ก คำนำ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ นาไปสู่การปฏิรูปการศึกษา ให้หน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน บุคคล ครอบครัว องค์กรชมุ ชน องคก์ รวชิ าชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันทางสังคมต่าง ๆ มสี ิทธิ และมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ทาให้การศึกษามีความหลากหลายและผู้เรียนมีโอกาสและมีทางเลือกมาก ย่ิงข้ึน สาหรับรูปแบบและวิธีการในการจัดการศึกษาน้ัน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติได้เปิดโอกาสให้ สามารถจัดการศกึ ษาไดห้ ลายรูปแบบ ทั้งการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย เพ่ือให้มคี วามยืดหยุ่น สนองตอ่ เจตนารมณ์ ความแตกต่างและความตอ้ งการของกลุม่ เป้าหมายตา่ ง ๆ โดยการ จัดการศึกษาแตล่ ะรปู แบบสามารถเทยี บโอนผลการเรียนระหวา่ งกันได้ เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกับเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษาในความเปน็ เอกภาพดา้ นนโยบายที่มุ่งเน้น การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยให้มีความหลากหลายในทางปฏิบัติท่ีใช้ในการพัฒนาคุณภาพให้เหมาะสมกับ บริบทและความพร้อมของสถานศึกษาแต่ละแห่ง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานจึงได้ ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ซึ่งไดก้ าหนดมาตรฐานการเรียนรเู้ ป็น เป้าหมายของคุณภาพผู้เรียน ครอบคลุมการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั เพื่อเป็นหลักประกนั ว่าผ้เู รียนในระดับการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานทกุ คน มโี อกาส ในการได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพเท่าเทียมกัน แต่ให้มีความยืดหยุ่นในทางปฏิบัติ โดยเปิดโอกาสให้การจัด การศกึ ษากลมุ่ เป้าหมายเฉพาะสามารถปรับใชห้ ลกั สูตรแกนกลางฯ ให้สอดคล้องเหมาะสมกบั สภาพและบริบท ได้ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจดั การศึกษาสาหรับผู้ พกิ ารและเดก็ ด้อยโอกาส ซ่ึงจัดได้ว่าเปน็ กลุม่ เปา้ หมายเฉพาะท่ีมีรปู แบบและวตั ถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ทแ่ี ตกต่างจากลุ่มท่ัวไป ไดจ้ ัดทาหลักสตู รทักษะการดารงชีวิต โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สานักบรหิ ารงาน การศึกษาพิเศษ เพ่ือให้โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ได้นาไปปรับใช้เพ่ือพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้เป็น หลักสูตรสถานศึกษา สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนตามเจตนารมณ์ ของหลักสตู รต่อไป สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน สานักบริหารงานการศกึ ษาพิเศษ
ข หนา้ ก สำรบญั ข คานา ๑ สารบญั หลกั สตู รทักษะการดารงชีวิต สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ 1 1 - วสิ ัยทัศน์ ๒ - กล่มุ เป้าหมาย - จดุ หมาย 2 - เป้าหมาย จุดเนน้ 3 - สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น - คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3 - การจดั การเรยี นรู้ 4 - แนวการจัดโครงสรา้ งเวลาเรยี น 5 การกาหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรยี นของโรงเรียนศกึ ษาเคราะห์ - แนวการจดั กิจกรรมเพมิ่ เติมกิจกรรมทกั ษะการดารงชีวิต 7 - กิจกรรมสง่ เสรมิ สุขนิสยั 8 - กิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย - กจิ กรรมหลักโภชนาการ 17 - กิจกรรมหลักไตรรงค์ 21 - กจิ กรรมสร้างเสริมภาวะผนู้ า 29 - กิจกรรมอนุรกั ษพ์ ลังงานและสง่ิ แวดลอ้ ม - กจิ กรรมส่งเสริมอาชพี ท้องถ่ิน 36 - กจิ กรรมพัฒนาสุนทรียภาพ 44 ภาคผนวก - ภาคผนวก ก แนวคดิ หลักการทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั กจิ กรรมทักษะการดารงชีวิต 51 - ภาคผนวก ข ตัวอยา่ ง เกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชวี ิต 58 - ภาคผนวก ค ตัวอยา่ ง เคร่ืองมอื การประเมนิ 65 - ภาคผนวก ง คณะกรรมการดาเนนิ งาน 100 100 105 ๑27 ๑31
๑ หลกั สตู รทักษะการดารงชีวิต สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ วิสัยทศั น์ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้ภูมิหลังเกี่ยวกับท้องถ่ิน เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี มีความภาคภูมิใจในท้องถ่ินของตนเอง มีทักษะการดารงชีวิต สามารถพ่ึงตนเองได้ มีพื้นฐานการ ประกอบอาชีพและดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือการดารงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมี ความสขุ กลมุ่ เป้าหมาย มุ่งให้เป็นหลักสูตรท้องถ่ินสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ในกลุ่มของเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ซ่ึง คณะกรรมการปฏริ ูปการศกึ ษาเพ่อื คนพกิ าร ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษของกระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดประเภทของเด็กด้อยโอกาสไว้ ๑๐ ประเภท ดังน้ี ๑. เด็กถูกบังคับให้ขายแรงงานหรือแรงงานเด็ก หมายถึง เด็กท่ีถูกบังคับให้ทางานหารายได้ด้วย การขายแรงงานก่อนวัยอันสมควร ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างจนไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา หรือการ พฒั นาใหเ้ ปน็ ไปตามหลักพัฒนาการอันเหมาะสมกบั วยั ๒. เด็กเร่ร่อน หมายถึง เด็กท่ีไม่มีที่อยู่อาศัยพักพิงเป็นหลักแหล่งแน่นอน ดารงชีวิตอยู่อย่างไร้ ทศิ ทาง ขาดปจั จัยพ้นื ฐานในการดารงชวี ติ เสี่ยงตอ่ การประสบภยั อนั ตรายและเปน็ ปัญหาสงั คม ๓. เดก็ ทอี่ ย่ใู นธุรกิจทางเพศหรือโสเภณี หมายถึง เดก็ ท่มี คี วามสมัครใจ หรือถูกบังคับล่อลวงให้ขาย บรกิ ารทางเพศ หรือถูกชักจูงให้ต้องตกอยู่ในสภาพเสี่ยงต่อการประกอบอาชีพขายบรกิ ารทางเพศ ๔. เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือเด็กกาพร้า หมายถึง เด็กท่ีมารดาคลอดทิ้งไว้ในโรงพยาบาล หรือตาม สถานท่ีต่างๆ รวมไปถึงเด็กท่ีบิดามารดาปล่อยท้ิงไว้ให้มีชีวิตอยู่ตามลาพังหรืออยู่กับบุคคลอ่ืนโดยไม่ได้รับการ เล้ียงดูจากบิดามารดา ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากปัญหาการหย่าร้างหรือครอบครัวแตกแยก มีสภาพชีวิตอยู่ ท่ามกลางความสับสนขาดความรัก ความอบอุ่น ตลอดจนถึงเด็กที่ขาดผู้อุปการะเล้ียงดู อันเนื่องมาจากสาเหตุ อน่ื ๕. เด็กที่ถูกทาร้ายทารุณ หมายถึง เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทางร่างกาย หรือทางจิตใจ มีชีวิต อยู่อย่างไม่เป็นสุข ระแวง หวาดกลัว เนื่องจากถูกทาร้ายทารุณ ถูกบีบค้ัน กดดัน จากบิดามารดา หรือ ผู้ปกครองซง่ึ มีสภาพจติ ใจหรอื อารมณ์ไมป่ กติ หรอื ถูกล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะตา่ งๆ จากบคุ คลใกล้ตวั ๖. เด็กยากจน(มากเป็นพิเศษ) หมายถึง เด็กซึ่งเป็นบุตรหลานของคนยากจนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ต่อการเล้ียงชีพ ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อปี ครอบครัวอยู่รวมกันหลายคน ขาดแคลน ปัจจัยพื้นฐาน มีชีวิตอยู่อย่างลาบาก รวมถึงเด็กในแหล่งชุมชนแออัด หรือบุตรของกรรมกรก่อสร้างหรือเด็ก จากครอบครัวทีอ่ ยใู่ นถน่ิ ทุรกนั ดารห่างไกลโอกาสท่จี ะไดร้ บั การศกึ ษา และบรกิ ารอื่น ๗. เด็กในชนกลุ่มน้อย หมายถึง เด็กท่ีเป็นบุตรหลานของบุคคลที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจาก ประชาชนสว่ นใหญ่ของประเทศ มชี วี ติ อยอู่ ย่างยากลาบาก และมีปัญหาเก่ียวกับการถือสัญชาติไทยเป็นสาเหตุ ให้ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาหรือบริการอ่ืนๆ ส่วนใหญ่เป็นเด็กในครอบครัวที่อพยพเข้ามาอาศัยตามบริเวณ แนวชายแดนของประเทศไทย เชน่ ชาวเขา ชาวเล เป็นต้น
๒ ๘. เด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด หมายถึง เด็กท่ีติดสารระเหยหรือยาเสพติดให้โทษ หรือเด็ก กลุ่มเสี่ยงต่อการถูกชักชวนให้ประพฤติตนไม่เหมาะสมเกี่ยวข้องผูกพันกับกลุ่มมิจฉาชีพ หรือผู้มีอิทธิพลหรือ บุคคลท่แี สวงหาผลประโยชน์จากการประกอบอาชีพผิดกฎหมาย เป็นเด็กด้อยโอกาสที่มีแนวโน้มสูงต่อการก่อ ปญั หาในสังคม ๙. เด็กที่ได้รับผลจากโรคเอดส์หรือโรคติดต่อร้ายแรงท่ีสังคมรังเกียจ หมายถึง เด็กที่ติดเชื้อเอดส์ หรอื มบี ิดามารดาเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ เป็นเด็กที่ถูกสังคมรังเกียจ เป็นเหตุให้เด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษา หรือบรกิ ารอ่นื ๆ รว่ มกบั เดก็ ปกติท่ัวไปได้ ๑๐. เด็กในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หมายถึง เด็กท่ีกระทาผิดและถูกควบคุมใน สถานพนิ ิจและคุ้มครองเดก็ และเยาวชนตามกฎหมาย ตลอดถึงเด็กหญิงท่ีต้ังครรภ์นอกสมรสซ่ึงมีแนวโน้มท่ีจะ ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาต่างๆ เชน่ การทาแท้ง การฆ่าตวั ตาย การทอดทง้ิ ทารก เปน็ ตน้ จุดหมาย มงุ่ พัฒนาผเู้ รียนให้เป็นคนดี มปี ญั ญา มคี วามสขุ และมศี ักยภาพในการพฒั นาตนเองในเรื่องของการ เรียนรู้และการประกอบอาชพี จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผูเ้ รยี น ดงั นี้ ๑. มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัย มีทักษะการดารงชีวิต มีพ้ืนฐานการประกอบอาชพี และดาเนินชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรูค้ วามภาคภมู ิใจ และดาเนนิ ชวี ติ ตามขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงาม ๓. มีสขุ ภาพกายสขุ ภาพจิตที่ดี มสี ุขนสิ ัยและรักการออกกาลงั กาย ๔. มีจิตสานึกรักแผ่นดินถิ่นเกิด เป็นพลเมืองที่ดีของชุมชนและของชาติ ยึดม่ันในวิถีชีวิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ิน การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มจี ติ สาธารณะ มุ่งทาประโยชน์และสรา้ งส่ิงท่ดี ีงามในชมุ ชนท้องถน่ิ พง่ึ ตนเองได้ และอยรู่ ว่ มกันอยา่ งมีความสุข เปา้ หมาย จดุ เน้น สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีเป้าหมายในการจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นการปลูกฝัง ผเู้ รยี นให้เป็นพลเมืองท่ีดีของท้องถน่ิ ดงั น้ี ๑. มคี วามรทู้ ักษะกระบวนการ มีคุณภาพการเรียนรู้ และมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐาน การเรียนรหู้ ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๒. มีความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และการเขียนสื่อความ ๓. มที ักษะความสามารถในการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี ๔. มีการเรียนรู้กบั ชุมชนและท้องถนิ่ และปลกู ฝังความรักความภมู ใิ จในท้องถนิ่ ๕. มคี วามตระหนัก เหน็ คุณคา่ ในการอนรุ ักษ์พันธุกรรมขา้ วไทยและพชื ในท้องถนิ่ ๖. มภี าวะผู้นา บคุ ลกิ ภาพดีและมีสมั พนั ธภาพที่ดกี ับบุคคลอืน่ ๗. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ตามศาสนาทต่ี นนับถือ ๘. มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยแ์ ละยึดม่นั ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ
๓ ๙. มีจิตสานกึ ในการอนุรักษ์วฒั นธรรมประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถิ่น พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ๑๐. มที ักษะในการจัดการ การสร้างงาน สรา้ งอาชีพ ๑๑. มีทกั ษะในการดารงชีวิต โดยน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ ๑๒. มสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง สมบูรณ์ และมสี นุ ทรยี ภาพดา้ นศิลปะ ดนตรี กฬี า และนนั ทนาการ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลด ปัญหาความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ การเลอื กรับหรือไมร่ ับขอ้ มูลขา่ วสารด้วยหลกั เหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลอื กใช้วิธีการส่ือสาร ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพ่ือการตัดสนิ ใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชิญได้ อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ตา่ งๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามร้มู าใชใ้ นการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมกี ารตดั สินใจท่มี ีประสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทเี่ กิดข้นึ ตอ่ ตนเอง สังคมและสงิ่ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวติ ประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วม กันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีก เล่ียงพฤติกรรมไม่พึง ประสงคท์ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผูอ้ นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การ ทางาน การแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองของชาติ ธารงไว้ซ่ึง ความเป็นชาติไทย ศรัทธา ยึดมัน่ ในศาสนาและเคารพเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ ๒. ซ่ือสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในความถูกต้อง ประพฤติ ตรงตาม ความเป็นจริงตอ่ ตนเอง และผอู้ ่นื ทั้งทางกาย วาจา ใจ ๓. มีวินัย หมายถึง ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และ สงั คม
๔ ๔. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง มีความตั้งใจเพียรพยายามในการเรียน เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหา ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม สรุปองค์ ความรแู้ ละสามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง ดารงชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มี ภมู ิคุ้มกันในตวั ทด่ี ี ปรับตัวเพอ่ื อยใู่ นสงั คมได้อย่างมีความสุข ๖. มุ่งม่ันทางาน หมายถึง ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าท่ีการงาน ทางานด้วยความเพียร พยายาม และอดทนเพอื่ ใหง้ านสาเรจ็ ตามเป้าหมาย ๗. รักความเป็นไทย หมายถึง ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย มีความ กตัญญูกตเวที เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อนุรักษ์ และสืบทอดภูมิ ปัญญาไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ หมายถึง ช่วยเหลือผอู้ นื่ ด้วยความเตม็ ใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน เข้าร่วมกิจกรรม ทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ โรงเรียน ชุมชน และสงั คม การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญ สู่การเรียนรู้และการปฏิบัติจริงให้เกิดผลกับผู้เรียน ตาม จุดหมาย สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น และคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ทก่ี าหนด ๑. หลักการจดั การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามจุดหมาย เป้าหมาย จุดเน้น สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยยึดหลักผู้เรียนสาคัญ ซึ่งเช่ือว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ ยดึ ประโยชนท์ ่ีเกดิ กบั ผเู้ รียน กระบวนการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทั้ง ความรู้และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สถานศึกษาต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เน้นการมีส่วนร่วมโดยนาภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายกระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นได้แก่ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และกระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัตจิ ริง กระบวนการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง และกระบวนการพัฒนาคุณลกั ษณะนิสยั กระบวนการเหล่านีเ้ ปน็ แนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนาเพื่อ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ันผู้สอนจึงจาเป็นต้องทาความเข้าใจใน กระบวนการเรียนรตู้ ่างๆ และเลือกใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรู้ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ
๕ แนวการจดั โครงสร้างเวลาเรียน โครงสรา้ งเวลาเรียน สถานศึกษาสามารถดาเนนิ การตามศักยภาพความพร้อม และจดุ เน้นของ สถานศกึ ษา ทงั้ ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังน้ี ๑. นามาบูรณาการกับการเรียนเรียนรู้แกนกลางที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด ในรายวิชาพ้ืนฐานรายวิชาเพ่ิมเติม/กิจกรรมเพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ใหส้ อดคลอ้ งกับระดับชน้ั เรยี นตามบริบทสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๒. นาไปจัดทารายวิชาเพ่ิมเติม ตามรูปแบบวิธีการท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด ตามความเหมาะสมของบริบทสถานศึกษาและชุมชน ในที่นี้ได้กาหนดเชิง นโยบายให้โรงเรียนการศกึ ษาสงเคราะห์ จัดรายวชิ าเพ่ิมเติมเก่ียวกับองค์ความรู้เรื่องข้าว ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ และตระหนักความสาคัญของข้าวไทยต้ังแต่กระบวนการปลูกจนถึงการแปรรูปผลผลิต เพ่ือสนองพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ดังน้ี (๑) ระดับประถมศึกษา ให้จัดหน่วยบูรณาการเรื่อง “ข้าวไทย” ซึ่งสานักบริหารงาน การศกึ ษาพิเศษไดส้ รา้ งตวั อย่างแนวทางการปฏบิ ตั ิใว้ในหนงั สือเลม่ นี้แลว้ (๒) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้จัดรายวิชาเพ่ิมเติมเรื่อง “ข้าวกับวิถีไทย” ใน ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ ๑ หรือตามความพร้อมของสถานศึกษาซึ่งสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษได้สร้างตัวอย่าง แนวทางการปฏบิ ัติใว้ในหนงั สือเล่มน้แี ลว้ (๓) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้จัดรายวิชาเพ่ิมเติมเร่ือง “ข้าวไทย” ในชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ หรือตามความพร้อมของสถานศึกษา ซ่ึงสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษได้สร้างตัวอย่าง แนวทางการปฏบิ ตั ิใวใ้ นหนงั สอื เล่มนแ้ี ลว้ ๓. นาไปจัดทา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตามรูปแบบวิธีการที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด โดยให้ทุกสถานศึกษาจัด กิจกรรมชุมนุมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรม บูรณาการ หรือรายวิชาเพ่ิมเติม ในทุกระดับการศึกษา เพื่อเป็นการสนองโครงการพระราชดาริสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี กรณีท่ีโรงเรียนมีความพร้อม สามารถสมัครเป็นสมาชิกสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๔. นาไปจัดทา กิจกรรมเพ่ิมเติม ตามรูปแบบวิธีการที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด โดยจัดกิจกรรมเพิ่มเติม ในโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาจัดเป็นกิจกรรม เสรมิ สร้างทกั ษะการดารงชีวติ จานวน ๘ กจิ กรรม ดงั น้ี ๑. กิจกรรมส่งเสรมิ สุขนิสยั ๒. กิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย ๓. กจิ กรรมหลักโภชนาการ ๔. กิจกรรมหลักไตรรงค์ ๕. กิจกรรมสร้างเสริมภาวะผนู้ า ๖. กิจกรรมอนรุ ักษ์พลงั งานและส่ิงแวดล้อม ๗. กิจกรรมสง่ เสรมิ อาชีพท้องถ่ิน ๘. กจิ กรรมพฒั นาสนุ ทรียภาพ รายละเอียดกิจกรรมทักษะการดารงชีวติ ทั้ง ๘ กจิ กรรม สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษได้สรา้ ง ตัวอยา่ งแนวทางการปฏบิ ตั ิใว้ในหนังสอื เลม่ นแี้ ล้ว
๖ ๕. โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ในเขตพัฒนาพิเศษหรือมี ผเู้ รียนนบั ถือศาสนาอสิ ลามจานวนมาก สามารถเลอื กใชห้ ลกั สตู รอิสลามศึกษา ตามความพร้อมและบริบทของ สถานศกึ ษาและชุมชน ซ่ึงสานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษได้สรา้ งตัวอยา่ งแนวทางการปฏบิ ตั ิใว้ในหนังสือแยก เฉพาะหลักสูตรอิสลามศึกษา สาหรับโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษใน เขตพัฒนาพเิ ศษไว้แล้ว
๗ การกาหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรียน ของโรงเรยี นการศกึ ษาสงเคราะห์ สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ การกาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กาหนดกรอบ โครงสรา้ งเวลาเรียนระดับประถมศึกษา ๑,๐๐๐ ช่ัวโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นไม่เกิน ๑,๒๐๐ ช่ัวโมง ตอ่ ปี ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย รวม ๓ ปี ไม่นอ้ ยกว่า ๓,๖๐๐ ชว่ั โมง แต่เน่อื งจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ เป็นสถานศึกษาท่ีมีวัตถุประสงค์พิเศษ มีลักษณะเป็นโรงเรียนแบบประจา จัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมาย เฉพาะโดยจัดการศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส จึงได้ปรับโครงสร้างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ เหมาะสมกับสภาพและบริบทของสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการปรับใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ซึ่งปรับยืดหยุ่นโครงสร้างเวลาเรียนตามความ เหมาะสม โดยมีเวลาเรียนรวมของแตล่ ะระดบั การศกึ ษา สอดคล้องกบั โครงสรา้ งหลักสตู รแกนกลาง การจัดกิจกรรมเพ่ิมเติม ในโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาจัดเป็นกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการ ดารงชีวิต จานวน ๘ กิจกรรม รวมเวลาไม่นอ้ ยกว่า ๑,๓๑๐ ช่วั โมงตอ่ ภาคเรียน หรือ ๒,๖๓๐ ชวั่ โมงตอ่ ปี ดังน้ี 1) กิจกรรมส่งเสรมิ สุขนสิ ยั ๒๘๐ ชว่ั โมงต่อภาคเรียน 560 ชัว่ โมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา 2) กจิ กรรมส่งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย ๗๐ ชั่วโมงต่อภาคเรียน ๑๔๐ ชว่ั โมงต่อปีการศึกษา 3) กิจกรรมหลักโภชนาการ ๓๗๐ ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น ๗๔๐ ชั่วโมงต่อปกี ารศกึ ษา 4) กิจกรรมหลักไตรรงค์ ๑๕๐ ชั่วโมงตอ่ ภาคเรยี น ๓๐๐ ชว่ั โมงตอ่ ปีการศึกษา ๕) กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ ภาวะผู้นา ๑๔๐ ช่ัวโมงต่อภาคเรยี น ๒๘๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศกึ ษา ๖) กิจกรรมอนุรกั ษ์พลังงานและสงิ่ แวดล้อม ๒๒๐ ช่ัวโมงต่อภาคเรยี น ๔๔๐ ชว่ั โมงต่อปีการศกึ ษา ๗) กจิ กรรมสง่ เสริมอาชีพทอ้ งถน่ิ ๔๐ ชั่วโมงต่อภาคเรียน ๘0 ชว่ั โมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา ๘) กิจกรรมพัฒนาสุนทรียภาพ ๔๐ ชั่วโมงต่อภาคเรียน ๑,๓๑๐ ชว่ั โมงตอ่ ภาคเรยี น รวมท้ังสน้ิ ๒,๖๒๐ ชวั่ โมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ในเขตพัฒนาพิเศษหรือมีผู้เรียน นับถือศาสนาอิสลามจานวนมาก สามารถเลือกใช้หลักสูตรอิสลามศึกษา ตามความพร้อมและบริบทของ สถานศึกษาและชมุ ชน สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษได้จัดทาตัวอย่างแนวทางการจัดโครงสร้างเวลาเรียนหลักสูตร แกนกลางและกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น เพื่อเป็นแนวทางให้สถานศึกษาได้นาไปประยุกต์ใช้ตามความ พรอ้ มของบริบทสถานศึกษาและชุมชน ดงั น้ี
๘ แนวการจดั กิจกรรมเพิ่มเติม กจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ติ
๙ แนวทางการจดั กิจกรรมทักษะการดารงชีวติ แนวการจัดกิจกรรมทักษะการดารงชีวิต เป็นการจัดกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตให้ครอบคลุม ๘ กิจกรรม คือ กิจกรรมส่งเสริมสุขนิสัย กิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย กิจกรรมหลักโภชนาการ กิจกรรม หลักไตรรงค์ กิจกรรมสร้างเสริมภาวะผู้นา กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานและส่ิงแวดล้อม กิจกรรมส่งเสริมอาชีพ ท้องถิ่น และกิจกรรมพัฒนาสุนทรียภาพ โดยเสนอไว้เป็นระบบเพ่ือให้ผู้เก่ียวข้องเห็นภาพกิจกรรมทักษะการ ดารงชีวติ และสามารถนาไปประยุกตต์ ามความเหมาะสม ดงั น้ี หลกั การ กจิ กรรมทักษะการดารงชีวิตมีหลักการสาคญั ดังนี้ ๑. มกี ารกาหนดเป้าหมายของการจัดกจิ กรรมทช่ี ดั เจน เป็นรปู ธรรม และครอบคลุมผู้เรียนทุกคน ๒. เป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างรอบด้าน เต็มตามศักยภาพ ตามหลักการและ เป้าหมายในการจัดการศึกษาสงเคราะห์ รวมถึงภาระงานและกิจกรรมตามกิจวัตรท่ีผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงใน โรงเรียนแบบอยปู่ ระจา ๓. เป็นกจิ กรรมท่เี น้นการพฒั นาและส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะดารงชีวิตท่ีถูกต้อง สมบูรณ์ โดยเน้น การดูแลตนเอง มีระเบียบวินัย มีความรู้พื้นฐานด้านงานอาชีพ มีจิตสานึกในการอนุรักษ์พลังงานแ ละ ส่ิงแวดล้อม รวมถึงมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการปกครอง ตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างต่อเน่ืองและสม่าเสมอ เพ่ือการอยู่ร่วมกัน ในสงั คมอย่างปกติสขุ เปา้ หมาย กิจกรรมทักษะการดารงชีวิตมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะของผู้เรียนในโรงเรียนการศึกษา สงเคราะห์ ๘ ประการ ดงั นี้ ๑. มที กั ษะการดูแลสุขอนามัยส่วนบคุ คล ๒. มสี มรรถภาพทางกายแขง็ แรง รักการออกกาลงั กาย ๓. มีสขุ นสิ ัยในการรับประทานอาหาร รู้จกั การรับประทานอาหารอยา่ งถูกหลกั โภชนาการ ๔. มีระเบียบวินัย จงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ๕. มคี ณุ ลกั ษณะการเปน็ ผ้นู าและผูต้ ามที่ดี ๖. มีจติ สานกึ ในการอนุรักษ์พลังงานและส่งิ แวดล้อม ๗. มที กั ษะและความร้ดู ้านงานอาชีพ ๘. มสี นุ ทรียภาพทัง้ ดา้ นศลิ ปะ ดนตรี กีฬา รวมทั้งเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ได้แก่ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทยและมจี ติ สาธารณะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๐ กจิ กรรมสง่ เสรมิ กิจกรรมหลักโภชนาการ สมรรถภาพทาง กาย กจิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ นิสยั เปา้ หมาย กิจกรรมหลัก ไตรรงค์ กจิ กรรมพฒั นา คณุ ลักษณะของนักเรยี นศกึ ษา สุนทรยี ภาพ สงเคราะห์ กจิ กรรมสร้างเสริม ภาวะผนู้ า สมรรถนะสาคัญ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ กิจกรรมส่งเสริม กิจกรรมอนรุ ักษ์พลังงาน อาชีพท้องถิน่ และส่ิงแวดลอ้ ม แผนภาพ : แสดงการจดั กิจกรรมทกั ษะการดารงชวี ิตในโรงเรยี นการจดั การศึกษาสงเคราะห์
๑๑ แนวการจัดกิจกรรม สถานศึกษาจัดให้ผเู้ รยี นทุกคนเขา้ ร่วมกิจกรรมโดยมแี นวการจัดกจิ กรรม ดังน้ี ๑. ใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความสมคั รใจ ๒. ให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมผ่านประสบการณ์ท่ีหลากหลาย ฝึกการทางานท่ีสอดคล้องกับชีวิตจริง ตลอดจนสะทอ้ นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผเู้ รยี น ๓. จดั กิจกรรมอยา่ งสมดลุ ทง้ั การจัดกิจกรรมรายบคุ คล และกิจกรรมกลุ่ม ๔. จัดกิจกรรมโดยเน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการ โดยมีการสารวจและใช้ข้อมูลประกอบการ วางแผนอย่างเป็นระบบ เนน้ การคดิ วิเคราะหแ์ ละใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการดาเนนิ กิจกรรม ๕. ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบร่วมมือมากกว่าเน้นการแข่งขัน บนพื้นฐานการ ปฏิบัตติ ามวิถีประชาธิปไตย ขอบข่ายกจิ กรรมทักษะการดารงชวี ิต สถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตได้หลากหลายรูปแบบและวิธีการ โดยมี ขอบข่าย ดงั น้ี ๑. เปน็ กิจกรรมท่ตี อบสนองตามหลักการและเป้าหมายในการจัดการศึกษาสงเคราะห์ รวมถึงภาระ งานและกิจกรรมตามกิจวัตรท่ีผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงในโรงเรียนแบบอยู่ประจา ตลอดจนความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียน เน้นการใหผ้ ู้เรียนตระหนกั ถึงแนวทางในการดาเนนิ ชีวิตท่ีดีงาม ๒. เป็นกิจกรรมท่ีเน้นการพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการดูแลตนเอง มีระเบียบวินัย มคี วามร้พู นื้ ฐานด้านงานอาชพี มีจิตสานึกในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีความจงรักภักดีและ เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ต่อเนื่องและสมา่ เสมอ ๓. เปน็ กจิ กรรมท่ปี ลูกฝังและส่งเสรมิ คา่ นิยมท่ีดงี าม สมรรถนะท่ีสาคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๔. เป็นกิจกรรรมที่ฝึกการปฏิบัติในการดารงชีวิต ท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อส่วนรวม เพื่อเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี และมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว และสังคม
๑๒ โครงสร้างกิจกรรมทักษะการดารงชวี ิต โครงสร้างเวลาการจดั กิจกรรมทกั ษะการดารงชวี ิตในแตล่ ะระดบั ชน้ั กจิ กรรม จานวนเวลาเรียน จานวนเวลาเรยี น (ช่วั โมง/ปีการศกึ ษา) (ชัว่ โมง/ภาคเรยี น) ๑. กจิ กรรมสง่ เสรมิ สุขนิสัย ๒. กิจกรรมสง่ เสริม ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓ ม.๔ ม.๕ ม.๖ สมรรถภาพทางกาย ๖๔๐ ๖๔๐ ๖๔๐ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๖๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๓. กิจกรรมหลกั โภชนาการ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๔. กจิ กรรมหลักไตรรงค์ ๗๔๐ ๗๔๐ ๗๔๐ ๗๔๐ ๗๔๐ ๗๔๐ ๓๗๐ ๓๗๐ ๓๗๐ ๓๗๐ ๓๗๐ ๓๗๐ ๕. กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ๓๐๐ ๓๐๐ ๓๐๐ ๓๐๐ ๓๐๐ ๓๐๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ภาวะผนู้ า ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๒๘๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๖. กิจกรรมอนรุ ักษ์พลงั งาน และสงิ่ แวดล้อม ๔๔๐ ๔๔๐ ๔๔๐ ๔๔๐ ๔๔๐ ๔๔๐ ๒๒๐ ๒๒๐ ๒๒๐ ๒๒๐ ๒๒๐ ๒๒๐ ๗. กิจกรรมสง่ เสรมิ - - - ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ อาชีพท้องถิ่น ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘. กจิ กรรมพฒั นา สุนทรยี ภาพ รวม ๒,๖๒๐๒,๖๒๐๒,๖๒๐๒,๖๒๐๒,๖๒๐๒,๖๒๐๑,๓๑๐๑,๓๑๐๑,๓๑๐๑,๓๑๐๑,๓๑๐๑,๓๑๐ การจัดสรรเวลาของกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตท้ัง ๘ กิจกรรม ดาเนินการตามการบริหารจัดการ ของสถานศึกษา อาจใช้แนวทางการจัดตารางเวลากิจกรรมทักษะการดารงชีวิต แต่ท้ังน้ีผู้เรียนต้องได้รับการ พัฒนาและฝึกปฏิบัติครบท้ัง ๘ กิจกรรม อย่างต่อเน่ืองและสม่าเสมอทุกปีจนจบการศึกษาตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรับผู้เรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ได้ กาหนดเวลาการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขนิสัยจานวนสูงกว่ากิจกรรมอื่นๆ และยกเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริม อาชีพท้องถ่ิน
๑๓ การประเมนิ ผลกจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวิต การประเมินผลการจัดกิจกรรมทักษะการดารงชีวิต เป็นการประเมินโดยพิจารณาจานวนเวลาการ เข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรม และการมีผลงาน/ช้ินงาน/คุณลักษณะผ่านการประเมินตาม เกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด ดังนี้ แนวทางการประเมนิ การประเมินกจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ติ มแี นวทางการประเมนิ ตามแผนภาพ ดังน้ี กจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวติ ๑. กจิ กรรมส่งเสรมิ สุขนิสัย ๒. กจิ กรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย ๓. กิจกรรมหลกั โภชนาการ ๔. กิจกรรมหลักไตรรงค์ ๕. กจิ กรรมสรา้ งเสริมภาวะผนู้ า ๖. กิจกรรมอนรุ ักษ์พลังงานและสงิ่ แวดลอ้ ม ๗. กิจกรรมสง่ เสรมิ อาชพี ท้องถน่ิ ๘. กจิ กรรมพฒั นาสนุ ทรยี ภาพ ซอ่ มเสริม ประเมนิ เกณฑ์การประเมิน ไม่ผ่าน ๑. จานวนเวลาการเข้าร่วม ผ่าน กจิ กรรม ๒. ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ๓. ผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลักษณะ ของผูเ้ รยี น รายงานผลการประเมนิ สถานศึกษาควรกาหนดแนวทางท่ชี ดั เจนในการประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชีวิต ๒ ประการ คือ การประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตรายกิจกรรม และการประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตเพ่ือการ ตัดสิน
๑๔ ๑. การประเมนิ กิจกรรมทกั ษะการดารงชีวติ รายกจิ กรรม การประเมินกิจกรรมทกั ษะการดารงชวี ิตรายกิจกรรม มแี นวปฏิบตั ดิ ังน้ี ๑.๑ ตรวจสอบเวลาการเข้าร่วมกจิ กรรมของผูเ้ รียนให้เปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด ๑.๒ ประเมินกจิ กรรมทักษะการดารงชวี ิตจากการปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน/ช้ินงาน/คุณลักษณะ ของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนดด้วยวิธีการที่หลากหลาย เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ท่ีเกี่ยวข้องในการ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ๑.๓ ผู้เรียนมเี วลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม มกี ารปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และมผี ลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะ ของผเู้ รียนตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด เป็นผู้ผ่านกจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ิตรายกิจกรรม ๑.๔ ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลักษณะของผเู้ รียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด การประเมินผลกิจกรรมทักษะการ ดารงชีวิต ครูหรือผู้รับผิดชอบกิจกรรมต้องดาเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผ่าน ทั้งนี้ควรดาเนินการให้ เสร็จส้ินในปีการศกึ ษานน้ั ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วิสัยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของสถานศึกษา ๒. การประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชวี ิตเพื่อการตดั สนิ การประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตเพ่ือตัดสินเล่ือนช้ันและจบระดับการศึกษา เป็นการ ประเมินการผ่านกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตเป็นรายปี/รายภาค เพ่ือสรุปผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม สรุป ผลรวมเพื่อเลื่อนชั้นและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพื่อจบในแต่ละระดับการศึกษา โดยการดาเนินการ ดงั กลา่ วมีแนวปฏบิ ตั ดิ งั นี้ ๒.๑ กาหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมทักษะการ ดารงชวี ิตของผูเ้ รยี นทุกคนตลอดระดบั การศกึ ษา ๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการเข้าร่วมกิจกรรมทักษะการดารงชีวิตของผู้เรียนเป็น รายบุคคลตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด เกณฑ์การจบในแต่ละระดับการศึกษาท่ีสถานศึกษากาหนดนั้น ผู้เรยี นจะต้องผา่ นกิจกรรมทกั ษะการดารงชีวิตทงั้ ๘ กจิ กรรม ๒.๓ ผู้รับผิดชอบเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมาย เพ่ือให้ความ เห็นชอบ ๒.๔ ผู้รับผิดชอบเสนอผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาเพ่ืออนุมัติผลการประเมินกิจกรรมทักษะ การดารงชีวิต ผ่านเกณฑ์การจบแต่ละระดบั การศึกษา
๑๕ เกณฑก์ ารตดั สนิ ผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมทักษะการดารงชีวิต และผ่านเกณฑ์ตามที่สถานศึกษา กาหนด โดยกาหนดเกณฑ์ในการประเมนิ อย่างเหมาะสม ดังนี้ ๑. กาหนดคุณภาพหรือเกณฑ์ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒ ระดับ คอื ผ่าน และไมผ่ า่ น ๒. กาหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรม และกาหนดเกณฑ์ การผา่ นการประเมิน ดังน้ี ๒.๑ เกณฑก์ ารตดั สินผลการประเมินรายกจิ กรรม ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กาหนด ไมผ่ า่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการ ปฏิบัติกิจกรรม หรือมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด ๒.๒ เกณฑก์ ารตัดสนิ ผลการประเมินกจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวติ รายปี/รายภาค ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ ระดบั “ผา่ น” ในกจิ กรรมทั้ง ๘ กจิ กรรม ไม่ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” ในกิจกรรมใดกิจกรรม หนง่ึ จาก ๘ กิจกรรม ๒.๓ เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมินกจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวติ เพอ่ื จบระดบั การศกึ ษา ผ่าน หมายถึง ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ ระดับ “ผา่ น” ทกุ ชั้นปีในระดับการศึกษา นนั้ ไมผ่ า่ น หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” บางชั้นปีในระดับ การศกึ ษานั้น แนวทางการแกไ้ ขผเู้ รียนกรณีไมผ่ ่านเกณฑ์ กรณีท่ีผู้เรียนไม่ผ่านกิจกรรมให้เป็นหน้าที่ของครูหรือผู้รับผิดชอบกิจกรรมน้ันๆ ท่ีจะต้องซ่อมเสริม โดยให้ผเู้ รยี นดาเนนิ กิจกรรมจนครบตามเวลาท่ีขาด หรอื ปฏบิ ัติกิจกรรมให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรม นั้น แล้วจึงประเมินให้ผ่านกิจกรรมเพ่ือบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้รายงาน ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาทราบเพอื่ ดาเนนิ การชว่ ยเหลือผู้เรียนอยา่ งเหมาะสมเปน็ รายกรณไี ป
๑๖ “ จิตใจและความประพฤติทีส่ ะอาดและมรี ะเบยี บ เปน็ รากฐานสาคัญของชีวิตท้ังจิตใจทั้งความ ประพฤติดังน้ันใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้ หากแต่จาต้องฝึกหัดอบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจัง สมา่ เสมอ นับตั้งแตบ่ คุ คลเกดิ ดังทมี่ นุษยไ์ ม่ว่าชาติใดภาษาใด ไดเ้ ฝ้าพยายามกระทาสืบต่อกันมาทุกยุคทุก สมัย ทั้งน้ีเพ่ือให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข ความสาเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้สามารถอยู่ร่วมกับ ผ้อู ่ืนได้ ด้วยความผาสกุ สงบ (พระราชดารัส ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระราชทานเพ่ือเชิญไปอ่าน ในพธิ ีเปดิ สมั มนาเรือ่ ง การพัฒนาสังคมในดา้ นศีลธรรมและจิตใจ ซึ่งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย จดั ให้มขี นึ้ )
๑๗ กจิ กรรมส่งเสริมสุขนิสยั หลกั การ กิจกรรมส่งเสริมสุขนิสัย เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติ กิจวัตรประจาวันด้านการดูแลตนเองที่ถูกสุขลักษณะ รู้จักการดูแลความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า เคร่ืองนอน และอุปกรณ์เคร่ืองใช้ส่วนตัวอย่างถูกวิธี ตลอดจนการเก็บรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์ เส้ือผ้า เครื่องแต่งกาย เคร่ืองใช้ส่วนตัวอย่างเป็นระเบียบ แต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน เพ่ือให้เกิดสุข นิสัยที่ดีและมีทักษะพ้ืนฐานท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิต โดยนาหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น แนวทางในการปฏบิ ตั ติ นในกิจกรรมส่งเสรมิ สุขนสิ ัย วัตถปุ ระสงค์ สามารถปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจาวันด้านการดูแลตนเองท่ีถูกสุขลักษณะ แต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกต้อง ตามระเบียบของโรงเรียน ทาความสะอาดร่างกาย เส้ือผ้า เคร่ืองนอน และอุปกรณ์เคร่ืองใช้ส่วนตัว สามารถ จัดเก็บรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์เส้ือผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องนอน และเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างรู้คุณค่าและเกิด ประโยชน์สงู สุด ตัวบ่งช้ี ระดบั ประถมศกึ ษา ๑. รจู้ กั รกั ษาความสะอาดร่างกายได้ ๒. สามารถทาความสะอาด เครื่องแตง่ กาย เครื่องนอน และเคร่ืองใช้สว่ นตวั ได้ ๓. สามารถจัดเก็บรักษา ซอ่ มแซมอุปกรณเ์ สื้อผ้าเครอ่ื งแต่งกาย เคร่อื งนอนและเครือ่ งใชส้ ว่ นตัวได้ ๔. แต่งกายสะอาดเรียบรอ้ ยถกู ต้องตามระเบยี บของโรงเรยี น ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ๑. ดูแลตนเองและให้คาแนะนาผอู้ น่ื ในเรือ่ งการรักษาความสะอาดร่างกายได้ ๒. ดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นในการทาความสะอาดเคร่ืองแต่งกาย เครื่องนอน และเครื่องใช้ ส่วนตวั ได้ ๓. ดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นในการจัดเก็บ รักษา ซ่อมแซมอุปกรณ์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครอ่ื งนอน และเครื่องใช้ส่วนตวั ได้ ๔. แตง่ กายสะอาดเรยี บร้อยถูกตอ้ งตามระเบียบของโรงเรยี น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๑. ดแู ลตนเอง ใหค้ าแนะนาผูอ้ น่ื และเป็นแบบอย่างทด่ี ใี นการรกั ษาความสะอาดรา่ งกายได้ ๒. ดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นแบบอย่างที่ดีในการทาความสะอาดเครื่องแต่งกาย เครอ่ื งนอน และเครอ่ื งใช้สว่ นตัวได้ ๓. ดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นแบบอย่างท่ีดีในการจัดเก็บ รักษาซ่อมแซม อุปกรณ์ เส้ือผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องนอน และเครอ่ื งใช้สว่ นตัวได้ ๔. แตง่ กายสะอาดเรียบร้อยถูกตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรยี น
๑๘ ขอบขา่ ยกิจกรรม เป็นกจิ กรรมสง่ เสรมิ ปฏิบัติกจิ วตั รประจาวันด้านการดแู ลตนเองทีถ่ กู สุขลักษณะ ดังน้ี ๑. การรักษาความสะอาดของร่างกาย ๒. การทาความสะอาด เครอ่ื งแตง่ กาย เคร่ืองนอนและเครือ่ งใชส้ ว่ นตวั ๓. การจดั เกบ็ รักษาซ่อมแซมอุปกรณเ์ ส้อื ผา้ เครือ่ งแตง่ กาย เครือ่ งนอนและเครอ่ื งใชส้ ่วนตัว ๔. การแตง่ กายสะอาดเรยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรยี น ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรม ๑. ประชุมบุคลากรผู้เกี่ยวข้องทั้งครูและผู้เรียนวางแผนการจัดกิจกรรม และออกแบบแนวทางใน การประเมนิ ผลและเก็บรวบรวมขอ้ มูล ๒. ใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย การทาความสะอาด เคร่ืองแต่งกาย เครื่อง นอนและเคร่ืองใช้ส่วนตัว การจัดเก็บรักษา ซ่อมแซมอุปกรณ์เส้ือผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องนอน และเคร่ืองใช้ ส่วนตวั ๓. ช้แี จงการดาเนินการจัดกจิ กรรมการสง่ เสรมิ สุขนิสยั ตามตัวอย่าง ดังนี้ ๓.๑ กิจกรรมที่ดาเนินการเปน็ ประจาทกุ วนั ๐๕.๐๐-๐๕.๓๐ น. ตืน่ นอน จัดเกบ็ เครื่องนอน ล้างหน้า แปรงฟนั ๐๖.๓๐-๐๗.๐๐ น. ทาความสะอาดตเู้ สอื้ ผ้า เตียงนอน/หอนอน อาบน้า แตง่ กาย ๑๘.๑๕-๑๙.๐๐ น. อาบน้า แตง่ กาย ๓.๒ กิจกรรมทดี่ าเนนิ การในวนั เสาร์-อาทิตย์ ๑๐.๓๐-๑๑.๓๐ น. ซกั ผ้า รดี ผา้ ๓.๓ ชี้แจงการวัดและประเมินผลและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนการจัดกิจกรรม ระหว่างการจัด กิจกรรมและหลงั การจดั กิจกรรม เพอ่ื นาผลมาใช้ในการแก้ไขและพัฒนาพฤตกิ รรมผ้เู รียนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๔. ดาเนินการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ สุขนิสยั ตามแนวทางทีไ่ ด้กาหนดไว้ ๕. วัดและประเมินผลและเกบ็ รวบรวมข้อมูลก่อนการจดั กจิ กรรม ระหวา่ งการจัดกิจกรรม และหลัง การจดั กจิ กรรม และมาใช้ในการแก้ไขและพฒั นาพฤตกิ รรมผเู้ รยี นอยา่ งต่อเนื่อง หมายเหตุ ข้ันตอนการจัดกิจกรรมในแต่ละระดับชั้นดาเนินการในแนวเดียวกัน ดังนั้นสถานศึกษาควร เน้นรายละเอียดการประเมินในแต่ละระดับชั้นให้แตกต่างกัน โดยการสร้างเกณฑ์การ ประเมินตามประเดน็ การประเมิน แยกรายละเอยี ดที่แสดงถึงระดับคุณลักษณะของผู้เรียนที่ สอดคล้องกับตัวบ่งชี้ แตกตา่ งกันในแต่ละระดับชน้ั การประเมนิ ผลกิจกรรม ๑. คณุ ลักษณะดา้ นสขุ นิสัย ๑.๑ การประเมนิ คุณลักษณะดา้ นสขุ นสิ ัย ประเด็นการประเมนิ ๑. การรักษาความสะอาดของร่างกาย ๒. การทาความสะอาด เครอื่ งแต่งกาย เคร่อื งนอนและเครอื่ งใชส้ ่วนตัว ๓. การจัดเกบ็ รกั ษา ซอ่ มแซมอปุ กรณ์ เครือ่ งแตง่ กาย เครอ่ื งนอนและเครือ่ งใชส้ ่วนตวั ๔. การแตง่ กายตามระเบียบ
๑๙ วิธกี ารประเมนิ ๑. คณะกรรมการหรอื ผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมายประเมนิ ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล ในแต่ละประเด็น โดยใช้เกณฑ์การประเมินตามตวั บ่งชขี้ องแตล่ ะระดบั ชน้ั ๒. ประเมินเพื่อการพัฒนา โดยประเมินอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองและนาผลการ ประเมินเพอื่ แก้ไขและพัฒนาพฤติกรรมผู้เรยี น เกณฑ์การประเมนิ ประเมินตามระดับคณุ ภาพ โดยกาหนดระดบั คุณภาพ ดงั นี้ ๑ หมายถงึ ไม่คอ่ ยสะอาดเรียบร้อย ต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเปน็ อยา่ งมาก ๒ หมายถงึ สะอาด เรียบร้อย แต่ยงั ตอ้ งได้รบั การแนะนาช่วยเหลอื ในบางประเดน็ ๓ หมายถึง สะอาด เรียบร้อย สามารถดูแลตนเองได้และ/หรือเป็นแบบอย่างแก่บุคคล อ่นื ได้ เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมินกิจกรรมส่งเสรมิ สุขนสิ ัย ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนมคี ุณลกั ษณะด้านสขุ อนามัยสว่ นบุคคลเฉลี่ย ระดบั ๒ขึ้นไป ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นมคี ุณลักษณะด้านสขุ อนามัยส่วนบุคคลเฉล่ยี ตา่ กวา่ ระดบั ๒
๒๐ “การกีฬานั้นนบั เป็นอปุ กรณ์การศึกษาที่สาคญั ยิ่ง เพราะเปน็ การกล่อมเกลาใหเ้ ด็กมจี ติ ใจ อดทน กลา้ หาญ รูแ้ พร้ ชู้ นะ ปลูกฝังพลานามัยใหแ้ ข็งแรง เป็นปัจจยั สง่ เสริมให้เด็กเปน็ ผมู้ ีสมรรถภาพ ท้งั ในทางจิตใจและร่างกายเป็นผลสบื เนอื่ งไปถึงการเปน็ พลเมืองของชาติอนั เป็นยอดแหง่ ความปราถนา” (พระบรมราโชวาท ในวนั เปิดการแข่งขนั กรีฑาผู้เรยี นประจาปี 2504 วนั ที่ 28 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2504) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ทรงเนน้ ย้าใหน้ ักกีฬาท้ังหลายมวี นิ ยั ตลอดเวลา ทรงใหค้ วามสาคัญต่อการฝกึ ซอ้ มเป็นอนั มาก ทรงสนพระทัยกีฬาท่มี โี อกาสไดฝ้ ึกซ้อม ด้วยทรงเหน็ วา่ การจะ เป็นนักกีฬาทด่ี ีนัน้ ต้องให้ความสนใจในการฝึกซ้อม เพ่ือใหเ้ กิดการเรียนร้แู ละปรบั ปรุงตนเอง มีประสบการณ์ เพ่มิ ข้นึ ถ้านกั กีฬาคนใดไม่ฝึกซ้อมกจ็ ะเปน็ นักกีฬาทดี่ ีไม่ได้ นอกจากน้พี ระองคท์ รงสนพระทยั ในการออกกาลัง พระวรกายเพื่อสขุ ภาพเชน่ กนั พระองคท์ รงออกกาลังพระวรกายสม่าเสมออยา่ งถกู หลักวิชาการ คือ มีการ บันทึกพระชีพจร ความดันพระโลหิตทง้ั ก่อนและหลังการทรงออกกาลงั พระวรกาย รวมท้งั ทรงกระตุ้นให้เกิด ความอบอุ่นแกพ่ ระวรกายก่อนเรมิ่ และผ่อนคลายความตงึ เครยี ดของพระกล้ามเนอื้ หลงั จากการออกกาลัง พระวรกาย โดยทรงปฏบิ ตั ิเช่นน้เี ป็นกิจวัตร เปน็ แบบฉบบั ของนักกีฬาท่ดี ี
๒๑ กิจกรรมสง่ เสรมิ สมรรถภาพทางกาย หลกั การ กิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจและ สามารถออกกาลังกายอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง สดชื่น แจ่มใส มีพัฒนาการทางร่างกาย เหมาะสมตามวัย รักการออกกาลังกาย และเป็นการเตรียมความพร้อมในการดาเนินกิจกรรมของแต่ละวัน อย่างมีประสทิ ธิภาพ วัตถปุ ระสงค์ สามารถออกกาลังกายอย่างถูกวิธีและปฏบิ ัติเปน็ ประจาสมา่ เสมอ เพ่ือพัฒนาสขุ ภาพร่างกายให้ สมบรู ณแ์ ขง็ แรง มภี ูมิคุ้มกันในตวั ท่ีดี ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และเจริญเตบิ โตตามวยั ตัวบ่งช้ี ระดบั ประถมศึกษา ๑. ออกกาลงั กายถกู วิธีและปฏบิ ัติตามคาแนะนาได้อยา่ งถูกต้อง ตามท่ีโรงเรยี นกาหนด ๒. ปฏิบัตกิ จิ กรรมการสง่ เสรมิ สมรรถภาพทางกายและปฏิบตั เิ ปน็ ประจาสมา่ เสมอ เพื่อ พัฒนาสุขภาพรา่ งกายให้สมบูรณแ์ ข็งแรง มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓. มีคุณลักษณะด้านสมรรถภาพทางกายผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามเกณฑ์มาตรฐานของ สานักงานกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑. ออกกาลงั กายถกู วธิ ี ปฏิบตั ติ ามที่โรงเรยี นกาหนด ๒. ตระหนักถึงการส่งเสริมสมรรถภาพทางกายด้วยวิธีคลายเครียดอย่างสร้างสรรค์และเลือก กิจกรรมการออกกาลงั กายเหมาะสมกับความสามารถและสภาพร่างกาย ๓. ปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกายด้วยตัวเองอย่างสม่าเสมอเป็นประจาทุกวัน เพื่อ พัฒนาสขุ ภาพร่างกายใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง มภี มู คิ ้มุ กนั ในตัวทดี่ ี ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๔. มีคณุ ลักษณะด้านสมรรถภาพทางกายผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามเกณฑ์มาตรฐานของสานักงาน กองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑. ออกกาลงั กายถูกตอ้ งตามทโี่ รงเรยี นกาหนด วางแผนและปฏบิ ัติตามแผนพัฒนากิจกรรมส่งสร้าง สมรรถภาพทางกายไดอ้ ย่างเหมาะสม ๒. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกายดว้ ยตัวเองอยา่ งสม่าเสมอเปน็ ประจาทุกวัน เพ่ือพัฒนาสขุ ภาพร่างกายใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง มีภมู คิ ุม้ กันในตัวท่ีดี ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๓. วิเคราะห์ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเคล่ือนไหวรูปแบบต่างๆ และออกแบบการออกกาลัง กายท่ีสร้างสรรคโ์ ดยกระบวนการทางานเปน็ ทีม เป็นผนู้ าในการปฏิบตั กิ จิ กรรมส่งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย ได้ ๔. มีคุณลักษณะด้านสมรรถภาพทางกายผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามเกณฑ์มาตรฐานของ สานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.)
๒๒ ขอบขา่ ยกจิ กรรม เป็นกิจกรรมส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดกิจกรรม ออกกาลังกายทีใ่ ชร้ ูปแบบตามบริบทของสถานศึกษา เช่น การกายบริหาร การเต้นแอโรบิก กายบริหารท่าชน เผ่า และการวิ่ง เป็นต้น โดยขั้นตอนการดาเนินกจิ กรรมในแต่ละครัง้ เปน็ ดงั น้ี ๑. อบอ่นุ ร่างกาย (Warm Up) ๒. การฝกึ (Exercise) ๓. การคลายอุ่น (Cool Down) ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ๑. ประชุมครู บุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกแบบกิจกรรมการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย โดยใช้รูปแบบการออกกาลังกายของสถานศึกษา และออกแบบแนวทางในการประเมินผลและเก็บรวบรวม ขอ้ มูล ๒. ดาเนินการจัดกิจกรรมเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย โดยจัดกิจกรรมออกกาลังกายในเวลาเช้า ดงั นี้ ๒.๑ เตรียมความพรอ้ มของผเู้ รยี นกอ่ นดาเนินกิจกรรม ๒.๒ ตรวจเชค็ จานวนผู้เรยี น ๒.๓ ออกกาลังกายตามหลกั การและวธิ ที ถี่ กู ตอ้ ง ๓. ประเมินผลและเก็บรวบรวมข้อมูล ก่อนการจัดกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม และหลังการ จัดกจิ กรรม เพอื่ นาผลมาใช้ในการแกไ้ ขและพัฒนาพฤติกรรมผเู้ รยี นอย่างต่อเน่ือง หมายเหตุ ข้ันตอนการจัดกิจกรรมในแต่ละระดับชั้นดาเนินการในแนวเดียวกัน ดังนั้นสถานศึกษาควร เน้นรายละเอียดการประเมินในแต่ละระดับช้ันให้แตกต่างกัน โดยการสร้างเกณฑ์การ ประเมนิ ตามประเด็นการประเมนิ แยกรายละเอยี ดที่แสดงถึงระดับคุณลักษณะของผู้เรียนท่ี สอดคล้องกับตวั บ่งชี้ แตกต่างกนั ในแต่ละระดับช้ัน การประเมินผลกิจกรรม ๑. เวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. คุณลกั ษณะด้านสมรรถภาพทางกาย ๒.๑ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะด้านสมรรถภาพทางกาย ประเดน็ การประเมิน ประเด็นการประเมินตามเกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของสานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้าง เสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) ได้แก่ การลุกนั่ง ๖๐ วินาที การดันพ้ืน ๓๐ วินาที น่ังงอตัวไปข้างหน้า วิ่งอ้อมหลัก และ วิ่งระยะไกล หรือประเมนิ รว่ มกบั เกณฑ์สมรรถภาพทางกายท่ีโรงเรียนกาหนด เพื่อฝึกนสิ ัยการรักออกกาลังกาย และเปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นมีกจิ กรรมกีฬาในเวลาวา่ ง เชน่ การกายบรหิ าร การเตน้ แอโรบกิ และการวิ่ง เปน็ ต้น วธิ ีการประเมนิ ๑. คณะกรรมการหรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมายประเมินผูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล ในแตล่ ะ ประเด็น โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ตามตวั บง่ ช้ีของแตล่ ะระดบั ชัน้ ๒. ประเมนิ เพ่อื การพฒั นา โดยประเมินภาคเรียนละ ไม่ต่ากว่า ๒ ครงั้ และนาผล การประเมนิ เพ่ือแกไ้ ขและพัฒนาพฤติกรรมผู้เรียน เกณฑ์การประเมิน
๒๓ เกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของสานักงานกองทุนสนบั สนนุ การสรา้ งเสริม สุขภาพ (สสส.) ตัวอย่างรายละเอียดระบุในภาคผนวก หรือประเมินร่วมกับเกณฑ์สมรรถภาพทางกายที่ โรงเรยี นกาหนด เช่น การกายบริหาร การเตน้ แอโรบิก กายบรหิ ารด้วยท่าชนเผ่า และการวิ่ง เป็นตน้ เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมินกจิ กรรมสง่ เสรมิ สมรรถภาพทางกาย ผา่ น หมายถึง ผูเ้ รียนมเี วลาเขา้ ร่วมกิจกรรมไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ ๘๐ และมี คุณลักษณะด้านสมรรถภาพทางกาย “ทุกข้อ”ตามเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของสานักงานกองทุน สนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ได้แก่ การลกุ น่งั ๖๐ วนิ าที การดันพ้ืน ๓๐ วินาที น่ังงอตัวไปข้างหน้า ว่ิงอ้อมหลัก และว่ิงระยะไกล ในระดับปานกลางข้ึนไป และ/หรือผ่านการประเมินตามเกณฑ์สมรรถภาพทาง กายทโ่ี รงเรียนกาหนดเพ่ิมเตมิ ไม่ผา่ น หมายถงึ ผูเ้ รยี นมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมตา่ กว่ารอ้ ยละ ๘๐ หรือมคี ณุ ลักษณะ ด้านสมรรถภาพทางกาย “บางข้อ”ตามเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของสานักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้แก่ การลุกนั่ง ๖๐ วินาที การดันพ้ืน ๓๐ วินาที น่ังงอตัวไปข้างหน้า วิ่งอ้อม หลัก และวิ่งระยะไกล ต่ากว่าระดับปานกลาง และ/หรือไม่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์สมรรถภาพทางกายท่ี โรงเรยี นกาหนดเพ่มิ เติม
๒๔ 1. แนวทางการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมสมรรถภาพทางกาย 1.1 ครูผู้จัดกิจกรรมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาออกแบบกิจกรรมการเรยี นรดู้ งั นี้ ความรู้ที่ครตู อ้ งมีมากอ่ นการจดั กจิ กรรม คณุ ธรรมของครู 1. มีความรักเมตตาต่อศิษย์ 1. การออกกาลังกายทถ่ี ูกหลักวิชาการ 2. มีความรับผิดชอบ 3. มีความยตุ ธิ รรม 2. การใช้อุปกรณ์ในการออกกาลังกาย 4. การตรงต่อเวลา แต่ละชนดิ 3. ประเภทของการออกกาลงั กาย 4. ลาดบั ขนั้ ตอนในการออกกาลังกาย 5. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 6. จติ วทิ ยาในการสอน หลักพอเพยี ง พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภมู ิคมุ้ กันในตวั ทีด่ ี ประเดน็ - เนือ้ หาการออกกาลัง - ต้องการให้ผู้เรยี นรู้ - สรปุ เนอ้ื หาใหเ้ ข้าใจง่าย กายทีส่ อดคล้องกับ หลักการออกกาลงั กายที่ มภี าพประกอบ เนือ้ หา วัตถปุ ระสงค์เหมาะสม ถูกหลกั วชิ าการและนาไป - เรยี งเนอื้ หาตามลาดับ กับเวลาทกี่ าหนดและวยั ปรับใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ การเรียนรู้จากงา่ ยไปหา ของผู้เรียน ยาก - จากสงิ่ ใกลต้ ัวไปหาไกลตัว เวลา - กาหนดเวลาให้ - จดั กจิ กรรมได้ครบถ้วน - ยืดหยุ่นเวลาในแต่ละ การจดั กจิ กรรม เหมาะสมในแตล่ ะ กิจกรรมและวยั ของ ตามท่ีออกแบบไว้ กจิ กรรมเพื่อรองรบั การ ผเู้ รยี น เปลยี่ นแปลงทเี่ กิดขนึ้ ใน - แบง่ กลุ่มได้พอดี กับ จานวนผ้เู รยี น ระหว่างจัดกจิ กรรม - กาหนดกจิ กรรมการ เรียนรเู้ หมาะสมกับเวลา - ต้องการใหผ้ ู้เรยี น - แบง่ กล่มุ คละตาม - มอบหมายภาระงาน เหมาะสมกบั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมอยา่ ง ความสามารถของผูเ้ รียน ความสามารถผเู้ รียนและ สอดคล้องกับ ทั่วถึงตามความสามารถ - สังเกตพฤติกรรมและให้ วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ - เพื่อต้องการให้ผ้เู รียน ความช่วยเหลือผ้เู รียนมี เกิดการเรยี นร้แู ละปฏบิ ตั ิ ปญั หา ตามวัตถปุ ระสงค์ท่ี กาหนด - ผูเ้ รยี นนาความรจู้ าก การจัดกิจกรรมไป ประยุกต์ใช้กับ ชวี ิตประจาวันได้
๒๕ หลกั พอเพียง พอประมาณ มเี หตุผล มีภูมคิ ุ้มกนั ในตัวทด่ี ี ประเดน็ - จานวนวัสด/ุ อปุ กรณ์ - ตอ้ งการผูเ้ รียนใช้ - เตรยี มส่อื วสั ดุใหพ้ ร้อม เหมาะสมกบั กิจกรรม อปุ กรณ์ปฏิบัตกิ จิ กรรม กอ่ นการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และวยั ของผเู้ รียน ไดจ้ ริงตามวตั ถปุ ระสงค์ที่ - ตรวจเชค็ ส่ือวสั ดุ สอ่ื /อุปกรณ์ - มปี รมิ าณเพียงพอกับ กาหนดไว้ อุปกรณ์ก่อนใช้ ผเู้ รยี น - มีความชานาญในการใช้ สอ่ื วสั ดอุ ุปกรณ์ - มีลาดับขนั้ ตอนการใช้ สอื่ วัสดุอปุ กรณ์และการ จัดกิจกรรมอยา่ งเป็น ระบบ - หอ้ งปฏิบตั ิการ - ต้องการใหผ้ เู้ รยี นใชส้ อ่ื - เตรียมหอ้ งปฏบิ ัติการ พลานามัย สนามกีฬา วสั ดุอุปกรณท์ ่ีมคี วาม สนามกีฬาใหพ้ ร้อมก่อน เหมาะสมกบั กิจกรรมที่ พรอ้ มในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ัติกิจกรรม แหล่งเรียนรู้/ฐานการ กาหนด ตามวตั ถุประสงค์ท่ี - ตรวจเชค็ เรียนรู้ กาหนด ห้องปฏบิ ัติการสนามกีฬา หรือป้องกนั ความเส่ยี งท่ี อาจเกดิ ขึน้ - ประสานงานกบั ผรู้ ับผิดชอบแหลง่ เรยี นรู้/ ฐานการเรียนรู้ - จัดทาแบบประเมินและ - ต้องการประเมนิ ผลการ - วางแผนการวัด / การประเมินผล ประเมินคุณลักษณะอัน เรียนร้ตู ามวัตถุประสงค์ ประเมนิ ผลตามข้นั ตอน พึงประสงค์ได้เหมาะสม การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม กบั วัตถุประสงค์การ - ตรวจสอบแบบ เรยี นรู้ทก่ี าหนด ประเมนิ ผลให้ตรงตาม วตั ถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้
๒๖ 2. ผลทีเ่ กดิ ขึน้ กับผ้เู รียนสอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจากการจดั กิจกรรมสมรรถภาพทางกาย 2.1 ไดเ้ รียนรหู้ ลกั คดิ และฝึกปฏิบัตติ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ความรู้ คณุ ธรรม 1. การออกกาลังกายถกู หลักวิชาการ 1.ความสามัคคใี นกลมุ่ 2. ประเภทของการออกกาลังกาย 2. ความรบั ผดิ ชอบ 3. พนื้ ฐานวิธกี ารใช้อปุ กรณใ์ นการออกกาลังกาย 3. แบง่ ปันและเอ้ือเฟอ้ื เผ่ือแผ่ พอประมาณ มเี หตุผล มภี มู ิคมุ้ กันในตวั ทด่ี ี 1. ผ้เู รียนกาหนดหนา้ ท่ีของ 1. ผู้เรียนนาผลการปฏบิ ตั ิ 1. วางแผนการทางานกลมุ่ อย่างเป็น สมาชกิ ภายในกลมุ่ ได้เหมาะสม กจิ กรรมมาวเิ คราะห์อยา่ งเปน็ เหตุ ขน้ั ตอน กบั ความสามารถของแต่ละคน เปน็ ผลและอธบิ ายสรุปผลจากการ 2. เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณ์ในการออกกาลัง 2. ผู้เรยี นใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรม กายได้ครบถ้วนและตรงตามกิจกรรมที่ ออกกาลงั กายได้อยา่ ง กาหนด เหมาะสม 3. ศกึ ษาวิธีการใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์ให้ 3. ผเู้ รยี นนาวัสดอุ ปุ กรณ์ท่ีมี เข้าใจก่อนลงมือปฏบิ ตั กิ จิ กรรม อยใู่ นท้องถนิ่ มาใชใ้ นการออก 4. วางแผนป้องกนั อันตรายจากการ กาลังกายไดเ้ หมาะสม ออกกาลังกาย
๒๗ 2.2 ผเู้ รยี นได้เรียนรู้การใชช้ ีวติ ท่ีสมดลุ และพร้อมรับการเปล่ยี นแปลง 4 มติ ิ ตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงดังน้ี ดา้ น สมดุลและพร้อมการเปลี่ยนแปลงในด้านตา่ งๆ องคป์ ระกอบ วตั ถุ สังคม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม - ความรใู้ นการใช้ - มคี วามร้ใู นการ - มคี วามรู้ในการ - มคี วามรเู้ กี่ยวกับ วสั ดอุ ุปกรณ์ในการ แบง่ หน้าทีภ่ ายใน ดูแลรักษาความ วัสดุ อุปกรณ์ ใน ออกกาลงั กายได้ กล่มุ ได้อยา่ ง สะอาดวสั ดุอุปกรณ์ การออกกาลังกาย ความรู้ ถูกต้องและ เหมาะสม และจัดการขยะ ของทอ้ งถิ่น ประหยัด - มีความร้ใู นการ อยา่ งถูกต้องของ ปฏบิ ัติตนท่ีจะ หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารและ ทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ สนามกฬี าหลงั การ ออกกาลังกาย - มที ักษะในการใช้ - ทางานร่วมกัน - รักษาความ - นาวัสดุอปุ กรณ์ที่ วสั ดุอปุ กรณ์อยา่ ง ภายในกลมุ่ ตามท่ี สะอาดของวสั ดุ มีในท้องถน่ิ มาใชใ้ น ทักษะ ปลอดภัยและ ไดร้ บั มอบหมายจน อปุ กรณ์ และ การออกกาลงั กาย ประหยดั สาเร็จและมี ห้องปฏิบตั ิการและ ได้ ความสุข สนามกฬี าหลังการ ออกกาลงั กาย - เห็นความสาคัญ - มคี วามรับผิดชอบ - มีจติ สานกึ ในการ - ตระหนักถงึ คณุ คา่ ของการใช้วัสดุ ต่อการทางานของ รกั ษา ของวสั ดุอปุ กรณ์ใน อุปกรณ์อยา่ ง กลุ่ม สภาพแวดล้อม ทอ้ งถน่ิ ทใ่ี ชใ้ นการ ประหยดั และคุ้มคา่ - ยอมรบั ความ หอ้ งปฏิบตั ิการ ออกกาลังกาย ค่านยิ ม คิดเห็นซึง่ กันและ สนามกฬี าให้ - เห็นคณุ ค่าของภูมิ กัน สะอาดเปน็ ระเบยี บ ปญั ญาท้องถิน่ เชน่ - มคี วามเสยี สละ มวยไทย การออก อดทน กาลงั กายแบบเผา่ ต่าง ๆ
๒๘ “...เราต้องการชว่ ยให้ผู้เรียนในโรงเรยี นมีสุขภาพอนามัยบริบูรณแ์ ขง็ แรง รบั ประทานอาหาร ท่ีถูก สุขลกั ษณะและถูกตามส่วนประกอบทีจ่ ะบารุงร่างกาย...อยากใหเ้ ปน็ พืชผกั หรอื อปุ กรณ์ แลว้ ให้ผู้เรียนมาทา การเกษตร ซึ่งเปน็ วิธีที่อ้อมและยากขึ้นมาอีกทางหนึ่ง อาหารทจ่ี ะให้รับประทานน้ัน เป็นอาหารที่ได้มาจาก ผลติ ผลของผู้เรียนผู้รับประทานเอง ซงึ่ อาจจะได้ผลช้า แตก่ ็เปน็ วธิ หี นงึ่ ซึ่งจะไดร้ บั อาหาร และคดิ ว่าจะไดร้ บั ประโยชน์เปน็ ผลพลอยได้ที่สาคัญ คือ ความรทู้ างดา้ นการเกษตรและดา้ นโภชนาการ ซึ่งจะเปน็ วชิ าติดตวั ไปจน ผเู้ รยี นเหล่าน้ันเตบิ โตขึ้นเปน็ ผ้ใู หญ่ และได้ประกอบอาชีพ ทางดา้ นการเกษตรกรรม วชิ าการใหม่ๆ เหลา่ น้ัน อาจจะนามาช่วยในการครองชีพไดม้ ากทีเดียว...”
๒๙ กจิ กรรมหลกั โภชนาการ หลักการ กิจกรรมหลักโภชนาการ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและสามารถรับประทาน อาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ มีมารยาทในการรับประทานอาหาร ตลอดจนทาความสะอาด การจัดเก็บ ภาชนะ และการรักษาความสะอาดบริเวณท่ีรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อให้เกิดสุขนิสัยที่ดีใน การรับประทานอาหาร และมีทกั ษะพนื้ ฐานในการอยู่รว่ มกันในสงั คม วตั ถุประสงค์ 1. ผเู้ รยี นมีสุขนิสัย ด้านมารยาทในการรบั ประทานอาหาร มารยาททางสงั คม 2. ผเู้ รยี นสามารถใช้และดูแลรกั ษาอปุ กรณใ์ นการรบั ประทานอาหารไดถ้ กู สขุ ลกั ษณะ 3. ผเู้ รยี นสามารถจัดบรกิ ารดา้ นโภชนาการต่อสังคม เป็นแบบอย่างทีด่ ีต่อชมุ ชนและสังคมได้ ตัวบ่งชี้ ระดับประถมศึกษา ๑. มีสุขนิสัย ด้านมารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาททางสังคม การใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ ในการรบั ประทานอาหาร ตลอดจนการจัดเก็บภาชนะ และการรักษาความสะอาดบริเวณท่ีรับประทานอาหาร อย่างถกู สขุ ลักษณะ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑. มีสุขนิสยั ดา้ นมารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาททางสังคม การใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ ในการรับประทานอาหาร ตลอดจนการจัดเก็บภาชนะ และการรักษาความสะอาดบริเวณท่ีรับประทานอาหาร อย่างถูกสขุ ลักษณะ ๒. เป็นแบบอย่างด้านมารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาททางสังคม การใช้และดูแลรักษา อุปกรณใ์ นการรับประทานอาหารอยา่ งถูกสขุ ลักษณะ ๓. สามารถจัดบริการด้านโภชนาการแกผ่ อู้ น่ื ภายในโรงเรียน มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑. มีสขุ นิสัย ดา้ นมารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาททางสังคม การใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ ในการรับประทานอาหารอย่าง ตลอดจนการจัดเก็บภาชนะ และการรักษาความสะอาดบริเวณที่รับประทาน อาหารอย่างถกู สขุ ลักษณะ ๒. เป็นแบบอย่างด้านมารยาทในการรับประทานอาหาร มารยาททางสังคม การใช้และดูแลรักษา อปุ กรณ์ในการรับประทานอาหารอยา่ งถูกสุขลักษณะ ๓. สามารถจัดบรกิ ารด้านโภชนาการแกผ่ ู้อ่นื ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรียน
๓๐ ขอบขา่ ยกิจกรรม กจิ กรรมหลกั โภชนาการมุ่งพัฒนาผูเ้ รียน ใน ๓ ด้าน ได้แก่ ๑. การเตรียม ได้แก่ การเข้าแถวตามลาดับ การล้างมือก่อนและหลังการรับประทานอาหาร การ เตรียมถาดรบั ประทานอาหาร การเตรียมโต๊ะ-เก้าอ้ีในการรับประทานอาหาร การเตรียมอ่างล้างถาด และการ กลา่ วคาพจิ ารณาอาหาร เปน็ ต้น ๒. การกินอย่างถูกวิธี ได้แก่ หลักการบริโภคอาหาร มารยาทในการรับประทานอาหาร อาหารหลัก ๕ หมู่ ธงโภชนาการ สุขบัญญัติ ๑๐ ประการ และการจัดบริการด้านโภชนาการแก่ผู้อ่ืนทั้งในและนอก โรงเรยี น เป็นตน้ ๓. การเก็บกวาด ได้แก่ การใช้และการเก็บรักษาโต๊ะ-เก้าอ้ี อ่างล้างถาด อุปกรณ์โภชนาการและ บรเิ วณทรี่ บั ประทานอาหาร เปน็ ต้น ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรม ๑. ประชมุ ช้แี จงคณะครู ผ้เู รยี น และผู้ปกครองเพือ่ สร้างความเขา้ ใจในกิจกรรมหลักโภชนาการ ๒. สารวจปญั หาและวางแผนการทางานรว่ มกนั ระหวา่ งครู ผ้เู รียนและผู้เกย่ี วข้อง ๓. สอดแทรกสาระความรู้ เพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการดาเนินกิจกรรมหลักโภชนาการแก่ผู้เรียน ในช่วง เวลาหรอื รูปแบบการประชาสมั พันธต์ า่ งๆ เช่น ๓.๑ สขุ บญั ญตั ิ ๑๐ ประการ ๓.๒ อาหารหลกั ๕ หมู่ ธงโภชนาการ ๓.๓ มารยาทในการรับประทานอาหาร ๓.๔ มารยาททางสงั คมในการรับประทานอาหาร ๓.๕ หลักการบริโภคอาหาร ๓.๖ ใหค้ วามรู้เรื่องการดูแลรักษาความสะอาดของภาชนะบรรจุอาหาร ภาชนะตักอาหาร โต๊ะ รับประทานอาหาร และอา่ งล้างถาด ๓.๗ การจดั บริการดา้ นโภชนาการแกผ่ ู้อืน่ ทั้งในและนอกโรงเรียน ๔. ดาเนินการจดั กิจกรรมหลักโภชนาการ ตามตัวอย่างแนวกจิ กรรม ดงั นี้ ๔.๑ รับสมัครผู้เรียนจิตอาสาหรือรูปแบบอ่ืน ในการเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมการประกอบ อาหาร และดาเนินการช่วยคนครวั ในการประกอบอาหาร ๔.๒ การเตรียมอ่างลา้ งถาด อปุ กรณ์เสิร์ฟอาหาร โตะ๊ -เกา้ อ้ีรับประทานอาหาร ๔.๓ การลา้ งมือกอ่ นและหลังการรบั ประทานอาหาร ๔.๔ การเดนิ แถวเขา้ รบั บริการอาหารอยา่ งเปน็ ระเบียบ ๔.๕ ตักอาหารในปริมาณทเ่ี พยี งพอและเหมาะสม ๔.๖ กลา่ วคาพจิ ารณาอาหาร ๔.๗ รบั ประทานอาหารอย่างมมี ารยาทและถกู สขุ ลกั ษณะ ๔.๘ การใช้และทาความสะอาด โต๊ะ-เก้าอ้ี ภาชนะรับประทานอาหาร อ่างล้างถาด บริเวณท่ี รบั ประทานอาหาร อุปกรณ์ทาความสะอาด ๔.๙ การจดั บริการดา้ นโภชนาการแก่ผอู้ น่ื ทง้ั ในและนอกโรงเรียน ๕. ประเมินผลและเก็บรวบรวมข้อมูล ก่อนการจัดกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม และหลักการ จดั กิจกรรม เพ่ือนาผลมาใช้ในการแกไ้ ขและพฒั นาพฤติกรรมผู้เรยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
๓๑ การประเมนิ ผลกิจกรรม ๑. เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒. คณุ ลกั ษณะดา้ นหลกั โภชนาการ ๒.๑ การประเมินคุณลกั ษณะด้านหลกั โภชนาการ ประเดน็ การประเมนิ ๑) การเตรียม ได้แก่ ๑.๑) การลา้ งมอื ก่อนและหลังการรบั ประทานอาหาร ๑.๒) การเตรียมถาดรบั ประทานอาหาร ๑.๓) การเตรยี มโต๊ะ-เกา้ อใ้ี นการรบั ประทานอาหาร ๑.๔) การเตรยี มอา่ งลา้ งถาด ๑.๕) การกลา่ วคาพิจารณาอาหาร ๒) การกินอยา่ งถกู วิธี ไดแ้ ก่ ๒.๑) มารยาทในการรับประทานอาหาร ๒.๒) มารยาททางสงั คมในการรับประทานอาหาร ๓) การเก็บกวาด ได้แก่ ๓.๑) การใชแ้ ละทาความสะอาด ดูแลรกั ษาโต๊ะ-เกา้ อร้ี ับประทานอาหาร ๓.๒) การใช้และเกบ็ รกั ษาภาชนะรับประทานอาหาร (หม้อ ทัพพี ถาด ช้อนฯลฯ) ๓.๓) การใช้และทาความสะอาด อปุ กรณร์ บั ประทานอาหารและเกบ็ รักษา ๓.๔) การใชแ้ ละทาความสะอาดบรเิ วณทร่ี ับประทานอาหาร ๓.๕) การใชแ้ ละเกบ็ อปุ กรณท์ าความสะอาด (ไม้กวาด ไม้ถพู น้ื ผ้าเชด็ โต๊ะ ผ้าถูพ้นื ) วิธกี ารประเมนิ ๑. คณะกรรมการหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายประเมินผู้เรียนในภาพรวมเป็นรายกลุ่ม/ราย หอพัก ในแต่ละประเด็น และเลือกประเมินเป็นรายบุคคลในกรณีที่ผู้เรียนมีพฤติกรรมจากการสังเกตใน ภาพรวมทเ่ี ป็นตัวอย่างทดี่ แี ละมีพฤติกรรมทีเ่ ป็นปญั หาโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ตามตวั บ่งชข้ี องแตล่ ะระดับช้นั ๒. ประเมินเพื่อการพัฒนา โดยประเมินอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ือง และนาผลการประเมิน เพื่อแกไ้ ขและพฒั นาพฤตกิ รรมผูเ้ รียน เกณฑก์ ารประเมิน ประเมนิ ตามระดบั คุณภาพ โดยกาหนดระดบั คุณภาพ ดงั นี้ ๑ หมายถึง ไม่คอ่ ยสะอาดเรียบรอ้ ย และมารยาทในการรับประทานอาหาร ยังตอ้ งได้รบั การดแู ลช่วยเหลือเปน็ อย่างมาก ๒ หมายถึง สะอาดหรือเรียบร้อย มีมารยาทในการรับประทานอาหาร แต่ยังต้องได้รับ การแนะนาช่วยเหลือในบางประเดน็ ๓ หมายถึง สะอาดหรือเรียบร้อย มีมารยาทในการรับประทานอาหาร สามารถดูแล ตนเองได้และ/หรอื เป็นแบบอยา่ งแกบ่ คุ คลอืน่ ได้ เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมนิ กิจกรรมหลักโภชนาการ ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมทุกคร้ัง (ยกเว้นกรณีท่ีมีความจาเป็น) และมี คณุ ลักษณะดา้ นสุขนิสยั ในการรบั ประทานอาหารเฉล่ีย ระดบั ๒ ขึน้ ไป ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ หรือมีคุณลักษณะด้านสุขนิสัยในการ รับประทานอาหารเฉล่ีย ตา่ กวา่ ระดับ ๒
๓๒ 1. แนวทางการนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการกิจกรรมหลกั โภชนาการ 1.1ครูผ้จู ดั กิจกรรมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ดงั น้ี ความร้ทู ่คี รตู ้องมีมาก่อนการจดั กจิ กรรม คณุ ธรรมของครู 1. มีความรูห้ ลกั โภชนาการ สุขนิสยั ท่ีดี อาหารหลัก 5 หมู่ 1. มคี วามรกั เมตตาศิษย์ 2. มคี วามรู้เกย่ี วกับแนวปฏิบัตใิ นการรับประทานอาหาร 2. มีความรบั ผิดชอบ 3. มีความยตุ ิธรรม ของผู้เรียน 4. ตรงตอ่ เวลา 3. มคี วามรเู้ ก่ียวกับมารยาทในการรับประทานอาหาร 4. มีความรใู้ นการดแู ลทาความสะอาด การเก็บรักษา อุปกรณ์ ภาชนะ ในการประกอบอาหารรับประทาน 5. หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 6. จติ วทิ ยาในการจัดกิจกรรม หลกั พอประมาณ มเี หตุผล มภี มู ิคุม้ กนั ทีด่ ี พอเพียง/ ประเดน็ เนื้อหา วธิ ีการจัดกิจกรรม เพื่อต้องการให้ผเู้ รียนร้หู ลกั -เลอื กรายการอาหารให้ครบ 5 เนือ้ หา ตามหลักโภชนาการ โภชนาการ มสี ขุ ภาพ หมู่ สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ อนามัยที่สมบูรณแ์ ข็งแรง - วางแผนจัดรายการอาหาร เวลา เหมาะสมกับเวลาทก่ี าหนด และนาไปใช้ใหเ้ กดิ ตามหลักโภชนาการในแตล่ ะ และวยั ของผู้เรียน ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน สปั ดาห์ การจัด -กาหนดเวลาใหเ้ หมาะสมใน จดั กิจกรรมได้ครบถ้วน กจิ กรรม แตล่ ะกจิ กรรม และตามวยั ตามท่ีออกแบบไว้ ยืดหยุ่นเวลาในแต่ละกจิ กรรม ของผู้เรยี น เพ่ือรองรับการเปลีย่ นแปลงท่ี - ต้องการให้ผู้เรยี นปฏบิ ัติ อาจจะเกิดขึ้นในระหวา่ งการจดั -แบ่งกลุ่มผ้เู รียนในการทา กจิ กรรมอยา่ งทั่วถึงตาม กิจกรรม กิจกรรมไดเ้ หมาะสมในแต่ ความสามารถ ละกจิ กรรม - เพอื่ ต้องการให้ผูเ้ รยี นเกดิ - แบง่ กลุ่มคละความสามารถ -กาหนดการจดั กจิ กรรม การเรียนรูต้ ามวตั ถุประสงค์ ของผู้เรยี นตามตามกจิ กรรม เหมาะสมกับเวลาท่กี าหนด - ผเู้ รยี นนาความรไู้ ป หลักโภชนาการ เช่น -มอบหมายภาระงาน ประยกุ ตใ์ ช้กับภาระงานได้ รบั ประทานอาหาร การทา เหมาะสมกับความสามารถ ความสะอาดโรงอาหารและ ของผเู้ รียนและสอดคล้อง ภาชนะรับประทานอาหาร กับวัตถปุ ระสงค์การจัด - สงั เกตพฤติกรรมและให้ความ กิจกรรม ช่วยเหลือได้ เม่อื ผู้เรยี นมปี ัญหา
๓๓ หลกั พอเพียง/ พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภมู คิ ้มุ กนั ทดี่ ี ประเดน็ สอ่ื อุปกรณ์ วัสดุอปุ กรณ์ภาชนะในการ ต้องการให้ผ้เู รยี นใช้อุปกรณ์ -เตรยี มวตั ถดุ บิ และวัสดุ รบั ประทานอาหารมี ภาชนะในการรบั ประทาน อปุ กรณ์ให้พร้อมก่อนการ แหล่งเรยี นรู้/ เพียงพอกับจานวนผ้เู รียน อาหารอย่างถูกวิธีและ ประกอบอาหาร ฐานการเรียนรู้ ปฏิบตั ิกจิ กรรมไดจ้ ริงตาม -เตรยี มวสั ดุ อปุ กรณแ์ ละ โรงครัว โรงอาหาร โตะ๊ วัตถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้ ภาชนะให้พรอ้ มก่อน การวัด ม้านงั่ อา่ งลา้ งถาด รับประทานอาหาร ประเมินผล เหมาะสมกับกิจกรรมท่ี ต้องการให้ผเู้ รยี นใช้วัสดุ เตรียมโรงครวั โรงอาหารให้ ปฏิบตั ิ อปุ กรณ์ ทีม่ ีความพร้อมใน พร้อมก่อนการปฏิบัติกจิ กรรม โรงครวั โรงอาหาร จัดทาแบบประเมินผล/ มาปฏบัตกิ จิ กรรมตาม - วางแผนการวัดผลประเมินผล ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง วตั ถุประสงค์ ตามขนั้ ตอนของกิจกรรม ประสงค์ได้เหมาะสมกบั วยั ตอ้ งการประเมินผลการจัด - มกี ารตรวจสอบแบบ และวัตถุประสงค์ กจิ กรรมตามวตั ถุประสงค์ที่ ประเมนิ ผลใหต้ รงตาม กาหนด วตั ถุประสงค์ทก่ี าหนดไว้ 2. ผลท่เี กิดขนึ้ กบั ผ้เู รียนสอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งจากการจดั กิจกรรมหลกั โภชนาการ 2.1 ไดเ้ รียนรหู้ ลักคดิ และฝกึ ปฏบิ ัตติ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความรู้ คณุ ธรรม 1. หลักโภชนาการ สขุ นิสัยที่ดี อาหารหลกั 5 หมู่ 1. ความสามัคคีกนั ในกลุ่ม 2. แนวปฏบิ ัตใิ นการรบั ประทานอาหารของผูเ้ รียน 2. มคี วามรบั ผิดชอบ 3. มารยาทในการรบั ประทานอาหาร 3. การแบ่งปันและเออื้ เฟ้อื เผื่อแผ่ 4. การดแู ลทาความสะอาด การเก็บรักษาอุปกรณ์ ภาชนะ ในการประกอบอาหาร รับประทาน พอประมาณ มีเหตผุ ล มภี ูมคิ ้มุ กันในตัวท่ดี ี - ผู้เรียนกาหนดหนา้ ท่ีของสมาชิก - ผเู้ รยี นนาผลจากการปฏิบัติ - วางแผนการทางานเปน็ กลมุ่ อย่าง ภายในกล่มุ ไดเ้ หมาะสมตาม กจิ กรรมมาวเิ คราะห์ได้อยา่ งเป็นเหตุ เป็นขั้นตอน ความสามารถของแต่ละคน เปน็ ผล เพื่ออธบิ าย สรปุ ผลจากการ - เตรยี มวัตถุดบิ วัสดุ อปุ กรณ์ภาชนะ - ผ้เู รียนใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ ได้ ปฏิบตั ิกิจกรรม ในการประกอบอาหารและ เหมาะสมกับกจิ กรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ รบั ประทานอาหาร - ผเู้ รยี นนาพชื ผกั ทีม่ อี ยู่ในท้องถ่นิ - ศึกษาวธิ กี ารใช้วัตถุดิบและวัสดุ มาประกอบอาหารได้อยา่ ง อปุ กรณ์ให้เขา้ ใจก่อนลงมือปฏบิ ัติ เหมาะสม กิจกรรม - วางแผนป้องกนั อนั ตรายจากการ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
๓๔ 2.2 ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรกู้ ารใช้ชวี ิตทส่ี มดลุ และพร้อมรับการเปล่ียนแปลง มิติ ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งดังน้ี ดา้ น สมดลุ พรอ้ มรับการเปล่ยี นแปลงในดา้ นต่างๆ องค์ประกอบ วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ ความรใู้ นการใชว้ ตั ถดุ ิบ -มคี วามรู้ในการ มคี วามรู้ในการดแู ล มคี วามรเู้ กย่ี วกับพืช วสั ดุ อุปกรณ์ภาชนะใน แบง่ หน้าทีค่ วาม รกั ษาความสะอาด ทอ้ งถน่ิ ท่นี ามาใช้ การประกอบอาหาร/การ รบั ผดิ ชอบอย่าง วสั ดุ อปุ กรณ์ ประกอบอาหาร รบั ประทานอาหารท่ี เหมาะสม ภาชนะ และการ ถกู ต้องและประหยัด -มคี วามรู้ในการ จดั การขยะอย่าง ปฏบิ ัติตนเม่ืออยู่ ถูกต้องของโรงครัว รว่ มกับผู้อ่ืน และโรงอาหาร ทักษะ มีทักษะในการใชว้ ตั ถุดิบ ทางานร่วมกัน รักษาความสะอาด นาพชื ผักในท้องถิ่น วสั ดอุ ปุ กรณ์ภาชนะ ภายในกลุ่มตามที่ ของวัสดุ อปุ กรณ์ มาใช้ในการประกอบ อยา่ งปลอดภัยและ ไดร้ บั มอบหมายจน ภาชนะ โรงครวั อาหารได้ ประหยัด สาเรจ็ และมี โรงอาหาร หลงั การ ความสขุ ปฏบิ ัติกิจกรรม คา่ นยิ ม เหน็ ความสาคัญของการ - มีความรบั ผิดชอบ มีจิตสานกึ ในการ ตระหนกั ถึงคุณคา่ ใช้วตั ถดุ บิ วสั ดุ อุปกรณ์ ต่อการทางานของ รกั ษา ของพชื ผกั ท่มี ีอยู่ใน ภาชนะ ในการปฏิบตั ิ กลมุ่ สภาพแวดล้อม โรง ทอ้ งถ่นิ กิจกรรมอยา่ งประหยัด - ยอมรับความ ครัว โรงอาหารให้ และคุม้ ค่า คดิ เหน็ ของกนั และ สะอาดและเป็น กนั ระเบยี บ - มีความเสยี สละ อดทน
๓๕ “คนไทย รกั ษาชาติ รักษาแผ่นดิน เปน็ ปึกแผ่นมน่ั คงมาได้ ดว้ ยสติปัญญาความสามารถ และดว้ ยคณุ ความดี อสิ รภาพ เสรีภาพ ความรม่ เย็นเป็นสขุ ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างท่ีมอี ยู่บดั นี้ เราทัง้ หลายใน ปัจจุบัน จึงตอ้ งถือเป็นหน้าท่ีรับผดิ ชอบอย่างสาคญั ในอันทจี่ ะรักษาคุณความดี พร้อมท้ังจิตใจทเ่ี ป็นไทยไว้ให้ มั่นคงตลอดไป” พระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพธิ ีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2521
๓๖ กิจกรรมหลกั ไตรรงค์ หลกั การ กิจกรรมหลักไตรรงค์ เป็นกิจกรรมสร้างจิตสานึกรักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็น สถาบันหลักของชาติ มีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติไทยและการเป็นพลเมืองที่ดี โดยเรียนรู้ผ่าน กิจกรรมการฝึกความเป็นระเบียบวินัยในการเข้าแถวเคารพธงชาติ การร้องเพลงชาติ ปฏิบัติศาสนกิจ กล่าวคา ปฏญิ าณตน รบั ฟงั โอวาท และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี วตั ถุประสงค์ มีระเบียบวินัยในการเข้าแถวเคารพธงชาติ เข้าใจและปฏิบัติตนให้มีจิตสานึกรักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซ่งึ เป็นสถาบนั หลักของชาติ ตัวบง่ ชี้ ระดบั ประถมศึกษาต้น ๑. เข้าร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติและปฏิบัติตามคาแนะนาได้อย่างถูกต้องตามระเบียบวิธีปฏิบัติ ของโรงเรียน ๒. ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนาและปฏิบัติตามคาแนะนาได้ อย่างถกู ต้อง ๓. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่ีเกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์และปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาได้อย่างถูกต้องตามที่ โรงเรียนและชุมชนจดั ขึ้น ระดับประถมศกึ ษาปลาย ๑. เขา้ ร่วมกจิ กรรมเคารพธงชาตติ ามระเบียบวิธปี ฏบิ ัตขิ องโรงเรยี น ๒. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื และปฏบิ ตั ิตนตามหลักของศาสนา ๓. ปฏิบตั ิกิจกรรมทีเ่ กย่ี วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ท์ โ่ี รงเรยี นและชุมชนจดั ข้ึน ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ๑. เข้ารว่ มกจิ กรรมเคารพธงชาตติ ามระเบียบวธิ ีปฏิบัตขิ องโรงเรยี นอยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นระเบยี บ ๒. ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือและปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาอย่างสม่าเสมอเป็น แบบอยา่ งท่ดี ีของศาสนิกชน ๓. ปฏิบัติกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมท่ีเก่ียวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่โรงเรียนและ ชุมชนจดั ข้นึ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑. เข้าร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติตามระเบียบวิธีปฏิบัติของโรงเรียนอย่างถูกต้อง เป็นระเบียบและ สามารถเปน็ แบบอย่างได้ ๒. ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏิบัติตนตาม หลกั ของศาสนาอยา่ งสมา่ เสมอเปน็ แบบอยา่ งท่ีดขี องศาสนกิ ชน และสามารถเปน็ ผู้นาและเป็นแบบอยา่ งได้
๓๗ ๓. ปฏิบัติกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ท่ีโรงเรียนและ ชุมชนจัดขน้ึ ชน่ื ชมในพระราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษัตริยแ์ ละพระราชวงศ์ และสามารถ เป็นผ้นู าและเป็นแบบอย่างได้ ขอบขา่ ยกิจกรรม เป็นกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะด้านการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เน้นความมีระเบียบวินัยรัก ความเป็นไทย โดยปฏิบตั ิกจิ กรรมในการเข้าแถวเคารพธงชาติ การร้องเพลงชาติ การสวดมนต์ ปฏิบัติศาสนกิจ และการรอ้ งเพลงสรรเสริญพระบารมี ตามตัวอย่างแนวกจิ กรรม ดงั นี้ ๑. ระเบียบวนิ ยั และการตรงต่อเวลาในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมหน้าเสาธง ๒. การจดั ระเบยี บแถวเคารพธงชาติ ๓. การร้องเพลงชาติ ๔. การปฏิบตั ิศาสนกิจของแตล่ ะศาสนา ๕. กลา่ วคาปฏญิ าณตน รับฟงั โอวาท และข่าวสารประชาสัมพนั ธ์ ฯลฯ ๖. การร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ๗. การเดนิ แถวเข้าห้องเรยี น(เวลาเชา้ ) และกลับเรอื นนอน(เวลาเยน็ ) ข้นั ตอนการจัดกจิ กรรม ๑.วางแผนการจัดกิจกรรมและออกแบบแนวทางในการประเมนิ ผลและเกบ็ รวบรวมข้อมลู ๒. ดาเนินการจดั กจิ กรรมหลกั ไตรรงค์ ตามแนวกิจกรรม ดงั น้ี ๒.๑ กิจกรรมรักชาติ จัดกิจกรรมเคารพธงชาติตามระเบียบวิธีปฏิบัติของแต่ละโรงเรียน โดย ผูเ้ รียนมาเข้าแถวอยา่ งพรอ้ มเพรียง จดั ระเบยี บแถว ตรวจสอบเคร่อื งแต่งกายและจานวนผู้เรยี น ๒.๒ กจิ กรรมเคารพศาสนา ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิศาสนกิจตามหลกั ศาสนาตามท่ีโรงเรียนกาหนด ๒.๓ กิจกรรมเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ผู้เรียนร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยความ จงรกั ภกั ดใี นสถาบันพระมหากษตั ริย์ ๓. ประเมินผลและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนการจัดกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม และหลังการจัด กจิ กรรม ๔. นามาใชใ้ นการแก้ไขและพฒั นาพฤตกิ รรมผู้เรียนอย่างตอ่ เนือ่ ง หมายเหตุข้ันตอนการจัดกิจกรรมในแต่ละระดับช้ันดาเนินการในแนวเดียวกัน ดังน้ันสถานศึกษาควร เน้นรายละเอียดการประเมนิ ในแต่ละระดับชน้ั ให้แตกต่างกัน โดยการสร้างเกณฑ์การประเมินตามประเด็นการ ประเมิน แยกรายละเอียดที่แสดงถึงระดับคุณลักษณะของผู้เรียนที่สอดคล้องกับตัวบ่งชี้ แตกต่างกันในแต่ละ ระดบั ชนั้ การประเมนิ ผลกิจกรรม ๑. เวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. คณุ ลักษณะด้านหลกั ไตรรงค์ ๒.๑ การประเมินคณุ ลกั ษณะด้านหลกั ไตรรงค์ ประเด็นการประเมนิ ดา้ นสถาบันชาติ ๑. การตรงต่อเวลาในการมาทากิจกรรมหน้าเสาธง ๒. การแต่งกาย ๓. การจัดระเบียบแถวเคารพธงชาติ ๔. การรอ้ งเพลงชาติ
๓๘ ๕. การเดนิ แถวเข้าหอ้ งเรียน ด้านสถาบนั ศาสนา ๑. การปฏิบัติศาสนกจิ ๒. การรับฟงั โอวาทและ ขา่ วสารประชาสัมพนั ธ์ ฯลฯ ด้านสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ๑. การรอ้ งเพลงสรรเสริญพระบารมี ๒. ปฏิบัติกจิ กรรมเกีย่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ท่ีโรงเรยี นและชุมชนจดั ขนึ้ วธิ ีการประเมนิ ๑. คณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายประเมินผู้เรียนเป็นรายกลุ่ม/ห้องเรียน ในแต่ละ ประเด็นโดยใชเ้ กณฑ์การประเมินตามตัวบง่ ชี้ของแต่ละระดับชน้ั ๒. สามารถให้ผู้เรียนมสี ่วนรว่ มในการประเมินโดย ใช้วิธีการประเมินแบบมีส่วนร่วม คือ ครู ประเมนิ ผู้เรยี น เพ่ือนประเมินเพื่อน ผเู้ รียนประเมินตนเอง ๓. ประเมินเพ่ือการพัฒนา โดยประเมินอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองและนาผลการประเมิน เพื่อแกไ้ ขและพัฒนาพฤตกิ รรมผ้เู รียน เกณฑก์ ารประเมนิ ประเมินตามระดบั คณุ ภาพ โดยกาหนดระดบั คณุ ภาพ ดงั น้ี ๑ หมายถงึ มีเวลาร่วมกิจกรรมน้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ และมีคุณลกั ษณะด้านหลักไตรรงค์ โดยต้องอาศยั คาสั่งทกุ ครัง้ ๒ หมายถึง มีเวลาร่วมกจิ กรรมมากกว่ารอ้ ยละ ๘๐ และมคี ุณลกั ษณะดา้ นหลักไตรรงค์ โดยตอ้ งอาศัยคาสั่งเปน็ บางครงั้ ๓ หมายถึงมี มเี วลารว่ มกจิ กรรมมากกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ และมคี ุณลกั ษณะด้านหลักไตรรงค์ และ ยงั ชกั ชวนใหเ้ พือ่ นๆ ปฏบิ ตั ิตาม เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กิจกรรมหลักไตรรงค์ ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ากว่าร้อยละ ๘๐ และมีคุณลักษณะด้าน หลักไตรรงค์ ระดบั ๒ ข้นึ ไป ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรยี นมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมต่ากว่าร้อยละ ๘๐ หรือมีคุณลักษณะด้านหลัก ไตรรงค์ ต่ากว่าระดบั ๒
๓๙ 1. แนวทางการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการจดั กจิ กรรมหลกั ไตรรงค์ 1.1 ครูผจู้ ัดกจิ กรรมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้ ความรทู้ คี่ รตู อ้ งมีมากอ่ นการจดั กิจกรรม คุณธรรมของครู 1. มีความรูเ้ ร่ืองสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ 1. ตรงตอ่ เวลา 2. มคี วามรู้เรือ่ งวสั ดอุ ปุ กรณ์ ในการจัดกจิ กรรมหลักไตรรงค์ 2. ความเมตตา 3. ความรบั ผิดชอบ เช่น ธงชาติ พาน เคร่อื งเสยี ง 4. ความยุตธิ รรม 3. มีความรูห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. มคี วามรู้ในเรอ่ื งจติ วทิ ยาในการสอนและการจัดกจิ กรรม หลกั พอเพยี ง พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั ในตัวท่ดี ี ประเดน็ - เนื้อหาการจัดกิจกรรม - ต้องการใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรู้ - มีการวางแผนและจดั เนอื้ หา หลกั ไตรรงค์สอดคล้องกบั วิธกี ารจัดกิจกรรมหลัก เรยี งลาดบั ขัน้ ตอนการจัด วัตถุประสงค์เหมาะสมกบั ไตรรงคแ์ ละนาไปใชใ้ น กจิ กรรมหลักไตรรงค์ เวลาที่กาหนดและวยั ของ ชวี ติ ประจาวนั ผูเ้ รยี น - กาหนดเวลาในแตล่ ะ - การจดั กิจกรรมไดค้ รบถว้ นท่ี - กาหนดเวลาในการจดั กิจกรรมเหมาะสมกับ เราออกแบบไว้ กิจกรรมให้ยดื หยุ่น เพ่อื เวลา กิจกรรมให้เหมาะสมและวัย รองรบั การเปล่ยี นแปลงที่ ของผเู้ รียน เกิดขึ้นในระหวา่ งการจัด กจิ กรรม การจดั กจิ กรรม - แบง่ กลุม่ ผเู้ รยี นได้พอดีกับ - ต้องการให้ผเู้ รยี นไดป้ ฏบิ ตั ิ - แบ่งกล่มุ ผู้เรียนรบั ผดิ ชอบ จานวนผ้เู รียน กิจกรรมอยา่ งทัว่ ถึงตาม ตามความสามารถในแต่ละ - กาหนดกจิ กรรมหลัก ความสามารถ กิจกรรม ไตรรงคเ์ หมาะสมกับเวลาที่ - เพื่อต้องการให้ผ้เู รยี นเกิด - การวางแผนในการจดั กาหนด การเรยี นรู้กิจกรรมตาม กิจกรรม - มอบหมายภาระงานตาม วตั ถปุ ระสงค์ทีว่ างไว้ ศักยภาพของผเู้ รยี นและ - ผูเ้ รียนนามาความรไู้ ปใชใ้ น สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ ชวี ิตประจาวันได้ - ธงชาตมิ ีความเหมาะสมกับ - ต้องการให้ผู้เรยี นได้ปฏบิ ตั ิ - เตรยี มและตรวจสอบส่อื / อุปกรณ์ให้พร้อมก่อนในการ ขนาดของเสาธง กจิ กรรมตามวัตถุประสงคท์ ี่ จดั กิจกรรม 2. ประสานงานกบั - โสต วสั ดุ - อุปกรณ์ เครื่อง กาหนดไว้ ผู้รับผดิ ชอบเคร่ืองเสียง หรือ วงโยธวาทติ ของ สอ่ื /อปุ กรณ์ เสียงเหมาะสมกบั กจิ กรรม โรงเรียน
๔๐ หลกั พอเพียง พอประมาณ มีเหตุผล มภี มู คิ ุม้ กันในตวั ที่ดี ประเดน็ - เตรียมสถานทีใ่ ห้พร้อม - สถานทเ่ี พียงพอกับจานวน - ตอ้ งการใหผ้ ูเ้ รียนไดป้ ฎบิ ัติ สาหรบั กจิ กรรม - เตรียมสถานทสี่ ารองให้ แหล่งเรยี นรู้/ฐาน ผ้เู รยี น กิจกรรมอย่างทว่ั ถึงตาม พรอ้ มสาหรับจัดกิจกรรม หาก เกดิ กรณฉี ุกเฉนิ เช่น การเรยี นรู้ วตั ถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้ ฝนตก การประเมินผล - จัดทาแบบประเมินผลและ - ต้องการประเมินผลการจดั - วางแผนการวดั ผล/ ประเมนิ ผลตามข้ันตอนของ ประเมนิ พฤติกรรมให้ กจิ กรรม ใหบ้ รรลุตาม การจัดกจิ กรรม เหมาะสมกับวยั และ วตั ถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ วตั ถุประสงค์ที่กาหนดไว้
๔๑ 2. ผลทีเ่ กดิ ขึน้ กับผ้เู รยี นสอดคล้องกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจากการจดั กิจกรรมหลักไตรรงค์ 2.1 ได้เรียนรหู้ ลักคดิ และฝกึ ปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความรู้ คุณธรรม 1. ความรเู้ ก่ยี วกบั สถาบนั ชาติ ศาสนา 1. ความสามัคคี พระมหากษัตริย์ 2. ความรับผดิ ชอบ 2. มีความร้กู ารจดั กจิ กรรมหลักไตรรงค์ 3. มคี วามรวู้ ิธีการใชอ้ ุปกรณ์ประกอบกจิ กรรม หลกั ไตรรงค์ ๔. มคี วามรเู้ กี่ยวกบั การปฎิบัติตนของแตล่ ะ ศาสนา พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมคิ ุม้ กนั ในตวั ทดี่ ี 1. ผู้เรยี นกาหนดหน้าท่ภี ายใน 1. ผู้เรยี นสามารถนาการจัด 1. วางแผนการทางานกลุ่มอย่างเป็น กลมุ่ ตวั แทนในการจัดกิจกรรม กิจกรรมตามหลกั ไตรรงค์ไปใช้ใน ขน้ั ตอน ได้อย่างเหมาะสมตาม ชีวิตประจาวันได้ 2. เตรียมสมาชิก วสั ดอุ ุปกรณ์ ได้ ความสามารถของแตล่ ะบุคคล ครบถ้วนตรงตามวัตถุประสงค์ของการ 2. ผู้เรยี นได้ใช้วัสดุอุปกรณ์ใน จัดกจิ กรรมหลกั ไตรรงค์ การทากิจกรรมไดเ้ หมาะสมกับ 3. ศึกษาวิธีการการจดั กิจกรรมหลกั กิจกรรมหลักไตรรงค์ ไตรรงค์ใหเ้ ข้าใจก่อนลงมือปฏิบตั ิ กิจกรรม
๔๒ 2.2 ผ้เู รยี นไดเ้ รยี นร้กู ารใช้ชวี ิตทีส่ มดลุ และพร้อมรับการเปล่ียนแปลง 4 มติ ิ ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งดังนี้ ด้าน สมดุลและพร้อมการเปล่ียนแปลงในดา้ นต่างๆ องคป์ ระกอบ วัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม 1. มคี วามรู้ในการ 1. มีความรูใ้ นการ 1. มีความรู้ใน 1. มคี วามรู้ ใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์ จดั แบง่ หน้าที่ของ การดแู ลรกั ษา เก่ยี วกับหลกั ปฏิบัติ โสตทศั นูปกรณ์ สมาชิกภายในกลมุ่ เกบ็ วัสดอุ ุปกรณ์ ตนของแต่ละ ความรู้ การจัดกิจกรรม ได้อย่างเหมาะสม โสตทัศนปู กรณ์ ศาสนา ภาษา และ หลักไตรรงค์ได้ 2. มีความรใู้ นการ ในการจดั กิจกรรม การแตง่ กายใน อย่างถูกต้องและ ปฏบิ ัติตนท่ีจะ หลักไตรรงค์ได้ ทอ้ งถนิ่ ของตน ประหยัด ทางานร่วมกบั ผู้อื่น อย่างถูกต้อง 1. มที กั ษะในการ 1. ผูเ้ รียนทางาน 1. มีทักษะในการ 1. ผเู้ รยี นได้ปฏบิ ัติ ใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ เชน่ ร่วมกันภายในกลมุ่ รกั ษาความสะอาด ตนตามหลักไตรรงค์ โสตทศั นูปกรณ์ได้ ตามที่ได้รบั ของอปุ กรณ์ และ ได้อยา่ งถูกต้องตาม ทักษะ อยา่ งปลอดภยั และ มอบหมายจน จดั เก็บใหเ้ ปน็ ระบบ หลกั ศาสนา ภาษา ค่านิยม ประหยดั สาเรจ็ และมี หลังจากการปฏบิ ัติ การแตง่ กายใน ความสขุ กิจกรรมหลัก ท้องถนิ่ ของตน ไตรรงค์ 1. เหน็ ความสาคญั 1. มคี วาม 1. มีจติ สานึกใน 1. เห็นคณุ ค่า/ ของวัสดอุ ุปกรณ์ รับผิดชอบต่อการ เครื่องเสยี งอยา่ ง ทางานของกลุ่ม การรักษา ภาคภูมิใจ/อนรุ ักษ/์ ประหยดั และคมุ้ ค่า 2. ยอมรับความ สภาพแวดล้อม สบื ทอด ในแตล่ ะ คิดเห็นของกลุ่ม และซ่งึ กันและกนั สถานทีใ่ นการจัด ศาสนา การแตง่ มคี วามอดทน และ เสยี สละ กิจกรรมใหส้ ะอาด กาย ภาษา ใน เรียบรอ้ ย ทอ้ งถิน่ ของตน
๔๓ · \" ในอนั ทจี่ ะทางานของตนใหป้ ระสานกบั งานอนื่ และประสานกับฝ่ายอ่นื บุคคลอ่ืน จะปฏบิ ัติตวั ปฏิบตั ิงานอยา่ งคบั แคบมไิ ด้เปน็ อนั ขาด ท่านจะต้องทาตวั ทาใจให้กว้างขวาง หนกั แนน่ และเท่ียงตรง ยดึ ถือ เหตผุ ลความถกู ต้อง ความพอเหมาะพอควร และประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันเปน็ เปา้ หมาย \" พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั ท่ี 8 สิงหาคม พ.ศ. 2527
๔๔ กิจกรรมสร้างเสรมิ ภาวะผนู้ า หลักการ กิจกรรมสรา้ งเสริมภาวะผู้นา เป็นกิจกรรมฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี เคารพสิทธิของตนเองและ ผู้อ่ืน กล้าแสดงความคิดเห็น แสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง แสดงถึงความรับผิดชอบในบทบาทหน้าท่ี ความมี ระเบียบวินยั การตรงต่อเวลา มคี วามสามคั คี สามารถทางานกับผู้อื่น รับผิดชอบต่อสังคม มีจิตสาธารณะ และ ตระหนกั ถึงความสาคัญของการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข วัตถปุ ระสงค์ มีภาวะผู้นาและผู้ตามที่ดี กล้าแสดงความคิดเห็น แสดงออกในส่ิงที่ถูกต้อง มีความรับผิดชอบต่อ หนา้ ท่ี มรี ะเบยี บวนิ ัย ตรงต่อเวลา ทางานร่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้ด้วยความสามัคคี และมีจติ สาธารณะ ตวั บ่งชี้ ระดบั ประถมศกึ ษา มีลักษณะภาวะผนู้ าและผตู้ ามท่ีดี ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ มีลกั ษณะภาวะผนู้ าและผู้ตามทดี่ ี คิดวางแผนงานได้ดว้ ยตนเอง ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มีลักษณะภาวะผู้นาและผู้ตามที่ดี คิดวิเคราะห์และวางแผนงานด้วยตนเองอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ขอบขา่ ยกจิ กรรม เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมในลักษณะกิจกรรมฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี โดยใช้กิจกรรมการแสดง ความคิดเห็น แสดงออกในส่ิงที่ถูกต้อง รับผิดชอบต่อหน้าท่ี มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา ทางานร่วมกับผู้อ่ืน บาเพ็ญประโยชน์เพอื่ ส่วนรวม ขั้นตอนการจัดกจิ กรรม ตวั อย่างแนวทางการจดั กจิ กรรมในชว่ งเวลาการประชุมหอนอน เวลา ๒๐.๐๐ น. เปน็ ต้นไป ๑. วางแผนการจัดกิจกรรม และออกแบบแนวทางในการประเมนิ ผลและเก็บรวบรวมข้อมูล ๒. จดั แบง่ กลุ่มผูเ้ รยี นในหอนอนแบบคละตามความเหมาะสมและบริบทของแต่ละสถานศึกษา ๓. จัดกิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย โดยการเลือกตั้งประธานหอนอน/คณะกรรมการหอนอน (อาจเปดิ โอกาสใหม้ ีการปรับเปลยี่ นหนา้ ทท่ี ุกเดือน) ๔. จดั อบรมสร้างภาวะความเปน็ ผ้นู าของประธานหอนอนและคณะกรรมการหอนอน ๕. แนวทางการดาเนินงาน ดังตัวอย่างการจัดกิจกรรมสร้างเสริมภาวะผู้นาในช่วงเวลาการประชุม หอนอน ดงั นี้ ๕.๑ ประธานหอนอนเรยี กประชมุ สมาชิกในหอนอนเวลา ๒๐.๐๐ น. ๕.๒ หัวหนา้ กลุ่มตรวจสอบจานวนสมาชกิ ระเบียบวนิ ัย การแต่งกาย ๕.๓ หัวหนา้ กลมุ่ รายงานต่อประธานหอนอน
๔๕ ๕.๔ ประธานหอนอนประชุมสมาชิก สอบถามปญั หาและข้อเสนอแนะต่างๆ (หัวข้อการประชุม ตามท่ไี ด้วางแผนไว้) รวมถึงสารวจและสอบถามปัญหาด้านสุขภาพ การเรียน การดารงชีวิต และข้อเสนอแนะ ต่างๆ ๕.๕ ประธานรายงานยอดสมาชกิ และผลการประชุมต่อครูหอนอน ๕.๖ ครูหอนอนแจ้งข่าวสาร อบรมพัฒนาภาวะความเป็นผู้นา - ผู้ตามที่ดี การมีจิตสาธารณะ การใหเ้ กยี รตผิ ู้อื่น พ่ีดูแลนอ้ ง การมีน้าใจ และทักษะกระบวนการกลุ่ม เป็นต้น พร้อมสรปุ ผลการประชุม ๕.๗ ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจตามศาสนาทต่ี นนับถอื ๕.๘ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ๕.๙ ปิดประชุมเวลา ๒๑.๐๐ น. ๖. ประเมินผลและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนการจัดกิจกรรม ระหว่างการจัดกิจกรรม และหลังการจัด กิจกรรม เพ่ือนาผลมาใช้ในการแกไ้ ขและพัฒนาพฤตกิ รรมผูเ้ รยี นอยา่ งต่อเน่อื ง หมายเหตุ ขั้นตอนการจัดกิจกรรมในแต่ละระดับช้ันดาเนินการในแนวเดียวกัน ดังน้ันสถานศึกษาควร เน้นรายละเอียดการประเมินในแต่ละระดับช้ันให้แตกต่างกัน โดยการสร้างเกณฑ์การ ประเมนิ ตามประเด็นการประเมิน แยกรายละเอียดทแ่ี สดงถึงระดับคุณลักษณะของผู้เรียนท่ี สอดคลอ้ งกับตวั บ่งชี้ แตกตา่ งกันในแต่ละระดบั ชน้ั การประเมินผลกจิ กรรม ๑. เวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒. คณุ ลักษณะดา้ นภาวะผ้นู า ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผู้นา) ๒.๑ การประเมินคุณลักษณะด้านภาวะผนู้ า ประเดน็ การประเมิน ๑. การตรงตอ่ เวลา ๒. ระเบียบวนิ ยั ๓. การทางานร่วมกับผ้อู ่ืน ๔. การรบั ฟังความคดิ เหน็ ให้เกียรตผิ ู้อืน่ ๕. การมีจิตสาธารณะ ๖. การปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหน้าทที่ ี่ไดร้ บั มอบหมาย วิธกี ารประเมิน ๑. คณะกรรมการหรอื ผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมายประเมินผ้เู รียนเปน็ รายบุคคล/รายกลุ่ม ในแต่ละ ประเดน็ โดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ตามตัวบง่ ช้ขี องแตล่ ะระดับชนั้ ๒. สามารถให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินโดย ใช้วิธีการประเมินแบบมีส่วนร่วม คือ ครปู ระเมนิ ผูเ้ รยี น เพือ่ นประเมนิ เพื่อน ผ้เู รยี นประเมนิ ตนเอง ๓. ประเมินเพื่อการพัฒนา โดยประเมินอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ือง และนาผลการ ประเมนิ เพ่อื แกไ้ ขและพฒั นาพฤติกรรมผ้เู รียน เกณฑ์การประเมิน ประเมนิ ตามระดับคุณภาพ โดยกาหนดระดับคณุ ภาพ ดังน้ี ๑ หมายถึง พฤติกรรมไม่ค่อยเหมาะสม ตอ้ งได้รับการช่วยเหลือเปน็ อยา่ งมาก ๒ หมายถงึ พฤตกิ รรมเหมาะสม แต่ยังต้องได้รับการแนะนาชว่ ยเหลอื ในบางประเด็น
๔๖ ๓ หมายถงึ พฤติกรรมเหมาะสม สามารถดแู ลตนเองได้และ/หรือเป็นแบบอย่างแก่บุคคล อน่ื ได้ เกณฑ์การตดั สินผลการประเมินกจิ กรรมภาวะผนู้ า ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ากว่าร้อยละ ๘๐ และมีคุณลักษณะด้าน หลกั ภาวะผนู้ าเฉลีย่ ระดบั ๒ ขนึ้ ไป ไม่ผ่าน หมายถึง ผูเ้ รยี นมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมต่ากว่าร้อยละ ๘๐ หรือมีคุณลักษณะด้านหลัก ภาวะผู้นาเฉลย่ี ตา่ กวา่ ระดบั ๒
๔๗ 1. แนวทางการนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการจดั กจิ กรรมสรา้ งเสริมภาวะผู้นา 1.1 ครูผจู้ ดั กิจกรรมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้ ความรู้ทค่ี รตู ้องมีมากอ่ นการจดั กจิ กรรม คุณธรรมของครู 1. การเปน็ ผนู้ าและผตู้ ามทดี่ ี 1. มคี วามรักเมตตาศิษย์ 2. ทกั ษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ 21 หลัก 7c 2. มคี วามรบั ผิดชอบ 3. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. มีความยุตธิ รรม 4. จติ วทิ ยาในการสอน/การจดั กจิ กรรม หลกั พอเพียง พอประมาณ มเี หตุผล มภี มู คิ ุ้มกนั ประเดน็ - เนอ้ื หา/วธิ กี ารจัดกิจกรรม - ต้องการให้ผู้เรียนรู้ - สรปุ เนอ้ื หาให้เข้าใจง่าย มี เนื้อหา สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ วธิ กี าร จัดกจิ กรรม ภาพประกอบเนื้อหา เวลา เหมาะสมกบั เวลาทกี่ าหนด และนาไปปรบั ใชใ้ น - เรียงเน้อื หาตามลาดบั การ การจดั กิจกรรม และวัยของผ้เู รียน ชวี ติ ประจาวัน เรียนน้ัน - กาหนดเวลาให้เหมาะสม - จดั กิจกรรมได้ - ยืดหยนุ่ เวลาในแต่ละ ส่ือ/อุปกรณ์ แตล่ ะกิจกรรม และวยั ของ ครบถ้วน ตามที่ กิจกรรมเพื่อรองรับการ ผู้เรยี น ออกแบบไว้ เปลย่ี นแปลง ท่ีอาจจะเกิดขนึ้ ระการจดั กิจกรรม - แบง่ กลุม่ การจัดกิจกรรมได้ - ต้องการให้ผู้เรยี น - แบ่งกลุ่มคละความสามารถ พอดีกับจานวนผู้เรียน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมอยา่ ง ของผ้เู รยี น - กาหนดการจัดกจิ กรรม ทว่ั ถึงตาม - สังเกตพฤติกรรมและให้ เหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด ความสามารถ ความชว่ ยเหลือเมอื่ ผูเ้ รียนมี - มอบหมายภาระงาน/ - ต้องการให้ผู้เรียน ปญั หา ชิ้นงานเหมาะสมกบั เกิดการเรยี นรูต้ าม ความสามารถของผเู้ รียนและ วตั ถปุ ระสงค์ทก่ี าหนด - เตรียมวสั ดอุ ุปกรณใ์ ห้พร้อม สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ - ผเู้ รยี นนาความร้ไู ป กอ่ นการจัดกจิ กรรม การจัดกจิ กรรม ประยกุ ต์ใช้กบั ภาระ - มีความชานาญในการใชส้ ื่อ งานได้ อปุ กรณ์ - จานวนวสั ดุอุปกรณ์ - ตอ้ งการให้ผู้เรยี นได้ - มีลาดบั ขนั้ ตอนในการใช้สื่อ เหมาะสม กับกจิ กรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมได้จริง อปุ กรณ์ - มปี ริมาณเพียงพอกับจานวน ตามวตั ถุประสงคก์ าร ผูเ้ รียน จดั กจิ กรรมท่ีกาหนด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148