พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส
ขลงั ศกั ด์สิ ิทธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม กาลกิณี กาลกณิ ี แปลตามพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานวา่ โชครา้ ย, เสนียดจญั ไร, ลักษณะท่เี ป็นอปั มงคล ท่ีเห็นอยู่บ่อยๆ ก็เช่น สีรถเป็นกาลกิณี ลองค้นดูในเว็บไซด์ต่างๆ เหน็ มขี อ้ ความเหลา่ นี้ ทา่ นผอู้ า่ นลองพจิ ารณาเอาเองกแ็ ลว้ กนั ตวั อยา่ งเชน่ “วธิ แี กเ้ คลด็ ส�ำ หรบั ผทู้ ใ่ี ชส้ รี ถทเี่ ปน็ กาลกณิ วี นั เกดิ เชน่ คนเกดิ วนั อาทติ ย์ ใช้รถสฟี า้ หรือสนี �ำ้ เงนิ เป็นต้น ใหห้ าสตกิ เกอร์ ‘สีทเ่ี ป็นศรี’ ของ วันเกิดของเจ้าของรถ เชน่ คนเกิดวันอาทิตย์ มีสีเขยี วเปน็ ศรี เป็นตน้ เม่ือ ไดส้ ีนนั้ มาแล้ว ใหต้ ดั สติกเกอรใ์ หไ้ ดข้ นาด ๒ คูณ ๒ น้วิ จำ�นวน ๔ แผน่ แล้วเอาไปติดต�ำ แหนง่ ของรถตอ่ ไปน้ี แผน่ ท่ี ๑. กระโปรงหนา้ รถ (ตรงกลาง) ๑ แผ่น แผน่ ที่ ๒. ติดที่กระโปรงหลงั (หรือฝาทา้ ย) แผ่นที่ ๓. ติดทีป่ ระตหู นา้ ซา้ ย แผ่นที่ ๔. ตดิ ที่ประตหู นา้ ขวา ถ้าไม่สามารถหาสตกิ เกอร์ สที ่ีเราต้องการได้ อาจใชว้ ิธีการเขยี น ขอ้ ความว่า “รถคนั นี้ส.ี ...” เพ่ือส่อื ความหมายในแง่มงคลค่ะ” [๑๗]
๔๗ พระมหาวเิ ชยี ร ชนิ วํโส “หลวงพ่อบอกว่า ให้ใช้รถสีเขียวจะมีโชคเพราะเกิดวันจันทร์ TOYOTA wish ไมม่ ีสเี ขยี วนี่คะ เลยติดคำ�วา่ “รถคันน้สี ีเขยี ว” ไว้กระจก หลงั รถ ติดได้ ๒ อาทติ ย์ โชคครงั้ แรก ใบส่งั ๑ ใบ ๔๐๐ บาท โชคครั้งที่ ๒ ยางแตกละเอยี ด ๒ เส้น เฮ้อ..๙,๐๐๐ กวา่ ครง้ั ที่ ๓ ทบั หมาทบี่ า้ นขาหกั รกั ษา ร.พ.สตั ว์ กม.๘ รามอนิ ทรา ๖,๐๐๐ บาทเอง นแ่ี หละรถคนั นส้ี เี ขยี ว” “มเี รอื่ งเคราะหร์ า้ ยหลายครงั้ กเ็ ลยไปหาหมอดู หมอถามวา่ ใชร้ ถ สีอะไร ตอบว่าสีแดง หมอบอกว่า นั่นแหละต้นเหตุของเร่ืองร้าย เพราะ ดวงไม่ถูกโฉลกกับรถสีแดง ต้องเปล่ียนเป็นสีเหลืองแล้วจะหมดเคราะห์ ถา้ เชือ่ หมอดูแล้วมสี ตางค์ กเ็ อารถเข้าอูใ่ หช้ ่างจดั การปล่ียนสซี ะ มหี ลาย คนท�ำ อยา่ งนนั้ หรอื ขายคนั แดงนนั้ ไปเลย แลว้ ไปซอื้ สเี หลอื ง แตถ่ า้ สตางค์ ยงั ไมม่ ี หรอื มแี ตถ่ เี่ หนยี ว กใ็ ชว้ ธิ ตี ดิ สตกิ๊ เกอรว์ า่ รถคนั นสี้ เี หลอื ง เพอื่ หลอก บรรดาผหี า่ ซาตาน เทพยดาแหง่ เคราะหท์ ง้ั หลาย ใหเ้ หน็ วา่ รถคนั นสี้ เี หลอื ง แล้วจะได้เลิกมารังควาญ แหม…พวกเทพแห่งเคราะห์ หรือผีห่าซาตาน ท้งั หลายน้ันมนั โงจ่ ริงเฟ้ย ดูสรี ถจริงๆ กไ็ ม่ออก ทง้ั ที่แดงแจ๋ออกอยา่ งนัน้ เหน็ ปา้ ยว่ารถคันน้สี เี หลืองเทา่ นัน้ กถ็ กู หลอกให้เชื่อซะแล้ววา่ เหลืองจรงิ เฮอ้ ....หรือใครกนั แน่กไ็ ม่รู้ ทีท่ ้ังโง่ทั้งงมงาย ประจานตวั เองโทนโท”่ [๑๘] ไดพ้ บกบั โยมทา่ นหนง่ึ มธี รุ ะผา่ นมาพษิ ณโุ ลกจงึ แวะมาเยย่ี มเยยี น เพราะร้จู กั คุ้นเคยกันพอสมควร หลงั จากเจรจาพอใหห้ ายคิดถึงแล้ว โยม กล็ ากลบั แตเ่ มอื่ ขบั รถออกไปหนา้ วดั รถดนั พลดั ตกลงไปในคนู �ำ้ เลก็ ๆ ขา้ ง ทาง ทง้ั ๆ ที่ไม่นา่ จะตก คณุ เธอเล่าให้ฟงั วา่
ขลงั ศักดส์ิ ทิ ธิ์ อทิ ธฤิ ทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๔๘ “โชคดนี ะเนย่ี ทไ่ี ปใหห้ ลวงพอ่ ท�ำ พธิ แี กก้ าลกณิ ใี ห้ เพราะรถไมถ่ กู โฉลกกับวันเกดิ ไม่งั้นคงเจบ็ ตัวมากกวา่ น้ี” ผเู้ ขียนกไ็ ด้แต่อึ้งตะลึงงนั ช่นื ชมเธอวา่ ช่างคิดบวกดีเหลือเกิน กาลกิณี อีกชนิดหนึ่ง ที่มักได้ยินอยู่เสมอ คือช่ือ-นามสกุล มี พยญั ชนะ สระเปน็ กาลกณิ ี พอเกดิ เรอ่ื งซวยขนึ้ มา หลายคนจงึ รบี ไปหาพระ บ้าง หาหมอดบู ้าง เปลี่ยนช่ือทกุ ปี เปลี่ยนจนแทบจะจำ�ชอื่ ตนเองไม่ได้ สารพดั ชือ่ ทไี่ พเราะเพราะพริ้ง เช่นกนกกาญจน์ ธันยธรณ์ วริ ญั ชนา ฯลฯ ไดย้ นิ ชอื่ แลว้ กไ็ ดแ้ ตช่ นื่ ชมวา่ ตงั้ ชอ่ื ไดด้ ี แตพ่ อเหลอื บมองใบหนา้ แลว้ ความดนั ขน้ึ หน้ากับชือ่ ช่างไปกนั ไดด้ จี รงิ ๆ มีเรื่องหนงึ่ ปรากฏในอรรถกถา ว่า [๑๙] เชา้ วนั หน่ึง หลังจากพระพุทธเจา้ ทรงแผข่ า่ ยแหง่ พระญาณส�ำ รวจ ดูอุปนิสัยแห่งสัตว์โลกแล้ว เห็นว่านายอริยะจะบรรลุพระโสดาบันในวันนั้น จงึ เสด็จไปบิณฑบาตพร้อมดว้ ยหมูภ่ กิ ษสุ งฆ์ ดา้ นทิศเหนือแหง่ กรงุ สาวตั ถี ขณะนน้ั นายอรยิ ะก�ำ ลงั นงั่ ตกปลา เหน็ พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ มาพรอ้ ม กบั ภิกษสุ งฆ์ คงรสู้ ึกเขิน จึงได้วางคันเบด็ ไว้ยนื รออยู่ นายอริยะยังมีความละอาย ช่างต่างจากคนเดี๋ยวน้ี กำ�ลังตกเบ็ด อยหู่ ากพระบณิ ฑบาตเดนิ ผา่ นท�ำ ทวี า่ มองไมเ่ หน็ บางคนอาจคดิ วา่ พระเปน็ กาลกิณดี ว้ ยซ้�ำ ดันมาเดินทำ�อะไรแถวน้ี ปลาไมย่ อมกนิ เบด็ ก็เพราะพระนี่ แหละ ท้ังๆ ทเ่ี ปน็ “สายการบิน” ประจำ�ของพระแทๆ้
๔๙ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส พระศาสดา หยดุ ประทบั ยนื ไมไ่ กลจากนายอรยิ ะแลว้ แกลง้ ตรสั ถาม ชอื่ ของพระสาวกทั้งหลาย พระสาวกเหล่านัน้ ตา่ งกก็ ราบทูลชื่อของตนว่า “ข้าพระองคช์ ่ือสารบี ตุ ร” “ขา้ พระองคช์ ือ่ โมคคลั ลานะ” เปน็ ตน้ นายอริยะจึงคดิ วา่ “พระศาสดาตรสั ถามช่อื สาวกทกุ องค์ เด๋ียวก็ คงตรัสถามชื่อของเราบา้ ง” พระศาสดาทรงทราบวาระจติ ของนายอรยิ ะ จงึ ตรัสถามว่า “อบุ าสก เธอชื่ออะไร” เขารออย่แู ล้ว จงึ กราบทูลว่า “ข้าพระองคช์ ือ่ อริยะ พระเจา้ ข้า” จึงตรสั สอนว่า “อุบาสก ผทู้ ี่ฆ่าสตั ว์เช่นท่านจะชื่อวา่ อรยิ ะไมไ่ ด้ สว่ นผทู้ ่ตี ้งั อยใู่ น ความไม่เบยี ดเบียนสัตวต์ ่างหาก จึงควรชื่อว่าอรยิ ะ” นายอรยิ ะไดฟ้ งั ดงั นน้ั เกดิ ซาโตรขิ น้ึ มา บรรลเุ ปน็ พระโสดาบนั ทนั ที ช่ือจะเป็นกาลกิณีหรือไม่ ถ้าถือตามหลักพุทธแท้ อยู่ท่ีความ ประพฤตติ ่างหาก หลายปมี าแลว้ เมอื่ มโี อกาสไดจ้ ารกิ ไปทางภาคอสี านบา้ นเฮา เมอื่ ออกรับบิณฑบาต เห็นชาวบ้านใชถ้ ่านเขยี นติดขา้ งฝาบา้ นว่า “บา้ นน้ไี ม่มี คนแก่ มแี ต่เอา๊ ะๆ” แต่หนา้ บ้านคณุ ยายก�ำ ลงั ใสบ่ าตรอยู่ จงึ อดถามไม่ได้วา่ เขยี นไวท้ �ำ ไม
ขลัง ศกั ด์ิสทิ ธิ์ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม ๕๐ คณุ ยายเลา่ วา่ “เขาบอกว่า(ตามฟอร์ม คอื ไม่รู้ว่าใครบอก) มผี แี ม่ หม้ายเข้ามาอาละวาดในหมู่บ้าน แล้วผีก็สนใจแต่คนแก่ จะเอาไปอยู่ด้วย กเ็ ลยต้องเขียนหลอกมนั ไว”้ ชา่ งมเี หตผุ ลน่าเชือ่ จรงิ ๆ โถ ต่อให้ไม่มผี แี ม่หมา้ ย คนแก่กเ็ ป็นไม้ ใกลฝ้ งั่ อย่แู ลว้ ไมร่ วู้ ่าจะตายวันตายพรงุ่ เมอื่ ไร นีเ่ รยี กว่า “ความแกเ่ ป็นกาลกณิ ี” อกี เรื่องหนงึ่ ทไี่ ดส้ มั ผัสกับตนเองสมยั ที่บวชได้ ๓ พรรษา ชว่ งน้ัน โรคไหลตายกำ�ลงั ดัง ผู้ชายวัยฉกรรจ์ในภาคอสี านนอนตายเอาด้ือๆ หลาย คน เปน็ ท่เี ลอื่ งลอื กันวา่ มผี แี มห่ ม้ายอาละวาด เพอ่ื จะเอาผชู้ ายไปอย่ดู ว้ ย ชายหนุ่มและชายอยากจะกลับมาเป็นหนุ่มทงั้ หลายพากันทาลิปสตกิ ปาก แดงแจ๋ ทกี่ ลวั หนกั หนอ่ ย กเ็ อาผา้ ถงุ เสอ้ื คอกระเชา้ ของแมบ่ า้ นมาใสน่ อน นยั ว่าจะท�ำ ให้ผแี ม่หม้ายสับสน ไม่ร้วู ่าคนไหนผูช้ าย คนไหนผูห้ ญงิ ไม่ไดถ้ ามวา่ แล้วท�ำ ยังไงกบั ลูกกระเดือก นี่ก็ “ความเปน็ ชายเปน็ กาลกณิ ”ี สมยั ท่ผี ้เู ขียนจำ�พรรษาอยทู่ ี่ จ.สระบุรี ไดอ้ อกรับบณิ ฑบาตพร้อม ด้วยพระอื่นๆ รวมแล้ว ๔ รปู มโี ยมท่านหน่งึ ไม่ยอมใสบ่ าตร ดว้ ยความเชือ่ ว่าพระ ๔ รปู นน้ั เขาใชใ้ นงานอวมงคลคอื สวดศพ หลังจากวันน้นั จงึ ไม่กล้า ไปบณิ ทบาต ๔ รปู อีก เพราะกลัวโยมจะคิดวา่ “พระเปน็ กาลกิณ”ี
