Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรเขาหมอนพลูตาหลวง

หลักสูตรเขาหมอนพลูตาหลวง

Published by สุภาภรณ์ นวมมา, 2020-01-17 03:13:37

Description: หลักสูตรเขาหมอนพลูตาหลวง

Search

Read the Text Version

คำนำ กกกกกกกเอกสารหลักสูตรรายวิชา เขาหมอนพลูตาหลวง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จัดทาข้ึนเพื่อให้นักศึกษา และประชาชน ได้ศึกษาเรียนรู้ เก่ียวกับประวัติเขาหมอนพลูตาหลวง การทาหมอนอิง การทาหมอนข้าง การทาหมอนสมุนไพร การทา หมอนดับกล่นิ และการขายออนไลน์ ซ่ึงส่งผลให้นักศึกษาและประชาชนมีอาชีพที่ช่วยเสริมสร้างรายได้ ให้ ตนเองแลว้ ยงั ทาให้เห็นคณุ ค่าของการนาทรพั ยากรมาสรา้ งอาชพี ท่ีเปน็ เอกลักษณ์ของชุมชน กกกกกกกเอกสารฉบับนี้ประกอบด้วย (1) ผังมโนทัศน์ (2) คาอธิบายรายวิชา (3) รายละเอียด คาอธบิ ายรายวชิ า (4) โครงสรา้ งหลักสตู ร (5) รายละเอียดของหัวเร่ืองที่ 1 ประวัติพลูตาหลวง หัวเร่ืองท่ี 2 การทาหมอนอิง หัวเร่ืองที่ 3 การทาหมอนข้าง หัวเรื่องท่ี 4 การทาสมุนไพร หัวเร่ืองท่ี 5 การทา หมอนดับกลน่ิ และหวั เรือ่ งท่ี 6 การขายออนไลน์ (6) บรรณานุกรม และ (7) ภาคผนวก กกกกกกกเอกสารฉบับน้ีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเน่ืองจากได้รับการสนับสนุนจาก นายอนุชา พงษ์เกษม ผู้อ า นว ย ก าร ส านั ก ง าน ส่ งเ ส ริ มก า รศึ ก ษ าน อ กร ะ บ บแ ล ะก า ร ศึก ษ าต า ม อัธ ย าศั ย จั ง ห วั ด ช ล บุ รี นางอุไรรัตน์ ชนะบารุง รองผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดชลบุรี ตลอดจนผู้ร่วมพัฒนาหลักสูตร ได้แก่ ข้าราชการครู บรรณารักษ์ ครู อาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน ครู กศน.ตาบล ครูศูนย์การเรียนชุมชน และบรรณารักษ์อัตราจ้าง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี รวมถึง พนั จา่ เอกวษิ ณุ โตสมบัติ นายกองค์การบริหารส่วนตาบลพลูตาหลวง นางสุธารัตน์ สนามชัย กานัน ตาบลพลตู าหลวง และนายสวงิ นา้ ตาล อดตี ผู้ใหญ่บา้ นคนแรกชมุ ชนเขาหมอนพลูตาหลวง ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอสัตขอขอบพระคุณและขอขอบคุณทุกท่าน มา ณ ท่นี ี้ด้วย นางสุรัสวดี เลย้ี งสุพงศ์ ผอ. กศน.อาเภอสตั หีบ

คำนยิ ม กกกกกกกเอกสารหลักสูตรรายวิชา เขาหมอนพลูตาหลวง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นเอกสารท่ีมีคุณค่าต่อการศึกษาเรียนรู้ของนักศึกษา ประวตั ิ ภมู ิศาสตร์ การทาหมอนอิง การทาหมอนข้าง หมอนภูเขาสมุนไพร การค้าออนไลน์ ส่งผลให้ นักศึกษามีอาชีพที่ใช้ทรัพยากรในท้องถ่ินตนเองเห็นคุณค่า เกิดความภาคภูมิใจ ตระหนักถึง ความสาคัญเขาหมอนพลูตาหลวง สามารถนาความรู้ และทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจาวัน และ เกิดความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด กกกกกกกขอช่ืนชม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสัตหีบ และบุคลากร ท่ีตั้งใจมุ่งมันพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ินเขาหมอนพลูตาหลวง และขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนา หลักสูตร พนั จ่าเอกวิษณุ โตสมบตั ิ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลพลูตาหลวง และนายสวิง น้าตาล อดีตผู้ใหญ่คนแรกของชุมชนบ้านเขาหมอน ร่วมมือร่วมใจจัดทาเอกสารฉบับน้ี จนสาเร็จลุล่วงและ นาไปใช้ในการจดั การศึกษาให้กบั นกั ศกึ ษาและประชนชนมา ณ ท่นี ้ีดว้ ย นายอนุชา พงษเ์ กษม ผอ.สานกั งาน กศน.จังหวัดชลบุรี

ควำมเห็นชอบของคณะกรรมกำรสถำนศึกษำ กกกกกกกตามที่อาเภอสัตหบี เปน็ อาเภอที่มที ม่ี ภี เู ขาและทะเล เป็นสญั ลักษณท์ สี่ าคัญทางภมู ิศาสตร์ เปน็ แหล่งทอ่ งเที่ยว มปี ระวัติความเป็นมาทนี่ ักศึกษาควรได้ศกึ ษาเรียนรู้ ตลอดจนควรมีการส่งเสรมิ อาชพี ท่ีพัฒนาอาชีพ ยงั ช่วยเสรมิ สรา้ งอตั ลักษณ์ ความภาคภูมใิ จในการเปน็ คนอาเภอสัตหีบให้เกดิ ขน้ึ กบั นักศกึ ษา ประชาชนเป็นสญั ลกั ษณข์ องทอ้ งถน่ิ ประกอบกับการนาวัสดุ ทรัพยากร ท่ชี ุมชน สามารถนามาใชป้ ระโยชน์ ในการไดด้ ว้ ย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอ สัตหีบ จงั หวัดชลบรุ ี จงึ ได้พฒั นาหลกั สูตร ทอ้ งถ่ินเขาหมอนพลูตาหลวงข้ึน กกกกกกกเพื่อให้การจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน และการศึกษาต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลักสูตรรายท้องถิ่นเขาหมอนพลตู าหลวงเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ใหผ้ มู้ สี ว่ นเกยี่ วข้องกับการจดั การศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน การพฒั นาอาชีพร่วมมือ กนั จดั การศึกษาให้กบั นักศึกษา ประชาชน ให้บรรลุจุดมุง่ หมายของหลกั สตู ร ทัง้ น้ี ตง้ั แต่ วนั ท่ี 1 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2562 ลงช่ือ .................................................. (นายณรงค์ บญุ บรรเจดิ ศรี) ประธานกรรมการสถานศึกษา

สำรบญั หน้า ผงั มโนทศั น.์ .............................................................................................................................. 1 คาอธบิ ายรายวิชา..................................................................................................................... 2 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา................................................................................................. 3 โครงสร้างหลกั สูตรรายวชิ า...................................................................................................... 5 กกกสรุปสาระสาคัญ................................................................................................................ 5 กกกผลการเรียนร้ทู ่คี าดหวัง..................................................................................................... 5 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา................................................................................................................. 6 กกกการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้......................................................................................... 6 กกกส่ือและแหล่งเรียนรู้........................................................................................................... 7 กกกการวัดและประเมนิ ผล...................................................................................................... 7 หวั เรอ่ื งที่ 1 ประวตั เิ ขาหมอนพลตู าหลวง……......................................................................... 9 หัวเร่อื งท่ี 2 การทาหมอนอิง.................................................................................................. 12 หวั เรื่องท่ี 3 การทาหมอนขา้ ง…………………………………………………………............................... 22 หวั เร่ืองที่ 4 การทาหมอนภูเขาสมุนไพร……………..........................…..................................... 28 หวั เร่ืองท่ี 5 การค้าออนไลน์…………....................................................................................... 38 บรรณานกุ รม.......................................................................................................................... 70 ภาคผนวก............................................................................................................................. .. 72 กกก ใบความรู้ เรอื่ ง การเยบ็ พื้นฐาน..............….……………….……………...............................… 73 กกก ใบความรู้ เร่อื ง สมนุ ไพร...............……………………..…………………………………..............… 86 กกก ใบงาน ………………………................……………………..…………………………………..............… 90 กกก แบบประเมินผลเอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต)..................................................… 96 กกก แบบประเมินเอกสารรายงานการทาหมอนเขาหมอนพลตู าหลวง…….........................… 106 กกก แบบทดสอบวัดความรู้……………………………………………...............................................… 108 กกก แบบสอบถามวัดเจตคติต่อหลักสตู รเขาหมอนพลูตาหลวง………………………………………. 109 กกก ประกาศแตง่ ตง้ั ท่ปี รึกษาและผรู้ ว่ มให้ข้อมลู พัฒนาหลักสตู ร..…….................................. 111 กกก คาส่ังแตง่ ต้ังคณะกรรมการพัฒนาหลกั สูตร..........................…...................................... 112

5. การคา้ ออนไลน์ 5.1 การสรา้ งและออกแบบเพจการค้าออนไลน์ 5.2 การขายออนไลน์ 5.3 การคานวณต้นทนุ สินคา้ (จานวน 15 ชว่ั โมง) 4. การทาหมอนภูเขาสมุนไพร 4.1 วธิ ที าหมอนภเู ขาสมุนไพร รูปแบบ 1 4.2 วิธที าหมอนภูเขาสมุนไพร รปู แบบ 2 4.3 ประโยชน์ของหมอนภูเขาสมุนไพร (จานวน 15 ชัว่ โมง) 3. การทาห 3.1 ขน้ั ต 3.2 ประ (จาน ผังมโนทัศน์ หล

1. ประวตั ิเขาหมอนพลูตาหลวง 1.1 ประวตั ิเขาหมอนพลูตาหลวง 1.2 ภมู ิศาสตร์เขาหมอน (จานวน 10 ชวั่ โมง) วิชำเขำหมอนพลูตำหลวง 2. การทาหมอนองิ (จำนวน 60 ชวั่ โมง) 2.1 ประเภทหมอนอิงสมนุ ไพร 2.2 ขน้ั ตอนการทาหมอนอิงสมนุ ไพร 2.3 ประโยชนข์ องหมอนสมุนไพร (จานวน 10 ช่ัวโมง) หมอนขา้ ง ตอนการทาหมอนข้าง ะโยชนข์ องหมอนข้าง นวน 10 ชว่ั โมง) ลกั สูตรวชิ าเขาหมอนพลตู าหลวง

คำอิบิ ำยรำยวชิ ำ เขำหมอนพลูตำหลวง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ มำตรฐำนที่ 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติท่ดี ใี นงานอาชพี มองเห็นช่องทางและตดั สนิ ใจ ประกอบอาชีพได้ตามต้องการ และศกั ยภาพของตนเอง ศึกษำและฝกึ ทกั ษะ กกกกกกกประวัตเิ ขาหมอนพลตู าหลวง กกการทาหมอนอิง กกการทาหมอนขา้ ง การทาหมอน สมนุ ไพร การทาหมอนดับกลิ่น การคา้ ออนไลน์ กกก เพื่อใหผ้ ้เู รียนมคี วามรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกับประวัติเขาหมอนพลูตาหลวง กกการทาหมอนองิ การทาหมอนข้าง การทาหมอนสมุนไพร การทาหมอนดับกลิ่น การสร้างเพจและการคา้ ออนไลน์ สามารถฝึกปฏบิ ัติทาหมอน จากสมุนไพรในท้องถนิ่ ของตนเอง สามารถทาหมอนในประเภทตา่ ง ๆ บอกขนั้ ตอนการทาหมอนในรูปแบบท่ีกาหนดได้ ตลอดจนสามารถสรา้ งเพจการค้าออนไลนเ์ พ่ือเปน็ อาชีพ สร้างรายได้และเห็นคุณคา่ ในวสั ดทุ ้องถิ่น และเกิดความภาคภูมใิ จในท้องถนิ่ กำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ กกกกกกกบรรยาย กาหนดประเดน็ การศกึ ษาร่วมกัน ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากสื่อท่ีหลากหลาย ได้แก่ ส่ือเอกสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อบุคคลและภูมิปัญญา และแหล่งเรียนรู้ในชุมชน บันทึกผล การศึกษาค้นคว้าลงในเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) พบกลุ่ม อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ข้อมูลที่ศึกษาได้ สรุปการเรียนรู้ร่วมกัน และบันทึกลงในเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) นาผลสรุปการเรียนรู้ที่ได้ไปฝึกปฏิบัติตามใบงาน ฝึกปฏิบัติกาการทาหมอนอิง การทาหมอน ข้าง การทาหมอนสมนุ ไพร การทาหมอนดับกล่นิ การสรา้ งเพจและการคา้ ออนไลน์ กำรวัดและประเมินผล กกกกกกกประเมินความก้าวหน้า ด้วยวิธีการ สังเกต ซักถาม ตรวจเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) ตรวจเอกสารรายงาน ผลงาน ชน้ิ งาน และเพจการคา้ ออนไลน์ รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ ออนไลน์ ให้ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ ตอบแบบสอบถามวัดทักษะการทาหมอน และให้ตอบ แบบสอบถามวดั ทักษะการคา้ ออนไลน์

รำยละเอยี ดคำอิบิ ำยรำยวชิ ำเขำหมอนพลูตำหลวง จำนวน 1.5 หน่วยกติ มำตรฐำนท่ี 3.1 มคี วามรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทีด่ ใี นงานอาชพี มองเหน็ ช่องทางและตัดสนิ ใจ ประกอบอาชีพได้ตามต้องการ และศกั ยภาพของตนเอง ที่ หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ัด เน้อื หำ จำนวน (ชว่ั โมง) 1. ประวัตเิ ขาหมอน 1. บอกการประวัติเขา 1. ประวัตเิ ขาหมอนพลูตา หลวง 10 2. ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ พลูตาหลวง หมอน ของเขาหมอน 3. เห็นคุณค่า ความสาคัญ 1.1 ประวัตเิ ขา 2. อธิบายภมู ิศาสตรเ์ ขา ของเขาหมอน หมอนพลูตาหลวง หมอน 1.2 ภูมศิ าสตร์ 3. เหน็ คณุ ค่า ความสาคญั เขาหมอน ของเขาหมอน 2. การทาหมอนอิง 1. บอกประเภทของหมอน 1. ประเภทของหมอนอิง 10 2.1 ประเภท องิ 2. ขน้ั ตอนการทาหมอนองิ 2. อธิบายขน้ั ตอนการทา 3. ประโยชน์ของหมอนองิ หมอนอิง หมอนอิง 2.2 ขัน้ ตอน 3.บอกประโยชนข์ องหมอนอิง การทาหมอนอิง 3. การทาหมอนข้าง 1. บอกประเภทของหมอน 1. ประเภทของหมอนขา้ ง 10 3.1 ประเภท ขา้ ง 2. ข้ันตอนการทาหมอนข้าง ของหมอนข้าง 2. อธิบายข้ันตอนการทา 3. ประโยชน์ของหมอนข้าง 3.2 ขัน้ ตอนการ หมอนข้าง ทาหมอนข้าง 3.บอกประโยชน์ของหมอน ขา้ ง 4. การทาหมอน 1. บอกประเภทของ 1.ประเภทของสมนุ ไพรที่ สมนุ ไพร สมนุ ไพรทน่ี ามาทาหมอน นามาทาหมอน 4.1 ประเภท 2. อธิบายขนั้ ตอนการทา 2.อธิบายขน้ั ตอนการทา ของสมนุ ไพรท่ี หมอนสมนุ ไพร หมอนสมนุ ไพร นามาทาหมอน 3. บอกประโยชน์ของหมอน 3.ประโยชน์ของหมอน 4.2 ขั้นตอน สมนุ ไพร สมนุ ไพร การทาหมอน สมุนไพร

ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชว้ี ัด เนอ้ื หำ จำนวน (ชว่ั โมง) 5. การทาหมอนดับ 1. บอกประเภทของสมนุ ไพร 1.ประเภทของสมุนไพรท่นี ามา กลน่ิ 10 5.1 ประเภท ทนี่ ามาทาหมอนดับกล่นิ ทาหมอน ของหมอนดับ 10 กลิ่น 2. อธิบายขน้ั ตอนการทา 2.อธบิ ายขัน้ ตอนการทาหมอน 5.2 ข้นั ตอน การทาหมอนดับ หมอนดับกลิน่ สมนุ ไพร กลิ่น 3. บอกประโยชน์ของหมอน 3.บอกประโยชน์ของหมอนดับ 6. การคา้ ออนไลน์ 6.1 การ ดบั กลน่ิ กลน่ิ สร้างและ 1. บอกวิธีการสรา้ งและ 1. วธิ ีการสร้างและออกแบบ ออกแบบเพจ การคา้ ออนไลน์ ออกแบบเพจการคา้ ออนไลน์ เพจการคา้ ออนไลน์ 6.2 การขาย 2. สามารถขายสินค้า 2. สามารถขายสินค้าออนไลน์ ออนไลน์ ออนไลน์ 3. รายได้จากการขายออนไลน์ 3. รายได้จากการขาย ออนไลน์

โครงสรำ้ งหลักสตู ร รำยวิชำ เขำหมอนพลตู ำหลวง สรปุ สำระสำคัญ กกกกกกก1. หวั เร่อื งที่ 1 ประวตั ิเขำหมอนพลูตำหลวง 1.1 ประวตั ิเขาหมอนพลูตาหลวง 1.2 ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องเขาหมอนพลตู าหลวง กกกกกกก2. หัวเร่อื งที่ 2 การทาหมอนอิง 2.1 ความหมายของหมอนอิง 2.2 ขัน้ ตอนการทาหมอนอิง 2.3 ประโยชนข์ องหมอนอิง กกกกกกก3. หัวเรอ่ื งที่ 3 การทาหมอนขา้ ง 3.1 อธิบายข้ันตอนการทาหมอนขา้ ง 3.2 บอกประโยชนข์ องหมอนขา้ ง กกกกกกก4. หวั เร่อื งที่ 4 การทาหมอนภูเขาสมุนไพร 4.1 วธิ ีทาหมอนภเู ขาสมุนไพร รูปแบบ1 4.2 วิธีทาหมอนภเู ขาสมุนไพร รูปแบบ2 4.3 ประโยชน์หมอนภเู ขาสมุนไพร 5. หัวเรอื่ งท่ี 5 การค้าขายออนไลน์ 5.1 วิธกี ารสร้างและการออกแบบเพจการคา้ ออนไลน์ 5.2 การขายออนไลน์ 5.3 การคิดคานวณราคาต้นทุน การกาหนดราคา ผลการเรียนรูท้ ่คี าดหวงั กกกกกกก1. ผูเ้ รียนมคี วามรู้เกี่ยวกับประวตั เิ ขาหมอนพลูตาหลวง กกกกกกก2. ผเู้ รียนสามารถทาหมอนท่ีเปน็ เอกลกั ษณช์ ุมชนเขาหมอนพลตู าหลวง กกกกกกก3. ผู้เรยี นมีอาชีพ สร้างรายไดจ้ ากการขายผลิตภณั ฑเ์ ขาหมอนพลูตาหลวง ขอบข่ายเนอ้ื หา กกกกกกกหลกั สตู รรายวิชา เขาหมอนพลตู าหลวง มีเน้ือหาการเรยี นรู้ จานวน 60 ชัว่ โมง กกกกกกกหัวเร่อื งที่ 1 ประวตั ิเขาหมอนพลูตาหลวง จานวน 10 ชว่ั โมง กกกกกกกหวั เรอื่ งที่ 2 การทาหมอนอิง จานวน 10 ช่วั โมง กกกกกกกหัวเรอ่ื งที่ 3 การทาหมอนข้าง จานวน 10 ชัว่ โมง กกกกกกกหวั เรื่องที่ 4 การทาหมอนภูเขาสมุนไพร จานวน 15 ชั่วโมง กกกกกกกหวั เร่ืองท่ี 5 การขายออนไลน์ จานวน 15 ชวั่ โมง

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเดน็ การศึกษาร่วมกนั ให้ไปศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเองจากสื่อที่หลากหลาย ได้แก่ สื่อเอกสาร สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ส่ือบุคคลและภูมิปัญญา และแหล่งเรียนรูใ้ นชมุ ชน กกกกกกก3. บนั ทึกผลการศึกษาค้นควา้ ลงในเอกสารการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลุ่ม อภิปราย แลกเปลีย่ นเรียนรู้ คิดวเิ คราะหข์ ้อมูลท่ีศกึ ษาได้ สรปุ การเรียนรู้ ร่วมกนั กกกกกกก6. บนั ทกึ ลงในเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก6. นาผลสรปุ การเรยี นร้ทู ่ีได้ไปฝึกปฏิบตั ิ กกกกกกก7. ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารทาหมอนอิง การทาหมอนข้าง การทาหมอนภูเขาสมนุ ไพร ฝึกปฏบิ ัตกิ าร สร้างเวบเพจ การขายออนไลน์ กกกกกกก8. สง่ เอกสารรายงานการการค้าขายออนไลน์ กกกกกกก9. สง่ ช้นิ งานหมอนองิ หมอนขา้ ง การทาหมอนภูเขาสมนุ ไพร สอื่ และแหล่งเรียนรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนังสือเรียนสาระการประกอบอาชีพ หลกั สตู รท้องถิ่น เขาหมอนพลูตาหลวง 1.4 หนังสือท่ีเก่ียวกบั การทาหมอน การประดษิ ฐห์ มอน 4.1 เอกสารวิชาการ สานกั งานกรมทรัพยากรธรณี เร่ือง ธรณีวิทยาระวาง อาเภอบางละมงุ (5134 I) ระวางอาเภอสัตหบี (5134 II) ระวางอาเภอปลวกแดง (5134 IV). นวรตั น์ บุญกนั ภัยและวจิ ติ รา พุทธรกั ษา. กรุงเทพฯ:, 2552. 4.2 หนงั สอื เรื่อง ไอเดียงานผ้า หมอนอิง. ของ รจนา เช้ือชม. สานกั พิมพ์ วาดศลิ ป์ , กรุงเทพฯ : 2555 2. สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ 2.1 CD 2.1.1 เรอ่ื ง การประดษิ ฐห์ มอน 2.2 Website ได้แก่ 2.2.1ข้อมูลตาบลพลตู าหลวง อาเภอสัตหบี ชลบรุ ี สบื ค้นเม่ือวนั ที่ 1 สิงหาคม 2562 http://www.thaitambon.com/tambon/200903 http://ifunnel.io/page/PinnOnline_รูปแบบหมอนทาเอง ทาหมอนตกแต่งดว้ ยมือของ คุณเอง สืบค้นเมื่อวนั ที่ 1 สิงหาคม 2562 จากhttps://skypress.ru/th/textiles/pillows- with-your-own-hands-pattern-templates- we-make-decorative-pillows-with- our-own-hands.htmlกก ประดิษฐ์ของใช้ สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 1 สิงหาคม 2562 จาก https://p-dit.com/tag/

D.I.Y. วิธเี ยบ็ ปลอกหมอนใชเ้ องภายใน 20 นาที สืบค้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 จาก https://home.kapook.com/view90001.html การทาหมอน การผลิตหมอน สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2562 จาก https://www.tistpillow.com/ กกกกกกก3. สื่อบคุ คลและภมู ปิ ัญญา 3.1 พันจ่าเอกวษิ ณุ โตสมบตั ิ นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลพลตู าหลวง 3.2 นางสธุ ารัตน์ สนามชัย กานันตาบลพลตู าหลวง 3.3 นายสวงิ นา้ ตาล อดตี ผู้ใหญบ่ า้ นคนแรกชมุ ชนเขาหมอน กกกกกกก4. ส่อื แหลง่ เรยี นรูใ้ นชมุ ชน 4.1 ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี อาเภอสัตหีบ กำรวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความก้าวหนา้ คะแนนรวม 60 คะแนน ด้วยวธิ ีการ 1.1 การสังเกต 1.2 การซักถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) 30 คะแนน 1.4 ตรวจเอกสารรายงานการขายออนไลน์ 30 คะแนน กกกกกกก2. ประเมินผลรวม คะแนนรวม 40 คะแนน ดว้ ยวธิ กี าร 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ 40 คะแนน 2.2 ตอบแบบสอบถาม วดั ทกั ษะการการทาหมอน 2.3 ตอบแบบสอบถาม วัดเจตคติต่อหลักสูตรรายท้องถน่ิ เขาหมอนพลตู าหลวง กกก 3. ให้นาคะแนนทไี่ ดจ้ ากข้อ 1 และ 2 มารวมกนั แล้วแปลความหมายของคะแนนออกเป็น 8 ระดบั ดังนี้ ได้คะแนนร้อยละ 80 - 100 ให้ระดับ 4 หมายถึง ดีเยยี่ ม ไดค้ ะแนนร้อยละ 75 - 79 ใหร้ ะดบั 3.5 หมายถึง ดมี าก ได้คะแนนรอ้ ยละ 70 - 74 ให้ระดบั 3 หมายถึง ดี ได้คะแนนร้อยละ 65 - 69 ใหร้ ะดบั 2.5 หมายถึง ค่อนข้างดี ได้คะแนนร้อยละ 60 - 64 ให้ระดบั 2 หมายถงึ ปานกลาง ไดค้ ะแนนร้อยละ 55 - 59 ใหร้ ะดบั 1.5 หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนนร้อยละ 50 - 54 ใหร้ ะดบั 1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขัน้ ต่าทก่ี าหนด ได้คะแนนร้อยละ 0 - 49 ใหร้ ะดบั 0 หมายถึง ต่ากว่าเกณฑข์ ัน้ ตา่ ท่ีกาหนด 4. สาหรบั คะแนนทผี่ ูเ้ รียนตอบแบบสอบถามวดั ทกั ษะในข้อ 2.2 ถา้ ผเู้ รียนมีทักษะระดบั พอใช้ ถึง มาก ถือว่าผ่าน ถ้าต่ากวา่ ให้ครูผสู้ อนนามาปรบั ปรุงการจดั การเรยี นรู้ เนน้ ทักษะที่ต้องการ พฒั นาใหม้ ากยิง่ ขน้ึ กกกกกกก5. สาหรับคะแนนผู้เรยี นตอบแบบสอบถามวัดเจตคตใิ นข้อ 2.3 ถ้าผเู้ รยี นมีเจตคติ ระดบั พอใช้ถงึ ดี ถอื วา่ ผ่าน ถ้าต่ากวา่ ให้ครูผ้สู อนปรบั ปรุงเนอ้ื หาการจดั การเรยี นรู้ และการวัดประเมินผล ให้ดยี ่ิงขึ้น

หัวเร่ืองที่ 1 ประวัตเิ ขำหมอน สำระสำคญั กกกกกกก1. ประวัติเขาหมอนพลูตาหลวงกกกกกกก ชุมชนเขาหมอนเกดิ ขน้ึ เมอื่ ปี พ.ศ. 2502 โดยการกอ่ ตง้ั ของผใู้ หญบ่ ้านคนแรก ผู้ใหญ่ สวิง น้าตาล ได้อพยพพาจากจังหวัดปทุมธานี เดิมทีมีแค่ 3 ครัวเรือนเท่านั้น และก็มีการ อพยพมาเร่ือย ๆ นอกจากจะมาจากจังหวัดปทุมธานีแล้ว ก็มีจังหวัดนครสวรรค์ด้วย จนถึงปัจจุบันมี มากกวา่ 200 ครวั เรอื น เน่ืองจากพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ เพราะลักษณะเป็นภูเขาขนาดใหญ่และมีความยาว มอง จากมุมสูงมีรูปทรงคล้ายกับหมอน ส่วนท้ายของภูเขาเมื่อก่อนชาวบ้านจะเรียกว่าเขาเรด้า ซ่ึงเป็นท่ี อยู่ของทหารอเมริกัน โดยเม่ือก่อนคนในชุมชนมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร นิยมปลูกมันสาปะหลัง มะพร้าว และมีรายได้เสริมจากการ เผาถา่ น เก็บหน่อไมข้ าย ด้วยความอุดมสมบูรณ์นั้น ทาให้ชุมชนเขาหมอนมีพืชสมุนไพรท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ตามป่าเขา มากมายหลายชนิด ถึงแม้ว่าปัจจุบันความเจริญกาลังเข้ามาสู่ชุมชน แต่คนในชุมชนยัง เลง็ เห็นความสาคัญของพืชสมนุ ไพร มีการปลูกทง้ั ในสวน และในบริเวณบ้านของตัวเองอีกด้วย กกกกกกก2. ภูมศิ าสตรเ์ ขาหมอนพลตู าหลวง กกกกกกก สภาพท่ัวไป กกกกกกก เขาหมอนตั้งอย่ใู นหมทู่ ่ี 7 องค์การบริหารส่วนตาบลพลูตาหลวง พ้ืนที่ตาบลพลูตาหลวง ซ่งึ เป็นตาบลหน่ึงในจานวน 5 ตาบล ของอาเภอสตั หีบ จงั หวดั ชลบุรี อยู่ห่างจากจังหวัด ประมาณ 90 กิโลเมตร โดยองค์การบริหารส่วนตาบลพลูตาหลวง มีพื้นที่ประมาณ 54,046 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 33,903 ไร่ ตวั ชว้ี ัด กกกกกกก1. บอกการประวัติเขาหมอนพลูตาหลวง 2. อธบิ ายภูมศิ าสตร์เขาหมอนพลตู าหลวง

ขอบข่ำยเน้อื หำ กกกกกกก1. ประวตั เิ ขาหมอนพลูตาหลวง 2. ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรข์ องเขาหมอนพลตู าหลวง เนอ้ื หำ กกกกกกก1. ประวัติเขำหมอนพลตู ำหลวง 1.1 ประวตั เิ ขำหมอนพลตู ำหลวง ครั้งเม่ือ อดีตกาล ย้อนไปราวหน่ึงศตวรรษ พ้ืนที่ตาบลพลูตาหลวงยังคงเป็นเป็น ป่าดงดิบมีภูเขาตาหลวง เขาตะแบก เขาหมอน และภูเขาต่าง ๆ อีกหลายลูก ซ่ึงในหุบเขา เขาหมอน มีธารน้าใสไหลเย็นพาดผ่านจากคลองตาหลวงไหลไปบรรจบคลองไผ่ ซ่ึงไหลไปลงทะเลท่ีหมู่บ้านอู่ ตะเภาโดยในสมัยนั้น การสัญจรใช้ทางเรือเป็นหลัก สาหรับการเดินทางระหว่างชุมชน หรือหมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ล้อเลื่อนและเกวียน ชุมชนชายทะเล ชุมชนท่ีเรียกได้ว่ามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ที่สุด มีเรือสินค้าผ่านไปมา ตลอดปี อาทิเช่น ชุมชนบ้านอู่ตะเภาและชุมชนบ้านขลอดท่ีไกลออกไป ทางทิศตะวันออกเป็นชุมชนบ้านพลา,บ้านพยูน ฯลฯ ส่วนด้านตะวันตกของพลูตาหลวงเลียบชายฝั่ง ทะเล เปน็ ชุมชน บ้านขลอด บ้านช่องแสมสาร, จุกเสม็ด และสัตหีบ สาหรับชุมชนบนพ้ืนท่ีดินห่างฝ่ัง ทะเลขน้ึ มาคอื ชุมชนบ้านบางไผ่ บา้ นหนองสะ(สระแก้ว) บา้ นเขาครอก บ้านยายล้า บ้านปลากั้ง และ บ้านชากหมาก ซึ่งเป็นชุมชนอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบแต่ติดต่อกันด้วยเกวียนและล้อเลื่อน ผู้สูงอายุใน หมู่บ้านขลอดเล่าต่อกันมาว่าในหุบเขาตาหลวงมีคนอาศัย 2 กลุ่ม ด้วยกัน คือกลุ่ม \"ชุมชนตาหลวง\" และ \"ชุมชนตาวง\" โดยเล่าว่า \"ตาหลวง\" เป็นเศรษฐี และมีลูกสาวสวยจนเป็นที่หมายปองของเหล่า โจรสลดั ซ่ึงพยายามปล้นทรัพย์และจับลูกสาวหลายครั้ง ตาหลวงจึงลูกสาวหนีมาหลบซ่อนอยู่หลังเขา กลางป่า เวลาจะขึ้นจากริมตลิ่งก็ต้องถอยหลังขึ้น เพ่ือประทับรอยเท้าแสดงว่า \"ลง\" มิใช่ \"ขึ้น\" เป็น การลบร่องรอยมิให้โจรตามถูกทิศทาง ครั้งต่อมาโจรสลัดสืบทราบว่าหนีมาอยู่หลังเขาจึงตามมาปล้น เพ่ือจะเอาลกู สาว ปรากฏว่าสามารถจับตาหลวงได้และจะฆ่าให้ตาย โดยใช้มีดดาบฟันและแทง แต่ไม่ ระคายเคืองผิวหนังแต่อย่างใด ทาอย่างไรก็ไม่ตายจึงใช้ไม้แหลมแทงสวนทวารจนตาย เมื่อตาหลวง ตายก็ไม่มี \"ผู้นา\" ชุมชนก็เร่ิมอ่อนแอ และต่างโยกย้ายกันออกไปหาท่ีพึ่งใหม่ \"ชุมชนตาหลวง\" จึง เหลอื แต่ทง้ิ ไวแ้ ต่ \"ต้นหมากตน้ พลู\" และถ้วยโถโอชามที่แตกสลายฝังดินอยู่กลางป่าเป็นเวลาช้านานไม่ นอ้ ยกวา่ 200 ปแี ลว้ กล่าวย้อนไปถงึ ยุคสมยั เก่า ชุมชนเขาหมอนเกดิ ข้นึ เม่ือปี พ.ศ. 2502 โดยการก่อต้งั ของ ผู้ใหญ่บา้ นคนแรก ผใู้ หญส่ วิง น้าตาล โดยไดอ้ พยพมาจากจังหวดั ปทุมธานี เดิมทีมีแค่ 3 ครวั เรือน เท่านนั้ และก็มกี ารอพยพมาเรอ่ื ยๆ นอกจากจะมาจากจังหวดั ปทุมธานแี ลว้ กม็ จี งั หวัดนครสวรรค์ ดว้ ย จนถึงปัจจุบนั มมี ากกวา่ 200 ครัวเรอื น เน่ืองจากพน้ื ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เพราะลักษณะเป็น ภเู ขาขนาดใหญ่และมีความยาว มองจากมุมสูงมรี ปู ทรงคลา้ ยกบั หมอน ส่วนทา้ ยของภเู ขาเม่ือก่อน ชาวบา้ นจะเรียกว่าเขาเรด้า ซึ่งเป็นทีอ่ ยู่ของทหารอเมรกิ นั โดยเมื่อก่อนคนในชมุ ชนมีอาชีพหลักเป็น เกษตรกร นิยมปลูกมันสาปะหลัง มะพรา้ ว และมรี ายได้เสรมิ จากการ เผาถา่ น เก็บหน่อไมข้ าย และ ดว้ ยความอดุ มสมบูรณน์ ั้น ทาให้ชุมชนเขาหมอนมพี ชื สมุนไพรทเี่ กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามปา่ เขา มากมายหลายชนิด ถึงแม้ว่าปัจจบุ นั ความเจริญกาลังเข้ามาสชู้ ุมชน แต่คนในชุมชนยงั เล็งเหน็ ความสาคัญของพชื สมุนไพร มีการปลกู ทัง้ ในสวน และในบริเวณบ้านของตัวเองอีกด้วย

1.2 ภมู ศิ ำสตรเ์ ขำหมอนพลตู ำหลวง เขาหมอนตง้ั อย่ใู นหมทู่ ี่ 7 ของตาบลพลูตาหลวงทปี่ ระมาณ 54,046 ตาราง กิโลเมตร หรือ ประมาณ 33,903 ไร่ สภาพภูมิอากาศโดยทว่ั ไป มี 3 ฤดูฤดูหนาวตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน - กมุ ภาพนั ธ์ ฤดรู อ้ นตงั้ แตเ่ ดือนมีนาคม - มิถนุ ายน ฤดูฝน ตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม - ตุลาคม อาชีพหลัก ได้แก่ รับราชการ ประมง อาชีพเสรมิ ไดแ้ ก่ การเกษตร ผลผลิตทางการเกษตรที่สาคัญ ไดแ้ ก่มันสาปะหลัง มะมว่ ง ขา้ ว มะพรา้ ว อ้อย ทเุ รยี น กล้วย แตงโม กะท้อน และ ขนุน ชื่อแหลง่ นา้ ทสี่ าคญั (แม่น้า/บึง/คลอง) ไดแ้ ก่ อา่ งเก็บน้าหนองตะเคียนอา่ งเก็บ นา้ โรงเรียนชุมพล อา่ งเกบ็ นา้ หว้ ยตู้ 1- 2อ่างเกบ็ นา้ ภมู ิอนันตอ์ า่ งเกบ็ น้าพลตู าหลวง กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศกึ ษารว่ มกนั ให้ไปศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเองจากสื่อท่หี ลากหลาย ไดแ้ ก่ สือ่ เอกสาร ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ส่ือบุคคลและภมู ปิ ัญญา และแหลง่ เรียนรใู้ นชมุ ชน กกกกกกก2. บันทึกผลการศึกษาค้นควา้ ลงในเอกสารการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลมุ่ อภปิ ราย แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ คดิ วเิ คราะห์ข้อมลู ท่ศี ึกษาได้พร้อมสรุปการเรียนรู้ ร่วมกัน และบันทึกลงในเอกสารการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. นาผลสรปุ การเรยี นร้ทู ่ีได้ไปฝึกปฏิบัตติ ามใบงาน สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ได้แก่ 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนงั สอื เรียน สาระการประกอบอาชีพ เขาหมอนพลตู าหลวง 1.4 หนังสอื ทีเ่ กี่ยวข้องกับการประดิษฐห์ มอน กกกกกกก2. สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ 2.1 CD 2.2 Website ไดแ้ ก่ กำรวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมินความกา้ วหน้า ด้วยวิธีการ 1.1 การสังเกต 1.2 ซักถาม ตอบคาถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมินผลรวม ดว้ ยวิธกี าร 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ หัวเร่ืองท่ี 1 ประวตั เิ ขาหมอนพลูตาหลวง จานวน 3 ขอ้ 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติท่ีมีต่อรายวชิ าเขาหมอนพลตู าหลวง

หวั เรื่องท่ี 2 กำรทำหมอนอิง สำระสำคัญ หมอนอิง สามารถจาแนกอยา่ งง่าย ๆ ไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะคือ แบบถอดซักได้ และ แบบเยบ็ ติดตาย ซ่งึ ถ้าบ้านคุณเปน็ บ้านท่ีสวยเนีย้ บมรี ะเบียบทกุ กระเบียดนิ้ว การใช้หมอนอิงแบบเยบ็ ติดตาย กค็ งไม่ใช่ปญั หา แตถ่ ้าบ้านคณุ มีเด็กหรือสตั วเ์ ลยี้ ง หมอนอิงแบบแยกไสห้ มอนกับปลอกออก จากกันก็น่าจะเหมาะกว่า เพราะง่ายต่อการดูแลรกั ษาและถอดซักเปลี่ยนได้ รูปทรงและขนาด ควร เลือกขนาดใหเ้ หมาะกบั พ้ืนที่ ไมค่ วรมีขนาดใหญเ่ กนิ ไป เพราะจะกีดขวางการใช้สอยของพ้นื ทนี่ ้นั ๆ แตก่ ไ็ มค่ วรเลก็ จนกลืนหายขาดความน่าสนใจ สว่ นรปู ทรงปัจจุบันมที ้ังรูปทรงเหล่ยี ม กลม รี และ อื่น ๆ หรือผสมผสานกันก็ได้ แต่ต้องนามาประดับในปริมาณที่พอดี และเน้นการจัดวางที่สมดุลเป็น หลัก โทนสีและลวดลาย ควรเลือกที่มีโทนสีและลวดลายสอดรับกับบรรยากาศโดยรวม หรือ อาจ เน้นให้ดูน่าสนใจมากขึ้นด้วยการเลือกที่มีน้าหนักสีอ่อน-เข้ม และลวดลาย จะให้โดดเด่นกว่าพ้ืนท่ี โดยรอบ หรือจะให้กลมกลืนกับม่าน พรม และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์แบบ Mix & Mate ก็ช่วยได้ไม่น้อย ตัวชว้ี ดั 1. บอกประเภทของหมอนอิง 2. อธิบายขนั้ ตอนการทาหมอนองิ ขอบขำ่ ยเนอ้ื หำ 1. ความหมายของหมอนองิ 2. ข้นั ตอนการทาหมอนอิง 3. ประโยชน์ของหมอนองิ เนือ้ หำ 1. ความหมายของหมอนอิง หมอนอิง หมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ่ีทาจากผา้ ชนดิ ต่างๆ เช่น ผ้าไหม ผ้าฝา้ ย นามา ตัดเยบ็ ประกอบให้มีขนาด และรปู แบบตามต้องการ เช่น ส่ีเหลี่ยม กลม อาจนาวัสดอุ น่ื มาเยบ็ ประกอบในช้ินงานเดยี วกนั เชน่ แผน่ กก แผ่นหนงั แลว้ บรรจุด้วยนุน่ ใยพอลเี อสเตอร์ หรือเส้นใย อ่ืนๆ ที่เหมาะสม และอาจตกแต่งด้วยวัสดุอ่นื เพ่ือความสวยงาม เชน่ เล่อื ม ลูกปัด นิยมนามาทาเป็น ของใชแ้ ละของตกแตง่ หมอน เปน็ เครื่องใชป้ ระจาวนั ในครวั เรอื น ซง่ึ อยกู่ บั วฒั นธรรมไทยมาตั้งแต่ โบราณ โดยมหี ลักฐานทาง ประวัตศิ าสตรท์ ่ีกล่าวถึงธรรมเนียมการใช้หมอนนับยอ้ นไปไกลได้ถึงสมยั สุโขทัยในจารกึ หลักที 1 ของพ่อขนุ รามคาแหง กล่าวถงึ ประเพณกี ารทาบุญกฐิน ซ่งึ พ่อขุนรามคาแหง เสด็จพระราชดาเนนิ ไปบาเพ็ญพระราชกุศล ถวายผา้ กฐินในเขตอรัญญกิ และมกี ารระบุถงึ ส่งิ ของ เครือ่ งใช้ทน่ี าไปถวายเป็นบรวิ ารผา้ กฐนิ โดยมขี องใช้ที่เรยี กว่า หมอนนั่งและ หมอนนอน สาหรับ

ถวายแก่พระสงฆ์ นอกจากนี้ในสานวนไทยก็มีคาว่า ร่วมเรยี งเคยี งหมอน หมายถึงการร่วมใชช้ ีวิตอยู่ เป็นครอบครัว เปน็ หลักฐานการมีอยู่ของหมอนมาตั้งแตโ่ บราณ การใชห้ มอนในชีวิตประจาวนั ถือเปน็ วัฒนธรรมสากล แตก่ ็มีความแตกต่างของรปู แบบตามแตล่ ะ วัฒนธรรม อย่างเช่น คนจีนนิยมใช้หมอน ไม้ เพราะการแพทยจ์ นี เชื่อว่าการนอนหนุนส่ิงทีอ่อนนมุ่ เกนิ ไปสง่ ผล เสยี ต่อสขุ ภาพ หรือหมอนตาม แบบตะวนั ตกทเี รียกว่าPillow มีลกั ษณะเหมือนของทีใชใ้ นปัจจุบนั ใน วัฒนธรรมนิยมแยกประเภท ของหมอนไปตามวัตถปุ ระสงคก์ ารใชแ้ ละบทบาทหนา้ ทีของหมอน หมอนทีคุ้นเคยทีสุดในวฒั นธรรม ไทยคือ หมอนในห้องนอน ซ่งึ บนเตียงนอนของคนไทยมีหมอนอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือ หมอน หนุน หรอื หมอนนอน คือหมอนที่ ใช้หนนุ ศีรษะสาหรับนอน ปัจจุบันน้ีมี ลักษณะแบบตะวนั ตกแต่ เดิมหมอนหนนุ ของไทยเปน็ หมอนท่ีเยบ็ เป็นฟูกที่ละเปลาะแลว้ จึงพบั ๆ เข้าดว้ ยกันเปน็ รปู ส่ีเหลยี ม นยิ มเรยี กว่า หมอนหนา้ อฐิ ปัจจบุ ันยังคงเหน็ ได้ในวฒั นธรรมอสี าน เยบ็ ด้วยผ้าทอลายขิดที่เรียกว่า หมอนขิด ซ่ึงนอกจากเปน็ หมอนหนนุ ของคนไทยมาแตด่ ั้งแต่เดมิ ยังนยิ มใช้เปน็ หมอนสาหรับถวาย พระใน เทศกาลงานบญุ ต่างๆ ดว้ ย ท้ังยงั เปน็ ของท่ีระลึกสาหรับผ้ไู ปทาบุญ ประเภทท่ีสองคือ หมอน ข้าง ใช้กอดเพื่อความ สบายของผ้นู อน และใชท้ บั ชายมงุ้ ไม่ให้เปดิ ออก นอกจากในห้องนอน ยังมี หมอนในห้องน่ังเล่นหรอื ห้องรับแขกของคนไทย เรียกว่า หมอนอิง แต่นิยม ทาเป็นรูปส่ีเหลยี มจัตรุ ัส วางไวท้ ี่พนักเก้าอี้ สาหรับพงิ ปจั จุบนั น้ียังเหน็ ไดเ้ วลาพระมหากษัตรยิ ห์ รอื พระราชวงศ์ ผูใ้ หญ่เสด็จ ออกในงานพิธีการต่างๆ ที่พระราชอาสนจ์ ะมหี มอนองิ หรือเรียกคาราชาศัพท์พระเขนยอิง วางถวาย ไวเ้ วลาที่ประทบั เพื่อความสาราญ พระอิริยาบถ หมอนองิ อีกรูปแบบหนงึ่ คือ หมอนขวาน ทาเปน็ รูป สามเหลียม ซง่ึ เดมิ คนไทยน่ัง บนพน้ื กระดานหรือบนต่ัง ก็จาต้องมีหมอนขวานมาอิงสีขา้ งเพ่ือช่วย ผอ่ นคลายอากปั กริ ิยา อีกประเภทหนึ่งคือ หมอนรองน่ัง ใช้หนุนนั่งบนพน้ื แขง็ ๆ ปัจจบุ ันมกั เรยี กว่า เบาะรองนั่ง หมอนนั่งมัก วางคกู่ บั หมอนอิง ประกอบกิรยิ าของคนไทยที่ชอบนั่งๆ นอนๆ บนพนื้ ซ่ึง ปจั จุบนั มีการนาหมอนน่ังกบั หมอนขวานมาเย็บติดกนั เพ่ือวตั ถปุ ระสงคด์ ังกล่าว นอกจากนี้มหี มอนอีก ลักษณะทนี่ ยิ มใช้ในพิธกี ารต่างๆ ท้ังของหลวง และของราษฎร์เรียกว่า หมอนรปู ฟักทอง 2. ขน้ั ตอนกำรทำหมอนองิ สมนุ ไพร อุปกรณ์ในการทาหมอนอิง 1. จกั รเย็บผ้า 2. ไสห้ มอน 3. ผ้าสาหรบั ทาหมอน 4. กรรไกร 5. ดา้ ยเยบ็ สเี ดยี วกบั ผา้ 6. สายวัด 7. เขม็ หมุด,เขม็ เยบ็ ผา้

ข้นั ตอนการทา 1. นาสมนุ ไพรมาเชด็ ทาความสะอาด

2. นาสมุนไพรที่ทาความสะอาดแล้วมาหั่นเปน็ ท่อนๆ ขนาด 1.5 ซม.

3. เม่อื ไดส้ มนุ ไพรท่หี ่นั เรยี บร้อยแลว้ นาไปค่วั เพื่อใหส้ มนุ ไพรแหง้

4. วดั ผา้ ท่เี ตรยี มไวใ้ หม้ ขี นาด ความกว้างและความสงู ขนาด กว้าง 45 ซม. x ยาว 45 ซม.

5. พับรมิ ผ้าเขา้ ท้ัง 4 ดา้ นก็พับเหมอื นกัน รดี ใหเ้ รียบแลว้ เย็บกลบั ดา้ นของหมอน

6. วาดภาพสีอะครลิ ิคสญั ลักษณ์เขาพร้อมชื่อ “Khao Mon” จะไดห้ มอนอิง แล้วนามายัดไส้และ สมุนไพรใหเ้ ตม็ ใบแลว้ เย็บปิดมมุ

7. ได้หมอนอิงท่สี วยงาม

3. ประโยชน์ของหมอนอิง 3.1. เอาไวใ้ ช้ในการหนุนหลังหรือเอวเหมาะกบั คนที่นัง่ นานๆ เพ่อื ลดอาการเกร็ง 3.2. ลดอาการปวดหลัง และเหมาะสาหรับผทู้ ี่นัง่ หรือนอนเป็นเวลานาน 3.3. เอาไวร้ องหลงั เวลาขับรถเปน็ ระยะไกล 3.4 กลิน่ ช่วยบารงุ สมอง ประสาท ทาให้สดชื่น และแก้อาการอ่อนเพลีย 3.4. ตกแตง่ บา้ นใหส้ วยงาม กำรจัดประสบกำรณก์ ำรเรียนรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศกึ ษาร่วมกัน ให้ไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากส่ือท่ีหลากหลาย ไดแ้ ก่ สอ่ื เอกสาร สื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ ส่อื บุคคลและภมู ปิ ัญญา และแหลง่ เรยี นร้ใู นชุมชน กกกกกกก2. บนั ทกึ ผลการศึกษาคน้ ควา้ ลงในเอกสารการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกล่มุ อภิปราย แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ คิดวเิ คราะห์ข้อมลู ทศี่ ึกษาได้พรอ้ มสรปุ การเรียนรู้ รว่ มกนั และบันทึกลงในเอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. นาผลสรปุ การเรยี นรูท้ ไี่ ด้ไปฝึกปฏิบตั ิตามใบงาน สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ได้แก่ 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนังสือเรียน สาระการประกอบอาชีพ หลักสูตรท้องถ่นิ เขาหมอนพลตู าหลวง 1.4 หนงั สือทเ่ี กี่ยวข้องกับการประดิษฐห์ มอน กกกกกกก2. สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ 2.1 CD 2.2 Website ได้แก่ กำรวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความก้าวหนา้ ดว้ ยวิธกี าร 1.1 การสังเกต 1.2 ซกั ถาม ตอบคาถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด้วยวิธีการ 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความรู้ หัวเรื่องที่ 2 การทาหมอนอิง จานวน 3 ข้อ 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตทิ ี่มตี อ่ รายวิชาเขาหมอนพลูตาหลวง

หัวเรอื่ งที่ 3 กำรทำหมอนข้ำง สำระสำคัญ การทาหมอนข้าง มีขัน้ ตอนการออกแบบรปู รา่ ง การเย็บ การใส่สมุนไพร เพือ่ ลด การนอนไม่ หลับ กระสบั กระส่าย ซึ่งมันอาจมหี ลายสาเหตุ คอื เสยี งรบกวน ความเครยี ด นอนไมส่ บายตวั ปวดล้า กล้ามเน้ือ น่งั เกรง็ เวลาทางานหรือทาอะไรทฝ่ี นื ตวั และ อาจจะยงั มีอีกสาเหตุ คอื เกดิ จากหมอนท่ี หนนุ กเ็ ป็นได้ ในรา่ งกายคนเรานั้นจะต้องไดร้ ับการพักผ่อนอยา่ งน้อยวนั ละ 8 ชว่ั โมงตอ่ วนั ถ้าไม่ได้รับ การพักผอ่ นอยา่ งเพยี งพอกจ็ ะส่งผลทาให้ ตับ ไต ปอด หวั ใจ จะได้ไมท่ างานหนักจนเกินไป ไมอ่ ย่างน้ันอาจจะทาใหล้ ้มปว่ ยได้ หมอนจึงเป็นที่อานวยความสะดวกสบายในการนอนหลับและการ เลือกหมอนก็เป็นสิ่งสาคัญเหมอื นกัน ตัวชี้วดั 1. อธบิ ายข้นั ตอนการทาหมอนข้างสมุนไพร 2. บอกประโยชน์ของหมอนข้างสมนุ ไพร ขอบขำ่ ยเน้ือหำ 1. อธบิ ายข้ันตอนการทาหมอนขา้ งสมนุ ไพร 2. บอกประโยชนข์ องหมอนข้างสมุนไพร เนือ้ หำ หมอนขา้ ง เป็นหนง่ึ ในเครื่องมอื ท่ีลดการปวดเมื่อยของกระดูกและร่างกาย อาการเคลด็ ขดั ยอกและปวดเมอื่ ยของร่างกายจะค่อยๆ บรรเทาลง สงั เกตจากผู้ป่วยหรือผสู้ ูงอายุ ถา้ มี หมอนส้นั ๆ หรอื หมอนข้างมาชว่ ยรองรบั อวยั วะรา่ งกายในสว่ นนน้ั ก็มกั จะชว่ ยใหบ้ รรเทาอาการเมอ่ื ย และบาดเจ็บได้อย่างดี 1. ขัน้ ตอนกำรทำหมอนข้ำง อุปกรณ์ในการทาหมอนข้าง 1. จักรเย็บผา้ 2. ไส้หมอน 3. ผา้ สาหรบั ทาหมอนข้าง 4. กรรไกร 5. ด้ายเยบ็ สีเดียวกับผา้ 6. สายวัด 7. เขม็ หมดุ ,เข็มเย็บผ้า

ข้นั ตอนกำรทำหมอนข้ำง 1. นาสมนุ ไพรท่ีทาความสะอาดแล้วมาห่นั เปน็ ท่อนๆ ขนาด 1.5 ซม. 2 วดั ขนาดความกว้างและความสงู ของหมอนขา้ งสมุนไพร ขนาดตามรปู . 45 ซม. 25 ซม 35 ซม

3. เม่อื ตดั ผา้ ไดต้ ามภาพแลว้ นามาพบั แล้วเยบ็ เข้าดา้ นละ 1.5 ซม.

4.วาดภาพสอี ะคริลคิ สญั ลักษณ์เขาพร้อมชื่อ “Khao Mon” จะไดห้ มอนขา้ งสมุนไพร แล้วนามายัดไส้ และสมนุ ไพรใหเ้ ต็มใบแลว้ เย็บปดิ มุม

ประโยชนข์ องหมอนขำ้ งสมุนไพร ควำมเครยี ดตลอดวันลดลง เจอปญั หาเรื่องงาน เร่ืองเรยี นมาทง้ั วนั ทาให้คณุ นั้นมีอาการเครียดสะสม ลองเอาหมอนข้าง รองใต้คอดู จะช่วยทาให้ความเครยี ดท่สี ะสมมาตลอดวนั นั้นน้อยลง และ กล้ามเน้ือผ่อนคลายมากข้นึ หลบั สบำยและลกึ ขึน้ หมอนขา้ งจะชว่ ยทาใหห้ ลบั สบายมากขึ้น คณุ ภาพการนอนหลับของเราดีขึ้นโดยเฉพาะนอน ตะแคงหรือหนั ข้าง ขาของเราจะไดร้ บั การหนนุ เพ่ิมความสบายมากขนึ้ และช่วยลดความเครียดและ ปวดเมื่อยช่วงขาและหลงั ได้ ชว่ ยระบบหมนุ เวียนเลอื ด ใชห้ มอนขา้ งในการยกบางสว่ นของรา่ งกายเรา เช่น แขน ขา เขา่ หรือ เทา้ จะช่วยให้เลือด หมุนเวยี นไดร้ าบรื่นไปถึงหวั ใจ หัวใจจงึ ทางานไม่หนัก ลดกำรปวดเม่ือย หมอนข้าง เปน็ หนง่ึ ในเครื่องมอื ทีล่ ดการปวดเม่ือยของกระดูกและร่างกาย อาการเคล็ดขัด ยอกและปวดเมื่อยของร่างกายจะค่อยๆ บรรเทาลง สงั เกตุจากผู้ป่วยหรอื ผสู้ งุ อายุ ถ้ามีหมอนสั้นๆ หรือ หมอนขา้ งมาชว่ ยรองรับอวัยวะรา่ งกายในส่วนนนั้ กม็ ักจะชว่ ยใหบ้ รรเทาอาการเม่ือยและ บาดเจบ็ ได้อยา่ งดี ลดควำมเจ็บปวด ลองวางหมอนข้าง หรือ หมอนไว้ใต้หวั เข่า การท่ีเอาหมอนขา้ งไว้ใต้หัวเข่า ให้หัวเข่าอยู่สูง กว่าสะโพกเราจะช่วยลดความกดดนั และผอ่ นคลายกล้ามเนอื้ มากขน้ึ กลา้ มเนือ้ หลังและชว่ งล่างของ เราจะผ่อนคลาย ลดแรงกดทับ และลดความตึงเครยี ด หลงั ตรงและสงู ข้ึน ใครจะรวู้ า่ การกอดหมอนขา้ ง จะช่วยจัดระเบยี บหลงั ของเราให้ดีขน้ึ อีกทั้งยงั มผี ลต่อหลงั ที่ ตรงและความสูงของเราดว้ ย แตถ่ ้าใครกอดหมอนนอนขดเป็นกงุ้ อาจจะไม่ได้ชว่ ยสกั เท่าไหรน่ ะ เพ่มิ ควำมอบอุน่ การกอดหมอนข้าง กใ็ ห้ลกั ษณะเดียวกบั การกอดทั่วๆ ไป คนท่กี อดจะไดร้ ับความรูส้ ึกดี รสู้ กึ อบอ่นุ จากการกอดนั้น ยังรู้สกึ ถึงความปลอดภยั ขณะนอนหลับ ชว่ ยทาใหภ้ าวะจิตใจของเรารสู้ กึ ดขี ้นึ มีความสุขต่อการนอนมากขึ้นส่งผลใหก้ ารนอนหลบั ของเราดขี ึ้นตามมา สื่อและแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร ได้แก่ 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนงั สอื เรียน สาระการประกอบอาชีพ หลักสูตรท้องถ่ิน เขาหมอนพลตู าหลวง 1.4 หนังสอื ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การประดิษฐ์หมอน กกกกกกก

2. สือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2.1 CD 2.2 Website ได้แก่ กำรวดั และประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความก้าวหนา้ ด้วยวิธีการ 1.1 การสังเกต 1.2 ซกั ถาม ตอบคาถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมินผลรวม ดว้ ยวธิ ีการ 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ หัวเรื่องท่ี 3 การทาหมอนข้าง จานวน 3 ขอ้ 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตทิ ี่มตี อ่ รายวิชาเขาหมอนพลตู าหลวง

หัวเรือ่ งท่ี 4 กำรทำหมอนภูเขำสมนุ ไพร สำระสำคัญ การทาหมอนมภเู ขาสมนุ ไพรมี 2 รูปแบบ ขนั้ ตอนการออกแบบรปู รา่ ง การเย็บ การใส่ สมุนไพรจากใบเตย ตะไคร้ ซึ่งเปน็ สมุนไพรกล่ินหอม เม่ือสูดดมเข้าไปแลว้ สามารถช่วยผ่อนคลาย ความตึงเครยี ดได้ดี และมสี รรพคณุ เฉพาะช่วยบรรเทาอาการคัดจมกู แก้วงิ เวียนศรี ษะ ขับลม กระตนุ้ การไหลเวยี นโลหติ ยงั ชว่ ยในกำรนอนหลบั สบายมากขึ้น สมุนไพรไทยทม่ี คี วามหอมและมีประโยชน์ จากการนาส่วนใบไปใช้ประโยชน์ของหมอนภูเขาสมนุ ไพร ดับกลิ่นคาว ไลแ่ มลง ไล่ยงุ กล่ินห้องน้า รวมถึงกลนิ่ ไม่พึงประสงค์อ่ืนได้ดี ตัวชีว้ ดั 1. บอกวธิ ีทาหมอนภูเขาสมุนไพร รปู แบบ1 2. บอกวธิ ีทาหมอนภเู ขาสมุนไพร รปู แบบ2 3. บอกประโยชน์ของหมอนภเู ขาสมนุ ไพร ขอบขำ่ ยเนอ้ื หำ 1. วธิ ีทาหมอนภูเขาสมนุ ไพร รปู แบบ1 2. วธิ ที าหมอนภเู ขาสมนุ ไพร รปู แบบ2 3. ประโยชน์ของหมอนภเู ขาสมนุ ไพร

เน้อื หำ 1. วิิีทำหมอนภูเขำสมุนไพร รูปแบบ 1 อุปกรณ์ 1. จักรเยบ็ ผ้า 2. ไส้หมอน.สมุนไพร 3. ผา้ สาหรับทาหมอน 4. กรรไกร 5. ดา้ ยเย็บสีเดียวกบั ผา้ 6. สายวัด 7. เขม็ หมุด,เขม็ เย็บผ้า ข้นั ตอนการทา 1. นาสมุนไพรมาเชด็ ทาความสะอาด 2. นาสมุนไพรท่ีทาความสะอาดแล้วมาหั่นเปน็ ท่อนๆ ขนาด 1.5 ซม.

3. เม่อื ไดส้ มนุ ไพรท่หี ่นั เรยี บร้อยแลว้ นาไปค่วั เพื่อใหส้ มนุ ไพรแหง้

4. วดั ผ้าทีเ่ ตรยี มไว้ใหม้ ขี นาด ตามรปู 15 ซม. 5 ซม. 10 ซม 5 ซม. 4 ซม 2 ซม. 15 ซม. 5. พับรมิ ผ้าเขา้ ดา้ นละ 1.5 ซม.แล้วรีดให้เรียบแล้วเยบ็ กลับดา้ นของหมอนสมุนไพร 6. วาดภาพสอี ะครลิ ิคสัญลักษณ์เขาพร้อมชือ่ “Khao Mon” จะไดห้ มอนสมุนไพร ยดั ไส้และ สมุนไพรใหเ้ ตม็ ใบแลว้ เยบ็ ปิดมุม

7. ไดห้ มอนภเู ขาสมนุ ไพรที่สวยงาม

2. วิิีทำหมอนภูเขำสมุนไพร รูปแบบ 2 อุปกรณ์ 1. จกั รเย็บผ้า 2. ไสห้ มอน 3. ผ้าสาหรับทาหมอน 4. กรรไกร 5. ด้ายเย็บสเี ดยี วกบั ผ้า 6. สายวดั 7. เข็มหมุด,เขม็ เยบ็ ผา้ ข้นั ตอนการทา 1. นาสมนุ ไพรมาเชด็ ทาความสะอาด 2. นาสมุนไพรที่ทาความสะอาดแลว้ มาห่นั เป็นท่อนๆ ขนาด 1.5 ซม.

3. เม่อื ไดส้ มนุ ไพรท่หี ่นั เรยี บร้อยแลว้ นาไปค่วั เพื่อใหส้ มุนไพรแหง้

4. วดั ผ้าทีเ่ ตรียมไว้ให้มี ขนาด กวา้ ง 8.5 ซม. x ยาว 14 ซม. 8.5ซม 14 ซม 8.5 ซม 14 ซม. 5. พับรมิ ผา้ เขา้ มาท้ัง 4 ดา้ น รดี ให้เรยี บแล้วเยบ็ กลับดา้ นหมอน

6. วาดภาพสอี ะครลิ ิคสัญลกั ษณเ์ ขาพร้อมชือ่ “Khao Mon” จะไดห้ มอนขา้ งสมนุ ไพร แลว้ นามายดั ไส้และสมนุ ไพรใหเ้ ต็มใบแลว้ เยบ็ ปิดมุม

3. ประโยชนข์ องหมอนภูเขำสมนุ ไพร หมอนภูเขาสมนุ ไพรใช้ในการยกบางส่วนของรา่ งกายเรา เช่น แขน ขา เขา่ หรือ เทา้ จะช่วย ใหเ้ ลอื ดหมนุ เวยี นไดร้ าบร่ืนไปถึงหวั ใจ หวั ใจจงึ ทางานไมห่ นกั เจอปัญหาเรื่องงาน เร่ืองเรยี นมาทง้ั วนั ทาให้คณุ นัน้ มีอาการเครียดสะสม ลองเอาหมอนรองใตค้ อดู จะช่วยทาให้ความเครียดท่ีสะสมมาตลอด วันนนั้ น้อยลง และ กลา้ มเน้ือผ่อนคลายมากข้นึ กล่นิ ของสมุนไพรชว่ ยบารุงสมอง ประสาท ทาให้สด ชน่ื และแกอ้ าการอ่อนเพลีย สมุนไพร ใช้ดับกลน่ิ ต่างๆ ภายในบา้ น และน้ามนั หอมระเหยของใบเตย ยังชว่ ยไล่ยุงและแมลงสาบ ถา้ ชิ้นเลก็ ๆ มดั ใส่ถุงตาขา่ ยแขวนเอาไว้บรเิ วณใกล้ตัวเพื่อปอ้ งกนั ยงุ ไมใ่ ห้ เขา้ ใกล้ และเม่ือนาไปใส่ไว้ในต้เู ส้อื ผา้ ตูร้ องเทา้ ต้เู ย็น หรอื วางไวใ้ นห้องเพอ่ื ดับกล่นิ อับ ทาใหร้ ูส้ ึก ผอ่ นคลาย สามารถบรรเทาอาการปวดศรี ษะ สื่อและแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ได้แก่ 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนงั สือเรียน สาระการประกอบอาชีพ หลกั สตู รท้องถิ่น เขาหมอนพลูตาหลวง 1.4 หนังสอื ท่เี กย่ี วข้องกับการประดิษฐห์ มอน กกกก2. สอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 2.1 CD 2.2 Website ไดแ้ ก่ รปู แบบหมอนทาเอง ทาหมอนตกแต่งดว้ ยมอื ของคุณเอง สบื คน้ เม่อื วันท่ี 1 สิงหาคม 2562 จาก https://skypress.ru/th/textiles/pillows-with-your-own- hands-pattern-templates-we-make-decorative-pillows-with-our-own-hands.htmlกก ประดษิ ฐ์ของใช้ สืบค้นเมอื่ วันที่ 1 สิงหาคม 2562 จำก https://p-dit.com/tag/ D.I.Y. วิธีเยบ็ ปลอกหมอนใช้เองภายใน 20 นาที สืบคน้ เม่ือวันท่ี 1 สงิ หาคม 2562 จาก https://home.kapook.com/view90001.html การทาหมอน การผลติ หมอน สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 1 สงิ หาคม 2562 จากhttps://www.tistpillow.com/ กำรวดั และประเมินผล กกกกกกก1. ประเมินความก้าวหน้า ด้วยวธิ กี าร 1.1 การสังเกต 1.2 ซักถาม ตอบคาถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด้วยวิธกี าร 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ หวั เรื่องที่ 4 การทาหมอนภูเขาสมนุ ไพร จานวน 3 ขอ้ 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติที่มตี ่อหลักสตู รท้องถน่ิ เขาหมอนพลูตาหลวง

หัวเรอ่ื งท่ี 5 กำรคำ้ ออนไลน์ สำระสำคญั กกกกกกก1. การสร้างและการออกแบบเพจการค้าออนไลน์ มี (1) การสร้างเพจบนเฟสบคุ๊ ด้วย ลงทะเบยี นสาหรบั หน้าธรุ กจิ Facebook (2) การออกแบบเพจบนเฟสบุ๊ค กกกกกกก2. การขายออนไลน์ การนาสนิ ค้าไปประกาศขายตามเวบ็ ไซต์ทีเ่ ปน็ ทาเล หรอื Maketplace ท่ีผูซ้ อ้ื กับผู้ขายออนไลนพ์ บกนั ไม่ว่าจะเปน็ เวบ็ ไซต์ในไทย หรอื ในตา่ งประเทศ เชน่ Trade.com และ weloveshopping.com หรอื ในต่างประเทศ เช่น amazon.com และ ebaly.com ซึ่งเป็นเว็บไซตส์ าเร็จรปู ทสี่ ามารถประกาศขายได้ทันทีมีบุคคลเข้ามาดูสนิ ค้าหรือ สอบถามรายละเอยี ด เพ่ิมเติม เพราะเป็นเวบ็ ไซตข์ นาดใหญ่ และมีคา่ ใชจ้ ่ายตา่ กกกกกกก2. การคิดคานวณราคาตน้ ทนุ การกาหนดราคา ตัวชว้ี ดั กกกกกกก1. บอกการวิธีการสร้างและการออกแบบเพจการค้าออนไลน์ กกกกกกก2. สามารถขายสนิ ค้าออนไลน์ กกกกกกก3. รายไดจ้ ากการขายออนไลน์ ขอบขำ่ ยเนอื้ หำ กกกกกกก1. วิธกี ารสร้างและการออกแบบเพจการคา้ ออนไลน์ กกกกกกก2. การขายออนไลน์ กกกกกกก3. การคดิ คานวณราคาตน้ ทนุ การกาหนดราคา ก กกก

เนอื้ หำ กกกกกกก1. กำรสรำ้ งเพจขำยสินคำ้ ออนไลน์ ผ่ำนเฟสบุ๊ค (Facebook) กกกกกกก วิิ ีสมัครเฟสบุ๊ค สรำ้ งเพจขำยออนไลน์ กกกกกกก1. ลงทะเบยี นสาหรับหน้าธรุ กิจ Facebook กกกกกกก ก่อนการมีเพจเป็นของตวั เองสิง่ แรกท่ีคุณตอ้ งมีคือบัญชผี ้ใู ชง้ าน Facebook หากยังไม่มี ให้ทาการสมัครเขา้ ใช้งานใหเ้ รยี บร้อย แลว้ ทาการเข้าสูร่ ะบบ Facebook ทันที เม่ือเข้าสู่ระบบให้คลิก ไปทีค่ าสัญลักษณ์รูปสามเหล่ียมควา่ ทแ่ี สดงอยูด่ ้านบน ขวามอื ของหน้าแสดงผล กกกกกกก

2. เร่มิ ลงมอื สร้างเพจของคุณ เม่อื คลิกไปทีส่ ญั ลกั ษณ์แลว้ เลือกคลิกไปท่คี าสั่ง “สร้างเพจ” หน้าแสดงผลใหม่จะปรากฏ ขนึ้ มา ในหนา้ น้ใี ห้คณุ เลือกไปทีห่ วั ข้อ ธรุ กิจหรือแบรนด์ โดยการคลกิ ไปท่ี “เร่มิ กันเลย” จากน้นั ให้ กรอกขอ้ มูลเกยี่ วกบั ธรุ กิจ หรือแบรนด์ให้ครบถว้ น พร้อมคลกิ ไปท่ีคาสงั่ “ดาเนินการต่อ” กกกกกกก3. อัพโหลดรูปภาพโปรไฟล์ และรูปภาพหน้าปกของคณุ หลังจากทท่ี าการกรอกข้อมลู ธรุ กจิ จนครบถ้วนแล้วสงิ่ ต่อมาคอื การอัพโหลดรูปภาพ สาหรบั โปรไฟลธ์ รุ กจิ ของคุณ ซงึ่ โปรไฟลค์ ุณอาจจะเลือกใช้รปู ภาพโลโก้ หรือรปู ภาพที่สอื่ ถึงธรุ กจิ ของ คุณเพ่ือใหผ้ ชู้ มท่ีพบเห็นสามารถจดจาธรุ กจิ ของคุณไดแ้ ม้พบเจอเพียงครั้งแรก ในกรณีนี้หากคณุ ไม่ สามารถสร้างโลโก้ทสี่ วยงามใชเ้ องได้การใช้บรกิ ารผเู้ ชย่ี วชาญด้านการออกแบบกเ็ ปน็ สิ่งทีจ่ าเปน็ กกกกกก กเม่ืออัพโหลดรูปโปรไฟลเ์ สร็จแล้วตอ่ มาคณุ ก็จะต้องทาการอัพโหลดภาพหน้าปก โดย ภาพหนา้ ปกท่ีใชค้ ุณก็ตอ้ งทาการเลือกภาพท่ีมีความเก่ยี วข้องกับธรุ กิจของคุณ เพอ่ื ส่ือให้ผู้เข้าชมเหน็ ถึงตัวตนธรุ กจิ ของคุณ ธรุ กิจสว่ นใหญ่มกั เลอื กใช้ภาพหน้าปกที่สวยงามแสดงให้เห็นถงึ สนิ คา้ และ บรกิ าร ตลอดจนการนาโปรโมชัน่ หรอื ราคามาใส่ในภาพหนา้ ปก เชน่ เดยี วกนั งานในส่วนน้ีหากคณุ ไม่ สามารถดาเนนิ การออกแบบเองได้ทงั้ หมดการจา้ ผ้เู ชยี่ วชาญด้านการออกแบบกเ็ ปน็ สิ่งท่ีจาเปน็

กกกกกกก4. เชิญผคู้ นมาเป็นส่วนหนง่ึ กบั เพจของคุณ Facebook จะทาการแจ้งเตือนให้คุณทาการเชิญเพือ่ นๆ ในบญั ชผี ูใ้ ชง้ านของคณุ มาทา การกดไลคเ์ พจเพื่อตดิ ตามข่าวสาร เรอ่ื งราวภายในเพจ ดงั น้ันในข้ันตอนน้ีคณุ ก็สามารถทาการเชิญ เพ่ือนใหม้ ากดถกู ใจเพจได้ โดยการคลิกเชิญเพ่อื ไปตามขน้ั ตอนทก่ี ารแจ้งเตือนบอกมา แต่ถา้ หากไมม่ ี การแจ้งเตือน หรือการแจง้ เตือนหายไปคณุ กส็ ามารถทาการคลิกไปทส่ี ญั ลกั ษณจ์ ดุ สามจุด ที่อยู่ใน แทบ็ เมนหู นา้ เพจ และเลือกไปทคี่ าสง่ั “เชญิ เพื่อน” และทาการเลือกรายชือ่ เพอ่ื นที่ต้องการเชญิ มากด ถกู ใจเพจ

กกกกกกก5. เพิ่มเติมรายละเอยี ดเกย่ี วกับธรุ กิจ การเพิ่มรายละเอยี ดเก่ยี วกับธุรกจิ ของคุณได้ เพ่อื ให้เพจมีความนา่ เชื่อถอื มากขึน้ เม่ือมีผู้ เข้าชมหรือค้นหาข้อมลู เกยี่ วกับธุรกจิ ของคณุ วิธีการทาในขั้นตอนนีใ้ ห้คุณเลอื กไปท่ี “เกย่ี วกบั เรา” และทาการเพิ่มข้อมลู เก่ยี วกับธรุ กจิ ของคุณท้ังหมดลงไป อย่างเชน่ เวลาทาการ ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ ความเปน็ มาของกิจการ กกกกกกก6. เพม่ิ ปมุ่ กระตนุ้ ความสนใจ เม่ือคณุ ใส่ข้อมลู เก่ยี วกบั ธรุ กิจของคุณครบถ้วนแล้ว สง่ิ ที่ขาดไม่ได้คือการเพิม่ ปุ่มกระต้นุ ความสนใจ ทีจ่ ะปรากฏอยดู่ ้านบนขวามือ “+ เพมิ่ ป่มุ ” เลอื กคาสง่ั ท่จี ะทาให้ปุ่มแสดงผล เม่ือระบุ ขอ้ มลู ครบถว้ นก็คลิกไปทีค่ าสั่งเสร็จสนิ้ เท่านีก้ ็เป็นอันเสร็จ

7. การทาการตลาดบนหน้าเพจ Facebook กกกกกกก การสรา้ งหน้าธรุ กจิ Facebook เป็นเพยี งกา้ วแรกของการทาธุรกิจออนไลน์ เพราะต่อ จากน้หี ากคุณต้องการใช้ Facebook เพ่ือทาธรุ กจิ คณุ จะต้องทาการตลาดควบคู่กนั ไปด้วยเพอื่ เพ่มิ จานวนของผตู้ ิดตาม ซึง่ ถือเป็นกลมุ่ เปา้ หมาย และลูกค้าในอนาคตของคุณดว้ ยวิธีการเหลา่ นี้ วิิีกำรขยำยิรุ กิจดว้ ย Facebook กกกกกกก เพื่อใหช้ อ่ งทางธุรกิจบนเฟสบคุ๊ ของคณุ เจริญก้าวหนา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพคุณจะต้องทา การตลาดให้กบั บญั ชีธุรกิจของคุณสักหน่อย อย่างการทาโฆษณาบนเฟสบคุ๊ ทจี่ ะสนบั สนุนให้ กลมุ่ เป้าหมายที่คณุ วางไวไ้ ด้พบเหน็ ธุรกิจของคณุ วิธีการทาโฆษณาจะสง่ ผลดยี อดขาย เพ่ิมจานวนผู้ เขา้ ถึงขอ้ มลู เพมิ่ จานวนคนกดไลค์ กดติดตามแฟนเพจ ตลอดจนทาให้คณุ บรรลุเป้าหมายท่ตี งั้ ไว้ใน การทาโฆษณา เช่อื มโยงิรุ กิจบน Facebook ไปสู่เว็บไซต์หลกั ของคณุ กกกกกกก การเช่ือมโยงธุรกิจไปส่หู นา้ เวบ็ ไซต์สามารถทาไดห้ ลากหลายวธิ กี ารไมว่ า่ จะเปน็ การใส่ URL ในส่วน About US เพ่ือให้ผูช้ มสามารถคลกิ ไปยังหน้าเวบ็ ไซต์ได้อยา่ งง่ายดาย หรือการเพิ่มปมุ่ (ตามข้อ 6) เพ่อื ใหผ้ ชู้ มคลกิ ไปทีห่ นา้ เว็บไซต์ของคุณทันที กกกกกกก เชอื่ มตอ่ กับลูกค้ำของคณุ บน Facebook กกกกกกก การใชง้ าน Facebook ในทางธรุ กจิ ส่ิงทค่ี ุณไม่ควรหลงลืมไปคือการบอกเลา่ เรื่องราวที่ นา่ สนใจเกยี่ วกบั ธรุ กิจของคุณไมว่ ่าจะเปน็ การจดั โปรโมชัน่ การลดแลกแจกแถม การใหส้ ิทธพิ เิ ศษ ต่างๆ หรือจะเป็นการโพสต์เรื่องราวทัว่ ไปอยา่ งการโพสต์เรื่องราวเคลด็ ลบั ดๆี เกย่ี วกับธรุ กิจของคณุ ไมว่ า่ จะเป็นรูปภาพ วดิ ีโอ สร้างการรบั รูผ้ ่านกลุม่ Facebook กล่มุ ต่างๆ บนเฟสบุ๊คถือได้ว่าเปน็ อีก หน่งึ ช่องทางในการสรา้ งการรับรู้ใหก้ บั ผชู้ มได้ในวงกวา้ ง ค้นหากลมุ่ ท่ีมีความเกี่ยวขอ้ งกับธรุ กจิ ของ คุณเพ่ือเขา้ ไปมสี ว่ นร่วมในกลุ่มน้นั ๆ โดยการมีสว่ นรว่ มในกลมุ่ ไมค่ วรมุ่งเน้นการขายแต่ควรเปน็ การให้ ความรู้ ชว่ ยเหลือผคู้ นในกลมุ่ กกกกกกก 1.2 การออกแบบเว็บเพจ กกกกกกก 1.2.1 การออกแบบเว็บเพจทาได้หลายระบบขึน้ อยกู่ บั ลักษณะของ ข้อมูล ความชอบของผสู้ ร้างเว็บเพจ กลุ่มเป้าหมายท่ีต้องการนาเสนอเป็นกลมุ่ เด็กวยั รุน่ ควร นาเสนอเกย่ี วกับความบันเทิง มากกวา่ เวบ็ เพจท่ีนาเสนอให้กบั ผู้ใหญ่ หรือเวบ็ เพจด้านวิชาการ กกกกกกก การออกแบบเว็บเพจจะมีทศิ ทางการไหลของหน้าเวบ็ เพจท่ีหลากหลาย แตกตา่ งกนั ขนึ้ อยู่กับกลุ่มเป้าหมายว่าเปน็ ผู้ใหญ่หรอื เด็กวัยรุ่น สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ 1) แบบลาดับข้นั ตอน (Hierarchy) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเพจ เรียง ตามลาดับกงิ่ ก้าน แตกแขนงต่อเนือ่ งไปเหมือนตัวไมก้ ลบั หัว

2) แบบเชิงเส้น (Linear) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเพจเรยี งต่อเน่ืองไปใน ทิศทางเดียวกนั 3) แบบผสม ( Combination) เป็นการจัดหน้าเว็บเพจชนิดผสมระหว่างแบบ ลาดบั ขั้น และ แบบเชิงเสน้ การออกแบบเว็บเพจท่ดี ี การออกแบบเวบ็ เพจใหเ้ ปน็ ทีน่ ยิ ม สวยสะดุดตา และเปน็ ประโยชน์ต่อผู้เขา้ เยี่ยมชมมากที่สุด ควรพจิ ารณาดงั นี้ 1) มีรายการสามัญแสดงรายละเอียดของเว็บเพจ การเข้ามาในเว็บเพจ เปรยี บเสมือนกับการอ่านหนังสือ วารสารหรอื ตาราเลม่ หนง่ึ การท่ผี ใู้ ช้จะเข้าไปค้นหาข้อมูลได้ ควร แสดงรายการทั้งหมดท่ีเว็บเพจนั่นมีอยู่ให้ผู้ใช้ทราบ อาจทาอยู่ในรูปแบบของสารบัญ หรือการ เช่ือมโยง รสร้างสารบัญนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลภายในเว็บเพจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อ ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หลงทางได้ดีที่สุดคือ ควรจัดสร้างแผนที่การเดินทางขึ้นพ้ืนฐานท่ีเว็บเพจนั่น

กอ่ น ไดแ้ ก่ การสรา้ งสารบญั ใหก้ บั ผใู้ ช้ไดเ้ ลือกทจ่ี ะเดินทางไปยังส่วนใดของเว็บเพจได้จากจุดเร่ิมต้น หรือโฮมเพจ 2) เชอ่ื มโยงข้อมูลไปยังเป้าหมายได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด หากข้อมูลที่ นามาแสดงมีเนื้อหามากเกินไป และเว็บเพจที่สร้างขึ้นไม่สามรถนาข้อมูลทั้งหมดมาแสดงได้ หาก ทราบแหล่งข้อมูลอ่ืนว่าสามารถให้กระจ่างแก่ผู้ใช้ได้ควรที่จะนาเอาแหล่งข้อมูลนั่นมาสร้างเป็นจุด เชือ่ มโยง เพอื่ ให้ผู้ทใ่ี ช้จะได้ค้นหาข้อมูลได้อย่างถูกต้องและกว่างขวางย่ิงข้ึน ในการสร้างจุดเชื่อมโยง สามารถจัดทาในรูปของตัวอกั ษรหรอื รปู ภาพกไ็ ด้ แต่ควรแสดงจดุ เชือ่ มโยงให้ผใู้ ชน้ น่ั สามารถเข้าใจได้ ง่าย และที่นิยมสร้างกันส่วนใหญ่เมื่อมีเนื้อหาตอนใดกล่าวถึงส่วนที่เป็นรายละเอียดต่อเน่ืองกันจะ สร้างเป็นจุดเชื่อมโยงทันที และในแต่ละเว็บเพจท่ีสร้างขึ้นควรมีจุดเช่ือมโยงกลับมายังหน้าแรกของ เว็บไซต์ท่ีกาลังใช้งานอยู่ด้วย หากผู้ใช้เกิดหลงทางและไม่ทราบว่าจะทาอย่างไรต่อไปดี จะได้มี หนทางกลับมาสจู่ ดุ เร่มิ ต้นใหม่ 3) เนื้อหากระชับ สั้นและทันสมัย เนื้อหาที่นาเสนอกับผู้ใช้ควรเป็นเร่ืองท่ี กาลังมีความสาคัญ อยู่ในความสนใจของผู้ชมหรือเป็นเรื่องที่ต้องการให้ผู้ใช้ทราบ ละควรปรับปรุง ให้ทนั สมยั อยูเ่ สมอ 4) สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้อย่างทันท่วงที ควรกาหนดจุดท่ีผู้ใช้สามารถแสดง ความคดิ เห็น หรอื ใหค้ าแนะนากบั ผู้สร้างได้ เชน่ ใส่อเี มลของผูท้ าลงในเว็บเพจ โดยตาแหน่งท่ีเขียน ควรเป็นที่ส่วนบนสุดหรือส่วนล่างสุดของเว็บเพจ ไม่ควรเขียนแทรกไว้ท่ีตาแหน่งใดๆ ของ จอภาพ ผ้ใู ชอ้ าจจะหาไมพ่ บก็ได้ 5) การใสภ่ าพประกอบ การเลือกใชร้ ปู ภาพที่จะแทนคาบรรยายเปน็ ส่วนสาคัญ ประการหน่ึงข้ึนอยู่กับการนาเอารูปภาพมาทาหน้าท่ีแทนคาบรรยายที่ต้องการ ควรใช้รูปภาพท่ีสื่อ ความหมายกับผู้ใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ การใช้รูปภาพเพื่อเป็นพื้นหลัง ไม่ควรเน้นสีที่ ฉูดฉาด เพราะอาจจะไปลดความเด่นชัดของเน้ือภาพควรใช้ภาพที่มีส่ีอ่อนๆ ไม่สว่าง จนเกินไป ตัวอักษรท่ีนามาแสดงบนจอภาพควรเลือกขนาดที่อ่านง่าย ไม่มีสีสันและลวดลายเกิน ความจาเป็น และรูปภาพท่ีนามาประกอบนั่น ไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือมีจานวนมากเกินไป เพราะ อาจจะทาให้เนื้อหาสาระของเว็บเพจลดความสาคญั ลดลง 6) เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง การสร้างเว็บเพจ สิ่งหน่ึงท่ีต้องคานึง มากที่สุดคือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาชมและใช้บริการของเว็บเพจท่ีสร้างขึ้น การกาหนด กลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนย่อมทาให้ผู้สร้างสามารถกาหดเน้ือหาและเร่ืองราวเพ่ือให้ตรงกับความ ต้องการของผู้ใช้มากกวา่ 7) ใชง้ านง่าย ส่ิงสาคญั อีกประการหน่ึงของการสร้างเว็บเพจคือ จะต้องใช้งาน ง่าย เนื่องจากอะไรก็ตามถ้ามีความง่ายในการใช้งานแล้ว โอกาสจะประสบความสาเร็จย่อมสูงขึ้น ตามลาดับ และการสร้างเว็บเพจให้งานต่อการใช้งานน่ันข้ึนอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของ ผสู้ รา้ งแต่ละคน 8) เปน็ มาตรฐานเดียวกนั เว็บเพจีส่ รา้ งขึ้นมา อาจจะมจี านวนข้อมลู มากหลาย หน้า การทาให้ผู้ใช้งานไม่เกิดความสับสนกับข้อมูลนั่น จาเป็นต้องกาหนดข้อมูลให้เป็นมาตรฐาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook