Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6

คู่มือครู ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6

Published by phrapradisth, 2019-12-05 02:19:53

Description: คู่มือครู ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6

Search

Read the Text Version

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายความหมายของวัฒนธรรม ๑. การสรา้ งสรรค์วัฒนธรรมไทย ไทย แลวใหนักเรียนรว มกันแสดงความคดิ เห็น เกยี่ วกบั คุณคาของวฒั นธรรมไทย ๑.๑ ความหมายของคําวา่ “วัฒนธรรมไทย” 2. ใหน ักเรยี นชว ยกันยกตวั อยางวัฒนธรรมไทย ค�าว่า “วฒั นธรรมไทย” หมายถงึ ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีคนไทยคดิ และสรา้ งสรรค์ขน้ึ มา เพอื่ การ หรอื วฒั นธรรมในทอ งถน่ิ ของนกั เรยี นวา มอี ะไรบา ง ด�ารงชีวิตอยู่ร่วมกัน มีระเบียบแบบแผนและมีรูปแบบเป็นที่ยอมรับกันภายในสังคมไทย นอกจากนวี้ ฒั นธรรมไทยยงั มคี วามสมั พนั ธก์ บั เรอ่ื งของเวลาและสถานทดี่ ว้ ย ดงั นน้ั วฒั นธรรมไทย สา� รวจคน้ หา Explore จึงไม่เคยหยุดน่ิงหรือตายตัว มีการเคล่ือนไหวและเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีวิวัฒนาการ เป็นล�าดับ อนั เปน็ ผลมาจากการเปลยี่ นแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนการเมืองการปกครอง ครใู หนกั เรียนศึกษาความรเู กี่ยวกบั การ ของไทย สรา งสรรคว ัฒนธรรมไทยจากหนงั สือเรียน หนา 142-144 และแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน ๑.๒ ปัจจยั สาํ คัญทีก่ ่อใหเ้ กดิ วัฒนธรรมไทย อนิ เทอรเ นต็ หอ งสมดุ ศนู ยก ารศกึ ษาทอ งถนิ่ เปน ตน เกย่ี วกบั ความหมายของวัฒนธรรมไทยปจจยั สาํ คญั คนไทยได้สร้างสรรคว์ ฒั นธรรมไทยมาต้งั แตเ่ รม่ิ ตน้ ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย โดยอาศัยปัจจัย ท่ีกอ ใหเ กิดวัฒนธรรมไทย และการมสี วนรว ม ในการอนรุ กั ษวฒั นธรรมไทย ตา่ งๆ หลายอยา่ งทมี่ สี ว่ นชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ วฒั นธรรมไทยขน้ึ มา ปจั จยั ตา่ งๆ เหลา่ นนั้ ประกอบดว้ ย ๑) การรับความเจริญจากวัฒนธรรมอื่น สังคมไทยในระยะแรกได้รับเอา รวับัฒเนอธารวรัฒมนอธื่นรเรขม้าทมาาใงชด้ใ้านนสศังาคสมนไาทพยร าเหพมราณะ์ว -ัฒ ฮนินธด1รู รทม่ีอเหุบลัต่าิขนึ้น้ันทม่ีอีคินวเาดมียเผจร่าิญนมรุ่งาเทราืองงเมขามกร่อ นร ับเเชอ่นา อธบิ ายความรู้ Explain ครอู ธบิ ายวา วฒั นธรรมไทย หมายถงึ ทกุ สง่ิ วัฒนธรรมทางด้านพระพุทธศาสนาท่ีอุบัติขึ้นที่อินเดียโดยผ่านมาทางลังกา อักษรไทยหรือ ทกุ อยางท่คี นไทยคิดและสรา งสรรคขึ้นมา เพื่อการ ดํารงชวี ติ อยรู วมกนั เปน สิ่งทีม่ ีระเบียบแบบแผน ลายสือไทยของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชในสมัยสุโขทัยก็ได้รับอิทธิพลมาจากภาษามอญและ และมรี ูปแบบเปนที่ยอมรบั กนั ภายในสงั คมไทย จากน้นั ใหนกั เรียนรวมกันอภิปรายเกยี่ วกบั ปจจยั เขมร การตดิ ตอ่ กบั ชมุ ชนภายนอก ไมว่ า่ ทางการคา้ สาํ คญั ทกี่ อ ใหเ กดิ วฒั นธรรมไทยทน่ี กั เรยี นไดศ กึ ษามา แลวตั้งคําถามสุม ใหน กั เรยี นตอบ ตัวอยา งคําถาม การทา� สงคราม รวมถงึ มชี าวตา่ งชาตเิ ขา้ มารบั ราชการ เชน ในราชส�านัก ท�าให้สังคมไทยสมัยอยุธยาได้รับ • มปี จจัยใดบางทีส่ งผลใหเกดิ วัฒนธรรมไทย (แนวตอบ การรบั ความเจรญิ จากวฒั นธรรมอนื่ อิทธิพลทางวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ จากต่างชาต ิ สังคมและสภาพแวดลอม และความเปนมา ทางประวตั ศิ าสตร) เช่น การก�าหนดชนช้ันของคนในสังคม กฎหมาย • มีวัฒนธรรมใดบา งที่มีอิทธพิ ลตอ การเกิด ประเพณี พระราชพิธีและธรรมเนียมในราชส�านัก วัฒนธรรมไทย (แนวตอบ เชน วฒั นธรรมอนิ เดยี วฒั นธรรมขอม การปรุงอาหาร เป็นต้น วัฒนธรรมจากภายนอก วฒั นธรรมจนี เปน ตน ) เหลา่ น้ี เมื่อไทยรบั เข้ามาแลว้ บางครง้ั กม็ ีการปรบั ปรงุ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของสังคมไทย และ เทวรูปพระนารายณแ์ ละพระศวิ ะสำาริด ศลิ ปะสโุ ขทัย ผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยจนกลายเป็น ซึง่ ไดร้ บั อิทธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ของอนิ เดียผา่ นมาทางเขมร วัฒนธรรมไทยในทส่ี ุด 142 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอ ใดคือวัฒนธรรมไทยทไี่ ดร ับอทิ ธพิ ลจากอารยธรรมตะวันออก 1 ศาสนาพราหมณ- ฮินดู ศาสนาเกดิ ท่ดี ินแดนชมพทู วปี มีคมั ภีรศ าสนา และมีวิวฒั นาการสบื เนอ่ื งมาถึงปจจุบนั เรยี กวา “พระเวท” เปน ศาสนาทนี่ บั ถอื เทพเจา หลายองค โดยมเี ทพเจา สงู สดุ 3 องค 1. การแตง กาย คือ พระพรหมเปน ผสู รา งโลก พระศวิ ะหรอื พระอิศวรเปน ผทู ําลาย และพระวษิ ณุ 2. ชนชั้นวรรณะ หรอื พระนารายณเปนผปู กปอ งและรกั ษาโลก 3. ระบอบการปกครอง 4. ศาสนาและความเช่อื มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ศาสนาและความเชอ่ื เปน วัฒนธรรมของคนสวนใหญในสงั คมไทยทไ่ี ดร บั อิทธพิ ลมาจาก ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ไดท่ี อารยธรรมตะวันออก โดยเฉพาะอนิ เดยี และจนี ดังปรากฏวา http://www.siamganesh เวบ็ ไซตสยามคเณศดอทคอม คนไทยสวนใหญน บั ถอื พระพุทธศาสนาผสมผสานกบั คติความเช่อื http://www.srinagathurka.com เว็บไซตศ รีนาคาทรุ คาเทวี ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และมวี วิ ัฒนาการภายในสงั คมไทย http://www.dra.go.th เวบ็ ไซตกรมการศาสนา สืบเนื่องจากอดตี ถงึ ปจจุบนั 142 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒) สังคมและสภาพแวดล้อม สังคมไทยมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ 1. ครนู าํ ภาพเรอื นไทยและภาพบานเรอื นใน ปจจบุ ันในชวงนํ้าทว มมาใหน ักเรียนดู จากนัน้ และสภาพแวดล้อมต่างๆ วัฒนธรรมไทยเกิดข้ึนจากการกระท�าของคนไทยภายใต้สังคมและ ครตู ัง้ คําถามใหนักเรียนรวมกันแสดงความ สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของคนไทย ดังน้ัน การด�าเนินชีวิตท่ีสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมไทย คดิ เห็น ตวั อยา งเชน • การสรา งเรอื นไทยในสมยั อดตี ชวยแก ภูมิปัญญาการสร้างบ้านเรือนไทยภาคกลาง จะนิยมสร้างบ้านท่ีมีหน้าจ่ัวสูง ใต้ถุนสูง และมีหน้าต่างหลายบาน เพ่ือให้อากาศ ปญหาเร่ืองนํ้าทว มไดอยางไร ถา่ ยเทไดส้ ะดวก (แนวตอบ เรือนไทยมีการยกใตถ นุ สงู เมื่อถึง ฤดูน้ําหลาก ก็ไมต อ งกังวลวานํา้ จะทวมบาน จึงขึ้นอยู่กับสงั คมและสภาพแวดลอ้ มน้นั ๆ ด้วย เช่น ในสงั คมเกษตรกรรม ชาวนาเลยี้ งชีพดว้ ย หนาบา นจะเปล่ยี นเปน ทา นาํ้ สามารถสญั จร การท�านา จงึ มวี ิถชี วี ติ ท่ผี ูกพนั อย่กู ับขา้ ว ดงั นัน้ ความเช่ือและพธิ ีกรรมตา่ งๆ ที่เก่ียวข้องกับข้าว ทางเรือได แตกตางจากบานในยุคปจจบุ ัน จึงกลายเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา หรือวัฒนธรรมในเรื่องท่ีอยู่อาศัย คนไทยท่ีอยู่ในบริเวณภาคกลาง ท่ีสรา งติดพืน้ ดิน เมือ่ ถึงฤดฝู นจงึ มักประสบ ท่ีเป็นที่ราบลุ่มในหน้าลมมรสุมจะเกิดน้�าท่วมขังเป็นเวลานานๆ จึงจ�าเป็นต้องสร้างบ้านเรือน ปญหาน้ําไหลเขาทว มบา น) ด้วยการยกพ้ืนสูงกว่าพื้นดินให้มากๆ หรือสร้างบ้านที่มีลักษณะใต้ถุนยกสูงเพ่ือป้องกันน�้าท่วม • เรอื นไทยมีความเหมาะสมกบั สภาพ ซ่ึงเปน็ ไปตามลกั ษณะสภาพแวดลอ้ ม เป็นต้น ภมู ิอากาศของประเทศไทยอยางไร (แนวตอบ เรอื นไทยจะมีใตถนุ สูง หลังคาสูง ๓) ความเป็นมาทางประวัติศาสตร ์ คนไทยมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ท่ีมี และมหี นาตางหลายบาน อากาศจงึ ถา ยเท ไดส ะดวก เหมาะสมกับสภาพอากาศรอน ความส�าคัญต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย เพราะหากศึกษาประวัติศาสตร์ไทยไม่ว่ายุคสมัยใด ในประเทศไทย) ก็จะพบวา่ คนไทยมีบทบาทในการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมไทยมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น ในสมยั สโุ ขทยั เมอ่ื ชุมชนสุโขทยั สร้างบ้านสรา้ งเมืองจนกลายเป็นแคว้นและอาณาจกั ร ผูค้ นทอ่ี ยูร่ ว่ มกัน 2. ครใู หนกั เรยี นรวมกันสรปุ ปจ จยั สาํ คญั ในการ เป็นจ�านวนมากจ�าเป็นต้องบริโภคข้าวในปริมาณท่ีมากตามไปด้วย จึงต้องท�านามากขึ้น ซึ่งต้อง กอ ใหเกดิ วฒั นธรรมไทย อาศัยน้�าท่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ในเขตเมืองสุโขทัยมีสภาพดินส่วนใหญ่เป็นดินทรายไม่อุ้มน้�า (แนวตอบ ความตอ งการที่จะเอาชนะธรรมชาติ ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาขาดแคลนนา้� ในฤดแู ลง้ ชาวสโุ ขทยั จงึ หาวธิ กี ารแกป้ ญั หาโดยการชกั นา�้ การกกั นา�้ ความพยายามท่จี ะปรบั ตวั ใหสอดคลอ งกบั และการระบายน�้า ดังน้ัน การแก้ปัญหาการขาดแคลนน�้าของชาวสุโขทัยจึงเป็นภูมิปัญญาไทย ธรรมชาติ ความตอ งการท่ีจะสรา งสรรคสังคม ทีน่ า� ไปสู่วัฒนธรรมเก่ียวกบั การกักเก็บน้�าของคนไทยในสมัยสโุ ขทัย ใหส งบราบรน่ื ความพยายามที่จะทําใหก าร ประกอบอาชพี หรือทาํ มาหากนิ สะดวก 143 ราบรนื่ การแสดงออกถึงอารมณสุนทรยี  การ ไดรบั อทิ ธพิ ลจากภายนอก ความตอ งการ ทจี่ ะแสวงหาความปลอดภยั ในการดาํ รงชวี ติ ความตอ งการท่จี ะรกั ษาชีวิตใหย นื ยาว เปน ตน ) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู วัฒนธรรมไทยทก่ี อ เกดิ จากปจจัยดา นสงิ่ แวดลอมคอื ขอใด ครูควรใหน กั เรยี นชว ยกนั วิเคราะหปจจยั ท่ีกอใหเ กิดวฒั นธรรมในทอ งถิ่นหรอื 1. ประเพณกี ารบรรพชาสามเณรในฤดรู อน ภูมิภาคของตน โดยการต้ังประเดน็ หรอื ขอ คําถาม เชน เพราะเหตใุ ดเขตเมอื งเกา 2. พธิ กี รรมทีเ่ กย่ี วขอ งกับการเกษตรและแหลงนํ้า ในทอ งถน่ิ จงึ ตง้ั อยรู มิ แมน า้ํ การนบั ถอื ศาสนาของคนในทอ งถนิ่ มปี ระวตั คิ วามเปน มา 3. การนยิ มตงั้ ถน่ิ ฐานบานเรือนบนทีร่ าบใกลแ มนํา้ อยา งไร แลว ชว ยกนั ออกแบบและจดั ทาํ เปน ผงั ความคดิ เผยแพรค วามรบู นปา ยนเิ ทศ 4. ความเช่อื ในการตง้ั ช่ือทเี่ ปน สริ ิมงคลใหแกบ ตุ รหลาน ในบรเิ วณท่เี หมาะสมของโรงเรียน เพอื่ ใหน ักเรยี นรแู ละเขา ใจปจจัยที่กอ ใหเ กดิ วฒั นธรรมในทองถิน่ ของตนควบคไู ปกบั วัฒนธรรมของชาติ อนั นาํ ไปสูการมี วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. มพี ธิ กี รรมทเ่ี กย่ี วขอ งกบั การเกษตร จิตสํานกึ รกั ในทองถิ่นของตนและเพื่อพัฒนาทอ งถิ่นได และแหลง น้าํ จากการท่ีเปน สังคมเกษตรกรรม ซง่ึ การเพาะปลูก พชื ตา งๆ ตอ งพง่ึ พาสิง่ แวดลอ มหลายประการ เชน นา้ํ ฝน นา้ํ ทา ในแหลงนํา้ ตางๆ ท่มี คี วามไมแ นน อน พธิ ีกรรมจึงเกดิ ขึน้ เพื่อ สรา งขวัญกําลังใจในการลงมือเพาะปลกู รวมถึงการบูชาคณุ ของ ธรรมชาตหิ ลงั เกบ็ เก่ยี วผลผลติ คู่มอื ครู 143

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand ครูใหนักเรียนแบง กลมุ 4 กลุม แลว ชวยกัน เม่ือสถาปนาอยุธยาเป็นราชธานี อาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตกว้างขวาง มีผู้คน คดิ หาวธิ ีการท่ีจะเขา ไปมสี ว นรว มในการอนุรักษ จ�านวนมาก และมีศึกสงครามกับอาณาจักรเพ่ือนบ้านหลายคร้ัง จึงต้องการก�าลังคนในการสู้รบ วฒั นธรรมไทย จากนัน้ ใหส รปุ ความรูลงกระดาษ ตลอดจนการผลิตเสบียงอาหาร ชาวอยุธยาจึงมีวิธีแก้ปัญหาท่ีอาจจะเกิดขึ้นเก่ียวกับการควบคุม A4 แลว สง ตัวแทนออกมานาํ เสนอทหี่ นา ชัน้ เรียน ก�าลังคน โดยการสร้างระบบไพร่ขึ้นมาเพื่อใช้ในการควบคุมคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาไทย อย่างหนง่ึ และระบบไพรก่ ็ไดก้ ลายเป็นวัฒนธรรมที่สบื ทอดมาจนถงึ สมัยรัตนโกสนิ ทร์ ตรวจสอบผล Evaluate ดังนั้น ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของคนไทยจึงเป็นบ่อเกิดอย่างหน่ึงของวัฒนธรรม ไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิงภูมิปัญญาไทยท่ีมีมาพร้อมกับประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยก็ได้ ตรวจบันทกึ สาระสําคญั วิธกี ารทจี่ ะเขาไป สรา้ งสรรค์วฒั นธรรมสบื ตอ่ กันมาจนถึงปจั จุบนั มสี วนรว มในการอนรุ กั ษวฒั นธรรมไทย ๑.๓ การมีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมไทย เน่ืองจากวัฒนธรรมไทยเป็นส่ิงท่ีมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ถ้าคนไทยไม่ให้ ความสา� คญั กบั วฒั นธรรมจนกระทงั่ วฒั นธรรมไทยถกู ลมื เลอื นไป เอกลกั ษณข์ องความเปน็ คนไทย ก็จะสูญหายไปดว้ ย ดงั นน้ั คนไทยจะต้องช่วยกันรักษาวฒั นธรรมไทย ด้วยการเขา้ ไปมีส่วนรว่ ม ในการอนรุ ักษด์ ว้ ยตนเอง วิธกี ารท่จี ะเข้าไปมสี ว่ นร่วมในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมไทย มดี งั นี้ ๑. การหาโอกาสไปท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมในภูมิภาคต่างๆ ของไทย ในการไป ท่องเท่ียวควรศึกษาหาความรู้เก่ียวกับวัฒนธรรมที่ได้พบเห็น เช่น การชมวิถีชีวิตท่ีแท้จริงของ คนไทยในแต่ละท้องถ่ิน ชมโบราณวัตถุและโบราณสถานในสถานที่ต่างๆ ของไทย และศึกษา หาความรู้ทางด้านประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมไทยที่เก่ียวกับสิ่งที่ได้พบเห็น เพื่อให้เกิด ความซาบซ้ึงและประทับใจในคุณค่าของวัฒนธรรมไทยเหล่านั้น จนเห็นความส�าคัญและร่วมกัน อนุรกั ษ์เอาไวใ้ หก้ ับอนุชนรุ่นหลังตอ่ ไป ๒. การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการส่งเสริมทางด้าน วัฒนธรรมในชุมชนที่ตนเองพ�านักอยู่ เช่น การแห่เทียนเข้าพรรษา การเข้าร่วมพิธีกรรมใน วันส�าคัญทางศาสนาท่ีตนเองนับถือ การเข้าร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ท่ีมีความเก่ียวข้องกับสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ เช่น วันเฉลมิ พระชนมพรรษา วนั ปยิ มหาราช เปน็ ต้น อันเป็นการรว่ มมือกัน เทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไดอ้ กี ทางหนึง่ ๓. การเข้าไปมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนวัฒนธรรมไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ด�าเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย ขัดขวางผู้ที่สร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นกับ วัฒนธรรมไทย สง่ เสริมสนบั สนนุ ผูท้ ีร่ ักและหวงแหนวัฒนธรรมไทย เป็นตน้ ๔. หาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมต่างๆ ที่มีการจัดตั้งข้ึนมาเพื่อการอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย เพราะจะช่วยใหเ้ กิดเครือขา่ ยของการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยมากขน้ึ 144 บรู ณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT อปุ สรรคสําคญั ในการอนุรักษว ัฒนธรรมไทย คอื ขอใด ครสู ามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรบู ูรณาการอาเซียนโดยสนทนาหรอื สอบถาม 1. การไหลบา ของวฒั นธรรมจากภายนอก นกั เรยี นถงึ ความแตกตางและอทิ ธิพลของแนวคิดรัฐชาติจากชาติตะวนั ตกกับรัฐ 2. คนไทยเห็นคณุ คาของวัฒนธรรมไทยนอ ย ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต จากการศึกษาปจ จัยการกอเกดิ วฒั นธรรมไทย 3. ขาดบคุ คลท่เี ปน ตนแบบในการอนุรักษว ฒั นธรรมไทย กลาวคอื รฐั ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ใหความสาํ คัญกับทรพั ยากรมนษุ ย ไดแก 4. คนไทยตอ งใชว ฒั นธรรมตา งชาติในการตดิ ตอ กบั ชาวตางชาติ แรงงาน สว นรัฐชาติในตะวนั ตกใหความสาํ คญั กับอาณาเขต ดนิ แดน เนื่องจาก วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทค่ี นไทยตระหนักหรือเห็น ขอ จาํ กดั และพฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรท แี่ ตกตา งกนั แตเ มอื่ ลทั ธจิ กั รวรรดนิ ยิ ม คณุ คาของวฒั นธรรมไทยนอ ย ทาํ ใหไ มสนใจท่จี ะรกั ษาและอนรุ กั ษ เขา มาในภมู ภิ าคไดน าํ แนวคิดรัฐชาติแบบตะวนั ตกเขามาดวย ซง่ึ สง ผลตอชาติ วัฒนธรรมไทยนอ ย ดงั นั้น การทจี่ ะอนุรักษว ฒั นธรรมไทยให สมาชกิ อาเซยี นในดานตา งๆ หลายประการ คงอยตู ลอดไป จึงตอ งสงเสรมิ และปลูกฝงใหค นไทยภาคภมู ใิ จ ในวัฒนธรรมไทยและมีสวนรว มในการอนุรกั ษวัฒนธรรมไทยได จากนัน้ ครูมอบหมายใหนกั เรียนศกึ ษาคนควา เพ่ิมเติมถงึ ปญ หาในชาตสิ มาชิก โดยการใชภมู ิปญ ญาไทยและวัฒนธรรมไทยในชวี ิตประจาํ วัน อันมที ีม่ าจากแนวคดิ รัฐชาติแบบตะวันตก 144 คู่มือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๒. การสร้างสรรคภ์ มู ิปัญญาไทย1 ครสู นทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั การประดษิ ฐ เครื่องมอื เครอ่ื งใชใ นชีวติ ประจาํ วันที่เกดิ จาก ๒.๑ ความหมายของคําวา่ “ภูมิปญั ญาไทย” ภูมิปญ ญาของคนไทย โดยนาํ รปู ภาพมาแสดง ประกอบ แลว ตง้ั คําถามใหน ักเรียนตอบ เชน ค�าว่า “ภูมิปัญญาไทย” หมายถึง ความรู้ • เครอ่ื งมือเคร่อื งใชม ีชือ่ วาอะไร • ทํามาจากส่งิ ใด ทักษะ ความเช่ือ และพฤติกรรมของคนไทย โดย • เปนเคร่อื งมือเคร่ืองใชในทอ งถ่นิ ใด แสดงออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับ • มีประโยชนอยา งไร โดยครใู หน กั เรยี นรว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ ง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคนกับสิ่งท่ีเหนือ ธรรมชาติ เป็นกิจกรรมทุกอย่างในวิถีชีวิต ท้ังการ แกป้ ญั หา การจัดการ การปรบั ตวั และการเรยี นรู้เพื่อ สา� รวจคน้ หา Explore ความอยู่รอดของบคุ คล ชุมชน และสงั คม นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นฐานส�าคัญในการด�ารงชีวิต รวมท้ังเป็น ครใู หนกั เรียนศึกษาความรเู กย่ี วกับการ สรางสรรคภ ูมปิ ญญาไทยจากหนงั สือเรยี น พื้นฐานความรู้ในเร่ืองต่างๆ ท่ีมีลักษณะเฉพาะหรือ หนา 145-147 และแหลง การเรียนรอู นื่ ๆ เชน อินเทอรเ น็ต หองสมุด แหลงเรยี นรใู นทองถิน่ มีเอกลักษณ์ในตวั เอง เปน ตน เกยี่ วกบั ความหมายของภูมปิ ญ ญาไทย ปจจยั สําคญั ท่ีกอ ใหเกิดภมู ปิ ญญาไทย และการมี ดังน้ัน ภูมิปัญญาไทยจึงเป็นผลงานของคน การยกยอ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาไทย ไทยท่ีได้ท�าการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมและจัดเป็น ในการประดิษฐ์เครอื่ งมอื เพ่อื จบั สัตว์นำ้า องค์ความรู้ มีการถ่ายทอดและปรับปรุงจากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จนเกิดเป็นผลผลิตท่ีด ี งดงาม มีคุณค่า และมีประโยชน์ รวมท้ังสามารถน�ามาแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตได้ เช่น สวนรวมในการอนรุ ักษภูมปิ ญญาไทย ชาวนารจู้ กั ขดุ บอ่ นา�้ หรอื ทา� เหมอื ง ฝาย สา� หรบั กกั เกบ็ นา�้ และแจกจา่ ยไปสเู่ รอื กสวนไรน่ า หรอื การที่ อธบิ ายความรู้ Explain ชาวบ้านมีความร้เู กยี่ วกับพืชพันธธุ์ ัญญาหาร ผักพื้นบ้าน เครือ่ งเทศ และสมนุ ไพร โดยสามารถ แยกแยะสรรพคุณในการรักษาโรคหรือรู้จักน�ามาประกอบอาหาร รวมท้ังรู้จักประดิษฐ์เคร่ืองมือ 1. ครใู หน ักเรยี นอธิบายความหมายของคําวา ท�ามาหากิน เช่น เคร่ืองมือจับสัตว์ เครื่องมือท�าไร่ท�านา เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือการสร้าง ภูมิปญ ญาไทย ท่อี ย่อู าศัย เป็นตน้ ดว้ ยเหตนุ ภี้ ูมปิ ัญญาของคนไทยจงึ เปน็ ผลทา� ใหเ้ กดิ วัฒนธรรมไทยขึ้นมา (แนวตอบ ภมู ิปญ ญาไทย หมายถงึ ความรู ทกั ษะ ความเชื่อ และพฤติกรรมของคนไทย ๒.๒ ปจั จัยสาํ คัญทกี่ ่อใหเ้ กดิ ภูมปิ ญั ญาไทย ภูมิปัญญาไทยเกิดขึ้นมาพร้อมกับการมีประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยเช่นเดียวกับการเกิด ที่แสดงออกถึงความสัมพันธระหวางคนกบั คน วัฒนธรรมไทย ภมู ปิ ัญญาไทยเกิดขน้ึ มาจากปจั จยั ดงั ต่อไปน้ี ธรรมชาติกบั ส่งิ แวดลอ ม และสิ่งที่เหนือ ธรรมชาติ ซึ่งเปน กจิ กรรมในชวี ิต ไมวาจะ ๑) การได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอ่ืน ภูมิปัญญาไทยที่เกิดข้ึนบางครั้งต้อง เปน การแกป ญหา การจดั การ การปรบั ตัว และ การเรียนรูเพ่อื ความอยรู อดของบุคคล ชมุ ชน อาศัยอิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่นมาปรับใช้เพ่ือการแก้ปัญหาในสังคมไทย เช่น ในสมัยสุโขทัย และสงั คม ซ่ึงเปน พ้ืนฐานความรูทส่ี ําคญั ไทยไดร้ บั อทิ ธพิ ลทางดา้ นพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทมาจากลงั กา จนกระทงั่ พระมหาธรรมราชา ในการดํารงชวี ิต) ท ี่ ๑ (ลไิ ทย) แหง่ กรุงสุโขทัยไดท้ รงพระราชนพิ นธ์ “ไตรภูมพิ ระร่วง” โดยอาศัยความรูท้ างดา้ น 2. ครใู หน กั เรยี นชวยกนั ยกตัวอยา งภมู ิปญ ญา 145 ไทยหรือภมู ปิ ญญาทอ งถ่ินของนกั เรยี น พรอม บอกวา เปน ภูมปิ ญญาทเ่ี กิดจากปจ จัยใด ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ปจ จัยสาํ คญั ท่กี อ ใหเกดิ ภมู ปิ ญญาไทยในดานวิถีการดํารงชีวิต 1 ภมู ปิ ญ ญาไทย แบงออกไดเปน 10 สาขา ไดแก สาขาเกษตรกรรม สาขา คืออะไร เพราะเหตใุ ด อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขาการแพทยแ ผนไทย สาขาการจัดการทรพั ยากร แนวตอบ สภาพแวดลอ มเปนปจจัยสาํ คญั ท่กี อใหเกดิ ภมู ปิ ญญา ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ ม สาขากองทุนและธุรกิจชุมชน สาขาสวสั ดิการ สาขา ไทยในดา นวถิ ีการดํารงชีวิตเชน เดยี วกบั บรเิ วณอื่นๆ ของโลก โดย ศิลปกรรม สาขาการจดั การองคก ร สาขาภาษาและวรรณกรรม และสาขาศาสนา สภาพแวดลอมเปน ปจจัยทกี่ ําหนดการตงั้ ถ่นิ ฐาน การพัฒนาชมุ ชน และประเพณี การประกอบอาชพี ตลอดจนคตคิ วามเชอ่ื ตา งๆ ตวั อยา งภมู ปิ ญ ญา ไทยดา นวถิ กี ารดาํ รงชีวิตท่ีสําคญั เชน การนิยมตง้ั ถิน่ ฐานบริเวณ มุม IT แหลง นาํ้ ทีเ่ กอื้ หนนุ ตอ การประกอบอาชีพและการเดินทาง การสรา ง บา นเรอื นไทยทม่ี พี น้ื ยกสงู เพอื่ การอยอู าศยั ในหนา นาํ้ หลาก เปน ตน ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเพิ่มเติมเกีย่ วกบั ภมู ิปญญาไทย ไดที่ http://www.m-culture.go.th เวบ็ ไซตกระทรวงวฒั นธรรม http://kanchanapisek.or.th เว็บไซตสารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชนฯ เลม 23 http://www.panyathai.or.th เวบ็ ไซตคลังปญญาไทย ค่มู อื ครู 145

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Expand Evaluate Engaae Explain อธบิ ายความรู้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เพ่อื เปน การสรุปวา พระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ส�าหรับสอนผู้คนให้รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ซ่ึงจะช่วยท�าให้คนไม่ก่อ วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญามคี วามสัมพันธกนั เพราะ ความเดือดร้อนต่อสังคม นับเป็นภูมิปัญญาไทยที่เกิดข้ึนจากการได้รับอิทธิพลพระพุทธศาสนาที่ ภมู ปิ ญญาทม่ี นุษยไดส รางขึน้ และปฏิบัตสิ ืบเน่อื ง มบี อ่ เกดิ มาจากวัฒนธรรมอนิ เดยี ตอ กันมายอมหมายถงึ วัฒนธรรม การจะเกิด วัฒนธรรมและภูมิปญ ญาได ยอ มมสี าเหตหุ รอื ๒) สังคมและสภาพแวดล้อม สังคมและสภาพแวดล้อมของคนไทยทุกยุคสมัย ปจ จยั ทที่ าํ ใหเ กดิ ทง้ั การรบั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมอนื่ สงั คมและสภาพแวดลอ ม และความเปน มาทางดาน ไมว่ า่ จะเป็นสมยั สุโขทัย อยุธยา ธนบรุ ี และรตั นโกสนิ ทรต์ า่ งกม็ ปี ัญหาท่ีกระทบต่อชีวิตและความ ประวัติศาสตร เป็นอยู่ตามปกติอยู่เสมอจนต้องคิดหาทางแก้ไข หาทางป้องกัน ปัญหาเหล่าน้ีมีด้วยกันหลาย ลักษณะ เช่น ปัญหาทางด้านการเมืองการปกครอง ปัญหาทางด้านสังคม และปัญหาทางด้าน ขยายความเขา้ ใจ Expand เศรษฐกิจ เป็นต้น เม่ือคนไทยคิดหาระบบวิธีแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาของคนไทยเองก็ท�าให้เกิด เป็นภูมิปัญญาไทยข้ึน เช่น ชาวสุโขทัยสร้างระบบชลประทาน กักเก็บน�้าเอาไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหา ครใู หน ักเรียนกลมุ เดมิ ไปศกึ ษาคนควา ขอ มลู การขาดแคลนนา�้ ในฤดูแล้ง เป็นตน้ เพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั ภูมิปญ ญาไทยในแตล ะภาค ดงั น้ี ๓) ความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยก็เป็น กลุมที่ 1 ภมู ิปญญาไทยภาคเหนอื กลมุ ที่ 2 ภมู ปิ ญญาไทยภาคตะวนั ออก ปัจจัยส�าคัญท่ีก่อให้เกิดภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ที่ท�าให้เกิด ภมู ปิ ญั ญาไทยใหม่ๆ เชน่ การสร้างสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ใหเ้ ปน็ ศูนยร์ วมของคนไทย เมอ่ื เรมิ่ เฉียงเหนือ สถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั จ�านวนผคู้ นยงั มีไม่มาก พระมหากษตั ริยซ์ งึ่ เป็นประมขุ ของอาณาจักร กลุมท่ี 3 ภูมิปญญาไทยภาคกลาง จกึงาเรปย็นกเยส่อมงือเนปบ็นิด า“ขธรอรงมบรุตารช าต”1่อ มซา่ึงเหมมื่อาไยดถ้รับึง อผิทู้ปธิพระลพทฤาตงพิทรศะพพิธุทรธาศชาธสรนรามพ2 รพะอมมหาาถกึงษสัตมรัยิยอ์กย็ไดุธ้รยับา กลุมที่ 4 ภูมิปญ ญาไทยภาคใต ท่ีมีดินแดนกว้างขวางมากขึ้น มีผู้คนมากขึ้น และได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู จากน้ันใหแ ตล ะกลุมจดั ทําแผน พบั สรุปความรู สถานภาพของพระมหากษัตริย์จึงมีลักษณะเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมสุโขทัยกับ เกยี่ วกบั ปจ จยั ทก่ี อ ใหเ กดิ ภมู ปิ ญ ญาไทยในแตล ะภาค วัฒนธรรมอยุธยา คือ มีความเป็นสมมติเทพขณะเดียวกันก็มีความเป็นธรรมราชาด้วย วิธีการ ลักษณะสาํ คญั ของภมู ปิ ญ ญาไทยในแตละภาค สร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความส�าคัญและกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยใน พรอมมีภาพประกอบ แลว นําสง ครผู สู อน ประวตั ศิ าสตรท์ ผี่ า่ นมา จงึ เกดิ ขน้ึ ตามสภาพความเปน็ มาทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทย ทส่ี า� คัญอย่างหนง่ึ ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๓ การมีส่วนรว่ มในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ตรวจแผน พบั ภูมปิ ญญาไทยในแตละภาค การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยน้ันจะช่วยให้ภูมิปัญญาไทยสามารถด�ารงอยู่ได้ และมปี ระโยชน์ต่อการดา� เนินชีวติ ประจา� วนั ของคนไทย การมีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ภูมิปัญญาไทย มีดังนี้ ๑. การหาโอกาสใช้สินค้าทจ่ี า� เปน็ และเป็นผลผลติ ทีเ่ กิดจากภูมิปญั ญาไทย หรอื ถ้า สามารถสร้างเองได้ก็นับว่ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยได้อีกทางหน่ึง เช่น การใช้ เครอ่ื งมือเครื่องใช้ทเ่ี ปน็ งานหัตถกรรมไทย การใชส้ มุนไพรในการรกั ษาอาการเจ็บปว่ ย เปน็ ต้น 146 นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ธรรมราชา พระราชาผใู ชหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาในการปกครอง ครูใหน กั เรยี นวิเคราะหแ นวทางการมีสว นรวมในการอนรุ ักษ ตวั อยา งทีช่ ัดเจน คอื พระมหากษัตริยใ นสมัยสโุ ขทัยดงั ปรากฏวา คาํ “ธรรมราชา” ภมู ปิ ญ ญาทองถิ่นหรอื ภูมิปญญาไทยในการดําเนินชีวิตประจาํ วนั ในพระนาม เชน พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) พระมหาธรรมราชาท่ี 3 จากการศกึ ษาเพมิ่ เติมจากแหลง การเรยี นรตู างๆ แลว นาํ มา (ไสลอื ไทย) เปนตน อภปิ รายรวมกนั จากน้ันครูและนกั เรียนชวยกันสรปุ แนวทางของ 2 ทศพธิ ราชธรรม หลกั ธรรมสาํ หรับพระเจา แผน ดนิ มี 10 ประการ เพอื่ ให ช้นั เรยี น แลว แนะนําใหน กั เรยี นนําไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจําวนั สามารถปกครองแผนดนิ โดยธรรม และยงั ประโยชนสุขใหแ กป ระชาชน จนเกดิ ความชื่นชมยินดี นอกจากทศพธิ ราชธรรมแลว หลกั ธรรมอืน่ ๆ สําหรบั กิจกรรมทา ทาย กษตั รยิ ห รือผูปกครอง เชน จกั รวรรดิวตั ร 12 ราชจรรยานวุ ตั ร เปนตน 146 คู่มอื ครู ครูใหนักเรยี นวเิ คราะหแ นวทางการฟน ฟหู รือพัฒนาภูมิปญญา ทอ งถิ่นหรอื ภูมิปญ ญาไทยของภาคสวนตา งๆ จากการศึกษา เพ่ิมเติมจากแหลงการเรยี นรูต างๆ แลวนาํ มาอภปิ รายรว มกนั จากน้นั ครูและนักเรียนชวยกันสรุปแนวทางของชน้ั เรียน

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ครใู หนักเรยี นแสดงความคิดเหน็ วา ในปจ จบุ ัน วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยมีการเปลย่ี นแปลงไป ๒. การศึกษาหาความรู้เก่ียวกับภูมิปัญญาไทยในขณะท่ีเดินทางไปในสถานท่ีต่างๆ มากนอ ยแคไ หน เพราะเหตุใด เพ่ือให้เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาไทย เช่น การศึกษาหาความรู้เรื่องเครื่องปั้นดินเผาตามแหล่ง พผลชื ิตสตม่านุ งไๆพ ร1กไาทรยศจึกาษกาแเหกลี่ยง่วเกรับยี นเครร้ตู ่ือ่างงมๆือ เเปค็นร่ือตงน้ ใช้จากวัสดุธรรมชาติในท้องถ่ิน การศึกษาเก่ียวกับ สา� รวจคน้ หา Explore ๓. การเผยแพรค่ วามรใู้ นเรอื่ งภมู ปิ ญั ญา ครใู หน ักเรียนศึกษาคน ควา เก่ยี วกับการ ไทยให้กับคนรอบข้างและอนุชนรุ่นหลัง เพ่ือให้เห็น สบื ทอดและเปล่ยี นแปลงของวัฒนธรรมและ ประโยชน์และความส�าคัญของภูมิปัญญาไทย เพ่ือจะ ภูมิปญญาไทย จากหนังสอื เรียนหนา 147-148 ได้ช่วยกนั อนรุ ักษ์ใหย้ ง่ั ยืนสืบไป หรือจากแหลงเรียนรอู ื่นๆ ภ ูมปิ ัญ ญาไทย๔ . เชกน่ า รชเปม็นรมสอมนาชุรกัิกษข์ผอา้งไชหมมรไมททย2่ีอ นชมุรักรษม์ อนรุ กั ษผ์ ลติ ภัณฑ์ไทย เปน็ ตน้ และพยายามหาเวลา อธบิ ายความรู้ Explain เข้าร่วมกิจกรรมของชมรม เพราะชมรมต่างๆ ใน 1. ครูถามนักเรยี นวา ลักษณะรว มทางสงั คมและ ลักษณะเหล่าน้ีมีส่วนส�าคัญในการช่วยอนุรักษ์และ วัฒนธรรมทส่ี ง เสริมการสรางสรรควัฒนธรรม สบื สานภูมิปญั ญาไทย และภมู ปิ ญ ญาไทยมีอะไรบา ง ใหยกตวั อยา ง การศกึ ษาเกีย่ วกับภูมปิ ญั ญาไทย จะช่วยปลูกฝัง ประกอบการอธิบาย ใหเ้ ดก็ และเยาวชนเหน็ คุณค่าและร่วมกนั อนรุ ักษ์ (แนวตอบ ลกั ษณะรว มทางสงั คมและวัฒนธรรม ๓. การสบื ทอดและเปลีย่ นแปลง ให้คงอยตู่ ลอดไป ไดแ ก การเปนสังคมเกษตรกรรม จงึ มี ของวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย วฒั นธรรมประเพณีท่เี ปน ความเช่ือบางอยา ง เนือ่ งจากวัฒนธรรม หมายถงึ ระบบระเบียบแบบแผนสา� หรับการดา� รงชีวติ และการอยรู่ ่วม ทเ่ี หมือนกนั ในแตละภูมภิ าค เชน ความเชื่อ กันของมนุษย์ อันประกอบไปด้วยระบบความเช่ือ ระบบคุณค่า และวิถีชีวิตทั้งหมด และเมื่อ เร่อื งแมโพสพ ทําใหเกิดการทาํ ขวัญขา ว มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ คนไทยในอดีตจึงปรับตัวให้สมดุลกับธรรมชาติ และมีการ การบูชาแมโ พสพ หรือการที่คนไทยสวนใหญ สืบทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องกันมานับต้ังแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จนกลายเป็น นบั ถือพระพทุ ธศาสนา จึงเกิดประเพณีทาง รากฐานทางวฒั นธรรมและเปน็ สิ่งยึดเหนย่ี วสังคมไทยให้สามารถด�ารงอยู่ได้มาจนถงึ ปัจจบุ นั ศาสนาข้นึ เชน การตักบาตรเทโว การแหเทียน อย่างไรก็ตามในภายภาคหน้า สังคมไทยอาจด�ารงอยู่ไม่ได้ หากคนไทยหันไปช่ืนชมกับ พรรษา เปน ตน) วฒั นธรรมสมัยใหม่จนหลงลืมวฒั นธรรมไทย ดงั นน้ั การสบื ทอดวัฒนธรรมไทยจึงมคี วามส�าคัญ 2. ครูถามนาํ วา จากการศึกษามาแลว ท้งั หมด ยิ่งต่ออนาคตของสังคมไทย คนไทยจึงต้องหันมาท�าความเข้าใจกับวัฒนธรรมไทยด้วยการ นักเรียนคดิ วา วฒั นธรรมและภูมิปญ ญาไทย ทา� ความเขา้ ใจและร้คู ุณคา่ ภมู ปิ ญั ญาไทยที่มีอยู่ในวฒั นธรรมไทย มีประโยชนอ ยา งไร ใหนกั เรยี นรวมกันแสดง การท�าความเข้าใจวัฒนธรรมไทย ก็เพื่อตรวจสอบค้นหาว่ายังมีอะไรบ้างที่มีคุณค่าและมี ความคดิ เห็น กอนทคี่ รจู ะสรปุ วา วฒั นธรรม ความหมายพอที่จะน�ามาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต กล่าวคือ เราพยายามศึกษา และภูมปิ ญญาไทยเปนสงิ่ ทม่ี ปี ระโยชน วัฒนธรรมโลกท่ีเปลีย่ นแปลงไป และก�าลงั มอี ิทธพิ ลตอ่ สังคมไทย แต่ขณะเดียวกนั คนไทยจะต้อง ทีบ่ รรพบรุ ษุ ไดค ิดหรือสรา งไว อนั เปน สง่ิ ท่ี ท�าความรู้จักตนเอง แล้วรู้จักเลือกสรรผสมผสานทั้งภูมิปัญญาไทยท่ีเป็นภูมิปัญญาเก่าและ เหมาะสมกับสภาพแวดลอมของประเทศไทย ในฐานะคนรนุ หลงั ภมู ปิ ญญาบางอยา ง 147 หากปฏิบัตไิ ดก ็ควรอยางยง่ิ ทเ่ี ราจะปฏิบตั ิ สืบทอด หรอื อนรุ ักษไ วตอ ไป ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู การกระทาํ ของบคุ คลใดกลาวไดว าเปน การมีสว นรว มในการ 1 สมุนไพร มีประโยชนท้งั ดานการรกั ษาโรคและดานสงั คม กลา วคือ อนุรักษภมู ิปญญาไทยไดอ ยา งถูกตอ ง เมือ่ คนไทยรวู ธิ ีใชและใชอยางจรงิ จังกจ็ ะมสี ว นชวยในการชวยลดดุลการคา ในการสง่ั ยาจากตา งประเทศ รวมถงึ สง เสรมิ ใหเ กดิ ความภาคภมู ใิ จในวฒั นธรรม 1. เพชร เรียนนวดแผนไทยเปนวิชาชีพเสริม และภมู ปิ ญ ญาไทย 2. เพทาย ใชสินคาท่ีผลิตภายในประเทศเทา นัน้ 2 ผาไหมไทย เปนมรดกทางวัฒนธรรมอันลา้ํ คา ทม่ี กี ารถา ยทอดจากบรรพชน 3. ไพลนิ เปรยี บเทยี บภมู ิปญญาไทยกบั เพอื่ นตางชาติ สูคนรุนหลัง ซ่งึ มลี ักษณะแตกตา งกนั ไปในทอ งถน่ิ ตา งๆ กรมหมอนไหมไดจัดแบง 4. พลอย ทานผักและผลไมไ ทยหลายชนดิ เพอ่ื รกั ษาสขุ ภาพ ออกเปน 6 กลุม ใหญๆ ไดแก ผายก เชน ผายกพุมเรยี ง ผา ลายดอก เชน ผากาบบวั ผา แพรวา ผามดั หม่ี ผา เบ่ียงขิด และผา ไหมเกาะหรอื ลวง เชน ผา ไหม วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพชรเรยี นนวดแผนไทยเปน วิชาชีพ ลายนา้ํ ไหล เปนตน เสริม กลา วไดว า เปน การมสี ว นรวมในการอนรุ ักษภ ูมปิ ญญาไทย ดานการดแู ลรักษาสุขภาพไดอ ยางถกู ตอง จากการศกึ ษาและนาํ ไป ปฏบิ ตั ิเปนอาชพี เสริม ซ่ึงจะมีสวนชว ยเผยแพรภูมปิ ญ ญาไทย ในทางออมอีกดว ย คู่มือครู 147

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครูนาํ ภาพเครื่องสงั คโลกและสรีดภงสม าให ภูมิปัญญาของตะวันตกหรือภูมิปัญญาใหม่ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาและด�ารงชีวิตอยู่ได้อย่าง นกั เรยี นดู จากนน้ั ครูตง้ั คําถามเปด ประเดน็ ปกติสุข ใหนักเรยี นรวมกนั ตอบ เชน ด้วยเหตุน้ี การสืบทอดวัฒนธรรมและภูมิปัญญาจึงมีความส�าคัญ เพราะเป็นรากฐานของ • บอ น้าํ หรอื สระนา้ํ ท่ีเห็นในภาพคอื อะไร สงั คมไทย แต่ขณะเดียวกันก็จะต้องยอมรับถึงการเปลย่ี นแปลงของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย สรา งขึน้ ในสมยั ใด และมคี วามสาํ คญั อยางไร เพ่ือให้สามารถสร้างความสมดุลระหว่างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย กับวัฒนธรรมและ (แนวตอบ สรดี ภงส สรางข้นึ ในสมยั สโุ ขทัย ภูมปิ ัญญาสมยั ใหม่ เพ่ือจะไดส้ ามารถนา� ไปประยกุ ต์ใช้ในการดา� เนนิ ชวี ติ ได้ในทุกสถานการณ์ มคี วามสําคญั คอื เปนแหลงรบั นํา้ และระบาย นํ้าไวสาํ หรับใชในหนา แลง เพราะพน้ื ท่ี ๔. ตวั อย่างของการสรา้ งสรรคภ์ มู ิปัญญาไทยในประวัตศิ าสตร์ สว นใหญของสุโขทยั เปนดนิ ทราย ไมอุมนาํ้ ) เพ่ือให้เข้าใจถึงการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในประวัติศาสตร์ไทย จึงได้น�าตัวอย่างของ 2. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยางภมู ปิ ญญาไทย การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในสมัยต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ในสมยั อนื่ ๆ มาอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจพอสงั เขป เพอ่ื จะไดเ้ ขา้ ใจถงึ วธิ คี ดิ และการใชภ้ มู ปิ ญั ญาของคนไทยในสมยั นน้ั ๆ (แนวตอบ ภมู ปิ ญ ญาไทยเกิดขึ้นทุกยุคสมัย ว่าสามารถนา� มาใช้แกป้ ญั หาในการอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยไดอ้ ย่างไร ตง้ั แตส มยั สโุ ขทัย อยุธยา ธนบรุ ี และ รตั นโกสินทร เชน ภูมปิ ญญาในการควบคุม ๔.๑ ตัวอยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรค์ภมู ปิ ญั ญาไทย กําลังคน โดยระบบศกั ดนิ าในสมัยอยธุ ยา สมยั สโุ ขทัย เปน ตน ) สา� รวจคน้ หา Explore ตัวอย่างของลักษณะการสร้างสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยในสมยั สุโขทัย เพอื่ ประกอบความ เขา้ ใจเรอื่ งภูมปิ ัญญาไทย มีดังนี้ ครูใหนักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 4 คน เพอ่ื แบง หนาท่กี ันศกึ ษาเก่ียวกับตัวอยา งของการสรางสรรค ภมู ปิ ญ ญาไทยในประวัตศิ าสตร จากหนงั สอื เรยี น àÃè×ͧàŋҨҡʹµÕ หนา 148-163 โดยศกึ ษาหัวขอ ตอ ไปน้ี ความเปนมาของกระทรวงวัฒนธรรม คนที่ 1 ศกึ ษาตวั อยา งของลกั ษณะการ สรา งสรรคภมู ปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั กระทรวงวฒั นธรรมเปน็ ๑ ใน ๒๐ กระทรวงหลักและเป็น ๑ ใน ๖ กระทรวงที่ได้ รับการสถาปนาการปฏิรูประบบราชการ เม่ือวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามบทบัญญัติ คนที่ 2 ศึกษาตวั อยา งของลกั ษณะการ มาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำาหนดให้ สรางสรรคภ มู ปิ ญญาไทยสมยั อยธุ ยา กระทรวงวัฒนธรรมมีอำานาจหน้าที่เก่ียวกับศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรม หรือราชการอ่ืน ตามที่มีกฎหมายกำาหนดให้เป็นอำานาจหน้าท่ีของกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชการท่ีสังกัด คนท่ี 3 ศกึ ษาตวั อยา งของลกั ษณะการ กระทรวงวฒั นธรรม สรางสรรคภมู ปิ ญญาไทยสมัยธนบรุ ี โดยตราสัญลักษณ์เคร่ืองหมายราชการของกระทรวงวัฒนธรรมเป็นรูปบุษบก คนที่ 4 ศกึ ษาตัวอยา งของลักษณะการ ประดิษฐานดวงประทีป ภายใต้ซุ้มเรือนแก้วเหนือหมู่ลายเมฆ มีความหมายคือ ปัญญา สรา งสรรคภ มู ิปญ ญาไทยสมยั ซงึ่ เปน็ รากฐานของวัฒนธรรม รตั นโกสนิ ทร จากนนั้ ใหนกั เรยี นแตล ะคนอธบิ ายความรูท ่ตี น ไดศึกษามาใหแ กเพอื่ นในกลุม เมอ่ื ครบทุกคนแลว 148 ใหท กุ คนในกลมุ สอบถามขอ สงสัยจนเขาใจตรงกัน ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ครคู วรเตรียมวดี ิทศั นหรือภาพและขอ มลู เก่ียวกับผลงานการสรา งสรรค กจิ กรรมในขอ ใดเปน การผสมผสานภมู ปิ ญ ญาไทยกบั สถานการณ ภมู ปิ ญญาไทยในยุคสมัยตา งๆ ทางประวัติศาสตร เพอ่ื นาํ มาใหนกั เรยี นพิจารณา ปจ จบุ นั รวมกนั ในข้ันตอนของกจิ กรรมการเรียนรูทเ่ี หมาะสม เพอื่ กระตนุ ความสนใจของ นกั เรียนและสง เสรมิ ใหน ักเรียนเกดิ ความรูความเขา ใจการสรา งสรรคภมู ิปญ ญาไทย 1. การประกวดนกั ออกแบบผา ไทยรวมสมยั ในประวตั ิศาสตรไ ดดยี ่ิงข้ึน 2. การศึกษาคน ควาดานนาฏศลิ ปไ ทยสมยั รัตนโกสินทร 3. การสง เสรมิ การใชสมนุ ไพรในการปอ งกันและรกั ษาโรค 4. การจัดนทิ รรศการภูมปิ ญญาดานการดาํ รงชีวติ ของทองถิน่ มุม IT วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การประกวดนกั ออกแบบผาไทย ศึกษาคนควาขอ มลู เพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั กระทรวงวัฒนธรรม ไดที่ รว มสมัย จัดเปนกิจกรรมทีผ่ สมผสานภูมิปญ ญาดา นผาไทยกับ http://www.m-culture.go.th เว็บไซตก ระทรวงวัฒนธรรม ความนยิ มของผบู รโิ ภคในปจ จบุ ัน เปนแนวทางหนง่ึ ในการสบื สาน และปรบั ปรุงใหภ มู ิปญญาซึง่ อาจไมเหมาะกบั สภาพสังคมปจจุบันให ดาํ รงอยไู ด 148 คู่มอื ครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑) ระบบการชักน�้า เก็บน้�า และระบายน�้า การสร้างระบบการชักน�้า เก็บน�้า ครสู นทนารว มกนั กบั นกั เรยี นเกย่ี วกับตัวอยา ง ของลกั ษณะการสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาไทยสมัย แกาลระพระบบตารยะนพ�า้ ัง 1 น(สับรเะปน็น�า้ ภ) ูมใิปหัญญญๆ่ าแไทละยมอีวยัด่าหงหรอืนศึ่งใานสสนมสยัถสาุโนขสทรัยา้ งไดวงั ้ใมกีหลล้ๆกั หฐารนอื เสปร็นา้ งจไ�าวนบ้ วนนเมกาากะก เลชาน่ ง สโุ ขทยั จากนั้นตง้ั คาํ ถามใหแตละกลมุ แขง ขันกนั ตระพังใหญๆ่ เช่น ตระพังทอง ตระพังเงิน เป็นต้น การสรา้ งศาสนสถานไวใ้ กลก้ ับตระพังก็เปน็ ตอบ ตัวอยางคาํ ถาม เชน อุบายในการรกั ษาความสะอาดให้กบั น�้าในตระพัง เพราะบริเวณศาสนสถานผคู้ นในอดตี ถือวา่ เป็น เขตสิง่ ศกั ดิส์ ิทธ ิ์ การทงิ้ ของเสยี ลงในสระน้า� มนี ้อย จงึ ท�าใหส้ ระน�้าสะอาด • เพราะเหตุใด คนสมัยโบราณจึงนยิ มสราง เนื่องจากในกรุงสุโขทัยได้ประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้�าส�าหรับอุปโภคและ ศาสนสถานไวใกลกบั สระนํา้ หรือตระพัง บริโภค รวมท้ังการเพาะปลูก โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เพราะบรรดาล�าห้วย หนอง คลอง บึง (แนวตอบ การสรางศาสนสถานไวใกลก บั น้�ามักแห้งขอด และไม่มีทางน้�าหรือแอ่งน�้าใต้ดินที่จะน�าน้�ามาอุปโภคและบริโภคได้ ดังนั้น สระนํา้ หรอื ตระพัง นบั เปนกุศโลบายอัน จึงต้องอาศัยการสร้างระบบชลประทานท่ีมีประสิทธิภาพ วิธีที่จะด�าเนินการเพ่ือให้มีน�้าไว้ใช้ ชาญฉลาดของคนโบราณ เน่อื งจากผคู น อปุ โภคและบริโภคได้ตลอดทง้ั ปกี ค็ อื การชกั นา้� การเก็บน�า้ และการระบายน้า� นน่ั เอง มคี วามเช่ือวาบรเิ วณศาสนสถานมีความ ส�าหรับการกักเก็บน้�าบนผิวดิน จ�าเป็นจะต้องชักน้�าจากที่สูงเข้ามาบริเวณเมืองซ่ึง ศักดสิ์ ิทธ์ิ จึงไมมีใครกลาทําใหนาํ้ ในตระพงั เป็นท่ีอยู่อาศัย โดยสร้างแนวคันดินจากท่ีสูงมายังคูน�้าล้อมรอบบริเวณศาสนสถาน แนวคันดินน้ี เนา เสยี นาํ้ ในตระพงั จงึ สะอาด สามารถนาํ มา จะบีบน้�าที่ไหลจากที่สูงโดยมีท่อดินเผาขนาดใหญ่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวดิน เมื่อเกิดฝนตกน�้าจะไหลไป อุปโภคบรโิ ภคได) ตามท่อดินเผา ซึ่งจะน�าไปไว้ในห้วยส�าหรับเป็นแหล่งกักเก็บน้�า นอกจากบรรดาคันดินท่ีชักน้�า จากที่สูงลงมาที่ล�าห้วยแล้ว ยังมีแนวคันดินอ่ืนๆ ที่ชักน้�าจากท่ีสูงไปเก็บไว้ตามคูน้�าหรือสระน�้า • กระบวนการกกั เกบ็ นา้ํ ไวใ ชฤ ดแู ลงของ ของวัดตา่ งๆ อีกดว้ ย สโุ ขทัยเปน อยา งไร (แนวตอบ สรางแนวคนั ดิน (เรยี กวา เขอ่ื น พระรวง) จากท่สี งู มายงั ตระพัง (เรยี กวา สรดี ภงสห รือทํานบพระรวง) ซึง่ ตองมีการ ฝง ทอดินเผาขนาดใหญไ วใตผวิ ดิน เมอ่ื ฝนตกน้าํ จะไหลไปตามทอ ดินเผา ไปกกั เกบ็ ไวในตระพงั นอกจากน้ี ชาวสุโขทัยยังสราง บอ น้าํ รปู กลม กรุอฐิ และสระนา้ํ รูปสเี่ หลย่ี ม ขนาดเลก็ สาํ หรบั ดกั นาํ้ ทไ่ี หลซมึ ออก มาจากตระพงั มาใชอ ปุ โภคบริโภคในเขตวดั และทอ่ี ยูอาศยั ดวย) 2 สรีดภงส์ หรือทาำ นบพระรว่ ง เป็นภูมปิ ญั ญาของคนสโุ ขทัยทรี่ จู้ ักสรา้ งอา่ งเกบ็ น้ำาไว้เพอ่ื การอุปโภคบริโภค 149 ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั 1 ตระพงั มรี ากศพั ทม าจากภาษาเขมรวา “ตรพฺ าํ ง” (อา นวา ตรอเปย ง) “ตระพงั ” เปนภมู ิปญญาในเรือ่ งใดของคนยุคสมยั สุโขทยั แปลวา บอหรอื สระน้าํ ตระพงั เก็บนาํ้ ทส่ี ําคัญของกรุงสโุ ขทัยมี 4 ตระพงั คอื 1. การชักนา้ํ 2. การเก็บนาํ้ 1. ตระพงั เงิน อยูทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ 3. การระบายนาํ้ 2. ตระพงั ตะกวน อยูทางทิศเหนือของตระพังเงนิ 4. การควบคุมทางไหลของนํา้ 3. ตระพงั ทอง อยูบริเวณวัดตระพังทอง 4. ตระพงั สอ อยูดานหลงั พระบรมราชานุสาวรียพ อขุนรามขําแหงมหาราช วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ตระพงั หมายถงึ บอหรอื สระนาํ้ 2 สรีดภงส หรือทาํ นบพระรวง กรมชลประทานไดป รับปรุงทํานบแหง นมี้ าใช ประโยชนดา นการชลประทาน เรียกวา “อา งเกบ็ นํ้าพอขนุ รามคําแหง” เปน ภมู ปิ ญญาของคนสมยั สโุ ขทัยในการบรหิ ารจัดการนํ้า เพอ่ื กัก เกบ็ นํ้าไวใ ชเพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภค เนื่องจากกรงุ สโุ ขทัยประสบ มมุ IT ปญหาการขาดแคลนนาํ้ สาํ หรับอปุ โภคบริโภค และการเพาะปลูก โดยเฉพาะในฤดูแลง เพราะไมมีทางนา้ํ หรือแอง นํา้ ใตด ิน ดงั นน้ั ศกึ ษาความรูภูมปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั เพม่ิ เติม ไดท่ี จึงตองสรางระบบชลประทานทมี่ ีประสิทธภิ าพ โดยการชกั นาํ้ http://www.fifinearts.go.th/node/357 เวบ็ ไซตสาํ นกั โบราณคดี การเกบ็ นาํ้ และการระบายนา้ํ ตระพังท่สี าํ คญั เชน ตระพงั เงนิ ตระพังตะกวน ตระพงั ทอง ตระพงั สอ เปนตน คูม่ อื ครู 149

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครตู งั้ คาํ ถามเกย่ี วกับภมู ิปญญาไทยในการ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีบ่อน�้ารูปกลม กรุอิฐ และสระน�้ารูปส่ีเหล่ียม ประดษิ ฐเ คร่อื งปนดินเผาในสมัยสุโขทยั แลวให ขนาดเล็กซ่ึงพบได้ทั่วไปบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย เพ่ือดักน�้าท่ีไหลซึมจากบรรดาตระพังมาใช้เพื่อ นกั เรยี นชวยกนั ตอบ เชน อุปโภคและบริโภคในเขตวัด และบริเวณท่ีอยู่อาศัย การพบบ่อน�้าที่กรุด้วยอิฐแสดงให้เห็นถึง กระบวนการของระบบการใชน้ า้� ขัน้ สดุ ท้าย ซงึ่ ผา่ นขัน้ ตอนต่างๆ จากการรบั น�้า ชกั น้า� ระบายน�้า • เครื่องปนดินเผาในสมยั สโุ ขทยั มีชอ่ื เรยี กวา มาจนถึงการเก็บน�้าในตระพังแล้วปล่อยให้ไหลซึมลงมายังบ่อน�้าใช้อีกต่อหน่ึง โดยท่ีเขื่อนคันดิน อะไร และมีประโยชนอยางไร “ทสส่ี รรดี า้ ภงขงสนึ้ ”์1ม ซาเ่ึงปรน็ะบเขบอ่ื กนากรกัชเักกนบ็ ้�าน า�้เก เบ็ รนยี กา้� วแา่ ล“ะเรขะอ่ื บนาพยรนะ้า� ร ว่ ใงน” ส มสัยว่ สนโุ แขหทลยั ง่นรถี้บั อืนไา้� ดแว้ ล่าะเรปะน็ บภาูมยนปิ า้�ัญ ญเรายี ไกทวยา่ (แนวตอบ เครือ่ งสงั คโลก มีประโยชน คอื ทางดา้ นการชลประทานอยา่ งหนง่ึ ทป่ี รากฏใหเ้ ห็นในสมยั นน้ั เปน ภาชนะสําหรบั ใชส อยใสส ง่ิ ของ เชน โถ จาน แจกัน ไห กระปุก กาน้ํา เปนตน ) ๒) การประดษิ ฐ์เครอ่ื งปนั ดินเผา บริเวณดินแดนท่ีเปน็ ประเทศไทยปัจจบุ ัน ได้มี • เครอื่ งปน ดนิ เผาสมัยสุโขทัยมีกีป่ ระเภท การค้นพบเคร่ืองปั้นดินเผาอันเป็นภาชนะส�าหรับใส่สิ่งของมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว อะไรบา ง และมลี ักษณะโดดเดนอยางไร และเช่ือว่าภูมิปัญญาเหล่าน้ีได้เป็นรากฐานของการผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาในสมัยประวัติศาสตร์ใน (แนวตอบ มี 2 ประเภท ไดแก ชนดิ เคลอื บ เวลาตอ่ มา และชนิดไมเ คลอื บ สวนใหญม กั ทําเปน ในสมัยสุโขทัย มีการประดิษฐ์เคร่ืองปั้นดินเผาท้ังชนิดเคลือบและไม่เคลือบ โดย สีเขยี วไขก าทง้ั ชนิดหนาและบาง ซง่ึ นยิ มทํา กในาสรนม�ายั ดสินโุ ขมทาัยปนั้นีเ้ เรปีย็นกรวูปา่ ท“รสงังตค่าโงลๆก ”2แล้วน�ามาเผาเพ่ือใช้งานในลักษณะต่างๆ ซึ่งเคร่ืองปั้นดินเผา ในฤดฝู น สวนนอยมกั ทาํ เปน สีน้าํ ตาล ซึ่งมกั เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดเคลือบในสมัยสุโขทัย ส่วนใหญ่มักท�าเป็นสีเขียวไข่กา มีท้ัง ทําในฤดูรอนและฤดูหนาว) ชนิดหนาและบาง นอกจากน้ียังมีการเคลือบเป็นสีน้�าตาลแต่มีน้อย ส�าหรับการเผาเคร่ืองเคลือบ ดินเผาสมัยสุโขทัยมักจะเผากันมากในฤดูฝน เพราะการเผาในฤดูฝน อากาศ เตาเผา และฟืน • วตั ถดุ บิ ทใ่ี ชทําเครือ่ งปนดนิ เผาสมัยสโุ ขทัยมี อะไรบา ง (แนวตอบ ดนิ ขาวและดินเหนียวทม่ี คี ุณภาพดี รวมถึงตนไมบางชนดิ ที่สามารถนาํ มาผลติ น้ํายาเคลือบได) เตาเผาทุเรยี ง3และถว้ ยชามสงั คโลก เปน็ ภูมปิ ัญญาของชาวสโุ ขทัย ในการผลิตเครือ่ งปนั ดินเผาทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง 150 นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ ใดกลาวไดถูกตองเก่ียวกับภูมิปญญาดานการประดิษฐ 1 สรีดภงส เรยี กอีกอยา งหน่ึงวา “ทาํ นบพระรวง” เน่ืองจากชาวบา นมีความเช่อื เครื่องปนดินเผาในดนิ แดนประเทศไทย วา พระรว งเปน ผสู รา งหรอื เกดิ ขนึ้ จากอทิ ธฤิ ทธขิ์ องพระรว ง แตน กั วชิ าการหลายทา น 1. การประดษิ ฐเ ครื่องปน ดินเผามีตั้งแตสมัยกอ นประวตั ศิ าสตร เรียก “สรดี ภงส” ตามชอ่ื ทีป่ รากฏในศิลาจารกึ หลกั ที่ 1 2. ความศรทั ธาในพระพุทธศาสนาเปน ปจ จยั หลักในการประดิษฐ 2 สงั คโลก เช่ือกนั วา เพ้ยี นมาจากคําวา “สวรรคโลก” ซึ่งเปน ชือ่ ของแหลง ผลติ เครอ่ื งปน ดนิ เผา เครื่องปนดนิ เผาที่สาํ คัญ ตอมาเปลี่ยนช่อื เปนเมอื งศรสี ัชนาลัย 3. การผลิตเครือ่ งสงั คโลกสเี ขียวไขก าเปน ภมู ปิ ญ ญาท่สี ุโขทยั 3 เตาเผาทุเรียง ทส่ี าํ คัญอยทู ี่บา นเกาะนอ ย อุทยานประวตั ศิ าสตรศ รสี ชั นาลัย รับการถา ยทอดมาจากอนิ เดยี จากการขดุ คนพบเตาเผากวา 500 เตา และพบเครอื่ งสังคโลกในสภาพสมบรู ณ 4. ความเจริญดานการคมนาคมมสี วนชวยสงเสรมิ การประดษิ ฐ จํานวนมาก ลักษณะของเตามีรปู ยาวรีประมาณ 7-8 เมตร ปจ จุบันมีการจัดตง้ั ศนู ย เคร่ืองปน ดนิ เผาโดยใชวัตถดุ ิบจากตา งชาติ ศึกษาและอนรุ ักษเตาสงั คโลก (เตาทเุ รยี ง) ข้ึน เพ่ือการเกบ็ รกั ษา การศึกษา และ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การประดษิ ฐเ ครอ่ื งปน ดนิ เผามตี งั้ แต เผยแพรข อ มลู ความรูแกประชาชนทวั่ ไป สมยั กอนประวัตศิ าสตร ท่สี ําคญั ไดแก การประดิษฐเ คร่อื งปน ดนิ เผา ลายเขยี นสใี นชมุ ชนสมยั หนิ ใหมถ งึ สมยั สาํ รดิ บรเิ วณแหลง โบราณคดี 150 ค่มู ือครู บา นเชยี ง จงั หวัดอดุ รธานี ซึ่งไดร ับการขน้ึ ทะเบยี นจากองคก าร ยูเนสโกใหเ ปนมรดกโลกใน พ.ศ. 2535

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ มีความช้ืนมาก ท�าให้ได้เคร่ืองเคลือบสีเขียวไข่กา1สวยมากกว่าท�าในฤดูร้อน ส่วนเครื่องเคลือบ ครตู ง้ั คําถามเก่ียวกับภูมปิ ญญาไทยในการ ประดษิ ฐต วั อกั ษรไทยในสมยั สุโขทยั เชน สนี า�้ ตาลนิยมเผากันในฤดรู อ้ น และฤดหู นาวเสียเป็นสว่ นใหญ่ • การที่คนไทยมภี าษาไทยใชเปน ของตนเอง การผลิตเครื่องปั้นดินเผาชนิดเคลือบจะต้องใช้ดินขาวและดินเหนียวท่ีมีคุณภาพดี ไมตองใชภ าษาของคนชาติอ่ืน ถือวา เปน ผลดีอยา งไร รวมทั้งแหล่งต้นไม้บางชนิดซึ่งสามารถน�ามาผลิตน�้ายาเคลือบได้ โดยสามารถน�ามาผลิตเป็น (แนวตอบ ทาํ ใหคนไทยสามารถสอื่ สารกนั ได อยางเขา ใจในหมคู นไทยดว ยกัน และแสดง ผลติ ภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น ภาชนะประเภทถ้วย โถ จาน แจกัน กาน�้า ไห กระปุก เป็นตน้ ความเปน เอกลกั ษณ ความเปนปก แผนของ คนไทยทใี่ ชภ าษาไทยเปน สญั ลักษณรวมกนั ) ซึ่งเครื่องเคลือบดินเผาหรือสังคโลกยังคงมีสืบต่อมาถึงสมัยอยุธยาตอนต้น และจัดได้ว่าเป็น • ภาษาใดที่มีอิทธิพลตอ การประดิษฐอ ักษร ภมู ิปญั ญาไทยอกี อย่างหนงึ่ ไทยของพอ ขุนรามคําแหงมหาราช (แนวตอบ ภาษาขอม มอญ รวมถงึ ไดรับ “ลายสอื ไทย”2 ๓ข)อ งกพาอ่ รขปนุ รระาดมษิ คฐา� ต์แหวั องมกั หษารรไาทชย เสมา� อ่ื ห รพบั .ศค. น๑ไ๘ท๒ย๖ กนาน้ัรปนรบั ะไดดษิว้ า่ฐเต์ ปวั น็ อพกั รษะรปไรทชี ยาทสเ่ี ารมยี การวถา่ อทิ ธิพลจากลงั กาและอินเดยี ) ของพระองค์ท่ีทรงประดิษฐ์อักษรไทยท่ีเป็นแบบฉบับของคนไทย ไม่ต้องใช้ภาษาของชนชาติอ่ืน • ตวั อกั ษรไทยทีพ่ อ ขุนรามคาํ แหงมหาราช ทรงประดษิ ฐข ึ้นมีลักษณะพเิ ศษอยางไร เพ่ือใช้สื่อสารให้เกิดความเข้าใจในหมู่คนไทยด้วยกัน อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของ (แนวตอบ มกี ารเพม่ิ พยัญชนะ สระ และ วรรณยกุ ต ใหเ พียงพอกบั เสียงพดู ของคน คนไทยท่ีใชภ้ าษาไทยเป็นสญั ลักษณร์ ว่ มกนั ในชาติ ทาํ ใหส ามารถเขยี นคาํ ไทยไดทกุ คํา และการมวี รรณยกุ ตทาํ ใหส ามารถอาน ในการประดิษฐ์ “ลายสือไทย” ของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชนั้นทรงได้ดัดแปลง ความหมายของคําไดถ ูกตอง โดยไมตองดู ขอความท้ังประโยคดงั เชนภาษาขอม ตัวหนังสอื ขอม มอญ ซง่ึ นิยมใช้กนั อยแู่ ถบแม่น้า� เจา้ พระยาแต่เดิม นอกจากน้ ี ตัวรูปอักษรของ นอกจากนัน้ พยัญชนะทุกตวั จะเขียนเรียง อยบู นบรรทัดเดียวกัน ไมม ีตัวพยญั ชนะซอ น พอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราชน่าจะได้รับอิทธิพลจากลงั กาและอินเดยี ดว้ ย กันเหมอื นภาษาขอม ภาษามอญ หรือภาษา พมา ) การประดิษฐ์ตัวอักษรไทยของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช มีลักษณะพิเศษและมีประโยชน์ต่อการเขียนและการอ่านภาษาไทยเป็น อย่างมาก เน่ืองจากพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชทรงประดิษฐ์รูปอักษรทั้ง พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เพิ่มขึ้นให้พอกับเสียงพูดของคนใน ชาต ิ และท�าให้สามารถเขียนค�าไทยไดท้ กุ คา� นอกจากน ้ี การมีรูป วรรณยุกต์ ยังท�าให้สามารถอ่านความหมายของค�าได้ถูกต้อง โดยไม่ต้องดูข้อความประกอบท้ังประโยค (ถ้าเป็นอักษรขอม โบราณ เมอื่ เขียนค�าวา่ “เบก” อาจอา่ นออกเสยี งเป็น เบก แบก หรือเบิก ก็ได ้ ดงั นัน้ เวลาอา่ นจงึ ตอ้ งดูความหมายของ ประโยคก่อน จึงจะอา่ นออกเสยี งได้ถูกตอ้ ง) อักษรไทย ของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชยังมีลักษณะพิเศษอีก ประการหน่งึ คือ พยญั ชนะทุกตัวเขียนเรียงอย่บู รรทัด พอ่ ขนุ รามคาำ แหงมหาราชทรงประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยขน้ึ เดยี วกนั ไม่มตี ัวพยัญชนะซอ้ นกันเหมือนตัวอกั ษรของ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ โดยดัดแปลงมาจากอักษรมอญ ดินแดนใกล้เคยี งอยา่ ง เขมร มอญ หรือพมา่ เป็นตน้ และขอม 151 บูรณาการเชอื่ มสาระ นักเรียนควรรู ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูบ ูรณาการกับวิชาภมู ิศาสตร 1 สีเขียวไขกา สเี ขยี วหมนทเี่ กิดจากการเคลอื บเคร่ืองปน ดินเผาดว ยเถาไม เรอื่ งปฏสิ มั พนั ธข องคนไทยกบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม ผสมดิน และใชอ ุณหภูมใิ นการเคลือบสงู กวา 1,200 องศาเซลเซียส เครอื่ งเคลอื บ โดยใหนกั เรยี นรวมกลุมกันศกึ ษาคนควาผลงานการสรา งสรรค สีเขยี วไขกาน้มี สี ีเพี้ยนไปตามชนดิ ของไมท่นี าํ มาใชทาํ ขี้เถา เชน สเี ขียวคอ นขาง ภมู ปิ ญ ญาไทยจากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มในสมยั ตา งๆ คลํา้ ไดจากไมเนือ้ แข็งอยา งตน กอ เปนตน ไดแ ก สโุ ขทัย อยธุ ยา ธนบรุ ี และรัตนโกสินทร จากแหลงการ 2 ลายสอื ไทย ชอ่ื รูปตัวอักษรไทยซงึ่ ปรากฏบนดา นที่ 4 ของศิลาจารกึ หลกั ที่ 1 เรยี นรตู างๆ เพ่มิ เตมิ จากหนังสอื เรยี น แลวจดั ทําเปนโปรแกรม ความวา “...เมอ่ื กอ นลายสือไทยน้ีบม ี 1205 ศก ปม ะแม พอ ขุนรามคาํ แหงหาใคร การนําเสนอ (PowerPoint) เพอ่ื ผลดั กนั นาํ เสนอในชั้นเรยี น ใจในใจ แลใสล ายสอื ไทยน้ี ลายสอื ไทยนี้จึ่งมีเพ่อื ขุนผูน้ันใสไ ว. ..” ซง่ึ จะชว ยใหน กั เรยี นรแู ละเขา ใจผลงานการสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาไทย ในประวัตศิ าสตร ตลอดจนการตระหนกั ถึงความสําคญั ของ มมุ IT ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอม ศึกษาคนควาขอ มลู เพ่ิมเติมเก่ยี วกบั ลายสือไทย ไดท ี่ http://lib.ru.ac.th/ journal/thai_language.html เว็บไซตสาํ นกั หอสมุด มหาวิทยาลยั รามคาํ แหง คู่มือครู 151

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครถู ามนกั เรยี นวา ไตรภมู พิ ระรว งมลี กั ษณะเดน ความพิเศษของตัวอักษรไทยท่ีพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์ขึ้นมาน้ี อยา งไร ถือไดว้ า่ เปน็ ภมู ิปัญญาไทยในสมัยสุโขทยั ที่ไดก้ ลายเปน็ มรดกตกทอดมาจนถึงปัจจบุ นั (แนวตอบ การนาํ หลกั คาํ สอนทางพระพทุ ธศาสนา ทเ่ี ขา ใจยาก มานาํ เสนอใหมใ นรปู ของคาํ ประพนั ธ ๔) การอาศัยวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อจรรโลงสังคม ในสมัย ใชโ วหารเปรยี บเทยี บ ใชข อ ความงา ยๆ อา นแลว มคี วามเขาใจ เกิดจินตนาการ) สโุ ขทัย พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ทรงพระราชนพิ นธ์ ไตรภมู ิพระร่วง อันเปน็ วรรณกรรม ที่เก่ียวข้องกับพุทธศาสนา โดยการน�าหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา ซ่ึงผู้คนบางส่วนอาจ 2. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหว า การทพ่ี ระมหา เข้าใจได้ยาก มาน�าเสนอใหม่เปน็ รปู ของคา� ประพนั ธ์ มีการใช้โวหารเปรยี บเทยี บ ใช้ขอ้ ความง่ายๆ ธรรมราชาที่ 1 ทรงพระราชนพิ นธไ ตรภมู พิ ระรว ง อ่านแล้วมีความเขา้ ใจเกดิ จินตนาการ สงผลดตี อ สงั คมอยา งไร โลกจะไ ดเ้ สวยใสนุขไตในรเภทูมวิพโลรกะ1รแ่วลงะไพดร้กหลม่าวโลถกึง2 โลหกรมอื มนิฉุษะยน์ ัน้นกร็อกา จสบวรรรรลคุน์ ิพโดพยาผนู้ท ี่ปสรว่ ะนกมอนบุษกยุศ์ผล้ปู กรระรกมอใบน (แนวตอบ ไตรภมู ิพระรว งเปน วรรณกรรมทาง อกุศลกรรมจะต้องไปเกิดในอบายภูมิหรือนรก โดยดินแดนสวรรค์ของผู้ประพฤติกุศลกรรมมี พระพทุ ธศาสนาทกี่ ลา วถึงความนากลวั ของนรก ทั้งหมด ๑๖ ชั้น ส่วนดินแดนนรกของผู้ประกอบอกุศลกรรมมี ๔ ช้ัน คือ เดรัจฉาน เปรต และความสขุ สบายบนสรวงสววรค ซึ่งทาํ ให อสรุ กาย และนรก คนไทยทอ่ี า นเกดิ ความเกรงกลวั นรก ไมกลา ดงั นน้ั ผทู้ อ่ี า่ นหรอื ฟงั เรอื่ งไตรภมู ิในพระพทุ ธศาสนา จงึ หวาดกลวั ทจี่ ะไปเกดิ ในแดน ทําความชัว่ มุงทาํ แตความดี เพื่อใหไดไปเกดิ อกุศลกรรม ไม่ประพฤติช่ัว และพยายามหาทางสร้างกุศลกรรม เพ่ือจะได้ไปเกิดในแดนสวรรค ์ ในสวรรค ความเชอ่ื เชน น้จี ะทาํ ใหส ังคมสงบสขุ ความเช่ือในเรื่องของการท�าความดีความชั่วจึงส่งผลให้เกิดความสงบสุขข้ึนในสังคม ซ่ึงน่าจะดี เมอ่ื สงั คมสงบสุข บา นเมืองก็จะพัฒนาและ กวา่ การให้ผคู้ นเกรงกลวั บทลงโทษในกฎหมายเพียงอยา่ งเดียว เจรญิ รงุ เรอื งไดอยา งรวดเรว็ ) กล่าวได้ว่า ไตรภูมิพระร่วงจัดเป็นภูมิปัญญาไทยอย่างหน่ึงในสมัยสุโขทัยท่ีอาศัย วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นเคร่ืองมือควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในสังคม ซึ่งเมื่อผู้คน สว่ นใหญ่ท�าแตส่ ง่ิ ท่ีดี สงั คมกจ็ ะดตี ามมา เมื่อสังคมด ี บา้ นเมอื งกจ็ ะเจรญิ รงุ่ เรอื งตามมา ๔.๒ ตัวอยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรคภ์ ูมปิ ญั ญาไทย ในสมัยอยธุ ยา ตัวอยา่ งของลักษณะการสร้างสรรค์ภมู ปิ ัญญาไทยในสมยั อยุธยา มดี งั ต่อไปน้ี ๑) การสรา้ งสถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ หเ้ ปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของคนไทย การที่ สมยั อยธุ ยาสถาบนั พระมหากษตั รยิ ท์ รงดา� รงอยไู่ ดย้ าวนานถงึ ๔๑๗ ป ี จนเปน็ รากฐานของสถาบนั การเมืองที่ส�าคัญยิ่งของคนไทยในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์นั้น เป็นเพราะคนไทยสมัยอยุธยา ได้ร่วมใจกันสถาปนาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความเข้มแข็งและมีความศักดิ์สิทธ์ิเป็นที่เคารพ ของอาณาประชาราษฎร์โดยทวั่ ไป ภูมปิ ญั ญาไทยทางด้านการเมอื งการปกครองในสมัยอยุธยา เหน็ ไดจ้ ากการทสี่ มเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) เม่ือครั้งทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงน�าเอา หลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยทรงน�าเอาลัทธิเทวราชจากเขมรมาดัดแปลงให้ สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ส่งผลให้สถานะของพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนสมมติเทพ 152 นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชอื่ มสาระ ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการวชิ าพระพทุ ธศาสนา 1 เทวโลก เทวภูมิ หรือสวรรค (กามาวจรสวรรค) หมายถึง ภพภมู ิทีม่ แี ตค วาม เร่อื งแนวคดิ เกี่ยวกับโลกและชีวิต โดยการอธิบายภาพรวมของ สขุ อันเกดิ จากกามคณุ ท้ัง 5 (รปู เสียง กล่นิ รส สัมผสั ) เปนภพภูมขิ องเทวดา มี 6 ไตรภูมพิ ระรวงใหนักเรยี นเพ่ิมเตมิ โดยใชแ ผนภูมิ 31 ภพภมู ิทาง ชนั้ ไดแ ก 1. จาตมุ หาราชกิ า มที า วจตโุ ลกบาลปกครองประจาํ ทศิ ทงั้ 4 พระพุทธศาสนาประกอบวา ไตรภูมิพระรว งเปนวรรณกรรมทาง 2. ดาวดงึ ส มที า วสักกเทวราชหรือพระอินทรเ ปน ผปู กครอง พระพทุ ธศาสนาทกี่ ลา วถงึ ภพภมู ทิ งั้ 31 ภพภมู ิ ไดแ ก อรปู ภมู ิ 4 3. ยามา มที า วสยุ ามเทพบตุ รเปน ผปู กครอง มเี ทวดาผปู ราศจากความทกุ ขอ าศยั อยู รปู ภูมิ 16 และกามภมู ิ 11 ผูทอ่ี ยใู น 31 ภพภมู ิน้ี จะตอ งผา นการ 4. ดสุ ติ ปกครองโดยทา วดสุ ติ เทวราช เทวดาชน้ั นมี้ วี มิ านทพิ ยแ ละสมบตั ทิ พิ ย เวยี นวายตายเกิดจนกวา จะสามารถบรรลุอรหันต จึงจะหลดุ พน 5. นมิ มานรดี มที า วสนุ มิ มติ เทวราชปกครอง เทวดาชน้ั นป้ี รารถนาสง่ิ ใดกเ็ นรมติ เอาได จากสังสารวัฏนี้ มนุษยท ่ที าํ ความดจี ะไดไปเกดิ ในเทวโลก 6. ปรนิมมิตวสวตั ดี เปนชนั้ ท่สี งู ท่สี ดุ มที าวปรนิมมิตวสวัตดีปกครอง เทวดาชัน้ นี้ และพรหมโลกชั้นตา งๆ เสวยผลบุญและความสุขตามแรงบุญ ปรารถนาส่ิงใด จะมีเทวดาอ่นื เนรมิตให ท่กี ระทาํ มา สวนมนุษยท่ที าํ ความชว่ั ก็ตองไปเสวยผลทุกขท่ี 2 พรหมโลก หรือพรหมภูมิ หมายถงึ ภพภูมิอันเปนท่สี ถติ ยและเสวยสุขของ อบายภูมิชนั้ ตา งๆ ตามแรงกรรมของตนเชน กัน แลว ใหน ักเรยี น พระพรหมผูอบุ ตั ิในพรหมวมิ าน ณ พรหมโลก ซ่งึ เปนดนิ แดนทมี่ คี วามสุขอันเกิด แสดงความคิดเห็นถึงแนวคดิ ดงั กลา ว ทั้งน้มี ุง เนน ใหน ักเรียน จากฌาน มที ้ังสน้ิ 20 ชั้น แบง เปน 2 ประเภท ไดแก รูปพรหม (คือ ช้นั ท่ีพระ เขา ใจหลกั ธรรมจากวรรณกรรมไตรภูมพิ ระรว ง พรหมมีรปู แตเ ปนรูปทิพย) 16 ชั้น และอรูปพรหม 4 ชนั้ 152 คูม่ ือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครถู ามนักเรยี นวา การทีส่ ถาบนั พระมหา- กษัตริยมีความเขม แขง็ และเปนศูนยรวมจติ ใจ แต่ขณะเดียวกันพระมหากษัตริย์อยธุ ยากย็ ังทรงเป็นธรรมราชา ซงึ่ ทรงไวซ้ ่ึงทศพิธราชธรรมตาม ของคนไทยทัง้ ชาติมาต้ังแตอดีตจนถงึ ปจจุบัน หลักธรรมในพระพทุ ธศาสนาตามแบบอยา่ งสโุ ขทยั มไิ ด้อยู่หา่ งไกลจากทวยราษฎร์ เกิดจากแนวความคิดความเช่อื ใด (แนวตอบ พระเจา อูทองทรงรับแนวความคดิ การที่น�าเอาหลักการของพระพุทธศาสนามาผสมผสานกับความเชื่อของศาสนา เทวราชาหรอื สมมติเทพมาจากขอม ซ่งึ เปน พราหมณ์ - ฮนิ ดู จนกลายเปน็ อดุ มการณท์ างการเมอื งของไทยทพี่ ระมหากษตั รยิ ์ไทยตอ้ งทรงเปน็ ความเชอื่ ในศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู แนวคดิ นี้ ทั้งธรรมราชาและสมมติเทพ ท�าให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักใคร่ของอาณาประชาราษฎร์ เชอ่ื วาพระมหากษัตรยิ เ ปนองคอวตารของ ซเพ่ึงรคาวะาทมรศงักใชด้หิ์สิทลักธิ์ทที่ผศู้ใพดิธจระาลชะธเมรริดมมใิไนดก้ าเรพปรกาคะทรอรงงรเปาษ็นสฎมรมขตณิเทะพเ1ดทีย่ีมวีคกวันาพมรศะักมดห์ิสาิทกธษิ์ใหัตร้ทิย้ัง์กค็ทุณรแงลไวะ้ พระนารายณ จงึ มีความศักด์สิ ทิ ธิเ์ หนือคน โทษแก่มนุษย์ท้ังปวง นับได้ว่าเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ซ่ึงเป็น ท้ังปวง และไดร บั แนวความเชื่อธรรมราชาของ สถาบันหลักท่ีมคี วามส�าคญั ตอ่ การด�ารงอยู่ของบ้านเมือง พระพุทธศาสนาเขา มาผสมผสานไวด ว ย ความสามารถของคนไทยที่สามารถสร้างอุดมการณ์ทางการเมืองเก่ียวกับแนวคิด คุณลักษณะของผู้น�าของอาณาจักรหรือพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาในลักษณะของสมมติเทพ จงึ ทรงปกครองพสกนกิ รดว ยหลกั ทศพธิ ราชธรรม ธรรมราชา ดังกล่าว ได้หล่อหลอมให้คนไทยเกิดความรักใคร่เทิดทูนบูชา จงรักภักดีต่อองค์ พระมหากษตั ริยจ งึ มที ้งั ความเปน เทวราชาและ พระมหากษัตริย์จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และด้วยเหตุนี้สังคมไทยจึงถือว่า ธรรมราชา มที ั้งพระเดชและพระคุณ จงึ ทรง สถาบนั ทางการเมอื งทส่ี �าคญั และแผน่ ดนิ จะวา่ งเวน้ เสยี มไิ ด้ คอื สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ซง่ึ ยงั คงมี เปน ท่ีรกั และเคารพของอาณาประชาราษฎร ความมน่ั คงและยงั่ ยืนมาจนกระทั่งถงึ ทกุ วนั น้ี จนถึงสมัยปจจบุ ัน) 2. ครตู ัง้ คาํ ถามเก่ียวกบั ภมู ิปญญาไทยทางดา น แนวความคิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ดังท่ีได้กล่าวมาในตอนต้น จึงเป็น การควบคมุ กําลังคนในสมัยอยุธยา เชน ภูมิปัญญาไทยทางการเมืองที่ส�าคัญย่ิงในสมัยอยุธยา และภูมิปัญญาไทยดังกล่าวก็ยังคงเป็น • การควบคมุ กาํ ลงั คนของผูปกครองในสมัย ภูมปิ ญั ญาทีส่ า� คญั ตอ่ สงั คมไทยในยุคปจั จุบันน้ดี ว้ ย อยุธยา มีความสาํ คัญตอ ความมน่ั คงและ ๒) ภูมิปัญญาไทยทางด้านการควบคุมก�าลังคน การที่อาณาจักรอยุธยาได้รับ ความอยรู อดของอาณาจกั รอยางไร (แนวตอบ อาณาจักรอยธุ ยาสถาปนาขนึ้ การสถาปนาขึ้นมาท่ามกลางรัฐอื่นๆ ท่ียังด�ารงอยู่อย่างเป็นอิสระน้ัน จึงจ�าเป็นจะต้องรวบรวม ทามกลางความเขมแขง็ ของอาณาจักรรอบ ผู้คนให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่น และผู้น�าสามารถใช้ก�าลังผู้คนเหล่าน้ันส�าหรับการป้องกัน ขาง การควบคุมกําลังคนเพอ่ื ใชใ นการทําศึก การรุกรานจากข้าศึก และส�าหรับการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเล้ียงผู้คนได้อย่างเพียงพอ ซึ่ง สงครามและเพาะปลูกพืชพันธธุ ญั ญาหารให เม่ืออาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตกว้างขวางมากข้ึน มีผู้คนจ�านวนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี เพยี งพอตอ การเลีย้ งดผู ูคน จึงมคี วามสําคัญ ศึกสงครามกับอาณาจกั รเพ่ือนบา้ น ดงั น้นั การควบคมุ ก�าลงั คนหรือก�าลงั ไพร่พลจงึ มีความสา� คญั ตอ เสถียรภาพของอาณาจักรอยา งมาก) ตอ่ เสถยี รภาพของอาณาจกั รดว้ ยเชน่ กัน • การควบคมุ กาํ ลังคนในสมยั อยธุ ยามวี ิธกี าร อยางไร การจัดระบบไพร่ในสมัยอยุธยาจึงเป็นภูมิปัญญาท่ีส�าคัญอย่างหนึ่ง โดยมีการ (แนวตอบ กําหนดใหไ พรชายทุกคนตอ งขึ้น ก�าหนดระบบไพร่ให้ชายฉกรรจ์ทุกคนที่เรียกว่า “ไพร่” จะต้องสังกัดมูลนายซ่ึงเป็นผู้ควบคุมไพร่ ทะเบียนสงั กดั มลู นาย เพ่ือใหไ ดร ับความ สมักฉิ เะลนกั้น2สจังะกไมัดม่ไดูล้รนับาคยวาทมั้งคนุ้มี้เคพร่ืออมงตูลานมากยฎจหะไมดา้ตยิดตในากมาตรรสวังจกสัดอมบูลไนพารย่ไนดนั้ ้ทันไพท่รว่จงะทตี ้อเงมไ่ือปลลงงททะะเเบบียียนน คุมครองตามกฎหมาย ทําใหม ูลนายสามารถ สักเลกสังกัดมูลนายแล้ว ได้มีการก�าหนดระเบียบโดยมีก�าหนดระยะเวลาในการใช้แรงงานของ ชายฉกรรจ์เหล่านี้ทั้งในยามสงบและในยามสงครามที่เรียกว่า “การเข้าเวร” ซ่ึงมีก�าหนดเวลา 153 ตรวจสอบไพรไดและทําใหท างราชการทราบ จํานวนไพรท่แี นนอน เมอื่ เกิดศกึ สงคราม กส็ ามารถเกณฑไพรไ ปออกรบได) ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ภมู ิปญญาที่สงเสริมความม่นั คงใหแ กสถาบนั พระมหากษัตรยิ  1 สมมติเทพ หรือเทวราชา เปน คตคิ วามเช่อื ของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ในสมยั อยธุ ยาคอื อะไร ซ่ึงเชื่อวา พระมหากษัตริยเ ปน องคอวตารของพระนารายณล งมาปกครองมนษุ ย แนวตอบ ภมู ปิ ญญาเกยี่ วกบั คตคิ วามเชื่อการเปนสมมตเิ ทพหรือ จึงตอ งมีขนบธรรมเนยี มที่แสดงถึงความศักดสิ์ ทิ ธิเ์ หนือคนท่ัวไป เชน การใชคํา เทวราชาของพระมหากษัตริยใ นศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชนเดยี ว ราชาศพั ท การประทบั ในพระราชวังที่โออาใหญโ ตวจิ ติ รงดงาม การจดั ท่ปี ระทบั กับเขมร ต้งั แตส มเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 1 (อูทอง) ทรงสถาปนากรงุ ของพระมหากษตั ริยตองอยูส ูงกวาผอู ่นื การหา มราษฎรมองพระพักตรข อง ศรอี ยุธยาเปน ราชธานี โดยนาํ มาผสมผสานกับความเปนธรรมราชา พระมหากษตั รยิ  เปน ตน ราชสาํ นักไทยรับแนวความคดิ น้ีผา นมาทางขอม ทส่ี บื เนอ่ื งมาตง้ั แตส มยั สโุ ขทยั ทาํ ใหร าษฎรเทดิ ทนู บชู าและจงรกั ภกั ดี ตัง้ แตส มยั อยุธยา เน่อื งจากอยธุ ยาไดย กกองทพั ไปโจมตเี ขมรและไดกวาดตอน ตอ สถาบันพระมหากษัตริย ผทู รงบาํ บดั ทุกขบาํ รงุ สขุ และมคี วาม พราหมณ ปโุ รหติ ชาวเขมรมามาก จึงไดรับอิทธพิ ลความเช่อื ดังกลาว ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ เปน ศนู ยร วมจติ ใจของราษฎรสบื เนอื่ งมาจนถงึ ปจ จบุ นั 2 สักเลก หมายถงึ การใชเหลก็ แหลมแทงตามเสน หมึกทีเ่ ขยี นไวเปนตัวอักษร ระบุชอื่ เมอื งและช่ือมลู นายที่สงั กัด โดยสักไวท ด่ี านหนา หรอื ดานหลังขอมือ ผูทจ่ี ะ ตอ งทาํ การสักเลก คือ ชายฉกรรจท ีม่ คี วามสงู เสมอไหล 2.5 ศอกขึ้นไป จนถงึ อายุ 70 ป การสกั เลกมปี ระโยชนใ นการควบคุมกาํ ลังคน เพื่อใชย ามสงบและออกรบ ยามเกิดสงคราม คู่มอื ครู 153

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรยี นอธบิ ายลักษณะสาํ คญั ของหนังสอื ปลี ะ ๖ เดอื น คือ การใชแ้ รงงานให้กับหลวง ๑ เดอื น และออกเวรมาอยู่กับครอบครวั ๑ เดือน แบบเรยี น “จินดามณ”ี สลบั กันไปในยามสงบ แต่ในยามสงครามไพรท่ ุกคนจะต้องถูกเกณฑ์ไปรบโดยไม่มขี ้อยกเว้น (แนวตอบ เปนวรรณกรรมทที่ รงคณุ คา ตอ สงั คม การจัดระบบไพร่ท�าให้ทางราชการทราบจ�านวนของไพร่พลผ่านทางมูลนาย และสามารถ ไทย ถอื เปนแบบเรียนเลม แรกของไทยท่ใี ชมา เกณฑ์ผู้คนที่เป็นไพร่พลเหล่าน้ีได้โดยผ่านทางมูลนายเช่นเดียวกัน ดังนั้น ระบบการควบคุม ตง้ั แตสมยั อยธุ ยาจนถึงสมยั รชั กาลที่ 5 แหง ก�าลังพลหรือระบบไพร่ของอยุธยาจึงเป็นภูมิปัญญาไทยทางด้านการเมืองการปกครองท่ีมีความ กรงุ รัตนโกสนิ ทร เนื้อหากลาวถึงอกั ขรวธิ ี สา� คัญมากในสมัยนั้น วาดวยการใชพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต ๓) การใช้ภาษาและวรรณกรรมเพื่อคุณประโยชน์ทางการเมืองและสังคม เปน แบบฝก หัดการอา นและแบบฝกหัดการเขียน ในสมัยอยธุ ยา หากศึกษาภาษาและวรรณกรรมหลายๆ เรอ่ื ง เราจะพบวา่ วรรณกรรมบางเร่ืองได้ ภาษาใหแ ตกฉาน รวมทง้ั ยงั มีการอธิบายถงึ สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทยได้หลายลักษณะ แต่ในท่ีนี้จะยกภูมิปัญญาไทยจากวรรณกรรม การแตงโคลง ฉันท กาพย กลอนดว ย) เรอื่ ง “จนิ ดามณ”ี และ “พระมาลัยค�าหลวง” สา� หรับประกอบการอธบิ าย วรรณกรรมเรื่อง “จินดามณี” แต่งโดยพระโหราธิบดี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ 2. ครูถามนักเรียนวา สมเด็จพระนารายณมหาราช มหาราช เป็นวรรณกรรมท่ีมีคุณค่าท้ังทางด้านภาษาและการเมือง จัดได้ว่าเป็นแบบเรียนหรือ โปรดเกลา ฯ ใหพระโหราธบิ ดีแตงจินดามณเี พอื่ ต�าราเรียนเล่มแรกของไทยที่ได้กล่าวถึงอักขรวิธีว่าด้วยพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ของไทย วัตถปุ ระสงคใด เป็นแบบฝึกหัดการอ่านและแบบฝึกหัดการเขียนภาษาให้แตกฉาน ในตอนท้ายมีการอธิบายถึง (แนวตอบ สมเดจ็ พระนารายณม หาราชโปรด การแต่งโคลง ฉนั ท ์ กาพย์ กลอน พร้อมทง้ั มตี ัวอย่างประกอบดว้ ย เกลาฯ ใหพระโหราธิบดแี ตงจนิ ดามณี เพราะใน การจดั ระเบียบการเรียนอักขรวธิ ขี องไทย ถือไดว้ า่ เปน็ ภูมิปญั ญาของไทยอย่างหนง่ึ สมัยนน้ั ฝร่ังเศสเขา มาเผยแผค ริสตศาสนานิกาย ท่ีสามารถวางระเบียบการศึกษาภาษาไทยให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็นคร้ังแรกในสมัยอยุธยา โรมันคาทอลกิ พระองคจงึ ทรงตอ งการใหช าว ทา� ใหผ้ ู้ท่จี ะสอนใหค้ นไทยอ่านออกเขยี นได้ สามารถสอนไปตามระเบียบแบบแผนท่ีมกี ารเขียนไว้ อยุธยามกี ารศึกษา อา นออกเขียนได รูเทาทนั อย่างเปน็ ระบบ ทา� ให้ผู้เรียนเกดิ ความเขา้ ใจและเรียนรไู้ ด้เร็วข้ึน ฝรง่ั เศส จะไดไ มเปลี่ยนไปนับถือคริสตศาสนา ให้พรกะาโรหทร่ีสามธิบเดด1็จีแพตร่งะหนนาังรสายือณจิน์มดหาามรณาชีขโ้ึนปมรดา นบั เปน กศุ โลบายทีส่ าํ คญั ประการหนึ่งที่จะทําให เกล้าฯ คนไทยไมไ ปเขารีตและปอ งกนั มิใหฝร่ังเศส ในคร้ังน้ัน เป็นพระบรมราโชบายของพระองค์ท่ีทรง แทรกแซงวัฒนธรรมไทย แตใ นขณะเดยี วกัน ต้องการให้ชาวกรุงศรีอยุธยามีการศึกษาอ่านออก ฝรงั่ เศสกส็ ามารถเผยแผค รสิ ตศ าสนาใน เขียนได้ จะได้ไม่ไปเข้ารีตในคริสต์ศาสนาท่ีก�าลัง กรุงศรีอยธุ ยาไดอ ยางเสรี ไมก ระทบกระเทือน เข้ามาเผยแผ่อยู่ในขณะนนั้ ตอความสมั พันธท างการทตู ทดี่ ีตอ กัน) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ด�ารงราชานุภาพทรงอธิบายเก่ียวกับหนังสือจินดามณี ในสมัยอยุธยาไว้ว่า ถ้าในสมัยอยุธยา ไทยไม่จัดการ ส่งเสริมการเล่าเรียนให้เจริญรุ่งเรืองบ้าง ก็จะเสีย เคปรรสิ ียตบศ์ าฝสรน่ังาเศ คสนทไ่ีเทขย้ากม็จาะเพผายกแันผห่แันลไะปตเ้ังขโ้ารรงตี เ2กรีันยนหมสอดน จนิ ดามณแี ละพระมาลัยคาำ หลวงเป็นวรรณกรรม สำาคญั ในสมยั อยุธยา 154 นกั เรียนควรรู บูรณาการเช่ือมสาระ ครคู วรอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน ักเรียนเขา ใจถงึ ปญหาดา นความ 1 พระโหราธบิ ดี เปน ชาวเมอื งพิจิตร เขารับราชการในราชสํานักอยธุ ยา สัมพนั ธร ะหวางอยธุ ยากับชาตติ ะวันตกตา งๆ ในสมัยสมเดจ็ เม่อื สมัยสมเดจ็ พระเจา ปราสาททอง มีความเจรญิ กาวหนา ในตําแหนงหนา ท่ี พระนารายณม หาราช และกศุ โลบายอนั แยบคายของสมเด็จ อยา งมาก ไดรบั การยกยองใหเ ปนพระอาจารยของสมเด็จพระนารายณมหาราช พระนารายณม หาราชในการสรา งสัมพนั ธไมตรีกับฝรัง่ เศส (พระมหาราชครู) และเปน กวที ม่ี ีชอื่ เสียงและมีความเช่ียวชาญการแตง คําประพันธ เพื่อถวงดุลอํานาจกับฮอลันดาซง่ึ มที าทคี ุกคามอยุธยาอยางมาก จนไดรบั ตําแหนงพระโหราธบิ ดี ทา นไดแ ตง “จินดามณ”ี ซงึ่ เปนหนงั สอื แบบเรียน ในเวลานน้ั แตพระองคก ท็ รงตองหาวิธกี ารปอ งกนั มิใหช าวไทย เลมแรกของไทยท่ใี ชม าต้งั แตส มยั อยุธยาถึงรัชกาลที่ 5 แหงกรงุ รัตนโกสินทร หันไปเลื่อมใสคําสอนของคริสตศ าสนาและวัฒนธรรมฝร่ังเศส นอกจากนี้ ทานยังมีความเชี่ยวชาญดา นโหราศาสตรทาํ นายดวงชะตาอยางมาก จนพากนั หลงลมื คาํ สอนของพระพุทธศาสนาและวฒั นธรรมไทย รวมทง้ั ทานยังเปนบิดาของศรปี ราชญ กวีท่ีมีช่อื เสียงโดง ดงั มากทีส่ ดุ คนหน่ึงในสมัย อนั ดงี าม โดยบูรณาการกบั วิชาหนา ทพี่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และ อยธุ ยา การดาํ เนินชีวิตในสังคม เรือ่ งความรว มมือระหวา งประเทศในการ 2 เขารีต การเปล่ียนไปนบั ถือศาสนาอ่ืน โดยมากมกั ใชเรียกผทู ่ีเปลี่ยนไปนับถอื ประสานประโยชนด านตา งๆ และปจ จยั และการเปลี่ยนแปลง คริสตศ าสนา นิกายโรมนั คาทอลิก เชน ญวนเขา รตี เปนตน วัฒนธรรมไทย โดยอาจใหน กั เรยี นศกึ ษาคนควา เพม่ิ เติมถึง พระราชกรณยี กจิ ดา นความมงั่ คงและการธาํ รงรกั ษาวฒั นธรรมไทย 154 คู่มอื ครู ของพระมหากษตั รยิ พ ระองคอ นื่ ๆ

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ดังนั้น การแต่งหนังสือจินดามณีจึงเป็นภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่งทางด้านภาษาและ ครแู ละนักเรียนรวมกันอภปิ รายวา ในสมัย วรรณกรรม นอกเหนอื ไปจากคนไทยจะสามารถอ่านออกเขียนได้แล้ว ยังเปน็ กลอุบายสา� หรบั เอา สุโขทัยมีวรรณกรรมเรือ่ งไตรภูมพิ ระรวงทใ่ี ชเปน ไว้ใช้ต่อต้านการแทรกแซงทางวัฒนธรรมของฝร่ังเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขณะ เครือ่ งมือในการควบคุมคนในสังคมใหประพฤตดิ ี เ ดยี วก นั กก็ ลาสย�าเหปรน็ ับแวบรบรเณรยีกนรรภมาเษรา่ือไงท ย“พส�ารหะมรับาลคัยน1คไท�าหยลไปวดง”้ว ยน ั้ซนึ่ง ยเจงั ค้าฟงส้าืบธรทรอมดามธาิเบจนศถ (งึ เปจัจ้าจฟบุ ้านักุ้ง) และเกรงกลวั ความชว่ั สว นในสมยั อยุธยากป็ รากฏ ทรงนิพนธ์ขึ้นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เน้ือหากล่าวถึงพระมาลัยเสด็จขึ้นมาจากการโปรด วรรณกรรมทม่ี ลี กั ษณะเน้ือหาสอนใหค นทําความดี สพัตระวม์ในาลแยั ดจนงึ นนรา� กดแอกลบะไัวดน้พน้ั บไปกถับวชาายยพผรู้หะจนุฬ่ึงา มชณาย2 ี แผลู้นะ้ันไดได้พ้ถบวกาับยพดรอะกอบินัวท ร3๓์ จ ึงดไอดก้สนใหท้กนับากพันรถะมึงเารลือ่ ัยง ละเวนความชัว่ ซ่งึ จะชวยใหสงั คมสงบสุขได การทา� ความดี และผลของการกระท�าความดตี า่ งๆ หลังจากนัน้ พระมาลยั จึงนา� เนอื้ ความเหลา่ นน้ั เชน เดยี วกนั ครถู ามนกั เรยี นวา วรรณกรรมดงั กลา ว กลับมาเทศนาโปรดมนุษยโลก พระมาลัยค�าหลวงจึงช่วยก�าหนดกรอบหรือแบบแผนในการ คอื เรือ่ งอะไร และมลี กั ษณะสาํ คญั อยา งไร ดา� เนนิ ชวี ิตของชาวอยุธยาไดอ้ ีกทางหน่ึง “พระมาลัยค�าหลวง” นับว่าเป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาไทยอย่างหน่ึงที่มีการใช้ (แนวตอบ วรรณกรรมดังกลาว คอื พระมาลยั วรรณกรรมเพ่ือปลูกฝังคนไทยให้เป็นคนดี โดยการสร้างกุศลกรรม ละเว้นอกุศลกรรม รู้จักเร่ือง คาํ หลวง ซึ่งเจาฟา ธรรมาธเิ บศหรือเจาฟา กงุ ทรง บาป บญุ นรก สวรรค์ การท�าบญุ ซง่ึ เชื่อว่าผูท้ ท่ี �ากรรมดจี ะไดเ้ กิดในยคุ พระศรอี ารยิ ์ นบั เป็นวิธี นพิ นธข ึ้นในสมัยพระเจา อยหู วั บรมโกศในสมยั การสร้างศรัทธาใหเ้ กิดขนึ้ ในจติ ใจของคนไทย อนั จะสง่ ผลใหส้ งั คมอยุธยามีความสงบสุข อยธุ ยา เปนวรรณกรรมสําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ท่ีสง่ั สอนใหคนในสงั คมเชอ่ื ในบาปบุญคณุ โทษ ๔) ภูมิปัญญาไทยทางด้านศิลปกรรม ในสมัยอยุธยามีภูมิปัญญาไทยทางด้าน และนรกสวรรค หม่นั สรา งกศุ ลกรรม ละเวน การ ประกอบอกุศลกรรม เพอ่ื ใหไ ดไ ปเกิดในยคุ ศลิ ปกรรมหลายประเภทด้วยกนั โดยจะยกตัวอยา่ งการใช้ พระศรีอารย) ภูมปิ ัญญาไทยผ่านทางดา้ นศลิ ปกรรม ๓ ประเภท ดังน้ี 4 เจดยี ท์ รงระฆัง วดั พระศรสี รรเพชญ์ ศลิ ปะอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา 155 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู วรรณกรรมจนิ ดามณีแสดงใหเห็นถึงบทบาทของหนังสอื แบบเรียน 1 พระมาลัย พระภิกษอุ งคหน่ึงในพระพุทธศาสนายคุ ของพระศรีอรยิ เมตไตรย ตอสังคมไทยอยา งไร เปนผทู รงศีลมีปญญา มีอทิ ธิฤทธิม์ ากเชน เดียวกับพระโมคคัลลานะ 2 พระจฬุ ามณี พระเจดียท ีบ่ รรจุพระจุฬามณี (มวยผม) และพระเขยี้ วแกว 1. การธํารงรกั ษาวฒั นธรรม (ฟนเขีย้ ว) ของพระพทุ ธเจา อยูในดาวดึงสเ ทวโลก เจดียจ ุฬามณีมกั ปรากฏในงาน 2. การปลกู ฝงคุณธรรมจรยิ ธรรม จิตรกรรมทแ่ี สดงภาพสวรรคช น้ั ดาวดงึ สในไตรภูมิโลกสัณฐาน พุทธประวัตติ อน 3. การมวี ฒั นธรรมอนั เปน เอกลกั ษณ โปรดพุทธมารดา และพระมาลยั 4. การสง เสริมคณุ งามความดีควบคกู ับการอานออกเขยี นได 3 พระอนิ ทร คอื พระนามจอมเทพในสวรรคช ั้นดาวดึงส เรียกกนั วา “ทา วสกั กะ” มีหนาทปี่ กครองสวรรคแ ละอภิบาลโลก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การธํารงรกั ษาวัฒนธรรม เพอ่ื 4 วดั พระศรสี รรเพชญ เปนวดั ทส่ี ําคญั ท่ีสดุ ในราชสาํ นักอยุธยา มฐี านะเปน วัดสว นพระองคของพระมหากษัตรยิ  ตง้ั อยใู นเขตพระราชฐาน จึงไมม พี ระสงฆ ปอ งกันการแทรกแซงทางวัฒนธรรมผานการจัดการศึกษาและ จําพรรษา การเผยแผครสิ ตศ าสนาของฝรัง่ เศส สมเดจ็ พระนารายณมหาราช จงึ โปรดเกลา ฯ ใหพระโหราธบิ ดรี วบรวมและเรียบเรยี งวธิ ีการอา น คู่มือครู 155 การเขียนภาษาไทยขนึ้ เปน วรรณกรรมจนิ ดามณแี ละใชเปนแบบแผน ในการศึกษาเลาเรียนของราษฎร ซึ่งมคี วามสาํ คัญสืบเนอื่ งมาถงึ สมัยรัตนโกสนิ ทรต อนตน

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายวา การสรางทอี่ ยูอาศัย (๑) ด้านสถาปัตยกรรม ในสมัยอยุธยามีการสร้างสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นท่ีอยู่ ในสมัยอยธุ ยามีกีป่ ระเภท และแตละประเภท มลี กั ษณะอยา งไร เอชา่นศ ัยหเรรือือนศเาคสรนื่อสงสถับาน1 จเปะม็นีคเรวือานมชตั้น่างเดกีัยนวอใอตก้ถไุนปสตูงา มหสรถือาทน่ีเะรขียอกงวผ่าู้อ า“ศเรัยือแนลไะทลยัก”ษ ณเปะ็นขกอางรกปาลรใูกชแ้งบานบ (แนวตอบ การสรา งทอี่ ยูอาศยั ในสมยั อยุธยา แบงออกเปน 2 ประเภท ไดแ ก เรือนเครอ่ื งสบั ถาวร ส�าหรับเป็นท่ีอยู่อาศัยของพวกขุนนาง จึงใช้วัสดุที่แข็งแรงและมีความทนทาน ใช้ไม้สัก เปน บานของขุนนางทมี่ ฐี านะดี ใชว สั ดแุ ขง็ แรง ทนทาน ยดึ ตอกนั ดว ยลิม่ สลัก เรอื นเคร่อื งผูก และไม้เน้ือแข็งอ่ืนๆ ยดึ ตอ่ กนั ดว้ ยลิ่มสลกั สา� หรบั เรอื นเครือ่ งผกู เปน็ ส่ิงกอ่ สร้างแบบง่ายๆ มกั เปน บานของไพร ทาํ จากไมไ ผใชตอกหรือหวาย ผกู มดั ยดึ โครงสรางของตัวบา น) ปลูกแบบช่ัวคราว เป็นเรอื นชัน้ เดียว ใต้ถุนเตย้ี เป็นท่อี ยู่อาศยั ของบรรดาไพร ่ การก่อสร้างจะใช้ 2. ครถู ามนกั เรียนวา จิตรกรรมไทยสมัยอยธุ ยา วสั ดไุ มถ่ าวร เช่น ไม้ไผซ่ ึ่งมีอย่เู ปน็ จา� นวนมากในทอ้ งถ่ิน ใชต้ อกหรอื หวายมดั ยดึ โครงสรา้ งของ มักสรา งสรรคข้นึ ดวยความศรทั ธาในศาสนาใด และลกั ษณะการสรางสรรคดังกลาวเปนอยางไร ตัวบ้าน ถ้าไพร่มีฐานะดีข้ึนก็จะ2ใช้เรือนเครื่องสับแทน ส่วนการก่ออิฐถือปูนน้ันมักจะใช้ก่อสร้าง (แนวตอบ การสรา งสรรคจ ิตรกรรมสมยั อยธุ ยา สถานท่ีสา� คญั เช่น โบสถ์ เจดีย ์ วิหาร และปราสาท พระราชวังของพระมหากษตั ริย ์ เปน็ ต้น สวนใหญเกิดข้ึนจากความศรัทธาในพระพุทธ- ศาสนาเปนสําคัญ โดยมกั เขยี นตามผนังโบสถ การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมไทยสมัยอยุธยานั้น สามารถจัดสร้างได้ตามความ วหิ าร และศาลาการเปรียญ เรียกวา “จิตรกรรม ฝาผนงั ” การเขยี นภาพจะใชส ีฝนุ ผสมกาว จัด เหมาะสมของสภาพภูมอิ ากาศ ภูมปิ ระเทศ รวมทงั้ ตามสถานะของผ้ทู ี่ใช้ประโยชน์อกี ดว้ ย จึงนับ วางภาพอยางเปน ระบบ กัน้ ภาพดว ยลวดลาย ชนดิ ตางๆ มลี กั ษณะงดงามตามอุดมคติ และ ได้ว่าสถาปัตยกรรมไทยสมยั อยธุ ยาเป็นภูมิปญั ญาไทยทีส่ �าคัญอีกดา้ นหนึง่ ยังสะทอนใหเ ห็นถงึ เรือ่ งราวทางประวัตศิ าสตร โบราณคดี ศาสนา ความเชือ่ วฒั นธรรม และ (๒) ด้านจิตรกรรม ในสมัยอยุธยางานจิตรกรรมไทยส่วนใหญ่ช่างจะนิยมเขียน จารตี ประเพณใี นมัยนน้ั ไดเปนอยางดอี กี ดวย) เป็นพุทธบูชาตามผนังโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นต้น เรียกว่า “จิตรกรรมฝาผนัง” 3. ครูถามนกั เรียนวา งานปูนปน ในสมยั อยธุ ยามกั นยิ มทําเปนรูปใดและมกั ใชป ระดับตกแตงงาน นอกจากน้กี ม็ ีจติ รกรรมทเี่ ขียนลงในสมุดไทย เชน่ สมดุ ภาพไตรภมู ิ เรียกว่า “จติ รกรรมไทยแบบ ศลิ ปกรรมประเภทใด (แนวตอบ รูปพระนารายณทรงครฑุ รปู เทวดา ประเพณ”ี เปน็ ต้น น่งั แทน รูปการสัประยทุ ธในเร่อื งรามเกยี รติ์ มักใชป ระดบั ตกแตง สถาปต ยกรรมประเภท งานจิตรกรรมจัดเป็นงานท่ีสามารถสื่อ ศาสนสถาน โดยเฉพาะการตกแตง หนาโบสถ) ความหมาย ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ได้ด้วย เส้น น�้าหนกั ออ่ นแกข่ องแสง เงา และสี โดยเฉพาะ จิตรกรรมไทยแบบประเพณีนั้นเป็นการเขียนภาพด้วย สีฝุ่นผสมกาว มีการจัดวางภาพอย่างมีระบบ และ กั้นภาพด้วยลวดลายชนิดต่างๆ ภาพท่ีส�าคัญจะมี ลักษณะงดงามตามอุดมคติ ภาพสามัญจะมีลักษณะ เหมือนจริง กิริยาของภาพบุคคลจะส่ือความหมาย ของเร่ืองอย่างมีระเบยี บแบบแผน ภูมิปัญญาไทยทางด้านจิตรกรรมแบบ จิตรกรรมฝาผนงั ศลิ ปะอยุธยาตอนปลาย ประเพณีนี้ ข้ึนอยู่กับการท่ีช่างเขียนได้แสดงให้เห็น ท่ีวดั คงคาราม จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ถึงคุณค่าของจิตรกรรมทางด้านความรู้สึกในความ 156 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอื่ มสาระ ครสู ามารถนําเน้อื หาเรอื่ งภมู ิปญญาไทยทางดานศลิ ปกรรม 1 เรอื นเครื่องสับ เปน เรือนทีม่ ีการสรางประณีตกวา เรอื นเครอ่ื งผกู โดยจะมีการ ไปบูรณาการเช่อื มโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ วิชาทัศนศลิ ป บากไมใหเ ปน รองเพ่ือประกอบเขาดว ยกันเปนตวั เรอื น โดยใหนกั เรยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ยี วกับศิลปกรรมไทยในสาขาตา งๆ 2 โบสถ เจดยี  ในสมัยอยุธยามลี กั ษณะทางศิลปกรรมทไ่ี ดรบั ความนยิ ม เชน ดานสถาปต ยกรรม จิตรกรรม งานปนู ปน เปนตน แตกตา งกันไปตามชว งเวลาตา งๆ แตท ี่มคี วามสวยงามโดดเดน เปนเอกลกั ษณ จากนัน้ ชวยกันรวบรวมภาพและขอมูลจัดทําปา ยนิเทศเผยแพร ไดแก เจดียแบบยอมุมไมส ิบสองในสมัยสมเด็จพระเจาปราสาททอง และโบสถหรือ ความรู เพอ่ื ใหน กั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจภาพรวมเกยี่ วกบั วหิ ารท่ีมีฐานและหลงั คาเปนเสนโคง แบบตกทองชา งหรือแบบกาบสําเภาในสมยั ศลิ ปกรรมไทยไดดยี ิง่ ขึ้น สมเดจ็ พระเจา บรมโกศ ซง่ึ เปน สนุ ทรยี ภาพของโบสถห รอื วหิ ารนน้ั มนี า้ํ หนกั เบา เหมอื นลอยได 156 คู่มือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ งามแบบไทย นอกจากนี้ การจัดองค์ประกอบสแี ละเรื่องราวยังสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงเรือ่ งราวทางดา้ น ครูนําสนทนาวา ในสมัยธนบุรแี มจะเปน ชว งระยะเวลาสัน้ ๆ และมีศึกสงครามตลอดเวลา ประวัตศิ าสตร์ โบราณคด ี ศาสนา ลัทธิความเชอ่ื วฒั นธรรม และจารตี ประเพณีแต่ละสมัยอกี ดว้ ย แตก ็ยงั ปรากฏจติ รกรรมที่ชว ยควบคุมคนในสังคม ใหมรี ะเบียบโดยมิตองใชกฎหมายบังคับ จากนั้น เ ป็นงา นปูนป(ั้น๓1ป) รงะาดนับปตูนกปแนั้ ตใ่งนสสถมาัยปอัตยยุธกยรารมมีค วโาดมยโเดฉดพเดา่นะก แารลตะมกแีควตา่งมหสนว้ายโงบาสมถม์ าซกึ่ง นซิยึ่งสม่วทน�าใเหปญ็น่ ครูถามนกั เรียนวา จิตรกรรมดังกลาวคือเรอื่ งอะไร และมเี นื้อหาเกย่ี วกับอะไร รรููปปกพารระสนัปารระายยุทณธ2์ท์ รในงคเรร่ือุฑงหรารมือเเกปีย็นรรตูป์ิ เทเปว็นดตา้นน่ัง แสท่ว่นน (แนวตอบ ในสมัยธนบรุ ีมจี ติ รกรรมสําคัญ คือ พื้นหลังนิยมท�าเป็นลายขด ผลงานท่ียังคงปรากฏ “สมุดภาพไตรภมู ิ” ซงึ่ มเี นอ้ื หาเกี่ยวกับโลกทั้ง 3 คอื สวรรคภ มู ิ มนษุ ยภมู ิ และนรกภมู ิ ทาํ ให ให้เห็นมีอยู่มากมาย ดังเช่น ปูนปั้นพระอุโบสถ ผูอ า นเกรงกลัวการทําบาปและหม่นั ทําความดี มากข้นึ เพอ่ื ไมต อ งไปชดใชผ ลกรรมทนี่ รกและ วัดภูเขาทอง สิงห์ปูนปั้นที่วัดธรรมมิกราช จังหวัด จะไดไปเสวยสุขบนสวรรค สมุดภาพไตรภมู ิจึง เปน เครื่องมอื สําคญั ในการชว ยใหสังคมเกดิ พระนครศรีอยุธยา ปูนปั้นที่วัดมหาธาตุ จังหวัด ความสงบสุข) เพชรบุรี เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการท�าพระพุทธรูป ปูนปัน้ ดว้ ยเช่นกนั ศิลปะการปั้นปูนและงานศิลปกรรม ปูนปั้นประดับศาสนสถานที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย 3 นั้น ถือได้ว่าเป็นมรดกช่างศิลปไทยที่มีคุณค่าและ มคี วามงาม มแี บบอยา่ งทางศลิ ปะทคี่ วรแกก่ ารอนรุ กั ษ์ สิงห์ปนู ปนั ศลิ ปะอยุธยา ที่วัดธรรมมกิ ราช จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา รกั ษา และสบื สานให้คงอยู่ค่แู ผ่นดินไทยสบื ไป ๔.๓ ตวั อยา่ งของลกั ษณะการสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยสมยั ธนบรุ ี การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยท่ีส�าคัญในสมัยธนบุรี คือ ภูมิปัญญาไทยทางด้าน ศลิ ปกรรมและทางดา้ นวรรณกรรม ๑) ด้านศิลปกรรม ในสมัยธนบุรีมีผลงานทางด้านจิตรกรรมท่ีสะท้อนให้เห็นถึง ภูมิปัญญาไทยที่ส�าคัญ คือ สมุดภาพไตรภูมิ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ จดั ท�าขึน้ เม่อื พ.ศ. ๒๓๑๙ โดยมเี นือ้ หาเกย่ี วกับไตรภูมิหรอื โลกทง้ั ๓ คอื สวรรค์ภมู ิ มนุษยภูม ิ และนรกภมู ิ ซึง่ นอกจากจะชว่ ยให้ผูท้ ี่ไดอ้ ่านหรือฟงั เกยี่ วกบั เรอื่ งไตรภูม ิ ได้เห็นภาพของไตรภูมิ ว่ามีลักษณะอย่างไรโดยเฉพาะนรกภูมิ ท�าให้เกิดความเกรงกลัวต่อการท�าบาปมากย่ิงขึ้น ผู้คนก็ อยากจะท�าความด ี เพราะเชอื่ วา่ เม่ือตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสวรรค์ นับเป็นกลอบุ ายอย่างหนึ่ง ท่จี ะชว่ ยให้คนประพฤติแต่ความด ี เปน็ เครอ่ื งมอื ท่จี ะช่วยทา� ให้สังคมเกิดความสงบสขุ อนั จะมีผล ตอ่ ความผาสกุ ของบ้านเมอื งดว้ ยเช่นกนั 157 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ความนยิ มงานศิลปะปนู ปน รปู พระนารายณทรงครุฑประดับ 1 งานปนู ปน วสั ดุที่ใชใ นงานปนู ปนมี 4 ประเภท ไดแก หนาบันโบสถวิหารในสมยั อยุธยา สะทอ นคติความเช่อื ในเรื่องใด 1. ปูนขาว เปนวสั ดหุ ลัก ทําจากหนิ ปนู หรือเปลอื กหอยเผาไฟ 1. ความเชอื่ เรื่องภพ-ภมู ิตางๆ 2. ทราย ชวยใหง านปนู ปนแนนแข็งและทรงตวั 2. พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ 3. เสน ใย ชว ยประสานภายในกอนปนู ใหยึดกนั มั่นคง 3. ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู มอี ิทธิพลเหนือพระพทุ ธศาสนา 4. กาว เปน ตวั ยดึ เนอ้ื ปนู ใหเ ขา เปน เนอ้ื เดยี วกนั และเปน ตวั เรง ใหป นู จบั ตวั 4. พระราชอํานาจของพระมหากษตั ริยเหนือเมอื งประเทศราชท้ังปวง แขง็ เรว็ ย่งิ ขึน้ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ 2 สปั ระยุทธ หมายถงึ การรบพงุ ชิงชยั กนั 3 วดั ธรรมมิกราช ตง้ั อยูทางทศิ ตะวนั ออกติดกับแนวพระราชวงั โบราณ เดมิ โดยเฉพาะคติความเชื่อเรือ่ งนารายณอวตารปางตา งๆ เพอ่ื เปนวดั รางมาตงั้ แตครง้ั เสยี กรงุ ศรอี ยุธยาครัง้ ท่ี 2 ปจจบุ นั มกี ารบูรณะใหม และมี ปกปกรกั ษาโลกใหสงบสขุ ตามความเช่อื ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระสงฆจําพรรษาอยู เนอ่ื งจากวดั น้นั ไดรบั โปรดเกลาฯ ใหสรา งหรือบูรณปฏิสงั ขรณ จากพระมหากษตั ริย หรือสรา งถวายพระมหากษัตรยิ  กระทงั่ เปน แบบแผนทางศลิ ปกรรมทไ่ี ดร บั ความนยิ มโดยทวั่ ไปในสมัยอยธุ ยา คู่มอื ครู 157

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นชว ยกนั ยกตวั อยางวรรณกรรม ๒) ด้านวรรณกรรม แม้ในสมัยธนบุรีจะมีวรรณกรรมนอ้ ยเลม่ แตก่ ส็ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ทีส่ าํ คัญของไทยในสมัยธนบรุ ี ถกางึ ภรบมู ันปิ ทญั กึ ญทาเี่ ใกนดิ เขรอ่ื้ึนงใภนาสษมาัย นข้ันณ ะวเรดรยีณวกกรนั รกมแ็ ทฝี่สง�าคควัญามนร้ี ทู้ คาอื ง ด“า้โคนลปงรยะวอตัพศิ ราะสเกตียร์รไวตด้ พิ ว้ รยะ เจแ้าลกะรเปุงธน็ นเสบมรุ อื”ี 1น 2. ครถู ามนักเรียนวา วรรณกรรมสาํ คญั ใน โคลงยอพระเกยี รตพิ ระเจา้ กรงุ ธนบรุ นี ้ี นายสวน มหาดเลก็ เปน็ ผแู้ ตง่ ขน้ึ มลี กั ษณะ สมัยธนบรุ เี รื่อง “โคลงยอพระเกียรติพระเจา เป็นโคลงที่ได้รับการยกย่องว่ามีความไพเราะ และสามารถยึดถือเป็นต�าราส�าหรับแต่งโคลงได้อีก กรงุ ธนบุร”ี มีลักษณะเดน อยา งไร เร่ืองหน่ึง นับว่ามีคุณค่าทางด้านวรรณกรรม ขณะเดียวกันผู้เขียนยังได้บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ (แนวตอบ มกี ารนาํ เหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร เอาไว้ ซึ่งมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ เพราะสามารถใช้เป็นหลักฐานส�าหรับตรวจสอบข้อมูล มาแตงเปน โคลงทมี่ คี วามไพเราะ จงึ ถอื เปน ทางประวัติศาสตร์สมัยธนบุรีได้ด้วย นับเป็นภูมิปัญญาไทยทางด้านวรรณกรรมท่ีน�าเหตุการณ์ หลักฐานทางประวัติศาสตรทท่ี รงคุณคา ทางประวตั ศิ าสตรม์ าแตง่ เปน็ โคลงสส่ี ภุ าพ นอกจากจะไดอ้ รรถรสทางภาษาแลว้ ยงั ไดค้ วามรเู้ กยี่ วกบั ใชตรวจสอบขอ มลู ทางประวัติศาสตรสมยั ธนบรุ ี เหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตรค์ วบคูก่ ันไปดว้ ย รวมทั้งยงั ยดึ เปนตําราแตงโคลงไดด วย) ๔.๔ ตวั อยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรคภ์ มู ปิ ัญญาไทย 3. ครใู หน ักเรียนอธิบายวา การสถาปนา ในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ กรงุ รตั นโกสนิ ทรเ ปนราชธานแี หง ใหมข องไทย สะทอ นใหเ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญ ญาของพระมหากษตั รยิ  ตวั อยา่ งของลักษณะการสรา้ งสรรคภ์ ูมิปัญญาไทยในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ มีดงั นี้ ไทยในการสรา งบา นแปลงเมืองอยางไร (แนวตอบ การเลือกชัยภมู ิท่เี หมาะสมสําหรบั ๑) การสร้างเมืองราชธานี การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่ ปองกันมิใหศ ตั รูเขามาลอมพระนคร คอื มแี มน้ําเจา พระยาและทะเลเปนแนวปองกัน ของไทยเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชน้ัน การเลือกพนื้ ทส่ี รา งราชธานขี นาดใหญเ พื่อ ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้ภูมิปัญญาไทยในการสร้างบ้านแปงเมืองให้เหมาะสมกับการเป็น รองรับการขยายตวั พระบรมมหาราชวงั และ ศูนย์กลางการปกครองของไทย ภูมิปัญญาไทยเกี่ยวกับการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี การขยายตวั ของราษฎร การแบงเมืองออกเปน ของไทย ประกอบดว้ ย การเลอื กชยั ภมู ทิ เี่ หมาะสมสา� หรบั การปอ้ งกนั มิใหข้ า้ ศกึ เขา้ มาลอ้ มพระนคร 3 ช้ัน เพื่อปองกนั น้ําทวมพระนครและปองกนั ได้ เช่น มีแม่น้�าเจ้าพระยาและฝั่งทะเลเป็นปราการธรรมชาติ ส�าหรับป้องกันพระนคร ขา ศึก การเลอื กท่ตี ้งั ของราชธานีอยใู กลอาวไทย ด้านตะวันออก ดา้ นใต้ และดา้ นตะวนั ตก ส่วนทางเหนอื กแ็ คข่ ดุ คลองเพ่มิ เท่าน้ัน ทา� ให้ประหยัด ทําใหติดตอ คาขายกับตา งชาติไดสะดวก) ทั้งเวลา ค่าใชจ้ ่าย และก�าลังไพร่พลในการสร้างปราการป้องกนั ส�าหรับพื้นท่ีเพื่อใช้ในการสร้างราชธานีมีลักษณะกว้างขวาง ถ้าต้องการขยาย พระบรมมหาราชวังออกไปก็สามารถท�าได้โดยไม่ยาก นอกจากน้ียังมีการวางผังเมืองด้วยการ แบ่งออกเป็น ๓ ช้ัน มีก�าแพงชั้นใน ก�าแพงชั้นนอก และมีแนวคลองท่ีขุดข้ึนมา ซ่ึงสามารถ ป้องกนั การเกิดน้�าท่วมขังในบริเวณพระนคร และปอ้ งกันการโจมตจี ากขา้ ศกึ ได้อีกด้วย บริเวณที่ต้ังของกรุงรัตนโกสินทร์อยู่ใกล้ทะเลทางด้านอ่าวไทย ท�าให้สามารถติดต่อ คา้ ขายกับพ่อค้าต่างชาตทิ ีแ่ ล่นเรือมาค้าขายทางทะเลได้สะดวก 158 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกับการสรางสรรคภูมปิ ญญาไทย ครใู หน กั เรยี นคนควา เพม่ิ เติมเกย่ี วกบั ประวัติ ทีต่ งั้ อาณาเขต และส่ิงกอสรา ง ดา นสถาปต ยกรรม ในเขตพระราชฐานของพระบรมมหาราชวงั จากแหลง การเรยี นรตู างๆ จากนน้ั จัดทาํ พระทนี่ ง่ั ใดสรางโดยไดร ับอทิ ธิพลของสถาปตยกรรมตะวันตก เปน แผนผงั แสดงขอมลู และภาพประกอบลงในกระดาษโปสเตอรต กแตง ใหสวยงาม 1. จักรพรรดิพิมาน แลว ชวยกนั คัดเลือกผลงานทดี่ ีจัดแสดงบนปายนเิ ทศในชัน้ เรียน 2. จักรีมหาปราสาท 3 ดุสิตมหาปราสาท นกั เรยี นควรรู 4. อนนั ตสมาคม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. และขอ 4. พระบาทสมเด็จ 1 โคลงยอพระเกียรตพิ ระเจา กรงุ ธนบรุ ี ผแู ตง คอื นายสวนมหาดเลก็ ในสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลาเจา อยหู ัวโปรดเกลาฯ ใหส รางพระท่นี ง่ั จกั รี- พระเจาตากสนิ มหาราช โดยพรรณนาถึงบานเมอื ง ชมปราสาทราชวงั และ มหาปราสาทในพระบรมมหาราชวงั ใน พ.ศ. 2418 แลว เสรจ็ ใน เหตุการณบ า นเมืองระหวาง พ.ศ. 2310-2314 โคลงยอพระเกยี รติฯ นี้ สมเดจ็ ฯ พ.ศ. 2425 โดยพระทน่ี ง่ั เปนแบบตะวันตก แตม ียอดปราสาท กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพทรงยกยองไวใ นคาํ นาํ ฉบบั พมิ พค รงั้ แรก พ.ศ. 2465 แบบสถาปตยกรรมไทย สวนพระท่ีนง่ั อนันตสมาคมโปรดเกลา ฯ วา มลี กั ษณะดเี ดน ทงั้ ทางวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร เพราะใชถ อ ยคาํ สาํ นวนโวหาร ใหส รา งขึ้นบรเิ วณพระราชวงั ดสุ ิตใน พ.ศ. 2450 แลว เสร็จใน เขา ใจงา ย และใหค วามรทู างประวัตศิ าสตรถูกตอ ง พ.ศ. 2458 ซงึ่ เปนสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลาเจา อยูหวั มรี ปู แบบสถาปตยกรรมแบบอิตาเลยี นสมยั เรอเนสซอง ตัวอาคาร 158 คู่มือครู ทําดวยหินออนจากเมอื งคารา ประเทศอิตาลี

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ จะเห็นได้ว่าการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ให้มีความยิ่งใหญ่ตามแบบอย่างของ 1. ครูใหน กั เรียนรว มกันแสดงความคิดเห็นวา กรุงศรีอยุธยาท่ีเคยย่ิงใหญ่มาก่อน ช่วยให้บรรดาไพร่พลท้ังหลายมีขวัญก�าลังใจพร้อมที่จะต่อสู้ วรรณกรรมเรื่องสามกกและราชาธริ าช ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งในเรื่องศึกสงครามและเศรษฐกิจ มีความสําคัญตอ กรุงรตั นโกสนิ ทรใ นชวงที่ การค้า เพง่ิ ไดร ับการสถาปนาอยางไร ดังนั้น การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็น (แนวตอบ สามกก เปน วรรณกรรมจีนทกี่ ลา วถึง ราชธานีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า กลยทุ ธใ นการทําศึกสงคราม สวนราชาธริ าช จุฬาโลกมหาราชนั้น ก็เพื่อแก้ปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึน เปนวรรณกรรมมอญทก่ี ลา วถงึ ความเกงกาจ ในอนาคต เช่น การรุกรานของข้าศึก การรองรับ ของมอญในการเอาชนะพมา ทั้งสองเรอื่ งชวย การขยายตัวของจ�านวนราษฎร การค้าขายทางทะเล ใหคนไทยทยี่ งั หวาดกลัวพมา จากเหตกุ ารณ การเกดิ อทุ กภยั การขยายพระบรมมหาราชวงั เปน็ ตน้ เสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ 2 กลบั มามขี วญั และ ซง่ึ แสดงใหเ้ ห็นถงึ ภมู ิปัญญาไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี กําลังใจในการตอ สกู ับพมามากข้นึ ชวยให ๒) การใช้พงศาวดารปลุกใจเร่ือง กรงุ รัตนโกสนิ ทรส ามารถดํารงตั้งม่ันอยูได) การศึกสงคราม ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ ทรงมีรับส่ังให้ สามกกเป็นวรรณกรรมท่ีแปลมาจากพงศาวดารจีน 2. ครถู ามนกั เรียนวา เพราะเหตใุ ดการคาขาย เจสีนนเาปบ็นดจีผ�าู้ในหวญนม่ปารกะช ุมทนี่สัก�าคปัญราคชือญ ์เเพร่ือ่ืองแสปาลมพกงกศ1 าแวลดะาแรปลพสงว่ ศนาเรวอ่ื ดงราาชรามธิรอาญชแ ปลเมรา่ือจงากรพางชศาาวธดิราารมชอ2 ญทั้งนี้ ของไทยในสมัยกอ นทําสนธสิ ญั ญาเบาวร ิง เน่ืองจากวรรณกรรมดังกล่าวมีเน้ือหาเกี่ยวกับยุทธวิธีและกลศึกต่างๆ รัชกาลที่ ๑ ทรงมี จงึ มีการเกบ็ ภาษีขาเขา ตามความกวางของ พระราชประสงคใ์ หบ้ รรดาทหารไดศ้ กึ ษาการศกึ สงครามอยา่ งแตกฉาน เพราะเปน็ ระยะแรกของการ ปากเรือแทนการเกบ็ ภาษีโดยการนับจํานวน สถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร ์ วรรณกรรมเหลา่ นจี้ ะชว่ ยใหบ้ รรดาไพรท่ หารทงั้ ปวงเกดิ ความหา้ วหาญ สินคา และรู้กลยุทธใ์ นการรบ (แนวตอบ ในสมยั รัตนโกสินทร ไทยมีการตดิ ตอ การใชว้ รรณกรรมเพอ่ื ปลกุ ใจเรอ่ื งการศกึ สงคราม นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยลกั ษณะหนง่ึ คาขายทางทะเลกับพอคาตา งชาติเปน จาํ นวน ท่ีถูกน�ามาใช้ในสังคมไทยในยุคที่ต้องเผชิญกับศึกสงคราม และการอ่านวรรณกรรมก็เหมือนกับ มาก บรเิ วณปากแมน า้ํ เจา พระยามนี ํ้าขนึ้ นํา้ ลง การอ่านนวนยิ ายหรอื นทิ าน ซึ่งผู้อ่านสามารถซึมซบั ส่งิ ท่ีผ้เู ขียนต้องการสอื่ ได้งา่ ยข้ึน ตามธรรมชาติ เรอื สนิ คาทจ่ี อดอยูเพ่ือถา ย ๓) การเก็บภาษีปากเรือ ในสมัยรัตนโกสินทร์ก่อนหน้าที่ไทยจะได้มีการลงนาม สินคายอมข้ึนอยกู บั นา้ํ ขึน้ นํ้าลงดวย หากใช ใน “สนธิสญั ญาเบาวร์ ิง” กบั องั กฤษนั้น การเก็บภาษีขาเขา้ ของไทยจะใช้การเก็บภาษปี ากเรอื คือ เวลาตรวจสอบปริมาณสินคา ทต่ี อ งเสียภาษี จนะ�าเเกรอื็บสภนิาคษ้าีขเาขเ้าขม้าาโดคย้าขเกา็บยตดา้วมยเครวือาเมปกลวา่ ้าโดงยขไอมง่มปีสากินเครา้ือ เร(จียังกกวอา่ เบร)อื บวรารลทะุก อ๑บั,๗เฉ๐า๐3 จะบคาิดทภ าถษ้าีขพา่อเคข้า้า นานเกนิ ไป เรอื อาจมีอปุ สรรคจากน้าํ ขึน้ นํ้าลง ตามความกวา้ งของปากเรือ วาละ ๑,๕๐๐ บาท ได การเก็บภาษโี ดยวัดจากความกวา งของ ภูมิปัญญาไทยจากการเก็บภาษีปากเรือ ช่วยให้ไทยมีความสะดวกในการเก็บภาษี ปากเรือในราคาวาละ 1,700 บาท จงึ ชว ย แกปญ หาดงั กลาวได อีกทัง้ ยงั ทาํ ใหไ ทยได เปรยี บชาวตางชาติจากการเก็บภาษปี ากเรอื สนิ คา เปลา ในราคาวาละ 1,500 บาท ดว ย) เพราะไมต่ อ้ งไปนบั จา� นวนสนิ คา้ เนอ่ื งจากเปน็ การพจิ ารณาขนาดของเรอื ขนสนิ คา้ ทเี่ ขา้ มาคา้ ขาย ถา้ เรอื ใหญก่ จ็ ะตอ้ งมสี นิ คา้ ในปรมิ าณมาก ดงั นนั้ การอาศยั ปากเรอื เปน็ เกณฑจ์ ะทา� ใหก้ ารเกบ็ ภาษี พจิ ารณาได้ง่ายและสะดวกขึ้น 159 บูรณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถนาํ วรรณกรรมเรอื่ งสามกก และราชาธริ าชไปบรู ณาการ 1 สามกก เปน วรรณกรรมอิงประวัติศาสตรข องจีน แตง โดยหลวั กวนั้ จง กบั กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย วชิ าวรรณคดีและวรรณกรรม ในสมัยราชวงศหยวน แปลและเรยี บเรยี งเปนภาษาไทยคร้งั แรกโดยเจา พระยา เรอื่ งคณุ คา ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในดา นสงั คมและวฒั นธรรมได พระคลัง (หน) ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช มีเนื้อหา โดยใหนกั เรียนศึกษาประวตั ศิ าสตรจากการอานเนอ้ื หาของ เกี่ยวกับประวัติศาสตรจ นี ชวงปลายสมัยราชวงศฮ ่ันที่แผน ดินแตกเปน 3 กก คอื วรรณกรรมดงั กลา ว แลว สรปุ สาระสาํ คญั และวเิ คราะหแ นวคดิ ทปี่ รากฏ วุยกก จกกก และงอ กก ซึง่ ไดแ ยง ชิงอาํ นาจกนั จนกระทงั่ แผนดินจนี รวมเปน หนง่ึ เพอื่ นํามาอภปิ รายรว มกันในชนั้ เรยี น ทัง้ นี้ เพอื่ ใหนกั เรียนเกดิ ความ อีกครง้ั โดยสุมาเอย๋ี น ผสู ถาปนาราชวงศจ้ิน เขา ใจเก่ยี วกับการใชป ระวตั ิศาสตรแ ละวรรณกรรมในการสง เสริม 2 ราชาธริ าช เปนวรรณกรรมเรอื่ งยาวจากพงศาวดารของมอญ ตน ฉบบั ด้งั เดิม ความเปน ชาติไดดีย่ิงขน้ึ เปน ภาษามอญ มีเนือ้ หาเกยี่ วกับการสรู บระหวา งชนชาตมิ อญและพมา ซ่งึ มอญ มกั เปน ฝายชนะเหนอื พมา 3 อับเฉา สิง่ ของสําหรบั ใชถ ว งนํ้าหนกั เรอื เพ่ือไมใหเ รอื โคลงหลังจากขนถา ย สินคาลงจากเรอื เชน หนิ หรอื ทราย ประติมากรรมรปู เทพเจา สัตวม งคลตางๆ เปนตน คมู่ ือครู 159

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูใหนักเรยี นยกตวั อยางพระราชกรณยี กิจท่ี นอกจากน้ีไทยจะได้เปรียบในการค้า เพราะการเก็บภาษีปากเรือถ้าพ่อค้าน�าเรือ สําคญั ของพระมหากษตั ริยไทยเก่ยี วกบั ภูมิปญญา เปล่าเข้ามาซื้อสินค้าแต่อย่างเดียวก็จะต้องจ่ายภาษีขาเข้า ถึงแม้ว่าจะต�่ากว่าเรือที่บรรทุกสินค้า ดา นการแพทยไ ทยโบราณ โดยใหอ ธบิ ายมาพอ เข้ามาค้าขายก็ตาม ดังนั้น พ่อค้าจึงต้องน�าสินค้าบรรทุกเรือมาขายด้วย ท�าให้เป็นประโยชน์ สงั เขป แกไ่ ทยมากขึ้น ภูมิปัญญาไทยในเรื่องการเก็บภาษีปากเรือได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยพื้นฐานจาก (แนวตอบ พระราชกรณยี กิจท่สี าํ คญั เชน สภาพภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อม เพราะกรุงรัตนโกสินทร์มีการติดต่อค้าขายทางทะเลกับ รชั กาลที่ 1 โปรดเกลา ฯ ใหรวบรวมจารึก พ่อค้าชาวต่างชาติจ�านวนมาก บริเวณปากแม่น�้าเจ้าพระยามีน�้าขึ้นลงตามธรรมชาติ เรือสินค้า ตาํ รายาและรปู ฤๅษีดดั ตนไวต ามศาลาราย ที่จอดอยู่เพ่ือถ่ายสินค้าย่อมข้ึนอยู่กับน�้าข้ึนน�้าลงด้วย ถ้าใช้เวลาตรวจสอบปริมาณสินค้าที่จะ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวหิ าร ตอ้ งเสียภาษีชา้ เกนิ ไป เรอื อาจมีอปุ สรรคจากนา้� ลงได ้ การเกบ็ ภาษปี ากเรือจงึ ช่วยแก้ปัญหาเร่ือง รชั กาลท่ี 2 โปรดเกลาฯ ใหกรมหมอหลวง สภาพภูมิศาสตร์ได ้ สา� หรับผลกระทบจากภายนอกทเี่ กี่ยวกับชาวตา่ งชาติที่เข้ามาคา้ ขาย ไทยเรา คดั เลอื กตํารายาท่มี สี รรพคณุ สาํ หรับ ไมต่ อ้ งการเสยี เปรยี บเรอื่ งภาษอี ากรกบั พอ่ คา้ ชาวตา่ งชาต ิ ดงั นน้ั การเกบ็ ภาษปี ากเรอื จงึ ไดเ้ ปรยี บ โรงพระโอสถ ทเ่ี รยี กวา “ตาํ ราพระโอสถ” โดยเฉพาะการเกบ็ ภาษปี ากเรือสินคา้ เปล่าของพ่อค้าชาวตา่ งชาตทิ ่เี ข้ามาตดิ ต่อคา้ ขาย รชั กาลท่ี 3 โปรดเกลาฯ ใหจ ารกึ ตํารายารอ ย ขนานบนแผน ศิลาและฝงบนเสาระเบียง ๔) การแพทย์ ภมู ปิ ญั ญาไทยทางดา้ นการแพทยม์ มี าตง้ั แตส่ มยั โบราณ โดยเฉพาะ พระวิหารพระพทุ ธไสยาสน วดั ราชโอรสาราม โปรดเกลา ฯ ใหจ ารกึ ตาํ ราหมอนวด วิชาเภสชั อยา่ งยง่ิ ในสมยั อยธุ ยา ตอ่ มาในสมยั รชั กาลท ่ี ๑ ไดท้ รงบรู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม สมนุ ไพร ตําราวิธรี ักษาเดก็ และผใู หญ สรา งรปู ราชวรมหาวิหาร และโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมจารึกต�ารายาและรูปฤๅษีดัดตนไว้ตามศาลาราย ฤๅษดี ดั ตน และปลกู สมุนไพรหายากเพ่อื การ นับเป็นการเผยแพร่ความรู้ให้แก่ราษฎรอีกทางหน่ึง ในสมัยรัชกาลท่ี ๒ โปรดเกล้าฯ ให้กรม ศกึ ษาของราษฎร หมอหลวงช�าระคัดเลือกต�ารายาที่มีสรรพคุณส�าหรับโรงพระโอสถ ที่เรียกว่า “ต�าราพระโอสถ” รัชกาลที่ 5 โปรดเกลาฯ ใหแพทยห ลวงชาํ ระ รคะรเ้ันบถียึงงใพนรสะมวัยิหราัชรกพารละทพี่ ุท๓ธไ สโปยารสดนเก์ ลว้าัดฯร าใชหโ้จอารรสึกาตรา�ามร1า ยแาลระ้อโยปขรนดาเกนลบ้านฯแ ผให่น้จศาิลราึก ตแ�าลระาฝหังมบอนนเวสดา คัมภีรแพทยแ ละจดบันทกึ ลงสมุดไทยเรยี กวา วชิ าเภสชั สมนุ ไพร วชิ าสมมตฐิ านโรค ตา� ราวธิ รี กั ษาเดก็ และผใู้ หญ ่ และสรา้ งรปู ฤๅษดี ดั ตน ๘๐ ทา่ “เวชศาสตรฉ บบั หลวง”) รวมทงั้ โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ลกู สมนุ ไพรทหี่ ายากเพอ่ื การศกึ ษาของราษฎร นบั เปน็ ตา� ราแพทย์โบราณ ท่ีมีความสมบรู ณ์ท่สี ุดเท่าท่รี วบรวมจารึกไวเ้ ปน็ ครั้งแรก ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ทรงมีพระราชด�าริว่าวิชาการแพทย์แผนไทยภายหน้าจะ เสอ่ื มสญู ไป จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระชมุ แพทยห์ ลวงตรวจสอบชา� ระคมั ภรี แ์ พทยท์ ง้ั หมด และไดแ้ ปล คดั ลอกใหม่จากภาษาขอม มคธ และจดบนั ทกึ ลงในสมดุ ไทยท่ีเรียกวา่ “เวชศาสตร์ฉบับหลวง” จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าสังคมไทยมีองค์ความรู้และวิธีปฏิบัติ เพ่ือการดูแลสุขภาพและบ�าบัดรักษาโรค รวมทั้งความเจ็บป่วยของราษฎรมาต้ังแต่สมัยโบราณ ซ่งึ มคี วามสอดคล้องกบั ธรรมเนียมประเพณแี ละวถิ ีชวี ิตของคนไทย โดยการใช้สมุนไพร การนวด หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และพธิ กี รรม เพือ่ สร้างขวญั และกา� ลงั ใจแก่ผูป้ ว่ ย 160 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 วัดราชโอรสาราม หรอื วดั ราชโอรส เปน พระอารามหลวงชั้นเอก ชนดิ ครใู หนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพิ่มเติมถงึ ความหมาย ประเภท ราชวรมหาวิหาร เดิมชอื่ วัดจอมทอง สรา งขึน้ ในสมัยอยธุ ยา ตอ มารัชกาลท่ี 3 ตัวอยาง และสรรพคณุ ของสมนุ ไพร จากน้นั บันทึกสาระสําคญั โปรดใหป ฏิสงั ขรณว ัดจอมทองขนึ้ ใหม โดยเสดจ็ ประทบั คมุ งานตรวจตราดว ย ลงกระดาษ A4 แลวนาํ สง ครผู ูสอน พระองคเ องตลอดมา ใชเวลา 14 ป จงึ แลวเสรจ็ การสรางวดั ราชโอรสในครั้งนี้ ถือเปนการเริ่มตนครัง้ สาํ คญั ของสถาปตยกรรมสมยั รชั กาลท่ี 3 เปนครั้งแรกที่ กิจกรรมทา ทาย สรางโบสถ วิหาร แบบไมมชี อฟา ใบระกา หางหงส เปน การนําศลิ ปกรรมจีนมา ผสมผสานกบั ศิลปกรรมไทยไดอยา งลงตัว ครูใหน กั เรยี นศึกษาคน ควาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั สมนุ ไพรคนละ 3 ชนิด โดยแตละชนดิ ตอ งมสี รรพคณุ ในการรกั ษาโรคที่แตกตา งกนั จากนัน้ ใหนําภาพและขอ มูลท่ศี ึกษาคน ควา มาจัดทาํ เปนบันทกึ การศึกษาคนควา แลวนําสงครผู ูสอน 160 คูม่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ จากการที่ได้มีการรวบรวมต�าราและวิธีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บในสมัยรัชกาลที่ ๑ 1. ครูถามนกั เรียนวา การรวบรวมตําราแพทย ถงึ รชั กาลท่ ี ๓ สามารถวเิ คราะห์ได้ถงึ ภูมปิ ญั ญาไทยทางดา้ นการแพทย์แผนไทยได้ดงั นี้ และวิธีการรกั ษาโรคในสมยั รัชกาลที่ 1-3 สะทอนถึงภูมปิ ญญาดานการแพทยแ ผนไทย 1 อยางไร (แนวตอบ คนไทยรูจกั การคดิ คนตาํ รายา ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธ์)ิ มีจารกึ เก่ียวกับตาำ ราแพทยแ์ ผนไทย มฤี ๅษดี ัดตน เพื่อรกั ษาโรค โดยนาํ ยามาจากพชื สตั ว ซึ่งเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยเกีย่ วกับการรกั ษาโรคภัยไข้เจบ็ ตา่ งๆ หรอื แรต า งๆ รจู ักใชการนวดประกอบการ รกั ษาโรค รจู กั สาเหตุ อาการ และชอื่ ของโรค (๑) รู้จักคิดค้นต�ารายาข้ึนเพ่ือรักษาโรคเป็นจ�านวนมากไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ขนาน รสู รรพคุณยา วิธกี ารปรุงยา และวธิ ีการรักษา (ชนดิ ) การเลอื กสารตวั ยากน็ า� มาจากพชื สตั ว ์ และแรธ่ าตใุ นธรรมชาต ิ นา� มาผสมกนั บา้ ง บางครง้ั โรคท่เี หมาะสม) ก็น�ามาใช้เพียงชนิดเดียว ส�าหรับบ�าบัดรักษาโรคต่างๆ ยาบางประเภทท�ามาจากสมุนไพรซึ่ง ผา่ นการทดลองใชม้ าแล้ว 2. ครูใหนักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา (๒) รู้จักใช้การนวดและการบริหารร่างกายประกอบการใช้ยารักษาโรค หมอที่รักษา ปจ จุบนั การแพทยแผนไทยกลบั มาไดรับความ ดว้ ยการใช้การนวดหรอื การบรหิ ารรา่ งกายรกั ษาเรยี กวา่ “หมอนวด” นยิ มอกี คร้ังในหมคู นทัว่ ไปเปนเพราะเหตใุ ด (๓) รู้จักสาเหตุของโรคจากปัจจัยต่างๆ ได้ รวมท้ังรู้จักอาการโรคและช่ือของโรค (แนวตอบ หลังการเขา มาของการแพทยแ ผน ตามอาการได้อกี ด้วย ตะวนั ตกอนั ทนั สมยั การแพทยแ ผนไทยได (๔) รู้จักสรรพคุณยา การปรุงยา และรู้จักใช้ยารักษาและวิธีการรักษาให้เหมาะสม คอ ยๆ ถกู ลืมเลือนไปจากสังคม องคความรู กับโรค บางอยา งสูญหายไป แตปจจบุ นั การแพทย จะเห็นได้ว่า ภูมิปัญญาทางด้านการแพทย์ของไทยมาจากปัจจัยทางด้านสภาพ แผนไทยกลับมาไดร ับความนิยมอีกครงั้ ภูมิศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนสภาพอากาศจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน จากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว จาก เพราะการแพทยแ ผนตะวนั ตกตองสน้ิ เปลอื ง ฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน มีลมมรสุมพัดผ่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนไทยท�าให้เกิด คา ใชจายในการรกั ษามาก บางครงั้ ไดผ ลการ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ได้ง่าย ผู้คนสมยั โบราณจงึ ทดลองนา� เอาพชื ที่ขน้ึ อยู่ใกลต้ ัวมาใช้ พบวา่ พืชบางชนดิ รักษาไมด ี จงึ มกี ารรอื้ ฟน องคค วามรดู า นการ ช่วยรักษาโรคได้ จึงเรียกพืชเหล่านั้นว่า สมุนไพร และมีการเผยแพร่องค์ความรู้นี้ผ่านทั้งการ แพทยแ ผนไทยมาประยุกตใ ชก ับการแพทย บอกปากต่อปาก จารึกไว้ตามวัดที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน เพื่อให้ความรู้แขนงนี้ขยายกว้าง แผนตะวันตก ทาํ ใหก ารรกั ษาโรคมี ออกไป 161 ประสิทธภิ าพมากขึ้น) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลารามเปน แหลงการเรียนรทู ่ีสําคัญของ 1 วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เปน วัดโบราณสรา งใน ภูมิปญ ญาไทยสมยั รัตนโกสนิ ทรด า นใด สมัยอยธุ ยา ไมปรากฏหลกั ฐานเกี่ยวกับการสราง เดิมเรยี กวา วดั โพธาราม หรอื วดั โพธ์ิ ยกฐานะข้ึนเปนพระอารามหลวงในสมยั ธนบรุ ีและเปนพระอารามหลวง 1. การปรงุ ยาสมนุ ไพร ลําดับที่ 1 ในสมยั รตั นโกสนิ ทร ปจ จุบันตัง้ อยูที่แขวงพระบรมมหาราชวัง 2. การแพทยแ ผนไทย เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 3. การแปลภาษามคธและขอม 4. การสถาปนาพระอารามหลวง มุม IT วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภายหลงั ไดร บั การสถาปนาเปน ศึกษาคน ควาขอ มลู เพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั การแพทยแ ผนไทย ไดท่ี http://ptmk.dtam.moph.go.th/ เวบ็ ไซตสาํ นกั คุม ครองภูมิปญ ญาการแพทย พระอารามหลวงในสมยั รัชกาลที่ 1 กไ็ ดม บี ทบาทเปนแหลงการ แผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือก กระทรวง เรยี นรภู ูมิปญ ญาไทยดา นการแพทยแ ผนไทยทส่ี าํ คัญ โดยเฉพาะ สาธารณสุข ในสมยั รชั กาลที่ 3 ไดโ ปรดเกลาฯ ใหจ ารึกตาํ ราตางๆ ลงบนแผน ศลิ าบนเสาระเบยี งพระวิหาร และสรางรูปฤๅษดี ดั ตนแสดงทา ทาง คมู่ ือครู 161 การนวดเพื่อบริหารและรกั ษารา งกายขึน้ ซ่งึ ใน พ.ศ. 2552 องคก าร ยูเนสโกไดข ึ้นทะเบียนใหจ ารกึ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเปน เอกสารมรดกความทรงจําแหง โลกในสว นภมู ภิ าคเอเชยี แปซิฟก

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Expand Evaluate Engaae Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูถามนักเรียนวา ทําไมคนไทยจงึ เรยี ก ตอ มาเมอ่ื ไทยเขา สคู วามทนั สมยั ภมู ปิ ญ ญาทางการแพทยข องไทยไดล ดความสาํ คญั ลง รถสามลอเครื่องวา รถตุกตกุ เพราะคนไทยรบั เอาความรทู างการแพทยจากโลกตะวันตกเขามา ซ่งึ ตองส้นิ เปลอื งคาใชจายเปน (แนวตอบ คนไทยเรียกตามเสยี งทด่ี ังขณะท่เี ริม่ จํานวนมาก ดังน้ัน เม่ือมีการหันกลับไปร้ือฟนภูมิปญญาทางการแพทยของไทยสมัยโบราณ สตารทเคร่ืองยนต) โดยเฉพาะการใชส มนุ ไพรในการรกั ษาโรค โดยนาํ มาผสมผสานกบั การรกั ษาดว ยแพทยแ ผนปจ จบุ นั จงึ นับวา เปนผลดตี อการดํารงชีวิตของคนไทยตามแบบระบบเศรษฐกจิ แบบพอเพยี งไดเปน อยา งดี 2. นกั เรยี นคิดวารถสามลอเครือ่ งท่ใี หบ ริการกนั อยู ในปจจุบนั มคี วามเหมือนหรือตา งกนั อยางไร ๕) รถสามลอเครื่อง รถประเภทน้ีทางราชการเรียกวา “รถสามลอ” แตชาวบาน (แนวตอบ รถสามลอมเครือ่ งมบี รกิ ารอยูทวั่ ไป เกอื บทกุ จังหวดั ซงึ่ สว นใหญมีลกั ษณะคลา ยกนั ในเมืองไทยมักเรียกกันวา “รถตุกตุก” ตามเสียงที่ดังขณะท่ีเริ่มสตารทเคร่ืองยนต รถตุกตุกเริ่ม แตบ างทอ งท่ีมีลักษณะเฉพาะพิเศษ เชน ใน มีใชในประเทศไทยครั้งแรกประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยวิวัฒนาการมาจากการนําสามลอเคร่ือง จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา มีขนาดหนารถใหญ กระบะบรรทุกจากญี่ปุนเขามาดัดแปลงเปนรถน่ังโดยสาร เพื่อทดแทนรถสามลอถีบซึ่งหามว่ิง กวา ขนาดท่ัวไป เรียกวา รถตกุ ตกุ หนา กบ ในเขตกรงุ เทพฯ ในสมยั รฐั บาลจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต ในระยะแรกรถตกุ ตกุ มที างใหผ โู ดยสารขนึ้ ลง เปน ตน) ๒ ดาน ตอมาเพ่ือความปลอดภัยจึงกําหนดใหปดทางข้ึนลงดานขวาของตัวรถเหลือทางขึ้นลง ดา นเดียว 3. นักเรียนคิดวา นอกจากประโยชนในการ คมนาคมขนสง แลว รถตกุ ตุกยังมปี ระโยชน รถสามลอ เครอื่ ง ตกุ ตกุ มบี รกิ ารทกุ จงั หวดั และเปน ทน่ี ยิ มเปน อยา งยง่ิ ของนกั ทอ งเทย่ี ว ในเรอื่ งใด ท่ีเปนชาวตางประเทศ ตอมาไดมีการนํารถตุกตุกธรรมดามาดัดแปลงเบาะดานหลังเปนที่นั่ง (แนวตอบ ดานการทอ งเทย่ี วและดานเศรษฐกิจ สองแถวเพ่ือรับผูโดยสารไดเ ปนจาํ นวนมาก รถสามลอ เครอื่ ง ตุกตกุ จงึ นบั วาเปนภูมิปญ ญาไทย เพราะปจ จบุ นั ไทยไดผลติ และสงจําหนายไปยงั ทน่ี า ภาคภมู ิใจอยา งหนงึ่ ของคนไทยทเี่ กดิ จากการประดษิ ฐ ประยกุ ตใชใ หก ลมกลนื กบั การดาํ รงชวี ติ ตา งประเทศในนาม TUK TUK) จนกลายมาเปนเอกลักษณอ ยางหน่ึงของชาติในปจจบุ ัน ขยายความเขา้ ใจ Expand ครูมอบหมายใหน กั เรยี นเขยี นผังมโนทัศนสรุป ตัวอยา งของลกั ษณะการสรางสรรคภ ูมิปญญาไทย สมัยตา งๆ จากความรูท ี่นกั เรียนไดศึกษามาและ จากการคนควา เพ่มิ เตมิ จากแหลง การเรียนรอู ่นื ๆ ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจผงั มโนทศั นส รุปตัวอยา งของลกั ษณะการ รถตุกตกุ ไทยมีลักษณะโดดเดน เฉพาะตัวและในปจ จุบนั รถอีแตนเกิดข้ึนจากความชางคิดของคนไทย เปนรถใชงาน สรางสรรคภ ูมปิ ญญาไทยสมยั ตางๆ โดยประเมนิ ไดก ลายมาเปน เอกลกั ษณอยางหนงึ่ ของประเทศ เกษตรกรรมของไทย จากความถูกตอ งของเนื้อหาและการนาํ เสนอท่ี นา สนใจเขา ใจงา ย ๑๖๒ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครคู วรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พอื่ ใหน ักเรียนเขา ใจและตระหนกั ถงึ ความสําคัญ ครใู หน กั เรยี นศึกษาคน ควาเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับวิวฒั นาการของ ของภมู ิปญญาในทองถิ่นโดยการเตรยี มภาพและขอมลู ผลงานการสรางสรรค สามลอ เคร่อื งในประเทศไทย จากนัน้ บันทึกสาระสาํ คญั ภมู ปิ ญญาในทอ งถนิ่ เพอื่ ใชป ระกอบการอธบิ ายความรู หรือมอบหมายใหน ักเรียน ลงกระดาษ A4 แลวนาํ สง ครผู ูสอน ชวยกันศึกษาคน ควา แลวนาํ ภาพและขอ มลู มาแลกเปลี่ยนความรกู ันในชนั้ เรียน กจิ กรรมทาทาย ครตู ง้ั ประเดน็ ใหนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพม่ิ เตมิ วา เพราะเหตุใด รถสามลอเคร่ืองจึงกลายมาเปนเอกลักษณท่ีสําคัญอยางหน่ึงของ ประเทศไทย จากนน้ั ใหน าํ ขอ มลู ทไ่ี ดม าอภปิ รายรว มกนั ในชน้ั เรยี น 162 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๖) รถอีแตน นับเปนประดิษฐกรรมทางดานภูมิปญญาไทยอยางหนึ่งของไทย ครูนําขา วเก่ยี วกับการสงเสรมิ หรือการสราง คณุ คา ใหแ กว ฒั นธรรมและภมู ิปญญาไทยมาเลา ให รถประเภทนเี้ ปนผลงานทแี่ สดงใหเ หน็ ถงึ ความเปน คนชา งคดิ ของคนไทยไดเ ปนอยา งดี และแสดง นักเรียนฟง จากน้ันตั้งคําถามใหนักเรยี นชวยกัน ถงึ ความสมั พนั ธร ะหวา งคนไทยกบั อาชพี เกษตรกรรมอกี ดว ย รถอแี ตน เกดิ ขน้ึ เปน ครง้ั แรกใน พ.ศ. วิเคราะหวา เพราะเหตใุ ดปจจบุ ันคนไทยจงึ หนั มา ๒๕๑๔ โดยชาวนาผหู น่งึ ในจังหวดั เพชรบรู ณ เปนผสู รา งข้ึนเพ่ือจะไดส ามารถนาํ ไปวงิ่ ในทงุ นาท่ีมี ใหค วามสาํ คัญกับวฒั นธรรมและปญญาไทย วชั พชื ขนึ้ อยเู ปน จาํ นวนมากๆ ไดแ ละสามารถปราบวชั พชื ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพอกี ดว ย นอกจากนี้ ยงั สามารถใชบ รรทกุ สงิ่ ของตา งๆ หรอื ฉดุ ลากสงิ่ ของหนกั ๆ ได จนเปน ทนี่ ยิ มกนั อยา งแพรห ลายทวั่ ไป (แนวตอบ เนอ่ื งจากมีปจ จยั หลายดานทส่ี ง เสรมิ นับไดวาเปน ภูมิปญญาไทยในยุคปจจุบัน การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทย เชน การไดร บั การสงเสรมิ จากสถาบันท่สี าํ คญั ของชาติ ๕. ปจ จยั และบคุ คลทส่ี ง เสริมการสรางสรรควฒั นธรรม การหนั มาสนใจเร่อื งไทยศกึ ษาในสังคมไทย และภมู ิปญญาไทยทม่ี ผี ลตอ สงั คมไทยปจ จบุ ัน การสงเสริมการใชท ฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง การสง เสรมิ การทองเท่ียวเชิงอนุรักษวัฒนธรรมและ ๕.๑ ปจจัยท่สี งเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย ภมู ิปญญาไทย การจัดกจิ กรรมเผยแพรว ฒั นธรรม ที่มผี ลตอ สังคมไทยปจจุบนั และภูมิปญญาไทย เปน ตน ) จะเปนประจดจบั ุบชันาสต1ังหิ ครมือไรทะยดใับหทคอวงาถมิ่นสําโคดัญยภเกมู ี่ยิปวญกญับเารไ่ือทงยวเัฒหลนา ธนร้ีลรวมนแมลกีะภารูมสิปบื ญทญอดามไทาจยามกาคกนขรึ้นุนไหมนวึ่งา สา� รวจคน้ หา Explore ในอดีตมาถึงคนอีกรุนหน่ึงในปจจุบัน แมวาในชวงระยะเวลาหนึ่งวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทย บางอยางไดถูกลบเลือนไปจากความสนใจของคนไทย เน่ืองจากผูคนหันไปช่ืนชมกับวัฒนธรรม ครตู ้งั ประเดน็ คาํ ถามเพือ่ ใหนักเรียนศึกษา และภมู ปิ ญ ญาตะวันตก แตเมอื่ เร่ิมมีการสนับสนนุ จากหลายๆ ฝาย รวมถึงมกี ารศึกษาคนควากนั ความรเู กยี่ วกบั ปจจัยทีส่ ง เสริมการสรางสรรค อยา งจรงิ จงั จงึ ทาํ ใหค นไทยเรม่ิ หนั มาใหค วามสาํ คญั ตอ คณุ คา ของวฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ญ ญาไทย วัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทยท่มี ีผลตอสังคมไทย มากขนึ้ ปจ จุบนั เชน ปจจัยท่ีสงเสริมการสรางสรรควัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยที่มีผลตอสังคมไทยปจจุบัน • มีปจ จัยใดบา งทีส่ ง เสริมการสรา งสรรค มีดงั ตอ ไปน้ี วฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยท่มี ผี ลตอ สังคมไทย ÁØÁ¹‹ÒÌ٠• นักเรียนจะมีสว นในการสงเสริมการ ภูมิปญญาชาวบานหรือภูมิปญญาทองถิ่นตามความหมายของสารานุกรม สรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยได ไทยสําหรับเยาวชน หมายถึง “ทุกส่ิงทุกอยางที่ชาวบานคิดข้ึนไดเอง และนํา อยางไรบาง มาใชในการแกปญหา เปนเทคนิควิธีเปนองคความรูของชาวบานทั้งทางกวาง และทางลึกที่ชาวบานคิดเอง ทําเอง โดยอาศัยศักยภาพที่มีอยูแกปญหาการ โดยใหน ักเรยี นศกึ ษาจากหนงั สอื เรียนหนา ดําเนินชีวิตในทองถ่ินไดอยางเหมาะสมกับยุคสมัย” โดยภูมิปญญาชาวบานใน 163-165 และแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน หอ งสมุด ท่ีนี้ เชน การรูจักนําพืชสมุนไพรมาปรุงเปนยารักษาโรคทั่วไป หรือการนําเอา อินเทอรเ น็ต เปนตน วัชพืชมาสานเปนเคร่ืองใช เปนตน ตัวอยางผลิตภัณฑแปรรูปจาก อธบิ ายความรู้ Explain ภูมปิ ญญาทอ งถน่ิ ๑๖๓ ครใู หน ักเรียนรวมกนั แสดงความคิดเห็นวา ปจ จุบันสงั คมไทยใหค วามสําคัญกบั การสงเสริม การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยมาก นอ ยเพียงใด เพราะเหตใุ ด ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดในปจ จบุ ันสงั คมไทยจึงใหค วามสาํ คญั ในการอนุรักษ วฒั นธรรมและภูมิปญญาไทยมากข้ึน 1 ระดบั ชาติ หนวยงานภาครฐั ที่มีหนาท่ีสง เสรมิ การสรา งสรรควัฒนธรรมและ แนวตอบ วัฒนธรรมและภูมปิ ญญาเปนสิ่งสําคญั ยิง่ ในการแสดง ภูมิปญ ญาไทยท่ีสําคัญ เชน กระทรวงวัฒนธรรมมีหนาที่สง เสรมิ ใหประชาชน ความเปนชาติ แตจากอทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวันตกทีเ่ ผยแพร ตระหนกั ถงึ คณุ คาของวัฒนธรรม และมสี วนในการอนรุ กั ษแ ละพฒั นามรดกทาง เขา มาในสงั คมไทย ทําใหคนไทยจํานวนมากละเลยที่จะใสใ จศึกษา วัฒนธรรมไทย กรมทรัพยส ินทางปญ ญามหี นา ทคี่ มุ ครองภูมิปญญาทอ งถน่ิ และ สืบสาน และพัฒนาวัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทย กระท่งั ภูมปิ ญญา จัดทําระบบฐานขอ มลู ภูมิปญญาทองถ่นิ ไทย เปนตน บางอยา งไดส ูญหายไปจากสังคมไทย หนวยงานทั้งภาครัฐและ เอกชนท่ีมสี ว นเก่ียวของจงึ ดําเนนิ การตางๆ ใหค วามรแู ละขอมลู แก มุม IT ประชาชน ทาํ ใหผ ูค นสว นใหญในสงั คมตางตระหนกั และเหน็ คณุ คา ความจาํ เปน ทจี่ ะตอ งตอ งรว มมอื กนั เพอื่ อนรุ กั ษม รดกทางวฒั นธรรม ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย และภมู ปิ ญญาของบรรพบุรุษไทยเอาไว ไดท ่ี www.m-culture.go.th เวบ็ ไซตก ระทรวงวฒั นธรรม คมู่ อื ครู 163

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นชวยกันยกตวั อยา งสถาบันสําคญั ๑) การได้รับการส่งเสริมจากสถาบันท่ีส�าคัญของชาติ อันได้แก่ สถาบัน ของชาตทิ ม่ี สี วนในการสงเสริมการสรางสรรค วฒั นธรรมและภูมปิ ญญาไทย ศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังจะเห็นได้จากการให้มีการ (แนวตอบ สถาบันสาํ คัญ เชน ฟื้นฟูและส่งเสริมภูมิปัญญาทางด้านศิลปวัฒนธรรมจากวัดและราชส�านัก ส�าหรับบทบาทของวัด • สถาบันศาสนา ไดนาํ ภมู ิปญ ญาในเรือ่ งของ ในการสง่ เสรมิ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาของไทย เช่น มีการนา� ภมู ิปัญญาในเรอื่ งของจติ วิญญาณ จติ วิญญาณมาใช เพอื่ กลอมเกลาจติ ใจของ มาใชเ้ พื่อกล่อมเกลาจติ ใจของผ้คู นในสงั คม เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้คนในสงั คมมคี ณุ ธรรมและมจี ิตส�านึก ผคู นในสงั คม ในการฟื้นฟูท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนา เช่น การบูรณะโบสถ์วิหาร พระพุทธรูป เป็นต้น ส่วน • สถาบนั พระมหากษตั ริย ที่ไดมกี ารจดั ตั้ง บทบาทของราชส�านักในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของไทย เช่น การจัดตั้งโครงการ โครงการศิลปาชพี เพ่อื ฟน ฟกู ารสอน ศลิ ปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ จนกระทัง่ เกิดเปน็ “มลู นิธศิ ลิ ปาชพี ” ซงึ่ ศิลปกรรมตา งๆ ของไทย) ถอื เป็นการฟ้นื ฟูการสอนศลิ ปกรรมทา� ใหม้ ีผลงานทางดา้ นภมู ิปัญญาไทยออกมาอยา่ งมากมาย 2. ครูถามนักเรยี นวา สถาบันไทยศึกษามสี ว น ๒) การหนั มาสนใจเรอื่ ง “ไทยศกึ ษา” ในสังคมไทย ประมาณเกอื บ ๕๐ ปี ในการสงเสริมการสรา งสรรคว ัฒนธรรมและ ภมู ิปญญาไทยอยางไร ท่ีผ่านมา ไดเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงทางดา้ นการศึกษาของไทย เมอ่ื สถาบันการศึกษาที่สา� คญั เชน่ (แนวตอบ ไดมีการศกึ ษาคนควา เกีย่ วกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล็งเห็นความส�าคัญของการศึกษา ประวัติศาสตรไทย ศิลปวฒั นธรรมไทย เรื่อง “ไทย” จนเกดิ มีสถาบันไทยคดีศกึ ษา สถาบนั ไทยศกึ ษา ขึ้นในมหาวิทยาลัยท้งั สองซ่ึงชว่ ย การเมืองไทย และสงั คมไทย รวมทง้ั ภูมิปญ ญา กระตุ้นกอ่ ใหเ้ กิดการจัดการศกึ ษาเร่ืองไทยคดีศกึ ษาขึ้นในสถาบันการศึกษาอ่นื ๆ ตามมา ไทยในอดีตและภมู ปิ ญญาในทองถน่ิ ทําให ท้ังน้ีจากการให้ความสนใจเร่ือง “ไทยศึกษา” จึงท�าให้มีการศึกษาค้นคว้าเรื่อง ภูมปิ ญ ญาไทยและวัฒนธรรมไทยไดร ับการฟนฟู ประวัติศาสตร์ไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย การเมืองไทย และสังคมไทย รวมถึงภูมิปัญญาไทยที่ อยา งมากดังท่ีเหน็ ไดใ นปจจบุ ัน) สังคมไ ทยในอตด่อีตมใชาเ้เปม็นื่อเมคีกราื่อรงศมึกอื ษในากคา้นรคแวก้าป้ ปญั รหะวาักตาิศราดสา� ตเนร์ทินช้อีวงิตถข่ินอ1 งจผึงูค้ไดน้มีการศึกษาภูมิปัญญา ทอ้ งถ่นิ ซึง่ ถือเป็นส่วนหนงึ่ ของภูมิปัญญาไทยด้วย ท�าใหภ้ ูมิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยไดร้ บั การ 3. ครูใหน กั เรียนบอกวา การสง เสรมิ การใชท ฤษฎี ฟ้ืนฟขู ้ึนมาอย่างกว้างขวางดงั เช่นในปจั จุบัน เศรษฐกิจพอเพยี งตามแนวพระราชดํารใิ น พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ๓) การส่งเสริมการใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมให้ราษฎร มีสวนในการสงเสริมการสรางสรรคว ฒั นธรรม และภมู ิปญญาไทยอยางไร หันมาด�าเนินชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชด�าริพระบาทสมเด็จ (แนวตอบ ทาํ ใหม กี ารสบื คนภมู ปิ ญญาไทยใน พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทา� ใหม้ กี ารสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารสบื คน้ ภมู ปิ ญั ญาไทยทม่ี มี าแตอ่ ดตี อดีตเพื่อนาํ มาประยุกตใ ชใ นการดาํ รงชีวติ และนา� มาประยกุ ต์ใชใ้ นการดา� รงชวี ติ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง อาท ิ การนา� สมนุ ไพรไทยมาทา� ใหเ้ กดิ ไดแ ก การเลือกวสั ดทุ องถ่นิ มาทําใหเกดิ มลู คา มูลคา่ เพมิ่ หรือการเลอื กใช้วสั ดุทม่ี ีอยู่ในทอ้ งถ่นิ มาทา� ใหเ้ กิดมูลค่าเพ่ิม เช่น การทา� ยาสระผมจาก เชน ทาํ ยาสระผมจากวา นหางจระเข เปนตน) วา่ นหางจระเข้ เปน็ ตน้ ซง่ึ ถอื เปน็ การผลติ สนิ คา้ ทม่ี รี าคาไมแ่ พงผคู้ นสามารถไปซอื้ หามาใชไ้ ดง้ า่ ย ๔) การส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การ ส่งเสริมการทอ่ งเทย่ี วในเชงิ อนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ท�าให้แหลง่ ท่องเทีย่ วตา่ งๆ ได้ มีการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นและของชาติ รวมถึงได้มีการฟื้นฟูภูมิปัญญาไทยโดยการ 164 นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดเปนวธิ ีการทีด่ ีที่สุดท่จี ะชว ยอนรุ ักษมรดกภมู ิปญญาไทยเอาไว 1 ประวตั ิศาสตรทองถิ่น ประวัตศิ าสตรส ังคมท่แี สดงถงึ ความเปน มาของผูคน 1. ศกึ ษาเรยี นรูภูมิปญญาไทย ในทอ งถ่ินเดียวกัน ซ่งึ อาจมีความแตกตา งทางชาติพันธุ แตเ มื่อเขา มาตัง้ ถ่นิ ฐาน 2. เผยแพรค วามรูแ กเยาวชนไทย อยูในพนื้ ทีเ่ ดียวกันตง้ั แต 2-3 ชัว่ คนสืบลงไป กจ็ ะเกิดสํานึกรว มกนั โดยมีพื้นฐาน 3. นาํ ภมู ิปญ ญาไทยไปใชก บั ตนเอง ทางความเช่อื และศีลธรรมเปนแบบเดียวกัน 4. จดทะเบียนกับกรมทรพั ยส นิ ทางปญญา วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การเผยแพรค วามรูภมู ปิ ญญาไทย เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง ใหกบั เยาวชนไทยรุนใหม จะชวยทาํ ใหเยาวชนไทยท่ีจะเติบโตเปน กาํ ลังสําคญั ของชาติบา นเมืองไปภายหนา ไดเ รียนรู เขาใจ และเห็น การดําเนนิ ชีวติ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทําใหม ีการนาํ ภูมิปญญาในอดีต คุณคาของภมู ปิ ญญาไทย ก็จะชวยกันสบื สานและอนรุ กั ษเ อาไว มาประยกุ ตใ ชในการดาํ รงชวี ิต ทําใหเ กดิ การพัฒนาตอยอดภมู ิปญญาทองถิน่ โดยเฉพาะการนําวสั ดทุ ี่มใี นทอ งถิน่ มาพัฒนาใหมมี ลู คาเพมิ่ นกั เรียนเขียนเรียงความในหัวขอ ภูมปิ ญ ญาทองถิ่นกับเศรษฐกจิ พอเพียง ตามความเขา ใจ ลงในกระดาษ A4 สงครูผสู อน 164 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain ผลิตสนิ คา อันเกิดจากภูมิปญ ญาในทองถน่ิ เพ่ือสนองตอบความตอ งการของนักทองเท่ียว เชน การ 1. ครใู หน กั เรยี นที่เคยไปเท่ียวสถานท่ีทเ่ี ปน แหลงทอ งเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญา จัดตลาดนํา้ ท่ีอําเภอดําเนินสะดวก จงั หวัดราชบรุ ี หรือตลาดนํา้ อมั พวา จังหวัดสมุทรสงคราม ก็ถอื ไทย ออกมาเลา ถึงบรรยากาศและกจิ กรรมใน การไปทองเที่ยว หรือสินคาท่ีจดั จําหนา ยวา มี เปนการฟนฟูวัฒนธรรมของไทยอยางหนึ่ง นอกจากน้ีการที่ชาวบานที่ทําสวนมะพราว ทําน้ําตาล ลกั ษณะอยางไร มะพราวออกมาจําหนายหรือเปดใหนักทองเที่ยว 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภปิ รายเกี่ยวกับการ ผลิตสินคา OTOP ของชมุ ชน และบทบาท สามารถชมขั้นตอนการทํานํ้าตาลมะพราว ก็ถือเปน ของรฐั บาลในการสงเสริมการเผยแพร วัฒนธรรมและภูมิปญ ญาไทย การสงเสรมิ ภูมปิ ญ ญาไทยเชนกนั ๕) การจดั กจิ กรรมเผยแพร 3. นักเรยี นรว มกนั สรปุ ปจจยั ท่ีสงเสรมิ การ วัฒนธรรมและภูมิปญญาไทย การเปดโอกาสให สรา งสรรคว ฒั นธรรมและภูมิปญญาท่มี ีตอ แตละทองถิ่นจัดกิจกรรมตางๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม สังคมในปจจุบัน และยกตวั อยา งประกอบ และภูมิปญญาไทย รวมถึงการสงเสริมใหคนใน ทองถิ่นไดนําภูมิปญญาทองถิ่นของตนมาเผยแพร ขยายความเขา้ ใจ ผแกา นสโาคธรางรกณาชรนผลเชิตนสนิ กคาา รผOลTิตOสPนิ 1คขา อจงารกัฐภบมู าปิลญนญอกาไจทากย Expand จะเปนการสงเสริมใหมีการนําภูมิปญญาทองถิ่นมา ใชใหเกิดประโยชนในการผลิตสินคาราคาถูกและมี การทองเที่ยวในเชิงอนุรักษ นอกจากจะสรางรายได 1. ครใู หนกั เรยี นศึกษาคนควาเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับ แลว ยังชวยรักษาวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยได การสงเสริมการทอ งเทยี่ วเชงิ อนุรกั ษ อีกดวย (จากภาพ) ตลาดนํ้าดําเนินสะดวก จังหวัด วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทย จากแหลง ราชบุรี เรยี นรตู า งๆ เชน เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเน็ต หนงั สอื สารคดีทอ งเทยี่ ว เปน ตน จากนั้น คุณภาพออกมาใชในทองถ่ินแลว ยังเปนการชวยเผย ใหเลือกตวั อยา งทนี่ ักเรยี นสนใจ 1 ตวั อยา ง เชน ตลาดนํ้าดําเนนิ สะดวก ตลาดน้าํ อมั พวา แพรภูมิปญญาของตนออกไปใหกวางขวางและเปนท่ี ตลาดสามชุก เปนตน แลว สรปุ สาระสาํ คญั สง ครผู สู อน รูจกั มากขนึ้ ดวย 2. ครใู หนกั เรยี นแบงกลุม กลุม ละ 3-4 คน สําหรับการเผยแพรวัฒนธรรมและ ชว ยกันคิดโครงการหรอื กิจกรรมเพื่อเผยแพร วฒั นธรรมและภูมิปญญาไทย 1 โครงการ ภูมิปญญาไทยในตางประเทศนั้น ภาครัฐมีหนวยงาน ตามหลกั การเขียนโครงการ หลักคือ กระทรวงวัฒนธรรมและการทองเท่ียวแหง ประเทศไทย (ททท.) เปน แมง าน โดยวฒั นธรรมและ ประเพณีที่ไดรับการสงเสริมและเผยแพรใหเปนที่รูจัก ในตางประเทศ เชน ประเพณีลอยกระทง ประเพณี แหเ ทยี นพรรษา ประเพณสี งกรานต ฯลฯ นอกจากนี้ ยงั มกี ารเดนิ ทางไปแสดงสนิ คา โดยการจดั นทิ รรศการ ตรวจสอบผล Evaluate ในตางประเทศดวย เชน การจัดนิทรรศการผาไหม ผลิตภัณฑ OTOP เปนการนําภูมิปญญาของแตละ ทอ งถน่ิ มาผลติ เปน สนิ คา เพอื่ สรา งรายไดใ หก บั ชมุ ชน ไทย การจดั เทศกาลอาหารไทยในทวปี ยโุ รป เปนตน 1. ตรวจบนั ทกึ สาระสาํ คญั การสง เสรมิ การทอ งเทย่ี ว เชงิ อนุรักษว ฒั นธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย ๑๖๕ 2. ตรวจโครงการหรอื กจิ กรรมเผยแพรว ฒั นธรรม และภมู ิปญญาไทย ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ภาคสว นใดควรมีบทบาทสําคญั ในการสงเสริมการสรางสรรค ครสู นทนากบั นักเรียนถึงความรแู ละความคดิ เหน็ เก่ียวกับโครงการผลติ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญญาไทย สินคา OTOP แลว ใหนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั โครงการผลติ สนิ คา แนวตอบ การสง เสรมิ การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ิปญญา OTOP ในทองถ่นิ หรือภูมิภาคตางๆ จากนัน้ ใหจ ดั ทาํ บนั ทึกการศึกษาคนควา ที่มี ไทยตอ งอาศยั ภาคประชาชนเปนปจจยั สาํ คญั โดยเฉพาะประชาชน รายละเอยี ดในประเด็นตางๆ เชน ความเปนมา วตั ถุประสงค ผลจากโครงการ ทีม่ สี วนเก่ียวของกับภมู ปิ ญญาไทยโดยตรง เชน การเพาะปลูก การ เปน ตน พรอ มมภี าพประกอบ โดยใหท าํ ลงในกระดาษ A4 แลว นาํ สง ครผู สู อน อบรมสั่งสอนสมาชิกของสังคม เน่ืองจากประชาชนมคี วามเขา ใจ เพ่อื คัดเลอื กผลงานท่ีดจี ดั แสดงในบริเวณทเ่ี หมาะสมของชั้นเรยี น และมคี วามรมู ากกวา โดยมภี าครฐั เขาไปมสี ว นชวยสนับสนนุ นกั เรียนควรรู 1 OTOP เปนโครงการทมี่ งุ เนน ใหชมุ ชนสรางศกั ยภาพของตนเอง โดยการนํา ผลผลิตหรือจัดการทรพั ยากรที่มีอยูใ นทอ งถิ่นใหก ลายเปนสนิ คา ท่มี ีคุณภาพ มจี ุดเดน เปนเอกลกั ษณของตนเอง และสอดคลองกับวฒั นธรรมในแตละทอ งถิน่ โดยมีชือ่ โครงการอยางเปน ทางการวา “โครงการหนึ่งตาํ บล หนงึ่ ผลิตภัณฑ” (One Tambon One Product) คู่มือครู 165

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครูใหน ักเรยี นยกตัวอยา งบคุ คลที่มบี ทบาท ๖. บุคคลทม่ี บี ทบาทในการส่งเสรมิ การสรา้ งสรรค์ภูมิปญั ญา 1 ในการสง เสริมการสรา งสรรคภมู ปิ ญญาและ และวัฒนธรรมไทยซึ่งมผี ลตอ่ สังคมไทยปัจจุบัน วฒั นธรรมไทยซงึ่ มีผลตอสังคมในปจจบุ ัน การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในประวัติศาสตร์ชาติไทยล้วนเกิดข้ึนจาก 2. ครูเขยี นรวบรวมรายชื่อบนกระดาน แลวให ความคิดและการสร้างสรรค์ของคนไทยจ�านวนมาก ซ่ึงบุคคลเหล่าน้ันมีท้ังพระมหากษัตริย์ นักเรยี นยกตัวอยางผลงานของบุคคลแตละทาน พระราชวงศ์ และสามัญชนท่ัวๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีบุคคลหลายท่านที่มีส่วน เพอื่ เปนการแลกเปลี่ยนความรูกนั ในการส่งเสริม สร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ซ่ึงมีผลดีต่อสังคมไทยสมควรที่เรา จะไดศ้ ึกษาเป็นแบบอย่าง สา� รวจคน้ หา Explore ครใู หนกั เรยี นแบงกลุม 5 กลมุ เพื่อรว มกัน ตวั อยา่ งบคุ คลที่มีบทบาทในการสง่ เสริมการสรา้ งสรรคภ์ มู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ศกึ ษาและสืบคนเกยี่ วกับบคุ คลที่มีบทบาทในการ สง เสริมสรา งสรรคภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทย ๑. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ซงึ่ มผี ลตอ สงั คมไทยในปจจุบัน ดงั นี้ ๒. สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ กลมุ ที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา- ภมู พิ ลอดุลยเดช ๓. สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี กลุมท่ี 2 สมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ ๔. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระบรมราชนิ นี าถ ๕. สมเดจ็ พระเจ้าพีน่ างเธอ เจา้ ฟ้ากัลยาณวิ ัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กลุมที่ 3 สมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราช- ชนนี ๑) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทย กลุมท่ี 4 สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงใกล้ชิดกับราษฎร และทรงปฏิบัติพระราช กลมุ ที่ 5 สมเด็จพระเจา พ่ีนางเธอ เจาฟา กรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอยู่ตลอดเวลาด้วย กัลยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าส ราชนครนิ ทร พระมหากรุณาธิคณุ ทั้งนี้พระราชกรณยี กจิ ของพระองค ์ ที่ทรงท�าเพื่อราษฎรน้ันมีมากมายมหาศาล โดย พระองค์ทรงปลูกฝังในเร่ืองคุณธรรม จริยธรรม และ ทรงคิดค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน อธบิ ายความรู้ Explain ใหส้ ามารถพ่ึงตนเองได้และพน้ จากความทกุ ขย์ าก ครอู ธิบายนักเรียนวา ในการสรา งสรรค พระราชกรณยี กจิ ดา้ นตา่ งๆ ของพระองค์ ภูมิปญ ญาและวัฒนธรรมไทยท่ผี านมาใน ประวัติศาสตรไทยลว นเกิดขน้ึ จากการสรางสรรค ทที่ รงมตี อ่ พสกนกิ รชาวไทย มอี ยมู่ ากมายหลายประการ ของคนจาํ นวนมาก ซึ่งบคุ คลดงั กลา วมีท้ังพระมหา กษตั รยิ  พระบรมวงศานุวงศ และสามัญชน ในการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นคุณูปการต่อสังคมไทย ซึ่งพระราชกรณียกิจ สง เสรมิ สรางสรรคภ มู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย พระมหากษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อ บางด้านก็มีส่วนส�าคัญในการส่งเสริมการสร้างสรรค์ ประโยชน์สขุ ของปวงชนชาวไทย ภมู ปิ ญั ญาตลอดจนวัฒนธรรมไทยเป็นอยา่ งยิง่ 166 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงมีหลักใน ครูใหน ักเรียนยกตัวอยางบทบาทของพระมหากษตั รยิ และพระบรมวงศานุวงศ การทรงงานเพอ่ื สง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย ทีน่ กั เรียนประทับใจ คนละ 1 ตวั อยา ง แลวสุมเรยี กนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเลา อยางไรบาง หรอื บอกเหตผุ ลทน่ี กั เรียนประทบั ใจ แนวตอบ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหี ลกั ในการทรงงานเพอ่ื สง เสริมการสรา งสรรคภูมปิ ญ ญาและ นักเรยี นควรรู วัฒนธรรมไทย โดยทรงเนน การปลกู ฝง คณุ ธรรม จรยิ ธรรมแก ประชาชน เชน พระราชนพิ นธพ ระมหาชนก สง เสริมการศกึ ษา 1 การสง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญา จากพระราชกรณยี กจิ ในพระบาทสมเดจ็ และเสนอแนวทางการแกไ ขปญ หาตา งๆ ของประชาชนโดยเฉพาะ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช เพือ่ ชวยเหลอื ประชาชน เชน พระราชดําริใน เกษตรกรดว ยวธิ ตี ามธรรมชาติ เพอ่ื ใหค นไทยเปน คนดคี วบคไู ปกบั การศกึ ษาและสรา งกังหันนํา้ ชัยพัฒนา เพือ่ บาํ บัดนํ้าเสียดว ยการเติมแกสออกซิเจน การเปน คนเกง มคี วามสามารถพ่ึงพาตนเองไดอ ยา งยั่งยนื และ ลงในนํ้า ซ่ึงมีท่ีมาจากหลักการทํางานของหลกุ เครือ่ งมือทใ่ี ชใ นการวิดนํ้าเขานา ชว ยเหลอื ผูอนื่ ได จากภมู ิปญญาของชาวบานในภาคเหนอื 166 ค่มู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ทง้ั นพี้ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงมพี ระราชประสงคท์ จี่ ะนา� 1. ครูใหนกั เรยี นชว ยกันยกตวั อยางพระราช- ภมู ปิ ญั ญาไทย วฒั นธรรมไทยมาประยกุ ตช์ ว่ ยเหลอื ใหบ้ รรดาพสกนกิ รสามารถดา� รงชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ ง กรณยี กิจในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร มคี วามสขุ พน้ จากความทกุ ขย์ าก อนั จะมผี ลตอ่ ประเทศชาตทิ ง้ั ในปจั จบุ นั และอนาคต ยกตวั อยา่ ง เชน่ มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชเก่ยี วกบั การสรา งสรรค ภูมิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย (๑) ทรงอาศัยวรรณกรรมสําหรับ เตือนใจคนไทยใหมีความเพียรไม่ย่อทอในการดําเนิน 2. ครูใหก ลุม ที่ 1 สงตวั แทนออกมานําเสนอการ ชีวิต ดังจะเห็นได้จากเรื่อง “พระมหาชนก” ซึ่งเป็น ศกึ ษาคนควาท่ีหนาช้นั เรียน ชาดกเรื่องหนึ่งในพระพุทธประวัติ เนื้อเรื่องกล่าวถึง พระมหาชนกที่ทรงบ�าเพ็ญความเพียรอย่างยิ่งยวด 3. ครใู หนักเรยี นชวยกันอธิบายวา พระราชนิพนธ โดยมิได้ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน จนกระทั่งได้ เร่อื งพระมหาชนกมสี วนสงเสริมสรา งสรรค ครองราชสมบัติและน�าความเจริญมาสู่เมืองมิถิลา ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทยอยา งไร พระองคท์ รงพระราชนิพนธเ์ รอื่ ง “พระมหาชนก” ขึน้ มา (แนวตอบ พระมหาชนกเปนชาดกเรอ่ื งหนง่ึ เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนใจประชาชนให้เป็นผู้มีจิตกุศล ในพทุ ธประวตั ิ ท่ีกลา วถึงความเพียรของ และให้เกิดก�าลังใจต่อสู้ชีวิต เม่ือพบอุปสรรคก็อย่าได้ พระมหาชนก พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ย่อท้อ ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยก�าลังกายและก�าลังใจของ มหาภูมิพลอดลุ ยเดชทรงพระราชนพิ นธข น้ึ ตนเองกอ่ น เฉกเชน่ พระมหาชนกท่ีพยายามว่ายนา้� บทพระราชนพิ นธ์เรอ่ื งพระมหาชนก ในพระบาท เพอ่ื ใหเ ปน เครอื่ งเตอื นใจประชาชนใหเปน ผมู ี ไมย่ อมจมน�้า พยายามวา่ ยตอ่ ไปแม้จะไมเ่ หน็ ฝ่ังกต็ าม สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช จิตกศุ ลและใหเ กดิ กําลังในการตอ สชู ีวติ เม่อื พบอปุ สรรคกอ็ ยา ไดย อ ทอ เหมอื นพระมหาชนก (๒) ทรงส่งเสริมใหเกิดความรักสถาบันการศึกษา โดยพระองค์ทรงแต่งเพลง ที่พยายามวา ยนา้ํ แมจะไมเ ห็นฝงก็ตาม) ประจ�ามหาวิทยาลัยให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นกุศโลบายที่ส�าคัญอย่างหน่ึง 4. ครถู ามนักเรยี นวา พระราชพิธีจรดพระนังคลั ท่ีจะท�าให้นิสิตนักศึกษามีความรักความผูกพันในสถาบันการศึกษาของตน โดยผ่านทางเพลง แรกนาขวญั มคี วามสาํ คัญอยางไร ประจา� มหาวิทยาลยั ทพ่ี ระองคท์ รงพระราชนิพนธ์และพระราชทานให้กบั มหาวิทยาลัยแหง่ นน้ั (แนวตอบ พระราชพิธีเพอ่ื เสรมิ สรางขวัญและ กาํ ลงั ใจแกเ กษตรกร เปน พิธกี รรม 2 พธิ ี (๓) ทรงส่งเสริมใหมีการสรางกําลังใจแก่เกษตรกรดวยการฟนฟูราชประเพณี ที่กระทาํ รวมกนั คือ พระองคท์ รงพระราชทานคา� แนะนา� ใหร้ ฐั บาลฟน้ื ฟพู ระราชพธิ พี ชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั พธิ พี ชื มงคล พธิ ที างพระพทุ ธศาสนา ขนึ้ เป็น ๒ พระราชพิธีรวมกันในเดอื นพฤษภาคม เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึง่ เป็นช่วงปลายฤดแู ลง้ และ มีพระสงฆเ จริญพระพุทธมนต เปนพธิ ที ําขวัญ ตน้ ฤดูท�านา เพอ่ื ความเปน็ สิรมิ งคลและบ�ารุงขวญั เกษตรกร ทง้ั นพ้ี ระราชพิธพี ชื มงคลเป็นพธิ ีสงฆ ์ เมล็ดพืชตา งๆ เชน ขา วเปลอื กเจา ขา วเหนียว แปรรกะกนาอขบวพัญิธเีเปป็น็นพวิธันีพแรรากหในมณพร์ ะจอัดุโใบนสตถอวนัดเพช้ารขะอศงรวีรันัตรนุ่งศขาึ้นส ดณาร ามมณ ฑสล่วพนพิธีทร้อะรงาสชนพามิธหจี รลดวพง 1รโะดนยังเคปัล็น- ขา วฟาง ขา วโพด ถว่ั งา เผอื ก มนั เปนตน พระราชพิธีส�าคัญที่จัดตามประเพณีโบราณและสืบทอดกันมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน นับเป็นการใช้ มีจุดมงุ หมายทจี่ ะใหเมลด็ พนั ธุเ หลา น้ัน ราชประเพณีมาสร้างขวัญก�าลังใจแก่เกษตรกรว่าฤดูกาลเพาะปลูกปีน้ันๆ จะมีความเป็นสิริมงคล ปราศจากโรคภยั และใหอดุ มสมบรู ณเจริญ พชื พันธธ์ุ ัญญาหารจะอุดมสมบรู ณ์ งอกงาม พธิ ีแรกนาขวญั พิธที างศาสนาพราหมณ 167 เปน พิธเี ร่ิมตน การไถนาเพอื่ หวานเมลด็ ขา ว มจี ุดมงุ หมายท่ีจะใหเ ปน อาณตั สิ ญั ญาณวา บดั นฤี้ ดูกาลแหงการเพาะปลูกไดเ ริ่มขน้ึ แลว ) กิจกรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ครูใหนกั เรยี นศึกษาคนควา ขอ มูลและภาพพระราชกรณยี กิจ 1 สนามหลวง เดมิ เรียกวา ทงุ พระเมรุ เน่อื งจากใชเ ปน ทีถ่ วายพระเพลงิ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ในดานการ พระบรมศพพระเจา แผน ดนิ และพระบรมวงศานวุ งศ กระทงั่ ใน พ.ศ. 2398 รชั สมยั สง เสรมิ การสรางสรรคภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย แลว จัดทาํ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา เจา อยหู ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหเปลี่ยนชอ่ื เปน แผนภาพ แผน พบั เพ่ือเผยแพรค วามรูและนาํ เสนอตอ ชั้นเรยี น เปน “ทองสนามหลวง” จากนน้ั คดั เลอื กผลงานทด่ี จี ัดแสดงบรเิ วณทีเ่ หมาะสมในชน้ั เรียน มุม IT ศกึ ษาคน ควาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับพระราชกรณยี กจิ ในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดท ี่ www.narama9.go.th คู่มอื ครู 167

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูเกร่นิ นาํ วา ปจ จบุ ันโครงการอนั เนอ่ื งมา (๔) ทรงมอบแนวทางช่วยเหลือการดําเนินชีวิตและแกไขปญหาใหกับราษฎร จากพระราชดํารใิ นพระบาทสมเด็จพระปรมินทร พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช มีมากกวา 4,000 โครงการ เพอื่ นา� มาใชใ้ นการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั โดยสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนดา� เนนิ ชวี ติ ตามแนวพระราชดา� ริ กระจายอยูในทุกภูมิภาคของประเทศ เพ่ือแกปญหา ของราษฎรในหลายๆ ดา น ไดแ ก โครงการเกีย่ วกับ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวญั ณ ทอ้ งสนามหลวง เป็นพระราชพธิ ที ่ีจดั ทาํ เพ่ือความเป็นสิริมงคลแก่การเพาะปลกู พชื พันธ์ุ ดนิ นํา้ ปา และวิศวกรรม จากนั้นครูใหนักเรียน ธญั ญาหารจะไดม้ คี วามอุดมสมบรู ณ์ ยกตวั อยา งโครงการ คนละ 1 โครงการ พรอ มบอกถึง วัตถุประสงคของโครงการดงั กลาว เ ชน่ ทร งสนบั ส นนุ อใหาทม้ ิ กี ทารรทงา�สค่งรเสง่ั จร1ิมากใหตน้้ปจราะมชาจชรุ ีนทใรชง้ปสรนะบั โยสนชนนุ ใ์จหาเ้กกทษรตัพรยการกใชรโ้ธคร รกมระชบาอืตใิในหก้มาารกททา� ่ีสนุดา มากกว่าการใช้เคร่ืองจักร ใช้ปุยธรรมชาติแทนปุยเคมีซ่ึงมีราคาแพง ทรงส่งเสริมให้มีการใช้ (แนวตอบ โครงการตา งๆ เชน ประโยชน์จากของที่มีอยู่ และริเร่ิมโครงการบ�าบัดน�้าเสียด้วยการปลูกผักตบชวา โดยทรงตรัสว่า • โครงการแกมลิง เปน การผนั น้ําไปเก็บไวใน “อธรรมสกู้ บั อธรรม” เพราะน้า� เสยี และผักตบชวาเปน็ ของไม่ดีทง้ั ๒ อยา่ ง แต่ผกั ตบชวาสามารถ นา� มาใชก้ รองนา�้ เสยี ได ้ นอกจากนท้ี รงรเิ รมิ่ “โครงการแกม้ ลงิ ” โดยใชว้ ธิ กี ารผนั นา้� ไปเกบ็ ไวใ้ นพน้ื ที่ พื้นทวี่ า ง กอ นระบายลงสทู ะเลเพื่อแกป ญ หา วา่ ง กอ่ นระบายลงส่ทู ะเลเพ่อื แกป้ ัญหาน�้าทว่ ม เปน็ ตน้ น้าํ ทวม • โครงการชางหวั มัน เปนแหลงรวบรวม (๕) ทรงแนะนําวิธีดําเนินการใหชุมชนมีความเขมแข็ง พระองค์ส่งเสริมให้มี พืชเศรษฐกจิ นานาชนดิ เพอื่ เปนแหลงเรียนรู โครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดา� ริ และสนับสนุนให้ชาวบ้านในหมู่บา้ นต่างๆ นา� ไปประยกุ ต์ใช้ และเปน แนวทางใหกบั เกษตรกร โดยเฉพาะ แกป้ ัญหาในกลุ่มหรือชุมชนของตนเอง เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถพ่ึงพาตนเองได ้ ในพน้ื ทอ่ี าํ เภอทา ยาง จงั หวดั เพชรบรุ ี เปน ตน ) วิธีการท่ีส�าคัญอย่างหน่ึง คือ ให้แต่ละหมู่บ้าน เลือกผู้น�าซ่ึงคนในชุมชน นับถือและให้ความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้ ดีขึ้น ชาวบ้านจะเลือกผู้น�าเหล่านี้มาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นผู้มีคุณธรรม และความ โอบอ้อมอารีเป็นพิเศษ ซ่ึงวิธีการนี้จะเป็นไปตามแบบแผนด้ังเดิมของสังคมไทย และด�าเนินไป 168 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT “...ถา เราขาดสโุ ขทัย อยธุ ยา และกรุงเทพฯ แลวประเทศไทยกค็ ง 1 คร่ัง เปนผลิตผลท่ีไดจากรงั ของแมลงชนดิ หนึง่ โดยมนษุ ยน าํ ครงั่ มาใช ไมมีความหมาย...” พระราชดํารสั ดงั กลาวสงเสรมิ แนวคดิ ในเรอ่ื งใด ประโยชนหลายประการ ทั้งใชเปนสมนุ ไพรและในอตุ สาหกรรมการทําเชลแล็ก 1. ความเปน มาอนั ยาวนานของประวตั ศิ าสตรชาตไิ ทย แลกเกอร เคร่อื งใช เครอ่ื งประดบั เปน ตน 2. การมจี ิตสํานึกรกั ชาติจากการศึกษาประวัตศิ าสตร 3. ความสาํ คัญของประวัติศาสตรและวฒั นธรรมกบั ความเปนชาติ เบศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง 4. การมพี ัฒนาการอยา งตอเน่ืองของรัฐไทยตัง้ แตอดีตจนถงึ ปจ จบุ ัน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชไดทรงวางรากฐานการพฒั นา วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ความสาํ คญั ของประวตั ิศาสตรและ ชนบท และชว ยเหลือประชาชนใหสามารถพ่ึงพาตนเองไดแบบพอมีพอกนิ บนพืน้ ฐาน วัฒนธรรมกบั ความเปนชาติ เปนแนวคิดสําคญั ในพระราชดํารสั ของความพอเพยี ง อนั นําไปสกู ารพัฒนาคุณภาพชวี ติ ทีย่ งั่ ยืน ดงั กลาว เนอ่ื งดวยหลกั ฐานทีแ่ สดงถงึ ประวตั ิความเปน มาและ วฒั นธรรม เปนส่งิ สําคัญทบี่ ง บอกถึงความเปน รฐั ชาติ ชาวไทย นกั เรยี นสามารถนอ มนําแนวพระราชดําริตางๆ ของพระองคมาปฏิบตั หิ รอื จงึ ควรตระหนกั ถึงคุณคา และมีสว นรวมในการอนรุ กั ษหลกั ฐาน ประยุกตใชใ นชีวิตประจาํ วนั ไดอยา งไร ทางประวัตศิ าสตรแ ละวฒั นธรรมอยา งจรงิ จงั 168 คู่มือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ตามรูปแบบของครอบครัวท่ีต้องมีผู้น�าเป็นผู้อุปถัมภ์หรือเป็นบิดาของชุมชน ท�าหน้าท่ีดูแล 1. ครูใหนกั เรียนชว ยกนั ยกตวั อยา งพระราช- ชุมชนเสมือนครอบครัวของตนเอง เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพอนามัยที่ดีและน�าความเจริญมาสู่ท้องถ่ิน กรณยี กจิ ในสมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรม- นับเป็นการสรา้ งสรรค์ทางดา้ นวฒั นธรรมไทยท่ีมีมาชา้ นานใหด้ า� รงอยตู่ ่อไป ราชินนี าถเก่ียวกบั การสรา งสรรคภมู ปิ ญญา และวฒั นธรรมไทย “...เรื่องโบราณสถานเป็นเกียรติของชาติ อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรชว่ ยกนั รกั ษาไว้ถา้ เราขาดสโุ ขทยั อยธุ ยาและกรงุ เทพฯแลว้ ประเทศไทย 2. ครใู หก ลมุ ท่ี 2 สงตัวแทนออกมานาํ เสนอ ก็คงไม่มีความหมาย...” การศกึ ษาคน ควาเร่ืองพระราชกรณียกจิ ของ สมเดจ็ พระนางเจา สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระราชดํารัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ในการสงเสริมสรางสรรคภูมปิ ญญาและ พระที่นั่งเย็น บริเวณบึงพระราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๖ วฒั นธรรมไทย ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ (๖) ทรงสง่ เสริมใหราษฎรไทยรกั ภาษาไทยและประวัตศิ าสตรไทย พระองคท์ รง มีพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยเก่ียวกับความส�าคัญในการอนุรักษ์โบราณสถาน กแล็ยะังโทบรรงามณีพวรัตะถบุอรันมเรปา็นโชหวลาักทฐเากนี่ยทวากงับดก้าานรปรรักะษวาัตแิศลาะสกตารร์ทใช่ีส้ภ�าคาัญษาขไอทงยป1อรยะเ่าทงศถ ูกนต้อองกพจารกะรนาี้ ชพทราะนอแงคก์่ ปวงชนชาวไทย เพราะภาษาไทยเปน็ วฒั นธรรมของชาตแิ ละเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยมาตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างท่ีน�ามาอธิบายให้เห็นถึงแนวพระราชด�าริในพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทยทสี่ ามารถ นา� มาใชใ้ ห้เปน็ ประโยชนต์ อ่ การด�าเนนิ ชีวติ ของพสกนิกรชาวไทยได้เปน็ อยา่ งดี ๒) สมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงเป็นก�าลังพระราชหฤทัยสนับสนุนพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทุกเรื่องท่ีเก่ียวข้อง กับการบ�าบัดทุกข์บ�ารุงสุขแก่ราษฎร พระองค์ทรง สนับสนุนการทรงงานพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะอย่างย่ิง การส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม โดยจัดให้มีการ ฝกึ งานศลิ ปาชพี ทป่ี ระดษิ ฐข์ นึ้ จากวสั ดทุ มี่ อี ย่ใู นทอ้ งถนิ่ ของตน และยังเป็นการฟื้นฟูและรักษาประดิษฐกรรม บางอย่างของชาวบ้านที่นับวันจะค่อยๆ สูญหายไป ใหม้ ผี ้สู ืบสานต่อไปได้ สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ องคอ์ ปุ ถัมภง์ านศลิ ปาชีพไทย 169 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู โครงการศูนยศ ิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจา สิริกติ ์ิ พระบรม- 1 การรกั ษาและการใชภ าษาไทย จากการทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมินทร ราชนิ นี าถ มบี ทบาทในการสงเสรมิ การสรางสรรคภูมปิ ญ ญาและ มหาภูมิพลอดลุ ยเดชเสด็จพระราชดําเนินไปเปน ประธานและทรงรวมอภิปราย วฒั นธรรมอยางไร ในการประชมุ ทางวชิ าการของชมุ นุมภาษาไทยคณะอกั ษรศาสตร จุฬาลงกรณ แนวตอบ โครงการศูนยศ ลิ ปาชีพฯ เปนพระราชดํารใิ นสมเด็จ มหาวทิ ยาลยั เมอ่ื วนั ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 รัฐบาลจึงไดป ระกาศใหว ันท่ี 29 พระนางเจา สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ เพ่ือสงเสริมผลิตภัณฑ กรกฎาคมของทุกปเปนวันภาษาไทยแหง ชาติ ศลิ ปาชีพ นอกจากจะเปนการสง เสริมรายไดใหแกเกษตรกรและ ราษฎรผูม ีรายไดนอยแลว ยังชว ยอนรุ กั ษศ ิลปกรรมพ้ืนบาน ซ่งึ เปน มมุ IT ภูมปิ ญญาของคนไทยและพฒั นาคุณภาพของฝม ือใหดียิง่ ขน้ึ จนสามารถผลิตสนิ คา ใหเปนท่ีตอ งการของตลาด รวมทัง้ ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั ศูนยศิลปาชีพบางไทร ไดท ่ี สรางสรรคงานฝมือไวเ ปนสมบตั ทิ างวฒั นธรรมของชาตอิ กี ดว ย http://ayutthaya.mots.go.th เว็บไซตสํานกั งานการทองเทีย่ วและกีฬา จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา คู่มอื ครู 169

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรียนอธบิ ายเก่ยี วกับงานศิลปาชพี วา ด้านวัฒนธรรสมมแเลดะ็จภพูมริปะนัญาญงเาจไ้าทสยิรใิกหิต้กิ์ ับพรราะษบฎรมร ราโดชยินทีนรางถรทิเรริ่งมสง่งาเนสศริลิมปใหาช้เกีพิด 1กเมาร่ือส รพ้า.งศส. รร๒ค๕์ท๑า๕ง มคี วามเปนมาอยา งไร และมีวัตถุประสงค เพ่อื เปน็ การสง่ เสริมใหช้ าวบา้ นมรี ายไดเ้ สริมและเพือ่ ความอยดู่ กี นิ ดขี องครอบครวั งานศิลปาชพี เพื่ออะไร แลว ตั้งคําถามวา มีความเกี่ยวขอ ง ต่างๆ ที่ทรงส่งเสริม เช่น การทอผ้าไหมพื้นเมือง อาทิ ผ้าไหมมัดหม่ี การประดิษฐ์เคร่ือง กับการสงเสรมิ วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย จักสานที่ละเอียดและประณีต โดยท�าจากเถาไม้เลื้อยของท้องถิ่นภาคใต้ เรียกว่า “ย่านลิเภา” อยา งไร และการท�าเครื่องเงินเครื่องทองของช่างฝีมือทางภาคเหนือ เป็นต้น พระองค์ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชินูปถัมภ์ข้ึน ซ่ึงภายหลังได้ 2. ครูใหนกั เรยี นยกตัวอยา งพระราชกรณียกิจ เปล่ียนชือ่ เปน็ “มูลนิธสิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชีพในสมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ” ในสมเดจ็ พระนางเจา สิรกิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอีก ทที่ รงฟนฟูภมู ปิ ญ ญาไทย หลายรูปแบบ เช่น พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ (แนวตอบ ทรงฟนฟผู า ไหมมัดหม่ี การจักสาน ครอบครัวมีฐานะยากจน ทรงส่งเสริมให้บิดามารดาของเยาวชนท่ียากไร้ได้รับการอบรม ฝึกฝน ยา นลเิ ภา เครื่องเงิน เครื่องทอง เปน ตน ) เพ่ือประกอบอาชีพและเพ่ือเป็นการช่วยเหลือตนเองและครอบครัวให้สามารถด�ารงชีวิตอย่าง เป็นสุขตามอัตภาพ อีกทั้งยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้สอดแทรกเร่ืองความรักชาติ การอนุรักษ์ 3. ครถู ามนักเรยี นวา พระราชกรณยี กจิ ของ ส่ิงแวดล้อม การให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องให้ความสนใจในการสอนวิชาประวัติศาสตร์แก่เยาวชน สมเดจ็ พระนางเจา สิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ รวมถงึ การรกั ษาศลิ ปวฒั นธรรมของท้องถน่ิ และของชาติให้ด�ารงอยอู่ ยา่ งย่ังยืน มีสว นสงเสรมิ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย นอกจากน้ี พระองค์ได้ทรงเป็นแบบอย่างของการใช้ฉลองพระองค์ท่ีตัดเย็บจาก อยา งไร ผ้าไหมพ้ืนเมือง ซ่ึงเป็นผลิตผลของโครงการศิลปาชีพ ท�าให้ผ้าไทยได้รับความนิยมอย่างมาก (แนวตอบ งานศลิ ปาชพี ทาํ ใหภมู ปิ ญญาไทย ทั้งในหมชู่ าวไทยและชาวตา่ งประเทศ หลายแขนงไดร ับการฟน ฟูขึน้ ใหม สงผลให ราษฎรมีอาชีพ เสริมสรางรายไดใ หค รอบครัว) สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงสง่ เสรมิ ใหร้ าษฎรสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปหตั ถกรรมตา่ งๆ นอกจากสรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่ ราษฎรแลว้ นบั เปน็ การอนุรักษภ์ มู ปิ ญั ญาไทยอีกดว้ ย 170 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT งานศิลปาชพี ในสมเด็จพระนางเจาสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ครอู ธิบายนกั เรยี นเพิ่มเติมเกยี่ วกบั การถวายพระราชสมัญญา “อคั ราภริ กั ษ มปี ระโยชนและคุณคาอยา งไรบาง ศิลปน” ซึ่งหมายถงึ ศลิ ปน ผยู ิง่ ใหญ ผูปกปกรกั ษางานศลิ ปะ แดส มเดจ็ พระนางเจา 1. ฟน ฟูสภาพแวดลอ ม สง เสรมิ การเกษตรทฤษฎีใหม สิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ โดยกระทรวงวฒั นธรรม เนือ่ งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ 2. พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน อนุรกั ษภ ูมิปญญาของชาติ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วนั ท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 3. เผยแพรว ฒั นธรรมไทยแกน านาชาติ พฒั นาผลติ ภณั ฑพ น้ื บา น เปน สินคา สง ออก นกั เรียนควรรู 4. รักษาศิลปวัฒนธรรมของราชสาํ นกั จดั การวัฒนธรรมและ ภมู ิปญญาพ้นื ฐานใหเปนแบบแผน 1 งานศลิ ปาชพี “...ขาพเจาน้นั ภมู ิใจเสมอวา คนไทยมสี ายเลอื ดของชา งฝม อื วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. พฒั นาคุณภาพชวี ติ ของประชาชน อยูท กุ คน ไมว า จะเปนชาวไร ชาวนา หรอื มีอาชพี ใด อยูส ารทศิ ใด คนไทยมคี วาม อนรุ กั ษภ มู ิปญญาของชาติ เปน ประโยชนแ ละคณุ คา ของงาน ละเอียดออ น และฉบั ไวตอการรับศลิ ปะทุกชนดิ ขอเพยี งแตใ หเ ขาไดมีโอกาสเรียนรู ศิลปาชีพในสมเดจ็ พระนางเจา สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถ จากการ และไดฝ กฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาใหเ ห็นได. ..” (พระราชดาํ รัส สง เสรมิ งานศลิ ปกรรมไทยแขนงตา งๆ ใหแ กป ระชาชน โดยเฉพาะ สมเดจ็ พระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินนี าถ เนอ่ื งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ในชนบทท่มี กั ประสบความเดอื ดรอ นจากการทําการเกษตร และ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2532) เปน การสบื สานงานศลิ ปกรรมไทยมิใหสูญหายอีกดวย 170 คู่มือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓) สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี 1. ครใู หนกั เรียนรว มกันอภปิ รายวา เพราะเหตใุ ด สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนน ี หรอื ทบ่ี รรดาชาวไทยภเู ขาถวายพระสมญานาม ชาวไทยภูเขาจึงถวายพระสมญานามสมเดจ็ วา่ “แมฟ่ า้ หลวง” ทรงเปน็ พระบรมวงศานวุ งศอ์ กี พระองคห์ นงึ่ ทท่ี รงมคี วามสา� คญั ในการสง่ เสรมิ การ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนวี า “แมฟ า หลวง” สร้างสรรคว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย โดยจะเห็นได้ จากพระราชกรณียกจิ ตา่ งๆ ของพระองคท์ ่าน 2. ครูใหกลุมท่ี 3 สง ตวั แทนออกมานําเสนอ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การศึกษาคนควา เรื่องพระกรณียกิจสมเด็จ ทรงมีพระอุปนิสัยท่ีชอบการเรียนรู้และอ่านหนังสือ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนีในการสงเสรมิ ต้งั แต่ยงั ทรงพระเยาว ์ และทรงสนพระทัยในการศึกษา สรา งสรรคภ ูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย ด้านวิชาการต่างๆ มาตั้งแต่คร้ังท่ียังทรงประทับอยู่ท่ี 3. ครใู หน กั เรียนแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับ พระราชดํารขิ องสมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรม- ราชชนนที ีว่ า “เวลาเปน ของมคี า ” ต่างประเทศ โดยเฉพาะท่ปี ระเทศสวิตเซอรแ์ ลนด ์ โดย พระองค์ทรงศึกษาเรียนรู้ในวิชาการและศาสตร์ที่ แปลกใหมห่ ลายๆ แขนง เช่น วชิ าพฤกษศาสตร์ วชิ า ดาราศาสตร ์ วชิ าภาษาองั กฤษ และโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การปน้ั และเขยี นเคร่ืองเคลอื บดินเผา เคร่อื งกระเบอื้ ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แม่ฟาหลวง เปน็ ต้น ของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงโปรดการท�างาน การพึ่งพาตนเอง และการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน ์ ทรงมีพระราชด�าริวา่ “เวลาเป็นของมคี ่า” ทง้ั นี้งานอดิเรกที่ทรงโปรดมีหลายประเภท ได้แก่ การ วิ่งเลน่ การออกกา� ลังกาย การอา่ นหนังสอื การถ่ายรูป การเรือน งานฝพี ระหตั ถ์ และการจัดหา รายได้เขา้ การกศุ ลและมูลนธิ ิทั้งหลาย๓ นอกจากน้ี พระองค์ได้ทรงส่งเสริมการศึกษาและการปฏิบัติธรรมทางพระพุทธ- ไศดา้ทสนรงาอ อ่านนั แเปล็นะพท้ืนรงฐศาึกนษส�าาคหญันังขสอืองมสังิลคินมทแปลัญะวหฒั า1นซึ่ธงเรปรม็นไหทนยัง สโือดทยเี่รฉวพบาระวทมรหงัวสขน้อพปรุจะรฉาาชวหิสฤัชทนัยาทแลาะง ธรรมระหว่างพระนาคเสนกับพระยามิลินท์มากเป็นพิเศษจนเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้ง และมี พระราชประสงค์ท่ีจะช่วยเหลือให้คนทั่วไปได้ศึกษาธรรมจากหนังสือนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ในด้าน พสตระิปญัญาญณาสแงั ลวระฯค2 ววาัดมบสวุขรคนวิเวาศมวเิหจราิญร แปกรบั่ตปนรเงุอตงัดแคลา�ะบคารลอีแบลคะรคัว�า ศพพั รทะ์ออองกคต์ไาดม้ทสรมงคอวารร าเพธนื่อาใหสผ้มูอ้เด่าน็จ มีความเขา้ ใจในพระธรรมวนิ ัยท่ยี กขน้ึ ปุจฉาวสิ ชั นาไดง้ ่ายขนึ้ หนงั สอื มลิ นิ ทปัญหาที่ไดป้ รับปรุงน ี้ ๓ สมเดจ็ พระเจ้าพ่นี างเธอ เจ้าฟา้ กลั ยาณิวฒั นา. เวลาเป็นของมคี ่า. กรุงเทพมหานคร : เลิฟแอนดล์ พิ เพรส จ�ากัด, ๒๕๓๘. หนา้ ๗-๑๓. 171 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู การปรบั ปรุงหนงั สอื มลิ นิ ทปญหาของสมเดจ็ พระศรีนครินทรา- 1 หนงั สอื มิลนิ ทปญหา วาดวยการโตตอบปญ หาขอ ธรรมตา งๆ ตงั้ แตเรอื่ ง บรมราชชนนี มีคณุ คาตอการอนุรักษภ มู ปิ ญญาไทยอยา งไร ธรรมพนื้ ๆ ไปจนถึงธรรมลกึ ซึง้ คือ พระนพิ พาน ระหวา งพระนาคเสนกับพระยา แนวตอบ การปรบั ปรงุ หนังสือมิลนิ ทปญหาของสมเดจ็ พระศร-ี มลิ นิ ท ใหค วามรคู วามเขา ใจหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พรอ มกบั ขอ เปรยี บเทยี บ นครินทราบรมราชชนนี มคี ุณคาอยางยงิ่ ในการอนรุ ักษภ ูมิปญ ญา อนั จะทาํ ใหผ ศู กึ ษาเกดิ ความรคู วามเขา ใจไดอ ยา งชดั เจนและถกู ตอ ง สามารถนาํ ไป ไทยดา นพระพุทธศาสนาและวรรณกรรมท่เี กี่ยวเน่อื งในพระพทุ ธ- ประยุกตใชใ นการดําเนนิ ชีวติ ไดเ ปนอยางดี ศาสนา อนั เปนรากฐานของวฒั นธรรมไทย ซงึ่ มีเนือ้ หาสาระ 2 สมเดจ็ พระญาณสังวรฯ พระนามเต็ม คือ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ เกย่ี วกบั การปจุ ฉาวิสชั นาหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาระหวาง พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เปน สมเด็จพระสงั ฆราชพระองคท ี่ 19 แหง พระยามลิ นิ ทก บั พระนาคเสน ชว ยใหพ ทุ ธศาสนกิ ชนและศาสนกิ ชน กรงุ รตั นโกสนิ ทร ในศาสนาอ่ืนเกิดความรแู ละความเขา ใจในหลกั ธรรมทางพระพทุ ธ- ศาสนาไดอยางถกู ตอ งชดั เจน ค่มู ือครู 171

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยา งพระมหากรุณาธคิ ุณ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์แจกในวโรกาสที่มี ของสมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี ทเี่ กี่ยวกับการสงเสริมการศกึ ษาและทางดาน พระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ศาสนา (แนวตอบ ทรงบรจิ าคเงนิ เพอื่ สรางโรงเรยี นกวา นอกจากการปรับปรุงเรียบเรียงหนังสือมิลินทปัญหาแล้ว สมเด็จพระศรีนครินทรา 185 โรงเรยี น ทรงรบั เอาโครงการของโรงเรยี น ตาํ รวจตระเวนชายแดนไวใ นพระราชูปถมั ภ บรมราชชนนียังทรงส่งเสริมการศึกษาและปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาขึ้นอีกหลายรูปแบบ ทรงโปรดใหม กี ารปรบั ปรุงหนงั สือมิลนิ ทปญหา และพมิ พเผยแพร นอกจากนี้ ยังทรงสงเสรมิ เช่น การจัดบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิต และการอาราธนาพระสงฆ์ผู้ทรง การศกึ ษาและปฏบิ ัติธรรมทางพระพุทธศาสนา) คณุ วฒุ มิ าบรรยายธรรมแกข่ า้ ราชการในสา� นกั พระราชวงั 2. ครูใหน ักเรียนรวมกันสรปุ วา พระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี นอกจากน้ยี งั ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพมิ พ ์ มสี ว นสง เสรมิ วฒั นธรรมและภมู ิปญ ญาไทย อยางไร ธรรมปาฐกเหลา่ น ้ี เปน็ เลม่ ขนึ้ สา� หรบั พระราชทานแจก ในวนั ขนึ้ ปีใหม ่ เพอ่ื เปน็ ประโยชนส์ า� หรบั การศกึ ษาและ การปฏบิ ตั ขิ องพทุ ธศาสนิกชนทั่วไป พระกรุณาธิคุณดังกล่าวท่ีสมเด็จพระ หนังสือมิลินทปญั หา สมเด็จพระศรีนครนิ ทรา ศรนี ครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงมีและพระราชทาน บรมราชชนนีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พมิ พ์ ตอ่ พสกนกิ รอยา่ งสมา่� เสมอตอ่ เนอื่ งจนตลอดพระชนม์ พระราชทานเนอ่ื งในงานเฉลิมพระชนมพรรษา ชีพน้ัน นับเป็นผลดีต่อการด�าเนินชีวิตของคนไทย ครบ ๗ รอบ ตลอดจนการสรา้ งสรรค์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทยเป็นอย่างย่งิ ๔) สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น ทางด้านอักษรศาสตร์ และ ดนตรไี ทย นอกจากนั้นพระราชกรณียกิจอ่ืนๆ ที่ได้ ทรงงานเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทยก็มีอีกมากมาย โดยพระองค์ได้ ทรงใช้พระปรีชาสามารถเหล่าน้ันเพื่อการอนุรักษ์ ส่ง เสริมและให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมและ ภมู ปิ ัญญาไทยอย่างกว้างขวาง ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการที่ พระองค์ทรงรอบรู้ด้านภาษาไทย ภาษาบาลี และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาษาสนั สกฤตเปน็ อยา่ งด ี เมอ่ื ครงั้ ทพี่ ระองคท์ รงศกึ ษา เอกอคั รราชปู ถัมภก มรดกวฒั นธรรมไทย อยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 172 บรู ณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บทบาทในการสง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวฒั นธรรม ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการอาเซยี น โดยสนทนารว มกนั กบั นกั เรยี น ไทยของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึงผลงานการสรางสรรคว ัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาของประเทศสมาชกิ อาเซยี น มลี ักษณะอยา งไร ทนี่ กั เรียนไดศึกษามา แลว อธิบายเพม่ิ เติมถงึ ปจจยั รวมท่ีทําใหเกิดการสรางสรรค แนวตอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ผลงานจากภมู ปิ ญ ญาชาวบา น เชน ปจ จยั วฒั นธรรมจากภายนอก เชน ศาสนาตา งๆ ทรงมีบทบาทสาํ คญั อยา งย่งิ ในการสง เสรมิ การสรา งสรรค ปจ จยั สงั คมและประวตั ศิ าสตร เชน นาฏศลิ ปราชสํานกั ซ่งึ บางสว นไดร บั การ ภูมปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย โดยทรงศึกษาเรียนรจู นเกดิ ความ ยกยอ งจากองคก รระดบั โลก จากนนั้ ใหน กั เรยี นแบง หนา ทก่ี นั ศกึ ษาคน ควา เพม่ิ เตมิ เขา ใจถอ งแทในสาขาอักษรศาสตร โดยเฉพาะภาษาตะวันออก ถึงผลงานการสรา งสรรควัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาของประเทศสมาชกิ อาเซยี น ท่มี ีอิทธพิ ลตอวฒั นธรรมไทย และทรงฝก ฝนดนตรไี ทยจนมีความ แลว เตรยี มการนาํ เสนอตามรปู แบบทค่ี รกู าํ หนด เพอ่ื สง เสรมิ ความรูความเขาใจ เช่ียวชาญในการบรรเลงเครอื่ งดนตรีไทยหลายชนิด จงึ ทรงเปน ดา นอัตลกั ษณข องประชาคมอาเซียน แบบอยางท่ดี ีในการศึกษาภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยแก ประชาชน รฐั บาลจงึ มมี ติใหวนั คลายวันพระราชสมภพ คอื วนั ที่ 2 เมษายนของทกุ ป เปน วนั อนรุ ักษมรดกของไทย 172 คูม่ ือครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ศแึกละษหาลวิชงั จาาภกานษน้ัาไเทมยอ่ื ทพ้งัรทะอางงดคา้ท์ นรภงศาษกึ าษแาลในะวรระรดณบั กปรรรญิ มญ ภาาโษท1าในบมาลหีแาลวะทิ สยนั าสลกยั ฤศตลิ 2ปากร พระองค์ไดท้ รง 1. ครูถามนักเรยี นวา สมเด็จพระเทพรัตนราช- สดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงมพี ระปรชี า อาจกล่าวได้ว่า พระปรีชาสามารถทาง สามารถทางดานใดบาง (แนวตอบ ทรงมพี ระปรชี าสามารถในดา นตางๆ ด้านภาษาของพระองค์ โดยเฉพาะภาษาไทยและ โดยเฉพาะทางดานอักษรศาสตร โดยทรงรอบรู ทัง้ ทางดา นภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษา ภาษาทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เชน่ ภาษาบาลี และสันสกฤต ลว้ น สนั สกฤตเปน อยางดี ไดพ ระราชนพิ นธห นงั สอื ประเภทตา งๆ มากกวา 100 เลม นอกจากน้ี เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ พระองคยงั ทรงเคร่อื งดนตรีไทยไดห ลายชนิ้ เชน ระนาด ซอ ฆองวง เปน ตน ) ภูมิปัญญาไทยเป็นอย่างย่ิง โดยพระองค์ทรงเป็น 2. ครูใหก ลมุ ท่ี 4 สงตัวแทนออกมานําเสนอการ แบบอย่างของการอนุรักษ์ภาษาไทยอันเป็นภาษาของ ศกึ ษาคน ควาเรอ่ื งพระราชกรณียกจิ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ชาติ ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์ที่เป็นหนังสือ ในการสง เสรมิ สรางสรรคภ มู ิปญ ญาและ วฒั นธรรมไทย ประเภทตา่ งๆ ออกมากวา่ ๑๐๐ เล่ม และแยกออกได้ เป็นหลายประเภท เช่น สารคดี ท่องเท่ียว วิชาการ และประวัติศาสตร์ หนังสือส�าหรับเยาวชนที่เก่ียวข้อง กับพระบรมวงศานุวงศ์ไทย พระราชนิพนธ์แปล และ หนงั สือทวั่ ๆ ไป เป็นต้น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากน้ี สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทรงมพี ระปรีชาสามารถด้านดนตรีไทยหลายชนิด สยามบรมราชกุมารียังทรงมีความเช่ียวชาญทางด้าน ดนตรีไทยอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรง เคร่อื งดนตรไี ทยไดห้ ลายช้นิ ไดแ้ ก่ ระนาด ซอ และ ฆ้องวง การทพี่ ระองค์ทรงให้ความสนพระทยั ในดนตรี ไทยและทรงมีความเชี่ยวชาญในการบรรเลง ไดก้ ลาย เป็นแบบอย่างของอนุชนไทยในการช่วยกันอนุรักษ์ ดนตรีไทยเอาไว้ให้ด�ารงอยู่ นับเป็นการสร้างสรรค์ วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทยด้านดนตรที างหนง่ึ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม- บรมราชกุมารียังทรงเล่ือมใสในพระพุทธศาสนามา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ดังจะเห็นได้จากการท่ีได้ทรง เป็นผู้แทนพระองค์เพ่ือเป็นองค์ประธานในพิธีทาง ตัวอย่างหนังสอื พระราชนิพนธ์ ใน สมเด็จพระเทพ- รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ศาสนาหลายครั้ง นอกจากนี้พระองค์ยังทรงริเริ่มให้ 173 กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู ครมู อบหมายใหนักเรียนศึกษาหนังสือพระราชนพิ นธใ นสมเด็จ 1 ระดบั ปรญิ ญาโท สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงศกึ ษา พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทนี่ ักเรียนสนใจ ในสาขาวชิ าจารึกภาษาตะวนั ออก มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ทรงทําวทิ ยานิพนธเ รื่อง คนละ 1 เลม แลว สรปุ สาระสําคัญ แนวคดิ ตลอดจนวิเคราะห “จารกึ พบทปี่ ราสาทพนมรงุ ” ซึง่ เปน ผลงานท่ีมคี ุณคาตอ การศึกษาประวัตศิ าสตร พระอัจฉริยภาพที่ปรากฏในพระราชนิพนธข องพระองค แลวจดั ทาํ และโบราณคดไี ทยเปน อยางมาก เปน บนั ทกึ การศกึ ษาและวเิ คราะหห นงั สอื พระราชนพิ นธ แลว นาํ มา อภปิ รายในชน้ั เรียน 2 ภาษาบาลแี ละสันสกฤต สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทยั ภาษาบาลมี าต้งั แตทรงพระเยาว ดว ยมีพระประสงคใ นการทจ่ี ะ ทาํ ความเขาใจบทสวดมนตต างๆ เม่ือทรงศึกษาระดับปริญญาอกั ษรศาสตรบณั ฑิต จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ทรงเลือกวชิ าประวัตศิ าสตรเปน วิชาเอก วิชาภาษาไทย และภาษาบาลีสันสกฤตเปนวชิ าโท ตอมาเม่ือทรงศกึ ษาตอ ระดับปรญิ ญา อกั ษรศาสตรมหาบัณฑติ ก็ทรงเลอื กสาขาวิชาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต โดยทรงทาํ วิทยานพิ นธเ รอ่ื ง ทศบารมใี นพุทธศาสนาเถรวาท และมีพระราชดํารสั ถงึ ประโยชนของการศึกษาภาษาบาลีและภาษาสนั สกฤต มใี จความสาํ คัญวา การเรียนภาษาบาลสี ันสกฤตนน้ั มไิ ดเ รียนแตต วั อกั ษร แตทรงไดเรียนรูหลักปรชั ญา สงั คม การเมือง กฎหมาย และศลิ ปะในสมัยทบ่ี นั ทกึ อีกดว ย ค่มู ือครู 173

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา ง พระราชกรณยี กจิ มกี ารฟน้ื ฟปู ระเพณวี นั วสิ าขบชู าซง่ึ เคยมมี าตง้ั แต่ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรม- รวมทัง้ ได้ทรงประกาศเชญิ ชวนใหพ้ ุทธศาสนิกชนรว่ มกนั จดุ โคมประทปี และส่งบตั รอวยพรท่มี ีขอ้ ราชกุมารี เกีย่ วกบั การสรางสรรคภูมปิ ญ ญา ธรรมะให้แก่กันและกันในวันวิสาขบูชาอีกด้วยนอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นองค์ประธานในการ และวฒั นธรรมไทย ดา� เนนิ การใหม้ กี ารซอ่ มแซมวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เนอื่ งในพระราชพธิ สี มโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ครบรอบ ๒๐๐ ปี อีกด้วย ถือได้ว่าทรงเป็นแบบอย่างของผู้ท่ีให้ความสนใจในการอนุรักษ์และ 2. ครถู ามนกั เรยี นวา เพราะเหตใุ ดสมเดจ็ พระเทพ- สรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมไทยโดยแท้ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี จงึ ไดรับ ด้วยเหตุท่ีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแบบอย่างใน การถวายพระสมญานามวา ทรงเปน การสนับสนุนการพัฒนา อนุรักษ์ สืบทอดและเผยแพร่ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเน่ือง “เอกอัครราชูปถมั ภก มรดกวฒั นธรรมไทย” เช่น ดนตรีไทย นาฏศิลปไทย งานด้านพิพิธภัณฑ์ท่ีเก่ียวข้องกับประวัติศาสตร์และโบราณคดี งานด้านภาษาและวรรณกรรมไทย เป็นต้น ประชาชนชาวไทยและรัฐบาลจึงทูลเกล้าฯ ถวาย พระสมญานามว่าทรงเป็น “เอกอัครราชูปถัมภก มรดกวัฒนธรรมไทย” เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๑ และ “วศิ ิษฏศลิ ปนิ ” เม่อื พ.ศ. ๒๕๔๐ ขณะเดยี วกนั เพ่ือเทดิ พระเกยี รติในฐานะทีพ่ ระองค์ทรงมี พระปรชี าสามารถในศลิ ปะหลายแขนงรวมทง้ั ทรงมคี ณุ ปู การตอ่ เหลา่ ศลิ ปนิ และศลิ ปวฒั นธรรมของ ขชอาตงพมิ ารโะดอยงตคล์เปอ็นด “ควณนั อะรนัฐุรมักนษตม รรีจดงึ กไขดอม้ งมี ไตทิใยห”1 ้วเันพทือ่ ่ี ก๒ร ะเตม้นุ ษใาหย้คนน ไซทึ่งยเเปล็นง็ วเหนั น็คคลว้าายมวสันา�พครญั ะรขาอชงสมมรภดพก วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยจะได้ช่วยกันสืบสานต่อไปเหมือนอย่างเช่นท่ีสมเด็จพระเทพ- รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงปฏบิ ตั ิเปน็ แบบอย่าง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยในการอนุรกั ษ์มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ (จากภาพ) ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการ “บารมแี ตป่ างบรรพ์ หมน่ื พันพระโพธสิ ัตว”์ ณ พระทนี่ ่ังอิศราวินิจฉยั พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร เนอื่ งในวนั อนรุ ักษ์มรดกไทย เมอ่ื วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ 174 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดเปน พระราชกรณียกจิ ดา นการสงเสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 วันอนรุ ักษมรดกของไทย รฐั บาลไดป ระกาศใหวันคลา ยวันพระราชสมภพ ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี วนั ที่ 2 เมษายนของทกุ ป 1. การเปนเอกอัครราชูปถมั ภก มรดกวัฒนธรรมไทย เปน วนั อนรุ กั ษม รดกของไทย ตง้ั แต พ.ศ. 2528 เปน ตน มา เพอ่ื เปน การเทดิ พระเกยี รติ 2. การสง บัตรอวยพรทมี่ ขี อธรรมะเนอ่ื งในวันวิสาขบูชา และสาํ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี 3. การรวบรวมและเรยี บเรียงวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา 4. การเปน องคป ระธานในการซอ มแซมวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม มมุ IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การสงบัตรอวยพรทม่ี ขี อ ธรรมะ เน่ืองในวันวิสาขบูชา เพือ่ สง เสรมิ ใหประชาชนสนใจในหลักธรรม ศึกษาขอมลู ของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในดาน ทางพระพุทธศาสนา อันนําไปสูการศึกษาและปฏบิ ัตใิ นการ พระราชประวัติ พระราชกรณียกจิ และพระราชนพิ นธต างๆ เพิม่ เตมิ ไดท ี่ ดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม สง ผลใหป ระเทศชาติ http://www.sirindnorn.net/index.th.html เวบ็ ไซตก องราชเลขานกุ ารในพระองค สว นรวมเกดิ ความสงบสขุ ในทสี่ ุด สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 174 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ราชนครินทร๕์1) สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส- 1. ครูใหกลุมท่ี 5 สง ตัวแทนออกมานําเสนอ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา- การศึกษาคน ควา เรอื่ งพระกรณียกจิ สมเดจ็ พระเจาพนี่ างเธอ เจาฟากัลยาณวิ ัฒนา ณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมี กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร ในการ สง เสรมิ สรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย บทบาทส�าคัญในการส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรม 2. ครถู ามนักเรยี นวา สมเดจ็ พระเจาพ่นี างเธอ และภูมิปัญญาไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ดังจะเห็น เจาฟากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราช- นครินทร ทรงมีพระปรีชาสามารถทางดา นใด ได้จากการท่ีพระองค์ทรงสนพระทัยอ่านหนังสือทุก พรอ มใหย กตัวอยา งประกอบ (แนวตอบ ทรงพระปรีชาสามารถดานอกั ษร- ประเภทโดยเฉพาะดา้ นภาษาไทย และประวัติศาสตร์ ศาสตร ไดพ ระนพิ นธเ กย่ี วกบั พระราชวงศไ ว 12 เรอื่ ง เชน แมเลา ใหฟง พระราชธดิ าในรชั กาล สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมหลวงนราธวิ าสราช- ท่ี 5 สมเดจ็ เจา ฟามหิดลฯ และงานศิลปะ จุฬาลงกรณราชสนั ตตวิ งศ พระบรมราชวงศ นครินทร์ทรงพระปรีชาสามารถด้านพระนิพนธ์เป็นที่ แหง ประเทศไทย เปนตน) ประจกั ษจ์ ากผลงาน ประกอบดว้ ย พระนิพนธ์เกย่ี วกบั พในรระัชรากชาวลงทศี่ ์ ๑๕๒ สเมรอ่ืเดง็จ เเชจน่้าฟ แ้ามมเ่หลิดา่ ใลหฯฟ้ งัแ ลพะรงะารนาศชิลธปดิ าะ2 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจา้ ฟากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเดจ็ อาจารย์ และจฬุ าลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส ของเหลา่ นกั ศึกษา พระราชธิดา และพระราชนัดดา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังทรงพระนิพนธ์หนังสือประเภทอื่นๆ อีกเป็นจ�านวนมาก เช่น พระนิพนธ์สารคดีเชิงท่องเที่ยว พระนิพนธแ์ ปล และพระนิพนธ์บทความทางวชิ าการ เปน็ ต้น ตวั อย่างบทพระนพิ นธ์ ใน สมเดจ็ พระเจ้าพนี่ างเธอ เจ้าฟา กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ ทีแ่ สดงถึง พระปรชี าสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตรข์ องพระองค์ 175 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู พระปรชี าสามารถดา นพระนิพนธของสมเดจ็ พระเจาพีน่ างเธอ 1 กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร เปน ธรรมเนยี มโบราณราชประเพณี เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร มาจาก ในการสถาปนาพระอิสริยศกั ดิ์พระบรมวงศผทู รงทําคุณประโยชนต อ แผน ดนิ และ พระอปุ นสิ ยั ซ่งึ เปนแบบอยา งทดี่ ใี หแ กน กั เรียนในเร่ืองใด ราชวงศใ ห “ทรงกรม” โดยใน พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดชทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ สถาปนาพระอิสริยศกั ดิ์ 1. ใฝเรยี นรู สมเดจ็ พระเจา พ่นี างเธอเจา ฟากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร 2. มจี ติ สาธารณะ ในวโรกาสทรงเจริญพรรษา 6 รอบ ดวยทรงรับราชการสนองพระเดชพระคณุ เปน 3. รกั ชาติ ศาสน กษตั ริย คุณประโยชนแ กประเทศชาติอยา งอเนกอนนั ตม าโดยลาํ ดบั และทรงเปน ทรี่ กั เทดิ ทนู 4. ภาคภมู ใิ จในความเปนไทย ของประชาชนชาวไทยทงั้ ปวง 2 สมเด็จเจา ฟามหิดลฯ และงานศิลปะ เปนหนังสอื รวบรวมผลงานภาพวาด วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ใฝเรยี นรใู นการทรงอา นหนงั สอื และ ฝพ ระหัตถใ นสมเดจ็ พระมหิตลาธิเบศร อดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงฝกเขยี นอยูเสมอ เปน พระอปุ นิสยั ทีส่ ง ผลใหม พี ระปรชี าสามารถ ดา นพระนิพนธของสมเด็จพระเจา พ่นี างเธอ เจา ฟากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทรซ งึ่ เปนแบบอยางทด่ี ีย่ิงของนกั เรียน ค่มู ือครู 175

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายวา สมเดจ็ พระเจา พนี่ างเธอ ในพระนิพนธเร่ืองตางๆ สมเด็จเจาฟาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร จะทรง เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร เอาพระทยั ใสในการศึกษาคนควารวบรวมขอมูลอยางละเอยี ด และทรงตรวจสอบหนังสอื อา งอิงและ ทรงมบี ทบาทสาํ คญั ในการสง เสริม สรา งสรรค หลกั ฐานตางๆ ในทางประวัติศาสตรเ พ่อื ใชประกอบงานพระนิพนธเปนจาํ นวนมาก นบั เปนแบบอยาง วฒั นธรรม และภูมิปญญาไทยดา นใด พรอมให ในการศึกษาภาษาไทย ประวตั ิศาสตร และโบราณคดไี ทยไดเ ปนอยา งดี ยกตัวอยา งประกอบ เมื่อสมเด็จเจาฟาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทรจะเสด็จเยือนสถานที่สําคัญๆ ทางประวตั ศิ าสตรแ ละโบราณคดที ง้ั ภายในและตา งประเทศนน้ั พระองคจ ะทรงศกึ ษาประวตั ศิ าสตร และเร่ืองราวของสถานที่นั้นๆ อยางละเอียดกอน และโปรดใหนักวิชาการท่ีมีความรูความเขาใจ ทางดานศิลปวฒั นธรรม ประวตั ิศาสตรและโบราณคดขี องประเทศไทย และตา งประเทศตามเสด็จ อดนวยุรักทษุกแคกรนั้งักทโี่เบสรดา็จณเยคือดนีแลพะรภะัณอฑงคาไรดักทษ1ร งโพดรยะทรารชงเทหา็นนวคาําใแนนกะานรําบอูรันณเะปสนถปารนะทโยี่จชะนตสอํางหทรําับอกยาารง รอบคอบ รดั กมุ และไมทําลายหลักฐานความเปนจริง อันเปน มรดกของชาตซิ งึ่ มคี วามสาํ คัญยงิ่ ตออนชุ นรุน หลังตอไป จงึ ถอื ไดว าพระองคท รงเปน แบบอยางทีด่ งี ามของการอนุรกั ษโบราณคดี ทางดา นศลิ ปวัฒนธรรม พระองคไดท รงสงเสรมิ งานแสดงดา นศลิ ปวฒั นธรรมตา งๆ โไดดยทเรฉงพเปาะนออยงาคงอยุปิ่งไถดัมทภรมงพูลรนะิธริ าช“นทาาฏนยชศ่ือาโลรงาละหคุนรลโจะหคลรุยเลส็กว”า2 “นาฏยศาลา หุนละครเล็ก” และ อันประกอบดวย โรงละคร และ 3 สมเดจ็ พระเจา พนี่ างเธอ เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร ทอดพระเนตรหอ งจดั แสดงศลิ ปะเชยี งแสน - ลา นนา ณ อาคารประพาสพิพิธภณั ฑ ภายในพิพิธภณั ฑสถานแหงชาติ พระนคร เมอื่ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๑๗๖ นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การรวบรวมและตรวจสอบขอ มูลจากหนังสอื อางอิงและหลักฐาน 1 ภัณฑารกั ษ ผดู ูแลรักษาสงิ่ ของ โดยมากไดแกพวกโบราณวตั ถแุ ละศิลปวัตถุ ทางประวัติศาสตรในงานพระนพิ นธด า นประวตั ิศาสตรใ นสมเดจ็ ในพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ตลอดจนจดั แสดงโบราณวัตถเุ ปนการถาวรหรอื นทิ รรศการ พระเจา พน่ี างเธอ เจาฟา กลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราช- หมนุ เวยี นอยา งถกู ตอ งตามหลกั วชิ าการ และมกี ารนาํ เสนอทน่ี า สนใจ ชว ยใหผ เู ขา ชม นครนิ ทร สอดคลองกบั วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรอยางไร พิพธิ ภณั ฑสถานเขาใจขอ มูลไดโดยงา ย แนวตอบ การรวบรวมและตรวจสอบขอมลู จากหนังสอื อา งอิง 2 นาฏยศาลา หนุ ละครเล็ก สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากลั ยาณวิ ฒั นา และหลักฐานทางประวตั ิศาสตรต า งๆ ในการทรงงานนิพนธด าน กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร เสดจ็ พระดาํ เนนิ มาเปน ประธานในพิธีเปด ประวตั ิศาสตรของสมเดจ็ พระเจา พีน่ างเธอ เจา ฟา กลั ยาณิวฒั นา โรงละครนาฏยศาลา หนุ ละครเลก็ เมอื่ วนั ท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2547 พรอมทัง้ กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร สอดคลอ งกับขัน้ ตอนของการ ทอดพระเนตรการแสดงหนุ ละครเล็ก เร่ืองรามเกียรต์ิ ตอน กาํ เนดิ ทศกณั ฐ ประเมินคุณคา ของหลักฐานดวยวพิ ากษวธิ ภี ายใน เพอ่ื ตรวจสอบ 3 ศิลปะเชียงแสน-ลา นนา คําวา ศลิ ปเชียงแสน เปน ชื่อทใ่ี ชเรยี กศลิ ปะทาง ความนาเช่อื ถอื ความถกู ตอ งของขอมูลที่ปรากฏในหลักฐาน ภาคเหนือทง้ั หมด กําหนดขน้ึ โดยสมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ เพราะเช่อื สง ผลใหงานพระนิพนธม คี วามนาเชอ่ื ถือยง่ิ ข้ึน และเปนแบบอยา ง วาเมอื งแรกของลานนา คอื เชยี งแสน แตอาจพบวา มีการใชช ่ือศิลปะลา นนาแทน ทด่ี ขี องการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร ตลอดจนสงั คมและวฒั นธรรมไทย เนื่องจากการเรยี กชื่ออาณาจกั รจะครอบคลุมมากกวาเมอื งลูกหลวงอยา งเชียงแสน แกป ระชาชนทัว่ ไป 176 คมู่ อื ครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand นักแสดงที่สืบทอดปณิธานการแสดงหุ่นละครเล็ก1 ด้วยพระกรุณาธิคุณดังกล่าวที่สมเด็จพระเจ้า 1. ครใู หนกั เรียนแตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู จากการ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงส่งเสริมอย่างสม�่าเสมอ ศึกษาคนความาจดั นิทรรศการเกยี่ วกบั บุคคล จึงเป็นผลดตี อ่ การสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยในแขนงนี้ใหค้ งอยตู่ ่อไป สาํ คญั ทส่ี งเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและ ภูมิปญญาไทยท่ีมีผลตอ สงั คมไทยปจ จบุ ัน กลาวโดยสรุป วัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยมีความสําคัญตอคนไทยและ ประเทศไทยอยางมาก เนื่องจากมีความเก่ียวของกับคนในชุมชน และอาจสงผลกระทบตอ 2. ครูตัง้ สถานการณเ พ่ือใหนกั เรยี นแสดงความ ประเทศชาตโิ ดยรวมได การทีค่ นไทยมคี วามรูความสามารถ มีสติปญ ญา และเขาใจในวธิ ีการ คดิ เห็นเก่ียวกับการสง เสรมิ การสรางสรรค แกปญหาสําหรับการดํารงชีวิตภายใตสภาพแวดลอมและธรรมชาติเปนอยางดีมาตั้งแตสมัย วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทยวา ถานักเรียน โบราณจนถึงปจจุบันนั้น ไดสะทอนใหเห็นถึงอารยธรรมและวัฒนธรรมของคนไทยท่ีสืบทอด มีโอกาสเปนรฐั มนตรกี ระทรวงวฒั นธรรม ตอกันมาชานาน ดังนั้น ในฐานะท่ีเปนคนไทยเราจึงควรท่ีจะหันกลับไปศึกษาเก่ียวกับ นกั เรียนจะกาํ หนดนโยบายดานวฒั นธรรมและ ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยกนั อยา งจริงจงั ภมู ปิ ญญาไทยอยางไร เพราะเหตุใด นอกจากนี้ การที่ไดศึกษาแบบอยางจากบุคคลสําคัญท่ีมีบทบาทในการสงเสริม ตรวจสอบผล Evaluate การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ปิ ญญาไทยซึ่งมผี ลตอสังคมไทยปจจบุ ัน โดยเฉพาะอยา งยงิ่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและบรรดาพระบรมวงศานุวงศ ก็จะยิ่ง 1. ตรวจรายงานเก่ียวกับบคุ คลสาํ คญั ที่สง เสรมิ กอใหเกิดแรงบันดาลใจใหกับผูที่ไดศึกษาในเรื่องน้ี จะไดดําเนินรอยตามแนวพระราชดําริ การสรางสรรควัฒนธรรมและภูมปิ ญญาไทย และพระดําริเก่ียวกับการสรางสรรค ประยุกตใช และอนุรักษวัฒนธรรมไทยและภูมิปญญา ทมี่ ผี ลตอสงั คมไทยปจ จุบัน ใหคงอยคู ูสังคมไทยตลอดไป 2. ตรวจนิทรรศการเกย่ี วกับบคุ คลสําคญั ท่ีสงเสริม การสรางสรรคว ัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทย ทมี่ ีผลตอ สังคมไทยปจ จบุ ัน 177 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ครูใหน ักเรยี นศึกษาคน ควาเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกบั บคุ คลทมี่ บี ทบาทใน ครูควรเตรยี มวีดิทศั นห รอื ขอมูลและภาพของบคุ ลสาํ คญั ทสี่ งเสรมิ การ การสงเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทย แลวจดั ทาํ สรา งสรรคว ัฒนธรรมไทยที่มผี ลตอ สงั คมไทยปจจบุ นั มาใหนักเรยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เปนตารางหรือผงั มโนทศั น แลว นําสง ครูผูส อน หรือมอบหมายใหน ักเรยี นชวยกันศึกษาคนควา เรือ่ งดังกลาว แลว จัดทําชิ้นงานตาม ทคี่ รกู าํ หนดเพอื่ นาํ เสนอตอ ชน้ั เรยี น เพอื่ ขยายความรขู องนกั เรยี นใหก วา งขวางมากขนึ้ กิจกรรมทา ทาย นักเรียนควรรู ครูใหนกั เรียนศึกษาคน ควาเพ่มิ เตมิ และวเิ คราะหแ บบอยางการ ปฏบิ ตั ิตนจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร 1 หนุ ละครเลก็ เปน ศิลปะการแสดงทค่ี รูแกร ศัพทวนชิ สรางสรรคขน้ึ เมอื่ มหาภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศเก่ยี วกับการสงเสรมิ พ.ศ. 2444 มลี กั ษณะเปน หนุ ทงั้ ตวั ประกอบดว ย สว นหวั ลาํ ตวั แขนและขา จงึ ทาํ ให การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย แลว จดั ทาํ เปน ตาราง หุนเคลือ่ นไหวไดเหมอื นคน โดยนาํ วรรณกรรมเรอ่ื งเอกมาแสดง เชน รามเกยี รติ์ หรอื ผงั มโนทศั น แลว นาํ สง ครผู สู อน พระอภัยมณี ราชาธิราช เปนตน หุนละครเล็กไดร บั การสืบทอดโดยครูสาคร ยังเขียวสด หรอื ทรี่ จู ักกนั ในนาม โจหลุยส ศลิ ปน แหง ชาติ พ.ศ. 2539 ซง่ึ เปน ศษิ ยรนุ หลาน และลูกหลานของครูสาครกไ็ ดม กี ารสบื ทอดตอจนถึงปจ จุบนั คมู่ ือครู 177

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูตรวจความถกู ตอ งจากการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรยี นรู้ ประจาํ หนว ยการเรียนรู ๑. วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญามีความส�าคญั อย่างไรตอ่ สงั คม จงวเิ คราะห์ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒. สภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 1. รายงานเก่ียวกบั บคุ คลสาํ คญั ท่สี งเสริมการ อย่างไร สรางสรรคว ัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทยท่ีมีผล ๓. นักเรียนคิดว่าคนไทยควรท�าอย่างไรจึงจะสามารถส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ได้ ตอสงั คมไทยปจ จบุ ัน อยา่ งยงั่ ยืน 2. นิทรรศการเกี่ยวกบั บุคคลสาํ คญั ทสี่ ง เสรมิ การ ๔. จงยกตัวอย่างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยในอดีตท่ีสามารถน�ามาปรับใช้แก้ปัญหาใน สรางสรรควัฒนธรรมและภูมปิ ญญาไทยทีม่ ผี ล ตอ สังคมไทยปจจบุ ัน สังคมไทยปจั จุบนั ได้ดีมา ๑ อย่าง ๕. นักเรียนคดิ วา่ ประวตั ศิ าสตร ์ วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญา มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร จงอธิบาย กิจสรก้ารงรสมรรค์พัฒนาการเรยี นรู้ กิจก๑รรมที่ ให้นักเรียนรวบรวมผลงานภูมิปัญญาไทยต้ังแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบันคนละ ๑ ชนิ้ พรอ้ มทงั้ บอกทม่ี า ลกั ษณะสา� คญั การนา� ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั กจิ ก๒รรมท่ี ทา� ลงในกระดาษ A๔ ตกแต่งผลงานให้สวยงาม ครผู สู้ อนรวบรวมผลงานแลว้ กจิ ก๓รรมท่ี นา� มารวมเปน็ เลม่ “สมดุ ภมู ปิ ญั ญาไทย” เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ของหอ้ งเรยี น กจิ ก๔รรมที่ ให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลบุคคลท่ีส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อสังคมไทยปัจจุบันเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน แล้วท�า เปน็ รายงานส่งครูผ้สู อน ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน ร่วมกนั วางแผนก�าหนดแนวทางการ อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย แลว้ ปฏิบตั ิภายในเวลา ๑ สัปดาห์ ให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น แล้วเขียนรายงานสรุป ส่ิงท่ีได้รบั จากการเข้ารว่ มกจิ กรรมคนละ ๑ หน้ากระดาษ A๔ 178 แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. วัฒนธรรมและภมู ิปญญาเปนมรดกความรทู ส่ี รา งสมมาตง้ั แตบ รรพบุรุษ สามารถนาํ มาใชในการแกป ญหาและปรับตัวใหส อดคลอ งกับความจําเปน ในการดํารงชีวติ และ การเปลยี่ นแปลงตางๆ ท้งั ยังแสดงใหเห็นความเจรญิ ของชาติบา นเมอื ง กอ ใหเ กดิ ความภาคภูมิใจในความเปนชาติ 2. ประเทศไทยมที ตี่ ้งั และสภาพภมู ศิ าสตรทีอ่ ุดมสมบรู ณ มคี วามเหมาะสมในการทาํ การเกษตร โดยเฉพาะการทาํ นา คนไทยจงึ มีวถิ ชี ีวติ ผูกพันกบั ขา ว ดงั น้ัน จึงทําใหมี การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยตางๆ ที่เกย่ี วขอ งกบั ขาว เชน พธิ รี ับขวัญขา ว พระราชพธิ จี รดพระนังคัลแรกนาขวญั เปนตน 3. การรณรงคใ หคนไทยตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของภูมิปญญาไทย และสงเสรมิ ใหคนไทยบรโิ ภคสนิ คาตางๆ ทีเ่ กดิ จากภูมปิ ญ ญาไทย เพื่อใหภูมิปญ ญาไทยคงอยูตลอดไป 4. วฒั นธรรมทางดา นพระพทุ ธศาสนาซง่ึ รบั อิทธพิ ลจากวัฒนธรรมอินเดยี โดยสามารถนาํ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาแกไขปญหาในสงั คมไทยได 5. ภูมิปญ ญาเปน ความรู ความเชอื่ ความสามารถที่ไดจ ากประสบการณทส่ี ัง่ สมไวใ นการปรบั ตัวและการดํารงชีวิต และภูมปิ ญ ญาเปน สวนหน่ึงของวัฒนธรรม เม่อื กลา วถงึ วฒั นธรรมกจ็ ําเปน ตอ งกลา วถงึ ภมู ปิ ญ ญาดวย การสรางสรรคว ัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาตางๆ นบั เปนสวนหน่งึ ของประวตั ศิ าสตร 178 คูม่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม กลั ยาณวิ ฒั นา, สมเดจ็ พระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ . เวลาเปน็ ของมคี า่ . กรงุ เทพมหานคร : เลฟิ แอนดล์ ฟิ เพรส จา� กดั , ๒๕๓๘. ไกรฤกษ์ นานา. เบอ้ื งหลงั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประพาสยโุ รป. กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๔๙. ชาญวทิ ย์ เกษตรศริ .ิ ประวตั กิ ารเมอื งไทย พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๕๐๐. กรงุ เทพมหานคร : มลู นธิ โิ ครงการตา� รา สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร,์ ๒๕๕๑. ชาร์ล ไฮแอม และรัชนี ทศรัตน์. สยามดึกด�าบรรพ์ : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยสุโขทัย. กรุงเทพ- มหานคร : รเิ วอรบ์ คุ ส,์ ๒๕๔๒. ดนัย ไชยโยธา. ประวัติศาสตร์ไทย : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสิ้นอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. ______. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย : ยคุ อาณาจกั รอยธุ ยา. กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. ______. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย : ยคุ กรงุ ธนบรุ ถี งึ กรงุ รตั นโกสนิ ทร.์ กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. นายกรฐั มนตรี คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย, สา� นกั . ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร ์ เลม่ ๑ รชั กาล ท ี่ ๑ - รชั กาลท ี่ ๓. จดั พมิ พเ์ นอื่ งในโอกาสสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายรฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. .ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร ์ เลม่ ๒ รชั กาลท ่ี ๔ - พ.ศ. ๒๔๗๕. จดั พมิ พเ์ นอ่ื งในโอกาสสมโภช กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายก รฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. .ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๓ พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจุบัน. จัดพิมพ์เน่ืองในโอกาสสมโภช กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายก รฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. บญั ชา พงษพ์ าณชิ . รอยลกู ปดั . กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๕๒. ปยิ นาถ บุนนาค. ประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั ใหม ่ (ตัง้ แตก่ ารท�าสนธสิ ัญญาเบาว์ริงถงึ “เหตุการณ ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖”). กรงุ เทพมหานคร : โครงการเผยแพรผ่ ลงานวชิ าการ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๐. เพ็ญศรี ดุ๊ก. การต่างประเทศกับเอกราชและอธิปไตยของไทย. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๒. ผาสกุ อนิ ทราวธุ . ทวารวดี : การศกึ ษาเชงิ วเิ คราะหจ์ ากหลกั ฐานทางโบราณคด.ี กรงุ เทพมหานคร : อกั ษร- สมยั , ๒๕๔๒. ราชบณั ฑติ ยสถาน. ใตร้ ม่ พระบารม ี จกั รนี ฤบดนิ ทร ์ สยามนิ ทราธริ าช. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ดา่ นสทุ ธา การพมิ พ,์ ๒๕๔๗. วชิ าการ, กรม. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยเชงิ วเิ คราะห.์ กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๖. วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สา� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สา� นกั . ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๑. 179 คมู่ ือครู 179

กระตุน้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป.์ “กรงุ ศรอี ยธุ ยา” ใน สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ ๑ อกั ษร ก ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน, ๒๕๔๙. วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป.์ ไทยสมยั โบราณ ถน่ิ เดมิ และนา่ นเจา้ ฉบบั ปรบั ปรงุ และขยาย. กรงุ เทพมหานคร : ชมรม เดก็ , ๒๕๕๐. .พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับการวางรากฐานประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร : ๒๐๒๐ เวลิ ด์ มเี ดยี จา� กดั , ๒๕๔๑. วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป์ และกนกวลี ชชู ยั ยะ. เจา้ นายในราชวงศจ์ กั ร.ี กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๒. วุฒิชัย มูลศิลป์ และคณะ. พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร : เกรท เอดดูเคช่ัน จา� กดั , ๒๕๔๖. วรณุ ยพุ า สนทิ วงศ์ ณ อยธุ ยา และคณะ แปล. ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ สวุ รรณภมู ิ - อษุ าคเนย ์ ภาคพิสดาร เล่ม ๒. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโครงการต�าราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, ๒๕๔๙. ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม, ส�านักงาน. ศิลปกรรมพระประวัติและพระกรณียกิจในสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๑. ศิลปากร, กรม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับมรดกของแผ่นดิน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พร้ินต้ิง แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๐. .แมข่ องแผน่ ดนิ ...ผสู้ บื สานสมบตั ศิ ลิ ปแ์ ผน่ ดนิ สยาม. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พบั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๔๗. .สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์กับมรดกไทย กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชงิ่ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๐. สุทธิ ภิบาลแทน และคณะ. จ้าวแผ่นดินไทย ราชันแห่งโลก. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จา� กดั , ๒๕๕๑. สรุ ศกั ด์ิ เจรญิ วงศ.์ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ ์ : “สมเดจ็ คร”ู นายชา่ งใหญแ่ หง่ กรงุ สยาม. กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๕๐. อมร โสภณวิเชษฐ์วงศ์ และเอกวิทย์ ณ ถลาง แปล. การปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของสยามและพม่า. กรงุ เทพมหานคร : ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, ๒๕๑๙. อรวรรณ ทรพั ยพ์ ลอย. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธริ าชสนทิ ปราชญผ์ เู้ ปน็ กา� ลงั แผน่ ดนิ . กรงุ เทพ- มหานคร : สรา้ งสรรคบ์ คุ๊ ส,์ ๒๕๕๒. Bowring, Sir John. The Kingdom and People of Siam. Vol 2. London : Oxford University Press, n.d. Chula Chakrabongse, Prince. Lords of Life a History of the Kings of Thailand. London : Alvin Redman Limited, 1967. Crawfurd, John. Journal of an Embassy from the Governor - General of India to the Courts of Siam and Cochin China. London : Oxford University Press, 1967. Syamanada, Rong. A History of Thailand. Bangkok : Thai Watana Panich Co.,Ltd., 1977. Vella, Walter F. Siam under Rama III. n.p., 1957. สา� นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา� ร ิ(สา� นกั งาน กปร.). โครงการ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา� ร.ิ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗. มาจาก http:// 180 www.rdpb.go.th 180 ค่มู อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate เอกสารเสรมิ ภโคาพลเลงา ภเราื่องพพระราชพงศาวดาร โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เกิดข้ึนโดยพระราชดําริในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวไดทรงเลือกเร่ืองในพระราชพงศาวดาร ๙๒ เรื่อง ใหชางเขียนที่มีฝมือเขียนรูปภาพขึ้น และโปรดเกลาฯ ใหม โี คลงบอกเร่อื งพระราชพงศาวดารประกอบรปู ภาพดังกลาว รูปภาพเรื่องพระราชพงศาวดารท่ีโปรดเกลาฯ ใหสรางข้ึนมีจํานวน ๙๒ แผน สรางเสร็จเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๐ ปจจบุ นั ภาพพระราชพงศาวดาร ชุดนี้คงเหลืออยูในความดูแลของสํานักพระราชวัง ๒๔ ภาพ และ สวนทีก่ รมศิลปากรดูแลรกั ษา ๑๗ ภาพ โคลงภาพพระราชพงศาวดารนับเปนมรดกลํ้าคาของชาติ เพราะมี คณุ คา ทงั้ ทางดา นประวตั ศิ าสตร วรรณคดี และศลิ ปะ ภาพทน่ี าํ มาเสนอน้ี เปนเพียงตวั อยางสวนหน่งึ แผน ดินสมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๑ รูป สรา งกรงุ ศรีอยธุ ยา (นายอิ้ม เขียน) สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อูทอง) โปรดใหต้ังการพิธีสรางพระนครเม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๓ ทรง ตั้งนามพระนครใหมว า “กรงุ เทพมหานคร บวรทวาราวดศี รอี ยุธยา มหาดลิ กภพนพรตั นราชธานีบรุ รี ัมย” เอกสารเสริม ๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ปจจยั ใดทที่ าํ ใหสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ 1 (อทู อง) สถาปนา ครูอธิบายนกั เรยี นวา โคลงภาพพระราชพงศาวดารเปนมรดกลา้ํ คาของชาติ กรุงศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. 1893 ไดเปนผลสําเร็จ ทัง้ คณุ คา ดานประวัติศาสตร วรรณคดี และศิลปะ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ทางดาน แนวตอบ ปจจยั ในการสถาปนากรงุ ศรีออยธุ ยามีหลายปจ จัย เชน ประวตั ศิ าสตร ทเี่ กีย่ วกับเหตุการณส ําคัญในพงศาวดารต้งั แตส มยั อยธุ ยาจนถึงสมัย ปจ จยั ดา นทต่ี งั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยาตงั้ อยใู นทร่ี าบลมุ และมแี มน าํ้ สายสาํ คญั รชั กาลที่ 3 แหง กรงุ รตั นโกสนิ ทร โคลงภาพพระราชพงศาวดารจงึ มปี ระโยชนอ ยา งยง่ิ ไหลผาน ซงึ่ เหมาะแกก ารเกษตรกรรมและการติดตอคาขายกบั ในแงท ่ีจะชวยบันทกึ และสบื ทอดภาพประวตั ศิ าสตรม าใหอ นชุ นรุนหลงั ไดศกึ ษา ตางชาตไิ ดสะดวก อกี ทงั้ ยังเปน จดุ ยทุ ธศาสตรท่ดี ใี นการตงั้ รบั และ เรยี นรู และจดจาํ ปองกนั ภัยจากขา ศึก ปจจัยดานผูนํา คือ พระเจา อทู อง เปนเจา เมอื งใหญท ม่ี กี าํ ลงั จากนน้ั ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นไปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ไพรพ ลมากและมคี วามสามารถทางการปกครอง นอกเหนือจากในหนงั สือเรยี น เพอื่ ทนี่ ักเรียนจะไดมคี วามรคู วามเขา ใจเก่ียวกับ ปจจัยดานนโยบายทางการทูต โดยพระเจา อทู องมีละโวกับ ประวตั ิศาสตรไทยมากย่ิงข้นึ สุพรรณภมู ิเปนฐานอํานาจสําคญั เปน ตน คมู่ อื ครู 181

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รูป พระอินทราชาชนชา งกับหมนื่ นคร แผน ดินสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ (หลวงสุวรรณสิทธิ์ เขียน) พ.ศ. ๑๙๘๙ พระยาเชลียงคิดกบฏ ไดไปเขากับพระเจาติโลกราช นครเชียงใหม พ.ศ. ๑๙๙๐ ไดยกทัพ ไปตเี มอื งกําแพงเพชร สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถและสมเดจ็ พระอนิ ทราชาพระราชโอรสเสดจ็ ข้ึนไปชวย สมเดจ็ พระอินทราชาไดป ะทะทพั หมืน่ นคร พระองคตองปน ณ พระพักตร และพระเจา ติโลกราชไดเลกิ ทพั กลับไป รปู พระสรุ โิ ยทัยขาดคอชา ง แผน ดินสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ (สมเดจ็ ฯ เจา ฟา กรมพระยานรศิ รานุวัดตวิ งศ ทรงเขียน) พ.ศ. ๒๐๙๑ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไดเสด็จยกทัพออกไปดูกําลังกองทัพพมาบริเวณทุงภูเขาทอง ได ปะทะทัพหนาของพระเจาหงสาวดี เกิดการชนชางกับพระเจาแปร พระคชาธารของพระองคเสียที สมเด็จ พระสุริโยทัย พระมเหสี ไดขับพระคชาธารเขาชวย แตถูกพระเจาแปรจวงฟนดวยพระแสงของาวสิ้นพระชนม บนคอชา ง เอกสารเสริม ๒ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT สมเด็จพระสรุ โิ ยทัยทรงเปนบุคคลตัวอยา งเกีย่ วกบั เรอ่ื งใด 1. การปฏิรปู รปู แบบการบริหารของสวนกลาง 2. การปกครองดแู ลประชาชนใหอ ยรู ม เย็นเปนสขุ 3. การเสยี สละเพอื่ รกั ษาและเทดิ ทนู พระมหากษัตริย 4. การกําหนดนโยบายความสมั พันธก บั ชาติตะวนั ตก วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ดังจะเห็นไดจ ากเม่ือคร้ังพระเจาตะเบ็งชะเวต้ีแหง กรงุ หงสาวดียกทพั มาตกี รงุ ศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. 2090 สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดทิ รงทราบขาวพมา ยกทัพมาใกลจ ะถงึ กรุงศรีอยุธยา จงึ เสด็จยกทัพหลวงออกไปแเละไดชนชา งกบั พระเจา แปร ซึ่งเปน ทพั หนาของพระเจา หงสาวดี แตพ ลาดทาเสียทหี นีขา ศึก สมเดจ็ พระสุริโยทยั ซงึ่ ตามเสด็จไปราชการทัพดวยจงึ ทรงขบั ชา ง เขา ขวาง และถกู พระเจาแปรฟนจนสิ้นพระชนม แสดงใหเ ห็นถึงความเสียสละเพอื่ รกั ษาพระชนมช พี ของพระสวามี 182 คูม่ ือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผนดนิ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช รปู สมเดจ็ พระนเรศวรตามจบั พระยาจนี จันตุ (ไมปรากฏนามผูเขยี น) พ.ศ. ๒๑๒๑ พระยาจนี จนั ตไุ ดอ พยพครอบครวั เขา มาอาศยั อยใู นกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครนั้ อยจู นรกู ารทงั้ ปวงในราชธานี ก็ไดลอบแตงสําเภาหนีไป สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดยกกองทัพเรือตามไป จนเกิดการรบพุงกัน แตพระยา จีนจนั ตสุ ามารถหนไี ปได แผน ดินสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช รูป สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพระแสงปน ขามแมนํ้าสโตง (พระจา ง เขียน) พ.ศ. ๒๑๒๗ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงนาํ ครอบครวั ชาวมอญอพยพขา มแมน าํ้ สโตง ทพั พระมหาอปุ ราชา ตามมาถึงอกี ฝง หนึง่ สมเดจ็ พระนเรศวรไดทรงพระแสงปน นกสับยงิ ไปตองสรุ กาํ มา แมทัพพมาตายตกจากคอชา ง พระมหาอปุ ราชาจึงเลิกทพั กลับไป เอกสารเสริม ๓ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดเปนบทบาทสําคญั ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเมื่อครัง้ ดาํ รงตาํ แหนง เปนพระมหาอุปราช ในรัชกาลสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราชทเี่ มืองอังวะ 1. การทาํ ยทุ ธหตั ถี 2. การตีเมืององั วะ 3. การตีเมืองหงสาวดี 4. การประกาศอสิ รภาพ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การประกาศอิสรภาพท่เี มอื งแครง (เดิงกราย) ท่จี ะไมข นึ้ กบั กรุงหงสาวดอี ีกตอไปใน พ.ศ. 2127 จดั เปนบทบาทสําคัญของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชขณะดาํ รง ตําแหนงเปน พระมหาอปุ ราชในแผน ดนิ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สว นขออนื่ เปน บทบาทสาํ คญั ภายหลงั จากขึ้นครองราชสมบัติแลว คู่มอื ครู 183

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รปู สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทํายุทธหัตถีกับ แผน ดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พระมหาอปุ ราชา (หลวงพศิ ณกุ รรม เขยี น) พ.ศ. ๒๑๓๕ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทํายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ปรากฏวา สมเด็จ พระนเรศวรมหาราชประสบชยั ชนะดว ยการทรงฟน พระมหาอปุ ราชาดว ยพระแสงของา วจนสนิ้ พระชนม สว นสมเดจ็ พระเอกาทศรถทรงกระทาํ ยุทธหตั ถกี บั มางจาชโรมีชัยชนะเชนกัน รูป เสด็จไปตเี มืองหงสาวดี แผน ดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช (นายใหญ เขยี น) พ.ศ. ๒๑๔๒ เม่ือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพรอมดวยสมเด็จพระเอกาทศรถตีเมืองเมาะตะมะไดแลว ก็เสด็จยกทัพจะเขาตีกรุงหงสาวดี แตพระยาตองอูใหเผาเมืองและพาพระเจาหงสาวดีหนีไปเมืองตองอู สมเด็จ พระนเรศวรมหาราชจงึ ทรงกรธี าทพั เขา ลอ มเมอื งตองอถู งึ ๓ เดอื น แตก ต็ อ งเลกิ ทพั กลบั เพราะขาดแคลนเสบยี งอาหาร และใกลฤดฝู น เอกสารเสรมิ ๔ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT สงครามครง้ั ใดของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทส่ี รางความเปนปกแผนใหแ กกรุงศรอี ยธุ ยามากทส่ี ดุ 1. สงครามเกา ทัพ 2. สงครามชา งเผือก 3. สงครามยุทธหัตถี 4. สงครามตกี รุงหงสาวดี วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. สงครามคร้ังทส่ี ําคัญท่ีสดุ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คอื สงคราม ยทุ ธหตั ถี สบื เนอื่ งจากสมเดจ็ พระมหาอปุ ราชา แมท พั พมา ทรงยกกองทพั มาตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา เมอื่ พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดท ําสงครามยทุ ธหตั ถีกบั พระมหาอุปราชา ซึ่งพระองคท รงประสบ ชยั ชนะ นบั เปนเกียรติยศอนั ยิ่งใหญ สงผลใหอ ยธุ ยามีความมน่ั คงเปน ปกแผน และปลอดภัยจากการ รกุ รานของขา ศึกอกี เปน เวลานาน 184 คมู่ อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผน ดินสมเด็จพระศรสี ุธรรมราชา รปู พระนารายณย กเขา ไปตพี ระราชวงั (นายอมิ้ เขยี น) พ.ศ. ๒๑๙๙ สมเดจ็ พระนารายณม หาราชไดท รงชา งเสดจ็ นาํ ไพรพ ล กองอาสาตา งชาติ ทง้ั ญปี่ นุ มอญ แขกชวา แขกจาม เขาลอมพระราชวังและเกิดการปะทะสูรบกับฝายสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา ผลปรากฏวา สมเด็จ พระนารายณมหาราชไดร บั ชัยชนะ จลาจลสมัย รปู พระเจา ตากตีคา ยพมา ทโี่ พธ์สิ ามตน (นายออ น เขียน) เมอ่ื พมา ตกี รงุ ศรอี ยธุ ยาแตกแลว คนไทยกไ็ ดแ ยกเปน หมเู ปน เหลา ชมุ นมุ เจา ตากซงึ่ รวบรวมผคู นอยทู เ่ี มอื ง จันทบุรี ไดยกทัพเรือเขาโจมตีคายพมาท่ีโพธ์ิสามตน พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ การสูรบคร้ังน้ี สุกพ้ี ระนายกองผูควบคมุ ดแู ลคา ยไดสูร บจนตายในคา ย พระเจา ตากจงึ สามารถตคี า ยไดสําเรจ็ เอกสารเสริม ๕ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พระยาตาก (สิน) ใชย ุทธศาสตรในการกอบกเู อกราชของชาติไทยไดอยา งไร แนวตอบ กอนเสยี กรุงศรอี ยุธยาครั้งท่ี 2 พมา ยกทัพมาลอมพระนครพรอมกับยงิ ปนใหญเ ขาไปใน กําแพงเมอื งอยางหนกั พระยาตาก (สิน) เหน็ วาคงยากทจ่ี ะรักษาบานเมอื งไวได จงึ ตดั สินใจรวบรวม ทหารไทย-จีน ประมาณ 1,000 คน แหวกฝา วงลอมขา ศกึ ไปทางหวั เมอื งตะวนั ออกจนยดึ ไดเมอื ง ระยอง จนั ทบุรี เอาไวเ ปน ท่มี ่ัน รวมกาํ ลังพล อาวธุ ยุทโธปกรณ และเสบยี งอาหาร เม่อื พรอมแลว ไดยกทัพจากจนั ทบุรีมายดึ เมืองธนบุรีและโจมตีคา ยโพธิส์ ามตนของสุก้พี ระนายกองของพมาจนแตก จึงสามารถกอบกูเอกราชไดส ําเร็จ รวมระยะเวลาทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี ใหแ กพมา ได 7 เดือน คู่มือครู 185

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รูป ตีเมืองสวางคบุรี แผน ดนิ พระเจา กรงุ ธนบุรี (หลวงสวุ รรณสิทธิ์ เขียน) พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชไดส ง กองทพั ไปทาํ ศกึ กบั เจา พระฝางซงึ่ ไดต ง้ั ตวั เปน ใหญท างเหนอื โดยไดต งั้ คา ยลอ มเมอื งสวางคบรุ ี เจา พระฝางสรู บอยไู ด ๓ วนั กพ็ าพรรคพวกหนอี อกจากเมอื งในตอนกลางคนื และ สามารถหนรี อดไปได รปู พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจฬุ าโลก เมอื่ จลาจลในกรงุ ธนบุรี มหาราชเสดจ็ กลับจากเมอื งเขมร (นายอมิ้ เขียน) พ.ศ. ๒๓๒๔ ขณะที่สมเด็จเจาพระยามหากษัตริยศึกไปปราบกบฏท่ีเมืองเขมร รูขาววาทางกรุงธนบุรีเกิด จลาจลจึงเตรียมเลิกทัพกลับ ขณะข้ึนบนเกยจะข่ีชาง ไดบังเกิดศุภนิมิตพระรัศมีโชติชวงแผออกจากพระวรกาย เห็นทวั่ ท้ังกองทพั บรรดาร้ีพลตา งแซซองพากนั ยกมอื ข้ึนถวายบังคม เอกสารเสริม ๖ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เพราะเหตุใดสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงยกทพั ไปปราบชุมนุมตางๆ 1. สรางความเปนปก แผน ของอาณาจกั รธนบรุ ี 2. สรางความพรอมทางทหารในการสูรบตลอดเวลา 3. ความออ นแอของชมุ นมุ ตางๆ ทง่ี า ยตอการปราบปราม 4. การมคี วามพรอ มทั้งเสบยี ง กําลังทหารและเดนิ ทางสะดวก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพือ่ เสรมิ สรา งเอกภาพและความเปน ปก แผน ของพระราชอาณาจักร จะไดผ นกึ กําลงั กนั ตอสกู ับขา ศกึ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชจึงเริ่มจากการปราบชุมนมุ เจา พระยา พิษณุโลก ชมุ นุมเจา พมิ าย ชมุ นุมเจา นครศรีธรรมราช และชุมนมุ เจา พระฝางเปนแหงสดุ ทา ย ซง่ึ พระองคทรงปราบปรามกลุมชุมนมุ ท้งั 4 ไดเ ปนผลสําเรจ็ ภายใน พ.ศ. 2313 186 คู่มอื ครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผน ดินพระบาทสมเดจ็ ฯ พระพุทธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช รปู ตีคา ยปกกาพมา ทเี่ มอื งทวาย (พระโต เขยี น) พ.ศ. ๒๓๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช ไดเ สดจ็ กรธี าทพั ไปตเี มอื งทวาย สงครามครงั้ นี้ กองทัพไทยลอ มเมอื งทวายอยูถึงคร่ึงเดอื น เสบยี งอาหารเบาบางลง จึงทรงพระกรณุ าใหถ อยทพั กลับ แผน ดินพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช รูป ฉลองพระศรสี ากยมุนี หนาพระตาํ หนกั นํ้า (นายวร เขยี น) พ.ศ. ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชโปรดใหชะลอพระพุทธรูปองคใหญซ่ึงเปน พระประธานในพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ ลงมาจากเมอื งสุโขทัย มกี ารจดั งานสมโภชท่ีตําหนักแพ ๓ วัน แลว ชัก พระขน้ึ จากแพทางประตูทาชาง ประตนู น้ั จึงเรยี กประตูทาพระมาจนทกุ วันนี้ เอกสารเสริม ๗ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “...ตง้ั ใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพทุ ธศาสนา ปอ งกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตร”ี จากบทรอ ยกรองขา งตน แสดงใหเ หน็ ถงึ พระราชกรณยี กจิ สาํ คญั ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา - จุฬาโลกมหาราชในดานใด แนวตอบ ดานการทํานบุ ํารงุ พระพุทธศาสนาและดา นการรกั ษาความมนั่ คงของราชอาณาจกั ร โดย ดา นการทาํ นบุ าํ รงุ พระพทุ ธศาสนาน้ัน เชน โปรดเกลา ฯ ใหมีการสงั คายนาพระไตรปฎ ก ทรงสรา งและ ปฏสิ งั ขรณว ดั วาอารามหลายแหง ทสี่ าํ คญั เชน วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม วดั สระเกศ ทรงตรากฎหมาย คณะสงฆ สว นดา นการรกั ษาความมน่ั คงของราชอาณาจกั รน้ัน ทรงสามารถขบั ไลพ มา ทเ่ี ขา มารกุ รานไทย ใหพ น ออกไปได โดยเฉพาะวรี กรรมในสงครามเกาทพั คูม่ ือครู 187

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รปู องเชยี งสอื สามิภักด์ิ แผน ดนิ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช (พระจาง เขยี น) พ.ศ. ๒๓๒๕ เมอื งญวนไดเ กดิ กบฏไกเซนิ องเชยี งสอื ไดห นมี าพง่ึ พระบรมโพธสิ มภารพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ- ยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ซึ่งพระองคไดทรงชุบเลี้ยงไว ภายหลังองเชียงสือสามารถปราบกบฏไกเซินไดสําเร็จ และสถาปนาเปนจกั รพรรดิ ทรงพระนาม “พระเจาเวียดนามยาลอง” รูป พระราชพิธลี งสรง แผน ดนิ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธเลศิ หลานภาลัย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลาเจา อยูหัว (นายอมิ้ นายทอง เขยี น) พ.ศ. ๒๓๕๕ สมเด็จพระเจาลูกเธอ เจาฟาพระองคใหญพระชนมายุได ๙ พรรษา พระบาทสมเด็จพุทธ- เลิศหลานภาลัยจึงโปรดเกลาฯ ใหมีพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระนามเจาฟา และเพ่ือใหเปนแบบฉบับสําหรับ แผนดนิ ไมใหแบบแผนพระราชพิธีสาบสญู ไป เอกสารเสรมิ ๘ แหลง ทีม่ าของขอมูล : กรมศิลปากร. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร พรอมบทขยายความ และบทวิเคราะห. สาํ นกั วรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร กรมศลิ ปากร, ๒๕๕๐. ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดผิด ไปจากความเปน จรงิ ในเร่ืองความสัมพนั ธระหวางไทยกบั ญวนในสมัยรัชกาลท่ี 1 1. เขมรยุแหยใ หญวนรกุ รานไทย 2. ไทยชวยองเชยี งสือในการปราบกบฏไตเซนิ 3. ทัง้ ไทยและญวนตา งแยง ชิงความเปนใหญในเขมร 4. สงครามระหวา งไทยกับญวนมักมสี าเหตมุ าจากเขมร วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ในสมัยรชั กาลท่ี 1 ไทยกบั ญวนจะมคี วามสัมพันธท่ีดตี อ กัน ดงั จะเหน็ ไดจ าก รชั กาลที่ 1 ทรงใหก ารรบั รององเชยี งสอื ทห่ี ลบหนกี บฏไตเซนิ หรอื ไกเซนิ เขา มาในไทย และยังใหกองทพั ไทยไปชวยปราบกบฏดวยแตไ มสําเรจ็ 188 คูม่ ือครู

สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คมู่ อื คมู่รอืู บครร.ู ปบระ.วปตั รศิ ะวาตัสศิตารสไ์ ทตยรไ์มท.ย4-ม6.4-6 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 88 5885684694 91 32125328025889.0-8 9.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook