ ย์ทีเ่ กิดจากการ ง. ฟอ้ นแพน เลียนแบบธรรมชาติ 7. การแสดงโขนหน้าไฟ นิยมแสดงในโอกาสใด ง. การร่ายรำทมี่ นษุ ยไ์ ด้ปรุงแต่งจากลีลา ก. งานมงคล ตามธรรมชาตใิ หส้ วยสดงดงาม ข. งานอวมงคล 3. การแสดงนาฎศิลป์ชน้ั สงู ของไทยท่มี ี ค. งานพระราชพธิ ี เอกลักษณค์ ืออะไร ง. งานเทศกาลตา่ ง ๆ ก. ละคร 8. การแสดงนาฏศลิ ปท์ ี่เป็นชดุ เป็นตอนไม่เป็น ข. โขน เรอ่ื งราว คือการแสดงนาฏศิลป์ประเภทใด ค. ระบำ ก. โขน ง. เพลงพื้นบ้าน ข. ละคร 4. ศิลปะการร่ายรำทีเ่ ลน่ เปน็ เร่อื งราวมี ค. ระบำรำฟ้อน พฒั นาการมาจากการเล่านิทาน คอื ศลิ ปะชนิดใด ง. การแสดงพ้ืนเมือง ก. โขน ข. ละคร ค. รำตดั ง. หนังตะลุง
227 บทเรยี นออนไลน์ท่ี 4 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม 9. “เถิดเทงิ หรือ เทงิ่ บอง” เรียกตามเสยี ง กลองทไี่ ด้ยิน ใช้ประกอบการรำพ้นื เมืองของ ไทยภาคใด ก. ภาคใต้ ข. ภาคเหนอื ค. ภาคกลาง ง. ภาคอสี าน 10. บ้องไฟ คอื การละเลน่ พ้นื เมืองของภาคใด ก. ภาคใต้ ข. ภาคเหนือ ค. ภาคกลาง ง. ภาคอีสาน
บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 228 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื งนาฎศลิ ปพ์ นื้ บา้ น 1. ง 2. ง 3. ข 4. ข 5. ง 6. ก 7. ข 8. ค 9. ค 10. ง
229 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 4 ใบความรู้ เร่อื ง นาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์พื้นบ้าน นาฏศิลป์ไทย เป็นศิลปะการแสดงประกอบดนตรีของไทย เช่น ฟ้อน รำ ระบำ โขน แต่ละ ท้องถิ่นจะมีชื่อเรียกและมีลีลาท่าการแสดงที่แตกต่างกันไป สาเหตุหลักมาจากภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ของแต่ละท้องถนิ่ ความเช่ือ ศาสนา ภาษา นสิ ยั ใจคอของผู้คน ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องแต่ละภาค การแสดงนาฏศิลป์ไทย มีท่ารำที่อ่อนช้อยและเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามลักษณะ ประจำถิ่นเป็นศิลปะการรำ และการละเล่น หรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า “ฟ้อน” การฟ้อนเป็น วัฒนธรรมของชาวล้านนา และกลุ่มชนเผ่าต่าง ๆ เช่น ชาวไต ชาวลื้อ ชาวยอง ชาวเขิน เป็นต้น ลักษณะของการฟ้อน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบดั้งเดิม และแบบที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ แต่ยังคงมีการ รักษาเอกลักษณ์ทางการแสดงไว้คือ มีลีลาท่ารำที่แช่มช้าอ่อนช้อยมีการแต่งกายตามวัฒนธรรม ท้องถิ่นที่สวยงามประกอบกับการบรรเลงและขับร้องด้วยวงดนตรีพื้นบ้าน เช่น วงสะล้อ ซอ ซึง วงปเู จ่ วงกลองแอว เปน็ ตน้ โอกาสท่แี สดงมักเลน่ กนั ในงานประเพณีหรือตอ้ นรบั แขกบ้านแขกเมือง ประเภทของนาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์ คือ การร่ายรำที่มนุษย์ได้ปรุงแต่งจากลีลาตามธรรมชาติให้สวยสดงดงาม โดยมี ดนตรีเป็นองคป์ ระกอบในการร่ายรำ นาฏศิลปข์ องไทย แบ่งออกตามลกั ษณะของรูปแบบการแสดงเป็นประเภทใหญ่ ๆ 4 ประเภท คือ 1. โขน เป็นการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยที่มีเอกลักษณ์ คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหัวที่ เรียกว่า หัวโขน และใช้ลีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพากย์ การเจรจาของผู้พากย์และ ตามทำนองเพลงหน้าพาทย์ที่บรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ เรื่องที่นิยมนำมาแสดง คือ พระราชนิพนธ์ บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ แต่งการเลียนแบบเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ที่เป็นเครื่องต้น เรียกว่า การแตง่ กายแบบ “ยนื่ เคร่อื ง” มีจารีตขนั้ ตอนการแสดงที่เปน็ แบบแผน นยิ มจดั แสดงเฉพาะพิธีสำคัญ ไดแ้ ก่ งานพระราชพิธี ตา่ ง ๆ 2. ละคร เป็นศิลปะการร่ายรำที่เล่นเป็นเรื่องราว มีพัฒนาการมาจากการเล่านิทาน ละคร มีเอกลักษณ์ในการแสดงและการดำเนินเรื่องด้วยกระบวนลีลาท่ารำเข้าบทร้อง ทำนองเพลงและ เพลงหน้าพาทย์ที่บรรเลงด้วยวงปี่พาทย์มีแบบแผนการเล่นที่เป็นทั้งของชาวบ้านและของหลวงที่ เรียกว่า ละครโนราชาตรี ละครนอก ละครใน เรื่องที่นิยมนำมาแสดงคือ พระสุธน สังข์ทอง คาวี อิเหนา อุณรุท นอกจากนี้ยังมีละครที่ปรับปรุงขึ้นใหม่อีกหลายชนิด การแต่งกายของละครจะ เลยี นแบบเครือ่ งทรงของพระมหากษัตริย์ เรยี กว่า การแต่งกายแบบยืนเครอื่ งนิยมเลน่ ในงานพธิ ีสำคัญ และงานพระราชพธิ ีของพระมหากษตั ริย์ 3. รำและระบำ เป็นศิลปะแห่งการร่ายรำประกอบเพลงดนตรีและบทขับร้อง โดยไม่เล่นเป็น เรอื่ งราว ในท่ีนีห้ มายถงึ รำและระบำที่มลี กั ษณะเป็นการแสดงแบบมาตรฐาน 4. การแสดงพื้นเมือง เป็นศิลปะแห่งการร่ายรำที่มีทั้งรำ ระบำ หรือการละเล่นที่เป็น เอกลักษณ์ของกลุ่มชนตามวัฒนธรรมในแต่ละภมู ิภาค ซึ่งสามารถแบง่ ออกเป็นภมู ิภาคได้ 4 ภาค ดงั น้ี
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 4 230 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม 4.1 การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ เป็นศิลปะการรำและการละเล่น หรือที่นิยมเรียกกัน ทั่วไปว่า “ฟ้อน” การฟ้อนเป็นวัฒนธรรมของชาวล้านนา และกลุ่มชนเผ่าต่างๆ เช่น ชาวไต ชาวลื้อ ชาวยอง ชาวเขนิ เปน็ ต้น ลกั ษณะของการฟอ้ น แบ่งเปน็ 2 แบบ คอื แบบด้งั เดมิ และแบบท่ี ปรบั ปรงุ ขึ้นใหม่ แต่ยังคงมีการรักษาเอกลักษณ์ทางการแสดงไว้คือ มีลีลาท่ารำที่แช่มช้า อ่อนช้อยมีการ แต่งกายตามวฒั นธรรมท้องถิ่นท่ีสวยงามประกอบกับการบรรเลงและขบั ร้องด้วยวงดนตรีพ้ืนบ้าน เช่น วงสะล้อ ซอ ซึง วงปูเจ่ วงกลองแอว เป็นต้น โอกาสที่แสดงมักเล่นกันในงานประเพณีหรือต้อนรับ แขกบ้าน แขกเมือง ไดแ้ ก่ ฟ้อนเล็บ ฟอ้ นเทียน ฟ้อนครวั ทาน ฟอ้ นสาวไหมและฟ้อนเจิง 4.2 การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง เป็นศิลปะการร่ายรำและการละเล่นของชนชาวพื้นบ้าน ภาคกลาง ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม ศิลปะการแสดงจึงมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิต และ เพื่อความบันเทิงสนุกสนาน เป็นการพักผ่อนหย่อนใจจากการทำงาน หรือเมื่อเสร็จจากเทศการ ฤดูเก็บเกีย่ ว เช่น การเล่นเพลงเกีย่ วข้าว เต้นกำรำเคยี ว รำโทนหรือรำวง รำเถิดเทิง รำกลองยาว เป็น ต้น มกี ารแตง่ กายตามวัฒนธรรมของทอ้ งถนิ่ และใช้เคร่ืองดนตรีพน้ื บ้าน เชน่ กลองยาว กลองโทน ฉง่ิ ฉาบ กรบั และโหม่ง 4.3 การแสดงพ้ืนเมอื งภาคอีสาน เป็นศิลปะการรำและการเลน่ ของชาวพนื้ บ้าน ภาคอีสาน หรือภาคตะวนออกเฉยี งเหนือของไทย แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 กล่มุ วัฒนธรรมใหญ่ ๆ คอื กลุม่ อีสานเหนอื มวี ัฒนธรรมไทยลาวซ่ึงมักเรยี กการละเล่นว่า “เซง้ิ ฟอ้ น และหมอลำ” เชน่ เซ้ิงบ้ังไฟ เซง้ิ สวงิ ลำกลอนเก้ียว ลำเตย้ ซ่งึ ใช้เคร่ืองดนตรีพน้ื บ้านประกอบ ไดแ้ ก่ แคน พณิ ซอ กลอง ยาว อสี าน ฉงิ่ ฉาบ ฆ้อง และกรบั ภายหลงั เพม่ิ เตมิ โปงลางและโหวดเข้ามาด้วย ส่วนกลุม่ อสี านใต้ ได้รบั อทิ ธิพลไทย เขมร มีการละเลน่ ท่เี รยี กวา่ เรอื ม หรือ เร็อม เช่น เรือมลดู อันเร หรือรำกระทบสาก รำกระเน็บตงิ ต็อง หรอื ระบำตั๊กแตนตำข้าว รำอาไย หรอื รำตัด หรือเพลงอแี ซวแบบภาคกลาง วงดนตรี ท่ีใช้บรรเลง คอื วงมโหรอี สี านใต้ มีเครอ่ื งดนตรี คอื ซอดว้ ง ซอครัวเอก กลอง กนั ตรมึ พิณ ระนาด เอกไม้ ปสี่ ไล กลอง รำมะนาและเคร่ืองประกอบจังหวะ การแตง่ กาย ประกอบการแสดงเปน็ ไปตามวฒั นธรรมของพ้นื บ้าน ลักษณะท่ารำและท่วงทำนองดนตรใี นการแสดง คอ่ นขา้ งกระชบั รวดเรว็ และสนกุ สนาน 4.4 การแสดงพื้นเมืองภาคใต้ เป็นศิลปะการรำและการละเล่นของชาวพื้นบ้านภาคใต้อาจ แบ่งตามกลุ่มวัฒนธรรม 2 กลุ่มคือ วัฒนธรรมไทยพุทธ ได้แก่ การแสดง โนรา หนังตะลุง เพลงบอก เพลงนา และวัฒนธรรมไทยมุสลมิ ได้แก่ รองเง็ง ซำแปง มะโย่ง (การแสดงละคร) ลิเก ฮูลู (คล้ายลิเก ภาคกลาง) และซิละ มีเครื่องดนตรีประกอบที่สำคัญ เช่น กลองโนรา กลอง โพน กลองปืด โทน ทับ กรับพวง โหม่ง ปี่กาหลอ ปี่ไหน รำมะนา ไวโอลิน อัคคอร์เดียน ภายหลังได้มีระบำที่ปรับปรุงจาก กจิ กรรมในวถิ ีชวี ิต ศลิ ปะตา่ งๆ เช่น ระบำรอ่ นแร่ ระบำกรีดยาง ปาเต๊ะ เป็นต้น
บทเรียนออนไลน์ที่ 4 231 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม กจิ กรรม/แบบทดสอบท่ี 4 เร่อื ง นาฏศลิ ป์พ้ืนบา้ น ชื่อ-นามสกุล..............................................................รหสั นกั ศึกษา...................................................... คำชี้แจง จงตอบคำถามจากภาพตอ่ ไปนใี้ ห้ถกู ต้อง ขอ้ 1 ชื่อการแสดง.......................................................... ลกั ษณะการรำ...................................................... .............................................................................. การแสดงประจำภาค........................................... ข้อ 2 ชื่อการแสดง.......................................................... ลกั ษณะการรำ...................................................... .............................................................................. การแสดงประจำภาค........................................... ข้อ 3 ช่อื การแสดง.......................................................... ลกั ษณะการรำ...................................................... .............................................................................. การแสดงประจำภาค........................................... ข้อ 4 ชือ่ การแสดง.......................................................... ลักษณะการรำ...................................................... .............................................................................. การแสดงประจำภาค...........................................
232 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลน์ท่ี 4 แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง นาฏศิลปพ์ ้ืนบา้ น ช่อื -นามสกุล..............................................................รหสั นักศกึ ษา...................................................... คำสงั่ ให้นักศกึ ษาเลือกคำตอบที่ถกู ท่สี ดุ เพียงคำตอบเดียว จำนวน 10 ขอ้ (5 คะแนน) 1. นาฏศลิ ปไ์ ทยมที ม่ี าและเกดิ ข้ึนจากสาเหตุ 5. การแสดงทเี่ ป็นเอกลกั ษณข์ องท้องถน่ิ ตามแนวคิดอะไร ด้านการแต่งกาย ดนตรปี ระกอบการแสดง ก. เกดิ จากการสรา้ งสรรคข์ องมนุษย์ และทา่ ทางรา่ ยรำ คือการแสดงนาฏศลิ ป์ ข. เกดิ จากธรรมชาติกำหนดข้ึนมาเอง ประเภทใด ค. เกดิ จากเหตกุ ารณ์ทส่ี ำคัญที่ตอ้ งการ ก. โขน จารึกไว้ ข. ละคร ง. เกิดจากความร้สู ึกกระทบกระเทือนทาง ค. ระบำรำฟ้อน อารมณ์ ง. การแสดงพน้ื เมือง 2 . นาฎศิลป์ คือ อะไร 6. ขอ้ ใดคอื การแสดงนาฏศิลป์พ้ืนเมอื งของ ก. การร่ายรำท่ีมนุษยเ์ ลยี นแบบมาจากสัตว์ ภาคเหนอื ข. การร่ายรำทีเ่ กิดจากการคดิ ขนึ้ เองของ ก. ฟอ้ นเจงิ มนุษย์ ข. ฟอ้ นรกั ค. การรา่ ยรำของมนษุ ย์ที่เกดิ จากการ ค. ฟอ้ นภูไท เลยี นแบบธรรมชาติ ง. ฟ้อนแพน ง. การรา่ ยรำทม่ี นษุ ยไ์ ด้ปรงุ แตง่ จากลีลา 7. การแสดงโขนหนา้ ไฟ นยิ มแสดงใน ตามธรรมชาติใหส้ วยสดงดงาม โอกาสใด 3. การแสดงนาฎศลิ ปช์ ้นั สูงของไทยทมี่ ี ก. งานมงคล เอกลักษณค์ อื อะไร ข. งานอวมงคล ก. ละคร ค. งานพระราชพธิ ี ข. โขน ง. งานเทศกาลตา่ ง ๆ ค. ระบำ 8. การแสดงนาฏศลิ ปท์ ีเ่ ปน็ ชดุ เป็นตอนไมเ่ ป็น ง. เพลงพ้นื บา้ น เรอ่ื งราว คอื การแสดงนาฏศิลปป์ ระเภทใด 4. ศิลปะการร่ายรำท่ีเลน่ เปน็ เรือ่ งราว มพี ัฒนาการ ก. โขน มาจากการเลา่ นิทาน คือศลิ ปะชนดิ ใด ข. ละคร ก. โขน ค. ระบำรำฟอ้ น ข. ละคร ง. การแสดงพน้ื เมือง ค. รำตัด ง. หนังตะลงุ
233 วชิ าศิลปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 4 9. “เถิดเทงิ หรอื เทงิ่ บอง” เรยี กตามเสยี ง 10. บ้องไฟ คอื การละเล่นพ้ืนเมอื งของภาคใด กลองที่ได้ยิน ใชป้ ระกอบการรำพ้ืนเมืองของ ก. ภาคใต้ ไทยภาคใด ข. ภาคเหนอื ค. ภาคกลาง ก. ภาคใต้ ง. ภาคอีสาน ข. ภาคเหนอื ค. ภาคกลาง ง. ภาคอสี าน
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 4 234 วชิ าศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง นาฏศิลปพ์ ืน้ บา้ น 1. ง 2. ง 3. ข 4. ข 5. ง 6. ก 7. ข 8. ค 9. ค 10. ง
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 5 235 วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม ใบงาน คำสั่ง 1. ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลนท์ ่ี 45 เรอื่ ง อาชพี การผลติ เคร่ืองดนตรีพ้ืนบา้ น จำนวน 10 ข้อ 2. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาใบความรบู้ ทเรยี นออนไลนท์ ่ี 45 เรื่องอาชพี การผลิตเคร่ืองดนตรีพื้นบ้าน 3. ให้ผเู้ รยี นทำกิจกรรมที่ 45 เร่อื งอาชีพการผลติ เครอื่ งดนตรีพนื้ บ้าน จำนวน 3 ข้อ 4. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง อาชพี การผลติ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน จำนวน 10 ข้อ บทเรยี นออนไลนที่ 5 เรอ่ื ง อาชพี การผลติ เครอ่ื งดนตรีพน้ื บา้ น
236 วชิ าศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 ใบความรู้ เร่อื งการผลิตเครื่องดนตรี ชา่ งทำเคร่อื งดนตรีไทย กรุงเทพมหานคร มีแหล่งซื้อขายเครื่องดนตรีไทยอยู่มากมาย มีทั้งร้านขายปลีก และร้านขายส่ง เช่น ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ถนนราชดำเนิน และถนนลาดพร้าว ร้านสยามวาทิต ถนนอรุณอัมรินทร์ ร้านดุริยบรรณ ถนนสุโขทัย ห้างพัฒนศิลป์การดนตรีและละคร ถนนสามเสน บางกระบือ ร้านภมรรุ่งโรจน์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ร้านจิหรรษาดิโอลด์สยามพลาซ่าร้านสมชัยการ ดนตรี ซอยวัดยางสุทธารามถนนพรานนก ใกล้สามแยกไฟฉาย นอกจากนั้นจะมีอยู่ที่ย่านเวิ้งนาคร เกษม ยา่ นหลงั กระทรวงกลาโหม ถนนอัษฎางค์ ริมคลองหลอด ย่านสวนจตุจักร เปน็ ต้น ทอ่ี ยู่ของช่างทำเครอ่ื งดนตรีในเขตกรงุ เทพมหานคร นายสมชัย ขำพาลี 795/3 ซอยวัดยางสุทธาราม ใกล้สามแยกไฟฉาย ถนนพรานนก แขวงบ้านชา่ งหล่อ เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพมหานคร 10700 โทร 02-411-2528 ทำการผลิต เครื่อง ดนตรีไทยทุกชนิด ขายส่งและปลีก มีโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องดนตรีที่จังหวัดกาญจนบุรี และเปิด กจิ การร้าน \"สมชัยการดนตร\"ี ดว้ ย 1. นายจำรัส (ช่างนพ) สุริแสง 30 ซอยชัยวัฒนะ ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตบางขุน เทียน กรุงเทพมหานคร โทร 02-477-1359 ทำการผลิต ซอด้วง รูปสวย คุณภาพดี มีสลักชื่อ \"ช่าง นพ\" ฝงั ไว้ดว้ ย 2. นายวินจิ (ชา่ งเลก็ ) พกุ สวสั ด์ิ 478/1 หมู่ 10 ซอยเพชรเกษม 67 ถนนเพชรเกษม แขวง บางแค เขตบางแค กรงุ เทพมหานคร 10160 โทร 02-421-5699 , 081-827-7718 ทำการผลิต ขมิ ตอ่ ลายไม้จะเข้ ซอด้วง ซออู้ และ ขลุ่ยปรบั เสียง ทอี่ ยขู่ องช่างทำเครื่องดนตรีในจังหวดั นครปฐม 1. นายสวาท ม่ันศรีจันทร์ 26/37 ตำบลบางแขม อำเภอเมอื ง จังหวัด นครปฐม 73110 โทรศพั ท์ 034-272881 ทำการผลติ ผนื ระนาดเอก ระนาดทมุ้ 2. นายเชาว์ ชาวนาเปา้ 23/1 ม 6 ตำบลทา่ ตลาด อำเภอสามพราน จงั หวัด นครปฐม 73110 โทรศพั ท์ 034-321231 ทำการผลติ ซอสามสาย ซอดว้ ง ซออู้ ผลิตจากไม้และงา
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 237 วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ประถม กิจกรรม/แบบทดสอบท่ี 5 เร่ือง การผลติ เครอ่ื งดนตรี ช่ือ-นามสกลุ ..............................................................รหสั นักศึกษา...................................................... คำช้แี จง จงตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง 1. อธิบายขั้นตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลิตขลยุ่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. อธบิ ายข้นั ตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลิตแคน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. อธิบายข้ันตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลิตกลองแขก ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 238 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม เฉลยกจิ กรรม/แบบทดสอบที่ 5 เรอื่ ง การผลิตเครื่องดนตรี คำช้แี จง จงตอบคำถามต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง 1. อธิบายขัน้ ตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลิตขล่ยุ ตอบ 1. เลือกไม้ไผร่ วก ที่มลี ำตรงไม่คดงอ ตัดมาเปน็ ปล้องๆคดั ขนาดตามชนิดของขล่ยุ 2.นำไม้ไผ่ที่ตัดแล้วไปตากแดด ไม้เปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีเหลือง แสดงว่าแห้งสนิท ตากแดด ประมาณ 7-10วนั 3.นำกาบมะพร้าวชุบน้ำแตะอิฐมอญ ที่ป่นละเอียดขัดไม้ลวกให้เป็นเงาวาว หรือใช้ทรายก่อนขัดอิฐ มอญกไ็ ด้ 4.ใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืชทาไม้รวกให้ทั่วเพื่อให้ตะกั่วที่ร้อนตัดผิวไม้รวกเวลาเท ต่อจากนั้นเอาไม้ สอดจับขลุย่ พาดปากกะทะ ซึง่ ในกะทะมตี ะก่วั หลอมละลายบนเตาไฟ ใช้ตะหลิว ตกั ตะกวั่ ทีห่ ลอมราด บนไมไ้ ผ่รวกจะเกิดลวดลายงาม เรียกวา่ เทลาย 5.เม่อื ได้ลวดลายตามตอ้ งการแลว้ นำขลุ่ยไปวัดสดั ส่วน 6.เจาะรูตามสัดส่วน โดยเอาสว่านเจาะรูแล้วเอาเหล็กแหลมเผาไฟจนแดงตามรูที่ใช้สว่านเจาะนำ ไว้แล้ว และเจาะทะลุปล้องขอ้ ไม้ไผร่ วกดว้ ย 7.เอามีดตอกแกะดากปากขล่ยุ ไม้ดากคอื ไม้สักเพราะวา่ เป็นไม้ท่ีเนื้อไม่แข็ง ง่ายต่อการแกะ 8.ทำดากขลยุ่ อดุ ปากขลุย่ โดยใหม้ รี ูสำหรับลมผ่านเวลาเป่า 9.เล่อื ยให้ดากเสมอกับปากขลุ่ย 10.ใชม้ ดี หรือเหลก็ ปลายแหลมเจาะปากนกแกว้ ทำไม้ไผร่ วกเป็นรปู สีเ่ หลี่ยมใหด้ ากปากขลุ่ยประมาณ หนงึ่ น้วิ เศษ เราเรียกรนู ้ีวา่ ปากนกแกว้ 2. อธบิ ายข้ันตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลติ แคน ตอบ 1. คัดเลือกไม้ไผ่เฮี้ยให้ได้ขนาดจากนั้นใช้เลื่อยฉลุตัดให้ได้ไม้ลูกแคนครบ 16 ลูกตามขนาด ที่กำหนดไว้ 2. ใช้เหล็กซีหรือเหล็กปลายแหลมเผาไฟให้ร้อน เพื่อทำการเจาะเข้าลำไม้ลูกแคนให้ทะลุจนสามารถ ส่องเหน็ แสงได้ 3. นำไมล้ กู แคนไปลนไฟ เพือ่ ทำให้ไม้ลกู แคนตรง เม่ือลนไฟเสร็จแล้วนำไม้ลูกแคนมาขัดด้วยกระดาษ ทราย 4. นำแผ่นโลหะท่ที ำการผสมโลหะเงินและทองแดงแลว้ มาตดั เปน็ เส้นกวา้ ง 1.5 เซนตเิ มตร จากน้ันใช้ ค้อนตีให้เป็นแผ่นบางๆ ต่อมานำแผ่นโลหะที่ตีจนบางแล้วมาทำการสับลิ้นแคนโดยใช้สิ่วในการสับ แลว้ ใชก้ รรไกรตดั โลหะตัดให้ได้ขนาดของล้ินแคนนำลิน้ แคนท่ีตดั แล้ว มาขัดโดยใช้ไม้เฮี้ยขัดเพ่ือทำให้ ลิ้นอ่อนลงทำให้เกิดเสียง 5. ใชม้ ดี ปลายแหลมเจาะรไู ม้ลูกแคนโดยจะเจาะให้ได้ขนาดเทา่ กบั ล้นิ แคน ทำให้ครบท้งั 16 ลูก
บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 5 239 วิชาศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม 6. นำไม้เซิ้มสอดเข้าไปใต้ลิ้นแคน เตรียมไว้เสียบเข้ารูที่ทำการเจาะไว้ เพื่อทำการเข้าลิ้นแคนให้ครบ ทง้ั 16 ลูก จากนัน้ ใชม้ ีดปลายแหลมขดู ลนิ้ แคนเบาๆให้บางมากข้นึ 7. นำไมบ้ รรทัดมาทาบ เพื่อวัดระยะช่องในการเจาะรู ต่อมาใช้ส่วิ เจาะรูตรงกลางเต้าแคน ปาดเตา้ แคน ให้เปน็ รูปวงรใี ชม้ ดี ปลายแหลมตกแต่งให้ได้รปู ทรงทสี่ วยงามและใชก้ ระดาษทรายขัดให้เรียบ 8. นำลูกแคนมาเปา่ เพอ่ื ทดสอบเสยี งทล่ี ะคู่ โดยจะใช้เครือ่ งเทียบเสียงในการตั้งเสียงหรอื เทยี บเสียง 9. นำขี้สดู หรือชนั โรงทีห่ งุ แล้วมาทบุ ให้เป็นเสน้ เพื่อจะนำไปติดแคน 10. นำไมม้ าตัดเพอื่ ทำไม้ขัน้ ลูกแคนระหว่างเตา้ สองข้าง ต่อมานำไมล้ ูกแคนมาประกอบเข้าไปในเต้าให้ ครบ โดยจะหนั ลน้ิ แคนออกมาทางเต้าแลว้ ใชไ้ ม้บรรทดั วดั และขดี เสน้ ตรง จากนนั้ ใช้เหล็กปลายแหลม ขนาดเลก็ เผาไฟให้ร้อนเพือ่ ทำการเจาะรูให้ครบ 16 รู 11. นำชันโรงมาตดิ ขา้ งบนและล่างของเต้าแคนเพื่อปิดรูโดยใช้มือรีดชันโรงใหเ้ รียบสวยงามจากนั้นใช้ ไม้จิ๊กสอดดันระหว่างลูกแคนให้แน่น เพื่อกันไม่ให้ลมออก เสร็จแล้วทำการเป่าเพื่อทดสอบเสียงของ แคน 12. นำไม้ค่าเสียบไม้ไผ่ที่ตัดตามขนาดความกว้างของแคน เพื่อมัดตรงปลายแคน ตรงกึ่งกลางและ ส่วนท้ายของแคนใหแ้ น่น 3. อธบิ ายขัน้ ตอนแนวทางการประกอบอาชีพการผลิตกลองแขก ตอบ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่มีรูปร่างยาวเป็นรูปทรงกระบอก ขึ้นหนังสองข้างด้วยหนัง ลูกวัว หรือหนังแพะหน้าใหญ่ กว้างประมาณ 20 cm เรียกว่า หน้ารุ่ยหรือ \"หน้ามัด\" ส่วนหน้าเล็ก กว้างประมาณ 15 cm เรียกว่า หน้าต่านหรือ\"หน้าตาด\" ตัวกลองหรือหุ่นกลองสามารถทำขึ้นได้จาก ไมห้ ลายชนดิ แต่โดยมากจะนยิ มใช้ไมเ้ น้ือแข็งมาทำเป็นหนุ่ กลอง เช่นไมช้ งิ ชัน ไมม้ ะริด ไม้พยุง กระพ้ี เขาควาย ขนุน สะเดา มะค่า มะพร้าว ตาล ก้ามปู เป็นต้น ขอบกลองทำมาจากหวายผ่าซีกโยงเรียง เป็นขอบกลองแล้วม้วนดว้ ยหนังจะได้ขอบกลองพร้อมกับหน้ากลอง และถูกขึงให้ตึงด้วยหนงั เส้นเล็ก เรียกว่าหนังเรียดเพื่อใช้ในการเร่งเสียงให้หน้ากลองแต่ละหน้าได้เสียงที่เหมาะสมตามความพอใจ กลองแขกสำรับหนึ่งมี 2 ลูก ลูกเสียงสูงเรียก ตัวผู้ ลูกเสียงต่ำเรียก ตัวเมีย ตีด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างให้ สอดสลับกนั ทงั้ สองลูก
240 วชิ าศิลปศกึ ษา (ทช11003) ประถม บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 5 แบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง การผลิตเครื่องดนตรี ชื่อ-นามสกุล..............................................................รหสั นกั ศึกษา...................................................... คำส่ัง ใหน้ ักศกึ ษาเลือกคำตอบที่ถกู ท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 10 ข้อ (5 คะแนน) 1. ปัจจยั หลกั ของการประกอบอาชีพการผลติ 6. ขลุ่ยประเภทใดใช้ในวงปี่พาทย์ เคร่ืองดนตรี คอื ขอ้ ใด ก. ขลยุ่ อู้ ข. ขลุย่ หลิบ ก. ทนุ ค. ขลุย่ เพียงออ ข. สถานทผี่ ลิต ง. ถูกทุกขอ้ ค. จำนวนผผู้ ลติ ง. การกำหนดราคา 7. ขลุย่ ทด่ี ี ควรทำจากวัสดุใด 2. หากเรามคี วามสนใจทจ่ี ะผลิตเครื่องดนตรี ก. ไม้ไผ่ แต่ยังไม่มีความร้เู พียงพอ ควรปฏิบัตอิ ย่างไร ข. งาช้าง ก. เปน็ ลกู จา้ งคนอน่ื ๆ ค. ไมช้ งิ ชงั ข. ทดลองปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง ง. พลาสตกิ ค. ศกึ ษาหาความรเู้ พิม่ เตมิ ทใ่ี หค้ วามรู้ด้าน อาชีพ 8. เครอ่ื งดนตรีใด เปน็ เครอื่ งดนตรที ่ีเป็น ง. ถูกทุกข้อ เอกลักษณ์ของภาคอีสาน 3. หากสนิ คา้ และบริการทผ่ี ลติ ขน้ึ มาไม่เปน็ ที่ นยิ มและไมส่ ามารถสร้างความพอใจใหแ้ ก่ ก. ซอ ผู้บริโภคได้ เราควรพฒั นาเรื่องใดมากท่สี ดุ ข. แคน ก. การตลาด ค. สะลอ้ ข. การผลติ ท่ีเปน็ ระบบ ง. ระนาด ค. การพัฒนารปู แบบให้ทนั สมัย 9. หมอลำซิ่ง ต้องมเี ครื่องดนตรใี ด เพอื่ เพ่ิม ง. การจดั การในเรอ่ื งรูปแบบเครอ่ื งดนตรี ความสนกุ สนาน 4. ขลยุ่ มีก่ีประเภท ก. ซอ ก. 1 ประเภท ข. ขลุ่ย ข. 2 ประเภท ค. แคน ค. 3 ประเภท ง. ระนาด ง. 4 ประเภท 10. กลองแขก เปน็ เครอื่ งดนตรปี ระเภทใด 5. ขล่ยุ ใดมเี สยี งสูงมากทส่ี ุด ก. สี ก. ขลุย่ อู้ ข. ตี ข. ขลุย่ หลบิ ค. ดดี ค. ขลยุ่ เพยี งออ ง. เปา่ ง. ถูกทกุ ข้อ
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 241 วชิ าศลิ ปศึกษา (ทช11003) ประถม เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น เรอื่ ง อาชพี การผลติ เคร่ืองดนตรพี น้ื บา้ น 1. ก 2. ง 3. ก 4. ค 5. ข 6. ก 7. ก 8. ข 9. ค 10. ข
242 ตารางวิเคราะหเ์ น้ือหารายวชิ า การใช้พลังงานไฟฟ้าในชวี ิตประจำวนั 1 พว12010 ระดบั ประถมศกึ ษา จำนวน 2 หนว่ ยกิต จำนวน 80 ชั่วโมง จำนวน ระดบั การเรยี นรู้ ท่ี หัวเรื่อง (ช่วั โมง) ง่าย ปาน ยาก 1 บทที่ 1 ความหมาย ความสำคัญของไฟฟา้ ประวัตคิ วาม 1 กลาง เปน็ มาของไฟฟา้ ในประเทศไทย และประเภทของไฟฟา้ 3 เรอ่ื งท่ี 1 ความหมาย และความสำคญั ของไฟฟ้า 3 เรื่องท่ี 2 ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลงั งานไฟฟ้า 3 เรื่องที่ 3 ประวตั คิ วามเปน็ มาของไฟฟ้าในประเทศไทย เรอื่ งที่ 4 ประเภทของไฟฟา้ และการกำเนิดของไฟฟ้า 5 2 บทที่ 2 สถานการณ์พลงั งานไฟฟา้ ของประเทศไทย 5 เรอ่ื งที่ 1 สดั สว่ นการผลติ ไฟฟา้ จากเช้ือเพลงิ ประเภท 5 ต่าง ๆ 5 เรื่องที่ 2 การใชไ้ ฟฟ้าในแตล่ ะช่วงเวลาในหน่ึงวัน เรอ่ื งท่ี 3 สภาพปจั จุบนั และแนวโน้มการใชพ้ ลงั งาน 10 ไฟฟา้ 20 3 บทท่ี 3 หน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องดา้ นพลงั งานไฟฟ้าใน 10 ประเทศไทย และอุปกรณ์ไฟฟา้ 10 เร่อื งที่ 1 หนว่ ยงานที่เกยี่ วข้องดา้ นพลังงานไฟฟ้าใน 80 ประเทศไทย เร่อื งที่ 2 อุปกรณไ์ ฟฟา้ 4 บทท่ี 4 วงจรไฟฟ้า เรือ่ งท่ี 1 วงจรไฟฟา้ 5 บทท่ี 5 การประหยัดพลังงานไฟฟา้ เร่ืองที่ 1 กลยทุ ธก์ ารประหยัดพลังงานไฟฟ้า 3 อ. เรอ่ื งที่ 2 แนวปฏิบตั ิการประหยัดพลงั งานไฟฟา้ ใน ครวั เรอื น รวม
243 การวัดผลประเมินผล บทเรยี น ออนไลน์ กจิ กรรม คะแนน ที่ 1 ใหผ้ ้เู รยี นศกึ ษาจากบทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 เร่ือง ความหมาย ความสำคัญของ - ไฟฟ้า ประวัติความเปน็ มาของไฟฟา้ ในประเทศไทย และประเภทของไฟฟ้า และ สรปุ ความรทู้ ่ีได้ลงในสมุดบันทึก 2 กจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้าของประเทศไทย (5 คะแนน) และ 10 ทำแบบทดสอบหลังเรียน (5 คะแนน) 3 กจิ กรรมที่ 3 เรือ่ ง หน่วยงานท่เี กยี่ วขอ้ งด้านพลงั งานไฟฟ้าในประเทศไทย และ 10 อุปกรณ์ไฟฟา้ (5 คะแนน) และทำแบบทดสอบหลงั เรยี น (5 คะแนน) 4 กิจกรรมท่ี 4 เรอ่ื ง วงจรไฟฟ้า (5 คะแนน) และทำแบบทดสอบหลังเรียน 10 (5 คะแนน) 5 กิจกรรมท่ี 5 เร่อื ง การประหยดั พลังงานไฟฟา้ (5 คะแนน) และทำแบบทดสอบ 10 หลังเรยี น (5 คะแนน) รวมคะแนนเกบ็ ระหว่างภาค 40 สอบระหว่างภาค 20 สอบปลายภาค 40 รวมท้งั สนิ้ 100
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าออนไลน์ รายวชิ า การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าในชวี ติ ประจำวัน 1 พว12010 จำนวน 2 หน่วยกิต ระดบั ประถมศึกษา จำนวน 80 ชวั่ โมง บทเรยี น หวั เร่ือง วตั ถปุ ระสงค์ กิจกรรมการเรยี นรู้ จำนวน สอื่ การเรยี นรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ ที่คาดหวงั ออนไลน์ เชิงพฤติกรรม ชัว่ โมง ประเมนิ ผล 1.ผูเ้ รียน ที่ สามารถบอก ความหมาย 1 บทที่ 1 1.ผ้เู รียนมคี วามรู้ - ผเู้ รียนศกึ ษาเรียนรู้จาก 10 1.บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 บทเรยี น - ของไฟฟา้ 2 ผูเ้ รยี นบอก ความหมาย ความเข้าใจ สอ่ื แบบเรียนออนไลน์ที่ 1 ชัว่ โมง Google site ออนไลนท์ ่ี 1 ประโยชน์ของ พลังงาน ความสำคญั ความหมายของ Google site วิชา การใช้ วิชา การใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ใน ไฟฟา้ 244 ชวี ติ ประจำวัน 1 พว12010 3.ผู้เรียนบอก ของไฟฟา้ ไฟฟา้ พลังงานไฟฟ้าใน ผลกระทบจาก การขาดแคลน ประวตั ิความ 2.ผเู้ รยี นมี ชีวติ ประจำวัน 1 พลงั งานไฟฟ้า เป็นมาของ ความรู้ ความ พว12010 ไฟฟ้าใน เขา้ ใจประโยชน์ เรอ่ื ง ความหมาย ประเทศไทย ของพลงั งาน ความสำคญั ของไฟฟา้ และประเภท ไฟฟ้า ประวัติความเป็นมาของ ของไฟฟา้ 3.ผู้เรียนมี ไฟฟ้าในประเทศไทย และ - ความหมาย ความรู้ ความ ประเภทของไฟฟ้า และความสำคญั เขา้ ใจผลกระทบ - ผู้เรียนทำบทเรียน ของไฟฟา้ จากการขาด ออนไลน์ที่ 1
บทเรียน หวั เรือ่ ง วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรมการเรียนรู้ จำนวน ส่ือการเรียนรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ ชั่วโมง ออนไลน์ เชงิ พฤตกิ รรม ประเมนิ ผล ท่ีคาดหวงั ที่ - ประโยชนแ์ ละ แคลนพลงั งาน 4.ผู้เรยี นบอก ประวัติความ ผลกระทบของ ไฟฟา้ เปน็ มาของ ไฟฟ้าใน พลังงานไฟฟ้า 4.ผ้เู รยี นมี ประเทศไทย 5.ผเู้ รยี นบอก - ประวตั ิความ ความรู้ ความ ประเภทของ ไฟฟา้ เปน็ มาของไฟฟา้ เข้าใจ ประวตั ิ ในประเทศไทย ความเปน็ มา - ประเภทของ ของไฟฟา้ ใน 245 ไฟฟ้าและการ ประเทศไทย กำเนดิ ของไฟฟ้า 5.ผ้เู รยี นมี ความรู้ ความ เข้าใจ ประเภท ของไฟฟ้า
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้รายวชิ าออนไลน์ รายวชิ า การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าในชวี ติ ประจำวนั 1 พว12010 จำนวน 2 หน่วยกิต ระดบั ประถมศกึ ษา จำนวน 80 ชั่วโมง บทเรยี น หัวเรื่อง วัตถปุ ระสงค์ กิจกรรมการเรยี นรู้ จำนวน ส่อื การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ ออนไลน์ เชิงพฤตกิ รรม ช่วั โมง ประเมนิ ผล ท่คี าดหวงั ท่ี 2 บทท่ี 2 1.ผ้เู รียนบอก -ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบกอ่ น 15ชัว่ โมง 1.บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 บทเรยี น ช่องที่ 1 1.ผู้เรยี นบอก สถานการณ์ สดั ส่วนเชื้อเพลงิ เรียน Google site ออนไลนท์ ่ี 2 กจิ กรรมท่ี 2 สัดส่วนเช้อื เพลิง พลังงานไฟฟา้ ของ ท่ใี ช้ในการผลิต - ผเู้ รยี นศกึ ษาเรยี นรูจ้ ากส่ือ วิชาการใช้พลังงานไฟฟา้ ใน (5 คะแนน) ท่ใี ช้ในการผลติ 246 ประเทศไทย ไฟฟ้าของ บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 Google ชวี ติ ประจำวนั 1 พว12010 แบบทดสอบ ไฟฟา้ ของ - สัดสว่ นการผลติ ประเทศไทย site วิชาการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า เรื่องสถานการณ์พลงั งาน หลงั เรียน ประเทศไทย ไฟฟ้าจากเช้อื เพลงิ 2. ผเู้ รียนบอก ในชีวติ ประจำวัน1 พว12010 ไฟฟ้าของประเทศไทย (5 คะแนน) 2. ผู้เรียนบอก ประเภทต่าง ๆ การใช้ไฟฟ้าใน เรือ่ งสถานการณ์พลงั งาน การใชไ้ ฟฟ้าใน - การใช้ไฟฟ้าในแต่ แตล่ ะช่วงเวลา ไฟฟา้ ของประเทศไทย แต่ละช่วงเวลา ละช่วงเวลาในหนึ่ง ในหน่งึ วัน - ผู้เรยี นทำกจิ กรรม ในหนง่ึ วนั วัน 3. ผเู้ รยี นอธิบาย ที่ 2 เรือ่ งสถานการณ์พลงั งาน 3. ผเู้ รยี นอธิบาย - สภาพปจั จบุ นั และ สถานการณ์ ไฟฟ้าของประเทศไทย สถานการณ์ แนวโน้มการใช้ พลงั งานไฟฟ้า - ผู้เรยี นทำแบบทดสอบหลงั พลงั งานไฟฟ้า พลงั งานไฟฟ้า ของประเทศไทย เรียน ของประเทศไทย
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้รายวชิ าออนไลน์ รายวชิ า การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าในชวี ติ ประจำวนั 1 พว12010 จำนวน 2 หน่วยกติ ระดับประถมศึกษา จำนวน 80 ชั่วโมง บทเรียน หวั เรอื่ ง วัตถปุ ระสงคเ์ ชิง กิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน สื่อการเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรทู้ ่ี ออนไลน์ พฤติกรรม ชัว่ โมง ประเมนิ ผล คาดหวัง ท่ี 3 บทท่ี 3 1.ผเู้ รียนระบชุ ื่อและ - ผู้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน 15 1.บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 บทเรียน ชอ่ งที่ 2 1.ผเู้ รียนระบชุ ื่อและ หนว่ ยงานท่ี สงั กดั ของหน่วยงาน - ผเู้ รียนศกึ ษาเรียนรจู้ ากส่อื ชว่ั โมง Google site ออนไลนท์ ี่ 3 กิจกรรมท่ี 3 สังกดั ของหน่วยงาน เก่ยี วข้องดา้ น ท่เี กี่ยวขอ้ ง ด้าน บทเรียนออนไลน์ที่ 3 Google site วิชาการใช้พลังงาน (5 คะแนน) ทเี่ ก่ียวขอ้ งด้าน 247 พลังงาน พลงั งานไฟฟา้ ใน วชิ าการใช้พลังงานไฟฟ้าใน ไฟฟ้าในชีวติ ประจำวัน แบบทดสอบ พลงั งานไฟฟา้ ใน ไฟฟา้ ใน ประเทศไทย ชีวิตประจำวัน 1 พว12010 1 พว12010 หลังเรียน ประเทศไทย ประเทศไทย 2.ผเู้ รียนบอกบทบาท เรอ่ื ง หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้องด้าน เร่อื ง หนว่ ยงานที่ (5 คะแนน) 2.ผู้เรียนบอก และอปุ กรณ์ หนา้ ท่ีของหน่วยงาน พลงั งานไฟฟ้าในประเทศไทย และ เก่ยี วข้องด้านพลังงาน บทบาทหน้าทีข่ อง ไฟฟา้ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งดา้ น อปุ กรณ์ไฟฟ้า ไฟฟ้าในประเทศไทย หนว่ ยงานที่ - หน่วยงานที่ พลังงานไฟฟ้า - ผเู้ รยี นทำกิจกรรมท่ี 3 เรอ่ื ง และอุปกรณ์ไฟฟา้ เกี่ยวข้องด้าน เกี่ยวข้องด้าน 3.ผ้เู รยี นบอกชือ่ และ หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งด้านพลังงาน พลงั งานไฟฟ้า พลงั งานไฟฟ้า หน้าทข่ี อง ไฟฟ้าในประเทศไทย และอุปกรณ์ 3.ผเู้ รียนบอกชอ่ื ในประเทศไทย อปุ กรณไ์ ฟฟ้า ไฟฟ้า และหน้าทขี่ อง - อปุ กรณ์ไฟฟา้ - ผ้เู รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน อปุ กรณไ์ ฟฟ้า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418