๕๑ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส แถวๆ วัดวังหินน่ีเอง เมื่อพระออกบิณฑบาต โยมส่วนหน่ึงจะไม่ ยอมใส่บาตรทางด้านทศิ ตะวันตกของพระ เพราะชว่ งเช้าตรู่เงาพระมกั จะ ทอดไปดา้ นนน้ั โยมเกรงวา่ หากเหยยี บเงาพระจะเปน็ การไมเ่ คารพ แตบ่ าง คนก็ถอื เครง่ ครัดเกนิ ไปจนไม่สนใจเหตุผล คดิ เอาเองวา่ ถ้าเหยยี บเงาพระ จะท�ำ ใหซ้ วย ดสู แิ มแ้ ต่ “เงาพระกเ็ ปน็ กาลกณิ ”ี แตพ่ ระกลบั คดิ อกี มมุ หนง่ึ วา่ จะเหยยี บเงาพระหรอื ไมก่ ไ็ มส่ �ำ คญั แตท่ สี่ �ำ คญั กวา่ กค็ อื โยมยงั ใสบ่ าตร ให้ฉันอยู่หรอื เปลา่ อีกเรอื่ งหน่งึ คือเรื่องของจดหมายลกู โซ่ อีเมลลกู โซท่ ง้ั หลาย ซึง่ เป็นจดหมายที่ทำ�ให้คนอ่านความดันขึ้น ต้องปวดหัวตัวร้อน และหวาด กลัว ประสาทหลอน เพราะในเน้ือหานัน้ เต็มไปดว้ ยความชั่วรา้ ย ตวั อยา่ งจดหมายลกู โซ่สุดฮติ ตง้ั แตอ่ ดีตถงึ ปัจจุบนั ถึง ท่านผู้โชคดี ขอใหท้ า่ นน�ำ เรอื่ งนไี้ ปบอกตอ่ เปน็ วทิ ยาทาน ทา่ นจะโชคดมี คี วาม สขุ ความเจรญิ ตลอดกาล ต�ำ รานเ้ี ปน็ ยาผบี อก จะหายโดยไมค่ าดคดิ ส�ำ หรบั มะเรง็ นั้นจะหายภายใน ๗ วัน วธิ รี กั ษา ๑. ไปที่ร้านขายยาจีน ซ้ือบวั เตย ๑ ตำ�ลงึ หัวขิง ๑ ตำ�ลงึ เกลอื ๓ กอ้ น น�ำ มารวมกันแช่น้ำ�ทงิ้ ไว้ ๑ วนั ใหต้ ้มจนหมดชาม
ขลัง ศักดส์ิ ทิ ธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๕๒ ๒. หลังจากด่ืมยาน้ีแล้ว ควรด่ืมน้ำ�ตามมากๆ นำ�ส่วนท่ีเหลือมา รบั ประทาน ยานจี้ ะขบั ของเสยี ออกมาทางอจุ จาระหรอื ปสั สาวะ หมดแลว้ จะหายเปน็ ปกติ ต�ำ รานห้ี า้ มซอ้ื ขายหรอื คดิ คา่ รกั ษาและขออยา่ ไดเ้ กบ็ ไวเ้ ปน็ สว่ นตวั เดด็ ขาด หากคนอนื่ ๆ ไดร้ บั ทราบแลว้ ทา่ นและครอบครวั จะประสบแตค่ วาม สุขความเจรญิ และสมหวังทกุ ประการ ส.ส. จงั หวดั ชลบรุ ี ไมย่ อมบอกตอ่ จงึ ถึงแกก่ รรม คุณ ต. ไดร้ บั แล้วส่งต่อ ๒๙ ฉบบั ท่านถูกรางวลั ท่ี ๑ ถึง ๒ ฉบับ คุณ ว. ได้รบั จดหมายแล้วไม่ทำ�ตาม แตน่ อ้ งชายสง่ จดหมายแทน น้องชายถูกรางวัลที่ ๒ ถงึ ๒ ฉบบั เมอื่ ทา่ นไดร้ บั จดหมายนแ้ี ลว้ กรณุ าบอกตอ่ ไปในสถานทต่ี า่ งๆ ๒๙ ฉบบั จะประสบความสุขความเจริญ และประสบโชคไม่มีวนั ทส่ี น้ิ สดุ มีผู้ไม่ ศรทั ธา ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามเหมอื น ส.ส. จงั หวดั ชลบรุ ี เพยี ง ๗ วนั กถ็ งึ แกก่ รรม จดหมายฉบับน้ี หา้ มแจกจ่ายในหมู่บา้ นเปน็ อันขาด ตำ�ราผบี อก ตอ้ งปิดซองแลว้ ส่งต่อไปจนครบ ๒๙ ฉบบั ขอใหส้ ่งภายใน ๗ วัน แลว้ ซ้อื สลากกินแบง่ รัฐบาลเลขอะไรก็ไดต้ ามทีท่ ่านชอบ ขอใหท้ ่านท�ำ ตามทบี่ อก แลว้ จะดีเอง ขอใหโ้ ชคดี พระครวู จิ ติ รธรรมโชติ
๕๓ พระมหาวิเชียร ชนิ วํโส จ�ำ ไดว้ ่าเคยเห็นจดหมายแบบนม้ี าต้งั แตส่ มยั เจ้าคุณทวดแล้ว ยุค นน้ั ตอ้ งนง่ั ลอกตน้ ฉบบั ดว้ ยลายมอื ๒๙ ฉบบั เพอื่ สง่ ตอ่ คดิ ปลอบใจตนเอง ว่าก�ำ ลังทำ�บุญดว้ ยการเผยแพร่ยาผบี อก และชว่ ยใหค้ ดั ลายมือไดส้ วยข้ึน มาก นีน่ บั เป็นประโยชน์ของจดหมายลกู โซ่ แตไ่ มน่ ่าเชื่อ แมป้ ัจจบุ ันน้ี ผ้คู นก็ยังได้รับจดหมายลูกโซแ่ บบนอ้ี ยู่ คนไทยฉลาดขน้ึ กวา่ เดมิ มากจรงิ ๆ เพราะไมต่ อ้ งคดั ลายมอื อกี ตอ่ ไปแลว้ แต่ ใชว้ ธิ ีถา่ ยเอกสาร หรอื สง่ เปน็ FW mail แทน แม้แต่ผู้เขียนเองก็ได้รับเป็นประจำ� เมื่อเห็นจดหมายลงท้ายว่า พระครูวิจติ รธรรมโชติ ซ่ึงไม่ทราบว่าหลวงพ่อจำ�พรรษาอยูว่ ดั ไหน จงึ มกั โยนลงถงั ขยะ ไมอ่ า่ นและไมส่ ง่ ตอ่ เพราะเดามขุ ถกู ไมก่ ลวั ตายอยแู่ ลว้ กลวั มรณภาพเทา่ นน้ั จดหมายลูกโซ่ไม่ได้เป็นกาลกิณีหรอก แต่คนส่งต่อท่ีงมงายเช่ือ งา่ ยนน่ั แหละ “กาลกณิ ตี วั แม่”
ขลงั ศักด์สิ ิทธ์ิ อทิ ธฤิ ทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม โลกหมนุ ตามจติ ชวี ิตหมนุ ตามกรรม
พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส
ขลงั ศักดสิ์ ทิ ธิ์ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม โลกแตก ในช่วง ๒ ปีทีผ่ ่านมา ส่ิงที่คนทัง้ โลกกลัวมากที่สุดก็เหน็ จะไม่พ้น เรอื่ งน�้ำ ทว่ มโลก อนั เกดิ จากมหนั ตภยั ของโลกสารพดั อยา่ ง เชน่ พายสุ รุ ยิ ะ ภาวะโลกร้อน แกนโลกเอียง โดยมีนักวิทยาศาสตร์ผูม้ ีชอ่ื เสยี งหลายท่านออกมายืนยนั รวมถงึ ภาพยนตร์ ๒๐๑๒ วนั สน้ิ โลก ท่ชี ่วยปลุกกระแสตนื่ ตูม และปฏิทินมายาที่ สิ้นสุดเพียงปี ค.ศ.๒๐๑๒ แต่ที่ค้นพบใหม่ ส�ำ นกั ขา่ วเอพี รายงานเมอื่ วนั ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ว่า นกั โบราณคดีพบปฏทิ นิ มายาชนิ้ ใหม่ ระบวุ ันเวลายาวไกลจากปี ๒๐๑๒ ไปหลายพนั ปี การันตโี ลกไม่แตกตามความเชือ่ ของชาวตะวนั ตก รายงานระบุว่า ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยบอสตันและ มหาวทิ ยาลยั คอลเลจ ในสหรฐั ฯ ไดค้ น้ พบหอ้ งขนาดเลก็ ภายใตซ้ ากปรกั หกั พังของแหล่งโบราณสถานชุลตนู ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกวั เตมาลา โดยภายในห้องน้ัน พบว่ามีปฏิทินมายาถูกจารึกอยู่บนฝาผนังห้อง อายุ ประมาณ ๑,๒๐๐ ปี ซงึ่ ปฏทิ ินทีค่ ้นพบชนิ้ ใหม่น้ี เป็นปฏิทินดาราศาสตรท์ ี่ ชนเผ่ามายันระบุวันเวลานับจากวันท่ีบันทึกออกไปไกลกว่า ๖,๗๐๐ ปีข้าง หน้า [๒๐] ไมไ่ ดส้ นิ้ สดุ ในปนี ้ีแน่ๆ
๕๗ พระมหาวเิ ชียร ชินวโํ ส และมกั จะมคี น “อา้ งวา่ ” เปน็ พทุ ธท�ำ นาย จากต�ำ นานตา่ งๆ หลวง ปู่ หลวงพอ่ โหราจารย์ ครูบาอาจารยผ์ ูท้ รงอภญิ ญาจติ ญาณทพิ ย์ จิต สัมผัสกล่าวไว ท่ีหนักไปกว่าน้ันคือ มนุษย์ต่างดาวเตือนมา เช่นเขื่อนจะ แตก ซนึ ามถิ ลม่ ฯลฯ ภัยพบิ ตั ิรอ้ ยแปดพันเกา้ แม้ฤดูกาลของโลกจะวิปริต ผิดแผกไปบ้าง แตก่ ย็ งั ไม่เขา้ ข่ายวา่ จะส้นิ โลกแต่อย่างใด เมื่อไม่มีอะไรเกิดข้ึน ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์หนักเข้า ก็มักอ้างว่า เพราะครูบาอาจารย์ หลวงพอ่ หลวงปเู่ หล่าน้นั ท่านไดข้ อจากเบอ้ื งบนไว้ หรอื ไมก่ ท็ า่ นใชพ้ ลงั จติ ของทา่ นเบย่ี งเบนภยั พบิ ตั ใิ หพ้ น้ จากประเทศไทยไป ฟังแล้วลว้ นน่าประทบั ใจท้งั สนิ้ และมักจะมีญาติโยม นำ�เอาเอกสารหรือหนังสือที่รวบรวมเกี่ยว กับเรือ่ งทีอ่ ้างว่าเป็นพุทธพยากรณห์ รือพุทธทำ�นายทงั้ หลายมาแอบวาง ไวเ้ พอื่ แจกแกส่ าธชุ นทมี่ าท�ำ บญุ ซงึ่ พอผเู้ ขยี นอา่ นแลว้ กช็ วนใหร้ �ำ คาญใจ เพราะ “มั่วน่ิม” เห็นแลว้ จึงมกั จะโยนลงถงั ขยะอยเู่ สมอ เพื่อชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นพุทธพจน์ อะไรเป็นสิ่งที่คนในภายหลัง อธิบายไว้ จะได้ไม่อ้างว่าเป็นพุทธพจน์ หรือเอาคำ�กล่าวของใครมาใส่ พระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าโดยท่ีพระองค์ท่านไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งได้ แล้วก็ ทำ�ใหต้ ระหนกตกใจกนั โดยใชเ่ หตุ พยายามคน้ หาคำ�วา่ พุทธพยากรณจ์ ากพระไตรปิฎก ก็ปรากฏว่า คำ�ว่า “พยากรณ์” แปลว่า
ขลัง ศักดส์ิ ิทธิ์ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๕๘ ๑.การตอบปญั หา ปรากฏในคมั ภรี ม์ ลิ นิ ทปญั หา [๒๑] มี ๔ ประการ คอื ก.เอกงั สพยากรณ์ เม่ือมผี ู้ถามกต็ อบได้เลย เช่น ถาม “ส่ิงที่ เป็นอนิจจงั คืออะไร” ตอบ “คือ ขนั ธ์ ๕” ข.วภิ ชั ชพยากรณ์ แยกแยะตอบ เช่น ถาม “ตายแล้วเกดิ หรอื ไม”่ ตอบ “ถ้ามีกเิ ลสอยู่กย็ ังเกิด ถา้ หมดกิเลสแลว้ ก็ไม่เกิด” ค.ปฏิปจุ ฉาพยากรณ์ ถามกลับแลว้ จึงตอบ เชน่ ถาม “กายนี้ เทย่ี งหรือไม่เทยี่ ง” ตอบ “ไมเ่ ท่ียง” ถามกลับ “เมอ่ื กายไม่ เทยี่ งกายเปน็ ทุกขห์ รอื เปน็ สขุ เล่า” เป็นตน้ ง.ฐปนีพยากรณ์ แก้ด้วยการนง่ิ เสยี เชน่ ค�ำ ถามประเภทอภิปรชั ญา ใครสร้างโลก โลกจะดับเมอื่ ไรเปน็ อาทิ เพราะไม่มีขอ้ ยุติ ๒.การท�ำ นาย แตจ่ ะเรยี กวา่ ท�ำ นายหรอื ทายเอากไ็ มไ่ ด้ ทายกบั เดา นน้ั ใกลก้ นั เพราะพระองคท์ รงมพี ระสพั พญั ญตุ ญาณ มพี ทุ ธพจนว์ า่ “กอ้ น ดินที่ขว้างไปในท้องฟ้า ย่อมตกลงในแผ่นดินแน่นอนฉันใด พระดำ�รัสของ พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐท้ังหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมแน่นอนและเท่ียง ตรง พระพทุ ธเจา้ ท้งั หลายไมม่ ีพระดำ�รัสอันไมเ่ ป็นจรงิ ” [๒๒] ๓.การแสดงธรรม มกั หมายถึงข้อนโี้ ดยสว่ นมาก แมจ้ ะตรัสเกยี่ วกับภยั พิบตั ิของโลกอยู่บ้าง แตก่ เ็ พอื่ เกร่ินน�ำ ก่อน แสดงธรรมเทา่ นนั้ เชน่ ตรสั เกย่ี วกบั จกั รวาลวทิ ยา(cosmology) ไว้ ปรากฏ
๕๙ พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส ในสรุ ยิ สตู ร [๒๓] อาจกลา่ วไดว้ า่ พระพทุ ธเจา้ ทรงเปน็ ชาวโลกคนแรกทพ่ี ดู ถงึ ภัยโลกร้อน โดยสรุป ตรัสว่าโลกจะร้อนขึ้นทุกปี โดยไม่ทราบสาเหตุจน กระทัง่ วนั หนึ่งมนุษย์จึงเหน็ ดวงอาทิตยอ์ กี ดวงหนง่ึ ปรากฏขึน้ ในท้องฟ้า จึงรวู้ า่ สาเหตทุ ่ีแทจ้ ริงของโลกรอ้ นนน้ั มาจากการเกิดข้ึนของดวงอาทติ ย์ ดวงใหม่ ความรอ้ นนนั้ มีผลต่อสภาพแวดลอ้ ม และตอ่ มาเกดิ ดวงอาทติ ย์ ดวงที่สาม ดวงทสี่ ี่ เรอ่ื ยไปจนครบเจ็ดดวง เมือ่ ครบเจด็ ดวงโลกทงั้ หมดก็ ลุกเปน็ ไฟ แลว้ ตรสั สรปุ วา่ “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ในขอ้ นน้ั ใครจะรู้ ใครจะเชอื่ วา่ แผน่ ดินนี้และขุนเขาสิเนรุจักถูกไฟไหม้พินาศไม่เหลืออยู่ นอกจากอริยสาวกผู้ เปน็ พระโสดาบันแล้ว” เม่ืออ่านดูบทสรุปของพระสูตรน้ี จะเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ทรง ชชี้ วนใหเ้ หน็ ถงึ สภาพทไี่ มเ่ ทีย่ ง แมข้ องโลกหรอื จักรวาลนี้ เพือ่ ให้ละความ ยดึ ถอื ในสงั ขารท้ังปวง สรุปงา่ ยๆ กค็ ือ ตรัสเรื่องจักรวาลภายนอก เพ่ือ นอ้ มเขา้ มาปลอ่ ยวางจักรวาลภายในนนั่ เอง เมื่อค้นคำ�ว่าพุทธทำ�นาย ก็ไม่เห็นปรากฏมีในพระไตรปิฎก แต่มี อยอู่ รรถกถาแหง่ มหาสบุ นิ ชาดกเทา่ นน้ั เชญิ ทกุ ทา่ นลองพจิ ารณาเอาเอง มหาสุบินชาดก [๒๔] วา่ ด้วยพระมหาสุบนิ ๑๖ ข้อ “พญาโคอุสภะ หมู่ไม้ แม่โค โคผู้ ม้า ถาดทองคำ� สุนขั จิง้ จอก หมอ้ น้�ำ สระโบกขรณี ขา้ วไม่สกุ แก่นจันทน์ น�้ำ เตา้ จมน�้ำ หินลอยน้ำ�
ขลัง ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๖๐ กบกลนื กนิ งเู หา่ หงสท์ องทง้ั หลายแวดลอ้ มกา เสอื เหลอื งกลวั แพะ ความ ฝันเปน็ ไปโดยวิปริต แตค่ วามฝันน้ันยงั ไม่เปน็ จรงิ ในยุคนี”้ ในพระไตรปฎิ กมเี พียงเท่าน้ี วปิ รติ แปลวา่ ผดิ ปกติ ไม่เป็นมงคล หรอื แปรปรวนไปข้างร้าย แต่สง่ิ ที่พระพทุ ธเจา้ ทำ�นายไว้ ตรสั แตเ่ พยี งว่า “ไมเ่ ปน็ จริงในยคุ นี้ หรือจะไมเ่ กดิ ขนึ้ ในยุคนี้” หลายคนจงึ ตีความว่า เมื่อ ไม่เกิดในยุคของพระพทุ ธเจา้ กน็ า่ จะเกิดในยุคปัจจุบันนี้ เมื่อค้นดูในเว็บไซด์และหนังสืออีกหลายเล่ม ต่างก็นำ�เค้าโครงมา จากอรรถกถามหาสบุ นิ ชาดก [๒๕] ซึ่งรจนาโดยพระพุทธโฆษาจารย์ แม้จะ เป็นคัมภีรอ์ รรถกถาซง่ึ เปน็ แหลง่ อา้ งอิงระดับทตุ ยิ ภูมิ แตว่ ันเวลาก็ผ่านมา กวา่ สหสั วรรษแลว้ ภาษาในคมั ภรี จ์ งึ อาจเขา้ ใจไดย้ าก ผเู้ ขยี นจงึ ขอใชภ้ าษา ปจั จุบันยอ่ ความเพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจง่าย พระเจา้ ปเสนทโิ กศล ทรงสบุ นิ ประหลาด จงึ เสดจ็ ไปยงั เชตวนั มหา วิหาร ตามคำ�แนะนำ�ของพระนางมัลลิกาประสาคนรักเมีย ถวายบังคม พระบรมศาสดา หลงั จากทักทายปราศรัยกันแล้ว จึงตรัสเล่าถึงสุบินนมิ ติ ถวาย พระบรมศาสดาจงึ ทรงทำ�นายผลของสบุ นิ นิมติ เหล่าน้นั ว่า เหตุการณ์น้ี จักไม่มีในตลอดรัชกาลพระเจ้าปเสนทิโกศล ในช่ัว ศาสนาของตถาคต(อยา่ ลมื วา่ ขณะนศี้ าสนาของพระพทุ ธเจา้ ยงั คงอยู่ หรอื ศาสนาท่ีเรานับถือน้ี เหลืออยู่เพียงช่ือพุทธศาสนาเท่าน้ัน) แต่ในอนาคต
๖๑ พระมหาวิเชยี ร ชินวํโส เมือ่ โลกหมุนไปถงึ จดุ เสือ่ ม ในรชั กาลของพระราชา(หรอื ผมู้ อี �ำ นาจ)ผมู้ ไิ ด้ ปกครองโดยธรรม และในเวลาของหมู่มนุษยผ์ ู้ไม่ตงั้ อยูใ่ นธรรม เมอ่ื กุศล ธรรมลดนอ้ ยถอยลง อกุศลธรรมมากขึ้น จะมีเหตุการณ์ต่อไปน้ปี รากฏ ๑. ทรงฝนั วา่ มโี คตวั ผู้ พากนั วงิ่ มาสทู่ อ้ งพระลานหลวงจาก ๔ ทศิ ทำ�ทา่ ดจุ จะชนกนั ฝงู ชนต่างรอดู โคท้ังสก่ี ็ส่งเสยี งคำ�รามลนั่ แต่แล้วตา่ ง กถ็ อยออกไป ไม่ชนกนั พระพุทธเจ้าได้ทรงทำ�นายว่า ในอนาคตเม่ือส้ินสุดศาสนาของ พระองค์ เมอื่ โลกหมนุ ไปถงึ จดุ ทเี่ สอ่ื มลง มนษุ ยไ์ มต่ ง้ั อยใู่ นศลี ในธรรม ฝน ฟ้าจกั แล้ง ทพุ ภิกขภยั จกั เกิดขน้ึ ดั่งเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มเี สียงค�ำ รามล่ัน แตแ่ ล้วกไ็ มต่ ก กลบั หายไป เหมอื นโคตง้ั ท่าจะชนกัน แต่ไมช่ นกนั ฉะน้ัน ๒. ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ท่ีโตเพียงคืบเพียงศอก ก็ ออกดอกออกผลแลว้ ทรงท�ำ นายวา่ ตอ่ ไปเมอ่ื โลกเสอ่ื ม มนษุ ยแ์ มจ้ ะมอี ายเุ ยาว์ มวี ยั ยงั ไมส่ มบูรณ์กจ็ ะมรี าคะกล้า และสมสูก่ นั ตั้งแต่อายุยงั นอ้ ย และจะมลี ูกแต่ เด็กๆ เหมอื นตน้ ไมเ้ ล็กๆ แต่ก็มผี ลแล้ว ๓. ทรงฝนั วา่ ทรงเหน็ แมโ่ คใหญๆ่ พากนั ดม่ื นมของฝงู ลกู โคแรกเกดิ
ขลงั ศักดส์ิ ิทธ์ิ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๖๒ ทรงทำ�นายว่า ตอ่ ไปในอนาคต การเคารพนบนอบผใู้ หญ่ เช่น พอ่ แม่ ครูบาอาจารย์จะเสอ่ื มไป คนเฒา่ คนแก่เมื่อหมดทพี่ ง่ึ หาเล้ียงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ตอ้ งประจบเดก็ ๆ ดงั แมโ่ คตอ้ งกนิ นมลกู โคฉะนัน้ ๔.ทรงฝนั วา่ ผคู้ นไมใ่ ชว้ วั ตวั ใหญ่ ทสี่ มบรู ณแ์ ขง็ แรงเทยี มแอกลาก เกวียน กลบั ไปใช้ววั รนุ่ ๆ ทย่ี ังปราศจากก�ำ ลังมาลาก เมอ่ื มันลากเกวียนให้ ว่งิ ไปไม่ได้ มนั กส็ ลัดแอกท้งิ เสีย ทรงท�ำ นายว่า ในภายหนา้ เม่อื ผู้มอี �ำ นาจไม่ต้ังอยใู่ นธรรม แทนท่ี จะยกยอ่ งและมอบหมายหนา้ ทใ่ี หก้ บั ผมู้ สี ตปิ ญั ญาความรู้ กลบั ไปมอบยศ ศกั ด์ใิ ห้กับคนหน่มุ ทอี่ ่อนหดั ดอ้ ยประสบการณ์ ทำ�ให้ปฏิบัตหิ น้าท่ไี ด้ไมด่ ี กจิ การต่างๆ กไ็ ม่สำ�เร็จ ก็เหมือนใชโ้ ครุ่นมาเทียมแอก เกวยี นกแ็ ล่นไมไ่ ด้ ฉันนัน้ ๕. ทรงฝนั วา่ เหน็ มา้ ตวั หนงึ่ มปี ากสองขา้ ง ฝงู ชนกเ็ อาหญา้ ไปปอ้ น ท่ปี ากทัง้ สองซง่ึ มนั ก็กนิ ทั้งสองข้าง ทรงท�ำ นายวา่ ในอนาคตเม่ือผบู้ รหิ าร หรือผมู้ อี �ำ นาจไมด่ ำ�รงอยู่ ในธรรม ตงั้ คนไมม่ ศี ลี ธรรมไวใ้ นต�ำ แหนง่ อนั มผี ลตอ่ ผอู้ นื่ คนเหลา่ นน้ั กจ็ ะ ไมน่ ึกถึงบาปบุญคุณโทษ แต่จะตดั สนิ คดีความตา่ งๆ ตามแตใ่ จชอบ โดย เอาสินบนจากทัง้ สองฝ่ายเปน็ ประมาณ ดงั ม้าท่ีกินหญ้าทงั้ สองปาก
๖๓ พระมหาวเิ ชยี ร ชนิ วํโส ๖. ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิง้ จอกแกต่ วั หน่ึง พรอ้ มเช้อื เชญิ ให้หมาจิ้งจอกถา่ ยปัสสาวะใส่ถาดทองนนั้ ทรงท�ำ นายวา่ ต่อไปคนดีมสี กลุ ท้ังหลายจะสน้ิ อ�ำ นาจวาสนา คน ตระกลู ต�ำ่ หรอื คนพาลจะได้เปน็ ใหญเ่ ปน็ โต และคนมตี ระกลู สูงจะตอ้ งยก ลกู สาวให้แก่ผไู้ ร้ตระกลู เหล่าน้นั เหมอื นเอาถาดทองไปใหห้ มาปัสสาวะรด ๗.ทรงฝันว่า มชี ายคนหน่งึ นงั่ ฟั่นเชอื ก(หนงั ) แล้วหยอ่ นลงใกล้ เทา้ แม่หมาจิ้งจอกหิวโซตัวหนึ่ง นอนอยูใ่ ตต้ ง่ั ทีบ่ รุ ุษนั้นนั่งอยู่ แลว้ ก็กัด กินเชือกนั้นหมดส้นิ ไป โดยที่เขาไม่รู้ตวั ทรงท�ำ นายวา่ ในกาลขา้ งหนา้ ผหู้ ญงิ จะเหลาะแหละ โลเล ลมุ่ หลง ในสรุ า เอาแตแ่ ตง่ ตัว สนใจแตเ่ สอ้ื ผา้ หนา้ ผม เที่ยวเตร่ ประพฤติทศุ ลี แล้ว ก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำ�บากไปใช้หรือให้ชายชู้ เหมือนนาง หมาโซทนี่ อนใตต้ งั่ คอยกัดกนิ เชือกทเ่ี ขาฟ่นั ฉะนน้ั ๘. ทรงฝนั วา่ มตี มุ่ น�้ำ เตม็ เปย่ี มตมุ่ หนงึ่ วางอยตู่ รงประตวู งั แวดลอ้ ม ดว้ ยตุ่มเล็กว่างๆ เป็นอนั มาก แตค่ นกย็ ังไปตกั น�ำ้ ใส่ตมุ่ ท่เี ตม็ อยู่ จนลน้ แล้ว ลน้ อีก โดยไมเ่ หลยี วแลทีจ่ ะตกั ใสต่ ุม่ ว่างๆ นน้ั เลย ทรงทำ�นายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเส่ือม คนเป็นใหญ่หรือมี อำ�นาจ จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมี
ขลัง ศกั ด์สิ ิทธิ์ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๖๔ คนจนหารายได้ ไปสง่ เสริมใหร้ วยย่ิงข้นึ ดังฝงู ชนทตี่ อ้ งตกั น้�ำ ใส่ต่มุ ใหญท่ ี่ เตม็ อยูแ่ ล้วจนล้น ส่วนตุม่ ท่ีวา่ งอยูก่ ลับไม่น�ำ น้�ำ ไปใส่ ๙. ทรงฝนั เห็นสระแห่งหนึง่ มีบวั นานาชนิดข้ึนอยู่เต็ม และมที ่า ขน้ึ ลงโดยรอบ สตั ว์ตา่ งๆ ก็พากันดืม่ น�ำ้ ในสระ แต่แทนท่นี �ำ้ บริเวณที่สตั ว์ เหยยี บยำ่�จะขุ่น กลับใสสะอาด สว่ นน้�ำ ที่อยลู่ ึกกลางสระกลบั ขนุ่ ข้น ทรงทำ�นายว่า ตอ่ ไป เม่ือคนมอี �ำ นาจไม่ต้งั อยใู่ นธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำ�นาจรีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมืองก็จะหนีไปอยู่ ตามชายแดนหรอื ทอี่ นื่ ๆ ท�ำ ใหท้ นี่ นั้ ๆ ทค่ี นพากนั ไปอยมู่ คี วามมนั่ คง เหมอื น น�้ำ รอบๆ สระท่ีใส สว่ นเมืองหลวงกลับวา่ งเปล่า เหมือนกลางสระทีข่ ุ่น ๑๐. ทรงฝันวา่ เห็นขา้ วที่คนหุงในหมอ้ ใบเดียวกนั สกุ ไม่เทา่ กัน มี ทั้งแฉะ ดบิ และสุก ทรงท�ำ นายว่า ในอนาคต เม่ือคนท้งั หลายไมอ่ ยใู่ นศลี ในธรรมกนั มากข้ึน กจ็ ะท�ำ ให้ฝนตกไมท่ ่วั ฟา้ ตกไมท่ ่วั ถึง ทำ�ใหก้ ารเพาะปลกู บางแหง่ ไดผ้ ล บางแหง่ กไ็ มไ่ ด้ผล เช่นเดยี วกบั ข้าวทมี่ ีสุกบา้ ง ดิบบา้ ง และแฉะบา้ ง ๑๑. ทรงฝันว่าคนน�ำ แก่นจันทน์ท่ีมรี าคาแพง ไปแลกกบั เถาวลั ย์ เปรียงเน่า
๖๕ พระมหาวิเชยี ร ชินวโํ ส ทรงทำ�นายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนทีจ่ ะนำ�ธรรมะของพระพุทธองค์ไปสอนให้คนหลดุ พน้ จากความทุกข์ และละกเิ ลส กลบั ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื เพอื่ หากนิ เหมอื นเอาแกน่ จนั ทน์ (ธรรมะ คำ�สอนท่ดี ี) ไปแลกเอาเถาวลั ย์เปรยี งเน่า (ลาภอามสิ ทไี่ ด้รบั มา ซึ่งไมจ่ ีรงั ย่งั ยนื และไม่ชว่ ยใหพ้ ้นทุกข์จรงิ ๆ ได)้ ๑๒. ทรงฝันเหน็ น�้ำ เต้าจมน�ำ้ ได้ ทรงทำ�นายว่า ต่อไปคำ�พูดของคนท่ีไม่ควรจะได้รับความเช่ือถือ กลบั จะไดร้ บั ความเชอื่ ถอื โดยเปรยี บถอ้ ยค�ำ ของคนทไ่ี มน่ ่าเชอื่ วา่ มนี �้ำ หนกั เบาเหมอื นกบั ผลน�้ำ เตา้ ซงึ่ ปกตจิ ะลอยน�ำ้ แตเ่ มอ่ื คนเชอื่ วา่ ค�ำ พดู เหลา่ นน้ั มนี ำ้�หนกั หรือหนักแนน่ จึงเปรียบค�ำ พูดนั้นวา่ มนี �้ำ หนกั ราวกับน้ำ�เตา้ ท่ี จมน้�ำ ได้ ๑๓. ทรงฝันวา่ ศลิ าแทง่ ทึบลอยน�ำ้ ทรงท�ำ นายว่า ถ้อยค�ำ ของคนที่ควรไดร้ บั การเชอื่ ถอื ซ่งึ หนกั แนน่ มนี ้ำ�หนักเปรยี บประดจุ แทง่ ศลิ า กลบั ไม่ไดร้ บั ความเชอ่ื ถือ หรอื กลายเปน็ ถอ้ ยค�ำ ท่ีไมม่ นี ำ�้ หนักเหมอื นเรอื ท่ีลอยได้ ข้อนีต้ รงกันขา้ มกับขอ้ ทแี่ ลว้ คอื คนหนั ไปเชอื่ ค�ำ พดู ผทู้ ไี่ มค่ วรเชอ่ื เหมอื นสงิ่ ทคี่ วรลอยกลบั จม สง่ิ ทคี่ วรจม กลบั ลอย
ขลัง ศกั ดิ์สทิ ธิ์ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๖๖ ๑๔. ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตวั เล็กๆ วง่ิ ไล่กัดงูเหา่ ตวั ใหญจ่ น ขาดเหมอื นกดั ก้านบวั แลว้ กลืนกินเขา้ ไป ทรงทำ�นายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ ผัว เฒา่ จะตกอย่ใู นอำ�นาจของเมียเด็ก และจะถกู ดดุ า่ ว่ากลา่ วเช่นเดยี วกับคน รบั ใช้ เหมือนเขยี ดตัวเลก็ ๆ แตก่ ลับกินงูได้ ๑๕. ทรงฝันว่า กามีฝงู พญาหงส์ทองแวดลอ้ มแหแ่ หน ทรงทำ�นายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเท่ียวประจบประแจง และสวามภิ กั ดติ์ อ่ ผไู้ มม่ ตี ระกูล เหมอื นหงส์ทองแวดลอ้ มกา ๑๖. ทรงฝนั วา่ ฝงู แกะพากนั ไลก่ วดฝงู เสอื เหลอื งและกดั กนิ ท�ำ ให้ เสอื อื่นๆ สะด้งุ กลัว จนตอ้ งหนีไปแอบซอ่ นตัวจากฝูงแกะ ทรงทำ�นายวา่ ตอ่ ไปภายหน้า คนชวั่ จะเรอื งอำ�นาจ และใชอ้ �ำ นาจ ไมเ่ ป็นธรรม ท�ำ ให้คนดถี ูกท�ำ ร้าย หรอื ไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรม ตอ้ งหลบ หนี ซ่อนตวั จากภยั ร้ายเหล่าน้ี เหมือนเสอื ซอ่ นตัวจากฝงู แกะ หากอ่านด้วยการพิจารณาก็จะเห็นไดว้ า่ พระองคท์ รงแสดงธรรม อย่างมเี หตผุ ล ไม่นยิ มความเชอ่ื อยา่ งงมงาย
๖๗ พระมหาวเิ ชยี ร ชนิ วํโส ท่ีอธิบายไว้ในอรรถกถาน้ี ไม่มีข้อไหนที่ตรัสบอกว่าโลกจะถึงกาล อวสาน ถา้ จะมีอยู่บา้ งกค็ อื เร่อื งของ ๑.ภัยธรรมชาติอันเกดิ จากฝนฟ้าไมต่ กต้องตามฤดูกาล ๒.ผู้คนเสพตดิ กามตงั้ แตเ่ ด็ก ๓.ผบู้ รหิ ารบา้ นเมอื งโกงกนิ ๔.สถาบันสงฆ์ ใชพ้ ทุ ธพาณิชย์ เรื่องทส่ี รุปไว้น้ี น่าสนใจกวา่ วนั สิน้ โลกด้วยซำ้�ไป สมัยกรุงศรีอยุธยาก็เคยตื่นตูมกันมาแล้ว ปรากฏใน “เพลงยาว พยากรณก์ รงุ ศรอี ยธุ ยา” แตง่ ขนึ้ เลยี นแบบอรรถกถามหาสบุ นิ ชาดก และ นทิ าน “พยาปัถเวนทำ�นายฝนั ” ก็เพอ่ื ผลทางการเมอื งในยุคนัน้ ตัวอยา่ งเน้ือเพลงยาวฯบางส่วน [๒๖] ...คราทีน้ันฝงู สัตว์ท้งั หลาย จะเกิดความอนั ตรายเป็นแม่นมั่น ด้วยพระมหากษัตริยม์ ิทรงทศพิธราชธรรม์ จึงเกิดเขญ็ มหศั จรรย์สิบหกประการ คอื เดือนดาวดินฟา้ จะอาเพศ อุบตั เิ หตุเกิดท่วั ทกุ ทศิ าน มหาเมฆจะลกุ เป็นเพลิงกาฬ เกดิ นิมติ พสิ ดารทุกบ้านเมอื ง พระคงคาจะแดงเดอื ดด่ังเลือดนก อกแผ่นดินเปน็ บ้าฟ้าจะเหลือง ผีปา่ กจ็ ะวง่ิ เข้าสิงเมอื ง ผีเมอื งนัน้ จะออกไปอย่ไู พร พระเสื้อเมอื งจะเอาตัวหนี พระกาฬกลุ จี ะเขา้ มาเป็นไส ้ พระธรณจี ะตอี กไห้ อกพระกาฬจะไหมอ้ ยู่เกรยี มกรม
ขลงั ศักดส์ิ ิทธิ์ อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๖๘ ในลกั ษณ์ทำ�นายไว้บ่ห่อนผิด เมอื่ วินิศพิศดกู ็เห็นสม มิใช่เทศกาลร้อนกร็ อ้ นระงม มิใช่เทศกาลลมลมกพ็ ัด มใิ ช่เทศกาลหนาวกห็ นาวพน้ มใิ ช่เทศกาลฝนฝนกอ็ ุบัต ิ ทุกตน้ ไมห้ ยอ่ มหญ้าสารพัด เกดิ วิบัตนิ านาทั่วสากล เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรกั ษาแตค่ นฝา่ ยอกุศล สปั บรุ ษุ จะแพแ้ กท่ รชน มิตรตนจะฆ่าซึง่ ความรัก ภรรยาจะฆา่ ซ่ึงคณุ ผัว คนชั่วจะมลา้ งผูม้ ีศักด ิ์ ลูกศษิ ย์จะสู้ครูพัก จะหาญหกั ผ้ใู หญ่ใหเ้ ปน็ น้อย ผมู้ ีศีลจะเสยี ซึง่ อ�ำ นาจ นักปราชญ์จะตกต�ำ่ ต้อย กระเบอ้ื งจะเฟ่ืองฟลู อย น�้ำ เตา้ อนั ลอยน้ันจะถอยจม ผู้มตี ระกูลจะสูญเผา่ เพราะจนั ฑาลมันเขา้ มาเสพสม ผู้มศี ีลนน้ั จะเสียซึ่งอารมณ ์ เพราะสมัครสมาคมดว้ ยมารยา พระมหากษตั รยิ จ์ ะเสอ่ื มสงิ หนาท ประเทศราชจะเส่ือมซึ่งยศถา อาสตั ยจ์ ะเลอื่ งลือชา พระธรรมาจะตกลึกลบั ผู้กล้าจะเสอ่ื มใจหาญ จะสาบสญู วิชาการทั้งปวงสรรพ ผู้มสี ินจะถอยจากทรพั ย์ สัปบุรุษจะอับซึ่งน�้ำ ใจ ทัง้ อายศุ ม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวสิ ยั ทั้งพชื แผ่นดินจะผ่อนไป ผลหมากรากไมจ้ ะถอยรส ท้ังแพทยพรรณว่านยาก็อาเพศ เคยเป็นคณุ วเิ ศษกเ็ สื่อมหมด จวงจันทนพ์ รรณไม้อนั หอมรส จะถอยถดไปตามประเพณ ี
๖๙ พระมหาวเิ ชยี ร ชนิ วโํ ส ทัง้ ข้าวก็จะยากหมากจะแพง สาระพันจะแห้งแล้งเปน็ ถว้ นถ ี่ จะบังเกิดทรพิษมิคสัญญี ฝงู ผีจะวง่ิ เข้าปลอมคน กรงุ ประเทศราชธาน ี จะเกดิ การกลุ ีทกุ แหง่ หน จะอา้ งว้างอกใจทง้ั ไพรพ่ ล จะสาละวนทั่วโลกทัง้ หญงิ ชาย จะร้อนอกสมณาประชาราช จะเกดิ เขญ็ เปน็ อบุ าทวน์ น้ั มากหลาย จะรบราฆา่ ฟันกันวนุ่ วาย ฝงู คนจะลม้ ตายลงเป็นเบอื ทางน้�ำ กจ็ ะแห้งเปน็ ทางบก เวียงวังกจ็ ะรกเป็นป่าเสอื แตส่ ิงห์สารสัตว์เนอ้ื เบอื้ น้ันจะหลงหลอเหลอื ในแผ่นดนิ ทงั้ ผคู้ นสารพดั สตั ว์ทง้ั หลาย จะสาบสูญลม้ ตายเสียหมดส้นิ ด้วยพระกาฬจะมาผลาญแผน่ ดิน จะสูญสิน้ การรณรงคส์ งคราม กรุงศรอี ยธุ ยาจะสญู แล้ว จะลบั รัศมแี กว้ เจา้ ทงั้ สาม ไปจนคำ�รบปเี ดอื นคนื ยาม จนส้นิ นามศกั ราชหา้ พนั ...ฯ วันส้ินโลกหรือโลกถกู ทำ�ลาย มกั ปรากฏในคัมภรี ฎ์ กี า หรือปกรณ์ รุน่ หลังๆ เชน่ ชนิ กาลมาลีปกรณ์ คมั ภีรอ์ ภธิ ัมมตั ถสงั คหะ มเี น้อื หาบาง สว่ นท่นี ่าสนใจดงั น้ี ธรรมทเ่ี ป็นเหตใุ หโ้ ลกถกู ท�ำ ลาย ๑...กัปทีโ่ ลกถกู ท�ำ ลายดว้ ยไฟ ไฟจะไหมต้ ัง้ แตใ่ ต้อาภัสสราภมู ิ ลง มาถงึ สวรรค์ทง้ั ๖ ชั้น ถงึ โลกมนษุ ย์ สตั ว์ดิรัจฉาน อสรุ กาย เปรตและนรก
ขลงั ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๗๐ สมยั ใดสตั วท์ งั้ หลายมสี นั ดานหนาดว้ ยราคะ โลกจะถกู ท�ำ ลายดว้ ยไฟ เพราะ ราคะนนั้ รอ้ นเหมอื นไฟ ๒...กัปท่ีโลกถูกทำ�ลายด้วยนำ้� นำ้�จะท่วมตั้งแต่ใต้สุภกิณหกาภูมิ ลงมาถงึ สวรรคท์ งั้ ๖ ชน้ั ถงึ โลกมนษุ ย์ สตั วด์ ริ จั ฉาน อสรุ กาย เปรต และ นรก สมยั ใดสตั วท์ งั้ หลายมสี นั ดานหนาดว้ ยโทสะ โลกจะถกู ท�ำ ลายดว้ ยน�ำ้ เพราะโทสะนน้ั รา้ ยเหมือนน�ำ้ กรด ๓...กัปท่ีโลกถูกทำ�ลายด้วยลม ลมจะพัดให้พินาศตั้งแต่ใต้เวหัป- ผลาภมู ิ ลงมาถงึ สวรรคท์ ง้ั ๖ ชน้ั รวมถงึ โลกมนษุ ย์ สตั วด์ ริ จั ฉาน อสรุ กาย เปรต นรก สมยั ใดสตั วท์ ง้ั หลายมสี นั ดานหนาไปดว้ ยโมหะ โลกจะถกู ท�ำ ลาย ด้วยลม เพราะโมหะน้ันเปรียบเหมือนลมกรด ท่ีนำ�มาลงไว้เพราะเห็นว่าเป็นจริงตามนั้น เพราะเหตุที่โลกถูก ทำ�ลายอยูท่ กุ วันน้ี กด็ ้วยอ�ำ นาจของ ราคะ โทสะ โมหะของคนนน่ั เอง มิใช่มีเพียงคนไทยเท่าน้ันท่ีแตกตื่น แม้แต่ฝร่ังก็ต่ืนตูมกันมาแล้ว ลองอ่านประวัติศาสตร์โลกแตกของฝร่งั ดู [๒๗] ค.ศ.๓๓-๑๕๐ ชาวครสิ ตย์ ุคแรกกลุ้มใจวา่ โลกจะแตกสลาย ค.ศ.๙๙๒-๑๐๐๐ บาทหลวงชาวยโุ รปคดิ วา่ โลกจะวนิ าศในปี ๑๐๐๑ แต่ก็ไม่มีอะไรเกดิ ข้นึ ค.ศ.๑๐๐๑ ปรากฏวา่ โลกยงั ไมแ่ ตก บาทหลวงชาวฝรง่ั เศสจงึ บอก วา่ ภยั พบิ ตั จิ ะเลอื่ นไปเกดิ ปี ค.ศ.๑๐๓๓ แตเ่ มอื่ ถงึ เวลานน้ั โลกกย็ งั เปน็ ปกติ
๗๑ พระมหาวิเชียร ชินวํโส ค.ศ.๑๑๘๖ เกดิ ดาวเคราะหเ์ รยี งตวั กนั ชาวยโุ รปนกึ วา่ โลกจะลม่ สลาย ค.ศ.๑๓๔๖-๑๔๑๘ (พ.ศ.๑๘๘๙-๑๙๖๑) เกดิ โรคกาฬโรคขนึ้ ประชากร ๑ ใน ๓ ของยุโรปตาย และคร่าชวี ติ ประชากรคร่ึงประเทศในองั กฤษ ฝร่งั ก็ คดิ วา่ โลกจะวนิ าศเหมอื นกนั แตม่ นษุ ยโ์ ลกกเ็ พมิ่ จํานวนกลบั คนื มาตามเดมิ ค.ศ.๑๕๐๑ (พ.ศ.๒๐๔๔) ครสิ โตเฟอร์ โคลมั บสั คน้ พบรหสั ไบเบล้ิ เรยี กมนั วา่ “ไบเบล้ิ โคด้ ” ไดผ้ ลทํานายออกมาวา่ โลกจะแตกในปี ค.ศ.๑๖๕๖ (พ.ศ.๒๑๙๙) แลว้ โคลัมบัสก็ทํานายผิด ค.ศ. ๑๘๔๔ วลิ เลยี ม มลิ เลอร์ บอกสาวก ๕๐,๐๐๐ คนวา่ โลกจะ พนิ าศในปนี แ้ี ล้ว แตก่ ็ผดิ หวัง ค.ศ.๑๘๔๘ วิลเลียมบอกว่า มันจะเล่ือนมาเกิดปีนี้ต่างหาก...แต่ก็ ไมม่ ีอะไรเกดิ ข้ึน วลิ เลยี มจึงบอกวา่ มนั เลื่อนไปเกดิ ปหี นา้ ค.ศ.๑๘๔๙ แต่ เมือ่ ถงึ เวลาก็ไม่มีอะไรเกิดขนึ้ อีก เขาจึงไม่ได้รบั ความเช่อื ถืออีกต่อไป ค.ศ.๑๙๑๐ ดาวหางฮลั เลห่ ป์ รากฏ ผคู้ นตา่ งหวาดกลวั วา่ จะเกดิ วนั สิ้นโลก ค.ศ.๑๙๒๕ แมช่ ีโรเบริ ์ต ไรท์ บอกว่า พระเจา้ มาแจ้งว่าโลกจะถงึ กาลพนิ าศในปนี ้ี เผอญิ ปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถีผ่ ดิ ปกติ ภาวะ บ้านเมอื งอมึ ครึม คนเลยเชอ่ื กนั มาก บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวัน ที่แม่ชีกล่าวไว้ แม่ชีจึงพาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิด พลาดอกี ตามเคย.. ค.ศ.๑๙๔๕ ชารล์ ลอง นกั ฟสิ กิ ส์องั กฤษ บอกวา่ โลกจะพนิ าศ ซง่ึ ในระยะเดยี วกนั นนั้ บงั เอญิ เกดิ ดาวหาง เกดิ สรุ ยิ คราสและจนั ทรคราสบอ่ ย
ขลงั ศักดส์ิ ิทธ์ิ อทิ ธิฤทธิ์ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๗๒ น�ำ้ ทว่ มเป็นประจํา แผน่ ดนิ ไหวถ่ผี ิดปกติ จงึ เป็นเหตผุ ลท่ชี าวโลกควรเช่อื แตก่ ผ็ ดิ พลาดหนกั เขา้ ไปอีก ค.ศ.๑๙๗๕ กลุ่มชาวครสิ ต์ออกมาทํานายว่าปีน้ีโลกจะพินาศ หลัง จากทายผดิ ตดิ ตอ่ กนั มาแลว้ ๑๐ ปี ค.ศ.๑๙๙๖ ไมเคิล ดรอสนนิ ท์และเอลยิ า รปิ ป์ ตคี วามไบเบิล้ โคด้ แล้วบอกวา่ จะเกดิ สงครามโลกครั้งที่ ๓ ในวันท่ี ๒๕ กรกฏาคม...แตก่ ไ็ ม่มี อะไรเกิดขึ้น ไมเคิลและริปปจ์ งึ บอกว่า สงครามโลกครัง้ ที่ ๓ และภัยพิบัติ ทางธรรมชาตเิ กิดข้ึนแน่ แตเ่ ลือ่ นไปในปีค.ศ.๑๙๙๙ ค.ศ.๑๙๙๙ ผู้คนอ้างคำ�ทำ�นายของนอสตราดามุส บอกว่าจะเกิด สงครามโลกครง้ั ที่ ๓... นอกจากนอสตราดามสุ แลว้ ยงั มไี มเคลิ กบั รปิ ปท์ ห่ี นา้ แหกเป็นเพ่ือนอกี ตั้งหาก ค.ศ.๒๐๐๐ คนทง้ั โลกกลวั ปญั หา Y2K และดาวเคราะหเ์ รยี งตวั กนั ในวนั ท่ี ๕ พฤษภาคม ผูค้ นบนโลกเชือ่ ว่าโลกจะแตก แลว้ กไ็ มม่ ีอะไรเกดิ ขึ้น ค.ศ.๒๐๐๓ กลุ่มที่เชื่อเซคาริยาห์อ้างว่า ดาวนิบิรุจะโคจรมาใกล้ โลก กอ่ เกดิ ภยั พบิ ตั ิ ทญี่ ปี่ นุ่ มกี ลมุ่ คนพากนั หนเี ขา้ ปา่ แตก่ ไ็ มม่ อี ะไรเกดิ ขนึ้ กันยายน ๒๐๐๕ - สงิ หาคม ๒๐๐๖ กล่มุ ไบเบล้ิ โค้ดเชอ่ื ว่า จะเกิด สงครามโลกครง้ั ท่ี ๓ ตามที่คัมภรี ท์ ํานายวา่ จะเกดิ ในเดือนสิงหาคม ๒๐๐๖ แต่กผ็ ดิ อกี ฯลฯ แมภ้ ายใน ๒-๓ ปมี าน้ี ฤดกู าลของโลกเรม่ิ วปิ รติ ผดิ เพยี้ น ภยั พบิ ตั ิ เกดิ ขน้ึ ตอ่ เนอื่ งทว่ั โลก นนั่ เปน็ เพราะการปรบั สมดลุ ของโลก เพอื่ ใหท้ กุ ทา่ น
๗๓ พระมหาวเิ ชยี ร ชินวํโส ตระหนกั ไม่ใชต่ ระหนก เพ่ือให้ตน่ื รู้ มใิ ช่ต่ืนเต้น มนุษย์เผาโลกตนเองมา นานแล้วด้วยความเห็นแก่ตัว ภายใต้ช่ือว่า “ระบบทุนนิยม” หากโลกจะ ปรับสมดุลบ้าง ก็ต้องยอมรับว่านี่คือกรรมร่วม ท่ีมนุษย์ทุกคนมีส่วนรับ ผลกรรมน้ีด้วยกัน ความเชอื่ อกี อยา่ งหนง่ึ ของชาวพทุ ธ ปรากฏอยใู่ นคมั ภรี อ์ รรถกถา พทุ ธวงศ์ คือกปั นีเ้ ปน็ ภทั ทกปั มีพระพทุ ธเจา้ เกิดขึน้ ๕ พระองค์ ปัจจบุ นั คอื องคท์ ่ี ๔ เม่อื ใดท่พี ระศรีอริยเมตตรัย ซ่งึ เปน็ พระพทุ ธเจา้ องคท์ ่ี ๕ ยงั ไมอ่ บุ ัติ และยังไม่ส้นิ ศาสนาของพระองค์ โลกนีจ้ ะยังไม่ถกู ท�ำ ลาย และอีก เรอ่ื งหนง่ึ กค็ อื ชาวพทุ ธเชอื่ วา่ ศาสนาของพระสมณโคดมนจี้ ะมอี ายุ ๕,๐๐๐ ปี ปรากฎอยใู่ นคัมภีรม์ ิลินทปญั หา บัดน้ผี ่านมา ๒,๕๕๕ ปี อย่างนอ้ ยก็ เหลอื อีก ๒,๔๔๕ ปี ทีพ่ ระพุทธเจา้ องค์ต่อไปจะอุบัติข้ึน และโปรดสงั เกต เถอะวา่ ถ้าเปน็ เรือ่ งอภปิ รัชญาอย่างนี้ มักปรากฏในคมั ภรี อ์ รรถกถาและ คัมภรี ์รุน่ หลงั ไมใ่ ชพ่ ทุ ธพจน์แน่ อีกอย่างหน่ึง พลงั จติ ของคนนนั้ มีผลต่อโลก ยิ่งคนกลัวตายมาก เทา่ ไร กจ็ ะพากนั ท�ำ ดมี ากยงิ่ ขน้ึ สงั เกตไดจ้ าก ๒-๓ ปมี านคี้ นถวายสงั ฆทาน สวดมนต์ รกั ษาศีล เจรญิ ภาวนากันมากขนึ้ เป็นประวัติการณ์ เม่ือคนพา กนั ใฝด่ อี ยา่ งนี้ ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ผลบวกกบั โลก แตห่ ากปลายปนี ไี้ มม่ อี ะไรเกดิ ข้ึน คนก็จะพากันประมาทมัวเมาเลิกทำ�ความดีกัน วกิ ฤตกาลของโลกก็จะ เกิดขนึ้ อกี สับเปลี่ยนหมนุ เวยี นกนั ไปเชน่ นี้ ดุจพุทธพจน์ที่วา่ “โลกอันจติ ยอ่ มน�ำ ไป อนั จติ ย่อมชกั ไป ธรรมทงั้ ปวงยอ่ มหมุนไป สู่อ�ำ นาจเดยี วกนั คือจติ ” [๒๘]
ขลัง ศักด์ิสิทธ์ิ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม ๗๔ แปลตามประสาผเู้ ขยี นว่า “โลกหมุนไปตามอ�ำ นาจของจิต” หากกลัวตาย แตไ่ มเ่ ร่งรบี ท�ำ ความดี ช่วยกันลดมลภาวะ หรือลด ความเห็นแก่ตัวลง เอาแตห่ วาดหวั่นพรั่นพรงึ กนั อยู่ ก็จะทำ�ใหจ้ ิตใจหดหู่ เศร้าหมอง ถา้ คนคอ่ นโลกเป็นอย่างน้ี จติ อนั เป็นอกุศลซง่ึ มีพลังมหาศาล จะย่ิงท�ำ ให้โลกนีว้ บิ ตั ิเรว็ ข้นึ แน่นอน ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งใหญร่ ะดบั จกั รวาล หรอื เรอื่ งเลก็ ระดบั โลก กล็ ว้ น แต่เปลี่ยนแปลง เกิดดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่ต้องพูดถึงเช้ือโรคท่ีกำ�ลัง ทำ�ลายโลกน้อี ย่างเราๆ ทา่ นๆ ย่อมเปน็ ไปตามความเปลย่ี นแปลงของโลก อยู่แล้ว เมื่อเจริญถึงขีดสุดได้ ก็ย่อมเสื่อมถึงขีดสุดได้เหมือนกัน โลกจึง หมนุ ยำ่�รอยเดมิ ไม่มอี ะไรใหม่ ซ�ำ้ ซากอยู่อยา่ งนี้ โลกจะแตกหรอื ไม่ เราทงั้ หลายซงึ่ เปน็ เพยี งเศษฝนุ่ ในจกั รวาลนจ้ี ะ ทำ�อะไรได้ กลับมารกั ษาใจไมใ่ ห้แตกสลายกบั เร่อื งท่จี ดั การไมไ่ ด้ดีกวา่ มัง้
พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส
ขลัง ศักดิ์สทิ ธิ์ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏิหาริย์ กรรม เสริมบารมี ตงั้ แตต่ ้นปี ๒๕๕๕ ค�ำ ว่าเสริมบารมี ได้ยินกันบอ่ ยขึ้น เช่นไหวพ้ ระ ๙ วัดเสริมบารมี สวดมนต์เคาท์ดาวน์เสริมบารมี ทำ�พิธีศักด์ิสิทธิ์ต่างๆ เสรมิ บารมี ปลกู ไมม้ งคลเสรมิ บารมี ใชห้ นิ สเี สรมิ บารมี ฮวงจยุ้ เสรมิ บารมี หรอื แม้แตส่ ิง่ ทีเ่ ป็นไปในทางลบ เชน่ มกี ๊กิ หลายๆ คนเพ่ือเสริมบารมี ที่เหน็ บอ่ ยๆ ก็คือ ถวายสงั ฆทาน ๗ วัด ถวายเทียนพรรษา ๙ วัด ภายในวนั เดียวเพอ่ื เสรมิ บารมี ผู้เขียนมกั “เบรค” อยู่บ่อยๆ เมอ่ื เหน็ โยมรีบร้อนจะไปถวายวัดอน่ื ตอ่ ไป “โยม จะรีบไปไหน คุยกันก่อน เด๋ียวค่อยไปต่อ จิตเป็นกุศลบ้าง หรอื เปลา่ ท�ำ บญุ กระหดื กระหอบแบบน้ี จะไดบ้ ญุ ตรงไหน มวั แตห่ งดุ หงดิ วุ่นวายคอยเร่งกันอยู่นน่ั จิตมแี ต่โทสะ เป็นอกุศลลว้ นๆ ใจเย็นๆ” บางทา่ นกเ็ ทย่ี วไปแสวงบญุ ตามวดั วาอารามตา่ งๆ เพอื่ ชนื่ ชมบารมี ของพระอรยิ ะ พระอรหนั ตท์ ง้ั หลาย โดยทไ่ี มร่ เู้ ลยวา่ ตนเองกส็ ามารถสรา้ ง บารมแี บบนั้นได้
๗๗ พระมหาวิเชยี ร ชนิ วโํ ส สมยั เมือ่ หลวงปู่แหวน สุจิณโฺ ณ ยังมีชวี ติ อยนู่ ้ัน มกั มญี าตโิ ยม เดนิ ทางไปกราบนมสั การแสวงบญุ กบั ทา่ นอยเู่ สมอ เมอ่ื หลวงปถู่ ามวา่ มา กันท�ำ ไม ญาติโยมก็จะตอบว่า “มาชื่นชมบารมีหลวงป”ู่ หลวงปจู่ ึงเตือนสตวิ ่า “บารมตี อ้ งสรา้ งเอาเอง เหมือนอยากให้มะมว่ งของตนมีผลดก ก็ ตอ้ งหมน่ั บ�ำ รงุ รกั ษาเอง ไมใ่ ชแ่ หไ่ ปชนื่ ชมตน้ มะมว่ งของคนอน่ื ตอ้ งไปปลกู บ�ำ รงุ ตน้ มะมว่ งของตนเอง การสรา้ งบารมกี เ็ ชน่ กนั ตอ้ งสรา้ งตอ้ งท�ำ เอง” และที่ประหลาดยงิ่ กวา่ นั้น ท่านผู้มีบารมที ง้ั หลายในปจั จุบัน เร่ิม มกี ารโฆษณาประชาสัมพันธเ์ พม่ิ ข้นึ เรยี กว่าใช้สอื่ ต่างๆ เป็น เชน่ มโี ฆษณาตามปา้ ยคตั เอา้ ทข์ า้ งทางวา่ เชญิ รว่ มท�ำ บญุ กบั พระ อาจารยช์ อ่ื โนน้ หลวงพอ่ ชอื่ นี้ ครบู าชอ่ื นนั้ ซง่ึ จะออกจากนโิ รธสมาบตั บิ า้ ง ออกนโิ รธกรรมบ้าง มหี ลายจงั หวัดในทกุ ภาคของประเทศ เป็นความเชื่อของชาวพุทธอย่างหนึ่งว่า การได้ทำ�บุญกับพระท่ี เพ่งิ ออกจากนิโรธสมาบตั นิ ัน้ จะทำ�ให้ร�่ำ รวยภายใน ๗ วัน เพราะพระทเ่ี ขา้ นิโรธสมาบัติได้นั้น ต้องเป็นผู้มีบารมีมากระดับพระอรหันต์หรือพระ อนาคามที ไ่ี ดส้ มาบตั ิ ๘ และเขา้ ไดไ้ มเ่ กนิ ๗ วนั เพราะรา่ งกายทข่ี าดน�้ำ ขาด อาหารจะทนไม่ไหว ถือว่าเป็นความโชคดีที่ประเทศเรามีพระผู้เข้านิโรธ สมาบตั มิ าก เพ่ือใหช้ าวไทยไดม้ โี อกาสทำ�บญุ และเร่งผลบุญไดร้ วยทันใจ
ขลงั ศกั ด์สิ ิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๗๘ เคยถามโยมทไ่ี ปท�ำ บญุ กบั พระทเ่ี พง่ิ จะออกจากนโิ รธสมาบตั มิ าวา่ “รวยหรือยังโยม เกนิ ๗ วนั แล้วน”่ี โยมกก็ ระมดิ กระเม้ียนตอบว่า “ยงั จนเหมือนเดมิ เจ้าค่ะ” พระสมัยพุทธกาล เช่นพระมหากัสสปะ เมื่อท่านออกจากนิโรธ สมาบตั ิ กอ่ นออกรับบิณฑบาตโปรดสตั ว์ ท่านจะพิจารณาบุคคลท่ียากจน เขญ็ ใจและควรแกก่ ารโปรด จงึ เดนิ ทางไปรบั บณิ ฑบาตกบั บคุ คลนน้ั เงยีิ บๆ แตป่ จั จบุ นั คนอยากจน(ไมใ่ ชย่ ากจน)มากขน้ึ จงึ ตอ้ งมกี ารโฆษณา ประชาสมั พนั ธก์ นั เปน็ กรณพี เิ ศษและกท็ นั ใจ เพราะเมอื่ ท�ำ แลว้ กร็ วยภายใน ๗ วนั จริงๆ แตไ่ มใ่ ช่โยมนะที่รวย...? ทจ่ี รงิ บารมใี นแนวพทุ ธไมใ่ ชเ่ รอื่ งเหอ่ พระดงั คลงั่ พระเดน่ แตเ่ ปน็ เร่อื งการทำ�ดี เว้นช่ัว และทำ�ดีโดยไม่ยึดถือ จนสง่ เสรมิ ใหม้ ีจิตใจย่ิงใหญ่ กวา้ งขวาง ไม่มปี ระมาณ เพราะท�ำ ดีโดยไร้ขอ้ แม้ และไม่เจาะจงบุคคลใด บคุ คลหนงึ่ วธิ เี สรมิ บารมแี บบนี้ อาจจะฝนื อกฝนื ใจในเบอ้ื งตน้ แตเ่ บอ้ื งปลาย จะชว่ ยท�ำ ใหจ้ ติ คนุ้ ชนิ ตอ่ ความดมี ากยง่ิ ขน้ึ จนเปน็ อาจณิ กรรม คอื ท�ำ ดจี น ชนิ จนไม่ไดร้ ู้สกึ วา่ ได้ท�ำ อะไร เพอ่ื ใคร เพราะเป็นเพยี งการกระท�ำ ตามปกติ ธรรมดาของชวี ติ เทา่ นนั้ หากร้สู ึกอยา่ งนไ้ี ดเ้ มอ่ื ไร ผลแห่งบารมีจะปรากฏ ผลชัดเจน จนก่อให้เกิดความมั่นใจในความดีที่ตนได้กระทำ� การเป็น
๗๙ พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส ผมู้ ีบารมี จงึ เป็นเร่ืองของการฝึกหัดขัดเกลาตนนั่นเอง ส่วนการมีอ�ำ นาจ มีคนนับหน้าถือตามาก มีคนเคารพย�ำ เกรงมาก หรอื มคี นศรทั ธาเลอ่ื มใสมาก ทเ่ี รยี กวา่ “คนมบี ารม”ี ตามคา่ นยิ มของสงั คม นนั้ เป็นเพยี งผลพลอยไดจ้ ากการฝึกฝนพัฒนาตนเอง อย่าหลงติดอยูใ่ น ผลจนลมื สร้างเหตุ หรอื คำ�โบราณว่า “อย่ามวั กนิ บุญเก่า” เทา่ นนั้ วิธีการเสรมิ บารมีแบบพทุ ธแทห้ รอื เรยี กว่า ทศบารมี หรือบารมี ๑๐ ทัศ [๒๙] คือการทำ�ตามคณุ ธรรมความดีทป่ี ระพฤตปิ ฏิบตั บิ ำ�เพญ็ อย่าง พิเศษ เพ่ือบรรลุซึ่งจุดหมายอันสูงสุด เช่น ความเป็นพระพุทธเจ้า และ ความเป็นมหาสาวกเปน็ ต้น ผูเ้ ขยี นขอแนะน�ำ วธิ เี สริมบารมอี ยา่ งงา่ ยๆ ดงั น้ี ๑.ทาน การให้ การเสียสละ แบ่งปนั ฝกึ ใหอ้ ยา่ งไร้เงอ่ื นไข ไมว่ า่ จะเปน็ การให้อภยั ใหโ้ อกาสแก่ผอู้ ื่น ให้ ค�ำ แนะน�ำ ท่ีดี ให้วตั ถสุ ิ่งของไม่มงุ่ เพอ่ื ทจ่ี ะสรา้ งบญุ คุณกับใคร แต่ต้ังเป้า ไว้ท่ีไดล้ ะความตระหนี่เหนยี วแน่น ความเหน็ แก่ตวั ในใจตนเอง ๒. ศีล การมีพฤติกรรมดีงามถูกต้องตามระเบียบวินัย ขนบ ธรรมเนยี มประเพณขี องสังคมมนุษย์ ฝึกปรับเปล่ยี นพฤติกรรมของตนเองไปในทางบวก เชน่
ขลัง ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ อิทธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๘๐ ก.ไม่ตบยุง บีม้ ด อยา่ งไรเ้ มตตา หัดใหอ้ าหารสุนขั แมวบา้ ง หดั ปลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา ปลอ่ ยสัตว์ใหเ้ ป็นอิสระจากการจองจ�ำ หรอื หาโอกาส ก็ไปเลี้ยงอาหารคนชรา เด็กกำ�พร้าบ้าง เพ่ือเสริมให้ความเมตตาเกิดข้ึน ข. ไม่มักง่ายหยิบจับของสว่ นรวมติดมอื ไปเป็นสมบัติสว่ นตน ฝกึ รักษาของส่วนรวม ไม่ทำ�ลายหรือขาดการเอาใจใส่ต่อของส่วนรวม ด้วย คิดวา่ ไมใ่ ชข่ องตนเอง ค. ฝกึ พูดจาให้ถูกตรง เลิกโกหกหลอกลวงคนอน่ื เขา ไม่กระแนะ กระแหน สอ่ เสยี ดผอู้ น่ื ไมด่ า่ ทอจาบจว้ งดว้ ยค�ำ หยาบคาย รวมถงึ ไมน่ นิ ทา ว่าร้ายคนอ่ืน อนั เป็นเหตใุ หจ้ ติ ตนเองเสยี คุณภาพไปดว้ ย ง. ฝึกใจไม่ให้ส่อส่ายไปรัก ไปชอบคนอ่ืนด้วยความกำ�หนัดยินดี เตอื นตนใหม้ นั่ คงในคคู่ รองของตน เพราะการท�ำ ผดิ ตอ่ คคู่ รองของตนกเ็ รมิ่ มาจากใจทีน่ กึ คิดปรุงแต่งไปในทางท่ีไมค่ วรน่นั เอง จ.ฝกึ การละเวน้ จากการดม่ื น�้ำ เมา สง่ิ เสพตดิ ทง้ั หลาย อนั เปน็ เหตุ ให้ประมาท เพราะไมม่ ีใครได้ดดี ้วยการขาดสตสิ มั ปชญั ญะเลย ๓. เนกขมั มะ การปลีกตัว ปลีกใจจากกาม คือรปู เสียง กลน่ิ รส สมั ผัส ท่นี า่ ยนิ ดีพอใจ ฝกึ อย่งู า่ ย กินง่าย นอนง่าย ดำ�เนนิ ชีวติ อยา่ งเรยี บง่ายบา้ ง การ ไปอยู่วัด เพ่ือปฏิบัติธรรมในช่วงสั้นๆ จะช่วยให้ได้ฝึกใช้ชีวิตเรียบง่ายได้ อย่างเป็นปกติ เพราะไม่มีวตั ถุเปน็ เหยือ่ ล่อ ฉุดร้งั ให้ตดิ เสพ ติดสขุ ติดคกุ ชวี ิตมากเกนิ ไปนัก
๘๑ พระมหาวเิ ชยี ร ชินวํโส ๔. ปัญญา ความรอบรู้ ความหยงั่ รู้เหตผุ ล เข้าใจสภาวะของส่งิ ทงั้ หลายตามความเปน็ จรงิ ฝกึ อ่านหนังสอื ธรรมะ สวดมนต์ สาธยายธรรม ฝึกนง่ั สมาธิ เดนิ จงกรมบา้ ง หม่ันสอบถามจากผ้รู ู้ พิจารณาไตรต่ รอง แสวงหาสัจจะของ ชีวิตบ้าง โดยไม่ต้องรอให้ชีวิตติดลบเสียก่อน เม่ือถึงเวลาที่ชีวิตพบพาน ความทุกข์ จะไดม้ ที างออกได้งา่ ย มใิ ช่หลงจมไปในอบายมุข ติดหลม่ แห่ง ทุกขม์ ากขึน้ ๕. วิริยะ ความเพียร ความแกล้วกล้า ไม่กลัวอุปสรรค มีความ อุตสาหะ ไมท่ อดทง้ิ ธุระหน้าที่ ฝกึ ฝนื ท�ำ ดบี า้ ง เชน่ ฝนื อา่ นหนงั สอื เรยี น ฝนื ท�ำ การบา้ น ดดั สนั ดาน ดา้ นมืดของตนเองดว้ ยการไมท่ �ำ ตามใจอยาก หดั ตืน่ เชา้ ตกั บาตร ฝึกละ ความเกียจคร้าน ไม่ให้ท่ากิเลสมากนัก ฝึกฝืนอุปนิสัยด้านลบเช่นติดเฟซ ติดเนต็ ติดแชต ตดิ เกม ติดเมาท์ กพ็ ยายามฝนื ทจ่ี ะไมท่ ำ�อยา่ งนัน้ พอฝืน บ่อยเขา้ ก็จะเหน็ ได้เองวา่ ชีวิตท่ีไม่ต้องตดิ อะไร เบาสบายมากแค่ไหน ๖. ขนั ติ ความอดทน สามารถใช้สตปิ ัญญา ควบคมุ ตนเองใหอ้ ยู่ ในอำ�นาจเหตผุ ล ฝึกอดทนต่อทุกอารมณ์ ทุกบุคคลท่ีเข้ามากระทบ จนทำ�ให้ชีวิต กระเทอื น หรอื แมแ้ ตฝ่ กึ ทจ่ี ะไมต่ อบโต้ ท�ำ ประชดประชนั ด้านลบ โดยเฉพาะ
ขลงั ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ อทิ ธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ๘๒ กับผู้มีพระคุณของตนย่ิงต้องอดทนให้มากท่ีสุด เพราะกระทบกระท่ังกัน งา่ ยทสี่ ดุ วธิ ฝี กึ งา่ ยๆ เชน่ ไมเ่ ถยี งแม่ ไมห่ นา้ งอใส่ หรอื เรอ่ื งอน่ื ๆ เชน่ ตงั้ ใจ ไว้ว่าจะซ้ือสินค้าเฉพาะท่ีวางแผนไว้เม่ือไปเดินห้าง จะไม่เผลอใจไปตาม โฆษณา จะพดู โทรศพั ท์ให้นอ้ ยลงกว่าเดิม ๗. สจั จะ ความจรงิ คอื พูดจรงิ ท�ำ จริง และจริงใจ ฝกึ ตงั้ สจั จะกบั ตนเอง เชน่ วนั นจี้ ะท�ำ ดอี ะไรบา้ ง แลว้ พยายามท�ำ ให้ ได้ เชน่ ตงั้ สจั จะวา่ จะไมโ่ กรธใคร จะไมโ่ กหกใคร จะตน่ื เช้ากวา่ เดมิ จะสวด มนต์น่ังสมาธทิ ุกวัน ถ้ามเี หตุใหต้ ้องผิดสัจจะ ต้องทดแทนใหใ้ นวันต่อไป ๘. อธษิ ฐาน ความตั้งใจม่ัน, การตัดสินใจเดด็ เด่ียว วางจดุ หมาย แหง่ การกระทำ�ของตนไวแ้ นน่ อน และดำ�เนนิ ตามน้นั อย่างแน่วแน่ ฝึกตั้งใจทจี่ ะลงมอื ทำ�ดี ไม่ผัดวันประกันพร่งุ ในการท�ำ ความดโี ดย เดด็ ขาด เตอื นตนเองว่าชวี ิตไม่แนน่ อน เชน่ ต้ังใจทีจ่ ะให้เวลาแกค่ รอบครัว มากข้ึน ตั้งใจที่จะไปเย่ียมเยียนพ่อแม่ โทรศัพท์พูดคุยกับท่านให้บ่อยขึ้น เปน็ ต้น ๙. เมตตา ความรักใคร่ ความปรารถนาดี มีไมตรีจิต คดิ เกือ้ กลู ให้ ผอู้ ่นื และเพอื่ นร่วมโลกท้งั ปวงมคี วามสุขความเจรญิ ฝกึ จติ เมตตาอยา่ งไมม่ ปี ระมาณ เรม่ิ จากเมตตาตนเองกอ่ น เชน่ ไม่
๘๓ พระมหาวเิ ชียร ชินวํโส หักโหมหมกมุ่นกับงานมากเกินไป ไม่ทำ�ร้ายตนเองด้วยการทำ�ความช่ัว พยายามเห็นใจ เขา้ ใจบคุ คลรอบขา้ งท่ีอาจผดิ พลาดพลง้ั ไปบา้ ง เพราะเรา เองกเ็ คยเปน็ อยา่ งนน้ั ไมค่ อยจบั ผดิ ใครเขา ฝกึ สรา้ งความปรารถนาใหผ้ อู้ น่ื เป็นสุขอยบู่ ่อยๆ จะช่วยให้จิตใจสงบเย็น ลดความเครยี ดความกังวลไดม้ าก ๑๐. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง ความวางใจสงบราบเรียบ สมำ่�เสมอ เที่ยงธรรม ไม่เอนเอียงไปด้วยความยินดียินร้ายหรือชอบชัง ฝกึ วางใจเปน็ กลางกบั คนทเี่ กย่ี วขอ้ งปฏสิ มั พนั ธก์ นั เรอ่ื งไหนทช่ี ว่ ย เหลือไดก้ ็ชว่ ย เรื่องไหนชว่ ยไม่ได้กอ็ ยา่ ทกุ ข์ร้อนกระวนกระวายกบั เขา การ วางเฉยไม่ใช่การวางความรับผิดชอบ แต่ทุกคนสามารถรับผิดชอบได้ด้วย ใจท่ีปลอ่ ยวาง ไม่ยดึ ติดกับตำ�แหนง่ หนา้ ทีห่ วั โขนท่ีสงั คมสวมให้มากนัก เสรมิ บารมีแบบพทุ ธแท้ จึงทำ�ได้ง่ายๆ โดยไม่ตอ้ งไปเขา้ พธิ กี รรม ทไ่ี หน หรอื เสยี เงนิ เสยี ทองไปกบั เรอื่ งไรส้ าระทคี่ นไทยหวั ใจไสยฯ สว่ นหนงึ่ ก�ำ ลังติดตนั อยู่ในปัจจบุ นั
ขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ อิทธิฤทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ใจตื่น รู้ เบกิ บาน คอื ปาฏหิ าริยแ์ หง่ ชวี ติ
พระมหาวเิ ชียร ชนิ วโํ ส
ขลัง ศักดิส์ ทิ ธ์ิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏหิ าริย์ กรรม ปาฏิหาริย์ สมยั ทผ่ี เู้ ขยี นเปน็ เดก็ สง่ิ ทพี่ อจะเรยี กวา่ ปาฏหิ ารยิ ไ์ ด้ กเ็ หน็ จะเปน็ ลงุ ซึง่ เปน็ ญาติใกล้ชิด บ้านใกล้เรือนเคียง เรยี กไดว้ ่าเปน็ หมอผี หรือหมอ ยาประจ�ำ ตระกูล สมัยนั้นไม่ว่าใครจะเป็นโรคอะไร ลุงสามารถรักษาได้ด้วยคาถา อาคม เช่นเด็กๆ เป็นโรคคางทมู ลงุ จะนำ�ปนู สำ�หรบั เค้ียวหมากทาบริเวณ คางทมู นน้ั แลว้ เสกคาถาซงึ่ ฟงั แลว้ ออกแนวอโี รตกิ นดิ ๆ ดไู มน่ า่ จะขลงั แต่ หายทกุ รายไป ไม่รู้ว่าหายเพราะปูนหรอื คาถา มอี ยู่ครั้งหนึ่งทถ่ี กู สุนขั กดั ลงุ ใชเ้ กลือยดั เขา้ ไปที่ปากแผล ซึง่ ทง้ั เจบ็ ทง้ั แสบยงิ่ กว่าถกู สุนัขกัดเสยี อีก แล้วใช้รองเท้าของลงุ นน่ั เองตบไปที่ ปากแผล ซึง่ ขดั ตอ่ หลกั สขุ อนามยั ทสี่ ุด พรอ้ มทัง้ บรกิ รรมคาถาว่า “สนุ ัก- ขัตตงั สมุ ังคะลงั สุปะภาตัง สหุ ฏุ ฐิตัง สขุ ะโณ สมุ หุ ุตโต จะ สยุ ฏิ ฐงั พรัหมะจารสี ุ” เปน็ ต้น ตอนนน้ั ฟงั แลว้ ไม่รูค้ วามหมาย นกึ วา่ ภาษาเทพ มี ความรสู้ กึ วา่ เปน็ คาถาทขี่ ลงั สดุ ๆ เพราะสนุ ขั ทกี่ ดั กต็ าย แผลทถี่ กู กดั กห็ าย โดยไม่ต้องไปฉีดยารอบสะดือเหมือนในปัจจุบัน น่ีอาจเป็นสาเหตุหน่ึงท่ี ทำ�ให้ผูเ้ ขียนเพย้ี นมาจนถึงปจั จบุ นั
๘๗ พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส ตอ่ มาเมือ่ มโี อกาสได้เรียนบาลี จงึ ไดร้ ู้ความหมายว่า “ท�ำ ดกี ับคน ดีเวลาไหน เวลานั้นกช็ ่อื วา่ ฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี คร่ดู ี บชู า แล้วดี” ซ่ึงไม่เห็นจะเก่ียวกับหมากัดตรงไหน แต่ลุงคงจะไปจับเอาคำ�ว่า สุนกั ขัตตงั มาเปน็ นยั วา่ นีแ่ หละคาถารักษาพิษสนุ ขั บ้าแหงๆ หลังจากที่ผู้เขียนบวชแล้วหลายพรรษา สั่งสมวิทยายุทธพอ สมควรแล้ว ได้พบหลวงปู่รูปหนึ่งที่ภาคอีสาน หลวงปู่ดังเรื่องเสี่ยงทาย โดยเฉพาะการยกชา้ งทองเหลอื งเสยี่ งทาย วธิ กี ารมงี า่ ยๆ เชน่ เมอ่ื หนมุ่ คน หน่ึงมาหาหลวงปู่แล้วขอร้องว่า พรุ่งน้ีจะไปเกณฑ์ทหาร ไม่อยากจับได้ ใบแดง ด้วยเหตุว่ากำ�ลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หลวงปู่ก็ให้ใช้นิ้วก้อย สอดเข้าไปยกตรงห่วงทองเหลืองเล็กๆ บนหลังช้างด้วยแขนข้างเดียว พร้อมกับบอกว่าถ้ายกขึ้นก็ใบแดง ยกไม่ข้ึนก็ได้ใบดำ�รอดตัวไป ในขณะ เดยี วกันทา่ นก็ท่องคาถาดงั ลัน่ ว่า กะ ขะ คะ ฆะ งะ จะ ฉะ ชะ ฌะ ญะ ฏะ ฐะ ฑะ ฒะ ณะ ตะ ถะ ทะ ธะ นะ ปะ ผะ พะ ภะ มะ ยะ ระ ละ วะ สะ หะ ฬะ อัง อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
ขลัง ศักดส์ิ ิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ กรรม ๘๘ ปรากฏว่าหนมุ่ ผูไ้ ม่อยากติดทหารคนน้นั ยกไมข่ น้ึ ไม่รวู้ า่ เพราะยก ไม่ไหวหรือเพราะคาถาหลวงปู่กันแน่ ย้ิมแย้มแจ่มใสกลับไป ผู้เขียนไม่ได้ ตามข่าววา่ จับไดใ้ บแดงหรอื ใบด�ำ ฟังคาถาของหลวงปู่แล้วหัวร่อมิได้ ร่ำ�ไห้มิออก ถ้าใครเคยเรียน บาลีก็จะรู้วา่ คาถาที่หลวงปู่ท่อง คอื พยัญชนะทัง้ ๓๓ ตวั และสระทง้ั ๘ ตัวของภาษาบาลีนั่นเอง ถ้าจะคิดให้ขลังก็คงต้องบอกว่า พยัญชนะและ สระเหล่าน้ีแหละ คอื ศนู ยร์ วมและท่ีมาของคาถาอาคมทงั้ ปวง หากเคยอ่านหนังสือ หรือนิตยสารเก่ียวกับประวัติของหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานท้ังหลาย จะกล่าวถึงฤทธิ์เดชอัน มหศั จรรยข์ องท่านเหลา่ นั้นอยดู่ ้วย สมยั เป็นเดก็ ๆ จงึ เปน็ ความฝนั ของผู้ เขียนอยา่ งหนึง่ ว่าสกั วันจะเปน็ ผ้วู เิ ศษอยา่ งน้ันบา้ ง แตเ่ มอื่ ไดเ้ รยี นปรยิ ตั ิ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ไดช้ มิ รสแหง่ ธรรมบา้ งแลว้ จงึ ไดร้ วู้ า่ ปาฏหิ ารยิ เ์ หลา่ นน้ั เปน็ เพยี งโปรโมชน่ั ทแี่ ถมมากบั การฝกึ จติ เทา่ นน้ั ซง่ึ ใครๆ กม็ ไี ด้ และไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งมเี สยี ดว้ ย ซงึ่ พอ่ แมค่ รบู าอาจารยท์ ง้ั หลาย ทา่ นกไ็ มไ่ ดเ้ นน้ เร่ืองนี้ ในมุมของพุทธนั้น ปาฏิหาริย์ หมายถึงการกระทำ�ที่กำ�จัดหรือ ทำ�ให้ปฏิปักษ์ยอมได้ หรือการกระทำ�ที่ให้บังเกิดผลเป็นท่ีอัศจรรย์ มี ๓ ประการ คือ
๘๙ พระมหาวิเชียร ชินวํโส ๑. อทิ ธิปาฏหิ ารยิ ์ ปาฏหิ าริยค์ ือฤทธิ์ หรอื แสดงฤทธิไ์ ด้เป็นทีน่ า่ อัศจรรย์ อิทธปิ าฏิหาริย์ เปน็ อภิญญา คือความรู้ทพ่ี เิ ศษอยา่ งยิ่ง เรยี กอีก อย่างหน่ึงว่าอิทธิวิธี คือการแสดงฤทธ์ิต่างๆ ได้ แต่เป็นโลกียอภิญญา เทา่ นน้ั คอื เปน็ ปาฏหิ ารยิ ท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งอยกู่ บั ความลมุ่ หลงมวั เมาของโลก ยงั อยูใ่ นวสิ ัยของปุถุชน จอ่ มจมอยู่ในอ�ำ นาจของกิเลส “บางทา่ นประกอบฤทธต์ิ า่ งๆ ไดม้ ากมายหลายอยา่ ง คนเดยี วเปน็ หลายคนก็ได้ หลายคนเปน็ คนเดียวกไ็ ด้ ท�ำ ใหป้ รากฏก็ได้ ท�ำ ให้หายไปกไ็ ด้ ทะลุฝา ก�ำ แพง ภูเขาไปไม่ตดิ ขัด เหมือนไปในท่วี ่างกไ็ ด้ ผุดข้นึ ด�ำ ลงแม้ใน แผ่นดินเหมือนในน้ำ�ก็ได้ เดินบนนำ้�ไม่แตกเหมือนเดินบนดินก็ได้ เหาะไป ในอากาศเหมอื นนกก็ได้ ใชม้ ือจบั ตอ้ งลูบคลำ�พระจันทร์ พระอาทติ ย์ ซึ่งมี กำ�ลังฤทธิ์เดชมากมายถึงเพียงน้ีก็ได้ ใช้อำ�นาจทางกายจนถึงพรหมโลก ก็ได้” [๓๐] การมีอิทธปิ าฏหิ ารยิ ์นนั้ เป็นเครื่องมือในการดงึ ศรัทธาของคนให้ ลุ่มหลงมัวเมาก็ได้ ให้หันมาปฏิบัติธรรมก็ได้ เท่าท่ีผู้เขียนเคยสัมผัสมา ปาฏิหาริย์ชนิดนี้เสื่อมได้หากไม่สำ�รวมระวังเป็นพิเศษ ท่านผู้มีปาฏิหาริย์ เชน่ นหี้ ากยงั ยดึ ตดิ ในความเปน็ ผวู้ เิ ศษของตน กม็ กั จะเจออสิ ตรปี าฏหิ ารยิ ์ ถกู สตรีเอาไปรับประทานเป็นสว่ นมาก ๒. อาเทสนาปาฏหิ ารยิ ์ ปาฏหิ ารยิ ์คือการทายใจ รอบรูก้ ระบวน
ขลงั ศักด์สิ ิทธ์ิ อิทธฤิ ทธิ์ ปาฏหิ ารยิ ์ กรรม ๙๐ การของจิตจนสามารถกำ�หนดอาการ แล้วบอกสภาพของจิต ความคิด อปุ นสิ ัยได้ถูกต้อง เปน็ ทนี่ า่ อศั จรรย์ “ภกิ ษยุ อ่ มทายใจ ทายความรสู้ กึ ในใจ ทายความนกึ คดิ ทายความ ไตรต่ รองของสัตวอ์ นื่ บุคคลอนื่ ได้ว่า ใจของทา่ นเปน็ อย่างนี้ ใจของทา่ น เป็นไปโดยอาการนี้ จิตของท่านเป็นดงั น”้ี [๓๑] คอื การรับรถู้ งึ ความรู้สึก รู้ความคดิ ความตอ้ งการของผอู้ น่ื สตั ว์ อนื่ หรอื รวู้ าระจติ เรอ่ื งอยา่ งนสี้ �ำ หรบั คนทเ่ี คยฝกึ จติ จะเหน็ เปน็ เรอ่ื งปกติ ไม่ใชเ่ ร่อื งแปลกเลย บางครงั้ ปาฏหิ ารยิ ช์ นดิ นก้ี ลายเปน็ ดาบสองคม เพราะจติ ไมไ่ ดท้ รง อภญิ ญาไวไ้ ดต้ ลอดเวลา ในขณะทจ่ี ติ ทรงอภญิ ญากร็ ใู้ จผอู้ น่ื ทกั ทายไดถ้ กู ตอ้ ง แตเ่ ม่ือจิตคลายออกจากอภิญญาไปเผลอทายใจใครเขา้ ก็จะท�ำ ใหผ้ ู้ นั้นหวั เราะเยาะเย้ยเอาได้ ผู้ปฏิบัติธรรมบางท่านเท่ยี วไปรจู้ ติ ผอู้ ่นื แต่ลมื ดจู ติ ตนเอง ในทส่ี ดุ หนักเขา้ จติ คนอื่นก็ไม่รู้ จิตตนเองก็ไม่รู้ ตดิ ตายอย่แู ค่ ความวเิ ศษจอมปลอมน้นั ในทส่ี ุดกเ็ อาตัวไมร่ อด ๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คืออนุศาสนี หรือคำ�สอนเป็น จริง สอนใหเ้ หน็ จริง นำ�ไปปฏิบัติไดผ้ ลสมจรงิ เป็นทน่ี ่าอัศจรรย์ “บางท่านย่อมพร�ำ่ สอนอย่างนว้ี า่ จงตรกึ อย่างนี้ อยา่ ตรึกอย่าง นนั้ จงมนสกิ ารอยา่ งนี้ อยา่ มนสกิ ารอยา่ งนน้ั จงละสงิ่ นี้ จงเขา้ ถงึ สง่ิ นอี้ ยู่ เถดิ ” [๓๒]
๙๑ พระมหาวิเชียร ชนิ วโํ ส นน่ั คอื การแสดงธรรม จนผฟู้ งั คลอ้ ยตาม มศี รทั ธาน�ำ ไปปฏบิ ตั ิ จน ได้รับผลแห่งการปฏิบัติ พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง หากเทียบอัตราส่วนกับ ปาฏหิ ารยิ ท์ ง้ั ๒ อยา่ งขา้ งตน้ พระพทุ ธเจา้ ใชป้ าฏหิ ารยิ ช์ นดิ นเี้ ปน็ สว่ นมาก ใน ๓ อย่างน้ี พระพุทธเจ้าทรงรังเกียจอิทธปิ าฏิหารยิ ์ และอาเท- สนาปาฏหิ าริย์ ทรงสรรเสรญิ อนุสาสนปี าฏิหาริยท์ ส่ี ดุ ท่ีทรงรังเกียจ ไม่ปลอดโปร่งโล่งพระทัยต่ออิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏหิ ารยิ ์ เพราะทรงเหน็ โทษว่า คนทเ่ี ชอ่ื ก็นอ้ มจิตตามไปจน เข้าข้นั งมงาย สว่ นคนท่ไี ม่เช่อื ได้ฟงั แลว้ กห็ าช่องขดั แยง้ คดั คา้ นเอาได้วา่ ภิกษุที่ทำ�ปาฏิหาริย์นั้น คงใช้คันธารีวิทยา และมณิกาวิทยาหรือเรียกใน สมัยน้ีว่ามายากล ท�ำ ให้คนมวั ทุ่มเถียงทะเลาะกัน และไดท้ รงช้ีแจงความ หมายและคุณค่าของอนุสาสนีปาฏิหาริย์ให้เห็นว่า เอามาใช้ปฏิบัติเป็น ประโยชน์ ประจกั ษแ์ จง้ ไดภ้ ายในตนเอง จนบรรลถุ งึ ความสน้ิ กเิ ลส อนั เปน็ จุดหมายปลายทางของพระพทุ ธศาสนาได้จริง ไดท้ รงยกตวั อยา่ งภกิ ษรุ ปู หน่ึงมฤี ทธม์ิ าก อยากรู้ความจรงิ เกี่ยว กับจุดส้ินสุดของโลกของจักรวาล จึงเหาะเที่ยวไปในสวรรค์ ดั้นด้นไป แสวงหาค�ำ ตอบจนถงึ พรหมโลก กห็ าค�ำ เฉลยทถี่ กู ใจไมไ่ ด้ ในทส่ี ดุ ตอ้ งเหาะ กลับมา แล้วเดินดินไปทูลถามพระองค์ เพื่อความรู้จักโลกตามความเป็น จริง พระพทุ ธองค์จึงไดแ้ สดงใหเ้ หน็ ว่าจดุ ส้นิ สดุ ของโลก วา่ อยู่ท่กี ายยาว วา หนาคืบ กว้างศอกนี้ แสดงถึงความท่ีอิทธิปาฏิหาริย์มีขอบเขตจำ�กัด และมิใชแ่ ก่นธรรม [๓๓]
ขลงั ศกั ด์สิ ิทธ์ิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๙๒ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงฤทธ์ทิ น่ี า่ สนใจอกี แผนกหนึง่ [๓๔] คอื ๑.ฤทธ์ิที่ไม่ประเสริฐ คือฤทธ์ิที่ประกอบด้วยอาสวะ ยังมีอุปธิ(มี กเิ ลสและทำ�ใหเ้ กดิ ทุกขไ์ ด)้ ไดแ้ ก่ฤทธอ์ิ ยา่ งทเี่ ขา้ ใจกันทั่วไป การทส่ี มณะ พราหมณ์ฤษีชีไพร บำ�เพ็ญเพียรจนได้เจโตสมาธิ แล้วแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ เช่น แปลงตัวเป็นคนหลายคน ไปไหนก็แหวกทะลุฝากำ�แพงไป เหินฟ้า ด�ำ ดนิ เดนิ บนน้�ำ เปน็ ต้น ๒. ฤทธิ์ที่ประเสริฐ คือ ฤทธิ์ท่ีไม่ประกอบด้วยอาสวะ ไม่มีอุปธิ ได้แก่การที่ภิกษุสามารถทำ�ใจกำ�หนดหมายได้ตามความต้องการ บังคับ ความรสู้ กึ ของตนได้ จะใหม้ องเหน็ สง่ิ ทน่ี า่ เกลยี ด เปน็ ไมน่ า่ เกลยี ดกไ็ ด้ เหน็ สิง่ ไม่น่าเกลยี ด เป็นนา่ เกลยี ดก็ได้ หรือจะวางใจเป็นกลาง เฉยเสีย ปล่อย วางทั้งสง่ิ ทีน่ ่าเกลียดและไมน่ า่ เกลยี ดนน้ั ก็ได้ ฤทธิ์ท่ีดีตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ได้แกส่ ามารถบงั คบั ความรสู้ กึ ตนเองได้ หรอื บงั คับจติ ใหอ้ ยใู่ นอำ�นาจของตนได้ เป็นฤทธท์ิ ่ีไมม่ พี ิษมีภยั แก่ใครๆ ทำ�ให้โลภะ โทสะ โมหะเบาบางลงจนถึงกับหมดส้นิ ไปได้ สว่ นฤทธท์ิ ่ีเป็นไปตามอ�ำ นาจกเิ ลสอาจก่อใหเ้ กิดความหลงตอ่ ผ้มู ี และผู้ไดพ้ บเห็น พาใหเ้ หินห่างออกจากสัจธรรมที่แทจ้ ริงได้ พระพทุ ธเจ้า จึงทรงมวี นิ ยั บัญญัติไมใ่ ห้ภกิ ษุแสดงอทิ ธิปาฏิหารยิ แ์ กช่ าวบา้ น [๓๕] เปน็ หลักฐานยืนยนั ว่า ไมท่ รงสนบั สนนุ การแสดงปาฏหิ าริยช์ นิดน้ี เพราะวา่
๙๓ พระมหาวิเชยี ร ชนิ วโํ ส ๑. อทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ์ และอาเทสนาปาฏหิ ารยิ ์ ไมอ่ าจท�ำ ใหเ้ กดิ ปญั ญา หย่งั รู้สจั ธรรม เข้าใจสภาวธรรมท้งั หลายตามความเป็นจรงิ ได้ ๒.อทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ์ และอาเทสนาปาฏหิ ารยิ ์ ไมอ่ าจก�ำ จดั กเิ ลส หรอื ดบั ทกุ ข์ไดจ้ รงิ เมื่อจติ ใจมีความขนุ่ มัว กลดั กลมุ้ เร่ารอ้ น ถกู โลภะ โทสะ โมหะครอบงำ� ก็ไม่สามารถแก้ไขให้หลุดพ้นเป็นอิสระได้ แม้จะใช้ฌาน สมาบตั ขิ ม่ ไว้ กท็ �ำ ไดเ้ พยี งชวั่ คราว กลบั ออกมาเผชญิ โลกและชวี ติ ตามปกติ เม่ือใด กิเลสและความทุกข์ก็หวนกลับมารบกวนได้อีก และท่ียิ่งกว่านั้น อทิ ธปิ าฏิหารยิ ์อาจกลายเป็นเครอ่ื งมอื รบั ใช้กเิ ลสกไ็ ด้ เรามกั จะไดย้ นิ ไดพ้ บเหน็ เกยี่ วกบั เรอ่ื งของปาฏหิ ารยิ อ์ ยบู่ อ่ ยๆ จรงิ ก็มี ที่คิดเอาเองก็มาก ส่วนมากมักเกิดกับคนท่ีเห่อครูบาอาจารย์ หรือ ประเภทนักลา่ พระอรหันต์ท้งั หลาย เพราะสังคมในทุกยุคสมัยมีความหลากหลาย พระจึงมีมากมาย หลายประเภท เพื่อบริการสังคมก็มี เพื่อหลอกลวงสังคมก็มี ผู้เขียนขอ แบ่งใหเ้ หน็ เปน็ ตัวอย่างดังน้ี ๑.พระสวด มเี พือ่ ท�ำ ศาสนพธิ ีต่างๆ เชน่ งานศพ งานแตง่ งานบวช สวดสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี ภาณยกั ษ์ฯลฯ รอกจิ นมิ นต์กนั ไป วันวัน สงเคราะห์ชาวบ้านเพียงแค่พิธีกรรม ตัวพิธีกรรมน่ันแหละเป็นส่ิงที่ บังพุทธธรรม พระสวดจึงมไี ว้บรกิ ารเฉพาะคนที่ตดิ ในพธิ ีกรรมเทา่ น้นั
ขลัง ศักด์ิสิทธ์ิ อทิ ธิฤทธ์ิ ปาฏิหารยิ ์ กรรม ๙๔ ๒.พระเสก มหี นา้ ทเ่ี สก ผลติ เครอ่ื งรางของขลงั บอกใบใ้ หห้ วย ถา้ นำ�ธรรมไปเสริม ใช้วัตถุเป็นเคร่ืองมือในการสอน ก็จะเป็นประโยชน์มิใช่ น้อย เพราะเหมาะสำ�หรับผู้ที่ยังติดอยู่เพียงแค่วัตถุภายนอก ซ่ึงอาจเป็น เครอ่ื งมอื ในการดงึ เขา้ หาพทุ ธธรรมได้ แตถ่ า้ พระเองตดิ อยใู่ นเรอ่ื งนจี้ นไม่ เขา้ ใจจดุ หมายของพุทธธรรมเสยี แลว้ ก็จะเป็นได้แคเ่ พยี งพระไสย ๓.พระสกั นก่ี ช็ นดิ เดยี วกนั กบั พระเสก แตห่ นกั ไปทางฤทธเิ์ ดช เชน่ สักลิงลม สกั เสือเผน่ สกั ยันต์ตา่ งๆ สักรูปเดรัจฉานเต็มตัว เพราะเชือ่ ว่าจะ เกดิ เมตตามหานยิ ม หรอื อยยู่ งคงกระพนั ผไู้ ปหาพระชนดิ น้ี จงึ หนกั ไปทาง อยากมฤี ทธม์ิ เี ดชเอาไวป้ ้องกนั ตนเอง ออกแนวนักเลง นกั รัก ๔.พระสรา้ ง คอื พระนยิ มการกอ่ สรา้ ง สรา้ งเพราะจ�ำ เปน็ บา้ ง สรา้ ง เพราะต้องตามใจโยมบ้าง บางวัดจึงสร้างพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก สร้างเจดีย์สูงที่สุดในโลก สร้างวัดให้เป็นแหล่งท่องเท่ียว สร้างอารามให้ เป็นสวนสนุก สร้างอาวาสให้เป็นสวนสุขภาพ หรือสร้างวัดเป็นโรงละคร เพ่ือสอนเรื่องนรกสวรรค์ให้เห็นเป็นรูปธรรม พระสร้างจึงต้องมีไว้เพื่อ บรกิ ารนักท่องเท่ียวทง้ั หลาย ๕.พระสอน มีทั้งสอนกรรมฐาน สอนพุทธศาสนาในโรงเรียน- มหาวทิ ยาลยั สอนบาล-ี นกั ธรรม-อภธิ รรม หรอื พระนกั เขยี น พระนกั เทศน์ พระนักบรรยายธรรม และพระจัดค่ายคุณธรรม-จริยธรรมต่างๆ รวมถึง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169