ปทานุกรม ความตาย รวมคำ�และคว�มหม�ย เพ่ือชีวิตท่ดี แี ละต�ยอย�่ งสงบ
ปทานุกรม จดั ทำ�โดย ความตาย โครงการส่อื สารสรา้ งความตระหนกั วิถสี ู่การตายอย่างสงบ (ความตาย พดู ได้) เครอื ขา่ ยพทุ ธกิ า รวมค�ำ และคว�มหม�ย สนบั สนุนโดย เพ่ือชวี ติ ทดี่ แี ละ สมาคมบริบาลผู้ป่วยระยะทา้ ย (THAPs) ต�ยอย�่ งสงบ สำานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ เขยี น พรทวี ยอดมงคล เอกภพ สทิ ธิวรรณธนะ ฐนิดา อภชิ นะกลุ ชัย บรรณ�ธกิ �ร วรพงษ์ เวชมาลีนนท์ ภ�พปกและภ�พประกอบ ปิ่นนุช เจริญพักตร์ ออกแบบปกและรปู เลม่ วันทนยี ์ มณีแดง พิมพ์ครัง้ ท่หี ้� พ.ศ. 2559 จาำ นวน 5,000 เล่ม ISBN: 978-616-7755-22-9 พิมพ์ที่ ห้างห้นุ สว่ นจาำ กัด สามลดา สนใจหนงั สอื ติดตอ่ ไดท้ เ่ี ครือข�่ ยพุทธกิ � 45/4 ซ.อรุณอมรนิ ทร์ 39 แขวงอรณุ อมรนิ ทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กทม. 10700 โทรศัพท:์ 02-882-4387, 02-886-0863 โทรสาร: 02-882-5043 Email: [email protected] Website: www.budnet.org Facebook: Peaceful Death
คาํ นํา ความตายเป็นส่ิงท่ีไม่มีใครหนีพ้น แต่น้อยคนท่ีสนใจใฝ่รู้ เรื่องความตายเพ่ือเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อวันนั้นมาถึง สาเหตุ สาำ คญั เปน็ เพราะคนสว่ นใหญค่ ดิ วา่ ความตายเปน็ เรอ่ื งไกลตวั หรอื ไมก่ แ็ สรง้ ทาำ ราวกบั วา่ ตนเองจะไม่มีวนั ตาย จึงมชี ีวติ เหมอื นคนลมื ตาย ครั้นความตายมาประชิดตัว จึงมี ความทกุ ขท์ รมานเปน็ อย่างยิ่งเพราะไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจไวก้ ่อนเลย ผคู้ นทกุ วันนคี้ ิดถงึ แตก่ ารมีชีวติ ที่ดี แตล่ ืมนกึ ถงึ การตายดี ดงั นน้ั จึงทุ่มเททุกสงิ่ ทุกอย่างเพ่ือการมีชีวิตที่ดี โดยไม่ได้วางแผนใดๆ สำาหรับการตายดีเลย จึงนับว่า นา่ เสยี ดายอย่างยิ่งท่ลี ะทิ้งโอกาสทจี่ ะได้ประสบสัมผัสส่งิ สำาคัญ ณ ปลายสดุ ของชวี ติ สำาหรับผู้เห็นความสำาคัญของการเตรียมตัวตาย การศึกษาหาความรู้เก่ียวกับ ความตายในแงม่ ุมตา่ งๆ รวมทง้ั ภาวะใกล้ตาย และเหตุปัจจยั ท่ที ำาใหต้ ายดี ย่อมเปน็ สงิ่ ท่มี อิ าจละเว้นได้ หนงั สือเล่มนีเ้ ป็นอีกเลม่ หน่งึ ทเ่ี ป็นจุดเริ่มต้นทีด่ สี ำาหรบั การศึกษา ดงั กลา่ ว อกี ทง้ั ยงั สามารถนาำ ไปใชเ้ ปน็ คมู่ อื เพอื่ การตายดไี ดด้ ว้ ย โดยเฉพาะกรณที เี่ ปน็ ผู้ป่วยเร้ือรัง นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์สำาหรับญาติผู้ป่วยท่ีประสงค์จะช่วยเหลือ คนรักของตนใหผ้ ่านพน้ ความตายไดด้ ว้ ยใจสงบ หนงั สอื เลม่ นน้ี าำ ประเดน็ สาำ คญั ๆ เกย่ี วกบั ความตายและการตายดี มาเสนอในรปู ปทานกุ รม เพอ่ื งา่ ยตอ่ การศกึ ษาและปฏบิ ตั สิ าำ หรบั ผเู้ รม่ิ ตน้ สนใจ รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ นอกจากนสี้ ามารถศกึ ษาไดจ้ ากหนงั สอื เลม่ อนื่ ๆ ของเครอื ขา่ ยพทุ ธกิ าและผรู้ ทู้ า่ นอน่ื ๆ ดงั ระบไุ วท้ า้ ยเล่ม พระไพศาล วสิ าโล 6 ตลุ าคม 2557
สารบญั 8 10 สว่ นท่ี 1 ความตายและการตาย 12 ต�ยด ี 14 ต�ยดีแบบพุทธ 16 ต�ยสงบ 17 ก�รต�ยท�งก�รแพทย์ 18 สัญญ�ณชพี 20 สมองต�ย 20 ต�ยอย่�งมศี กั ดศ์ิ ร ี 22 ต�ยไมด่ ี 23 ยูธ�น�เซยี (Euthanasia) 24 ก�รุณยฆ�ต (Mercy killing) 25 แปลกแยกจ�กคว�มต�ย 26 กลวั ต�ย 28 เตรียมตัวต�ย 29 เฮอื กสุดท้�ย 30 อบุ ัติเหตุ สญั ญ�ณใกลต้ �ย
สว่ นที่ 2 หลังความตาย 32 พธิ กี รรมเก่ียวกับศพ 34 ฉล�ดทำ�ศพ 36 พินยั กรรมมรดก 39 แจง้ ต�ย 40 ชันสูตรพลกิ ศพ 41 สว่ นที่ 3 การตายกบั การแพทย ์ 44 หนังสอื แสดงเจตน�เก่ยี วกบั ก�รรักษ� 46 ในว�ระสดุ ท�้ ยของชีวติ (Advance Directive) พนิ ัยกรรมชีวติ 49 คำ�สง่ั เสีย 50 คว�มเจบ็ ปวด 51 ไม่อย�กอ�ห�ร 53 ก�รดแู ลผู้ปว่ ยแบบประคบั ประคอง (Palliative care) 54 สถ�นดแู ลผูป้ ่วยระยะสุดท้�ย (Hospice) 56 ก�รนวดหัวใจผ�ยปอดกูช้ ีพ / (ปฏิบตั ิ)ก�รกชู้ ีพ: 58 Cardiopulmonary Resuscitation / CPR ก�รไมก่ ูช้ พี (No Resuscitation / NR) 60 ระยะสุดท�้ ยของชวี ติ (End of life) 62 กระบวนก�รบอกข�่ วร�้ ย 65 ก�รว�งแผนดแู ลรกั ษ�ตนเองลว่ งหน�้ 68 (Advance care plan)
สว่ นที่ 4 ความตายกบั อปุ สรรค 70 ยือ้ ชวี ติ -ยดื ก�รต�ย 72 ป๊ัมหัวใจ 74 ก�รใส่ทอ่ ชว่ ยห�ยใจ 76 แล้วแต่หมอ 78 กตญั ญเู ฉยี บพลัน 80 คว�มเศร�้ โศกและคว�มสูญเสีย 82 ส่ิงค�้ งค�ใจ 84 คว�มขัดแย้ง 85 ก�รยดึ ตดิ ในคว�มสุข 86 กลวั ภพภมู ิหน้� / กลวั ช�ติหน้� 87 คว�มรสู้ กึ ผิด 88 กลวั ตัวตนดับสญู 89 ส่วนที่ 5 พทุ ธศาสนากบั การตาย 90 เวียนว�่ ยต�ยเกิด - สงั ส�รวฏั 92 อ�สันนกรรม-จติ สุดท�้ ย 93 สงั ข�ร 95 ต�ยก่อนต�ย 96 น�ทที อง 97 โพว� 98 ทองเลน 100
สว่ นที่ 6 วฒั นธรรมกบั การตาย 102 คว�มเชือ่ เรือ่ งเวล�ต�ย 104 ต�ยฉบั พลนั (ต�ยโหง) 105 ต�ยต�หลับ 106 ค�ำ เทียบเคยี งตอ่ คว�มต�ย 107 ก�รเดินท�ง 108 เปล่ียนบ้�นใหม่ 109 เปล่ียนภพภูมิ 110 ส่วนที่ 7 การตายและการเตรยี มตัวตาย 112 มรณ�นสุ ติ ก�รเจริญมรณ�นสุ ติ 114 อภยั -อโหสิกรรม 116 นำ�ท�ง บอกท�ง 117 สต ิ 118 สถ�นท่ตี �ย 119 บรจิ �คร่�งก�ย 120 บรจิ �คอวัยวะ 121 คว�มปร�รถน�กอ่ นต�ย 122 ก�รปล่อยว�ง 123 กล�่ วอำ�ล� 124 บทส่งท้าย 126 หนงั สอื ทคี่ วรอ่านเพ่มิ เติม 128
ส่วนท่ี 1 ความตาย และการตาย คุณรูจ้ กั คว�มต�ยดแี ลว้ หรอื ยงั 8
ตายดี การตายเป็นสภาวะตามธรรมชาติ โดยท่ัวไปการตายดีคือ การตายท่ี ปลอดจากความทุกข์ทรมานท่ีสามารถหลีกเลี่ยงได้ ทั้งของผู้ป่วย ญาติ และ ผู้ให้การรักษา โดยท่ัวไปควรเป็นไปตามความต้องการของผู้ป่วยและญาติ บนพืน้ ฐานการรักษาด้านการแพทย์ วัฒนธรรม และจริยธรรมทเี่ หมาะสมและ ดงี าม ทผ่ี า่ นมามผี สู้ รปุ หลกั การของการตายดไี วห้ ลายทา่ น เราสามารถเรยี บเรยี ง องค์ประกอบของการตายดีได้ดงั น้ี เปน็ การตายโดยธรรมชาติ เกิดจากการถดถอย เสอื่ มสภาพของรา่ งกาย อวัยวะ หรือระบบการทำางานของร่างกายไม่ว่าจากสาเหตุใด มิได้เกิดจากการ ถูกฆาตกรรม ทำาร้าย ฆ่าตัวตาย อุบตั เิ หตรุ นุ แรงทท่ี ำาให้เสียชีวติ ทนั ทหี รือไม่มี โอกาสกลบั มามสี ตสิ มบรู ณไ์ ด้อีกเลย 1. เป็นการตายที่ผู้ตายยอมรบั ได้ พรอ้ มทจี่ ะจากไป 2. การตายอย่างมสี ติ 3. ทราบว่าความตายกำาลังจะมาถงึ และเขา้ ใจวา่ จะเกิดอะไรขน้ึ ต่อไป 4. ได้รับการปฏิบัติอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีความเป็น สว่ นตัว 10
5. ได้รบั ข้อมูลและการรักษาจากผู้เช่ยี วชาญตา่ งๆ ตามความจำาเปน็ 6. ไดร้ บั การดแู ลรกั ษาบรรเทาอาการปวดและอาการทางกายอ่นื ๆ 7. สามารถเลือกไดว้ ่าจะตายที่ไหน (ทบี่ ้านหรือทีโ่ รงพยาบาล) 8. ไดร้ บั การดแู ลทางอารมณแ์ ละจิตวญิ ญาณตามต้องการ 9. สามารถเลอื กได้ว่าควรมีใครอย่ดู ้วยในวาระสุดทา้ ยของชวี ิต 10. สามารถแสดงเจตนาล่วงหน้าได้ว่าต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างไร ในวาระสดุ ท้าย (Advance directive) 11. มีเวลากลา่ วลาบุคคลทต่ี นเองรัก สะสางสิง่ ที่คง่ั ค้างในใจ 12. สามารถจากไปอยา่ งสงบเมอื่ ถงึ เวลา ไมถ่ กู เหนย่ี วรงั้ หรอื ยดื ชวี ติ โดย ไร้ประโยชน์ 11
ตายดแี บบพทุ ธ พระพรหมคณุ ภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) กล่าววา่ “ในคัมภรี ์พุทธศาสนา พดู ถงึ เสมอวา่ อย่างไรเป็นการตายท่ีดี ซง่ึ มกั ใช้ คาำ ส้ันๆ ว่า “มีสติ ไมห่ ลงตาย” และทว่ี า่ ตายดีน้นั ไม่ใชเ่ ฉพาะตายแล้วจะไป สู่สุคติเท่านั้น แต่ขณะที่ตายก็เป็นจุดสำาคัญท่ีว่า ต้องมีจิตใจท่ีดี คือมีสติ ไม่หลงตาย คอื มีจิตใจท่ีไมฟ่ ่ันเฟอื น ไมเ่ ศรา้ หมอง ไมข่ ุ่นมัว จติ ใจดีงาม ผอ่ งใส เบิกบาน จติ ใจนกึ ถงึ หรือเกาะเกี่ยวอยู่กบั ส่งิ ที่ดี จึงมปี ระเพณที ว่ี า่ ให้ผใู้ กลต้ าย ได้ยนิ ไดฟ้ ังสง่ิ ท่ดี งี าม เช่น บทสวดมนต์ หรือคาำ กลา่ วเกย่ี วกบั พุทธคณุ ทมี่ ักใช้ คำาวา่ “บอกอรหัง” ซ่ึงเปน็ คตทิ ี่ให้รู้วา่ เป็นการบอกส่ิงสาำ หรับยดึ เหนย่ี วในทาง ใจให้แก่ผู้ที่กำาลังป่วยหนักในข้ันสุดท้าย ให้มีจิตใจเกาะเก่ียวยึดเหน่ียวอยู่กับ พระรตั นตรัย เรื่องบญุ กศุ ลหรือเรอื่ งที่ได้ทาำ ความดมี า” 12
การตายดีทางพุทธศาสนา คอื การตายขณะมสี ติสมบรู ณ์ ไมห่ ลงตาย มคี วามรู้ตวั ไม่ตกอยใู่ นสภาพครึ่งหลับครง่ึ ต่นื จิตใจไม่เพอ้ ฝัน ไม่ฟ่ันเฟอื น ไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมัว ไม่กระสับกระส่าย แต่มีจิตใจที่ผ่องใส เบิกบาน ประกอบดว้ ยปัญญา นึกถงึ หรือเกาะเกยี่ วอยู่กบั สงิ่ ที่ดี การตายดีในพุทธศาสนามีหลายระดับ ข้ึนอยู่กับการพัฒนาปัญญา ของแตล่ ะคน ในขน้ั สงู สดุ จติ ใจจะมคี วามสวา่ ง ไมเ่ กาะเกย่ี ว ไมม่ คี วามยดึ ตดิ เป็นจติ ใจทโ่ี ปรง่ โล่งเป็นอิสระที่แทจ้ ริง การตายดีเป็นผลสะท้อนจากการมีชีวิตอยู่ที่ดี เรามีชีวิตอยู่อย่างไรก็ ตายอยา่ งนน้ั หากปรารถนาการตายดี ต้องบ่มเพาะความสงบในจติ ใจ และ มวี ถิ ชี ีวติ ทีด่ ี 13
ตายสงบ การตายอยา่ งสงบเปน็ องคป์ ระกอบสาำ คญั สว่ นหนงึ่ ของการตายดี เกิดจากการได้เตรียมความพร้อมต่อการเผชิญความตายที่กำาลังจะมาถึง แสดงให้เห็นผ่านความผ่อนคลายของร่างกายตามสภาพ และความสงบ ของอารมณ์ ไมด่ ิ้นรนกระวนกระวายทางใจ ไม่ทรุ นทรุ าย ตายในภาวะท่ี จิตโปร่งเบา มีสติรู้ตัว น้อมรับความจริงของชีวิตว่า ความตายเป็นเร่ือง ธรรมดา ทุกชวี ิตเกดิ มาแลว้ ตอ้ งแตกดบั ไป การตายอยา่ งสงบจะเกดิ ขน้ึ ได้ ตอ้ งมกี ารเตรยี มตวั ทง้ั การเตรยี มตวั ภายนอก คือ ทำาหน้าที่หรือใช้ชีวิตให้ดีท่ีสุด ทำาสิ่งสำาคัญให้แล้วเสร็จ ไมค่ ั่งคา้ ง และการเตรียมตวั ภายใน คอื การเปดิ ใจยอมรบั ความจริง และ ฝกึ ใจใหร้ จู้ ักปลอ่ ยวางสงิ่ ต่างๆ ท่คี ิดว่าเป็นของเรา เรามี เราเปน็ เพอ่ื ให้ สามารถปล่อยวางทุกส่ิงทุกอย่าง ปราศจากความรู้สึกกระวนกระวาย กระเสอื กกระสน ขลาดกลัว กังวล ห่วงใย หรือติดค้างเมือ่ ถึงเวลาตาย 14
การตายในขณะที่ร่างกายสงบจากการให้ยา หรอื ใชเ้ ทคโนโลยที างการแพทย์ ทไี่ มส่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ผู้ใกล้ตายมีสติ มีความสงบทางใจ พร้อมที่จะเผชิญ ความตายอยู่ด้วย ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการตายอย่าง สงบ (เช่น การประหารชีวิตด้วยการฉดี ยา) การตายอย่างสงบและมีสติเป็นภารกิจสำาคัญ ของหลายศาสนา ชาวมสุ ลมิ เชอ่ื วา่ เมอ่ื ใกลต้ ายจะตอ้ ง สวดภาวนาถึงพระเจา้ และปฏญิ าณตน ชาวคริสตต์ อ้ ง ไถ่บาปคร้ังสุดท้ายและได้รับศีลเจิม ส่วนชาวพุทธจะ ระลึกถึงพระรตั นตรยั 15
การตายทางการแพทย์ ภาวะท่ีอวัยวะภายในหรือระบบการทำางานของร่างกาย ได้แก่ สมอง ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นโลหติ หยุดทาำ งานอยา่ งถาวร ท้งั หมด แตก่ ระบวนการทอ่ี วยั วะสว่ นตา่ งๆ หยดุ ทาำ งานจะเรว็ ชา้ ตา่ งกนั เชน่ เมอ่ื หยดุ หายใจ ทาำ ใหข้ าดออกซเิ จน เกดิ หมดสตใิ นเวลาอนั รวดเรว็ หัวใจจะหยดุ เต้นในเวลาประมาณ 5-10 นาที เมอ่ื หวั ใจหยดุ เตน้ คนไขจ้ ะหายใจไดอ้ กี ไมเ่ กิน 1 นาที แลว้ จะ หยุดหายใจ หรือบางครง้ั มอี าการหายใจเฮอื กและหยุดหายใจ สมองจะ บาดเจ็บอยา่ งรุนแรงและตายในเวลาประมาณ 3-5 นาที 16
สญั ญาณชพี สิ่งบ่งบอกความมีชีวิตของบุคคล ใช้เป็นเคร่ืองมือวินิจฉัย ประเมินความรุนแรงของโรค และประเมินผลการรักษาที่สำาคัญ ไดแ้ ก่ อตั ราการหายใจ ความดนั โลหติ ชพี จร อณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย สญั ญาณชพี เปน็ สงิ่ บง่ ชท้ี างการแพทยท์ ใ่ี ชว้ นิ จิ ฉยั วา่ ผปู้ ว่ ย ยงั มีชีวติ อยู่หรอื ไม่ 17
สมองตาย ภาวะท่ีสมองได้รับบาดเจ็บรุนแรง ถา้ ผปู้ ว่ ยไม่รูส้ กึ ตัวเน่ืองจาก สมองส่วนบนตายอย่างเดียว ไม่ถือว่าเป็นการตาย แต่เรียกว่าเป็น “Vegetative State” คอื มีสภาพเปน็ เหมือนพืชผกั แตถ่ า้ สมองสว่ นบน และกา้ นสมองตายหมด ถอื วา่ เปน็ การตาย แมว้ า่ หวั ใจยงั เตน้ ไดเ้ องอยู่ เนอ่ื งจากเปน็ ภาวะชว่ั คราว ในอดตี ไมจ่ าำ เปน็ ต้องมกี ารวินจิ ฉัย เพราะ ผปู้ ว่ ยจะตายในทสี่ ดุ แตป่ จั จบุ นั การแพทยจ์ ะใชป้ ระโยชนจ์ ากชว่ งเวลา สน้ั ๆ นี้ นาำ อวยั วะทยี่ งั ไมต่ ายทผี่ ปู้ ว่ ยไดบ้ รจิ าคไว้ ไปปลกู ถา่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ย รายอ่ืน ในประเทศไทย มกี ารปรบั ปรงุ และประกาศโดยแพทยสภา เรอื่ ง “หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการวินจิ ฉัยสมองตาย” เม่อื ปี พ.ศ. 2554 สรปุ โดย ยอ่ คอื ผปู้ ว่ ยตอ้ งไมร่ สู้ กึ ตวั และไมห่ ายใจจากการทส่ี มองเสยี หายอยา่ ง รุนแรง โดยไมไ่ ด้เกิดจากสาเหตทุ ่ีแก้ไขได้ เชน่ พษิ ยา หรือภาวะช็อก การตรวจร่างกายไม่พบการเคล่ือนไหวใดๆ ได้เอง ไม่พบการทำางาน ของก้านสมอง เช่น ม่านตาไม่หดตัวเมื่อได้รับแสง โดยไม่มีการ เปล่ียนแปลงเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชัว่ โมงในผมู้ ีอายุมากกว่า 1 ปขี ึ้น ไป และไมม่ กี ารเคลือ่ นไหวของทรวงอกและหน้าทอ้ ง เมือ่ หยุดเครื่อง ชว่ ยหายใจเปน็ เวลาอย่างน้อย 10 นาที 18
ปจั จบุ นั ในทางการแพทยแ์ ละทางกฎหมายมคี วามเขา้ ใจเรอื่ ง สมองตายตรงกัน แต่ทางศาสนายังมีความคิดต่างกันอยู่ ถ้าผู้ป่วย สมองตาย แพทย์อาจถอดเครื่องช่วยพยุงชีวิตได้ทันทีโดยไม่ผิด กฎหมาย แต่ในแง่จริยธรรมทางการแพทย์ ต้องคำานึงถึงความทุกข์ ของครอบครัวผู้ป่วยด้วย ไม่ควรกระทำาส่ิงใดท่ีไปซำ้าเติมความทุกข์ เช่น การหักหาญถอดท่อช่วยหายใจโดยไม่ฟังคำาขอของครอบครัว เปน็ ตน้ 19
ตายอยา่ งมีศักดศ์ิ รี การตายตามกระบวนการปกตติ ามธรรมชาตขิ อง มนุษย์ ที่พึงเป็นไปตามสภาพ ไม่ถูกย้ือชีวิตหรือถูก แทรกแซงดว้ ยเทคโนโลยีต่างๆ จนเกินพอดี ผ้ปู ่วยยังคง มีสิทธิเหนือชีวิตและร่างกายของตนเอง มีโอกาสได้รับ ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเพียงพอ ทราบแนวทางการรักษา และมสี ว่ นในการเลอื กแนวทางการรกั ษา สามารถปฏเิ สธ ส่งิ ท่ีเกินกวา่ ความตอ้ งการของตนได้ ตายไมด่ ี โดยทว่ั ไปอาจหมายถงึ การตายในภาวะทจี่ ติ ใจวา้ วนุ่ หวาดกลวั สบั สน กระวนกระวาย หมองหมน่ เศรา้ โศก โกรธ หรอื กังวล ขาดสตสิ ัมปชญั ญะ ไมส่ ามารถยอมรบั ความตายได้ จงึ พยายามผลกั ไสหรอื เรง่ ใหต้ ายเรว็ ๆ จะได้ พน้ จากความทกุ ขท์ รมานท่ปี ระสบอยู่ สำาหรับบางคน การตายไม่ดีหมายถึงการตายท่ามกลางการยื้อชีวิต ดว้ ยการสอด แทง แยง แหยอ่ ปุ กรณท์ างการแพทยเ์ ขา้ ไปในรา่ งกาย หรอื การ ตายในบรรยากาศท่ไี ม่สงบ สับสนวุ่นวาย 20
การตายไม่ดีอาจหมายรวมถึงการตายอย่างฉับพลัน การตายด้วย อบุ ตั เิ หตุ หรอื ถกู ประทษุ รา้ ย การตายทไี่ มพ่ บศพ การตายทไ่ี มไ่ ดจ้ ดั งานศพ การฆา่ ตวั ตาย เป็นการตายในขณะทผ่ี ้ตู ายร้สู ึกหวาดกลวั สับสน ตระหนก ตกใจ ขาดสติ มีความหมองเศร้า หรือตายไปพร้อมกับความเจ็บปวด ทกุ ข์ทรมานทางกาย การนยิ ามการตายดีและการตายไมด่ ี ขึ้นอยกู่ บั ทศั นคตติ ่อชีวติ และ ความตายของผู้ตายและสังคมน้ันๆ โดยอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ในแต่ละชุมชน 21
ยธู านาเซยี (Euthanasia) มาจากภาษากรีก คำาว่า “ยู (ภาษาเขียน εὖ, eu)” หมายความว่า “ดี” ส่วน “ธานาธอส (θάνατος, thanatos)” หมายความวา่ “ตาย” ยธู านาเซยี จงึ หมายถึง ตายดี น่นั เอง ต่อมาในภายหลัง ยูธานาเซีย ถูกใช้ในความหมายท่ี เปลยี่ นแปลงไป คอื การยตุ ชิ วี ติ โดยเจตนาเพอื่ หลกี เลยี่ งความเจบ็ ปวดทกุ ขท์ รมาน 22
การณุ ยฆาต (Mercy killing) การทำาให้ผู้ป่วยท่ีรักษาให้หายไม่ได้ และมีความทุกข์แสนสาหัส เร่งจบ ชวี ติ ลง เพือ่ ให้ผู้ป่วยพ้นจากความทุกขท์ รมาน ในปจั จบุ นั มกี ารใชค้ าำ วา่ การณุ ยฆาต (Mercy killing) แทนคาำ วา่ ยธู านาเซยี มากข้ึน โดยอาจแบ่งการทำาการุณยฆาตออกเป็น 2 แบบ คือ 1) การช่วยให้ ผปู้ ่วยตายอยา่ งสงบ (Active euthanasia) โดยแพทย์ฉดี ยา ใหย้ า หรือใช้วิธีอ่ืนๆ ทาำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยตายโดยตรง 2) การปลอ่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยตายอยา่ งสงบ (Passive euthanasia) โดยแพทย์ไม่สงั่ การรกั ษา หรือยกเลกิ การรักษาท่เี ป็นการยืดชีวติ ผู้ป่วยออกไป ในปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ยังปฏิเสธการช่วยให้ผู้ป่วยตายอย่างสงบ (Active euthanasia) หรอื การชว่ ยให้ผู้ป่วยฆา่ ตัวตายเอง (Assisted suicide) ท้งั ในทางการแพทยแ์ ละกฎหมาย ประเทศทมี่ ีกฎหมายยอมรับการกระทาำ ดงั กลา่ ว เช่น เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก และบางรัฐในสหรัฐอเมริกา จะมี กฎระเบยี บแตกตา่ งกนั ไป เชน่ ตอ้ งยดึ ถอื เจตนาของผปู้ ว่ ยเปน็ สาำ คญั หรอื ใหอ้ ยู่ ในดุลยพนิ ิจของแพทย์ผรู้ ักษา หรือใหใ้ ชค้ าำ สง่ั ศาล บางประเทศยงั มีการถกเถียง กันเร่ืองจรยิ ธรรม ซง่ึ จะตอ้ งได้รับการประชาพิจารณ์จากประชาชน สาำ หรบั ประเทศไทย พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 12 รบั รอง สทิ ธขิ องบคุ คลในการแสดงเจตนาไมป่ ระสงคร์ บั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเี่ ปน็ ไปเพยี ง เพ่ือยืดการตายในวาระสุดทา้ ยของชวี ิต ไม่ไดร้ ะบถุ งึ เร่อื งการณุ ยฆาตโดยตรง 23
แปลกแยกจาก ความตาย สำานึกของคนในสังคมสมัยใหม่ที่มี ความร้สู กึ ว่าความตายเป็นเร่ืองไกลตวั น่ากลวั ไมใ่ ช่เร่อื งปกตธิ รรมดาและเป็น ธรรมชาตขิ องชีวิต จึงไมค่ วรคิดถึง พูดถึง หรือประสบพบเจอ สาเหตสุ าำ คญั ของความรสู้ กึ แปลกแยกจากความตาย เกดิ จากความตาย ถกู แยกออกจากชวี ติ ประจาำ วนั เรม่ิ แตเ่ มอ่ื เจบ็ ปว่ ยจะตอ้ งไปรกั ษาในโรงพยาบาล ถา้ ปว่ ยหนกั ตอ้ งเขา้ หอ้ งไอซยี ู และในชว่ งใกลต้ าย ผปู้ ว่ ยมกั จะอยภู่ ายใตก้ ารชว่ ย กชู้ ีวติ โดยแพทย์ ความตายจึงเกดิ ในที่มิดชิด มีผู้รับรู้เพียงไมก่ ค่ี น เมอื่ ตายแล้ว ศพจะถูกตกแต่งให้ดูดี งานศพต้องทำาพิธีในวัดและดำาเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น ใกล้ชิดความตายของคนจริงๆ จึงเห็น ความตายเป็นเรื่องของคนอ่ืน ไม่เก่ียวข้องหรือเช่ือมโยงมาถึงความตายของ ตัวเอง และพยายามกลบเกลื่อนหรือเบ่ียงเบนความกลัวตายด้วยการแสวงหา ความสุขเฉพาะหน้า จงึ ไม่เกิดการเรยี นรู้เรือ่ งความตาย นบั วันมีแต่จะห่างเหนิ จากความตาย มองเปน็ เรอื่ งไกลตัว จนกลายเป็นความแปลกแยกในท่สี ดุ 24
กลวั ตาย โดยทั่วไปเรามักคิดว่าความตายเป็นทุกข์ เป็นความพลัดพรากสูญเสีย จงึ พยายามผลักไสความตายออกไปให้ไกลทีส่ ดุ ไม่ตอ้ งการคดิ ถึง เรยี นรู้ หรือ ทำาความรู้จักความตาย ความกลัวตายยังฝังลึกและมีอิทธิพลที่สุดต่อความคิด จติ ใจ และการกระทาำ ของมนษุ ย์ สาเหตขุ องความกลวั ตายมหี ลายประการ เชน่ กลวั ความเจบ็ ปวดทรมาน ก่อนตาย กลัวความสูญเสียพลัดพรากจากบุคคลและของรัก กลัวหมดโอกาส เสพสุขอกี จึงรู้สึกหวงแหนชวี ติ และทส่ี ำาคัญคอื กลวั ตวั ตนดบั สูญ เป็นตน้ ความกลัวตายเป็นอุปสรรคสำาคัญต่อการตายอย่างสงบ การกลัวความ เจบ็ ปวดทรมานทางกายสามารถบรรเทาไดด้ ว้ ยยาและการ รักษาทางการแพทย์ แต่การเรียนรู้และฝึกฝนจิตใจเพื่อ เข้าใจและวางใจยอมรับความจริงดังกล่าว เ ป็ น สิ่ ง ท่ี ทุ ก ค น ต้ อ ง ทำ า ด้ ว ย ตั ว เ อ ง นอกจากจะช่วยให้ความทุกข์ลดลงแล้ว ยังช่วยให้ผู้ใกล้ตายมีจิตใจสงบ ไม่ต่อสู้ ขัดขืนเมื่อถึงเวลาที่ความตายมาเยือน จนสง่ ผลให้สามารถตายอย่างสงบได้ 25
เตรียมตัวตาย ผคู้ นสว่ นใหญค่ ดิ วา่ ความตายยงั อยอู่ กี ไกล แตค่ วามจรงิ แลว้ ความตาย อยู่ใกล้และอาจมาเย่ียมเยือนได้ทุกเม่ือ ทุกคนจึงควรเรียนรู้และฝึกใจให้ คุ้นเคยกับความตายเสียแต่เน่ินๆ เมื่อถึงเวลา จะได้ไม่หวาดกลัว ปฏิเสธ ผลักไส และสามารถเผชิญความตายได้อย่างสงบ การเตรียมตัวตายตามหลักพุทธศาสนา มีองค์ประกอบสำาคัญ 3 ประการ คอื 1) การเจริญมรณานุสติ 2) การทาำ ความดใี นทกุ โอกาส 3) การ ปลอ่ ยวาง การเรียนรู้และฝึกใจให้คุ้นเคยกับความตายด้วยการเจริญมรณานุสติ ในชวี ติ ประจำาวนั จะชว่ ยใหย้ อมรับความตายได้ง่ายข้ึน การหมั่นทำากรรมดี ละเว้นความชั่วและการเบียดเบียนท้ังหลาย ทาำ ให้ผ้ใู กล้ตายอุ่นใจและมัน่ ใจวา่ จะไปสู่สคุ ติ ตรงข้ามกับผ้ทู าำ กรรมชั่วซง่ึ มกั ทุรนทุรายและกลวั ความตายเมือ่ วาระสดุ ท้ายมาถงึ เพราะกลัวจะไปสูท่ คุ ติ ส่วนการเจริญสมาธิภาวนา การรักษาจิตใจให้เป็นปกติ เป็นกุศล อยู่เสมอ จะทำาให้เกิดสติเท่าทันความกลัว ความเจ็บปวด และความตาย ช่วยใหจ้ ิตสงบไดใ้ นยามเผชิญหน้ากบั วกิ ฤตของชีวติ 26
การฝกึ ปลอ่ ยวางความยดึ มนั่ ในทรพั ยส์ มบตั ิ ชอื่ เสยี ง ลกู หลาน พอ่ แม่ คนรกั และตัวตน ซึง่ ทกุ คนสามารถฝึกได้ในชีวิตประจำาวนั เชน่ เม่อื เงินหาย ข้าวของถูกลักขโมย หรอื เจ็บปว่ ย โดยการฝึกใจใหเ้ ปน็ ปกติ ระลึกอยเู่ สมอว่า ความสญู เสยี พลดั พรากเปน็ สงิ่ ทท่ี กุ ชวี ติ ตอ้ งประสบ เปน็ แบบฝกึ หดั เพอ่ื เตรยี ม ความพร้อมในการเผชญิ กับความตายอยา่ งสงบที่ทุกคนควรทำา นอกจากสามองค์ประกอบหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีการเตรียมตัวตาย ในด้านอืน่ ๆ อกี ทีค่ วรให้ความสำาคัญ เชน่ การจัดการภาระและสง่ิ ที่ค้างคาใจ ไมว่ า่ จะเปน็ การสะสางหนา้ ทก่ี ารงานหรอื ทรพั ยส์ นิ มรดก การปลดเปลอ้ื งอกศุ ล ในใจ เช่น ความโกรธเคือง ความรู้สึกผิด โดยการขออภัย หรือยกโทษ อโหสกิ รรมต่อบุคคลทเ่ี ปน็ สาเหตุของความรูส้ กึ นน้ั ๆ เปน็ ต้น 27
เฮอื กสดุ ทา้ ย ปรากฏการณท์ ผี่ ปู้ ว่ ยบางรายทม่ี อี าการทรดุ มาโดยตลอด เชน่ หลบั ไมร่ ตู้ วั ไมม่ กี ารตอบสนองใดๆ กลบั มอี าการดขี น้ึ สามารถลกุ ขน้ึ รับประทานอาหารได้ พูดจาได้ ระบบร่างกายไม่ว่าการหายใจหรือ ระบบเลอื ดดขี น้ึ อย่างนา่ อศั จรรย์ มกั จะเกิดขนึ้ ในชว่ ง 1 ถงึ 2 วนั ก่อนการเสยี ชวี ติ ลกู หลานญาตมิ ติ รไมค่ วรนง่ิ นอนใจวา่ ผปู้ ว่ ยอาการดขี นึ้ หรอื หายป่วยแลว้ เพราะอาจเปน็ เวลาเฮือกสดุ ทา้ ยของผ้ปู ว่ ย จึงควรใช้ ชว่ งเวลาดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ ประโยชนท์ ส่ี ดุ เชน่ กลา่ วอาำ ลา ขออโหสกิ รรม สวดมนต์ และเจริญภาวนาร่วมกัน เพ่ือนอ้ มนาำ ใหผ้ ู้ป่วยมีสตพิ รอ้ ม ทจ่ี ะจากไปอย่างสงบ 28
อุบตั เิ หตุ เหตุร้ายท่ีเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน นำาไปสู่ความเจ็บปวด พิการ ทกุ ข์ทรมานร้ายแรง หรอื การตายได้ การรบั มือภาวะดงั กลา่ วมคี วาม เปน็ ไปได้หลายรปู แบบ หากผู้ได้รับอุบัติเหตุไม่เคยฝึกฝนจิตใจมาก่อนอย่างเพียงพอ สว่ นใหญม่ กั จะตอบสนองตอ่ เหตกุ ารณอ์ ยา่ งตระหนกตกใจ เสยี ขวญั หรอื รา่ำ ไห้ ทาำ อะไรไมถ่ กู กระทง่ั หมดสติ จนอาจเกดิ ความโกลาหลและ ทาำ ใหส้ ถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดมิ การรับมือเม่ือตนเองประสบอุบัติเหตุ ต้องอาศัยสติ จะช่วย ผอ่ นหนกั ใหเ้ ปน็ เบาได้ โดยเฉพาะในกรณกี ารตายดว้ ยอบุ ตั เิ หตซุ ง่ึ เชอ่ื ว่าเปน็ การตายไมด่ ี แตห่ ากมสี ติกอ่ นตายและสามารถปล่อยวางจาก ความยึดติดถือม่ันในสิ่งต่างๆ ได้ ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นการ ตายที่ดเี ช่นกนั การฝกึ สตใิ นชวี ติ ประจาำ วนั อยา่ งสมาำ่ เสมอจงึ เปน็ วธิ ที จี่ ะรบั มอื กับอุบัติเหตทุ ่ีดที ่ีสุด (ดคู ำาว่า “มรณานสุ ติ การเจริญมรณานสุ ติ”) 29
สัญญาณใกล้ตาย อาการชว่ งสดุ ทา้ ยของชวี ติ ทบ่ี ง่ บอกวา่ รา่ งกายไมส่ ามารถทาำ งานได้ อกี ตอ่ ไป เป็นสิง่ ท่เี กิดขนึ้ ตามธรรมชาติ ไมใ่ ชอ่ าการท่ีจำาตอ้ งรกั ษาเสมอไป มชี ว่ งระยะเวลาสน้ั ยาวไมแ่ นน่ อน อาจเปน็ ชวั่ โมงถงึ เปน็ เดอื นกอ่ นการตาย โดยผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม เน่ืองจากร่างกายผลิตพลังงานได้ น้อยลง เพราะอวัยวะตา่ งๆ เร่ิมเสอ่ื มสภาพลงพร้อมๆ กัน ทำาให้สารเคมี ในร่างกายไมส่ มดุล และสติสัมปชญั ญะลดลง มผี อู้ ธบิ ายวา่ เมอ่ื รา่ งกายทาำ งานและผลติ พลงั งานไดน้ อ้ ย จงึ พยายาม เก็บพลังงานไว้ใช้กับอวัยวะส่วนที่จำาเป็นต่อการยังชีพ เช่น หัวใจและ หลอดเลอื ด ผูป้ ่วยจึงอาจมีอาการนอนหลบั ทั้งวนั เราอาจสังเกตเห็นสัญญาณใกล้ตายได้จากอาการต่างๆ เช่น มือ เท้าเย็น เขียวซีด ผิวเป็นจำ้า ปัสสาวะออกน้อยและมีสีเข้ม เน่ืองจากการ ไหลเวียนของโลหิตลดลง ส่งผลให้ความดนั เลือดตก ชพี จรเต้นเรว็ การหายใจผดิ ปกติ อาจหายใจตน้ื ๆ หยดุ หายใจเปน็ ชว่ งๆ หรอื หายใจ เรว็ กระชนั้ เนอื่ งจากภาวะความเปน็ กรดดา่ งในเลอื ดผดิ ปกติ การใสท่ อ่ ชว่ ย หายใจหรือสายคาจมกู เพือ่ ใหอ้ อกซิเจนจึงอาจไมม่ ีประโยชน์ เพราะผปู้ ่วย ไม่ไดข้ าดอากาศ แตม่ ีภาวะเลือดเป็นพษิ หลังจากอวัยวะตา่ งๆ เส่อื มสภาพ 30
การกินดม่ื ลดลง กลนื ลำาบาก น้าำ ลายสอ เนอื่ งจากระบบประสาท อตั โนมตั เิ ริ่มเรรวน กล้ามเนอื้ ท่ใี ช้กลนื และกลา้ มเนอ้ื ระบบทางเดนิ อาหาร จะหยดุ ทาำ งาน รา่ งกายจงึ ไมส่ ามารถกนิ ยอ่ ย และดดู ซมึ อาหารไดต้ ามปกติ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ประสาทหลอนเนื่องจากเลือด เป็นพษิ สารเคมีในเลือดเกดิ ความเปลยี่ นแปลง บางรายเพ้อ โวยวาย ช่วงสุดท้ายของชีวิต บางรายอาจมีอาการต่ืนได้สติ เหมือนไม่ได้ เป็นอะไรเลยในช่วงสั้นๆ ก่อนจะตายจากไป มีผอู้ ธบิ ายว่า อาการดังกลา่ ว เป็นพลังงานช่วงสุดท้ายท่ีเก็บไว้ใช้เพ่ือให้ญาติได้กล่าวลา (ดูคำาว่า “เฮือก สุดท้าย”) 31
สว่ นท่ี 2 หลังความตาย หลังจ�กใครคนหนึง่ หยุดห�ยใจ เร่อื งร�วของผอู้ ยู่เบอื้ งหลังยังด�ำ เนินตอ่ ไป 32
พิธีกรรมเกีย่ วกับศพ พิธีกรรมของคนไทยท่ีนับถือพุทธศาสนา เพื่อแสดงความเคารพ ระลึกถงึ ความดี และทำาบุญอุทศิ ส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ตลอดจนเปน็ อนสุ ติ ใหก้ บั ผทู้ ยี่ งั อยู่ ครอบคลมุ มติ ใิ นดา้ นความเชอ่ื คตธิ รรมทเี่ ปน็ ประโยชนอ์ ยู่ มากมาย เรมิ่ จากการอาบนำ้าศพให้สะอาด แตง่ ตวั ศพให้สมฐานะ แล้วใหศ้ พ นอนอยู่บนเตียง ทอดแขนออกมาให้ผู้มาร่วมงานรดนำ้าศพ เพ่ือขอขมา หรอื ขออโหสกิ รรมผูต้ าย 34
ต่อด้วยการมดั ตราสงั ซึง่ เปน็ ปรศิ นาธรรม อธบิ ายถึงห่วงสามหว่ ง คอื ห่วงลูก ห่วงสมบัติ ห่วงภรรยาหรือสามี ซึ่งผูกมัดให้สัตว์โลกจมอยู่ในห้วง สังสารวัฏ ตอ่ เมื่อห่วงเหล่านขี้ าดจงึ จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ ก่อนนาำ ศพบรรจุในโลง นิยมเอาเงินใส่ปาก เพอ่ื ใหพ้ ิจารณาวา่ ทรัพย์ สมบตั ทิ สี่ ะสมมา เมอื่ ตายแลว้ กเ็ อาไปดว้ ยไมไ่ ด้ และนาำ กรวยดอกไมธ้ ปู เทยี น ให้ศพพนมมือถอื ไว้ สำาหรบั นำาไปไหว้พระจฬุ ามณีเจดีย์ เมอื่ บรรจศุ พในโลงแลว้ จะมกี ารทาำ พธิ ที าำ บญุ อทุ ศิ สว่ นกศุ ลไปใหผ้ ตู้ าย การออกแบบพธิ ศี พจะขน้ึ อยกู่ บั ความเชอ่ื ทม่ี ตี อ่ โลกและชวี ติ ของผคู้ น ในแตล่ ะสงั คม เชน่ หากเชอ่ื วา่ มชี วี ติ หลงั ความตาย พธิ ศี พจะเปน็ การชว่ ยเหลอื คนตายให้มีชีวิตท่ีดีหลังความตาย หากมองว่าคนตายสามารถให้คุณให้โทษ แกค่ นเปน็ ได้ การทาำ พธิ ศี พจะเปน็ ไปเพอ่ื ทาำ ใหค้ นตายเปน็ สขุ จะไดไ้ มร่ งั ควาน คนเปน็ หากมองว่าโลกของคนเป็นมคี วามสำาคญั กวา่ โลกของคนตาย พิธีศพ จะเปน็ ไปเพือ่ สัง่ สอนคนเป็นใหด้ ำารงตนอยูใ่ นธรรมะ ไมป่ ระมาท เปน็ ต้น การจะเข้าใจความเชื่อท่ีอยู่เบื้องหลังพิธีกรรมดังกล่าว จะช่วยในการ ออกแบบงานศพใหม้ คี วามหมาย ไมน่ า่ เบอื่ เกดิ ปญั ญา เกดิ ความเกอื้ กลู ทาำ ให้ ผูม้ าร่วมงานศพได้รับประโยชน์ตามความม่งุ หมายทแ่ี ทจ้ รงิ ของงาน 35
ฉลาดทาํ ศพ งานศพเป็นพธิ กี รรมสุดท้ายท่ีจดั ขึน้ เพ่อื ให้เกดิ บญุ กศุ ลต่อผู้ตายและผ้ทู ่ี เกยี่ วขอ้ ง ควรจดั อยา่ งมคี วามหมาย เปน็ อนสุ ตใิ หผ้ มู้ ารว่ มงานไดเ้ ขา้ ใจสจั ธรรม ของชีวิต ช่วยคลายความเศร้าของครอบครัวญาติมิตร และไม่ควรสิ้นเปลือง เสยี ค่าใช้จ่ายน้อย เปน็ ไปตามแนวทางเรยี บง่าย ได้ปัญญา ดังตัวอยา่ งเชน่ 1. ระยะเวลาในการจดั งาน ควรกระชบั เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย คาำ นงึ ถงึ สาระ สาำ คญั ของงานและความมีประโยชน์เป็นหลกั 2. เลือกโลงศพไม้ธรรมดา ไม่ต้องมีลวดลาย อาจขอเช่าฝาครอบโลงที่ หลายวัดมีบริการ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย สามารถนำาเงินที่เหลือไปทำา สาธารณประโยชน์เพื่อทาำ บุญแก่ผตู้ ายได้ 3. การเลี้ยงอาหารรอบดึก อาจไม่จำาเป็นนัก เพราะแขกส่วนใหญ่มัก รับประทานมาแล้ว 36
4. ดอกไมแ้ ละการตกแตง่ หนา้ โลงศพและศาลา สามารถใชไ้ มย้ นื ตน้ หรอื ไม้กระถางท่ีนำาไปปลูกลงดินได้หลังจากเสร็จงาน แทนการใช้ดอกไม้ ซ่งึ จะเหี่ยวเฉาในเวลาไมน่ าน 5. พวงหรดี เจา้ ภาพอาจขอความรว่ มมอื จากผมู้ ารว่ มงานใหเ้ ปลย่ี นจาก การใหพ้ วงหรีดดอกไม้เป็นส่ิงทมี่ ปี ระโยชน์ยืนยาวกวา่ เชน่ พวงหรีด ผ้าห่ม พวงหรดี หนงั สือ หรอื ส่ิงแทนพวงหรดี เช่น พัดลม ฯลฯ ซึง่ นำา ไปบรจิ าคใหว้ ัด โรงเรยี น หรือชุมชนที่ต้องการได้ 6. ของชำารว่ ย ต้องไมเ่ บียดเบียนเจา้ ภาพและเปน็ ประโยชนต์ ่อผรู้ ับ เชน่ หนังสอื ธรรมะ เปน็ ต้น 7. การสวดพระอภิธรรม มุ่งสอนคนเป็นมากกว่าสวดให้ผู้ตาย จึงควร หารือพระสงฆ์ให้มีการแปลบทสวดเป็นภาษาไทย ส่วนผู้ฟังควร ให้ความเคารพต่อผู้ตายและพระสงฆ์ผู้แสดงธรรม โดยการสงบน่ิง ไมพ่ ดู คยุ หรอื ทาำ ธรุ ะอยา่ งอน่ื และปดิ เครอ่ื งมอื สอ่ื สารในขณะพระสวด 8. การบรรยายธรรม เป็นทานที่ถือว่าได้บุญมาก ทั้งแก่ผู้ตายและผู้จัด งานศพ 9. การกลา่ วคาำ ไวอ้ าลยั หรอื สรปุ ประวตั เิ กยี รตคิ ณุ เปน็ ประเพณที งี่ ดงาม ในงานศพ โดยครอบครัว ญาติ และเพ่ือนของผู้ตาย ผลัดกันกล่าว คาำ ราำ ลกึ ถงึ ผตู้ าย เพอื่ ชว่ ยใหผ้ รู้ ว่ มงานไดท้ บทวนคณุ ความดขี องผตู้ าย และเตอื นสตใิ หผ้ ู้มาร่วมงานนึกถงึ คณุ คา่ ของตนเอง 37
10. การทำาบุญอ่ืนๆ นอกจากการถวายปัจจยั ให้พระ เช่น การบรจิ าคเงนิ ในนามของผู้ตายเพ่ือทำาประโยชน์แก่ส่วนรวมเพ่ือช่วยเหลือผู้ยากไร้ สนับสนุนการศึกษา หรือการทำาความดีเพื่อแสดงความกตัญญูแก่ ผลู้ ว่ งลับ ฯลฯ 11. การบวชหนา้ ไฟ เพอื่ อทุ ศิ บญุ กศุ ลใหแ้ กผ่ ตู้ าย หรอื ครอบครวั ญาตมิ ติ ร ร่วมกันปฏิบัติธรรมเพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย โดยการน่ังภาวนา หนา้ ศพทกุ วนั ในชว่ งจดั งานศพ และปฏบิ ตั ธิ รรมทบ่ี า้ นกอ่ นนอนหรอื ในเวลาทส่ี ะดวก 12. การเปดิ ฝาโลง เพอ่ื ใหญ้ าตไิ ดเ้ หน็ ผตู้ ายเปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ย และเปน็ โอกาส เจรญิ มรณานุสติ 13. การเผาศพและเกบ็ อฐั ิ ขน้ึ อยกู่ บั ความเชอ่ื ของญาตแิ ละผตู้ าย หากเลอื ก เผาศพ จะเปน็ ภาระนอ้ ยกวา่ การเกบ็ ศพหรอื ฝงั ศพ โดยญาตสิ ามารถ บรรจกุ ระดกู ของผตู้ ายไวใ้ นสถานทที่ วี่ ดั จดั เตรยี ม หรอื นาำ องั คาร (เถา้ ) ไปลอย นาำ กระดกู ไปโปรยในแหลง่ นา้ำ หรอื ฝงั โคนตน้ ไมใ้ หญเ่ พอื่ กลบั คืนสูธ่ รรมชาติ 38
พนิ ยั กรรมมรดก การรวบรวม ทำาบัญชี และแบ่งมรดกให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก ของผู้ตาย โดยปกติเม่ือบุคคลใดถึงแก่ความตาย ทรัพย์หรือมรดกของ บุคคลนั้นจะตกทอดแก่ทายาททันที ในกรณีท่ีทายาทไม่สามารถจัดการ ทรพั ยม์ รดกของผตู้ ายได้ ทายาทหรอื ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี สามารถรอ้ งขอตอ่ ศาล ให้มีคาำ สั่งแตง่ ต้งั ผู้จดั การมรดก แล้วนำาไปแบ่งปันแก่ทายาทอกี ตอ่ หนึง่ การจัดการมรดกโดยทำาพินัยกรรม เป็นส่ิงสำาคัญอย่างหนึ่งที่จะ ชว่ ยใหผ้ ใู้ กลต้ ายวางใจในเรอื่ งทรพั ยส์ นิ วา่ จะถกู จดั สรรตามความตอ้ งการ ของตนเองภายหลังการเสยี ชวี ติ อนง่ึ ควรทราบวา่ ผเู้ ซน็ เปน็ พยานในพนิ ยั กรรมมรดก จะไมม่ สี ทิ ธิ รับผลประโยชน์จากมรดกก้อนนนั้ 39
แจ้งตาย การแจ้งการตายและขอหนังสือรับรองการตายท่ีฝ่ายทะเบียนสำานักงาน เขตทอ้ งทีภ่ ายใน 24 ช่วั โมง โดย 1. ในกรณีเสียชีวิตที่บ้าน หากเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายและเคยได้รับการ รกั ษากบั โรงพยาบาลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ญาตคิ วรตดิ ตอ่ ใหโ้ รงพยาบาลออก หนังสือรับรองการตาย เพ่ือใช้เป็นหลักฐานการแจ้งตายโดยไม่ต้อง ผา่ ศพหาสาเหตกุ ารตาย 2. ในกรณเี สยี ชวี ติ ทบ่ี า้ นจากอบุ ตั เิ หตหุ รอื โรคปจั จบุ นั ใหแ้ จง้ ตาำ รวจในเขต ทบ่ี า้ นตง้ั อยู่ ตาำ รวจจะมาตรวจสอบและลงบนั ทกึ ประจาำ วนั แจง้ คนตายไว้ เพอื่ ให้ญาตใิ ชเ้ ปน็ หลักฐานในการแจ้งตาย แล้วจงึ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีน่ ติ ิเวช มาชนั สูตรพลกิ ศพ (ดคู าำ วา่ “ชันสูตรพลิกศพ”) 3. การเสยี ชวี ติ ทโ่ี รงพยาบาล โรงพยาบาลจะออกหนงั สอื รบั รองการตาย ซ่งึ สามารถนาำ ไปใช้แจง้ ตายขอใบมรณบัตรท่ีสาำ นักงานเขตตอ่ ไป 4. เอกสารและหลกั ฐานทต่ี อ้ งใชใ้ นการแจง้ ตาย ประกอบดว้ ยบตั รประจาำ ตวั ประชาชนของผู้แจ้ง ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบา้ นทผ่ี ู้ตายมีช่อื อยู่ (ถ้าม)ี หนงั สอื รบั รองการตาย (ถา้ ม)ี บนั ทกึ ประจาำ วนั แจง้ ความคนตาย (กรณี ไมม่ ีหลกั ฐานรบั รองการตาย) 40
ชันสูตรพลกิ ศพ การคน้ หาสาเหตแุ ละพฤตกิ ารณ์ที่ตายว่า ผู้ตายคอื ใคร ตายเมอื่ ใด ถ้าตายโดยผิดปกติ เช่น ไม่มีโรคประจำาตัว แต่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย หรือสงสยั วา่ ถูกทาำ ร้าย ตอ้ งมีการตรวจพิสูจน์เพือ่ ดสู ภาพศพ และสืบหาวา่ ใครเปน็ ผ้กู ระทาำ ความผิด เพอื่ ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 148 มงุ่ หมาย ใหแ้ พทยแ์ ละพนกั งานสอบสวนตรวจสอบในสถานที่พบศพ ยกเวน้ แตก่ าร ชนั สตู รพลกิ ศพในสถานทเี่ กดิ เหตอุ าจทาำ ใหก้ ารจราจรตดิ ขดั มาก อาจทาำ ให้ กลายเป็นสถานที่อุจาดตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อ ประชาชนทวั่ ไป แพทยแ์ ละพนกั งานสอบสวนมสี ทิ ธเิ คลอ่ื นยา้ ยศพ เพอื่ นาำ ไปชนั สตู รพลิกศพ ณ สถานท่อี นื่ ทเ่ี หมาะสมได้ 41
วิธีการชนั สตู รพลกิ ศพในประเทศไทยมี 2 วิธี คอื การชันสูตร พลิกศพโดยการผ่าและไม่ผ่าศพตรวจ การชันสูตรพลิกศพโดยไม่ผ่า คอื การตรวจสภาพภายนอกของศพ ดเู พศ อายุ เชอ้ื ชาติ สง่ิ ของตดิ ตวั ฯลฯ เพื่อพิจารณาวา่ ผตู้ ายคอื ใคร ดสู ภาพการเปลย่ี นแปลงของศพ ภายหลงั การตาย เพอ่ื ประมาณเวลาตาย ดลู ักษณะบาดแผลที่ปรากฏ เพ่ือสันนิษฐานสาเหตุของการตาย การตรวจดงั กลา่ วจะตอ้ งพลกิ ศพ ดทู ง้ั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ของศพ จงึ ใชค้ าำ ว่า “พลกิ ศพ” ส่วนการชันสูตรพลิกศพโดยการผ่าศพ กระทำาในกรณีท่กี าร พลิกศพไม่สามารถบอกสาเหตุการตายได้ชัดเจน เพราะสามารถ ตอบปัญหาและขอ้ สงสยั จากการพลิกศพ หรือในกรณีท่กี ารพลิกศพ ไมพ่ บบาดแผลปรากฏภายนอกใหเ้ หน็ การผา่ ศพจะบอกไดว้ า่ การตาย เกดิ จากตบั แตกหรอื มา้ มแตก ฯลฯ อนั เปน็ ผลใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ หรอื เกดิ จากกลา้ มเนอื้ หวั ใจขาดเลอื ดไปหลอ่ เลยี้ ง เสน้ โลหติ ในสมองแตก ฯลฯ อันเปน็ โรคภัยไขเ้ จบ็ ธรรมดา เป็นตน้ 43
ส่วนที่ 3 การตายกบั การแพทย์ ปจั จุบันก�รแพทย์มีบทบ�ทสำ�คญั ม�ก ตอ่ ก�รต�ยของเร� ส�ม�รถเก้อื กูลหรอื ขัดขว�ง ก�รต�ยอย่�งสงบของผปู้ ว่ ยได้ทัง้ สองท�ง จดุ ส�ำ คญั คือ ผู้ป่วยและญ�ติมีคว�มรใู้ นเรือ่ งต่�งๆ ดงั ต่อไปน้ีแล้วหรอื ไม่ 44
หนังสือแสดงเจตนาเกย่ี วกบั การรกั ษาในวาระสดุ ท้ายของชวี ิต (Advance Directive) หนังสือแสดงเจตนาเกีย่ วกับการรักษาในวาระสดุ ท้ายของชีวิต หรอื บาง คนเรยี กวา่ หนงั สอื เลอื กวธิ กี ารรกั ษา เปน็ เอกสารแสดงความประสงคข์ องตนเอง ท่ีจะรับหรือไม่รับการรักษาประเภทใดเม่ือเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิต หรือเมื่อ อยใู่ นภาวะทไ่ี มส่ ามารถสอื่ สารได้ ไมส่ ามารถตดั สนิ ใจได้ การทาำ เอกสารดงั กลา่ ว เปน็ ส่วนหน่งึ ของกระบวนการวางแผนดูแลรกั ษาตนเองล่วงหนา้ ประเทศไทยมกี ฎหมายคมุ้ ครองสทิ ธดิ งั กลา่ วตาม พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 12 ซ่ึงกำาหนดไว้ว่า “บุคคลมีสิทธิทำาหนังสือแสดงเจตนา ไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเี่ ปน็ ไปเพอื่ ยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ยของ ชวี ิตตน หรอื เพ่อื ยตุ กิ ารทรมานจากการเจบ็ ปว่ ยได้ การดาำ เนินการตามหนังสอื แสดงเจตนาตามวรรคหนึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำาหนดในกฎ กระทรวง เมอ่ื ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ ไดป้ ฏบิ ตั ติ ามเจตนาของบคุ คล ตามวรรคหนงึ่ แลว้ มใิ หถ้ อื วา่ การกระทาำ นน้ั เปน็ ความผดิ และใหพ้ น้ จากความรบั ผดิ ชอบท้งั ปวง” 46
สทิ ธใิ นการปฏเิ สธการรกั ษา เปน็ เรอ่ื งความประสงคข์ องผปู้ ว่ ยทตี่ อ้ งการ ตายอย่างสงบตามธรรมชาติ โดยปราศจากเคร่ืองพยุงชีวิตต่างๆ ท่ีตนเอง ไมต่ อ้ งการ แตย่ งั คงไดร้ บั การรกั ษาดแู ลตามอาการ เพอ่ื บรรเทาความทกุ ขท์ รมาน ตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสมจากทมี ผู้ดูแลรักษา ไมไ่ ดถ้ ูกทอดท้งิ ละเลย แตกต่างจาก การรอ้ งขอใหผ้ อู้ นื่ ชว่ ยเหลอื ใหต้ นเองเสียชีวติ หรอื การุณยฆาต ซงึ่ ขัดตอ่ หลกั ศลี ธรรมและจรยิ ธรรมทางศาสนา ผทู้ มี่ อี ายคุ รบ 18 ปขี น้ึ ไปและสตสิ มั ปชญั ญะสมบรู ณ์ สามารถทาำ หนงั สอื แสดงเจตนาไดด้ ้วยตนเอง สำาหรับผูป้ ว่ ยเด็กหรอื เยาวชนทอ่ี ายุต่ำากวา่ 18 ปี จะ ต้องได้รับความเหน็ ชอบจากบิดามารดาหรอื ผู้ปกครอง 47
เมอ่ื ได้ทำาหนงั สือแสดงเจตนาแล้ว ผทู้ ำาควรเก็บต้นฉบบั ไวเ้ อง แจง้ และ มอบสำาเนาท่ีรับรองความถูกต้องสอดไว้ในแฟ้มประวัติผู้ป่วยของตน เพื่อ สอ่ื สารใหท้ มี ดแู ลรบั ทราบอยา่ งทว่ั ถงึ พรอ้ มทง้ั มอบใหญ้ าตหิ รอื บคุ คลใกลช้ ดิ ทไี่ ว้วางใจด้วย โดยผทู้ ำาสามารถเปลยี่ นแปลงแก้ไข ระงับใช้ หรือยกเลกิ ได้ตาม ความต้องการทกุ เมื่อ แต่จะต้องแจ้งใหผ้ ้เู กีย่ วขอ้ งทุกคนรับทราบโดยเรว็ หนงั สอื แสดงเจตนาเก่ยี วกับการรกั ษาในวาระสดุ ท้ายของชวี ติ ยังรจู้ ัก กันในอกี หลายชอ่ื ไดแ้ ก่ ความต้องการครั้งสดุ ทา้ ยของชวี ิต ลิขิตวาระสดุ ท้าย หนังสือเลือกวิธีการรักษาในช่วงท้ายของชีวิต หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์ จะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ในวาระสุดทา้ ยของชีวติ เปน็ ตน้ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลหรือ ตัวอย่างหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต ได้ที่ www.thailivingwill.in.th 48
พนิ ยั กรรมชีวิต เครอื่ งมือทบทวน ใครค่ รวญชีวติ ผา่ นการเขยี นความปรารถนาเกย่ี วกบั การตายของตน ได้แก่ การจัดการทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ลูกหลาน ญาตมิ ติ ร รา่ งกายและงานศพของตน การเลอื กวธิ กี ารรกั ษาในระยะสดุ ทา้ ยของ ตน รวมถงึ บคุ คลที่ต้องการมอบหมายใหร้ บั ผิดชอบคำาสงั่ เสยี ดงั กลา่ ว พินัยกรรมชีวิตจะมีประโยชน์มากขึ้น ถ้าผู้เขียนนำาไปสื่อสารกับคนใน ครอบครัว หรือบุคคลท่ีเกี่ยวข้อง นำาไปเขียนหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการ รักษาฯ เพื่อสื่อสารกับบุคลากรสุขภาพให้เข้าใจความต้องการในระยะท้ายของ ชวี ิต ตลอดจนหมน่ั ทบทวนและปรับปรงุ พนิ ัยกรรมชีวิตอยเู่ สมอ พนิ ยั กรรมชวี ติ ไมใ่ ชพ่ นิ ยั กรรมมรดก (ดคู าำ วา่ “พนิ ยั กรรมมรดก”) ลกู หลาน ญาตมิ ติ รสามารถเซน็ ชอ่ื เปน็ พยานเพอ่ื รบั รคู้ วามปรารถนาของผเู้ ขยี นรว่ มกนั ได้ 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130