Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ OLA นางสาวเรณู คุณเอนก

แผนการจัดการเรียนรู้ OLA นางสาวเรณู คุณเอนก

Published by Renu Khun-anek, 2022-05-30 04:45:00

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ OLA นางสาวเรณู คุณเอนก

Search

Read the Text Version

ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ เป็นการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 3 รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค 23101 จัดทาขึ้นเพ่ือประกอบการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ ในรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ OLA (OLA Learning Process Model) ซึ่งสอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตร สถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ของโรงเรียนวังจันทร์วิทยา ท่ีผู้จัดทาได้ สรา้ งข้ึนเพอ่ื เปน็ แนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรูท้ สี่ ง่ เสริมการเรียนรู้ ในดา้ นพุทธิพิสัย จิตพิสัยและทักษะ พิสัย ของผู้เรียน และพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ทักษะการคิด และการสร้างความกระตือรือร้นให้กับ นักเรียนซ่งึ ไดจ้ ดั กระบวนการเรยี นรู้ ตามรูปแบบลกั ษณะของแผนการจัดการเรียนรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ ผู้เรียนเกิดการแสวงหาความรู้ สร้างความเข้าใจ สร้างองค์ความรู้และพัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ โดยทุกแผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบของการจัดกระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วย จุดประสงค์การเรียนรู้ (Object) การจัด การเรียนรู้ (Learning) และ การวัดและประเมินผล (Assessment) ซึ่งประกอบดว้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 8 แผน ใชเ้ วลาเรียน 8 ช่ัวโมง ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง สถิติ (3) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์สาหรับครูคณิตศาสตร์และผู้ท่ีสนใจบ้างไม่มากก็น้อย ในการใช้ เป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนและการจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ อีกท้ังการพัฒนาให้กิจกรรมการ เรยี นการสอนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์น่าสนใจมากขึ้นซึ่งจะส่งผลทาให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรียนสูงขึน้ อีกด้วย หากพบข้อผดิ พลาดประการใดกข็ ออภยั ไว้ ณ โอกาสน้ดี ้วย เรณู คณุ เอนก ผจู้ ดั ทา

ข สำรบญั เรือ่ ง หนำ้ คานา………………………………………………………………………………….……………………………………………… ก สารบัญ............................................................................................................................................... ข หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นวังจนั ทรว์ ิทยาระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 3.................................................................................................................................................. 1 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง ทบทวนความรกู้ ่อนเรียน ..................................………………………… 11 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ทบทวนมัธยฐาน.............................................................................. 26 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ควอร์ไทล์........................................................................................ 42 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง แผนภาพกลอ่ ง..............................................……………….……………. 59 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื งแผนภาพกล่องกบั การกระจายขอ้ มลู ................................................ 75 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง การเปรยี บเทยี บแผนภาพกล่อง................................................……. 90 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรือ่ ง สรุปบทเรยี น...................................………………………………….……… 105 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เร่ือง ทดสอบท้ายบทที่ 6 สถิติ..................................................…………… 118

1 หลกั สูตรสถำนศึกษำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีท่ี 4 โรงเรียนวังจันทรว์ ิทยำ ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน พุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) บทนำ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวังจันทร์วิทยา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ได้จัดทาข้ึนโดยใช้กรอบและ แนวทางทห่ี ลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ได้วางไว้โดย ให้ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการกาหนดทิศทางการพัฒนาหลักสูตรร่วมกันเพ่ือสนองเจตนารมณ์ ของหลักสูตร แกนกลางที่มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานมีคุณภาพด้านความรู้และทักษะ ท่ีจาเป็นสาหรับการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดชวี ติ (โรงเรียนวังจันทรว์ ทิ ยา. 2560 : บทนา) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ วิสัยทศั น์กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตรเ์ ปน็ กลมุ่ สาระที่สมบรู ณ์แบบ สร้างและส่งเสริมนักเรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์คิดสังเคราะห์ มี วิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองมีวิสัยทัศน์พร้อมที่จะแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ตาม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ทำไมต้องเรียนคณติ ศำสตร์ คณิตศาสตรม์ บี ทบาทสาคญั ยิง่ ต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ ทาให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิด อย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ช่วยให้ คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังเป็นเคร่ืองมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์อ่ืน ๆ คณิตศาสตร์จึงมี ประโยชนต์ อ่ การดาเนนิ ชีวติ ช่วยพฒั นาคุณภาพชีวิตให้ดขี ึ้น และสามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้อย่างมคี วามสขุ เรยี นรู้อะไรในคณติ ศำสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์มุ่งให้เยาวชนทุกคนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์อย่างต่อเนื่องตาม ศกั ยภาพ โดยกาหนดสาระหลกั 3 สาระท่จี าเปน็ สาหรับผเู้ รยี นทกุ คนดังน้ี 1. จำนวนและพีชคณติ เรียนรู้เก่ียวกับระบบจานวนจริง สมบัติเกี่ยวกับจานวนจริง อัตราส่วน ร้อย ละ การประมาณคา่ การแก้ปญั หาเกีย่ วกบั จานวน การใชส้ มบัติในชีวติ จรงิ แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต

2 ตรรกศาสตร์ นิพจน์ เอกนาม พหนุ าม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบ้ียและมูลค่าของเงิน ลาดับ และอนุกรม และการนาความร้เู กีย่ วกับจานวนและพีชคณติ ไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ 2. กำรวัดและเรขำคณิต เรียนรู้เกี่ยวกับความยาว ระยะทาง น้าหนัก พื้นท่ี ปริมาตรและความจุ เงินและเวลา หน่วยวัดในระบบต่าง ๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิตและ สมบัติของรูปเรขาคณิต การนึกภาพ แบบจาลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทาง เรขาคณิตในเรื่อง การเลื่อนขนาน การสะท้อน การหมุน และการนาความรู้เกี่ยวกับการวัดและเรขาคณิต ไปใช้ในสถานการต่าง ๆ 3. สถิติและควำมน่ำจะเป็น เรียนรู้เกี่ยวกับการต้ังคาถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การ คานวณค่าทางสถิติ การนาเสนอและแปลผลสาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบ้ืองต้น ความนา่ จะเปน็ การใช้ความรู้เก่ียวกับสถิติและความน่าจะเป็นในการอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ และช่วยในการ ตัดสินใจ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานท่กี าหนด ซงึ่ จะชว่ ยให้ผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสาคญั และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน ม่งุ ให้ผเู้ รยี นเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังน้ี 1. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปญั หาความขัดแย้งตา่ งๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลอื กใช้วธิ กี ารสอ่ื สาร ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทีม่ ีตอ่ ตนเองและสังคม 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพอื่ การตัดสินใจเกย่ี วกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค ต่างๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมกี ารตดั สนิ ใจท่มี ีประสิทธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทีเ่ กดิ ขึน้ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสงิ่ แวดล้อม 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ดว้ ยการสรา้ งเสริมความสัมพนั ธ์อันดรี ะหวา่ งบคุ คล การจัดการปญั หาและความขัดแยง้ ตา่ งๆ อย่างเหมาะสม การ ปรับตวั ให้ทันกับการเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรจู้ ักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อืน่

3 5. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสารการทางาน การ แก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้ สามารถอยรู่ ่วมกับผู้อน่ื ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่ือสตั ย์สุจริต 3. มวี นิ ัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 6. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ

4 โครงสร้ำงหลกั สูตรโรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ่ี 3 ภำคเรียนที่ 1 รหสั รำยวชิ ำ วิชำ วิชำ จำนวน จำนวน สำระท่ี มำตรฐำน ตวั ชีว้ ัด วชิ ำ พฐ. พต. นก. ชม. ค23101 คณติ ศาสตร์ ค 1.3 ม.3/1- 5 / - 1.5 60 1. จานวนและ 2 พีชคณิต 2. การวดั และ ค 2.1 ม.3/1- เรขาคณิต ค 2.2 2 ม.3/1, ม.3/3

5 คำอธบิ ำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ คณิตศำสตร์ โรงเรยี นวังจนั ทร์วทิ ยำ รหัสวชิ ำ ค 23101 รำยวิชำคณิตศำสตร์ 5 ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 จำนวน 1.5 หน่วยกติ เวลำ 60 ชว่ั โมง ภำคเรียนท่ี 1 ********************************************************************************************* ศกึ ษา ฝึกทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นสาระการเรยี นร้ตู อ่ ไปนี้ อสมกำร คาตอบและกราฟแสดงคาตอบของอสมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว การแก้ อสมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว การแก้โจทย์ปัญหาเก่ยี วกบั อสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดียว สมกำรกำลังสอง การแกส้ มการกาลงั สองตัวแปรเดยี วโดยใชส้ ูตรการแกโ้ จทยป์ ญั หาเก่ียวกบั สมการกาลังสองตวั แปรเดยี ว พ้ืนทีผ่ ิว การหาพนื้ ที่ผวิ ของพีระมดิ กรวย และทรงกลม การแก้โจทยป์ ัญหา เก่ียวกบั พ้ืนที่ผิวของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม ปรมิ ำตร การหาปรมิ าตรของพีระมิด กรวย และทรงกลม การเปรียบเทียบหนว่ ย ปริมาตร การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลม ควำมคล้ำย รูปท่คี ลา้ ยกัน รูปสามเหลย่ี มท่คี ลา้ ยกัน สมบตั ิของรูปสามเหลยี่ มที่ คลา้ ยกันและการนาไปใช้ วงกลม วงกลม คอรด์ และเส้นสัมผัส ทฤษฎีบทเกยี่ วกับวงกลม โดยจดั ประสบการณห์ รือสร้างสถานการณ์ในชีวติ ประจาวนั ทใี่ กล้ตวั ให้ผู้เรียนได้ศกึ ษาค้นคว้า โดยการ ปฏิบตั จิ รงิ ทดลอง สรุป รายงาน เพือ่ พัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหา การให้ เหตุผล การสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณด์ ้านความรู้ ความคดิ ทักษะ กระบวนการทีไ่ ด้ไปใช้ในการเรยี นรู้สิ่งตา่ งๆ อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคณุ ค่า มเี จตคตทิ ีด่ ีต่อวิชาคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มคี วาม รบั ผดิ ชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความเช่ือมน่ั ในตนเอง มีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สามารถนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวันตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง พร้อมรบั การพฒั นาท้องถ่ินให้เปน็ เขตพื้นทเี่ ศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวนั ออก การวดั ผลประเมินผล ใช้วธิ กี ารทห่ี ลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ให้สอดคล้องกับเน้ือหาและ ทกั ษะที่ต้องการวดั รหัสตวั ช้ีวัด ค 1.3 ม.3/1-2 , ค 2.1 ม.3/1-2, ค 2.2 ม.3/1, ม.3/3 รวม 6 ตัวช้วี ัด

6 โครงสรำ้ งรำยวิชำ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ คณิตศำสตร์ โรงเรียนวงั จันทรว์ ิทยำ รหสั วชิ ำ ค23101 รำยวิชำคณิตศำสตร์ 5 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษำปีที่ 3 จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลำ 60 ช่วั โมง ภำคเรียนที่ 1 ********************************************************************************************* ลำดบั ชือ่ หน่วยกำร มฐ./ สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้ ตัวช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน 1 อสมการเชิงเส้น ค 1.3 ม. 1.1 อสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว 10 20 ตวั แปรเดยี ว 3/1 1.2 การแก้อสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว 14 25 10 20 1.3 โจทย์ปญั หาเกย่ี วกบั อสมการเชิงเสน้ 10 20 85 ตัวแปรเดียว 8 10 2 สมการกาลงั สอง ค 1.3 ม. 1. สมการกาลงั สองตวั แปรเดียว 60 100 ตวั แปรเดียว 3/2 2. โจทย์ปญั หาเกย่ี วกับสมการกาลังสอง ตัวแปรเดยี ว 3 พ้ืนท่ผี วิ ค 2.1 ม. 3.1 พ้นื ทผ่ี วิ ของพีระมดิ กรวย และทรง 3/1 กลม 3.2 การนาไปใช้ 4 ปรมิ าตร ค 2.1 ม. 4.1 ปริมาตรของพรี ะมิด กรวย และทรง 3/2 กลม 4.2 การนาไปใช้ 5 ความคลา้ ย ค 2.2 ม. 1. รปู เรขาคณิตทค่ี ล้ายกัน 3/1 2. รูปสามเหล่ียมทีค่ ลา้ ยกนั 3. การนาไปใช้ 6 วงกลม ค 2.2 ม. 6.1 วงกลม 3/3 6.2 มมุ ท่จี ดุ ศูนย์กลางและมุมในส่วนโค้ง ของวงใน 6.3 คอร์ด 6.4 เส้นสมั ผสั วงกลม รวม

7 โครงสร้ำงหลกั สตู รโรงเรียนวังจันทร์วทิ ยำ กล่มุ สำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศกั รำช 2551 ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 ภำคเรียนท่ี 2 รหัส รำยวิชำ วิชำ วชิ ำ จำนวน จำนวน สำระท่ี มำตรฐำน ตัวชว้ี ดั วิชำ พฐ. พต. นก. ชม. ค23102 คณติ ศาสตร์ 6 / - 1.5 60 1. จานวนและพชี คณิต ค 1.2 ม.3/1- ค 1.3 2 ม.3/3 2. การวัดและ ค 2.2 ม.3/2 เรขาคณิต 3. สถิติและความนา่ จะ ค 3.1 ม.3/1 เป็น ค 3.2 ม.3/1

8 คำอธิบำยรำยวชิ ำ กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ คณิตศำสตร์ โรงเรยี นวงั จันทร์วิทยำ รหัสวิชำ ค 23102 รำยวิชำคณติ ศำสตร์ 6 ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี 3 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต เวลำ 60 ช่ัวโมง ภำคเรยี นที่ 2 ****************************************************************************************** ศึกษา ฝึกทกั ษะ/กระบวนการในสาระตอ่ ไปน้ี กำรแยกตวั ประกอบของพหุนำม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรสี องโดยทาเป็นกาลัง สองสมบรู ณ์ การแยกตวั ประกอบของพหุนามดกี รสี ูงกว่าสองที่มสี ัมประสทิ ธิ์เปน็ จานวนเต็มโดยอาศัยวธิ ีทา เปน็ กาลงั สองสมบรู ณห์ รือใชท้ ฤษฎีเศษเหลอื ฟังก์ชนั กำลงั สอง การมคี วามคิดรวบยอดเก่ียวกบั ความสัมพนั ธแ์ ละฟงั กช์ นั การเขยี นแทน ความสมั พนั ธแ์ ละฟังก์ชันในรูปของฟงั ก์ชันกาลังสอง ระบบสมกำร สมการเชิงเสน้ สองตวั แปร กราฟของสมการเชงิ เส้นสองตัวแปร ระบบสมการ เชิงเสน้ สองตัวแปร การแก้ระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปร การแกโ้ จทย์ปญั หาเก่ยี วกับระบบสมการเชงิ เส้น สองตวั แปร อตั รำส่วนตรีโกณมิติ อตั ราส่วนตรโี กณมิติ อตั ราส่วนตรโี กณมิติของมุม 30 องศา 45 องศา และ 60 องศา การอา่ นค่าอตั ราสว่ นตรโี กณมิติจากตาราง หรือเครือ่ งคิดเลข การนาอัตราสว่ น ตรโี กณมติ ิไปใชใ้ นการแก้ปญั หาเกีย่ วกบั การหาระยะทางและความสูง สถติ ิ ขอ้ มูลและการวิเคราะห์ขอ้ มลู แผนภาพกล่อง การแปลความหมายผลลัพธ์ การใช้ขอ้ มลู สารสนเทศไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ควำมน่ำจะเปน็ เหตุการณจ์ ากการทดลองสุ่ม การหาความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ การนาไปใช้ โดยจัดประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณ์ในชีวิตประจาวนั ท่ใี กล้ตัวใหผ้ เู้ รยี นได้ศกึ ษาคน้ คว้าโดยการ ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพอ่ื พฒั นาทักษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ญั หา การให้ เหตผุ ล การสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ี ไดไ้ ปใช้ในการเรยี นรู้สิ่งต่างๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณค่าและมีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อ คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มี วจิ ารณญาณ และมีความเช่ือม่นั ในตนเอง การวัดผลประเมินผล ใชว้ ิธกี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกบั เน้ือหาและ ทักษะท่ตี ้องการวดั รหสั ตวั ชี้วดั ค 1.2 ม.3/1-2 , ค 1.3 ม.3/3 , ค 2.2 ม.3/2 , ค 3.1 ม.3/1 , ค 3.2 ม.3/1 รวม 6 ตวั ชว้ี ดั

9 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ คณติ ศำสตร์ โรงเรียนวังจันทร์วิทยำ รหัสวิชำ ค23102 รำยวชิ ำคณิตศำสตร์ 6 ระดับชัน้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 3 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต เวลำ 60 ชว่ั โมง ภำคเรียนที่ 2 ********************************************************************************************* ลำดับ ชอื่ หน่วยกำร มำตรฐำน/ สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้ ตวั ช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน 1 การแยกตัว ค 1.2 ประกอบของพหุ ม.3/1 1.1 การแยกตวั ประกอบของพหนุ าม 15 20 นาม ดีกรีสองโดยวิธที าเป็นกาลงั สองสมบูรณ์ 1.2 การแยกตวั ประกอบของ พหนุ ามดีกรสี ูงกว่าสองท่มี สี ัมประสทิ ธิ์ เป็นจานวนเต็ม 1.3 การแยกตวั ประกอบของ พหนุ ามการแยกตัวประกอบของ พหนุ ามที่มีสัมประสิทธเ์ิ ป็นจานวนเตม็ 2 ฟังก์ชนั กาลงั สอง ค 1.2 2.1 การมคี วามคดิ รวบยอดเกีย่ วกบั 7 15 ม.3/2 ความสมั พันธ์และฟงั ก์ชนั 2.2 การเขยี นแทนความสัมพันธแ์ ละ ฟังก์ชนั ในรูปของฟงั กช์ นั กาลังสอง 3 ระบบสมการ ค 1.3 3.1 ระบบสมการที่ประกอบดว้ ย 11 20 ม.3/3 สมการเชิงเส้นและสมการดีกรีสอง 3.2 ระบบสมการท่ีประกอบดว้ ย สมการดีกรีสองท้ังสอง

10 00 ลำดบั ชอ่ื หน่วยกำร มำตรฐำน/ สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนัก ท่ี เรียนรู้ ตัวช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน 4 อัตราส่วน ตรีโกณมติ ิ ค 2.2 4.1 อตั ราส่วนตรโี กณมิติ 5 10 5 สถิติ ม.3/2 อตั ราส่วนตรโี กณมิติของมมุ 30 8 15 14 20 6 ความน่าจะเป็น องศา 45 องศา และ 60 องศา 60 100 4.2 การอ่านค่าอัตราส่วนตรีโกณมิติจาก ตาราง หรอื เครื่องคดิ เลข 4.3. การนาอัตราสว่ นตรโี กณมิติไปใชใ้ น การแกป้ ัญหาเก่ียวกบั การหาระยะทางและความสงู ค 3.1 1. ข้อมลู และการวิเคราะห์ ม.3/1 ขอ้ มลู (แผนภาพกล่อง) 5.2 การแปลความหมายผลลัพธ์ 5.3 การนาสถิติไปใช้ในชีวติ ค 3.2 1. การทดลองสุ่มและ ม.3/1 เหตุการณ์ 2. ความน่าจะเป็น 3. ความนา่ จะเปน็ กบั การตัดสินใจ รวม

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี 1 11 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 รายวิชา คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน 5 00 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 เร่อื ง สถติ ิ (3) ภาคเรียนที่ 1 เรอ่ื ง ทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น รหสั วชิ า ค 23101 ผ้สู อน นางสาวเรณู คุณเอนก ปกี ารศกึ ษา 2564 เวลา 8 ชวั่ โมง เวลา 1 ชว่ั โมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระที่ 3 สถติ ิและควำมนำ่ จะป็น มำตรฐำน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความร้ทู างสถติ ิในการแก้ปญั หา 2. ตวั ชี้วัด ค 3.1 ม.3/1 เขา้ ใจและใชค้ วามรู้ทางสถิตใิ นการนาเสนอ และวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแผนภาพ กลอ่ งและแปรความหมายผลลัพธ์ รวมทง้ั นาสถติ ิไปใช้ในชวี ติ จรงิ โดยใช้ เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. ด้ำนพทุ ธิพสิ ัย (Cognitive domain) 1.1 นกั เรียนอธบิ ายและแปลความหมายของแผนภาพจดุ และแผนภาพตน้ – ใบ ได้ถูกตอ้ ง อย่างน้อยรอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป 1.2 นักเรียนสามารถคานวณหาค่าพิสยั ของข้อมลู ไดถ้ ูกตอ้ งอยา่ งน้อยรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป 2. ด้ำนจิตพิสยั (Affective domain) 2.1 นกั เรียนเกดิ ความใฝเ่ รยี นรู้ มคี วามเพียรพยายามในการเรยี น และให้ความสาคญั กบั การ เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดบั ดี 2.2 นักเรียนเกิดความมุ่งม่ันในการทางาน เอาใจใส่ในหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมาย และมีความ รบั ผดิ ชอบในการทางานให้สาเรจ็ อยใู่ นระดับดี 3. ด้ำนทักษะพิสัย (Psychomotor domain) 3.1 นักเรียนรู้วิธีการนาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของแผนภาพจุด และแผนภาพต้น ใบไดร้ อ้ ยละ 60 ขึน้ ไป 3.2 นักเรียนรู้ขัน้ ตอนในการหาคา่ ของพสิ ยั ไดร้ ้อยละ 60 ข้ึนไป

