กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายความหมายของวัฒนธรรม ๑. การสรา้ งสรรค์วัฒนธรรมไทย ไทย แลวใหนักเรียนรว มกันแสดงความคดิ เห็น เกยี่ วกบั คุณคาของวฒั นธรรมไทย ๑.๑ ความหมายของคําวา่ “วัฒนธรรมไทย” 2. ใหน ักเรยี นชว ยกันยกตวั อยางวัฒนธรรมไทย ค�าว่า “วฒั นธรรมไทย” หมายถงึ ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีคนไทยคดิ และสรา้ งสรรค์ขน้ึ มา เพอื่ การ หรอื วฒั นธรรมในทอ งถน่ิ ของนกั เรยี นวา มอี ะไรบา ง ด�ารงชีวิตอยู่ร่วมกัน มีระเบียบแบบแผนและมีรูปแบบเป็นที่ยอมรับกันภายในสังคมไทย นอกจากนวี้ ฒั นธรรมไทยยงั มคี วามสมั พนั ธก์ บั เรอ่ื งของเวลาและสถานทดี่ ว้ ย ดงั นน้ั วฒั นธรรมไทย สา� รวจคน้ หา Explore จึงไม่เคยหยุดน่ิงหรือตายตัว มีการเคล่ือนไหวและเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีวิวัฒนาการ เป็นล�าดับ อนั เปน็ ผลมาจากการเปลยี่ นแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนการเมืองการปกครอง ครใู หนกั เรียนศึกษาความรเู กี่ยวกบั การ ของไทย สรา งสรรคว ัฒนธรรมไทยจากหนงั สือเรียน หนา 142-144 และแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน ๑.๒ ปัจจยั สาํ คัญทีก่ ่อใหเ้ กดิ วัฒนธรรมไทย อนิ เทอรเ นต็ หอ งสมดุ ศนู ยก ารศกึ ษาทอ งถนิ่ เปน ตน เกย่ี วกบั ความหมายของวัฒนธรรมไทยปจจยั สาํ คญั คนไทยได้สร้างสรรคว์ ฒั นธรรมไทยมาต้งั แตเ่ รม่ิ ตน้ ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย โดยอาศัยปัจจัย ท่ีกอ ใหเ กิดวัฒนธรรมไทย และการมสี วนรว ม ในการอนรุ กั ษวฒั นธรรมไทย ตา่ งๆ หลายอยา่ งทมี่ สี ว่ นชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ วฒั นธรรมไทยขน้ึ มา ปจั จยั ตา่ งๆ เหลา่ นนั้ ประกอบดว้ ย ๑) การรับความเจริญจากวัฒนธรรมอื่น สังคมไทยในระยะแรกได้รับเอา รวับัฒเนอธารวรัฒมนอธื่นรเรขม้าทมาาใงชด้ใ้านนสศังาคสมนไาทพยร าเหพมราณะ์ว -ัฒ ฮนินธด1รู รทม่ีอเหุบลัต่าิขนึ้น้ันทม่ีอีคินวเาดมียเผจร่าิญนมรุ่งาเทราืองงเมขามกร่อ นร ับเเชอ่นา อธบิ ายความรู้ Explain ครอู ธบิ ายวา วฒั นธรรมไทย หมายถงึ ทกุ สง่ิ วัฒนธรรมทางด้านพระพุทธศาสนาท่ีอุบัติขึ้นที่อินเดียโดยผ่านมาทางลังกา อักษรไทยหรือ ทกุ อยางท่คี นไทยคิดและสรา งสรรคขึ้นมา เพื่อการ ดํารงชวี ติ อยรู วมกนั เปน สิ่งทีม่ ีระเบียบแบบแผน ลายสือไทยของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชในสมัยสุโขทัยก็ได้รับอิทธิพลมาจากภาษามอญและ และมรี ูปแบบเปนที่ยอมรบั กนั ภายในสงั คมไทย จากน้นั ใหนกั เรียนรวมกันอภิปรายเกยี่ วกบั ปจจยั เขมร การตดิ ตอ่ กบั ชมุ ชนภายนอก ไมว่ า่ ทางการคา้ สาํ คญั ทกี่ อ ใหเ กดิ วฒั นธรรมไทยทน่ี กั เรยี นไดศ กึ ษามา แลวตั้งคําถามสุม ใหน กั เรยี นตอบ ตัวอยา งคําถาม การทา� สงคราม รวมถงึ มชี าวตา่ งชาตเิ ขา้ มารบั ราชการ เชน ในราชส�านัก ท�าให้สังคมไทยสมัยอยุธยาได้รับ • มปี จจัยใดบางทีส่ งผลใหเกดิ วัฒนธรรมไทย (แนวตอบ การรบั ความเจรญิ จากวฒั นธรรมอนื่ อิทธิพลทางวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ จากต่างชาต ิ สังคมและสภาพแวดลอม และความเปนมา ทางประวตั ศิ าสตร) เช่น การก�าหนดชนช้ันของคนในสังคม กฎหมาย • มีวัฒนธรรมใดบา งที่มีอิทธพิ ลตอ การเกิด ประเพณี พระราชพิธีและธรรมเนียมในราชส�านัก วัฒนธรรมไทย (แนวตอบ เชน วฒั นธรรมอนิ เดยี วฒั นธรรมขอม การปรุงอาหาร เป็นต้น วัฒนธรรมจากภายนอก วฒั นธรรมจนี เปน ตน ) เหลา่ น้ี เมื่อไทยรบั เข้ามาแลว้ บางครง้ั กม็ ีการปรบั ปรงุ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของสังคมไทย และ เทวรูปพระนารายณแ์ ละพระศวิ ะสำาริด ศลิ ปะสโุ ขทัย ผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยจนกลายเป็น ซึง่ ไดร้ บั อิทธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ของอนิ เดียผา่ นมาทางเขมร วัฒนธรรมไทยในทส่ี ุด 142 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอ ใดคือวัฒนธรรมไทยทไี่ ดร ับอทิ ธพิ ลจากอารยธรรมตะวันออก 1 ศาสนาพราหมณ- ฮินดู ศาสนาเกดิ ท่ดี ินแดนชมพทู วปี มีคมั ภีรศ าสนา และมีวิวฒั นาการสบื เนอ่ื งมาถึงปจจุบนั เรยี กวา “พระเวท” เปน ศาสนาทนี่ บั ถอื เทพเจา หลายองค โดยมเี ทพเจา สงู สดุ 3 องค 1. การแตง กาย คือ พระพรหมเปน ผสู รา งโลก พระศวิ ะหรอื พระอิศวรเปน ผทู ําลาย และพระวษิ ณุ 2. ชนชั้นวรรณะ หรอื พระนารายณเปนผปู กปอ งและรกั ษาโลก 3. ระบอบการปกครอง 4. ศาสนาและความเช่อื มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ศาสนาและความเชอ่ื เปน วัฒนธรรมของคนสวนใหญในสงั คมไทยทไ่ี ดร บั อิทธพิ ลมาจาก ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ไดท่ี อารยธรรมตะวันออก โดยเฉพาะอนิ เดยี และจนี ดังปรากฏวา http://www.siamganesh เวบ็ ไซตสยามคเณศดอทคอม คนไทยสวนใหญน บั ถอื พระพุทธศาสนาผสมผสานกบั คติความเช่อื http://www.srinagathurka.com เว็บไซตศ รีนาคาทรุ คาเทวี ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และมวี วิ ัฒนาการภายในสงั คมไทย http://www.dra.go.th เวบ็ ไซตกรมการศาสนา สืบเนื่องจากอดตี ถงึ ปจจุบนั 142 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒) สังคมและสภาพแวดล้อม สังคมไทยมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ 1. ครนู าํ ภาพเรอื นไทยและภาพบานเรอื นใน ปจจบุ ันในชวงนํ้าทว มมาใหน ักเรียนดู จากนัน้ และสภาพแวดล้อมต่างๆ วัฒนธรรมไทยเกิดข้ึนจากการกระท�าของคนไทยภายใต้สังคมและ ครตู ัง้ คําถามใหนักเรียนรวมกันแสดงความ สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของคนไทย ดังน้ัน การด�าเนินชีวิตท่ีสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมไทย คดิ เห็น ตวั อยา งเชน • การสรา งเรอื นไทยในสมยั อดตี ชวยแก ภูมิปัญญาการสร้างบ้านเรือนไทยภาคกลาง จะนิยมสร้างบ้านท่ีมีหน้าจ่ัวสูง ใต้ถุนสูง และมีหน้าต่างหลายบาน เพ่ือให้อากาศ ปญหาเร่ืองนํ้าทว มไดอยางไร ถา่ ยเทไดส้ ะดวก (แนวตอบ เรือนไทยมีการยกใตถ นุ สงู เมื่อถึง ฤดูน้ําหลาก ก็ไมต อ งกังวลวานํา้ จะทวมบาน จึงขึ้นอยู่กับสงั คมและสภาพแวดลอ้ มน้นั ๆ ด้วย เช่น ในสงั คมเกษตรกรรม ชาวนาเลยี้ งชีพดว้ ย หนาบา นจะเปล่ยี นเปน ทา นาํ้ สามารถสญั จร การท�านา จงึ มวี ิถชี วี ติ ท่ผี ูกพนั อย่กู ับขา้ ว ดงั นัน้ ความเช่ือและพธิ ีกรรมตา่ งๆ ที่เก่ียวข้องกับข้าว ทางเรือได แตกตางจากบานในยุคปจจบุ ัน จึงกลายเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา หรือวัฒนธรรมในเรื่องท่ีอยู่อาศัย คนไทยท่ีอยู่ในบริเวณภาคกลาง ท่ีสรา งติดพืน้ ดิน เมือ่ ถึงฤดฝู นจงึ มักประสบ ท่ีเป็นที่ราบลุ่มในหน้าลมมรสุมจะเกิดน้�าท่วมขังเป็นเวลานานๆ จึงจ�าเป็นต้องสร้างบ้านเรือน ปญหาน้ําไหลเขาทว มบา น) ด้วยการยกพ้ืนสูงกว่าพื้นดินให้มากๆ หรือสร้างบ้านที่มีลักษณะใต้ถุนยกสูงเพ่ือป้องกันน�้าท่วม • เรอื นไทยมีความเหมาะสมกบั สภาพ ซ่ึงเปน็ ไปตามลกั ษณะสภาพแวดลอ้ ม เป็นต้น ภมู ิอากาศของประเทศไทยอยางไร (แนวตอบ เรอื นไทยจะมีใตถนุ สูง หลังคาสูง ๓) ความเป็นมาทางประวัติศาสตร ์ คนไทยมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ท่ีมี และมหี นาตางหลายบาน อากาศจงึ ถา ยเท ไดส ะดวก เหมาะสมกับสภาพอากาศรอน ความส�าคัญต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย เพราะหากศึกษาประวัติศาสตร์ไทยไม่ว่ายุคสมัยใด ในประเทศไทย) ก็จะพบวา่ คนไทยมีบทบาทในการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมไทยมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น ในสมยั สโุ ขทยั เมอ่ื ชุมชนสุโขทยั สร้างบ้านสรา้ งเมืองจนกลายเป็นแคว้นและอาณาจกั ร ผูค้ นทอ่ี ยูร่ ว่ มกัน 2. ครใู หนกั เรยี นรวมกันสรปุ ปจ จยั สาํ คญั ในการ เป็นจ�านวนมากจ�าเป็นต้องบริโภคข้าวในปริมาณท่ีมากตามไปด้วย จึงต้องท�านามากขึ้น ซึ่งต้อง กอ ใหเกดิ วฒั นธรรมไทย อาศัยน้�าท่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ในเขตเมืองสุโขทัยมีสภาพดินส่วนใหญ่เป็นดินทรายไม่อุ้มน้�า (แนวตอบ ความตอ งการที่จะเอาชนะธรรมชาติ ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาขาดแคลนนา้� ในฤดแู ลง้ ชาวสโุ ขทยั จงึ หาวธิ กี ารแกป้ ญั หาโดยการชกั นา�้ การกกั นา�้ ความพยายามท่จี ะปรบั ตวั ใหสอดคลอ งกบั และการระบายน�้า ดังน้ัน การแก้ปัญหาการขาดแคลนน�้าของชาวสุโขทัยจึงเป็นภูมิปัญญาไทย ธรรมชาติ ความตอ งการท่ีจะสรา งสรรคสังคม ทีน่ า� ไปสู่วัฒนธรรมเก่ียวกบั การกักเก็บน้�าของคนไทยในสมัยสโุ ขทัย ใหส งบราบรน่ื ความพยายามที่จะทําใหก าร ประกอบอาชพี หรือทาํ มาหากนิ สะดวก 143 ราบรนื่ การแสดงออกถึงอารมณสุนทรยี การ ไดรบั อทิ ธพิ ลจากภายนอก ความตอ งการ ทจี่ ะแสวงหาความปลอดภยั ในการดาํ รงชวี ติ ความตอ งการท่จี ะรกั ษาชีวิตใหย นื ยาว เปน ตน ) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู วัฒนธรรมไทยทก่ี อ เกดิ จากปจจัยดา นสงิ่ แวดลอมคอื ขอใด ครูควรใหน กั เรยี นชว ยกนั วิเคราะหปจจยั ท่ีกอใหเ กิดวฒั นธรรมในทอ งถิ่นหรอื 1. ประเพณกี ารบรรพชาสามเณรในฤดรู อน ภูมิภาคของตน โดยการต้ังประเดน็ หรอื ขอ คําถาม เชน เพราะเหตใุ ดเขตเมอื งเกา 2. พธิ กี รรมทีเ่ กย่ี วขอ งกับการเกษตรและแหลงนํ้า ในทอ งถน่ิ จงึ ตง้ั อยรู มิ แมน า้ํ การนบั ถอื ศาสนาของคนในทอ งถนิ่ มปี ระวตั คิ วามเปน มา 3. การนยิ มตงั้ ถน่ิ ฐานบานเรือนบนทีร่ าบใกลแ มนํา้ อยา งไร แลว ชว ยกนั ออกแบบและจดั ทาํ เปน ผงั ความคดิ เผยแพรค วามรบู นปา ยนเิ ทศ 4. ความเช่อื ในการตง้ั ช่ือทเี่ ปน สริ ิมงคลใหแกบ ตุ รหลาน ในบรเิ วณท่เี หมาะสมของโรงเรียน เพอื่ ใหน ักเรยี นรแู ละเขา ใจปจจัยที่กอ ใหเ กดิ วฒั นธรรมในทองถิน่ ของตนควบคไู ปกบั วัฒนธรรมของชาติ อนั นาํ ไปสูการมี วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. มพี ธิ กี รรมทเ่ี กย่ี วขอ งกบั การเกษตร จิตสํานกึ รกั ในทองถิ่นของตนและเพื่อพัฒนาทอ งถิ่นได และแหลง น้าํ จากการท่ีเปน สังคมเกษตรกรรม ซง่ึ การเพาะปลูก พชื ตา งๆ ตอ งพง่ึ พาสิง่ แวดลอ มหลายประการ เชน นา้ํ ฝน นา้ํ ทา ในแหลงนํา้ ตางๆ ท่มี คี วามไมแ นน อน พธิ ีกรรมจึงเกดิ ขึน้ เพื่อ สรา งขวัญกําลังใจในการลงมือเพาะปลกู รวมถึงการบูชาคณุ ของ ธรรมชาตหิ ลงั เกบ็ เก่ยี วผลผลติ คู่มอื ครู 143
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand ครูใหนักเรียนแบง กลมุ 4 กลุม แลว ชวยกัน เม่ือสถาปนาอยุธยาเป็นราชธานี อาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตกว้างขวาง มีผู้คน คดิ หาวธิ ีการท่ีจะเขา ไปมสี ว นรว มในการอนุรักษ จ�านวนมาก และมีศึกสงครามกับอาณาจักรเพ่ือนบ้านหลายคร้ัง จึงต้องการก�าลังคนในการสู้รบ วฒั นธรรมไทย จากนัน้ ใหส รปุ ความรูลงกระดาษ ตลอดจนการผลิตเสบียงอาหาร ชาวอยุธยาจึงมีวิธีแก้ปัญหาท่ีอาจจะเกิดขึ้นเก่ียวกับการควบคุม A4 แลว สง ตัวแทนออกมานาํ เสนอทหี่ นา ชัน้ เรียน ก�าลังคน โดยการสร้างระบบไพร่ขึ้นมาเพื่อใช้ในการควบคุมคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาไทย อย่างหนง่ึ และระบบไพรก่ ็ไดก้ ลายเป็นวัฒนธรรมที่สบื ทอดมาจนถงึ สมัยรัตนโกสนิ ทร์ ตรวจสอบผล Evaluate ดังนั้น ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของคนไทยจึงเป็นบ่อเกิดอย่างหน่ึงของวัฒนธรรม ไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิงภูมิปัญญาไทยท่ีมีมาพร้อมกับประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยก็ได้ ตรวจบันทกึ สาระสําคญั วิธกี ารทจี่ ะเขาไป สรา้ งสรรค์วฒั นธรรมสบื ตอ่ กันมาจนถึงปจั จุบนั มสี วนรว มในการอนรุ กั ษวฒั นธรรมไทย ๑.๓ การมีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมไทย เน่ืองจากวัฒนธรรมไทยเป็นส่ิงท่ีมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ถ้าคนไทยไม่ให้ ความสา� คญั กบั วฒั นธรรมจนกระทงั่ วฒั นธรรมไทยถกู ลมื เลอื นไป เอกลกั ษณข์ องความเปน็ คนไทย ก็จะสูญหายไปดว้ ย ดงั นน้ั คนไทยจะต้องช่วยกันรักษาวฒั นธรรมไทย ด้วยการเขา้ ไปมีส่วนรว่ ม ในการอนรุ ักษด์ ว้ ยตนเอง วิธกี ารท่จี ะเข้าไปมสี ว่ นร่วมในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมไทย มดี งั นี้ ๑. การหาโอกาสไปท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมในภูมิภาคต่างๆ ของไทย ในการไป ท่องเท่ียวควรศึกษาหาความรู้เก่ียวกับวัฒนธรรมที่ได้พบเห็น เช่น การชมวิถีชีวิตท่ีแท้จริงของ คนไทยในแต่ละท้องถ่ิน ชมโบราณวัตถุและโบราณสถานในสถานที่ต่างๆ ของไทย และศึกษา หาความรู้ทางด้านประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมไทยที่เก่ียวกับสิ่งที่ได้พบเห็น เพื่อให้เกิด ความซาบซ้ึงและประทับใจในคุณค่าของวัฒนธรรมไทยเหล่านั้น จนเห็นความส�าคัญและร่วมกัน อนุรกั ษ์เอาไวใ้ หก้ ับอนุชนรุ่นหลังตอ่ ไป ๒. การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการส่งเสริมทางด้าน วัฒนธรรมในชุมชนที่ตนเองพ�านักอยู่ เช่น การแห่เทียนเข้าพรรษา การเข้าร่วมพิธีกรรมใน วันส�าคัญทางศาสนาท่ีตนเองนับถือ การเข้าร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ท่ีมีความเก่ียวข้องกับสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ เช่น วันเฉลมิ พระชนมพรรษา วนั ปยิ มหาราช เปน็ ต้น อันเป็นการรว่ มมือกัน เทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไดอ้ กี ทางหนึง่ ๓. การเข้าไปมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนวัฒนธรรมไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ด�าเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย ขัดขวางผู้ที่สร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นกับ วัฒนธรรมไทย สง่ เสริมสนบั สนนุ ผูท้ ีร่ ักและหวงแหนวัฒนธรรมไทย เป็นตน้ ๔. หาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมต่างๆ ที่มีการจัดตั้งข้ึนมาเพื่อการอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย เพราะจะช่วยใหเ้ กิดเครือขา่ ยของการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยมากขน้ึ 144 บรู ณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT อปุ สรรคสําคญั ในการอนุรักษว ัฒนธรรมไทย คอื ขอใด ครสู ามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรบู ูรณาการอาเซียนโดยสนทนาหรอื สอบถาม 1. การไหลบา ของวฒั นธรรมจากภายนอก นกั เรยี นถงึ ความแตกตางและอทิ ธิพลของแนวคิดรัฐชาติจากชาติตะวนั ตกกับรัฐ 2. คนไทยเห็นคณุ คาของวัฒนธรรมไทยนอ ย ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต จากการศึกษาปจ จัยการกอเกดิ วฒั นธรรมไทย 3. ขาดบคุ คลท่เี ปน ตนแบบในการอนุรักษว ฒั นธรรมไทย กลาวคอื รฐั ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ใหความสาํ คัญกับทรพั ยากรมนษุ ย ไดแก 4. คนไทยตอ งใชว ฒั นธรรมตา งชาติในการตดิ ตอ กบั ชาวตางชาติ แรงงาน สว นรัฐชาติในตะวนั ตกใหความสาํ คญั กับอาณาเขต ดนิ แดน เนื่องจาก วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทค่ี นไทยตระหนักหรือเห็น ขอ จาํ กดั และพฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรท แี่ ตกตา งกนั แตเ มอื่ ลทั ธจิ กั รวรรดนิ ยิ ม คณุ คาของวฒั นธรรมไทยนอ ย ทาํ ใหไ มสนใจท่จี ะรกั ษาและอนรุ กั ษ เขา มาในภมู ภิ าคไดน าํ แนวคิดรัฐชาติแบบตะวนั ตกเขามาดวย ซง่ึ สง ผลตอชาติ วัฒนธรรมไทยนอ ย ดงั นั้น การทจี่ ะอนุรักษว ฒั นธรรมไทยให สมาชกิ อาเซยี นในดานตา งๆ หลายประการ คงอยตู ลอดไป จึงตอ งสงเสรมิ และปลูกฝงใหค นไทยภาคภมู ใิ จ ในวัฒนธรรมไทยและมีสวนรว มในการอนุรกั ษวัฒนธรรมไทยได จากนัน้ ครูมอบหมายใหนกั เรียนศกึ ษาคนควา เพ่ิมเติมถงึ ปญ หาในชาตสิ มาชิก โดยการใชภมู ิปญ ญาไทยและวัฒนธรรมไทยในชวี ิตประจาํ วัน อันมที ีม่ าจากแนวคดิ รัฐชาติแบบตะวันตก 144 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๒. การสร้างสรรคภ์ มู ิปัญญาไทย1 ครสู นทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั การประดษิ ฐ เครื่องมอื เครอ่ื งใชใ นชีวติ ประจาํ วันที่เกดิ จาก ๒.๑ ความหมายของคําวา่ “ภูมิปญั ญาไทย” ภูมิปญ ญาของคนไทย โดยนาํ รปู ภาพมาแสดง ประกอบ แลว ตง้ั คําถามใหน ักเรียนตอบ เชน ค�าว่า “ภูมิปัญญาไทย” หมายถึง ความรู้ • เครอ่ื งมือเคร่อื งใชม ีชือ่ วาอะไร • ทํามาจากส่งิ ใด ทักษะ ความเช่ือ และพฤติกรรมของคนไทย โดย • เปนเคร่อื งมือเคร่ืองใชในทอ งถ่นิ ใด แสดงออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับ • มีประโยชนอยา งไร โดยครใู หน กั เรยี นรว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ ง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคนกับสิ่งท่ีเหนือ ธรรมชาติ เป็นกิจกรรมทุกอย่างในวิถีชีวิต ท้ังการ แกป้ ญั หา การจัดการ การปรบั ตวั และการเรยี นรู้เพื่อ สา� รวจคน้ หา Explore ความอยู่รอดของบคุ คล ชุมชน และสงั คม นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นฐานส�าคัญในการด�ารงชีวิต รวมท้ังเป็น ครใู หนกั เรียนศึกษาความรเู กย่ี วกับการ สรางสรรคภ ูมปิ ญญาไทยจากหนงั สือเรยี น พื้นฐานความรู้ในเร่ืองต่างๆ ท่ีมีลักษณะเฉพาะหรือ หนา 145-147 และแหลง การเรียนรอู นื่ ๆ เชน อินเทอรเ น็ต หองสมุด แหลงเรยี นรใู นทองถิน่ มีเอกลักษณ์ในตวั เอง เปน ตน เกยี่ วกบั ความหมายของภูมปิ ญ ญาไทย ปจจยั สําคญั ท่ีกอ ใหเกิดภมู ปิ ญญาไทย และการมี ดังน้ัน ภูมิปัญญาไทยจึงเป็นผลงานของคน การยกยอ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาไทย ไทยท่ีได้ท�าการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมและจัดเป็น ในการประดิษฐ์เครอื่ งมอื เพ่อื จบั สัตว์นำ้า องค์ความรู้ มีการถ่ายทอดและปรับปรุงจากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จนเกิดเป็นผลผลิตท่ีด ี งดงาม มีคุณค่า และมีประโยชน์ รวมท้ังสามารถน�ามาแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตได้ เช่น สวนรวมในการอนรุ ักษภูมปิ ญญาไทย ชาวนารจู้ กั ขดุ บอ่ นา�้ หรอื ทา� เหมอื ง ฝาย สา� หรบั กกั เกบ็ นา�้ และแจกจา่ ยไปสเู่ รอื กสวนไรน่ า หรอื การที่ อธบิ ายความรู้ Explain ชาวบ้านมีความร้เู กยี่ วกับพืชพันธธุ์ ัญญาหาร ผักพื้นบ้าน เครือ่ งเทศ และสมนุ ไพร โดยสามารถ แยกแยะสรรพคุณในการรักษาโรคหรือรู้จักน�ามาประกอบอาหาร รวมท้ังรู้จักประดิษฐ์เคร่ืองมือ 1. ครใู หน ักเรยี นอธิบายความหมายของคําวา ท�ามาหากิน เช่น เคร่ืองมือจับสัตว์ เครื่องมือท�าไร่ท�านา เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือการสร้าง ภูมิปญ ญาไทย ท่อี ย่อู าศัย เป็นตน้ ดว้ ยเหตนุ ภี้ ูมปิ ัญญาของคนไทยจงึ เปน็ ผลทา� ใหเ้ กดิ วัฒนธรรมไทยขึ้นมา (แนวตอบ ภมู ิปญ ญาไทย หมายถงึ ความรู ทกั ษะ ความเชื่อ และพฤติกรรมของคนไทย ๒.๒ ปจั จัยสาํ คัญทกี่ ่อใหเ้ กดิ ภูมปิ ญั ญาไทย ภูมิปัญญาไทยเกิดขึ้นมาพร้อมกับการมีประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยเช่นเดียวกับการเกิด ที่แสดงออกถึงความสัมพันธระหวางคนกบั คน วัฒนธรรมไทย ภมู ปิ ัญญาไทยเกิดขน้ึ มาจากปจั จยั ดงั ต่อไปน้ี ธรรมชาติกบั ส่งิ แวดลอ ม และสิ่งที่เหนือ ธรรมชาติ ซึ่งเปน กจิ กรรมในชวี ิต ไมวาจะ ๑) การได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอ่ืน ภูมิปัญญาไทยที่เกิดข้ึนบางครั้งต้อง เปน การแกป ญหา การจดั การ การปรบั ตัว และ การเรียนรูเพ่อื ความอยรู อดของบุคคล ชมุ ชน อาศัยอิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่นมาปรับใช้เพ่ือการแก้ปัญหาในสังคมไทย เช่น ในสมัยสุโขทัย และสงั คม ซ่ึงเปน พ้ืนฐานความรูทส่ี ําคญั ไทยไดร้ บั อทิ ธพิ ลทางดา้ นพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทมาจากลงั กา จนกระทงั่ พระมหาธรรมราชา ในการดํารงชวี ิต) ท ี่ ๑ (ลไิ ทย) แหง่ กรุงสุโขทัยไดท้ รงพระราชนพิ นธ์ “ไตรภูมพิ ระร่วง” โดยอาศัยความรูท้ างดา้ น 2. ครใู หน กั เรยี นชวยกนั ยกตัวอยา งภมู ิปญ ญา 145 ไทยหรือภมู ปิ ญญาทอ งถ่ินของนกั เรยี น พรอม บอกวา เปน ภูมปิ ญญาทเ่ี กิดจากปจ จัยใด ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ปจ จัยสาํ คญั ท่กี อ ใหเกดิ ภมู ปิ ญญาไทยในดานวิถีการดํารงชีวิต 1 ภมู ปิ ญ ญาไทย แบงออกไดเปน 10 สาขา ไดแก สาขาเกษตรกรรม สาขา คืออะไร เพราะเหตใุ ด อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขาการแพทยแ ผนไทย สาขาการจัดการทรพั ยากร แนวตอบ สภาพแวดลอ มเปนปจจัยสาํ คญั ท่กี อใหเกดิ ภมู ปิ ญญา ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ ม สาขากองทุนและธุรกิจชุมชน สาขาสวสั ดิการ สาขา ไทยในดา นวถิ ีการดํารงชีวิตเชน เดยี วกบั บรเิ วณอื่นๆ ของโลก โดย ศิลปกรรม สาขาการจดั การองคก ร สาขาภาษาและวรรณกรรม และสาขาศาสนา สภาพแวดลอมเปน ปจจัยทกี่ ําหนดการตงั้ ถ่นิ ฐาน การพัฒนาชมุ ชน และประเพณี การประกอบอาชพี ตลอดจนคตคิ วามเชอ่ื ตา งๆ ตวั อยา งภมู ปิ ญ ญา ไทยดา นวถิ กี ารดาํ รงชีวิตท่ีสําคญั เชน การนิยมตง้ั ถิน่ ฐานบริเวณ มุม IT แหลง นาํ้ ทีเ่ กอื้ หนนุ ตอ การประกอบอาชีพและการเดินทาง การสรา ง บา นเรอื นไทยทม่ี พี น้ื ยกสงู เพอื่ การอยอู าศยั ในหนา นาํ้ หลาก เปน ตน ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเพิ่มเติมเกีย่ วกบั ภมู ิปญญาไทย ไดที่ http://www.m-culture.go.th เวบ็ ไซตกระทรวงวฒั นธรรม http://kanchanapisek.or.th เว็บไซตสารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชนฯ เลม 23 http://www.panyathai.or.th เวบ็ ไซตคลังปญญาไทย ค่มู อื ครู 145
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Expand Evaluate Engaae Explain อธบิ ายความรู้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เพ่อื เปน การสรุปวา พระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ส�าหรับสอนผู้คนให้รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ซ่ึงจะช่วยท�าให้คนไม่ก่อ วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญามคี วามสัมพันธกนั เพราะ ความเดือดร้อนต่อสังคม นับเป็นภูมิปัญญาไทยที่เกิดข้ึนจากการได้รับอิทธิพลพระพุทธศาสนาที่ ภมู ปิ ญญาทม่ี นุษยไดส รางขึน้ และปฏิบัตสิ ืบเน่อื ง มบี อ่ เกดิ มาจากวัฒนธรรมอนิ เดยี ตอ กันมายอมหมายถงึ วัฒนธรรม การจะเกิด วัฒนธรรมและภูมิปญ ญาได ยอ มมสี าเหตหุ รอื ๒) สังคมและสภาพแวดล้อม สังคมและสภาพแวดล้อมของคนไทยทุกยุคสมัย ปจ จยั ทที่ าํ ใหเ กดิ ทง้ั การรบั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมอนื่ สงั คมและสภาพแวดลอ ม และความเปน มาทางดาน ไมว่ า่ จะเป็นสมยั สุโขทัย อยุธยา ธนบรุ ี และรตั นโกสนิ ทรต์ า่ งกม็ ปี ัญหาท่ีกระทบต่อชีวิตและความ ประวัติศาสตร เป็นอยู่ตามปกติอยู่เสมอจนต้องคิดหาทางแก้ไข หาทางป้องกัน ปัญหาเหล่าน้ีมีด้วยกันหลาย ลักษณะ เช่น ปัญหาทางด้านการเมืองการปกครอง ปัญหาทางด้านสังคม และปัญหาทางด้าน ขยายความเขา้ ใจ Expand เศรษฐกิจ เป็นต้น เม่ือคนไทยคิดหาระบบวิธีแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาของคนไทยเองก็ท�าให้เกิด เป็นภูมิปัญญาไทยข้ึน เช่น ชาวสุโขทัยสร้างระบบชลประทาน กักเก็บน�้าเอาไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหา ครใู หน ักเรียนกลมุ เดมิ ไปศกึ ษาคนควา ขอ มลู การขาดแคลนนา�้ ในฤดูแล้ง เป็นตน้ เพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั ภูมิปญ ญาไทยในแตล ะภาค ดงั น้ี ๓) ความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยก็เป็น กลุมที่ 1 ภมู ิปญญาไทยภาคเหนอื กลมุ ที่ 2 ภมู ปิ ญญาไทยภาคตะวนั ออก ปัจจัยส�าคัญท่ีก่อให้เกิดภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ที่ท�าให้เกิด ภมู ปิ ญั ญาไทยใหม่ๆ เชน่ การสร้างสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ใหเ้ ปน็ ศูนยร์ วมของคนไทย เมอ่ื เรมิ่ เฉียงเหนือ สถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั จ�านวนผคู้ นยงั มีไม่มาก พระมหากษตั ริยซ์ งึ่ เป็นประมขุ ของอาณาจักร กลุมท่ี 3 ภูมิปญญาไทยภาคกลาง จกึงาเรปย็นกเยส่อมงือเนปบ็นิด า“ขธรอรงมบรุตารช าต”1่อ มซา่ึงเหมมื่อาไยดถ้รับึง อผิทู้ปธิพระลพทฤาตงพิทรศะพพิธุทรธาศชาธสรนรามพ2 รพะอมมหาาถกึงษสัตมรัยิยอ์กย็ไดุธ้รยับา กลุมที่ 4 ภูมิปญ ญาไทยภาคใต ท่ีมีดินแดนกว้างขวางมากขึ้น มีผู้คนมากขึ้น และได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู จากน้ันใหแ ตล ะกลุมจดั ทําแผน พบั สรุปความรู สถานภาพของพระมหากษัตริย์จึงมีลักษณะเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมสุโขทัยกับ เกยี่ วกบั ปจ จยั ทก่ี อ ใหเ กดิ ภมู ปิ ญ ญาไทยในแตล ะภาค วัฒนธรรมอยุธยา คือ มีความเป็นสมมติเทพขณะเดียวกันก็มีความเป็นธรรมราชาด้วย วิธีการ ลักษณะสาํ คญั ของภมู ปิ ญ ญาไทยในแตละภาค สร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความส�าคัญและกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยใน พรอมมีภาพประกอบ แลว นําสง ครผู สู อน ประวตั ศิ าสตรท์ ผี่ า่ นมา จงึ เกดิ ขน้ึ ตามสภาพความเปน็ มาทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทย ทส่ี า� คัญอย่างหนง่ึ ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๓ การมีส่วนรว่ มในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ตรวจแผน พบั ภูมปิ ญญาไทยในแตละภาค การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยน้ันจะช่วยให้ภูมิปัญญาไทยสามารถด�ารงอยู่ได้ และมปี ระโยชน์ต่อการดา� เนินชีวติ ประจา� วนั ของคนไทย การมีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ภูมิปัญญาไทย มีดังนี้ ๑. การหาโอกาสใช้สินค้าทจ่ี า� เปน็ และเป็นผลผลติ ทีเ่ กิดจากภูมิปญั ญาไทย หรอื ถ้า สามารถสร้างเองได้ก็นับว่ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยได้อีกทางหน่ึง เช่น การใช้ เครอ่ื งมือเครื่องใช้ทเ่ี ปน็ งานหัตถกรรมไทย การใชส้ มุนไพรในการรกั ษาอาการเจ็บปว่ ย เปน็ ต้น 146 นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ธรรมราชา พระราชาผใู ชหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาในการปกครอง ครูใหน กั เรยี นวิเคราะหแ นวทางการมีสว นรวมในการอนรุ ักษ ตวั อยา งทีช่ ัดเจน คอื พระมหากษัตริยใ นสมัยสโุ ขทัยดงั ปรากฏวา คาํ “ธรรมราชา” ภมู ปิ ญ ญาทองถิ่นหรอื ภูมิปญญาไทยในการดําเนินชีวิตประจาํ วนั ในพระนาม เชน พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) พระมหาธรรมราชาท่ี 3 จากการศกึ ษาเพมิ่ เติมจากแหลง การเรยี นรตู างๆ แลว นาํ มา (ไสลอื ไทย) เปนตน อภปิ รายรวมกนั จากน้ันครูและนกั เรียนชวยกันสรปุ แนวทางของ 2 ทศพธิ ราชธรรม หลกั ธรรมสาํ หรับพระเจา แผน ดนิ มี 10 ประการ เพอื่ ให ช้นั เรยี น แลว แนะนําใหน กั เรยี นนําไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจําวนั สามารถปกครองแผนดนิ โดยธรรม และยงั ประโยชนสุขใหแ กป ระชาชน จนเกดิ ความชื่นชมยินดี นอกจากทศพธิ ราชธรรมแลว หลกั ธรรมอืน่ ๆ สําหรบั กิจกรรมทา ทาย กษตั รยิ ห รือผูปกครอง เชน จกั รวรรดิวตั ร 12 ราชจรรยานวุ ตั ร เปนตน 146 คู่มอื ครู ครูใหนักเรยี นวเิ คราะหแ นวทางการฟน ฟหู รือพัฒนาภูมิปญญา ทอ งถิ่นหรอื ภูมิปญ ญาไทยของภาคสวนตา งๆ จากการศึกษา เพ่ิมเติมจากแหลงการเรยี นรูต างๆ แลวนาํ มาอภปิ รายรว มกนั จากน้นั ครูและนักเรียนชวยกันสรุปแนวทางของชน้ั เรียน
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ครใู หนักเรยี นแสดงความคิดเหน็ วา ในปจ จบุ ัน วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยมีการเปลย่ี นแปลงไป ๒. การศึกษาหาความรู้เก่ียวกับภูมิปัญญาไทยในขณะท่ีเดินทางไปในสถานท่ีต่างๆ มากนอ ยแคไ หน เพราะเหตุใด เพ่ือให้เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาไทย เช่น การศึกษาหาความรู้เรื่องเครื่องปั้นดินเผาตามแหล่ง พผลชื ิตสตม่านุ งไๆพ ร1กไาทรยศจึกาษกาแเหกลี่ยง่วเกรับยี นเครร้ตู ่ือ่างงมๆือ เเปค็นร่ือตงน้ ใช้จากวัสดุธรรมชาติในท้องถ่ิน การศึกษาเก่ียวกับ สา� รวจคน้ หา Explore ๓. การเผยแพรค่ วามรใู้ นเรอื่ งภมู ปิ ญั ญา ครใู หน ักเรียนศึกษาคน ควา เก่ยี วกับการ ไทยให้กับคนรอบข้างและอนุชนรุ่นหลัง เพ่ือให้เห็น สบื ทอดและเปล่ยี นแปลงของวัฒนธรรมและ ประโยชน์และความส�าคัญของภูมิปัญญาไทย เพ่ือจะ ภูมิปญญาไทย จากหนังสอื เรียนหนา 147-148 ได้ช่วยกนั อนรุ ักษ์ใหย้ ง่ั ยืนสืบไป หรือจากแหลงเรียนรอู ื่นๆ ภ ูมปิ ัญ ญาไทย๔ . เชกน่ า รชเปม็นรมสอมนาชุรกัิกษข์ผอา้งไชหมมรไมททย2่ีอ นชมุรักรษม์ อนรุ กั ษผ์ ลติ ภัณฑ์ไทย เปน็ ตน้ และพยายามหาเวลา อธบิ ายความรู้ Explain เข้าร่วมกิจกรรมของชมรม เพราะชมรมต่างๆ ใน 1. ครูถามนักเรยี นวา ลักษณะรว มทางสงั คมและ ลักษณะเหล่าน้ีมีส่วนส�าคัญในการช่วยอนุรักษ์และ วัฒนธรรมทส่ี ง เสริมการสรางสรรควัฒนธรรม สบื สานภูมิปญั ญาไทย และภมู ปิ ญ ญาไทยมีอะไรบา ง ใหยกตวั อยา ง การศกึ ษาเกีย่ วกับภูมปิ ญั ญาไทย จะช่วยปลูกฝัง ประกอบการอธิบาย ใหเ้ ดก็ และเยาวชนเหน็ คุณค่าและร่วมกนั อนรุ ักษ์ (แนวตอบ ลกั ษณะรว มทางสงั คมและวัฒนธรรม ๓. การสบื ทอดและเปลีย่ นแปลง ให้คงอยตู่ ลอดไป ไดแ ก การเปนสังคมเกษตรกรรม จงึ มี ของวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย วฒั นธรรมประเพณีท่เี ปน ความเช่ือบางอยา ง เนือ่ งจากวัฒนธรรม หมายถงึ ระบบระเบียบแบบแผนสา� หรับการดา� รงชีวติ และการอยรู่ ่วม ทเ่ี หมือนกนั ในแตละภูมภิ าค เชน ความเชื่อ กันของมนุษย์ อันประกอบไปด้วยระบบความเช่ือ ระบบคุณค่า และวิถีชีวิตทั้งหมด และเมื่อ เร่อื งแมโพสพ ทําใหเกิดการทาํ ขวัญขา ว มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ คนไทยในอดีตจึงปรับตัวให้สมดุลกับธรรมชาติ และมีการ การบูชาแมโ พสพ หรือการที่คนไทยสวนใหญ สืบทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องกันมานับต้ังแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จนกลายเป็น นบั ถือพระพทุ ธศาสนา จึงเกิดประเพณีทาง รากฐานทางวฒั นธรรมและเปน็ สิ่งยึดเหนย่ี วสังคมไทยให้สามารถด�ารงอยู่ได้มาจนถงึ ปัจจบุ นั ศาสนาข้นึ เชน การตักบาตรเทโว การแหเทียน อย่างไรก็ตามในภายภาคหน้า สังคมไทยอาจด�ารงอยู่ไม่ได้ หากคนไทยหันไปช่ืนชมกับ พรรษา เปน ตน) วฒั นธรรมสมัยใหม่จนหลงลืมวฒั นธรรมไทย ดงั นน้ั การสบื ทอดวัฒนธรรมไทยจึงมคี วามส�าคัญ 2. ครูถามนาํ วา จากการศึกษามาแลว ท้งั หมด ยิ่งต่ออนาคตของสังคมไทย คนไทยจึงต้องหันมาท�าความเข้าใจกับวัฒนธรรมไทยด้วยการ นักเรียนคดิ วา วฒั นธรรมและภูมิปญ ญาไทย ทา� ความเขา้ ใจและร้คู ุณคา่ ภมู ปิ ญั ญาไทยที่มีอยู่ในวฒั นธรรมไทย มีประโยชนอ ยา งไร ใหนกั เรยี นรวมกันแสดง การท�าความเข้าใจวัฒนธรรมไทย ก็เพื่อตรวจสอบค้นหาว่ายังมีอะไรบ้างที่มีคุณค่าและมี ความคดิ เห็น กอนทคี่ รจู ะสรปุ วา วฒั นธรรม ความหมายพอที่จะน�ามาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต กล่าวคือ เราพยายามศึกษา และภูมปิ ญญาไทยเปนสงิ่ ทม่ี ปี ระโยชน วัฒนธรรมโลกท่ีเปลีย่ นแปลงไป และก�าลงั มอี ิทธพิ ลตอ่ สังคมไทย แต่ขณะเดียวกนั คนไทยจะต้อง ทีบ่ รรพบรุ ษุ ไดค ิดหรือสรา งไว อนั เปน สง่ิ ท่ี ท�าความรู้จักตนเอง แล้วรู้จักเลือกสรรผสมผสานทั้งภูมิปัญญาไทยท่ีเป็นภูมิปัญญาเก่าและ เหมาะสมกับสภาพแวดลอมของประเทศไทย ในฐานะคนรนุ หลงั ภมู ปิ ญญาบางอยา ง 147 หากปฏิบัตไิ ดก ็ควรอยางยง่ิ ทเ่ี ราจะปฏิบตั ิ สืบทอด หรอื อนรุ ักษไ วตอ ไป ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู การกระทาํ ของบคุ คลใดกลาวไดว าเปน การมีสว นรว มในการ 1 สมุนไพร มีประโยชนท้งั ดานการรกั ษาโรคและดานสงั คม กลา วคือ อนุรักษภมู ิปญญาไทยไดอ ยา งถูกตอ ง เมือ่ คนไทยรวู ธิ ีใชและใชอยางจรงิ จังกจ็ ะมสี ว นชวยในการชวยลดดุลการคา ในการสง่ั ยาจากตา งประเทศ รวมถงึ สง เสรมิ ใหเ กดิ ความภาคภมู ใิ จในวฒั นธรรม 1. เพชร เรียนนวดแผนไทยเปนวิชาชีพเสริม และภมู ปิ ญ ญาไทย 2. เพทาย ใชสินคาท่ีผลิตภายในประเทศเทา นัน้ 2 ผาไหมไทย เปนมรดกทางวัฒนธรรมอันลา้ํ คา ทม่ี กี ารถา ยทอดจากบรรพชน 3. ไพลนิ เปรยี บเทยี บภมู ิปญญาไทยกบั เพอื่ นตางชาติ สูคนรุนหลัง ซ่งึ มลี ักษณะแตกตา งกนั ไปในทอ งถน่ิ ตา งๆ กรมหมอนไหมไดจัดแบง 4. พลอย ทานผักและผลไมไ ทยหลายชนดิ เพอ่ื รกั ษาสขุ ภาพ ออกเปน 6 กลุม ใหญๆ ไดแก ผายก เชน ผายกพุมเรยี ง ผา ลายดอก เชน ผากาบบวั ผา แพรวา ผามดั หม่ี ผา เบ่ียงขิด และผา ไหมเกาะหรอื ลวง เชน ผา ไหม วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพชรเรยี นนวดแผนไทยเปน วิชาชีพ ลายนา้ํ ไหล เปนตน เสริม กลา วไดว า เปน การมสี ว นรวมในการอนรุ ักษภ ูมปิ ญญาไทย ดานการดแู ลรักษาสุขภาพไดอ ยางถกู ตอง จากการศกึ ษาและนาํ ไป ปฏบิ ตั ิเปนอาชพี เสริม ซ่ึงจะมีสวนชว ยเผยแพรภูมปิ ญ ญาไทย ในทางออมอีกดว ย คู่มือครู 147
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครูนาํ ภาพเครื่องสงั คโลกและสรีดภงสม าให ภูมิปัญญาของตะวันตกหรือภูมิปัญญาใหม่ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาและด�ารงชีวิตอยู่ได้อย่าง นกั เรยี นดู จากนน้ั ครูตง้ั คําถามเปด ประเดน็ ปกติสุข ใหนักเรยี นรวมกนั ตอบ เชน ด้วยเหตุน้ี การสืบทอดวัฒนธรรมและภูมิปัญญาจึงมีความส�าคัญ เพราะเป็นรากฐานของ • บอ น้าํ หรอื สระนา้ํ ท่ีเห็นในภาพคอื อะไร สงั คมไทย แต่ขณะเดียวกันก็จะต้องยอมรับถึงการเปลย่ี นแปลงของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย สรา งขึน้ ในสมยั ใด และมคี วามสาํ คญั อยางไร เพ่ือให้สามารถสร้างความสมดุลระหว่างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย กับวัฒนธรรมและ (แนวตอบ สรดี ภงส สรางข้นึ ในสมยั สโุ ขทัย ภูมปิ ัญญาสมยั ใหม่ เพ่ือจะไดส้ ามารถนา� ไปประยกุ ต์ใช้ในการดา� เนนิ ชวี ติ ได้ในทุกสถานการณ์ มคี วามสําคญั คอื เปนแหลงรบั นํา้ และระบาย นํ้าไวสาํ หรับใชในหนา แลง เพราะพน้ื ท่ี ๔. ตวั อย่างของการสรา้ งสรรคภ์ มู ิปัญญาไทยในประวัตศิ าสตร์ สว นใหญของสุโขทยั เปนดนิ ทราย ไมอุมนาํ้ ) เพ่ือให้เข้าใจถึงการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในประวัติศาสตร์ไทย จึงได้น�าตัวอย่างของ 2. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยางภมู ปิ ญญาไทย การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในสมัยต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ในสมยั อนื่ ๆ มาอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจพอสงั เขป เพอ่ื จะไดเ้ ขา้ ใจถงึ วธิ คี ดิ และการใชภ้ มู ปิ ญั ญาของคนไทยในสมยั นน้ั ๆ (แนวตอบ ภมู ปิ ญ ญาไทยเกิดขึ้นทุกยุคสมัย ว่าสามารถนา� มาใช้แกป้ ญั หาในการอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยไดอ้ ย่างไร ตง้ั แตส มยั สโุ ขทัย อยุธยา ธนบรุ ี และ รตั นโกสินทร เชน ภูมปิ ญญาในการควบคุม ๔.๑ ตัวอยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรค์ภมู ปิ ญั ญาไทย กําลังคน โดยระบบศกั ดนิ าในสมัยอยธุ ยา สมยั สโุ ขทัย เปน ตน ) สา� รวจคน้ หา Explore ตัวอย่างของลักษณะการสร้างสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยในสมยั สุโขทัย เพอื่ ประกอบความ เขา้ ใจเรอื่ งภูมปิ ัญญาไทย มีดังนี้ ครูใหนักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 4 คน เพอ่ื แบง หนาท่กี ันศกึ ษาเก่ียวกับตัวอยา งของการสรางสรรค ภมู ปิ ญ ญาไทยในประวัตศิ าสตร จากหนงั สอื เรยี น àÃè×ͧàŋҨҡʹµÕ หนา 148-163 โดยศกึ ษาหัวขอ ตอ ไปน้ี ความเปนมาของกระทรวงวัฒนธรรม คนที่ 1 ศกึ ษาตวั อยา งของลกั ษณะการ สรา งสรรคภมู ปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั กระทรวงวฒั นธรรมเปน็ ๑ ใน ๒๐ กระทรวงหลักและเป็น ๑ ใน ๖ กระทรวงที่ได้ รับการสถาปนาการปฏิรูประบบราชการ เม่ือวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามบทบัญญัติ คนที่ 2 ศึกษาตวั อยา งของลกั ษณะการ มาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำาหนดให้ สรางสรรคภ มู ปิ ญญาไทยสมยั อยธุ ยา กระทรวงวัฒนธรรมมีอำานาจหน้าที่เก่ียวกับศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรม หรือราชการอ่ืน ตามที่มีกฎหมายกำาหนดให้เป็นอำานาจหน้าท่ีของกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชการท่ีสังกัด คนท่ี 3 ศกึ ษาตวั อยา งของลกั ษณะการ กระทรวงวฒั นธรรม สรางสรรคภมู ปิ ญญาไทยสมัยธนบรุ ี โดยตราสัญลักษณ์เคร่ืองหมายราชการของกระทรวงวัฒนธรรมเป็นรูปบุษบก คนที่ 4 ศกึ ษาตัวอยา งของลักษณะการ ประดิษฐานดวงประทีป ภายใต้ซุ้มเรือนแก้วเหนือหมู่ลายเมฆ มีความหมายคือ ปัญญา สรา งสรรคภ มู ิปญ ญาไทยสมยั ซงึ่ เปน็ รากฐานของวัฒนธรรม รตั นโกสนิ ทร จากนนั้ ใหนกั เรยี นแตล ะคนอธบิ ายความรูท ่ตี น ไดศึกษามาใหแ กเพอื่ นในกลุม เมอ่ื ครบทุกคนแลว 148 ใหท กุ คนในกลมุ สอบถามขอ สงสัยจนเขาใจตรงกัน ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ครคู วรเตรียมวดี ิทศั นหรือภาพและขอ มลู เก่ียวกับผลงานการสรา งสรรค กจิ กรรมในขอ ใดเปน การผสมผสานภมู ปิ ญ ญาไทยกบั สถานการณ ภมู ปิ ญญาไทยในยุคสมัยตา งๆ ทางประวัติศาสตร เพอ่ื นาํ มาใหนกั เรยี นพิจารณา ปจ จบุ นั รวมกนั ในข้ันตอนของกจิ กรรมการเรียนรูทเ่ี หมาะสม เพอื่ กระตนุ ความสนใจของ นกั เรียนและสง เสรมิ ใหน ักเรียนเกดิ ความรูความเขา ใจการสรา งสรรคภมู ิปญ ญาไทย 1. การประกวดนกั ออกแบบผา ไทยรวมสมยั ในประวตั ิศาสตรไ ดดยี ่ิงข้ึน 2. การศึกษาคน ควาดานนาฏศลิ ปไ ทยสมยั รัตนโกสินทร 3. การสง เสรมิ การใชสมนุ ไพรในการปอ งกันและรกั ษาโรค 4. การจัดนทิ รรศการภูมปิ ญญาดานการดาํ รงชีวติ ของทองถิน่ มุม IT วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การประกวดนกั ออกแบบผาไทย ศึกษาคนควาขอ มลู เพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั กระทรวงวัฒนธรรม ไดที่ รว มสมัย จัดเปนกิจกรรมทีผ่ สมผสานภูมิปญ ญาดา นผาไทยกับ http://www.m-culture.go.th เว็บไซตก ระทรวงวัฒนธรรม ความนยิ มของผบู รโิ ภคในปจ จบุ ัน เปนแนวทางหนง่ึ ในการสบื สาน และปรบั ปรุงใหภ มู ิปญญาซึง่ อาจไมเหมาะกบั สภาพสังคมปจจุบันให ดาํ รงอยไู ด 148 คู่มอื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑) ระบบการชักน�้า เก็บน้�า และระบายน�้า การสร้างระบบการชักน�้า เก็บน�้า ครสู นทนารว มกนั กบั นกั เรยี นเกย่ี วกับตัวอยา ง ของลกั ษณะการสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาไทยสมัย แกาลระพระบบตารยะนพ�า้ ัง 1 น(สับรเะปน็น�า้ ภ) ูมใิปหัญญญๆ่ าแไทละยมอีวยัด่าหงหรอืนศึ่งใานสสนมสยัถสาุโนขสทรัยา้ งไดวงั ้ใมกีหลล้ๆกั หฐารนอื เสปร็นา้ งจไ�าวนบ้ วนนเมกาากะก เลชาน่ ง สโุ ขทยั จากนั้นตง้ั คาํ ถามใหแตละกลมุ แขง ขันกนั ตระพังใหญๆ่ เช่น ตระพังทอง ตระพังเงิน เป็นต้น การสรา้ งศาสนสถานไวใ้ กลก้ ับตระพังก็เปน็ ตอบ ตัวอยางคาํ ถาม เชน อุบายในการรกั ษาความสะอาดให้กบั น�้าในตระพัง เพราะบริเวณศาสนสถานผคู้ นในอดตี ถือวา่ เป็น เขตสิง่ ศกั ดิส์ ิทธ ิ์ การทงิ้ ของเสยี ลงในสระน้า� มนี ้อย จงึ ท�าใหส้ ระน�้าสะอาด • เพราะเหตุใด คนสมัยโบราณจึงนยิ มสราง เนื่องจากในกรุงสุโขทัยได้ประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้�าส�าหรับอุปโภคและ ศาสนสถานไวใกลกบั สระนํา้ หรือตระพัง บริโภค รวมท้ังการเพาะปลูก โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เพราะบรรดาล�าห้วย หนอง คลอง บึง (แนวตอบ การสรางศาสนสถานไวใกลก บั น้�ามักแห้งขอด และไม่มีทางน้�าหรือแอ่งน�้าใต้ดินที่จะน�าน้�ามาอุปโภคและบริโภคได้ ดังนั้น สระนํา้ หรอื ตระพัง นบั เปนกุศโลบายอัน จึงต้องอาศัยการสร้างระบบชลประทานท่ีมีประสิทธิภาพ วิธีที่จะด�าเนินการเพ่ือให้มีน�้าไว้ใช้ ชาญฉลาดของคนโบราณ เน่อื งจากผคู น อปุ โภคและบริโภคได้ตลอดทง้ั ปกี ค็ อื การชกั นา้� การเก็บน�า้ และการระบายน้า� นน่ั เอง มคี วามเช่ือวาบรเิ วณศาสนสถานมีความ ส�าหรับการกักเก็บน้�าบนผิวดิน จ�าเป็นจะต้องชักน้�าจากที่สูงเข้ามาบริเวณเมืองซ่ึง ศักดสิ์ ิทธ์ิ จึงไมมีใครกลาทําใหนาํ้ ในตระพงั เป็นท่ีอยู่อาศัย โดยสร้างแนวคันดินจากท่ีสูงมายังคูน�้าล้อมรอบบริเวณศาสนสถาน แนวคันดินน้ี เนา เสยี นาํ้ ในตระพงั จงึ สะอาด สามารถนาํ มา จะบีบน้�าที่ไหลจากที่สูงโดยมีท่อดินเผาขนาดใหญ่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวดิน เมื่อเกิดฝนตกน�้าจะไหลไป อุปโภคบรโิ ภคได) ตามท่อดินเผา ซึ่งจะน�าไปไว้ในห้วยส�าหรับเป็นแหล่งกักเก็บน้�า นอกจากบรรดาคันดินท่ีชักน้�า จากที่สูงลงมาที่ล�าห้วยแล้ว ยังมีแนวคันดินอ่ืนๆ ที่ชักน้�าจากท่ีสูงไปเก็บไว้ตามคูน้�าหรือสระน�้า • กระบวนการกกั เกบ็ นา้ํ ไวใ ชฤ ดแู ลงของ ของวัดตา่ งๆ อีกดว้ ย สโุ ขทัยเปน อยา งไร (แนวตอบ สรางแนวคนั ดิน (เรยี กวา เขอ่ื น พระรวง) จากท่สี งู มายงั ตระพัง (เรยี กวา สรดี ภงสห รือทํานบพระรวง) ซึง่ ตองมีการ ฝง ทอดินเผาขนาดใหญไ วใตผวิ ดิน เมอ่ื ฝนตกน้าํ จะไหลไปตามทอ ดินเผา ไปกกั เกบ็ ไวในตระพงั นอกจากน้ี ชาวสุโขทัยยังสราง บอ น้าํ รปู กลม กรุอฐิ และสระนา้ํ รูปสเี่ หลย่ี ม ขนาดเลก็ สาํ หรบั ดกั นาํ้ ทไ่ี หลซมึ ออก มาจากตระพงั มาใชอ ปุ โภคบริโภคในเขตวดั และทอ่ี ยูอาศยั ดวย) 2 สรีดภงส์ หรือทาำ นบพระรว่ ง เป็นภูมปิ ญั ญาของคนสโุ ขทัยทรี่ จู้ ักสรา้ งอา่ งเกบ็ น้ำาไว้เพอ่ื การอุปโภคบริโภค 149 ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั 1 ตระพงั มรี ากศพั ทม าจากภาษาเขมรวา “ตรพฺ าํ ง” (อา นวา ตรอเปย ง) “ตระพงั ” เปนภมู ิปญญาในเรือ่ งใดของคนยุคสมยั สุโขทยั แปลวา บอหรอื สระน้าํ ตระพงั เก็บนาํ้ ทส่ี ําคัญของกรุงสโุ ขทัยมี 4 ตระพงั คอื 1. การชักนา้ํ 2. การเก็บนาํ้ 1. ตระพงั เงิน อยูทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ 3. การระบายนาํ้ 2. ตระพงั ตะกวน อยูทางทิศเหนือของตระพังเงนิ 4. การควบคุมทางไหลของนํา้ 3. ตระพงั ทอง อยูบริเวณวัดตระพังทอง 4. ตระพงั สอ อยูดานหลงั พระบรมราชานุสาวรียพ อขุนรามขําแหงมหาราช วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ตระพงั หมายถงึ บอหรอื สระนาํ้ 2 สรีดภงส หรือทาํ นบพระรวง กรมชลประทานไดป รับปรุงทํานบแหง นมี้ าใช ประโยชนดา นการชลประทาน เรียกวา “อา งเกบ็ นํ้าพอขนุ รามคําแหง” เปน ภมู ปิ ญญาของคนสมยั สโุ ขทัยในการบรหิ ารจัดการนํ้า เพอ่ื กัก เกบ็ นํ้าไวใ ชเพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภค เนื่องจากกรงุ สโุ ขทัยประสบ มมุ IT ปญหาการขาดแคลนนาํ้ สาํ หรับอปุ โภคบริโภค และการเพาะปลูก โดยเฉพาะในฤดูแลง เพราะไมมีทางนา้ํ หรือแอง นํา้ ใตด ิน ดงั นน้ั ศกึ ษาความรูภูมปิ ญ ญาไทยสมยั สุโขทยั เพม่ิ เติม ไดท่ี จึงตองสรางระบบชลประทานทมี่ ีประสิทธภิ าพ โดยการชกั นาํ้ http://www.fifinearts.go.th/node/357 เวบ็ ไซตสาํ นกั โบราณคดี การเกบ็ นาํ้ และการระบายนา้ํ ตระพังท่สี าํ คญั เชน ตระพงั เงนิ ตระพังตะกวน ตระพงั ทอง ตระพงั สอ เปนตน คูม่ อื ครู 149
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครตู งั้ คาํ ถามเกย่ี วกับภมู ิปญญาไทยในการ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีบ่อน�้ารูปกลม กรุอิฐ และสระน�้ารูปส่ีเหล่ียม ประดษิ ฐเ คร่อื งปนดินเผาในสมัยสุโขทยั แลวให ขนาดเล็กซ่ึงพบได้ทั่วไปบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย เพ่ือดักน�้าท่ีไหลซึมจากบรรดาตระพังมาใช้เพื่อ นกั เรยี นชวยกนั ตอบ เชน อุปโภคและบริโภคในเขตวัด และบริเวณท่ีอยู่อาศัย การพบบ่อน�้าที่กรุด้วยอิฐแสดงให้เห็นถึง กระบวนการของระบบการใชน้ า้� ขัน้ สดุ ท้าย ซงึ่ ผา่ นขัน้ ตอนต่างๆ จากการรบั น�้า ชกั น้า� ระบายน�้า • เครื่องปนดินเผาในสมยั สโุ ขทยั มีชอ่ื เรยี กวา มาจนถึงการเก็บน�้าในตระพังแล้วปล่อยให้ไหลซึมลงมายังบ่อน�้าใช้อีกต่อหน่ึง โดยท่ีเขื่อนคันดิน อะไร และมีประโยชนอยางไร “ทสส่ี รรดี า้ ภงขงสนึ้ ”์1ม ซาเ่ึงปรน็ะบเขบอ่ื กนากรกัชเักกนบ็ ้�าน า�้เก เบ็ รนยี กา้� วแา่ ล“ะเรขะอ่ื บนาพยรนะ้า� ร ว่ ใงน” ส มสัยว่ สนโุ แขหทลยั ง่นรถี้บั อืนไา้� ดแว้ ล่าะเรปะน็ บภาูมยนปิ า้�ัญ ญเรายี ไกทวยา่ (แนวตอบ เครือ่ งสงั คโลก มีประโยชน คอื ทางดา้ นการชลประทานอยา่ งหนง่ึ ทป่ี รากฏใหเ้ ห็นในสมยั นน้ั เปน ภาชนะสําหรบั ใชส อยใสส ง่ิ ของ เชน โถ จาน แจกัน ไห กระปุก กาน้ํา เปนตน ) ๒) การประดษิ ฐ์เครอ่ื งปนั ดินเผา บริเวณดินแดนท่ีเปน็ ประเทศไทยปัจจบุ ัน ได้มี • เครอื่ งปน ดนิ เผาสมัยสุโขทัยมีกีป่ ระเภท การค้นพบเคร่ืองปั้นดินเผาอันเป็นภาชนะส�าหรับใส่สิ่งของมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว อะไรบา ง และมลี ักษณะโดดเดนอยางไร และเช่ือว่าภูมิปัญญาเหล่าน้ีได้เป็นรากฐานของการผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาในสมัยประวัติศาสตร์ใน (แนวตอบ มี 2 ประเภท ไดแก ชนดิ เคลอื บ เวลาตอ่ มา และชนิดไมเ คลอื บ สวนใหญม กั ทําเปน ในสมัยสุโขทัย มีการประดิษฐ์เคร่ืองปั้นดินเผาท้ังชนิดเคลือบและไม่เคลือบ โดย สีเขยี วไขก าทง้ั ชนิดหนาและบาง ซง่ึ นยิ มทํา กในาสรนม�ายั ดสินโุ ขมทาัยปนั้นีเ้ เรปีย็นกรวูปา่ ท“รสงังตค่าโงลๆก ”2แล้วน�ามาเผาเพ่ือใช้งานในลักษณะต่างๆ ซึ่งเคร่ืองปั้นดินเผา ในฤดฝู น สวนนอยมกั ทาํ เปน สีน้าํ ตาล ซึ่งมกั เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดเคลือบในสมัยสุโขทัย ส่วนใหญ่มักท�าเป็นสีเขียวไข่กา มีท้ัง ทําในฤดูรอนและฤดูหนาว) ชนิดหนาและบาง นอกจากน้ียังมีการเคลือบเป็นสีน้�าตาลแต่มีน้อย ส�าหรับการเผาเคร่ืองเคลือบ ดินเผาสมัยสุโขทัยมักจะเผากันมากในฤดูฝน เพราะการเผาในฤดูฝน อากาศ เตาเผา และฟืน • วตั ถดุ บิ ทใ่ี ชทําเครือ่ งปนดนิ เผาสมัยสโุ ขทัยมี อะไรบา ง (แนวตอบ ดนิ ขาวและดินเหนียวทม่ี คี ุณภาพดี รวมถึงตนไมบางชนดิ ที่สามารถนาํ มาผลติ น้ํายาเคลือบได) เตาเผาทุเรยี ง3และถว้ ยชามสงั คโลก เปน็ ภูมปิ ัญญาของชาวสโุ ขทัย ในการผลิตเครือ่ งปนั ดินเผาทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง 150 นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ ใดกลาวไดถูกตองเก่ียวกับภูมิปญญาดานการประดิษฐ 1 สรีดภงส เรยี กอีกอยา งหน่ึงวา “ทาํ นบพระรวง” เน่ืองจากชาวบา นมีความเช่อื เครื่องปนดินเผาในดนิ แดนประเทศไทย วา พระรว งเปน ผสู รา งหรอื เกดิ ขนึ้ จากอทิ ธฤิ ทธขิ์ องพระรว ง แตน กั วชิ าการหลายทา น 1. การประดษิ ฐเ ครื่องปน ดินเผามีตั้งแตสมัยกอ นประวตั ศิ าสตร เรียก “สรดี ภงส” ตามชอ่ื ทีป่ รากฏในศิลาจารกึ หลกั ที่ 1 2. ความศรทั ธาในพระพุทธศาสนาเปน ปจ จยั หลักในการประดิษฐ 2 สงั คโลก เช่ือกนั วา เพ้ยี นมาจากคําวา “สวรรคโลก” ซึ่งเปน ชือ่ ของแหลง ผลติ เครอ่ื งปน ดนิ เผา เครื่องปนดนิ เผาที่สาํ คัญ ตอมาเปลี่ยนช่อื เปนเมอื งศรสี ัชนาลัย 3. การผลิตเครือ่ งสงั คโลกสเี ขียวไขก าเปน ภมู ปิ ญ ญาท่สี ุโขทยั 3 เตาเผาทุเรียง ทส่ี าํ คัญอยทู ี่บา นเกาะนอ ย อุทยานประวตั ศิ าสตรศ รสี ชั นาลัย รับการถา ยทอดมาจากอนิ เดยี จากการขดุ คนพบเตาเผากวา 500 เตา และพบเครอื่ งสังคโลกในสภาพสมบรู ณ 4. ความเจริญดานการคมนาคมมสี วนชวยสงเสรมิ การประดษิ ฐ จํานวนมาก ลักษณะของเตามีรปู ยาวรีประมาณ 7-8 เมตร ปจ จุบันมีการจัดตง้ั ศนู ย เคร่ืองปน ดนิ เผาโดยใชวัตถดุ ิบจากตา งชาติ ศึกษาและอนรุ ักษเตาสงั คโลก (เตาทเุ รยี ง) ข้ึน เพ่ือการเกบ็ รกั ษา การศึกษา และ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การประดษิ ฐเ ครอ่ื งปน ดนิ เผามตี งั้ แต เผยแพรข อ มลู ความรูแกประชาชนทวั่ ไป สมยั กอนประวัตศิ าสตร ท่สี ําคญั ไดแก การประดิษฐเ คร่อื งปน ดนิ เผา ลายเขยี นสใี นชมุ ชนสมยั หนิ ใหมถ งึ สมยั สาํ รดิ บรเิ วณแหลง โบราณคดี 150 ค่มู ือครู บา นเชยี ง จงั หวัดอดุ รธานี ซึ่งไดร ับการขน้ึ ทะเบยี นจากองคก าร ยูเนสโกใหเ ปนมรดกโลกใน พ.ศ. 2535
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ มีความช้ืนมาก ท�าให้ได้เคร่ืองเคลือบสีเขียวไข่กา1สวยมากกว่าท�าในฤดูร้อน ส่วนเครื่องเคลือบ ครตู ง้ั คําถามเก่ียวกับภูมปิ ญญาไทยในการ ประดษิ ฐต วั อกั ษรไทยในสมยั สุโขทยั เชน สนี า�้ ตาลนิยมเผากันในฤดรู อ้ น และฤดหู นาวเสียเป็นสว่ นใหญ่ • การที่คนไทยมภี าษาไทยใชเปน ของตนเอง การผลิตเครื่องปั้นดินเผาชนิดเคลือบจะต้องใช้ดินขาวและดินเหนียวท่ีมีคุณภาพดี ไมตองใชภ าษาของคนชาติอ่ืน ถือวา เปน ผลดีอยา งไร รวมทั้งแหล่งต้นไม้บางชนิดซึ่งสามารถน�ามาผลิตน�้ายาเคลือบได้ โดยสามารถน�ามาผลิตเป็น (แนวตอบ ทาํ ใหคนไทยสามารถสอื่ สารกนั ได อยางเขา ใจในหมคู นไทยดว ยกัน และแสดง ผลติ ภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น ภาชนะประเภทถ้วย โถ จาน แจกัน กาน�้า ไห กระปุก เป็นตน้ ความเปน เอกลกั ษณ ความเปนปก แผนของ คนไทยทใี่ ชภ าษาไทยเปน สญั ลักษณรวมกนั ) ซึ่งเครื่องเคลือบดินเผาหรือสังคโลกยังคงมีสืบต่อมาถึงสมัยอยุธยาตอนต้น และจัดได้ว่าเป็น • ภาษาใดที่มีอิทธิพลตอ การประดิษฐอ ักษร ภมู ิปญั ญาไทยอกี อย่างหนงึ่ ไทยของพอ ขุนรามคําแหงมหาราช (แนวตอบ ภาษาขอม มอญ รวมถงึ ไดรับ “ลายสอื ไทย”2 ๓ข)อ งกพาอ่ รขปนุ รระาดมษิ คฐา� ต์แหวั องมกั หษารรไาทชย เสมา� อ่ื ห รพบั .ศค. น๑ไ๘ท๒ย๖ กนาน้ัรปนรบั ะไดดษิว้ า่ฐเต์ ปวั น็ อพกั รษะรปไรทชี ยาทสเ่ี ารมยี การวถา่ อทิ ธิพลจากลงั กาและอินเดยี ) ของพระองค์ท่ีทรงประดิษฐ์อักษรไทยท่ีเป็นแบบฉบับของคนไทย ไม่ต้องใช้ภาษาของชนชาติอ่ืน • ตวั อกั ษรไทยทีพ่ อ ขุนรามคาํ แหงมหาราช ทรงประดษิ ฐข ึ้นมีลักษณะพเิ ศษอยางไร เพ่ือใช้สื่อสารให้เกิดความเข้าใจในหมู่คนไทยด้วยกัน อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของ (แนวตอบ มกี ารเพม่ิ พยัญชนะ สระ และ วรรณยกุ ต ใหเ พียงพอกบั เสียงพดู ของคน คนไทยท่ีใชภ้ าษาไทยเป็นสญั ลักษณร์ ว่ มกนั ในชาติ ทาํ ใหส ามารถเขยี นคาํ ไทยไดทกุ คํา และการมวี รรณยกุ ตทาํ ใหส ามารถอาน ในการประดิษฐ์ “ลายสือไทย” ของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชนั้นทรงได้ดัดแปลง ความหมายของคําไดถ ูกตอง โดยไมตองดู ขอความท้ังประโยคดงั เชนภาษาขอม ตัวหนังสอื ขอม มอญ ซง่ึ นิยมใช้กนั อยแู่ ถบแม่น้า� เจา้ พระยาแต่เดิม นอกจากน้ ี ตัวรูปอักษรของ นอกจากนัน้ พยัญชนะทุกตวั จะเขียนเรียง อยบู นบรรทัดเดียวกัน ไมม ีตัวพยญั ชนะซอ น พอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราชน่าจะได้รับอิทธิพลจากลงั กาและอินเดยี ดว้ ย กันเหมอื นภาษาขอม ภาษามอญ หรือภาษา พมา ) การประดิษฐ์ตัวอักษรไทยของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช มีลักษณะพิเศษและมีประโยชน์ต่อการเขียนและการอ่านภาษาไทยเป็น อย่างมาก เน่ืองจากพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชทรงประดิษฐ์รูปอักษรทั้ง พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เพิ่มขึ้นให้พอกับเสียงพูดของคนใน ชาต ิ และท�าให้สามารถเขียนค�าไทยไดท้ กุ คา� นอกจากน ้ี การมีรูป วรรณยุกต์ ยังท�าให้สามารถอ่านความหมายของค�าได้ถูกต้อง โดยไม่ต้องดูข้อความประกอบท้ังประโยค (ถ้าเป็นอักษรขอม โบราณ เมอื่ เขียนค�าวา่ “เบก” อาจอา่ นออกเสยี งเป็น เบก แบก หรือเบิก ก็ได ้ ดงั นัน้ เวลาอา่ นจงึ ตอ้ งดูความหมายของ ประโยคก่อน จึงจะอา่ นออกเสยี งได้ถูกตอ้ ง) อักษรไทย ของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชยังมีลักษณะพิเศษอีก ประการหน่งึ คือ พยญั ชนะทุกตัวเขียนเรียงอย่บู รรทัด พอ่ ขนุ รามคาำ แหงมหาราชทรงประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยขน้ึ เดยี วกนั ไม่มตี ัวพยัญชนะซอ้ นกันเหมือนตัวอกั ษรของ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ โดยดัดแปลงมาจากอักษรมอญ ดินแดนใกล้เคยี งอยา่ ง เขมร มอญ หรือพมา่ เป็นตน้ และขอม 151 บูรณาการเชอื่ มสาระ นักเรียนควรรู ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูบ ูรณาการกับวิชาภมู ิศาสตร 1 สีเขียวไขกา สเี ขยี วหมนทเี่ กิดจากการเคลอื บเคร่ืองปน ดินเผาดว ยเถาไม เรอื่ งปฏสิ มั พนั ธข องคนไทยกบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม ผสมดิน และใชอ ุณหภูมใิ นการเคลือบสงู กวา 1,200 องศาเซลเซียส เครอื่ งเคลอื บ โดยใหนกั เรยี นรวมกลุมกันศกึ ษาคนควาผลงานการสรา งสรรค สีเขยี วไขกาน้มี สี ีเพี้ยนไปตามชนดิ ของไมท่นี าํ มาใชทาํ ขี้เถา เชน สเี ขียวคอ นขาง ภมู ปิ ญ ญาไทยจากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มในสมยั ตา งๆ คลํา้ ไดจากไมเนือ้ แข็งอยา งตน กอ เปนตน ไดแ ก สโุ ขทัย อยธุ ยา ธนบรุ ี และรัตนโกสินทร จากแหลงการ 2 ลายสอื ไทย ชอ่ื รูปตัวอักษรไทยซงึ่ ปรากฏบนดา นที่ 4 ของศิลาจารกึ หลกั ที่ 1 เรยี นรตู างๆ เพ่มิ เตมิ จากหนังสอื เรยี น แลวจดั ทําเปนโปรแกรม ความวา “...เมอ่ื กอ นลายสือไทยน้ีบม ี 1205 ศก ปม ะแม พอ ขุนรามคาํ แหงหาใคร การนําเสนอ (PowerPoint) เพอ่ื ผลดั กนั นาํ เสนอในชั้นเรยี น ใจในใจ แลใสล ายสอื ไทยน้ี ลายสอื ไทยนี้จึ่งมีเพ่อื ขุนผูน้ันใสไ ว. ..” ซง่ึ จะชว ยใหน กั เรยี นรแู ละเขา ใจผลงานการสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาไทย ในประวัตศิ าสตร ตลอดจนการตระหนกั ถึงความสําคญั ของ มมุ IT ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอม ศึกษาคนควาขอ มลู เพ่ิมเติมเก่ยี วกบั ลายสือไทย ไดท ี่ http://lib.ru.ac.th/ journal/thai_language.html เว็บไซตสาํ นกั หอสมุด มหาวิทยาลยั รามคาํ แหง คู่มือครู 151
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครถู ามนกั เรยี นวา ไตรภมู พิ ระรว งมลี กั ษณะเดน ความพิเศษของตัวอักษรไทยท่ีพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์ขึ้นมาน้ี อยา งไร ถือไดว้ า่ เปน็ ภมู ิปัญญาไทยในสมัยสุโขทยั ที่ไดก้ ลายเปน็ มรดกตกทอดมาจนถึงปัจจบุ นั (แนวตอบ การนาํ หลกั คาํ สอนทางพระพทุ ธศาสนา ทเ่ี ขา ใจยาก มานาํ เสนอใหมใ นรปู ของคาํ ประพนั ธ ๔) การอาศัยวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อจรรโลงสังคม ในสมัย ใชโ วหารเปรยี บเทยี บ ใชข อ ความงา ยๆ อา นแลว มคี วามเขาใจ เกิดจินตนาการ) สโุ ขทัย พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ทรงพระราชนพิ นธ์ ไตรภมู ิพระร่วง อันเปน็ วรรณกรรม ที่เก่ียวข้องกับพุทธศาสนา โดยการน�าหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา ซ่ึงผู้คนบางส่วนอาจ 2. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหว า การทพ่ี ระมหา เข้าใจได้ยาก มาน�าเสนอใหม่เปน็ รปู ของคา� ประพนั ธ์ มีการใช้โวหารเปรยี บเทยี บ ใช้ขอ้ ความง่ายๆ ธรรมราชาที่ 1 ทรงพระราชนพิ นธไ ตรภมู พิ ระรว ง อ่านแล้วมีความเขา้ ใจเกดิ จินตนาการ สงผลดตี อ สงั คมอยา งไร โลกจะไ ดเ้ สวยใสนุขไตในรเภทูมวิพโลรกะ1รแ่วลงะไพดร้กหลม่าวโลถกึง2 โลหกรมอื มนิฉุษะยน์ ัน้นกร็อกา จสบวรรรรลคุน์ ิพโดพยาผนู้ท ี่ปสรว่ ะนกมอนบุษกยุศ์ผล้ปู กรระรกมอใบน (แนวตอบ ไตรภมู ิพระรว งเปน วรรณกรรมทาง อกุศลกรรมจะต้องไปเกิดในอบายภูมิหรือนรก โดยดินแดนสวรรค์ของผู้ประพฤติกุศลกรรมมี พระพทุ ธศาสนาทกี่ ลา วถึงความนากลวั ของนรก ทั้งหมด ๑๖ ชั้น ส่วนดินแดนนรกของผู้ประกอบอกุศลกรรมมี ๔ ช้ัน คือ เดรัจฉาน เปรต และความสขุ สบายบนสรวงสววรค ซึ่งทาํ ให อสรุ กาย และนรก คนไทยทอ่ี า นเกดิ ความเกรงกลวั นรก ไมกลา ดงั นน้ั ผทู้ อ่ี า่ นหรอื ฟงั เรอื่ งไตรภมู ิในพระพทุ ธศาสนา จงึ หวาดกลวั ทจี่ ะไปเกดิ ในแดน ทําความชัว่ มุงทาํ แตความดี เพื่อใหไดไปเกดิ อกุศลกรรม ไม่ประพฤติช่ัว และพยายามหาทางสร้างกุศลกรรม เพ่ือจะได้ไปเกิดในแดนสวรรค ์ ในสวรรค ความเชอ่ื เชน น้จี ะทาํ ใหส ังคมสงบสขุ ความเช่ือในเรื่องของการท�าความดีความชั่วจึงส่งผลให้เกิดความสงบสุขข้ึนในสังคม ซ่ึงน่าจะดี เมอ่ื สงั คมสงบสุข บา นเมืองก็จะพัฒนาและ กวา่ การให้ผคู้ นเกรงกลวั บทลงโทษในกฎหมายเพียงอยา่ งเดียว เจรญิ รงุ เรอื งไดอยา งรวดเรว็ ) กล่าวได้ว่า ไตรภูมิพระร่วงจัดเป็นภูมิปัญญาไทยอย่างหน่ึงในสมัยสุโขทัยท่ีอาศัย วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นเคร่ืองมือควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในสังคม ซึ่งเมื่อผู้คน สว่ นใหญ่ท�าแตส่ ง่ิ ท่ีดี สงั คมกจ็ ะดตี ามมา เมื่อสังคมด ี บา้ นเมอื งกจ็ ะเจรญิ รงุ่ เรอื งตามมา ๔.๒ ตัวอยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรคภ์ ูมปิ ญั ญาไทย ในสมัยอยธุ ยา ตัวอยา่ งของลักษณะการสร้างสรรค์ภมู ปิ ัญญาไทยในสมยั อยุธยา มดี งั ต่อไปน้ี ๑) การสรา้ งสถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ หเ้ ปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของคนไทย การที่ สมยั อยธุ ยาสถาบนั พระมหากษตั รยิ ท์ รงดา� รงอยไู่ ดย้ าวนานถงึ ๔๑๗ ป ี จนเปน็ รากฐานของสถาบนั การเมืองที่ส�าคัญยิ่งของคนไทยในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์นั้น เป็นเพราะคนไทยสมัยอยุธยา ได้ร่วมใจกันสถาปนาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความเข้มแข็งและมีความศักดิ์สิทธ์ิเป็นที่เคารพ ของอาณาประชาราษฎร์โดยทวั่ ไป ภูมปิ ญั ญาไทยทางด้านการเมอื งการปกครองในสมัยอยุธยา เหน็ ไดจ้ ากการทสี่ มเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) เม่ือครั้งทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงน�าเอา หลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยทรงน�าเอาลัทธิเทวราชจากเขมรมาดัดแปลงให้ สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ส่งผลให้สถานะของพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนสมมติเทพ 152 นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชอื่ มสาระ ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการวชิ าพระพทุ ธศาสนา 1 เทวโลก เทวภูมิ หรือสวรรค (กามาวจรสวรรค) หมายถึง ภพภมู ิทีม่ แี ตค วาม เร่อื งแนวคดิ เกี่ยวกับโลกและชีวิต โดยการอธิบายภาพรวมของ สขุ อันเกดิ จากกามคณุ ท้ัง 5 (รปู เสียง กล่นิ รส สัมผสั ) เปนภพภูมขิ องเทวดา มี 6 ไตรภูมพิ ระรวงใหนักเรยี นเพ่ิมเตมิ โดยใชแ ผนภูมิ 31 ภพภมู ิทาง ชนั้ ไดแ ก 1. จาตมุ หาราชกิ า มที า วจตโุ ลกบาลปกครองประจาํ ทศิ ทงั้ 4 พระพุทธศาสนาประกอบวา ไตรภูมิพระรว งเปนวรรณกรรมทาง 2. ดาวดงึ ส มที า วสักกเทวราชหรือพระอินทรเ ปน ผปู กครอง พระพทุ ธศาสนาทกี่ ลา วถงึ ภพภมู ทิ งั้ 31 ภพภมู ิ ไดแ ก อรปู ภมู ิ 4 3. ยามา มที า วสยุ ามเทพบตุ รเปน ผปู กครอง มเี ทวดาผปู ราศจากความทกุ ขอ าศยั อยู รปู ภูมิ 16 และกามภมู ิ 11 ผูทอ่ี ยใู น 31 ภพภมู ิน้ี จะตอ งผา นการ 4. ดสุ ติ ปกครองโดยทา วดสุ ติ เทวราช เทวดาชน้ั นมี้ วี มิ านทพิ ยแ ละสมบตั ทิ พิ ย เวยี นวายตายเกิดจนกวา จะสามารถบรรลุอรหันต จึงจะหลดุ พน 5. นมิ มานรดี มที า วสนุ มิ มติ เทวราชปกครอง เทวดาชน้ั นป้ี รารถนาสง่ิ ใดกเ็ นรมติ เอาได จากสังสารวัฏนี้ มนุษยท ่ที าํ ความดจี ะไดไปเกดิ ในเทวโลก 6. ปรนิมมิตวสวตั ดี เปนชนั้ ท่สี งู ท่สี ดุ มที าวปรนิมมิตวสวัตดีปกครอง เทวดาชัน้ นี้ และพรหมโลกชั้นตา งๆ เสวยผลบุญและความสุขตามแรงบุญ ปรารถนาส่ิงใด จะมีเทวดาอ่นื เนรมิตให ท่กี ระทาํ มา สวนมนุษยท่ที าํ ความชว่ั ก็ตองไปเสวยผลทุกขท่ี 2 พรหมโลก หรือพรหมภูมิ หมายถงึ ภพภูมิอันเปนท่สี ถติ ยและเสวยสุขของ อบายภูมิชนั้ ตา งๆ ตามแรงกรรมของตนเชน กัน แลว ใหน ักเรยี น พระพรหมผูอบุ ตั ิในพรหมวมิ าน ณ พรหมโลก ซ่งึ เปนดนิ แดนทมี่ คี วามสุขอันเกิด แสดงความคิดเห็นถึงแนวคดิ ดงั กลา ว ทั้งน้มี ุง เนน ใหน ักเรียน จากฌาน มที ้ังสน้ิ 20 ชั้น แบง เปน 2 ประเภท ไดแก รูปพรหม (คือ ช้นั ท่ีพระ เขา ใจหลกั ธรรมจากวรรณกรรมไตรภูมพิ ระรว ง พรหมมีรปู แตเ ปนรูปทิพย) 16 ชั้น และอรูปพรหม 4 ชนั้ 152 คูม่ ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครถู ามนักเรยี นวา การทีส่ ถาบนั พระมหา- กษัตริยมีความเขม แขง็ และเปนศูนยรวมจติ ใจ แต่ขณะเดียวกันพระมหากษัตริย์อยธุ ยากย็ ังทรงเป็นธรรมราชา ซงึ่ ทรงไวซ้ ่ึงทศพิธราชธรรมตาม ของคนไทยทัง้ ชาติมาต้ังแตอดีตจนถงึ ปจจุบัน หลักธรรมในพระพทุ ธศาสนาตามแบบอยา่ งสโุ ขทยั มไิ ด้อยู่หา่ งไกลจากทวยราษฎร์ เกิดจากแนวความคิดความเช่อื ใด (แนวตอบ พระเจา อูทองทรงรับแนวความคดิ การที่น�าเอาหลักการของพระพุทธศาสนามาผสมผสานกับความเชื่อของศาสนา เทวราชาหรอื สมมติเทพมาจากขอม ซ่งึ เปน พราหมณ์ - ฮนิ ดู จนกลายเปน็ อดุ มการณท์ างการเมอื งของไทยทพี่ ระมหากษตั รยิ ์ไทยตอ้ งทรงเปน็ ความเชอื่ ในศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู แนวคดิ นี้ ทั้งธรรมราชาและสมมติเทพ ท�าให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักใคร่ของอาณาประชาราษฎร์ เชอ่ื วาพระมหากษัตรยิ เ ปนองคอวตารของ ซเพ่ึงรคาวะาทมรศงักใชด้หิ์สิทลักธิ์ทที่ผศู้ใพดิธจระาลชะธเมรริดมมใิไนดก้ าเรพปรกาคะทรอรงงรเปาษ็นสฎมรมขตณิเทะพเ1ดทีย่ีมวีคกวันาพมรศะักมดห์ิสาิทกธษิ์ใหัตร้ทิย้ัง์กค็ทุณรแงลไวะ้ พระนารายณ จงึ มีความศักด์สิ ทิ ธิเ์ หนือคน โทษแก่มนุษย์ท้ังปวง นับได้ว่าเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ซ่ึงเป็น ท้ังปวง และไดร บั แนวความเชื่อธรรมราชาของ สถาบันหลักท่ีมคี วามส�าคญั ตอ่ การด�ารงอยู่ของบ้านเมือง พระพุทธศาสนาเขา มาผสมผสานไวด ว ย ความสามารถของคนไทยที่สามารถสร้างอุดมการณ์ทางการเมืองเก่ียวกับแนวคิด คุณลักษณะของผู้น�าของอาณาจักรหรือพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาในลักษณะของสมมติเทพ จงึ ทรงปกครองพสกนกิ รดว ยหลกั ทศพธิ ราชธรรม ธรรมราชา ดังกล่าว ได้หล่อหลอมให้คนไทยเกิดความรักใคร่เทิดทูนบูชา จงรักภักดีต่อองค์ พระมหากษตั ริยจ งึ มที ้งั ความเปน เทวราชาและ พระมหากษัตริย์จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และด้วยเหตุนี้สังคมไทยจึงถือว่า ธรรมราชา มที ั้งพระเดชและพระคุณ จงึ ทรง สถาบนั ทางการเมอื งทส่ี �าคญั และแผน่ ดนิ จะวา่ งเวน้ เสยี มไิ ด้ คอื สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ซง่ึ ยงั คงมี เปน ท่ีรกั และเคารพของอาณาประชาราษฎร ความมน่ั คงและยงั่ ยืนมาจนกระทั่งถงึ ทกุ วนั น้ี จนถึงสมัยปจจบุ ัน) 2. ครตู ัง้ คาํ ถามเก่ียวกบั ภมู ิปญญาไทยทางดา น แนวความคิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ดังท่ีได้กล่าวมาในตอนต้น จึงเป็น การควบคมุ กําลังคนในสมัยอยุธยา เชน ภูมิปัญญาไทยทางการเมืองที่ส�าคัญย่ิงในสมัยอยุธยา และภูมิปัญญาไทยดังกล่าวก็ยังคงเป็น • การควบคมุ กาํ ลงั คนของผูปกครองในสมัย ภูมปิ ญั ญาทีส่ า� คญั ตอ่ สงั คมไทยในยุคปจั จุบันน้ดี ว้ ย อยุธยา มีความสาํ คัญตอ ความมน่ั คงและ ๒) ภูมิปัญญาไทยทางด้านการควบคุมก�าลังคน การที่อาณาจักรอยุธยาได้รับ ความอยรู อดของอาณาจกั รอยางไร (แนวตอบ อาณาจักรอยธุ ยาสถาปนาขนึ้ การสถาปนาขึ้นมาท่ามกลางรัฐอื่นๆ ท่ียังด�ารงอยู่อย่างเป็นอิสระน้ัน จึงจ�าเป็นจะต้องรวบรวม ทามกลางความเขมแขง็ ของอาณาจักรรอบ ผู้คนให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่น และผู้น�าสามารถใช้ก�าลังผู้คนเหล่าน้ันส�าหรับการป้องกัน ขาง การควบคุมกําลังคนเพอ่ื ใชใ นการทําศึก การรุกรานจากข้าศึก และส�าหรับการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเล้ียงผู้คนได้อย่างเพียงพอ ซึ่ง สงครามและเพาะปลูกพืชพันธธุ ญั ญาหารให เม่ืออาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตกว้างขวางมากข้ึน มีผู้คนจ�านวนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี เพยี งพอตอ การเลีย้ งดผู ูคน จึงมคี วามสําคัญ ศึกสงครามกับอาณาจกั รเพ่ือนบา้ น ดงั น้นั การควบคมุ ก�าลงั คนหรือก�าลงั ไพร่พลจงึ มีความสา� คญั ตอ เสถียรภาพของอาณาจักรอยา งมาก) ตอ่ เสถยี รภาพของอาณาจกั รดว้ ยเชน่ กัน • การควบคมุ กาํ ลังคนในสมยั อยธุ ยามวี ิธกี าร อยางไร การจัดระบบไพร่ในสมัยอยุธยาจึงเป็นภูมิปัญญาท่ีส�าคัญอย่างหนึ่ง โดยมีการ (แนวตอบ กําหนดใหไ พรชายทุกคนตอ งขึ้น ก�าหนดระบบไพร่ให้ชายฉกรรจ์ทุกคนที่เรียกว่า “ไพร่” จะต้องสังกัดมูลนายซ่ึงเป็นผู้ควบคุมไพร่ ทะเบียนสงั กดั มลู นาย เพ่ือใหไ ดร ับความ สมักฉิ เะลนกั้น2สจังะกไมัดม่ไดูล้รนับาคยวาทมั้งคนุ้มี้เคพร่ืออมงตูลานมากยฎจหะไมดา้ตยิดตในากมาตรรสวังจกสัดอมบูลไนพารย่ไนดนั้ ้ทันไพท่รว่จงะทตี ้อเงมไ่ือปลลงงททะะเเบบียียนน คุมครองตามกฎหมาย ทําใหม ูลนายสามารถ สักเลกสังกัดมูลนายแล้ว ได้มีการก�าหนดระเบียบโดยมีก�าหนดระยะเวลาในการใช้แรงงานของ ชายฉกรรจ์เหล่านี้ทั้งในยามสงบและในยามสงครามที่เรียกว่า “การเข้าเวร” ซ่ึงมีก�าหนดเวลา 153 ตรวจสอบไพรไดและทําใหท างราชการทราบ จํานวนไพรท่แี นนอน เมอื่ เกิดศกึ สงคราม กส็ ามารถเกณฑไพรไ ปออกรบได) ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ภมู ิปญญาที่สงเสริมความม่นั คงใหแ กสถาบนั พระมหากษัตรยิ 1 สมมติเทพ หรือเทวราชา เปน คตคิ วามเช่อื ของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ในสมยั อยธุ ยาคอื อะไร ซ่ึงเชื่อวา พระมหากษัตริยเ ปน องคอวตารของพระนารายณล งมาปกครองมนษุ ย แนวตอบ ภมู ปิ ญญาเกยี่ วกบั คตคิ วามเชื่อการเปนสมมตเิ ทพหรือ จึงตอ งมีขนบธรรมเนยี มที่แสดงถึงความศักดสิ์ ทิ ธิเ์ หนือคนท่ัวไป เชน การใชคํา เทวราชาของพระมหากษัตริยใ นศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชนเดยี ว ราชาศพั ท การประทบั ในพระราชวังที่โออาใหญโ ตวจิ ติ รงดงาม การจดั ท่ปี ระทบั กับเขมร ต้งั แตส มเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 1 (อูทอง) ทรงสถาปนากรงุ ของพระมหากษตั ริยตองอยูส ูงกวาผอู ่นื การหา มราษฎรมองพระพักตรข อง ศรอี ยุธยาเปน ราชธานี โดยนาํ มาผสมผสานกับความเปนธรรมราชา พระมหากษตั รยิ เปน ตน ราชสาํ นักไทยรับแนวความคดิ น้ีผา นมาทางขอม ทส่ี บื เนอ่ื งมาตง้ั แตส มยั สโุ ขทยั ทาํ ใหร าษฎรเทดิ ทนู บชู าและจงรกั ภกั ดี ตัง้ แตส มยั อยุธยา เน่อื งจากอยธุ ยาไดย กกองทพั ไปโจมตเี ขมรและไดกวาดตอน ตอ สถาบันพระมหากษัตริย ผทู รงบาํ บดั ทุกขบาํ รงุ สขุ และมคี วาม พราหมณ ปโุ รหติ ชาวเขมรมามาก จึงไดรับอิทธพิ ลความเช่อื ดังกลาว ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ เปน ศนู ยร วมจติ ใจของราษฎรสบื เนอื่ งมาจนถงึ ปจ จบุ นั 2 สักเลก หมายถงึ การใชเหลก็ แหลมแทงตามเสน หมึกทีเ่ ขยี นไวเปนตัวอักษร ระบุชอื่ เมอื งและช่ือมลู นายที่สงั กัด โดยสักไวท ด่ี านหนา หรอื ดานหลังขอมือ ผูทจ่ี ะ ตอ งทาํ การสักเลก คือ ชายฉกรรจท ีม่ คี วามสงู เสมอไหล 2.5 ศอกขึ้นไป จนถงึ อายุ 70 ป การสกั เลกมปี ระโยชนใ นการควบคุมกาํ ลังคน เพื่อใชย ามสงบและออกรบ ยามเกิดสงคราม คู่มอื ครู 153
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรยี นอธบิ ายลักษณะสาํ คญั ของหนังสอื ปลี ะ ๖ เดอื น คือ การใชแ้ รงงานให้กับหลวง ๑ เดอื น และออกเวรมาอยู่กับครอบครวั ๑ เดือน แบบเรยี น “จินดามณ”ี สลบั กันไปในยามสงบ แต่ในยามสงครามไพรท่ ุกคนจะต้องถูกเกณฑ์ไปรบโดยไม่มขี ้อยกเว้น (แนวตอบ เปนวรรณกรรมทที่ รงคณุ คา ตอ สงั คม การจัดระบบไพร่ท�าให้ทางราชการทราบจ�านวนของไพร่พลผ่านทางมูลนาย และสามารถ ไทย ถอื เปนแบบเรียนเลม แรกของไทยท่ใี ชมา เกณฑ์ผู้คนที่เป็นไพร่พลเหล่าน้ีได้โดยผ่านทางมูลนายเช่นเดียวกัน ดังนั้น ระบบการควบคุม ตง้ั แตสมยั อยธุ ยาจนถึงสมยั รชั กาลที่ 5 แหง ก�าลังพลหรือระบบไพร่ของอยุธยาจึงเป็นภูมิปัญญาไทยทางด้านการเมืองการปกครองท่ีมีความ กรงุ รัตนโกสนิ ทร เนื้อหากลาวถึงอกั ขรวธิ ี สา� คัญมากในสมัยนั้น วาดวยการใชพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต ๓) การใช้ภาษาและวรรณกรรมเพื่อคุณประโยชน์ทางการเมืองและสังคม เปน แบบฝก หัดการอา นและแบบฝกหัดการเขียน ในสมัยอยธุ ยา หากศึกษาภาษาและวรรณกรรมหลายๆ เรอ่ื ง เราจะพบวา่ วรรณกรรมบางเร่ืองได้ ภาษาใหแ ตกฉาน รวมทง้ั ยงั มีการอธิบายถงึ สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทยได้หลายลักษณะ แต่ในท่ีนี้จะยกภูมิปัญญาไทยจากวรรณกรรม การแตงโคลง ฉันท กาพย กลอนดว ย) เรอื่ ง “จนิ ดามณ”ี และ “พระมาลัยค�าหลวง” สา� หรับประกอบการอธบิ าย วรรณกรรมเรื่อง “จินดามณี” แต่งโดยพระโหราธิบดี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ 2. ครูถามนักเรียนวา สมเด็จพระนารายณมหาราช มหาราช เป็นวรรณกรรมท่ีมีคุณค่าท้ังทางด้านภาษาและการเมือง จัดได้ว่าเป็นแบบเรียนหรือ โปรดเกลา ฯ ใหพระโหราธบิ ดีแตงจินดามณเี พอื่ ต�าราเรียนเล่มแรกของไทยที่ได้กล่าวถึงอักขรวิธีว่าด้วยพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ของไทย วัตถปุ ระสงคใด เป็นแบบฝึกหัดการอ่านและแบบฝึกหัดการเขียนภาษาให้แตกฉาน ในตอนท้ายมีการอธิบายถึง (แนวตอบ สมเดจ็ พระนารายณม หาราชโปรด การแต่งโคลง ฉนั ท ์ กาพย์ กลอน พร้อมทง้ั มตี ัวอย่างประกอบดว้ ย เกลาฯ ใหพระโหราธิบดแี ตงจนิ ดามณี เพราะใน การจดั ระเบียบการเรียนอักขรวธิ ขี องไทย ถือไดว้ า่ เปน็ ภูมิปญั ญาของไทยอย่างหนง่ึ สมัยนน้ั ฝร่ังเศสเขา มาเผยแผค ริสตศาสนานิกาย ท่ีสามารถวางระเบียบการศึกษาภาษาไทยให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็นคร้ังแรกในสมัยอยุธยา โรมันคาทอลกิ พระองคจงึ ทรงตอ งการใหช าว ทา� ใหผ้ ู้ท่จี ะสอนใหค้ นไทยอ่านออกเขยี นได้ สามารถสอนไปตามระเบียบแบบแผนท่ีมกี ารเขียนไว้ อยุธยามกี ารศึกษา อา นออกเขียนได รูเทาทนั อย่างเปน็ ระบบ ทา� ให้ผู้เรียนเกดิ ความเขา้ ใจและเรียนรไู้ ด้เร็วข้ึน ฝรง่ั เศส จะไดไ มเปลี่ยนไปนับถือคริสตศาสนา ให้พรกะาโรหทร่ีสามธิบเดด1็จีแพตร่งะหนนาังรสายือณจิน์มดหาามรณาชีขโ้ึนปมรดา นบั เปน กศุ โลบายทีส่ าํ คญั ประการหนึ่งที่จะทําให เกล้าฯ คนไทยไมไ ปเขารีตและปอ งกนั มิใหฝร่ังเศส ในคร้ังน้ัน เป็นพระบรมราโชบายของพระองค์ท่ีทรง แทรกแซงวัฒนธรรมไทย แตใ นขณะเดยี วกัน ต้องการให้ชาวกรุงศรีอยุธยามีการศึกษาอ่านออก ฝรงั่ เศสกส็ ามารถเผยแผค รสิ ตศ าสนาใน เขียนได้ จะได้ไม่ไปเข้ารีตในคริสต์ศาสนาท่ีก�าลัง กรุงศรีอยธุ ยาไดอ ยางเสรี ไมก ระทบกระเทือน เข้ามาเผยแผ่อยู่ในขณะนนั้ ตอความสมั พันธท างการทตู ทดี่ ีตอ กัน) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ด�ารงราชานุภาพทรงอธิบายเก่ียวกับหนังสือจินดามณี ในสมัยอยุธยาไว้ว่า ถ้าในสมัยอยุธยา ไทยไม่จัดการ ส่งเสริมการเล่าเรียนให้เจริญรุ่งเรืองบ้าง ก็จะเสีย เคปรรสิ ียตบศ์ าฝสรน่ังาเศ คสนทไ่ีเทขย้ากม็จาะเพผายกแันผห่แันลไะปตเ้ังขโ้ารรงตี เ2กรีันยนหมสอดน จนิ ดามณแี ละพระมาลัยคาำ หลวงเป็นวรรณกรรม สำาคญั ในสมยั อยุธยา 154 นกั เรียนควรรู บูรณาการเช่ือมสาระ ครคู วรอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน ักเรียนเขา ใจถงึ ปญหาดา นความ 1 พระโหราธบิ ดี เปน ชาวเมอื งพิจิตร เขารับราชการในราชสํานักอยธุ ยา สัมพนั ธร ะหวางอยธุ ยากับชาตติ ะวันตกตา งๆ ในสมัยสมเดจ็ เม่อื สมัยสมเดจ็ พระเจา ปราสาททอง มีความเจรญิ กาวหนา ในตําแหนงหนา ท่ี พระนารายณม หาราช และกศุ โลบายอนั แยบคายของสมเด็จ อยา งมาก ไดรบั การยกยองใหเ ปนพระอาจารยของสมเด็จพระนารายณมหาราช พระนารายณม หาราชในการสรา งสัมพนั ธไมตรีกับฝรัง่ เศส (พระมหาราชครู) และเปน กวที ม่ี ีชอื่ เสียงและมีความเช่ียวชาญการแตง คําประพันธ เพื่อถวงดุลอํานาจกับฮอลันดาซง่ึ มที าทคี ุกคามอยุธยาอยางมาก จนไดรบั ตําแหนงพระโหราธบิ ดี ทา นไดแ ตง “จินดามณ”ี ซงึ่ เปนหนงั สอื แบบเรียน ในเวลานน้ั แตพระองคก ท็ รงตองหาวิธกี ารปอ งกนั มิใหช าวไทย เลมแรกของไทยท่ใี ชม าต้งั แตส มยั อยุธยาถึงรัชกาลที่ 5 แหงกรงุ รัตนโกสินทร หันไปเลื่อมใสคําสอนของคริสตศ าสนาและวัฒนธรรมฝร่ังเศส นอกจากนี้ ทานยังมีความเชี่ยวชาญดา นโหราศาสตรทาํ นายดวงชะตาอยางมาก จนพากนั หลงลมื คาํ สอนของพระพุทธศาสนาและวฒั นธรรมไทย รวมทง้ั ทานยังเปนบิดาของศรปี ราชญ กวีท่ีมีช่อื เสียงโดง ดงั มากทีส่ ดุ คนหน่ึงในสมัย อนั ดงี าม โดยบูรณาการกบั วิชาหนา ทพี่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และ อยธุ ยา การดาํ เนินชีวิตในสังคม เรือ่ งความรว มมือระหวา งประเทศในการ 2 เขารีต การเปล่ียนไปนบั ถือศาสนาอ่ืน โดยมากมกั ใชเรียกผทู ่ีเปลี่ยนไปนับถอื ประสานประโยชนด านตา งๆ และปจ จยั และการเปลี่ยนแปลง คริสตศ าสนา นิกายโรมนั คาทอลิก เชน ญวนเขา รตี เปนตน วัฒนธรรมไทย โดยอาจใหน กั เรยี นศกึ ษาคนควา เพม่ิ เติมถึง พระราชกรณยี กจิ ดา นความมงั่ คงและการธาํ รงรกั ษาวฒั นธรรมไทย 154 คู่มอื ครู ของพระมหากษตั รยิ พ ระองคอ นื่ ๆ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ดังนั้น การแต่งหนังสือจินดามณีจึงเป็นภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่งทางด้านภาษาและ ครแู ละนักเรียนรวมกันอภปิ รายวา ในสมัย วรรณกรรม นอกเหนอื ไปจากคนไทยจะสามารถอ่านออกเขียนได้แล้ว ยังเปน็ กลอุบายสา� หรบั เอา สุโขทัยมีวรรณกรรมเรือ่ งไตรภูมพิ ระรวงทใ่ี ชเปน ไว้ใช้ต่อต้านการแทรกแซงทางวัฒนธรรมของฝร่ังเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขณะ เครือ่ งมือในการควบคุมคนในสังคมใหประพฤตดิ ี เ ดยี วก นั กก็ ลาสย�าเหปรน็ ับแวบรบรเณรยีกนรรภมาเษรา่ือไงท ย“พส�ารหะมรับาลคัยน1คไท�าหยลไปวดง”้ว ยน ั้ซนึ่ง ยเจงั ค้าฟงส้าืบธรทรอมดามธาิเบจนศถ (งึ เปจัจ้าจฟบุ ้านักุ้ง) และเกรงกลวั ความชว่ั สว นในสมยั อยุธยากป็ รากฏ ทรงนิพนธ์ขึ้นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เน้ือหากล่าวถึงพระมาลัยเสด็จขึ้นมาจากการโปรด วรรณกรรมทม่ี ลี กั ษณะเน้ือหาสอนใหค นทําความดี สพัตระวม์ในาลแยั ดจนงึ นนรา� กดแอกลบะไัวดน้พน้ั บไปกถับวชาายยพผรู้หะจนุฬ่ึงา มชณาย2 ี แผลู้นะ้ันไดได้พ้ถบวกาับยพดรอะกอบินัวท ร3๓์ จ ึงดไอดก้สนใหท้กนับากพันรถะมึงเารลือ่ ัยง ละเวนความชัว่ ซ่งึ จะชวยใหสงั คมสงบสุขได การทา� ความดี และผลของการกระท�าความดตี า่ งๆ หลังจากนัน้ พระมาลยั จึงนา� เนอื้ ความเหลา่ นน้ั เชน เดยี วกนั ครถู ามนกั เรยี นวา วรรณกรรมดงั กลา ว กลับมาเทศนาโปรดมนุษยโลก พระมาลัยค�าหลวงจึงช่วยก�าหนดกรอบหรือแบบแผนในการ คอื เรือ่ งอะไร และมลี กั ษณะสาํ คญั อยา งไร ดา� เนนิ ชวี ิตของชาวอยุธยาไดอ้ ีกทางหน่ึง “พระมาลัยค�าหลวง” นับว่าเป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาไทยอย่างหน่ึงที่มีการใช้ (แนวตอบ วรรณกรรมดังกลาว คอื พระมาลยั วรรณกรรมเพ่ือปลูกฝังคนไทยให้เป็นคนดี โดยการสร้างกุศลกรรม ละเว้นอกุศลกรรม รู้จักเร่ือง คาํ หลวง ซึ่งเจาฟา ธรรมาธเิ บศหรือเจาฟา กงุ ทรง บาป บญุ นรก สวรรค์ การท�าบญุ ซง่ึ เชื่อว่าผูท้ ท่ี �ากรรมดจี ะไดเ้ กิดในยคุ พระศรอี ารยิ ์ นบั เป็นวิธี นพิ นธข ึ้นในสมัยพระเจา อยหู วั บรมโกศในสมยั การสร้างศรัทธาใหเ้ กิดขนึ้ ในจติ ใจของคนไทย อนั จะสง่ ผลใหส้ งั คมอยุธยามีความสงบสุข อยธุ ยา เปนวรรณกรรมสําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ท่ีสง่ั สอนใหคนในสงั คมเชอ่ื ในบาปบุญคณุ โทษ ๔) ภูมิปัญญาไทยทางด้านศิลปกรรม ในสมัยอยุธยามีภูมิปัญญาไทยทางด้าน และนรกสวรรค หม่นั สรา งกศุ ลกรรม ละเวน การ ประกอบอกุศลกรรม เพอ่ื ใหไ ดไ ปเกิดในยคุ ศลิ ปกรรมหลายประเภทด้วยกนั โดยจะยกตัวอยา่ งการใช้ พระศรีอารย) ภูมปิ ัญญาไทยผ่านทางดา้ นศลิ ปกรรม ๓ ประเภท ดังน้ี 4 เจดยี ท์ รงระฆัง วดั พระศรสี รรเพชญ์ ศลิ ปะอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา 155 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู วรรณกรรมจนิ ดามณีแสดงใหเห็นถึงบทบาทของหนังสอื แบบเรียน 1 พระมาลัย พระภิกษอุ งคหน่ึงในพระพุทธศาสนายคุ ของพระศรีอรยิ เมตไตรย ตอสังคมไทยอยา งไร เปนผทู รงศีลมีปญญา มีอทิ ธิฤทธิม์ ากเชน เดียวกับพระโมคคัลลานะ 2 พระจฬุ ามณี พระเจดียท ีบ่ รรจุพระจุฬามณี (มวยผม) และพระเขยี้ วแกว 1. การธํารงรกั ษาวฒั นธรรม (ฟนเขีย้ ว) ของพระพทุ ธเจา อยูในดาวดึงสเ ทวโลก เจดียจ ุฬามณีมกั ปรากฏในงาน 2. การปลกู ฝงคุณธรรมจรยิ ธรรม จิตรกรรมทแ่ี สดงภาพสวรรคช น้ั ดาวดงึ สในไตรภูมิโลกสัณฐาน พุทธประวัตติ อน 3. การมวี ฒั นธรรมอนั เปน เอกลกั ษณ โปรดพุทธมารดา และพระมาลยั 4. การสง เสริมคณุ งามความดีควบคกู ับการอานออกเขยี นได 3 พระอนิ ทร คอื พระนามจอมเทพในสวรรคช ั้นดาวดึงส เรียกกนั วา “ทา วสกั กะ” มีหนาทปี่ กครองสวรรคแ ละอภิบาลโลก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การธํารงรกั ษาวัฒนธรรม เพอ่ื 4 วดั พระศรสี รรเพชญ เปนวดั ทส่ี ําคญั ท่ีสดุ ในราชสาํ นักอยุธยา มฐี านะเปน วัดสว นพระองคของพระมหากษัตรยิ ตง้ั อยใู นเขตพระราชฐาน จึงไมม พี ระสงฆ ปอ งกันการแทรกแซงทางวัฒนธรรมผานการจัดการศึกษาและ จําพรรษา การเผยแผครสิ ตศ าสนาของฝรัง่ เศส สมเดจ็ พระนารายณมหาราช จงึ โปรดเกลา ฯ ใหพระโหราธบิ ดรี วบรวมและเรียบเรยี งวธิ ีการอา น คู่มือครู 155 การเขียนภาษาไทยขนึ้ เปน วรรณกรรมจนิ ดามณแี ละใชเปนแบบแผน ในการศึกษาเลาเรียนของราษฎร ซึ่งมคี วามสาํ คัญสืบเนอื่ งมาถงึ สมัยรัตนโกสนิ ทรต อนตน
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายวา การสรางทอี่ ยูอาศัย (๑) ด้านสถาปัตยกรรม ในสมัยอยุธยามีการสร้างสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นท่ีอยู่ ในสมัยอยธุ ยามีกีป่ ระเภท และแตละประเภท มลี กั ษณะอยา งไร เอชา่นศ ัยหเรรือือนศเาคสรนื่อสงสถับาน1 จเปะม็นีคเรวือานมชตั้น่างเดกีัยนวอใอตก้ถไุนปสตูงา มหสรถือาทน่ีเะรขียอกงวผ่าู้อ า“ศเรัยือแนลไะทลยัก”ษ ณเปะ็นขกอางรกปาลรใูกชแ้งบานบ (แนวตอบ การสรา งทอี่ ยูอาศยั ในสมยั อยุธยา แบงออกเปน 2 ประเภท ไดแ ก เรือนเครอ่ื งสบั ถาวร ส�าหรับเป็นท่ีอยู่อาศัยของพวกขุนนาง จึงใช้วัสดุที่แข็งแรงและมีความทนทาน ใช้ไม้สัก เปน บานของขุนนางทมี่ ฐี านะดี ใชว สั ดแุ ขง็ แรง ทนทาน ยดึ ตอกนั ดว ยลิม่ สลัก เรอื นเคร่อื งผูก และไม้เน้ือแข็งอ่ืนๆ ยดึ ตอ่ กนั ดว้ ยลิ่มสลกั สา� หรบั เรอื นเครือ่ งผกู เปน็ ส่ิงกอ่ สร้างแบบง่ายๆ มกั เปน บานของไพร ทาํ จากไมไ ผใชตอกหรือหวาย ผกู มดั ยดึ โครงสรางของตัวบา น) ปลูกแบบช่ัวคราว เป็นเรอื นชัน้ เดียว ใต้ถุนเตย้ี เป็นท่อี ยู่อาศยั ของบรรดาไพร ่ การก่อสร้างจะใช้ 2. ครถู ามนกั เรียนวา จิตรกรรมไทยสมัยอยธุ ยา วสั ดไุ มถ่ าวร เช่น ไม้ไผซ่ ึ่งมีอย่เู ปน็ จา� นวนมากในทอ้ งถ่ิน ใชต้ อกหรอื หวายมดั ยดึ โครงสรา้ งของ มักสรา งสรรคข้นึ ดวยความศรทั ธาในศาสนาใด และลกั ษณะการสรางสรรคดังกลาวเปนอยางไร ตัวบ้าน ถ้าไพร่มีฐานะดีข้ึนก็จะ2ใช้เรือนเครื่องสับแทน ส่วนการก่ออิฐถือปูนน้ันมักจะใช้ก่อสร้าง (แนวตอบ การสรา งสรรคจ ิตรกรรมสมยั อยธุ ยา สถานท่ีสา� คญั เช่น โบสถ์ เจดีย ์ วิหาร และปราสาท พระราชวังของพระมหากษตั ริย ์ เปน็ ต้น สวนใหญเกิดข้ึนจากความศรัทธาในพระพุทธ- ศาสนาเปนสําคัญ โดยมกั เขยี นตามผนังโบสถ การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมไทยสมัยอยุธยานั้น สามารถจัดสร้างได้ตามความ วหิ าร และศาลาการเปรียญ เรียกวา “จิตรกรรม ฝาผนงั ” การเขยี นภาพจะใชส ีฝนุ ผสมกาว จัด เหมาะสมของสภาพภูมอิ ากาศ ภูมปิ ระเทศ รวมทงั้ ตามสถานะของผ้ทู ี่ใช้ประโยชน์อกี ดว้ ย จึงนับ วางภาพอยางเปน ระบบ กัน้ ภาพดว ยลวดลาย ชนดิ ตางๆ มลี กั ษณะงดงามตามอุดมคติ และ ได้ว่าสถาปัตยกรรมไทยสมยั อยธุ ยาเป็นภูมิปญั ญาไทยทีส่ �าคัญอีกดา้ นหนึง่ ยังสะทอนใหเ ห็นถงึ เรือ่ งราวทางประวัตศิ าสตร โบราณคดี ศาสนา ความเชือ่ วฒั นธรรม และ (๒) ด้านจิตรกรรม ในสมัยอยุธยางานจิตรกรรมไทยส่วนใหญ่ช่างจะนิยมเขียน จารตี ประเพณใี นมัยนน้ั ไดเปนอยางดอี กี ดวย) เป็นพุทธบูชาตามผนังโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นต้น เรียกว่า “จิตรกรรมฝาผนัง” 3. ครูถามนกั เรียนวา งานปูนปน ในสมยั อยธุ ยามกั นยิ มทําเปนรูปใดและมกั ใชป ระดับตกแตงงาน นอกจากน้กี ม็ ีจติ รกรรมทเี่ ขียนลงในสมุดไทย เชน่ สมดุ ภาพไตรภมู ิ เรียกว่า “จติ รกรรมไทยแบบ ศลิ ปกรรมประเภทใด (แนวตอบ รูปพระนารายณทรงครฑุ รปู เทวดา ประเพณ”ี เปน็ ต้น น่งั แทน รูปการสัประยทุ ธในเร่อื งรามเกยี รติ์ มักใชป ระดบั ตกแตง สถาปต ยกรรมประเภท งานจิตรกรรมจัดเป็นงานท่ีสามารถสื่อ ศาสนสถาน โดยเฉพาะการตกแตง หนาโบสถ) ความหมาย ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ได้ด้วย เส้น น�้าหนกั ออ่ นแกข่ องแสง เงา และสี โดยเฉพาะ จิตรกรรมไทยแบบประเพณีนั้นเป็นการเขียนภาพด้วย สีฝุ่นผสมกาว มีการจัดวางภาพอย่างมีระบบ และ กั้นภาพด้วยลวดลายชนิดต่างๆ ภาพท่ีส�าคัญจะมี ลักษณะงดงามตามอุดมคติ ภาพสามัญจะมีลักษณะ เหมือนจริง กิริยาของภาพบุคคลจะส่ือความหมาย ของเร่ืองอย่างมีระเบยี บแบบแผน ภูมิปัญญาไทยทางด้านจิตรกรรมแบบ จิตรกรรมฝาผนงั ศลิ ปะอยุธยาตอนปลาย ประเพณีนี้ ข้ึนอยู่กับการท่ีช่างเขียนได้แสดงให้เห็น ท่ีวดั คงคาราม จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ถึงคุณค่าของจิตรกรรมทางด้านความรู้สึกในความ 156 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอื่ มสาระ ครสู ามารถนําเน้อื หาเรอื่ งภมู ิปญญาไทยทางดานศลิ ปกรรม 1 เรอื นเครื่องสับ เปน เรือนทีม่ ีการสรางประณีตกวา เรอื นเครอ่ื งผกู โดยจะมีการ ไปบูรณาการเช่อื มโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ วิชาทัศนศลิ ป บากไมใหเ ปน รองเพ่ือประกอบเขาดว ยกันเปนตวั เรอื น โดยใหนกั เรยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ยี วกับศิลปกรรมไทยในสาขาตา งๆ 2 โบสถ เจดยี ในสมัยอยุธยามลี กั ษณะทางศิลปกรรมทไ่ี ดรบั ความนยิ ม เชน ดานสถาปต ยกรรม จิตรกรรม งานปนู ปน เปนตน แตกตา งกันไปตามชว งเวลาตา งๆ แตท ี่มคี วามสวยงามโดดเดน เปนเอกลกั ษณ จากนัน้ ชวยกันรวบรวมภาพและขอมูลจัดทําปา ยนิเทศเผยแพร ไดแก เจดียแบบยอมุมไมส ิบสองในสมัยสมเด็จพระเจาปราสาททอง และโบสถหรือ ความรู เพอ่ื ใหน กั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจภาพรวมเกยี่ วกบั วหิ ารท่ีมีฐานและหลงั คาเปนเสนโคง แบบตกทองชา งหรือแบบกาบสําเภาในสมยั ศลิ ปกรรมไทยไดดยี ิง่ ขึ้น สมเดจ็ พระเจา บรมโกศ ซง่ึ เปน สนุ ทรยี ภาพของโบสถห รอื วหิ ารนน้ั มนี า้ํ หนกั เบา เหมอื นลอยได 156 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ งามแบบไทย นอกจากนี้ การจัดองค์ประกอบสแี ละเรื่องราวยังสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงเรือ่ งราวทางดา้ น ครูนําสนทนาวา ในสมัยธนบุรแี มจะเปน ชว งระยะเวลาสัน้ ๆ และมีศึกสงครามตลอดเวลา ประวัตศิ าสตร์ โบราณคด ี ศาสนา ลัทธิความเชอ่ื วฒั นธรรม และจารตี ประเพณีแต่ละสมัยอกี ดว้ ย แตก ็ยงั ปรากฏจติ รกรรมที่ชว ยควบคุมคนในสังคม ใหมรี ะเบียบโดยมิตองใชกฎหมายบังคับ จากนั้น เ ป็นงา นปูนป(ั้น๓1ป) รงะาดนับปตูนกปแนั้ ตใ่งนสสถมาัยปอัตยยุธกยรารมมีค วโาดมยโเดฉดพเดา่นะก แารลตะมกแีควตา่งมหสนว้ายโงบาสมถม์ าซกึ่ง นซิยึ่งสม่วทน�าใเหปญ็น่ ครูถามนกั เรียนวา จิตรกรรมดังกลาวคือเรอื่ งอะไร และมเี นื้อหาเกย่ี วกับอะไร รรููปปกพารระสนัปารระายยุทณธ2์ท์ รในงคเรร่ือุฑงหรารมือเเกปีย็นรรตูป์ิ เทเปว็นดตา้นน่ัง แสท่ว่นน (แนวตอบ ในสมัยธนบรุ ีมจี ติ รกรรมสําคัญ คือ พื้นหลังนิยมท�าเป็นลายขด ผลงานท่ียังคงปรากฏ “สมุดภาพไตรภมู ิ” ซงึ่ มเี นอ้ื หาเกี่ยวกับโลกทั้ง 3 คอื สวรรคภ มู ิ มนษุ ยภมู ิ และนรกภมู ิ ทาํ ให ให้เห็นมีอยู่มากมาย ดังเช่น ปูนปั้นพระอุโบสถ ผูอ า นเกรงกลัวการทําบาปและหม่นั ทําความดี มากข้นึ เพอ่ื ไมต อ งไปชดใชผ ลกรรมทนี่ รกและ วัดภูเขาทอง สิงห์ปูนปั้นที่วัดธรรมมิกราช จังหวัด จะไดไปเสวยสุขบนสวรรค สมุดภาพไตรภมู ิจึง เปน เครื่องมอื สําคญั ในการชว ยใหสังคมเกดิ พระนครศรีอยุธยา ปูนปั้นที่วัดมหาธาตุ จังหวัด ความสงบสุข) เพชรบุรี เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการท�าพระพุทธรูป ปูนปัน้ ดว้ ยเช่นกนั ศิลปะการปั้นปูนและงานศิลปกรรม ปูนปั้นประดับศาสนสถานที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย 3 นั้น ถือได้ว่าเป็นมรดกช่างศิลปไทยที่มีคุณค่าและ มคี วามงาม มแี บบอยา่ งทางศลิ ปะทคี่ วรแกก่ ารอนรุ กั ษ์ สิงห์ปนู ปนั ศลิ ปะอยุธยา ที่วัดธรรมมกิ ราช จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา รกั ษา และสบื สานให้คงอยู่ค่แู ผ่นดินไทยสบื ไป ๔.๓ ตวั อยา่ งของลกั ษณะการสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยสมยั ธนบรุ ี การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยท่ีส�าคัญในสมัยธนบุรี คือ ภูมิปัญญาไทยทางด้าน ศลิ ปกรรมและทางดา้ นวรรณกรรม ๑) ด้านศิลปกรรม ในสมัยธนบุรีมีผลงานทางด้านจิตรกรรมท่ีสะท้อนให้เห็นถึง ภูมิปัญญาไทยที่ส�าคัญ คือ สมุดภาพไตรภูมิ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ จดั ท�าขึน้ เม่อื พ.ศ. ๒๓๑๙ โดยมเี นือ้ หาเกย่ี วกับไตรภูมิหรอื โลกทง้ั ๓ คอื สวรรค์ภมู ิ มนุษยภูม ิ และนรกภมู ิ ซึง่ นอกจากจะชว่ ยให้ผูท้ ี่ไดอ้ ่านหรือฟงั เกยี่ วกบั เรอื่ งไตรภูม ิ ได้เห็นภาพของไตรภูมิ ว่ามีลักษณะอย่างไรโดยเฉพาะนรกภูมิ ท�าให้เกิดความเกรงกลัวต่อการท�าบาปมากย่ิงขึ้น ผู้คนก็ อยากจะท�าความด ี เพราะเชอื่ วา่ เม่ือตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสวรรค์ นับเป็นกลอบุ ายอย่างหนึ่ง ท่จี ะชว่ ยให้คนประพฤติแต่ความด ี เปน็ เครอ่ื งมอื ท่จี ะช่วยทา� ให้สังคมเกิดความสงบสขุ อนั จะมีผล ตอ่ ความผาสกุ ของบ้านเมอื งดว้ ยเช่นกนั 157 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ความนยิ มงานศิลปะปนู ปน รปู พระนารายณทรงครุฑประดับ 1 งานปนู ปน วสั ดุที่ใชใ นงานปนู ปนมี 4 ประเภท ไดแก หนาบันโบสถวิหารในสมยั อยุธยา สะทอ นคติความเช่อื ในเรื่องใด 1. ปูนขาว เปนวสั ดหุ ลัก ทําจากหนิ ปนู หรือเปลอื กหอยเผาไฟ 1. ความเชอื่ เรื่องภพ-ภมู ิตางๆ 2. ทราย ชวยใหง านปนู ปนแนนแข็งและทรงตวั 2. พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ 3. เสน ใย ชว ยประสานภายในกอนปนู ใหยึดกนั มั่นคง 3. ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู มอี ิทธิพลเหนือพระพทุ ธศาสนา 4. กาว เปน ตวั ยดึ เนอ้ื ปนู ใหเ ขา เปน เนอ้ื เดยี วกนั และเปน ตวั เรง ใหป นู จบั ตวั 4. พระราชอํานาจของพระมหากษตั ริยเหนือเมอื งประเทศราชท้ังปวง แขง็ เรว็ ย่งิ ขึน้ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ 2 สปั ระยุทธ หมายถงึ การรบพงุ ชิงชยั กนั 3 วดั ธรรมมิกราช ตง้ั อยูทางทศิ ตะวนั ออกติดกับแนวพระราชวงั โบราณ เดมิ โดยเฉพาะคติความเชื่อเรือ่ งนารายณอวตารปางตา งๆ เพอ่ื เปนวดั รางมาตงั้ แตครง้ั เสยี กรงุ ศรอี ยุธยาครัง้ ท่ี 2 ปจจบุ นั มกี ารบูรณะใหม และมี ปกปกรกั ษาโลกใหสงบสขุ ตามความเช่อื ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระสงฆจําพรรษาอยู เนอ่ื งจากวดั น้นั ไดรบั โปรดเกลาฯ ใหสรา งหรือบูรณปฏิสงั ขรณ จากพระมหากษตั ริย หรือสรา งถวายพระมหากษัตรยิ กระทงั่ เปน แบบแผนทางศลิ ปกรรมทไ่ี ดร บั ความนยิ มโดยทวั่ ไปในสมัยอยธุ ยา คู่มอื ครู 157
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นชว ยกนั ยกตวั อยางวรรณกรรม ๒) ด้านวรรณกรรม แม้ในสมัยธนบุรีจะมีวรรณกรรมนอ้ ยเลม่ แตก่ ส็ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ทีส่ าํ คัญของไทยในสมัยธนบรุ ี ถกางึ ภรบมู ันปิ ทญั กึ ญทาเี่ ใกนดิ เขรอ่ื้ึนงใภนาสษมาัย นข้ันณ ะวเรดรยีณวกกรนั รกมแ็ ทฝี่สง�าคควัญามนร้ี ทู้ คาอื ง ด“า้โคนลปงรยะวอตัพศิ ราะสเกตียร์รไวตด้ พิ ว้ รยะ เจแ้าลกะรเปุงธน็ นเสบมรุ อื”ี 1น 2. ครถู ามนักเรียนวา วรรณกรรมสาํ คญั ใน โคลงยอพระเกยี รตพิ ระเจา้ กรงุ ธนบรุ นี ้ี นายสวน มหาดเลก็ เปน็ ผแู้ ตง่ ขน้ึ มลี กั ษณะ สมัยธนบรุ เี รื่อง “โคลงยอพระเกียรติพระเจา เป็นโคลงที่ได้รับการยกย่องว่ามีความไพเราะ และสามารถยึดถือเป็นต�าราส�าหรับแต่งโคลงได้อีก กรงุ ธนบุร”ี มีลักษณะเดน อยา งไร เร่ืองหน่ึง นับว่ามีคุณค่าทางด้านวรรณกรรม ขณะเดียวกันผู้เขียนยังได้บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ (แนวตอบ มกี ารนาํ เหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร เอาไว้ ซึ่งมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ เพราะสามารถใช้เป็นหลักฐานส�าหรับตรวจสอบข้อมูล มาแตงเปน โคลงทมี่ คี วามไพเราะ จงึ ถอื เปน ทางประวัติศาสตร์สมัยธนบุรีได้ด้วย นับเป็นภูมิปัญญาไทยทางด้านวรรณกรรมท่ีน�าเหตุการณ์ หลักฐานทางประวัติศาสตรทท่ี รงคุณคา ทางประวตั ศิ าสตรม์ าแตง่ เปน็ โคลงสส่ี ภุ าพ นอกจากจะไดอ้ รรถรสทางภาษาแลว้ ยงั ไดค้ วามรเู้ กยี่ วกบั ใชตรวจสอบขอ มลู ทางประวัติศาสตรสมยั ธนบรุ ี เหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตรค์ วบคูก่ ันไปดว้ ย รวมทั้งยงั ยดึ เปนตําราแตงโคลงไดด วย) ๔.๔ ตวั อยา่ งของลกั ษณะการสร้างสรรคภ์ มู ปิ ัญญาไทย 3. ครใู หน ักเรียนอธิบายวา การสถาปนา ในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ กรงุ รตั นโกสนิ ทรเ ปนราชธานแี หง ใหมข องไทย สะทอ นใหเ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญ ญาของพระมหากษตั รยิ ตวั อยา่ งของลักษณะการสรา้ งสรรคภ์ ูมิปัญญาไทยในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ มีดงั นี้ ไทยในการสรา งบา นแปลงเมืองอยางไร (แนวตอบ การเลือกชัยภมู ิท่เี หมาะสมสําหรบั ๑) การสร้างเมืองราชธานี การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่ ปองกันมิใหศ ตั รูเขามาลอมพระนคร คอื มแี มน้ําเจา พระยาและทะเลเปนแนวปองกัน ของไทยเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชน้ัน การเลือกพนื้ ทส่ี รา งราชธานขี นาดใหญเ พื่อ ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้ภูมิปัญญาไทยในการสร้างบ้านแปงเมืองให้เหมาะสมกับการเป็น รองรับการขยายตวั พระบรมมหาราชวงั และ ศูนย์กลางการปกครองของไทย ภูมิปัญญาไทยเกี่ยวกับการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี การขยายตวั ของราษฎร การแบงเมืองออกเปน ของไทย ประกอบดว้ ย การเลอื กชยั ภมู ทิ เี่ หมาะสมสา� หรบั การปอ้ งกนั มิใหข้ า้ ศกึ เขา้ มาลอ้ มพระนคร 3 ช้ัน เพื่อปองกนั น้ําทวมพระนครและปองกนั ได้ เช่น มีแม่น้�าเจ้าพระยาและฝั่งทะเลเป็นปราการธรรมชาติ ส�าหรับป้องกันพระนคร ขา ศึก การเลอื กท่ตี ้งั ของราชธานีอยใู กลอาวไทย ด้านตะวันออก ดา้ นใต้ และดา้ นตะวนั ตก ส่วนทางเหนอื กแ็ คข่ ดุ คลองเพ่มิ เท่าน้ัน ทา� ให้ประหยัด ทําใหติดตอ คาขายกับตา งชาติไดสะดวก) ทั้งเวลา ค่าใชจ้ ่าย และก�าลังไพร่พลในการสร้างปราการป้องกนั ส�าหรับพื้นท่ีเพื่อใช้ในการสร้างราชธานีมีลักษณะกว้างขวาง ถ้าต้องการขยาย พระบรมมหาราชวังออกไปก็สามารถท�าได้โดยไม่ยาก นอกจากน้ียังมีการวางผังเมืองด้วยการ แบ่งออกเป็น ๓ ช้ัน มีก�าแพงชั้นใน ก�าแพงชั้นนอก และมีแนวคลองท่ีขุดข้ึนมา ซ่ึงสามารถ ป้องกนั การเกิดน้�าท่วมขังในบริเวณพระนคร และปอ้ งกันการโจมตจี ากขา้ ศกึ ได้อีกด้วย บริเวณที่ต้ังของกรุงรัตนโกสินทร์อยู่ใกล้ทะเลทางด้านอ่าวไทย ท�าให้สามารถติดต่อ คา้ ขายกับพ่อค้าต่างชาตทิ ีแ่ ล่นเรือมาค้าขายทางทะเลได้สะดวก 158 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกับการสรางสรรคภูมปิ ญญาไทย ครใู หน กั เรยี นคนควา เพม่ิ เติมเกย่ี วกบั ประวัติ ทีต่ งั้ อาณาเขต และส่ิงกอสรา ง ดา นสถาปต ยกรรม ในเขตพระราชฐานของพระบรมมหาราชวงั จากแหลง การเรยี นรตู างๆ จากนน้ั จัดทาํ พระทนี่ ง่ั ใดสรางโดยไดร ับอทิ ธิพลของสถาปตยกรรมตะวันตก เปน แผนผงั แสดงขอมลู และภาพประกอบลงในกระดาษโปสเตอรต กแตง ใหสวยงาม 1. จักรพรรดิพิมาน แลว ชวยกนั คัดเลือกผลงานทดี่ ีจัดแสดงบนปายนเิ ทศในชัน้ เรียน 2. จักรีมหาปราสาท 3 ดุสิตมหาปราสาท นกั เรยี นควรรู 4. อนนั ตสมาคม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. และขอ 4. พระบาทสมเด็จ 1 โคลงยอพระเกียรตพิ ระเจา กรงุ ธนบรุ ี ผแู ตง คอื นายสวนมหาดเลก็ ในสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลาเจา อยหู ัวโปรดเกลาฯ ใหส รางพระท่นี ง่ั จกั รี- พระเจาตากสนิ มหาราช โดยพรรณนาถึงบานเมอื ง ชมปราสาทราชวงั และ มหาปราสาทในพระบรมมหาราชวงั ใน พ.ศ. 2418 แลว เสรจ็ ใน เหตุการณบ า นเมืองระหวาง พ.ศ. 2310-2314 โคลงยอพระเกยี รติฯ นี้ สมเดจ็ ฯ พ.ศ. 2425 โดยพระทน่ี ง่ั เปนแบบตะวันตก แตม ียอดปราสาท กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพทรงยกยองไวใ นคาํ นาํ ฉบบั พมิ พค รงั้ แรก พ.ศ. 2465 แบบสถาปตยกรรมไทย สวนพระท่ีนง่ั อนันตสมาคมโปรดเกลา ฯ วา มลี กั ษณะดเี ดน ทงั้ ทางวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร เพราะใชถ อ ยคาํ สาํ นวนโวหาร ใหส รา งขึ้นบรเิ วณพระราชวงั ดสุ ิตใน พ.ศ. 2450 แลว เสร็จใน เขา ใจงา ย และใหค วามรทู างประวัตศิ าสตรถูกตอ ง พ.ศ. 2458 ซงึ่ เปนสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลาเจา อยูหวั มรี ปู แบบสถาปตยกรรมแบบอิตาเลยี นสมยั เรอเนสซอง ตัวอาคาร 158 คู่มือครู ทําดวยหินออนจากเมอื งคารา ประเทศอิตาลี
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ จะเห็นได้ว่าการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ให้มีความยิ่งใหญ่ตามแบบอย่างของ 1. ครูใหน กั เรียนรว มกันแสดงความคิดเห็นวา กรุงศรีอยุธยาท่ีเคยย่ิงใหญ่มาก่อน ช่วยให้บรรดาไพร่พลท้ังหลายมีขวัญก�าลังใจพร้อมที่จะต่อสู้ วรรณกรรมเรื่องสามกกและราชาธริ าช ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งในเรื่องศึกสงครามและเศรษฐกิจ มีความสําคัญตอ กรุงรตั นโกสนิ ทรใ นชวงที่ การค้า เพง่ิ ไดร ับการสถาปนาอยางไร ดังนั้น การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็น (แนวตอบ สามกก เปน วรรณกรรมจีนทกี่ ลา วถึง ราชธานีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า กลยทุ ธใ นการทําศึกสงคราม สวนราชาธริ าช จุฬาโลกมหาราชนั้น ก็เพื่อแก้ปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึน เปนวรรณกรรมมอญทก่ี ลา วถงึ ความเกงกาจ ในอนาคต เช่น การรุกรานของข้าศึก การรองรับ ของมอญในการเอาชนะพมา ทั้งสองเรอื่ งชวย การขยายตัวของจ�านวนราษฎร การค้าขายทางทะเล ใหคนไทยทยี่ งั หวาดกลัวพมา จากเหตกุ ารณ การเกดิ อทุ กภยั การขยายพระบรมมหาราชวงั เปน็ ตน้ เสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ 2 กลบั มามขี วญั และ ซง่ึ แสดงใหเ้ ห็นถงึ ภมู ิปัญญาไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี กําลังใจในการตอ สกู ับพมามากข้นึ ชวยให ๒) การใช้พงศาวดารปลุกใจเร่ือง กรงุ รัตนโกสนิ ทรส ามารถดํารงตั้งม่ันอยูได) การศึกสงคราม ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ ทรงมีรับส่ังให้ สามกกเป็นวรรณกรรมท่ีแปลมาจากพงศาวดารจีน 2. ครถู ามนกั เรียนวา เพราะเหตใุ ดการคาขาย เจสีนนเาปบ็นดจีผ�าู้ในหวญนม่ปารกะช ุมทนี่สัก�าคปัญราคชือญ ์เเพร่ือ่ืองแสปาลมพกงกศ1 าแวลดะาแรปลพสงว่ ศนาเรวอ่ื ดงราาชรามธิรอาญชแ ปลเมรา่ือจงากรพางชศาาวธดิราารมชอ2 ญทั้งนี้ ของไทยในสมัยกอ นทําสนธสิ ญั ญาเบาวร ิง เน่ืองจากวรรณกรรมดังกล่าวมีเน้ือหาเกี่ยวกับยุทธวิธีและกลศึกต่างๆ รัชกาลที่ ๑ ทรงมี จงึ มีการเกบ็ ภาษีขาเขา ตามความกวางของ พระราชประสงคใ์ หบ้ รรดาทหารไดศ้ กึ ษาการศกึ สงครามอยา่ งแตกฉาน เพราะเปน็ ระยะแรกของการ ปากเรือแทนการเกบ็ ภาษีโดยการนับจํานวน สถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร ์ วรรณกรรมเหลา่ นจี้ ะชว่ ยใหบ้ รรดาไพรท่ หารทงั้ ปวงเกดิ ความหา้ วหาญ สินคา และรู้กลยุทธใ์ นการรบ (แนวตอบ ในสมยั รัตนโกสินทร ไทยมีการตดิ ตอ การใชว้ รรณกรรมเพอ่ื ปลกุ ใจเรอ่ื งการศกึ สงคราม นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยลกั ษณะหนง่ึ คาขายทางทะเลกับพอคาตา งชาติเปน จาํ นวน ท่ีถูกน�ามาใช้ในสังคมไทยในยุคที่ต้องเผชิญกับศึกสงคราม และการอ่านวรรณกรรมก็เหมือนกับ มาก บรเิ วณปากแมน า้ํ เจา พระยามนี ํ้าขนึ้ นํา้ ลง การอ่านนวนยิ ายหรอื นทิ าน ซึ่งผู้อ่านสามารถซึมซบั ส่งิ ท่ีผ้เู ขียนต้องการสอื่ ได้งา่ ยข้ึน ตามธรรมชาติ เรอื สนิ คาทจ่ี อดอยูเพ่ือถา ย ๓) การเก็บภาษีปากเรือ ในสมัยรัตนโกสินทร์ก่อนหน้าที่ไทยจะได้มีการลงนาม สินคายอมข้ึนอยกู บั นา้ํ ขึน้ นํ้าลงดวย หากใช ใน “สนธิสญั ญาเบาวร์ ิง” กบั องั กฤษนั้น การเก็บภาษีขาเขา้ ของไทยจะใช้การเก็บภาษปี ากเรอื คือ เวลาตรวจสอบปริมาณสินคา ทต่ี อ งเสียภาษี จนะ�าเเกรอื็บสภนิาคษ้าีขเาขเ้าขม้าาโดคย้าขเกา็บยตดา้วมยเครวือาเมปกลวา่ ้าโดงยขไอมง่มปีสากินเครา้ือ เร(จียังกกวอา่ เบร)อื บวรารลทะุก อ๑บั,๗เฉ๐า๐3 จะบคาิดทภ าถษ้าีขพา่อเคข้า้า นานเกนิ ไป เรอื อาจมีอปุ สรรคจากน้าํ ขึน้ นํ้าลง ตามความกวา้ งของปากเรือ วาละ ๑,๕๐๐ บาท ได การเก็บภาษโี ดยวัดจากความกวา งของ ภูมิปัญญาไทยจากการเก็บภาษีปากเรือ ช่วยให้ไทยมีความสะดวกในการเก็บภาษี ปากเรือในราคาวาละ 1,700 บาท จงึ ชว ย แกปญ หาดงั กลาวได อีกทัง้ ยงั ทาํ ใหไ ทยได เปรยี บชาวตางชาติจากการเก็บภาษปี ากเรอื สนิ คา เปลา ในราคาวาละ 1,500 บาท ดว ย) เพราะไมต่ อ้ งไปนบั จา� นวนสนิ คา้ เนอ่ื งจากเปน็ การพจิ ารณาขนาดของเรอื ขนสนิ คา้ ทเี่ ขา้ มาคา้ ขาย ถา้ เรอื ใหญก่ จ็ ะตอ้ งมสี นิ คา้ ในปรมิ าณมาก ดงั นนั้ การอาศยั ปากเรอื เปน็ เกณฑจ์ ะทา� ใหก้ ารเกบ็ ภาษี พจิ ารณาได้ง่ายและสะดวกขึ้น 159 บูรณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถนาํ วรรณกรรมเรอื่ งสามกก และราชาธริ าชไปบรู ณาการ 1 สามกก เปน วรรณกรรมอิงประวัติศาสตรข องจีน แตง โดยหลวั กวนั้ จง กบั กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย วชิ าวรรณคดีและวรรณกรรม ในสมัยราชวงศหยวน แปลและเรยี บเรยี งเปนภาษาไทยคร้งั แรกโดยเจา พระยา เรอื่ งคณุ คา ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในดา นสงั คมและวฒั นธรรมได พระคลัง (หน) ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช มีเนื้อหา โดยใหนกั เรียนศึกษาประวตั ศิ าสตรจากการอานเนอ้ื หาของ เกี่ยวกับประวัติศาสตรจ นี ชวงปลายสมัยราชวงศฮ ่ันที่แผน ดินแตกเปน 3 กก คอื วรรณกรรมดงั กลา ว แลว สรปุ สาระสาํ คญั และวเิ คราะหแ นวคดิ ทปี่ รากฏ วุยกก จกกก และงอ กก ซึง่ ไดแ ยง ชิงอาํ นาจกนั จนกระทงั่ แผนดินจนี รวมเปน หนง่ึ เพอื่ นํามาอภปิ รายรว มกันในชนั้ เรยี น ทัง้ นี้ เพอื่ ใหนกั เรียนเกดิ ความ อีกครง้ั โดยสุมาเอย๋ี น ผสู ถาปนาราชวงศจ้ิน เขา ใจเก่ยี วกับการใชป ระวตั ิศาสตรแ ละวรรณกรรมในการสง เสริม 2 ราชาธริ าช เปนวรรณกรรมเรอื่ งยาวจากพงศาวดารของมอญ ตน ฉบบั ด้งั เดิม ความเปน ชาติไดดีย่ิงขน้ึ เปน ภาษามอญ มีเนือ้ หาเกยี่ วกับการสรู บระหวา งชนชาตมิ อญและพมา ซ่งึ มอญ มกั เปน ฝายชนะเหนอื พมา 3 อับเฉา สิง่ ของสําหรบั ใชถ ว งนํ้าหนกั เรอื เพ่ือไมใหเ รอื โคลงหลังจากขนถา ย สินคาลงจากเรอื เชน หนิ หรอื ทราย ประติมากรรมรปู เทพเจา สัตวม งคลตางๆ เปนตน คมู่ ือครู 159
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูใหนักเรยี นยกตวั อยางพระราชกรณยี กิจท่ี นอกจากน้ีไทยจะได้เปรียบในการค้า เพราะการเก็บภาษีปากเรือถ้าพ่อค้าน�าเรือ สําคญั ของพระมหากษตั ริยไทยเก่ยี วกบั ภูมิปญญา เปล่าเข้ามาซื้อสินค้าแต่อย่างเดียวก็จะต้องจ่ายภาษีขาเข้า ถึงแม้ว่าจะต�่ากว่าเรือที่บรรทุกสินค้า ดา นการแพทยไ ทยโบราณ โดยใหอ ธบิ ายมาพอ เข้ามาค้าขายก็ตาม ดังนั้น พ่อค้าจึงต้องน�าสินค้าบรรทุกเรือมาขายด้วย ท�าให้เป็นประโยชน์ สงั เขป แกไ่ ทยมากขึ้น ภูมิปัญญาไทยในเรื่องการเก็บภาษีปากเรือได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยพื้นฐานจาก (แนวตอบ พระราชกรณยี กิจท่สี าํ คญั เชน สภาพภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อม เพราะกรุงรัตนโกสินทร์มีการติดต่อค้าขายทางทะเลกับ รชั กาลที่ 1 โปรดเกลา ฯ ใหรวบรวมจารึก พ่อค้าชาวต่างชาติจ�านวนมาก บริเวณปากแม่น�้าเจ้าพระยามีน�้าขึ้นลงตามธรรมชาติ เรือสินค้า ตาํ รายาและรปู ฤๅษีดดั ตนไวต ามศาลาราย ที่จอดอยู่เพ่ือถ่ายสินค้าย่อมข้ึนอยู่กับน�้าข้ึนน�้าลงด้วย ถ้าใช้เวลาตรวจสอบปริมาณสินค้าที่จะ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวหิ าร ตอ้ งเสียภาษีชา้ เกนิ ไป เรอื อาจมีอปุ สรรคจากนา้� ลงได ้ การเกบ็ ภาษปี ากเรือจงึ ช่วยแก้ปัญหาเร่ือง รชั กาลท่ี 2 โปรดเกลาฯ ใหกรมหมอหลวง สภาพภูมิศาสตร์ได ้ สา� หรับผลกระทบจากภายนอกทเี่ กี่ยวกับชาวตา่ งชาติที่เข้ามาคา้ ขาย ไทยเรา คดั เลอื กตํารายาท่มี สี รรพคณุ สาํ หรับ ไมต่ อ้ งการเสยี เปรยี บเรอื่ งภาษอี ากรกบั พอ่ คา้ ชาวตา่ งชาต ิ ดงั นน้ั การเกบ็ ภาษปี ากเรอื จงึ ไดเ้ ปรยี บ โรงพระโอสถ ทเ่ี รยี กวา “ตาํ ราพระโอสถ” โดยเฉพาะการเกบ็ ภาษปี ากเรือสินคา้ เปล่าของพ่อค้าชาวตา่ งชาตทิ ่เี ข้ามาตดิ ต่อคา้ ขาย รชั กาลท่ี 3 โปรดเกลาฯ ใหจ ารกึ ตํารายารอ ย ขนานบนแผน ศิลาและฝงบนเสาระเบียง ๔) การแพทย์ ภมู ปิ ญั ญาไทยทางดา้ นการแพทยม์ มี าตง้ั แตส่ มยั โบราณ โดยเฉพาะ พระวิหารพระพทุ ธไสยาสน วดั ราชโอรสาราม โปรดเกลา ฯ ใหจ ารกึ ตาํ ราหมอนวด วิชาเภสชั อยา่ งยง่ิ ในสมยั อยธุ ยา ตอ่ มาในสมยั รชั กาลท ่ี ๑ ไดท้ รงบรู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม สมนุ ไพร ตําราวิธรี ักษาเดก็ และผใู หญ สรา งรปู ราชวรมหาวิหาร และโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมจารึกต�ารายาและรูปฤๅษีดัดตนไว้ตามศาลาราย ฤๅษดี ดั ตน และปลกู สมุนไพรหายากเพ่อื การ นับเป็นการเผยแพร่ความรู้ให้แก่ราษฎรอีกทางหน่ึง ในสมัยรัชกาลท่ี ๒ โปรดเกล้าฯ ให้กรม ศกึ ษาของราษฎร หมอหลวงช�าระคัดเลือกต�ารายาที่มีสรรพคุณส�าหรับโรงพระโอสถ ที่เรียกว่า “ต�าราพระโอสถ” รัชกาลที่ 5 โปรดเกลาฯ ใหแพทยห ลวงชาํ ระ รคะรเ้ันบถียึงงใพนรสะมวัยิหราัชรกพารละทพี่ ุท๓ธไ สโปยารสดนเก์ ลว้าัดฯร าใชหโ้จอารรสึกาตรา�ามร1า ยแาลระ้อโยปขรนดาเกนลบ้านฯแ ผให่น้จศาิลราึก ตแ�าลระาฝหังมบอนนเวสดา คัมภีรแพทยแ ละจดบันทกึ ลงสมุดไทยเรยี กวา วชิ าเภสชั สมนุ ไพร วชิ าสมมตฐิ านโรค ตา� ราวธิ รี กั ษาเดก็ และผใู้ หญ ่ และสรา้ งรปู ฤๅษดี ดั ตน ๘๐ ทา่ “เวชศาสตรฉ บบั หลวง”) รวมทงั้ โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ลกู สมนุ ไพรทหี่ ายากเพอ่ื การศกึ ษาของราษฎร นบั เปน็ ตา� ราแพทย์โบราณ ท่ีมีความสมบรู ณ์ท่สี ุดเท่าท่รี วบรวมจารึกไวเ้ ปน็ ครั้งแรก ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ทรงมีพระราชด�าริว่าวิชาการแพทย์แผนไทยภายหน้าจะ เสอ่ื มสญู ไป จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระชมุ แพทยห์ ลวงตรวจสอบชา� ระคมั ภรี แ์ พทยท์ ง้ั หมด และไดแ้ ปล คดั ลอกใหม่จากภาษาขอม มคธ และจดบนั ทกึ ลงในสมดุ ไทยท่ีเรียกวา่ “เวชศาสตร์ฉบับหลวง” จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าสังคมไทยมีองค์ความรู้และวิธีปฏิบัติ เพ่ือการดูแลสุขภาพและบ�าบัดรักษาโรค รวมทั้งความเจ็บป่วยของราษฎรมาต้ังแต่สมัยโบราณ ซ่งึ มคี วามสอดคล้องกบั ธรรมเนียมประเพณแี ละวถิ ีชวี ิตของคนไทย โดยการใช้สมุนไพร การนวด หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และพธิ กี รรม เพือ่ สร้างขวญั และกา� ลงั ใจแก่ผูป้ ว่ ย 160 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 วัดราชโอรสาราม หรอื วดั ราชโอรส เปน พระอารามหลวงชั้นเอก ชนดิ ครใู หนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพิ่มเติมถงึ ความหมาย ประเภท ราชวรมหาวิหาร เดิมชอื่ วัดจอมทอง สรา งขึน้ ในสมัยอยธุ ยา ตอ มารัชกาลท่ี 3 ตัวอยาง และสรรพคณุ ของสมนุ ไพร จากน้นั บันทึกสาระสําคญั โปรดใหป ฏิสงั ขรณว ัดจอมทองขนึ้ ใหม โดยเสดจ็ ประทบั คมุ งานตรวจตราดว ย ลงกระดาษ A4 แลวนาํ สง ครผู ูสอน พระองคเ องตลอดมา ใชเวลา 14 ป จงึ แลวเสรจ็ การสรางวดั ราชโอรสในครั้งนี้ ถือเปนการเริ่มตนครัง้ สาํ คญั ของสถาปตยกรรมสมยั รชั กาลท่ี 3 เปนครั้งแรกที่ กิจกรรมทา ทาย สรางโบสถ วิหาร แบบไมมชี อฟา ใบระกา หางหงส เปน การนําศลิ ปกรรมจีนมา ผสมผสานกบั ศิลปกรรมไทยไดอยา งลงตัว ครูใหน กั เรยี นศึกษาคน ควาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั สมนุ ไพรคนละ 3 ชนิด โดยแตละชนดิ ตอ งมสี รรพคณุ ในการรกั ษาโรคที่แตกตา งกนั จากนัน้ ใหนําภาพและขอ มูลท่ศี ึกษาคน ควา มาจัดทาํ เปนบันทกึ การศึกษาคนควา แลวนําสงครผู ูสอน 160 คูม่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ จากการที่ได้มีการรวบรวมต�าราและวิธีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บในสมัยรัชกาลที่ ๑ 1. ครูถามนกั เรียนวา การรวบรวมตําราแพทย ถงึ รชั กาลท่ ี ๓ สามารถวเิ คราะห์ได้ถงึ ภูมปิ ญั ญาไทยทางดา้ นการแพทย์แผนไทยได้ดงั นี้ และวิธีการรกั ษาโรคในสมยั รัชกาลที่ 1-3 สะทอนถึงภูมปิ ญญาดานการแพทยแ ผนไทย 1 อยางไร (แนวตอบ คนไทยรูจกั การคดิ คนตาํ รายา ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธ์)ิ มีจารกึ เก่ียวกับตาำ ราแพทยแ์ ผนไทย มฤี ๅษดี ัดตน เพื่อรกั ษาโรค โดยนาํ ยามาจากพชื สตั ว ซึ่งเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยเกีย่ วกับการรกั ษาโรคภัยไข้เจบ็ ตา่ งๆ หรอื แรต า งๆ รจู ักใชการนวดประกอบการ รกั ษาโรค รจู กั สาเหตุ อาการ และชอื่ ของโรค (๑) รู้จักคิดค้นต�ารายาข้ึนเพ่ือรักษาโรคเป็นจ�านวนมากไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ขนาน รสู รรพคุณยา วิธกี ารปรุงยา และวธิ ีการรักษา (ชนดิ ) การเลอื กสารตวั ยากน็ า� มาจากพชื สตั ว ์ และแรธ่ าตใุ นธรรมชาต ิ นา� มาผสมกนั บา้ ง บางครง้ั โรคท่เี หมาะสม) ก็น�ามาใช้เพียงชนิดเดียว ส�าหรับบ�าบัดรักษาโรคต่างๆ ยาบางประเภทท�ามาจากสมุนไพรซึ่ง ผา่ นการทดลองใชม้ าแล้ว 2. ครูใหนักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา (๒) รู้จักใช้การนวดและการบริหารร่างกายประกอบการใช้ยารักษาโรค หมอที่รักษา ปจ จุบนั การแพทยแผนไทยกลบั มาไดรับความ ดว้ ยการใช้การนวดหรอื การบรหิ ารรา่ งกายรกั ษาเรยี กวา่ “หมอนวด” นยิ มอกี คร้ังในหมคู นทัว่ ไปเปนเพราะเหตใุ ด (๓) รู้จักสาเหตุของโรคจากปัจจัยต่างๆ ได้ รวมท้ังรู้จักอาการโรคและช่ือของโรค (แนวตอบ หลังการเขา มาของการแพทยแ ผน ตามอาการได้อกี ด้วย ตะวนั ตกอนั ทนั สมยั การแพทยแ ผนไทยได (๔) รู้จักสรรพคุณยา การปรุงยา และรู้จักใช้ยารักษาและวิธีการรักษาให้เหมาะสม คอ ยๆ ถกู ลืมเลือนไปจากสังคม องคความรู กับโรค บางอยา งสูญหายไป แตปจจบุ นั การแพทย จะเห็นได้ว่า ภูมิปัญญาทางด้านการแพทย์ของไทยมาจากปัจจัยทางด้านสภาพ แผนไทยกลับมาไดร ับความนิยมอีกครงั้ ภูมิศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนสภาพอากาศจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน จากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว จาก เพราะการแพทยแ ผนตะวนั ตกตองสน้ิ เปลอื ง ฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน มีลมมรสุมพัดผ่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนไทยท�าให้เกิด คา ใชจายในการรกั ษามาก บางครงั้ ไดผ ลการ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ได้ง่าย ผู้คนสมยั โบราณจงึ ทดลองนา� เอาพชื ที่ขน้ึ อยู่ใกลต้ ัวมาใช้ พบวา่ พืชบางชนดิ รักษาไมด ี จงึ มกี ารรอื้ ฟน องคค วามรดู า นการ ช่วยรักษาโรคได้ จึงเรียกพืชเหล่านั้นว่า สมุนไพร และมีการเผยแพร่องค์ความรู้นี้ผ่านทั้งการ แพทยแ ผนไทยมาประยุกตใ ชก ับการแพทย บอกปากต่อปาก จารึกไว้ตามวัดที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน เพื่อให้ความรู้แขนงนี้ขยายกว้าง แผนตะวันตก ทาํ ใหก ารรกั ษาโรคมี ออกไป 161 ประสิทธภิ าพมากขึ้น) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลารามเปน แหลงการเรียนรทู ่ีสําคัญของ 1 วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เปน วัดโบราณสรา งใน ภูมิปญ ญาไทยสมยั รัตนโกสนิ ทรด า นใด สมัยอยธุ ยา ไมปรากฏหลกั ฐานเกี่ยวกับการสราง เดิมเรยี กวา วดั โพธาราม หรอื วดั โพธ์ิ ยกฐานะข้ึนเปนพระอารามหลวงในสมยั ธนบรุ ีและเปนพระอารามหลวง 1. การปรงุ ยาสมนุ ไพร ลําดับที่ 1 ในสมยั รตั นโกสนิ ทร ปจ จุบันตัง้ อยูที่แขวงพระบรมมหาราชวัง 2. การแพทยแ ผนไทย เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 3. การแปลภาษามคธและขอม 4. การสถาปนาพระอารามหลวง มุม IT วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภายหลงั ไดร บั การสถาปนาเปน ศึกษาคน ควาขอ มลู เพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั การแพทยแ ผนไทย ไดท่ี http://ptmk.dtam.moph.go.th/ เวบ็ ไซตสาํ นกั คุม ครองภูมิปญ ญาการแพทย พระอารามหลวงในสมยั รัชกาลที่ 1 กไ็ ดม บี ทบาทเปนแหลงการ แผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือก กระทรวง เรยี นรภู ูมิปญ ญาไทยดา นการแพทยแ ผนไทยทส่ี าํ คัญ โดยเฉพาะ สาธารณสุข ในสมยั รชั กาลที่ 3 ไดโ ปรดเกลาฯ ใหจ ารึกตาํ ราตางๆ ลงบนแผน ศลิ าบนเสาระเบยี งพระวิหาร และสรางรูปฤๅษดี ดั ตนแสดงทา ทาง คมู่ ือครู 161 การนวดเพื่อบริหารและรกั ษารา งกายขึน้ ซ่งึ ใน พ.ศ. 2552 องคก าร ยูเนสโกไดข ึ้นทะเบียนใหจ ารกึ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเปน เอกสารมรดกความทรงจําแหง โลกในสว นภมู ภิ าคเอเชยี แปซิฟก
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Expand Evaluate Engaae Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูถามนักเรียนวา ทําไมคนไทยจงึ เรยี ก ตอ มาเมอ่ื ไทยเขา สคู วามทนั สมยั ภมู ปิ ญ ญาทางการแพทยข องไทยไดล ดความสาํ คญั ลง รถสามลอเครื่องวา รถตุกตกุ เพราะคนไทยรบั เอาความรทู างการแพทยจากโลกตะวันตกเขามา ซ่งึ ตองส้นิ เปลอื งคาใชจายเปน (แนวตอบ คนไทยเรียกตามเสยี งทด่ี ังขณะท่เี ริม่ จํานวนมาก ดังน้ัน เม่ือมีการหันกลับไปร้ือฟนภูมิปญญาทางการแพทยของไทยสมัยโบราณ สตารทเคร่ืองยนต) โดยเฉพาะการใชส มนุ ไพรในการรกั ษาโรค โดยนาํ มาผสมผสานกบั การรกั ษาดว ยแพทยแ ผนปจ จบุ นั จงึ นับวา เปนผลดตี อการดํารงชีวิตของคนไทยตามแบบระบบเศรษฐกจิ แบบพอเพยี งไดเปน อยา งดี 2. นกั เรยี นคิดวารถสามลอเครือ่ งท่ใี หบ ริการกนั อยู ในปจจุบนั มคี วามเหมือนหรือตา งกนั อยางไร ๕) รถสามลอเครื่อง รถประเภทน้ีทางราชการเรียกวา “รถสามลอ” แตชาวบาน (แนวตอบ รถสามลอมเครือ่ งมบี รกิ ารอยูทวั่ ไป เกอื บทกุ จังหวดั ซงึ่ สว นใหญมีลกั ษณะคลา ยกนั ในเมืองไทยมักเรียกกันวา “รถตุกตุก” ตามเสียงที่ดังขณะท่ีเริ่มสตารทเคร่ืองยนต รถตุกตุกเริ่ม แตบ างทอ งท่ีมีลักษณะเฉพาะพิเศษ เชน ใน มีใชในประเทศไทยครั้งแรกประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยวิวัฒนาการมาจากการนําสามลอเคร่ือง จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา มีขนาดหนารถใหญ กระบะบรรทุกจากญี่ปุนเขามาดัดแปลงเปนรถน่ังโดยสาร เพื่อทดแทนรถสามลอถีบซึ่งหามว่ิง กวา ขนาดท่ัวไป เรียกวา รถตกุ ตกุ หนา กบ ในเขตกรงุ เทพฯ ในสมยั รฐั บาลจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต ในระยะแรกรถตกุ ตกุ มที างใหผ โู ดยสารขนึ้ ลง เปน ตน) ๒ ดาน ตอมาเพ่ือความปลอดภัยจึงกําหนดใหปดทางข้ึนลงดานขวาของตัวรถเหลือทางขึ้นลง ดา นเดียว 3. นักเรียนคิดวา นอกจากประโยชนในการ คมนาคมขนสง แลว รถตกุ ตุกยังมปี ระโยชน รถสามลอ เครอื่ ง ตกุ ตกุ มบี รกิ ารทกุ จงั หวดั และเปน ทน่ี ยิ มเปน อยา งยง่ิ ของนกั ทอ งเทย่ี ว ในเรอื่ งใด ท่ีเปนชาวตางประเทศ ตอมาไดมีการนํารถตุกตุกธรรมดามาดัดแปลงเบาะดานหลังเปนที่นั่ง (แนวตอบ ดานการทอ งเทย่ี วและดานเศรษฐกิจ สองแถวเพ่ือรับผูโดยสารไดเ ปนจาํ นวนมาก รถสามลอ เครอื่ ง ตุกตกุ จงึ นบั วาเปนภูมิปญ ญาไทย เพราะปจ จบุ นั ไทยไดผลติ และสงจําหนายไปยงั ทน่ี า ภาคภมู ิใจอยา งหนงึ่ ของคนไทยทเี่ กดิ จากการประดษิ ฐ ประยกุ ตใชใ หก ลมกลนื กบั การดาํ รงชวี ติ ตา งประเทศในนาม TUK TUK) จนกลายมาเปนเอกลักษณอ ยางหน่ึงของชาติในปจจบุ ัน ขยายความเขา้ ใจ Expand ครูมอบหมายใหน กั เรยี นเขยี นผังมโนทัศนสรุป ตัวอยา งของลกั ษณะการสรางสรรคภ ูมิปญญาไทย สมัยตา งๆ จากความรูท ี่นกั เรียนไดศึกษามาและ จากการคนควา เพ่มิ เตมิ จากแหลง การเรียนรอู ่นื ๆ ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจผงั มโนทศั นส รุปตัวอยา งของลกั ษณะการ รถตุกตกุ ไทยมีลักษณะโดดเดน เฉพาะตัวและในปจ จุบนั รถอีแตนเกิดข้ึนจากความชางคิดของคนไทย เปนรถใชงาน สรางสรรคภ ูมปิ ญญาไทยสมยั ตางๆ โดยประเมนิ ไดก ลายมาเปน เอกลกั ษณอยางหนงึ่ ของประเทศ เกษตรกรรมของไทย จากความถูกตอ งของเนื้อหาและการนาํ เสนอท่ี นา สนใจเขา ใจงา ย ๑๖๒ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครคู วรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พอื่ ใหน ักเรียนเขา ใจและตระหนกั ถงึ ความสําคัญ ครใู หน กั เรยี นศึกษาคน ควาเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับวิวฒั นาการของ ของภมู ิปญญาในทองถิ่นโดยการเตรยี มภาพและขอมลู ผลงานการสรางสรรค สามลอ เคร่อื งในประเทศไทย จากนัน้ บันทึกสาระสาํ คญั ภมู ปิ ญญาในทอ งถนิ่ เพอื่ ใชป ระกอบการอธบิ ายความรู หรือมอบหมายใหน ักเรียน ลงกระดาษ A4 แลวนาํ สง ครผู ูสอน ชวยกันศึกษาคน ควา แลวนาํ ภาพและขอ มลู มาแลกเปลี่ยนความรกู ันในชนั้ เรียน กจิ กรรมทาทาย ครตู ง้ั ประเดน็ ใหนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพม่ิ เตมิ วา เพราะเหตุใด รถสามลอเคร่ืองจึงกลายมาเปนเอกลักษณท่ีสําคัญอยางหน่ึงของ ประเทศไทย จากนน้ั ใหน าํ ขอ มลู ทไ่ี ดม าอภปิ รายรว มกนั ในชน้ั เรยี น 162 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๖) รถอีแตน นับเปนประดิษฐกรรมทางดานภูมิปญญาไทยอยางหนึ่งของไทย ครูนําขา วเก่ยี วกับการสงเสรมิ หรือการสราง คณุ คา ใหแ กว ฒั นธรรมและภมู ิปญญาไทยมาเลา ให รถประเภทนเี้ ปนผลงานทแี่ สดงใหเ หน็ ถงึ ความเปน คนชา งคดิ ของคนไทยไดเ ปนอยา งดี และแสดง นักเรียนฟง จากน้ันตั้งคําถามใหนักเรยี นชวยกัน ถงึ ความสมั พนั ธร ะหวา งคนไทยกบั อาชพี เกษตรกรรมอกี ดว ย รถอแี ตน เกดิ ขน้ึ เปน ครง้ั แรกใน พ.ศ. วิเคราะหวา เพราะเหตใุ ดปจจบุ ันคนไทยจงึ หนั มา ๒๕๑๔ โดยชาวนาผหู น่งึ ในจังหวดั เพชรบรู ณ เปนผสู รา งข้ึนเพ่ือจะไดส ามารถนาํ ไปวงิ่ ในทงุ นาท่ีมี ใหค วามสาํ คัญกับวฒั นธรรมและปญญาไทย วชั พชื ขนึ้ อยเู ปน จาํ นวนมากๆ ไดแ ละสามารถปราบวชั พชื ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพอกี ดว ย นอกจากนี้ ยงั สามารถใชบ รรทกุ สงิ่ ของตา งๆ หรอื ฉดุ ลากสงิ่ ของหนกั ๆ ได จนเปน ทนี่ ยิ มกนั อยา งแพรห ลายทวั่ ไป (แนวตอบ เนอ่ื งจากมีปจ จยั หลายดานทส่ี ง เสรมิ นับไดวาเปน ภูมิปญญาไทยในยุคปจจุบัน การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทย เชน การไดร บั การสงเสรมิ จากสถาบันท่สี าํ คญั ของชาติ ๕. ปจ จยั และบคุ คลทส่ี ง เสริมการสรางสรรควฒั นธรรม การหนั มาสนใจเร่อื งไทยศกึ ษาในสังคมไทย และภมู ิปญญาไทยทม่ี ผี ลตอ สงั คมไทยปจ จบุ ัน การสงเสริมการใชท ฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง การสง เสรมิ การทองเท่ียวเชิงอนุรักษวัฒนธรรมและ ๕.๑ ปจจัยท่สี งเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย ภมู ิปญญาไทย การจัดกจิ กรรมเผยแพรว ฒั นธรรม ที่มผี ลตอ สังคมไทยปจจุบนั และภูมิปญญาไทย เปน ตน ) จะเปนประจดจบั ุบชันาสต1ังหิ ครมือไรทะยดใับหทคอวงาถมิ่นสําโคดัญยภเกมู ี่ยิปวญกญับเารไ่ือทงยวเัฒหลนา ธนร้ีลรวมนแมลกีะภารูมสิปบื ญทญอดามไทาจยามกาคกนขรึ้นุนไหมนวึ่งา สา� รวจคน้ หา Explore ในอดีตมาถึงคนอีกรุนหน่ึงในปจจุบัน แมวาในชวงระยะเวลาหนึ่งวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทย บางอยางไดถูกลบเลือนไปจากความสนใจของคนไทย เน่ืองจากผูคนหันไปช่ืนชมกับวัฒนธรรม ครตู ้งั ประเดน็ คาํ ถามเพือ่ ใหนักเรียนศึกษา และภมู ปิ ญ ญาตะวันตก แตเมอื่ เร่ิมมีการสนับสนนุ จากหลายๆ ฝาย รวมถึงมกี ารศึกษาคนควากนั ความรเู กยี่ วกบั ปจจัยทีส่ ง เสริมการสรางสรรค อยา งจรงิ จงั จงึ ทาํ ใหค นไทยเรม่ิ หนั มาใหค วามสาํ คญั ตอ คณุ คา ของวฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ญ ญาไทย วัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทยท่มี ีผลตอสังคมไทย มากขนึ้ ปจ จุบนั เชน ปจจัยท่ีสงเสริมการสรางสรรควัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยที่มีผลตอสังคมไทยปจจุบัน • มีปจ จัยใดบา งทีส่ ง เสริมการสรา งสรรค มีดงั ตอ ไปน้ี วฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยท่มี ผี ลตอ สังคมไทย ÁØÁ¹‹ÒÌ٠• นักเรียนจะมีสว นในการสงเสริมการ ภูมิปญญาชาวบานหรือภูมิปญญาทองถิ่นตามความหมายของสารานุกรม สรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยได ไทยสําหรับเยาวชน หมายถึง “ทุกส่ิงทุกอยางที่ชาวบานคิดข้ึนไดเอง และนํา อยางไรบาง มาใชในการแกปญหา เปนเทคนิควิธีเปนองคความรูของชาวบานทั้งทางกวาง และทางลึกที่ชาวบานคิดเอง ทําเอง โดยอาศัยศักยภาพที่มีอยูแกปญหาการ โดยใหน ักเรยี นศกึ ษาจากหนงั สอื เรียนหนา ดําเนินชีวิตในทองถ่ินไดอยางเหมาะสมกับยุคสมัย” โดยภูมิปญญาชาวบานใน 163-165 และแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน หอ งสมุด ท่ีนี้ เชน การรูจักนําพืชสมุนไพรมาปรุงเปนยารักษาโรคทั่วไป หรือการนําเอา อินเทอรเ น็ต เปนตน วัชพืชมาสานเปนเคร่ืองใช เปนตน ตัวอยางผลิตภัณฑแปรรูปจาก อธบิ ายความรู้ Explain ภูมปิ ญญาทอ งถน่ิ ๑๖๓ ครใู หน ักเรียนรวมกนั แสดงความคิดเห็นวา ปจ จุบันสงั คมไทยใหค วามสําคัญกบั การสงเสริม การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยมาก นอ ยเพียงใด เพราะเหตใุ ด ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดในปจ จบุ ันสงั คมไทยจึงใหค วามสาํ คญั ในการอนุรักษ วฒั นธรรมและภูมิปญญาไทยมากข้ึน 1 ระดบั ชาติ หนวยงานภาครฐั ที่มีหนาท่ีสง เสรมิ การสรา งสรรควัฒนธรรมและ แนวตอบ วัฒนธรรมและภูมปิ ญญาเปนสิ่งสําคญั ยิง่ ในการแสดง ภูมิปญ ญาไทยท่ีสําคัญ เชน กระทรวงวัฒนธรรมมีหนาที่สง เสรมิ ใหประชาชน ความเปนชาติ แตจากอทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวันตกทีเ่ ผยแพร ตระหนกั ถงึ คณุ คาของวัฒนธรรม และมสี วนในการอนรุ กั ษแ ละพฒั นามรดกทาง เขา มาในสงั คมไทย ทําใหคนไทยจํานวนมากละเลยที่จะใสใ จศึกษา วัฒนธรรมไทย กรมทรัพยส ินทางปญ ญามหี นา ทคี่ มุ ครองภูมิปญญาทอ งถน่ิ และ สืบสาน และพัฒนาวัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทย กระท่งั ภูมปิ ญญา จัดทําระบบฐานขอ มลู ภูมิปญญาทองถ่นิ ไทย เปนตน บางอยา งไดส ูญหายไปจากสังคมไทย หนวยงานทั้งภาครัฐและ เอกชนท่ีมสี ว นเก่ียวของจงึ ดําเนนิ การตางๆ ใหค วามรแู ละขอมลู แก มุม IT ประชาชน ทาํ ใหผ ูค นสว นใหญในสงั คมตางตระหนกั และเหน็ คณุ คา ความจาํ เปน ทจี่ ะตอ งตอ งรว มมอื กนั เพอื่ อนรุ กั ษม รดกทางวฒั นธรรม ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย และภมู ปิ ญญาของบรรพบุรุษไทยเอาไว ไดท ่ี www.m-culture.go.th เวบ็ ไซตก ระทรวงวฒั นธรรม คมู่ อื ครู 163
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นชวยกันยกตวั อยา งสถาบันสําคญั ๑) การได้รับการส่งเสริมจากสถาบันท่ีส�าคัญของชาติ อันได้แก่ สถาบัน ของชาตทิ ม่ี สี วนในการสงเสริมการสรางสรรค วฒั นธรรมและภูมปิ ญญาไทย ศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังจะเห็นได้จากการให้มีการ (แนวตอบ สถาบันสาํ คัญ เชน ฟื้นฟูและส่งเสริมภูมิปัญญาทางด้านศิลปวัฒนธรรมจากวัดและราชส�านัก ส�าหรับบทบาทของวัด • สถาบันศาสนา ไดนาํ ภมู ิปญ ญาในเรือ่ งของ ในการสง่ เสรมิ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาของไทย เช่น มีการนา� ภมู ิปัญญาในเรอื่ งของจติ วิญญาณ จติ วิญญาณมาใช เพอื่ กลอมเกลาจติ ใจของ มาใชเ้ พื่อกล่อมเกลาจติ ใจของผ้คู นในสงั คม เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้คนในสงั คมมคี ณุ ธรรมและมจี ิตส�านึก ผคู นในสงั คม ในการฟื้นฟูท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนา เช่น การบูรณะโบสถ์วิหาร พระพุทธรูป เป็นต้น ส่วน • สถาบนั พระมหากษตั ริย ที่ไดมกี ารจดั ตั้ง บทบาทของราชส�านักในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของไทย เช่น การจัดตั้งโครงการ โครงการศิลปาชพี เพ่อื ฟน ฟกู ารสอน ศลิ ปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ จนกระทัง่ เกิดเปน็ “มลู นิธศิ ลิ ปาชพี ” ซงึ่ ศิลปกรรมตา งๆ ของไทย) ถอื เป็นการฟ้นื ฟูการสอนศลิ ปกรรมทา� ใหม้ ีผลงานทางดา้ นภมู ิปัญญาไทยออกมาอยา่ งมากมาย 2. ครูถามนักเรยี นวา สถาบันไทยศึกษามสี ว น ๒) การหนั มาสนใจเรอื่ ง “ไทยศกึ ษา” ในสังคมไทย ประมาณเกอื บ ๕๐ ปี ในการสงเสริมการสรา งสรรคว ัฒนธรรมและ ภมู ิปญญาไทยอยางไร ท่ีผ่านมา ไดเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงทางดา้ นการศึกษาของไทย เมอ่ื สถาบันการศึกษาที่สา� คญั เชน่ (แนวตอบ ไดมีการศกึ ษาคนควา เกีย่ วกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล็งเห็นความส�าคัญของการศึกษา ประวัติศาสตรไทย ศิลปวฒั นธรรมไทย เรื่อง “ไทย” จนเกดิ มีสถาบันไทยคดีศกึ ษา สถาบนั ไทยศกึ ษา ขึ้นในมหาวิทยาลัยท้งั สองซ่ึงชว่ ย การเมืองไทย และสงั คมไทย รวมทง้ั ภูมิปญ ญา กระตุ้นกอ่ ใหเ้ กิดการจัดการศกึ ษาเร่ืองไทยคดีศกึ ษาขึ้นในสถาบันการศึกษาอ่นื ๆ ตามมา ไทยในอดีตและภมู ปิ ญญาในทองถน่ิ ทําให ท้ังน้ีจากการให้ความสนใจเร่ือง “ไทยศึกษา” จึงท�าให้มีการศึกษาค้นคว้าเรื่อง ภูมปิ ญ ญาไทยและวัฒนธรรมไทยไดร ับการฟนฟู ประวัติศาสตร์ไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย การเมืองไทย และสังคมไทย รวมถึงภูมิปัญญาไทยที่ อยา งมากดังท่ีเหน็ ไดใ นปจจบุ ัน) สังคมไ ทยในอตด่อีตมใชาเ้เปม็นื่อเมคีกราื่อรงศมึกอื ษในากคา้นรคแวก้าป้ ปญั รหะวาักตาิศราดสา� ตเนร์ทินช้อีวงิตถข่ินอ1 งจผึงูค้ไดน้มีการศึกษาภูมิปัญญา ทอ้ งถ่นิ ซึง่ ถือเป็นส่วนหนงึ่ ของภูมิปัญญาไทยด้วย ท�าใหภ้ ูมิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยไดร้ บั การ 3. ครูใหน กั เรียนบอกวา การสง เสรมิ การใชท ฤษฎี ฟ้ืนฟขู ้ึนมาอย่างกว้างขวางดงั เช่นในปจั จุบัน เศรษฐกิจพอเพยี งตามแนวพระราชดํารใิ น พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ๓) การส่งเสริมการใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมให้ราษฎร มีสวนในการสงเสริมการสรางสรรคว ฒั นธรรม และภมู ิปญญาไทยอยางไร หันมาด�าเนินชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชด�าริพระบาทสมเด็จ (แนวตอบ ทาํ ใหม กี ารสบื คนภมู ปิ ญญาไทยใน พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทา� ใหม้ กี ารสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารสบื คน้ ภมู ปิ ญั ญาไทยทม่ี มี าแตอ่ ดตี อดีตเพื่อนาํ มาประยุกตใ ชใ นการดาํ รงชีวติ และนา� มาประยกุ ต์ใชใ้ นการดา� รงชวี ติ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง อาท ิ การนา� สมนุ ไพรไทยมาทา� ใหเ้ กดิ ไดแ ก การเลือกวสั ดทุ องถ่นิ มาทําใหเกดิ มลู คา มูลคา่ เพมิ่ หรือการเลอื กใช้วสั ดุทม่ี ีอยู่ในทอ้ งถ่นิ มาทา� ใหเ้ กิดมูลค่าเพ่ิม เช่น การทา� ยาสระผมจาก เชน ทาํ ยาสระผมจากวา นหางจระเข เปนตน) วา่ นหางจระเข้ เปน็ ตน้ ซง่ึ ถอื เปน็ การผลติ สนิ คา้ ทม่ี รี าคาไมแ่ พงผคู้ นสามารถไปซอื้ หามาใชไ้ ดง้ า่ ย ๔) การส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การ ส่งเสริมการทอ่ งเทย่ี วในเชงิ อนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ท�าให้แหลง่ ท่องเทีย่ วตา่ งๆ ได้ มีการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นและของชาติ รวมถึงได้มีการฟื้นฟูภูมิปัญญาไทยโดยการ 164 นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดเปนวธิ ีการทีด่ ีที่สุดท่จี ะชว ยอนรุ ักษมรดกภมู ิปญญาไทยเอาไว 1 ประวตั ิศาสตรทองถิ่น ประวัตศิ าสตรส ังคมท่แี สดงถงึ ความเปน มาของผูคน 1. ศกึ ษาเรยี นรูภูมิปญญาไทย ในทอ งถ่ินเดียวกัน ซ่งึ อาจมีความแตกตา งทางชาติพันธุ แตเ มื่อเขา มาตัง้ ถ่นิ ฐาน 2. เผยแพรค วามรูแ กเยาวชนไทย อยูในพนื้ ทีเ่ ดียวกันตง้ั แต 2-3 ชัว่ คนสืบลงไป กจ็ ะเกิดสํานึกรว มกนั โดยมีพื้นฐาน 3. นาํ ภมู ิปญ ญาไทยไปใชก บั ตนเอง ทางความเช่อื และศีลธรรมเปนแบบเดียวกัน 4. จดทะเบียนกับกรมทรพั ยส นิ ทางปญญา วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การเผยแพรค วามรูภมู ปิ ญญาไทย เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง ใหกบั เยาวชนไทยรุนใหม จะชวยทาํ ใหเยาวชนไทยท่ีจะเติบโตเปน กาํ ลังสําคญั ของชาติบา นเมืองไปภายหนา ไดเ รียนรู เขาใจ และเห็น การดําเนนิ ชีวติ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทําใหม ีการนาํ ภูมิปญญาในอดีต คุณคาของภมู ปิ ญญาไทย ก็จะชวยกันสบื สานและอนรุ กั ษเ อาไว มาประยกุ ตใ ชในการดาํ รงชวี ิต ทําใหเ กดิ การพัฒนาตอยอดภมู ิปญญาทองถิน่ โดยเฉพาะการนําวสั ดทุ ี่มใี นทอ งถิน่ มาพัฒนาใหมมี ลู คาเพมิ่ นกั เรียนเขียนเรียงความในหัวขอ ภูมปิ ญ ญาทองถิ่นกับเศรษฐกจิ พอเพียง ตามความเขา ใจ ลงในกระดาษ A4 สงครูผสู อน 164 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain ผลิตสนิ คา อันเกิดจากภูมิปญ ญาในทองถน่ิ เพ่ือสนองตอบความตอ งการของนักทองเท่ียว เชน การ 1. ครใู หน กั เรยี นที่เคยไปเท่ียวสถานท่ีทเ่ี ปน แหลงทอ งเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญ ญา จัดตลาดนํา้ ท่ีอําเภอดําเนินสะดวก จงั หวัดราชบรุ ี หรือตลาดนํา้ อมั พวา จังหวัดสมุทรสงคราม ก็ถอื ไทย ออกมาเลา ถึงบรรยากาศและกจิ กรรมใน การไปทองเที่ยว หรือสินคาท่ีจดั จําหนา ยวา มี เปนการฟนฟูวัฒนธรรมของไทยอยางหนึ่ง นอกจากน้ีการที่ชาวบานที่ทําสวนมะพราว ทําน้ําตาล ลกั ษณะอยางไร มะพราวออกมาจําหนายหรือเปดใหนักทองเที่ยว 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภปิ รายเกี่ยวกับการ ผลิตสินคา OTOP ของชมุ ชน และบทบาท สามารถชมขั้นตอนการทํานํ้าตาลมะพราว ก็ถือเปน ของรฐั บาลในการสงเสริมการเผยแพร วัฒนธรรมและภูมิปญ ญาไทย การสงเสรมิ ภูมปิ ญ ญาไทยเชนกนั ๕) การจดั กจิ กรรมเผยแพร 3. นักเรยี นรว มกนั สรปุ ปจจยั ท่ีสงเสรมิ การ วัฒนธรรมและภูมิปญญาไทย การเปดโอกาสให สรา งสรรคว ฒั นธรรมและภูมิปญญาท่มี ีตอ แตละทองถิ่นจัดกิจกรรมตางๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม สังคมในปจจุบัน และยกตวั อยา งประกอบ และภูมิปญญาไทย รวมถึงการสงเสริมใหคนใน ทองถิ่นไดนําภูมิปญญาทองถิ่นของตนมาเผยแพร ขยายความเขา้ ใจ ผแกา นสโาคธรางรกณาชรนผลเชิตนสนิ กคาา รผOลTิตOสPนิ 1คขา อจงารกัฐภบมู าปิลญนญอกาไจทากย Expand จะเปนการสงเสริมใหมีการนําภูมิปญญาทองถิ่นมา ใชใหเกิดประโยชนในการผลิตสินคาราคาถูกและมี การทองเที่ยวในเชิงอนุรักษ นอกจากจะสรางรายได 1. ครใู หนกั เรยี นศึกษาคนควาเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับ แลว ยังชวยรักษาวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยได การสงเสริมการทอ งเทยี่ วเชงิ อนุรกั ษ อีกดวย (จากภาพ) ตลาดนํ้าดําเนินสะดวก จังหวัด วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทย จากแหลง ราชบุรี เรยี นรตู า งๆ เชน เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเน็ต หนงั สอื สารคดีทอ งเทยี่ ว เปน ตน จากนั้น คุณภาพออกมาใชในทองถ่ินแลว ยังเปนการชวยเผย ใหเลือกตวั อยา งทนี่ ักเรยี นสนใจ 1 ตวั อยา ง เชน ตลาดนํ้าดําเนนิ สะดวก ตลาดน้าํ อมั พวา แพรภูมิปญญาของตนออกไปใหกวางขวางและเปนท่ี ตลาดสามชุก เปนตน แลว สรปุ สาระสาํ คญั สง ครผู สู อน รูจกั มากขนึ้ ดวย 2. ครใู หนกั เรยี นแบงกลุม กลุม ละ 3-4 คน สําหรับการเผยแพรวัฒนธรรมและ ชว ยกันคิดโครงการหรอื กิจกรรมเพื่อเผยแพร วฒั นธรรมและภูมิปญญาไทย 1 โครงการ ภูมิปญญาไทยในตางประเทศนั้น ภาครัฐมีหนวยงาน ตามหลกั การเขียนโครงการ หลักคือ กระทรวงวัฒนธรรมและการทองเท่ียวแหง ประเทศไทย (ททท.) เปน แมง าน โดยวฒั นธรรมและ ประเพณีที่ไดรับการสงเสริมและเผยแพรใหเปนที่รูจัก ในตางประเทศ เชน ประเพณีลอยกระทง ประเพณี แหเ ทยี นพรรษา ประเพณสี งกรานต ฯลฯ นอกจากนี้ ยงั มกี ารเดนิ ทางไปแสดงสนิ คา โดยการจดั นทิ รรศการ ตรวจสอบผล Evaluate ในตางประเทศดวย เชน การจัดนิทรรศการผาไหม ผลิตภัณฑ OTOP เปนการนําภูมิปญญาของแตละ ทอ งถน่ิ มาผลติ เปน สนิ คา เพอื่ สรา งรายไดใ หก บั ชมุ ชน ไทย การจดั เทศกาลอาหารไทยในทวปี ยโุ รป เปนตน 1. ตรวจบนั ทกึ สาระสาํ คญั การสง เสรมิ การทอ งเทย่ี ว เชงิ อนุรักษว ฒั นธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย ๑๖๕ 2. ตรวจโครงการหรอื กจิ กรรมเผยแพรว ฒั นธรรม และภมู ิปญญาไทย ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ภาคสว นใดควรมีบทบาทสําคญั ในการสงเสริมการสรางสรรค ครสู นทนากบั นักเรียนถึงความรแู ละความคดิ เหน็ เก่ียวกับโครงการผลติ วัฒนธรรมและภมู ปิ ญญาไทย สินคา OTOP แลว ใหนกั เรยี นศกึ ษาคนควาเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั โครงการผลติ สนิ คา แนวตอบ การสง เสรมิ การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ิปญญา OTOP ในทองถ่นิ หรือภูมิภาคตางๆ จากนัน้ ใหจ ดั ทาํ บนั ทึกการศึกษาคนควา ที่มี ไทยตอ งอาศยั ภาคประชาชนเปนปจจยั สาํ คญั โดยเฉพาะประชาชน รายละเอยี ดในประเด็นตางๆ เชน ความเปนมา วตั ถุประสงค ผลจากโครงการ ทีม่ สี วนเก่ียวของกับภมู ปิ ญญาไทยโดยตรง เชน การเพาะปลูก การ เปน ตน พรอ มมภี าพประกอบ โดยใหท าํ ลงในกระดาษ A4 แลว นาํ สง ครผู สู อน อบรมสั่งสอนสมาชิกของสังคม เน่ืองจากประชาชนมคี วามเขา ใจ เพ่อื คัดเลอื กผลงานท่ีดจี ดั แสดงในบริเวณทเ่ี หมาะสมของชั้นเรยี น และมคี วามรมู ากกวา โดยมภี าครฐั เขาไปมสี ว นชวยสนับสนนุ นกั เรียนควรรู 1 OTOP เปนโครงการทมี่ งุ เนน ใหชมุ ชนสรางศกั ยภาพของตนเอง โดยการนํา ผลผลิตหรือจัดการทรพั ยากรที่มีอยูใ นทอ งถิ่นใหก ลายเปนสนิ คา ท่มี ีคุณภาพ มจี ุดเดน เปนเอกลกั ษณของตนเอง และสอดคลองกับวฒั นธรรมในแตละทอ งถิน่ โดยมีชือ่ โครงการอยางเปน ทางการวา “โครงการหนึ่งตาํ บล หนงึ่ ผลิตภัณฑ” (One Tambon One Product) คู่มือครู 165
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครูใหน ักเรยี นยกตัวอยา งบคุ คลที่มบี ทบาท ๖. บุคคลทม่ี บี ทบาทในการส่งเสรมิ การสรา้ งสรรค์ภูมิปญั ญา 1 ในการสง เสริมการสรา งสรรคภมู ปิ ญญาและ และวัฒนธรรมไทยซึ่งมผี ลตอ่ สังคมไทยปัจจุบัน วฒั นธรรมไทยซงึ่ มีผลตอสังคมในปจจบุ ัน การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในประวัติศาสตร์ชาติไทยล้วนเกิดข้ึนจาก 2. ครูเขยี นรวบรวมรายชื่อบนกระดาน แลวให ความคิดและการสร้างสรรค์ของคนไทยจ�านวนมาก ซ่ึงบุคคลเหล่าน้ันมีท้ังพระมหากษัตริย์ นักเรยี นยกตัวอยางผลงานของบุคคลแตละทาน พระราชวงศ์ และสามัญชนท่ัวๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีบุคคลหลายท่านที่มีส่วน เพอื่ เปนการแลกเปลี่ยนความรูกนั ในการส่งเสริม สร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ซ่ึงมีผลดีต่อสังคมไทยสมควรที่เรา จะไดศ้ ึกษาเป็นแบบอย่าง สา� รวจคน้ หา Explore ครใู หนกั เรยี นแบงกลุม 5 กลมุ เพื่อรว มกัน ตวั อยา่ งบคุ คลที่มีบทบาทในการสง่ เสริมการสรา้ งสรรคภ์ มู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ศกึ ษาและสืบคนเกยี่ วกับบคุ คลที่มีบทบาทในการ สง เสริมสรา งสรรคภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทย ๑. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ซงึ่ มผี ลตอ สงั คมไทยในปจจุบัน ดงั นี้ ๒. สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ กลมุ ที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา- ภมู พิ ลอดุลยเดช ๓. สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี กลุมท่ี 2 สมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ ๔. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระบรมราชนิ นี าถ ๕. สมเดจ็ พระเจ้าพีน่ างเธอ เจา้ ฟ้ากัลยาณวิ ัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กลุมที่ 3 สมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราช- ชนนี ๑) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทย กลุมท่ี 4 สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงใกล้ชิดกับราษฎร และทรงปฏิบัติพระราช กลมุ ที่ 5 สมเด็จพระเจา พ่ีนางเธอ เจาฟา กรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอยู่ตลอดเวลาด้วย กัลยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าส ราชนครนิ ทร พระมหากรุณาธิคณุ ทั้งนี้พระราชกรณยี กจิ ของพระองค ์ ที่ทรงท�าเพื่อราษฎรน้ันมีมากมายมหาศาล โดย พระองค์ทรงปลูกฝังในเร่ืองคุณธรรม จริยธรรม และ ทรงคิดค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน อธบิ ายความรู้ Explain ใหส้ ามารถพ่ึงตนเองได้และพน้ จากความทกุ ขย์ าก ครอู ธิบายนักเรียนวา ในการสรา งสรรค พระราชกรณยี กจิ ดา้ นตา่ งๆ ของพระองค์ ภูมิปญ ญาและวัฒนธรรมไทยท่ผี านมาใน ประวัติศาสตรไทยลว นเกิดขน้ึ จากการสรางสรรค ทที่ รงมตี อ่ พสกนกิ รชาวไทย มอี ยมู่ ากมายหลายประการ ของคนจาํ นวนมาก ซึ่งบคุ คลดงั กลา วมีท้ังพระมหา กษตั รยิ พระบรมวงศานุวงศ และสามัญชน ในการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นคุณูปการต่อสังคมไทย ซึ่งพระราชกรณียกิจ สง เสรมิ สรางสรรคภ มู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย พระมหากษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อ บางด้านก็มีส่วนส�าคัญในการส่งเสริมการสร้างสรรค์ ประโยชน์สขุ ของปวงชนชาวไทย ภมู ปิ ญั ญาตลอดจนวัฒนธรรมไทยเป็นอยา่ งยิง่ 166 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงมีหลักใน ครูใหน ักเรียนยกตัวอยางบทบาทของพระมหากษตั รยิ และพระบรมวงศานุวงศ การทรงงานเพอ่ื สง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย ทีน่ กั เรียนประทับใจ คนละ 1 ตวั อยา ง แลวสุมเรยี กนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเลา อยางไรบาง หรอื บอกเหตผุ ลทน่ี กั เรียนประทบั ใจ แนวตอบ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหี ลกั ในการทรงงานเพอ่ื สง เสริมการสรา งสรรคภูมปิ ญ ญาและ นักเรยี นควรรู วัฒนธรรมไทย โดยทรงเนน การปลกู ฝง คณุ ธรรม จรยิ ธรรมแก ประชาชน เชน พระราชนพิ นธพ ระมหาชนก สง เสริมการศกึ ษา 1 การสง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญา จากพระราชกรณยี กจิ ในพระบาทสมเดจ็ และเสนอแนวทางการแกไ ขปญ หาตา งๆ ของประชาชนโดยเฉพาะ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช เพือ่ ชวยเหลอื ประชาชน เชน พระราชดําริใน เกษตรกรดว ยวธิ ตี ามธรรมชาติ เพอ่ื ใหค นไทยเปน คนดคี วบคไู ปกบั การศกึ ษาและสรา งกังหันนํา้ ชัยพัฒนา เพือ่ บาํ บัดนํ้าเสียดว ยการเติมแกสออกซิเจน การเปน คนเกง มคี วามสามารถพ่ึงพาตนเองไดอ ยา งยั่งยนื และ ลงในนํ้า ซ่ึงมีท่ีมาจากหลักการทํางานของหลกุ เครือ่ งมือทใ่ี ชใ นการวิดนํ้าเขานา ชว ยเหลอื ผูอนื่ ได จากภมู ิปญญาของชาวบานในภาคเหนอื 166 ค่มู อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ทง้ั นพี้ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงมพี ระราชประสงคท์ จี่ ะนา� 1. ครูใหนกั เรยี นชว ยกันยกตวั อยางพระราช- ภมู ปิ ญั ญาไทย วฒั นธรรมไทยมาประยกุ ตช์ ว่ ยเหลอื ใหบ้ รรดาพสกนกิ รสามารถดา� รงชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ ง กรณยี กิจในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร มคี วามสขุ พน้ จากความทกุ ขย์ าก อนั จะมผี ลตอ่ ประเทศชาตทิ ง้ั ในปจั จบุ นั และอนาคต ยกตวั อยา่ ง เชน่ มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชเก่ยี วกบั การสรา งสรรค ภูมิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย (๑) ทรงอาศัยวรรณกรรมสําหรับ เตือนใจคนไทยใหมีความเพียรไม่ย่อทอในการดําเนิน 2. ครูใหก ลุม ที่ 1 สงตวั แทนออกมานําเสนอการ ชีวิต ดังจะเห็นได้จากเรื่อง “พระมหาชนก” ซึ่งเป็น ศกึ ษาคนควาท่ีหนาช้นั เรียน ชาดกเรื่องหนึ่งในพระพุทธประวัติ เนื้อเรื่องกล่าวถึง พระมหาชนกที่ทรงบ�าเพ็ญความเพียรอย่างยิ่งยวด 3. ครใู หนักเรยี นชวยกันอธิบายวา พระราชนิพนธ โดยมิได้ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน จนกระทั่งได้ เร่อื งพระมหาชนกมสี วนสงเสริมสรา งสรรค ครองราชสมบัติและน�าความเจริญมาสู่เมืองมิถิลา ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทยอยา งไร พระองคท์ รงพระราชนิพนธเ์ รอื่ ง “พระมหาชนก” ขึน้ มา (แนวตอบ พระมหาชนกเปนชาดกเรอ่ื งหนง่ึ เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนใจประชาชนให้เป็นผู้มีจิตกุศล ในพทุ ธประวตั ิ ท่ีกลา วถึงความเพียรของ และให้เกิดก�าลังใจต่อสู้ชีวิต เม่ือพบอุปสรรคก็อย่าได้ พระมหาชนก พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ย่อท้อ ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยก�าลังกายและก�าลังใจของ มหาภูมิพลอดลุ ยเดชทรงพระราชนพิ นธข น้ึ ตนเองกอ่ น เฉกเชน่ พระมหาชนกท่ีพยายามว่ายนา้� บทพระราชนพิ นธ์เรอ่ื งพระมหาชนก ในพระบาท เพอ่ื ใหเ ปน เครอื่ งเตอื นใจประชาชนใหเปน ผมู ี ไมย่ อมจมน�้า พยายามวา่ ยตอ่ ไปแม้จะไมเ่ หน็ ฝ่ังกต็ าม สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช จิตกศุ ลและใหเ กดิ กําลังในการตอ สชู ีวติ เม่อื พบอปุ สรรคกอ็ ยา ไดย อ ทอ เหมอื นพระมหาชนก (๒) ทรงส่งเสริมใหเกิดความรักสถาบันการศึกษา โดยพระองค์ทรงแต่งเพลง ที่พยายามวา ยนา้ํ แมจะไมเ ห็นฝงก็ตาม) ประจ�ามหาวิทยาลัยให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นกุศโลบายที่ส�าคัญอย่างหน่ึง 4. ครถู ามนักเรยี นวา พระราชพิธีจรดพระนังคลั ท่ีจะท�าให้นิสิตนักศึกษามีความรักความผูกพันในสถาบันการศึกษาของตน โดยผ่านทางเพลง แรกนาขวญั มคี วามสาํ คัญอยางไร ประจา� มหาวิทยาลยั ทพ่ี ระองคท์ รงพระราชนิพนธ์และพระราชทานให้กบั มหาวิทยาลัยแหง่ นน้ั (แนวตอบ พระราชพิธีเพอ่ื เสรมิ สรางขวัญและ กาํ ลงั ใจแกเ กษตรกร เปน พิธกี รรม 2 พธิ ี (๓) ทรงส่งเสริมใหมีการสรางกําลังใจแก่เกษตรกรดวยการฟนฟูราชประเพณี ที่กระทาํ รวมกนั คือ พระองคท์ รงพระราชทานคา� แนะนา� ใหร้ ฐั บาลฟน้ื ฟพู ระราชพธิ พี ชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั พธิ พี ชื มงคล พธิ ที างพระพทุ ธศาสนา ขนึ้ เป็น ๒ พระราชพิธีรวมกันในเดอื นพฤษภาคม เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึง่ เป็นช่วงปลายฤดแู ลง้ และ มีพระสงฆเ จริญพระพุทธมนต เปนพธิ ที ําขวัญ ตน้ ฤดูท�านา เพอ่ื ความเปน็ สิรมิ งคลและบ�ารุงขวญั เกษตรกร ทง้ั นพ้ี ระราชพิธพี ชื มงคลเป็นพธิ ีสงฆ ์ เมล็ดพืชตา งๆ เชน ขา วเปลอื กเจา ขา วเหนียว แปรรกะกนาอขบวพัญิธเีเปป็น็นพวิธันีพแรรากหในมณพร์ ะจอัดุโใบนสตถอวนัดเพช้ารขะอศงรวีรันัตรนุ่งศขาึ้นส ดณาร ามมณ ฑสล่วพนพิธีทร้อะรงาสชนพามิธหจี รลดวพง 1รโะดนยังเคปัล็น- ขา วฟาง ขา วโพด ถว่ั งา เผอื ก มนั เปนตน พระราชพิธีส�าคัญที่จัดตามประเพณีโบราณและสืบทอดกันมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน นับเป็นการใช้ มีจุดมงุ หมายทจี่ ะใหเมลด็ พนั ธุเ หลา น้ัน ราชประเพณีมาสร้างขวัญก�าลังใจแก่เกษตรกรว่าฤดูกาลเพาะปลูกปีน้ันๆ จะมีความเป็นสิริมงคล ปราศจากโรคภยั และใหอดุ มสมบรู ณเจริญ พชื พันธธ์ุ ัญญาหารจะอุดมสมบรู ณ์ งอกงาม พธิ ีแรกนาขวญั พิธที างศาสนาพราหมณ 167 เปน พิธเี ร่ิมตน การไถนาเพอื่ หวานเมลด็ ขา ว มจี ุดมงุ หมายท่ีจะใหเ ปน อาณตั สิ ญั ญาณวา บดั นฤี้ ดูกาลแหงการเพาะปลูกไดเ ริ่มขน้ึ แลว ) กิจกรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ครูใหนกั เรยี นศึกษาคนควา ขอ มูลและภาพพระราชกรณยี กิจ 1 สนามหลวง เดมิ เรียกวา ทงุ พระเมรุ เน่อื งจากใชเ ปน ทีถ่ วายพระเพลงิ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ในดานการ พระบรมศพพระเจา แผน ดนิ และพระบรมวงศานวุ งศ กระทงั่ ใน พ.ศ. 2398 รชั สมยั สง เสรมิ การสรางสรรคภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย แลว จัดทาํ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา เจา อยหู ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหเปลี่ยนชอ่ื เปน แผนภาพ แผน พบั เพ่ือเผยแพรค วามรูและนาํ เสนอตอ ชั้นเรยี น เปน “ทองสนามหลวง” จากนน้ั คดั เลอื กผลงานทด่ี จี ัดแสดงบรเิ วณทีเ่ หมาะสมในชน้ั เรียน มุม IT ศกึ ษาคน ควาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับพระราชกรณยี กจิ ในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดท ี่ www.narama9.go.th คู่มอื ครู 167
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูเกร่นิ นาํ วา ปจ จบุ ันโครงการอนั เนอ่ื งมา (๔) ทรงมอบแนวทางช่วยเหลือการดําเนินชีวิตและแกไขปญหาใหกับราษฎร จากพระราชดํารใิ นพระบาทสมเด็จพระปรมินทร พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช มีมากกวา 4,000 โครงการ เพอื่ นา� มาใชใ้ นการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั โดยสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนดา� เนนิ ชวี ติ ตามแนวพระราชดา� ริ กระจายอยูในทุกภูมิภาคของประเทศ เพ่ือแกปญหา ของราษฎรในหลายๆ ดา น ไดแ ก โครงการเกีย่ วกับ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวญั ณ ทอ้ งสนามหลวง เป็นพระราชพธิ ที ่ีจดั ทาํ เพ่ือความเป็นสิริมงคลแก่การเพาะปลกู พชื พันธ์ุ ดนิ นํา้ ปา และวิศวกรรม จากนั้นครูใหนักเรียน ธญั ญาหารจะไดม้ คี วามอุดมสมบรู ณ์ ยกตวั อยา งโครงการ คนละ 1 โครงการ พรอ มบอกถึง วัตถุประสงคของโครงการดงั กลาว เ ชน่ ทร งสนบั ส นนุ อใหาทม้ ิ กี ทารรทงา�สค่งรเสง่ั จร1ิมากใหตน้้ปจราะมชาจชรุ ีนทใรชง้ปสรนะบั โยสนชนนุ ใ์จหาเ้กกทษรตัพรยการกใชรโ้ธคร รกมระชบาอืตใิในหก้มาารกททา� ่ีสนุดา มากกว่าการใช้เคร่ืองจักร ใช้ปุยธรรมชาติแทนปุยเคมีซ่ึงมีราคาแพง ทรงส่งเสริมให้มีการใช้ (แนวตอบ โครงการตา งๆ เชน ประโยชน์จากของที่มีอยู่ และริเร่ิมโครงการบ�าบัดน�้าเสียด้วยการปลูกผักตบชวา โดยทรงตรัสว่า • โครงการแกมลิง เปน การผนั น้ําไปเก็บไวใน “อธรรมสกู้ บั อธรรม” เพราะน้า� เสยี และผักตบชวาเปน็ ของไม่ดีทง้ั ๒ อยา่ ง แต่ผกั ตบชวาสามารถ นา� มาใชก้ รองนา�้ เสยี ได ้ นอกจากนท้ี รงรเิ รมิ่ “โครงการแกม้ ลงิ ” โดยใชว้ ธิ กี ารผนั นา้� ไปเกบ็ ไวใ้ นพน้ื ที่ พื้นทวี่ า ง กอ นระบายลงสทู ะเลเพื่อแกป ญ หา วา่ ง กอ่ นระบายลงส่ทู ะเลเพ่อื แกป้ ัญหาน�้าทว่ ม เปน็ ตน้ น้าํ ทวม • โครงการชางหวั มัน เปนแหลงรวบรวม (๕) ทรงแนะนําวิธีดําเนินการใหชุมชนมีความเขมแข็ง พระองค์ส่งเสริมให้มี พืชเศรษฐกจิ นานาชนดิ เพอื่ เปนแหลงเรียนรู โครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดา� ริ และสนับสนุนให้ชาวบ้านในหมู่บา้ นต่างๆ นา� ไปประยกุ ต์ใช้ และเปน แนวทางใหกบั เกษตรกร โดยเฉพาะ แกป้ ัญหาในกลุ่มหรือชุมชนของตนเอง เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถพ่ึงพาตนเองได ้ ในพน้ื ทอ่ี าํ เภอทา ยาง จงั หวดั เพชรบรุ ี เปน ตน ) วิธีการท่ีส�าคัญอย่างหน่ึง คือ ให้แต่ละหมู่บ้าน เลือกผู้น�าซ่ึงคนในชุมชน นับถือและให้ความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้ ดีขึ้น ชาวบ้านจะเลือกผู้น�าเหล่านี้มาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นผู้มีคุณธรรม และความ โอบอ้อมอารีเป็นพิเศษ ซ่ึงวิธีการนี้จะเป็นไปตามแบบแผนด้ังเดิมของสังคมไทย และด�าเนินไป 168 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT “...ถา เราขาดสโุ ขทัย อยธุ ยา และกรุงเทพฯ แลวประเทศไทยกค็ ง 1 คร่ัง เปนผลิตผลท่ีไดจากรงั ของแมลงชนดิ หนึง่ โดยมนษุ ยน าํ ครงั่ มาใช ไมมีความหมาย...” พระราชดํารสั ดงั กลาวสงเสรมิ แนวคดิ ในเรอ่ื งใด ประโยชนหลายประการ ทั้งใชเปนสมนุ ไพรและในอตุ สาหกรรมการทําเชลแล็ก 1. ความเปน มาอนั ยาวนานของประวตั ศิ าสตรชาตไิ ทย แลกเกอร เคร่อื งใช เครอ่ื งประดบั เปน ตน 2. การมจี ิตสํานึกรกั ชาติจากการศึกษาประวัตศิ าสตร 3. ความสาํ คัญของประวัติศาสตรและวฒั นธรรมกบั ความเปนชาติ เบศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง 4. การมพี ัฒนาการอยา งตอเน่ืองของรัฐไทยตัง้ แตอดีตจนถงึ ปจ จบุ ัน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชไดทรงวางรากฐานการพฒั นา วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ความสาํ คญั ของประวตั ิศาสตรและ ชนบท และชว ยเหลือประชาชนใหสามารถพ่ึงพาตนเองไดแบบพอมีพอกนิ บนพืน้ ฐาน วัฒนธรรมกบั ความเปนชาติ เปนแนวคิดสําคญั ในพระราชดํารสั ของความพอเพยี ง อนั นําไปสกู ารพัฒนาคุณภาพชวี ติ ทีย่ งั่ ยืน ดงั กลาว เนอ่ื งดวยหลกั ฐานทีแ่ สดงถงึ ประวตั ิความเปน มาและ วฒั นธรรม เปนส่งิ สําคัญทบี่ ง บอกถึงความเปน รฐั ชาติ ชาวไทย นกั เรยี นสามารถนอ มนําแนวพระราชดําริตางๆ ของพระองคมาปฏิบตั หิ รอื จงึ ควรตระหนกั ถึงคุณคา และมีสว นรวมในการอนรุ กั ษหลกั ฐาน ประยุกตใชใ นชีวิตประจาํ วนั ไดอยา งไร ทางประวัตศิ าสตรแ ละวฒั นธรรมอยา งจรงิ จงั 168 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ตามรูปแบบของครอบครัวท่ีต้องมีผู้น�าเป็นผู้อุปถัมภ์หรือเป็นบิดาของชุมชน ท�าหน้าท่ีดูแล 1. ครูใหนกั เรียนชว ยกนั ยกตวั อยา งพระราช- ชุมชนเสมือนครอบครัวของตนเอง เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพอนามัยที่ดีและน�าความเจริญมาสู่ท้องถ่ิน กรณยี กจิ ในสมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรม- นับเป็นการสรา้ งสรรค์ทางดา้ นวฒั นธรรมไทยท่ีมีมาชา้ นานใหด้ า� รงอยตู่ ่อไป ราชินนี าถเก่ียวกบั การสรา งสรรคภมู ปิ ญญา และวฒั นธรรมไทย “...เรื่องโบราณสถานเป็นเกียรติของชาติ อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรชว่ ยกนั รกั ษาไว้ถา้ เราขาดสโุ ขทยั อยธุ ยาและกรงุ เทพฯแลว้ ประเทศไทย 2. ครใู หก ลมุ ท่ี 2 สงตัวแทนออกมานาํ เสนอ ก็คงไม่มีความหมาย...” การศกึ ษาคน ควาเร่ืองพระราชกรณียกจิ ของ สมเดจ็ พระนางเจา สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระราชดํารัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ในการสงเสริมสรางสรรคภูมปิ ญญาและ พระที่นั่งเย็น บริเวณบึงพระราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๖ วฒั นธรรมไทย ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ (๖) ทรงสง่ เสริมใหราษฎรไทยรกั ภาษาไทยและประวัตศิ าสตรไทย พระองคท์ รง มีพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยเก่ียวกับความส�าคัญในการอนุรักษ์โบราณสถาน กแล็ยะังโทบรรงามณีพวรัตะถบุอรันมเรปา็นโชหวลาักทฐเากนี่ยทวากงับดก้าานรปรรักะษวาัตแิศลาะสกตารร์ทใช่ีส้ภ�าคาัญษาขไอทงยป1อรยะเ่าทงศถ ูกนต้อองกพจารกะรนาี้ ชพทราะนอแงคก์่ ปวงชนชาวไทย เพราะภาษาไทยเปน็ วฒั นธรรมของชาตแิ ละเปน็ ภมู ปิ ญั ญาไทยมาตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างท่ีน�ามาอธิบายให้เห็นถึงแนวพระราชด�าริในพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทยทสี่ ามารถ นา� มาใชใ้ ห้เปน็ ประโยชนต์ อ่ การด�าเนนิ ชีวติ ของพสกนิกรชาวไทยได้เปน็ อยา่ งดี ๒) สมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงเป็นก�าลังพระราชหฤทัยสนับสนุนพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทุกเรื่องท่ีเก่ียวข้อง กับการบ�าบัดทุกข์บ�ารุงสุขแก่ราษฎร พระองค์ทรง สนับสนุนการทรงงานพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะอย่างย่ิง การส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม โดยจัดให้มีการ ฝกึ งานศลิ ปาชพี ทป่ี ระดษิ ฐข์ นึ้ จากวสั ดทุ มี่ อี ย่ใู นทอ้ งถนิ่ ของตน และยังเป็นการฟื้นฟูและรักษาประดิษฐกรรม บางอย่างของชาวบ้านที่นับวันจะค่อยๆ สูญหายไป ใหม้ ผี ้สู ืบสานต่อไปได้ สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ องคอ์ ปุ ถัมภง์ านศลิ ปาชีพไทย 169 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู โครงการศูนยศ ิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจา สิริกติ ์ิ พระบรม- 1 การรกั ษาและการใชภ าษาไทย จากการทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมินทร ราชนิ นี าถ มบี ทบาทในการสงเสรมิ การสรางสรรคภูมปิ ญ ญาและ มหาภูมิพลอดลุ ยเดชเสด็จพระราชดําเนินไปเปน ประธานและทรงรวมอภิปราย วฒั นธรรมอยางไร ในการประชมุ ทางวชิ าการของชมุ นุมภาษาไทยคณะอกั ษรศาสตร จุฬาลงกรณ แนวตอบ โครงการศูนยศ ลิ ปาชีพฯ เปนพระราชดํารใิ นสมเด็จ มหาวทิ ยาลยั เมอ่ื วนั ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 รัฐบาลจึงไดป ระกาศใหว ันท่ี 29 พระนางเจา สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ เพ่ือสงเสริมผลิตภัณฑ กรกฎาคมของทุกปเปนวันภาษาไทยแหง ชาติ ศลิ ปาชีพ นอกจากจะเปนการสง เสริมรายไดใหแกเกษตรกรและ ราษฎรผูม ีรายไดนอยแลว ยังชว ยอนรุ กั ษศ ิลปกรรมพ้ืนบาน ซ่งึ เปน มมุ IT ภูมปิ ญญาของคนไทยและพฒั นาคุณภาพของฝม ือใหดียิง่ ขน้ึ จนสามารถผลิตสนิ คา ใหเปนท่ีตอ งการของตลาด รวมทัง้ ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั ศูนยศิลปาชีพบางไทร ไดท ่ี สรางสรรคงานฝมือไวเ ปนสมบตั ทิ างวฒั นธรรมของชาตอิ กี ดว ย http://ayutthaya.mots.go.th เว็บไซตสํานกั งานการทองเทีย่ วและกีฬา จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา คู่มอื ครู 169
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรียนอธบิ ายเก่ยี วกับงานศิลปาชพี วา ด้านวัฒนธรรสมมแเลดะ็จภพูมริปะนัญาญงเาจไ้าทสยิรใิกหิต้กิ์ ับพรราะษบฎรมร ราโดชยินทีนรางถรทิเรริ่งมสง่งาเนสศริลิมปใหาช้เกีพิด 1กเมาร่ือส รพ้า.งศส. รร๒ค๕์ท๑า๕ง มคี วามเปนมาอยา งไร และมีวัตถุประสงค เพ่อื เปน็ การสง่ เสริมใหช้ าวบา้ นมรี ายไดเ้ สริมและเพือ่ ความอยดู่ กี นิ ดขี องครอบครวั งานศิลปาชพี เพื่ออะไร แลว ตั้งคําถามวา มีความเกี่ยวขอ ง ต่างๆ ที่ทรงส่งเสริม เช่น การทอผ้าไหมพื้นเมือง อาทิ ผ้าไหมมัดหม่ี การประดิษฐ์เคร่ือง กับการสงเสรมิ วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย จักสานที่ละเอียดและประณีต โดยท�าจากเถาไม้เลื้อยของท้องถิ่นภาคใต้ เรียกว่า “ย่านลิเภา” อยา งไร และการท�าเครื่องเงินเครื่องทองของช่างฝีมือทางภาคเหนือ เป็นต้น พระองค์ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชินูปถัมภ์ข้ึน ซ่ึงภายหลังได้ 2. ครูใหนกั เรยี นยกตัวอยา งพระราชกรณียกิจ เปล่ียนชือ่ เปน็ “มูลนิธสิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชีพในสมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ” ในสมเดจ็ พระนางเจา สิรกิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอีก ทที่ รงฟนฟูภมู ปิ ญ ญาไทย หลายรูปแบบ เช่น พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ (แนวตอบ ทรงฟนฟผู า ไหมมัดหม่ี การจักสาน ครอบครัวมีฐานะยากจน ทรงส่งเสริมให้บิดามารดาของเยาวชนท่ียากไร้ได้รับการอบรม ฝึกฝน ยา นลเิ ภา เครื่องเงิน เครื่องทอง เปน ตน ) เพ่ือประกอบอาชีพและเพ่ือเป็นการช่วยเหลือตนเองและครอบครัวให้สามารถด�ารงชีวิตอย่าง เป็นสุขตามอัตภาพ อีกทั้งยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้สอดแทรกเร่ืองความรักชาติ การอนุรักษ์ 3. ครถู ามนักเรยี นวา พระราชกรณยี กจิ ของ ส่ิงแวดล้อม การให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องให้ความสนใจในการสอนวิชาประวัติศาสตร์แก่เยาวชน สมเดจ็ พระนางเจา สิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ รวมถงึ การรกั ษาศลิ ปวฒั นธรรมของท้องถน่ิ และของชาติให้ด�ารงอยอู่ ยา่ งย่ังยืน มีสว นสงเสรมิ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย นอกจากน้ี พระองค์ได้ทรงเป็นแบบอย่างของการใช้ฉลองพระองค์ท่ีตัดเย็บจาก อยา งไร ผ้าไหมพ้ืนเมือง ซ่ึงเป็นผลิตผลของโครงการศิลปาชีพ ท�าให้ผ้าไทยได้รับความนิยมอย่างมาก (แนวตอบ งานศลิ ปาชพี ทาํ ใหภมู ปิ ญญาไทย ทั้งในหมชู่ าวไทยและชาวตา่ งประเทศ หลายแขนงไดร ับการฟน ฟูขึน้ ใหม สงผลให ราษฎรมีอาชีพ เสริมสรางรายไดใ หค รอบครัว) สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงสง่ เสรมิ ใหร้ าษฎรสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปหตั ถกรรมตา่ งๆ นอกจากสรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่ ราษฎรแลว้ นบั เปน็ การอนุรักษภ์ มู ปิ ญั ญาไทยอีกดว้ ย 170 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT งานศิลปาชพี ในสมเด็จพระนางเจาสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ครอู ธิบายนกั เรยี นเพิ่มเติมเกยี่ วกบั การถวายพระราชสมัญญา “อคั ราภริ กั ษ มปี ระโยชนและคุณคาอยา งไรบาง ศิลปน” ซึ่งหมายถงึ ศลิ ปน ผยู ิง่ ใหญ ผูปกปกรกั ษางานศลิ ปะ แดส มเดจ็ พระนางเจา 1. ฟน ฟูสภาพแวดลอ ม สง เสรมิ การเกษตรทฤษฎีใหม สิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ โดยกระทรวงวฒั นธรรม เนือ่ งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ 2. พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน อนุรกั ษภ ูมิปญญาของชาติ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วนั ท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 3. เผยแพรว ฒั นธรรมไทยแกน านาชาติ พฒั นาผลติ ภณั ฑพ น้ื บา น เปน สินคา สง ออก นกั เรียนควรรู 4. รักษาศิลปวัฒนธรรมของราชสาํ นกั จดั การวัฒนธรรมและ ภมู ิปญญาพ้นื ฐานใหเปนแบบแผน 1 งานศลิ ปาชพี “...ขาพเจาน้นั ภมู ิใจเสมอวา คนไทยมสี ายเลอื ดของชา งฝม อื วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. พฒั นาคุณภาพชวี ติ ของประชาชน อยูท กุ คน ไมว า จะเปนชาวไร ชาวนา หรอื มีอาชพี ใด อยูส ารทศิ ใด คนไทยมคี วาม อนรุ กั ษภ มู ิปญญาของชาติ เปน ประโยชนแ ละคณุ คา ของงาน ละเอียดออ น และฉบั ไวตอการรับศลิ ปะทุกชนดิ ขอเพยี งแตใ หเ ขาไดมีโอกาสเรียนรู ศิลปาชีพในสมเดจ็ พระนางเจา สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถ จากการ และไดฝ กฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาใหเ ห็นได. ..” (พระราชดาํ รัส สง เสรมิ งานศลิ ปกรรมไทยแขนงตา งๆ ใหแ กป ระชาชน โดยเฉพาะ สมเดจ็ พระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินนี าถ เนอ่ื งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ในชนบทท่มี กั ประสบความเดอื ดรอ นจากการทําการเกษตร และ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2532) เปน การสบื สานงานศลิ ปกรรมไทยมิใหสูญหายอีกดวย 170 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓) สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี 1. ครใู หนกั เรียนรว มกันอภปิ รายวา เพราะเหตใุ ด สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนน ี หรอื ทบ่ี รรดาชาวไทยภเู ขาถวายพระสมญานาม ชาวไทยภูเขาจึงถวายพระสมญานามสมเดจ็ วา่ “แมฟ่ า้ หลวง” ทรงเปน็ พระบรมวงศานวุ งศอ์ กี พระองคห์ นงึ่ ทท่ี รงมคี วามสา� คญั ในการสง่ เสรมิ การ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนวี า “แมฟ า หลวง” สร้างสรรคว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย โดยจะเห็นได้ จากพระราชกรณียกจิ ตา่ งๆ ของพระองคท์ ่าน 2. ครูใหกลุมท่ี 3 สง ตวั แทนออกมานําเสนอ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การศึกษาคนควา เรื่องพระกรณียกิจสมเด็จ ทรงมีพระอุปนิสัยท่ีชอบการเรียนรู้และอ่านหนังสือ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนีในการสงเสรมิ ต้งั แต่ยงั ทรงพระเยาว ์ และทรงสนพระทัยในการศึกษา สรา งสรรคภ ูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย ด้านวิชาการต่างๆ มาตั้งแต่คร้ังท่ียังทรงประทับอยู่ท่ี 3. ครใู หน กั เรียนแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับ พระราชดํารขิ องสมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรม- ราชชนนที ีว่ า “เวลาเปน ของมคี า ” ต่างประเทศ โดยเฉพาะท่ปี ระเทศสวิตเซอรแ์ ลนด ์ โดย พระองค์ทรงศึกษาเรียนรู้ในวิชาการและศาสตร์ที่ แปลกใหมห่ ลายๆ แขนง เช่น วชิ าพฤกษศาสตร์ วชิ า ดาราศาสตร ์ วชิ าภาษาองั กฤษ และโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การปน้ั และเขยี นเคร่ืองเคลอื บดินเผา เคร่อื งกระเบอื้ ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แม่ฟาหลวง เปน็ ต้น ของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงโปรดการท�างาน การพึ่งพาตนเอง และการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน ์ ทรงมีพระราชด�าริวา่ “เวลาเป็นของมคี ่า” ทง้ั นี้งานอดิเรกที่ทรงโปรดมีหลายประเภท ได้แก่ การ วิ่งเลน่ การออกกา� ลังกาย การอา่ นหนังสอื การถ่ายรูป การเรือน งานฝพี ระหตั ถ์ และการจัดหา รายได้เขา้ การกศุ ลและมูลนธิ ิทั้งหลาย๓ นอกจากน้ี พระองค์ได้ทรงส่งเสริมการศึกษาและการปฏิบัติธรรมทางพระพุทธ- ไศดา้ทสนรงาอ อ่านนั แเปล็นะพท้ืนรงฐศาึกนษส�าาคหญันังขสอืองมสังิลคินมทแปลัญะวหฒั า1นซึ่ธงเรปรม็นไหทนยัง สโือดทยเี่รฉวพบาระวทมรหงัวสขน้อพปรุจะรฉาาชวหิสฤัชทนัยาทแลาะง ธรรมระหว่างพระนาคเสนกับพระยามิลินท์มากเป็นพิเศษจนเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้ง และมี พระราชประสงค์ท่ีจะช่วยเหลือให้คนทั่วไปได้ศึกษาธรรมจากหนังสือนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ในด้าน พสตระิปญัญาญณาสแงั ลวระฯค2 ววาัดมบสวุขรคนวิเวาศมวเิหจราิญร แปกรบั่ตปนรเงุอตงัดแคลา�ะบคารลอีแบลคะรคัว�า ศพพั รทะ์ออองกคต์ไาดม้ทสรมงคอวารร าเพธนื่อาใหสผ้มูอ้เด่าน็จ มีความเขา้ ใจในพระธรรมวนิ ัยท่ยี กขน้ึ ปุจฉาวสิ ชั นาไดง้ ่ายขนึ้ หนงั สอื มลิ นิ ทปัญหาที่ไดป้ รับปรุงน ี้ ๓ สมเดจ็ พระเจ้าพ่นี างเธอ เจ้าฟา้ กลั ยาณิวฒั นา. เวลาเป็นของมคี ่า. กรุงเทพมหานคร : เลิฟแอนดล์ พิ เพรส จ�ากัด, ๒๕๓๘. หนา้ ๗-๑๓. 171 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู การปรบั ปรุงหนงั สอื มลิ นิ ทปญหาของสมเดจ็ พระศรีนครินทรา- 1 หนงั สอื มิลนิ ทปญหา วาดวยการโตตอบปญ หาขอ ธรรมตา งๆ ตงั้ แตเรอื่ ง บรมราชชนนี มีคณุ คาตอการอนุรักษภ มู ปิ ญญาไทยอยา งไร ธรรมพนื้ ๆ ไปจนถึงธรรมลกึ ซึง้ คือ พระนพิ พาน ระหวา งพระนาคเสนกับพระยา แนวตอบ การปรบั ปรงุ หนังสือมิลนิ ทปญหาของสมเดจ็ พระศร-ี มลิ นิ ท ใหค วามรคู วามเขา ใจหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พรอ มกบั ขอ เปรยี บเทยี บ นครินทราบรมราชชนนี มคี ุณคาอยางยงิ่ ในการอนรุ ักษภ ูมิปญ ญา อนั จะทาํ ใหผ ศู กึ ษาเกดิ ความรคู วามเขา ใจไดอ ยา งชดั เจนและถกู ตอ ง สามารถนาํ ไป ไทยดา นพระพุทธศาสนาและวรรณกรรมท่เี กี่ยวเน่อื งในพระพทุ ธ- ประยุกตใชใ นการดําเนนิ ชีวติ ไดเ ปนอยางดี ศาสนา อนั เปนรากฐานของวฒั นธรรมไทย ซงึ่ มีเนือ้ หาสาระ 2 สมเดจ็ พระญาณสังวรฯ พระนามเต็ม คือ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ เกย่ี วกบั การปจุ ฉาวิสชั นาหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาระหวาง พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เปน สมเด็จพระสงั ฆราชพระองคท ี่ 19 แหง พระยามลิ นิ ทก บั พระนาคเสน ชว ยใหพ ทุ ธศาสนกิ ชนและศาสนกิ ชน กรงุ รตั นโกสนิ ทร ในศาสนาอ่ืนเกิดความรแู ละความเขา ใจในหลกั ธรรมทางพระพทุ ธ- ศาสนาไดอยางถกู ตอ งชดั เจน ค่มู ือครู 171
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยา งพระมหากรุณาธคิ ุณ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์แจกในวโรกาสที่มี ของสมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี ทเี่ กี่ยวกับการสงเสริมการศกึ ษาและทางดาน พระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ศาสนา (แนวตอบ ทรงบรจิ าคเงนิ เพอื่ สรางโรงเรยี นกวา นอกจากการปรับปรุงเรียบเรียงหนังสือมิลินทปัญหาแล้ว สมเด็จพระศรีนครินทรา 185 โรงเรยี น ทรงรบั เอาโครงการของโรงเรยี น ตาํ รวจตระเวนชายแดนไวใ นพระราชูปถมั ภ บรมราชชนนียังทรงส่งเสริมการศึกษาและปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาขึ้นอีกหลายรูปแบบ ทรงโปรดใหม กี ารปรบั ปรุงหนงั สือมิลนิ ทปญหา และพมิ พเผยแพร นอกจากนี้ ยังทรงสงเสรมิ เช่น การจัดบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิต และการอาราธนาพระสงฆ์ผู้ทรง การศกึ ษาและปฏบิ ัติธรรมทางพระพุทธศาสนา) คณุ วฒุ มิ าบรรยายธรรมแกข่ า้ ราชการในสา� นกั พระราชวงั 2. ครูใหน ักเรียนรวมกันสรปุ วา พระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี นอกจากน้ยี งั ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพมิ พ ์ มสี ว นสง เสรมิ วฒั นธรรมและภมู ิปญ ญาไทย อยางไร ธรรมปาฐกเหลา่ น ้ี เปน็ เลม่ ขนึ้ สา� หรบั พระราชทานแจก ในวนั ขนึ้ ปีใหม ่ เพอ่ื เปน็ ประโยชนส์ า� หรบั การศกึ ษาและ การปฏบิ ตั ขิ องพทุ ธศาสนิกชนทั่วไป พระกรุณาธิคุณดังกล่าวท่ีสมเด็จพระ หนังสือมิลินทปญั หา สมเด็จพระศรีนครนิ ทรา ศรนี ครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงมีและพระราชทาน บรมราชชนนีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พมิ พ์ ตอ่ พสกนกิ รอยา่ งสมา่� เสมอตอ่ เนอื่ งจนตลอดพระชนม์ พระราชทานเนอ่ื งในงานเฉลิมพระชนมพรรษา ชีพน้ัน นับเป็นผลดีต่อการด�าเนินชีวิตของคนไทย ครบ ๗ รอบ ตลอดจนการสรา้ งสรรค์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทยเป็นอย่างย่งิ ๔) สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น ทางด้านอักษรศาสตร์ และ ดนตรไี ทย นอกจากนั้นพระราชกรณียกิจอ่ืนๆ ที่ได้ ทรงงานเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทยก็มีอีกมากมาย โดยพระองค์ได้ ทรงใช้พระปรีชาสามารถเหล่าน้ันเพื่อการอนุรักษ์ ส่ง เสริมและให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมและ ภมู ปิ ัญญาไทยอย่างกว้างขวาง ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการที่ พระองค์ทรงรอบรู้ด้านภาษาไทย ภาษาบาลี และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาษาสนั สกฤตเปน็ อยา่ งด ี เมอ่ื ครงั้ ทพี่ ระองคท์ รงศกึ ษา เอกอคั รราชปู ถัมภก มรดกวฒั นธรรมไทย อยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 172 บรู ณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บทบาทในการสง เสรมิ การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวฒั นธรรม ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการอาเซยี น โดยสนทนารว มกนั กบั นกั เรยี น ไทยของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึงผลงานการสรางสรรคว ัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาของประเทศสมาชกิ อาเซยี น มลี ักษณะอยา งไร ทนี่ กั เรียนไดศึกษามา แลว อธิบายเพม่ิ เติมถงึ ปจจยั รวมท่ีทําใหเกิดการสรางสรรค แนวตอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ผลงานจากภมู ปิ ญ ญาชาวบา น เชน ปจ จยั วฒั นธรรมจากภายนอก เชน ศาสนาตา งๆ ทรงมีบทบาทสาํ คญั อยา งย่งิ ในการสง เสรมิ การสรา งสรรค ปจ จยั สงั คมและประวตั ศิ าสตร เชน นาฏศลิ ปราชสํานกั ซ่งึ บางสว นไดร บั การ ภูมปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย โดยทรงศึกษาเรียนรจู นเกดิ ความ ยกยอ งจากองคก รระดบั โลก จากนนั้ ใหน กั เรยี นแบง หนา ทก่ี นั ศกึ ษาคน ควา เพม่ิ เตมิ เขา ใจถอ งแทในสาขาอักษรศาสตร โดยเฉพาะภาษาตะวันออก ถึงผลงานการสรา งสรรควัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาของประเทศสมาชกิ อาเซยี น ท่มี ีอิทธพิ ลตอวฒั นธรรมไทย และทรงฝก ฝนดนตรไี ทยจนมีความ แลว เตรยี มการนาํ เสนอตามรปู แบบทค่ี รกู าํ หนด เพอ่ื สง เสรมิ ความรูความเขาใจ เช่ียวชาญในการบรรเลงเครอื่ งดนตรีไทยหลายชนิด จงึ ทรงเปน ดา นอัตลกั ษณข องประชาคมอาเซียน แบบอยางท่ดี ีในการศึกษาภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยแก ประชาชน รฐั บาลจงึ มมี ติใหวนั คลายวันพระราชสมภพ คอื วนั ที่ 2 เมษายนของทกุ ป เปน วนั อนรุ ักษมรดกของไทย 172 คูม่ ือครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ศแึกละษหาลวิชงั จาาภกานษน้ัาไเทมยอ่ื ทพ้งัรทะอางงดคา้ท์ นรภงศาษกึ าษแาลในะวรระรดณบั กปรรรญิ มญ ภาาโษท1าในบมาลหีแาลวะทิ สยนั าสลกยั ฤศตลิ 2ปากร พระองค์ไดท้ รง 1. ครูถามนักเรยี นวา สมเด็จพระเทพรัตนราช- สดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงมพี ระปรชี า อาจกล่าวได้ว่า พระปรีชาสามารถทาง สามารถทางดานใดบาง (แนวตอบ ทรงมพี ระปรชี าสามารถในดา นตางๆ ด้านภาษาของพระองค์ โดยเฉพาะภาษาไทยและ โดยเฉพาะทางดานอักษรศาสตร โดยทรงรอบรู ทัง้ ทางดา นภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษา ภาษาทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เชน่ ภาษาบาลี และสันสกฤต ลว้ น สนั สกฤตเปน อยางดี ไดพ ระราชนพิ นธห นงั สอื ประเภทตา งๆ มากกวา 100 เลม นอกจากน้ี เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ พระองคยงั ทรงเคร่อื งดนตรีไทยไดห ลายชนิ้ เชน ระนาด ซอ ฆองวง เปน ตน ) ภูมิปัญญาไทยเป็นอย่างย่ิง โดยพระองค์ทรงเป็น 2. ครูใหก ลมุ ท่ี 4 สงตัวแทนออกมานําเสนอการ แบบอย่างของการอนุรักษ์ภาษาไทยอันเป็นภาษาของ ศกึ ษาคน ควาเรอ่ื งพระราชกรณียกจิ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ชาติ ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์ที่เป็นหนังสือ ในการสง เสรมิ สรางสรรคภ มู ิปญ ญาและ วฒั นธรรมไทย ประเภทตา่ งๆ ออกมากวา่ ๑๐๐ เล่ม และแยกออกได้ เป็นหลายประเภท เช่น สารคดี ท่องเท่ียว วิชาการ และประวัติศาสตร์ หนังสือส�าหรับเยาวชนที่เก่ียวข้อง กับพระบรมวงศานุวงศ์ไทย พระราชนิพนธ์แปล และ หนงั สือทวั่ ๆ ไป เป็นต้น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากน้ี สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทรงมพี ระปรีชาสามารถด้านดนตรีไทยหลายชนิด สยามบรมราชกุมารียังทรงมีความเช่ียวชาญทางด้าน ดนตรีไทยอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรง เคร่อื งดนตรไี ทยไดห้ ลายช้นิ ไดแ้ ก่ ระนาด ซอ และ ฆ้องวง การทพี่ ระองค์ทรงให้ความสนพระทยั ในดนตรี ไทยและทรงมีความเชี่ยวชาญในการบรรเลง ไดก้ ลาย เป็นแบบอย่างของอนุชนไทยในการช่วยกันอนุรักษ์ ดนตรีไทยเอาไว้ให้ด�ารงอยู่ นับเป็นการสร้างสรรค์ วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทยด้านดนตรที างหนง่ึ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม- บรมราชกุมารียังทรงเล่ือมใสในพระพุทธศาสนามา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ดังจะเห็นได้จากการท่ีได้ทรง เป็นผู้แทนพระองค์เพ่ือเป็นองค์ประธานในพิธีทาง ตัวอย่างหนังสอื พระราชนิพนธ์ ใน สมเด็จพระเทพ- รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ศาสนาหลายครั้ง นอกจากนี้พระองค์ยังทรงริเริ่มให้ 173 กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู ครมู อบหมายใหนักเรียนศึกษาหนังสือพระราชนพิ นธใ นสมเด็จ 1 ระดบั ปรญิ ญาโท สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงศกึ ษา พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทนี่ ักเรียนสนใจ ในสาขาวชิ าจารึกภาษาตะวนั ออก มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ทรงทําวทิ ยานิพนธเ รื่อง คนละ 1 เลม แลว สรปุ สาระสําคัญ แนวคดิ ตลอดจนวิเคราะห “จารกึ พบทปี่ ราสาทพนมรงุ ” ซึง่ เปน ผลงานท่ีมคี ุณคาตอ การศึกษาประวัตศิ าสตร พระอัจฉริยภาพที่ปรากฏในพระราชนิพนธข องพระองค แลวจดั ทาํ และโบราณคดไี ทยเปน อยางมาก เปน บนั ทกึ การศกึ ษาและวเิ คราะหห นงั สอื พระราชนพิ นธ แลว นาํ มา อภปิ รายในชน้ั เรียน 2 ภาษาบาลแี ละสันสกฤต สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทยั ภาษาบาลมี าต้งั แตทรงพระเยาว ดว ยมีพระประสงคใ นการทจ่ี ะ ทาํ ความเขาใจบทสวดมนตต างๆ เม่ือทรงศึกษาระดับปริญญาอกั ษรศาสตรบณั ฑิต จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ทรงเลือกวชิ าประวัตศิ าสตรเปน วิชาเอก วิชาภาษาไทย และภาษาบาลีสันสกฤตเปนวชิ าโท ตอมาเม่ือทรงศกึ ษาตอ ระดับปรญิ ญา อกั ษรศาสตรมหาบัณฑติ ก็ทรงเลอื กสาขาวิชาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต โดยทรงทาํ วิทยานพิ นธเ รอ่ื ง ทศบารมใี นพุทธศาสนาเถรวาท และมีพระราชดํารสั ถงึ ประโยชนของการศึกษาภาษาบาลีและภาษาสนั สกฤต มใี จความสาํ คัญวา การเรียนภาษาบาลสี ันสกฤตนน้ั มไิ ดเ รียนแตต วั อกั ษร แตทรงไดเรียนรูหลักปรชั ญา สงั คม การเมือง กฎหมาย และศลิ ปะในสมัยทบ่ี นั ทกึ อีกดว ย ค่มู ือครู 173
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา ง พระราชกรณยี กจิ มกี ารฟน้ื ฟปู ระเพณวี นั วสิ าขบชู าซง่ึ เคยมมี าตง้ั แต่ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรม- รวมทัง้ ได้ทรงประกาศเชญิ ชวนใหพ้ ุทธศาสนิกชนรว่ มกนั จดุ โคมประทปี และส่งบตั รอวยพรท่มี ีขอ้ ราชกุมารี เกีย่ วกบั การสรางสรรคภูมปิ ญ ญา ธรรมะให้แก่กันและกันในวันวิสาขบูชาอีกด้วยนอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นองค์ประธานในการ และวฒั นธรรมไทย ดา� เนนิ การใหม้ กี ารซอ่ มแซมวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เนอื่ งในพระราชพธิ สี มโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ครบรอบ ๒๐๐ ปี อีกด้วย ถือได้ว่าทรงเป็นแบบอย่างของผู้ท่ีให้ความสนใจในการอนุรักษ์และ 2. ครถู ามนกั เรยี นวา เพราะเหตใุ ดสมเดจ็ พระเทพ- สรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมไทยโดยแท้ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี จงึ ไดรับ ด้วยเหตุท่ีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแบบอย่างใน การถวายพระสมญานามวา ทรงเปน การสนับสนุนการพัฒนา อนุรักษ์ สืบทอดและเผยแพร่ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเน่ือง “เอกอัครราชูปถมั ภก มรดกวฒั นธรรมไทย” เช่น ดนตรีไทย นาฏศิลปไทย งานด้านพิพิธภัณฑ์ท่ีเก่ียวข้องกับประวัติศาสตร์และโบราณคดี งานด้านภาษาและวรรณกรรมไทย เป็นต้น ประชาชนชาวไทยและรัฐบาลจึงทูลเกล้าฯ ถวาย พระสมญานามว่าทรงเป็น “เอกอัครราชูปถัมภก มรดกวัฒนธรรมไทย” เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๑ และ “วศิ ิษฏศลิ ปนิ ” เม่อื พ.ศ. ๒๕๔๐ ขณะเดยี วกนั เพ่ือเทดิ พระเกยี รติในฐานะทีพ่ ระองค์ทรงมี พระปรชี าสามารถในศลิ ปะหลายแขนงรวมทง้ั ทรงมคี ณุ ปู การตอ่ เหลา่ ศลิ ปนิ และศลิ ปวฒั นธรรมของ ขชอาตงพมิ ารโะดอยงตคล์เปอ็นด “ควณนั อะรนัฐุรมักนษตม รรีจดงึ กไขดอม้ งมี ไตทิใยห”1 ้วเันพทือ่ ่ี ก๒ร ะเตม้นุ ษใาหย้คนน ไซทึ่งยเเปล็นง็ วเหนั น็คคลว้าายมวสันา�พครญั ะรขาอชงสมมรภดพก วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยจะได้ช่วยกันสืบสานต่อไปเหมือนอย่างเช่นท่ีสมเด็จพระเทพ- รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงปฏบิ ตั ิเปน็ แบบอย่าง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยในการอนุรกั ษ์มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ (จากภาพ) ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการ “บารมแี ตป่ างบรรพ์ หมน่ื พันพระโพธสิ ัตว”์ ณ พระทนี่ ่ังอิศราวินิจฉยั พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร เนอื่ งในวนั อนรุ ักษ์มรดกไทย เมอ่ื วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ 174 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดเปน พระราชกรณียกจิ ดา นการสงเสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1 วันอนรุ ักษมรดกของไทย รฐั บาลไดป ระกาศใหวันคลา ยวันพระราชสมภพ ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี วนั ที่ 2 เมษายนของทกุ ป 1. การเปนเอกอัครราชูปถมั ภก มรดกวัฒนธรรมไทย เปน วนั อนรุ กั ษม รดกของไทย ตง้ั แต พ.ศ. 2528 เปน ตน มา เพอ่ื เปน การเทดิ พระเกยี รติ 2. การสง บัตรอวยพรทมี่ ขี อธรรมะเนอ่ื งในวันวิสาขบูชา และสาํ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี 3. การรวบรวมและเรยี บเรียงวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา 4. การเปน องคป ระธานในการซอ มแซมวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม มมุ IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การสงบัตรอวยพรทม่ี ขี อ ธรรมะ เน่ืองในวันวิสาขบูชา เพือ่ สง เสรมิ ใหประชาชนสนใจในหลักธรรม ศึกษาขอมลู ของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในดาน ทางพระพุทธศาสนา อันนําไปสูการศึกษาและปฏบิ ัตใิ นการ พระราชประวัติ พระราชกรณียกจิ และพระราชนพิ นธต างๆ เพิม่ เตมิ ไดท ี่ ดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม สง ผลใหป ระเทศชาติ http://www.sirindnorn.net/index.th.html เวบ็ ไซตก องราชเลขานกุ ารในพระองค สว นรวมเกดิ ความสงบสขุ ในทสี่ ุด สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 174 คมู อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ราชนครินทร๕์1) สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส- 1. ครูใหกลุมท่ี 5 สง ตัวแทนออกมานําเสนอ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา- การศึกษาคน ควา เรอื่ งพระกรณียกจิ สมเดจ็ พระเจาพนี่ างเธอ เจาฟากัลยาณวิ ัฒนา ณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมี กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร ในการ สง เสรมิ สรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย บทบาทส�าคัญในการส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรม 2. ครถู ามนักเรยี นวา สมเดจ็ พระเจาพ่นี างเธอ และภูมิปัญญาไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ดังจะเห็น เจาฟากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราช- นครินทร ทรงมีพระปรีชาสามารถทางดา นใด ได้จากการท่ีพระองค์ทรงสนพระทัยอ่านหนังสือทุก พรอ มใหย กตัวอยา งประกอบ (แนวตอบ ทรงพระปรีชาสามารถดานอกั ษร- ประเภทโดยเฉพาะดา้ นภาษาไทย และประวัติศาสตร์ ศาสตร ไดพ ระนพิ นธเ กย่ี วกบั พระราชวงศไ ว 12 เรอื่ ง เชน แมเลา ใหฟง พระราชธดิ าในรชั กาล สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมหลวงนราธวิ าสราช- ท่ี 5 สมเดจ็ เจา ฟามหิดลฯ และงานศิลปะ จุฬาลงกรณราชสนั ตตวิ งศ พระบรมราชวงศ นครินทร์ทรงพระปรีชาสามารถด้านพระนิพนธ์เป็นที่ แหง ประเทศไทย เปนตน) ประจกั ษจ์ ากผลงาน ประกอบดว้ ย พระนิพนธ์เกย่ี วกบั พในรระัชรากชาวลงทศี่ ์ ๑๕๒ สเมรอ่ืเดง็จ เเชจน่้าฟ แ้ามมเ่หลิดา่ ใลหฯฟ้ งัแ ลพะรงะารนาศชิลธปดิ าะ2 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจา้ ฟากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเดจ็ อาจารย์ และจฬุ าลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส ของเหลา่ นกั ศึกษา พระราชธิดา และพระราชนัดดา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังทรงพระนิพนธ์หนังสือประเภทอื่นๆ อีกเป็นจ�านวนมาก เช่น พระนิพนธ์สารคดีเชิงท่องเที่ยว พระนิพนธแ์ ปล และพระนิพนธ์บทความทางวชิ าการ เปน็ ต้น ตวั อย่างบทพระนพิ นธ์ ใน สมเดจ็ พระเจ้าพนี่ างเธอ เจ้าฟา กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ ทีแ่ สดงถึง พระปรชี าสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตรข์ องพระองค์ 175 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู พระปรชี าสามารถดา นพระนิพนธของสมเดจ็ พระเจาพีน่ างเธอ 1 กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร เปน ธรรมเนยี มโบราณราชประเพณี เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร มาจาก ในการสถาปนาพระอิสริยศกั ดิ์พระบรมวงศผทู รงทําคุณประโยชนต อ แผน ดนิ และ พระอปุ นสิ ยั ซ่งึ เปนแบบอยา งทดี่ ใี หแ กน กั เรียนในเร่ืองใด ราชวงศใ ห “ทรงกรม” โดยใน พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดชทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ สถาปนาพระอิสริยศกั ดิ์ 1. ใฝเรยี นรู สมเดจ็ พระเจา พ่นี างเธอเจา ฟากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร 2. มจี ติ สาธารณะ ในวโรกาสทรงเจริญพรรษา 6 รอบ ดวยทรงรับราชการสนองพระเดชพระคณุ เปน 3. รกั ชาติ ศาสน กษตั ริย คุณประโยชนแ กประเทศชาติอยา งอเนกอนนั ตม าโดยลาํ ดบั และทรงเปน ทรี่ กั เทดิ ทนู 4. ภาคภมู ใิ จในความเปนไทย ของประชาชนชาวไทยทงั้ ปวง 2 สมเด็จเจา ฟามหิดลฯ และงานศิลปะ เปนหนังสอื รวบรวมผลงานภาพวาด วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ใฝเรยี นรใู นการทรงอา นหนงั สอื และ ฝพ ระหัตถใ นสมเดจ็ พระมหิตลาธิเบศร อดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงฝกเขยี นอยูเสมอ เปน พระอปุ นิสยั ทีส่ ง ผลใหม พี ระปรชี าสามารถ ดา นพระนิพนธของสมเด็จพระเจา พ่นี างเธอ เจา ฟากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทรซ งึ่ เปนแบบอยางทด่ี ีย่ิงของนกั เรียน ค่มู ือครู 175
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายวา สมเดจ็ พระเจา พนี่ างเธอ ในพระนิพนธเร่ืองตางๆ สมเด็จเจาฟาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร จะทรง เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร เอาพระทยั ใสในการศึกษาคนควารวบรวมขอมูลอยางละเอยี ด และทรงตรวจสอบหนังสอื อา งอิงและ ทรงมบี ทบาทสาํ คญั ในการสง เสริม สรา งสรรค หลกั ฐานตางๆ ในทางประวัติศาสตรเ พ่อื ใชประกอบงานพระนิพนธเปนจาํ นวนมาก นบั เปนแบบอยาง วฒั นธรรม และภูมิปญญาไทยดา นใด พรอมให ในการศึกษาภาษาไทย ประวตั ิศาสตร และโบราณคดไี ทยไดเ ปนอยา งดี ยกตัวอยา งประกอบ เมื่อสมเด็จเจาฟาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทรจะเสด็จเยือนสถานที่สําคัญๆ ทางประวตั ศิ าสตรแ ละโบราณคดที ง้ั ภายในและตา งประเทศนน้ั พระองคจ ะทรงศกึ ษาประวตั ศิ าสตร และเร่ืองราวของสถานที่นั้นๆ อยางละเอียดกอน และโปรดใหนักวิชาการท่ีมีความรูความเขาใจ ทางดานศิลปวฒั นธรรม ประวตั ิศาสตรและโบราณคดขี องประเทศไทย และตา งประเทศตามเสด็จ อดนวยุรักทษุกแคกรนั้งักทโี่เบสรดา็จณเยคือดนีแลพะรภะัณอฑงคาไรดักทษ1ร งโพดรยะทรารชงเทหา็นนวคาําใแนนกะานรําบอูรันณเะปสนถปารนะทโยี่จชะนตสอํางหทรําับอกยาารง รอบคอบ รดั กมุ และไมทําลายหลักฐานความเปนจริง อันเปน มรดกของชาตซิ งึ่ มคี วามสาํ คัญยงิ่ ตออนชุ นรุน หลังตอไป จงึ ถอื ไดว าพระองคท รงเปน แบบอยางทีด่ งี ามของการอนุรกั ษโบราณคดี ทางดา นศลิ ปวัฒนธรรม พระองคไดท รงสงเสรมิ งานแสดงดา นศลิ ปวฒั นธรรมตา งๆ โไดดยทเรฉงพเปาะนออยงาคงอยุปิ่งไถดัมทภรมงพูลรนะิธริ าช“นทาาฏนยชศ่ือาโลรงาละหคุนรลโจะหคลรุยเลส็กว”า2 “นาฏยศาลา หุนละครเล็ก” และ อันประกอบดวย โรงละคร และ 3 สมเดจ็ พระเจา พนี่ างเธอ เจา ฟา กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร ทอดพระเนตรหอ งจดั แสดงศลิ ปะเชยี งแสน - ลา นนา ณ อาคารประพาสพิพิธภณั ฑ ภายในพิพิธภณั ฑสถานแหงชาติ พระนคร เมอื่ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๑๗๖ นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การรวบรวมและตรวจสอบขอ มูลจากหนังสอื อางอิงและหลักฐาน 1 ภัณฑารกั ษ ผดู ูแลรักษาสงิ่ ของ โดยมากไดแกพวกโบราณวตั ถแุ ละศิลปวัตถุ ทางประวัติศาสตรในงานพระนพิ นธด า นประวตั ิศาสตรใ นสมเดจ็ ในพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ตลอดจนจดั แสดงโบราณวัตถเุ ปนการถาวรหรอื นทิ รรศการ พระเจา พน่ี างเธอ เจาฟา กลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราช- หมนุ เวยี นอยา งถกู ตอ งตามหลกั วชิ าการ และมกี ารนาํ เสนอทน่ี า สนใจ ชว ยใหผ เู ขา ชม นครนิ ทร สอดคลองกบั วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรอยางไร พิพธิ ภณั ฑสถานเขาใจขอ มูลไดโดยงา ย แนวตอบ การรวบรวมและตรวจสอบขอมลู จากหนังสอื อา งอิง 2 นาฏยศาลา หนุ ละครเล็ก สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากลั ยาณวิ ฒั นา และหลักฐานทางประวตั ิศาสตรต า งๆ ในการทรงงานนิพนธด าน กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร เสดจ็ พระดาํ เนนิ มาเปน ประธานในพิธีเปด ประวตั ิศาสตรของสมเดจ็ พระเจา พีน่ างเธอ เจา ฟา กลั ยาณิวฒั นา โรงละครนาฏยศาลา หนุ ละครเลก็ เมอื่ วนั ท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2547 พรอมทัง้ กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร สอดคลอ งกับขัน้ ตอนของการ ทอดพระเนตรการแสดงหนุ ละครเล็ก เร่ืองรามเกียรต์ิ ตอน กาํ เนดิ ทศกณั ฐ ประเมินคุณคา ของหลักฐานดวยวพิ ากษวธิ ภี ายใน เพอ่ื ตรวจสอบ 3 ศิลปะเชียงแสน-ลา นนา คําวา ศลิ ปเชียงแสน เปน ชื่อทใ่ี ชเรยี กศลิ ปะทาง ความนาเช่อื ถอื ความถกู ตอ งของขอมูลที่ปรากฏในหลักฐาน ภาคเหนือทง้ั หมด กําหนดขน้ึ โดยสมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ เพราะเช่อื สง ผลใหงานพระนิพนธม คี วามนาเชอ่ื ถือยง่ิ ข้ึน และเปนแบบอยา ง วาเมอื งแรกของลานนา คอื เชยี งแสน แตอาจพบวา มีการใชช ่ือศิลปะลา นนาแทน ทด่ี ขี องการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร ตลอดจนสงั คมและวฒั นธรรมไทย เนื่องจากการเรยี กชื่ออาณาจกั รจะครอบคลุมมากกวาเมอื งลูกหลวงอยา งเชียงแสน แกป ระชาชนทัว่ ไป 176 คมู่ อื ครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand นักแสดงที่สืบทอดปณิธานการแสดงหุ่นละครเล็ก1 ด้วยพระกรุณาธิคุณดังกล่าวที่สมเด็จพระเจ้า 1. ครใู หนกั เรียนแตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู จากการ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงส่งเสริมอย่างสม�่าเสมอ ศึกษาคนความาจดั นิทรรศการเกยี่ วกบั บุคคล จึงเป็นผลดตี อ่ การสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยในแขนงนี้ใหค้ งอยตู่ ่อไป สาํ คญั ทส่ี งเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและ ภูมิปญญาไทยท่ีมีผลตอ สงั คมไทยปจ จบุ ัน กลาวโดยสรุป วัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยมีความสําคัญตอคนไทยและ ประเทศไทยอยางมาก เนื่องจากมีความเก่ียวของกับคนในชุมชน และอาจสงผลกระทบตอ 2. ครูตัง้ สถานการณเ พ่ือใหนกั เรยี นแสดงความ ประเทศชาตโิ ดยรวมได การทีค่ นไทยมคี วามรูความสามารถ มีสติปญ ญา และเขาใจในวธิ ีการ คดิ เห็นเก่ียวกับการสง เสรมิ การสรางสรรค แกปญหาสําหรับการดํารงชีวิตภายใตสภาพแวดลอมและธรรมชาติเปนอยางดีมาตั้งแตสมัย วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทยวา ถานักเรียน โบราณจนถึงปจจุบันนั้น ไดสะทอนใหเห็นถึงอารยธรรมและวัฒนธรรมของคนไทยท่ีสืบทอด มีโอกาสเปนรฐั มนตรกี ระทรวงวฒั นธรรม ตอกันมาชานาน ดังนั้น ในฐานะท่ีเปนคนไทยเราจึงควรท่ีจะหันกลับไปศึกษาเก่ียวกับ นกั เรียนจะกาํ หนดนโยบายดานวฒั นธรรมและ ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยกนั อยา งจริงจงั ภมู ปิ ญญาไทยอยางไร เพราะเหตุใด นอกจากนี้ การที่ไดศึกษาแบบอยางจากบุคคลสําคัญท่ีมีบทบาทในการสงเสริม ตรวจสอบผล Evaluate การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ปิ ญญาไทยซึ่งมผี ลตอสังคมไทยปจจบุ ัน โดยเฉพาะอยา งยงิ่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและบรรดาพระบรมวงศานุวงศ ก็จะยิ่ง 1. ตรวจรายงานเก่ียวกับบคุ คลสาํ คญั ที่สง เสรมิ กอใหเกิดแรงบันดาลใจใหกับผูที่ไดศึกษาในเรื่องน้ี จะไดดําเนินรอยตามแนวพระราชดําริ การสรางสรรควัฒนธรรมและภูมปิ ญญาไทย และพระดําริเก่ียวกับการสรางสรรค ประยุกตใช และอนุรักษวัฒนธรรมไทยและภูมิปญญา ทมี่ ผี ลตอสงั คมไทยปจ จุบัน ใหคงอยคู ูสังคมไทยตลอดไป 2. ตรวจนิทรรศการเกย่ี วกับบคุ คลสําคญั ท่ีสงเสริม การสรางสรรคว ัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทย ทมี่ ีผลตอ สังคมไทยปจ จบุ ัน 177 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ครูใหน ักเรยี นศึกษาคน ควาเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกบั บคุ คลทมี่ บี ทบาทใน ครูควรเตรยี มวีดิทศั นห รอื ขอมูลและภาพของบคุ ลสาํ คญั ทสี่ งเสรมิ การ การสงเสรมิ การสรางสรรควัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาไทย แลวจดั ทาํ สรา งสรรคว ัฒนธรรมไทยที่มผี ลตอ สงั คมไทยปจจบุ นั มาใหนักเรยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เปนตารางหรือผงั มโนทศั น แลว นําสง ครูผูส อน หรือมอบหมายใหน ักเรยี นชวยกันศึกษาคนควา เรือ่ งดังกลาว แลว จัดทําชิ้นงานตาม ทคี่ รกู าํ หนดเพอื่ นาํ เสนอตอ ชน้ั เรยี น เพอื่ ขยายความรขู องนกั เรยี นใหก วา งขวางมากขนึ้ กิจกรรมทา ทาย นักเรียนควรรู ครูใหนกั เรียนศึกษาคน ควาเพ่มิ เตมิ และวเิ คราะหแ บบอยางการ ปฏบิ ตั ิตนจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร 1 หนุ ละครเลก็ เปน ศิลปะการแสดงทค่ี รูแกร ศัพทวนชิ สรางสรรคขน้ึ เมอื่ มหาภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศเก่ยี วกับการสงเสรมิ พ.ศ. 2444 มลี กั ษณะเปน หนุ ทงั้ ตวั ประกอบดว ย สว นหวั ลาํ ตวั แขนและขา จงึ ทาํ ให การสรา งสรรควฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย แลว จดั ทาํ เปน ตาราง หุนเคลือ่ นไหวไดเหมอื นคน โดยนาํ วรรณกรรมเรอ่ื งเอกมาแสดง เชน รามเกยี รติ์ หรอื ผงั มโนทศั น แลว นาํ สง ครผู สู อน พระอภัยมณี ราชาธิราช เปนตน หุนละครเล็กไดร บั การสืบทอดโดยครูสาคร ยังเขียวสด หรอื ทรี่ จู ักกนั ในนาม โจหลุยส ศลิ ปน แหง ชาติ พ.ศ. 2539 ซง่ึ เปน ศษิ ยรนุ หลาน และลูกหลานของครูสาครกไ็ ดม กี ารสบื ทอดตอจนถึงปจ จุบนั คมู่ ือครู 177
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูตรวจความถกู ตอ งจากการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรยี นรู้ ประจาํ หนว ยการเรียนรู ๑. วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญามีความส�าคญั อย่างไรตอ่ สงั คม จงวเิ คราะห์ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒. สภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 1. รายงานเก่ียวกบั บคุ คลสาํ คญั ท่สี งเสริมการ อย่างไร สรางสรรคว ัฒนธรรมและภมู ิปญญาไทยท่ีมีผล ๓. นักเรียนคิดว่าคนไทยควรท�าอย่างไรจึงจะสามารถส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ได้ ตอสงั คมไทยปจ จบุ ัน อยา่ งยงั่ ยืน 2. นิทรรศการเกี่ยวกบั บุคคลสาํ คญั ทสี่ ง เสรมิ การ ๔. จงยกตัวอย่างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยในอดีตท่ีสามารถน�ามาปรับใช้แก้ปัญหาใน สรางสรรควัฒนธรรมและภูมปิ ญญาไทยทีม่ ผี ล ตอ สังคมไทยปจจบุ ัน สังคมไทยปจั จุบนั ได้ดีมา ๑ อย่าง ๕. นักเรียนคดิ วา่ ประวตั ศิ าสตร ์ วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญา มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร จงอธิบาย กิจสรก้ารงรสมรรค์พัฒนาการเรยี นรู้ กิจก๑รรมที่ ให้นักเรียนรวบรวมผลงานภูมิปัญญาไทยต้ังแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบันคนละ ๑ ชนิ้ พรอ้ มทงั้ บอกทม่ี า ลกั ษณะสา� คญั การนา� ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั กจิ ก๒รรมท่ี ทา� ลงในกระดาษ A๔ ตกแต่งผลงานให้สวยงาม ครผู สู้ อนรวบรวมผลงานแลว้ กจิ ก๓รรมท่ี นา� มารวมเปน็ เลม่ “สมดุ ภมู ปิ ญั ญาไทย” เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ของหอ้ งเรยี น กจิ ก๔รรมที่ ให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลบุคคลท่ีส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อสังคมไทยปัจจุบันเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน แล้วท�า เปน็ รายงานส่งครูผ้สู อน ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน ร่วมกนั วางแผนก�าหนดแนวทางการ อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย แลว้ ปฏิบตั ิภายในเวลา ๑ สัปดาห์ ให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น แล้วเขียนรายงานสรุป ส่ิงท่ีได้รบั จากการเข้ารว่ มกจิ กรรมคนละ ๑ หน้ากระดาษ A๔ 178 แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. วัฒนธรรมและภมู ิปญญาเปนมรดกความรทู ส่ี รา งสมมาตง้ั แตบ รรพบุรุษ สามารถนาํ มาใชในการแกป ญหาและปรับตัวใหส อดคลอ งกับความจําเปน ในการดํารงชีวติ และ การเปลยี่ นแปลงตางๆ ท้งั ยังแสดงใหเห็นความเจรญิ ของชาติบา นเมอื ง กอ ใหเ กดิ ความภาคภูมิใจในความเปนชาติ 2. ประเทศไทยมที ตี่ ้งั และสภาพภมู ศิ าสตรทีอ่ ุดมสมบรู ณ มคี วามเหมาะสมในการทาํ การเกษตร โดยเฉพาะการทาํ นา คนไทยจงึ มีวถิ ชี ีวติ ผูกพันกบั ขา ว ดงั น้ัน จึงทําใหมี การสรา งสรรคว ฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยตางๆ ที่เกย่ี วขอ งกบั ขาว เชน พธิ รี ับขวัญขา ว พระราชพธิ จี รดพระนังคัลแรกนาขวญั เปนตน 3. การรณรงคใ หคนไทยตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของภูมิปญญาไทย และสงเสรมิ ใหคนไทยบรโิ ภคสนิ คาตางๆ ทีเ่ กดิ จากภูมปิ ญ ญาไทย เพื่อใหภูมิปญ ญาไทยคงอยูตลอดไป 4. วฒั นธรรมทางดา นพระพทุ ธศาสนาซง่ึ รบั อิทธพิ ลจากวัฒนธรรมอินเดยี โดยสามารถนาํ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาแกไขปญหาในสงั คมไทยได 5. ภูมิปญ ญาเปน ความรู ความเชอื่ ความสามารถที่ไดจ ากประสบการณทส่ี ัง่ สมไวใ นการปรบั ตัวและการดํารงชีวิต และภูมปิ ญ ญาเปน สวนหน่ึงของวัฒนธรรม เม่อื กลา วถงึ วฒั นธรรมกจ็ ําเปน ตอ งกลา วถงึ ภมู ปิ ญ ญาดวย การสรางสรรคว ัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาตางๆ นบั เปนสวนหน่งึ ของประวตั ศิ าสตร 178 คูม่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม กลั ยาณวิ ฒั นา, สมเดจ็ พระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ . เวลาเปน็ ของมคี า่ . กรงุ เทพมหานคร : เลฟิ แอนดล์ ฟิ เพรส จา� กดั , ๒๕๓๘. ไกรฤกษ์ นานา. เบอ้ื งหลงั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประพาสยโุ รป. กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๔๙. ชาญวทิ ย์ เกษตรศริ .ิ ประวตั กิ ารเมอื งไทย พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๕๐๐. กรงุ เทพมหานคร : มลู นธิ โิ ครงการตา� รา สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร,์ ๒๕๕๑. ชาร์ล ไฮแอม และรัชนี ทศรัตน์. สยามดึกด�าบรรพ์ : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยสุโขทัย. กรุงเทพ- มหานคร : รเิ วอรบ์ คุ ส,์ ๒๕๔๒. ดนัย ไชยโยธา. ประวัติศาสตร์ไทย : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสิ้นอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. ______. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย : ยคุ อาณาจกั รอยธุ ยา. กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. ______. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย : ยคุ กรงุ ธนบรุ ถี งึ กรงุ รตั นโกสนิ ทร.์ กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๐. นายกรฐั มนตรี คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย, สา� นกั . ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร ์ เลม่ ๑ รชั กาล ท ี่ ๑ - รชั กาลท ี่ ๓. จดั พมิ พเ์ นอื่ งในโอกาสสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายรฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. .ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร ์ เลม่ ๒ รชั กาลท ่ี ๔ - พ.ศ. ๒๔๗๕. จดั พมิ พเ์ นอ่ื งในโอกาสสมโภช กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายก รฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. .ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๓ พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจุบัน. จัดพิมพ์เน่ืองในโอกาสสมโภช กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป.ี กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย สา� นกั นายก รฐั มนตร,ี ๒๕๒๕. บญั ชา พงษพ์ าณชิ . รอยลกู ปดั . กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๕๒. ปยิ นาถ บุนนาค. ประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั ใหม ่ (ตัง้ แตก่ ารท�าสนธสิ ัญญาเบาว์ริงถงึ “เหตุการณ ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖”). กรงุ เทพมหานคร : โครงการเผยแพรผ่ ลงานวชิ าการ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๐. เพ็ญศรี ดุ๊ก. การต่างประเทศกับเอกราชและอธิปไตยของไทย. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๒. ผาสกุ อนิ ทราวธุ . ทวารวดี : การศกึ ษาเชงิ วเิ คราะหจ์ ากหลกั ฐานทางโบราณคด.ี กรงุ เทพมหานคร : อกั ษร- สมยั , ๒๕๔๒. ราชบณั ฑติ ยสถาน. ใตร้ ม่ พระบารม ี จกั รนี ฤบดนิ ทร ์ สยามนิ ทราธริ าช. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ดา่ นสทุ ธา การพมิ พ,์ ๒๕๔๗. วชิ าการ, กรม. ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยเชงิ วเิ คราะห.์ กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๖. วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สา� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สา� นกั . ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๑. 179 คมู่ ือครู 179
กระตุน้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป.์ “กรงุ ศรอี ยธุ ยา” ใน สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ ๑ อกั ษร ก ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน, ๒๕๔๙. วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป.์ ไทยสมยั โบราณ ถน่ิ เดมิ และนา่ นเจา้ ฉบบั ปรบั ปรงุ และขยาย. กรงุ เทพมหานคร : ชมรม เดก็ , ๒๕๕๐. .พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับการวางรากฐานประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร : ๒๐๒๐ เวลิ ด์ มเี ดยี จา� กดั , ๒๕๔๑. วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป์ และกนกวลี ชชู ยั ยะ. เจา้ นายในราชวงศจ์ กั ร.ี กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๒. วุฒิชัย มูลศิลป์ และคณะ. พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร : เกรท เอดดูเคช่ัน จา� กดั , ๒๕๔๖. วรณุ ยพุ า สนทิ วงศ์ ณ อยธุ ยา และคณะ แปล. ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ สวุ รรณภมู ิ - อษุ าคเนย ์ ภาคพิสดาร เล่ม ๒. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโครงการต�าราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, ๒๕๔๙. ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม, ส�านักงาน. ศิลปกรรมพระประวัติและพระกรณียกิจในสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๑. ศิลปากร, กรม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับมรดกของแผ่นดิน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พร้ินต้ิง แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๐. .แมข่ องแผน่ ดนิ ...ผสู้ บื สานสมบตั ศิ ลิ ปแ์ ผน่ ดนิ สยาม. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พบั ลชิ ชง่ิ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๔๗. .สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์กับมรดกไทย กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชงิ่ จา� กดั (มหาชน), ๒๕๕๐. สุทธิ ภิบาลแทน และคณะ. จ้าวแผ่นดินไทย ราชันแห่งโลก. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จา� กดั , ๒๕๕๑. สรุ ศกั ด์ิ เจรญิ วงศ.์ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ ์ : “สมเดจ็ คร”ู นายชา่ งใหญแ่ หง่ กรงุ สยาม. กรงุ เทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๕๐. อมร โสภณวิเชษฐ์วงศ์ และเอกวิทย์ ณ ถลาง แปล. การปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของสยามและพม่า. กรงุ เทพมหานคร : ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, ๒๕๑๙. อรวรรณ ทรพั ยพ์ ลอย. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธริ าชสนทิ ปราชญผ์ เู้ ปน็ กา� ลงั แผน่ ดนิ . กรงุ เทพ- มหานคร : สรา้ งสรรคบ์ คุ๊ ส,์ ๒๕๕๒. Bowring, Sir John. The Kingdom and People of Siam. Vol 2. London : Oxford University Press, n.d. Chula Chakrabongse, Prince. Lords of Life a History of the Kings of Thailand. London : Alvin Redman Limited, 1967. Crawfurd, John. Journal of an Embassy from the Governor - General of India to the Courts of Siam and Cochin China. London : Oxford University Press, 1967. Syamanada, Rong. A History of Thailand. Bangkok : Thai Watana Panich Co.,Ltd., 1977. Vella, Walter F. Siam under Rama III. n.p., 1957. สา� นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา� ร ิ(สา� นกั งาน กปร.). โครงการ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา� ร.ิ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗. มาจาก http:// 180 www.rdpb.go.th 180 ค่มู อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate เอกสารเสรมิ ภโคาพลเลงา ภเราื่องพพระราชพงศาวดาร โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เกิดข้ึนโดยพระราชดําริในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวไดทรงเลือกเร่ืองในพระราชพงศาวดาร ๙๒ เรื่อง ใหชางเขียนที่มีฝมือเขียนรูปภาพขึ้น และโปรดเกลาฯ ใหม โี คลงบอกเร่อื งพระราชพงศาวดารประกอบรปู ภาพดังกลาว รูปภาพเรื่องพระราชพงศาวดารท่ีโปรดเกลาฯ ใหสรางข้ึนมีจํานวน ๙๒ แผน สรางเสร็จเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๐ ปจจบุ นั ภาพพระราชพงศาวดาร ชุดนี้คงเหลืออยูในความดูแลของสํานักพระราชวัง ๒๔ ภาพ และ สวนทีก่ รมศิลปากรดูแลรกั ษา ๑๗ ภาพ โคลงภาพพระราชพงศาวดารนับเปนมรดกลํ้าคาของชาติ เพราะมี คณุ คา ทงั้ ทางดา นประวตั ศิ าสตร วรรณคดี และศลิ ปะ ภาพทน่ี าํ มาเสนอน้ี เปนเพียงตวั อยางสวนหน่งึ แผน ดินสมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๑ รูป สรา งกรงุ ศรีอยธุ ยา (นายอิ้ม เขียน) สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อูทอง) โปรดใหต้ังการพิธีสรางพระนครเม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๓ ทรง ตั้งนามพระนครใหมว า “กรงุ เทพมหานคร บวรทวาราวดศี รอี ยุธยา มหาดลิ กภพนพรตั นราชธานีบรุ รี ัมย” เอกสารเสริม ๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ปจจยั ใดทที่ าํ ใหสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ 1 (อทู อง) สถาปนา ครูอธิบายนกั เรยี นวา โคลงภาพพระราชพงศาวดารเปนมรดกลา้ํ คาของชาติ กรุงศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. 1893 ไดเปนผลสําเร็จ ทัง้ คณุ คา ดานประวัติศาสตร วรรณคดี และศิลปะ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ทางดาน แนวตอบ ปจจยั ในการสถาปนากรงุ ศรีออยธุ ยามีหลายปจ จัย เชน ประวตั ศิ าสตร ทเี่ กีย่ วกับเหตุการณส ําคัญในพงศาวดารต้งั แตส มยั อยธุ ยาจนถึงสมัย ปจ จยั ดา นทต่ี งั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยาตงั้ อยใู นทร่ี าบลมุ และมแี มน าํ้ สายสาํ คญั รชั กาลที่ 3 แหง กรงุ รตั นโกสนิ ทร โคลงภาพพระราชพงศาวดารจงึ มปี ระโยชนอ ยา งยง่ิ ไหลผาน ซงึ่ เหมาะแกก ารเกษตรกรรมและการติดตอคาขายกบั ในแงท ่ีจะชวยบันทกึ และสบื ทอดภาพประวตั ศิ าสตรม าใหอ นชุ นรุนหลงั ไดศกึ ษา ตางชาตไิ ดสะดวก อกี ทงั้ ยังเปน จดุ ยทุ ธศาสตรท่ดี ใี นการตงั้ รบั และ เรยี นรู และจดจาํ ปองกนั ภัยจากขา ศึก ปจจัยดานผูนํา คือ พระเจา อทู อง เปนเจา เมอื งใหญท ม่ี กี าํ ลงั จากนน้ั ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นไปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ไพรพ ลมากและมคี วามสามารถทางการปกครอง นอกเหนือจากในหนงั สือเรยี น เพอื่ ทนี่ ักเรียนจะไดมคี วามรคู วามเขา ใจเก่ียวกับ ปจจัยดานนโยบายทางการทูต โดยพระเจา อทู องมีละโวกับ ประวตั ิศาสตรไทยมากย่ิงข้นึ สุพรรณภมู ิเปนฐานอํานาจสําคญั เปน ตน คมู่ อื ครู 181
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รูป พระอินทราชาชนชา งกับหมนื่ นคร แผน ดินสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ (หลวงสุวรรณสิทธิ์ เขียน) พ.ศ. ๑๙๘๙ พระยาเชลียงคิดกบฏ ไดไปเขากับพระเจาติโลกราช นครเชียงใหม พ.ศ. ๑๙๙๐ ไดยกทัพ ไปตเี มอื งกําแพงเพชร สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถและสมเดจ็ พระอนิ ทราชาพระราชโอรสเสดจ็ ข้ึนไปชวย สมเดจ็ พระอินทราชาไดป ะทะทพั หมืน่ นคร พระองคตองปน ณ พระพักตร และพระเจา ติโลกราชไดเลกิ ทพั กลับไป รปู พระสรุ โิ ยทัยขาดคอชา ง แผน ดินสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ (สมเดจ็ ฯ เจา ฟา กรมพระยานรศิ รานุวัดตวิ งศ ทรงเขียน) พ.ศ. ๒๐๙๑ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไดเสด็จยกทัพออกไปดูกําลังกองทัพพมาบริเวณทุงภูเขาทอง ได ปะทะทัพหนาของพระเจาหงสาวดี เกิดการชนชางกับพระเจาแปร พระคชาธารของพระองคเสียที สมเด็จ พระสุริโยทัย พระมเหสี ไดขับพระคชาธารเขาชวย แตถูกพระเจาแปรจวงฟนดวยพระแสงของาวสิ้นพระชนม บนคอชา ง เอกสารเสริม ๒ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT สมเด็จพระสรุ โิ ยทัยทรงเปนบุคคลตัวอยา งเกีย่ วกบั เรอ่ื งใด 1. การปฏิรปู รปู แบบการบริหารของสวนกลาง 2. การปกครองดแู ลประชาชนใหอ ยรู ม เย็นเปนสขุ 3. การเสยี สละเพอื่ รกั ษาและเทดิ ทนู พระมหากษัตริย 4. การกําหนดนโยบายความสมั พันธก บั ชาติตะวนั ตก วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ดังจะเห็นไดจ ากเม่ือคร้ังพระเจาตะเบ็งชะเวต้ีแหง กรงุ หงสาวดียกทพั มาตกี รงุ ศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. 2090 สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดทิ รงทราบขาวพมา ยกทัพมาใกลจ ะถงึ กรุงศรีอยุธยา จงึ เสด็จยกทัพหลวงออกไปแเละไดชนชา งกบั พระเจา แปร ซึ่งเปน ทพั หนาของพระเจา หงสาวดี แตพ ลาดทาเสียทหี นีขา ศึก สมเดจ็ พระสุริโยทยั ซงึ่ ตามเสด็จไปราชการทัพดวยจงึ ทรงขบั ชา ง เขา ขวาง และถกู พระเจาแปรฟนจนสิ้นพระชนม แสดงใหเ ห็นถึงความเสียสละเพอื่ รกั ษาพระชนมช พี ของพระสวามี 182 คูม่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผนดนิ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช รปู สมเดจ็ พระนเรศวรตามจบั พระยาจนี จันตุ (ไมปรากฏนามผูเขยี น) พ.ศ. ๒๑๒๑ พระยาจนี จนั ตไุ ดอ พยพครอบครวั เขา มาอาศยั อยใู นกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครนั้ อยจู นรกู ารทงั้ ปวงในราชธานี ก็ไดลอบแตงสําเภาหนีไป สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดยกกองทัพเรือตามไป จนเกิดการรบพุงกัน แตพระยา จีนจนั ตสุ ามารถหนไี ปได แผน ดินสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช รูป สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพระแสงปน ขามแมนํ้าสโตง (พระจา ง เขียน) พ.ศ. ๒๑๒๗ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงนาํ ครอบครวั ชาวมอญอพยพขา มแมน าํ้ สโตง ทพั พระมหาอปุ ราชา ตามมาถึงอกี ฝง หนึง่ สมเดจ็ พระนเรศวรไดทรงพระแสงปน นกสับยงิ ไปตองสรุ กาํ มา แมทัพพมาตายตกจากคอชา ง พระมหาอปุ ราชาจึงเลิกทพั กลับไป เอกสารเสริม ๓ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดเปนบทบาทสําคญั ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเมื่อครัง้ ดาํ รงตาํ แหนง เปนพระมหาอุปราช ในรัชกาลสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราชทเี่ มืองอังวะ 1. การทาํ ยทุ ธหตั ถี 2. การตีเมืององั วะ 3. การตีเมืองหงสาวดี 4. การประกาศอสิ รภาพ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การประกาศอิสรภาพท่เี มอื งแครง (เดิงกราย) ท่จี ะไมข นึ้ กบั กรุงหงสาวดอี ีกตอไปใน พ.ศ. 2127 จดั เปนบทบาทสําคัญของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชขณะดาํ รง ตําแหนงเปน พระมหาอปุ ราชในแผน ดนิ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สว นขออนื่ เปน บทบาทสาํ คญั ภายหลงั จากขึ้นครองราชสมบัติแลว คู่มอื ครู 183
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รปู สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทํายุทธหัตถีกับ แผน ดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พระมหาอปุ ราชา (หลวงพศิ ณกุ รรม เขยี น) พ.ศ. ๒๑๓๕ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทํายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ปรากฏวา สมเด็จ พระนเรศวรมหาราชประสบชยั ชนะดว ยการทรงฟน พระมหาอปุ ราชาดว ยพระแสงของา วจนสนิ้ พระชนม สว นสมเดจ็ พระเอกาทศรถทรงกระทาํ ยุทธหตั ถกี บั มางจาชโรมีชัยชนะเชนกัน รูป เสด็จไปตเี มืองหงสาวดี แผน ดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช (นายใหญ เขยี น) พ.ศ. ๒๑๔๒ เม่ือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพรอมดวยสมเด็จพระเอกาทศรถตีเมืองเมาะตะมะไดแลว ก็เสด็จยกทัพจะเขาตีกรุงหงสาวดี แตพระยาตองอูใหเผาเมืองและพาพระเจาหงสาวดีหนีไปเมืองตองอู สมเด็จ พระนเรศวรมหาราชจงึ ทรงกรธี าทพั เขา ลอ มเมอื งตองอถู งึ ๓ เดอื น แตก ต็ อ งเลกิ ทพั กลบั เพราะขาดแคลนเสบยี งอาหาร และใกลฤดฝู น เอกสารเสรมิ ๔ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT สงครามครง้ั ใดของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทส่ี รางความเปนปกแผนใหแ กกรุงศรอี ยธุ ยามากทส่ี ดุ 1. สงครามเกา ทัพ 2. สงครามชา งเผือก 3. สงครามยุทธหัตถี 4. สงครามตกี รุงหงสาวดี วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. สงครามคร้ังทส่ี ําคัญท่ีสดุ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คอื สงคราม ยทุ ธหตั ถี สบื เนอื่ งจากสมเดจ็ พระมหาอปุ ราชา แมท พั พมา ทรงยกกองทพั มาตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา เมอื่ พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดท ําสงครามยทุ ธหตั ถีกบั พระมหาอุปราชา ซึ่งพระองคท รงประสบ ชยั ชนะ นบั เปนเกียรติยศอนั ยิ่งใหญ สงผลใหอ ยธุ ยามีความมน่ั คงเปน ปกแผน และปลอดภัยจากการ รกุ รานของขา ศึกอกี เปน เวลานาน 184 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผน ดินสมเด็จพระศรสี ุธรรมราชา รปู พระนารายณย กเขา ไปตพี ระราชวงั (นายอมิ้ เขยี น) พ.ศ. ๒๑๙๙ สมเดจ็ พระนารายณม หาราชไดท รงชา งเสดจ็ นาํ ไพรพ ล กองอาสาตา งชาติ ทง้ั ญปี่ นุ มอญ แขกชวา แขกจาม เขาลอมพระราชวังและเกิดการปะทะสูรบกับฝายสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา ผลปรากฏวา สมเด็จ พระนารายณมหาราชไดร บั ชัยชนะ จลาจลสมัย รปู พระเจา ตากตีคา ยพมา ทโี่ พธ์สิ ามตน (นายออ น เขียน) เมอ่ื พมา ตกี รงุ ศรอี ยธุ ยาแตกแลว คนไทยกไ็ ดแ ยกเปน หมเู ปน เหลา ชมุ นมุ เจา ตากซงึ่ รวบรวมผคู นอยทู เ่ี มอื ง จันทบุรี ไดยกทัพเรือเขาโจมตีคายพมาท่ีโพธ์ิสามตน พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ การสูรบคร้ังน้ี สุกพ้ี ระนายกองผูควบคมุ ดแู ลคา ยไดสูร บจนตายในคา ย พระเจา ตากจงึ สามารถตคี า ยไดสําเรจ็ เอกสารเสริม ๕ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พระยาตาก (สิน) ใชย ุทธศาสตรในการกอบกเู อกราชของชาติไทยไดอยา งไร แนวตอบ กอนเสยี กรุงศรอี ยุธยาครั้งท่ี 2 พมา ยกทัพมาลอมพระนครพรอมกับยงิ ปนใหญเ ขาไปใน กําแพงเมอื งอยางหนกั พระยาตาก (สิน) เหน็ วาคงยากทจ่ี ะรักษาบานเมอื งไวได จงึ ตดั สินใจรวบรวม ทหารไทย-จีน ประมาณ 1,000 คน แหวกฝา วงลอมขา ศกึ ไปทางหวั เมอื งตะวนั ออกจนยดึ ไดเมอื ง ระยอง จนั ทบุรี เอาไวเ ปน ท่มี ่ัน รวมกาํ ลังพล อาวธุ ยุทโธปกรณ และเสบยี งอาหาร เม่อื พรอมแลว ไดยกทัพจากจนั ทบุรีมายดึ เมืองธนบุรีและโจมตีคา ยโพธิส์ ามตนของสุก้พี ระนายกองของพมาจนแตก จึงสามารถกอบกูเอกราชไดส ําเร็จ รวมระยะเวลาทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี ใหแ กพมา ได 7 เดือน คู่มือครู 185
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รูป ตีเมืองสวางคบุรี แผน ดนิ พระเจา กรงุ ธนบุรี (หลวงสวุ รรณสิทธิ์ เขียน) พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชไดส ง กองทพั ไปทาํ ศกึ กบั เจา พระฝางซงึ่ ไดต ง้ั ตวั เปน ใหญท างเหนอื โดยไดต งั้ คา ยลอ มเมอื งสวางคบรุ ี เจา พระฝางสรู บอยไู ด ๓ วนั กพ็ าพรรคพวกหนอี อกจากเมอื งในตอนกลางคนื และ สามารถหนรี อดไปได รปู พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจฬุ าโลก เมอื่ จลาจลในกรงุ ธนบุรี มหาราชเสดจ็ กลับจากเมอื งเขมร (นายอมิ้ เขียน) พ.ศ. ๒๓๒๔ ขณะที่สมเด็จเจาพระยามหากษัตริยศึกไปปราบกบฏท่ีเมืองเขมร รูขาววาทางกรุงธนบุรีเกิด จลาจลจึงเตรียมเลิกทัพกลับ ขณะข้ึนบนเกยจะข่ีชาง ไดบังเกิดศุภนิมิตพระรัศมีโชติชวงแผออกจากพระวรกาย เห็นทวั่ ท้ังกองทพั บรรดาร้ีพลตา งแซซองพากนั ยกมอื ข้ึนถวายบังคม เอกสารเสริม ๖ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เพราะเหตุใดสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงยกทพั ไปปราบชุมนุมตางๆ 1. สรางความเปนปก แผน ของอาณาจกั รธนบรุ ี 2. สรางความพรอมทางทหารในการสูรบตลอดเวลา 3. ความออ นแอของชมุ นมุ ตางๆ ทง่ี า ยตอการปราบปราม 4. การมคี วามพรอ มทั้งเสบยี ง กําลังทหารและเดนิ ทางสะดวก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพือ่ เสรมิ สรา งเอกภาพและความเปน ปก แผน ของพระราชอาณาจักร จะไดผ นกึ กําลงั กนั ตอสกู ับขา ศกึ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชจึงเริ่มจากการปราบชุมนมุ เจา พระยา พิษณุโลก ชมุ นุมเจา พมิ าย ชมุ นุมเจา นครศรีธรรมราช และชุมนมุ เจา พระฝางเปนแหงสดุ ทา ย ซง่ึ พระองคทรงปราบปรามกลุมชุมนมุ ท้งั 4 ไดเ ปนผลสําเรจ็ ภายใน พ.ศ. 2313 186 คู่มอื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate แผน ดินพระบาทสมเดจ็ ฯ พระพุทธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช รปู ตีคา ยปกกาพมา ทเี่ มอื งทวาย (พระโต เขยี น) พ.ศ. ๒๓๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช ไดเ สดจ็ กรธี าทพั ไปตเี มอื งทวาย สงครามครงั้ นี้ กองทัพไทยลอ มเมอื งทวายอยูถึงคร่ึงเดอื น เสบยี งอาหารเบาบางลง จึงทรงพระกรณุ าใหถ อยทพั กลับ แผน ดินพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช รูป ฉลองพระศรสี ากยมุนี หนาพระตาํ หนกั นํ้า (นายวร เขยี น) พ.ศ. ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชโปรดใหชะลอพระพุทธรูปองคใหญซ่ึงเปน พระประธานในพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ ลงมาจากเมอื งสุโขทัย มกี ารจดั งานสมโภชท่ีตําหนักแพ ๓ วัน แลว ชัก พระขน้ึ จากแพทางประตูทาชาง ประตนู น้ั จึงเรยี กประตูทาพระมาจนทกุ วันนี้ เอกสารเสริม ๗ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “...ตง้ั ใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพทุ ธศาสนา ปอ งกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตร”ี จากบทรอ ยกรองขา งตน แสดงใหเ หน็ ถงึ พระราชกรณยี กจิ สาํ คญั ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา - จุฬาโลกมหาราชในดานใด แนวตอบ ดานการทํานบุ ํารงุ พระพุทธศาสนาและดา นการรกั ษาความมนั่ คงของราชอาณาจกั ร โดย ดา นการทาํ นบุ าํ รงุ พระพทุ ธศาสนาน้ัน เชน โปรดเกลา ฯ ใหมีการสงั คายนาพระไตรปฎ ก ทรงสรา งและ ปฏสิ งั ขรณว ดั วาอารามหลายแหง ทสี่ าํ คญั เชน วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม วดั สระเกศ ทรงตรากฎหมาย คณะสงฆ สว นดา นการรกั ษาความมน่ั คงของราชอาณาจกั รน้ัน ทรงสามารถขบั ไลพ มา ทเ่ี ขา มารกุ รานไทย ใหพ น ออกไปได โดยเฉพาะวรี กรรมในสงครามเกาทพั คูม่ ือครู 187
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate รปู องเชยี งสอื สามิภักด์ิ แผน ดนิ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช (พระจาง เขยี น) พ.ศ. ๒๓๒๕ เมอื งญวนไดเ กดิ กบฏไกเซนิ องเชยี งสอื ไดห นมี าพง่ึ พระบรมโพธสิ มภารพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ- ยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ซึ่งพระองคไดทรงชุบเลี้ยงไว ภายหลังองเชียงสือสามารถปราบกบฏไกเซินไดสําเร็จ และสถาปนาเปนจกั รพรรดิ ทรงพระนาม “พระเจาเวียดนามยาลอง” รูป พระราชพิธลี งสรง แผน ดนิ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธเลศิ หลานภาลัย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลาเจา อยูหัว (นายอมิ้ นายทอง เขยี น) พ.ศ. ๒๓๕๕ สมเด็จพระเจาลูกเธอ เจาฟาพระองคใหญพระชนมายุได ๙ พรรษา พระบาทสมเด็จพุทธ- เลิศหลานภาลัยจึงโปรดเกลาฯ ใหมีพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระนามเจาฟา และเพ่ือใหเปนแบบฉบับสําหรับ แผนดนิ ไมใหแบบแผนพระราชพิธีสาบสญู ไป เอกสารเสรมิ ๘ แหลง ทีม่ าของขอมูล : กรมศิลปากร. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร พรอมบทขยายความ และบทวิเคราะห. สาํ นกั วรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร กรมศลิ ปากร, ๒๕๕๐. ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดผิด ไปจากความเปน จรงิ ในเร่ืองความสัมพนั ธระหวางไทยกบั ญวนในสมัยรัชกาลท่ี 1 1. เขมรยุแหยใ หญวนรกุ รานไทย 2. ไทยชวยองเชยี งสือในการปราบกบฏไตเซนิ 3. ทัง้ ไทยและญวนตา งแยง ชิงความเปนใหญในเขมร 4. สงครามระหวา งไทยกับญวนมักมสี าเหตมุ าจากเขมร วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ในสมัยรชั กาลท่ี 1 ไทยกบั ญวนจะมคี วามสัมพันธท่ีดตี อ กัน ดงั จะเหน็ ไดจ าก รชั กาลที่ 1 ทรงใหก ารรบั รององเชยี งสอื ทห่ี ลบหนกี บฏไตเซนิ หรอื ไกเซนิ เขา มาในไทย และยังใหกองทพั ไทยไปชวยปราบกบฏดวยแตไ มสําเรจ็ 188 คูม่ ือครู
สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คมู่ อื คมู่รอืู บครร.ู ปบระ.วปตั รศิ ะวาตัสศิตารสไ์ ทตยรไ์มท.ย4-ม6.4-6 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 88 5885684694 91 32125328025889.0-8 9.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198