11 00 4. สำระสำคัญ แผนภาพจดุ (Dot Plot) เป็นการนาเสนอขอ้ มูลเชงิ ปริมาณทเี่ ขียนจดุ แทนข้อมลู แต่ละตวั ไวเ้ หนือเส้น ในแนวทม่ี ีสเกลให้ตรงกบั ตาแหน่งทแี่ สดงคา่ ของข้อมูลนัน้ แผนภาพต้น – ใบ (Stem-and-Leaf Diagram)เปน็ การนาเสนอข้อมลู ทมี่ ีการเรียงลาดับข้อมูลและ ชว่ ยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลไดร้ วดเรว็ ยิ่งขน้ึ โดยจะแบ่งตัวเลขที่แสดงข้อมลู เชงิ ปริมาณออกเปน็ สว่ นลาต้น และสว่ นใบ ตัวเลขทีอ่ ยู่ทางขวาสุดจะเป็นสว่ นใบ ตวั เลขที่เหลือจะเป็นลาต้น พิสยั ของข้อมลู (Rang) เท่ากับคา่ สูงสดุ ของข้อมูลลบด้วยค่าตา่ สุดของข้อมลู 5. สำระกำรเรียนรู้ การจัดการข้อมลู วิเคราะห์ แปลความหมาย และการนาเสนอข้อมลู ดว้ ยเครอ่ื งมือในรปู แบบท่ี หลากหลาย เชน่ แผนภาพจดุ แผนภาพ ตน้ – ใบ ซง่ึ เครอื่ งมอื แต่ละแบบนนั้ มีความตา่ งกันทง้ั ในเร่ืองหลกั การ สรา้ งและความหมายในการนาไปใช้กับข้อมลู ลกั ษณะต่างๆ ตลอดจนการอ่านและแปลความหมายผลลพั ธ์ที่ได้ จากเครื่องมือเหล่านี้ 6. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 6.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 ใฝ่เรยี นรู้ 7.2 มุ่งมั่นในการทางาน 8. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 8.1 ขนั้ นำ 8.1.1 ครูส่งลิงค์ห้องเรียนใน Google Classroom ผ่านช่องทาง Line หลังจากที่นักเรียนเข้าชั้น เรยี นแลว้ ครูทาข้อตกลงกบั นกั เรียนในการเข้าชั้นเรียน ดังนี้ 1. ให้เปิดกล้อง - ปิดไมค์ 2. ถ้ามีข้อสงสัยให้เปิด คิว ยกมือถามคาถามทีละคน 3. นักเรียนต้องตอบคาถามเวลาที่ครูถามเป็นรายบุคคลด้วยวาจาสุภาพ หลังจากท่ีครูตกลงกับนักเรียนเก่ียวกับข้อตกลงในการใช้ห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว จึงสอบถามนักเรียนเก่ียวกับ กราฟ แผนภูมิ และแผนภาพ การอ่านค่าและแปลความหมายของกราฟและแผนภูมิ ตลอดจนไปถึงแผนภาพ จดุ และแผนภาพต้น – ใบ 8.1.2 นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาถึงเร่ืองแผนภูมิ และแผนภาพ ต่างๆ และช่วยกันอภิปราย ลกั ษณะของแผนภูมิ และแผนภาพ 8.1.3 ครชู ้ีแจงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ พรอ้ มทั้งชี้แจงใหน้ กั เรียนทราบเก่ียวกบั เน้อื หา กิจกรรมการ เรียนรู้ วธิ ีการวัดผลและประเมินผล ของกิจกรรมการเรียนรู้ในช่ัวโมงนี้

12 00 8.2 ขนั้ สอน 8.2.1 ครูสนทนาซักถามนกั เรยี นเกี่ยวกบั ประเภทของแผนภาพ โดยกระต้นุ ด้วยคาถามดังนี้ - ถ้ามขี ้อมูลมาให้ 1 ชุด แล้วมีจุดเล็กๆ แต่ละตัวไว้เหนือเส้นในแนวนอนที่มสี เกล ตรงกบั ตาแหน่งทแี่ สดงค่าของขอ้ มูลนัน้ เราเรียกวา่ แผนภาพชนิดใด (พรอ้ มเปิดสไลด์แผนภาพใหน้ ักเรียนดู) (นกั เรียนตอบพร้อมกนั “แผนภาพจุด”) และครูเปิดสไลด์ต่อไป - ถา้ มขี ้อมลู มาให้ 1 ชดุ แลว้ มีการแบง่ ข้อมูลออกเป็นส่วน เราเรียกวา่ แผนภาพชนิดใด (พร้อม เปิดสไลดแ์ ผนภาพให้นักเรยี นด)ู (นักเรยี นตอบพร้อมกนั “แผนภาพตน้ – ใบ”) 8.2.2 ครูและนักเรียนอภิปรายเกีย่ วกับแผนภาพ จดุ และ แผนภาพตน้ – ใบ พรอ้ มให้นักเรยี น ซกั ถามข้อสงสัย 8.2.3 ครูสอบถามเพ่ิมเติมเกยี่ วกับคา่ ตา่ สดุ และค่าสงู สดุ ของแผนภาพขา้ งตน้ ว่า “ค่าต่าสุด – คา่ สูงสดุ ของข้อมูล นักเรยี นได้เห็นแลว้ นึกถงึ ค่าของสง่ิ ใดบ้างในการนาเสนอข้อมลู ” นักเรียนบางคนตอบ “พิสัย” บางคนตอบ “การหาค่ากลางขอ้ มลู ” ครเู สริมต่อว่า คา่ กลางข้อมูลทเ่ี ราจะศึกษาในบทน้ี คือ “มัธยฐาน” แตเ่ ราจะศึกษาชั่วโมงตอ่ ไป ช่วั โมงน้เี ราจะศกึ ษาแค่ค่าของพสิ ยั

13 00 8.2.4 ครูถามนักเรียนเพิ่มเติม “นักเรียนยังจาข้ันตอน หรือ วิธีการในการหาค่าพิสัย ได้หรือไม่” นักเรยี นสว่ นใหญจ่ าขั้นตอนไม่ได้ 8.2.5 ครเู ปิดสไลด์ การหาค่าพิสยั ของข้อมูล ดงั น้ี 8.2.6 นกั เรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายถึงการหาค่าพสิ ัยของขอ้ มลู 8.2.7 ครใู หน้ ักเรยี นซกั ถามข้อสงสยั เกีย่ วกบั การหาค่าพสิ ยั ของข้อมลู 8.3 ข้นั สรปุ 8.3.1 นักเรียนรว่ มกนั สรุปส่ิงท่ไี ด้เรียนรใู้ นชวั่ โมงน้ี ดังน้ี แผนภาพจุด คือ ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณทีเ่ ขยี นจุดแทนขอ้ มลู แผนภาพตน้ – ใบ คือ ข้อมูลเชิงปริมาณทแี่ บ่งตัวเลขออกเป็นสว่ นลาต้นและส่วนใบ ตัวเลขท่ีอยู่ขวาสุดจะเป็นใบ ตวั เลขท่เี หลอื จะเป็นส่วนลาต้น พิสยั ของข้อมลู คือ คา่ สูงสดุ – คา่ ต่าสดุ 8.3.2 ครใู หน้ กั เรียนร่วมกันสรปุ ถึงวิธีการหาค่าพิสัยอีกครั้ง หลังจากที่ไดด้ ูจากสไลด์ 8.4 ขัน้ ฝกึ ทกั ษะ 8.4.1 ครูให้นักเรียนทุกคนทาใบงาน ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ใช้เวลา 10 นาที ครูส่งใบงานให้ นักเรียนผ่านช่องทาง Google Classroom โดยแจ้งนักเรียนผ่านช่องทาง Line (นักเรียนอาจจะปริ๊นเอกสาร แล้วทาลงใบงาน หรือถ้าไม่สะดวกอาจเขียนคาตอบลงสมุดแล้วถ่ายภาพส่งงานในอัลบ้ัม (นักเรียนส่งงานผ่าน ช่องทาง Line หรือ ใน Google Classroom ไดท้ ้ัง 2 ชอ่ งทาง) 8.4.2 ในขณะที่นักเรียนทาใบงาน ครูคอยให้คาแนะนา ช่วยเหลือ และตอบข้อซักถามของ นักเรียน รวมทั้งเน้นนักเรียนในเรื่องของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มุ่งมั่นในการทางาน (โดยให้เปิดไมค์ ยกมือ แล้วถามทลี ะคน)

14 00 8.5 ขั้นประเมินผล 8.5.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายโดยการตรวจคาตอบจากเฉลยใบงาน เรื่อง ทบทวนความรู้ กอ่ นเรยี น 8.5.2 นักเรียนแต่ละคนสรุปผลคะแนนของตนเองที่ได้จากการทาใบงาน ทบทวนความรู้ก่อนเรียน แลว้ แจ้งคะแนนครูทลี ะคน 8.5.3 ครผู สู้ อนมอบหมายให้นักเรยี นไปศึกษาหาความรเู้ พ่ิมเตมิ จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื ๆ จาก อินเตอร์เน็ต (Google, Youtube) 9. ภำระงำน / ชน้ิ งำน 9.1 ใบงาน เร่ือง ทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น 10. ส่ือ / อุปกรณ์ / แหล่งเรียนรู้ 10.1 ส่ือกำรเรียนรู้ 10.1.1 ใบงาน หน่วยท่ี 6 เร่ือง สถิติ (3) ดังน้ี 1) ใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนความรู้ก่อนเรยี น 2) สือ่ พาวเวอร์พอยท์ เร่ือง ทบทวนความรกู้ ่อนเรียน 10.1.2 Application Google Classroom, Google Meet และ Line 10.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 10.2.1 Google 10.2.2 Youtube 11. กำรวดั และประเมินผลกำรเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วิธีกำรวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ 1. ดำ้ นพทุ ธิพสิ ยั (Cognitive domain) 1.1 นกั เรียนอธบิ ายและ ตรวจจาก นกั เรียนทาใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนความรกู้ ่อน เรียน ไดถ้ ูกต้องอย่างน้อยรอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป แปลความหมายของ - ใบงาน เรื่อง - ใบงาน เรอ่ื ง จึงผ่านเกณฑ์ ทบทวนความรกู้ อ่ น แผนภาพจดุ และแผนภาพ ทบทวนความรู้กอ่ น เรียน ต้น – ใบ ได้ถกู ต้อง เรียน 1.2 นกั เรียนสามารถ คานวณหาค่าพสิ ัยของข้อมลู ไดถ้ กู ตอ้ ง

15 00 จุดประสงค์ วธิ กี ำรวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 2. ดำ้ นจติ พิสัย (Affective domain) 2.1 นักเรียนเกดิ ความใฝ่ สงั เกต แบบประเมนิ นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะอยู่ในระดบั ดขี ึ้น พฤติกรรม ไป มเี กณฑ์ดงั นี้ เรียนรู้ มีความเพยี รพยายาม ประเมนิ พฤติกรรม การเรียน 3 คะแนน หมายถงึ ดมี าก ในการเรียน และให้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี ขณะร่วมกจิ กรรม - ใบงาน เรอื่ ง 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ความสาคญั กับการเข้าร่วม ทบทวนความรู้กอ่ น 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ กิจกรรมการเรยี นรู้ การเรียน เรยี น นกั เรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนความรู้ก่อน 2.2 นักเรยี นเกดิ ความ เรียน ไดถ้ กู ตอ้ งอยา่ งน้อยร้อยละ 60 ขน้ึ ไป จึงผา่ นเกณฑ์ มุง่ ม่นั ในการทางาน เอาใจ ใสใ่ นหน้าทีท่ ่ีไดร้ บั มอบหมาย และมคี วาม รับผิดชอบในการทางานให้ สาเรจ็ 3. ด้ำนทกั ษะพิสยั (Psychomotor domain) 1. นักเรียนรู้วธิ กี ารนาเสนอ ตรวจจาก ขอ้ มลู และแปลความหมาย - ใบงาน เร่อื ง ของแผนภาพจดุ และ ทบทวนความรูก้ อ่ น แผนภาพตน้ - ใบได้ เรยี น 2. นักเรียนรูข้ ้ันตอนในการ หาค่าของพิสยั ของขอ้ มลู ได้

16 00 แบบวเิ ครำะหก์ ำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ (Assessment blueprint) แบบวเิ คราะห์การประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment blueprint) ประกอบดว้ ยวตั ถปุ ระสงคก์ าร เรยี นรู้ท่ีต้องการวัด และความสอดคลอ้ งด้านพุทธิพสิ ัย ทกั ษะพสิ ัย และจิตพสิ ัย พฤตกิ รรมกำรประเมนิ เทคนิค วัตถุประสงค์ ระดับพฤตกิ รรม (%) กำร พทุ ธิพสิ ยั ทกั ษะพสิ ัย จิตพสิ ยั ประเมิน 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 1 นักเรยี น 10 10 10 10 10 10 60 1.แบบ อธิบายและแปล ประเมินใบ ความหมายของ งาน เร่อื ง แผนภาพจดุ ทบทวน และแผนภาพ ความรกู้ อ่ น ต้น ใบ ได้ เรียน (ความ ถูกต้อง ถกู ต้อง) 2 นกั เรยี น 10 10 10 10 40 1.แบบ สามารถ ประเมนิ ใบ คานวณหาคา่ งาน เรื่อง พิสัย และมัธยม ทบทวน ฐานของข้อมลู ความร้กู อ่ น ไดถ้ กู ต้อง เรยี น (ความ ถกู ต้อง) 3. นกั เรียนเกดิ 10 10 10 10 10 50 แบบสงั เกต ความใฝ่เรยี นรู้ พฤตกิ รรม มีความเพยี ร การเรยี น พยายามในการ เรยี น และให้ ความสาคัญกบั การเข้าร่วม กจิ กรรมการ เรียนรู้ 4. นักเรยี นเกิด 10 10 10 10 10 50 แบบสงั เกต ความมงุ่ มน่ั ใน พฤตกิ รรม การทางาน เอาใจ การเรยี น ใสใ่ นหน้าท่ที ี่ ไดร้ บั มอบหมาย และมคี วาม รบั ผดิ ชอบในการ ทางานใหส้ าเร็จ

17 00 พฤตกิ รรมกำรประเมิน เทคนคิ วตั ถปุ ระสงค์ ระดับพฤตกิ รรม (%) กำร พุทธิพสิ ยั ทกั ษะพสิ ัย จิตพิสัย ประเมิน 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 5. นักเรียนรู้ 10 10 10 10 10 10 60 แบบ วธิ กี ารนาเสนอ ประเมินใบ ข้อมลู และแปล งาน เร่อื ง ความหมายของ ทบทวน แผนภาพจดุ ความรกู้ ่อน และแผนภาพ เรียน ตน้ ใบได้ (วธิ กี ารและ ข้นั ตอนใน การหา ผลลพั ธ)์ 6. นกั เรียนรู้ 10 10 10 10 40 แบบ ขั้นตอนในการ ประเมนิ ใบ หาค่าของพิสัย งาน เรื่อง ของข้อมลู ได้ ทบทวน ความรกู้ ่อน เรยี น (วิธีการและ ขน้ั ตอนใน การหา ผลลัพธ)์ รวม 100 100 100 **หมำยเหตุ: ควำมหมำยของตำรำงวิเครำะหก์ ำรประเมิน พุทธิพิสยั จิตพิสยั ทักษะพิสยั 1 = ความจา 1 = การรับร้สู ง่ิ เรา้ 1 = การรับรู้ 2 = การตระเตรยี ม 2 = เขา้ ใจ 2 = การตอบสนอง 3 = การตอบสนองตามคาช้แี นะ 4 = การสร้างกลไก 3 = นาไปใช้ 3 = การสรา้ งคุณค่า 5 = การตอบสนองทีซ่ ับซ้อนข้นึ 4 = วเิ คราะห์ 4 = การจัดระบบคุณค่า 6 = การดดั แปลงให้เหมาะสม 7 = การรเิ ริ่มใหม่ 5 = ประเมินคา่ 5 = การสร้างลกั ษณะนิสยั 6 = สรา้ งสรรค์

18 00 คำอธิบำยประกอบกำรประเมนิ ด้ำนพทุ ธพิ สิ ยั (Cognitive domain) แบบประเมินใบงำน เรือ่ ง ทบทวนควำมรกู้ อ่ นเรียน (ควำมถกู ต้อง) คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้ประเมินทาการประเมินใบงานตามเกณฑ์การประเมินกจิ กรรม ลำดบั ที่ ชือ่ - สกลุ ระดบั คะแนน สรุปกำรประเมิน 1 4 3 2 1 0 ผำ่ น ไม่ผ่ำน 2 3 4 5 ลงชอ่ื .....................................................ผู้ประเมิน ( นางสาวเรณู คุณเอนก) วนั ที่.............เดอื น.....................พ.ศ............ เกณฑ์กำรประเมินกจิ กรรม : ใบงำน เรือ่ ง ทบทวนควำมรู้ก่อนเรยี น (ควำมถกู ตอ้ ง) เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน : พจิ ารณาดังตารางตอ่ ไปน้ี ประเดน็ ท่ปี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 0 32 เนือ้ หาสาระของ ผลงานมีความถูกต้อง เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ ผลงานไม่ถูกต้อง หรอื ไมป่ รากฏ สมบูรณ์ ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง การส่งงาน สมบรู ณ์ เปน็ สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่ (ถูกต้องสมบรู ณ์ ต่ากว่า 1 ขอ้ ) (ถูกต้องสมบรู ณ์ (ถูกตอ้ งสมบูรณ์ (ถูกต้องสมบรู ณ์ (ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ 7 ข้อ) 5 - 6 ขอ้ ) 3 - 4 ข้อ) 1 – 2 ข้อ) เกณฑก์ ำรผ่ำนกำรประเมนิ : นักเรียนมีระดับคะแนน 2 ขึ้นไป (คิดเป็นร้อยละ 60 ขึน้ ไป)

19 00 คำอธิบำยประกอบกำรประเมนิ ด้ำนจิตพสิ ัย (Affective domain) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเรยี น คำช้แี จง : ใหผ้ ้ปู ระเมินทาการประเมนิ พฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ตามเกณฑก์ ารประเมินแบบสงั เกต พฤติกรรมการเรียน (ความใฝ่เรียนร้)ู ควำมใฝ่เรียนรู้ ลำดับ ชอ่ื - สกลุ ความเพียรพยายาม การเข้าร่วมกิจกรรม สรุปกำรประเมนิ ที่ ผ่ำน ไม่ผำ่ น ในการเรียน การเรยี นรู้ 3 21 0 32 1 0 1 2 3 4 5 ลงช่ือ.....................................................ผู้ประเมนิ ( นางสาวเรณู คณุ เอนก ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑก์ ำรประเมินพฤติกรรมกำรเรียน : เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน : พจิ ารณาดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ประเดน็ ท่ีประเมนิ 3 ระดบั คะแนน 0 21 1. ความใฝ่รู้ ดา้ นความ เข้าเรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรง เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรียนไมต่ รง เพียรพยายามในการเรียน ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เวลา ตง้ั ใจเรยี น ตงั้ ใจเรียน เอาใจ เวลาไม่ตงั้ ใจเรยี น ใสก่ ารเรยี นเปน็ เอาใจใส่การ ใส่การเรยี นเปน็ และไมเ่ อาใจใส่ใน ประจา เรยี นบ่อยครง้ั บางครั้ง การเรยี น 2. ความใฝ่รู้ ดา้ นการเข้า ใหค้ วามรว่ มมอื ใน ให้ความร่วมมือ ให้ความร่วมมอื ใน ไมใ่ หค้ วามร่วมมือ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการ ในกิจกรรมการ กจิ กรรมการเรียนรู้ ในกจิ กรรมการ เรียนร้อู ย่าง เรียนรู้อย่าง เป็นบางครั้ง เรยี นรู้ สมา่ เสมอเปน็ สมา่ เสมอ ประจา บอ่ ยคร้ัง เกณฑก์ ำรผำ่ นกำรประเมนิ : นักเรยี นมีระดับคะแนนเฉลีย่ 2 ข้นึ ไป (คิดเป็นร้อยละ 50 ขึ้นไป)

20 00 คำอธบิ ำยประกอบกำรประเมนิ ด้ำนทักษะพสิ ัย (Psychomotor domain) แบบประเมินใบงำน เร่ือง ทบทวนควำมรกู้ ่อนเรยี น (วธิ ีกำรและขั้นตอนในกำรหำผลลพั ธ์) คำชแ้ี จง : ให้ผ้ปู ระเมินทาการประเมินใบงาน เรือ่ ง ทบทวนความรกู้ ่อนเรียนตามเกณฑ์การประเมนิ ใบงาน (วิธีการและข้นั ตอนในการหาผลลพั ธ์) ลำดบั ท่ี ช่ือ - สกลุ ระดับคะแนน สรุปกำรประเมิน 1 4 3 2 1 0 ผ่ำน ไม่ผ่ำน 2 3 4 5 ลงช่ือ.....................................................ผู้ประเมนิ ( นางสาวเรณู คุณเอนก ) วนั ท.ี่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์กำรประเมินกจิ กรรม (วิธกี ำรและขั้นตอนในกำรหำผลลัพธ์) : เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน : พิจารณาดงั ตารางต่อไปน้ี ประเด็นทป่ี ระเมิน 4 3 ระดับคะแนน 1 0 ผลงานมีวธิ ีการและ ผลงานมีวิธีการ ผลงานมวี ธิ กี าร 2 ผลงานมวี ธิ กี าร ผลงานมวี ิธกี าร ขั้นตอนในการหาผลลัพธ์ และขัน้ ตอนใน และขน้ั ตอนใน และข้ันตอนใน และขน้ั ตอนใน ที่ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ การหาผลลพั ธ์ การหาผลลพั ธ์ ผลงานมีวิธกี าร การหาผลลัพธ์ การหาผลลัพธ์ (ถกู ตอ้ งสมบูรณ์) ถูกต้องเปน็ ส่วน และข้ันตอนใน ไม่ถกู ตอ้ งเปน็ ไมห่ รอื ไม่ 6-7 ขอ้ ) ใหญ่ การหาผลลัพธ์ ส่วนใหญ่ ปรากฏการสง่ 4-5 ขอ้ ) ถูกตอ้ งบาง 1 ข้อ) งาน ประเด็น (ตา่ กว่า 1 ข้อ) 2-3 ขอ้ ) เกณฑก์ ำรผำ่ นกำรประเมนิ : นกั เรียนมีระดบั คะแนน 3 ขึ้นไป (คดิ เป็นร้อยละ 70 ข้นึ ไป)

21 00 12. บันทกึ ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ ควำมสำเรจ็ ในกำรจัดกำรเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… ปญั หำและอปุ สรรคในกำรจัดกำรเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… แนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.....................................................ผู้สอน ( นางสาวเรณู คุณเอนก ) วนั ท.่ี ............เดือน.....................พ.ศ...........

22 00 13. ควำมคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ ได้ตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่อื ง สถิติ (3) ในแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เรยี บรอ้ ยแลว้ โดยมคี วามคิดเหน็ ดงั นี้ 1. คณุ ภาพของแผนการจัดการเรียนรู้  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัด  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้  ได้นากระบวนการเรยี นรู้ทเี่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ได้อยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ดน้ ากระบวนการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั มาใช้ 4. การใชส้ ื่อการเรียนรู้  มคี วามเหมาะสมและส่งเสริมการเรยี นรขู้ องผ้เู รียน  ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรยี น 5. การวัดและการประเมนิ ผล  สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรียนรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 6. การนาแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้  นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................... ลงชอ่ื ..................................................... (นางสมจติ ต์ มาฆะสทิ ธิ)์ ตาแหนง่ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วนั ท่ี ............ เดอื น ........................... พ.ศ. ..............

23 00 14. ควำมคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ำร ไดต้ รวจแผนการจดั การเรยี นรู้หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง สถติ ิ (3) ในแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง ทบทวนความร้กู ่อนเรยี น เรียบร้อยแล้ว โดยมคี วามคิดเห็น ดงั นี้ 1. คุณภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวดั  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 3. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้  ได้นากระบวนการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม  ไม่ไดน้ ากระบวนการเรยี นรู้ที่เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญมาใช้ 4. การใชส้ ือ่ การเรยี นรู้  มีความเหมาะสมและส่งเสรมิ การเรียนรขู้ องผูเ้ รียน  ไม่ส่งเสรมิ การเรียนรู้ของผเู้ รียน 5. การวดั และการประเมนิ ผล  สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 6. การนาแผนการจัดการเรียนรไู้ ปใช้  นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้ ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ..................................................... (นางสมัชญา ผดุ ผอ่ ง) ตาแหน่ง รองผู้อานวยการโรงเรยี นวงั จันทร์วทิ ยา กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ วันที่ ............ เดือน ........................... พ.ศ. .............

24 00 ส่อื ประกอบกำรนำเสนอ (PowerPoint) เร่อื ง ทบทวนควำมรู้กอ่ นเรียน

25 00

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 2 26 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 รายวชิ า คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน 5 00 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 เร่ือง สถิติ (3) เร่ือง ทบทวนมธั ยฐาน ภาคเรียนท่ี 1 รหสั วิชา ค 23101 ผสู้ อน นางสาวเรณู คณุ เอนก ปกี ารศกึ ษา 2564 เวลา 8 ชว่ั โมง เวลา 1 ชวั่ โมง 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ สำระที่ 3 สถิตแิ ละควำมนำ่ จะป็น มำตรฐำน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการแก้ปัญหา 2. ตวั ชี้วัด ค 3.1 ม.3/1 เขา้ ใจและใชค้ วามรู้ทางสถิตใิ นการนาเสนอ และวเิ คราะห์ขอ้ มลู จากแผนภาพ กล่องและแปรความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งนาสถิติไปใชใ้ นชีวติ จริง โดยใช้ เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม 3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. ดำ้ นพทุ ธิพิสัย (Cognitive domain) 1.1 นักเรียนสามารถคานวณหาค่ามธั ยฐานของข้อมลู ได้ถูกตอ้ งอย่างน้อยร้อยละ 60 ขน้ึ ไป 2. ดำ้ นจิตพสิ ยั (Affective domain) 2.1 นักเรียนเกดิ ความใฝเ่ รยี นรู้ มคี วามเพียรพยายามในการเรียน และให้ความสาคญั กบั การ เขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้อยู่ในระดับดี 2.2 นักเรียนเกิดความมุ่งมั่นในการทางาน เอาใจใส่ในหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย และมีความ รบั ผิดชอบในการทางานใหส้ าเรจ็ อยู่ในระดบั ดี 3. ดำ้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor domain) 3.1 นักเรียนรวู้ ิธกี าร และข้นั ตอนในการหาค่ามธั ยฐานของข้อมลู ไดร้ ้อยละ 60 ขึ้นไป 3.2 นกั เรยี นสามารถแก้ปัญหา และเลือกวิธีการท่ใี ช้ในการหาคา่ มธั ยฐานของขอ้ มลู ได้ ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป 4. สำระสำคัญ มัธยมฐาน (Median) คือ ค่าค่าหนงึ่ ซง่ึ เม่ือเรยี งขอ้ มลู จากนอ้ ยไปมากหรือจากมากไปน้อย แลว้ นา จานวนของข้อมลู ท่ีน้อยกว่าหรือเท่ากับค่านน้ั และจานวนของข้อมูลที่มากกวา่ หรอื เท่ากับค่าน้นั

27 00 5. สำระกำรเรยี นรู้ ค่ามัธยฐาน (Median) คอื คา่ ของข้อมูลทอ่ี ยูต่ รงกลางจากข้อมลู ทง้ั หมด เม่อื เรานาข้อมลู ท้ังหมดมา เรยี งลาดับ จากนอ้ ยไปมาก หรือจากมากไปนอ้ ย โดยการหาคา่ มธั ยฐาน จะแบ่งออกเปน็ 2 กรณี คือ จานวน ของขอ้ มูลเปน็ จานวนคี่ และจานวนของข้อมลู เป็นจานวนคู่ ดงั นี้ กรณที ี่ 1 กรณจี ำนวนข้อมูลเป็นจำนวนค่ี มธั ยฐาน = ข้อมลู ท่ีอยู่กึ่งกลางของข้อมูล กรณที ี่ 2 กรณจี ำนวนข้อมูลเป็นจำนวนคู่ มธั ยฐาน = จะใช้คา่ เฉลยี่ ของคู่ท่ีอยู่ก่ึงกลางของข้อมูล 6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร 7.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 ใฝเ่ รยี นรู้ 7.2 มงุ่ มั่นในการทางาน 8. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 8.1 ข้ันนำ 8.1.1 ครสู ง่ ลิงค์หอ้ งเรียนใน Google Classroom ผา่ นช่องทาง Line 8.1.2 ครูทักทายนักเรียน และได้กล่าวถึงการเรียนเร่ือง สถิติ โดยกล่าวถึงเนื้อหาภาพรวมของ บทเรียนทีน่ กั เรียนจะไดเ้ รยี น ได้แก่ มธั ยฐาน ควอรไ์ ทล์ แผนภาพกลอ่ ง การอ่าน และการแปลความหมายจาก แผนภาพกล่อง โดยในวันนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่อง การหาค่ากลางของข้อมูลชนิดหนึ่งท่ีเรียกว่า มัธยฐาน ซึ่ง ถอื เปน็ คา่ กลางของขอ้ มูลทเ่ี ปน็ พ้ืนฐานในการหาหรือสรา้ งคา่ อ่ืน ๆ ในบทเรียนเรอ่ื ง สถิติ 8.1.3 ครอู ธบิ ายต่อว่า การหาค่ากลางของข้อมลู ทางสถิตทิ ี่นักเรียนเคยได้เรยี นในระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 มาแล้วน้นั มีดว้ ยกนั 3 ค่า กล่าวคือ ค่าเฉลย่ี คา่ มัธยฐาน และค่าฐานนยิ ม โดยคา่ กลางของ ขอ้ มูลทางสถิติที่จะนามาใช้ต่อยอดในระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 นน้ั คือ ค่ามัธยฐาน นัน่ เอง 8.1.4 ครสู อบถามนกั เรียนถงึ ค่ากลางของขอ้ มลู สถติ ทิ กี่ ล่าวข้างตน้ และอภิปรายร่วมกัน ถงึ ลกั ษณะ และข้อแตกต่างในการหาคา่ กลางข้อมลู ทางสถติ ิ 8.1.5 ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสยั และสรุปอกี ครัง้ ว่า “คา่ กลางของข้อมลู ทางสถติ ทิ ่ี นักเรียนจะไดศ้ ึกษาในบทน้ี คือ คา่ มัธยฐาน”

28 00 8.2 ข้ันสอน 8.2.1 ครูเปิดส่ือประกอบการนาเสนอ (PowerPoint) เรื่อง ทบทวนมัธยฐาน เพื่อประกอบการ อธิบายความหมาย และการหามัธยฐานของขอ้ มลู 8.2.2 ครูให้นักเรียนพิจารณาสื่อประกอบการสอน เร่ือง มัธยฐาน และอธิบายความหมายของค่า กลางของขอ้ มูล ทเี่ รียกว่า มัธยฐาน ซง่ึ มธั ยฐาน คือ ค่าที่อยู่ตาแหน่งกึ่งกลางของข้อมูลท้ังหมด เม่ือเรียงข้อมูล จากน้อยไปมาก หรือจากมากไปน้อย แล้วจานวนข้อมูลท่ีน้อยกว่าค่านั้นจะเท่ากับจานวนท่ีมากกว่าค่านั้น 8.2.3 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ ลายถึงข้ันตอนการหาค่าของมัธยฐาน ดังนี้ 1) เรยี งข้อมูลจากนอ้ ยไปมาก หรอื จากมากไปน้อย 2) หาค่ามธั ยฐาน มี 2 กรณี ดงั น้ี - กรณีจำนวนข้อมลู เปน็ จำนวนคี่ มธั ยฐาน = ข้อมลู ที่อยู่กึ่งกลางของข้อมูล - กรณีจำนวนขอ้ มูลเปน็ จำนวนคู่ มัธยฐาน = จะใชค้ ่าเฉลย่ี ของคู่ท่ีอยู่กงึ่ กลางของข้อมูล 8.2.4 ครูยกตัวอย่างท่ี 1 ตัวอย่างที่ 2 ในส่ือประกอบการสอน เรื่อง ทบทวนมัธยฐาน เพ่ือแสดง วิธีการหาคา่ มธั ยฐานแกน่ กั เรยี น ดงั นี้ ตวั อยำ่ งที่ 1 จงหามัธยฐานของข้อมลู ต่อไปนี้ 15, 18, 17, 17, 29, 25, 37, 49, 62 วิธที า เรียงลาดบั ขอ้ มลู จากนอ้ ยไปหามาก จะได้ 15, 17, 17, 18, 25, 29, 37, 49, 62 หาค่าท่ีอยกู่ ง่ึ กลางของข้อมลู ดังน้ี 15, 17, 17, 18, 25, 29, 37, 49, 62 ดังน้นั มธั ยฐานของข้อมลู คือ 25 ตวั อยำ่ งที่ 2 จงหามธั ยฐานของข้อมลู ต่อไปน้ี 10, 20, 12, 12, 20, 16, 12, 15, 11, 12 วิธีทา เรยี งลาดบั ขอ้ มูลจากนอ้ ยไปหามาก จะได้ 10, 11, 12, 12, 12, 12, 15, 16, 20, 20 หาค่าท่ีอยู่กงึ่ กลางของข้อมลู ดังนี้ 10, 11, 12, 12, 12, 12, 15, 16, 20, 20 จะได้  12 12  12   2  ดังนั้น มธั ยฐานของข้อมูล คือ 12

29 00 8.2.5 ครใู หน้ ักเรียนพิจารณาความเหมือน และความแตกต่างของตัวอย่างท่ี 1 กับตัวอย่างที่ 2 จนได้ ขอ้ สรปุ รว่ มกนั ในชนั้ เรยี นว่า ในการหาค่ามัธยฐานของข้อมูลที่ไม่ได้แจกแจงความถ่ี จะสามารถแยกพิจารณาได้ เป็น 2 กรณี ดงั นี้ กรณที ่ี 1 กรณีจำนวนข้อมูลเปน็ จำนวนคี่ มธั ยฐาน = ข้อมลู ที่อยูก่ ่ึงกลางของข้อมูล กรณที ี่ 2 กรณจี ำนวนข้อมูลเปน็ จำนวนคู่ มัธยฐาน = จะใช้ค่าเฉลี่ยของคู่ทีอ่ ยู่ก่งึ กลางของข้อมูล 8.2.6 ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรม “ตาไว คดิ ไว ไปกบั Median” โดยมีกตกิ า ดงั นี้ 1) นักเรยี นตอ้ งเตรียมอุปกรณใ์ ห้พร้อม (กระดาษ ปากกา) 2) นักเรียนแตล่ ะคนคิดค่ามัธยฐาน แล้วนาคาตอบทค่ี ิดไดม้ าแจ้งครู โดยพิมพ์ข้อความในสาย สนทนา ถา้ นักเรยี นคนใดพิมพม์ าคนแรก และคดิ คา่ มัธยฐานได้ถกู ตอ้ ง จะเปน็ คนทไ่ี ดค้ ะแนนในข้อนั้นๆ 3) แข่งขันจานวน 5 ข้อ นักเรยี นคนใดตอบได้มากทีส่ ุดจะเป็นคนท่ีได้คะแนน 4) ครยู กตวั อย่างการตอบคาถามในเกม ดงั นี้ 8.2.7 ครดู าเนินการให้โจทยเ์ พ่อื หาคาตอบ จานวน 5 ขอ้ โดยโจทยท์ ั้ง 5 ขอ้ จะอยู่ในส่ือประกอบการ นาเสนอ (PowerPoint) เรื่อง ทบทวนมัธยฐาน เมื่อดาเนินการแข่งขันกิจกรรมจนจบ ครูสรุปคะแนนสาหรับ คนท่ีตาไว คดิ ไว และตอบคาถามได้ถกู ต้อง 8.3 ข้นั สรปุ 8.3.1 นกั เรยี นรว่ มกันสรุปสิ่งทไี่ ดเ้ รียนรู้ในชั่วโมงนี้ ดงั นี้ มัธยฐำน (Median) คือ ค่ากลางของข้อมูลซึ่งเมือ่ เรยี งข้อมลู ชุดนจ้ี ากนอ้ ยไปมาก หรือจากมากไป นอ้ ย แล้วจานวนข้อมูลท่นี ้อยกว่าคา่ น้ันจะเทา่ กบั จานวนท่ีมากกว่าคา่ นัน้ การหาคา่ มธั ยฐาน จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ จานวนของขอ้ มลู เปน็ จานวนค่ี และจานวนของขอ้ มูล เป็นจานวนคู่ ดงั น้ี กรณีที่ 1 กรณจี ำนวนข้อมูลเป็นจำนวนค่ี มธั ยฐาน = ขอ้ มลู ที่อยกู่ ึ่งกลางของข้อมูล กรณีที่ 2 กรณจี ำนวนข้อมูลเปน็ จำนวนคู่ มัธยฐาน = จะใชค้ า่ เฉล่ยี ของคู่ทอ่ี ยู่กึ่งกลางของข้อมูล

30 00 8.3.2 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามข้อสงสัย 8.4 ขัน้ ฝกึ ทกั ษะ 8.4.1 ครูให้นักเรียนทุกคนทาใบงาน ทบทวนมัธยฐาน ใช้เวลา 10 นาที ครูส่งใบงานให้นักเรียน ผา่ นชอ่ งทาง Google Classroom โดยแจ้งนกั เรยี นผ่านชอ่ งทาง Line (นักเรยี นอาจจะปร๊นิ เอกสารแล้วทาลง ใบงาน หรือถ้าไม่สะดวกอาจเขียนคาตอบลงสมุดแล้วถ่ายภาพส่งงานในอัลบั้ม (นักเรียนส่งงานผ่านช่องทาง Line หรือ ใน Google Classroom ไดท้ ั้ง 2 ชอ่ งทาง) 8.4.2 ในขณะที่นักเรียนทาใบงาน ครูคอยให้คาแนะนา ช่วยเหลือ และตอบข้อซักถามของ นักเรียน รวมท้ังเน้นนักเรียนในเรื่องของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มุ่งม่ันในการทางาน (โดยให้เปิดไมค์ ยกมอื แล้วถามทลี ะคน) 8.5 ข้นั ประเมนิ ผล 8.5.1 นกั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายโดยการตรวจคาตอบจากเฉลยใบงาน เร่ือง ทบทวนมธั ยฐาน 8.5.2 นกั เรียนแตล่ ะคนสรปุ ผลคะแนนของตนเองที่ได้จากการทาใบงาน ทบทวนมัธยฐาน แล้วแจ้ง คะแนนครูทีละคน 8.5.3 ครผู สู้ อนมอบหมายใหน้ ักเรียนไปศกึ ษาหาความรเู้ พ่ิมเติมจากแหล่งเรียนรอู้ ื่นๆ จาก อนิ เตอรเ์ น็ต (Google, Youtube) 9. ภำระงำน / ชนิ้ งำน 9.1 ใบงาน เร่ือง ทบทวนมัธยฐาน 9.2 กิจกรรม ตาไว คดิ ไว ไปกับ Median 10. ส่ือ / อุปกรณ์ / แหลง่ เรียนรู้ 10.1 สื่อกำรเรียนรู้ 10.1.1 ใบงาน หนว่ ยที่ 6 เรื่อง สถิติ (3) ดังน้ี 1) ใบงาน เรอื่ ง ทบทวนมัธยฐาน 2) สอ่ื พาวเวอรพ์ อยท์ เรื่อง ทบทวนมัธยฐาน 3) กจิ กรรม ตาไว คดิ ไว ไปกับ Median 10.1.2 Application Google Classroom, Google Meet และ Line 10.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 10.2.1 Google 10.2.2 Youtube

11. กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ 31 00 จุดประสงค์ วธิ ีกำรวดั เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมิน 1. ด้ำนพทุ ธิพิสัย (Cognitive domain) นักเรียนทาใบงาน เรื่อง ทบทวนมัธยฐานได้ 1.1 นักเรียนสามารถ ตรวจจาก ถกู ตอ้ งอย่างนอ้ ยร้อยละ 60 ขน้ึ ไป จงึ ผา่ น เกณฑ์ คานวณหาคา่ มธั ยฐานของ - ใบงาน เรื่อง - ใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนมธั ยฐาน นกั เรยี นมคี ณุ ลักษณะอยูใ่ นระดบั ดีขนึ้ ไป มี ขอ้ มลู ได้ ทบทวนมธั ยฐาน แบบประเมิน เกณฑด์ งั น้ี พฤตกิ รรม 3 คะแนน หมายถงึ ดีมาก 2. ด้ำนจติ พิสัย (Affective domain) การเรยี น 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ 2.1 นกั เรียนเกดิ ความใฝ่ สังเกต - ใบงาน เรอ่ื ง 0 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรุง ทบทวนมัธยฐาน เรยี นรู้ มีความเพยี รพยายาม ประเมินพฤตกิ รรม นกั เรียนทาใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนมัธยฐานได้ ถูกตอ้ งอยา่ งน้อยรอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป จึงผ่าน ในการเรียน และให้ ขณะรว่ มกจิ กรรมการ เกณฑ์ ความสาคญั กบั การเข้าร่วม เรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2.2 นกั เรยี นเกดิ ความ มุง่ มน่ั ในการทางาน เอาใจ ใส่ในหน้าทีท่ ่ีได้รับ มอบหมาย และมีความ รบั ผิดชอบในการทางานให้ สาเรจ็ 3. ดำ้ นทกั ษะพิสยั (Psychomotor domain) 1. นักเรยี นรูว้ ธิ ีการ และ ตรวจจาก ขนั้ ตอนในการหาคา่ มธั ยฐาน - ใบงาน เรอ่ื ง ของข้อมูลได้ ทบทวนมธั ยฐาน 2. นักเรยี นสามารถ แกป้ ัญหา และเลือกวธิ กี ารที่ ใชใ้ นการหาคา่ มธั ยฐานของ ขอ้ มูลได้

32 00 แบบวเิ ครำะหก์ ำรประเมินผลกำรเรยี นรู้ (Assessment blueprint) แบบวิเคราะห์การประเมินผลการเรยี นรู้ (Assessment blueprint) ประกอบด้วยวตั ถปุ ระสงคก์ าร เรยี นรู้ทต่ี อ้ งการวัด และความสอดคล้องดา้ นพุทธพิ ิสัย ทักษะพิสยั และจิตพสิ ยั พฤติกรรมกำรประเมิน เทคนิค วตั ถุประสงค์ ระดบั พฤติกรรม (%) กำร พทุ ธิพิสัย ทักษะพิสัย จิตพสิ ัย ประเมนิ 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 1. นักเรียน 20 20 20 20 20 100 1.แบบ สามารถ ประเมินใบ คานวณหา งาน เร่อื ง คา่ มัธยฐานของ ทบทวน ขอ้ มูลได้ มธั ยฐาน (ความ ถกู ต้อง) 2. นกั เรียนเกิด 10 10 10 10 10 50 แบบสังเกต ความใฝ่เรียนรู้ พฤตกิ รรม มีความเพยี ร การเรยี น พยายามในการ เรยี น และให้ ความสาคญั กับ การเขา้ ร่วม กจิ กรรมการ เรยี นรู้ 3. นักเรยี นเกดิ 10 10 10 10 10 50 แบบสงั เกต ความมุ่งม่ันใน พฤตกิ รรม การทางาน เอาใจ การเรยี น ใส่ในหนา้ ท่ีที่ ไดร้ ับมอบหมาย และมีความ รบั ผดิ ชอบในการ ทางานให้สาเรจ็ 4. นกั เรยี นรู้ 10 10 10 10 40 1.แบบ วิธีการ และ ประเมินใบ ขน้ั ตอนในการหา งาน เรื่อง คา่ มธั ยฐานของ ทบทวน ขอ้ มูลได้ ทบทวน มธั ยฐาน (ความ ถูกตอ้ ง)

33 00 พฤตกิ รรมกำรประเมนิ เทคนิค วัตถุประสงค์ ระดบั พฤติกรรม (%) กำร พทุ ธิพิสยั ทกั ษะพิสัย จิตพิสัย ประเมิน 1 2 3 4 5 6 รวม 1 2 3 4 5 6 7 รวม 1 2 3 4 5 รวม 5. นักเรียน 10 10 10 10 10 10 60 แบบ สามารถแกป้ ัญหา ประเมนิ ใบ และเลือกวธิ ีการ งาน เรอ่ื ง ท่ใี ชใ้ นการหา ทบทวน คา่ มัธยฐานของ มัธยฐาน ข้อมูลได้ (วธิ ีการและ ขั้นตอนใน การหา ผลลพั ธ์) รวม 100 100 100 **หมำยเหตุ: ควำมหมำยของตำรำงวิเครำะหก์ ำรประเมิน พทุ ธพิ ิสยั จติ พิสัย ทักษะพิสยั 1 = ความจา 1 = การรับรู้สิ่งเรา้ 1 = การรับรู้ 2 = การตระเตรียม 2 = เข้าใจ 2 = การตอบสนอง 3 = การตอบสนองตามคาชีแ้ นะ 4 = การสรา้ งกลไก 3 = นาไปใช้ 3 = การสร้างคณุ คา่ 5 = การตอบสนองท่ซี บั ซ้อนข้นึ 6 = การดดั แปลงให้เหมาะสม 4 = วเิ คราะห์ 4 = การจดั ระบบคุณค่า 8 = การริเรมิ่ ใหม่ 5 = ประเมินค่า 5 = การสรา้ งลกั ษณะนิสัย 6 = สร้างสรรค์

34 00 คำอธิบำยประกอบกำรประเมนิ ด้ำนพทุ ธิพิสัย (Cognitive domain) แบบประเมินใบงำน เรอ่ื ง ทบทวนมัธยฐำน (ควำมถูกต้อง) คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้ประเมนิ ทาการประเมนิ ใบงานตามเกณฑ์การประเมินกิจกรรม ลำดบั ที่ ชื่อ - สกลุ ระดับคะแนน สรุปกำรประเมนิ 1 4 3 2 1 0 ผำ่ น ไมผ่ ่ำน 2 3 4 5 ลงชอื่ .....................................................ผู้ประเมิน ( นางสาวเรณู คุณเอนก) วันท่ี.............เดอื น.....................พ.ศ............ เกณฑก์ ำรประเมนิ กจิ กรรม : ใบงำน เร่ือง ทบทวนมัธยฐำน (ควำมถูกต้อง) เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน : พิจารณาดังตารางตอ่ ไปนี้ ประเด็นที่ประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 0 32 เนอ้ื หาสาระของ ผลงานมีความถูกต้อง เน้ือหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ ผลงานไมถ่ ูกต้อง หรือไมป่ รากฏ สมบูรณ์ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานไม่ถูกตอ้ ง การส่งงาน สมบูรณ์ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ (ถูกตอ้ งสมบูรณ์ ต่ากวา่ 1 ขอ้ ) (ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ (ถกู ต้องสมบูรณ์ (ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ (ถกู ต้องสมบรู ณ์ 2 ข้อ) 2 ขอ้ ) 2 ข้อ) 1 ข้อ) เกณฑก์ ำรผ่ำนกำรประเมนิ : นกั เรยี นมีระดับคะแนน 2 ข้ึนไป (คดิ เป็นร้อยละ 60 ขน้ึ ไป)

35 00 คำอธิบำยประกอบกำรประเมนิ ดำ้ นจิตพสิ ัย (Affective domain) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเรยี น คำชี้แจง : ใหผ้ ู้ประเมนิ ทาการประเมนิ พฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ตามเกณฑก์ ารประเมินแบบสงั เกต พฤติกรรมการเรยี น (ความใฝเ่ รยี นรู้) ควำมใฝ่เรียนรู้ ลำดบั ชอ่ื - สกลุ ความเพียรพยายาม การเข้าร่วมกิจกรรม สรุปกำรประเมนิ ที่ ผ่ำน ไม่ผำ่ น ในการเรียน การเรยี นรู้ 3 21 0 32 1 0 1 2 3 4 5 ลงช่ือ.....................................................ผู้ประเมนิ ( นางสาวเรณู คณุ เอนก ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑ์กำรประเมินพฤติกรรมกำรเรียน : เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน : พิจารณาดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ประเด็นท่ีประเมิน 3 ระดบั คะแนน 0 21 1. ความใฝร่ ู้ ดา้ นความเพียร เข้าเรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรง เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรียนไมต่ รง พยายามในการเรยี น ตง้ั ใจเรียน เอาใจ เวลา ตง้ั ใจเรยี น ตงั้ ใจเรียน เอาใจ เวลาไม่ตงั้ ใจเรยี น ใส่การเรยี นเปน็ เอาใจใส่การ ใส่การเรยี นเปน็ และไมเ่ อาใจใส่ใน ประจา เรยี นบ่อยครง้ั บางครั้ง การเรยี น 2. ความใฝ่รู้ ดา้ นการเข้ารว่ ม ให้ความรว่ มมอื ใน ให้ความร่วมมือ ให้ความร่วมมอื ใน ไมใ่ หค้ วามร่วมมือ กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการ ในกิจกรรมการ กจิ กรรมการเรียนรู้ ในกจิ กรรมการ เรยี นร้อู ย่าง เรียนรู้อย่าง เป็นบางครั้ง เรยี นรู้ สม่าเสมอเปน็ สมา่ เสมอ ประจา บอ่ ยคร้ัง เกณฑก์ ำรผำ่ นกำรประเมิน : นักเรยี นมีระดับคะแนนเฉลีย่ 2 ข้นึ ไป (คิดเป็นร้อยละ 50 ขึ้นไป)

36 00 คำอธิบำยประกอบกำรประเมิน ด้ำนทักษะพสิ ัย (Psychomotor domain) แบบประเมินใบงำน เรอื่ ง ทบทวนมธั ยฐำน (วธิ กี ำรและขน้ั ตอนในกำรหำผลลพั ธ)์ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ูป้ ระเมนิ ทาการประเมินใบงาน เรอ่ื ง ทบทวนมัธยฐานตามเกณฑก์ ารประเมนิ ใบงาน (วธิ กี ารและขน้ั ตอนในการหาผลลัพธ์) ลำดับท่ี ชอ่ื - สกลุ ระดับคะแนน สรุปกำรประเมนิ 1 4 3 2 1 0 ผ่ำน ไมผ่ ่ำน 2 3 4 5 ลงชื่อ.....................................................ผู้ประเมนิ ( นางสาวเรณู คุณเอนก ) วันท.่ี ............เดือน.....................พ.ศ............ เกณฑก์ ำรประเมนิ กิจกรรม (วธิ ีกำรและขน้ั ตอนในกำรหำผลลัพธ์) : เกณฑ์กำรให้คะแนน : พิจารณาดังตารางตอ่ ไปน้ี ประเด็นท่ปี ระเมนิ 4 3 ระดับคะแนน 1 0 ผลงานมวี ธิ ีการและ ผลงานมีวิธีการ ผลงานมวี ธิ ีการ 2 ผลงานมวี ธิ กี าร ผลงานมวี ิธกี าร ขัน้ ตอนในการหาผลลัพธ์ และข้ันตอนใน และข้นั ตอนใน และขัน้ ตอนใน และขั้นตอนใน ท่ีถกู ต้องสมบรู ณ์ การหาผลลัพธ์ การหาผลลัพธ์ ผลงานมีวิธีการ การหาผลลัพธ์ การหาผลลัพธ์ (ถกู ต้องสมบูรณ์) ถูกต้องเปน็ สว่ น และขั้นตอนใน ไม่ถกู ตอ้ งเปน็ ไม่หรือไม่ 2 ข้อ) ใหญ่ การหาผลลพั ธ์ สว่ นใหญ่ ปรากฏการส่ง 2 ข้อ) ถูกตอ้ งบาง 1 ขอ้ ) งาน ประเด็น (ต่ากวา่ 1 ขอ้ ) 2 ข้อ) เกณฑก์ ำรผำ่ นกำรประเมิน : นกั เรียนมีระดบั คะแนน 3 ขึ้นไป (คดิ เปน็ ร้อยละ 70 ข้ึนไป)

37 00 12. บันทึกผลกำรจัดกำรเรยี นรู้ ควำมสำเร็จในกำรจัดกำรเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ปญั หำและอุปสรรคในกำรจัดกำรเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงกำรแก้ไขปญั หำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ.....................................................ผู้สอน ( นางสาวเรณู คณุ เอนก ) วันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ...........

38 00 13. ควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหนำ้ กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ ไดต้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง สถิติ (3) ในแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง ทบทวนมัธยฐาน เรียบรอ้ ยแล้ว โดยมคี วามคิดเหน็ ดงั นี้ 1. คณุ ภาพของแผนการจัดการเรียนรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ัด  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้  ไดน้ ากระบวนการเรียนรู้ทเี่ นน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคญั มาใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม  ไม่ได้นากระบวนการเรยี นร้ทู ี่เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญมาใช้ 4. การใชส้ ่อื การเรียนรู้  มคี วามเหมาะสมและสง่ เสรมิ การเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น  ไมส่ ง่ เสรมิ การเรียนรขู้ องผเู้ รยี น 5. การวัดและการประเมินผล  สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้  ไม่สอดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 6. การนาแผนการจัดการเรียนร้ไู ปใช้  นาไปใช้ได้จรงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................... ลงช่อื ..................................................... (นางสมจิตต์ มาฆะสทิ ธ์ิ) ตาแหน่ง หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วนั ที่ ............ เดอื น ........................... พ.ศ. ..............

39 00 14. ควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ำร ไดต้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง สถติ ิ (3) ในแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง ทบทวนมธั ยฐาน เรียบร้อยแล้ว โดยมีความคิดเหน็ ดังน้ี 1. คณุ ภาพของแผนการจดั การเรยี นรู้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. ความสอดคล้องของมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวดั  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 3. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้  ได้นากระบวนการเรียนรู้ทเ่ี น้นผ้เู รยี นเป็นสาคญั มาใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม  ไมไ่ ดน้ ากระบวนการเรยี นร้ทู ่ีเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญมาใช้ 4. การใชส้ ือ่ การเรยี นรู้  มคี วามเหมาะสมและส่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น  ไมส่ ง่ เสรมิ การเรียนรู้ของผเู้ รียน 5. การวดั และการประเมินผล  สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้  ไม่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ 6. การนาแผนการจดั การเรยี นรไู้ ปใช้  นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาไปใช้ ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ..................................................... (นางสมชั ญา ผดุ ผ่อง) ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการโรงเรียนวังจันทรว์ ทิ ยา กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ วันที่ ............ เดอื น ........................... พ.ศ. .............

40 00 ส่อื ประกอบกำรนำเสนอ (PowerPoint) เรื่อง ทบทวนมธั ยฐำน

41 00

กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 3 42 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 รายวชิ า คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน 5 00 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 6 เรื่อง สถติ ิ (3) เร่ือง ควอร์ไทล์ ภาคเรียนที่ 1 รหัสวิชา ค 23101 ผู้สอน นางสาวเรณู คณุ เอนก ปกี ารศึกษา 2564 เวลา 8 ชวั่ โมง เวลา 1 ชว่ั โมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระท่ี 3 สถิติและควำมนำ่ จะป็น มำตรฐำน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแกป้ ัญหา 2. ตวั ชี้วัด ค 3.1 ม.3/1 เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางสถิตใิ นการนาเสนอ และวเิ คราะห์ข้อมลู จากแผนภาพ กล่องและแปรความหมายผลลัพธ์ รวมทัง้ นาสถิตไิ ปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใช้ เทคโนโลยที เี่ หมาะสม 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. ดำ้ นพุทธิพิสัย (Cognitive domain) 1.1 นักเรยี นสามารถหาควอร์ไทล์ของข้อมูลท่ีกาหนดให้ โดยใช้มัธยฐานได้ถูกต้องอยา่ งน้อย รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป 2. ด้ำนจติ พิสยั (Affective domain) 2.1 นักเรยี นเกิดความใฝเ่ รยี นรู้ มีความเพียรพยายามในการเรยี น และใหค้ วามสาคัญกับการ เข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับดี 2.2 นักเรียนเกิดความมุ่งม่ันในการทางาน เอาใจใส่ในหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมาย และมีความ รับผดิ ชอบในการทางานใหส้ าเร็จอยใู่ นระดบั ดี 3. ด้ำนทกั ษะพิสยั (Psychomotor domain) 3.1 นักเรยี นรวู้ ิธกี าร และขน้ั ตอนในการหาค่าควอร์ไทล์ของข้อมูล โดยใช้มัธยฐานได้ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป 3.2 นักเรียนสามารถแก้ปัญหา และเลือกวิธีการที่ใช้ในการหาค่าควอร์ไทล์ของข้อมูล โดย ใช้มัธยฐานได้ถูกต้องรอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป

43 00 4. สำระสำคัญ ควอรไ์ ทล์ (quartile) เปน็ จดุ ที่แบง่ ข้อมลู ออกเปน็ 4 สว่ น เมื่อนาค่าของข้อมลู มาเรียงจากนอ้ ยไปมาก และจุดทแ่ี บ่งข้อมูลมีอยู่ 3 จุด โดยแตล่ ะจุดเรยี กว่า ควอร์ไทลท์ ีห่ นง่ึ (Q1) ควอรไ์ ทลท์ ่ีสอง (Q2) และควอร์ไทล์ ท่สี าม (Q3) 5. สำระกำรเรยี นรู้ การหาควอรไ์ ทล์ โดยใชม้ ัธยฐานของข้อมูล มีวธิ ีการดังน้ี 1. เรียงขอ้ มูลจากน้อยไปมาก 2. หามธั ยฐานของข้อมูล จะได้ควอรไ์ ทลท์ ี่ 2 3. หามธั ยฐานของขอ้ มูลเฉพาะขอ้ มูลที่อยูใ่ นลาดบั ที่ตา่ กว่าควอร์ไทลท์ ี่ 2 จะได้มธั ยฐานดงั กลา่ วเป็น ควอร์ไทลท์ ี่ 1 4. หามัธยฐานของขอ้ มลู เฉพาะขอ้ มลู ที่อยู่ในลาดับที่สงู กวา่ ควอร์ไทล์ท่ี 2 จะไดม้ ัธยฐานดงั กล่าวเปน็ ควอร์ไทลท์ ่ี 3 6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการส่ือสาร 8.2 ความสามารถในการคดิ 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 ใฝ่เรียนรู้ 7.2 มงุ่ ม่นั ในการทางาน 8. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 8.1 ข้นั นำ 8.1.1 ครสู ่งลิงคห์ อ้ งเรยี นใน Google Classroom ผา่ นชอ่ งทาง Line 8.1.2 ครูทกั ทายนกั เรียน และทบทวนความรู้เก่ียวกับค่ากลางของข้อมูล เร่ือง “มัธยฐาน” ถึงวิธีการ และขั้นตอนในการหาค่า 8.1.3 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายการหาคา่ มัธยฐาน 8.1.4 ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย

44 00 8.2 ขั้นสอน 8.2.1 ครูเปิดสื่อประกอบการนาเสนอ (PowerPoint) เร่ือง ควอร์ไทล์ เพ่ือประกอบการอธิบาย ความหมาย และการหาควอร์ไทลข์ องข้อมลู 8.2.2 ครูให้นักเรยี นพิจารณาส่ือประกอบการสอน เรอื่ ง ควอร์ไทล์ และอธบิ ายความหมายของ ควอร์ไทล์ คือ เปน็ จุดที่แบง่ ข้อมูลออกเปน็ 4 ส่วน เมือ่ นาค่าของขอ้ มลู มาเรียงจากนอ้ ยไปมาก และจุดที่แบ่ง ข้อมลู มีอยู่ 3 จดุ โดยแต่ละจุดเรยี กว่า ควอรไ์ ทลท์ ี่หนึ่ง (Q1) ควอรไ์ ทล์ท่สี อง (Q2) และควอร์ไทลท์ ีส่ าม (Q3) 8.2.3 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปลายถงึ ข้นั ตอนการหาควอร์ไทล์ ดังนี้ 1) เรยี งข้อมูลจากน้อยไปมาก หรอื จากมากไปนอ้ ย 2) หามธั ยฐานของข้อมูล จะได้ควอรไ์ ทลท์ ่ี 2 3) หามัธยฐานของข้อมูลเฉพาะข้อมูลท่ีอยู่ในลาดับที่ต่ากว่าควอร์ไทล์ท่ี 2 จะได้มัธยฐาน ดงั กล่าวเป็นควอร์ไทล์ท่ี 1 4) หามัธยฐานของข้อมูลเฉพาะข้อมูลท่ีอยู่ในลาดับท่ีสูงกว่าควอร์ไทล์ที่ 2 จะได้มัธยฐาน ดงั กล่าวเป็นควอรไ์ ทลท์ ่ี 1 8.2.4 ครยู กตวั อยา่ งที่ 1 ตัวอย่างที่ 2 ในสื่อประกอบการสอน เร่ือง ควอร์ไทล์ เพื่อแสดงข้ันตอนและ วิธกี ารหาควอล์ไทน์แกน่ ักเรียน ดงั น้ี ตัวอยำ่ งท่ี 1 ข้อมลู เกี่ยวกับคะแนนสอบระหวา่ งภาคเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนห้องหน่ึง จานวน 25 คน ดังน้ี 20, 30, 18, 24, 18, 28, 14, 12, 18, 27, 20, 19, 12 11, 19, 15, 16, 22, 15, 22, 26, 25, 19, 28, 24 จงหำควอร์ไทลท์ ้งั สำมของข้อมลู ชุดนี้ วิธที า 1) เรยี งลาดบั ขอ้ มูลจากนอ้ ยไปหามาก จะได้ 11, 12, 12, 14, 15, 15, 16, 18, 18, 18, 19, 19, 19, 20, 20, 22, 22, 24, 24, 25, 26, 27, 28, 28, 30 2) หามธั ยฐานของข้อมลู จะไดค้ วอรไ์ ทล์ท่ี 2 11, 12, 12, 14, 15, 15, 16, 18, 18, 18, 19, 19, 19, 20, 20, 22, 22, 24, 24, 25, 26, 27, 28, 28, 30 น่ันคอื มธั ยฐานของข้อมูลชดุ นค้ี อื 19 ดงั นัน้ ควอรไ์ ทล์ท่ี 2 มีคา่ เท่ากบั 19

45 00 3) หามธั ยฐานของข้อมลู เฉพาะข้อมลู ท่ีอยู่ในลาดบั ท่ีต่ากว่าควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะไดม้ ัธยฐาน ดังกลา่ วเป็นควอร์ไทลท์ ่ี 1 จะได้ 11, 12, 12, 14, 15, 15, 16, 18, 18, 18, 19, 19 นน่ั คือ มัธยฐานของข้อมูลชุดน้ีคือ  15 16  15.5   2 ดงั นน้ั ควอร์ไทล์ที่ 1 มคี ่าเท่ากบั 15.5 4) หามัธยฐานของข้อมลู เฉพาะข้อมูลที่อยู่ในลาดบั ท่สี งู กวา่ ควอร์ไทล์ท่ี 2 จะได้มธั ยฐาน ดังกลา่ วเป็นควอร์ไทลท์ ี่ 3 จะได้ 20, 20, 22, 22, 24, 24, 25, 26, 27, 28, 28, 30 น่นั คอื มัธยฐานของข้อมลู ชุดนค้ี อื  24  25  24.5   2  ดังนัน้ ควอรไ์ ทล์ท่ี 3 มคี ่าเท่ากับ 24.5 ตอบ ควอร์ไทลท์ ี่ 1 ควอร์ไทล์ที่ 2 และ ควอร์ไทลท์ ่ี 3 มีค่าเท่ากับ 15.5, 19 และ 24.5 ตามลาดับ ตวั อยำ่ งท่ี 2 จากข้อมูลทก่ี าหนดให้ จงหาคา่ ต่าสุด คา่ สูงสุด และควอร์ไทลท์ ัง้ สาม 22, 28, 28, 30, 29, 27, 29, 26, 26, 22, 23, 28, 22, 22 วิธที า 1) เรียงลาดบั ขอ้ มูลจากน้อยไปหามาก จะได้ 22, 22, 22, 22, 23, 26, 26, 27, 28, 28, 28, 29, 29, 30 - คา่ ตา่ สดุ = 22, ค่าสงู สดุ = 30 2) หามธั ยฐานของข้อมูล จะไดค้ วอรไ์ ทลท์ ี่ 2 22, 22, 22, 22, 23, 26, 26, 27, 28, 28, 28, 29, 29, 30 น่ันคอื มธั ยฐานของข้อมลู ชุดนคี้ ือ  26  27  26.5   2  ดังนั้น ควอร์ไทล์ท่ี 2 มีค่าเทา่ กบั 26.5 3) ) หามธั ยฐานของข้อมูลเฉพาะข้อมูลทีอ่ ยู่ในลาดับท่ีตา่ กว่าควอร์ไทล์ที่ 2 จะไดม้ ธั ยฐาน ดังกลา่ วเป็นควอร์ไทล์ที่ 1 จะได้ 22, 22, 22, 22, 23, 26 น่ันคอื มธั ยฐานของข้อมูลชดุ นี้คอื  22  22  22   2  ดงั นน้ั ควอร์ไทล์ท่ี 1 มคี ่าเท่ากบั 22 4) หามธั ยฐานของข้อมลู เฉพาะข้อมูลที่อยูใ่ นลาดับที่สงู กว่าควอร์ไทล์ท่ี 2 จะไดม้ ธั ยฐาน ดงั กลา่ วเปน็ ควอร์ไทลท์ ่ี 3 จะได้ 27, 28, 28, 28, 29, 29, 30 นัน่ คอื มัธยฐานของข้อมลู ชุดนี้คือ 28 ดงั นั้น ควอร์ไทล์ท่ี 3 มีค่าเท่ากบั 28

46 00 ตอบ ควอร์ไทลท์ ี่ 1 ควอร์ไทล์ท่ี 2 และ ควอร์ไทลท์ ี่ 3 มีค่าเท่ากับ 22, 26.5 และ 28 ตามลาดับ 8.2.5 ครูให้นักเรียนพิจารณาความเหมอื น และความแตกต่างของตัวอย่างที่ 1 กับตัวอย่างท่ี 2 จนได้ ข้อสรปุ ร่วมกันในชั้นเรยี นว่า ในการหาคา่ ควอร์ไทล์ โดยใช้มัธยมฐายมัธยฐานของข้อมูลที่ไม่ได้แจกแจงความถี่ จะสามารถแยกพจิ ารณาได้เปน็ 2 กรณี ดงั น้ี กรณที ี่ 1 กรณจี ำนวนข้อมูลเปน็ จำนวนค่ี มธั ยฐาน = ข้อมูลท่ีอย่กู ึ่งกลางของข้อมูล กรณีท่ี 2 กรณจี ำนวนขอ้ มูลเปน็ จำนวนคู่ มธั ยฐาน = จะใชค้ ่าเฉลี่ยของคู่ทอี่ ยู่กง่ึ กลางของข้อมูล 8.2.6 ครใู ห้นักเรยี นทากิจกรรม “ตาไว คิดไว ไปกับ quartile” โดยมีกติกา ดงั น้ี 1) นกั เรยี นต้องเตรยี มอปุ กรณ์ให้พร้อม (กระดาษ ปากกา) 2) นักเรียนแต่ละคนหาค่าควอร์ไทล์ แล้วนาคาตอบที่คิดได้แจ้งครู โดยพิมพ์ข้อความในสาย สนทนา ถ้านักเรยี นคนใดพิมพม์ าคนแรก และคดิ ควอรไ์ ทล์ไดถ้ กู ต้อง จะเปน็ คนท่ไี ด้คะแนนในข้อน้นั ๆ 3) แขง่ ขันจานวน 5 ข้อ นักเรียนคนใดตอบไดม้ ากทีส่ ดุ จะเปน็ คนท่ีได้คะแนน 4) ครยู กตัวอย่างการตอบคาถามในเกม ดังนี้ 8.2.7 ครดู าเนนิ การให้โจทย์เพอื่ หาคาตอบ จานวน 5 ขอ้ โดยโจทยท์ ้ัง 5 ข้อจะอยู่ในสื่อประกอบการ นาเสนอ (PowerPoint) เรอื่ ง ควอรไ์ ทล์ เมื่อดาเนินการแข่งขันกิจกรรมจนจบ ครูสรปุ คะแนนสาหรับคนท่ี ตาไว คดิ ไว และตอบคาถามได้ถกู ตอ้ ง 8.3 ข้นั สรุป 8.3.1 นักเรยี นรว่ มกนั สรุปสิง่ ทไี่ ดเ้ รยี นร้ใู นช่วั โมงนี้ ดังน้ี การหาควอรไ์ ทล์ โดยใช้มัธยฐานของข้อมูล มวี ธิ ีการดังน้ี 1. เรยี งข้อมูลจากน้อยไปมาก 2. หามธั ยฐานของข้อมลู จะไดค้ วอรไ์ ทล์ท่ี 2 3. หามัธยฐานของข้อมลู เฉพาะขอ้ มลู ท่ีอยใู่ นลาดับทต่ี ่ากวา่ ควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะไดม้ ัธยฐานดังกล่าว เป็นควอร์ไทลท์ ่ี 1 4. หามธั ยฐานของขอ้ มลู เฉพาะข้อมลู ทีอ่ ยู่ในลาดบั ทส่ี งู กวา่ ควอร์ไทลท์ ่ี 2 จะไดม้ ัธยฐานดังกลา่ ว เป็นควอรไ์ ทลท์ ี่ 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook